


น้องอลิน ผ่าตัดทำบอลลูนหัวใจสำเร็จราบรื่น
คุณแม่โอปอล์ ปาณิสรา อัพเดทอาการ หลังจากที่ น้องอลิน ผ่าตัด เพื่อทำบอลลูนหัวใจ เนื่องจากมีภาวะลิ้นหัวใจที่นำเลือดจากหัวใจไปฟอกที่ปอดตีบ ทำให้หัวใจข้างขวาต้องทำงานหนัก ซึ่งทุกอย่างก็สำเร็จและน้องแข็งแรง ปลอดภัยดี พร้อมขอบคุณทุกความห่วงใยที่ส่งให้กัน

ขนมควันพุ่งอันตรายกับลูกน้อยจริงหรือไม่?

น้ำเต้าหู้ ดีต่อแม่และลูกในท้องจริงหรือ?
คุณแม่มือใหม่หลาย ๆ ท่านคงเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่าถ้าอยากให้ลูกในท้องผิวเกลี้ยงเกลา ผิวพรรณดีควรให้ แม่ท้องดื่มน้ำเต้าหู้ หรือ ถ้าอยากให้ลูกในท้องฉลาดแม่ท้องต้องดื่มน้ำเต้าหู้
ประโยชน์ของ แม่ท้องดื่มน้ำเต้าหู้
น้ำเต้าหู้ทำมาจากถั่วเหลือง ซึ่งในถั่วเหลืองนั้นจะมีโปรตีนสูงอยู่แล้ว ทำให้คุณแม่ที่ดื่มน้ำเต้าหู้ตอนท้องเป็นประจำ จะไม่ขาดโปรตีน และที่สำคัญลูกน้อยในครรภ์จะได้รับโปรตีนนี้ด้วย นอกจากถั่วเหลืองจะมีโปรตีนแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารอีกมากมาย อย่างเช่นคาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามิน A, B, B1, B2, B6, B12, ไนอาซิน และวิตามิน C, D, E ทั้งยังช่วยลดไขมัน และลดโคเลสเตอรอลในร่างกายได้อีกด้วย
แม่ท้องดื่มน้ำเต้าหู้ ช่วยให้ลูกผิวพรรณดีและฉลาดจริงหรือ?
คุณแม่ท้องหลายคน สงสัยว่า น้ำเต้าหู้ จะช่วยทำให้ลูกในท้อง มีผิวพรรณสวย เกลี้ยงเกลาได้อย่างไร? ก็ขอตอบว่าในน้ำเต้าหู้นั้นมีวิตามินเอและวิตามินอี วิตามินเอมีคุณสมบัติช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์บุผิวและพัฒนาการของเซลล์ ในขณะที่ วิตามินอีช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของผนังเซลล์ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรง ดังนั้นคุณแม่ท้องที่ดื่มน้ำเต้าหู้ระหว่างตั้งครรภ์ จะทำให้ลูกน้อยที่คลอดออกมาผิวสวยเกลี้ยงเกลา
ในหมู่คุณแม่ท้องบางกลุ่ม ยังเชื่อกันว่าแม่ท้องดื่มน้ำเต้าหู้แล้วลูกน้อยในครรภ์จะฉลาด อันที่จริงในถั่วเหลืองมีสารอาหารมากมายที่มีประโยชน์ดังที่กล่าวมาข้างต้น และที่สำคัญในถั่วเหลืองมี “เลซิทิน” ซึ่งเป็นสารที่บำรุงสมอง เพิ่มความจำ ลดไขมันในร่างกาย แค่นี้ก็พอสรุปได้แล้วว่าการกินน้ำเต้าหู้ขณะตั้งครรภ์ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยบำรุงสมองให้กับลูกน้อยตั้งแต่ในครรภ์
อย่างไรก็ตามความฉลาดของลูกน้อยก็ขึ้นอยู่กับการเสริมพัฒนาการให้ลูกหลังคลอด การทานอาหารในช่วงตั้งครรภ์อาจเป็นเพียงสิ่งหนึ่ง ที่จะช่วยบำรุงสมองลูกให้สมบูรณ์พร้อมที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ๆ อย่างสมบูรณ์แบบหลังคลอดนั่นเอง
อ่านต่อ >> “ข้อดี-ข้อเสียของการดื่มน้ำเต้าหู้” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

