แพ็คเกจวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2560

รวมแพ็คเกจวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ระบาด ปี 2560 (14 โรงพยาบาล ชั้นนำในกรุงเทพฯ)

จากข่าวที่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A (H3N2) ซึ่งทางกระทรวงสาธารณะสุขได้มีมาตรการในการป้องกันการแพร่กระจายของโรคติดต่อชนิดนี้ สำหรับคุณพ่อ คุณแม่และลูกน้อย ก็จะสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน เรามาดู แพ็คเกจวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2560 กันค่ะ

Continue reading “รวมแพ็คเกจวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ระบาด ปี 2560 (14 โรงพยาบาล ชั้นนำในกรุงเทพฯ)”

    อุทาหรณ์! แม่ซื้อสิ่งนี้ให้ลูกเพราะคิดว่าเป็นลูกอมหลากสี ก่อนรู้ตัวว่าทำผิดหลังป้อนลูกไปแล้ว 280 เม็ด

    เบบี้คริสตัล อันตราย …อีกหนึ่งอุทาหรณ์เตือนใจพ่อแม่ เมื่อแม่ชาวจีนเผลอซื้อเม็ดโพลิเมอร์อุ้มน้ำ หรือดินวิทยาศาสตร์ เพราะคิดว่าเป็นลูกกวาด แล้วผู้เป็นพ่อก็ป้อนลูกเพลินลงท้องไปแล้วกว่า 200 เม็ดถึงได้รู้ความจริงที่หลัง

    โดยในเว็บไซต์ shanghaiist รายงานว่า…

    มีคุณแม่รายหนึ่งในเมืองเจียงซู ของประเทศจีน ไปซื้อของที่ซูเปอร์มาเก็ตแล้วจึงได้ หยิบเม็ดโพลิเมอร์ซึ่งบรรจุอยู่ในถุงที่มีหลากสีสัน เพราะเธอคิดว่าเป็นลูกกวาดหลากสีสัน แบบที่ลูกสาววัย 3 ขวบโปรดปรานไปฝากลูก

    เมื่อกลับมาถึงบ้าน… ในขณะที่เธอเริ่มทำงานบ้าน ส่วนสามีก็ไปหยิบขนมนั้นมาป้อนให้ลูกสาวชิ้นแล้วชิ้นเล่า  โดยไม่รู้เลยว่า สิ่งนั้นไม่ใช่ลูกกวาด แต่เป็นโพลิเมอร์อุ้มน้ำที่จะเก็บน้ำไว้ได้ปริมาณมากในรูปทรงขนาดเล็ก มักใช้ในการปลูกพืช

    เบบี้คริสตัล อันตราย

    เบบี้คริสตัล อันตราย

    (ถาพปรียบเทียบตอนที่พองตัวแล้วกับสภาพเดิม)

    Must readวิธีช่วยชีวิตลูก สิ่งแปลกปลอมติดคอ สำลักอาหาร (มีคลิป)
    Must readเผยรายชื่อ 10 ของเล่นอันตราย

    อ่านต่อ >> “แม่ซื้อสิ่งนี้ให้ลูกเพราะคิดว่าเป็นลูกอมหลากสี ก่อนรู้ตัวว่าทำผิด” คลิกหน้า 2

      Tags

      เซรั่มกระชับช่องคลอด

      เซรั่มกระชับช่องคลอด ผู้หญิงจำเป็นต้องใช้จริงหรือ?

      เซรั่มกระชับช่องคลอด เรื่องมีอยู่ว่าทำไงให้สามีรักสามีหลง เสน่ห์ปลายจวักไหม หรือจะกราบเท้าสามีก่อนนอน แต่ถ้าจะให้เด็ดสุดต้องเก่งเรื่องบนเตียงด้วยถึงจะครบสูตร อันนี้ไม่ได้ทะลึ่งแต่เป็นเรื่องจริงนะจะบอกให้  ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีเรื่องที่ผู้หญิงให้ความสนใจอยู่ตอนนี้กับการใช้ เซรั่มกระชับช่องคลอด หลายคนอยากรู้ใช้แล้วได้ผล ไม่มีอันตรายจริงหรือเปล่า!?

       

      เซรั่มกระชับช่องคลอด อันตรายจริงไม่โลกสวยนะ!!

      คุณแม่หลังคลอด และรวมถึงสาวๆ ที่อยากให้ช่องคลอดฟิตกระชับ แล้วไปหาซื้อเซรั่มกระชับช่องคลอดมาใช้กัน เพราะสรรพคุณชวนให้น่าหลงใหล ที่บอกว่าใช้แล้วช่วยช่องคลอดกระชับ ผิวเรียบเนียน กำจัดเชื้อแบคทีเรีย  ลดอาการคัน ตกขาว รักษาเริม ฯลฯ อยากบอกว่าไม่มียาใดวิเศษไปกว่าการฝึกกระชับช่องคลอดด้วยตัวเองแล้วค่ะ

      นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการติดตามเฝ้าระวังการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทางโซเชียลมีเดียที่มีการโฆษณาเป็นจำนวนมาก พบมีการอ้างสรรพคุณเกินจริง และนำภาพเลขที่จดแจ้งผลิตภัณฑ์กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไปแสดงในโฆษณาขายสินค้าทางสื่อออนไลน์ ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่า อย.รับรองสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ที่กล่าวอ้าง เช่น เซรั่มกระชับช่องคลอดที่ขอจดแจ้งผลิตภัณฑ์กับ อย.ว่าเป็นเครื่องสำอางประเภทโลชั่นบำรุงผิวกาย แต่โฆษณาอวดอ้างสรรพคุณว่ามีคุณสมบัติครบในหลอดเดียว เพิ่มความฟิตกระชับ เรียบเนียนกระจ่างใสอมชมพู กำจัดเชื้อแบคทีเรีย ลดกลิ่น คัน ตกขาว ลดการอักเสบและอาการแพ้น้ำอสุจิ ช่วยรักษาเริมและปรับสมดุลฮอร์โมนให้ปกติ ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่าสามารถรักษาโรคได้ ทั้งที่เป็นเพียงโลชั่นบำรุงผิวกายเท่านั้น นอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว ยังทำให้เสียเวลาในการรักษา และอาจเกิดอันตรายตามมาได้(1)

       

      คุณหมออกมาเตือนแล้วว่าเซรั่มกระชับช่องคลอด ที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงนั้นไม่ได้มีผลในการช่วยให้ช่องคลอดฟิตกระชับแต่อย่างใด ซึ่งหากใช้แล้วอาจทำให้เกิดอันตรายต่อช่องคลอดได้  ดังนั้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้กับสุขภาพของคุณแม่ และสาวๆ ก่อนซื้ออะไรมาใช้ควรศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ให้ดีก่อนนะคะ เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ดีด้วยค่ะ

      อ่านต่อ >> “5 วิธีฝึกขมิบช่องคลอดให้ฟิต อย่างปลอดภัย” หน้า 2

       

       

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

        ลูกนั่งคาร์ซีท

        ลูกรอดชีวิต จากรถสิบล้อชน เพราะนั่งคาร์ซีท

        จากประสบการณ์จริงของคุณแม่ที่โพสต์เอาไว้เตือนภัย เมื่อคุณแม่ พี่เลี้ยง และลูกน้อยอีก 2 คนนั่งอยู่ในรถแล้วถูกรถชน ทำให้พี่เลี้ยง และลูกคนโตสลบ รวมถึงลูกคนเล็กที่มีอาการหนักที่สุด แต่คุณแม่ให้ลูกน้อยนั่งคาร์ซีทอยู่ที่เบาะหลัง คาร์ซีทจึงห่อตัวลูกน้อยเอาไว้ ทำให้ ลูกรอดชีวิต

        Continue reading “ลูกรอดชีวิต จากรถสิบล้อชน เพราะนั่งคาร์ซีท”

          สอนลูกฉลาดทำบุญ 16 วิธี ทำบุญโดยไม่ต้องไปวัด!

