โรคประจำตัว ที่ควรเฝ้าระวัง ขณะตั้งครรภ์

โรคประจำตัว ที่ควรเฝ้าระวัง ขณะตั้งครรภ์ หากเรามีสุขภาพที่ดี ช่วงเวลาตั้งครรภ์คงจะเป็นช่วงเวลาที่ดี และวิเศษสุด แต่ถ้าขณะตั้งครรภ์เรามีโรคประจำตัวขึ้นมาล่ะ ท้องนี้จะมีปัญหาไหม?

โรคประจำตัว ที่ควรเฝ้าระวัง ขณะตั้งครรภ์

 

โรคประจำตัว ที่ควรเฝ้าระวัง ขณะตั้งครรภ์

 

รู้จัก โรคสำคัญ … ทำตั้งครรภ์มีปัญหา

ความจริงแล้ว โรคประจำตัว ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของแม่และลูกในช่วงตั้งครรภ์นั้นมีค่อนข้างมาก แต่จะขอกล่าวถึงโรคสำคัญที่อันตรายต่อแม่ และพบบ่อย เริ่มจาก โรคประจำตัว ที่อันตรายมากที่สุดก่อน นั่นคือ

โรคหัวใจ    

เป็นโรคที่อันตรายมากต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ แบ่งได้เป็น 2 แบบคือ

1. ความพิการแต่กำเนิดของหัวใจ ส่วนใหญ่จะพบว่ามีหัวใจรั่ว เส้นเลือดจากหัวใจห้องซ้ายหรือห้องขวาตีบ ทำให้เลือดที่หัวใจปั๊มได้ไม่ดี  ซึ่งในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ ปริมาณน้ำหรือเลือดในร่างกายจะเพิ่มขึ้นมากกว่าคนทั่วไปถึง 40% อยู่แล้ว ส่งผลทำให้หัวใจต้องปั๊มและสูบฉีดโลหิตเพิ่มขึ้น หัวใจจะทำงานหนักมาก

ซึ่งหากใครรู้ว่าตัวเองป่วย แนะนำให้รักษาตั้งแต่เนิ่นๆ กินยาสม่ำเสมอ หรือหากใครเป็นลิ้นหัวใจรั่ว ปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีที่ช่วยในการผ่าตัดได้ เพียงแต่หลังการผ่าตัด และขั้นตอนการดูแลรักษาต้องใช้ยาที่มีผลต่อลูกในครรภ์ หากคุณแม่กำลังรักษาโรคหัวใจและต้องใช้ยา ควรแจ้งสูติแพทย์ ให้รู้พื้นฐานของโรคและยาที่ใช้ แพทย์ก็จะสามารถดูแลคุณแม่และแนะการใช้ยาในแม่ท้องที่ไม่ส่งผลอันตรายต่อลูกน้อยได้ตลอดการตั้งครรภ์

2. โรคหัวใจรูมาติก ซึ่งอาจเกิดจากไม่สบายเป็นหวัดแล้วมีการติดเชื้อไปที่ลิ้นหัวใจ ทำให้ลิ้นหัวใจรั่วโดยไม่รู้ตัว รู้สึกแค่เหนื่อยง่าย จึงไม่ได้ไปตรวจหรือรักษา แต่พอตั้งท้องจะรู้ได้ทันทีเพราะเกิดความผิดปกติรุนแรง

กรณีที่คุณแม่เป็นโรคหัวใจรูมาติกแล้วไม่รู้ตัวจนตั้งครรภ์จะมีปัญหามาก และไม่สามารถปล่อยไปได้  เพราะหากแพทย์รู้ว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ในขณะที่เป็นโรคหัวใจรูมาติก อาจจำเป็นต้องยุติการตั้งครรภ์(ทำแท้ง) ทันที เพราะลิ้นหัวใจที่รั่ว จะทำให้น้ำหรือเลือดไหลไปท่วมหรือสะสมที่อื่นเช่น ปอด จนไปเพิ่มความดันเลือดในช่องปอดให้สูง จะทำให้คุณแม่เสียชีวิตเพราะหัวใจวายได้นั่นเอง

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

โรคเบาหวาน

ปัจจุบันมีคนเป็นเบาหวานเยอะขึ้นมาก เพราะอาหารและพฤติกรรมการกินในปัจจุบัน ซึ่งความจริงแล้วผู้หญิงที่เป็นเบาหวานส่วนใหญ่มักจะตั้งครรภ์ยาก เพราะระบบธรรมชาติภายในร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้ไข่ไม่ตกหรืออื่นๆ ซึ่งหากไม่รักษา หรือไม่ได้รับอินซูลินก็มักจะไม่ค่อยตั้งท้อง  แต่กรณีที่เป็นเบาหวานแล้วท้องขึ้นมา จะมีผลทั้งต่อคุณแม่และลูกน้อยทันทีนั่นคือ

  • ผลต่อลูกน้อยในครรภ์ เมื่อเลือดคุณแม่มีน้ำตาลสูง  ลูกที่เกิดขึ้นตอนมีน้ำตาลสูงในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสแรก มักจะเป็นโรคหัวใจ หรือมีความเสี่ยงพิการแต่กำเนิด นอกจากนี้ในระหว่างตั้งครรภ์น้ำตาลในร่างกายคุณแม่ที่สะสมไว้เยอะๆ จะทำให้ปอดลูกไม่ค่อยทำงาน หลังคลอดลูกจะหายใจเองไม่ได้  ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ  รวมถึงลูกจะตัวใหญ่ คลอดยาก ทำให้ต้องผ่าคลอด  หรือบางคนไม่ได้ผ่าคลอด เมื่อลูกตัวใหญ่ เวลาคลอดก็จะฟกช้ำ เพราะถูกบีบถูกดึงออกมา ทำให้ลูกไหปลาร้าหัก หรืออวัยวะอื่นๆ บาดเจ็บได้
  • ผลต่อคุณแม่ เมื่อคุณแม่มีน้ำตาลสูง ก็อาจส่งผลให้ความดันโลหิตสูงตามมา มีความเสี่ยงครรภ์เป็นพิษ และอื่นๆและเมื่อลูกน้อยที่ได้รับน้ำตาลจากแม่มากๆ ลูกตัวใหญ่ คลอดยาก คุณแม่ก็ต้องผ่าคลอดโดยไม่จำเป็น ร่างกายบอบช้ำ และอาจจะตกเลือดจนเป็นอันตรายได้

ติดตาม โรคประจำตัวที่ควรเฝ้าระวัง ขณะตั้งครรภ์ คลิกต่อหน้า 2

    ทารกในครรภ์เติบโตช้า ภาวะน่าเป็นห่วง

    ทารกในครรภ์เติบโตช้า ภาวะน่าเป็นห่วง การที่ทารกโตช้าในครรภ์ ถือว่าเป็นครรภ์ที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เรามีคำอธิบายมาฝากกันค่ะ

    ทารกในครรภ์เติบโตช้า ภาวะน่าเป็นห่วง

     

