ลูกพัฒนาการช้า

ลูกพัฒนาการช้า “โรคพ่อแม่ทำ…หรือ เวรกรรมของลูก!!”

เมื่อเห็น ลูกพัฒนาการช้า พ่อแม่หลายคนอาจตั้งคำถาม ทำไมลูกถึงเป็นแบบนี้! มันเป็นเวรกรรมอะไร? ซึ่งแท้จริงการที่ลูกมีพัฒนาการช้า อาจเป็นโรคที่พ่อแม่ทำให้ลูกเอง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับเวรกรรมของลูกแต่อย่างใด

Continue reading “ลูกพัฒนาการช้า “โรคพ่อแม่ทำ…หรือ เวรกรรมของลูก!!””

    งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

    เช็ก 13 เส้นทาง ปิดช่วงวันซ้อมใหญ่! งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

    เตือนคุณพ่อคุณแม่ที่จะพาลูกน้อยออกจากบ้านในช่วงปิดเทอม ซึ่งตรงกับการซ้อมใหญ่ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 7 ,15 และ 21 ตุลาคม 2560 โดยจะมีการปิดการจราจร 13 เส้นทาง 

    Continue reading “เช็ก 13 เส้นทาง ปิดช่วงวันซ้อมใหญ่! งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ”

      ของว่างลูก

      เผยสูตรเด็ด! “เครปไข่พระอาทิตย์” เมนูมื้อว่างวันหยุดเพื่อลูกน้อยโดยเฉพาะ

      ของว่างลูก หรือ อาหาร มีความสำคัญสำหรับเด็กเป็นอย่างมากเพื่อการเจริญเติบโตที่ดี แต่ปัจจุบันพบว่าเด็กได้รับพลังงานจากอาหารว่าง และขนมมากกว่าอาหารหลัก ส่วนหนึ่งเป็นของว่างที่ไม่เหมาะสม จึงส่งผลให้เด็กเกิดโรคต่างๆ ตามมา

      Continue reading “เผยสูตรเด็ด! “เครปไข่พระอาทิตย์” เมนูมื้อว่างวันหยุดเพื่อลูกน้อยโดยเฉพาะ”

        ฟันหัก

        เมื่อลูก ฟันหัก ควรดูแลรักษาอย่างไร?

        ฟันหัก เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น หกล้มปากกระแทก หรือการบดเคี้ยวกัดอาหารแข็งๆ ก็ทำให้ฟันได้รับความเสียหายจนเกิดการแตกหัก บิ่นได้ค่ะ อย่างในกรณีข่าวดังล่าสุดที่คุณครูลงโทษเด็กนักเรียนด้วยการตบเข้าที่ใบหน้าจนเด็กล้มปากกระแทกจนทำให้ฟันหน้าหัก ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีข้อแนะนำในการดูแลกรณีฟันหัก ฟันแตกมาบอกกันค่ะ

         

        ฟันหัก เพราะถูกทำโทษ!!!

        เมื่อวานอ่านข่าวครูทำโทษเด็กนักเรียนจน ฟันหัก บอกตามตรงว่าตกใจมากค่ะ และเชื่อว่าพ่อแม่ก็รู้สึกแย่และตกใจกับข่าวนี้ไม่ต่างกัน ในฐานะพ่อแม่ทุกคนยอมรับกฎกติกาได้หากบางครั้งลูกจะถูกทำโทษบ้างเล็กๆ น้อยๆ เมื่อพวกเขาทำผิดจริงๆ ซึ่งความผิดนั้นก็ต้องว่ากันไปตามเหตุและผล แต่ต้องไม่ใช่วิธีการทำโทษที่รุนแรง ใช้อารมณ์ในการทำโทษเด็กเป็นที่ตั้ง จนส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อทั้งร่างกาย และจิตใจของเด็กๆ ได้ค่ะ

        เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ปกครอง ด.ช.เอ (นามสมมติ) นักเรียนชั้น ม.2 อายุ 14 ปี รร.ชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.ชัยภูมิ ได้แจ้งความต่อ ร.ต.ท.สุเมธ เสนากร รอง.สว.สส.สภ.เมืองชัยภูมิ เพื่อให้เอาผิดกับครูรายหนึ่งซึ่งมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงลงโทษบุตรชาย โดยตบเข้าที่ใบหน้าจนหน้าไปกระแทกกับชั้นเหล็กภายใน รร.เลือดกบปากฟันซี่หน้าหัก 1 ซี่ ทั้งนี้เมื่อผู้บริหารของ รร.ทราบเรื่องได้เรียกครูและนักเรียนมาพูดคุยกัน โดยครูยอมรับว่าทำเกินกว่าเหตุจริงและพร้อมที่จะรับผิดชอบช่วยค่ารักษาพยาบาลตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ผ่านมากว่า 1 เดือนแล้วกลับไม่แสดงความรับผิดชอบ นอกจากนี้กลับมีเพื่อนครู พยายามเข้ามาช่วยโดยข่มขู่ไม่ให้เอาเรื่อง

        ด.ช.เอ เล่าว่า วันเกิดเหตุได้เดินเข้าไปหาครูกำลังซื้อน้ำโดยมีเศษเงินเหรียญ ซึ่งตนเองต้องการขอแลกเพื่อนำไปเติมโทรศัพท์เท่านั้น จากนั้นครูก็บอกว่าไม่ใช่เพื่อนเล่น และไม่รู้ว่าไปโมโหใครมา ใช้มือตบเข้าที่ใบหน้าจนหัวไปกระแทกกับชั้นเหล็กอยู่ข้างๆ แถมเดินตามเข้ามาตบซ้ำ และเตะซ้ำอีก 1 ครั้ง ก่อนเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

        ด้าน นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผวจ.ชัยภูมิ กล่าวว่า ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วพร้อมสั่งการให้ทาง สพม.เขต 30 จ.ชัยภูมิและฝ่ายงานเกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น รวมทั้งเยียวยาให้ความช่วยเหลือสภาพจิตใจของเด็กและครอบครัวเป็นการด่วน ส่วนเรื่องทางคดีหากพบว่าผิดจริงให้เอาผิดทางวินัยและดำเนินคดีอาญาโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อตัวเด็กที่ไม่กล้าไปโรงเรียน

        บทความแนะนำ คลิก>> ลูกมีกลิ่นปาก สัญญาณบอกโรคที่ต้องระวัง!

        นายปราโมทย์ ภูมิพันธ์ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.) เขต 30 จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า ได้รับรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเบื้องต้นได้สั่งย้ายครูคนดังกล่าวมาประจำที่สำนักงาน สพม.เขต 30 ไว้ก่อน ระหว่างตั้งกรรมการสอบสวนภายใน 15 วัน เพื่อเอาผิดทางวินัยร้ายแรงเพิ่มเติม หากพบว่ามีครูรายอื่น ๆ หรือใครที่ไปเกี่ยวข้องในการข่มขู่เด็กและครอบครัวของเด็ก ก็จะต้องถูกสอบสวนด้วยเช่นกัน ส่วนคำให้การของครูผู้ก่อเหตุได้ลงบันทึกยอมรับผิดว่าทำเด็กจริง เพราะเกิดจากโทสะ ก็ต้องดำเนินไปตามระเบียบราชการ – ที่มาข่าวจาก : newtv

        จากข่าวนี้จะเห็นว่าฟันของเด็กหักจากการกระแทกเข้ากับของแข็ง ซึ่งโดยทั่วไปฟันสามารถแตกหัก หรือบิ่นได้จากหลาย กรณี ไม่ว่าจะจากการกัดและบดเคี้ยวอาหารที่แข็งมากๆ ก็ทำให้ฟันเกิดการเสียหายขึ้นได้ค่ะ และเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้ เข้าใจถึงวิธีการดูแลฟันของลูก หรือแม้แต่ฟันของตัวเอง ที่ก็อาจเกิดการแตก หักขึ้นมาได้โดยไม่ได้ตั้งใจ…

        อ่านต่อ วิธีดูแลรักษาเมื่อ ฟันแตก-หัก-บิ่น หน้า 2

         

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

          สถานที่ขอลูก

          8 สถานที่ขอลูก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

          รวม 8 สถานที่ขอลูก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ คนไหนอยากมีลูก ต้องห้ามพลาด!!

