ลูกไม่กินข้าว

เปิดสูตรเด็ด! พาสต้าซอสไก่ “แก้ปัญหา ลูกไม่กินข้าว”

เมื่อลูกเบื่อข้าว หรือหาก ลูกไม่กินข้าว นับเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เหล่าบรรดาคุณแม่หลายคนกลุ้มอกกลุ้มใจไปตามๆ กัน เชฟแม่หมีจึงมีสูตรอาหารเมนูเด็ดที่จะมาแนะนำให้คุณแม่ลองทำให้ลูกน้อยกิน ซึ่งรับรองว่าเมนูนี้จะไปช่วยเพิ่มสารอาหารคาร์โบไฮเดรตให้กับลูกน้อย เพื่อทดแทนข้าว ได้อย่างดีเยี่ยมแน่นอน Continue reading “เปิดสูตรเด็ด! พาสต้าซอสไก่ “แก้ปัญหา ลูกไม่กินข้าว””

    สะดือจุ่น

    แม่แชร์! ลูก สะดือจุ่น ผิดปกติ สุดท้ายเป็นไส้เลื่อนสะดือ

    ลูก สะดือจุ่น บวมมากผิดปกติ คุณแม่คิดว่าไม่มีอะไร สุดท้ายพบว่าลูกเป็น ไส้เลื่อนสะดือ!

     

     

    คุณแม่แก้ว เล่าให้ทีมงาน Amarin Baby and Kids ฟังว่า ตอนแรกหลังจากที่สะดือของลูกชายหลุดก็ดูปกติดีทุกอย่าง แต่ต่อมาพอลูกชายมีอายุเดือนเศษก็พบว่า สะดือค่อย ๆ จุ่นบวมขึ้น (ดังภาพ) ทำให้คนในครอบครัวตกใจมาก คุณแม่เล่าว่า ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร เนื่องจากเป็นลูกหลานคนแรกของบ้านและไม่มีคุณตาคุณยายอยู่ด้วยจึงคิดว่าเป็นเรื่องปกติ จนกระทั่งคุณป้ามาเห็นเข้าก็เลยบอกว่า สะดือเด็กต้องไม่ใช่แบบนี้ ให้รีบพาน้องไปหาคุณหมอเด็กทันที

    ภายหลังจากคุณแม่พาน้องไปหาหมอ ก็พบว่า น้องเป็นไส้เลื่อนสะดือ คุณหมอกล่าวว่า ไม่ใช่คนแรกที่เป็น เมื่อเด็กโตขึ้นเดี๋ยวก็หาย คุณแม่ก็ได้ถามคุณหมอต่อว่า ที่เขาว่ากันว่า เอาเหรียญวางบนสะดือแล้วจะยุบลงไปเองนั้น จริงหรือไม่อย่างไร

    คุณหมอก็ตอบว่า ไม่เป็นความจริงเลย พอลูกโตขึ้นมันจะยุบเข้าไปเอง แต่ในกรณีที่ไม่ยุบก็อาจจะต้องเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งตรงนี้ก็ต้องดูอาการของน้องกันอีก

    จากกรณีดังกล่าว คุณแม่แก้วได้ค้นหาข้อมูลและพบว่า มีเด็กหลายคนที่เป็นโรคนี้และหายได้เอง แต่ก็เชื่อว่าอาจจะยังมีคุณพ่อคุณแม่มือใหม่บางท่าน ที่ยังไม่ทราบ จึงติดต่อเข้ามายังทีมงาน เพื่อขอแชร์ข้อมูลและเรื่องราวดังกล่าวไว้ เพื่อเป็นประโยชน์กับครอบครัวอื่น ๆ ค่ะ ทีมงานต้องขอขอบคุณคุณแม่แก้วมาก ๆ นะคะ

    สะดือเลื่อนคืออะไร คลิก!

      โรคติกส์

      โรคติกส์ (ลูกกระพริบตาบ่อย) อันตรายหรือไม่?

      โรคติกส์ คืออะไร ได้ยินครั้งแรกถึงกับเกิดคำถามขึ้นว่ามีโรคชื่อนี้ด้วยเหรอ? จำได้ว่าตอนเด็กๆ มีเพื่อนที่นั่งเรียนด้วยกันเขาจะกระพริบ ขยิบตาถี่ๆ อยู่ตลอดเวลา และจะเป็นมากเวลาที่ครูให้ออกมาพูดหน้าชั้นเรียน ซึ่งมารู้ทีหลังว่าที่เพื่อนเป็นนั้นเรียกว่าโรคติกส์ สำหรับโรคนี้น่าสนใจมาก ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีข้อมูลมาฝากให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้กันค่ะ

       

      โรคติกส์ (ลูกกระพริบตาบ่อย) คืออะไร?

      มีใครในครอบครัวที่มีอาการกระพริบตา ขยิบตาบ่อยๆ ไหมคะ อยากบอกว่าอาจกำลังเป็น โรคติกส์ อยู่ก็ได้นะ โรคนี้เกิดขึ้น ได้กับทั้งเด็กเล็กๆ และในผู้ใหญ่เลยค่ะ บางคนเป็นมาตั้งแต่อายุยังน้อย พอโตขึ้นก็ยังมีอาการอยู่บ้าง ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับ สถานการณ์ต่างๆ ที่ทำให้มีอาการขึ้นมา  เอาเป็นเราไปทำความรู้จักกับโรคนี้กันค่ะ เพราะจะว่าไปแล้วก็ทำให้เด็กๆ เสีย บุคลิกภาพมากเหมือนกันนะเนี่ย

      โรคติกส์ หรือ Tices Disorders (TICS) คืออาการกระตุกของกล้ามเนื้อมัดย่อย ทั้งบริเวณใบหน้า บางคนมุมปากมีการกระตุก และที่สังเกตเห็นกันได้บ่อยๆ คือ การขยิบตา หรือกระพริบตาเร็วๆ สำหรับโรค TICS ถือเป็นอาการผิดปกติ ที่พบว่าเด็กผู้ชายเป็นได้มากกว่าเด็กผู้หญิง ช่วงอายุที่พบว่าเป็นโรคนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงอายุ 6-10 ปี

       

      บทความแนะนำ คลิก>> โรคหายาก 1 ในหมื่น กล้ามเนื้อฝ่อจากไขสันหลัง ตั้งแต่เกิด

      พอจะทราบอาการของติกส์กันไปคร่าวๆ แล้วนะคะ แนะนำว่าหากเด็กๆ รวมถึงคนอื่นๆ ในครอบครัว มีอาการกระพริบ  ขยิบตาถี่ๆ ห้ามไปจ้องมอง หรือดุว่าเด็ดขาก เพราะการทำเช่นนั้นจะยิ่งไปสร้างความประหม่าไม่มั่นใจ อาการก็ยิ่งแสดงออกเพิ่มมากขึ้นไปอีกค่ะ

      อ่านต่อ สาเหตุขอโรค TICS หน้า 2

       

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

        น้ำร้อนลวก

        ลูกถูกน้ำร้อนลวก เพราะความประมาทในร้านอาหาร

        น้ำร้อนลวก เป็นหนึ่งในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อย ไม่ว่าจะภายในบ้าน หรือแม้กระทั่งอยู่นอกบ้าน ยิ่งครอบครัวไหนที่มีเด็กเล็กๆ จำเป็นต้องใช้น้ำร้อนในการต้มล้างภาชนะของใช้ รวมถึงการประกอบอาหารต่างๆ ทุกวัน หากเก็บวางน้ำร้อนไม่เป็นที่อาจหกลวกใส่ได้  ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีอุทาหรณ์จากเหตุการณ์น้ำแกงร้อนลวกเด็กในร้านอาหารมาเตือนกันค่ะ