คำสอนดี ๆ ในการเลี้ยงดูลูกแบบคนจีน
การเลี้ยงดูลูก ของพ่อแม่ทุกคนต่างก็มีวิธีเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป แต่ผลสุดท้ายพ่อแม่ก็หวังเพียงให้ลูกโตขึ้นไปเป็นคนดี และใช้ชีวิตเอาตัวรอดอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ซึ่งก็ไม่แตกต่างกับคำสอนดีๆ ใน การเลี้ยงดูลูกแบบคนจีน ที่พ่อแม่คนไทยอย่างเราก็สามารถนำไปปรับใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย
แต่ก่อนจะเข้าถึงคำสอนในการเลี้ยงลูกแบบชาวจีน ขอเล่าถึงข้อคิดที่ได้จากหนังจีนเรื่องหนึ่งซึ่งทำให้รู้เลยว่า ประโยคที่ว่า “คนไทยเลี้ยงลูกอย่างฮ่องเต้ แต่คนจีนเลี้ยงลูกให้เป็นฮ่องเต้” ก็คงจะเป็นเรื่องจริง โดยในหนังเรื่องนี้สะท้อนวิถีชีวิตพ่อหม้ายลูกติดชาวจีนคนหนึ่ง ซึ่งหาเลี้ยงลูกอยู่เพียงลำพังด้วยความยากจนข้นแค้นภายในบ้านร้างที่ไม่มีแม้แต่พัดลมคลายร้อน ประตูหน้าต่างผุพัง เป็นกรรมกรหาเลี้ยงชีพ ไม่มีแม้แต่ทีวี ทั้งสองคนพ่อลูกจึงต้องแอบไปดูทีวีของเพื่อนบ้านจากข้างถนนใกล้บ้าน แต่ถึงแม้จะยากจน แทบไม่มีจะกิน พ่อของเขาก็พยายาม สอนลูกให้มีความรับผิดชอบ เช่นต้องทำการบ้าน ต้องแปรงฟัน ต้องอาบน้ำ ซักผ้าด้วยตนเอง สอนให้เข้านอน ตื่นนอนเป็นเวลา ให้ความสำคัญเรื่องการเรียน โดยเฉพาะคะแนนสอบของลูก ลูกต้องสอบให้ได้คะแนนไม่ต่ำกว่าที่พ่อตั้งเป้าเอาไว้ วางเงื่อนไขให้ลูกมุ่งมั่น “ต้องทำไห้ได้” ขณะไปโรงเรียนก็พร่ำ สอนให้ลูกเป็นคนดี ไม่ให้รังแกคนอื่น ห้ามมีเรื่องกับคนอื่น ในขณะเดียวกัน ลูกก็ถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนนักเรียนที่มีฐานะร่ำรวยกว่าอยู่เป็นประจำ เขาไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด เพียงแต่ขอร้องเขาว่า “อย่ารังแก อย่าทำเขาเขาไม่ได้ทำอะไรผิด” แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เพื่อนเหล่านั้นพูดจาถากถางดูถูกพ่อของเขา เขาจะตอบโต้ทันทีด้วยศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เขาปฏิบัติตามคำสอนของพ่อทุกประการด้วยความอดกลั้นและอดทน
เช่นนั้นเองคนจีนจึงได้ชื่อว่าเป็นยอดในการสอนลูกหลานให้เป็น คนขยัน อดทน ฉลาดซื่อสัตย์และกตัญญู แล้ว 4 คำสอนดีๆ ในการเลี้ยงลูกของคนจีนจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ
4 คำสอนดี ๆ ใน การเลี้ยงลูกแบบคนจีน
1. เด็กทารก (ขวบปีแรก)
เลี้ยงให้มั่น อย่าปล่อยให้ห่างตัว เป็นช่วงที่ควรโอบกอดให้มากๆ เพื่อให้เด็กรู้สึกอบอุ่นสบายใจที่ได้รับการทนุถนอมและความคุ้มครอง
++++++++++++++++++++++++++
2. เด็กอ่อน (1-5 ปี)
ปล่อยให้ห่างตัว แต่อย่าปล่อยให้ห่างมือ เป็นช่วงที่เด็กอยากรู้อยากเห็น จึงควรปล่อยให้ห่างตัว แต่ก็ยังต้องคอยให้การปกป้องคุ้มครอง
++++++++++++++++++++++++++
* ช่วงวัยทารก และ เด็กอ่อน พ่อแม่จะอบรมดูแลสั่งสอนอย่างใกล้ชิด *
อ่านต่อ >> “คำสอนดี ๆ ในการเลี้ยงดูลูกแบบคนจีน” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