           

           

          เมื่อไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้ด้วยกล เมื่อไม่ได้ด้วยกลเราก็ต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันละทีนี้ สำหรับคุณสามีภรรยาคู่ไหนกำลังมองหาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อจะไป ขอลูก ไม่ว่าจะเป็นลูกคนแรกหรือคนสองกันอยู่ละก็ อย่าพลาดนะคะ เพราะวันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids ได้รวบรวมเอา 8 สถานที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศมาฝากกันค่ะ ว่าแล้วอย่าช้า ไปดูพร้อม ๆ กันเลย

          ประเทศไทย

          วัดโสธรวราราม จังหวัดฉะเชิงเทรา

          ขอลูก
          เครดิต: กระทรวงวัฒนธรรม

          คงไม่มีใครไม่รู้จัก วัดโสธรวรารามหรือวัดหลวงพ่อโสธร ที่จัดได้ว่าเป็นสถานที่ลำดับต้น ๆ ที่ผู้คนต่างนิยมกันมาขอพร ทั้งเรื่องการเรียน การทำงาน ขอพรให้สมหวังในโชคลาภ และที่ขอพรกับหลวงพ่อมากที่สุด คือการขอลูก

          สิ่งของที่ควรนำมาถวาย ได้แก่ ไข่ต้ม พวงมาลัย ดอกไม้ธูปเทียน และการรำแก้บน เป็นต้น

          คลิกดูสถานที่ขอพรในประเทศไทย เพิ่มเติมได้ที่หน้าถัดไปค่ะ

            4 ทรงผมเด็ก สุดฮิตในสมัยโบราณ

            ชวนลูกมารู้จักกับ ทรงผมเด็ก สมัยโบราณกันดีกว่า จะมีกี่ทรง ลักษณะเป็นแบบไหนไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

             

             

             

            พูดถึง ทรงผมเด็ก คุณพ่อคุณแม่จะเห็นได้ว่าสมัยนี้มีทรงผมมากมายให้ลูก ๆ ของเราได้เลือกสรร แต่ละทรงเท่ห์ไม่หยอก ไม่ว่าจะเป็นไถข้าง สกินเฮด หรือหน้าม้า

            แต่เชื่อเถอะค่ะว่า ลูก ๆ หรือแม้แต่คุณพ่อคุณแม่บางท่าน อาจจะยังไม่รู้จักหรือนึกไม่ออกเสียด้วยซ้ำว่า ทรงผมของเด็กในสมัยก่อนนั้นมีกี่ทรง และมีทรงอะไรบ้าง แล้วสาเหตุที่เด็กสมัยก่อนต้องทำผมทรงเหล่านั้นเป็นเพราะอะไร วันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids ได้เตรียมคำตอบมาให้แล้วละค่ะ

            ทรงผมเด็ก สมัยโบราณนั้นมีทั้งสิ้น 4 ทรง ได้แก่

            • ผมจุก
            • ผมแกละ
            • ผมเปีย
            • ผมโก๊ะ

            แต่ละทรงมีหน้าตาแบบไหน ไปดูกันเลยค่ะ

              นวดทารก

              17 ท่า นวดทารก ช่วยทำให้สุขภาพและพัฒนาการดี

              นวดทารก ไม่ใช่แค่ช่วยให้ลูกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หรือทำให้ลูกอารมณ์ดีเท่านั้น แต่การนวดยังทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดดี และช่วยกระตุ้นระบบประสาท กระตุ้นพัฒนาการการมองเห็นให้ลูกอีกด้วย ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีท่านวดตัวลูกง่ายๆ มาฝากคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็กวัยทารกมาฝากกันค่ะ

               

              นวดทารก ช่วยผ่อนคลาย-สุขภาพดี-พัฒนาการเยี่ยม

              อย่างที่เกริ่นไปค่ะว่าการ นวดทารก ช่วยทำให้ผ่อนคลาย สุขภาพดี ที่สำคัญยังช่วยส่งเสริมพัฒนาการการมองเห็น และพัฒนาการด้านการพูดให้ลูกด้วย  นั่นเพราะขณะที่คุณแม่นวดให้ลูกต้องก้มหน้าเข้าไปใกล้ชิดกับใบหน้าลูก เมื่อลูกเห็นใบหน้าแม่ก็จะจับสัมผัส ได้ใช้สายตาในการจ้องมอง และยังได้ส่งเสียงอ้อแอ้โต้ตอบเวลาที่คุณแม่พูดคุยไปด้วยขณะนวดลูกสำหรับการนวดตัวให้ลูกแนะนำว่าควรเป็นช่วงที่ลูกอารมณ์ดี ไม่ร้องกวน และต้องนวดก่อนมื้อ หรือจะเป็นนวดหลังอาบน้ำเสร็จเนื่องจากลูกกำลังสบายตัว คุณแม่อายหยดออยล์เล็กน้อยถูๆ ที่ฝ่ามือแล้วค่อยไล่นวดลงบนตัวลูก อ่อลืมบอกไปค่ะว่าการนวดตัวลูกยังทำให้เขาหลับสบายมากขึ้นด้วยค่ะ

              นวดทารก
              Credit Photo : Shutterstock

              เอาเป็นว่าอย่ารอช้า เราไปเริ่มนวดสัมผัสลูกด้วยท่านวดทารกทั้ง 17 ท่าง่ายๆ ดังนี้ คือ…

               

              *** ท่านวดบริเวณศีรษะ และหน้า

              1

              เป็นท่าที่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า แบ่งออกเป็น 2 ท่าคือ ท่าที่คาดผม และท่ายิ้มแฉ่ง

              • ท่าที่ 1 ท่าที่คาดผม ขั้นตอนง่ายๆ คือ จัดท่าให้เด็กนอนหงาย วางฝ่ามือทั้งสองบนศีรษะ ใช้นิ้วประสานกันเล็กน้อยตรงแนวกึ่งกลางของศีรษะจากนั้นลูบลงไปจนถึงปลายคาง
              • ท่าที่ 2 ท่ายิ้มแฉ่ง ช่วยกระตุ้นการกิน การดูดกลืนของทารก และยังช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในช่วงที่ฟันกำลังเริ่มขึ้น
                • ใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างวางตรงกลางเหนือริมฝีปากบน แล้วลากออกมาเป็นเส้นตรงจนสุดขอบปาก ทำ 5 ครั้ง ต่อจากนั้นนวดบริเวณริมฝีปากล่างในลักษณะเดียวกันอีก 5 ครั้ง
                • ใช้ปลายนิ้วกลางลูบไล้ขอบปาก วนเป็นวงกลมอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากมุมปากข้างหนึ่งผ่านเหนือริมฝีปากบนไปยังมุมปากอีกข้างหนึ่ง และวนต่อไปยังใต้ริมฝีปากล่าง จนถึงมุมตำแหน่งที่เริ่มต้นแล้ววนกลับ นับเป็น 1 ครั้ง

              *** ท่านวดบริเวณหน้าอก

              ช่วยเสริมจังหวะการทำงานของปอดและหัวใจให้ดีขึ้น ช่วยให้เด็กหายใจได้อย่างปลอดโปร่ง ซึ่งมีท่าหลักคือ ท่าเปิดหนังสือ

              • ท่าที่ 3 ท่าเปิดหนังสือ
                • ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างลูบไล้จากบริเวณกลางอก แยกมือออกจากกันไปทางด้านข้างของลำตัวตาแนวซี่โครง โค้งลงมาชนกันที่กลางท้องน้อย โดยให้ตำแหน่งการเคลื่อนไหวตั้งแต่ต้นจนจบเหมือนการวาดรูปหัวใจ

              อ่านต่อ >> “ท่านวดบริเวณแขนและมือ ท่าที่ 4-17″ คลิกหน้า 2

                ทรงผมลูกชาย

                ทรงผมลูกชาย เท่ ๆ ตัดง่ายๆ ไม่แหว่งไม่เจ็บ ด้วยสิ่งนี้…!?