         

        น้ำร้อนลวก เด็ก เพราะความประมาทในร้านอาหาร

        อย่างที่บอกไปค่ะว่าอุบัติเหตุ น้ำร้อนลวก เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา เช่นเดียวกับคลิปนี้จากต่างประเทศที่ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว เห็นแล้วทั้งตกใจ และสงสารเด็กมากๆ ซึ่งดูจากเหตุการณ์แล้ว ครอบครัวนี้พาลูกไปทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยช่วงกลางของคลิปจะเห็นพนักงานเสิร์ฟยกเมนูอาหารประเภทหม้อร้อนมาให้ที่โต๊ะ แต่จู่ๆ ขณะที่มาถึงโต๊ะอาหาร เกิดเดินแล้วพลาดลื่นจนทำให้เสียหลัก หม้อร้อนในมือจึงหล่นกระแทกบนโต๊ะ ซึ่งมีเด็กนั่งอยู่ในองศาที่รับเอาน้ำร้อนๆ กระเด็นใส่เต็มหน้า เต็มตัวค่ะ

        สำหรับเหตุการณ์นี้ถือเป็นอุทาหรณ์เตือนพ่อแม่ ผู้ปกครองเด็กในหลายๆ ครอบครัวได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากจะพาเด็กเล็กๆ ไปทานข้าว หรือทำกิจกรรมนอกบ้าน ควรต้องมั่นใจถึงความปลอดภัยในเรื่องต่างๆ ให้ดีที่สุดด้วยนะคะ

        อ่านต่อ ปฐมพยาบาลของร้อนลวกที่ถูกวิธี หน้า 2

         

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

          RSV

          แม่แชร์! อาการเมื่อลูกป่วยเป็น RSV

          RSV อาการแต่ละวันเป็นอย่างไร คุณแม่ท่านนี้จะมาแชร์ให้พวกเราทุกคนได้ทราบกันค่ะ!

           

           

          สมัยนี้โรคเยอะแยะมากมายเสียเหลือเกิน คุณพ่อคุณแม่ว่าอย่างนั้นไหมคะ สมัยก่อนไม่เห็นจะมีโรคอะไรเยอะเหมือนกับสมัยนี้ มากสุดน่ากลัวสุดก็เห็นจะเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือไม่ก็อีสุกอีใสเท่านั้น ผิดกับสมัยนี้ ที่สารพัดโรคมาเยือนทำให้ลูกเราป่วยได้ง่าย หรือบางทีโรคเดียวก็กลับกลายพันธุ์ได้ต่าง ๆ นา ๆ

          นอกจากนี้โรคแต่ละโรคสมัยนี้นั้น ยารักษาหรือวัคซีนป้องกันอะไรก็ไม่มี ทำได้มากสุดก็คือการบรรเทาอาการกันไป ซึ่งสิ่งที่จะช่วยให้ลูกของเรานั้นหายไว นอกจากสุขภาพของลูกจะต้องแข็งแรงแล้ว การเฝ้าสังเกตถึงความผิดปกติหรืออาการต่าง ๆ ของลูกอย่างใกล้ชิดก็ถือเป็นวิธีที่จะช่วยให้ลูกหายเร็วจากโรคเหล่านี้ด้วยเช่นกันค่ะ

          ดังเช่นเรื่องราวที่ี่ทีมงาน Amarin Baby and Kids จะนำมาเสนอในวันนี้ เป็นเรื่องราวของคุณแม่ท่านหนึ่งที่ได้แชร์ประสบการณ์และอาการต่าง ๆ ของลูกที่ป่วยเป็นโรค RSV นี้ผ่านเพจหนูน้อยปีระกา 2560

          เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น อ่านต่อได้ที่หน้าถัดไปเลยค่ะ

            10 พัฒนาการทารก (วัยแรกเกิด-12 เดือน) ที่บอกว่ารักคุณ

            พัฒนาการทารก ในช่วงสัปดาห์แรกหลังคลอดมีอะไรให้พ่อแม่มือใหม่ได้ตื่นเต้นกันบ้าง !?  เพื่อนผู้เขียนเพิ่งคลอดลูก ขอบอกว่าทั้งคู่เห่อลูกมากๆ ชนิดที่ว่าเก็บทุกช่วงเวลาไม่ว่าลูกจะหลับ ร้อง ตื่น แถมพูดด้วยว่าดูซิลูกบอกรักฉัน ฟังแล้วอมยิ้มเลย ว่าแต่เด็กตัวแค่เนี่ยบอกรักได้แล้วเหรอ? ทีมแม่ ABK พาไปค้นหา 10 พัฒนาการทารก ที่ว่าลูกบอกรักกันค่ะ

             

            พัฒนาการทารก ช่วงแรกเกิดมีอะไรให้น่าค้นหาบ้างนะ?

            ก่อนที่จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปดู พัฒนาการทารก ช่วงแรกเกิดถึงขวบปีแรกของชีวิต ที่มีลักษณะบางอย่างอาจบ่งบอกได้ว่า “ลูกกำลังบอกรัก” คุณอยู่หรือเปล่านั้น จะขอพาไปให้รู้จักและคุ้นเคยกับลักษณะร่างกายของลูกแรกเกิดกันก่อนค่ะ

            วินาทีแรกคลอดที่เสียงร้องอุแว้ดังนำออกมานั้น มาลุ้นกันหน่อยว่าเจ้าตัวเล็กจะมีน้ำหนักแรกคลอดกันสักเท่าไหร่นะ? โดยปกติแล้วทารกแรกเกิดจะมีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 3,200 กรัม ส่วนศีรษะจะค่อนข้างโตกว่าลำตัว แล้วสังเกตอะไรกันอีกอย่างไหมคะว่า เวลาที่มีเสียงดัง หรือมีอะไรมารบกวน หลับๆ อยู่นี่ ลูกจะสะดุ้ง ตกใจ ร้องไห้เสียงดัง พร้อมกับกางแขนออกแล้วโอบแขนของตัวเองเข้าหากัน ปฏิกิริยานี้เรียกว่า โมโร่รีเฟลกซ์ (Moro Reflex) ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของเด็กทารกทุกคนค่ะ

            และอีกจุดที่น่าสนใจสำหรับพ่อแม่มือใหม่อย่างเราๆ ก็คือ “สะดือ” เพราะเห็นหลายๆ ครอบครัวที่เพิ่งมีลูกเล็ก จะกลัวกันเหลือเกินกับสะดือของลูก ที่ว่ากลัวนี่หมายถึง ไม่กล้าจับ ไม่กล้าทำความสะอาด เพราะเดี๋ยวจะไปทำให้ลูกเจ็บ!! ซึ่งในความเป็นจริงลูกไม่เจ็บหรอกค่ะ(บริเวณสายสะดือไม่มีเส้นประสาท) อาบน้ำทำความสะอาดให้ลูกตามปกติที่ได้รับคำแนะนำมาจากคุณพยาบาลเลยค่ะ  ขออย่างเดียวแค่อย่ามือซนไปแคะ แกะ เกา หรือโรยแป้งใส่สะดือลูกก็พอจ้ะ

            ในวันแรกๆ หลังคลอดถ้าสังเกตดูจะเห็นว่าตรงบริเวณสายสะดือลูกจะมีสีขาวขุ่น และเห็นเป็นเส้นเลือดดำแห้งอยู่ข้างใน หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ แห้ง แล้วเปลี่ยนเป็นสีเหลือง และดำ พอลูกอายุได้ 7-10 วัน เจ้าสายสะดือนี้ก็จะหลุดออกไปตามธรรมชาติค่ะ

            บทความแนะนำ คลิก>> รวม 12 เพลงสําหรับคนท้อง ช่วยพัฒนาสมองของทารกในครรภ์ได้

            เป็นไงคะนี่แค่เริ่มต้น ก็พอจะรู้จักพัฒนาการร่างกายของลูกแรกเกิดกันบ้างแล้วนะคะ ซึ่งต่อจากนี้ไปพ่อแม่มือใหม่จะมีทั้งความเหนื่อย(แบบสุข) และความสนุกในการเรียนรู้ลูกในทุกๆ วันค่ะ

            อ่านต่อ 10 สัญญาณที่บอกว่าทารกบอกรักคุณ หน้า 2

             

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

              ลูกคัดจมูก

              ลูกคัดจมูก แก้ได้ด้วยการนำใบพลู มาทำแบบนี้…!?

