ลูกเสียชีวิตในครรภ์

ลูกน้อยเสียชีวิตในครรภ์ ภาวะที่คุณแม่ต้องระวัง

Alternative Textaccount_circle
event
ลูกเสียชีวิตในครรภ์
ลูกเสียชีวิตในครรภ์

เสียงหายใจของลูกน้อยที่ดังก้องออกมาจากเครื่องฟังขยายเสียงบนหน้าท้องของคุณแม่ เป็นเสียงสวรรค์สำหรับคุณแม่ทุกคน เพราะนั่นแสดงว่าลูกของเรายังมีชีวิตอยู่ในท้อง แต่ก็มีคุณแม่บางคนที่ไม่โชคดีเช่นนั้น เมื่อคุณแม่พบว่าลูกไม่ดิ้น เพราะ ลูกเสียชีวิตในครรภ์ มานานแล้ว

(more…)

ผ่าคลอด กับ คลอดเอง

ผ่าคลอด กับ คลอดเอง แบบไหนดีกว่ากัน?

Alternative Textaccount_circle
event
ผ่าคลอด กับ คลอดเอง
ผ่าคลอด กับ คลอดเอง

ผ่าคลอด กับ คลอดเอง แม่ท้องจำนวนไม่น้อยนึกสงสัยและลังเลใจว่า ตัวเลือกไหนที่จะปลอดภัยและดีกว่า ระหว่างการผ่าคลอด หรือ คลอดธรรมชาติ ซึ่งแต่ละวิธีต่างก็มีข้อดี ข้อเสีย และประโยชน์ ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีข้อเท็จจริงของทั้งสองตัวเลือกในการคลอดลูกมาฝากกันค่ะ

 

ผ่าคลอด กับ คลอดเอง  – คลอดลูกอย่างไรให้ปลอดภัย?

การคลอดลูกที่ดีที่สุดคือการคลอดตามธรรมชาติ ถือเป็นมาตรฐาน และมีความปลอดภัยสูง ในขณะที่การผ่าตัดคลอดก็ถือเป็นตัวช่วยที่ดีมากสำหรับการทำคลอดเช่นกัน ทั้งนี้ หัวใจสำคัญของการทำคลอดคือ “แม่รอด ลูกปลอดภัย” ดังนั้นการเลือกวิธีจึงต้องขึ้นอยู่กับข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ที่ต้องพิจารณาเป็นสำคัญ

 

แต่ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าอัตราการผ่าคลอดทางหน้าท้องมีแนวโน้มสูงขึ้น ทั้งในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน เนื่องจากมีการร้องขอจากคุณแม่และญาติในการกำหนดวันเวลาที่จะคลอดตามฤกษ์ หรือตามความเชื่อทางโหราศาสตร์ ซึ่งในตอนนี้กลายเป็นค่านิยมไปเสียแล้ว ถึงแม้คุณแม่มีสิทธิ์เลือกได้ว่าอยากจะคลอดแบบไหน แต่ในฐานะสูตินรีแพทย์ หรือแม้กระทั่งนโยบายของภาครัฐ ก็ยังคงสนับสนุนให้ทำคลอดโดยยึดตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์มากกว่าความเชื่อเรื่องดวงหรือโหราศาสตร์อยู่ดี

 

สำหรับข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ที่กล่าวถึงนั้น ยกตัวอย่างเช่น ครรภ์เป็นพิษ เด็กตัวใหญ่เกินไป อุ้งเชิงกรานของคุณแม่เล็ก ความดันโลหิตสูง เด็กเจริญเติบโตช้าในครรภ์ น้ำคร่ำน้อย ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนดเป็นเวลานานๆ หรือแม้กระทั่งมีภาวะการคลอดผิดปกติอย่างปากมดลูกเปิดช้า ฯลฯ เหล่านี้คือข้อบ่งชี้ที่แพทย์มักแนะนำให้คุณแม่ผ่าตัดคลอดทั้งสิ้น ซึ่งการผ่าตัดคลอดในปัจจุบันค่อนข้างปลอดภัยกว่าในอดีต เพราะเทคโนโลยีด้านเวชศาสตร์และทารกในครรภ์ก้าวหน้ามากขึ้น รวมถึงเทคนิคการผ่าตัด เครื่องมือทันสมัย และบุคลากรที่มีฝีมือด้วย ส่วนคุณแม่ที่มีสุขภาพดีและไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ ก็สามารถคลอดธรรมชาติได้อย่างไม่มีปัญหา หากไม่กลัวเจ็บไปเสียก่อน

 

อ่านต่อ >> “ข้อดี ข้อเสีย ของการผ่าคลอด กับ คลอดธรรมชาติ” หน้า 2

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ภาวะกระบอกตาห่างแต่กำเนิด

ภาวะกระบอกตาห่างแต่กำเนิด อาการ และการรักษา !!

Alternative Textaccount_circle
event
ภาวะกระบอกตาห่างแต่กำเนิด
ภาวะกระบอกตาห่างแต่กำเนิด

ภาวะกระบอกตาห่างแต่กำเนิด  เรื่องที่พ่อแม่ทุกคนภาวนาให้ลูกในท้อง คือ ขอให้ลูกคลอดออกมาครบ 32 ประการ อย่ามีโรคภัยไข่เจ็บ อย่ามีความผิดปกติใดๆ กับลูกนี่คือสิ่งที่ปราถนาของพ่อแม่ แต่ใครจะว่าบางครั้งความผิดปกติอาจเกิดขึ้นโดยที่ไม่ทันได้รู้มาก่อนล่วงหน้า  ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีหนึ่งอาการที่สามารถเกิดขึ้นกับลูกได้ตั้งแต่แรกเกิดนั่นคือภาวะ “ตาห่างแต่กำเนิด”

 

ภาวะกระบอกตาห่างแต่กำเนิด อาการ?

ตาห่างแต่กำเนิด (Hyperteolorism) คือ อาการที่กระบอกตา(หรือเบ้าตา) มีความห่างกันมากกว่าปกติ  ซึ่งส่วนใหญ่จะพบร่วมกับความผิดปกติที่เกิดขึ้นบริเวณกึ่งกลางใบหน้า เช่น โรคใบหน้าแหว่งแต่กำเนิด โรคงวงช้าง โรค Apert เป็นต้น

 

ในเด็กแรกเกิดที่มีภาวะตาห่างแต่กำเนิด จะส่งผลกระทบทำให้มีใบหน้าผิดรูป และทำให้มีความผิดปกติของพัฒนาการด้านการมองเห็น ที่เด็กอาจไม่สามารถใช้ตาทั้งสองข้างในการมองวัตถุต่างๆ ไม่สามารถมองภาพเป็นสามมิติ และอาจเป็นเหตุให้มีการเลือกใช้เฉพาะตาข้างใดข้างหนึ่งมากกว่าอีกข้างหนึ่ง ส่งผลกระทบให้ตาข้างที่ไม่ได้ใช้ก็จะเสื่อมสภาพ  ดังนั้นจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องได้รับการรักษาโดยเร็วตั้งแต่แรกเกิด1