                บ้านไหนที่มีลูกชาย เชื่อว่าหนึ่งในความคิดของทั้งคุณแม่และคุณพ่อคงอยากจับลูกชายแต่งตัวหล่อ และจัด ทรงผมลูกชาย ให้เท่ ไม่น้อยไปกว่าคุณพ่อแน่นอน

                 

                แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เด็กกับ “การตัดผม” เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำเอาคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านว้าวุ่นใจไม่น้อย โดยเฉพาะบ้านที่มีลูกเล็ก การลงมือตัดผมให้ลูกด้วยตัวเองแต่ละครั้งมักเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะต้องต่อกรกับปัญหาลูกดิ้น ไม่อยู่นิ่งให้ตัดง่าย ๆ จึงมีโอกาสแหว่งซ้ายแหว่งขวาได้ทุกเมื่อ

                ไอเดียเก๋ ตัดผมให้ลูกชาย ไม่ต้องกลัวแหว่ง (มีคลิป)

                ซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่มีลูกชายที่ผมยาว แล้วเกิดปัญหา และมีความรู้สึกดังกล่าว เรามีคำแนะนำดี ๆ จากเจ้าของร้านตัดผมเด็กชื่อดัง และช่างตัดผมเด็กมือหนึ่งมาฝากกัน

                ทรงผมลูกชาย

                โดย สุรางค์ วิทรมะ หรือ ปุ๊ย เจ้าของกิจการร้านตัดผมเด็กในชื่อ “For kids salon” วัย 37 ปี บอกว่า การทำให้เด็กมีความสุขกับการตัดผม และไม่ร้องงอแงนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ใหญ่จะต้องเข้าใจธรรมชาติของเด็ก และจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับเด็กด้วย เช่น มีของเล่น หนังสือนิทาน ตุ๊กตาต่าง ๆ รวมทั้งมีการ์ตูนให้เด็กดู สิ่งเหล่านี้ถือเป็นตัวหลอกล่อให้เด็กอยู่นิ่งเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ หรือช่างตัดผมได้ง่ายขึ้น

                สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการตัดผมเด็ก

                ซึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการตัดผมให้กับเด็กๆ ก็คือ ต้องไวบนความไม่ประมาท เพราะเด็กจะขยับตัวยุกยิก และมีสมาธิอยู่กับสิ่งนั้น ๆ ได้ไม่นาน หากพลาด และทำให้เด็กเจ็บ อาจฝังใจจนเกิดเป็นทัศนคติในแง่ลบกับการตัดผมไปเลยก็ได้

                ทรงผมลูกชาย

                ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่มีเวลา และไม่กล้าพอที่จะตัดผมให้ลูก ปัจจุบันก็มีร้านตัดผมเด็กโดยเฉพาะไว้บริการ ซึ่งถือเป็นตัวช่วย และตัวเลือกให้กับพ่อแม่ได้มาก เพราะนอกจากจะตกแต่งร้าน และมีเครื่องมือ/อุปกรณ์สำหรับเด็กแล้ว ยังมีช่างเฉพาะทางที่เข้าใจธรรมชาติของเด็ก และมีความชำนาญจนหายห่วงเรื่องความผิดพลาดในการตัดผมไปได้เลย

                เช่นเดียวกับร้านนี้ที่มีเครื่องมือตัดผม อย่างแบตเตอร์เลี่ยนเลเซอร์ ที่สามารถตัดผมให้เจ้าตัวน้อยของคุณได้อย่างราบรื่นแบบไม่ต้องกลัวเจ็บหรือแหว่งเลย…

                อ่านต่อ >> คลิปตัดผมให้เด็กชาย เท่ ๆ ไม่ต้องกลัวแหว่งกลัวเจ็บ คลิกหน้า 2

                อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                 

                  ลูกขี้เกียจ

                  พ่อแม่ระวัง! เผลอสอน ลูกขี้เกียจ ทำลายอนาคตลูกได้!

                  เชื่อหรือไม่ ลูกขี้เกียจ นิสัยเสีย อนาคตไม่ดี… เพราะพ่อแม่เลี้ยงลูกอย่างทะนุถนอมมากเกินไป! ไม่ยอมให้ลูกทำอะไร เพราะกลัวว่าลูกจะเหนื่อย ไม่อยากให้ลูกลำบาก สิ่งเหล่านี้ที่พ่อแม่คิดว่าเป็นเรื่องดี อาจเป็นเรื่องร้ายก็ได้

                  Continue reading “พ่อแม่ระวัง! เผลอสอน ลูกขี้เกียจ ทำลายอนาคตลูกได้!”

                    ไขมันดี

                    ไขมันดี ที่ลูกควรกินเป็นแบบไหน?

                    อยากรู้ไหม ไขมันดี แบบไหนที่ลูกควรกินและดีกับสุขภาพ วันนี้ Amarin Baby and Kids จะมาเล่าให้ฟัง

                     

                     

                    ไม่อยากให้ลูกเป็นโรคอ้วน คุณพ่อคุณแม่บางคนก็เลยตัดสินใจไม่ให้ลูกทานอะไรที่เป็นของมันเลย แต่หารู้ไม่ว่า แท้จริงแล้ว ไขมันก็มีประโยชน์กับร่างกายของลูก ๆ เช่นกัน ซึ่งไขมันนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทดังนี้ค่ะ

                    • ไขมันอิ่มตัว (Saturated Fat) ได้แก่  ไขมันสัตว์ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม
                    • ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fat) ได้แก่ น้ำมันมะกอก อโวคาโด
                    • ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (polyunsaturated Fat) ได้แก่ โอเมก้า 3 และ6 เช่น น้ำมันคาโนล่า น้ำมันดอกทานตะวัน

                    ไขมันดี ต่างอย่างไรกับไขมันไม่ดี

                    • ไขมันดี คือไขมันที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการอะไรมา ไม่ว่าจะเป็นอิ่มตัวหรือไม่อิ่มตัว
                    • ส่วนไขมันเลว ก็คือ ไขมันที่ผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรมต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น มาร์การีน เป็นต้น

                    ข้อดีของไขมันมีอะไรบ้าง คลิก!

                      ลูกอมข้าว

                      แม่จ๋า อย่ากลุ้มใจ ลูกอมข้าว แก้ไขได้!

                      แม่ ๆ สุดกลุ้ม ลูกอมข้าว ทำอย่างไรดี พยายามทุกทางก็ไม่ยอมกิน Amarin Baby and Kids มีวิธีแก้ปัญหา ลูกอมข้าว มาฝากค่ะ

                       

                      แม่จ๋า อย่ากลุ้มใจ ลูกอมข้าว แก้ไขได้!