              เมื่อ ลูกคัดจมูก มีอาการแน่นหายใจไม่ออก เนื่องจากมีน้ำมูกเข้าไปอุดตันในจมูก หรืออาจกลายเป็นเสมหะ ซึ่งสำหรับลูกน้อยทารกที่ยังสั่งน้ำมูก หรือคายเสมหะเองไม่ได้ ก็อาจเป็นปัญหาใหญ่มิใช่น้อย

              Continue reading “ลูกคัดจมูก แก้ได้ด้วยการนำใบพลู มาทำแบบนี้…!?”

                เคล็ดลับสำหรับคุณแม่ เพื่อเตรียมอาหารเช้าให้ลูกในวัยเรียน

                ฝึกให้ลูกทานอาหารเช้าเป็นกิจวัตรประจำวัน เพราะแม่คือคนสำคัญของลูก ที่จะสามารถช่วยสนับสนุนทุกเรื่องในชีวิตลูกให้ประสบผลสำเร็จได้ แต่จุดเริ่มต้นของความสำเร็จต้องมาจากการส่งมอบสิ่งดีๆ ให้ลูก อย่างอาหารมื้อเช้าที่คุณแม่สามารถเตรียมได้ง่ายๆ ช่วยให้ลูกมีพลังพร้อมออกไปสนุกให้เต็มที่ และช่วยให้ลูกเติบโตขึ้นอย่างมั่นใจ

                เมื่อถึงเวลาที่ลูกต้องเข้าโรงเรียน จำเป็นอย่างมากที่จะต้องได้รับโภชนาการอย่างเหมาะสมในทุกๆ วัน และนี่คือสิ่งที่พ่อแม่ต้องให้ความสำคัญกับโภชนาการของลูก

                1. ควรจัดอาหารหลักให้เด็กบริโภคให้ครบทั้ง 3 มื้อ โดยเฉพาะมื้อเช้าเป็นมื้ออาหารที่ไม่ควรงดเว้น
                2. ควรจัดอาหารให้ครบถ้วนได้สัดส่วนและเพียงพอกับความต้องการของร่างกายเด็กในแต่ละช่วงวัย
                3. ควรจัดอาหารให้ลูกทานตรงเวลา
                4. ควรจัดอาหารให้ลูกทานในแต่ละมื้อครบ 5 หมู่1
                5. มื้อเช้าที่มีสารอาหารพวกวิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ จะช่วยเสริมสร้างการทำงานของร่างกายให้มีประสิทธิภาพ

                เคล็ดลับสำหรับคุณแม่ : แหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ได้จากข้าว แป้ง ธัญพืช ควรเลือกธัญพืชเต็มเมล็ดหรือโฮลเกรน แทนธัญพืชขัดสี เพราะธัญพืชโฮลเกรนจะมีสารอาหาร เช่น วิตามิน แร่ธาตุ รวมถึงใยอาหารมากกว่าธัญพืชขัดสี

                ประโยชน์จากการทานมื้อเช้า เติมพลังการเรียนรู้ให้ลูก แล้วยังดีต่อใจแม่
                อย่างที่คุณพ่อคุณแม่ทราบกันดีว่า การเตรียมอาหารเช้าให้เด็กๆ ได้ทานทุกวันนั้นเป็นเรื่องจำเป็นที่จะขาดไม่ได้เลย ยิ่งโดยเฉพาะกับลูกที่อยู่ในวัยเรียน ที่ควรต้องได้รับพลังงานจากมื้อเช้าอย่างเพียงพอ เพื่อให้สมองมีสมาธิในการเรียนรู้ และทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้งวัน มาดูกันค่ะว่าประโยชน์ที่ได้จากการทานมื้อเช้านั้นดียังไง…

                • ช่วยให้ร่างกายของเด็กๆ มีพลังงานในการเรียนได้นาน
                • ช่วยลดปริมาณการทานอาหารว่าง หรือขนมจุบจิบระหว่างมื้ออาหาร
                • ช่วยให้ร่างกายมีการเผาผลาญพลังงานได้อย่างเต็มที่
                • ช่วยให้เด็กๆ มีสมาธิ จดจำได้ดีในการเรียน
                • การทานอาหารเช้าให้เด็กๆอิ่มท้อง ลดอารมณ์หงุดหงิด จากอาการหิว ทำให้เด็กมีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดี

                นอกจากอาหารเช้าจะช่วยเรื่องความพร้อมในการเรียนรู้ระหว่างวันแล้ว ก็ยังช่วยเรื่องพัฒนาการ ให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงเติบโตสมวัย แค่นี้ก็จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกคลายความกังวลใจ และมั่นใจได้ว่าลูกสามารถพร้อมรับการเรียนรู้ในช่วงเวลาที่อยู่ที่โรงเรียนตลอดทั้งวัน สร้างพื้นฐานที่ดีสู่อนาคตอย่างมีคุณภาพ

                เคล็ดลับสำหรับคุณแม่ : สำหรับในช่วงวันที่ไม่เร่งรีบ ลองให้ลูกได้มีส่วนช่วยในการแสดงความคิดเห็นในการเลือกอาหารมื้อเช้าที่ลูกชอบ หรือ ลองหยิบจับ ช่วยคุณแม่ในการเตรียมมื้ออาหารง่ายๆ เพื่อเพิ่มความสัมพันธ์ที่ดีและอบอุ่นระหว่างกิจกรรมมื้อเช้าของครอบครัว

                สำหรับการเตรียมอาหารมื้อเช้าให้ลูกนั้นคุณแม่สามารถปรับเปลี่ยนให้มีหลากหลายเมนูสลับกันไป หรือ เพื่อที่ลูกจะได้ไม่รู้สึกว่าการทานมื้อเช้าเป็นเรื่องน่าเบื่อ โดยคุณแม่สามารถเตรียมอาหารเช้าซีเรียลพร้อมผลไม้ไว้ให้ลูกสามารถเลือกเองได้ ซึ่งจะทำให้เค้าสนุกกับการทานอาหารเช้ามากขึ้น

                ซึ่งเคล็ดลับที่จะทำให้ลูกได้สนุกและอร่อยไปกับมื้อเช้าที่มีประโยชน์ คุณแม่ลองเตรียมอาหารเช้าแบบง่ายๆ
                จากโกโก้ครั้นช์ ที่มีโฮลเกรนธัญพืชเต็มเมล็ดเป็นส่วนผสมหลัก โดยธัญพืชโฮลเกรนประกอบด้วย 3 ส่วน
                คือ เยื่อหุ้มเมล็ด เนื้อข้าว และจมูกข้าว ทำให้คุณประโยชน์ที่อยู่ในธัญพืชยังคงอยู่ ไม่ถูกขัดสีออกไป

                ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเช้าวันไหน คุณแม่ก็มั่นใจได้ว่าแค่มีโกโก้ครั้นช์เตรียมให้ลูกกินอิ่มท้องเติมพลังในทุกเช้าก่อนออกไปเรียน หรือไปทำกิจกรรมสนุกต่างๆ ร่างกายลูกจะได้ประโยชน์จากมื้อเช้า มีความพร้อมเต็มที่สำหรับการเรียนและเล่นแล้วค่ะ

                อ้างอิงข้อมูล : 1โภชนาการในเด็กวัยเรียน. มหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล.

