รวม 11 โรค กับวิธีสังเกต ลูกมีปัญหาสุขภาพจิต

event

ขอบคุณภาพจาก : www.wikihow.com

4. โรคติกส์ (Tics)

โรคติกส์ หรือ Tics  มีอาการกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าและลำคอกระตุกเป็นระยะ เด็กที่เป็นโรคนี้จึงมักขยิบตาหรือขยับปากบ่อยๆ  ระดับอาการมีตั้งแต่กะพริบตาเล็กน้อย  ไปจนถึงยักไหล่  ทำหน้าบิดเบี้ยว  อยู่เฉยไม่ได้  และติกส์แบบมีเสียงหรือที่เรียกกันว่า “ทูเรทท์” (Tourette)  เด็กกลุ่มนี้มักจะส่งเสียงเอะอะหรืออุทานเป็นคำไม่สุภาพ  จึงเกิดเสียงและพูดออกมาโดยไม่ตั้งใจ  อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นเองโดยควบคุมไม่ได้  แม้คุณพ่อคุณแม่จะดุด่าว่ากล่าวหรือขู่บังคับ  เขาก็จะยังคงห้ามตัวเองไม่ได้อยู่ดี

5. โรควิตกกังวล

พื้นฐานอารมณ์ของเด็กแต่ละคนแตกต่างกัน เด็กวิตกกังวลจะมีพื้นฐานอารมณ์ปรับตัวช้า เช่น ไม่อยากไปโรงเรียนทุกครั้งที่เปิดเทอม  เนื่องจากไม่สามารถปรับตัวกับการไปโรงเรียนได้  แม้จะเป็นเพียงวันหยุดสั้นๆ  แต่เมื่อถึงคราวต้องไปโรงเรียนอีกครั้งก็จะร้องไห้งอแงไม่อยากไป  คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่มักจะพยายามหาวิธีหลอกล่อหรือทำข้อตกลงกับเด็กไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ  เด็กส่วนใหญ่ก็จะรับปากอย่างดีว่าจะไปโรงเรียน  แต่เมื่อตื่นเช้าวันไปโรงเรียนก็จะร้องไห้งอแงและไม่ยอมลุกจากที่นอนเหมือนเดิมทุกครั้ง  เมื่อไปถึงโรงเรียนก็จะยังร้องไห้ต่อสักพักจึงจะปรับตัวได้  นั่นเพราะเด็กมีภาวะวิตกกังวลเรื่องของการปรับตัวหรือกังวลต่อการพลัดพราก  ซึ่งหากลูกอ้างว่าไม่สบาย  แล้วคุณพ่อคุณแม่ยอมตามใจให้เขาหยุดเรียนบ่อยครั้ง  สุดท้ายเด็กเหล่านี้ก็จะไม่ไปโรงเรียน  ไม่เรียนหนังสือ  ไม่ทำงาน  และไม่ออกจากบ้าน  จากที่เป็นเพียงปัญหาในวัยเด็กก็จะพัฒนาสู่การเป็นโรควิตกกังวลต่อไปในอนาคต

♥ บทความแนะนำควรอ่าน : ลูกชอบจิตตก กลัวไปโรงเรียนสาย

6. โรคย้ำคิดย้ำทำ

เป็นอีกโรคในกลุ่มวิตกกังวลเช่นเดียวกัน  อาการที่แสดงออกมักจะคิดเรื่องเดิมซ้ำๆ  ส่งผลให้เด็กทำพฤติกรรมซ้ำๆ ในเวลาใกล้เคียงกัน  เช่น  ล้างมือ  อาบน้ำ  ดึงผม  ลบสิ่งที่เขียนแล้วเขียนใหม่ซ้ำๆ  ฯลฯ  ซึ่งอาการดังกล่าวทำให้เด็กทำการบ้านไม่เสร็จ  จัดการดูแลตัวเองได้ไม่ทันกำหนดเวลา  เพราะมัวแต่ทำซ้ำเรื่องเดิมๆ

ลูกมีปัญหาสุขภาพจิต

7. โรคซึมเศร้า

แม้จะยังอยู่ในวัยเด็ก  แต่เด็กที่ได้รับพันธุกรรมโรคซึมเศร้ามาจากคุณพ่อคุณแม่ก็มักจะป่วยได้ตั้งแต่วัยประถมปลาย  แม้ครอบครัวจะเลี้ยงดูลูกอย่างดี  ชีวิตความเป็นอยู่ไม่ลำบาก  ไม่มีปัญหาใดๆ ในชีวิตมากระทบจิตใจเลย  แต่เด็กที่ป่วยด้วยโรคซึมเศร้าอยู่ดีๆ เขาก็จะรู้สึกว่า “โลกไม่น่าอยู่” โดยไม่มีเหตุผล  หรือวันดีคืนดีก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กไร้ค่า  ไม่อยากมองใคร  ไม่อยากออกจากบ้าน  ไม่อยากเจอใคร  ไม่อยากใช้ชีวิต  แม้จะเรียนเก่ง  ครอบครัวดี  หรือมีฐานะการเงินดีแค่ไหนก็ตาม  หรือเด็กบางคนมีพันธุกรรมแห่งความคิดมาก  ในช่วงแรกอาจยังไม่ได้ป่วยเป็นโรค  แต่เมื่อถึงวัยที่ต้องเข้ากลุ่มสังคมที่โรงเรียน  เด็กกลุ่มนี้จะมีปัญหากับเพื่อนได้ง่าย  เช่น  เพื่อนไม่ทำงานกลุ่ม  เพื่อนไม่คบ  เพื่อนไม่คุยด้วย  ซึ่งอาจนำไปสู่ความคิดว่าเพื่อนไม่รัก  เพื่อนรังแก  ส่งผลให้กลายเป็นโรคซึมเศร้าและคิดฆ่าตัวตายในท้ายที่สุด  คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ควรซ้ำเติมว่าเขาอ่อนแอหรือเรียกร้องความสนใจ  แต่ควรพาไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง  และเพื่อป้องกันการฆ่าตัวตายในภายหลัง

อ่านต่อ >> “11 โรคจิตเวชในเด็ก ที่พ่อแม่ควรรู้” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up