Page 24 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ซุปไก่

คลิปสูตรอร่อยจากแม่! ซุปไก่ ไล่หวัด เมนูวิตามินซีสูง สำหรับเด็ก 4 ขวบขึ้นไป

ช่วงหน้าฝน เด็กๆ มักจะป่วยกันบ่อยเหลือเกิน คุกกับคิดส์ วันนี้ เราเลยมีเมนูซุปใสไล่หวัดมาฝากแม่ๆ กันค่ะ  เมนูนี้เหมาะสำหรับลูกน้อยวัยกำลังเรียน 4 ขวบขึ้นไป

แจกสูตรอร่อย ซุปไก่ ไล่หวัด

เพราะลูกวัยนี้มีฟันที่แข็งแรงแล้ว อีกทั้งยังให้พลังงานและสร้างเสริมภูมิคุ้มกันได้ดี อุดมไปด้วยวิตามิน A และ C จากมะเขือเทศและหอมหัวใหญ่ แถมได้โปรตีนจากเนื้อไก่ และคาร์โบไฮเดรตล้นๆ จากมันเทศหรือมันฝรั่ง อย่าลืมเพิ่มพาสต้ารูปโบว์น่ารักๆ ช่วยให้อิ่มท้องมากขึ้นหรือคุณแม่ๆ มีเส้นแบบไหนก็ใส่เพิ่มความอร่อยให้เด็กๆ ได้เลยนะคะ

วัตถุดิบ ซุปไก่ ไล่หวัด

– ไก่น่องเล็ก 250 กรัม

– กระเทียมจีน 1 กลีบ

– รากผักชี 1 ต้น

– หอมใหญ่ 2 หัว

– มะเขือเทศ 2 ลูก

– มันเทศ หรือมันฝรั่ง 2 หัว

– ต้นหอม ผักชี

– พริกไทย ¼ ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

– เกลือทะเล หรือ เกลือหิมาลยัน (สีชมพู) 1 ½ ช้อนชา

– น้ำเปล่า 1 ลิตร

วิธีทำ ซุปไก่ ไล่หวัด

  1. ต้มน้ำให้เดือดใส่กระเทียมและรากผักชีที่บุบพอแตกลงไป ใส่ไก่ ต้มจนสุก
  2. ใส่ผักที่สุกยากก่อนตามลำดับ มันฝรั่ง หอมหัวใหญ่ ระหว่างนั้นให้ช้อนฟองเพื่อให้ได้น้ำซุปที่ใส
  3. ใส่มะเขือเทศ ปรุงรส ใส่ต้นหอมผักชี
  4. เสิร์ฟทานเป็นซุป หรือ ใส่เส้นพาสต้า หรือ ราดบนข้าวสวยให้กลายเป็นข้าวต้มก็เข้าท่า อิ่มอร่อยแถมมีประโยชน์ด้วย

ซุปไก่

เคล็ด(ไม่)ลับ ทำ ซุปไก่ ให้ลูกน้อย

– สำหรับน้องที่ฟันยังไม่แข็งแรง สามารถเปลี่ยนใช้เป็นเนื้ออกไก่แทนได้เพื่อให้รับประทานง่าย โดยฉีกไก่เป็นเส้นๆ ต้มผักให้นิ่มน้องๆก็อร่อยและได้ประโยชน์เหมือนกันค่ะ

– ใส่ไก่ลงไปในน้ำเดือดจัดเพื่อที่น้ำซุปจะได้ไม่คาว แล้วค่อยลดไฟตุ๋นไปจนกว่าไก่จะสุกนุ่มดี

– สามารถทำเป็นหม้อใหญ่ไว้แล้วแบ่งเก็บใส่ช่องแช่แข็ง แบ่งมาอุ่นรับประทานได้ เพื่อความสะดวกของคุณแม่ที่ทำงานนอกบ้าน เก็บได้นาน 6 เดือน

 

@amarinbabyandkids

ไม่อยากให้ลูกเป็นหวัด…จัดเมนูนี้เลย!! “ซุปไก่ไล่หวัด” เมนูวิตามินซีสูง สำหรับเด็ก 4 ขวบขึ้นไป #เมนูง่ายๆ #เมนูลูก#เมนูเด็ก #ซุปไก่ #คุกกับคิดส์ #fyp #amarinbabyandkids

♬ เสียงต้นฉบับ – AmarinBabyAndKids – AmarinBabyAndKids

 

Editor : jeedwonder แม่ธิชา

ภาพ :  jeedwonder แม่ธิชา


ประวัติโดยสังเขป : จี๊ดวันเดอร์ หรือ แม่น้องธิชา (ธัญญานันท์ ศรีชัยวรรณ) ฟู๊ดสไตลิสต์และนักออกแบบอาหาร เจ้าของร้านอาหาร Tisha spoon ที่เป็นร้านอาหารและทำกิจกรรมเวิร์คช็อปสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากลูกสาว สำรองโต๊ะได้ที่ www.jeedwonder.com

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก

    สาธิตกรุงเทพธนบุรี

    สาธิตกรุงเทพธนบุรี โรงเรียนอินเตอร์ ที่มีควายเผือก แพะและม้า ให้นักเรียนไว้เลี้ยงดูเล่น!

    ไม่ได้พูดเกินจริง เพราะโรงเรียนนี้มีศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง เรากำลังพูดถึงโรงเรียน สาธิตกรุงเทพธนบุรี โรงเรียนขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 81 ไร่ กับหลักสูตรที่มุ่งเน้นการสอน 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษและภาษาจีน ในทุกระดับชั้นตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาลจนถึงชั้นมัธยมปลาย โดยในการเรียนการสอนเน้นการลงมือปฎิบัติจริง (Learning by Doing) สร้างสมดุลระหว่างในชั้นเรียนและนอกห้องเรียน ฝึกให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง มีการจัดการเรียนการสอนที่ตรงกับความสนใจของนักเรียน และให้นักเรียนได้ทดลอง เพื่อค้นหาความถนัดของตัวเอง

    เราได้พูดคุยกับ คุณ เอิร์น – จิรวรรณ ชัยรุ่งเรือง ผู้อำนวยการบริหารโรงเรียน สาธิตกรุงเทพธนบุรี ซึ่งทำให้ได้เห็นมุมมองอีกด้าน ของโรงเรียนอินเตอร์ เพราะที่นี่มีความเป็นไทย ผสมผสาน ปรับและผสานการเรียนการสอนได้อย่างเรียบง่าย และบรรยากาศโรงเรียนก็ดูสบายๆ เด็กๆน่าจะมีความสุขที่ได้เรียนที่นี่ คุณ เอิร์น บอกกับเราว่า “เอิร์น ดูแลโรงเรียนและบริหารโรงเรียนด้วยมุมมองของความเป็นแม่” เป็นประโยคสั้นๆที่ชัดในคำตอบว่าทำไม โรงเรียนนี้ถึงสร้างความรู้สึกอบอุ่น เป็นมิตร และสนุกสานในคราวเดียวกัน อาจเพราะความเป็นแม่ จึงใส่ใจและเข้าใจในรายละเอียดของเด็กๆ ในแต่ละช่วงวัย เรียกว่าใช้ใจในการบริหารจัดการแบบเต็มๆ

    สาธิตกรุงเทพธนบุรี สาธิตกรุงเทพธนบุรี

    สาธิตกรุงเทพธนบุรี สาธิตกรุงเทพธนบุรี

    หลักสูตรของโรงเรียน สาธิตกรุงเทพธนบุรี

    ระดับอนุบาล

    เตรียมอนุบาล-อนุบาล3 ใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยพุทธศักราช 2560 ที่เน้นการเรียนการสอนแบบเรียนปนเล่น (Play&Learn) มีการจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับหลักจิตวิทยาและสอดคล้องกับพฤติกรรมของเด็กอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้เทคนิคการสอนแบบบูรณาการ เสริมสร้างทักษะและประสบการณ์ผ่านการเล่นเพื่อพัฒนาทั้ง EQ และIQ

     ระดับประถมศึกษา

    ประถมศึกษาปีที่1-6 ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2560 เพิ่ม 4ทักษะ การฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษและภาษาจีนจากเจ้าของภาษา เน้นการเรียนรู้สาธิตและลงมือปฎิบัติจริงควบคู่ไปกับวิชาการ เพื่อให้เด็กๆได้ค้นพบศักยภาพของตัวเองและแสดงออกมาได้อย่างอิสระ

    ระดับมัธยมศึกษา

    มัธยมศึกษาตอนต้น ปีที่1-3 ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2560และหลักสูตร EP

    มัธยมศึกษาตอนปลาย ปีที่4-6

    ประกอบด้วยแผนการเรียน 4 แผนการเรียน คือ วิทย์-คณิต , ศิลป์-คำนวณ, ศิลป์-จีน ,ศิลป์-ฝรั่งเศส โดยส่งเสริมให้เด็กๆได้มีทักษธเฉพาะด้านควบคู่ไปด้วยตามความถนัดและความสนใจ มุ่งเน้นการสอนทักษธชีวิตและเรียนรู้จากประสบการณ์จริง

     

    สาธิตกรุงเทพธนบุรี

    คุณ เอิร์น – จิรวรรณ ชัยรุ่งเรือง ผู้อำนวยการบริหาร โรงเรียน สาธิตกรุงเทพธนบุรี

    5 สิ่งพิเศษ ที่ทำให้เด็กๆอยากมาโรงเรียน สาธิตกรุงเทพธนบุรี ทุกวัน

    1. พื้นที่สีเขียว สวนเกษตรอินทรีย์หลังโรงเรียน

    อย่างที่เกริ่นไว้ตั้งแต่ต้น ที่นี่มีแปลงผัก และคอกสัตว์ขนาดย่อมๆ เพราะที่นี่มี ศูนย์การเรียนรู้ เศรษฐกิจพอเพียง ให้เด็กๆได้มาสัมผัสและเลี้ยงดูพวกเขาด้วยตัวเอง อย่างควายทั้งสองตัวของที่นี่ก็ดูมีความสุขมาก แกะตัวน้อย คอกม้าเล็กๆ เหล่านี้เด็กๆที่นี่จะได้เรียนรู้ ผลัดกันมาดูแลให้อาหาร สังเกตการใช้ชีวิตของสัตว์เหล่านี้ด้วยตัวเอง รวมไปถึงผักและผลไม้ที่เด็กๆจะได้ลงมือปลูกเอง เรียนรู้ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงเก็บเกี่ยวผลผลิต

    เรานับว่าการเรียนรู้เหล่านี้เป็น วิชา กลุ่มสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต และวิทยาศาสตร์ในตัว เป็นวิชาวิทยาศาสตร์ที่มีการเดินเรียน ในที่นี้คือการเดินไปเรียนรู้นอกห้องเรียน เช่นใบไม้ประเภทต่างๆลักษณะชนิดของใบเลี้ยง รากแก้วหรือการลงมือปลูกผักจริงๆ เด็กๆจะได้ใช้สมองทั้งสองฝั่ง ทั้งซีกวิชาการและจินตนาการ คุณเอิร์น เล่าเพิ่มว่า “สิ่งที่เราอยากส่งเสริมคือ การใช้สมองทั้งสองซีกให้เกิดความสมดุล เพื่อให้ถึงวัยที่เข้าตามหลักเกณฑ์วิชาการ อย่างในวัยประถม สมองเขาจะพร้อมรับทั้งสองส่วน เพราะเราเชื่อว่าเก่งวิชาการอย่างเดียวไม่เพียงพอ เพราะเราเชื่อว่าการไม่ปิดกั้นจะช่วยให้เขาค้นหาตัวตน  และพบสิ่งที่พวกเขาชอบ ไม่ว่าจะเป็นด้านกีฬาหรือดนตรี เป็นสิ่งที่โลกหมุนไปไม่ปิดกั้น แค่เรื่องวิชาการอย่างเดียว”