                      คุณแม่ทราบไหมคะว่า ปัญหาที่จะพบบ่อยได้มากที่สุดในช่วงที่ลูกมีอายุระหว่าง 1 – 5 ปีคืออะไร? ถูกต้องแล้วละค่ะ “ลูกชอบอมข้าว” นั่นเอง แต่เอ … สาเหตุที่ลูกชอบอมข้าวเป็นเพราะอะไร แล้วจะมีวิธีแก้ไขอะไรได้บ้างนั้น ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะวันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids ได้เตรียมข้อมูลดี ๆ มาฝากคุณพ่อคุณแม่ทุก ๆ คนแล้วละค่ะ

                      แต่ก่อนที่เราจะไปดูวิธีแก้ไขกันนั้น เรามาดูถึงสาเหตุที่ทำไมลูกน้อยของเราถึงชอบที่จะอมข้าวกันก่อนนะคะ ซึ่งสาเหตุใหญ่ ๆ ก็มีดังต่อไปนี้ค่ะ

                      ลูกอมข้าว เพราะอะไร?

                      1. เริ่มต่อต้าน เมื่อไรก็ตามที่ลูกรู้สึกว่าถูกบังคับขู่เข็นละก็ ยกตัวอย่างเช่น เคี่ยวเข็ญให้ลูกทานข้าว การกระทำเช่นนี้จะทำให้พวกเขาจะรู้สึกว่าช่วงเวลานั้นเป็นเวลาที่แสนน่าเบื่อและทำไปก็ไม่มีความสุข จึงแสดงออกมาด้วยการต่อต้าน
                      2. บรรยากาศบนโต๊ะอาหาร ไม่ใช่คุณพ่อคุณแม่หรอกนะคะที่เบื่อบรรยากาศเดิม ๆ เป็น เด็ก ๆ ก็ด้วยเช่นกัน บางทีบรรยากาศบนโต๊ะที่ลูกกำลังทานอยู่นั้นอาจจะน่าเบื่อและเครียดจนเกินไป อาจจะส่งผลทำให้ลูกรู้สึกว่าลูกกำลังโดนจับผิด ก็เลยทำให้เขาหยุดที่จะทำต่อทันที
                      3. รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างน่าสนใจมากกว่าโต๊ะอาหาร ยกตัวอย่างเช่น ทีวี เป็นต้น การให้ลูกทานข้าวไปดูทีวีไปนั้น ถือเป็นการดึงความสนใจของลูกไปจากการรับประทานอาหารทันที ทำให้ลูกลืมตัวและไม่อยากที่จะเคี้ยวอาหารต่อ เพราะมีบางอย่างที่น่าสนใจมากกว่า หรือบางทีลูกอาจจะรู้ว่า ถ้าไม่ทานก็ไม่เป็นไร เพราะสุดท้ายคุณแม่ก็มีนมให้เขาทานอยู่ดี

                      อ่านต่อวิธีแก้ คลิก!

                        ดูแลตัวเองหลังคลอด

                        ดูแลตัวเองหลังคลอด ไม่มากพอนอนน้อย อาจป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง

                        ดูแลตัวเองหลังคลอด เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งสำหรับแม่ที่เพิ่งคลอดลูกเลยก็ว่าได้ เพราะดูแลตัวเองไม่มากพอ เช่น การนอนดึก นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ อาจป่วยจนระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องได้ ทีมงาน Amarin Baby & Kids ได้รับอนุญาตจากคุณแม่ที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่องหลังคลอด ที่เกือบจะเข้าข่ายมะเร็งเม็ดเลือด มาแชร์ให้ทราบเพื่อดูแลตัวเองกันค่ะ

                         

                        ดูแลตัวเองหลังคลอด ไม่มากพอ นอนน้อย จนป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง

                        ใครเคยคิดบ้างว่าการนอนน้อย นอนดึก หรือการที่ ดูแลตัวเองหลังคลอด ไม่มากพอเท่าที่ควรจะสามารถส่งผลกระทบต่อระบบสุขภาพได้ร้ายแรง!!!  ผู้เขียนมีเรื่องจริงหลังคลอดลูกจากคุณแม่เพชรไพลิณ ลิ้มเพี้ย ที่ป่วยเป็น ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งสาเหตุมาจากการนอนพักผ่อนน้อย นอนไม่พอ ที่ก่อนหน้านั้นหลังจากการตรวจอาการรอบแรก คุณหมอสันนิษฐานว่าเป็นภูมิแพ้เส้นเลือดฝอยอักเสบ จนมาตรวจอาการรอบสองได้ตรวจเลือด ซึ่งคุณหมอก็แจ้งว่าเข้าข่าย “มะเร็ง!!”

                        และนี่คือเรื่องราวที่คุณแม่เพชรไพลิณ อยากจะแชร์ถึงอาการป่วยให้กับคุณแม่หลังคลอดที่ส่วนหนึ่งอาจจะกำลังมีอาการน่าสงสัยเช่นเดียวกับคุณแม่ เพื่อที่จะได้ตรวจเข้ารับการรักษาได้ถูกต้องรวดเร็ว และฝากไปถึงคนที่ชอบนอนดึก พักผ่อนน้อยด้วย…

                        ดูแลตัวเองหลังคลอด
                        Credit Photo : คุณแม่เพชรไพลิณ ลิ้มเพี้ย

                        คุณแม่เพชรไพลิณ ลิ้มเพี้ย อยากฝากเตือนใครหลายๆ คนที่ติดการใช้ชีวิตนอนดึก ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นเหมือนกัน ช่วงหลังคลอดนอนน้อยมาก เพราะต้องดูลูก หาเวลานอนแทบไม่ได้เลย นอนสลับกับแม่ช่วงแรกๆ เพราะเจ็บแผลผ่าตัดมาก เป็นผลสะสมทำให้ร่างกายไม่ได้พัก ประกอบกับเสียเลือดตอนผ่าไปมาก ทำให้เกล็ดเลือดต่ำ(เป็นคนเลือดจางอยู่แล้วด้วย) ตอนนั้นร่างกายยังไม่เป็นไรมาก พอหลังจากหย่านมร่างกายเริ่มเตือนแล้ว มีผื่นขึ้น 2-3 จุดหลังจากนั้นขึ้นมาเป็นพืดเลย แต่ไม่มีอาการคัน เลยตัดสินใจไปหาหมอภูมิแพ้หมอวินิฉัยครั้งแรกบอกว่าเป็นภูมิแพ้เส้นเลือดฝอยอักเสบ เกิดจากการที่ร่างกายพักผ่อนน้อย แล้วระบบการจัดการเลือดผิดปกติ หลังจากวันนั้นได้ทั้งยาสเตียรอยด์ และยาทาอีกสารพัด หลังจากใช้ยาที่หมอสั่งให้อาการหายไปจนน่าหายห่วง

                        แต่พออดนอนหลังเที่ยงคืนทีไรเอาละ..มาอีกล่ะ รอบนี้ไม่ไหว ตัดสินใจหาหมออีกครั้งสรุปรอบนี้หมอตรวจเลือด พบว่าเม็ดเลือดขาวเกินจำนวนที่มีอยู่ แล้วถ้าเกิดมีอาการแทรกซ้อน เช่น อาเจียน มีไข้ ทุกอย่างจะอยู่ในข่ายของมะเร็ง …..😂