    ทารกในครรภ์เติบโตช้า

     

    ทำความเข้าใจ น้ำหนักทารกแรกคลอด

    – เด็กทั่วไปเมื่อครบกำหนดคลอด น้ำหนักจะมากกว่า 2500 กรัม

    – ครบกำหนดคลอด น้ำหนักแรกคลอดมากกว่า 4000 กรัม เรียกว่าทารกตัวใหญ่ หรือทารกน้ำหนักมากผิดปกติ (Macrosomia)

    – ครบกำหนดคลอด น้ำหนักแรกคลอดน้อยกว่า 2500 กรัม เรียกว่าทารกน้ำหนักน้อย (Low Birth Weight)

    – ครบกำหนดคลอด น้ำหนักแรกคลอดน้อยกว่า 1500 กรัม เรียกว่าทารกน้ำหนักน้อยมาก (Very Low Birth Weight)

    – ครบกำหนดคลอด น้ำหนักแรกคลอดน้อยกว่า 1000 กรัม เรียกว่าทารกน้ำหนักน้อยมากๆ (Extremely Low Birth Weight)

    หากยังไม่ครบกำหนดคลอดให้ดูน้ำหนักมาตรฐานของทารก โดยแต่ละอายุครรภ์มีน้ำหนักมาตรฐานของทารก ซึ่งอยู่ในค่าน้ำหนักช่วง 10-90 เปอร์เซ็นไทล์ หากน้ำหนักของเด็กทารกที่อายุครรภ์นั้นๆ ต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นไทล์ถือว่าน้ำหนักน้อย ทั้งนี้อัตราการเสียชีวิต และทุพพลภาพของทารกในครรภ์เติบโตช้า แปรผันโดยตรงกับน้ำหนักของเด็ก

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

     

    ติดตาม ทารกในครรภ์ เติบโตช้า ภาวะน่าเป็นห่วง คลิกต่อหน้า 2

      พาลูกเที่ยวทะเล ใกล้กรุงเทพ เสริมประสบการณ์ช่วงปิดเทอม

      พาลูกเที่ยวทะเล …เมื่อเข้าสู่ช่วงปิดเทอมหน้าร้อน สองสิ่งที่เด็กๆ รวมทั้งคุณพ่อคุณแม่ที่อยากจะพักผ่อน คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการไปเที่ยวและทะเล Amarin Baby & Kids จึงขออาสาแนะนำที่เที่ยวทะเลแสนสนุกมาเป็นตัวเลือกให้คุณพ่อคุณแม่ได้ดูกันค่ะ ว่าจะพาลูกไปเที่ยวทะเล เปิดโกลกว้างที่ไหนดี? Continue reading “พาลูกเที่ยวทะเล ใกล้กรุงเทพ เสริมประสบการณ์ช่วงปิดเทอม”

        ตั้งครรภ์ 3 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์

        ตั้งครรภ์ 3 เดือน คุณแม่บางคนอาจจะเริ่มแพ้ท้องน้อยลง หรือบางคนยังมีอาการแพ้ท้องอยู่ แต่จะมีอาการที่ดีมากขึ้น เพราะฮอร์โมนเริ่มปรับสภาพให้สมดุลมากขึ้นแล้ว ส่วนพัฒนาการทารกในครรภ์ 3 เดือนนี้จะเติบโตแค่ไหน ไปดูกันค่ะ

         

        ตั้งครรภ์ 3 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์

        พัฒนาการ การ ตั้งครรภ์ 3 เดือน ของ คุณแม่ท้อง

        ตั้งครรภ์ 3 เดือน การเปลี่ยนแปลง อาการแม่ท้อง

        • อ่อนไหวง่าย

        คุณแม่ยังคงมีอารมณ์แปรปรวน อ่อนไหวง่าย ด้วยเพราะฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป ความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย และความกังวลใจต่างๆ แต่อารมณ์ที่แปรปรวน อ่อนไหวง่าย เศร้าง่ายของคุณแม่ช่วงนี้จะดีขึ้นเมื่อเข้าสู่การตั้งครรภ์ในเดือนที่ 4

        • ถ่ายยาก

        คุณแม่บางท่านอาจเริ่มมีอาการท้องผูก ถ่ายยาก เนื่องจากมดลูกเริ่มขยายตัวจนส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงควรรับประทานอาหารที่มีกากใยให้มาก และดื่มน้ำมากๆ ด้วยค่ะ

        • ดูแลผิวพรรณ ป้องกันท้องลาย

        ในช่วงตั้งครรภ์เดือนที่ 3 นี้ หน้าท้องของคุณแม่กำลังจะเริ่มยืดตัวและขยายขนาดขึ้น และในเดือนต่อๆไป ผิวหนังหน้าท้องก็จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงอาจทำให้ผิวบริเวณหน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน หรือสะโพกของคุณแม่แห้งและแตกลายได้ ดังนั้นจึงควรป้องกันผิวแห้งแตกลายตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยการทาโลชั่นบำรุงผิวทุกวันเพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นรองรับการยืดขยายได้ดี ปกป้องผิวจากความแห้งกร้านอันเป็นสาเหตุของการแตกลายในอนาคตได้ค่ะ

        • หลีกเลี่ยงสารเคมีอันตราย

        คุณแม่ท้องควรหลีกเลี่ยงไม่สัมผัสหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีอันตรายซึ่งส่งผลต่อสุขภาพและพัฒนาการลูกน้อยในครรภ์ได้ เช่น สีทาบ้าน ยาฆ่าแมลง ที่มีส่วนประกอบของสารเคมีอันตรายที่อาจทำให้ลูกพิการได้ โดยหากจำเป็นต้องใช้ ควรให้ผู้อื่นเป็นคนฉีดพ่น ส่วนคุณแม่ตั้งครรภ์ก็ควรออกไปให้ห่างจากบริเวณนั้น และรอจนกว่ากลิ่นของยาฆ่าแมลงหมดแล้ว หรือทิ้งระยะเวลาไว้สักพักให้นานพอ จึงค่อยกลับเข้ามาในห้องหรือบริเวณที่ฉีดยาฆ่าแมลงค่ะ

        นอกจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบางชนิดยังมีสารอันตรายที่ทำมาจากสารเคมีเช่น คลอรีน แอมโมเนีย และอื่นๆ ที่มีผลช่วยกำจัดเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรก ซึ่งสารเคมีเหล่านี้อาจไปบั่นทอนสุขภาพลูกน้อยในครรภ์ได้ ดังนั้นหากคุณแม่หลีกเลี่ยงได้ก็ไม่ควรไปสัมผัส หรือสูดดมน้ำยาเหล่านั้นโดยตรง และงดใช้งาน โดยให้คนอื่นสัมผัสหรือใช้งานแทนจะดีที่สุดค่ะ

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

         

        ติดตาม คำแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ 3 เดือน คลิกต่อหน้า 2

          อาการเบื่ออาหารช่วงหน้าร้อน

          อาการเบื่ออาหารช่วงหน้าร้อน เพราะสาเหตุใด?