                 

                  ชื่อเล่นลูก

                  7 เรื่องที่พ่อแม่ควร สอนลูกสาว ให้ติดตัวเป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิต

                  สอนลูกสาว ให้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และมีประสิทธิภาพทั้งด้านร่างกาย และสติปัญญา คุณพ่อคุณแม่คิดว่าจะสอนอะไรให้กับลูกบ้างคะ หากยังนึกไม่ออกผู้เขียนมีคำสอนที่พ่อแม่ควรสอนลูกสาว จากผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่ง ซึ่งผู้เขียนคิดว่าดีมากๆ จึงอยากนำมาแชร์ให้กับคุณพ่อคุณแม่ ทีมงาน Amarin Baby & Kids ได้รวบรวมไว้ให้แล้วค่ะ

                   

                  สอนลูกสาว ของครอบครัวยิ่งต้องห่วงและสอนให้มาก

                  ที่พูดนี่ไม่ได้จะหมายถึงให้รักหรือ สอนลูกสาว และห่วงมากกว่าลูกชายกันนะคะ แต่การมีลูกสาวสักคนและกำลังเติบโตขึ้นในสังคม ที่ปัจจุบันนี้เต็มไปด้วยด้านมืด และด้านสว่างเกือบจะเท่าๆ กันแบบนี้ หากไม่ให้ต้นทุนพื้นฐานชีวิตกับลูกเลย อนาคตอาจยากลำบากในการดำเนินรูปแบบชีวิตได้ค่ะ ซึ่งอาวุธที่ดีที่สุดไม่ใช่ข้าวของเครื่องใช้ราคาแพง ที่ต้องไปเสียเงินทองมากมาย เพื่อให้ได้มาหรอกนะคะ แต่อาวุธที่จะปกป้องชีวิตลูกสาวตัวน้อยๆ ของคุณพ่อคุณแม่ได้ดีที่สุดก็คือ แนวทาง ข้อคิด การประพฤติ ปฏิบัติตัวแบบอย่างที่ดีที่ได้จาก “พ่อแม่” นั่นเองค่ะ อยากรู้ไหมว่าเรื่องที่ควรสอนลูกไว้ตั้งแต่ตอนเล็กๆ เพื่อ สะสมเป็นต้นทุนในการดำเนินชีวิตให้แข็งแรงต่อไปในอนาคตมีอะไรบ้าง

                  7 เรื่องที่พ่อแม่ควร สอนลูกสาว ให้ติดตัวเป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิต

                  1. ผู้หญิงมีสิทธิเท่าเทียมกับชาย

                  เราควรสอนลูกให้รู้ว่าเรามีสิทธิเท่าเทียมกับผู้ชาย สามารถเลือกอาชีพทำงานที่ชอบได้เหมือนผู้ชาย หากอยากเป็นนักกีฬา หรือเป็นวิศวกรก็สามารถทำได้ แต่ในเวลาเดียวกันคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องสอนให้ลูกผู้หญิงรู้จักการให้เกียรติต่อผู้ชายด้วย

                  2. ความฉลาดอยู่เหนือความสวยงาม

                  ในโลกปัจจุบันคนมักนิยมผู้หญิงสวยแต่งตัวโป๊วับๆ แวมๆ แต่งหน้าทาปากตั้งแต่เล็กๆ คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนให้ลูกรู้ว่าความสวยของรูปกายเป็นแค่เครื่องประดับภายนอกและมีวันที่จะหมดไป แต่ความสวยงามและความฉลาดที่อยู่ภายในเป็นสิ่งที่ควรรักษาไว้

                  3. การรักนวลสงวนตัว

                  เป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องสอนลูกสาว คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนลูกสาวให้รู้จักทั้งคุณค่าในตัวเองรวมถึงรักในร่างกายของตัวเองด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเพศ เด็กผู้หญิงบางครั้งไม่มีความมั่นใจในตัวเองอย่างเพียงพอที่จะปฏิเสธเมื่อถูกกดดัน หรือรังแกในเรื่องเพศ

                  ควรสอนลูกให้รู้จักการวางตัวได้ถูกต้อง และควรสอนให้ลูกสาวรู้จักระมัดระวังตัวในการที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือส่งรูปของตัวเองไปให้กับคนที่ไม่รู้จักในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะผู้ชายแปลกหน้า เพราะมีภัยอันตรายในเรื่องทางเพศที่เกิดขึ้นกับเด็กผู้หญิงมากมายในปัจจุบัน

                  บทความแนะนำ คลิก>> 99 ชื่อเล่นลูกสาวน่ารักๆ หลายภาษา อินเตอร์สุดๆ
                  

                  4. มีความมั่นใจในรูปร่าง

                  เด็กผู้หญิงสมัยนี้มักไม่มั่นใจในเรือนร่างของตัวเอง มักจะลดความอ้วนอย่างผิดวิธี หรือแต่งหน้าทาปากมากเกินไป แต่งตัวโป๊เพื่อดึงดูดความสนใจของเพศตรงข้าม ดังนั้น จึงควรสอนลูกให้รู้ว่าไม่ควรเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น จงมีความสุขและมีความเชื่อมั่นกับสิ่งที่ลูกเป็นอยู่ อย่าไปตามกระแสของสื่อนิตยสาร รวมทั้งตามกระแสของดารานักร้องต่างๆ

                  5. สอนให้ลูกรู้จักคุณค่าการใช้เงิน

                  สอนให้ลูกรู้ว่าทุกอย่างไม่ได้ได้มาอย่างฟรีๆ ข้อนี้ไม่เพียงแต่สอนเฉพาะลูกผู้หญิงเท่านั้นแต่ควรสอนลูกผู้ชายด้วย ให้ลูกรู้จักการใช้เงิน และทุกอย่างต้องแลกมาด้วยการทำงานเพื่อให้ได้เงินมา ไม่มีอะไรได้มาฟรี คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกสามารถพึ่งพาตัวเองได้ โดยไม่คิดว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นเหมือนตู้ATMที่จะมาขอเงินได้อยู่ตลอดเวลา

                  6. การมีรายได้เป็นของตัวเอง

                  บทเรียนที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการสอนลูกให้รู้จักพึ่งพาตนเอง มีอาชีพที่สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งผู้ชาย สอนลูกให้รู้จักคุณค่าของเงิน เพื่อที่ลูกจะสามารถเก็บออมและใช้ในเวลาจำเป็นได้

                  7. สอนทักษะที่จำเป็น

                  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำอาหาร การทำงานบ้าน การเย็บปักถักร้อยเล็กๆ น้อยๆ หรือแม้กระทั่งทักษะที่ทำให้ลูกสาวสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในเวลาคับขัน เช่น การเปลี่ยนยางรถยนต์ การเปลี่ยนหลอดไฟ เป็นต้น

                  การเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนให้ลูกสาวเติบโตขึ้นเป็นคนที่งดงามแข็งแกร่งภายในอาจไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งที่สำคัญคือคุณพ่อคุณแม่ต้องสอนและเป็นแบบอย่างให้เห็นตั้งแต่ลูกยังเล็ก เพื่อที่ลูกสาวจะเติบโตขึ้นเป็นคนที่สวยงามทั้งจิตใจและความคิด มีความเชื่อมั่นในตัวเองแต่อ่อนโยนไม่ก้าวร้าว ขอเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ

