แม่ท้องทำฟันได้ไหม ปลอดภัยหรือเปล่า?

คุณแม่ตั้งครรภ์มักจะมีความระมัดระวังในทุกด้าน ทั้งเรื่องการกินอยู่และใช้ชีวิต ไม่เว้นแม้แต่การดูแลและทำฟัน ทำให้คุณแม่ที่มีปัญหาสุขภาพฟันมักสงสัยว่า แม่ท้องทำฟันได้ไหม เพราะกลัวจะส่งผลอันตรายในแง่ต่างๆ เราจึงมาอธิบายมาให้รับทราบกันค่ะ

แม่ท้องทำฟันได้ไหม

แม่ท้องทำฟันได้ไหม

แม่ท้อง ทำฟันได้ “เพราะการรักษาฟันไม่ส่งผลอะไรถึงลูกในท้อง”

การดูแลสุขภาพช่องปากและฟันก่อนและระหว่างการตั้งครรภ์เป็นเรื่องสําคัญแต่หลายครั้งที่คุณแม่บางท่านไม่ได้ใส่ใจดูแลอย่างจริงจัง แถมยังมีไม่น้อยที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการดูแลฟันในช่วงตั้งครรภ์ เช่น ปวดฟันก็ไม่ยอมไปหาหมอฟัน เพราะกังวลเรื่องการรักษาจะส่งผลกระทบต่อลูกน้อยและอื่นๆ

แต่ความจริงแล้วสุขภาพช่องปากและฟันของคุณแม่ตั้งครรภ์ จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพคุณแม่เองและสุขภาพลูกน้อยได้ หากคุณแม่ไม่ดูแลฟันให้ดีตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์และในระหว่างตั้งครรภ์ด้วย ดังนั้นเรามาดูกันว่า แม่ท้องควรดูแลฟันอย่างไร และจะทำฟันแบบไหนได้บ้าง

แม่ท้อง ต้องดูแลเหงือกและฟันให้ดี

เพราะในขณะตั้งครรภ์ร่างกายคุณแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของระบบฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางระบบสรีระต่างๆ ภายในร่างกายหลายอย่าง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพในช่องปากด้วย คุณแม่ท้องจึงควรได้รับการดูแลทางทันตกรรมเป็นพิเศษ มิฉะนั้นจะเกิดโรคต่างๆในช่องปากได้ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้สุขภาพเหงือกและฟันที่ดีของคุณแม่เปลี่ยนไป ได้แก่

  • ร่างกายลูกน้อยต้องการแคลเซียมจากคุณแม่

นอกจากนี้ในระหว่างที่คุณแม่ตั้งครรภ์ ร่างกายของลูกน้อยในครรภ์จะต้องการแคลเซียมบางส่วนจากคุณแม่ไปสร้างอวัยวะและโครงสร้างร่างกายต่างๆ ทำให้แคลเซียมที่สะสมไว้ในร่างกายคุณแม่ลดลง ส่งผลให้กระดูกรองรับฟันอ่อนแอลงด้วยได้คุณแม่ท้องส่วนใหญ่จึงมักจะมีปัญหาโรคเหงือกในขณะตั้งครรภ์ได้นั่นเอง

บทความแนะนำ อาหารที่มีแคลเซียม สําหรับคนท้อง เมื่อแม่แพ้-ไม่ชอบดื่มนมวัว
  • ฮอร์โมนเปลี่ยนไป ส่งผลให้เหงือกอักเสบ

เพราะฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่สูงขึ้นทำให้มีการเปลี่ยนแปลงโดยตรงต่อหลอดเลือดขนาดเล็กของเหงือกทำให้สภาพของเหงือกเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้เหงือกอักเสบ บวมแดง เลือดออกง่าย

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ติดตาม แม่ท้อง ทำฟัน อย่างไร คลิกต่อหน้า 2

    ตั้งครรภ์ 9 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์

    ตั้งครรภ์ 9 เดือน ดีใจกับคุณแม่ด้วยค่ะที่จะได้เห็นหน้าลูกน้อยในเร็ววันนี้แล้ว เพราะในช่วงตั้งครรภ์ 9 เดือนนี้ ลูกน้อยพร้อมที่จะออกมาลืมตาดูโลกและพบหน้าคุณแม่ ร่างกายคุณแม่เองก็มีสัญญาณที่บ่งบอกถึงการคลอดอีกด้วยค่ะ

    ตั้งครรภ์ 9 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์

     

    ตั้งครรภ์ 9 เดือน

     

    ตั้งครรภ์ 9 เดือน การเปลี่ยนแปลง อาการแม่ท้อง

    • ท้องลด

    ช่วงใกล้คลอดศีรษะของลูกน้อยลงมาในช่องเชิงกรานใกล้ปากมดลูกเพื่อเตรียมคลอดแล้ว จะทำให้คุณแม่มีอาการท้องลด โดยที่คุณแม่จะรู้สึกเบาสบายแถวๆ ลิ้นปี่รวมทั้งยังหายใจได้สบายขึ้น แต่หากเข้าสู่การตั้งครรภ์เดือนที่ 9 แล้ว ท้องยังไม่ลดลงก็ไม่ผิดปกติค่ะ เพราะคุณแม่อาจจะมีอาการท้องลดในช่วงที่เจ็บครรภ์คลอดได้

    • จุกเสียด แสบร้อนกลางอก

    เพราะมดลูกของคุณแม่ได้ขยายตัวขึ้นตามตัวของลูกน้อยที่ใหญ่คับครรภ์ จนทำให้ดันกระเพาะอาหารและลำไส้คุณแม่ให้สูงขึ้น ส่งผลให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมา ทำให้คุณแม่มีอาการแสบร้อนกลางอกได้  วิธีบรรเทาอาการคือ ให้คุณแม่กินอาหารในปริมาณน้อยๆ แต่พออิ่ม คืองดการกินอาหารครั้งเดียวเยอะๆ แต่ให้กินครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยมื้อ พยายามเคี้ยวอาหารให้ละเอียด หลังกินอาหารควรนั่งพักสักครู่ ไม่นอนทันที ก็จะช่วยป้องกันอาการแสบร้อนกลางอก และจุกเสียดได้ค่ะ

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

     

    ติดตาม คำแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ 9 เดือน คลิกต่อหน้า 2

      แอลฟา แล็คตัลบูมิน + DCL (DHA, Choline, Lutein) การ ผนึก 3 สารอาหารสำคัญในนมแม่ สำคัญอย่างไร ติดตามคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ

      พ่อแม่ทุกคนล้วนอยากให้ลูกน้อยของตนได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่พ่อแม่จะให้ลูกได้ เริ่มตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ คุณแม่ก็เริ่มที่จะบำรุงร่างกายด้วยอาหารดีๆ เพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตทั้งด้านร่างกาย และการทำงานของสมองของลูกตลอด 9 เดือนในครรภ์แม่ และเมื่อลูกน้อยลืมตาดูโลกแล้ว อาหารที่ดีที่สุดของเขา ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลเลย เพราะคือสิ่งที่ร่างกายของแม่ตระเตรียมสร้างไว้ให้ตามธรรมชาติเพื่อลูกน้อย ซึ่งได้แก่ นมแม่ นั่นเองค่ะ

      คุณแม่ทราบไหมคะว่า ในบรรดาสารอาหารมากมายในน้ำนมแม่นั้น มีสารอาหารตัวหนึ่งที่มีความสำคัญต่อพัฒนาการสมองของลูก ชื่อว่า แอลฟา แล็คตัลบูมิน และ สารอาหาร DCL (DHA Choline Lutein) เรามาทำความรู้จักกับสารอาหารเหล่านี้กันค่ะ แอลฟา แล็คตัลบูมิน เป็นโปรตีนคุณภาพ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างกรดอะมิโนจำเป็น ที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการโดยรวมที่ดีของทารก โดยกรดอะมิโนตัวนี้ เรียกว่า ทริปโตเฟน เป็นสารตั้งต้นของสารสื่อประสาท เซโรโทนิน และเมลาโทนิน ช่วยในการควบคุมการนอนหลับ รวมถึงกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาการด้านสติปัญญาของทารก

      โดยแหล่งที่ดีที่สุดที่พบโปรตีนคุณภาพสูง “แอลฟา แล็คตัลบูมิน” ที่จำเป็นต่อการสร้างสารสื่อประสาท ช่วยในการทำงานของสมองทารก ก็คือนมแม่ นั่นเอง

      มีบทสัมภาษณ์ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร MIMS Med Comms. ประเทศสิงคโปร์ เป็นวารสารที่รวบรวมข้อมูลทางการแพทย์และยา ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วกัน ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์เรื่องสารอาหารสำคัญแอลฟา-แล็คตัลบูมิน ตามความเห็นของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ คริสโตเฟอร์ ดูปองต์ ผู้เชี่ยวชาญและ หัวหน้าภาควิชากุมารเวชศาสตร์โรคทางเดินอาหาร ตับและโภชนาการ โรงพยาบาลเด็ก Necker Sick ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งศาสตราจารย์ นายแพทย์ คริสโตเฟอร์ ดูปองต์ ได้กล่าวเกี่ยวกับ สารอาหารแอลฟาแล็คตัลบูมินว่า สารอาหาร แอลฟาแล็คตัลบูมินเป็นโปรตีนคุณภาพ เป็นสารอาหารที่พบได้ในนมแม่ มีความสำคัญต่อการสร้างสื่อประสาท ช่วยเสริมการเรียนรู้ และการพัฒนาสมอง¹