    แน่นอนว่าในเด็กโต การมีพื้นที่สีเขียวจะช่วยลดความเครียด ธรรมชาติบำบัดเราได้ ช่วยให้เด็กๆมีมุมผ่อนคลาย อย่างในเด็กโตก็สามารถลงมาใช้พื้นที่โดยรอบของแคมปัสเพื่อคลายเครียดได้อย่างดี

    สาธิตกรุงเทพธนบุรี สาธิตกรุงเทพธนบุรี สาธิตกรุงเทพธนบุรี

    2. ความเป็นไทยในวิถีสากล

    เลี่ยงไม่ได้ที่จะบอกว่าในโรงเรียนที่ใช้ภาษาอังกฤษล้วนเป็นภาษาหลักเด็กๆอาจมีปัญหาเรื่องการเขียนภาษาไทยกันบ้าง แต่ที่นี่เน้นหลักสูตรไทย ที่มีความเชื่อมโยงแบบสากล

    คุณ เอิร์น บอกกับเราเพิ่มว่า “แต่ละหลักสูตรมีข้อดีข้อด้อยที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการวางแผนของแต่ละบ้าน อย่างของครอบครัวเอิร์น เราอยากให้เขามีความสากลที่ควบคู่ไปกับความเป็นไทย และเราวางแผนให้ลูกเราอยู่ในประเทศไทย เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาต้องได้คือภาษาไทยที่แข็งแรง ตามวิจัยแล้วภาษาไทยยากกว่าภาษาอังกฤษ จึงพบว่าเด็กที่ได้ภาษาอังกฤษ หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษ ภาษาไทยจะถูกลดความสำคัญลง แล้วจะทิ้งภาษาไทยไปนั่นเพราะยากกว่า ทำให้การวางแผนการเรียนของที่นี่ ภาษาอังกฤษสำคัญก็จริงแต่ก็ยังเป็นภาษาที่สอง ภาษาไทยยังเป็นภาษาหลัก แต่เราให้พวกเขาได้เจอคุณครูต่างชาติทุกวัน เด็กจะไม่รู้สึกแปลกแยกหรือตกใจเมื่อต้องใช้ภาษา ครูต่างชาติคือส่วนหนึ่งในชีวิตการเรียนของพวกเขาด้วย ในหลักสูตรสามัญจะมีภาษาอังกฤษวันละหนึ่งคาบเป็นอย่างน้อย แต่ในแต่ละสัปดาห์เด็กจะได้เจอครูต่างชาติในวิชาอื่นๆด้วย เช่น วิชาcooking ครูก็จะเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย ไม่ใช่แค่วิชาภาษาอังกฤษเพียงอย่างเดียว เด็กๆจะได้เรียนรู้ศัพท์ใหม่ๆจากการลงมือทำไปพร้อมๆกัน”

    3. วิชาเลขแบบบูรณาการ

    วิชาเลขของเด็กๆที่นี่มีความแตกต่าง ไม่ใช่การบวกลบในกระดาษแต่มีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น เช่นการลงมือปฎิบัติคิดเลขจริงผ่านการเล่นบทบาทสมมุติ โดยมีการจำลองพื้นที่ให้เป็นเหมือนซุปมาร์เกต คุณครูจะเตรียมเงินปลอมไว้ให้เด็กไปชอปปิ้งกันตามใจ ได้เรียนรู้ว่าผักหรือผลไม้แต่ละ ประเภทหน้าตาแบบไหน ถ้าซื้อไปกี่ผลแล้วเหลือกี่ผล มีเงินเท่านี้ซื้อไปแล้วเหลือเงินเท่าไหร่ เป็นการเรียนวิชาคณิตศาสตร์แบบผ่านความเข้าใจและใช้งานจริงๆไปเลย

    4. ฝึกการคิดและวิเคราะห์ด้วยตัวเอง

    ด้วยโรงเรียนนี้ส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาที่สาม อย่างภาษาจีน ด้วย เรียนรู้ไปพร้อมกันกับภาษาอังกฤษและภาษาไทยซึ่งเป็นภาษาแม่ เพื่อช่วยลดการเกิด culture shock ลดความกลัว เพิ่มความมั่นใจในการพูดกับคนต่างชาติ โดยใช้การปลูกฝังความเป็นธรรมชาติในการใช้ภาษา เด็กจะเกิดความรู้สึกคุ้นเคยกับคนต่างชาติ แม้จะพูดผิดพูดถูกแต่ก็ดีกว่าการไม่กล้าพูดเลย เน้นการใช้งานจริงเกิดการเรียนรู้แบบเป็นธรรมชาติ การคิดวิเคราะห์ และนำไปใช้ จะไม่ตัดสินใจถูกผิด ปลูกฝังเด็กๆให้เกิดการคิดและวิเคราะห์ด้วยตัวเอง เน้นการทำProject approach โดยคุณครูจะเลือก topic มาให้ แล้วให้เด็กๆแต่ละคนก็จะไปหาข้อมูลมา อย่างเด็กอนุบาลก็จะอธิบายเรื่องสีและลักษณะ แต่พอเด็กโตขึ้นก็จะหาข้อมูลที่ลึกขึ้น เราเรียกวิธีการนี้ว่าการฝึกฝนและพัฒนาการคิดวิเคราะห์ ซึ่งส่งเสริมได้ตั้งแต่ในเด็กเล็ก

    สาธิตกรุงเทพธนบุรี สาธิตกรุงเทพธนบุรี

    สาธิตกรุงเทพธนบุรี สาธิตกรุงเทพธนบุรี

    5. ความปลอดภัยและความสนุกในโรงเรียน

    เรามองในมุมแม่ที่แอบคิดแทนลูกนิดๆว่าลูกต้องสนุกแน่ๆถ้าได้มาเรียนที่นี่ เพราะอย่างแรกเลยคือ มีขบวนรถไฟคันน้อย ที่นั่งไปส่งที่ตึกเรียน! ความสนุกที่สองคือ สนามเด็กเล่นที่กว้างขวางและใหญ่มาก มีเครื่องเล่นที่หลากหลาย บ่อทรายยักษ์ สระว่ายน้ำ นอกจากนี้อีกความพิเศษคือ วิชาดนตรี ซึ่งที่นี่จัดเต็มทั้งดนตรีไทยและดนตรีสากล เรียกได้ว่า ครบจบในที่เดียว ไม่ต้องไปเรียนเสริมที่ไหนอีกแล้ว เด็กๆได้ใช้สมองทั้งสองฝั่งแบบเต็มที่ เป็นโรงเรียนที่เรียกได้ว่าครบถ้วนทั้งหมด รวมไปถึงห้องเรียนต่างๆก็มีไอเดียแฝงอยู่ทั้งหมดเพื่อให้เด็กๆไม่เบื่อ และสนุกกับการอยู่ที่โรงเรียน รวมถึงในเด็กเล็กที่พ่อแม่อาจจะยังกังวลหรือเพิ่งเริ่มเข้าเรียนใหม่ ที่นี่มีกล้องวงจรปิดให้ผู้ปกครองไม่ต้องเป็นกังวลมากนัก และค่อยๆ ปรับตัวกันก่อนที่เด็กๆ จะคุ้นชินกับโรงเรียนอีกด้วย

    อ่านครบ 5 ข้อ ที่แม่ๆ ทีมABK  คัดมาให้แล้ว ใครอยากย้ายโรงเรียนลูกแบบเราบ้าง เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://satitbtu.ac.th  เชื่อว่าทุกคนจะรู้สึกในแบบเดียวกันกับเราแน่นอนค่ะ

     

    โรงเรียน สาธิตกรุงเทพธนบุรี (BANGKOKTHONBURI Demonstration School)

    468 ถนนเลียบคลองทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ10170

    โทร :02-408-1919,089-305-1111

    เกณฑ์การรับสมัคร

    ระดับชั้นเตรียมอนุบาล –อนุบาล3 ( ระดับชั้นไม่เกิน 15 คน )

    ระดับชั้นประถม –มัธยมศึกษาปีที่3

    โรงเรียน สาธิตกรุงเทพธนบุรี  ค่าเทอม

    • ค่าแรกเข้า 85,000 บาท
    • หลักสูตร Mini English Program เตรียมอนุบาล- อนุบาล 3 – 55,000 บาท
    • หลักสูตรสามัญ  ประถม1-6 – 55,000 บาท,มัธยมศึกษา1- 6 – 65,000 บาท
    • หลักสูตร English Program ประถม1-6 – 85,000 บาท,มัธยมศึกษา1- 6 – 95,000 บาท

    เว็บไซต์ : http://satitbtu.ac.th

    FB : https://www.facebook.com/satitbtu

     

    เรื่อง : แม่พีทพริม

    ภาพ : แพรวา , http://satitbtu.ac.th

     


    อ่านต่อบทความน่าสนใจ

      ประกาศรายชื่อ ผู้ผ่านเข้ารอบ รอบที่ 2

      ประกาศรายชื่อ ผู้ผ่านเข้ารอบ รอบที่ 2 MOM INFLUENCER CONTEST SEASON 3

      ประกาศรายชื่อ ผู้ผ่านเข้ารอบ รอบที่ 2 MOM INFLUENCER CONTEST SEASON 3 กับการประกวดคุณแม่นักรีวิวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทย มาเป็นหนึ่งในทีมคุณแม่ Influencer มืออาชีพกับ Amarin Baby & Kids และชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 300,000 บาท พร้อมโอกาสเป็น Influencer มืออาชีพ กับ Amarin Baby & Kids

      ใครจะมีสิทธิ์ได้ร่วมประกวดกันบ้าง…เช็กรายชื่อได้ที่นี่!!