                        อารมณ์ตอนนั้นคือ “ฉันยังตายไม่ได้” ตายไม่ได้แน่นอน ยังมีลูก แต่บทสรุปที่ออกมาหลังจากส่งตรวจโรงพยาบาลใหญ่คือโอกาสเป็นมะเร็งคือ 0  เหมือนโลกทั้งใบเปลี่ยนเลยค่ะ พอได้คุยกับหมออย่างชัดเจน บทสรุปที่เป็นได้น้อยสุดตอนนี้คือระบบภูมิคุ้มกัน ที่ห้ามอดนอน อดนอนเมื่อไหร่เป็นทันที อยากฝากให้หลายๆ คนได้ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตนะคะ อดนอนเท่าที่จำเป็น ยิ่งเป็นแม่คนแล้ว ยิ่งต้องห้ามป่วย”

                        บทความแนะนำ คลิก>> ผลวิทยาศาสตร์ยืนยัน ลูกนอนหลับ มากน้อยมีผลกับสมอง

                        ผู้เขียนได้พูดคุยกับคุณแม่เพิ่มเติมถึงอาการ ณ ปัจจุบันนี้ ขอสรุปอาการป่วยของคุณแม่ให้ดังนี้ค่ะ

                        1. ผลจากการตรวจเลือดอย่างละเอียด คุณหมอวินิจฉัยอาการ คือ หลอดเลือดฝอยอักเสบ ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องจากการที่หลอดเลือดทำงานผิดปกติ
                        2. คุณหมอแนะนำให้พักผ่อนให้ครบ 8 ชั่วโมงในทุกๆ คืน ต้องทานยาปรับภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่อง และต้องพบคุณหมอเพื่อดูอาการทุก 6 เดือนเพื่อปรับยา หรือ เมื่อมีอาการผื่นขึ้น สำหรับคนที่ป่วยด้วยอาการนี้บางรายอาจจะทำให้เท้าบวมนิดหน่อย ให้นอนยกเท้าสูงเพื่อช่วยลดบวม
                        3. สำหรับคนที่ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง เหมือนกับคุณแม่ คุณหมอแจ้งว่ารักษาไม่หาย แต่สามารถควบคุมไม่ให้อาการกำเริบได้ ด้วยการนอนพักผ่อนให้ครบ 8 ชั่วโมง
                        4. การรักษาและการให้ยาจะขึ้นอยู่กับอาการของแต่ะคน บวกกับการตรวจเลือดเพื่อหาโรคแฝง สำหรับอาการที่คุณแม่เป็นอยู่นี้นั้นคุณหมอแนะนำว่าต้องนอนให้พอ 8 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ใช้พลังงานเปลือง และไม่ควรนั่งหย่อนขานานๆ เพราะการนั่งหย่อนขา จะทำให้ขาบวมและมีผื่นแดงขึ้น (การเกิดผื่นแดงตรงนี้แล้วแต่คนนะคะ)

                        ในส่วนการรักษาของคุณแม่เพชรไพลิณ ที่ตอนนี้อาการค่อยๆ ทุเลาดีขึ้นหลังจากได้รับปรับยาตรงตามกลุ่มอาการที่เป็นอยู่ คุณแม่ยังฝากมาว่าหากคุณแม่ที่สงสัยว่าตัวเองมีอาการเช่นเดียวกันนี้ สามารถไปปรึกษาการรักษาได้ที่คลินิกมิตรไมตรี สาขาคลองประปา(คุณแม่รักษาอาหายดี) หรือรักษากับโรงพยาบาลใกล้บ้านที่สะดวกก็มีหมอผู้เชี่ยวชาญเช่นกันค่ะ

                        อ่านต่อ อันตรายจากการนอนดึก หน้า 2

                         

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                          ลูกโดนแกล้ง ที่โรงเรียน พ่อแม่จะรับมืออย่างไร?

                          ลูกโดนแกล้ง ที่โรงเรียนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้อยู่บ่อยๆ ตั้งแต่เด็กระดับชั้นอนุบาลไปจนถึงเด็กโต เด็กบางคนถูกเพื่อนแกล้ง จนเก็บกดไม่กล้าบอกพ่อแม่ คุณครู จนทำให้เกิดความเครียดสะสม และคิดฆ่าตัวตายก็มีข่าวให้เห็นอยู่บ่อยๆ เลยค่ะ ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีประสบการณ์จากคุณแม่ท่านหนึ่งที่ลูกถูกแกล้งที่โรงเรียน พร้อมวิธีรับมือมาฝากค่ะ

                           

                          ลูกโดนแกล้ง ที่โรงเรียน!!

                          มีคุณแม่สมาชิกกระทู้ดังพันทิปได้แชร์ประการณ์ ลูกโดนแกล้ง ที่โรงเรียน ซึ่งคุณแม่ท่านนี้เมื่อก่อนตอนเป็นเด็กก็เคยถูก เพื่อนที่โรงเรียนแกล้งมาก่อน จนแต่งงานมีครอบครัวมีลูก ก็มาเกิดเหตุการณ์ลูกคนเล็กถูกเพื่อนๆ ที่โรงเรียนแกล้ง เช่นเดียวกัน คุณแม่จึงอยากมาแชร์ข้อมูลพร้อมวิธีรับมือให้กับอีกหลายๆ ครอบครัวได้ทราบกันค่ะ

                          คุณแม่  ลูกเราคนเล็กโดนเพื่อนๆ แกล้งเหมือนกัน คือ โดนมารุมว่าจนทำให้เครียด กดดัน ทุกข์ใจจนไม่อยากมาโรงเรียนตัวอย่างข้างล่างนี้เป็นสิ่งที่เราประมวลมาจากปัญหาลูกเรา ตัวเราเองตอนเด็กๆ และสิ่งที่เราเคยได้ยินได้ฟังมานะคะ

                          รูปแบบของการแกล้ง

                          1. การทำร้ายจิตใจกัน – อันนี้ เจอบ่อยที่สุดค่ะ

                          – การว่ากันด้วยคำพูด แรงบ้าง เบาบ้าง หยาบคายหรือสุภาพบ้าง ขึ้นอยู่กับพื้นฐานครอบครัวที่เด็กคนนั้นๆ โตมา

                          – การแสดงกริยารังเกียจเดียดฉันท์ หัวเราะเยาะ ทำให้ผู้ที่ถูกแกล้งรู้สึกแย่

                          1. การแสดงอำนาจเหนือกว่า – ใช้อำนาจของตัวเอง (เช่น การเป็นคนมีเสน่ห์ เรียนเก่ง หน้าตาดี ที่เพื่อนๆ ชื่นชม) กับเพื่อน อาทิ เช่น ใช้ให้ไปซื้อน้ำให้ ถือกระเป๋าให้ หรือ ใช้ให้ไปว่าเพื่อนๆ คนอื่นที่ตัวเองไม่ชอบ
                          2. การข่มขู่ – การขู่ด้วยกริยาท่าทาง วางอำนาจ หรือ อวดเบ่งว่า ตัวเองมีคุณสมบัติบางอย่างที่อาจจะทำร้ายเพื่อนได้  เช่น พี่สาวเราตอนเด็ก ๆ โดนเพื่อนไถเงินทุกวัน โดยขู่ว่า ยายเลี้ยงผี ถ้าไม่ให้เงินเค้า  จะให้ยายปล่อยผีมาฆ่าให้ตาย  (ฟังมาถึงตอนนี้ ทุกคนอาจหัวเราะ  แต่สำหรับเด็กเล็ก ๆ ที่เปิดทีวีไทย เจอแต่เรื่องผีๆ ที่หลอกหลอนกันแบบเป็นจริงเป็นจังมาก  นี่ทำให้ถึงกับต้องคิดมากเลยนะคะ)
                          3. การทำร้ายร่างกาย – อันนี้ เลวร้ายที่สุด และผู้ใหญ่จะต้องคอยระมัดระวังอย่างมากด้วย เพราะบางครั้ง อาจเลยเถิดไปจนทำให้พิการได้
                          4. การใช้อำนาจที่มีคว่ำบาตรเพื่อนที่ถูกแกล้ง – อันนี้ ไม่เจ็บกายแต่เจ็บหัวใจนะคะ   ถ้าคุณเคยโดนมาเฟียน้อยในห้องสั่งทุกคนให้ทำท่ารังเกียจคุณ หรือ ไม่พูดกับคุณ  ในวัย 5-6 ขวบ หรือ กระทั่งในวัยรุ่นก็เถอะ  คุณอาจจะรู้สึกเครียดจัดไปจนถึงตั้งป้อมไม่สามารถรักใครได้อีกเลย หากคุณไม่รู้เท่าทันอารมณ์พอ