      และ  ครั้งแรก การศึกษาเชิงสังเกตของ Dr. Chetham และ Dr. Sheppard ที่มหาวิทยาลัย North Carolina ประเทศ สหรัฐอเมริกา วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสารอาหารในนมแม่ ลูทีน โคลีน และ ดีเอชเอกับความจำของทารกอายุ 6 เดือน โดยการวิเคราะห์สารอาหารสำคัญ ในน้ำนมแม่ที่ให้นมบุตรที่อายุ 3 -4 เดือน และทดสอบความจำ ในทารก 67 คนที่ได้นมแม่ที่นำมาวิเคราะห์ ที่อายุ 6 เดือน เพื่อดูความสัมพันธ์ของผลการทำงานร่วมกันของ DHA Choline Lutein กับความจำทารก  ผลการศึกษา แสดงความสัมพันธ์ของทำงานร่วมกัน 3 สารอาหารในนมแม่ที่มี 3 สารอาหารในปริมาณที่สูงกว่า (ดีเอชเอ &โคลีน, โคลีน & ลูทีน) มีความสัมพันธ์กับกระบวนการสร้างความจำที่ดีกว่าในทารก  อย่างไรก็ตามยังต้องการ การศึกษาเพิ่มเติมในการทำงานร่วมกันของสารอาหารเหล่านี้²

      ____________________________

      (1)Dupont C. Alpha-Lactalbumin expert opinion. MIMS JPOG Singapore  2015: 41(2)
      (2)Cheatham CL and Sheppard KW. Synergistic Effects of Human Milk Nutrients in the Support of Infant Recognition Memory: An Observational Study. Nutrients 2015: 7; 9079-95.

      องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่า นมแม่คือ อาหารที่ดีสุดสำหรับทารก และควรให้นมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนหลังคลอด เนื่องจากนมแม่มีสารอาหารสำคัญมากมาย น้ำนมแม่ ยังเปรียบเสมือนวัคซีนเข็มแรก ที่ให้ภูมิคุ้มกันแรกแก่ลูกน้อยช่วยป้องกันการติดเชื้อต่างๆ ทั้งในระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร รวมถึงเป็นแหล่งรวมสารอาหารสำหรับการพัฒนาสมอง Alpha-Lactalbumin + DCL ด้วยค่ะ อย่าลืมให้นมแม่นานที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ

        ตั้งครรภ์ 8 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์

        ตั้งครรภ์ 8 เดือน พัฒนาการทารกในครรภ์คุณแม่ช่วงตั้งครรภ์ 8 เดือนนี้ เติบโตมากและอยากจะออกมาดูโลกเต็มที่แล้วค่ะ แต่เพื่อการคลอดคุณภาพและสุขภาพที่ดี ร่างกายและพัฒนาการระบบหายใจของลูก ยังต้องการเวลาพัฒนาอีก 1 เดือน จึงจะทำให้ลูกน้อยแรกคลอดมีสุขภาพสมบูรณ์พร้อมที่สุดค่ะ

        ตั้งครรภ์ 8 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์

         

        ตั้งครรภ์ 8 เดือน

        ตั้งครรภ์ 8 เดือน การเปลี่ยนแปลง อาการแม่ท้อง

        • การหายใจ

        หากช่วงนี้ลูกน้อยในครรภ์คุณแม่เคลื่อนศีรษะลงมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมบริเวณช่องเชิงกรานในท่าเตรียมคลอดแล้ว คุณแม่จะรู้สึกได้ว่าหายใจสะดวกขึ้น แต่หากลูกน้อยยังไม่กลับศีรษะลงหรือขยับตัวลงมาเตรียมคลอด จะทำให้คุณแม่ยังรู้สึกหายใจลำบากอยู่ เนื่องจากมดลูกที่ขยายใหญ่มากช่วงนี้จะไปเบียดพื้นที่ภายในช่องท้อง กดทับกล้ามเนื้อ กะบังลม และปอดบางส่วนนั่นเอง

        • ปวดหน่วงช่องเชิงกราน

        คุณแม่อาจมีความรู้สึกปวดหน่วงเชิงกรานเวลาเปลี่ยนอิริยาบถ หรือเดินได้ค่ะ เพราะบริเวณข้อต่อของกระดูกเชิงกรานคุณแม่จะหย่อนตัวลง จึงทำให้รู้สึกปวดหน่วงช่องท้องได้บ้างบางเวลา

        • น้ำหนักตัวเพิ่ม

        คุณแม่ในช่วงนี้อาจมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอีก 2-3 กิโลกรัมจากเดิม โดยจะมีน้ำหนักของลูกน้อยในครรภ์ถึง 3-4 กิโลกรัม ส่วนที่เหลือจะเป็นน้ำหนักของรก เต้านมที่ขยายใหญ่ น้ำหนักของมดลูก และปริมาณเลือดกับน้ำในร่างกายที่เพิ่มขึ้น   นอกจากนี้คุณแม่เองยังมีไขมันที่สะสมอยู่ในตัวเท่ากับน้ำตัวของลูกน้อยอีกด้วย

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

         

        ติดตาม การเปลี่ยนแปลง อาการแม่ท้อง 8 เดือน คลิกต่อหน้า 2

          ตั้งครรภ์ 7 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์

          เข้าสู่ไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ เมื่อคุณแม่ ตั้งครรภ์ 7 เดือน จะเริ่มมีอาการนอนไม่หลับ ปวดหลัง ขาและเท้าบวม ร่วมกับอาการอื่นๆ ซึ่งเราก็จะได้แนะนำวิธีการบรรเทาอาการและแก้ไขมาให้คุณแม่ เพื่อให้สามารถรับมือกับการตั้งครรภ์ในช่วงนี้ได้อย่างมีคุณภาพค่ะ

           

          ตั้งครรภ์ 7 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์

          ตั้งครรภ์ 7 เดือน

          ตั้งครรภ์ 7 เดือน การเปลี่ยนแปลง อาการแม่ท้อง

          • นอนไม่หลับ

          เพราะคุณแม่มีท้องที่ใหญ่และเริ่มรู้สึกอุ้ยอ้ายอึดอัด ทำให้นอนหลับได้ไม่สบายตัว คุณแม่จึงไม่สามารถนอนหลับสนิทได้ตลอดคืน หากคุณแม่มีอาการเพลียง่วงนอนตอนกลางวันเพราะนอนไม่หลับตอนกลางคืน ควรหาเวลางีบหลับกลางวันบ้างสักพัก เพื่อไม่ให้ร่างกายอ่อนเพลีย จนไม่สบายหรือหน้ามืดเป็นลม

          • ร่างกายเริ่มสร้างน้ำนม

          ร่างกายของคุณแม่จะมีการเริ่มสร้างหัวน้ำนมขึ้นแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมต้อนรับลูกน้อย หากบังเอิญมีการคลอดก่อนกำหนด และเพื่อสร้างสะสมไว้ให้ลูก คุณแม่จึงอาจสังเกตเห็นว่ามีน้ำนมสีเหลืองใสๆ ออกมาจากหัวนมได้

          • ปวดหลัง

          เนื่องจากร่างกายคุณแม่มีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น พร้อมกับที่กระดูกเชิงกรานซึ่งเป็นส่วนรับน้ำหนักด้านล่างมีการขยายตัวเตรียมคลอด ทำให้หลังของคุณแม่ต้องรับน้ำหนักเต็มที่ นอกจากนี้ยังส่งผลทำให้ฐานรับน้ำหนักกระดูกสันหลังที่กระดูกเชิงกรานมีการเคลื่อนตัวคลอนแคลน ทำให้คุณแม่ปวดหลัง และอาจรู้สึกปวดกระดูกหัวหน่าวและบริเวณก้นกบได้อีกด้วย ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการปวดมากขึ้น คุณแม่จึงควรสวมรองท้าเตี้ยๆ ที่เดินสบาย เดิน นั่ง ยืนให้ถูกท่า ไม่เปลี่ยนอิริยาบถทันที ไม่ยกของหนัก และไม่นั่งเก้าอี้หรือนอนเตียงที่นุ่มจนเกินไป ซึ่งจะยิ่งเพิ่มอาการปวดหลังมากขึ้น

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

           

          • สังเกตความดันและครรภ์เป็นพิษ

          ในช่วงตั้งครรภ์คุณหมอควรหมั่นเช็กความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากหากมีภาวะความดันโลหิตสูงในขณะตั้งครรภ์จะเสี่ยงต่อการเป็นครรภ์เป็นพิษ โดยจะมีอาการบวมมากที่บริเวณใบหน้า แขนและขา เวียนศีรษะ ตาพร่ามัว  น้ำหนักตัวเพิ่มอย่างรวดเร็ว มีความดันโลหิตสูง และหากมีอาการรุนแรงจะทำให้เกิดอาการชักและหมดสติ จนถึงกับคลอดก่อนกำหนด คุณแม่และลูกน้อยมีภาวะอันตรายที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้อีกด้วย

          ครรภ์เป็นพิษ จึงเป็นภาวะเสี่ยงที่อันตรายอย่างยิ่งสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ดังนั้น คุณแม่จึงควรหมั่นไปฝากครรภ์สม่ำเสมอ ไปพบแพทย์และปรึกษากรณีมีอาการผิดปกติต่างๆ คอยสังเกตร่างกายว่าบวมมากเกินไปหรือไม่ ปวดศีรษะเวียนหัวผิดปกติหรือเปล่า เพื่อการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษรุนแรงจนไม่สามารถรักษาได้ทันท่วงที