          ทำบุญโดยไม่ต้องไปวัด …หลายๆคนเมื่อนึกถึงการทำบุญมักจะนึกถึง การเข้าวัด ไหว้พระ เท่านั้น แต่วันนี้ ทีมแม่ ABK มาสายธรรมะ ขอนำเสนอวิธีการทำบุญโดยที่ไม่ต้องเข้าวัดมาฝากคุณพ่อคุณแม่ เพื่อพาลูกๆทำบุญกันค่ะ เพียงแค่ทำเช่นข้อใดข้อหนึ่ง (หรือจะทำครบทุกข้อก็ได้) ต่อไปนี้แค่นี้ก็เป็นการทำบุญแล้วค่ะ

          ความหมายของคำว่า “บุญ” ทำบุญโดยไม่ต้องไปวัด

          ทำบุญโดยไม่ต้องไปวัด

          บุญ คือ การทำความดีด้วยวิธีการต่างๆ ที่ทำให้อิ่มเอิบเบิกบานใจโดยทั่วไป บุญ แปลว่าเครื่องชำระให้สะอาดบริสุทธิ์ ชำระอย่างแรกคือชำระพฤติกรรม ให้งดงาม เป็นไปในทางที่ถูกต้อง ชอบธรรม เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ชำระประการต่อมาก็คือชำระจิตใจ ให้หายเศร้าหมอง พ้นจากความเร่าร้อน เกิดความสว่างไสวในทางปัญญา คิดถูกคิดชอบ ไม่หลงไปตามอารมณ์ชั่วแล่น

          บุญ ยังแปลว่า ความอิ่มเอิบเบิกบานใจ เพราะได้ทำความดีและได้สร้างสรรค์ความเจริญงอกงามให้เกิดขึ้น คนเราทุกคนต้องการทำความดี อยากให้ความดีภายในได้เปล่งประกายออกมา เหมือนกับดอกไม้ที่อยากเบ่งบาน สยายกลีบ โดยไม่สนใจว่าจะมีคนเห็นหรือไม่ การทำความดีช่วยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ดุจเดียวดับดอกไม้ที่บรรลุความสมบูรณ์เมื่อได้สร้างความงดงามให้แก่โลก

          ผู้ให้ความสุขย่อมได้ความสุข ♥

          บุญนั้นเริ่มต้นด้วยการรู้จักให้ การให้ (หรือทาน) ช่วยให้เราไม่คิดจะเอาเข้าตัวอยู่ร่ำไป ชีวิตที่คิดแต่จะเอาเป็นชีวิตที่ไม่สมดุล จิตที่คิดแต่จะเอาเป็นจิตที่คับแคบ เห็นแก่ตัว ทำให้เป็นคนไม่น่ารัก และมีความสุขยาก

          เด็ก ๆ เติบโตขึ้นมาได้เพราะเป็นฝ่ายรับจากผู้อื่นมาตั้งแต่เกิด ทั้งน้ำนม อาหาร ความอบอุ่น ตลอดจนความรู้ แต่ถ้าไม่รู้จักให้เสียเลย ก็จะเกิดความเข้าใจผิดว่าชีวิตนี้เกิดมาเพื่อจะเป็นผู้รับฝ่ายเดียวเท่านั้น การสอนเด็กให้รู้จักให้ คือการสอนบทเรียนชีวิตข้อแรกว่า เมื่อรับแล้วต้องรู้จักให้ ต้นไม้ทุกต้นเติบโตเพราะดูดน้ำและอาหารจากพื้นดิน แต่เวลาเดียวกันเขาก็รู้จักคายน้ำและทิ้งกิ่งใบให้เป็นปุ๋ย เป็นการตอบแทนผืนดินที่หล่อเลี้ยงเขามา อีกทั้งยังให้อาหารและที่พักพิงแก่เพื่อนร่วมโลก เช่น นก กระรอก รวมทั้งมนุษย์

          Must readวิธีเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กมีน้ำใจ รู้จักให้ และเสียสละ

          แต่การให้มิได้หมายถึงการตอบแทน หรือเป็นเพียงหน้าที่เท่านั้น การให้ยังช่วยให้เราได้รับความสุข การสอนลูกให้รู้จักให้ คือการสอนให้เขารู้จักความสุขจากการให้ “ผู้ให้ความสุขย่อมได้รับความสุข” เป็นสัจธรรมที่เด็กควรรับรู้ …ด้วยเหตุนี้ ผู้ใหญ่สมัยก่อนจึงนิยมพาลูกหลานใส่บาตรตั้งแต่ยังตัวเล็ก ๆ ทีแรกก็เป็นฝ่ายเฝ้าดูพ่อแม่หรือตายายเอาอาหารหวานคาวใส่บาตร ต่อมาก็ใส่บาตรด้วยตนเอง ใส่แล้วก็พนมมือจรดหัว

          Must read10 เทคนิคสอนลูกให้เป็นเด็กกตัญญู

          ทำบุญโดยไม่ต้องไปวัด

          ทำบุญที่ใจ ♥

          คนเราสามารถทำบุญได้ตลอดเวลา ไม่ว่าที่บ้าน ที่โรงเรียน หรือบนท้องถนน ไม่มีเงินหรือไม่ใช้เงินเลย ก็ทำบุญได้แม้กระทั่งอยู่เฉย ๆ แต่ทำใจให้ถูกต้อง จนเกิดความรู้สึกดี ๆ ขึ้นมา ก็เป็นบุญ เช่น ยินดีปลาบปลื้มเมื่อเห็นคนอื่นทำความดี ไม่อิจฉา หรือค่อนแคะเขาว่าอยากดัง การสอนให้ลูกชื่นชมคนดีคือการสร้างนิสัยใฝ่ดีขึ้นมาในตัวเด็ก ขณะเดียวกัน เมื่อทำความดี ก็ไม่หวงความดีไว้คนเดียว ชักชวนหรือเปิดโอกาสให้คนอื่นมาร่วมทำความดีด้วย ตลอดจนแผ่บุญกุศลจากความดีนั้นให้แก่คนอื่น ให้เขาได้รับประโยชน์ด้วย นี้ก็เป็นบุญด้วยเช่นกัน

          การทำบุญที่ใจ ทำให้ใจเป็นกุศล และมีความสุข ตรงกันข้าม การอิจฉาคนอื่นที่ทำดีกว่าตน หรือถือตัวถือตน ทำให้จิตใจเร่าร้อนและเครียดง่าย แต่ถ้าอยากให้ลูกมีสุขภาพใจที่สมบูรณ์ พ่อแม่ควรสอนลูกให้รู้จักฝึกจิตฝึกใจให้มีภูมิคุ้มกันความทุกข์ ฉลาดในการจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ที่มากระทบใจด้วย

          Must read37 แนวทาง เลี้ยงลูกให้ถูกธรรม!! ตามคำสอนพุทธ เพื่อให้ลูกเป็นคนดีและมีสุข
          Must read3 เทคนิค สอนลูก เข้าใจธรรมะ
          Must read16 ข้อ ธรรมะสอนลูก ใช้ในชีวิตประจำวัน

          ขอบคุณบทความจาก : พระไพศาล วิสาโล

          ทั้งนี้มีหลายๆ คนเมื่อนึกถึงการทำบุญมักจะนึกถึง การเข้าวัด ไหว้พระ เท่านั้น แต่วันนี้เราขอนำเสนอการทำบุญโดยที่ไม่ต้องเข้าวัดมาฝากกัน เพียง แค่ทำ 1 ใน 16 ข้อต่อไปนี้แค่นี้ก็เป็นการทำบุญแล้วค่ะ

          อ่านต่อ >> “16 วิธี ทำบุญโดยไม่ต้องไปวัด” คลิกหน้า 2

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

           

            ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ระบาด

            เตือนพ่อแม่ระวัง ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ระบาด

            จากกรณีโรงเรียนดังปิด หลังจากที่พบเด็กนักเรียนป่วยเป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงประเมินความเสี่ยงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม นี้ คาดว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ระบาด เพิ่มขึ้นเดือนละ 13,000 คน ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า เป็นเชื้อชนิด H3N2 (ฮ่องกง)

            Continue reading “เตือนพ่อแม่ระวัง ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ระบาด”

              ปากมดลูกเปิดเป็นยังไง

              ปากมดลูกเปิดเป็นยังไง แม่ท้องรู้ไว้ก่อนเข้าห้องคลอด!