                          เชื่อว่าพออ่านกันมาถึงตรงแล้ว น่าจะมีเด็กๆ ส่วนหนึ่งที่เคยถูกเพื่อนแกล้งที่โรงเรียนด้วยสาเหตุเหล่านี้ เพราะอย่างผู้เขียนเองก็เจอเพื่อนๆ มาเล่าให้ฟังบ่อยๆ ว่าลูกเคยถูกเพื่อนแกล้งตอนอยู่ชั้นประถม 2 โดยเพื่อนที่โรงเรียนแกล้งล้อเลียนหนักอยู่เหมือนกัน เนื่องจากเป็นเด็กต่างจังหวัดแล้วต้องย้ายมาอยู่กับพ่อแม่ที่กรุงเทพฯ ทำให้ต้องเปลี่ยนโรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่สังคมใหม่ๆ ทำให้เด็กดูแตกต่างเลยถูกเพื่อนล้อ ซึ่งกว่าจะปรับตัวได้ก็ใช้เวลาไปเทอมกว่าๆ เลยค่ะ แต่ที่น่าดีใจคือคุณครูประจำชั้นมาช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ให้ด้วย สุดท้ายเด็กที่มาล้อก็ยอมเปิดใจกับเพื่อนใหม่ กลายเป็นเพื่อนซี้กันไปแล้วค่ะ  

                          บทความแนะนำ คลิก>> เจ้าตัวเล็กถูกแกล้ง ทำยังไงดี

                          นอกจากรูปแบบการแกล้งแล้ว คุณแม่ยังอธิบายถึงเหตุผลที่เด็กมักโดนเพื่อนรังแก ไว้ดังนี้…

                          อ่านต่อ ทำไมลูกถึงโดนเพื่อนรังแก หน้า 2

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                            ทดสอบไอคิวลูก

                            ทดสอบไอคิวลูก แบบง่ายๆ ด้วย Gesell drawing test ใช้ได้ตั้งแต่อายุ 2-12 ขวบ

                            ทดสอบไอคิวลูก แบบง่ายๆ ด้วยวิธีการวัด จากการให้ลูกน้อยลองวาดภาพ ด้วยแบบทดสอบ Gesell drawing test ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถใช้วัดลูกน้อยได้ตั้งแต่ ตั้งแต่อายุ 2-12 ขวบเลยทีเดียว
                            Continue reading “ทดสอบไอคิวลูก แบบง่ายๆ ด้วย Gesell drawing test ใช้ได้ตั้งแต่อายุ 2-12 ขวบ”

                              อาหารเพิ่มน้ำหนักลูก

                              ของว่างทำง่าย “มินิพิซซ่า” อาหารเพิ่มน้ำหนักลูก!

                              สำหรับเด็กที่มีน้ำหนักน้อย จนถึงขั้นต่ำกว่าเกณฑ์ คุณพ่อคุณแม่ต่างสรรหา อาหารเพิ่มน้ำหนักลูก หรือเมนูต่างๆ มาเพื่อให้ลูกกินเพื่อเพิ่มน้ำหนัก

                              Continue reading “ของว่างทำง่าย “มินิพิซซ่า” อาหารเพิ่มน้ำหนักลูก!”

                                สารอาหารธรรมชาติ

                                6 อาหารธรรมชาติ ช่วยพัฒนาสมองและการมองเห็นให้ลูก

                                อาหารธรรมชาติ จะต้องอุดมไปด้วยคุณค่าสารอาหารที่มีประโยชน์ และจำเป็นต่อการช่วยส่งเสริมพัฒนาการการ เจริญเติบโต ยิ่งโดยเฉพาะถ้าโภชนาการนั้นมีสารอาหารสำคัญในการพัฒนาสมองและการมองเห็นให้ลูกได้ตั้งแต่เล็กๆ ก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อทั้งพัฒนาการทุกด้าน และมีสุขภาพที่แข็งแรง พร้อมให้ลูกได้เรียนรู้โลกกว้างอย่างเป็นธรรมชาติ

                                 

                                อาหารธรรมชาติ ช่วยพัฒนาสมองและการมองเห็นให้ลูก

                                การเริ่มต้นช่วงแรกของชีวิตลูกด้วยการให้ อาหารธรรมชาติ นั่นก็คือ “น้ำนมแม่” ซึ่งถือเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกตั้งแต่ แรกเกิด ในนมแม่อุดมไปด้วยคุณค่าสารอาหารต่างๆ มากมายที่จำเป็นและมีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการการเจริญเติบโต ช่วย ให้ลูกมีพัฒนาการด้านสติปัญญา และพัฒนาการการมองเห็นที่มีประสิทธิภาพ เพราะในนมแม่มีทั้งโปรตีน วิตามินต่างๆ มีลู ทีน ที่ช่วยในการปกป้องจอประสาทตา และดีเอชเอ ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นที่สำคัญต่อการพัฒนาระบบประสาทและการมองเห็น ดังนั้นจึงแนะนำว่าควรให้ลูกได้ดื่มนมแม่ตั้งแต่แรกคลอด เพื่อพัฒนาการที่สมบูรณ์ สุขภาพร่างกายแข็งแรงค่ะ

                                แต่ถ้าในกรณีที่คุณแม่มีความจำเป็นไม่สามารถให้นมลูกได้เองจริงๆ ก็อาจจะต้องหานเสริมให้ลูก อย่างนมแพะก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีกับพัฒนาการ สุขภาพร่างกายของลูก นมแพะเป็นอาหารธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดีต่อสมองและการมองเห็นของลูกอย่างมากค่ะ

                                นมแพะมีโปรตีนนุ่ม CPP (Casein Phosphopeptide) ทำให้ย่อยและดูดซึมได้ง่าย ช่วยให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจากงานวิจัยพบว่าระดับของโปรตีนในนมแพะมีมากกว่าในนมวัวถึง 50%  โปรตีนนุ่มในนมแพะยังช่วยเพิ่มการดูดซึม แคลเซียม เหล็ก สังกะสี แมกนีเซียมให้กับร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้นมแพะมีระบบการสร้างน้ำนมแบบอะโพไครน์ทำให้มีไบโอแอคทีฟ คอมโพแนนท์ (Bioactive Components) ซึ่งเป็นสารอาหารจากธรรมชาติ มีถึง 4 ชนิด ได้แก่ นิวคลีโอไทด์ ทอรีน โพลีเอมีนส์ และโกรทแฟคเตอร์ ซึ่งช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและพัฒนาสมอง พร้อมต่อยอดพัฒนาการการเรียนรู้ และทักษะด้านอื่นๆ ที่เหมาะสมตามช่วงวัย

                                นมแพะ มีสารอาหารสำคัญเพื่อพัฒนาสมอง การมองเห็น และการเรียนรู้ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกอย่างมีประสิทธิภาพ ไปดูกันค่ะว่ามีสารอาหารอะไรบ้าง…

                                ดีเอชเอ+เออาร์เอ (DHA + ARA)

