ลูกหูหนวก

วิธีสังเกตและทดสอบว่า ลูกหูหนวก หรือไม่ (ตั้งแต่แรกเกิด- 2ปี)

event
ลูกหูหนวก
ลูกหูหนวก

ลูกหูหนวก

ปัจจัยที่ได้รับมาหลังกำเนิด (Acquired causes) สามารถนำไปสู่ภาวะบกพร่องทางการได้ยินได้ในทุกช่วงอายุ ซึ่งมัก ได้แก่

  • โรคที่เกิดจากการติดเชื้อ อาทิเช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) โรคหัด (Measles) และโรคคางทูม (Mumps) สามารถนำไปสู่ภาวะหูตึงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดในเด็ก
  • การติดเชื้อเรื้อรังในหู ซึ่งมักแสดงออกมาในลักษณะโรคหูน้ำหนวก (Discharging ears) โดยนอกจากจะนำไปสู่ภาวะหูตึงแล้ว ยังอาจเป็นสาเหตุของโรคแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น ฝีในสมอง (Brain abscesses) และโรคหัด
  • การสะสมของของเหลวในหู จนทำให้หูชั้นกลางอักเสบ (Otitis Media)
  • การใช้ยาที่ก่อให้เกิดพิษต่ออวัยวะและประสาทในการได้ยินไม่ว่าในช่วงวัยใดก็ตาม เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อหูชั้นใน
  • ความบาดเจ็บที่เกิดขึ้นต่อศีรษะหรือหู
  • การฟังเสียงที่ดังเกินไปอย่างต่อเนื่อง
  • อาการหูตึงที่แปรผันไปตามอายุ หรือ อาการประสาทหูบกพร่องในวัยชรา (Presbycusis) ซึ่งเกิดจากการเสื่อมของเซลล์อันเกี่ยวกับกระแสประสาท
  • ขี้หู รวมทั้งสิ่งแปลกปลอมที่ขวางอยู่ในช่องหูก็สามารถเป็นสาเหตุของปัญหาความบกพร่องทางการได้ยินได้ในบุคคลทุกวัย เพียงแต่ลักษณะความหูตึงจากสาเหตุนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเพียงระดับน้อย และสามารถแก้ไขได้ในทันที

ทั้งนี้ สำหรับเด็กแล้ว การสะสมของของเหลวในหู จนทำให้หูชั้นกลางอักเสบถือเป็นสาเหตุหลักอันนำไปสู่ปัญหาความบกพร่องทางการได้ยิน

การทดสอบสมรรถภาพการได้ยินของลูก ทำได้ 2 วิธี

  • การทดสอบการได้ยินโดยการใช้อุปกรณ์ OAE (Otoacoustic) เป็นการทดสอบโดยให้ทารกฟังเสียงจากหูฟังเล็กๆ โดยคอมพิวเตอร์จะทำการวัดระดับความดังของเสียงที่หูทารกได้สะท้อนกลับมา การทดสอบจะทำในขณะที่ทารกยังหลับอยู่
  • การทดสอบการได้ยินด้วยอุปกรณ์ ABR (Auditory Brainstem Response Test) การทดสอบโดยให้ทารกได้ยินเสียงผ่าน Head Phone การทดสอบนี้จะสามารถวัดการได้ยินของทารก

วิธีสังเกตความบกพร่องต่อการได้ยินของลูกน้อย

ลูกหูหนวก

สำหรับคุณพ่อ คุณแม่มือใหม่นั้นจะรู้ทันท่วงทีว่าลูกมีความบกพร่องต่อการรับรู้ ดูได้จากวิธีการคร่าวๆ ดังนี้

  • สำหรับเด็กในระยะแรกที่เกิดใหม่

วิธีเริ่มแรก ของเด็กทั่วไป หลังคลอดจะส่งเสียงร้องออกมา เพราะความตกใจ หรือได้ยินเสียงของโลกภายนอกเสียงที่ไม่เคยได้ยิน การส่งเสียงของเด็กที่แสดงให้เรารู้ว่า มีพฤติกรรมรับรู้เสียงชัด ส่วนเด็กที่บกพร่องทางการได้ยิน จะไม่แสดงอาการส่งเสียงร้องออกมามากนัก เนื่องจาก ไม่ได้ยินเสียงของคุณหมอ มักจะร้องต่อเมื่อหิวอาหาร หรือป่วยหนักๆเท่านั้น

  • เด็กอายุ 3 เดือนขึ้นไปหลังจากคลอดแล้ว

จุดสังเกตเบื้องต้น พูด หรือส่งเสียงเรียกเขา หากไม่มีการตอบรับ ต้องรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเช็คร่างกายของเด็กให้เร็วที่สุด

  • เด็กที่อายุ 6 เดือน

ใช้วิธีเรียก หรือส่งเสียงให้เขารับรู้ หากได้ยิน เด็กจะแสดงพฤติกรรมการเอียงหู หรือหันหน้ามาหาเรา หากไม่พบสิ่งที่ได้เอ่ยมา แสดงว่าเด็กอาจจุมีการสูญเสียการได้ยินไปบ้างเล็กน้อย

  • อายุ 8 – 12 เดือน

สังเกตพฤติกรรม การรับชมทีวี การหัวเราะ ว่ามีพฤติกรรม นอกเหนือจากเด็กทั่วไปหรือไม่ ปกติแล้วหากเด็กรับชมการ์ตูน หรือดูทีวี จะแสดงท่าทีที่ชอบ และหยอกล้อกับสิ่งที่เขาเห็น เช่นการ์ตูน

  • เด็กอายุ 2 ปี

ปกติแล้ว อายุครบ 2 ปี ถือว่าเด็กต้องมีการพูดคุยกับคุณพ่อ และคุณแม่ได้พอสมควรแล้ว และการรับรู้หรือการรับเสียง จะเต็มที่สุดในอายุครบ 2 ปี หากเด็ก มีความบกพร่องทางการได้ยิน แนะนำควรปรึกษาแพทย์อย่างเร่งด่วน

สรุปการสังเกตลูกหูหนวก หรือบกพร่องทางการได้ยิน หากอายุครบ 2 ปี ยังไม่พูด หรือแสดงกิริยาที่ผิดปกติ ไม่มีการโต้ตอบเหมือนเด็กทั่วไป แสดงว่าเด็กอาจจะพิการทางด้านหูแล้ว แต่สมัยนี้นวัตกรรมของคุณหมอ มีความเชียวชาญและทันสมัยมากขึ้น การรับรู้ของเด็กที่พิการทางด้านหูก็อาจจะมีสิทธิกลับมาได้ยินเหมือนเด็กทั่วไปอีกครั้ง ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์อย่างเร่งด่วน

อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.abnormalbehaviorchild.com

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up