      กรุงเทพฯและปริมณฑล

      กรวิกรานต์ เสรีสันติวงศ์

      กอบกุล กาญจนมุกดา

      กัลยานิษฐ์ สิริธีรนนท์

      กุลธิดา ดีชัยยะ

      ชณุตพร ศรีจำลอง

      ชไมพร เกิดสุทธิ

      ชรินทร์ทิพย์ ทองสุกโชติ

      ญดา วัฒนาศิริพานิช

      ฐาปนี สุทธิสน

      ณวัสนนท์ พงศ์เกษมฐิรกุล

      ณัชชา พงศ์พิสุทธิ์วณิช

      ณัฐธิดา ดียิ่ง

      ณัฐหทัย กรรณสูต

      ณิชา ยมสมิต

      ธิติกานต์ นวสุขารมย์

      ธนวรรณ เดชชุษณะนาถ

      นนท์ชยลักษณ์ พรรณาผลากูล

      นวมนรัศมิ์ วชิระธนานนท์

      นุศรา สุภาษร

      นุสรา สุขเทียบ

      นันทิชา พานิชชีวะกุล

      ปณิชา นพจิระเดช

      ปุณยวีร์ ปาละ

      ผกามาศ ไชยวิสุทธิกุล

      พกุล เสริฐสุวรรณกุล

      พธพร รัตนสิโรจน์กุล

      แพรวเพ็ญ พิณพิพัฒน์

      ภัสราวดี เผ่าจินดา

      มชณต วงศา​โรจน์​

      มัณฑนา โชคศิริวัฒนาวาณิช

      มานิตา ชะนะวิวัฒน์

      เมย์ วังพัฒนมงคล

      รุ่งจอมขวัญ สวัสดิ์วัฒนดล

      วรณิชชา แสงสุพรรณ

      วราลักษณ์ อาตวงษ์

      วิภาวัลย์ เจริญสุข

      วิมลสิริ เจริญมิตร

      แววมณี เผือกสกนธ์

      ศรศมน​ หวัง​เพิ่ม​พิทยา​

      สุทธิลักษณ์ สกุลไทย

      สุภัทรา จักร์แก้ว

      อนุสรา เชาว์ไว

      อรอนงค์ จินตาไชยวิชญ์

      อริสรา ติรณสวัสดิ์

      อลิษา เหมือนวงศ์ทำ

      ไอรฎา มะทา

      บุศรินทร์ งามกร

      รมิดา โฆษิตวราสิน

      วิภาวัณย์ อรรณพพรชัย

      จิตรกานต์ ภักดี

      พิมพร​ โรจน​วิ​ภาต​

      หทัยรัตน์ เหมือนดี

      สายสกุล เบี้ยทอง

      ภาคกลาง

      กนกวรรณ ประสิทธิ์

      จิรัชญาณิช เบญจสกุล

      เจนจิรา ระบิล

      จุฑาภรณ์ ปีนะกาตาโพธิ์

      ดวงนภา สมสุขเจริญ

      ธัญลักษณ์ แมคกี

      พรภัส เพชรตระกูลเจริญ

      นริศรา ศรีมะปรางค์

      นัทชา โสภณ

      นันท์ชนก ไพฑูรย์มงคล

      วรันธร สุวัตถิกุล

      วรางคณา วีระเศรษฐ์ศิริ

      วิภาวี ชมิดท์

      สรารัตน์ ศรีชาลี

      สิรินทรา ตันติวุฒิไกร

      สุธิณี เกตุเจริญ

      สุภัสสรา โพธิ์เปี่ยม

      หทัยชนกก์ แสงภู่

      อาทิตยา เมตตาประสพกิจ

      อาทิตยา แย้มบางยาง

      กัณนิกา ปาระมี

      สรารัตน์  ศรีชาลี

      พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล

      ภาคเหนือ

      กุลญาดา คำเขื่อน

      นิจจารีย์ เฉลิมทรัพย์

      นิภาวรรณ นามวงศ์

      บุญธิดา ทองดี

      ปิยะฉัตร ช่วยไทย

      พัทธนันท์ เรือนสุภา

      ศิวิมล พานิชย์วิไล

      อมรรัตน์ ชุมภู

      อังศุลิน ตั้งใจ

      อัฐฐภิรมย์ ธนัตถ์ธำรงกุล

      เอกอัปสร จันทรวิลักษณ์

      ภาคอีสาน

      กัณตินันท์ เกินขุนทด

      พรนิภา​ เสน่ห์จันทร์

      มณีรัตน์ ศิริสวัสดิ์พิพัฒน์

      สุกัญญา สารเศวก

      สุวรรณี สมศรี

                สุกัญญา ณัฎฐาชาติ

      ภาคใต้

      กนกวรรณ แต่งอักษร

      มนัสชนก เรืองธารา

      รัชภร สิทธิเดช

                ศศิวิมล รัตนนรเศรษฐ

      อัญชศา ทองแกมแก้ว

      ศศิวิมล รัตนนรเศรษฐ

      รายละเอียดการประกวดคัดเลือกรอบที่ 2

      1. ผู้ผ่านเข้ารอบทุกท่าน สแกน QR Code หรือกดลิงค์ https://bit.ly/45f79ll เพื่อเข้าร่วมกลุ่ม Mom Influencer Season 3 เพื่อนัดหมายและชี้แจงรายละเอียดการอบรม

      ประกาศรายชื่อ ผู้ผ่านเข้ารอบ รอบที่ 2

      2. ผู้ผ่านเข้ารอบทุกท่านต้องเข้าฟังการอบรมแบบ Online Workshop หัวข้อ เทคนิคสร้างคอนเท้นต์รีวิวอย่างไรโดนใจลูกเพจ มัดใจลูกค้า ในวันที่ 24 สิงหาคม 2566 เวลา 13.30 – 14.30 น. โดยคุณมัณฑิตา จินดา Founder and Managing Director of Digital Tips

      3. ผู้ผ่านเข้ารอบจะได้รับกล่อง “Mommy Box” สำหรับถ่ายคลิปวีดิโอ พร้อมเอกสารบรีฟงาน (จัดส่งถึงบ้านโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย)

       

      ♦ รายละเอียดการทำรีวิวในรูปแบบคลิปวีดิโอ ♦

      1. ผู้เข้าประกวดจัดทำคลิปวีดิโอรีวิวสินค้าที่ได้รับ ตามรายละเอียดที่กำหนด แล้วโพสต์ลงใน Facebook ส่วนตัว หรือ Fanpage ตั้งเป็น “สาธารณะ” พร้อมใส่ #MomInfluencerContestSS3 #AmarinBabyAndKids และ #จากแบรนด์สินค้า โดยโพสต์ได้ 1 คน ต่อ 1 ครั้งเท่านั้น 16-22 กันยายน 2566
      2. ส่ง Link รีวิว มาที่ Google Form https://bit.ly/SubmitMICSS3 ให้เรียบร้อย
      3. ผู้เข้าประกวดสามารถแชร์โพสต์รีวิวสินค้าไปยังแพลตฟอร์มโซเชียลอื่นๆเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ตามความเหมาะสม

       

      —————————————————————————————
      คะแนนพิเศษ
      • รับคะแนนพิเศษ 20 คะแนน โดยที่ผู้ประกวดโพสต์คลิปรีวิวสินค้า [ตัวเดียวกับที่โพสต์ใน FB] ลงในช่องทาง Tiktok เฉพาะวันที่ 23 กันยายน 2566 เวลา 10.00 – 23.00 น. เท่านั้น!!
      ***หมายเหตุ: สามารถทำได้ทั้งอัดคลิปใหม่ หรือตัดต่อคลิปเพื่อลงใน Tiktok
      • ตั้งโพสต์เป็นสาธารณะ พร้อมใส่ #MomInfluencerContestSS3 #AmarinBabyAndKids
      • ผู้เข้าประกวดสามารถแชร์โพสต์รีวิวสินค้าไปยังแพลตฟอร์มโซเชียลอื่นๆเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ตามความเหมาะสม
      ————————————————————————————–

      ประกาศชื่อผู้ผ่านเข้ารอบวันที่ 5 ตุลาคม 2566
      ผ่านช่องทาง Facebook Amarin Baby & Kids

      เกณฑ์การตัดสิน ประกวดคัดเลือก รอบที่ 2

      พิจารณาคุณภาพของ Content รีวิวตั้งแต่วันที่ 25-28 กันยายน 2566 โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน (100 คะแนน) ดังนี้

      • วิธีการนำเสนอ เต็ม 30 คะแนน
      • สื่อสาร Key message ครบถ้วนตามโจทย์ที่กำหนด เต็ม 40 คะแนน
      • ความโดดเด่นของสินค้า ข้อมูลความรู้ แรงบันดาลใจ หรือวิธีการเลี้ยงลูก เต็ม 30 คะแนน
      • คะแนนพิเศษ เฉพาะผู้สมัครที่โพรสต์รีวิวผ่านช่องทางอีก Tiktok 20 คะแนน

       

      *เงื่อนไข การประกวดคัดเลือก

      • ห้ามคัดลอก ลอกเลียน หรือดัดแปลงงานเขียนรีวิวของผู้อื่นเป็นอันขาด หากพบว่ากระทำการดังกล่าวจะถือว่าตัดสิทธิ์ในการแข่งขัน
      • ข้อความรีวิว ภาพถ่ายและคลิปถือเป็นลิขสิทธิ์ของ บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ, พันธมิตร และคู่ค้ารวมถึงสปอนเซอร์ผู้สนับสนุนกิจกรรมในอนาคต สามารถทำการปรับปรุงแก้ไขได้ตามความเหมาะสมกับรูปแบบการใช้งาน นอกจากนี้ สิทธิ์ใดๆ อันเกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวเนื่องกับข้อความรีวิว ภาพถ่ายและคลิป
      • ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

      หมายเหตุ

      • วันและเวลาของกำหนดการต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
      • การดำเนินงาน และการตัดสินอยู่ในดุลยพินิจจากคณะกรรมการ และการตัดสินจากคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด
      *หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามเข้าไปทาง inbox Facebook : Amarin Baby & Kids โดยพิมพ์คำว่า MIC3 พร้อมคำถามที่ต้องการสอบถาม
        มีลูกยาก

        มีลูกยาก เชิญทางนี้!! ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก เมดพาร์ค IVF เปิดแล้ว..พร้อมดูแล “คนอยากมีลูก” ด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญและเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์

        รายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า 17.5% ของประชากรวัยผู้ใหญ่ หรือ 1 ใน 6 ของประชากรทั่วโลก กำลังประสบปัญหาภาวะ มีลูกยาก โดยจำนวนตัวเลขของผู้ประสบภาวะมีบุตรยากในประเทศที่มีรายได้สูงอยู่ที่ 17.8% และ 16.5% 1 สำหรับประเทศที่มีรายได้เฉลี่ยในระดับปานกลาง สะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเข้าถึงการรักษาภาวะ มีลูกยาก ทั้งนี้เพื่อลดผลกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์ และอัตราการเกิดที่ลดลงของประชากรทั่วโลก

        ด้วยเหตุนี้ เทคโนโลยีด้านการเจริญพันธุ์ จึงกลายเป็นตัวช่วยสำคัญของผู้ประสบปัญหาภาวะมีบุตรยากในปัจจุบัน รวมทั้งกำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากคู่แต่งงานทั่วโลก แม้แต่คู่แต่งงานในประเทศไทยเองก็มีแนวโน้มประสบปัญหา มีลูกยาก สูงขึ้น  และหันมาใช้บริการศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากเพิ่มมากขึ้น

        จากปัญหา ภาวะมีบุตรยาก ที่ขยายตัวกว้างขึ้นเรื่อย ๆ นี้เอง ทำให้โรงพยาบาลเมดพาร์ค ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีความชำนาญในการรักษาโรคยากซับซ้อนมีความพร้อมในการให้บริการด้านสุขภาพโดยแพทย์เฉพาะทางมากถึง 30 สาขา ได้มีการก่อตั้ง “ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก เมดพาร์ค ไอวีเอฟ” ขึ้นเพื่อให้บริการแก่ผู้ประสบภาวะมีบุตรยากได้อย่างครอบคลุม เช่น ให้คำปรึกษาสำหรับคู่แต่งงาน ตรวจคัดกรองภาวะมีบุตรยาก รักษาภาวะมีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีเจริญพันธุ์ ฝากไข่ ฝากสเปิร์ม แช่แข็งตัวอ่อน และดูแลอย่างต่อเนื่องเมื่อผู้ใช้บริการตั้งครรภ์ได้สำเร็จ ไปจนถึงการคลอดบุตรได้อย่างปลอดภัย และเติบโตเป็นเด็กที่มีพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง

        มีลูกยาก

        เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก เมดพาร์ค ไอวีเอฟ ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก เมดพาร์ค ไอวีเอฟ ณ Sky Lounge ชั้น 22 โรงพยาบาลเมดพาร์ค โดยมีคณะผู้บริหาร นำโดย นายแพทย์พงษ์พัฒน์ ปธานวนิช กรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลเมดพาร์ค พร้อมด้วยแพทย์ประจำศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก และทีมบุคลากรที่เกี่ยวข้องในกระบวนการรักษาภาวะมีบุตรยาก เช่น ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ สูตินรีแพทย์ และกุมารแพทย์ เข้าร่วมงานแถลงข่าวครั้งสำคัญนี้ เพื่อประกาศความพร้อมในการดูแลรักษาผู้ประสบภาวะมีบุตรยากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตั้งแต่ก้าวแรกที่ก้าวเข้ามาขอรับคำปรึกษา จนถึงวันที่คลอดทารกอย่างปลอดภัยเป็นโซ่ทองคล้องใจในครอบครัวได้สำเร็จ

        มีลูกยาก

        ผู้เข้ารับบริการทุกคู่จะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์ผู้ชำนาญการซึ่งเป็นอาจารย์แพทย์จากโรงเรียนแพทย์ และเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์รักษาภาวะ มีลูกยาก ในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนถึง 30 ปี พร้อมด้วยบุคลากรผู้มีความชำนาญเฉพาะทาง ได้แก่ นักวิทยาศาสตร์เพาะเลี้ยงตัวอ่อนที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี และมีใบประกาศนียบัตรรับรองระดับนานาชาติ ESHRE (European Society of Human Reproduction and Embryology) และพยาบาลวิชาชีพที่มีประสบการณ์ดูแลคนไข้ภาวะมีบุตรยากด้วยความเข้าอกเข้าใจ