 

Must Read !! : 15 อาหาร บำรุงสุขภาพ สายตาลูกน้อย

Must Read !! : ติดจอมากเกินไป ระวังภัย “สายตาล้าเรื้อรัง”

 

อ่านต่อ >> “การรักษาภาวะตาห่างแต่กำเนิด” หน้า 2

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

3 คาถาบูชาพ่อแม่! ให้ลูกสวดได้ทุกวัน เพื่อชีวิตที่ราบรื่น…

event

คาถาสวดบูชาพ่อแม่ … สมเด็จโต ได้เทศน์แก่ รัชกาลที่ 4 ไว้ว่า “…พระอรหันต์ คือ พระผู้ประเสริฐ คนเราทั้งหลายพยายามค้นหาพระผู้ประเสริฐ เพียงหวังยึดท่าน เกาะผ้าเหลืองเกาะหลังท่าน เพื่อให้ท่านพาไปสู่ความสุข แม้ว่าท่านจะอยู่ไกลสุดขอบฟ้า คนเราก็ยังคงดั้นด้น ดิ้นรนไปหา เพื่อหวังเพื่อยึดเหนี่ยวบูชา แต่พระที่อยู่ภายในใกล้ตัวที่สุดกลับมองข้าม มองไม่เห็นเหมือนใกล้เกลือกินด่าง อีกน้ำใจของพ่อแม่ที่ให้ต่อลูก มีแต่ความบริสุทธิ์ ไม่คิดหวังสิ่งใดตอบแทน เช่นเดียวกับพระอรหันต์ที่ให้ต่อมนุษย์ ที่มีความบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน พ่อ แม่ จึงเปรียบเสมือนพระอรหันต์ของ ลูก”

ดังนั้น หากคุณมีจิตกุศลคอยทำบุญทำทานแก่ผู้อื่น ที่สำคัญต้องอย่าละเลย “พระ” ในบ้าน อย่างพ่อแม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกกตัญญูทุกคนพึงที่จะทำ Amarin Baby & Kids จึงขอนำคาถา “บูชาพ่อแม่” มาฝากทุกคน สามารถสวดได้ทุกวันไม่ต้องรอ วันสำคัญใดใด สวดให้เหมือนกับที่พ่อแม่ได้ดูแลทะนุถนอมเราทุกวัน

คาถาสวดบูชาพ่อแม่ สวดทุกวันก่อนนอน เพื่อชีวิตที่ราบรื่น

“การสวดคาถาบูชาพ่อแม่” ควรทำทุกครั้งก่อนนอน โดยอานิสงส์ที่สวดนี้จะทำให้คุณและครอบครัวมีความสุข หรือหากเป็นวันสำคัญอย่างวันพ่อหรือวันแม่ จะนำพวงมาลัยพร้อมกับคาถาบูชาพ่อแม่ไปสวดพร้อมกันเลยก็ได้ เพียงเท่านี้ก็สามารถตอบแทนบุญคุณพ่อกับแม่ได้แล้ว

Must read10 เทคนิคสอนลูกให้เป็นเด็กกตัญญู

โดยขั้นตอนการสวด ควรตั้งจิตให้แน่วแน่แล้วกล่าวตามนี้

1. (ตั้งนะโม 3 จบ) อิมินาสักกาเรนะ ข้าขอกราบสักการะบูชา อันพระบิดร มารดา ตัวข้าขอน้อมระลึกคุณ ท่านมีเมตตาการุณ อุปการะคุณต่อบุตรธิดา ท่านให้กำเนิดลูกมา ทั้งการศึกษาและอบรม ถึงแม้ลำบากขื่นขม ทุกข์ระทมสักเพียงใด ท่านไม่เคยหวั่นใหว ต่อสิ่งใดที่ใด้เลี้ยงมา พระคุณท่านล้นฟ้า ยิ่งกว่าธาราและแผ่นดิน ข้าขอบูชาเป็นอาจิณ ตราบจนสิ้นดวงชีวา ขอปวงเทพไท้รักษา อันพระบิดรมารดาของข้า เทอญ…

อ่านต่อ >> คาถาบูชาพ่อแม่ บทที่ 2 และ 3 ที่ลูกควรสวดทุกวันก่อนนอน เพื่อชีวิตที่ราบรื่น” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

จัดบ้านเสริมดวงให้ครอบครัว ตามสไตล์ญี่ปุ่น

Alternative Textaccount_circle
event

หลายๆ ครอบครัว มีความเชื่อว่าการ จัดบ้านเสริมดวง จะช่วยให้ทุกคนในครอบครัวมีความสุข มีโชคลาภ เป็นการเสริมดวงให้ชีวิต การงาน การเงิน เพิ่มพูนขึ้นมา Amarin Baby & Kids จึงมีเคล็ดลับในการจัดบ้าน และทำความสะอาดบ้านมาฝากคุณพ่อ คุณแม่ ให้ได้รับทรัพย์กันทุกคน

(more…)

อุ้งเชิงกรานแคบ

ไขข้อข้องใจ! อุ้งเชิงกรานแคบ คลอดเองได้ไหม

Alternative Textaccount_circle
event
อุ้งเชิงกรานแคบ
อุ้งเชิงกรานแคบ

คำถามหนักใจที่มักเกิดกับคุณแม่ตั้งครรภ์ทั้งหลาย โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีความมุ่งมั่นอยากจะคลอดลูกเองตามธรรมชาติ แต่เมื่อรู้ว่า ลักษณะของอุ้งเชิงกรานก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คลอดเองได้ลำบากหรือในบางท่านก็ไม่สามารถทำได้เลย เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง มาดูข้อมูลเหล่านี้ประกอบกันค่ะ แล้วจะรู้ว่า อุ้งเชิงกรานแคบ จะคลอดเองได้ไหม (more…)

สิ่งที่ห้ามเข้าไมโครเวฟ

ระวัง 11 ภาชนะ ห้ามใส่อาหารเข้าอุ่นไมโครเวฟ อันตรายต่อสุขภาพลูกน้อย

event
สิ่งที่ห้ามเข้าไมโครเวฟ
สิ่งที่ห้ามเข้าไมโครเวฟ

สิ่งที่ห้ามเข้าไมโครเวฟ …เตาไมโครเวฟ กลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวที่คุณแม่มักเลือกมีติดบ้านเอาไว้ เนื่องจากสามารถใช้งานได้ง่าย ทำอาหารได้หลากหลาย สร้างความสะดวกสบายได้เป็นอย่างมาก หากต้องอุ่นหรือทำอาหารให้ลูกน้อย