แพทย์โพสต์เตือนไวรัส RSV ระบาดในโคราช
หลังจากที่เคยมีข่าว แพทย์เตือนไวรัส RSV ระบาด โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจในเด็กสุดฮิตจากไวรัส RSV ล่าสุด นพ.จิรรุจน์ ชมเชย กุมารแพทย์โรคระบบหายใจ ได้ออกมาแจ้งเตือนสถานการณ์ของการติดเชื้อไวรัส RSV ที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลงเลย

สังเกตสัญญาณ “พัฒนาการล่าช้า” ของลูก
สำหรับคุณพ่อ คุณแม่แล้ว สิ่งที่ปรารถนาที่สุดในการมีลูกคือ การที่เห็นลูกมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ มีพัฒนาการที่เป็นไปตามวัย แต่ถ้าหากลูกน้อยเติบโตได้ช้ากว่าเด็กคนอื่น คุณพ่อคุณแม่คงเป็นกังวลอยู่ไม่ใช่น้อย มาทำความรู้จัก และเรียนรู้เรื่อง สัญญาณพัฒนาการช้าของทารกแรกเกิดกันค่ะ

เงินประกันสังคมของพ่อแม่ ส่งต่อสู่ทายาทได้
เงินประกันสังคมที่คุณพ่อคุณแม่สมทบทุกเดือนนั้น สำนักงานประกันสังคมได้จัดเก็บไว้เพื่อจ่ายเป็นประโยชน์ทดแทนให้แก่ผู้ประกันตนใน 7 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิตไม่เนื่องจากการทำงาน คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน แม่ทราบไหม? ในสิทธิประโยชน์ทั้งหมดนี้ มี 2 กรณีที่สิทธิประกันสังคมของพ่อแม่ส่งต่อสู่ทายาทได้ โดยครอบครัวและลูกหลานของเราเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ (more…)

สิทธิการเลี้ยงดูบุตร เมื่อไม่ได้จดทะเบียน

ลูกพูดช้า ทำอย่างไรดี

วิธีดูแลลูกเบื้องต้น เมื่อลูกมีไข้ ให้กินยาลดไข้ปริมาณแค่ไหนถึงจะปลอดภัย

บทเรียนจากพ่อ! “ข้าวสาร 1 กระสอบมีกี่เม็ด”
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงสอนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
เรื่อง ” ข้าวสาร 1 กระสอบมีกี่เม็ด !”
ความใฝ่พระราชหฤทัยในการเรียนรู้ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีมาแต่ยังทรงพระเยาว์ เด็กทั่ว ๆ ไปมีบิดามารดาเป็นครูคนแรก พระองค์ท่านก็เช่นเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเปรียบเสมือนครูพระองค์แรกของพระองค์
ทรงซึมซับพระนิสัยใฝ่รู้ใฝ่ศึกษาจากพระราชบิดาและพระราชมารดา เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงพัฒนาที่ใด จะทรงศึกษาลักษณะพื้นที่และสภาพแวดล้อมของที่นั้น ๆ ก่อนเสมอ ทรงปลูกฝังเรื่องความรักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทรงสอนให้รู้จักวิธีการคิดอย่างเป็นระบบ ทรงสอนให้พระราชโอรสและพระราชธิดารู้จักสังเกตสภาพแวดล้อม สภาพภูมิประเทศ รู้จักการคำนวณเวลาจากระยะทางและความเร็ว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีจึงทรงได้รับการปลูกฝังพระนิสัยช่างสังเกตให้รู้จักสนพระทัยใฝ่เรียนรู้จากสิ่งรอบด้านที่ได้พบเห็น ไม่เพียงความรู้จากในตำรา.
ซึ่งในโลกออนไลน์ก็ได้มีการแชร์เรื่องราวคำสอนของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีต่อ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ โดยทาง คุณ @wlmme ได้หยิบเอาบทความตอนหนึ่งเรื่อง ” บทเรียนจากการนับข้าวสาร”จากหนังสือความสุขของสมเด็จพระเทพฯ เขียนโดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ มีทั้งเรื่องราวของความสุขเมื่อทรงดนตรี สักวาพาเพลิน ความสุขกับการ์ตูนฝีพระหัตถ์ สารพันกีฬากับสมเด็จพระเทพฯ ความสุขในการเรียนรู้ตลอดชีวิต มาเผยแพร่ให้ได้อ่านกัน
ซึ่ง “บทเรียนจากการนับข้าวสาร” เป็นเรื่องราวเมื่อครั้งที่สมเด็จพระเทพฯ ทรงมีพระชนมายุ 8 พรรษา ได้ทูลถามพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ว่า “…ข้าวสาร 1 กระสอบมีกี่เม็ด…” และเมื่อได้คำตอบจากพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทำเอาสมเด็จพระเทพฯ ทรงทูล กลับไปว่า ไม่อยากรู้แล้ว !
อ่านต่อ >> “บทเรียนจากการนับข้าวสาร”คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ข่าวดีเพื่อทุกครอบครัว! 10 โรคมะเร็งรักษาฟรี ประกันสังคมจ่ายให้