        ภายในงานแถลงข่าว นายแพทย์สุภักดี จุลวิจิตรพงษ์ หัวหน้าศูนย์ เมดพาร์ค ไอวีเอฟ ย้ำถึงการมุ่งเน้นให้การรักษาด้วยความใส่ใจ ซึ่งแพทย์ผู้มีประสบการณ์รักษาคนไข้มีบุตรยาก จะซักถามถึงสาเหตุและปัจจัยอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อนำมาพิจารณาแก้ปัญหาที่แตกต่างกันไปของคู่แต่งงานแต่ละคู่ แต่ละคน นำไปสู่การออกแบบการรักษาด้วยวิธีและขั้นตอนที่เหมาะสมกับคนไข้อย่างแท้จริง เช่น การทำไอวีเอฟ (IVF – In vitro fertilization) การทำอิ๊กซี่ (ICSI – Intracytoplasmic Sperm Injection) การผ่าตัดทางนรีเวชหรือการผ่าตัดระบบทางเดินปัสสาวะในเพศชายถ้ามีความจำเป็น การกระตุ้นไข่ ช่วงเวลาในการเก็บเซลล์ไข่ การคัดเลือกสเปิร์ม การเลือกตัวอ่อนที่คุณภาพดีมีความสมบูรณ์เพื่อย้ายเข้าไปฝังในโพรงมดลูก ซึ่งการรักษาทุกขั้นตอนล้วนมีความสำคัญ หากมองข้ามไปแม้เพียงเล็กน้อยก็มีผลต่อความสำเร็จในการตั้งครรภ์ทันที

        มีลูกยาก มีลูกยาก มีลูกยาก มีลูกยาก

        ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก เมดพาร์ค ไอวีเอฟ เป็นศูนย์เปิดใหม่ล่าสุด จึงมีการนำอุปกรณ์รุ่นใหม่ และเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่มีคุณภาพระดับสากล เช่น การคัดเลือกตัวอ่อนด้วยระบบเอไอชื่อว่า ไอด้าสกอร์ (iDAScore) ซึ่งเป็นการให้คะแนนและติดตามพัฒนาการของตัวอ่อนทุกตัว ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Timelapse กล้องบันทึกภาพซึ่งติดตั้งอยู่ในตู้เพาะเลี้ยงตัวอ่อน Embyoscope Plus ทำหน้าที่ติดตามการเจริญเติบโตของตัวอ่อนและนำมาเรียงเป็นวิดีโอ ทำให้ไม่จำเป็นต้องนำตัวอ่อนออกมาจากตู้เพื่อส่องกล้องจุลทรรศน์แบบตู้รุ่นเก่า ซึ่งเป็นการรบกวนตัวอ่อนและมีผลต่อความสำเร็จในการตั้งครรภ์ … นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งชิป (RFID Tags) บนภาชนะเก็บไข่ สเปิร์ม และตัวอ่อน เพื่อป้องกันความผิดพลาด เช่น การสลับไข่กับสเปิร์มของคู่อื่น  การสลับตัวอ่อนคุณภาพดีกับตัวอ่อนผิดปกติ เป็นต้น โดยจะนำมาใช้ควบคู่กับระบบระบุตัวตนของผู้เข้ารับบริการ เช่น การสแกนลายนิ้วมือ และการสแกนใบหน้า โดยทุกกระบวนการของการให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยาก จะถูกออกแบบให้อยู่ภายในศูนย์ฯ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการ โดยไม่ต้องถูกส่งตัวไปตรวจหรือรักษาตามแผนกต่าง ๆ ร่วมกับคนไข้ทั่วไป

        เพื่อให้มั่นใจว่าตัวอ่อนที่ได้รับการคัดเลือกนำไปฝังในโพรงมดลูกมีคุณภาพดี และลดโอกาสการส่งต่อโรคทางพันธุกรรมจากพ่อแม่สู่ลูก ในขั้นตอนเพาะเลี้ยงตัวอ่อนจึงได้มีการใช้เทคโนโลยีตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรม ตรวจโครโมโซมเพื่อหาความผิดปกติของตัวอ่อนอย่างละเอียด ด้วยเครื่อง Next-generation sequencing (NGS) ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ได้สูงถึง 60 – 70%

        มีลูกยาก

        หลังจากนั้น เมื่อผู้เข้ารับบริการสามารถตั้งครรภ์ได้สำเร็จ ทาง ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก เมดพาร์ค ไอวีเอฟ จะดูแลว่าที่คุณแม่ร่วมกับแพทย์แผนกต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้อง ได้แก่ สูตินรีแพทย์ กุมารแพทย์เฉพาะทางทารกแรกเกิดและปริกำเนิด กุมารแพทย์เฉพาะทางเวชบำบัดวิกฤต (NICU) กุมารแพทย์ และคลินิกนมแม่ เพื่อสนับสนุนให้ว่าที่คุณแม่และทารกน้อยมีสุขภาพดี สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้นานที่สุดเท่าที่ต้องการ โรงพยาบาลเมดพาร์ค ได้ชื่อว่ามีห้องคลอดและห้องพักหลังคลอดที่มีทัศนียภาพของสวนเบญจกิติ และคุ้งบางกะเจ้าที่สวยงามประทับใจ ตัวศูนย์และห้องต่าง ๆ ยังตั้งอยู่ภายในอาคารที่ติดตั้งระบบแรงดันบวก (Positive Pressure) สามารถกรองฝุ่นละออง สารปนเปื้อน เชื้อโรค แบคทีเรีย และป้องกันไม่ให้ไหลกลับเข้ามาภายในอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความมั่นใจว่าทุกคนจะได้รับอากาศที่มีคุณภาพดีตลอดเวลาที่เข้ารับบริการภายในโรงพยาบาลเมดพาร์ค

        บ้านไหน มีลูกยาก ปรึกษาภาวะมีบุตรยาก ได้ที่ ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก เมดพาร์ค ไอวีเอฟ ชั้น 20 เคาท์เตอร์ A (WEST Lift)

        โทร. 0-2090-3020


        ที่มา¹https://www.who.int/news/item/04-04-2023-1-in-6-people-globally-affected-by-infertility

         

        อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ 

          มิสเตอร์ โดนัท ชวน น้ำตาลมิตรผล สร้างสรรค์เมนู “ลิ้นจี่ฟรุตมิกซ์” จัดเต็มเนื้อผลไม้และเม็ดบุกสไตล์ญี่ปุ่น อร่อย เคี้ยวหนึบ สดชื่นเต็มคำ !!

          มิสเตอร์ โดนัท ผู้นำตลาดโดนัทเมืองไทย บริหารงานโดย บริษัทเซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (ซีอาร์จี) ชวน Freshy ไซรัปน้องใหม่ที่มาเติมความสดชื่นคลายร้อนจากน้ำและเนื้อผลไม้แท้ แบรนด์น้องใหม่ในเครือบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ส่งเครื่องดื่มผสมน้ำผลไม้ที่นอกจากจะเติมความสดชื่นระหว่างวันแล้ว ยังเหมาะ กับอากาศร้อนๆ ในบ้านเราอีกด้วย และเมื่อทานคู่กับโดนัทก็อร่อยลงตัวสุดๆ

          ครั้งนี้ได้รังสรรค์ออกมาเป็นเครื่องดื่มผสมเนื้อผลไม้ “ลิ้นจี่ฟรุตมิกซ์” ที่ชงสดใหม่โดยใช้ลิ้นจี่เป็นตัวชูโรงผสานความอร่อยเปรี้ยวหวานลงตัวมิกซ์กับผลไม้ยอดนิยมอย่างสตรอว์เบอร์รี และมะม่วง เติมความสดชื่นเต็มๆ แก้วด้วยโซดา
          เพิ่มความอร่อยเคี้ยวหนุบด้วยเม็ดบุกสไตล์ญี่ปุ่นทุกแก้ว ในราคาเพียงแก้วละ 55 บาทเท่านั้น

          มี 2 รสชาติ ได้แก่…

          ลิ้นจี่สตรอว์เบอร์รีโซดา (Lychee Strawberry Soda)

          ความอร่อยที่ลงตัวระหว่างลิ้นจี่กับสตรอว์เบอร์รี่
          ที่ให้ความหอมหวานเปรี้ยวกลมกล่อมกำลังดี
          บอกเลยว่าคนรักสตรอว์เบอร์รี่ต้องเทใจให้ลิ้นจี่สตรอว์เบอร์รี่แก้วนี้จนหมดใจ

          ลิ้นจี่มะม่วงโซดา (Lychee Mango Soda)

          มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์จนเป็นที่ชื่นชอบของทั้ง
          ชาวไทยและชาวต่างชาติมารวมกับลิ้นจี่กลายเป็นความอร่อยที่ลงตัวแบบบอกไม่ถูก

          พิเศษ แลกซื้อเครื่องดื่มเมนูใดก็ได้ ในราคาเพียง 29 บาทเท่านั้น (จากปกติ
          55บาท) เมื่อซื้อโดนัทชุดคุ้มยิ่งกว่าชุดใดก็ได้ 1 ชุด
          โปรโมชั่นนี้เฉพาะซื้อผ่านทางหน้าร้านเท่านั้น

           จัดเต็มทั้งโดนัทและเครื่องดื่มสุดสดชื่นได้แล้ว วันนี้ที่ร้านมิสเตอร์
          โดนัททุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 ตุลาคม 2566 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด
          หรือสั่งผ่านแอพพลิเคชั่นชั้นนำได้ทุกแพลตฟอร์ม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
          และติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีดีก่อนใครได้ที่

          FB / IG / TW / LINE
          @MisterDonutTH

            Tags

            สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Park

            สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Park พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ สำหรับครอบครัว

            School Visit ครั้งนี้ จะพาทุกคนไปเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสนุกๆ กัน ที่ สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Park นิทรรศการและสวนสนุกรูปแบบใหม่ ใกล้รถไฟฟ้า ที่สามารถเรียนรู้กันได้ทั้งครอบครัว ถ้าอยากรู้ว่าสนุกแค่ไหนรีบตามมาดูกันเลย

             

            Wow Park คือ พิพิธภัณฑ์ และ สวนสนุกในกรุงเทพ สวนสนุกวิทยาศาสตร์ ในรูปแบบ Interactive จากประเทศรัสเซีย ที่มาเปิดในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ตั้งอยู่ที่ชั้น 5 เกทเวย์ เอกมัย นั่งรถไฟฟ้ามาได้ทำให้สะดวกสุดๆ มาถึงก็ต้องไปซื้อตั๋วกันก่อน ที่นี่จะแบ่งเป็น 2 โซนหลัก

            Exhibition Wow Park

            โซนแรกเป็นนิทรรศการวิทยาศาสตร์ที่มีฐานให้ความรู้  ให้คุณและเด็กๆได้เล่นและทดลองมากกว่า 40 แบบ โดยแต่ละจุดจะมีไกด์ส่วนตัว จาก Wow Park คอยแนะนำวิธีเล่นและอธิบายหลักการทางวิทยาศาสตร์ให้ฟังอย่างละเอียด  โซนนิทรรศการนี้จะใช้เวลาในการเข้าชมประมาณ  90 นาที ห้องแรกเด็กๆจะได้ออกกำลังนิดหน่อย เช่น วิ่งเพื่อให้วงล้อในเครื่องซักผ้าขนาดยักษ์ขยับ เพื่อเรียนรู้เรื่องแรงเหวี่ยง หรือประลองความเร็วด้วยการไล่จับแท่งไม้ที่ทยอยหล่นบนพื้นให้ทันเวลา แค่จุดแรกก็เรียกเหงื่อเบาๆกันแล้ว  นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้เรื่องแรงลม แรงโน้มถ่วง ต่างๆว่าเป็นอย่างไร โดยมีอุปกรณ์ต่างๆให้ได้ทดลองเล่นด้วยตัวเอง ทำให้เข้าใจง่ายและสนุกมากขึ้น