                  ท้ายนี้ไม่ว่าจะลูกสาว หรือลูกชาย การได้รับความรัก การดูแลเอาใจใส่ควรอยู่ภายใต้ความเท่าเทียมกัน อย่าให้ลูกต้องรู้สึกว่าพ่อแม่รักลูกสาว หรือลูกชายมากกว่ากัน …ด้วยความใส่ใจและห่วงใยค่ะ

                   

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                  อ่านต่อบทความเรื่องอื่นที่น่าสนใจคลิก

                  สิ่งที่ควรสอนลูก 10+1 ข้อ พ่อแม่ห้ามพลาด! เพื่อลูกมีความสุขไปตลอดชีวิต

                  6 ข้อสอนลูกเป็น คนดี มีภูมิคุ้มกัน ชีวิตพบแต่ความสุข

                  วิธีสอนลูกเรียนเก่ง เริ่มต้นได้ที่บ้าน

                  10 เทคนิค สอนการบ้านลูก ให้สำเร็จ แบบไม่เสียน้ำตา


                  ขอบคุณข้อมูลจาก : ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ.www.manager.co.th

                    มือเท้าปาก

                    แม่แชร์! ลูกเป็น มือเท้าปาก 3 ครั้ง ติดต่อกัน 3 เดือน

                    มือเท้าปาก โรคติดต่อที่เป็นฝันร้ายของพ่อแม่ ครั้งเดียวก็เกินพอ แต่สำหรับคุณแม่ท่านนี้ ลูกเป็นมาแล้วถึงสามครั้ง!!

                     

                     

                    ไม่มีอะไรหรอกที่จะเป็นฝันร้ายของคุณพ่อคุณแม่ได้มากไปกว่า การที่พบว่าลูกของตัวเองนั้นป่วยและไม่สบาย … จริงอยู่ที่การป่วยไม่สบายนั้นเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก ๆ แต่บางครั้งเรื่องปกตินี้ก็อาจจะไม่ปกติเลยก็ได้ หากพบว่าลูกของตัวเอง ต้องป่วยเป็นโรคมือเท้าปากซ้ำ ๆ กันติดต่อกันนาน 3 เดือน

                    เช่นเดียวกับคุณแม่ท่านนี้ ที่แชร์เรื่องราวของตัวเองผ่านเว็บดังอย่าง Pantip โดยคุณแม่สมาชิกเพจนามว่า ExileMichi Tanaka ได้แชร์ประสบการณ์ลูกเป็นโรคมือเท้าปากรอบที่ 3 ว่า

                    รอบนี้เป็นรอบที่ 3 แล้วที่น้องป่วยเป็น โรคมือเท้าปาก ระยะเวลาในการติด 3 เดือนที่ผ่านมานี้ เป็นทุกเดือน

                    สาเหตุการป่วย มาจากเนอสเซอรี่ ที่น้องไปเรียนทุกวัน ติดมาจากเพื่อนที่ รร. พอเพื่อนหาย ลูกเราติด พอลูกเราหาย เด็กคนอื่นเป็นต่อ ลูกเราก็เอาติดมาอีก เป็นอยู่แบบนี้ 3 เดือนติด ๆ กัน ภายใน1 เดือน จะได้ไปเรียนจริง ๆ แค่ 1-2 อาทิตย์ ที่เหลือ นอน รพ. หายก็รักษาตัวต่อที่บ้าน จนกว่าจะแน่ใจว่าหายดี

                    แต่…. มีผู้ปกครองบ้างคน ที่เวลาลูกป่วยชอบเอาลูกมาส่ง รร. ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่มีคนดู ต้องทำงาน ภาระนั้นจึงตกมาเป็นของ ครู

                    อ่านต่อเรื่องราวของคุณแม่ กับอาการที่พบว่าลูกเป็นมือเท้าปากอีกครั้ง คลิก!

                      โรคปอดอักเสบในเด็ก

                      ปอดอักเสบ ในเด็ก (ปอดบวม) ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม

                      ปอดอักเสบ แค่ได้ยินชื่อก็น่ากลัวแล้วใช่ไหมคะ ถ้ามาเกิดเป็นกับลูกเล็กๆ ยิ่งน่าเป็นห่วงและน่ากังวลมากเป็นหลายเท่าเลยใช่ไหมคะ ดังนั้นเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้เท่าทันอาการป่วยจากโรคปอดอักเสบให้กับลูกๆ ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีข้อมูลที่น่ารู้ของโรคนี้มาฝากกันค่ะ

                       

                      ปอดอักเสบ  ในเด็ก ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม

                      ฝนตกอากาศเย็นๆ ชื้นๆ แบบนี้ระวังลูกป่วยเป็น ปอดอักเสบ กันนะคะ ซึ่งโรคนี้เด็กๆ เจ็บป่วยได้มากทั้งในช่วงฤดูฝน และ ฤดูหนาวเลยค่ะ ดังนั้นเพื่อให้ทุกครอบครัวที่มีลูกเล็กๆ หรือลูกที่กำลังอยู่ในวัยเรียนได้เข้าใจ สามารถสังเกตอาการเบื้องต้น รวมถึงวิธีป้องกันไม่ให้ลูกป่วยปอดอักเสบกันได้อย่างถูกต้องค่ะ   

                      โรคปอดอักเสบหรือปอดบวมในเด็ก (Childhood pneumonia) เป็นหนึ่งในโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ที่เกิดจากการ อักเสบ ติดเชื้อของเนื้อปอด รวมทั้งหลอดลมและถุงลม น่ากลัวใช่ไหมคะ เห็นแล้วไม่อยากให้เด็กๆ ป่วยกันเลยค่ะ ทีนี้ไปดู กันต่อว่าเด็กๆ กลุ่มไหนที่มีความเสี่ยงในการป่วยปอดอักเสบมากที่สุด

                      บทความแนะนำ คลิก>> โรคปอดบวม ภัยร้ายสำหรับลูกน้อยวัยต่ำกว่า 5 ขวบ
                      ปอดอักเสบ
                      Credit Photo : Shutterstock

                      ผู้เขียนขออนุญาตแชร์ข้อมูลจาก พญ.ปราณี สิตะโปสะ กุมารแพทย์โรคติดเชื้อ ประจำโรงพยาบาลวิภาวดี มาให้คุณพ่อคุณแม่ได้ทราบกันดังนี้ค่ะ สำหรับเด็กๆ ที่มีความเสี่ยงในการเจ็บป่วยด้วยอาการปอดอักเสบง่ายที่สุด สามารถแบ่งได้ตามนี้ คือ…

                      • เด็กที่อายุน้อย
                      • เด็กที่มีน้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย เด็กคลอดก่อนกำหนด
                      • เด็กที่มีภาวะทุพโภชนาการ
                      • เด็กที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคทางสมอง
                      • เด็กที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำหรืออยู่ในชุมชนแออัด สุขาภิบาลไม่ดี
                      • เด็กที่ได้รับควันบุหรี่จากบุคคลรอบข้าง
                      • เด็กที่อยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กที่มีเด็กมากๆ

                      สำหรับโรคปอดอักเสบสาเหตุของโรคนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส  เชื้อแบคทีเรีย หรือทั้งเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียร่วมกัน จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกพบว่า เชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดปอดอักเสบในเด็ก ได้แก่  เชื้อนิวโมคอคคัส (Streptococcus  pneumoniae) และ เชื้อฮิบ  (Hib)  ส่วนเชื้อไวรัสส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อ respiratory syncytial virus (RSV) ซึ่งในแต่ละประเทศอาจมีความแตกต่างกัน[1]

                       

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                       แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกป่วยเป็นปอดอักเสบ?