              ปากมดลูกเปิด เป็นสัญญาณบอกให้แม่ท้องควรเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ได้แล้ว แต่หลายคนคงสงสัย โดยเฉพาะคุณแม่ครรภ์แรกว่า ปากมดลูกเปิดเป็นยังไง ต้องรออีกนานแค่ไหนถึงจะเป็นเวลาคลอดจริง ๆ แล้วถ้าปากมดลูกไม่เปิดขึ้นมา จะมีผลต่อตัวเองและลูกน้อยในท้องหรือไม่ เรื่องสำคัญอย่างนี้อย่าชะล่าใจ แม่ท้องต้องรู้ไว้ก่อนเข้าห้องคลอดนะคะ

              ปากมดลูก คือ เนื้อเยื่อส่วนปลายสุดของมดลูก มีลักษณะเป็นคอคอดต่อลงมาจากตัวมดลูก มีมูกเลือดปิดกั้นเพื่อป้องกันเชื้อโรค และปกป้องลูกน้อยก่อนจะออกมาสู่โลกภายนอก ซึ่งเมื่อก้าวเข้าสู่เดือนที่ 9 ของการตั้งครรภ์ คุณหมอจะขอตรวจปากมดลูกว่าเปิดหรือยัง เพื่อกำหนดวันคลอดให้คุณแม่ได้เตรียมพบหน้าลูกน้อยค่ะ

              ปากมดลูกเปิดเป็นยังไง

              ปากมดลูกเปิด เป็นอาการเตือนก่อนคลอดอีกอย่างหนึ่ง และบ่งบอกให้รู้ว่าคุณแม่จะคลอดง่ายหรือยากอีกด้วย เมื่อปากมดลูกเริ่มเปิด จะมีลักษณะอ่อนนุ่ม บางลง และเคลื่อนไปทางด้านหน้าของช่องคลอดจนสั้นลง เส้นเลือดบริเวณปากมดลูกจะแตกจากการขยายตัว จนทำให้มูกไหลออกมาพร้อมเลือดทางช่องคลอด ซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่าลูกน้อยพร้อมจะออกมาสู่โลกภายนอกแล้ว

              บทความแนะนำ 6 อาการใกล้คลอด ที่แม่ต้องสังเกต

              คุณหมอจะรอให้ปากมดลูกเปิดจนถึง 10 เซนติเมตร หรือที่เรียกว่า Fully Dilatation เพื่อให้ลูกสามารถคลอดออกมาได้อย่างสะดวก ปลอดภัย แต่บางคนที่แม้มดลูกจะบีบรัดหดตัวเหมือนอาการคนใกล้คลอดแล้ว หากพบว่าปากมดลูกยังไม่เปิด เพราะแข็งอยู่ คุณหมออาจเปลี่ยนไปเป็นการผ่าคลอดแทน

              ปากมดลูกเปิด อาการใกล้คลอด

              ปากมดลูกเปิดเท่าไหร่ บอกอะไรได้บ้าง

              • ปากมดลูกเปิด 1 เซนติเมตร เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า ลูกน้อยในครรภ์กำลังจะใกล้ออกมาพบหน้าคุณแม่แล้ว ให้จัดกระเป๋าเตรียมคลอดไว้เลย และขอให้ทำใจสบาย ๆ ไม่วิตกกังวล หรือเครียดมากนัก เพราะกว่าปากมดลูกจะเปิดถึง 10 เซนติเมตร คุณแม่ยังคงมีเวลาตั้งสติเตรียมความพร้อมได้อยู่ระยะหนึ่ง สำหรับคุณแม่ที่เคยตั้งครรภ์แล้วจะใช้เวลาไม่เกิน 13-14 ชั่วโมง ส่วนคุณแม่ครรภ์แรกจะไม่เกิน 20 ชั่วโมง ทั้งนี้ ปากมดลูกของแต่ละคนอาจเปิดช้าหรือเร็วไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย จิตใจ และสรีระของคุณแม่ด้วย
              • ปากมดลูกเปิด 4-8 เซนติเมตร เรียกว่า “ระยะเร่ง” เป็นระยะที่คุณแม่จะเจ็บครรภ์จริง เพราะมดลูกหดตัวทุก 15-30 นาที โดยจะหดตัวครั้งละ 45-60 วินาที จึงรู้สึกเจ็บท้องไปเรื่อย ๆ เป็นระยะ ๆ ช่วงนี้ปากมดลูกจะบางตัวลงจนกระทั่งเปิดหมด คุณแม่ที่ตั้งครรภ์แรก ปากมดลูกจะใช้เวลาเปิดประมาณ 3-5 ชั่วโมง ส่วนคุณแม่ที่มีประสบการณ์คลอดธรรมชาติมาแล้วจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นมดลูกจะบีบตัวแรงและถี่ขึ้นทุก ๆ 2-3 นาที ในระยะนี้คุณแม่ควรผ่อนคลายอารมณ์ สูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ และไม่ควรเบ่งคลอด แม้ว่าจะรู้สึกอยากเบ่งก็ตาม เพราะปากมดลูกยังเปิดไม่เต็มที่ อาจเป็นอันตรายทั้งต่อตัวคุณแม่และลูกในท้องได้
              • ปากมดลูกเปิด 10 เซนติเมตร ซึ่งเป็นความกว้างเท่ากับเชิงกราน เรียกระยะนี้ว่า “ระยะเบ่ง” ใช้เวลาประมาณ 30 นาที-1 ชั่วโมง เป็นระยะที่ศีรษะของลูกลงมาบริเวณเชิงกรานพร้อมจะออกมาสู่โลกภายนอกแล้ว โดยจะหมุนเอาส่วนหน้าคว่ำลงให้ศีรษะค่อย ๆ เคลื่อนลงมาจนถึงปากมดลูก ช่วงนี้คุณแม่จะเจ็บปวดอย่างรุนแรง เพราะกล้ามเนื้อเชิงกรานยืดออกให้ลูกคลอดออกมา แต่ถ้าปากมดลูกยังเปิดไม่กว้างพอ คุณหมออาจต้องกรีดเพื่อขยายปากช่องคลอด
              บทความแนะนำ วิธีเบ่งคลอดลูกที่ถูกต้อง สำหรับคุณแม่เตรียมคลอดลูก

              อ่านต่อ>> ปากมดลูกเปิดช้า ต้องทำอย่างไร คลิกหน้า 2

                แพ็คเกจวัคซีน ipd

                แพ็คเกจวัคซีน IPD โรงพยาบาลในกทม. ปี 60

                คุณพ่อ คุณแม่คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ไอพีดี เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ลูกน้อยเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 โดยในแต่ละปีจะมีเด็กเสียชีวิตกว่า 1 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งวิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน Amarin Baby & Kids จึงรวบรวมราคา แพ็คเกจวัคซีน ipd ปี 2560 มาฝากคุณพ่อ คุณแม่ค่ะ

                Continue reading “แพ็คเกจวัคซีน IPD โรงพยาบาลในกทม. ปี 60”

                  ส่งเสริมความฉลาดลูกง่ายๆ ด้วยธรรมชาติรอบตัว

                  โดยทางทฤษฎี “ความฉลาด” อาจมีความสัมพันธ์กับยีน หรือพันธุกรรมที่เด็กๆ ได้รับมาตั้งแต่เกิด ซึ่งถ้าจะนับแล้วอาจจะถือว่าเป็นส่วนน้อย เพราะความฉลาดเป็นสิ่งที่พ่อแม่สามารถช่วยกันสร้างขึ้นมาในตัวลูกๆ ได้ด้วยสองมือเอง โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินทอง หรือค่าใช้จ่ายอะไรมากมาย แค่ความเอาใจใส่ประกอบกับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว ก็สามารถส่งเสริมความฉลาดอย่างเป็นธรรมชาติให้กับลูกน้อยแล้วค่ะ

                  วิธีส่งเสริมความฉลาดอย่างเป็นธรรมชาติให้กับลูก

                  โภชนาการสร้างความฉลาดอย่างเป็นธรรมชาติ สารอาหารที่ลูกๆ ควรจะได้รับตั้งแต่แรกเกิดต้องเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ ทั้งกับร่างกายและสมอง โดยในช่วงแรกเกิด “นมแม่” เป็นอาหารสำคัญที่เหมาะสมกับทารกที่สุด

                  เมื่อลูกเติบโตขึ้นสารอาหารต้องเป็นไปอย่างเหมาะสมกับวัยของลูก เพื่อพัฒนาได้ทั้งร่างกายและสมอง หากเป็น “นม” ก็ต้องเป็นนมที่มีโปรตีน CPP (Casein Phosphopeptides) ที่ย่อยและดูดซึมง่าย ร่างกายนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ อย่างเช่น นมแพะ เพราะนอกจากนี้จะมีโปรตีนที่ย่อยและดูดซึมง่ายแล้ว ในนม“นมแพะ” ยังมีใยอาหารจากธรรมชาติ คือพรีไบโอติกส์ อย่างอินนูลิน (Inulin) และโอลิโกฟรุคโตส (Oligofructose) ที่เป็นจุลินทรีย์ที่ดี ช่วยเรื่องการขับถ่ายในเด็ก ที่สำคัญคือช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เป็นเกราะป้องกันให้ร่างกายแข็งแรงอย่างเป็นธรรมชาติ