          • ถ่ายปัสสาวะบ่อยขึ้น

          อาการถ่ายปัสสาวะบ่อยจะกลับมาหาคุณแม่อีกครั้งในช่วงนี้ เพราะมดลูกที่ขยาย ประกอบกับน้ำหนักตัว และการดิ้นของลูกน้อยในครรภ์จะไปกดลงบนกระเพาะปัสสาวะของคุณแม่ ทำให้คุณแม่มีอาการถ่ายปัสสาวะบ่อยขึ้น

          ติดตาม คำแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ 7 เดือน คลิกต่อหน้า 2

            ตั้งครรภ์ 6 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์

            ตั้งครรภ์ 6 เดือน คุณแม่ตั้งครรภ์ 6 เดือน จะมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย โดยมีอาการต่างๆ ที่อาจมาทำให้คุณแม่รู้สึกหงุดหงิดใจ แต่ทุกอย่างมีวิธีแก้ไขปัญหาให้บรรเทาเบาบางลงได้แน่นอนค่ะ รวมทั้ง พัฒนาการทารกในครรภ์ 6 เดือน ก็เก่งและฉลาดจนสามารถตอบโต้คุณแม่ได้แล้วด้วย

            ตั้งครรภ์ 6 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์

             

            ตั้งครรภ์ 6 เดือน

             

            ตั้งครรภ์ 6 เดือน การเปลี่ยนแปลง อาการแม่ท้อง

            • กระเพาะปัสสาวะอักเสบ

            คุณแม่ท้องช่วงนี้อาจมีโอกาสเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ เกิดจากกล้ามเนื้อในทางเดินระบบปัสสาวะหย่อนตัวลงได้ ดังนั้น คุณแม่จึงควรดื่มน้ำให้พียงพอ ไม่อั้นปัสสาวะ และหารู้สึกปัสสาวะแสบขัด ควรไปพบแพทย์

            • รู้สึกแสบกระเพาะอาหาร

            เนื่องจากกรดที่ช่วยย่อยอาหารในกระเพาะของคุณแม่ลดน้อยลง ทำให้อาหารยังคงค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนานขึ้น นอกจากนี้เวลาที่ลูกดิ้นยังทำให้เกิดการกดทับของกระเพาะอาหาร เกิดเป็นกรดไหลย้อนจนทำให้คุณแม่รู้สึกแสบร้อนกระเพาะอาหาร และอาจมีอาการท้องผูกร่วมได้อีกด้วย

            • ปวดชายโครง

            เพราะขนาดของท้องคุณแม่ที่ใหญ่ขึ้นจนเข้าใกล้ชายโครง จึงทำให้คุณแม่มีอาการเจ็บปวดและเสียดชายโครงด้านใดด้านหนึ่งได้

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

             

            ติดตาม คำแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ 6 เดือน คลิกต่อหน้า 2

              ตั้งครรภ์ 5 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์

              ตั้งครรภ์ 5 เดือน หลังจากในเดือนที่ผ่านมาคุณแม่จะได้ตื่นเต้นกับการดิ้นครั้งแรกของลูกแล้ว การตั้งครรภ์ 5 นี้ ลูกน้อยก็ยังมีพัฒนาการใหม่ๆ มาให้คุณแม่ได้ดีใจกันอีกด้วยค่ะ ไปดูกันว่า พัฒนาการทารกในครรภ์ 5 เดือน จะทำอะไรได้ และคุณแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น

              ตั้งครรภ์ 5 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์

               

              ตั้งครรภ์ 5 เดือน

              ตั้งครรภ์ 5 เดือน การเปลี่ยนแปลง อาการแม่ท้อง

              • ท้องใหญ่ ผิวพรรณเปลี่ยนไป

              ช่วงนี้คนอื่นๆ จะสังเกตได้ชัดเจนแล้วว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะท้องคุณแม่จะใหญ่ เอวจะหายไปชัดเจน แถมยังมีริ้วรอยที่หน้าท้องหรืออาการท้องลายเกิดขึ้นได้บ้างแล้ว นอกจากนี้ผิวหนังตามบริเวณต่างๆ ของคุณแม่เช่น ใบหน้า แขน ไหล่ จะปรากฏให้เห็นเป็นเส้นเลือดฝอยที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น มองดูเหมือนเป็นตาข่ายใยแมงมุม แต่รอยเส้นเลือดฝอยที่เด่นชัดนี้จะหายได้เองหลังคลอดค่ะ

              • ท้องผูก แก้ได้

              ในขณะตั้งครรภ์ คุณแม่มักมีอาการท้องผูกจากการทำงานของฮอร์โมนที่ทำให้ระบบการย่อยเปลี่ยนไป ร่วมกับกระเพาะอาหารและลำไส้ถูกเบียดถูกกดจากมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งวิธีการป้องกันและบรรเทาอาการท้องผูกสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์คือ

              * ดื่มน้ำให้มาก เพื่อช่วยขับของเสียและเพิ่มระดับน้ำในร่างกาย

              * กินผักผลไม้ทุกวัน เพื่อให้ได้รับกากใยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย

              * กินข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือแทนข้าวขาว

              * หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ด รสจัด เพื่อบรรเทาอาการแสบร้อนขณะขับถ่าย

              * ไม่ควรกินยาระบาย แต่เลือกใช้วิธีกินน้ำลูกพรุน หรือน้ำผลไม้ที่น้ำตาลน้อยเพื่อช่วยให้ขับถ่ายง่ายขึ้น

              บทความแนะนำ ตารางเปรียบเทียบสารอาหารใน ลูกพรุนและน้ำลูกพรุน แก้อาการท้องผูก
              • ระบบเผาผลาญ ทำงานมากขึ้น

              ในช่วง ตั้งครรภ์ 5 เดือน คุณแม่อาจจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองขี้ร้อนและเหงื่อออกง่าย สาเหตุเกิดจากระบบเผาผลาญหรือสันดาปในร่างกายที่ทำงานมากขึ้น รวมถึงต่อมไทรอยด์ที่ทำงานเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้คุณแม่รู้สึกร้อนง่าย เหนื่อยง่าย หายใจหอบเป็นบางครั้ง ดังนั้น หากรู้สึกร้อนเมื่อไร ควรนั่งพักในสถานที่ที่มีอากาศเย็นสบาย เปิดเครื่องปรับอากาศนั่งผ่อนคลาย หรืออาบน้ำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นได้ค่ะ

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

               

              ติดตาม คำแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ 5 เดือน คลิกต่อหน้า 2

                ตั้งครรภ์ 4 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์

                ตั้งครรภ์ 4 เดือน ตอนนี้มาสู่การตั้งครรภ์เดือนที่ 4 กันแล้ว ขอยินดีกับคุณแม่ที่จะรู้สึกว่าลูกดิ้นครั้งแรก เพราะลูกน้อยเติบโตและเก่งขึ้นจนเคลื่อนไหวไปมาได้มากยิ่งขึ้น

                ตั้งครรภ์ 4 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์

                 

                ตั้งครรภ์ 4 เดือน

                 

                ตั้งครรภ์ 4 เดือน การเปลี่ยนแปลง อาการแม่ท้อง

                • หน้าท้องขยายใหญ่

                หน้าท้องคุณแม่เริ่มขยายขนาดและโตขึ้น ซึ่งในช่วงนี้มดลูกจะลอยสูงขึ้นจากอุ้งเชิงกรานเข้าสู่ช่องท้องทำให้คุณแม่สามารถคลำยอดมดลูกได้

                • รู้สึกได้ว่าลูกดิ้น

                เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายเดือนที่ 4 คุณแม่จะมีความรู้สึกตื่นเต้นยินดีเป็นครั้งแรก เพราะรู้สึกได้แล้วว่าลูกดิ้นโดยจะเป็นความรู้สึกเหมือนมีปลามาตอดตุบๆ อยู่ในท้องนั่นเอง

                • หัวใจเริ่มทำงานหนัก

                หัวใจของคุณแม่จะเริ่มทำงานหนักขึ้น เพื่อรองรับปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้นมากในร่างกาย เนื่องจากอวัยวะส่วนต่างๆ ที่สำคัญ เช่น มดลูก ผิวหนัง และอื่นๆ ในร่างกายคุณแม่จะต้องการเลือดมาหล่อเลี้ยงเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าตัวเลยค่ะ

                • เส้นเลือดขอด

                เนื่องจากมดลูกที่ขยายใหญ่ขณะตั้งครรภ์ จะไปกดทับหลอดเลือดดำในช่องท้องของคุณแม่ ความดันในหลอดเลือดจึงสูงขึ้น และทำให้หลอดเลือดเล็กๆ บริเวณโคนขา และน่องของคุณแม่ โป่งพองเป็นเส้นเลือดขอดขึ้น แต่คุณแม่สามารถป้องกันเส้นเลือดขอดได้ ด้วยการไม่นั่งหรือยืนห้อยขานานๆ นอกจากนี้เวลาคุณแม่นอน ควรหนุนเท้าให้สูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้เลือดไหลเวียนกลับมาที่หัวใจได้ดีขึ้น

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                 

                ติดตาม คำแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ 4 เดือน คลิกต่อหน้า 2

                  รวมไฟล์โหลดฟรี! แบบฝึกหัดเพื่อพัฒนาทักษะการคิดเลขเร็ว ของระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6

                  แบบฝึกหัดคิดเลขเร็ว …เพราะหลักการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ในระดับชั้นประถมศึกษา จะเริ่มจากรูปธรรม คือ สิ่งที่เป็นรูปร่าง สามารถจับต้องได้ แล้วพัฒนาไปสู่สิ่งที่เป็นนามธรรม ซึ่งต้องใช้ความนึกคิดหรือจินตนาการในการคิด หรือสรุปหาคำตอบจากปัญหาทางคณิตศาสตร์ นั่นเอง

                  โหลดฟรี! แบบฝึกหัดคิดเลขเร็ว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6

                  แบบฝึกหัดคิดเลขเร็ว

                   

                  ในเรื่องของเทคนิคการคิดเลขเร็ว เป็นหลักการคิดวิธีลัด ซึ่งเป็นขั้นสุดท้ายของวิธีการสรุปหาคำตอบ ทำให้เด็กๆสามารถคิดหาคำตอบได้รวดเร็วกว่าวิธีอื่น ทั้งนี้ก่อนใช้วิธีลัด ควรมีความเข้าใจวิธีคิดตามปกติก่อนด้วย

                  ความเร็วในการคิดมีประโยชน์กับเด็กๆ อย่างไร?