                      เด็กเล็กๆ ยังมีภูมิต้านทานต่ำอยู่มากเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ค่ะ แล้วถ้ายิ่งเป็นเด็กที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการป่วยด้วยโรคนี้อยู่แล้ว ด้วยละก็ พ่อแม่ยิ่งต้องให้ความสำคัญและใส่ใจหมั่นสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับลูก โดยเฉพาะในเรื่องของระบบทางเดินหายใจ เพราะโรคนี้ด่านแรกๆ ที่จะรับเอาเชื้อโรคเข้าร่างกายลงสู่ปอด ก็คือการหายใจนั่นเองค่ะ

                      สำหรับปอดอักเสบในเด็ก อาการที่แสดงออกมา พ่อแม่สามารถสังเกตได้ดังนี้ คือ…

                      1. มีอาการเป็น ไข้ ไอ  หายใจหอบเหนื่อย
                      2. แต่ในเด็กบางรายอาจมีอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง ได้แก่ มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ กระสับกระส่าย ร้องกวน งอแง หรือมีอาการหนาวสั่น
                      3. เด็กบางคนอาจมีไข้หรือไม่มีไข้ก็ได้ หรืออาจจะมีแค่อาการซึม อาเจียน และไม่ยอมดูดนม หรือน้ำ
                      4. เด็กที่มีอาการปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส อาการแสดง คืด เป็นไข้ มีน้ำมูก ไอมีเสมหะ จากนั้นก็จะหายใจลำบาก หายใจเร็วกว่าปกติ จนจมูกบาน ซี่โครงบาน และมีอาการตัวเขียว
                      5. เด็กที่มีอาการปอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย อาการที่แสดงขึ้นอย่างเฉียบพลัน คือ ดูป่วยหนัก มีการไออย่างมาก เจ็บหน้าอก

                      ส่วนการรักษาอาการปอดอักเสบที่เกิดขึ้นในเด็กนั้น แพทย์จะทำการรักษาให้ตามอาการที่เกิดขึ้น ซึ่งเด็กแต่ะคนอาจมีอาการ รุนแรงไม่เหมือนกัน และก็ขึ้นอยู่กับการติดเชื้อโรค หรือไวรัสชนิดใดมาค่ะ

                      บทความแนะนำ คลิก>> ป้องกันไข้หวัดใหญ่ และปอดบวมให้ลูกน้อยช่วงหน้าฝน
                      ทารกเป็นหวัด
                      ทารกเป็นหวัด

                      แต่ในผู้ป่วยเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปีมักได้รับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ทั้งนี้ขึ้นกับความรุนแรงของอาการ ความรุนแรงของ ภาวะขาดน้ำ ภาวะพร่องออกซิเจน และยังอาจพิจารณาให้สารน้ำทางหลอดเลือด

                      • การให้ออกซิเจน แพทย์จะพิจารณาให้ออกซิเจนในผู้ป่วยที่เขียวหอบมาก ซึมกระวนกระวาย ไม่ยอมกินนมและน้ำ หายใจเร็วมากกว่า 70 ครั้งต่อนาที
                      • การให้น้ำและอาหาร ต้องให้พอเพียงกับความต้องการของผู้ป่วย  ช่วยลดความเหนียวของเสมหะ และสามารถขับเสมหะออกจากร่างกายโดยการไอได้ง่ายขึ้น ลดการคั่งค้างของเสมหะที่อุดกั้นทางเดินหายใจในเด็กได้และยังเป็นการ ทดแทนการสูญเสียน้ำจากร่างกายผู้ป่วยซึ่งเกิดจากภาวะไข้สูง หายใจหอบเร็ว
                      • ยาปฏิชีวนะ เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุ  การเลือกยาในกลุ่มใดต้องพิจารณาถึงอายุของผู้ป่วย ประวัติการสัมผัสเชื้อ โอกาสที่เชื้อจะดื้อยา และอาศัยข้อมูลจากการซักถามประวัติอาการอื่นๆประกอบ
                      • การรักษาอื่นๆ คือ ยาลดไข้ การเคาะปอดเพื่อให้เสมหะออกได้ การให้ยาขยายหลอดลม ฯลฯ[2]

                      เห็นอาการและการรักษาแล้ว เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่คงไม่อยากให้ลูกๆ ที่บ้านป่วยกันเลยใช่ไหมคะ ฉะนั้นหากไม่อยากให้ลูกป่วยก็ต้องดูแลรักษาสุขภาพ รวมถึงความสะอาดให้ลูกมากๆ ด้วยค่ะ โดยเฉพาะเด็กที่มักป่วยเป็นหวัดบ่อยๆ ก็สุ่มเสี่ยงต่อการเป็นปอดอักเสบได้เช่นกันค่ะ

                      4 วิธีปกป้องลูกน้อยให้ห่างไกลจากโรคปอดอักเสบ

                      การป้องกันลูกๆ ให้ห่างไกลจากการเจ็บป่วยด้วยโรคปอดอักเสบ คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ง่ายๆ ตามคำแนะนำจากคุณหมอ ได้ดังนี้ คือ…

                      1. การเลี้ยงดูเด็กให้มีสุขภาพแข็งแรงและสร้างสุขอนามัยที่ดี ด้วยการล้างมือเป็นประจำจะช่วยลดการติดเชื้อที่สัมผัสติดมากับมือได้ หรือใส่หน้ากากอนามัย
                      2. ควรเลี่ยงการพาเด็กเล็กไปในที่ชุมชนและสถานที่แออัดเป็นเวลานานๆ
                      3. หากบุตรหลานของท่านมีอาการไข้ ไอ หอบ ควรรีบพามาพบแพทย์โดยเร็วเพื่อจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
                      4. ปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาเสริมภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนสำหรับป้องกันโรคปอดบวม (Hib vaccine, Pneumococcal vaccine) รวมทั้งวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza vaccine)[3]

                      Good to know… “โรคปอดอักเสบเป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่สำคัญโดยเฉพาะในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และเป็นสาเหตุการตายในเด็กที่สูงถึง 1.6 ล้านคนต่อปีจากจำนวนผู้ป่วย 156 ล้านคนต่อปีทั่วโลก”[4]

                      หากทุกครอบครัวปฏิบัติได้ตามคำแนะนำเบื้องต้นเหล่านี้ เชื่อว่าจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยจากโรคปอดอักเสบให้กับเด็กๆ ได้อย่างแน่นอนค่ะ ที่สำคัญการรักษาความสะอาด สุขอนามัยภายในครอบครัวก็เป็นสิ่งสำคัญด้วยเช่นกัน เพราะบ้านคือสถานที่ที่ลูกต้องอยู่ทุกวัน หากบ้านไม่สะอาดนั่นเท่ากับว่าลูกกำลังอยู่กับ ฝุ่น ผง ละอองที่เต็มไปด้วยเชื้อโรค เชื้อรา ไวรัสต่างๆ ที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ง่ายค่ะ …ด้วยความใส่ใจและห่วงใย

                      อ่านต่อบทความเรื่องอื่นที่น่าสนใจคลิก

                      โรคปอดบวมในเด็ก ภัยของเจ้าตัวเล็กที่มักมากับอากาศหนาว 
                      ลูกขี้ร้อน นอนเปิดพัดลม เสี่ยงปอดบวม หรือไม่?

                       


                      ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก
                      1,2,3พญ.ปราณี สิตะโปสะ กุมารแพทย์โรคติดเชื้อ ประจำโรงพยาบาลวิภาวดี.โรคปอดอักเสบหรือปอดบวมในเด็ก. www.vibhavadi.com
                      4haamor.com

                       

                      รวม 20 อาการต้องสงสัย ลูกไม่สบาย แบบนี้..! กำลังป่วยเป็นโรคอะไร?