                  ประสาทสัมผัสเสริมสร้างความฉลาด ประสาทสัมผัสเป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด และเป็นเหมือนเครื่องมือสำคัญที่เด็กๆ จะได้นำไปใช้เรียนรู้ เพื่อให้รับรู้เข้าใจหรือสำรวจสิ่งต่างๆ รอบตัว เขาจะเรียนรู้ได้ดีได้เร็วแค่ไหน ส่วนหนึ่งก็ต้องให้เขามี ประสาทสัมผัสที่ไวและดีในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น การมองเห็น การได้ยิน การลิ้มรส การได้กลิ่น การสัมผัส อาจจะฝึกให้ลูกๆ ได้ใช้ประสาทสัมผัสผ่านกิจวัตรประจำวัน เช่น การอาบน้ำ การกิน การเล่นของเล่น ฯลฯ

                  เล่นกับธรรมชาติสร้างความฉลาด ก่อนที่จะถึงวัยที่ลูกจะสัมผัสกับเทคโนโลยี เล่นแท็บเล็ต กดมือถือ ช่วงเด็กๆ พ่อแม่ควรส่งเสริมให้เขาได้มีโอกาสอยู่ และเล่นกับธรรมชาติจนคุ้นเคย พาไปสวนสาธารณะ หรือสนามเด็กเล่น แทนการพาไปเดินห้างสรรพสินค้า หรือดูทีวี เล่นเกม ใช้เวลาวันหยุดปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ เพราะธรรมชาติที่สดชื่นจะกระตุ้นให้สมองปลอดโปร่ง เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น

                  ด้วยธรรมชาติรอบๆ ตัวเรานี่แหละค่ะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ลูกน้อยเติบโตขึ้น แข็งแรงทั้งร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา ที่สำคัญคือพ่อแม่ต้องให้ความสำคัญ และเอาใจใส่กับพัฒนาการในทุกๆ ก้าวของลูก การดูแลให้ลูกร่างกายแข็งแรงเป็นเรื่องจำเป็นที่สุด เป็นเหมือนของขวัญที่จะมอบให้ลูกได้ เพื่อให้เขาเติบโตเรียนรู้โลกกว้างอย่างมั่นคง

                    เทคนิคดีๆสร้าง IQ EQ และ MQ ให้เจ้าตัวเล็ก

                    พ่อแม่ยุคใหม่ไม่เพียงส่งเสริมลูกให้ฉลาดในห้องเรียนเท่านั้น แต่ต้องครอบคลุมทุกด้าน วันนี้เรามีวิธีส่งเสริมอัจฉริยะรอบด้านอย่างเป็นธรรมชาติ ที่พ่อแม่สามารถให้ลูกได้ตั้งแต่ยังเล็กกันเลย

                    เด็กน้อยในวัย 2 ขวบเป็นช่วงวัยที่สำคัญต่อการส่งเสริมพัฒนาการลูกควบคู่ไปกับการเจริญเติบโต พัฒนาการของลูกหยุดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว เพราะเด็กที่โตมาอย่างสมบูรณ์ไม่ใช่แค่เพียงการเรียนรู้จากในห้องเรียน การเรียนรู้ที่จะอยู่กับคนที่รู้จักเท่านั้น เด็กๆ จะต้องได้เรียนรู้นอกห้องเรียน ได้เรียนรู้จากธรรมชาติ การเปิดโลกกว้างให้กับลูกน้อยนั้นเป็นการครอบคลุมทุกด้าน ทั้ง IQ EQ และ MQ คุณพ่อคุณแม่จะส่งเสริมอัจฉริยะให้เจ้าตัวน้อยได้อย่างไรบ้างนั้นเรามาดูกันค่ะ

                    IQ: Intelligence Quotient คืออะไร
                    IQคือ ความฉลาดทางสติปัญญา ความสามารถในการคิด วิเคราะห์ การคำนวณ และการใช้เหตุผล ส่วนหนึ่งได้มาจากพันธุกรรม และอีกส่วนหนึ่งสำคัญคือการสร้างจากครอบครัวโภชนาการ และสิ่งแวดล้อมที่ดี

                    เทคนิคสร้าง IQ
                    คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างไอคิวให้กับลูกได้ง่ายๆ เพียงเริ่มจากการเรียนรู้สิ่งรอบตัวในการใช้ชีวิตประจำวัน การรู้จักตั้งคำถาม รู้จักให้ลูกเป็นคนช่างสังเกต ลงมือสัมผัส และลองผิดลองถูก

                    เช่น กระตุ้นการเรียนรู้จากการสัมผัสสิ่งต่างๆ ของเล่น อาหาร พื้นหญ้า ดอกไม้

                    กระตุ้นการจดจำจากการเล่น การนับจำนวน การจับสิ่งของที่เหมือนกัน

                    กระตุ้นการฟังเพิ่มทักษะในการเรียนรู้สิ่งที่แตกต่างจากการเปิดเพลงหลากหลายแนว หลากหลายภาษา การเรียนรู้เสียงจากธรรมชาติ เสียงรถ เสียงสัตว์ ให้ลูกได้แยกแยะและรู้จักความหมาย

                    กระตุ้นพัฒนาการที่ดีให้สมวัยด้วยโภชนาการที่เหมาะสมจากธรรมชาติ อย่างนมแพะที่มีระบบการให้น้ำนมแบบเดียวกับนมแม่ที่เรียกว่า อะโพรไคน์ ทำให้มีสารอาหารจากธรรมชาติในปริมาณที่สูง อุดมไปด้วยโปรตีนCPP หรือ Casein Phosphopeptides ซึ่งเป็นโปรตีนนุ่ม ย่อยง่าย ร่างกายดูดซึมนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ และช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุต่างๆ ที่สำคัญต่อร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น แคลเซียม เหล็ก สังกะสี แมกนีเซียม ลูกน้อยจึงมีพัฒนาการที่ดีสมวัยนั่นเอง

                    EQ: Emotional Quotientคืออะไร
                    EQ คือ ความฉลาดทางอารมณ์ สามารถรับรู้เข้าใจอารมณ์ตนเองและคนอื่นได้ สามารถควบคุมอารมณ์และยับยั้งชั่งใจได้ รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้จักการรอ รู้จักกฎระเบียบ มีจิตใจร่าเริงแจ่มใส มองโลกในแง่ดี สามารถปรับตัวเข้ากับสังคม สถานการณ์รอบข้างได้ดี มีความคิดสร้างสรรค์ กระตือรือร้น มีแรงจูงใจ อยากประสบความสำเร็จ เห็นคุณค่าและเชื่อมั่นในตนเอง

                    เทคนิคการสร้าง EQ
                    การสร้างอีคิวให้กับลูกๆ นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะทำให้ลูกเติบโตอย่างมีคุณภาพ รู้จักการปรับตัว รู้จักการควบคุมอารมณ์ ทำให้ลูกสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุข กล้าพูด การตัดสินใจ ไม่รู้สึกกังวลหรีอทำให้ลูกเครียด การฝึกลูกให้มีอีคิวเริ่มได้ง่ายๆ จากการใช้ชีวิตประจำวันเช่นกัน

                    เช่น ฝึกให้ลูกรู้จักการตัดสินใจ การเปิดเผยอารมณ์ความต้องการจากการเลือกสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ อาทิการกินขนมรสชาติใหม่ การรับกลิ่นใหม่ ให้ลูกรู้จักเลือกว่าชอบหรือไม่ชอบ

                    ฝึกให้รู้จักแสดงความคิดเห็น กระตุ้นอิสระในการใช้อารมณ์ความรู้สึกผ่านความคิด เช่นการจิตนาการจากตัวการ์ตูนใหม่ๆ

                    ฝึกควบคุมอารมณ์ โกรธ โมโห ให้มีความอดทน รู้จักยอมคนอื่นและมีสมาธิ อย่างการเล่นรวมกับคนอื่น การแบ่งของที่อยู่ในมือ รู้จักการรอสิ่งที่คนอื่นเล่นอยู่

                    MQ: Moral Quotientคืออะไร
                    MQ คือ ความฉลาดทางศีลธรรม จริยธรรม มีความประพฤติดี มีความซื่อสัตย์ รับผิดชอบสิ่งไหนควรทำไม่ควรทำ ซึ่งจะใช้วิธีการบอกด้วยคำพูดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องแสดงให้เด็กเห็นอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการสอนของคุณพ่อคุณแม่ด้วย

                    เทคนิคการสร้าง MQ
                    การสร้างความฉลาดทางศีลธรรม จริยธรรมให้กับลูกในยุคนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากกับยุคของเทคโนโลยี เพราะตัวอย่างที่ดีและไม่ดี สามารถสอนลูดกได้จากหลายสื่อ นอกจากคุณพ่อคุณแม่และคนรอบข้างเป็นตัวอย่างให้ลูกได้เรียนรู้จากพฤติกรรมในแต่ละวันแล้ว การปลูกฝังหรือฝึกฝนลูกก็มีฝนเมื่อโตขึ้น