                  ให้คุณพ่อคุณแม่ลองนึกง่ายๆ ว่า ในเวลาที่เท่ากันคนที่คิดเร็วกว่า จะมีปริมาณในการคิดหาคำตอบได้มากกว่า นั่นทำให้เขาได้คะแนนสูงกว่า คิดสร้างสรรค์ในสิ่งต่างๆ ได้มากกว่า แต่อย่างไรก็ตามวิชาคณิตศาสตร์ ก็เป็นวิชาทักษะ การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น นอกจากทำให้เกิดทักษะการคิดแล้ว เด็กๆ ยังสามารถนำไปประยุกต์ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย

                  ลำดับขั้นการฝึกคิดเลขเร็วสำหรับเด็ก

                  แบบฝึกหัดคิดเลขเร็ว

                  1. การฝึกพื้นฐาน ควรฝึกให้เกิดทักษะเบื้อต้นก่อน ไม่ควรมองข้ามว่าง่ายเกินไปที่ว่าง่ายเพราะคิด แบบไม่จำกัดเวลา ถ้าให้เวลาน้อยลงจะทำให้ยากขึ้น แบบฝึกคิดเลขเร็วนี้ ต้องให้เวลาตัวเอง ถ้าเห็นว่าง่ายก็ให้เวลาน้อยลง ถ้าเห็นว่ายาก ให้เวลาการทำมากขึ้นตามความสามารถของแต่ละคน
                  2. การฝึกควรมีสมาธิ หาที่สงบเงียบแล้วจับเวลาหรือแข่งขันกับเพื่อน ตั้งใจทำให้เต็มความสามารถ และควรฝึกทุกวัน
                  3. ตรวจหาคำตอบด้วยตัวเอง ช่วยให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ถูกหรือผิดไม่สำคัญ สำคัญว่าตั้งใจคิดหรือเปล่า ถ้ามีข้อผิด คิดผิดอย่างไร ทบทวนข้อผิดพลาดของตนเอง
                  4. บันทึกการฝึกฝน ควรบันทึกการฝึกฝนทุกครั้งเพื่อทราบพัฒนาการของตนเอง จะทำให้ทราบความก้าวหน้าและแข่งขันกับตัวเอง
                  ขอบคุณข้อมูลจาก : อ.ปรีชา  อรุณสวัสดิ์
                  ที่มา : คณิตศาสตร์ดอทคอม

                   

                  ทั้งนี้ทางสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการและการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ จึงได้เล็งเห็นว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายนโยบายให้ดำเนินการเร่งด่วนเรื่องการจัดการเรียนการสอน การคิดเลขในใจ นั้น สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ดำเนินงานการฝึกคิดเลขในใจเพื่อพัฒนาทักษะและกระบวนการคิดทางคณิตศาสตร์ โดยใช้แบบฝึกทักษะการคิดเลขเร็ว ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6
                  โดยให้เขตพื้นที่การศึกษาฯ สถานศึกษา ตลอดจนผู้สนใจ สามารถเข้าไปดาวน์โหลดเอกสารแบบฝึกทักษะการคิดเลขเร็วดังกล่าวได้ที่ http://academic.obec.go.th/web/node/365 ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

                  Amarin Baby & Kids จึงได้รวบรวมไฟล์แบบฝึกหัดเพื่อพัฒนาทักษะการคิดเลขเร็ว ทั้งหมดมาไว้ที่นี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่ สามารถกดดาวน์โหลดแบบฝึกหัด เพื่อเอาไว้สอนลูกๆในแต่ละชั้นที่ลูกกำลังเรียนอยู่ได้เลย

                  >> ดาวน์โหลดไฟล์ “แบบฝึกเพื่อพัฒนาทักษะการคิดเลขเร็ว ของชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6″ คลิกหน้า 2

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                   

                    เผยพื้นที่เสี่ยงภัย 217 จุดในกทม. พ่อแม่รีบเช็คด่วน! บริเวณไม่ปลอดภัยกับลูกและตัวเอง

                    จุดเสี่ยง 217 จุด ในกทม. …ปัจจุบันการที่ผู้หญิงอาศัยอยู่ในเขตเมือง ตอนนี้มีความเสี่ยงต่อปัญหาความรุนแรงทางเพศสูงมาก ไม่ว่าทั้งเด็กเล็ก เด็กโต สาวๆ หรือผู้สูงอายุ ซึ่งที่เกิดเหตุส่วนใหญ่มักเป็นสถานที่พักอาศัยในชุมชนแออัด และสถานที่ที่ต้องใช้บริการขนส่งสาธารณะในเวลากลางคืน

                    สถานที่เหล่านี้ถูกจัดให้เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการถูกคุกคามทางเพศสูงสุด สะท้อน จากข้อมูลปี 2552-2556 มีจำนวนคดีข่มขืนสูงถึง 30,000 คดีต่อปี ซึ่งที่น่าห่วงคือ มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพียง 4,000 คดี หรือเพียงร้อยละ 13 ของจำนวนคดีที่เกิดขึ้นทั้งหมดเท่านั้น

                    จุดเสี่ยง 217 จุด

                    ทั้งนี้ล่าสุด กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) จึงได้ดำเนินการสำรวจจุดเสี่ยงจุดล่อแหลมต่อการเกิดอาชญากรรมในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยพบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 217 แห่ง จึงได้ประสานให้กรุงเทพมหานครทำการปรับปรุงแก้ไขปัญหาด้วยการติดตั้งไฟฟ้า ปรับพื้นที่รกร้าง รื้อถอนอาคารร้าง รวมถึงติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรมที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชน โดยพื้นที่ดังกล่าวประกอบด้วย

                    จุดเสี่ยง 217 จุด ในกทม. ที่พ่อแม่ต้องระวัง

                    กองบังคับการตำรวจนครบาล 1

                    มีจำนวน 11 แห่ง ได้แก่

                    1.บริเวณสะพานลอยคนข้ามถนนหลานหลวง เขตห้วยขวาง
                    2.โรงแรมอวานี่เอเทเรี่ยม บางกอก เขตห้วยขวาง
                    3.สถานีรถไฟสามเสนถนนเทิดดำริ เขตดุสิต
                    4.ริมถนนรัชดาภิเษกตั้งแต่แยกพระราม9-แยกเทียมร่วมมิตร เขตห้วยขวาง
                    5.ริมถนนรัชดาภิเษกตั้งแต่แยกพระราม9-แยกเทียมร่วมมิตรเขตดินแดง
                    6.ถนนเพชรบุรีตั้งแต่แยกราชเทวี-มิตรสัมพันธ์ เขตราชเทวี
                    7.ถนนราชินีหน้าสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ต่อเนื่องถนนพระอาทิตย์ ถึงบริเวณโค้งใต้สะพานพระปิ่นเกล้า เขตพระนคร 8.ซอยวัดประชาระบือธรรมเขตดุสิต
                    9.ถนนภายในซอยหอการค้าถนนประชาสงเคราะห์ เขตดินแดง
                    10.ถนนประชาราษฎร์สาย 1 หน้าร้านอาหารบ้านสเต็กเขตบางซื่อ
                    11.ถนนประชาราษฎร์สาย 1 บริเวณหน้าร้านข้าวต้มรุ่งโรจน์เขตบางซื่อ