                        โรคออทิสติก

                        โรคออทิสติก เกิดจากความผิดปกติของสมอง และแม่ผู้ให้กำเนิด

                        คุณพ่อคุณแม่คงทราบกันดีอยู่แล้วว่า โรคออทิสติก เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของสมอง ทำให้พัฒนาการทางสมองของเด็กล่าช้า แต่ล่าสุดมีคู่รักนักวิทยศาสตร์คู่หนึ่ง ค้นพบสาเหตุที่ทำให้ลูกน้อยมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคออทิสติก นั่นก็คือตัวคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ โดยนักวิทยาศาสตร์คู่นี้คือ Jun-Ryeol Huh ศาสตราจารย์จากคณะแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และ Gloria Choi ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านสมองจากมหาวิทยาลัย MIT

                        Continue reading “โรคออทิสติก เกิดจากความผิดปกติของสมอง และแม่ผู้ให้กำเนิด”

                          สถานที่ถวายดอกไม้จันทน์

                          รวม “สถานที่ถวายดอกไม้จันทน์” ในกทม. ให้พ่อแม่พาลูกไปถวายดอกไม้จันทน์

                          รวมหน่วยงานที่จัดพิธีและ สถานที่ถวายดอกไม้จันทน์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

                          Continue reading “รวม “สถานที่ถวายดอกไม้จันทน์” ในกทม. ให้พ่อแม่พาลูกไปถวายดอกไม้จันทน์”

                            ลูกไม่สบาย

                            พ่อร้องขอ! ลูกไม่สบาย อย่าส่งไปโรงเรียน

                            พ่อร้องจากใจ! ลูกไม่สบาย ให้หยุดโรงเรียนเถอะ อย่าส่งไปโรงเรียนเลย เพราะจะไปติดเด็กคนอื่นเขา

                             

                             

                            ส่วนใหญ่แล้วคุณพ่อจะไม่ค่อยพูดกันหรอกใช่ไหมละคะ เว้นเสียแต่ว่าถึงที่สุดแล้วจริง ๆ ถึงจะยอมบ่นออกมา ดังเช่นคุณพ่อท่านนี้ ที่ออกมาระบายออกมาผ่านโลกโซเชียลว่า

                            ไม่เข้าใจมาก ๆ ทำไมเวลาลูก ๆ ไม่สบาย พ่อแม่ บางคนก็ยังส่งไปโรงเรียน
                            คุณไม่ทราบหรือว่า มันจะไปติดลูกคนอื่น เพราะความมักง่ายของคุณ
                            เคยได้คำอ้างดังนี้ เสียค่าเทอมแล้วต้องไปให้คุ้ม ถ้าลูกไม่ไปเรียนไม่มีคนดู
                            ขอเถอะครับ อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะความมักง่ายเลยครับ ถ้าวันหนึ่งลูกคุณไม่สบายเพราะไปติดเชื้อจาก โรงเรียน มาคุณจะรู้สึกไหม

                            กฎระเบียบ เป็น เรื่องของจิตสำนึก มีสักหน่อย เพื่อลูกคุณ ๆ จะได้ซึบซับไปบ้าง

                            ขอระบายตรง ๆ เลยครับ เซ็งงงงงง มากกกกกกกก

                            ทำเอาโพสต์นี้โดนใจคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านเลยละค่ะ เพราะเหมือนกลั่นออกมาจากใจลึก ๆ เลยที่รู้สึกไม่เห็นด้วยทุกครั้งที่พบว่า ลูกไม่สบายแต่ก็ยังพามาโรงเรียน บางรายนี่เป็นถึงขนาดโรคติดต่อ แต่ก็ปกปิดความจริงบ้างก็มี งานนี้ต้องบอกเลยว่า คุณรักลูกคุณ คนอื่นก็รักลูกเขาด้วยเช่นกันใช่ไหมละคะ ดังนั้น หากเลี่ยงได้ เลี่ยงเถอะค่ะ ให้ลูกอยู่บ้านพักฟื้นให้หายดีก่อนแล้วค่อยพามาจะดีกว่า และวันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids ก็ได้รวบรวมเอา 5 โรคที่คุณพ่อคุณแม่ควรทราบมาฝากกันค่ะ ซึ่งแต่ละโรคนั้นบอกเลยว่า เด็ก ๆ ติดกันง่ายมาก แค่เพียงสัมผัสก็ติดแล้วจริง ๆ

                            คลิกดู 5 โรคที่เด็กติดกันง่ายด้วยการสัมผัส


                            เครดิต: Pantip

                              รักลูก

                              นักวิชาการและแพทย์แนะ! รักลูก อย่าสอนลูกให้เป็นแค่คนเก่ง!

                              รักลูก อยากให้ลูกประสบความสำเร็จในชีวิต นักวิชาการและแพทย์แนะ “เก่งอย่างเดียวไม่พอ”

                              เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีงานแถลงข่าวเปิดเวทีเสวนา “ก้าวข้ามวิกฤตปฐมวัย สู่ไทยแลนด์ 4.0” โดยมีคุณหมอและนักวิชาการชื่อดังมาร่วมกันถกปัญหาดังกล่าว พร้อมกับได้มีการแลกเปลี่ยนมุมมองได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งแต่ละท่านบอกเลยว่า มีแนวคิดที่ทำเอาคุณพ่อคุณแม่อย่างเราถึงกับสะดุ้งถึงมุมมองที่ว่านี้กันเลยละค่ะ คุณพ่อคุณแม่อาจจะอยากรู้กันแล้วใช่ไหมละคะว่า ที่แต่ละท่านพูดมานั้นจะมีอะไรกันบ้าง พร้อมแล้วไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ โดยเริ่มจาก

                              รศ. นพ. สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการสถาบันเด็กแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ได้เปิดเผยถึงความน่าเป็นห่วงในประเด็นของที่เด็กถูกเร่งให้อ่านออกเขียนได้เอาไว้ว่า

                              “ผมเคยแวะเวียนไปดูการสอนที่โรงเรียนแห่งหนึ่งแถวจังหวัดนครปฐม ตัวอย่างของคำที่ให้เด็กอนุบาลอ่านนั้น ทำเอาผมตกใจมากคือคำกว่า “กะหล่ำปลี” นี่คือส่วนหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า ระบบกำลังมีปัญหา ดังนั้นลดความคาดหวังให้เด็กเป็นคนเก่ง และเลิกเปรียบเทียบลูกตัวเองกับลูกคนอื่น เพราะมันสร้างความบาดเจ็บให้แก่เด็ก” ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า เด็กจำนวนหนึ่งกำลังถูกบังคับให้ท่องตำรา มุ่งเน้นให้จริงจังกับการสอบตั้งแต่เด็ก หรือทำสิ่งต่าง ๆ เกินวัยด้วยความคาดหวังว่า จะต้องเป็นเด็กเก่งทั้งที่จริงแล้ว การเป็นคนเก่งอย่างเดียวไม่สามารถทำให้ประสบความสำเร็จและมีความสุขได้เลย แต่กลับกลายเป็นการสร้างภาวะเครียดในสมองเด็ก และปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ ปลูกฝังนิสัยชอบการแข่งขัน เอาชนะโดยไม่รู้ตัว และก็มีเด็กจำนวนไม่น้อยที่ผิดหวังกับการสอบจนหมดความเชื่อมั่นในตัวเองตั้งแต่เด็ก”

                              อ่านมุมมองของแพทย์หญิง จิราภรณ์ อรุณากูร หรือหมอโอ๋ ได้ที่หน้าถัดไป

                                บัตรประกันสังคม

                                ยกเลิก บัตรประกันสังคม ผลบังคับใช้ 1 ม.ค. 61!