                    เช่น กระตุ้นการแบ่งปัน โดยการให้ลูกได้เล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน เพื่อนต่างวัย ลูกจะได้ฝึกการปรับตัว การรู้จักแบ่งปัน และมีสัมมาคารวะ

                    ฝึกเรื่องความรับผิดชอบ อะไรควรทำหรือไม่ควรทำ และมีน้ำใจ คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี อย่างเช่น ช่วยกันทำงานบ้าน ช่วยการเก็บของเล่น  หรือชวนลูกเอาขนมไปให้เพื่อนบ้าน รู้จักขอโทษเมื่อทำผิด

                    เทคนิคการสร้าง IQ EQ และ MQ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีให้กับลูกน้อยนะคะ จุดเริ่มต้นที่ดีของการส่งเสริมให้ลูกเป็นเด็กอัจฉริยะรอบด้านก็คือการเลี้ยงดูและการเอาใจใส่จากครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ควรใส่ใจค่ะ

                      พาแฟนคลับดีใจ! “ชมพู่ อารยา ท้องแล้ว” สามีเฝ้าไม่ห่าง คาดได้ลูกชาย!!

                      ชมพู่ อารยา ท้อง แล้ว …เป็นข่าวที่น่ายินดีสำหรับแฟนคลับของเจ้าแม่แฟชั่นนิสต้า อย่างคุณ “ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต” หลังจากที่รุ่นพี่ที่สนิทอย่าง “ม้า อรนภา” เผยข่าวดีในรายการทีวีช่องว่าตอนนี้ชมพู่ท้องแล้ว 2 เดือน คาดได้ลูกชาย เพราะตามธรรมเนียมประเพณีคนจีนลูกคนแรกน่าจะเป็นผู้ชาย

                      ด้านผู้จัดการส่วนตัวคุณชมพู่ ก็ได้ลงรูปที่ คุณน็อต วิศรุต รังสีสิงห์พิพัฒน์ สามีสุดที่รัก ยืนประกบข้างเตียงดูแลเมียไม่ห่างด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมแคปชั่น “มี ความสุขชื่นมื่นกันฝุดๆ ยินดีด้วยคร้า”

                      ชมพู่ อารยา ท้อง

                      และยังเผยว่าขณะนี้ตอนนี้ชมพู่ตั้งครรภ์ได้ประมาณ 6 สัปดาห์แล้ว แต่เริ่มรู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่จำไม่ได้จริงๆ เนื่องจากว่าช่วงหลังชมพู่มีอาการอ่อนเพลียเรื่อยๆ จึงได้ไปตรวจถึงได้รู้ว่าตั้งครรภ์ และเนื่องจากว่าที่ผ่านมาชมพู่ทำงานค่อนข้างหนัก ไม่ค่อยได้มีเวลาพักผ่อนทำให้ร่างกายอ่อนเพลียง่าย บวกกับที่ผ่านมามีประวัติการท้องแล้วเคยหลุดมาก่อน ทำให้ช่วงนี้ต้องดูแลสุขภาพร่างกายอย่างดี จึงต้องแอดมิด อยู่ที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 5 ก.พ. โดยคุณหมอสั่งว่าให้นอนพัก 2 อาทิตย์

                      ซึ่งก่อนหน้านี้ คุณชมพู่ ได้พูดกลางรายการ (ที่เป็นพิธีกรอยู่) ว่า จะมีเซอร์ไพรส์กัน ก่อนพูดติดตลกว่าตอนนี้ตนเองได้เลือกโรงเรียนไว้ให้ลูกแล้ว และสามีก็เตรียมวางแผนอยากให้ลูกเรียนวิศวะ

                      ชมพู่ อารยา ท้อง ชมพู่ อารยา ท้อง ชมพู่ อารยา ท้อง

                      ทั้งนี้ทางทีมงาน Amarin Baby & Kids ก็ขอแสดงความยินดีกับว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ด้วยนะคะ

                      อ่านต่อ >> “คลายข้อสงสัย ชมพู่ ท้อง 2 เดือน รู้เพศลูกได้อย่างไร” คลิกหน้า 2

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                       

                        เคล็ดลับช่วยลูกอึง่าย ขับถ่ายสบายท้อง

                        เรื่องขับถ่ายเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลกับพัฒนาการของลูกๆ ถ้าลูกมีปัญหาขับถ่ายยาก เรามีเทคนิคช่วยให้เขาขับถ่ายได้ดี เป็นเวลามาแนะนำค่ะ

                        เด็กๆ วัยนี้เป็นวัยที่ชอบเล่นชอบเรียนรู้ หากลูกๆ เกิดอาการท้องผูกหรือไม่สบายตัวแล้วละก็อาจส่งผลเสียทำให้ลูกงอแง พัฒนาการของลูกแย่ลงไปด้วย ปัญหาเรื่องการขับถ่ายยากเป็นเรื่องที่สำคัญ เด็กแต่ละคนมีความต่างกันทั้งในเรื่องของอาหารเสริม กิจกรรมที่ทำ พฤติกรรมของลูก ระบบต่างๆ ในร่างกาย และการขับถ่าย คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถแก้ไขปัญหานี้ให้ลูกได้ อยากรู้ว่าทำอย่างไรเรามีเทคนิคช่วยให้ลูกวัยเล่นวัยเรียนรู้ขับถ่ายดีมาแนะนำค่ะ

                        • ดื่มน้ำสม่ำเสมอ เมื่อลูกทานนม หรือทานอาหารเสริมเสร็จ คุณแม่ควรให้ลูกดื่มน้ำตามให้มากๆ เวลาลูกเล่นก็ควรหาน้ำให้ลูกดื่มบ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 6 -8 แก้วต่อวัน
                        • ทานผักและผลไม้ที่มีกากใยมากขึ้น เช่น มะละกอ กล้วย ส้ม ลูกพรุน ลูกแพร์ ตำลึง และแครอท เพราะใยอาหารจะช่วยเพิ่มกากอาหาร หรือปริมาณเนื้ออุจจาระและอุ้มน้ำ ทําให้อุจจาระอ่อนตัวขับถ่ายได้ง่ายและหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้อุจจาระแข็ง เช่น ข้าวกล้อง ช็อกโกแลต ชีส เป็นต้น
                        • ฝึกการขับถ่ายเจ้าตัวน้อยให้เป็นเวลาทุกวัน การฝึกง่ายๆ สำหรับคุณแม่เริ่มจากการให้ลูกรับประทานอาหารให้เป็นเวลาและอิ่มท้องเพื่อเป็นการกระตุ้นลำไส้ด้วยวิธีทางธรรมชาติ หรือควรฝึกลูกนั่งกระโถนหรือชักโครกเงียบๆ ในมุมส่วนตัวคุณแม่ค่อยอยู่ใกล้ๆ ไม่ควรดุหรือทำให้ลูกกลัว ให้คําชมเมื่อลูกทำได้ ลูกจะรู้สึกดีและไม่กลั้นอุจจาระ
                        • เลือกนมที่ดีกับระบบขับถ่าย เพราะนมเป็นหนึ่งในอาหารสำคัญที่ลูกน้อยต้องดื่มเป็นอาหารหลัก การเลือกนมที่มีโปรตีน ที่ย่อยและดูดซึมง่าย และมีใยอาหารที่ช่วยในเรื่องการขับถ่าย ย่อมเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการช่วยลูกให้อึง่าย ขับถ่ายสบายท้อง อย่างนมแพะที่อุดมไปด้วย CPP หรือ Casein Phosphopeptidesที่เป็นโปรตีนนุ่ม ย่อยง่าย ร่างกายดูดซึมนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ช่วยดูแลลูกน้อยไม่ให้เกิดอาการท้องอืด หรือท้องผูกนอกจากนี้ “นมแพะ” ยังมีใยอาหารจากธรรมชาติ หรือพรีไบโอติกส์ อย่างอินนูลิน (Inulin) และโอลิโกฟรุคโตส (Oligofructose) ซึ่งเป็นใยอาหารที่ไม่ถูกย่อยในกระเพาะอาหาร ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์สุขภาพ เช่น แลคโตบาซิลัส และบิฟิโดแบคทีเรีย จึงช่วยปรับสมดุลของระบบทางเดินอาหารทำให้ลูกน้อยขับถ่ายได้ง่าย หมดปัญหาเรื่องท้องผูกและส่งเสริมภูมิคุ้มกันที่ดีให้แก่ลูกน้อยอีกด้วย
                        • การใช้ยาระบาย ทางเลือกสุดท้ายที่ควรได้รับคำแนะนำจากคุณหมอเท่านั้น การใช้ยาระบายจะใช้ในกรณีที่การปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการฝึกขับถ่ายไม่ได้ผล ซึ่งการใช้ยาดังกล่าวนี้จะต้องได้รับคําแนะจากแพทย์เท่านั้น