          อาการเบื่ออาหารช่วงหน้าร้อน แสงแดดอ่อนๆ ช่วงเช้าของฤดูร้อนนี่เรียกเหงื่อให้เสื้อผ้าชื้น เนื้อตัวผิวกายเหนียวเหนอะหนะกันเหลือเกิน และที่แปลกแต่จริงคือใครหลายคนไม่ว่าจะเด็ก หรือผู้ใหญ่ ที่มีอาการไม่อยากอาหาร หรือทานได้น้อยในช่วงหน้าร้อน ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำตอบว่าทำไมคนส่วนใหญ่ถึงมี อาการเบื่ออาหารช่วงหน้าร้อน มาให้ทราบกันค่ะ

           

          อาการเบื่ออาหารช่วงหน้าร้อน เด็กและผู้ใหญ่ ก็เป็นได้นะ!!

          อาการเบื่ออาหารในช่วงหน้าร้อน ถือเป็นเรื่องปกติทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เพราะร่างกายไม่จำเป็นต้องผลิตพลังงานเพื่อให้เกิดความอบอุ่นมากเท่ากับในช่วงฤดูหนาว การกินอาหารปริมาณมากๆ หรือกินมื้อหนักๆ ที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบจะทำให้ไม่สบายตัวมากขึ้นเพราะลำไส้ต้องทำงานหนัก

           

          ช่วงนี้คุณแม่ควรให้ลูกกินน้ำเพิ่มขึ้น และให้กินอาหารที่เหมาะสม คือ ย่อยง่าย มีน้ำและเกลือแร่เป็นส่วนประกอบหลัก เช่น ผักและผลไม้ เพราะร่างกายต้องการน้ำและเกลือแร่เพื่อชดเชยเหงื่อที่เสียไป นอกจากนี้ กากใยยังช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ทำให้ท้องไม่ผูก

           

          อาหารที่ลูกชอบกินในช่วงนี้ก็คืออะไรที่กินแล้วเย็นชื่นใจ คุณแม่ควรเลือกแต่ชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น โยเกิร์ตรสธรรมชาติ (ซึ่งเติมผลไม้สดลงไปเอง จะดีกว่าโยเกิร์ตสำเร็จรูปรสผลไม้ที่มีน้ำตาลมากเกินไป) มิลค์เชค และไอศกรีมหรือน้ำแข็งไสที่ทำจากน้ำผลไม้ ควรหลีกเลี่ยงไอศกรีมสำเร็จรูป น้ำหวาน หรือน้ำอัดลมเพราะมีความหวานมากเกินความจำเป็นที่ร่างกายจะนำไปใช้ได้หมด ซึ่งหากเด็กๆ ทานกันมากๆ สามามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะสั้นและระยะยาวได้ค่ะ

          อ่านต่อ >> “สาเหตุของอาการเบื่ออาหารช่วงหน้าร้อน” หน้า 2

           

           

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

            ตั้งครรภ์ 2 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์

            ตั้งครรภ์ 2 เดือน อาการแพ้ท้องของคุณแม่จะแสดงออกเด่นชัดมากขึ้น และเซลล์สมองของร่างกายของลูกน้อยก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย เรามาดูกันค่ะว่า อาการคนท้อง 2 เดือน มีอะไรบ้าง และพัฒนาการทารกในครรภ์ 2 เดือน มีการเติบโตแค่ไหนแล้ว

            ตั้งครรภ์ 2 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์

             

            ตั้งครรภ์ 2 เดือน

            ตั้งครรภ์ 2 เดือน การเปลี่ยนแปลง อาการแม่ท้อง

            • เต้านมขยายใหญ่

            คุณแม่จะรู้สึกคัดตึงเต้านมมาก เพราะในร่างกายมีปริมาณเลือดมาเลี้ยงมากจนคั่งเห็นเส้นเลือดใต้ผิวหนังเป็นร่างแหสีเขียวๆ ลานหัวนมของคุณแม่จะมีสีคล้ำขึ้น และเกิดตุ่มเล็กๆ โดยรอบๆ ที่เรียกว่า ตุ่มมอนต์โกเมอรี (Montgomery) และเต้านมคุณแม่ก็เริ่มไม่ไขมันสะสม มีต่อมและท่อส่งน้ำนมที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับการตั้งครรภ์และให้นมลูกน้อยในอนาคต

            • แพ้ท้อง

            เป็นอาการที่พบเป็นประจำในช่วงตั้งครรภ์ 2 เดือน โดยอาการสำคัญที่บ่งบอกว่าคุณแม่แพ้ท้อง มี 3 อย่างที่ชัดเจนคือ

            แพ้ท้องตอนตื่นนอน หรือที่เรียกว่า Morning Sick คือรู้สึกมันศีรษะ เวียนหัว คลื่นไส้ในตอนเช้าๆ หลังตื่นนอน หรือเวลาลุกจากที่นอน ในขณะที่บางคนอาจเกิดอาการได้ตลอดวัน โดยเฉพาะเวลาท้องว่าง จึงอาจทำให้คุณแม่วิงเวียน เป็นลมเพราะน้ำตาลในเลือดต่ำได้ ซึ่งมีคุณแม่หลายท่านที่มีอาการแพ้ท้องมากจนน้ำหนักตัวลด หากรู้สึกว่าอาเจียนมาก กินอะไรไม่ได้เลย ควรไปปรึกษาแพทย์ค่ะ

            อยากกินของแปลกๆ หรือกินไม่ลง คุณแม่อาจจะมีอาการอยากกินอาหารแปลกๆ ที่ไม่ค่อยได้กิน หรือบางคนมักกินอาหารไม่ลงในช่วงนี้ เป็นเพราะฮอร์โมนที่สูงขึ้นในขณะตั้งครรภ์ช่วงแรกๆ ที่ทำให้คุณแม่ไม่ค่อยรับรู้รสชาติ กินอะไรไม่ค่อยอร่อย เบื่ออาหาร ดังนั้นคุณแม่จึงต้องพยายามดูแลตัวเองเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งหากรู้สึกไม่อยากกินก็ควรกินทีละน้อยๆ แต่กินบ่อยๆ เพื่อป้องกันอาการคลื่นไส้ โดยไม่ขาดอาหารค่ะ

            อาการเหม็น คุณแม่บางท่านอาจมีความรู้สึกเหม็นกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคย เหม็นกลิ่นอาหารบางชนิด เช่น กลิ่นกระเทียม กินผักบางอย่าง ทั้งๆ ที่เคยดมหรือเคยกินได้ แต่ตอนท้องช่วงนี้กลับรู้สึกได้กลิ่นทีไรอาจอาเจียนทุกที แถมคุณแม่บางท่านอาจจะรู้สึกเหม็นกลิ่นคุณพ่อได้อีกด้วย