                                สารอาหารสองตัวนี้เป็นกรดไขมันที่มีส่วนสำคัญช่วยในการพัฒนาสมองและการมองเห็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                                โอเมก้า 3 6 9 (OMEGA 3 6 9)

                                ที่มีกรดไขมันจำเป็นไลโนเลนิก(โอเมก้า 3) กรดไลโนเลอิก(โอเมก้า 6) กรดโอเลอิก(โอเมก้า 9) ซึ่งโอเมก้า 3 6 เป็นสารตั้งต้นของ DHA และ ARA และโอเมก้า 9 จะช่วยในการทำงานของสมอง

                                โคลีน (CHOLINE)

                                มีบทบาทในการสร้างสารสื่อสัญญาณประสาท ช่วยพัฒนาการเรียนรู้และความจำ

                                วิตามินบี 12 (VITAMIN B 12)

                                มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาท

                                แคลเซียม (CALCIUM)

                                มีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างกระดูดและฟันที่แข็งแรง

                                ทอรีน (TAURINE)

                                ช่วยพัฒนาการทำงานของจอประสาทตา

                                อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นค่ะว่าอาหารธรรมชาติที่ดีที่สุดสำหรับลูกก็คือ “นมแม่” แต่หากมีความจำเป็นจริงๆ ที่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ “นมแพะ” ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพราะนมแพะมีรสชาติอร่อย ดื่มง่าย สบายท้อง และยังอุดมด้วยคุณค่าสารอาหารสำคัญจากธรรมชาติ ช่วยให้ลูกน้อยเติบโตแข็งแรงสมวัย มีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่องค่ะ

                                 

                                  นมแพะ

                                  นมแพะ Regular กับ นมแพะ Advance Gold ต่างกันอย่างไร?

                                  นมแพะ สูตรสำหรับเด็กโต และทุกคนในครอบครัว ที่ตอนนี้ได้มีการพัฒนาปรับปรุงจากสูตรเดิม(Regular) มาเป็นสูตรใหม่(Advance Gold) โดยยังมีสารอาหารสำคัญต่อร่างกายไว้อย่างครบถ้วน แต่ที่แตกต่างสำหรับสูตรใหม่ อยากรู้ไหมคะว่าคืออะไร?

                                   

                                  นมแพะ มีสารอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกายอะไรบ้าง?

                                  ก่อนที่เราจะไปพบคำตอบว่าใน นมแพะ DG ที่ผลิตและนำเข้า จาก Dairy Goat Co-operative ประเทศนิวซีแลนด์ สูตร 3 ที่เป็นสูตรสำหรับเด็กโตเเละทุกคนในครอบครัวก็ดื่มได้ นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร ในสูตรเดิมกับสูตรใหม่ ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักสารอาหารธรรมชาติกันค่ะ

                                  อย่างที่ทราบกันว่านมแพะจะมีระบบการสร้างน้ำนมแบบอะโพไครน์ ซึ่งดีมากๆ เนื่องจากจะทำให้ได้สารอาหารธรรมชาติในปริมาณสูง ได้แก่

                                  – นิวคลีโอไทด์ ช่วยในเรื่องเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย และการตอบสนอง ต่อสารแปลกปลอม ช่วยลดปฏิกิริยาภูมิแพ้

                                  – ทอรีน ช่วยในเรื่องการทำงานของจอประสาทตาดีขึ้น

                                  – โพลีเอมีนส์ ช่วยในเรื่องส่งเสริมระบบทางเดินอาหาร ช่วยลดปฏิกิริยาจาการแพ้อาหาร โดยจะส่งเสริม การทำงานของ ลำไส้ ช่วยลดหรือป้องกันการอักเสบ รวมทั้งซ่อมแซมส่วนของลำไส้ ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น

                                  – โกรทแฟคเตอร์ ช่วยในเรื่องการเสริมสร้างการเจริญเติบโต

                                  – ไขมัน MCT Oil ที่ย่อยง่าย ให้ลูกน้อยมีน้ำหนักตัวดี

                                  – โปรตีนCPP  ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของนมแพะ เนื่องจากเป็นโปรตีนนุ่ม ที่ย่อยง่าย ร่างกายดูดซึมไปใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจากงานวิจัยพบว่าระดับของโปรตีน CPP มีมากถึง 50% ซึ่งโปรตีนนุ่มของนมแพะยังไปช่วยเพิ่มการดูดซึม แคลเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี แมกนีเซียม ให้กับร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และข้อดีของโปรตีนนุ่มยังช่วยทำให้ร่างกายไม่เกิดการแพ้นมค่ะ

                                  นมแพะสูตร 3 (DG3 Regular vs DG3 Advance Gold) แตกต่างกันอย่างไร?

                                  ต้องบอกว่านมสูตร 3 สำหรับเด็กโต เเละทุกคนในครอบครัวนั้น เดิมทีสูตรเดิมก็มีประโยชน์และสารอาหารธรรมชาติที่  ดีต่อร่างกายอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันได้เพิ่มสูตรใหม่ที่พัฒนาไปอีกขั้นให้ดีมากยิ่งขึ้น ไปดูความแตกต่างของนมแพะ DG3 สูตรเดิม Regular เเละสูตรใหม่ DG3 Advance Gold กันค่ะ

                                  นมแพะ DG3 Regular เเละ DG3 Advance Gold เหมือนกันตรงไหน…

                                  สำหรับนมแพะสูตร 3 ที่มีทั้งหมด 2 สูตร นี้นั้นเป็นนมแพะที่ผลิตและนำเข้าจากนิวซีแลนด์มาทั้งกระป๋อง ไม่ได้มีการแบ่งบรรจุเหมือนนมยี่ห้ออื่นๆ ซึ่งในนมแพะมีโปรตีน ที่จำเป็น  ต่อการเจริญเติบโต และช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย พร้อมด้วยสารอาหารสำคัญ DHA, ARA, Taurine,   Choline, Omega 3,6,9 พร้อมวิตามินB12 สูง ที่มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมองของเด็กๆ และทุกคน ในครอบครัว

                                  นมแพะ DG3 Regular เเละ DG3 Advance Gold ต่างกันตรงไหน…

                                  นมแพะ

                                  ถ้าพูดถึงความแตกต่างของนมแพะสูตร 3 จากสูตรเดิม (Regular) พัฒนามาเป็นสูตร (Advance Gold) ที่ได้ปรับพัฒนาให้ดี มากยิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มเติมใยอาหาร 2 ชนิดเข้าไปนั่นคือ Inulin และ Oligofructose ซึ่งมีสำคัญช่วยให้ระบบการขับถ่ายของร่างกายดีขึ้น และช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ยังมีสารอาหารสำคัญอย่าง DHA และ ARA เข้าไปด้วยค่ะ

                                  นมแพะ

                                  สำหรับครอบครัวไหนที่กำลังมองหานมสำหรับลูกวัยโต และทุกคนในครอบครัวก็ดื่มได้ ลองให้นมแพะ DG สูตร3 ดูแลซิค่ะ เพื่อร่างกายจะได้รับประโยชน์จากสารอาหารธรรมชาติที่ดีต่อพัฒนาการและสมองค่ะ

                                  อยากดื่มนมแพะ สามารถหาซื้อได้ที่ไหนบ้าง?