แต่เตาไมโครเวฟก็สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ได้เช่นกันหากใช้อย่างไม่ถูกวิธี ซึ่งสิ่งที่หลายคนมักกังวลก็คือเรื่องของภาชนะที่จะใส่อาหารเพื่อนำเข้าไปอบในไมโครเวฟ เนื่องจากภาชนะที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดการปนเปื้อนในอาหาร และอาจทำให้ไมโครเวฟพังเสียหายได้ แต่จะมีภาชนะอะไรบ้างที่ห้ามนำใส่ในไมโครเวฟไปดูกันค่ะ

11 สิ่งที่ห้ามเข้าไมโครเวฟ เสี่ยงพังและอันตรายต่อสุขภาพ

สิ่งที่ห้ามเข้าไมโครเวฟ

1. ภาชนะใส่อาหารที่ทำจากพลาสติก

การนำพลาสติกไปใช้งานผิดวิธี จะทำให้เกิดอันตรายกับผู้บริโภคได้ เนื่องจากภายในพลาสติกมีสารเคมีที่ช่วยทำให้พลาสติกเกิดความยืดหยุ่นได้ที่เรียกว่า “สาร plasticizer” สารตัวนี้อาจถูกปลดปล่อยออกมาปนเปื้อนกับอาหารในระหว่างการให้ความร้อนด้วยรังสีไมโครเวฟได้ และจะอันตรายมากยิ่งขึ้นในอาหารที่มีไขมันสูง นอกจากนี้ ยังมีสารอันตรายอีกตัวหนึ่งที่ชื่อว่า “acetaldehyde” สารตัวนี้เป็นสารระเหยที่เกิดขึ้นได้เมื่อพลาสติกประเภท PET ถูกหลอมเหลวด้วยความร้อน ซึ่งผลของมันจะทำให้อาหารที่บรรจุอยู่ภายในมีกลิ่นและรสที่เปลี่ยนไป

ทั้งนี้ภาชนะแบบพลาสติก ก็มีอยู่หลายชนิด หากต้องการนำภาชนะพลาสติกมาใช้เพื่ออุ่นอาหารในไมโครเวฟละก็ ก็ควรที่จะเลือกภาชนะพลาสติกที่ระบุว่าสามารถใช้ในโครเวฟได้ค่ะ

2. ภาชนะจากโฟม

กล่องโฟม ก็เล่นเดียวกับพลาสติก ซึ่งจะมีสารประกอบที่สามารถหลอมเหลวและติดไฟได้อย่างรวดเร็ว จนอาจจะเกิดระเบิดเปรี้ยงปร้างขณะอุ่นในไมโครเวฟและทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันได้

สิ่งที่ห้ามเข้าไมโครเวฟ

3. กล่อง – ถุงกระดาษ

กล่องและถุงกระดาษควรอยู่ให้ไกลจากไมโครเวฟ เพราะถ้าหากนำทั้งสองสิ่งนี้เข้าไปในไมโครเวฟ  จะทำให้ไฟไหม้ไมโครเวฟได้เลย แถมสารเคมีที่อยู่ในกระดาษก็ยังจะตลบอบอวลเต็มตู้ ซึ่งถ้าหากนำอาหารไปอุ่นต่อ สารเคมีเหล่านั้นก็จะลงไปอยู่ในอาหารนั่นเอง

4. ถ้วยโยเกิร์ต

ถ้วยโยเกิร์ตเป็นภาชนะที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง ไม่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้เนื่องจากมันไม่ทนทานต่อความร้อนสูง ถ้าหากเรานำเข้าไมโครเวฟ ถ้วยเหล่านี้ก็จะละลาย แถมสารเคมีที่มีในเนื้อถ้วยนั้นก็เป็นอันตรายอีกด้วย

5. เหล็ก หรืออะลูมิเนียม

แค่เพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ ของภาชนะ ถ้าหากมีส่วนของเหล็กหรืออะลูมิเนียม อาจจะทำให้ไมโครเวฟของคุณระเบิดได้ เพราะแค่เพียงส่วนเล็ก ๆ ก็สามารถจะส่งผ่านพลาสมาไปยังไมโครเวฟและทำให้เกิดการช็อตจนอาจจะระเบิดได้

อ่านต่อ >> ภาชนะที่ห้ามนำมาใส่อาหารเข้าอุ่นไมโครเวฟ” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ผื่นแพ้ผิวหนัง

เมื่อลูกเป็นผื่นแพ้ผิวหนัง เพราะเครื่องซักผ้า

Alternative Textaccount_circle
event
ผื่นแพ้ผิวหนัง
ผื่นแพ้ผิวหนัง

มีคุณแม่คนหนึ่ง มีลูกน้อยวัย 3 ขวบ อยู่ๆ ลูกสาวของคุณแม่มีอาการ ผื่นแพ้ผิวหนัง โดยไม่ทราบสาเหตุ ตอนแรกคุณแม่ก็คิดว่าลูกน้อยคงไปเล่นซนที่โรงเรียน แล้วเจอเชื้อโรคจึงทำให้แพ้ เพราะคุณแม่เป็นคนสะอาด และมั่นใจว่าอาการแพ้ คงไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคที่บ้านของตัวเองแน่นอน

(more…)

อาหารกึ่งสำเร็จรูป

โจ๊ก-บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กินทุกวันเสี่ยงอันตราย

Alternative Textaccount_circle
event
อาหารกึ่งสำเร็จรูป
อาหารกึ่งสำเร็จรูป

คุณพ่อ คุณแม่หลายคนคงรู้ดีว่าการรับประทานอาหารเช้าจะทำให้เด็กฉลาด อาหารเช้าที่ง่าย และสะดวกที่สุด คือการรับประทาน อาหารกึ่งสำเร็จรูป เช่น โจ๊กกึ่งสำเร็จรูป หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คุณพ่อ คุณแม่ทั้งหลายที่มีฐานะยากจนจึงนิยมซื้ออาหารสำเร็จรูปชื่อดังติดบ้านไว้

(more…)

สามีแพ้ท้องแทนภรรยา

สามีแพ้ท้องแทนภรรยา สาเหตุเกิดจากอะไร?

Alternative Textaccount_circle
event
สามีแพ้ท้องแทนภรรยา
สามีแพ้ท้องแทนภรรยา

สามีแพ้ท้องแทนภรรยา ช่วงเวลาหนึ่งของการตั้งครรภ์ที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นกับตัวเองนั่นก็คือ อาการแพ้ท้อง ผู้หญิงหลายคนเคยผ่านประสบการณ์แพ้ท้องกันมา ถึงขั้นขยาดกันเลยก็มี  แต่รู้ไหมว่าอาการแพ้ท้องมีเกิดขึ้นกับผู้ชายด้วยทีมงาน Amarin Baby & Kids ได้รับคำถามจากคุณผู้อ่านว่า “สามีแพ้ท้องแทนเมีย ได้จริงหรือ?”

 

สามีแพ้ท้องแทนภรรยา – อาการแพ้ท้อง คืออะไร?