            • ตกขาว

            เพราะฮอร์โมนที่เพิ่มมากขึ้นตอนตั้งครรภ์นี้  ประกอบกับคุณแม่จะมีเลือดไปเลี้ยงช่องคลอดและอวัยวะเพศภายนอกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงทำให้คุณแม่มีมูกข้นเหนียวหรือตกขาว บริเวณปากมดลูกมากกว่าปกติ  นอกจากนี้บริเวณอวัยวะเพศของคุณแม่จะเริ่มมีสีคล้ำขึ้นด้วย

            • อารมณ์แปรปรวน

            คุณแม่มักจะมีอารมณ์อ่อนไหว ซึมเศร้า และอ่อนล้าได้ง่าย เพราะการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายต่างๆ ร่วมกับความกังวลใจในการดูแลครรภ์และอื่นๆ ดังนั้นหากคุณแม่รู้สึกเหนื่อยควรพักผ่อนหย่อนใจ ไม่เครียด ทำกิจกรรมที่สร้างความสุข และหาเวลาไปเดินเที่ยวในสถานที่อากาศดีๆ เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายมีความสุขขึ้น

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

             

            ติดตาม คำแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ 2 เดือน คลิกต่อหน้า 2

              ตั้งครรภ์ 1 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์

              เพราะหนึ่งเดือนแรกผู้หญิงส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าตัวเองท้อง จนกระทั่งมีสิ่งผิดปกติต่างๆ เกิดขึ้น เรามาดูกันค่ะว่า อาการคนท้องเดือนแรก เมื่อคุณแม่ ตั้งครรภ์ 1 เดือน มีอะไรบ้าง และพัฒนาการทารกในครรภ์มีการเติบโตแค่ไหนแล้ว

              ตั้งครรภ์ 1 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์

               

              ตั้งครรภ์ 1 เดือน

               

              ตั้งครรภ์ 1 เดือน การเปลี่ยนแปลง อาการแม่ท้อง

              “รู้จักสัญญาณสู่ความเป็นแม่”

              สัญญาณสำคัญในเดือนแรกที่ทำให้คุณแม่รู้ว่ากำลังตั้งครรภ์ และมีลูกน้อยตัวจิ๋วกำลังเติบโตอยู่ในท้อง จนทำให้คุณแม่รู้สึกได้ว่าร่างกายผิดปกติ ตามลักษณะอาการคนท้อง 1 เดือนมีดังนี้

              1. ประจำเดือนขาด หมายความว่า คุณแม่ที่มีรอบเดือนปกติทุกเดือน แล้วอยู่ๆ ประจำเดือนที่จะต้องมาขาดหายไป สาเหตุเกิดจากการปฏิสนธิระหว่างไข่กับอสุจิจนมีลูกน้อยเป็นตัวอ่อน ซึ่งหลังจากตัวอ่อนฝังตัวลงในเยื่อบุมดลูกนั้น จะเป็นช่วงเวลาที่จบลงในวันที่คุณแม่ควรจะมีประจำเดือนในรอบต่อมาพอดี โดยรังไข่ในร่างกายคุณแม่จะสร้างฮอร์โมนเพื่อดูแลครรภ์ ส่งผลให้หยุดผลิตไข่หรือไม่ตกไข่ ทำให้คุณแม่ประจำเดือนขาดไปนั่นเอง
              1. แพ้ท้อง อาการปกติธรรมดาของคุณแม่ตั้งครรภ์ในช่วงแรกคือ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ เหม็นอาหารหรือสิ่งของรอบกาย เกิดจากฮอร์โมนที่สร้างขึ้นในขณะตั้งครรภ์ส่งผลต่อร่างกายคุณแม่และระบบทางเดินอาหารทำให้คุณแม่รู้สึกคลื่นไส้ พะอืดพะอม จนบางครั้งอาเจียน
              1. เต้านมคัดคุณแม่จะรู้สึกรู้สึกเจ็บ คัดตึงเต้านม และเต้านมจะขยายใหญ่ขึ้น เนื่องจากฮอร์โมนในขณะตั้งครรภ์ที่เพิ่มขึ้นและปริมาณเลือดในร่างกายที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้คุณแม่รู้สึกได้ว่าเต้านมใหญ่ขึ้น แน่นและคัดตึงจนเจ็บ
              1. ปัสสาวะบ่อย คุณแม่จะมีอาการปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ เข้าห้องน้ำหลายครั้ง เกิดจากมดลูกที่ขยายขนาดใหญ่ขึ้นมาเบียดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้คุณแม่รู้สึกปวดปัสสาวะได้ง่ายและบ่อยกว่าปกติ แต่หลังจากอายุครรภ์มากขึ้นในช่วงไตรมาสที่สอง มดลูกโตเข้าสู่ช่องท้อง การกดทับกระเพาะปัสสาวะจะลดลง คุณแม่จะกลับมาปัสสาวะได้ปกติอีกครั้งค่ะ
              1. อ่อนเพลีย คุณแม่ตั้งครรภ์ในช่วง 1-2 เดือนแรก มักมีอาการอ่อนเพลียง่าย อยากนอนหลับพักผ่อนตลอดเวลาสาเหตุเกิดจากฮอร์โมนในร่างกายขณะตั้งครรภ์ที่สูงขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อในร่างกายคลายตัว ร่างกายมีการเปาผลาญและใช้พลังงานมากขึ้น ทำให้คุณแม่รู้สึกเสียพลังงานไปมากและอ่อนเพลียได้ง่ายนั่นเอง

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

               

              ติดตาม คำแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ 1 เดือน คลิกต่อหน้า 2

                รวม 12 เรื่องของ เด็กแรกเกิด ที่แม่มือใหม่ต้องรู้!

                เรื่องของ เด็กแรกเกิด ที่แม่มือใหม่ต้องรู้! …มีคุณแม่หลายคนที่คลอดลูกออกมาใหม่ๆ คงอาจมีความสงสัยและสับสนเกี่ยวกับเรื่องบางอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวของลูกน้อย ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้อง หรือท่าทางอาการและพฤติกรรมต่างๆ ที่พบเห็น Amarin Baby & Kids จึงขออาสามาคลายข้อข้องใจต่างๆ ให้แม่ๆ ได้ทราบกันค่ะ Continue reading “รวม 12 เรื่องของ เด็กแรกเกิด ที่แม่มือใหม่ต้องรู้!”