                    กองบังคับการตำรวจนครบาล 2

                    มีจำนวน 39 แห่ง ได้แก่

                    1.ถนนประชาราษฎร์สาย 2 บริเวณจุดกลับรถใต้สะพานสูงเขตบางซื่อ
                    2.ถนนในซอยสรงประภา 28 เขตดอนเมือง
                    3.ริมถนนกำแพงเพชร 6 หน้าโรงเรียนทหารอากาศบำรุง
                    4.ใต้สะพานลอย 5 แยกลาดพร้าวเขตจตุจักร
                    5.สวนหย่อมรัชวิภาเขตจตุจักร
                    6.ป้ายรถประจำทางหน้ากรมป่าไม้ เขตจตุจักร
                    7.ท้ายซอยพหลโยธิน 64/1 เขตสายไหม
                    8.ถนนสายไหม 17 เขตสายไหม
                    9.บ้านร้างหมู่บ้านศรีธราวรรณถนนวัดเกาะ เขตสายไหม
                    10.ซอยเพิ่มสิน 64 ถนนเพิ่มสิน เขตสายไหม
                    11.ซอยสายไหม 60 ถนนสายไหม เขตสายไหม
                    12.ถนนสุขาภิบาล 5 แยก 77 ถนนสุขาภิบาล 5 เขตสายไหม
                    13.ใต้ทางด่วนหมู่บ้านจิรทิพย์ถนนสุขาภิบาล 5 เขตสายไหม
                    14.ซอยวัชรพลซอย 4 ถนนวัชรพล เขตสายไหม
                    15.ทางเท้าหน้าสวนลุมไนท์บาซาถนนลาดพร้าวขาเช้า เขตจตุจักร
                    16.ปากซอยและภายในซอยลาดพร้าว 20 เขตจตุจักร
                    17.ริมถนนลาดพร้าวหน้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินพหลโยธินเขตจตุจักร
                    18.สำนักงานเขตสายไหม
                    จุดที่19.-27. ทางสำนักงานเขตหลักสี่ กำลังติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่าง
                    จุดที่ 28-30 เป็นจุดเสี่ยงในพื้นที่สน.โคกคราม อยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่
                    31.ชุมชนรัชดาเขตจตุจักร
                    32.ซอยประชาชื่น 37 เขตบางซื่อ
                    33.ป้ายรถประจำทางหน้าธนาคารทหารไทยสำนักงานใหญ่ เขตจตุจักร
                    34.หน้าโรงเรียนการบินพลเรือนถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร
                    35.ป้ายรถประจำทางซอยวิภาวดี 5 เขตจตุจักร
                    36.ริมฟุตปาธถนนกำแพงเพชร 3 เขตจตุจักร
                    37.บ้านพักรถไฟแฟลต 10 กม. ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร
                    38.ป้ายรถประจำทางปากซอยพหลโยธิน 4 เขตพญาไท
                    39.ภายในซอยอารีย์ 5 เขตพญาไท

                    อ่านต่อ >>  พื้นที่เสี่ยงภัยในกทม. เขตกองบังคับการตำรวจนครบาล 3” คลิกหน้า 2

                     

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                     

                      แชร์ประสบการณ์จากแม่ คลอดลูกก่อนกำหนด เพราะสายรกพันกัน

                      แชร์ประสบการณ์จากแม่ คลอดลูกก่อนกำหนด การตั้งครรภ์ที่สมบูรณ์ครบ 9 เดือน ที่ไม่มีปัญหาแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่แม่ท้องต่างก็ปรารถนา เราได้รับเรื่องจากคุณแม่ท่านหนึ่งที่ต้องคลอดลูกก่อนกำหนด ตอนอายุครรภ์ได้เพียง 7 เดือน ซึ่งสาเหตุมาจาก “สายรกพันกัน”  ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีสาเหตุจากการตั้งครรภ์ครั้งนี้มาให้คุณแม่ท้องได้เฝ้าระวังกันค่ะ

                       

                       แชร์ประสบการณ์จากแม่ คลอดลูกก่อนกำหนด

                      คุณแม่เจ้าของเรื่องคลอดลูกก่อนกำหนดตอน 7 เดือน ได้อนุญาตให้ทีมงานนำเรื่องมาแชร์ประสบการณ์เพื่อให้คุณแม่ท้องท่านอื่นๆ ได้ตระหนักถึงสุขภาพขณะตั้งครรภ์ รวมถึงอาการสายรกพันกันที่คนท้องควรต้องระวัง คุณแม่มิ้วเพิ่งคลอดลูกสาวไปเมื่อเร็วนี้ๆ และเธอต้องคลอดตอนอายุครรภ์ 7 เดือน คุณแม่มิ้วให้ข้อมูลถึงสาเหตุการคลอดก่อนกำหนด เพราะสายรกพันกัน ชนิดที่ว่าลูกในท้องไม่ได้รับสารอาหารจากแม่ และลูกก็หายใจช้า ซึ่งตอนผ่าคลอดลูกสาวของคุณแม่ก็ไม่หายใจ แต่ด้วยความช่วยเหลือจากทีมแพทย์ทำให้ลูกสาวตัวน้อยของคุณแม่ปลอดภัยขึ้นมาอีกครั้ง  แต่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จนตอนนี้สามารถหายใจได้เอง แต่ก็ยังต้องอยู่ในตู้อบจนกว่าร่างกายทุกอย่างสมบูรณ์จึงจะได้กลับบ้าน

                      อาการก่อนที่คุณแม่มิ้วจะคลอดน้องออกมาคือ ได้สังเกตอาการดิ้นของลูกในท้องและเห็นว่าลูกไม่ค่อยดิ้น บางวันก็ดิ้นไม่ถึง 10 ครั้ง ก่อนคลอดประมาณ 3-4 วันที่มีอาการลูกไม่ค่อยดิ้น คุณแม่จึงไปพบคุณหมอตามนัด ซึ่งคุณหมอได้ตรวจคลื่นหัวใจของลูกในท้องทุกวัน ซึ่ง 1-3 วันแรกพบหัวใจเต้นปกติ แต่พอมาวันที่ 4 คุณหมอได้ฟังเสียงหัวใจลูกในท้องกลับพบว่ามีการเต้นที่ผิดปกติ อาการคือลูกหยุดหายใจ และกลับมาหายใจอีกครั้ง

                      แชร์ประสบการณ์จากแม่ คลอดลูกก่อนกำหนด
                      ลูกสาวคุณแม่มิ้ว อายุ 12 วัน

                      จากนั้นได้มีการส่งตรวจเพื่อทำอัลตราซาวนด์ดูพัฒนาการลูกในท้อง และติดตามการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ ช่วงที่อัลตราซาวนด์ไม่พบว่ามีสายรกพันกัน แต่เนื่องด้วยหัวใจลูกเต้นช้ามาก คุณหมอจึงต้องทำการผ่าคลอดให้คุณแม่ที่เพิ่งอายุครรภ์ได้เพียง 7 เดือนเท่านั้น หลังจากผ่าคลอดลูกออกมาแล้ว ลูกสาวคุณแม่มิ้วมีน้ำหนักแรกคลอดที่ 1,024 กรัม คุณแม่ยังได้รับแจ้งจากคุณหมอด้วยว่าสายรกลูกพันกันจนเกือบขาด เหตุการณ์ครั้งนี้เกือบทำให้คุณแม่ต้องสูญเสียลูก แต่ด้วยปาฏิหาริย์ลูกสาวของคุณแม่มิ้วตอนนี้มีอายุได้ 12 วันแล้วค่ะ และมีสัญญาณที่ดีว่าจะแข็งแรงสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ และก็จะกลับบ้าน ทีมงาน Amarin Baby & Kids ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่มิ้ว และลูกสาวตัวน้อย ขอให้แข็งแรงทั้งคุณแม่คุณลูกค่ะ

                      อ่านต่อ >> “อันตรายจากการคลอดก่อนกำหนด” หน้า 2

                       

                       

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                        น้ำนมไหลมาเทมา

                        วิธีเพิ่มน้ำนม 5 STEPS! เรียกน้ำนมง่ายๆ เพื่อลูกน้อย

                        วิธีเพิ่มน้ำนม …คุณแม่มือใหม่หลายคนมักกังวลว่า ตัวเองจะมีน้ำนมน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูก พอเห็นลูกร้องหิวบ่อยๆ ก็ยิ่งเครียด ยิ่งกังวล จนบางครั้งจากที่เคยมีน้ำนมให้ลูกแบบพอดีๆ ก็พานน้อยลงไปจริงๆ เพราะความเครียดจากการคิดเองว่า  “น้ำนมฉันน้อย”

                        และเพื่อไม่ให้คุณแม่เกิดการสับสนว่า จริงๆ แล้วน้ำนมน้อย เพราะความจริงคุณแม่ที่ให้นมทุกคนมีน้ำนมเพียงพอต่อลูกน้อยของตนเองอยู่แล้ว และเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคุณแม่ให้นม Amarin Baby & Kids จึงมีวิธีเรียกน้ำนมง่ายๆให้เพียงพอกับลูกน้อยของคุณ ด้วย 5 ขั้นตอนดังนี้

                        วิธีเพิ่มน้ำนม 5 STEPS เรียกน้ำนมเพื่อลูก

                        วิธีเพิ่มน้ำนม

                        STEP 1 : “เชื่อมั่น” ฉันทำได้!