อาการแพ้ท้อง (morning sickness) เป็นอาการที่พบได้ประมาณร้อยละ 80 ที่จะเกิดหลังจากตั้งครรภ์ได้ไม่กี่สัปดาห์ และอาการแพ้ท้องมักจะเป็นอยู่นานที่จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์  สำหรับอาการแพ้ท้อง อาจเกิดจากมีการสร้างฮอร์โมน hCG ในปริมาณที่สูงกว่าปกติ ซึ่งจะสังเกตอาการที่เกิดขึ้นได้ คือ

  • คลื่นไส้ เวียนศีรษะ อาเจียน
  • อ่อนเพลียมากกว่าปกติ
  • เหม็นกลิ่นอาหาร น้ำหอม เหม็นสามี ฯลฯ
  • ทานอาหารไม่ได้ แต่อยากของเปรี้ยวๆ

อาการแพ้ท้องหากเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ดูจะเป็นเรื่องปกติ เพราะนั่นคือกลไกตามธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นมาให้ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ท้องมีการแพ้ท้องกันเกือบทุกคน  แต่สำหรับบางครอบครัวที่ภรรยาตั้งครรภ์กลับพบว่า ฝ่ายสามีมีอาการแพ้ท้องแทน ซึ่งความจริงแล้วอาการที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะแพ้ท้องแทนภรรยาจริงหรือไม่?

 

อ่านต่อ >> “สามีแพ้ท้องแทนเมีย เพราะสาเหตุใด” หน้า 2 

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

รีวิว “ผลิตภัณฑ์ดูแลเด็ก” สินค้าเด็ดส่งจากญี่ปุ่น ที่คุณแม่ต้องห้ามพลาด!!

event

ช่วงต้นปีที่ผ่านผู้เขียนได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่น ที่นอกจะสนุกกับการได้เดินสัมผัสอากาศหนาวเย็นถึงใจแล้ว ก็ยังได้ลองทานอาหารที่ขึ้นชื่อของคนญี่ปุ่นด้วย แล้วหลังจากเดินเที่ยวชม ชิมจนอิ่มอกอิ่มใจ ก็เลยพักแวะช้อปปิ้งกันที่ร้านขายยา ซึ่งร้านขายยาที่นี่เขารวมผลิตภัณฑ์ประเภทยา และเครื่องสำอางไว้ด้วยกัน และผลิตภัณฑ์ที่ตั้งใจซื้อเพื่อนำกลับมาแนะนำให้ทุกครอบครัวที่มีลูกเล็กก็คือ ผลิตภัณฑ์ยาเด็กค่ะ ที่ขอบอกว่าน่าซื้อมากๆ วันนี้จึงนำผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กทั้ง 13 ชิ้นนี้มาบอกถึงสรรพคุณที่น่าสนใจ และเหมาะที่จะมีติดบ้านไว้ เอาเป็นว่าถ้าใครจะไปเที่ยวญี่ปุ่นอย่าพลาดซื้อกลับมาใช้ที่บ้านกัน

(more…)

สีเสื้อประจำวันเกิด

สีเสื้อประจำวันเกิด เสริมดวงให้ลูกไม่ป่วยไข้ ผู้ใหญ่เมตตา

Alternative Textaccount_circle
event
สีเสื้อประจำวันเกิด
สีเสื้อประจำวันเกิด

เชื่อไว้ไม่เสียหาย กับ สีเสื้อประจำวันเกิด ใส่แล้วจะช่วยเสริมดวงให้ลูกน้อยมีสุขภาพดี ไม่เจ็บ ไม่ป่วยไข้ ใส่แล้วมีแต่คนรัก ใครเห็นใครก็เมตตา

สีเสื้อประจำวันเกิด เสริมดวงให้ลูกไม่ป่วยไข้ ผู้ใหญ่เมตตา

สีเสื้อประจำวันเกิด เป็นสีที่ถูกโฉลก หรือเป็นมงคลทางโหราศาสตร์ การแบ่งแยกสีมาจากสีในภูมิทักษา หรือสีประจำพระเคราะห์ทั้ง 8 คือ ภูมิบริวาร อายุ เดช ศรี มูลละ อุตสาหะ มนตรี และกาลกิณี การเลือกสีเสื้อให้ตรงกับวันเกิดจะช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับคนนั้น ๆ ด้วย

ไหน ๆ เราก็มีเสื้อมากมายอยู่ในตู้ ลองให้ลูก ๆ ใส่ สีเสื้อประจำวันเกิด เพื่อเสริมดวงให้ลูกน้อยมีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ไข้ และสีเสื้อบางสี ก็จะช่วยให้ลูกเชื่อฟัง ไม่ดื้อ ไม่ซน ได้อีกด้วยนะ!! ของอย่างนี้ใส่ไว้ไม่เสียหาย มาดูกันว่าลูกเราควรใส่สีเสื้อสีไหนบ้างกันค่ะ

1. คนเกิดวันอาทิตย์

สีเสื้อประจำวันเกิด ที่ถูกโฉลกกับคนที่เกิดวันอาทิตย์มีดังนี้

สีเสื้อตามวันเกิด
สีเสื้อตามวันเกิด
  • สีแดง ทำให้คนใกล้ชิด เคารพเชื่อฟัง หากคุณแม่ที่เกิดวันอาทิตย์ อยากให้ลูกเชื่อฟัง ควรใส่สีนี้นะคะ
  • สีขาว สีครีม สีเหลือง จะทำให้มีชีวิตชีวา สดใส ใส่แล้วจะช่วยส่งเสริมเรื่องสุขภาพ
  • สีชมพู ทำให้ผู้อื่นเกรงขาม เมื่อต้องการให้เป็นที่เชื่อถือ
  • สีเขียว เป็นสีที่ส่งเสริมด้านโชคลาภ
  • สีดำ สีม่วง ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับเงินทอง อาจทำให้สำเร็จง่ายขึ้น
  • สีส้ม สีทอง ทำให้ตื่นตัวในทุก ๆ เรื่อง ไม่อยู่กับที่ มีพลังในการทำกิจกรรมต่าง ๆ
  • สีเทา สีดำ ผู้ใหญ่จะเมตตา เอ็นดู

สีเสื้อต้องห้ามของคนเกิดวันอาทิตย์ คือ สีฟ้า สีน้ำเงิน เป็นสีกาลกิณี ไม่ควรสวมใส่ในโอกาสใด ๆ แต่สามารถใช้เพื่ออยากหลีกเลี่ยงสิ่งที่เราไม่พอใจได้