                          ไข่กระทะทรงพลัง

                          ไข่กระทะเมนูแสนง่ายที่จัดเต็มมากคุณค่าทางสารอาหาร กินพร้อมกับนมอุ่น ๆ เหมาะสมเป็นมื้อเช้ามื้อสำคัญของเจ้าตัวเล็กที่สุด

                          เครื่องปรุง

                          1. ไข่ไก่ 2 ฟอง
                          2. เนยจืด 1 ก้อน
                          3. หมูบด 3 ขีด
                          4. กุนเชียง หมูยอ และหอมหัวใหญ่หั่นเป็นลูกเต๋า
                          5. ซอสหอยนางรม
                          6. ซอสถั่วเหลือง
                          7. ซีอิ๊วขาว
                          8. ผักชีซอย
                          9. กระเทียม พริกไทยเม็ด น้ำตาลทราย เกลือป่น ขนมปังกระเทียม

                          วิธีทำหน้าไข่กระทะ

                          1. ตั้งกระทะใช้ไฟกลางค่อนข้างอ่อน ตัดเนยใส่ลงไปสัก 1 ใน 4 ส่วน พอเนยละลายใส่หอมหัวใหญ่ที่หั่นไว้ลงไปผัดจนนิ่ม
                          2. เร่งไฟให้แรงขึ้นใส่หมูบดลงไป ตามด้วยผัดรวมกับหอมหัวใหญ่ ใส่ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว ซอสถั่วเหลือง ผัดให้เข้ากัน
                          3. พอหมูบดใกล้สุก ใส่กุนเชียงและหมูยอลงไปผัด แล้วตักใส่ชามพักไว้

                           

                          วิธีทำ ไข่กระทะ

                          1. ตั้งกระทะลูกเล็กใช้ไฟกลาง ตัดเนยก้อนเท่าหัวแม่มือใส่ลงไป รอจนเนยละลายกลายเป็นน้ำมัน ตอกไข่ลงในกระทะ 1 ฟอง
                          2. ใช้ตะหลิวตีไข่แดงให้แตก ตักหน้าที่ผัดไว้ลงไปด้านบน ใช้ฝาหม้อที่เตรียมไว้ปิดกระทะ
                          3. รอจนไข่สุก (แง้มฝาหม้อดูเป็นระยะ ๆ พอเห็นว่าไข่ด้านล่างเริ่มจะเกรียมเป็นอันว่าใช้ได้)
                          4. โรยผักชีหั่นหยาบๆ เสิร์ฟพร้อมขนมปังกระเทียม

                          เท่านี้เป็นอันว่าเสร็จอาหารเช้ามื้อสำคัญทั้งอร่อยทำง่าย เสิร์ฟพร้อมนมแพะเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารให้เด็กๆ เพราะวิตามินในนมแพะมีส่วนช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายแข็งแรง ทำให้เด็ก ๆ พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดวัน

                            สุขภาพของลูกน้อย ดีได้ด้วยลำไส้ที่แข็งแรง พรีไบโอติกช่วยได้

                            รู้หรือไม่ว่า “ลำไส้” ของคนเรานั้น ไม่ได้ทำหน้าที่เฉพาะย่อยอาหารเพียงอย่างเดียว หากแต่ลำไส้ยังทำหน้าที่สำคัญต่อร่างกายนั่นคือ ศูนย์กลางของพัฒนาการต่าง ๆ ของร่างกายอีกด้วย ดังนั้นเบื้องต้นหากทราบกันอย่างนี้แล้ว เรามาเริ่มต้นดูแล “ลำไส้” กันดีกว่า โดยเฉพาะในเด็กเล็กหากคุณแม่ดูแลลำไส้ของลูกน้อยเป็นอย่างดี ผลที่ตามมาก็คือ สุขภาพร่างกายลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดี รวมถึงมีสุขภาพที่แข็งแรงด้วย

                            ลำไส้ทำหน้าที่เป็นแหล่งสร้างระบบภูมิต้านทานที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย เมื่อแรกคลอดลูกน้อยลืมตาออกมาดูโลก บอกเลยว่าเขามีโอกาสได้รับเชื้อโรคต่างๆ จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว ยิ่งเมื่อเขาโตขึ้นและอยู่ในช่วงวัยที่หยิบจับสิ่งของได้เอง ก็มีโอกาสที่ลูกจะหยิบของเหล่านั้นเข้าปาก ซึ่งหากลูกน้อยมีลำไส้ที่แข็งแรง แน่นอนว่าการดูแลรวมถึงปกป้องเชื้อโรคย่อมต้านทานได้

                            ลำไส้ทำหน้าที่ในการควบคุมดูแลอารมณ์ของคนเราด้วย หากคุณแม่ดูแลลำไส้ของลูกน้อยดีจะสังเกตได้ว่าลูกน้อยเลี้ยงง่าย หลับง่าย อารมณ์ดี

                            ลำไส้ยังทำหน้าที่ในการดูดซึมสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆ โดยกระบวนการย่อยและดูดซึมสารอาหาร ต้องอาศัยจุลินทรีย์สุขภาพจากลำไส้ ซึ่งหากลูกน้อยมีลำไส้ที่แข็งแรง ก็ย่อมส่งผลต่อการเจริญเติบโตนั่นเอง และที่สำคัญอีกอย่างลำไส้ยังส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองของลูกน้อย นั่นเพราะหากลูกน้อยได้รับอาหารที่เพียงพอตามช่วงวัย ได้รับอาหารที่มีประโยชน์ตามช่วงวัย ก็เท่ากับว่าพัฒนาการทางสมองย่อมดีตามมา

                            คุณแม่จึงควรใส่ใจในเรื่องของการดูแลลำไส้ลูกน้อยให้ดี ซึ่งในคุณแม่คนไหนที่มีปัญหาเรื่องน้ำนมไม่เพียงพอ หรือไม่มีน้ำนม การเลือกนมสำหรับลูกน้อยจึงสำคัญอย่างยิ่ง ทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ คือ นมแพะ” เพราะมีระบบการสร้างน้ำนมแบบเดียวกับนมแม่ คือ ระบบอะโพไครน์ ทำให้มีสารอาหารจากธรรมชาติในปริมาณสูง ที่สำคัญยังมี “พรีไบโอติก” ชนิด Oligosaccharide เช่น Inulin และ Oligofructose ซึ่งเป็นใยอาหารที่ไม่ถูกย่อยในกระเพาะอาหาร เพราะทนต่อน้ำย่อย กรด ด่าง ในกระเพาะและลำไส้ ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์สุขภาพ เช่น แลคโตบาซิลัส และบิฟิโดแบคทีเรีย จึงช่วยปรับสมดุลของระบบทางเดินอาหาร ลดการอักเสบบริเวณลำไส้ ทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้อย่างเป็นปกติ ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ผลที่ตามมาคือ ลูกน้อยมีสุขภาพที่ดี นอกจากนี้นมแพะอุดมไปด้วย CPP หรือ Casein Phosphopeptides ที่เป็นโปรตีนนุ่ม ย่อยง่าย ร่างกายดูดซึมนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่  นมแพะจึงเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับคุณแม่ที่มีปัญหาเรื่องน้ำนม และต้องการดูแลสุขภาพลำไส้ของลูกน้อยค่ะ

                              7 แหล่งโปรตีนสำคัญที่ลูกควรได้รับ

                              โปรตีนจัดเป็นสุดยอดอาหารที่ดีต่อร่างกาย แต่ก็ควรให้ลูกทานอย่างเหมาะสมไม่มากหรือน้อยจนเกินไป แต่ก็มีเด็กจำนวนไม่น้อยที่ขาดโปรตีน เราจึงมี 7 แหล่งโปรตีนสำคัญใกล้ตัวมาแนะนำ เพื่อให้เด็กๆ เติบโตสมวัย

                              โปรตีนเป็นหนึ่งในสารอาหารที่ร่างกายของลูกควรได้รับอย่างเหมาะสม เพราะโปรตีนมีหน้าที่เพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ เสริมสร้างการเจริญเติบโตและช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้โปรตีนยังเป็นส่วนประกอบของอวัยวะและเซลล์อีกด้วย ดังนั้น เด็กๆ ก็ควรที่จะได้รับอาหารที่มีโปรตีนเพียงพอ เพื่อการเจริญเติบโตที่สมวัย โปรตีน 7 แหล่งที่คุณแม่ไม่ควรพลาดมีดังนี้