            อีกห้องที่น่าสนใจ คือ ห้องเรียนรู้เรื่องอากาศและโลก ห้องนี้โชว์ให้เห็นปรากฏการฟ้าแล่บ ฟ้าผ่า หรือ พายุเทอร์นาโดว่าเกิดได้อย่างไร มีอุปกรณ์สร้างหมอกและจำลองก้อนเมฆให้สัมผัสด้วยตนเอง  และต้องว้าวแน่นอน ถ้าเด็กๆได้ลองใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูเซลล์ต่างๆของร่างกาย เช่น เซลล์กล้ามเนื้อที่มีรูปร่างเหมือนเบคอน หรือ ส่องแมลงตัวเล็กแบบขยายใหญ่เต็มจอ   นอกจากนี้นิทรรศการที่อัดแน่นให้ความรู้แล้ว ยังมีห้องสำหรับถ่ายรูปเก๋ๆเยอะมาก เช่น ห้องกระจก Mirror Cube ที่สะท้อนตัวเราแบบไม่มีที่สิ้นสุดหรือห้องจำลองกาแลกซี่ในอวกาศ  ทางเชื่อมแต่ละห้องก็สนุกไม่แพ้กัน เด็กๆจะต้องใช้ความกล้าเพื่อเดินมุดเข้าไปในเขาวงกต ที่มืดสนิทแถมมีริบบิ้นเรืองแสงห้อยอยู่เต็มไปหมดจนมองไม่เห็นทางออก ต้องใช้มือค่อยๆคลำหาทางออกจนเจอ  ก่อนกลับอย่าลืมมาลองเทสพลังเสียงกรี๊ดหรือเสียงตะโกนของตัวเองว่าเทียบเท่ากับเสียงของกลองหรือเครื่องบินกันแน่ ด้วยการตะโกนใส่ไมค์ในห้องเก็บเสียง รับรองคอแหบแห้งกันแน่นอน

            Science Show

            ถ้าใครยังไม่เต็มอิ่มแนะนำให้จองตั๋วสำหรับดูการแสดงวิทยาศาสตร์กันต่อ  ที่ Science Show โซนนี้ใช้เวลาการเข้าชมประมาณ 40 นาที เด็กๆจะได้สวมบทบาทเป็นนักวิทยาศาสตร์ตัวน้อย ทดลองวิทยาศาสตร์ต่างๆ เช่น  สร้างสายฟ้า และแช่แข็งสิ่งต่าง ๆ ด้วยไนโตรเจนเหลว หรือสัมผัสไฟอย่างปลอดภัย

            สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Park เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สามารถมาได้ทั้งครอบครัวจริงๆ ใครสนใจสามารถจองตั๋วผ่านเว็บไซต์ได้ที่ https://wowpark.co.th รับรองว่าสนุกแถมยังได้ประสบการณ์ใหม่ๆเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แน่นอน

            Ticket Price

            นิทรรศการ สวนสนุกในกรุงเทพ wow park ค่าเข้า มีดังนี้

            • วันจันทร์- ศุกร์ ผู้ใหญ่ : 400 บาท / เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี : 500 บาท
            • เสาร์-อาทิตย์ ผู้ใหญ่ 500 บาท/ เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี : 600 บาท
            • เด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ เข้าชมฟรี!

            Science Show (การแสดงวิทยาศาสตร์)

            • ราคา 250 บาท

            ติดต่อ

            Wow Park ชั้น 5 ศูนย์การค้า เกทเวย์ เอกมัย เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 10.00-22.00 น.
            เว็บไซต์ : https://wowpark.co.th/
            Facebook : https://www.facebook.com/wowpark.co.th

            สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Park

            เรียนรู้เรื่องพลังของลม ที่สามารถนำพาเอาผ้าผืนเล็กๆมุดไปตามท่อต่างๆจนถึงปลายทางออก

            สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Park สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Parkเกมประลองความเร็ว

             

            สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Park ทดสอบแรงเหวี่ยงภายในเครื่องซักผ้า แรงเหวี่ยงเท่าไหร่ที่จะทำให้ผ้าแห้งนะ

            สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Park สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Parkเรียนรู้การเกิดพายุเทอร์นาโด และก้อนเมฆ

            สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Park สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Parkใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูใยผ้าบนเสื้อ และเซลล์ต่างๆที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

            สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Parkมุมถ่ายรูปยอดฮิต

             

            สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Parkดวงตาของแมลงวันเป็นแบบนี้นะ

            สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Park สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Park เล่นกับเงา  

            สวนสนุกในกรุงเทพ Wow ParkมาดูภาพX-Ray กระดูกของสัตว์และมนุษย์กัน

             

             

            สัมผัสกระแสไฟ ความถี่สูง ที่เคลื่อนที่ไปตามพื้นผิวของแก้ว

            สวนสนุกในกรุงเทพ Wow ParkMirror Cube มุมถ่ายรูปสวยๆ ที่ทุกคนห้ามพลาด

            สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Park กาแล๊กซี่จำลอง ที่มีดาวนับล้านดวง 

            สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Park สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Parkดมกลิ่นต่างๆแล้วลองทายกันนะว่ากลิ่นอะไร ?

            สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Parkเรียนรู้เรื่องแรงลม กับพาราชูต

            สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Parkตะโกนให้สุดเสียง แล้วดูสิว่า ระดับเสียงของเราเท่ากับเสียงของอะไร

            สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Park

             โพสต์ท่าเป็นตุ๊กตาร์บาร์บี้แล้วมาถ่ายรูปกัน

             

            Editor : แม่เลม่อน

            ภาพ :  สุวิจักขณ์ ศรีภา,ธวัชชัย ทิพย์โยธา


            อ่านต่อบทความน่าสนใจ

              สีทาภายใน

              ลูกเป็นภูมิแพ้ กำเริบ เพราะสารระเหยจากสี! How to เลือก สีทาภายใน ให้ลูกน้อยปลอดภัย

              พ่อแม่รู้หรือไม่ สารระเหยจาก สีทาภายใน มีผลต่อระบบหายใจของลูก แล้วต้องเลือก สีทาบ้าน อย่างไรให้ปลอดภัย ปลอดสารระเหย ทีมแม่ ABK มีคำแนะนำดีๆ มาฝาก

              ในช่วงเวลาที่แม่ท้องหรือลูกยังเบบี๋ เชื่อว่าพ่อๆแม่ๆเป็นกันแทบทุกบ้าน เราจะกังวลกับทุกสิ่งที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ของลูก ของที่เลือกใช้กับลูก สิ่งที่จะอยู่รายล้อมลูก ไม่มีคำว่า “แค่” แต่ทุกสิ่งสำหรับลูกเป็นเรื่องใหญ่เสมอ

              เพราะอากาศที่ดี มีผลกับภาวะความสบายที่เกิดกับแม่ และภาวะความปลอดภัยของทั้งคู่ การสูดดมสารระเหยต่างๆ มีผลอย่างมากกับสุขภาพของแม่และเด็กน้อย ดังนั้นขั้นตอนในการเตรียมห้องสำหรับลูกน้อยจึงมีความสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆ ซึ่งนอกจากการจัดวางผังบ้านที่ดีมีผลกับการใช้งานและความปลอดภัยภายนอกของร่างกาย … การเลือกใช้ของที่คุณภาพดี เลือกลงทุนในสิ่งที่สำคัญ … เป็นสิ่งที่จำเป็นกว่า!! ทีมแม่ ABK มีสีที่ดี สีทาภายใน เหมาะกับการใช้ภายในบ้านสำหรับครอบครัวมาแนะนำ

              How to เลือก สีทาภายใน
              ใช้สีทาบ้านให้ปลอดภัย ลูกห่างไกลภูมิแพ้

              สีทาภายใน คอลเลคชั่นใหม่ จากโจตัน “Jotun Kids Collection 2023” เฉดสีน้ำทาภายใน Majestic Sense เกรดพรีเมี่ยม ที่มาพร้อม เทคโนโลยีในการช่วยฟอกอากาศบริสุทธิ์ หรือ  clean Air Technology ที่จะช่วยทำให้ทุกช่วงเวลาพักผ่อนมีแต่ความผ่อนคลายสบายใจ กับสีสันในโทนที่ต้องตะโกนออกมาว่า สวยละมุนมากๆ เพราะ สีทาภายใน คอลเลคชั่นสีใหม่สำหรับเด็ก ที่ทางทีมออกแบบของโจตันพัฒนาและสร้างสรรค์มานั้น พูดได้เลยว่าทั้งสวยและปลอดภัย ซึ่งได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา Bambini Villa สุขุมวิท 26

              สีทาภายใน สีทาภายใน สีทาภายใน สีทาภายใน

              บรรยากาศห้องตัวอย่างในงานแถลงข่าวเปิดตัวสี “Jotun Kids Collection 2023”
              กับสีโทนอุ่นสบายและเฟอร์นิเจอร์สวยๆจากแบรนด์ Little Think.co

               

              สีทาภายในบ้าน จาก โจตัน สวยแบบนี้ แม่ๆ ก็อุ่นใจ หายใจได้คล่องจมูก โล่งปอด ในเด็กโตก็สามารถชวนเด็กๆ มาปลดปล่อยจินตนาการไปกับสีสัน ผ่านการเล่าเรื่อง สร้างกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวได้อีกด้วย

              “สีที่ดีสำหรับเด็ก ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร”

              สีทาบ้านที่ดีต้องปลอดสารฟอมัลดิไฮท์ แล้ว สารฟอมัลดิไฮท์ คืออะไร สารฟอมัลดิไฮด์อยู่ที่ไหนในบ้านได้บ้าง

              ส่วนใหญ่เรามักเข้าใจว่าสารนี้มีอยู่แค่ในส่วนประกอบของสีเท่านั้น แต่จริงๆแล้วสารนี้มีอยู่ในหลายผลิตภัณฑ์ที่อาจจะอยู่รายล้อมรอบตัวเรา เช่น เฟอร์นิเจอร์ที่มีส่วนประกอบของไม้คอมโพสิต หรือไม้อัด วัสดุก่อสร้าง สีและสารเคลือบต่างๆ รวมไปถึงสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ ทั้งน้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือยาฆ่าแมลงต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีและมีคุณภาพเท่านั้น

              “ไม่มีสารระเหยและกลิ่นฉุน”

              ก่อนตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ ให้คุณพ่อคุณแม่มองหาคุณสมบัติ Zero VOCs  หรือ สีที่มีสารระเหยจากสารอินทรีย์ต่ำหรือน้อยมาก ซึ่งสารนี้จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองเยื่อจมูกและดวงตา กระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้ ทำให้ลูกเป็นภูมิแพ้กำเริบขึ้นมาได้

              ดังนั้นหากเลือกสีที่คุณภาพดี จะช่วยให้ไม่มีสารนี้ตกค้าง ไม่มีกลิ่นฉุนตั้งแต่ระหว่างทาไปจนถึงทาเสร็จ เรียกว่าหากพ่อๆอยากทาสีห้องเอง ก็ไม่เป็นอันตรายใดๆ ด้วยเนื้อสีที่ทาง่าย สามารถปกปิดพื้นผิวได้ดี ปิดจุดบกพร่องของผนัง รวมถึงยังแห้งไวในระยะเวลาแค่สองชั่วโมงและสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย

              สีทาภายใน

              “จะรู้ได้อย่างไร ว่าไม่มีสารเหล่านี้ในผลิตภัณฑ์ สีทาภายใน ที่เราเลือก”

              EPA สัญลักษณ์นี้เท่านั้นในการเลือกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับหรือ สีที่ใช้ภายในบ้าน เพราะเป็นสิ่งที่การันตีได้ว่าเป็นสีที่ได้มาตรฐาน