2. คนเกิดวันจันทร์

สีเสื้อประจำวันเกิด ที่ถูกโฉลกกับคนที่เกิดวันจันทร์มีดังนี้

สีเสื้อมงคล
สีเสื้อมงคล
  • สีเหลือง สีขาว สีครีม จะมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ลดอุปสรรคต่าง ๆ
  • สีเขียว ส่งเสริมเรื่องอำนาจ เมื่อต้องไปเจรจาไกล่เกลี่ยปัญหา จะทำให้ผู้อื่นเกรงอกเกรงใจ
  • สีม่วง เป็นสีสิริมงคล ทำให้มีเสน่ห์ เป็นที่รักของคนรอบข้าง
  • สีส้ม สีทอง หากมีอาชีพค้าขาย มีธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อมาขายไป สีนี้จะช่วยส่งเสริมในเรื่องการหมุนเวียนของเงิน
  • สีฟ้า ใช้ในโอกาสต้องเข้าพบปะเจ้านาย หรือผู้ใหญ่

สีเสื้อต้องห้ามของคนเกิดวันจันทร์ ได้แก่ สีแดง หรือโทนสีแดงสด เป็นสีกาลกิณี ไม่ควรสวมใส่ในโอกาสใดๆ แต่สามารถใช้ในยามที่ต้องการหลีกหนีผู้อื่น

3. คนเกิดวันอังคาร

สีเสื้อประจำวันเกิด ที่ถูกโฉลกกับคนที่เกิดวันอังคารมีดังนี้

สีเสื้อ
สีเสื้อ
  • สีชมพู ควรใส่สีนี้เมื่อตรงกับวันคล้ายวันเกิดตนเอง
  • สีเขียว เมื่อไม่สบายเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ไข้หวัด ใส่สี้นี้จะช่วยให้หายเจ็บป่วย หรืออาการดีขึ้น
  • สีม่วง ใช้ในโอกาสที่เปิดกิจการใหม่ ทำบุญขึ้นร้านใหม่ หรือทำสิ่งใหม่ ๆ
  • สีส้ม เสริมเรื่องโชคลาภ รวมไปถึงการเสี่ยงโชคเสี่ยงทายต่าง ๆ
  • สีเทา สีดำ เมื่อมีเหตุต้องการเงินก้อน ทำเรื่องเกี่ยวกับเงินทอง
  • สีฟ้า สีน้ำเงิน วันแรกของการทำงานที่ใหม่ วันเริ่มต้นทำกิจการ
  • สีแดง สำหรับนักศึกษา ใช้ในโอกาสเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษา หรือเข้าพบเพื่อขอคำปรึกษาปัญหาของการทำรายงานต่าง ๆ

สีเสื้อต้องห้ามของคนเกิดวันอังคาร ได้แก่ สีเหลือง สีขาว สีครีม เป็นสีกาลกิณี ไม่ควรสวมใส่ในโอกาสใดๆ แต่สามารถใช้เพื่ออยากหลีกเลี่ยงสิ่งที่เราไม่พอใจได้

4. คนเกิดวันพุธ

สีเสื้อประจำวันเกิด ที่ถูกโฉลกกับคนที่เกิดวันพุธ มีดังนี้

สีเสื้อประจำวัน
สีเสื้อประจำวัน
  • สีเขียว (พุธกลางวัน) สีเทา สีดำ (พุธกลางคืน) ส่งเสริมบารมี ใช้ในโอกาสไปเยี่ยมญาติพี่น้อง พบปะผู้คนหมู่มาก
  • สีม่วง (พุธกลางวัน) สีฟ้า สีน้ำเงิน (พุธกลางคืน) สวมใส่สีนี้แล้วจะทำให้หน้าตาผ่องใส ดูมีชีวิตชีวาขึ้น ไม่เศร้าหมองมีทุกข์
  • สีทอง (พุธกลางวัน) สีแดง (พุธกลางคืน) เมื่อมีการแข่งขัน
  • สีเทา สีดำ (พุธกลางวัน) สีเหลือง สีขาว สีครีม (พุธกลางคืน) ช่วยเสริมเสน่ห์ พูดจากับผู้อื่นแล้วน่าฟัง
  • สีฟ้า สีน้ำเงิน (พุธกลางวัน) สีชมพู (พุธกลางคืน) ใช้สวมใส่ในวันครบรอบวันแต่งงาน
  • สีแดง (พุธกลางวัน) สีเขียว (พุธกลางคืน) ส่งเสริมในเรื่องงาน จะเป็นไปอย่างสะดวกไม่ติดอุปสรรคใด ๆ
  • สีชมพู (พุธกลางวัน) สีส้ม สีทอง (พุธกลางคืน)

สีเสื้อต้องห้ามของคนเกิดวันพุธกลางวัน ได้แก่ สีชมพู วันพุธกลางคืน ได้แก่ สีส้ม สีทอง เป็นสีกาลกิณี ไม่ควรสวมใส่ในโอกาสใดๆ

5. คนเกิดวันพฤหัสบดี

สีเสื้อประจำวันเกิด ที่ถูกโฉลกกับคนที่เกิดวันพฤหัสบดี มีดังนี้

สีเสื้อประจำวันเกิด 2564
สีเสื้อประจำวันเกิด 2564
  • สีส้ม ลูกน้อง หรือผู้ใต้บังคับบัญชา จะเชื่อฟัง จะให้ความเคารพเกรงใจ
  • สีเทา สีดำ ช่วยให้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ อาจช่วยให้ไม่ประสบอุบัติเหตุ ปลอดภัย
  • สีฟ้า สีน้ำเงิน จะมีคนรัก ชื่นชอบ ให้คำชมเยินยอ ควรใส่สีนี้ขึ้นทำการแสดงต่าง ๆ
  • สีแดง ส่งเสริมให้มีโชคลาภ
  • สีเหลือง สีขาว สีครีม อยากให้งานเข้า เงินเข้า ต้องใส่สีนี้เท่านั้น
  • สีชมพู ใช้ในการเดินทาง จะช่วยให้การเดินทางสะดวก ราบรื่น
  • สีเขียว จะทำให้มีผู้อุปถัมภ์ค้ำชู ช่วยเหลือสนับสนุนในการงาน

สีเสื้อต้องห้ามของคนเกิดวันพฤหัสบดี ได้แก่ สีดำ สีม่วง เป็นสีกาลกิณี ไม่ควรสวมใส่ในโอกาสใดๆ แต่สามารถใส่เพื่ออยากหลีกเลี่ยงสิ่งที่เราไม่ชอบใจได้

6. คนเกิดวันศุกร์

สีเสื้อประจำวันเกิดที่ถูกโฉลกกับคนที่เกิดวันศุกร์ มีดังนี้

สีเสื้อมงคล 2564
สีเสื้อมงคล 2564
  • สีฟ้า สีน้ำเงิน จะมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือปัญหา
  • สีแดง ใส่แล้วสดใส ช่วยเรื่องสุขภาพกับคนรอบข้าง
  • สีเหลือง สีขาว สีครีม ใส่แล้วจะสมหวังในเรื่องความรัก
  • สีชมพู ส่งเสริมในเรื่องโชคลาภ
  • สีเขียว ส่งเสริมการเงิน
  • สีม่วง เป็นสีของความอุตสาหะ จะทำให้ขยันหมั่นเพียร
  • สีส้ม สีทอง จะช่วยผ่อนปัญหาหนักให้เป็นเบาได้