                              1. ปลา – ปลาเป็นแหล่งโปรตีนที่มีเส้นใยสั้น ๆ ไขมันต่ำย่อยง่าย ควรให้ลูกเริ่มกินปลาน้ำจืดก่อนปลาทะเล เพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้อาหารทะเล เช่น ปลาช่อน ปลานิล ส่วนปลาทะเลเริ่มให้ได้เมื่อลูกอายุ 1 ปี เช่น ปลาแซลมอนที่มีโอเมก้าสาม และมีกรดไขมันที่ดีต่อร่างกาย
                              2. ตับหมู ตับไก่–เป็นวัตถุดิบที่ทำอาหารได้ง่าย เหมาะสำหรับหนูๆ เพราะนอกจากมีโปรตีนแล้ว ในตับยังมีธาตุเหล็กสูง ช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดได้ดี
                              3. หมู–เป็นโปรตีนธรรมชาติจากสัตว์ที่มีกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายควรได้รับแต่สำหรับเด็กควรรับประทานอย่างเหมาะสม ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป สำหรับลูกๆ ในเมนูเนื้อหมูคุณแม่อาจจะทำเป็นซุปเพื่อให้ลูกทานง่าย และย่อยง่าย
                              4. ไก่ – ควรใช้บริเวณที่เป็นสันในไก่ เพราะเด็กส่วนใหญ่ไม่แพ้โปรตีนจากไก่ เริ่มให้ได้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ให้ทีละน้อย เพื่อให้อาหารมีส่วนกระตุ้นการสร้างน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร โดยคุณแม่ควรเริ่มจากการต้มและปั่นละเอียดผสมในโจ๊กบด
                              5. ไข่แดง – เป็นแหล่งโปรตีนชนิดแรกที่เหมาะกับการเป็นอาหารเสริมตามวัยของเด็ก 6 เดือนขึ้นไป มีทั้งโปรตีน วิตามินเอ วิตามินอี เลซิติน ลูทีน ธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงกล้ามเนื้อสายตา ผิวหนัง และความจำ
                              6. ถั่ว- เป็นแหล่งให้พลังงานและเสริมโปรตีนจากพืช เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว นอกจากโปรตีนแล้ว ยังมีใยอาหารสูง ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย และถั่วลันเตาหรือถั่วสีเขียวยังอุดมไปด้วยวิตามิน B12
                              7. นม – นอกจากนมแม่ที่มีโปรตีนสำคัญต่อทารก นมอื่นๆ อย่างเช่นนมแพะ ก็มีโปรตีนที่จำเป็นกับร่างกายลูกๆ เช่นกัน อย่างนมแพะมีโปรตีน CPPหรือ Casein Phosphopeptides ซึ่งเป็นโปรตีนนุ่ม ที่ย่อย และดูดซึมง่ายช่วยให้ร่างกายได้รับโปรตีนไปช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม เหล็ก สังกะสี และแมกนีเซียมสู่ร่างกาย อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อยได้อีกด้วย

                              แหล่งโปรตีนสำคัญยังมีอีกมากมายให้คุณแม่เลือกสรร ทั้งโปรตีนที่มาจากสัตว์และโปรตีนที่มาจากพืชแต่สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือต้องเป็นสารอาหารจากธรรมชาติที่ดูแลร่างกายของลูกน้อยให้เจริญเติมโตสมวัยอย่างเป็นธรรมชาติ

                                เคล็ดลับ ช่วยลูกอารมณ์ดี

                                การเห็นลูกอารมณ์แจ่มใส และเรียนรู้ได้อย่างมีความสุข ย่อมเป็นความปรารถนาสูงสุดของคุณแม่ๆ ซึ่งการจะไปให้ถึงเป้าหมายหรือความสำเร็จนั้นก็ไม่ยากค่ะ เรามี 3 เคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้ลูกของคุณแม่เติบโตอย่างอารมณ์ดีค่ะ

                                29940847_ml_Edit

                                กินอิ่ม กินครบ
                                เรื่องโภชนาการของลูกเป็นเรื่องสำคัญที่คุณแม่ทุกคนมองข้ามไม่ได้ ทั้งเรื่องสารอาหารที่ต้องครบถ้วนซึ่งนมแม่ถือเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูก เพราะมีทั้งโปรตีน แคลเซียม แร่ธาตุ และวิตามินต่างๆ อยู่พร้อมสรรพ อีกทั้งควรตอบสนองเมื่อลูกน้อยหิวอย่างทันท่วงทีไม่ปล่อยให้เขาร้องงอแงนาน
                                แต่หากคุณแม่ไม่สามารถให้นมแม่ได้ นมแพะก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่ง เนื่องจากมีสารอาหารในน้ำนมตามธรรมชาติ (Bioactive Components) จากกระบวนการสร้างน้ำนมเหมือนนมแม่ คือ อะโพไคร์น (Apocrine Secretion) จึงทำให้มีสารอาหารอันประกอบไปด้วย

                                นิวคลีโอไทด์ ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน และเสริมสร้างการเจริญเติบโต

                                ทอรีน  พัฒนาเซลล์สมองและจอประสาทตา

                                โพลีเอมีนส์  เพิ่มภูมิต้านทานต่อระบบทางเดินอาหารและส่งเสริมระบบการย่อยอาหารให้สมบูรณ์

                                โกรทแฟคเตอร์  ส่งเสริมการเจริญเติบโต

                                12671655_l_Edit

                                สบายท้อง นอนสบาย
                                ปัญหาลูกท้องอืด ท้องผูก มีผลต่อการเรียนรู้ของลูกน้อยนะคะ เพราะอาการทางร่างกายส่งให้ลูกหงุดหงิดไม่สบายตัว งอแง มีปัญหาการนอน และไม่พร้อมต่อการกระตุ้นหรือเรียนรู้ใดๆ ดังนั้นคุณแม่จึงควรเลือกนมที่เหมาะสมให้กับลูก โดยนมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดของลูก มีสารอาหารครบถ้วน และย่อยง่าย ไม่ทำให้ลูกท้องผูก แต่หากคุณแม่ไม่สามารถให้นมแม่กับลูกได้ ก็ควรเลือกนมแพะที่มีโปรตีน CPP อันนุ่มย่อยง่าย ร่างกายจึงดูดซึมไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม เหล็ก สังกะสี แมกนีเซียม เข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งนมแพะยังมีใยอาหารจากธรรมชาติ รวมถึงอินนูลิน (Inulin) และโอลิโกฟรุคโตส (Oligofructose) ทำให้เด็กมีอาการท้องอืด ท้องผูกน้อยกว่านมวัว ซึ่งจะทำให้ลูกน้อยสบายท้อง นอนสบาย อารมณ์แจ่มใสพร้อมต่อการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

                                19937828_l-copy

                                เล่นกับลูก
                                คุณพ่อคุณแม่ถือเป็นของเล่นชิ้นสำคัญของลูกนะคะ เพียงการอยู่กับเขา พูดคุย ยิ้ม หัวเราะไปกับเขา หรือร้องเพลง อ่านนิทานให้ฟัง ก็ช่วยกระตุ้นให้เขายิ้มหัวเราะตาม อีกทั้งการที่คุณพ่อคุณแม่เล่นกับลูกจะช่วยเสริมสร้างทักษะด้านภาษาและการสื่อสารให้ลูกอีกด้วยค่ะ และที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตธรรมชาติของลูกนะคะว่าในช่วงเวลานั้นเขาพร้อมกับกิจกรรม หรือการเล่นแบบใด เพื่อให้ช่วงเวลาของคุณพ่อคุณแม่กับลูกมีความสุข สนุกสนานอย่างเต็มที่
                                เห็นไหมคะเคล็ดลับดีๆ ทำได้ไม่ยากแบบนี้ จะช่วยให้ลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่อารมณ์ดี พร้อมต่อการเรียนรู้ในเรื่องอื่นๆ ต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ

                                  5 กิจกรรมสร้างเจ้าตัวเล็กมั่นใจในตัวเอง

                                  เด็กวัย 2-3ปี วัยนี้ค่อนข้างเริ่มเป็นตัวเองสูง ดังนั้นจะต้องทำตัวแบบว่า… แม่ไม่บังคับหนูหรอก แต่ขอแจมสิ่งที่หนูกำลังสนใจอยู่หน่อยได้ไหม กิจกรรมที่เราสามารถสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองให้ลูกวัยนี้มีอะไรบ้างต้องดู