                  ลูกสาวอวัยวะเพศบวม

                  แม่ช็อก ลูกสาวถูกเพื่อนแกล้งจนอวัยวะเพศบวม

                  จากข่าวเหตุการณ์น่าตกใจที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา เมื่อคุณแม่พาลูกสาวตัวน้อยวัย 4 ขวบมาแจ้งความว่า ลูกถูกเด็กชายร่วมชั้นกระทำอนาจารจน ลูกสาวอวัยวะเพศบวม ท่อปัสสาวะอักเสบ ซึ่งได้แจ้งทางครูประจำชั้นแล้ว แต่เรื่องก็เงียบไป จนลูกสาวมีอาการซึมเศร้า

                  Continue reading “แม่ช็อก ลูกสาวถูกเพื่อนแกล้งจนอวัยวะเพศบวม”

                    ลูกไม่กินข้าวเช้า เสี่ยงโรคภัยรุม-สมองล้า

                    แม่ระวัง! ลูกไม่กินข้าวเช้า เสี่ยงเป็นโรคต่อร่างกาย เป็นภัยร้ายกับสมอง …เพราะอาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญกว่ามื้ออื่น ๆ การกินอาหารเช้าจะช่วยเติมท้องของลูกน้อยที่ว่างมาทั้งคืนให้เต็ม ทำให้ลูกมีพลังที่จะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะพลังสมองที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความจำ การเรียนรู้ และความกระตือรือร้น

                    อาหารมื้อเช้า เป็นอาหารมื้อที่สำคัญที่สุด ซึ่งร่างการของลูกน้อยต้องการสารอาหารในช่วงเวลา 07.00 – 09.00 น. มากที่สุด เพราะเป็นช่วงตารางนาฬิกาชีวิตของมนุษย์เรา เนื่องจากเวลานี้สมองของคนเราต้องการเลือดและออกซิเจน เป็นอาหารบำรุง ถ้าไม่รับประทานอาหารเช้า ก็จะไม่มีเลือดมารับออกซิเจนส่งขึ้นไปเลี้ยงสมองนั่นเอง

                    ซึ่งถ้าเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอหรือส่งไปได้น้อยแล้วล่ะก็ จะเริ่มมีอาการดังต่อไปนี้ ผมร่วง หน้าแก่เร็ว คออักเสบง่าย นอนไม่ค่อยหลับ นอนไม่เต็มอิ่ม ตื่นกลางดึกบ่อย ๆ ฝันบ่อย ปวดไหล่ ปวดหลัง ปวดเข่า ปวดศีรษะ ปวดหู ปวดกระบอกตา ปวดข้อเท้า กระดูกสะโพกจะเคลื่อนได้ง่าย เหงือกบวม เจ็บคอ เจ็บลิ้น เป็นไซนัส หรือ วิตกกังวล …โดยอาการเหล่านี้ อาจเกิดขึ้นทีละอย่าง หรือหลายอย่างพร้อมกันก็ได้ จนเป็นสาเหตุที่นำไปสู่อาการสมองเสื่อมต่อไปในอนาคต

                    ลูกไม่กินข้าวเช้า เสี่ยงโรคภัยรุมสมองล้า

                    ลูกไม่กินข้าวเช้า

                    หากลูกน้อยที่อยู่ในวัยเรียน ไม่ได้ทานอาหารเช้าก่อนเข้าเรียน จะทำให้ขาดสมาธิง่าย ส่งผลต่อสติปัญญา การเรียน เพราะอาหารเช้าจะช่วยเติมพลังสมองที่เกี่ยวข้องกับความจำ การเรียนรู้ และความกระตือรือร้น ทำให้การทำกิจกรรมในแต่ละวันมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสำหรับเด็กที่อดอาหารเช้าเป็นประจำ ก็จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายไม่แข็งแรง การเจริญเติบโตไม่เป็นไปตามเกณฑ์อีกด้วย
                    ทั้งนี้จากผลเสียที่กล่าวมาข้างต้น ก็ยังทำให้เสี่ยงต่อโรคต่างๆ ตามมา ดังนี้

                    1. โรคอ้วน

                    เพราะการที่เด็กอดอาหารมื้อเช้า จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ อาจส่งผลให้มื้อต่อๆ ไปกินหนักขึ้นและเผลอกินของหวานเข้าไปก็เป็นได้ แถมอัตราการเผาผลาญยังลดลงอีกด้วย

                    2. โรคเบาหวาน

                    เมื่อลูกไม่รับประทานมื้อเช้าบ่อยๆ ก็จะทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งถ้าหากรับประทานอาหารเช้าเป็นประจำ จะช่วยลดภาวะผิดปกติดังกล่าวที่เป็นสาเหตุของโรคเบาหวานได้ถึงร้อยละ 35-50 เลยล่ะค่ะ

                    3. โรคอัลไซเมอร์

                    อย่างไรก็ดีการรับประทานอาหารเช้าจะช่วยไปกระตุ้นพลังให้กับสมองและทำให้มีความจำที่ดีได้ แต่ในทางตรงกันข้าม หากลูกไม่ได้ทานอาหารมื้อเช้า ก็จะทำให้ร่างกายไม่สดชื่น ไม่กระปรี้กระเปร่า มีอาการหลงลืม ความจำไม่ดี ไม่มีสมาธิ ซึ่งหากทำเป็นประจำต่อเนื่องนานๆ อาจนำมาซึ่งโรคอัลไซเมอร์ได้อย่างแน่นอน

                    อ่านต่อ >> “โรคที่ลูกน้อยต้องเสี่ยง เพราะไม่กินอาหารเช้า” คลิกหน้า 2

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                     

                      ผิวลูกไหม้แดด

                      ผิวลูกไหม้แดด ช่วงหน้าร้อน ดูแลอย่างไรดี?

                      ผิวลูกไหม้แดด พอถึงเดือนมีนาคมเป็นที่รู้กันว่าประเทศไทยได้เข้าสู่ช่วงฤดูร้อน และก็จะร้อนยิ่งยาวไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคมของทุกปี นอกจากนี้หน้าร้อนยังมาตรงกับช่วงปิดเทอมของเด็กๆ อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่ากิจกรรมที่สนุกสำหรับเด็กทุกคนก็คือกิจกรรมกลางแจ้ง ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีวิธีรับมือ และการดูแล ผิวลูกไหม้แดด มาฝากกันค่ะ

                       

                      ผิวลูกไหม้แดด แสงแดดช่วงไหนอันตรายกับผิวลูกมากที่สุด?

                      เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่คงเคยได้ยินกันบ้างว่า วิตามิน D จากแสงแดดมีประโยชน์ในการช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง และควบคุมแคลเซียมของร่างกาย ซึ่งแสงแดดคือแหล่งวิตามินดีธรรมชาติชั้นเยี่ยมสำหรับเด็กๆ แต่ในประโยชน์ของแสงแดดก็ยังซ่อนอันตรายไว้มากด้วยนะคะ

                       

                      Must Read >> แม่แทบช็อก!! ลูกน้อยเล่นกลางแดดจนผิวไหม้สยอง

                       

                      ความร้อนแรงของแสงแดด ที่เป็นอันตรายต่อผิวของทุกคน ไม่ว่าจะเด็ก หรือผู้ใหญ่ คือช่วงเวลาตั้ง 9.00-14.00 น. ซึ่งจะมีค่าชี้วัดความเข้มของแสง(UV Index) สูง(1) จึงแนะนำว่าควรทาครีมกันแดดให้ทั่วผิวหน้า และผิวกายก่อนออกแดด รวมถึงเมื่อต้องอยู่กลางแดดเป็นเวลานานควรมีอุปกรณ์กันแดด เช่น หมวก ร่มUV ใส่เสื้อผ้าให้ปกปิดผิวจากการถูกแสงแดดเผาไหม้ และควรจิบน้ำบ่อยๆ