สีเสื้อต้องห้ามของคนเกิดวันศุกร์ ได้แก่ สีดำสลัว สีเทาเข้ม โทนสีดำสลัว เป็นสีกาลกิณี ไม่ควรสวมใส่ในโอกาสใดๆ

7. คนเกิดวันเสาร์

สีเสื้อประจำวันเกิดที่ถูกโฉลกกับคนที่เกิดวันเสาร์ มีดังนี้

สีเสื้อประจำวันเกิด
สีเสื้อประจำวันเกิด
  • สีดำ สีม่วง สีเทา เป็นสีของเกียรติยศ มีอิทธิพล ดูน่าเกรงขาม ผู้อื่นไม่กล้ามีปากเสียงด้วย
  • สีฟ้า สีน้ำเงิน ใช้ในโอกาสเข้าวัด ทำบุญ หรืองานการกุศลต่าง ๆ
  • สีแดง จะมีรายได้เข้าออกต่อเนื่อง เหมาะกับการเจรจาธุรกิจ
  • สีเหลือง สีขาว สีครีม สวมใส่ออกไปทำงานเสริม งานพิเศษ จะทำให้มีความกะตือรือร้นในการทำงานมากขึ้น
  • สีชมพู ช่วยเรื่องความแคล้วคลาด ปลอดภัย

สีเสื้อต้องห้ามของคนเกิดวันศุกร์ ได้แก่ สีเขียว โทนสีเขียว เขียวอ่อน เขียวแก่ ไม่ควรสวมใส่ในโอกาสใดทั้งสิ้น แต่สามารถใส่เพื่อเปลี่ยนแปลงบางอย่างในชีวิต

การเลือกใส่เสื้อสีต่าง ๆ ที่เหมาะกับดวงประจำวันเกิดนั้น นอกจากจะช่วยเสริมดวงแล้ว ในทางวิทยาศาสตร์ ก็จะช่วยให้ผู้เสริมใส่มีความมั่นใจในการทำสิ่งต่าง ๆ เมื่อเรามีความมั่นใจ ตั้งใจ เราก็มักจะทำสิ่ง ๆ นั้นออกมาได้ดีนั่นเองค่ะ ดังนั้น ใส่เพื่อความสบายใจ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายนะคะ

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ฤกษ์คลอด 2564 เช็กเลยแม่! รวมฤกษ์มงคล ฤกษ์คลอดบุตร ฤกษ์ผ่าคลอด คลอดวันไหนถึงจะดี?

ทรงผม สีผมตามวันเกิด เสริมดวง เสริมราศี หนุนนำทรัพย์!

สีกระเป๋าสตางค์ เรียกทรัพย์!! เลือกสีให้เข้ากับธาตุ มีโชคลาภตลอดปี 2564

เช็กดวง ปีชง 2564 มีปีอะไรบ้าง พร้อมวิธีแก้ร้ายกลายเป็นดี!

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.sanook.com/horoscope

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Save

Save

ค่าคลอด รพ.รัฐ

รวม ค่าคลอด โรงพยาบาลรัฐ ปี 2560

Alternative Textaccount_circle
event
ค่าคลอด รพ.รัฐ
ค่าคลอด รพ.รัฐ

เมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ โจทย์สำคัญที่คุณพ่อและคุณแม่จะต้องตอบคือ จะคลอดที่ไหนดี? การหาโรงพยาบาลที่จะคลอดนั้น ควรเลือกที่เดินทางสะดวกและราคาเหมาะสมกับแต่ละครอบครัวมากที่สุด Amarin Baby & Kids จึงได้รวบรวมตัวอย่าง ค่าคลอด โรงพยาบาลรัฐ ปี 2560 มาฝากคุณแม่เพื่อประกอบการตัดสินใจค่ะ (more…)

9 ข้อที่ควรสอนลูก ป้องกันการ “วีน เหวี่ยง แซงคิว ไม่มีมารยาท” ในที่สาธารณะ

event

มารยาททางสังคม …สังคมเราทุกวันนี้มีการพูดกันมากขึ้นเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของพ่อแม่ลูกในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสียงดังเอะอะ ไม่มีมารยาท ชอบแซงคิว ทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง พูดไม่คิด และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งทันทีที่มีกระทู้ หรือข้อมูลในลักษณะดังกล่าวเผยแพร่ในชุมชนออนไลน์ ก็มักมีแนวร่วมจำนวนหนึ่งเข้ามาตอกย้ำว่าพฤติกรรมของครอบครัวไทยบางส่วนนั้นเลวร้ายจนเกินเยียวยาจริงๆ

 

คงจะเป็นเรื่องดีไม่น้อย ถ้าการดูแลลูกน้อยและครอบครัวของเรา ไม่มีพฤติกรรมแย่ๆ และต้องตกเป็นครอบครัวกลุ่มเป้าหมายที่ถูกยี้จากสังคมรอบข้าง ซึ่งพ่อแม่สามารถเตรียมการก่อนพาลูกออกนอกบ้านได้ดังนี้

Must readโรคมารยาททางสังคมบกพร่อง ระบาดหนักส่งต่อสู่รุ่นลูก !

9 ข้อที่ควรสอนลูก เพื่อ มารยาททางสังคม ที่ดี ก่อนไปในที่สาธารณะ

มารยาททางสังคม

1. วางแผนก่อนเดินทาง

เมื่อมีลูก การออกนอกบ้านควรมีการวางแผนก่อน เพราะเด็กเล็กยังต้องการการดูแล การตั้งกฎกติกา และการอบรมสั่งสอนมารยาทสังคมตามสมควร หากพ่อแม่ไม่มีการวางแผนล่วงหน้าเอาไว้ ก็อาจกลายเป็นความปั่นป่วนเล็ก ๆ ขึ้นได้ เช่น จะออกไปซื้อของ พ่อแม่อาจต้องเขียนรายการสิ่งของที่ต้องการซื้อเตรียมเอาไว้ก่อน นอกจากนั้น ก่อนจะไป ควรบอกลูกให้รู้ว่า การเดินทางครั้งนี้เราไปเพื่อซื้อ…. ซึ่งจำเป็นต่อครอบครัว และมีสิ่งใดที่คุณจะไม่ซื้อบ้าง (เช่น ขนม ของเล่น) เพราะฉะนั้นไม่ต้องร้องไห้ หรือลงไปชักดิ้นชักงอถ้าไม่ได้ของอย่างที่ต้องการ เพราะเราคุยกันแล้ว