              สีสร้างจินตนาการ

              ชวนลูกมาสนุกกับสีสัน ด้วยการจูงมือพากันไปเลือกสีห้องของเขาเอง ให้พวกเขาได้มีส่วนร่วมมีส่วนช่วยคิด และเลือกโทนสีที่ตรงกับความชอบของเจ้าของห้องจริงๆ หรือหากอยากใช้เวลาครอบครัวร่วมกัน ชวนเด็กๆ มาทาสีห้อง แต่งแต้มระบายสีหรือวาดภาพในแบบที่เขาต้องการในพื้นที่ของเขาเอง ให้ห้องมีเอกลักษณ์แบบที่คนอื่นๆ ไม่มี ทั้งยังสร้างความทรงจำร่วมกัน สร้าง Self Esteem ให้กับเด็กๆ สร้างความมั่นใจ และภูมิใจในตนเอง การทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวสร้างช่วงเวลาของความรัก ให้พวกเขาเห็นคุณค่าของครอบครัว และเห็นความสำคัญต่อตนเองอีกด้วย

              สีทาภายใน สีทาภายใน

              นอกจากนี้ ทีมแม่ ABK ขอแนะนำสีในกลุ่มคอลเลคชั่นใหม่ ของโจตันนี้ ที่สวยและมีความเป็นกลาง สามารถหยิบนำมาใช้ได้ทั้งเด็กหญิงเด็กชาย รวมไปถึงผู้ใหญ่ก็น่าจะถูกใจด้วย เพราะเป็นกลุ่มสีโทนพาสเทลแบบสบายตา ใช้กับห้องพื้นที่ส่วนกลางต่างๆในบ้านได้อย่างดีเลย

              Pastel forest   – ชวนเด็กๆจินตนาการผืนป่าอันลึกลับด้วยโทนสีเขียวพาสเทล สีกลางที่เลือกใช้ง่าย เหมาะกับห้องอื่นๆในบ้านได้ด้วย ไม่ใช่แค่ห้องเด็ก

              สีทาภายใน

               

              Eternal Ocean   – แทนค่าสีสันของมหาสมุทรด้วยโทนสีขรึม ที่ใช้ได้ตั้งแต่เด็กจนถึงวัยรุ่น สีที่พ่อๆก็น่าจะถูกใจด้วย

              สีทาภายใน

               

              Pinkish Pastures – เติมความละมุนแบบหวานๆด้วยโทนสีชมพู ที่มีรสนิยม ไม่จัดจ้านกวนใจแม่ และเด็กๆก็มีความสุขไปกับสีหวานๆที่เขาชอบได้

              สีทาภายใน

               

              ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  www.jotun.com

               

              เรื่อง :  Pete Prim’s Mom

              ภาพ  : ไฟล์ภาพประชาสัมพันธ์ / www.jotun.com


              อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก ⇓

                ขั้นตอนการทํา cpr

                หมอสอนเอง! 7 ขั้นตอนการทํา cpr ช่วยชีวิต เมื่อลูกหยุดหายใจ

                “วิธีปฐมพยาบาล และ ขั้นตอนการทํา cpr ที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้” โดย ผศ.พญ.ชิดชนก เธียรผาติ กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านระบบประสาท โรงพยาบาลพญาไท 2 ที่จะมาให้คำแนะนำ สาธิตให้ดูแบบชัด เพื่อช่วยชีวิตลูก และใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินในชีวิตประจำวันได้

                7 ขั้นตอนการทํา cpr ช่วยชีวิต เมื่อลูกหยุดหายใจ
                โดย ผศ.พญ.ชิดชนก เธียรผาติ

                ทำความรู้จักกับ CPR 

                CPR ย่อมาจาก Cardio-Pulmonary Resuscitation คือ วิธีการปฐมพยาบาลขั้นแรก ก่อนที่จะถึงมือบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อช่วยเหลือคนที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้น หรือหยุดหายใจ ด้วยการกดบริเวณหัวใจเพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือด เพิ่มปริมาณอากาศที่ไหลเข้าไปในปอด หากช่วยชีวิตคนด้วย ขั้นตอนการทํา cpr นี้ จะทำให้ผู้ป่วยกลับมาหายใจได้ สามารถนำส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลเพื่อให้ได้รับการรักษาโดยมีความเสี่ยงเสียชีวิตหรือสมองตายน้อยลง ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยได้มากขึ้น

                ลูกป่วย

                สาเหตุที่พบเจอบ่อย ของอาการหัวใจหยุดเต้น

                ก่อนจะไปเรียนรู้ ขั้นตอนการทํา cpr พ่อแม่ต้องรุ้ก่อนว่าการที่หัวใจหยุดเต้นไปเพียง 4 นาที ก็อาจทำให้เด็กเด็กเสียชีวิตได้แล้ว ซึ่งสาเหตุที่ทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ ก็คือ..

                • โรคหัวใจ
                • อุบัติเหตุ ไฟช๊อต ไฟดูด
                • จมน้ำ
                • โดนสารพิษ

                ในแต่ละปีมีผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นประมาณ 350,000 รายในสหรัฐอเมริกา โดย 90% เป็นผู้ใหญ่ และ 7,037 รายเป็นเด็ก ซึ่งมีเพียง 12% ของผู้ที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นเท่านั้นที่รอดชีวิต ดังนั้นการเรียนรู้การทำ CPR จึงเป็นการเตรียมตัวเพื่อรับมือกับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น

                ผู้ป่วยที่หัวใจหยุดเต้น จะทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปทั่วร่างกายได้ หากหัวใจหยุดเต้นเพียง 4 นามี ก็ทำให้สมองถูกทำลายเนื่องจากขาดออกซิเจนแล้ว ขั้นตอนการทํา cpr จึงต้องทำอย่างรวดเร็ว

                 

                ขั้นตอนการทํา cpr ในผู้ใหญ่ เด็กเล็กและเด็กโต

                1.  ประเมินการหมดสติ ขั้นตอนการทํา cpr อันดับแรกต้องประเมินเบื้องต้นว่า ผู้ป่วยมีอาการเป็นอย่างไร หมดสติหรือไม่ หยุดหายใจหรือไม่ หัวใจหยุดเต้นหรือไม่

                • ก่อนจะเข้าไปให้ความช่วยเหลือ ให้ตรวจสอบให้ดีก่อนว่า พื้นที่ที่เราจะเข้าให้ความช่วยเหลือ ปลอดภัยหรือไม่ เช่น หากอยู่กลางถนน ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการปิดกั้นการจราจรหรือยัง หรือไฟช๊อต ผู้ป่วยควรถูกพาออกมาให้พ้นจากกระแสไฟ หรือมีการตัดไฟก่อนที่จะเข้าไปช่วยเหลือ
                • เรียกคนไข้เสียงดัง ๆ พร้อมตบบ่า ไหล่ ทั้งสองข้างแรง ๆ ถ้าผู้ป่วยไม่ตอบสนอง ถือว่าหมดสติ สำหรับเด็กเล็ก ลองเขี่ยเท้าเด็กเพื่อดูการตอบสนอง ไม่ควรเขย่าตัวเด็กแรง ๆ

                ลูกป่วย

                2. ตรวจสอบการหายใจ ตรวจสอบดูว่าผู้ป่วยยังหายใจหรือไม่ ด้วยการสังเกตการเคลื่อนไหวของหน้าอก และฟังเสียงหายใจจากปากหรือจมูก

                3. ตรวจสอบการเต้นของหัวใจ สำหรับผู้ใหญ่ให้ดูที่หลอดเลือดใหญ่ที่คอ โดยวางนิ้วด้านข้างของลำคอ ระดับเดียวกับลูกกระเดือก กดบริเวณกล้ามเนื้อ เพื่อสัมผัสชีพจร สำหรับเด็กเล็กให้นอนหงาย แล้วแตะดูที่ข้อพับ หากมีชีพจรอ่อน หรือชีพจรต่ำกว่า 60 ครั้งต่อนาที ถือว่าหัวใจหยุดเต้น ต้องปั้มหัวใจ

                4. ขอความช่วยเหลือ ด้วยการโทร 1669 แล้วให้ข้อมูลอย่างละเอียดทั้ง สถานที่ อาการของผู้ป่วยที่ตรวจสอบเบื้องต้น

                5. กดหน้าอกเพื่อปั้มหัวใจ

                ขั้นตอนการทํา cpr นี้สำคัญมาก ตำแหน่งวางมือ ควรวางให้ตรงจุด เพราะหากวางมือผิดวิธี หรือวางมือผิดตำแหน่ง จะทำให้การปั้มหัวใจไม่มีประสิทธิภาพ และอาจทำให้ผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บ

                • ผู้ใหญ่ วางมือตรงตำแหน่งกึ่งกลางหน้าอกระดับราวนม วางมือข้างที่ถนัดไว้ด้านล่าง ทับข้างบนด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด วางมือให้ตั้งฉากกัน เทน้ำหนักส้นมือสัมผัสหน้าอกผู้ป่วย ผู้ทำการปั้มหัวใจต้องนั่งโถมตัวเหนือผู้ป่วย ให้หัวไหล่ แขน มือ อยู่ในแนวตั้ง กดหน้าออกลงไปตรง ๆ ให้แขนตึง ไม่งอแขนหรือข้อศอก กดลงไปครึ่งหนึ่งของความหนาอกแล้วปล่อย โดยที่ส้นมือยังแตะอยู่กับอกตลอดเวลา ปล่อยให้หน้าอกเด้งกลับขึ้นมาเอง กดไป 30 ครั้ง ในอัตราเร็ว 100-120 ครั้งต่อนาที
                • เด็กโต ใช้วิธีเหมือนกัน แต่จะใช้แค่ 1-2 มือ แล้วแต่ขนาดตัวของเด็ก กดหน้าอกลงให้ลึก 1/2 หรือ 1/3 ของอก โดยกด 30 ครั้ง ด้วยอัตราเร็วเท่ากันกับของผู้ใหญ่
                • เด็กเล็ก ใช้ 2 นิ้ว คือนิ้วชี้และกลางของมือข้างที่ถนัด หรือใช้ 2 มือโอบรอบตัวเด็ก และวางนิ้วโป้งทั้งสองมือลงที่กลางอกของเด็ก กดลงไปให้ลึก 1/3 ของอก เป็นจำนวน 30 ครั้ง

                6. สลับมาเป่าปาก โดยพ่นลมจากปากให้ผู้ป่วย 2 ครั้ง ครั้งละอย่างน้อย 1 วินาที ใช้วิธีพ่นลมยาว ๆ โดยก่อนหน้านั้นให้จัดทางเดินอากาศให้โล่ง สำหรับผู้ใหญ่ ให้เชยคางขึ้น กดหน้าผากลงไปให้เงยหน้า สำหรับเด็กก็ทำเหมือนกัน แต่ไม่ต้องกดหน้าผากเด็ก

                7. ทำซ้ำเรื่อย ๆ แบบ 30/2 คือปั้มหน้าอก 30 ครั้ง เป่าปาก 2 ครั้ง จนกว่าหัวใจจะกลับมาเต้น หรือเริ่มหายใจอีกครั้ง หรือจนกว่ารถพยาบาลจะมาถึง

                 

                วิธีปฐมพยาบาลเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมติดคอ

                เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมที่ติดอยู่ในลำคอของทารก สิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ สามารถเข้าไปปิดกั้นทางเดินหายใจ เด็ก ๆ มักจะสำลักวัตถุชิ้นเล็กๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นถั่วหรือลูกปัด คนรอบข้างควรระวังไม่ให้เด็กนำสิ่งเหล่านี้เข้าปาก

                ทำความเข้าใจกับการสำลักอาหาร

                สำลัก คืออาการที่เกิดขึ้นเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมติดในช่องคอหรือหลอดลม ทำให้กีดขวางช่องทางการหายใจ ไม่สามารถหายใจได้ตามปกติ โดยปกติแล้วการสำลักนั้นเกิดขึ้นแค่ครู่เดียว แต่ถ้าหากมีอาการนาน การสำลักก็อาจเป็นอันตราย และรุนแรงถึงชีวิตได้

                สาเหตุของการสำลัก

                เด็กมักจะสำลักเมื่อนำสิ่งของเข้าปากด้วยความอยากรู้อยากเห็น หรือเกิดการสำลักขณะที่กินอาหารเร็วเกินไป หรือพูดขณะที่มีอาหารอยู่ในปาก ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผู้ใหญ่สำลัก มักเกิดจากการเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด หัวเราะ พูดคุยขณะกินอาการ หรือดื่มน้ำเร็วเกินไป