                      อ่านต่อ >> “ผิวลูกไหม้แดด ช่วงหน้าร้อน” หน้า 2

                       

                       

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                        คนท้องเป็นไข้ กินยาอะไรได้ ปลอดภัยไม่กระทบลูก

                        เคยสงสัยไหมคะว่า คนท้องเป็นไข้ กินยาอะไรได้ เพราะเราก็รู้อยู่ว่าการกินยาในขณะตั้งครรภ์จะส่งผลต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ ดังนั้น เรามาดูกันว่าหาก แม่ท้องไม่สบาย เจ็บป่วยเป็นไข้ จะดูแลตัวเองและกินยาอะไรได้บ้าง

                        คนท้องเป็นไข้ กินยาอะไรได้

                        คนท้องเป็นไข้ กินยาอะไรได้

                        แม่ท้อง ป่วยไข้ง่าย

                        ในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ภูมิต้านทานในร่างกายของคุณแม่จะลดลงทําให้คุณแม่มีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนอื่น แถมเมื่อคุณแม่ติดเชื้อเป็นไข้ไม่สบายแล้วก็มักจะหายช้ากว่าปกติยารักษาต่างๆ ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะอาจกระทบกับลูกในครรภ์ได้

                        นอกจากนี้การเป็นไข้สูงนานๆ จะทำให้หัวใจของลูกน้อยในครรภ์จะเต้นเร็วมากขึ้นส่งผลให้ลูกน้อยเจริญเติบโตช้าได้อีกด้วย ซึ่งโดยทั่วไปอาการไข้มักเกิดจาก 3 สาเหตุด้วยกันได้แก่

                        1.ไข้หวัดซึ่งพบได้บ่อย ทำให้คุณแม่มักมีอาการร่วมคือ เจ็บคอ ไอ มีน้ำมูก

                        2.ไข้จากการติดเชื้อบริเวณทางเดินปัสสาวะ อาการร่วมคือ ปัสสาวะขัด หรือผิดปกติ มีอาการหนาวสั่น

                        3.ไข้จากระบบทางเดินอาหาร อาการร่วมที่เจอบ่อยๆ คือ ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ดังนั้น ในเบื้องต้นต้องรู้ว่าเราเป็นไข้จากสาเหตุอะไรจึงจะรักษาตามอาการได้ถูกต้อง

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                         

                        แม่ท้อง ลดไข้ด้วยวิธีง่าย

                        หลักการของการลดไข้ คือ การระบายความร้อนออกไปให้ได้มากที่สุด ดังนั้น วิธีไม่มีอะไรมาก ทำได้ง่ายๆ ด้วยการเช็ดตัว เพราะการเช็ดตัวที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพจะช่วยบรรเทาอาการได้อย่างดีวิธีเช็ดตัวที่ถูกต้อง คือ ใช้ผ้าขนหนูนุ่ม ชุบน้ำเช็ดตัวด้วยน้ำเปล่าอุณหภูมิปกติเท่านั้น เวลาเช็ดให้เช็ดย้อนรูขุมขน และเช็ดเข้าหากลางลําตัวเป็นหลัก

                        นอกจากนี้ควรใช้ผ้าซับบริเวณจุดระบายอุณหภูมิต่างๆ ได้แก่ ซอกคอรักแร้ ขาหนีบหรือข้อพับต่างๆ และควรเช็ดตัวบ่อยๆจนอุณหภูมิลดลง นอกจาก เช็ดตัวแล้วควรดื่มน้ำมากๆ วันละ 6-8 แก้ว เพราะการดื่มน้ำมากๆ จะทำให้ปัสสาวะมีมากตามไปด้วยซึ่งจะส่งผลช่วยระบายความร้อนในร่างกายออกได้ดียิ่งขึ้น

                        ติดตาม ยาลดไข้ที่ปลอดภัยของคุณแม่ท้อง คลิกต่อหน้า 2

                          อากาศร้อน แม่ท้อง

                          อากาศร้อน แม่ท้อง และ เด็กเล็ก ต้องดูแลตัวเองอย่างไรให้ปลอดภัย

                          เมื่อบ้านเราเข้าสู่หน้าร้อน คนปกติที่แข็งแรงดีก็ยังมีที่ล้มป่วยกันได้ ยิ่งสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์กับเด็กเล็กนั้น ยิ่งต้องได้รับการเอาใจใส่ดูแลให้ดีกว่าปกติ อากาศร้อน แม่ท้อง และ เด็กเล็ก ต้องดูแลตัวเองอย่างไรให้ปลอดภัย

                          อากาศร้อน แม่ท้อง ต้องระวังอะไรบ้าง

                          เริ่มต้นกันที่คุณแม่ตั้งครรภ์ นอกจากอาการแพ้ท้องที่ต้องรับมือแล้ว อาการหลักๆ ที่ต้องพึงระวังในช่วงหน้าร้อนมีดังนี้

                          1. โรคลมแดด (Heat Stroke)

                          ช่วงหลังๆ ประเทศต้องเผชิญกับผลจากภาวะโลกร้อน อุณหภูมิโดยเฉลี่ยสูงขึ้น อาการที่เริ่มพบเห็นกันได้บ่อยก็คือ โรคลมแดด หรือฮีทสโตรก ซึ่งจะเกิดเมื่อร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป จนอุณหภูมิในร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ
                          อาการคือ เมื่อยล้า อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดศีรษะ ความดันต่ำ ฯลฯ หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาการจะหนักขึ้น จนกลายเป็นเพ้อ, ชัก, ไตล้มเหลว, หัวใจเต้นผิดจังหวะ, ช็อค และเกิดลิ่มเลือดอุดตันจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

                          ป้องกัน + รักษา อย่างไร?

                          1. หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดจ้าในวันที่อากาศร้อนจัด

                          2. ดื่มน้ำ 1-2 แก้วก่อนออกจากบ้าน หากต้องอยู่ในที่ที่อากาศร้อนเป็นเวลานานควรจิบน้ำบ่อยๆ แม้จะไม่รู้สึกกระหาย

                          3. ใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เช่น เสื้อผ้ารูปทรงโปร่งๆ ที่ทำจากผ้าฝ้าย

                          4. หากมีอาการผิดปกที่เป็นสัญญาณของโรคลมแดด…ควรรีบเข้าที่ร่ม นอนราบ และยกเท้าสูง คลายเสื้อผ้าให้หลวม แล้วใช้น้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามศีรษะ, ซอกคอ, รักแร้ หากมีอาการรุนแรง ควรรีบนำส่งโรงพยาบาล

                          อ่านต่อ อากาศร้อน คนท้องต้องระวังอะไรบ้าง คลิกหน้า 2

                            น้ำแอปเปิ้ล

                            พ่อแม่ระวัง ลูกดื่มน้ำแอปเปิ้ลแล้วไอเป็นเลือด

                            เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับพี่ชายวัย 10 ขวบ และน้องสาววัย 4 ขวบครึ่ง เมื่อเด็กน้อยทั้ง 2 ดื่ม น้ำแอปเปิ้ล ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แล้วทำให้เด็กน้อยทั้ง 2 ไอออกมาเป็นเลือด ซึ่งเชื่อกันว่ามีสารเคมีอยู่ในน้ำแอปเปิ้ล โดยน้องสาวตัวน้อยดื่มน้ำผลไม้นี้ก่อนแล้วมีอาการป่วยขึ้นมาทันที

                            Continue reading “พ่อแม่ระวัง ลูกดื่มน้ำแอปเปิ้ลแล้วไอเป็นเลือด”

                              โรคท้องร่วง ช่วงหน้าร้อน

                              โรคท้องร่วง ช่วงหน้าร้อน เด็กเล็กควรระวัง!