2. มอบภารกิจให้ลูก

การมอบหมายความรับผิดชอบให้ลูกเวลาคุณออกไปนอกบ้าน สามารถทำให้พวกเขานิ่งและตั้งใจมากขึ้น เช่น ถ้ามีลูกมากกว่า 1 คน พี่คนโตอาจได้รับมอบหมายให้ดูแลน้อง ๆ คอยช่วยคุณพ่อมองทาง ช่วยหยิบของ ฯลฯ หรือถ้าเป็นน้องเล็กๆ ก็สามารถมอบหมายภารกิจให้ได้เช่นกัน เช่น น้องสองขวบก็โตพอที่จะเดินไปหยิบนมที่ตนเองชอบมาให้คุณแม่ได้แล้ว เป็นต้น

Must readชีวิตลูกต้อง (ฝึกให้) ลูกรับผิดชอบเองได้

3. ของเล่นถูกใจ หยิบไปให้ครบ

นึกถึงเวลาพาลูกขึ้นเครื่องบิน คุณพ่อคุณแม่อาจไม่ต้องกังวลมากนัก เพราะสายการบินโดยมากจะมีของเล่นของแถมให้กับเด็กเล็กอยู่แล้ว แต่ถ้าหากไม่ได้ขึ้นเครื่องบิน เปลี่ยนเป็นการไปร่วมงานพิธีกับพ่อแม่ก็ไม่ควรลืมหยิบของเล่นชิ้นโปรดของลูกติดไม้ติดมือไปด้วย เช่น หนังสือนิทาน ตุ๊กตา โดยหลักสำคัญในการเลือกของเล่นก็คือ ควรเป็นของเล่นที่ไม่รบกวนผู้อื่น เช่น ตุ๊กตาก็ไม่ควรมีเสียงปี๊บๆ หรือมีเพลง เป็นต้น

4. แผนสำรองต้องมี

ถ้าเกิดนมหมด   ถ้าเกิดลูกร้องไห้จนอาเจียน   ถ้าเกิด…ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ พ่อแม่หรือคนเลี้ยงควรตระหนักว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้   และพ่อแม่ควรเป็นคนที่รู้จักธรรมชาติของเด็กคนนั้นมากที่สุด ดังนั้นในการเดินทาง ควรมีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า เมื่อเกิดสถานการณ์นั้นขึ้นจริงๆ จะได้ไม่ทำให้พ่อแม่หวั่นไหวหรือประสาทเสีย

อ่านต่อ >> “เรื่องที่ควรสอนลูกเพื่อให้มีมารยาททางสังคมที่ดีก่อนไปในที่สาธารณะ” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

จริงหรือไม่? กินผลไม้ก่อนอาหารทำให้ลูกป่วย

Alternative Textaccount_circle
event

มีคุณแม่ท่านหนึ่ง โพสต์เล่าประสบการณ์เพื่อฝากเตือนเอาไว้เป็นอุทาหรณ์ เมื่อลูกน้อยของคุณแม่ต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะ กินผลไม้ก่อนอาหาร ซึ่งจากความรู้ และข้อมูลส่วนใหญ่ที่เราได้รับมาว่า กินผลไม้ก่อนอาหารแล้ว ร่างกายจะได้รับสารอาหารจากผลไม้ได้มากกว่าหลังอาหาร

(more…)

ธรรมะสอนลูก ใช้ในชีวิตประจำวัน

16 ข้อ ธรรมะสอนลูก ใช้ในชีวิตประจำวัน

Alternative Textaccount_circle
event
ธรรมะสอนลูก ใช้ในชีวิตประจำวัน
ธรรมะสอนลูก ใช้ในชีวิตประจำวัน

ธรรมะสอนลูก  ใช้ในชีวิตประจำวัน การจะสร้างให้ลูกเป็นเด็กที่เติบโตขึ้นเป็นคนดีของสังคม ควรต้องเริ่มมาจากพ่อแม่ที่เป็นครูคนแรกของลูก ที่นอกจากการสอนสั่งอบรมในสิ่งดีงามให้ลูก ยังจะต้องเป็นต้นแบบที่ดีให้ลูกได้ซึมซับนำไปปฏิบัติตามได้ด้วย ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีข้อ ธรรมะง่ายๆ ที่พ่อแม่สามารถนำมาสอนลูกใช้ในชีวิตประจำวัน กันค่ะ

 

ธรรมะสอนลูก  ใช้ในชีวิตประจำวัน – ธรรมะคือะไร?

ในธรรมชาติของวิถีพุทธ  “ธรรมะ”  ก็คือ “ธรรมชาติ”  สำหรับผู้เขียนแล้วการที่เราทุกคนมีธรรมะวางเป็นพื้นฐานของจิตใจ ก็จะทำให้เราทุกคนสามารถดำเนินชีวิตในแต่ละวันด้วยความมีสติ มีสมาธิ ในการดำเนินชีวิตในแต่ละวันหากเรามีธรรมะในเรื่องพรหมวิหาร 4 เป็นหลักธรรมประจำใจ ที่มีในเรื่องของ “ความเมตตา  กรุณา  มุทิตา  และอุเบกขา” เพื่อให้ตัวเราเกิดความร่มเย็นเป็นสุขในทุกวัน ที่ยังจะสามารถเพื่อแผ่ไปให้กับคนในครอบครัว และคนรอบข้างคนอื่นๆ ที่ต้องพบเจอกันไม่ว่าจะด้วยเรื่องใดก็ตาม

 

ดังนั้นเราทุกคนในฐานะพ่อแม่หากจะถามว่า สามารถสอนให้ลูกๆ ของเราได้เข้าใจข้อธรรมะง่ายๆ เพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตในแต่ละวันได้ไหม? คำตอบคือได้ และดีมาก หากพ่อแม่จะสอนให้ลูกเข้าใจธรรมะ เมื่อลูกเริ่มโตพอที่จะเข้าใจความหมายในเรื่องต่างๆ มากขึ้น ที่อาจเริ่มกันที่ 5 ขวบขึ้นไป พ่อแม่สามารถป้อนเรื่องราวดีๆ ใส่ความคิดดีให้ลูกได้ค่อยๆ ซึมซับติดตัวไปจนโตได้ นั่นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะฉะนั้นมาเริ่มสอนลูกด้วย ข้อธรรมะ ที่ว่าด้วยเรื่อง พรหมวิหาร 4  อิทธิบาท 4  อริยสัจ4  และสังคหวัตถุ 4 ที่ลูกจะสามารถนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันกันได้ และเมื่อลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ก็จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ไม่ยากค่ะ

 

อ่านต่อ >> “ธรรมะสอนลูก ในชีวิตประจำวัน” หน้า 2

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

ขาดวิตามินบี 12

ทารกขาดวิตามินบี 12 เสียชีวิต เพราะแม่รักสุขภาพกินแต่ผัก

Alternative Textaccount_circle
event
ขาดวิตามินบี 12
ขาดวิตามินบี 12

การที่คุณแม่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสัตว์ เช่น นม ไข่ ชีส เนย น้ำผึ้ง อาจทำให้ลูกที่กินนมแม่ ขาดวิตามินบี 12 จนถึงชีวิตได้ (more…)