                                  อย่างที่เรารู้กันดีว่าเด็กวัย 2-3 ปี เป็นวัยที่เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง เริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมทั้งพัฒนาการและการเจริญเติบโตที่แข็งแรงขึ้น ทำให้เด็กๆ สามารถทำอะไรด้วยตนเองได้หลายอย่าง รวมถึงการเลือกที่จะให้ความสนใจหรือไม่สนใจกับอะไร เมื่อลูกเริ่มมีความเป็นตัวเองมากขึ้นพ่อแม่จะทำอย่างไรให้ลูกมีความมั่นใจ ความภูมิใจกับกิจวัตรประจำวันหรือเหตุการณ์ที่ลูกต้องเจอ กิจกรรมที่เราสามารถสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองให้กับลูกในวัยนี้มีอะไรบ้างมาดูกันค่ะ

                                  1. กิจกรรมแสดงความรัก – การแสดงความรักกันตลอดเวลาในครอบครัวนั้น เช่น การกอด การหอม การชมเชย รับฟังลูก ให้กำลังใจกันอยู่เสมอ จะทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นมั่นคง ปลอดภัย และมีความสุข ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความมั่นใจในตนเองของลูกได้
                                  2. กิจกรรมฝึกลูกช่วยเหลือตนเอง – การฝึกลูกให้รู้จักทำอะไรด้วยตนเองตั้งแต่ยังเล็กๆ นั้นเป็นการปลูกฝังให้เด็กสามารถพึ่งพาตนเอง มีความคิดทางบวกว่าตนเองสามารถทำสิ่งต่างๆ สำเร็จได้ด้วยตนเอง เช่น การกินข้าวด้วยตัวเอง เก็บของเล่นเอง พยายามใส่เสื้อผ้าเอง เป็นต้น
                                  3. กิจกรรมส่งเสริมลูก – เมื่อลูกมีความสามารถ และความชอบในเรื่องใดเป็นพิเศษ เช่น ชอบเล่นกีฬา ชอบร้องรำทำเพลง ชอบวาดรูประบายสี ชอบคิดเลข ชอบอ่านหนังสือ ชอบเข้าครัวกับคุณแม่ ชอบซ่อมรถกับคุณพ่อ ซึ่งพ่อแม่ควรส่งเสริมในสิ่งที่ลูกมีความถนัด ไม่ควรขัดขวางหรือบังคับให้ลูกทำอย่างอื่น การสนับสนุนลูกนอกจากจะเป็นการพัฒนาความสามารถของลูกโดยตรงแล้ว ยังช่วยพัฒนาความมั่นใจในตนเองของลูกรักอีกด้วย
                                  4. กิจกรรมของผู้กล้า – การฝึกให้ลูกมีความรับผิดชอบกล้ายอมรับนี้ก็เป็นเรื่องที่เด็กๆ สามารถทำได้ พ่อแม่ต้องเปลี่ยนจากการดุลูกเมื่อทำผิดมาเป็นการอธิบายเหตุผลการทำผิดของลูก และควรบอกลูกเสมอว่าเมื่อทำผิดต้องรู้จักขอโทษ เมื่อลูกทำได้ก็ควรแสดงความชื่นชมที่มีความกล้าหาญกล้ารับผิดชอบ
                                  5. กิจกรรมสร้างสังคมให้ลูก – การที่เด็กๆ มีเพื่อนเล่นในวัยเดียวกันเป็นอีกหนึ่งทางที่พ่อแม่จะสังเกตลูกได้ว่าลูกมีพฤติกรรมอย่างไรเมื่ออยู่กับคนอื่น ลูกไม่เข้าหาเพื่อน ลูกเล่นคนเดียว หรือลูกมีความสุขดีเมื่อได้เล่นกับเพื่อนๆ เมื่อลูกไม่กล้าเล่นกับเพื่อน ควรเริ่มจากพาลูกออกมาข้างนอกบ่อยขึ้น พบปะผู้คนเยอะขึ้น ปล่อยให้เด็กๆ ได้เข้าหากัน ความเป็นตัวเองของลูกก็สามารถเกิดขึ้นได้จากความคุ้นเคยเมื่อเจอคนเยอะๆ

                                  ความมั่นใจในตนเองสามารถพัฒนาได้ตั้งแต่เด็ก เพียงพ่อแม่ดูแลลูกด้วยความรักและความเข้าใจ ลูกของเราจึงจะเติบโตขึ้นเป็นคนที่กล้าคิดกล้าทำ กล้าตัดสินใจ โภชนาการก็เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ อย่างนมแพะก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพราะนมแพะมีระบบการให้น้ำนมแบบเดียวกับนมแม่ ที่เรียกว่า ระบบอะโพรไคน์ ทำให้มีสารอาหารจากธรรมชาติในปริมาณที่สูง เรียกว่า Bioactive component และโปรตีน CPP หรือ Casein Phosphopeptides ซึ่งเป็นโปรตีนนุ่ม ย่อยง่าย ร่างกายดูดซึมนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ทำให้ลูกรักมีน้ำหนักตัวดีนอกจากนี้ยังมีใยอาหารอย่าง Prebiotic ชนิด Oligosaccharide เช่น Inulin และ Oligofructose ซึ่งเป็นใยอาหารที่ไม่ถูกย่อยในกระเพาะอาหาร ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ชนิดดี จึงช่วยปรับสมดุลของระบบทางเดินอาหาร ทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้อย่างเป็นปกติ ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ผลที่ตามมาคือลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดีสมวัย ซึ่งเป็นคุณลักษณะของคนที่มีความมั่นใจในตนเองอย่างแน่นอน

                                   

                                   

                                    เก็บยาในตู้เย็น

                                    เก็บยาในตู้เย็น บริเวณไหนปลอดภัย ช่วยลดยาเสื่อมสภาพ

                                    เก็บยาในตู้เย็น ผู้เขียนเคยเห็นแม่เก็บยาไว้ในตู้เย็นตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเด็ก ตอนนั้นรู้แค่ว่าที่แม่เก็บไว้ในตู้ย็น เพราะต้องการให้ยายืดอายุคงสภาพยาไว้ให้ได้ตลอดการใช้งาน ซึ่งในความเป็นจริงก็ไม่รู้ว่าการเก็บยาไว้ในตู้เย็นนั้นถูกต้อง ปลอดภัยจริงหรือเปล่า ทีมงาน Amarin Baby & Kids วิธีการ เก็บยาในตู้เย็น ที่ถูกต้องมาฝากให้ทุกครอบครัวได้ทราบกันค่ะ

                                     

                                    เก็บยาในตู้เย็น ใช่ที่ปลอดภัยในการเก็บรักษายาหรือเปล่า?

                                    ส่วนมากแล้วยาที่ทุกครอบครัวมีเก็บไว้ในตู้ยาสามัญประจำบ้านจะเป็นยาพื้นฐานทั่วไป เช่น พาราเซตามอล ยาแก้ปวดหัว ลดไข้ตัวร้อน พลาสเตอร์แผ่นยาปิดแผล ยาใส่แผลสด แอลกอฮอล์ทำความสะอาดแผล ฯลฯ ซึ่งยาเหล่านี้โดยมากแล้วเราจะเก็บกันไว้ในกล่องยา ที่แค่ระวังเรื่องความอับชื้นที่จะเข้าสู่ยา เพราะอาจเกิดเชื้อราในกล่องยาขึ้นได้

                                    Good to know… “ยาทุกตัวควรมีวันหมดอายุของยา  โดยวันหมดอายุของยาจะพิมพ์ด้วยข้อความ “วันหมดอายุ” , “ควรบริโภคก่อน” , “Exp. Date” , “Use before” , “Best by” , “Best before” หรือ “Exp.”  การระบุบางครั้งบอกเป็น วัน/เดือน/ปี ,  เดือน/วัน/ปี หรือ เดือน/ปี  กรณีที่วันหมดอายุบอกเป็น “เดือน/ปี” ให้ใช้ถึงวันสุดท้ายของเดือนนั้น  แต่ยาบางขนานบอกเพียงวันผลิต  ได้แก่ “วันผลิต” หรือ “Mft.  Date”  การกำหนดวันหมดอายุของยากลุ่มนี้ให้นับจากวันผลิตของยา 3 ปี (โดยต้องเก็บในภาชนะบรรจุเดิม และสภาพการเก็บรักษา ตามที่ระบุจากบริษัทเท่านั้น)(1)

                                    อ่านต่อ >> “การเก็บรักษายาที่ถูกวิธี ต้องเก็บอย่างไร?” หน้า 2

                                     

                                     

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่