                                  เห็นประโยชน์ดีๆ แบบนี้แล้ว เป็นใครก็อยากซื้อมาดื่มให้ร่างกายแข็งแรงกันใช่ไหมคะ สำหรับนม DG สูตร3  ต้องบอกว่าของเขาคุณภาพจริงๆ ค่ะ เพราะผลิตจาก dairy goat co-operative ประเทศนิวซีเเลนด์ ซึ่งขึ้นชื่อว่ามีความเป็นธรรมชาติ นมแพะผลิตจากแม่แพะที่เลี้ยงอยากดีในฟาร์ม สิ่งแวดล้อม และอาหารของแพะปลอดภัยจากสารเคมี มีความปลอดภัย

                                  นม DG สูตร3 หาซื้อได้ง่ายมากค่ะ เพราะมีวางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป อาทิ Tesco Lotus ,Big C, Tops, The Mall, Foodland , Villa market, Max Value เป็นต้น และมีจำหน่ายตามร้านยา ร้านจำหน่ายนมผงและสินค้าสำหรับเด็กทั่วไป

                                  และหากมีปัญหาเรื่องการซื้อสินค้าผ่านร้านค้าดังกล่าว (เช่น ปัญหาเรื่องการเดินทาง หรือหาสินค้าไม่เจอ) แนะนำสั่งทางเวปไซต์ ได้ที่เวปไซต์ของห้างสรรพสินค้าชั้นนำ หรือเวปไซต์ที่เป็นตัวแทนจำหน่าย เช่น lazada, shopee, Wemall หรือ11Street ได้เลยค่ะ โดยมองหาสัญลักษณ์ official store นะคะ นมแพะ

                                   

                                    หอมแก้มเด็ก

                                    แม่กันไม่ให้ หอมแก้มเด็ก เพื่อนบ้านเลยดราม่าใส่

                                    โปรดเข้าใจ! การ หอมแก้มเด็ก อาจส่งผลให้เด็กติด 2 โรคร้ายโดยไม่รู้ตัว

                                     

                                    หลังจากที่เฟซบุ๊คแฟนเพจแหม่มโพธิ์ดำ ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวของเพื่อนบ้านคนหนึ่งที่ดราม่าโพสต์ต่อว่าคุณแม่ที่มีลูกเล็กเพียง 6 เดือนผ่านสื่อโซเชียลประมาณว่า อนามัยจัดเว่อร์ คนป่วยไม่ใช่ลูกแต่เป็นแม่ต่างหากที่วิตกจริต หวาดระแวงเกินไป!!

                                    สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนเห็นมุมมองบางอย่างว่า ยังมีบางกลุ่มคนที่ไม่เข้าใจถึงความรักและความหวังดีของแม่และคิดว่า สิ่งที่แม่ทำไปนั้นเป็นเพราะแม่คิดมากไปเอง แท้จริงแล้วใครจะรู้ละว่า ที่แม่ทำไปนั้นเพราะเป็นการป้องกันแล้วไม่อยากให้ลูกเป็นอะไร เวลาที่ลูกไม่สบายมันเหนื่อย มันทรมานแล้วก็เครียด หากพวกเขาเหล่านั้นเข้าใจ เขาจะรู้เลยว่าแม่ทุกคนเป็นแบบนี้หมด เพราะพวกเรารู้ดีว่า อะไรก็เกิดขึ้นก็ได้ เราไม่มีทางรู้เลยว่า เมื่อไหร่ และใครที่จะเป็นพาหะนำเชื้อโรคมาสู่ลูกของเรา

                                    หลาย ๆ ครั้งที่เรามักจะได้ยินข่าวคราวการเจ็บป่วยของเด็ก ๆ ผ่านจากการสัมผัสไม่ว่าจะเป็นการจูบหรือว่าการหอม

                                    อ่านต่อ: อันตรายมาก! ปล่อยคนหอมแก้มลูกน้อย เด็กเสี่ยงติดเชื้อถึงชีวิต

                                    อ่านต่อ: แม่แชร์! ลูกเป็น” โรคเริม ” เพราะสัมผัสของใครบางคน!

                                    และในวันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids จะขอนำเสนอโรคต่าง ๆ ที่มาจากการสัมผัส ยกตัวอย่างเช่น โรคเริมและ RSV เป็นต้น

                                    เครดิต: PPTV และ แหม่มโพธิ์ดำ

                                     

                                     

                                    ลูกติดเชื้อ
                                    เครดิต: MedThai

                                    โรคใดบ้างที่ ลูกติดเชื้อ ได้จากการสัมผัส

                                    โรคเริม

                                    เริม เป็นโรคติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งของผิวหนัง และเยื่อเมือกต่าง ๆ ทำให้มีลักษณะพุขึ้นเป็นตุ่มใสเล็ก ๆ แล้วแตกเป็นแผล ตกสะเก็ต ซึ่งหายได้เองแต่มักกำเริบซ้ำและเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำอย่างเด็ก ๆ นัั้นมักจะพบได้บ่อยและอาการรุนแรงกว่าปกติ และเชื้อสามารถแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดแล้วกระจายไปยังอวัยวะต่าง ๆ อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

                                    โรคนี้เป็นโรคติดต่อที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคนในวัยหนุ่มสาวและวัยผู้ใหญ่ ทั้งผู้ใหญ่และผู้ชายนั้นมีอาการเป็นโรคนี้ได้เท่ากัน และการติดเชื้อนั้นมักเกิดขึ้นกับวัยเด็กเสียเป็นส่วนใหญ่ สูงสุดจะเกิดในเด็กระหว่างอายุ 6 เดือนจนถึง 3 ปี

                                    ติดต่อได้โดยการสัมผัสโดยตรงกับผู้ที่เป็นโรค ซึ่งอาจแสดงอาการหรือไม่แสดงอาการก็ได้ ผ่านทางรอยถลอกของผิวหนังหรือทางเยื่อเมือก (เช่น เยื่อบุตา ช่องปาก องคชาต ช่องคลอด ปากมดลูก ทวารหนัก) จากน้ำลายหรือสิ่งคัดหลั่ง รวมไปถึงจากการใช้ของใช้ร่วมกัน การกิน การจูบ หรือจากมือติดโรคแล้วป้ายเข้าตา ดังนั้น ผู้ที่คลุกคลีอยู่ใกล้ชิดกัน เช่น สามีภรรยา สมาชิกในครอบครัว เด็กในโรงเรียนหรือในสถานรับเลี้ยงเด็ก จะมีโอกาสติดเชื้อเริมได้ง่าย

                                    กว่าที่จะแสดงอาการติดเชื้อนั้นจะใช้เวลาประมาณ 2 – 20 วัน เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายและฝังอยู่ในชั้นผิวหนัง ก็จะเริ่มแบ่งตัวทำให้เกิดอาการบวมเป็นตุ่มน้ำและเกิดการอักเสบ แต่พอหายจากโรคแล้ว เชื้อเริมจะเข้าไปหลบซ่อนที่ปมประสาทในบริเวณใต้ผิวหนังหรือเยื่อบุและแฝงตัวอยู่อย่างสงบ โดยไม่มีการแบ่งตัว (เชื้อจะอยู่ในตัวตลอดชีวิตในปมประสาท เพื่อรอให้มีปัจจัยต่าง ๆ มากระตุ้นแล้วจึงแสดงอาการ) แต่เมื่อมีปัจจัยมากระตุ้น เช่น เป็นไข้ ถูกแดดจัด ร่างกายอิดโรย เกิดความวิตกกังวล มีอารมณ์เครียด มีประจำเดือน มีการตั้งครรภ์ ได้รับบาดเจ็บหรือผ่าตัดบริเวณใบหน้า การทำฟัน ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ เป็นต้น เชื้อเริมที่แฝงอยู่ตัวอยู่ขณะนั้นจะเกิดการแบ่งตัวเจริญเติบโตเกิดการปลุกฤทธิ์คืน ทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำ

                                    อ่านต่อโรคที่เด็กสามารถติดได้จากการสัมผัส คลิก!