เร่งคลอดแบบธรรมชาติ

6 อาหาร ช่วยแม่ท้อง เร่งคลอดแบบธรรมชาติ

event
เร่งคลอดแบบธรรมชาติ
เร่งคลอดแบบธรรมชาติ

เร่งคลอดแบบธรรมชาติ คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จะเริ่มวิตกกังวล ช่วงเดือนที่ 9 ของการตั้งครรภ์เกือบทุกราย ด้วยสาเหตุที่กลัวเวลาตอนคลอดลูก จะใช้เวลานาน และคลอดยาก เป็นห่วงว่าจะส่งผลร้ายกับลูกในครรภ์

เรามักจะเคยได้ยินว่าคนท้องสาวหรือท้องแรกมักจะคลอดลูกยาก บางคนเจ็บท้องข้ามวันข้ามคืน บางคนเจ็บท้องเพียงครู่เดียวลูกก็ออกมาชมโลกสบายๆ  ทั้งนี้คนเฒ่าคนแก่บอกว่าแล้วแต่บุญวาสนาของแต่ละคน ซึ่งถ้าจะเชื่อกันง่ายๆ ก็คงไม่ใช่คุณแม่ยุคใหม่ใช่ไหมล่ะคะ  …จริงๆ แล้ว ทางการแพทย์มีคำแนะนำเป็นข้อปฏิบัติที่สามารถช่วยให้คุณแม่ท้องเตรียมตัวให้มีสภาพร่างกายที่พร้อมสำหรับการคลอดได้ค่ะ อยู่ที่ใครจะนำไปปฏิบัติมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง

วิธีช่วยแม่ท้อง เร่งคลอดแบบธรรมชาติ ด้วยการทานอาหาร

เร่งคลอดแบบธรรมชาติ
วิธีช่วยแม่ท้อง เร่งคลอดแบบธรรมชาติ ด้วยการทานอาหาร

ส่วนเรื่องการที่บอกว่าให้คุณแม่เดินบ่อยๆ จะทำให้คลอดง่ายน่าจะเป็นอุบายให้คุณแม่เดินยืดเส้นยืดสายเป็นการออกกำลังกายทางอ้อม เพราะการเดินเป็นการออกกำลังกายเบาๆ ที่เหมาะกับช่วงตั้งครรภ์ที่สุด ช่วยให้ร่างกายคุณแม่พร้อม มีความยืดหยุ่นที่ดี บริหารอุ้งเชิงกราน และช่วยให้มดลูกบีบตัวได้ดี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดค่ะ นอกจากนี้การคลอดนั้นมีปัจจัยหลายอย่างประกอบกันไม่ว่าจะเป็นขนาดตัวของทารกในครรภ์ การกลับตัว กลับหัวของลูก ขนาดอุ้งเชิงกรานของแม่ การบีบรัดตัวของมดลูก ฯลฯ

อาการปวดท้องใกล้คลอด ของคุณแม่ตั้งครรภ์ เราจะสามารถสังเกตได้ดังนี้

ในช่วงท้ายๆ ของการตั้งครรภ์ (ประมาณช่วง ท้อง 8 เดือนกว่า ) เป็นช่วงที่เชื่อว่าหลายๆ ครอบครัวมีอาการใจหายใจคว่ำกันเป็นระยะๆ และบางคนอาจจะมีการแห่แหนออกจากบ้านไปโรงพยาบาล แล้วก็ต้องพากันกลับมา แล้วก็ไปอีก กลับมาอีก แบบนี้ได้หลายๆ รอบ ทั้งนี้ไม่ใช่อะไรหรอก แต่มันเป็นเพราะว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เป็นไปได้ว่าคุณแม่จะคลอดแล้ว และช่วงนี้คุณแม่หลายๆ คนก็มีอาการปวดท้อง ที่ทำให้ชวนสงสัยว่านี่คืออาการใกล้คลอด ทำให้ต้องพากันไปโรงพยาบาลบ่อยๆ ซึ่งเรื่องนี้หากว่าเรารู้วิธีสังเกตอาการใกล้คลอดของแท้ ก็อาจจะช่วยให้ไม่ต้องไปๆ มาๆ ให้เสียเวลาได้

  • มีอาการปวดท้องที่ถี่ขึ้นเรื่อยๆ คือ ปกติจะเข้าใจสับสนกับการเจ็บเตือน แต่มันจะต่างกันตรงที่การเจ็บเตือนเป็นการบีบตัวของมดลูก หรืออาการท้องแข็ง ที่จะไม่มีอาการสม่ำเสมอ เป็นๆ หายๆ แต่หากว่าเป็นเจ็บท้องคลอดจะเป็นตลอดเวลา และมีความรู้สึกว่าระยะเวลามันปวดมันถี่ขึ้นเรื่อยๆ
  • นอนอยู่เฉยๆ ก็ปวด ปกติอาการปวดท้องของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ใกล้ครบกำหนดคลอดนั้น สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ส่วนมากจะเป็นในเวลาที่ทำกิจกรรมหนึ่งกิจกรรมใด การออกแรงหนักๆ ก็ทำให้ปวดท้องเกร็งได้ แต่อาการปวดท้องคลอด ไม่ต้องทำอะไรก็ปวด นอนอยู่เฉยๆ ก็ปวดไม่หาย
  • รู้สึกว่าท้องเคลื่อนต่ำลงหรือลดลง มีอาการปวดหน่วงๆ เหมือนมีอะไรจะไหลออก อาการนี้เรียกว่า ท้องลด เนื่องจากในเวลาที่เด็กเคลื่อนลงต่ำ ทำให้ท้องดูมีขนาดความใหญ่ลดลง
  • มีมูกเลือดซึมออกมาจากช่องคลอด เรียกว่ามีอาการเริ่มน้ำเดินแล้ว มันเป็นสัญญาณบอกว่าปากมดลูกกำลังจะเปิด

หากว่าคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการเหล่านี้ รีบไปพบแพทย์ได้เลย เพราะนี่คืออาการปวดท้องคลอดที่แท้จริง หากช้าอาจจะมีการคลอดในรถให้เกิดปัญหาความยุ่งยากในการจัดการเรื่องความสะอาดและดูแลเด็กก็เป็นไปได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีคุณแม่ที่อาจจะคลอดช้ากว่ากำหนดประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่จะไม่นานไปกว่านี้ ซึ่งถ้าหากใกล้กำหนดวันคลอดแล้ว ยังไม่มีวี่แววของสัญญาณอาการเจ็บท้องคลอด คุณหมออาจแนะนำให้คุณกระตุ้นการคลอด

อ่านต่อ >> อาหารที่แม่ท้องควรกินเพื่อช่วยให้ปวดคลอดง่ายขึ้น” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

keyboard_arrow_up