                        คุณหมอแนะนำว่า ก่อนอื่นคุณแม่ต้องเชื่อมั่นก่อนว่า คุณแม่ทุกคนสามารถให้นมลูกได้ เพราะจากงานวิจัย คุณแม่ 95-97% มีน้ำนมเพียงพอสำหรับลูกน้อยอย่างแน่นอน มีเพียง 3-5% เท่านั้นที่ผลิตน้ำนมได้ไม่เพียงพอจริง ๆ จึงจำเป็นต้องให้ลูกกินนมชง เพียงแต่ใน 95-97% นั้นอาจผลิตได้มากน้อยแตกต่างกันออกไป คุณหมอยกตัวอย่างกรณีของตัวคุณหมอเองว่า คุณหมอผลิตน้ำนมได้อยู่ตรงกลางของค่าเฉลี่ยเช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่ คือ มีน้ำนมให้ลูกพอกิน และยังปั๊มออกมาเก็บไว้ได้อีกวันละ 20 กว่าออนซ์ ส่วนคนที่มีน้ำนมเกินกว่าค่าเฉลี่ยจะสามารถปั๊มน้ำนมเก็บไว้ได้วันละมากกว่า 30 ออนซ์ขึ้นไป และคนที่น้อยกว่าค่าเฉลี่ย อาจปั๊มน้ำนมเก็บได้วันละ 15-10 ออนซ์ แต่ก็เพียงพอต่อความต้องการของลูกน้อยอยู่ดี ดังนั้นก่อนอื่นคุณแม่ต้องเชื่อมั่นก่อนว่า เราจะอยู่ในกลุ่ม 95-97% ที่สามารถให้นมลูกได้ แล้วปฏิบัติตามที่หมอแนะนำ ก็จะสามารถสร้างน้ำนมให้ลูกได้ไม่ยากเลยค่ะ

                        STEP 2 : กินให้ถูกวิธี

                        ปู่ย่าตายายมักแนะนำให้คุณแม่กินแกงเลียง หัวปลี และอีกสารพัดเมนูเพื่อบำรุงน้ำนม แต่คุณหมอยืนยันชัดเจนว่า อาหารเหล่านั้นยังไม่มีงานวิจัยใดคอนเฟิร์มได้ว่าช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมจริง อีกทั้งการเร่งกินอาหารบำรุงชนิดใดชนิดหนึ่งในปริมาณมากกว่าปกติตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ อาจเป็นเหตุให้ลูกน้อยมีอาการแพ้สิ่งนั้นได้ หลักการกินที่จะช่วยเพิ่มน้ำนมและได้ผลจนคุณหมอขอฟันธง มีเพียงการกินอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่ให้พลังงานและแคลเซียมเพียงพอ โดยพลังงานที่ใช้สำหรับผลิตน้ำนมเพื่อลูกน้อยในแต่ละวันอยู่ที่ 500 กิโลแคลอรี ดังนั้นคุณแม่ต้องการสารอาหารเพิ่มเพียง 500 กิโลแคลอรีต่อวัน หรือรับประทานอาหารเพิ่มอีกเพียง 1 มื้อเท่านั้น เช่น จากที่กินอยู่ 2,000 กิโลแคลอรีต่อวัน ก็เพิ่มเป็น 2,500 กิโลแคลอรี หรือหากร่างกายคุณแม่ค่อนข้างสมบูรณ์อยู่แล้ว ควรเริ่มที่การกินอาหารวันละ 1,500 กิโลแคลอรี แต่หากต้องให้นมลูกน้อยด้วยก็เพิ่มเป็น 2,000 กิโลแคลอรีเท่านั้น ดังนั้นอาหารบำรุงทั้งหลาย แม้จะเป็นของดีมีประโยชน์ แต่หากกินมากไป หรือบำรุงแต่อาหาร ไม่ปั๊มน้ำนมหรือให้นมลูกอย่างสม่ำเสมอ พลังงานทั้งหมดก็จะกลายไปเป็นไขมันสะสมให้คุณแม่คนเดียวได้นะคะ

                        ♥ บทความแนะนำน่าอ่านเมนูอาหารเพิ่มน้ำนมให้แม่ลูกอ่อน
                        ♥ บทความแนะนำน่าอ่านผักผลไม้เพิ่มน้ำนม 20 ชนิด เพิ่มน้ำนมให้คุณแม่

                         

                        อ่านต่อ >>”STEP 3 การสร้างสัญชาตญาณแม่ลูกตั้งแต่แรกคลอด” คลิกหน้า 2

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                         

                          ลูกขี้ร้อน นอนเปิดพัดลม เสี่ยงปอดบวม

                          ลูกขี้ร้อน นอนเปิดพัดลม เสี่ยงปอดบวม หรือไม่?

                          ลูกขี้ร้อน นอนเปิดพัดลม เสี่ยงปอดบวม ในเด็กทารกบางคนเป็นเด็กขี้ร้อนมาตั้งแต่เกิด เวลานอนแม่ต้องเปิดพัดลม เปิดแอร์ให้ตลอด แล้วยิ่งหน้าร้อนก็เพิ่มความร้อนอบอ้าวให้ลูกได้เหงื่อซึมอยู่ตลอด แบบนี้ต้องนอนเปิดพัดลมทุกวัน แล้วจะเสี่ยงป่วยไข้ได้หรือเปล่านะ ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำตอบมาให้คุณแม่ได้คลายความกังวลใจกันค่ะ

                           

                          ลูกขี้ร้อน นอนเปิดพัดลม เสี่ยงปอดบวม ได้หรือไม่?

                          คุณแม่ที่ลูกไม่ได้ขี้ร้อนมาก อาจสงสัยว่าแล้วทำไมก็แค่เปิดพัดลมให้ลูก จะถึงขั้นปวดบวมได้เลยหรือ  เรื่องนร่มีอยู่ว่าคุณแม่ได้ส่งคำถามเข้ามาว่า

                           

                          “ลูกอายุ 2 เดือน เป็นเด็กขี้ร้อนมาก มีเหงื่อเยอะ ตัวเหนียวต้องให้ใส่เสื้อผ้าบางๆ และเปิดพัดลมให้ตลอด จะเสี่ยงเป็น ปอดบวม หรือไม่ และถ้าไม่เปิดพัดลม จะแก้ปัญหาลูกขี้ร้อนอย่างไรดี?

                           

                          จริงๆ การเปิดพัดลมไม่น่าจะทำให้ลูกป่วยได้ใช่ไหมคะ แต่ติดอยู่ตรงที่คุณแม่บอกว่าให้ลูกใส่เสื้อผ้าบางๆ ด้วยขณะที่เปิดพัดลมให้ ทีนี้เราก็ต้องไปดูว่าการเปิดพัดลมให้ลูกเล็กๆ แบบไหนถึงจะถูกต้อง และปลอดภัยต่อสุขภาพของลูกโดยเฉพาะกับเด็กวัยทารก

                          ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรทำความเข้าใจกับโรคปอดบวมกันก่อนว่าแท้จริงแล้วอาการเป็นอย่างไร จะเกิดขึ้นเพราะเปิดพัดลมให้ลูกตลอดเวลาหรือเปล่า เรื่องนี้เรามีคำตอบจาก แพทย์หญิงสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด(1) ซึ่งคุณหมอได้อธิบายไว้ ตามนี้ค่ะ

                           

                          Must Read >> ไข้ หรือ ตัวร้อน เรื่องที่พ่อแม่ต้องรู้ และดูอาการลูกให้เป็น!!

                           

                          Good to know…ไข้ หมายถึง ภาวะที่อุณหภูมิร่างกายขึ้นสูงผิดปกติ โดยค่าปกติของอุณหภูมิที่วัดทางทวารคือ 36.6-38 องศาเซลเซียส วัดทางปาก 35.5-37.5 องศาเซลเซียส วัดทางรักแร้ 34.7-37.3 องศาเซลเซียส และวัดทางหู 35.8-38.0 องศาเซลเซียส

                          อ่านต่อ >> “อาการของโรคปอดบวม หรือปอดอักเสบ” หน้า 2

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                            ช็อกโกแลตซีสต์ โรคภายในผู้หญิง

                            ช็อกโกแลตซีสต์ โรคภายในผู้หญิง ที่ต้องระวัง!

                            ช็อกโกแลตซีสต์ โรคภายในผู้หญิง ครั้งนี้เราจะมาพูดถึงโรคภายในของผู้หญิงที่เรียกว่า “ช็อกโกแลตซีสต์” เพราะคนใกล้ตัวเป็นกันเยอะมาก ช็อกโกแลตซีสต์ชื่อดูเหมือนหอมหวานใช่ไหมคะ แต่จริงๆ แล้วไม่เลยเพราะโรคภายในผู้หญิงโรคนี้ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้มีลูกยาก ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีข้อมูล ช็อกโกแลตซีสต์ โรคภายในผู้หญิง ที่ต้องระวัง มาให้ทราบกันค่ะ

                             

                            ช็อกโกแลตซีสต์ โรคภายในผู้หญิง คืออะไร?