ไดอารี่ภาพสัตว์เลี้ยงวังสระปทุม ลายเส้นฝีพระหัตถ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ไดอารี่ หรือสมุดบันทึก สัตว์เลี้ยงวังสระปทุม เป็นภาพลายเส้นฝีพระหัตถ์ การ์ตูนประกอบเรื่อง ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของสัตว์ที่ทรงเลี้ยง หรือสัตว์ที่มาอาศัยภายในวัง ทั้งบนบกและในน้ำต่างๆ ทรงเล่าเรื่องราวได้อย่างน่าประทับใจ
คณะกรรมการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในวังสระปทุมได้จัดพิมพ์ไดอารี่ “สัตว์เลี้ยงวังสระปทุม” พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อนำออกจำหน่ายโดยนำรายได้สมทบทุนก่อตั้งพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ณ พระตำหนักใหญ่ ในวังสระปทุม ซึ่งเดิมเป็นพระตำหนักที่ประทับสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
โดยมี ไดอารี่สัตว์เลี้ยงในวังสระปทุม ที่จัดทำขึ้นเป็นไดอารี่ฉบับพิเศษ ประจำปี 2549 มีขนาด 17 x 24 เซนติเมตร พิมพ์ 4 สี ภายในเล่มมี ลายพระหัตถ์พระราชนิพนธ์ ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเล่าถึงสัตว์ต่างๆในวังสระปทุม เช่น กิ้งกือที่มีมากมาย อันเป็นที่มาของ “กิ้งกือทรงนับ” หรือ “ป้าเบียบ” ชาววังสระปทุมอาวุโสผู้รักสัตว์และชอบให้อาหารเป็ด
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
รวมถึงกระรอก ที่มีหลายสีวิ่งอยู่บนสายไฟและยอดไม้ สัตว์ประเภทสัตว์ปีก เช่น นกกางเขน นกกะรางหัวขวาน นกขมิ้นเหลืองอ่อน ค้างคาวฝูงใหญ่ อึ่งอ่าง กบ เขียด คางคก ที่ชอบร้องเพลงประสานเสียงอยู่ในท่อ ยุง แมลงวัน ปลาสอด ปลาทอง ปลาชะโด เป็นต้น ลายเส้นการ์ตูนฝีพระหัตถ์ประกอบเรื่องในหนังสือไดอารี่สัตว์เลี้ยงวังสระปทุม ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะทรงบรรยายอย่างน่ารักและอ่านขนาดไหน ไปชมภาพกันเลยค่ะ
ดูต่อ >> ภาพไดอารี่ “สัตว์เลี้ยงในวังสระปทุม” คลิกหน้า 2

หมอแนะ พ่อแม่ต้องสอนลูก ทักษะเอาตัวรอดในยามสถานการณ์คับขัน

แพทย์เตือน! ระวังอาหารเป็นพิษ-ไข้เลือดออกระบาดหน้าหนาว

เรียนแบบไหน? ส่งเสริมให้ลูกน้อยเก่งรอบด้าน