                 

                วิธีสังเกตอาการสำลัก

                1. หายใจไม่สะดวก หรือมีอาการหายใจแรงและเสียงดังผิดปกติ
                2. พูดคุยตอบสนองไม่ได้
                3. ไม่สามารถกลืน หรือใช้เวลานานกว่าปกติ
                4. ไอแรง ๆ ไม่ได้
                5. ผิวหนัง ริมฝีปาก และเล็บเริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ เนื่องจากขาดออกซิเจน
                6. ขาดสติ ไม่รู้สึกตัว

                สำหรับเด็กเล็ก ให้สังเกตดูอาการว่า เด็กดูเจ็บปวด จับบริเวณคอที่ตรงกับทางเดินหายใจด้วยท่าทีทรมาน หายใจเสียงดัง ร้องไห้ หรือไอไม่ได้ บางครั้งไม่สามารถส่งเสียงร้องหรือหายใจได้

                 

                วิธีจัดการเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมติดคอ

                1. ทารก หรือ เด็กเล็ก วิธีนำสิ่งแปลกปลอมออกจากคอของทารก ด้วยการให้ลูกนอน พาดบนตัก 1 ข้าง ให้ตัวของลูกห้อยลงต่ำ ใช้สันมือทุบระหว่างสะบัก 2 ข้าง ข้างละ 5 ครั้ง สลับกับนอนหงาย ใช้ 2 นิ้วมือกดบริเวณกึ่งกลางใต้ราวนม แถวลิ้นปี่ 5 ครั้ง เพื่อกระตุ้นให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออกมา ใช้ฝ่ามือรองเพื่อหนุนคอเด็กขณะตบหลังและจับตัวเด็กหันหน้าออกคว่ำหน้าลง ทำซ้ำจนสิ่งแปลกปลอมออกมา ถ้ายังไม่หลุด และลูกเริ่มมีอาการตัวเขียว ให้เริ่มเข้าสู่กระบวนการนวดหน้าอกแบบ CPR
                2. ผู้ใหญ่ หรือ เด็กโต กรณีมีวัตถุใด ๆ ติดหลอดลม ให้ประสานมือเป็นกำปั้น วางมือไว้ตรงกลางท้องใต้ชายโครง รัดกระตุก หรือกระทุ้งที่ลิ้นปี่ขณะยืน เพื่อกระตุ้นให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออกมา

                สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าหากไม่สามารถเอาวัตถุแปลกปลอมออกได้ด้วยวิธีเหล่า ต้องขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉินทันทีโดยเร็วที่สุด

                ลูกป่วย ลูกติดคอ

                ลูกมีไข้ ตัวร้อน ทำอย่างไรดี

                ขั้นตอนการเช็ดตัว เมื่อลูกไม่สบาย ตัวร้อนสูง

                • ควรเช็ดตัวลูกในห้องที่มีอากาศปลอดโปร่ง ไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป ควรปิดแอร์ เพราะอากาศเย็นจะยิ่งทำให้ร่างกายหดเกร็ง หนาวสั่น
                • ถอดเสื้อผ้าของลูกออก เตรียมน้ำอุ่นเพือป้องกันไม่ให้ลูกหนาวสะท้าน และเตรียมผ้าเอาไว้ 2 ผืน
                • จุดลดไข้ คือจุดที่มีชีพจรใหญ่ ได้แก้ คอ รักแร้ ขาหนีบ นำผ้าชุบน้ำหมาด ๆ วางตามจุดชีพจรสำคัญ แล้วนำผ้าอีกผืนเช็ดย้อนรูขุมขน เพื่อเปิดรูขุมขน ให้ความร้อนระบายออกมา โดยเช็ดครั้งละประมาณ 15 นาที

                 

                ถ้าลูกมีไข้สูงและมีอาการชัก

                ในอดีต ผู้ใหญ่มักจะเอานิ้วใส่ปากให้น้องกัด เพราะกลัวลูกกัดลิ้นจนเสียชีวิต แต่ที่จริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น เพราะตามปกติ ร่างกายมีกระบวนการหยุดชักไม่เกิน 5 นาที คุณพ่อคุณแม่สามารถปฐมพยาบาลลูกได้ด้วยการจับลูกนอนตะแคงข้าง เพื่อป้องกันการสำลัก ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อจากอาหารเข้าในหลอดลมได้ ถ้าลูกดูตัวเขียว สามารถช่วยเป่าปากให้ลูกได้ โดยไม่ควรจับหรือกดยึดตัวลูกเอาไว้อย่างรุนแรงจนเกิดอันตราย แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล

                 

                ลูกกินสารเคมีอันตราย ทำอย่างไรดี

                ลูกกินสารเคมีเป็นปัญหาที่เจอบ่อย สมัยที่เป็นแพทย์ประจำบ้านเจอแทบตลอด คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรทำให้ลูกอาเจียน ไม่ควรให้ยา เพราะการอาเจียนเอาสารเคมีและกรดในกะเพาะอาหารออกมา จะยิ่งทำให้เกิดการระคายเคืองหลอดอาหารได้ และมีสารเคมีบางชนิดเท่านั้นที่สามารถล้างท้องได้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรพาลูกส่งโรงพยาบาลทันที

                 

                อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                วิธี ปฐมพยาบาล และทำ CPR ที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้

                การทำ CPR และ การปฐมพยาบาลลูก โดย รพ. พระรามเก้า

                สำลัก จนหมดสติไม่ต้องกระทุ้งท้องแล้วปั๊มหัวใจทันที!!

                  5 วิธี ชวนให้ ลูก สนุกกับการ อาบน้ำ

                  การหัดให้ลูกรักการอาบน้ำแต่เนิ่นๆ ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้แม่ๆ ดูแลความสะอาดผิวลูกน้อยได้ง่ายขึ้น และนอกจากจะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกแล้ว ยังถือเป็นขั้นตอนแรกของการดูแลบำรุงผิว ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนในการอาบน้ำ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นสุขภาพดี เนื่องจากเด็กๆ มักจะผิวบอบบางแพ้ง่าย เพราะยังไม่มีการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ เมื่อเจออะไรระคายเคือง ก็ทำให้ไม่สบายตัว งอแงได้ง่าย ทีมแม่ ABK มาแนะนำ 5 วิธีที่จะช่วยให้ ลูกๆ สนุกกับการอาบน้ำมากขึ้นค่ะ!

                  1. เตรียมอุณหภูมิน้ำให้ไม่อุ่น หรือเย็นจนเกินไป     

                  น้ำร้อนเกินไปจะทำให้ผิวบอบบางของลูกแห้ง ทำให้เกิดปัญหาการระคายเคืองตามมา แต่ถ้าน้ำเย็นเกินไปก็จะทำให้ลูกรู้สึกหนาว ไม่อยากอาบน้ำ การให้ ลูก อาบน้ำ อุณหภูมิห้องดีที่สุด สำหรับบ้านเราที่อากาศร้อน ควรอาบน้ำให้ลูกวันละ 2-3ครั้ง ตอนสายกับตอนบ่ายและตอนเย็น 

                   

                  2. หาของเล่น หรือนิทานลอยน้ำ เพื่อช่วยให้ลูกเพลิดเพลิน

                  ชวนลูกให้มาสนุกกับการอาบน้ำด้วยของเล่นหรือเกม ที่คิดขึ้นเองระหว่างแม่ ลูก เอามาเล่นกันเฉพาะเวลา อาบน้ำ หรือจะเป็นนิทานลอยน้ำ หนังสือที่ทำจากวัสดุทนน้ำ ให้ลูกสามารถอ่านระหว่างอาบน้ำได้ไม่ต้องกลัวเปียก ทำให้ลูกเพลิดเพลินและรักการอาบน้ำยิ่งขึ้น

                   

                  3. เปิดเพลง หรือร้องเพลงชวนอาบน้ำ 

                  เพลงก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยของแม่ที่ทำให้ลูกชอบอาบน้ำ อาจลองหาเพลงชวนอาบน้ำมาเปิดเชิญชวนกันก่อน โดยบางวันแม่ลองสลับเป็นการร้องเพลงกับลูกระหว่างอาบน้ำ จะทำให้ลูกรู้สึกสนุกที่ได้มีส่วนร่วมไปด้วย

                   

                  4. สำหรับเด็กโตขึ้นมา ให้ ลูก มีส่วนร่วมในการเลือกผลิตภัณฑ์ อาบน้ำ

                   

                  เมื่อลูกโตพอที่จะพาไปช็อปปิ้งด้วยกันได้ แม่ๆ อาจให้ลูกช่วยเลือกผลิตภัณฑ์อาบน้ำด้วยตัวเอง ลองดมกลิ่น ดูแพคเกจ สีผลิตภัณฑ์ว่าชอบแบบไหน เมื่อถึงเวลาอาบน้ำ ลูกจะเห็นว่าได้ใช้ของที่ตัวเองเลือกมา แล้วจะรู้สึกเอนจอยกับการอาบน้ำไปด้วย

                  5. ชวนลูกทำฟองสบู่เล่นระหว่างอาบน้ำ

                  การได้ทำฟองสบู่ระหว่างอาบน้ำ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เด็กชอบ เพราะจะได้สร้างสรรค์ฟองสบู่ฟูฟ่องจากมือตัวเอง ตามจินตนาการ ทำให้สนุก เพลิดเพลิน ซึ่งคุณแม่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว และไม่ระคายเคืองตา จะได้ไม่รบกวนการเล่นระหว่างอาบน้ำของลูกน้อย

                  ทีมแม่ ABK แนะนำ! เเคร์ เฮดทูโท สบู่เหลวอาบน้ำเด็ก สูตรอาบ-สระ ครบ จบในขวดเดียว (Head to toe) อ่อนโยน ด้วยสูตรไฮโป-อัลเลอร์เจนิก ไม่มีสารเคมี ปราศจากสารอันตราย 5 ชนิด ได้แก่ ไม่มีพาราเบน ไม่มีซิลิโคน ไม่มีสีสังเคราะห์ ไม่มีกลูเตน และ ไม่มี Phthalates มาพร้อมค่า pH Balance ที่ช่วยปกป้องและรักษาสมดุลให้ผิวแพ้ง่ายไม่ระคายเคือง นอกจากอาบสะอาดแล้ว ยังมี “สารสกัดจากนิวทริ-โอ๊ต” ที่ช่วยบำรุงผิวเด็กให้นุ่มชุ่มชื้นหลังอาบน้ำ อีกทั้งยังมอบกลิ่นหอมละมุนจากสารสกัดธรรมชาติ รับรองว่าผ่อนคลายทั้งคุณลูกและคุณแม่

                  แคร์ เฮดทูโท นิวทริโอ๊ต เชอร์รี่ บลอสซัม

                  • ผสานสารสกัดจากเชอร์รี่ บลอสซัม และคุณค่าสารสกัด นิวทริโอ๊ต ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวชุ่มชื้นสุขภาพดี ให้ผิวเนียนนุ่มเด้ง
                  • สูตร pH Balance เหมาะสำหรับผิวบอบบาง เพื่อการดูแลผิวและผมของลูกน้อย ให้สุขภาพดีตามธรรมชาติ
                  • สูตรไฮโปอัลเลอร์เจนิก ทำความสะอาดผิวลูกน้อยอย่างอ่อนโยน 
                  • ไม่ระคายเคือง ไม่ก่อให้เกิดการแพ้* ปลอดภัยต่อผิวบอบบาง
                  • ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ผิวหนัง**

                  *ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ในกลุ่มทดลอง เว้นแต่การแพ้ส่วนบุคคลหรือการระคายเคือง
                  **จากผลการทดสอบในอาสาสมัครจำนวน 204 คน โดยบริษัท TKL Research Inc. ประเทศสหรัฐอเมริกา ปี 2564

                  สามารถติดตามอ่านรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่

                  https://www.care.co.th/product/head-to-toe/head-to-toe-nutri-oat-and-cherry-blossom

                   

                  ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง   https://bangkokhatyai.com/knowledge/view/473

                    Tags

                    ABK Expert: วิธีรับมือ เมื่อลูกไม่ยอมกินนมจากขวด

                    แม่ๆ มือใหม่หลายคนอาจเป็นกังวลว่า เมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับไปทำงานแล้ว จะต้องให้นมลูกอย่างไร ที่ยังได้ให้สารอาหารจากนมแม่ได้อย่างครบถ้วน ปัจจุบันแม่ที่ให้นมลูกได้ด้วยตัวเองจะมีเครื่องปั๊มนม ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้แม่เก็บน้ำนมที่มีคุณค่าให้ลูกเมื่อไม่ได้ให้โดยตรงจากเต้าเอง การให้นมแม่จากเต้า และการดูดนมจากขวดนั้นแตกต่างกันพอสมควร ทำให้ ลูกติดเต้า ไม่ดูดขวด ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงได้หาคำตอบมาให้ว่า วิธีการฝึกให้ลูกหัดกินนมจากขวดนั้นทำอย่างไร โดยคุณหมอแอม จะมาแนะนำเทคนิคดีๆ ให้อ่านกันค่ะ

                    ABK : สาเหตุที่ลูกไม่ยอมกินนมจากขวด มีอะไรบ้าง?