                              โรคท้องร่วง ช่วงหน้าร้อน ในช่วงมีนา เมษา ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเดือนที่ร้อนกันสุดๆ ทำให้ไม่ว่าจะผู้ใหญ่ หรือเด็กต่างก็ต้องหาวิธีคลายร้อนกัน โดยเฉพาะกับเรื่องของอาหาร แต่รู้ไหมว่าอาหารช่วงหน้าร้อนถ้ากินไม่ระวัง เสี่ยงท้องร่วงได้นะ ทีมงาน Amarin Baby & Kids จะมาชวนพ่อแม่เฝ้าระวังสุขภาพลูกจากโรคท้องร่วง ที่เชื้อแบคทีเรียตัวการมักปนเปื้อนมากับอาหารและน้ำดื่ม

                               

                              โรคท้องร่วง ช่วงหน้าร้อน  เป็นอย่างไร?

                              โรคอุจจาระร่วง หรือที่เรียกว่าท้องร่วง(Diarrhea) สามารถเป็นได้กับทุกคน ทุกวัย แต่จะพบมากในผู้สูงอายุ และเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ โรคท้องร่วงจะมีอาการถ่ายเหลว 3 ครั้งต่อวัน หรือในบางคนที่ธาตุอ่อนอาจมีการถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครั้ง  โดยอาการของโรคท้องร่วง จะมีอาการเด่นที่สามารถสังเกตได้ดังนี้ คือ

                              • ถ่ายอุจจาระเหลว หรือเป็นน้ำ สำหรับเด็กที่ถ่ายอุจจาระเหลว หรือเป็นน้ำ มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เข้าไปสร้างสารพิษในลำไส้ ซึ่งโรคที่อาจเกิดแทรกขึ้นได้คือ อหิวาตกโรค
                              • ถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำมีมูกเลือดปน สำหรับเด็กที่ถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำมีมูกเลือดปน มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ลุกลามเข้าไปในผนังลำไส้ จนทำให้ลำไส้อักเสบ เด็กๆ จะมีไข้ ปวดท้อง ถ่ายบ่อยแต่ถ่ายออกมาไม่มาก ซึ่งจะคล้ายกับโรคบิด

                               

                              อุจจาระร่วงทั้งสองอาการนี้มีสาเหตุมาจากการทานอาหาร และน้ำดื่ม น้ำแข็งที่ไม่สะอาดมีการปนเปื้อนจากเชื้อโรค รวมทั้งการประกอบอาหารที่ผู้ปรุงไม่ได้รักษาความสะอาดของอุปกรณ์ และไม่ล้างมือให้สะอาดก่อนทำอาหาร ฯลฯ  ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคท้องร่วงขึ้นได้

                              อ่านต่อ >> “เมื่อลูกท้องร่วง แม่ต้องสังเกตอาการให้เป็น” หน้า 2

                               

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                ทำนายเพศลูก ตำราจีน

                                ทำนายเพศลูก ตำราจีน แม่นหรือไม่? แม่ท้องต้องลอง

                                ทำนายเพศลูก ตำราจีน …ปัจจุบันการลุ้นผลว่าได้ลูกชายหรือลูกสาวหน้าห้องคลอดดูเหมือนจะไม่น่าตื่นเต้นเหมือนสมัยก่อนแล้ว เพราะเนื่องจากมีเทคโนโลยีในการตรวจที่สามารถบอกเพศของทารกได้ตั้งแต่เดือนที่ 5 โดยใช้เครื่องอัลตร้าซาวน์ (การทราบเพศเป็นหนึ่งในผลพลอยได้ ของการตรวจดูสุขภาพและความสมบูรณ์ของทารก)

                                ดังนั้นโมเม้นต์ในการลุ้นทายผลในวันคลอดของสมัยก่อนจึงแทบจะหายไปโดยสิ้นเชิง แต่ก็อาจมีบ้างที่การอัลตร้าซาวน์ฃไม่สามารถบอกเพศได้ชัดเจน เนื่องจากในช่วงเวลานั้น ทารกอาจกำลังบิดตัวไปทางอื่น หรือหนีบตัว งอตัวบังเอาไว้ ซึ่งหากเป็นแบบนั้นคุณหมอก็จะสันนิษฐานเพศให้จากโครงสร้างร่างกาย แต่ก็ไม่ได้ชัดเจน และมีโอกาสผิดพลาดพอสมควร

                                และเนื่องจากที่ในสมัยก่อนหน้าที่เรายังไม่มีเทคโนโลยีในการตรวจสอบนี้ การทราบเพศทารกก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่… มันถูกเรียกว่า “การทำนายเพศของทารกที่อยู่ในครรภ์” มากกว่า ซึ่งวิธีการทำนายเพศ ที่ Amarin Baby & Kids จะแนะนำต่อไปนี้ เป็นการทำนาย ซึ่งจากข้อมูลที่อ้างอิงได้นั้น มีความถูกต้องถึง 90% ถ้าคุณใช้มันอย่างถูกต้อง

                                นั้นคือ ตาราง ทำนายเพศลูก ตำราจีน หรือ Chinese gender charts ซึ่งตารางนี้ก็มีที่มาจากการรวบรวมข้อมูลของคนจีนตั้งแต่สมัยโบราณมาเป็นเวลามากกว่า 700 ปี โดยใช้ข้อมูลสองอย่างในการทำนายเพศลูก นั่นคือ อายุของคุณแม่ตอนที่ตั้งครรภ์ และเดือนที่ปฏิสนธิหรือเดือนที่มีกิจกรรมแล้วเกิดการตั้งครรภ์

                                วิธีการทำนายเพศลูกโดยใช้ตารางทำนายเพศ Chinese gender charts

                                1. ดูอายุของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ในช่องแรกแนวตั้ง
                                2. เลือกเดือนที่เริ่มปฏิสนธิ (เดือนที่มีเพศสัมพันธ์กันและอยู่ในช่วงวันตกไข่) ในช่องด้านบนแนวนอน
                                3. ลากเส้นจากทั้ง 2 ช่อง ตามทั้ง 2 ข้อด้านบน
                                4. ดูจุดที่เส้นทั้ง 2 เส้นตัดกันว่าอยู่ตรงช่องไหน