                            ผู้หญิงทุกคนที่กำลังเข้าสู่วัยเริ่มเจริญพันธุ์ก็จะช่วงอายุประมาณ 15-17 ปี ที่จะเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกกัน แต่ปัจจุบันนี้เด็กผู้หญิงบางคนโตวัยอุดมสมบูรณ์มากก็จะมีประจำเดือนกันตั้งแต่อายุ 11 ปีขึ้นไป ซึ่งการมีประจำเดือน ช็อกโกแลตซีสต์ก็เริ่มเกิดขึ้นได้

                            กำลังสงสัยใช่ไหมว่า ช็อกโกแลตซีสต์ เริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นภายในร่างกายของผู้หญิงได้อย่างไร สำหรับโรคภายในผู้หญิงโรคนี้ ก็คือการที่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เป็นภาวะที่เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกไปเติบโตนอกโพรงมดลูก คือ บางทีก็ไปเจริญที่ข้างมดลูกในอุ้งเชิงกราน หรือไม่ก็ในเนื้อของมดลูก เป็นต้น การที่เซลล์เกิดการเจริญผิดที่ ร่างกายตรงบริเวณที่เซลล์เยื่อบุโพรงไปเจริญผิดที่อยู่นั้นมีอาการแสดงฟ้องออกมา ทำให้รู้สึกปวดท้อง พอถึงรอบประจำเดือนมา ก็จะมีเลือดส่วนหนึ่งที่ไหลไปอยู่ในเซลล์ที่เจริญผิดที่ เมื่อสะสมมากขึ้นก็จะกลายเป็นซีตส์ นั่นก็คือ ช็อกโกแลตซีตส์(Chocolate cyst) จะสังเกตได้กับคนที่มีประจำเดือนที่มาในปริมาณปกติ คือ ในหนึ่งวันอาจเปลี่ยนผ้าอนามัยแค่ 2 แผ่น แต่สำหรับคนที่เป็นช็อกโลแตซีสต์ มักจะมีปริมาณประจำเดือนที่มามากกว่าปกติ ผ้าอนามัยเปียกชุ่มต้องเปลี่ยนวันนึงหลายรอบ และในวันแรกๆ ของการมีประจำเดือนในแต่ละรอบจะมีอาการปวดท้องมาก ปวดเหมือนมีแผลอักเสบอยู่ข้างในมดลูก บางคนปวดท้องเมนส์จนเป็นลมเลยก็มีค่ะ

                            อ่านต่อ >> “สาเหตุของการเกิดโรคช็อกโกแลตซีสต์” หน้า 2

                             

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                              3 วิธีขั้นเทพ! ฝึกลูกให้เป็น “เด็กน่ารัก” สำหรับทุกคนก่อนวัยประถม

                              เพราะ ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน แล้วคุณพ่อคุณแม่จะ เลี้ยงลูกอย่างไรให้น่ารักสำหรับทุกคน … แม้คุณพ่อคุณแม่จะรู้สึกเสมอว่า “ลูกของฉันทำอะไรก็น่ารักน่าเอ็นดู” แต่จะเชื่อมั่นได้อย่างไรว่า เมื่อเขาได้ไปอยู่สังคมนอกบ้าน คนอื่นจะยังมองว่าเขาน่ารักเหมือนอย่างที่คุณพ่อคุณแม่มอง!!

                              Continue reading “3 วิธีขั้นเทพ! ฝึกลูกให้เป็น “เด็กน่ารัก” สำหรับทุกคนก่อนวัยประถม”

                                ลองแล้ว มั่นใจ!! เซรั่มอัญชัน เพื่อผมดกดำของคุณหนู

                                หากคุณแม่กำลังกังวลใจกับเรื่องผมบางคิ้วบางของลูกน้อย หรือแม้กระทั่งปัญหาผมบางของผู้หญิงเรา ลองมาดูประสบการณ์จากผู้ใช้จริงและวิธีการแก้ไขปัญหาให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปด้วยดี จนลูกน้อยและคุณแม่มีผมสวยกันได้ทุกคนค่ะ

                                • มาร์ลินเผยเคล็ดลับผมดกหนาและยาวเร็วภายใน 1 เดือน

                                ai+aoon

                                14 ตค 2557 น้องมาร์ลินลืมตาดูโลก ในขณะที่ทุกคนกำลังชื่นชมในความน่ารักของทารกน้อย คุณพระ!!! ลูกดิฉัน ฉายแววหัวเหม่งมาแต่ไกล เริ่มกังวลนิดๆ หลังจากนั้นก็เริ่มค้นหามองหาตัวช่วย แน่นอนตามโบราณว่า ไม่พ้นอัญชัน พอทาลูกเสร็จ ก็เลอะเทอะไปหมดทั้งแม่ทั้งลูก เหงื่อออกก็ไหลมาติดเสื้อแม่ วุ่นวายไปหมด ชุดสวยตัวเก่งต่างเลอะด้วยอัญชันที่แอบทิ้งคราบไว้บางๆ

                                จนเมื่อมาพบ ai+aoon นวัตกรรมใหม่ของเด็กยุคนี้ กับการทำอัญชันมาสกัดคัดแต่สรรพคุณเด็ดๆ มาล้วนๆ อ่านแล้วมันต้องลองสักหน่อย จัดมาทั้งเซรั่มใส่ผมและคิ้ว เซรั่มใส่ผม ซึมเร็วมาก ไม่เหนียวไม่ทำให้รำคาญ ใส่เหมือนบำรุงผม น้องมาร์ลินชอบมาก พอทำเองได้ ก็เริ่มขอแม่ใส่เองส่วนเซรั่มคิ้ว จับถนัดมือ วาดแล้วไม่เลอะเทอะ ไม่หก ทั้งสองชิ้นคุ้มค่า คุ้มราคามาก 1 ขวดใช้ได้นานมากจนแอบคิดว่า ร้านจะกำไรมั้ย ใช้ได้นานขนาดนี้ ราคาก็ไม่แพงเลย เลิฟจริงๆ

                                ai+aoon

                                1 เดือนผ่านไป หลังใช้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นผลชัดเจนขึ้นว่าลูกสาวเริ่มฉายแววสวยเพราะผมหนาขึ้น คิ้วก็เข้มขึ้น อย่างเห็นได้ชัด ถือว่าผลเป็นที่น่าพอใจคุณแม่อย่างมาก ขอบคุณผลิตภัณฑ์ดีๆ จาก ai+aoonที่ทำให้สาวหัวเหม่งหายไป มีแต่สาวน้อยแสนสวย ผมสลวยสวยเก๋ ยังคงเป็นแฟน ai+aoonต่อไป ใช้กันไปยาวๆ : แม่ลูกปลา น้องมาร์ลิน

                                 

                                • น้องอชิ หล่อเข้มเพราะมีคิ้ว

                                ai+aoon

                                น้องชื่อน้องอชิค่ะ ตอนนี้อายุ 1ขวบ 6 เดือนตอนเกิดคิ้วบางมากๆ ค่ะ แทบจะมองไม่เห็นคิ้วเลยก็เลยหาอัญชันสดมาเขียนก่อน เพราะกลัวคิ้วจะบางเหมือนแม่555 ใช้อัญชันเขียนทีคิ้วเลอะ เหมือนยักษ์ เขียนลำบากมากเพราะลูกไม่ค่อยอยู่นิ่ง

                                ai+aoon

                                โชคดีมีคนแชร์เพจไออุ่นมาพอดี เลยลองเข้าไปดูรีวิว เห็นรีวิวเยอะมากกกก เลยตัดสินใจซื้อมาใช้ทันทีพอได้ลองใช้แล้วรู้สึกมันใช่เลย !! ชอบมากก ทาง่ายค่ะ ไม่เลอะ ลูกไม่แพ้ พกติดกระเป๋าเลย นึกได้ตอนไหนก็เขียนตอนนั้น ตอนนี้ลูกคิ้วสวยกว่าแม่เยอะเลย ปลื้มค่ะ  ลูกชายหล่อเข้มขึ้นเพราะมีคิ้วแล้ว ขอบคุณ ai+aoon มากค่ะ^^

                                 

                                • ตัวช่วยเด็ดๆแก้ปัญหาผมร่วงของคุณแม่ณิชนันท์

                                ai+aoon

                                สวัสดีค่ะ ชื่อณิชนันท์อายุ 35 ปีนะคะ จากตอนแรกเป็นคนที่มั่นใจในผมของตัวเองมากๆ ว่าเป็นคนที่เส้นผมแข็งแรง ยาวเร็ว หนา ดำ ปลื้มมาก…พอช่วงที่ตั้งครรภ์ก็เคยได้ยินที่โบราณว่าไว้ถ้าลูกจำหน้าได้ผมแม่จะร่วง ตอนช่วงแรกที่ลาเลี้ยงลูกอยู่บ้านก็ยังเฉยๆ  เพราะยังไม่มีอาการผมร่วงให้เห็น  แต่พอขวัญข้าวอายุได้ 4 เดือน เริ่มมีการสังเกตเห็นถึงเส้นผมที่ร่วงอยู่ตามพื้นบ้านเป็นจำนวนมาก  รวมไปถึงเวลาหวีผมหรือสางผม จะมีเส้นผมติดออกมาเป็นกำๆ  ตอนนั้นเริ่มเครียดแต่หลายๆ คนที่เคยมีลูกบอกเดี๋ยวก็หาย  ช่วงนั้นไม่กล้าหวีผมหรือจับเส้นผมเลย  รวมไปถึงเริ่มมีอาการหัวล้านตรงขมับทั้ง 2 ข้าง  ยิ่งเครียดและดูแย่กว่าเดิม

                                ai+aoon

                                จนได้มารู้จักกับเซรั่มอัญชันสกัด  ai+aoon  ที่จริงๆ แล้วตั้งใจซื้อมาทาให้ขวัญข้าว เพราะพอนางโกนผมไฟเสร็จผมดันไม่ค่อยจะยอมขึ้นซะงั้นทั้งๆ ที่ตอนคลอดออกมาคิ้ว ผมมาเต็ม พอทาเซรั่มให้ลูกเสร็จก็เอามือที่ยังมีเซรั่มอยู่มาถูๆ ที่ขมับแม่ต่อ ผ่านมาประมาณ 4 เดือน เริ่มมีไรผมขึ้นมาบริเวณขมับให้เห็น จนตอนนี้เริ่มงอกกลับมาจนหนาขึ้นเกือบๆ เท่าเดิมแล้ว รวมไปถึงผมและคิ้วของขวัญข้าวก็เริ่มหนาและยาวขึ้นเหมือนๆ ตอนคลอดแล้ว ดีใจมากๆๆเลยค่ะ ต้องขอขอบคุณผลิตภัณฑ์ดีๆๆแบบนี้ด้วยนะคะ เรื่องผมและคิ้วต้องยกให้ ai+aoon เค้าเลยค่ะ