                                ข่าวล่า! คุณพ่อคุณแม่ที่ใช้สิทธิประกันสังคมต้องรู้ สปส. เผยยกเลิก บัตรประกันสังคม มีผล 1 ม.ต. 61

                                 

                                 

                                เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2560 นายแพทย์สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า การปฏิรูปประกันสังคมเข้าสู่ยุคดิจิทัล Digital SSO ได้เปิดให้การรองรับการบริการ e-self Service อย่างครบวงจร สามารถตอบสนองต่อนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ให้สามารถเข้าถึงบริการและได้รับความพึงพอใจมากยิ่งขึ้นนั้น ผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบสิทธิการรักษาพยาบาลผ่านช่องทาง เว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคม หรือโทรสายด่วน 1506 ทดแทนการพกบัตรรับรองสิทธิฯ ได้

                                และเพื่อให้สอดคล้องกับการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและบริการภาครัฐที่ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีหน้าที่ให้บริการประชาชน ปรับปรุงระบบการบริการประชาชนเพื่อรองรับการใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) แทน โดยเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ของสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง ทดแทนการใช้สำเนาเอกสาร อีกทั้งเป็นการรองรับนโยบาย Thailand 4.0 ด้วย

                                นอกจากนี้นะคะคุณพ่อคุณแม่ ทีมงานยังได้ทำมินิรีวิวเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับการโหลดแอพมาฝากด้วยเช่นกัน อย่างไรอย่าลืมอ่านข้อมูลให้ครบนะคะ รับรองมีประโยชน์แน่นอนค่ะ

                                อ่านต่อเนื้อหาข่าว การยกเลิกการบัตรรับรองสิทธิฯ เพิ่มเติมได้ที่หน้าถัดไปค่ะ


                                เครดิต: PPTVHD36 และ Line Today

                                  การเลี้ยงลูก

                                  การเลี้ยงลูก ให้ประสบความสำเร็จ พ่อแม่ต้องเป็นทีมเดียวกัน!!

                                  การเลี้ยงลูก ไม่ว่าจะหนึ่งหรือสองคนหากอยู่ภายใต้ครอบครัวเดียวกัน พ่อแม่ต้องสมัครสมานสามัคคีร่วมมือกันในทุกเรื่อง  เพื่อให้ลูกๆ ได้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ซึ่งแน่นอนว่าพ่อแม่ควรเป็นทีมเดียวกันในการเลี้ยงลูก ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำแนะนำทำอย่างไรพ่อแม่ถึงจะเป็นทีมเดียวกันในการเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จ มาฝากกันค่ะ

                                   

                                  การเลี้ยงลูก ให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องยาก

                                  เคยตั้งคำถามกันไหมคะว่าถ้าวันนึงเรามีลูกเราอยากให้ การเลี้ยงลูก ของครอบครัวเราเป็นไปในแนวทาง หรือรูปแบบไหน เชื่อว่าไม่ว่าจะฝ่ายคนเป็นพ่อ หรือฝ่ายคนเป็นแม่ จะต้องมีบ้างที่ความคิดเห็นไม่ตรงกันในบางเรื่อง

                                  ผู้เขียนรู้จักกับครอบครัวนึงที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน พ่อแม่รักกันนะคะ แต่ก็ทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้าง ซึ่งเรื่องที่ได้ยินบ่อยๆ คือ พ่อไม่อยากให้ลูกเรียนกิจกรรมพิเศษในวันเสาร์ อาทิตย์ เพราะกลัวลูกเครียด และเหนื่อย แต่แม่อยากให้ลูกเรียนกิจกรรมพิเศษเพิ่ม เพื่อที่ลูกจะได้มีความถนัดเพิ่ม ถามว่าเหตุผลของทั้งพ่อกับแม่ครอบครัวนี้ผิดไหม ไม่ผิดค่ะ เพราะถ้ามองให้ลึกลงไปคือ ทั้งสองคนหวังดีกับลูก และอยากที่จะมอบสิ่งดีๆ ให้กับชีวิตและอนาคตที่ดีของลูก

                                  แต่จะดีกว่าไหมถ้าพ่อแม่ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงแนวทางของแต่ละคนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คุยถึงข้อดีข้อเสียและเลือกอย่างที่ดีที่สุดให้กับลูก พูดง่ายๆ คือ พ่อแม่ต้องมีความเป็นทีมเดียวกัน เพราะตอนนี้ยังเหมือนกับว่าอยากให้ลูกทำอะไรตามใจฉันมากกว่าจะถามความสนใจจริงๆ ของลูก ถ้าพ่อแม่มีความขัดแย้งกันถ้าจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็ทำให้ลูกเกิดความสับสนในใจขึ้นมาได้ว่า ตกลงจะเชื่อพ่อหรือแม่ดี

                                  บทความแนะนำ คลิก>> ข้อคิดดีๆ ในการเลี้ยงลูกของพ่อกอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ กับ น้องชูใจ

                                  งงไหมคะพอบอกว่า “พ่อแม่ต้องทีมเดียวกันในการเลี้ยงลูก” เชื่อว่าพ่อแม่ในอีกหลายๆ ครอบครัวยังไม่เข้าใจถึงวิธีการเลี้ยงลูกทีมเดียวกัน ว่าต้องทำ ต้องเริ่มยังไง ไม่ยากค่ะขอแค่สละเวลาเพียงเล็กน้อย แล้วอ่านคำแนะนำที่นำมาให้นี้กันค่ะ

                                  อ่านต่อ เลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จ พ่อแม่ต้องเป็นทีมเดียวกัน หน้า 2

                                   

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                    ร่างกายภาษาจีน

                                    สอนลูกให้รู้จักและเรียกให้ถูกกับ “ร่างกายภาษาจีน”

                                    ร่างกายภาษาจีน พูดอย่างไร สอนลูกได้ ไม่สำคัญว่าคุณพ่อคุณแม่จะต้องพูดเป็น

                                     

                                     

                                    คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านตระหนักดีถึงความสำคัญของภาษาและอยากให้ลูกพูดภาษาที่สองหรือที่สามได้ ซึ่งภาษาส่วนใหญ่ที่คุณพ่อคุณแม่เลือกนอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ก็เป็นภาษาจีนนี่ละค่ะ เช่นเดียวกับในหลาย ๆ โรงเรียนที่เริ่มจะสอนภาษาจีนเป็นภาษาที่สามกันแล้ว

                                    ก็อาจจะมีบ้างที่คุณพ่อคุณแม่บางท่านคิดว่า ฉันพูดไม่เป็น แล้วจะไปสอนลูกให้พูดหรือเรียนรู้ภาษาจีนได้อย่างไร … จริง ๆ แล้วไม่ยากเลยละค่ะ เราสามารถเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับลูกได้เลย ด้วยการเริ่มต้นจากคำทักทาย คำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน หรือไม่ก็คำศัพท์ที่เกี่ยวกับร่างกายเป็นภาษาจีนกันก่อน สอนลูกคล้าย ๆ กับเราสอนเรียกอวัยวะเป็นภาษาไทยนี่ละค่ะ แต่อาจจะต้องมีคำพูดเพิ่มขึ้นไป ยกตัวอย่างเช่น เหยี่ยน – อาย – ตา เป็นต้น

                                    และในวันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids ก็ได้รวบรวมคำศัพท์ในการเรียกอวัยวะต่าง ๆ เป็นภาษาจีนมาฝากค่ะ พร้อมกันหรือยังคะ … ถ้าพร้อมแล้วไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

                                    เรียนรู้ร่างกายภาษาจีน ได้ที่หน้าถัดไป