                                ผลการคำนวณจากตาราง ได้ค่า 2 อย่างคือ ตัวเด็กทารกสีฟ้า เป็น ลูกชาย และถ้าตัวเด็กทารกสีชมพู เป็น ลูกสาว

                                 

                                อ่านต่อ >> ทดลองใช้ ตารางทำนายเพศลูก Chinese gender charts คลิกหน้า 2

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                 

                                  ถูกอ่างอาบน้ำดูด

                                  ระวังอ่างอาบน้ำ ลูกน้อยเสี่ยงถูกดูดอาการโคม่า

                                  มีข่าวเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นที่โรงแรมริมชายหาดในบัลแกเรีย เมื่อเด็กน้อยชาวอังกฤษ วัย 4 ขวบ ถูกอ่างอาบน้ำดูด จนบาดเจ็บสาหัส เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้ เกิดขึ้นกับเด็กหญิงอิซาเบลลาที่อาบน้ำอยู่ในอ่างของโรงแรมกับคุณแม่ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงร้องขึ้น เพราะเครื่องปั๊มสร้างน้ำวน

                                  Continue reading “ระวังอ่างอาบน้ำ ลูกน้อยเสี่ยงถูกดูดอาการโคม่า”

                                    เสี่ยงขั้นสุดเมื่อ เป็นโรคธาลัสซีเมีย ขณะตั้งครรภ์

                                    เสี่ยงขั้นสุดเมื่อ เป็นโรคธาลัสซีเมีย ขณะตั้งครรภ์ โรคธาลัสซีเมีย คือ โรคโลหิตจางที่เกิดจาก โกลบิน ผิดปกติ คนที่เป็นโรคนี้จะมีเม็ดเลือดแดงผิดปกติ ไม่สามารถจับออกซิเจนได้ดีเท่าเม็ดเลือดแดงทั่วไป หนำซ้ำยังถูกทำลายได้ง่าย

                                     

                                    เด็กทารกที่เป็นโรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรงอาจเสียชีวิตได้ตั้งแต่ในครรภ์ หรือถ้าไม่เสียชีวิต ก็จะมีอาการของโรค ได้แก่ โลหิตจาง ตับโต ม้ามโต ตัวเหลือง ตาเหลือง ติดเชื้อง่าย ไม่เจริญเติบโต ซึ่งสุดท้ายมักเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อยด้วยอาการหัวใจวาย ไม่ก็การติดเชื้อ

                                    เสี่ยงขั้นสุดเมื่อ เป็นโรคธาลัสซีเมีย ขณะตั้งครรภ์

                                     

                                    เป็นโรคธาลัสซีเมีย ขณะตั้งครรภ์

                                     

                                    โกลบิน คืออะไร

                                    โกลบินเป็นโปรตีน หรือกรดแอมิโนที่ต่อกันเป็นเส้น มีอยู่ 4 เส้น คือ ชนิดแอลฟา(Alpha) เบต้า (Beta) แกมมา (Gamma) และเดลต้า (Delta) เมื่อโกลบิน 4 เส้นมารวมตัวร่วมกับสารฮีมซึ่งมีส่วนประกอบที่สำคัญคือธาตุเหล็ก จะกลายเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเม็ดเลือดแดงที่เรียกว่า เฮโมโกลบิน (Haemoglobin) นั่นเอง

                                    โกลบินที่ผิดปกติเป็นอย่างไร

                                    โกลบินที่ผิดปกติมี 2 แบบ คือ

                                    โครงสร้างโกลบินผิดปกติ มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของกรดแอมิโนที่ต่อกันเป็นเส้น ทำให้คุณสมบัติจับออกซิเจนแย่ลง เม็ดเลือดแดงที่มีโกลบินโครงสร้างผิดปกติ มีมากมายทั่วโลก ประมาณ 700 ชนิด โดยในประเทศไทยก็มีมากมาย เช่น เฮโมโกลบินอนันทราช เฮโมโกลบินมหิดล เฮโมโกลบินศิริราช เฮโมโกลบินสวนดอก เฮโมโกลบินตาก เฮโมโกลบินมาเลย์ เฮโมโกลบินอี เป็นต้น

                                    จำนวนโกลบินผิดปกติ เช่น ไม่สร้างโกลบินแอลฟาหรือโกลบินเบต้า หรือสร้างน้อยกว่าปกติ

                                    • หากไม่สร้างโกลบินแอลฟาเลย เรียกแอลฟาธาลัสซีเมีย-1 (α0)
                                    • หากสร้างโกลบินแอลฟาน้อยกว่าปกติ เรียกแอลฟาธาลัสซีเมีย-2 (α+)
                                    • หากไม่สร้างโกลบินเบต้าเลย เรียกเบต้าศูนย์ธาลัสซีเมีย (β0)
                                    • หากสร้างโกลบินเบต้าน้อยกว่าปกติ เรียกเบต้าบวกธาลัสซีเมีย (β+)

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                     

                                    “ ยีน” ช่วยควบคุมการสร้างโกลบิน

                                    โกลบินจะสร้างได้น้อย หรือไม่สร้างเลย ต้องอาศัยหน่วยพันธุกรรมที่เรียกว่า “ ยีน “ เป็นตัวควบคุม กลุ่มที่เกิดแอลฟาธาลัสซีเมียทั้งชนิดที่ 1 และ 2 มีความผิดปกติที่ยีนแอลฟาโกลบิน กลุ่มที่เกิดเบต้าศูนย์ธาลัสซีเมียทั้งชนิดศูนย์และบวกมีความผิดปกติที่ยีนเบต้าโกลบิน

                                    โรคธาลัสซีเมีย เกิดขึ้นได้อย่างไร

                                    โรคธาลัสซีเมีย จะถ่ายทอดทางพันธุกรรมในแบบลักษณะด้อย ทั้งนี้คนที่เป็นโรคธาลัสซีเมียได้นั้น ต้องมียีนธาลัสซีเมียสองยีน คือมาจากทั้งพ่อและแม่

                                    โดยยีนธาลัสซีเมียทั้งสองมารวมตัวกันจนสั่งการให้เกิดเป็นโรคธาลัสซีเมียในลูก หากพ่อเป็นพาหะหรือโรคธาลัสซีเมียฝ่ายเดียว แม่ไม่เป็น หรือแม่เป็นพาหะธาลัสซีเมียคนเดียว พ่อไม่เป็น หรือทั้งพ่อและแม่เป็นพาหะ แต่ธาลัสซีเมียของพ่อและแม่ไม่มารวมกันจนเกิดโรค อย่างนี้ลูกไม่มีโอกาสเป็นโรคธาลัสซีเมีย แต่อาจเป็นพาหะธาลัสซีเมียเหมือนพ่อหรือแม่เท่านั้น

                                    ติดตาม เสี่ยงขั้นสุด เมื่อเป็นโรคธาลัสซีเมีย ขณะตั้งครรภ์ คลิกต่อหน้า 2