                                 

                                • น้องนวิน กับความประทับใจในเซรั่มอัญชัน ai+aoon

                                จุดเริ่มต้นที่รู้จัก Butterfly pea baby hair serum ของ ai+aoon baby เนื่องจากไปเดินงาน Amarin baby & kids fair ที่ไบเทคบางนา ตอนนั้นยังท้องอยู่ใกล้ๆคลอด เราก็มองหาพวกเซรั่มบำรุงผม คิ้ว ให้ดกดำ อะไรทำนองนี้อยู่แล้ว พอดีไปเจอในงานนี้ ก็จัดมาเลย 1 ขวด พอถึงวันกำหนดผ่าคลอดคุณแม่ตื่นเต้นมากกกก….แรกเกิดน้องนวินก็พอมีผมมีคิ้วอยู่บ้างนะคะ

                                ai+aoon

                                แต่ก็ยังไม่มากเท่าที่แม่ต้องการ รอจนน้องอายุครบ 1 เดือน ก็เริ่มใช้เลย ทาทุกวันเช้า-เย็น พอน้องอายุ 2 เดือน ผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ

                                ai+aoon

                                ก็ยังคงทาๆๆให้น้องไปเรื่อยๆ เพราะคุณแม่ชอบที่เนื้อเซรั่มไม่เหนียวเหนอะหนะ ทำให้น้องไม่รู้สึกรำคาญ ไม่มีกลิ่น/สี ใช้แล้วไม่ต้องล้างออก ที่สำคัญปราศจากน้ำหอม และพาราเบนด้วยค่ะ นี่ก็คือรูปน้องช่วงอายุ 3 เดือน จนถึงปัจจุบันค่ะ และก็คิดว่าจะใช้ต่อไปเรื่อยๆค่ะ

                                 

                                • อยากดูมีคิ้วเวลาหน้าสด มุกเลือกใช้ ai+aoon ค่ะ

                                ai+aoon

                                สวัสดีค่ะ ชื่อมุกนะคะ ตอนนี้อายุ 21 ปีค่ะ ปกติเป็นคนคิ้วบางมาก คุณพ่อคุณแม่ก็คิ้วบาง พอดีมีพี่แนะนำเซรั่มai+aoonมาให้ลองใช้ เพราะลูกของพี่เค้าใช้แล้วคิ้วเข้มขึ้น ซึ่งปกติที่บ้านก็ชอบใช้สินค้าที่ทำจากธรรมชาติ และสินค้าของเด็กอยู่แล้วเพราะรู้สึกว่าอ่อนโยนดี ก็เห็นว่าน่าสนใจดี ก็เลยลองใช้ดู ใช้ไปได้ประมาณเดือนนึง ทาทุกวันเช้า-เย็นหลังอาบน้ำ ตามคำแนะนำ แล้วลองถ่ายรูปเอามาเปรียบเทียบกัน เออ..มันใช่เลย คิ้วดูเข้มขึ้นจริง

                                เพื่อนที่พักอยู่หอด้วยกันก็ทักว่า พักนี้คิ้วดูเข้มขึ้นนะ ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้บอกใครนะ แสดงว่าเพื่อนก็สังเกตเห็นเหมือนกัน รู้สึกชอบมากๆๆเลยค่ะ ตอนแรกคิดว่าสินค้าเด็ก เราใช้อาจจะไม่เห็นผล แต่มันใช้ได้จริง เห็นผลจริง ปัจจุบันเป็นไอเทมขาดไม่ได้เลยค่ะ แต่ก็ไม่ได้ทาทุกวันนะคะ พอเข้มแล้วก็ทา วันเว้น 2 วัน นึกขึ้นได้ก็ทา เพื่อบำรุงคิ้วให้ดูเข้มและเรียงตัวสวยค่ะ ขอบคุณผลิตภัณฑ์ดีๆจากai+aoonมากๆค่ะ

                                เซรั่มอัญชัน ai+aoon

                                FB : ai+aoon Baby Thailand

                                Line: @aiaoon

                                IG : aiaoonfanpage

                                www.aiaoon.com

                                *********************************************************************

                                  การดื่มชา มีผลต่อแม่และเด็ก

                                  การดื่มชา มีผลต่อแม่และเด็ก อันตรายหรือไม่อย่างไร?

                                  การดื่มชา มีผลต่อแม่และเด็ก ชาเป็นเครื่องดื่มที่ทุกคนต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี เวลาที่อยากดื่มชาสักแก้ว เรามักจะดื่มกันในวันที่อากาศเย็นๆ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นแก่ร่างกาย หรือดื่มชาช่วงบ่ายๆ เพื่อเป็นการผ่อนคลายร่างกาย และอารมณ์  แต่ทราบกันไหมคะว่า การดื่มชา มีผลต่อแม่และเด็ก หรือไม่อย่างไร ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำตอบมาให้ทราบกันค่ะ

                                   

                                  การดื่มชา มีผลต่อแม่และเด็ก – มาทำความรู้จักกับ “ชา” กันสักนิด

                                  เชื่อว่าทุกคนคงเคยดื่มชากันมาบ้าง และส่วนใหญ่ก็ยังจัดให้เครื่องดื่มชาเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มสุดโปรด เพราะนอกจากจะชงดื่มอุ่นๆ  ชายังนำมาผสมเป็นเครื่องดื่มเย็นชื่นใจคลายร้อนได้อีกด้วย สำหรับ “ชา”  เป็นพืชตระกูลคาเมลเลีย (Camelliea) ซึ่งชื่อทางพฤกษศาสตร์จะเรียกว่า Camelliea sinensis มีถิ่นกำเนิด อยู่ในประเทศอินเดีย และประเทศจีน ผลผลิตของชาที่ได้จากยอดใบ สามารถนำมาเข้าสู่ขบวนการผลิตชา ที่ได้ทั้ง ชาขาว ชาเขียว ชาดำ และชาอูหลง ฯลฯ

                                   

                                  Must Read >> 10 ข้อห้าม คนท้องอ่อนๆ ต้องระวังอะไรบ้าง?

                                   

                                  3 ส่วนประกอบสำคัญในชา คือ เมทิลแซนทีน (Methylxanthines) แทนนิน (Tea /tannins) และส่วนที่ให้กลิ่นหอม (Aromatic Principles) ใบชาสดประกอบด้วย เซลลูโลส ไฟเบอร์และโปรตีน ซึ่งมีปริมาณของแข็งรวมกันได้ 25 % โดยปริมาตรและมีสารที่ละลายน้ำได้ คือ แทนนิน คาเฟอีน โปรตีน กัม (Gummy Matter) และน้ำตาล(1)

                                  อ่านต่อ >> “อันตรายจากการดื่มชา ต่อแม่และเด็ก” หน้า 2

                                   

                                   

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                    ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ จำเป็นแค่ไหน

                                    ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ จำเป็นแค่ไหน สามีภรรยามือใหม่ที่ต้องการมีลูกน้อยมักพบเจอคำถามคาใจว่าควรตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์หรือไม่ ถ้าตรวจสุขภาพควรตรวจอะไรบ้าง โปรแกรมสุขภาพอะไรที่ควรเลือก และถ้าไม่ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ล่ะ ลูกน้อยจะมีผลกระทบอะไรไหม วันนี้เรามีคำตอบไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยามาให้คำแนะนำค่ะ

                                    ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์

                                    ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ จำเป็นแค่ไหน

                                    • จำเป็นต้อง ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ไหม?

                                    การตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์อาจไม่มีความจำเป็นสำหรับใครก็ตามที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงปกติ แต่ผู้หญิงที่มีโรคประจำตัว หรือคนที่รับประทานยาเป็นประจำควร ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ และปรึกษาคุณหมอว่า ยาที่รับประทานจะมีปัญหาหรือส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์หรือไม่

                                    • ทำไมต้องตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์

                                    การตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ช่วยลดความเสี่ยงลูกพิการหรือมีภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้ คุณหมอจะซักถามเกี่ยวกับโรคประจำตัว เพราะโรคบางโรคอาจมีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ หรือการตั้งครรภ์อาจมีผลกระทบต่อโรคบางโรค เช่น คุณแม่ที่เป็นโรคเบาหวาน เพราะการตั้งครรภ์อาจทำให้ภาวะเบาหวานรุนแรงขึ้น หรือคุณผู้หญิงที่เสี่ยงเป็นโรคเบาหวานเมื่อตั้งครรภ์ก็อาจจะเป็นโรคเบาหวานได้ เพราะการตั้งครรภ์ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลสูงเนื่องจากฮอร์โมนที่รกผลิตออกมามีผลต่อประสิทธิภาพของอินซูลินที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของคุณแม่ ซึ่งปกติตับอ่อนจะผลิตอินซูลินออกมา แต่ในกรณีที่ตับอ่อนไม่ผลิตอินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาล จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น หากไม่ได้ควบคุมภาวะน้ำตาลในเลือดขณะตั้งครรภ์ก็จะมีผลกระทบต่อทารก

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                     

                                    ติดตาม 5 โรคควรระวัง ที่ภรรยาควรตรวจก่อนตั้งครรภ์ คลิกต่อหน้า 2