                    หมอแอม : ลูกไม่ยอมกินนมจากขวด มีอยู่ประมาณ 5 สาเหตุหลักๆ ด้วยกันค่ะ

                    1. ติดไออุ่นจากเต้าแม่

                    การให้ลูกกินนมแม่จากเต้านมจะมีกลไกการกินแตกต่างจากการกินนมจากขวด มีลักษณะการเคลื่อนที่ของลิ้นและการขยับของขากรรไกรที่ต่างกัน โดยในระหว่างการกินนมจากเต้า ทารกจะมีการหายใจที่สัมพันธ์กับการดูดและกลืนน้ำนม  ดังนั้นเมื่อเปลี่ยนจากเต้านมแม่เป็นขวด จะต้องใช้เวลาและความเข้าใจ เพื่อที่จะทำให้ลูกหัดกินนมจากขวดได้

                    1. รสชาตินม / กลิ่นที่กินจากขวด เปลี่ยนไป ไม่คุ้นเคย

                    ก่อนที่จะให้นมลูกผ่านขวด ควรดมกลิ่นนมที่แม่สต็อคไว้ ว่าเสียหรือยัง รวมถึงกลิ่นขวดนมเอง ว่ายังมีกลิ่นตกค้างจากน้ำยาล้างขวดหรือไม่ ซึ่งมีส่วนทำให้การรับรู้รสชาติของนมเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ทำให้ลูกได้กลิ่นที่ไม่คุ้นเคย จึงปฏิเสธการกินนมจากขวด

                    1. ลักษณะจุกที่ใช้ดูดไม่คุ้นเคย

                    จุกนมสำหรับทารกที่ขายทั่วไปในท้องตลาด แม่จะต้องเลือกดูขนาดให้เหมาะสมกับอายุของทารก จุกนมที่มีฐานกว้าง จะมีความใกล้เคียงกับการดูดนมแม่ ก็เป็นตัวช่วยที่หัดให้ลูกดูดนมจากขวดได้เช่นกัน

                    1. กินขวดไม่ถนัด ทำให้ดูดลมเข้าไปแล้วท้องอืด

                    เมื่อลูกกินนมจากขวดนม อาจดูดลมเข้าไปในท้องมากเกินไปจนทำให้ท้องอืด จนทำให้เกิดอาการอึดอัด ไม่สบายท้อง โดยจะแสดงออกด้วยการร้องไห้งอแงนั่นเอง

                    1. ท่าป้อนไม่เหมาะสม อิริยาบถไม่คุ้นเคย

                    เนื่องจากการกินนมจากเต้าจะมีการประคองทารก และหลักในการป้อนนมเพื่อที่จะให้ทารกได้กินนมแม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเปลี่ยนมาเป็นการใช้ขวดนม ท่าป้อนที่ไม่ถูกต้อง หรือเกร็งจนเกินไป อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวทั้งแม่และลูก ซึ่งทำให้ลูกรู้สึกไม่สบายตัวเมื่อต้องกินนมจากขวด

                     

                    ABK : เมื่อถึงเวลา จะมีวิธีรับมืออย่างไรให้ลูกหัดกินนมจากขวด

                    หมอแอม : เทคนิคที่แม่ๆ ทุกบ้านลองทำตามกันได้มีดังนี้ค่ะ

                    1. วางแผนเริ่มฝึกลูกแต่เนิ่นๆ ก่อนต้องใช้ขวดจริงๆ

                    เช่น เมื่อแม่ใกล้เวลาต้องกลับไปทำงาน โดยปกติยิ่งฝึกเร็วเด็กจะยิ่งคุ้นเคยได้ง่ายกว่า แต่ควรฝึกหลังจากที่ลูกอายุ 1 เดือนขึ้นไป เพื่อไม่ให้ลูกเกิดการสับสนหัวนม (nipple confusion) นั่นคือการชินกับการดูดนมจากขวดนม ซึ่งนมจะไหลออกจากจุกเอง ต่างจากกลไกการดูดนมแม่ที่เวลาดูดจากเต้า ต้องใช้การเคลื่อนที่ของลิ้นเพื่อช่วยในการดูดนมออกมา

                    2. เริ่มฝึกป้อน ตอนที่เด็กไม่ง่วงจัด หรือหิวจัด

                    เนื่องจากจะทำให้เด็กไม่เอาขวด งอแง และป้อนขวดไม่สำเร็จได้ แนะนำให้ฝึกป้อนขวด ประมาณ 10-15 นาที ก่อนเวลาหิวนมจริง หรืออาจให้ลูกดูดจุกเพื่อทำความคุ้นเคยกับจุกก่อนป้อนจริง ช่วงแรกๆ ลองฝึกป้อนเรื่อยๆ เพื่อให้เด็กค่อยๆ คุ้นชินกับการดูดนมจากขวด

                    3. แนะนำให้แยกนมแม่กับนมผงคนละขวดกัน

                    สำหรับแม่ที่นมน้อย ในกรณีที่เด็กชินกับรสชาติของนมแม่ ทำให้ไม่อยากกินนมผงจากขวด สามารถผสมนมแม่กับนมผงชั่วคราว เพื่อให้เด็กค่อยๆ ปรับตัวกับรสชาติที่ไม่คุ้นเคย โดยในช่วงแรกผสมนมแม่ในปริมาณมากก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณนมผง และลดปริมาณนมแม่ลงทีละน้อย จนลูกชินกับรสชาติ และยอมกินนมผงจากขวดในที่สุด

                    4. คอยสังเกตอาการ และท่าทางลูกขณะดูดขวด

                    หากลูกดูไม่สบายตัว อึดอัด อาจเป็นจากท่าทางในการป้อนขวด หรือเป็นจากขวดนมที่ไม่กันลม ทำให้ทารกดูดลมเข้าไป จนท้องอืด และรู้สึกไม่สบายท้อง ทำให้ในครั้งต่อๆ ไป ลูกอาจไม่ยอมกินนมจากขวดอีก วิธีแก้คือควรหาขวดนมที่มีระบบป้องกันการกลืนลมเข้าท้อง ช่วยให้ลูกดูดสบายขึ้นได้ และปรับท่าทางให้เหมาะสม เช่น นอนหัวสูง หรือหาหมอนให้นมมารอง รวมถึงคอยเอียงขวดนมให้นมท่วมจุก เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกกลืนลมลงท้อง

                    5. ไม่เร่งรัดลูก เพราะทารกทุกคนจะรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย

                    เป็นสัญชาติญาณที่ติดตัวมาแต่กำเนิด การฝึกทักษะใหม่ เช่นการดูดขวดนมที่ไม่คุ้นเคย จึงต้องอาศัยเวลา หากคุณแม่ใจร้อน เผลอหงุดหงิด หรืออารมณ์ร้อนใส่ลูก จะทำให้ลูกยิ่งงอแง รู้สึกไม่ปลอดภัย และยิ่งฝึกการดูดนมจากขวดยากขึ้นด้วย

                     

                    ที่อยากแนะนำเพิ่มเติมคือ ขวดนมที่แม่เลือกควรใช้วัสดุที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน เนื่องจากขวดนมเป็นอุปกรณ์ที่ต้องผ่านความร้อนหลายครั้ง หากวัสดุไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้ลูกได้สารพลาสติกที่ละลายออกมา ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งได้ ขวดนมที่ออกแบบมาให้ทำความสะอาดง่าย จะช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียในขวด  และรูปทรงเหมาะมือ ถือง่าย ช่วยให้ลูกยอมรับการดูดนมจากขวดมากขึ้นค่ะ

                    สุดท้าย ในบางบ้านที่ช่วงกลางวันที่คุณแม่ออกไปทำงาน ลูกไม่ยอมกินนมจากขวด แต่ยอมอด มากินนมแม่จากเต้าในช่วงเย็นที่คุณแม่กลับมาบ้าน กรณีนี้อย่าพึ่งวิตกกังวลไปค่ะ เนื่องจากทารกบางคนปรับตัวเก่ง สามารถรับสารอาหารในช่วงเย็นเพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยกับช่วงกลางวันที่พร่องไปได้  วิธีดูว่าลูกสามารถใช้วิธีนี้ต่อได้ไหม คือให้ดูที่น้ำหนักส่วนสูง การเจริญเติบโตของลูกเป็นหลักค่ะ หากว่าลูกเจริญเติบโตปกติ น้ำหนักส่วนสูงอยู่ในเกณฑ์ดี ก็สามารถให้ลูกรอดูดเต้าในช่วงกลางคืนได้ค่ะ

                     

                     

                     

                     

                    พญ.พรนิภา ศรีประเสริฐ (หมอแอม) กุมารแพทย์

                     


                    #ทีมแม่ABK: ถึงแม้ว่านมจากเต้าแม่นั้นจะให้ความอบอุ่นที่ดีกว่าเป็นไหนๆ แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปทำภาระกิจ ก็ต้องหัดให้ลูกกินนมจากขวดบ้าง แม่ๆ ลองนำข้อมูลที่คุณหมอแอมให้มาเบื้องต้นไปฝึกลูกกันนะคะ ยิ่งถ้ามีตัวช่วยดีๆ อย่างจุกนม ที่มีความคล้ายคลึงกับเต้านมแม่ และขวดนมที่จับถนัดมือ ไม่ทำให้มีลมในท้องที่เป็นสาเหตุของอาการงอแงไม่สบายตัว เท่านี้ก็จะช่วยให้หัดลูกกินนมจากขวดได้ง่ายขึ้นค่ะ

                     

                    เอกสารอ้างอิง (กลไกการดูดนมแม่)

                    The American of Obstetricians and Gynecologist, American Academy of Pediatrics. Breastfeeding handbook for physician. 2nd edition. 2014.

                     


                    สนับสนุนโดย

                    Philips AVENT

                      Tags

                      InterCare

                      เริ่มต้นความพร้อมในวันนี้ เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าในทุกด้าน กับงาน “InterCare Asia 2023”

                      หากคุณคือผู้ใส่ใจในสุขภาพและความงาม หรือผู้สูงอายุที่กำลังมองหาความสมบูรณ์แบบ ความมั่นใจและอิสระในการใช้ชีวิต อย่าพลาด! งานสำคัญประจำปี “ InterCare Asia 2023 ” – งานแสดงสินค้าและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่สำหรับทุกวัยครบวงจร ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 2 กันยายนนี้ ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

                      พบกับการรวมตัวของผู้ประกอบการชั้นนำกว่า 150 บริษัทจากธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง อุปกรณ์สำหรับผู้สูงอายุ สถานบริการ คลินิกสุขภาพ บริการท่องเที่ยว สินค้าแฟชั่น ฯลฯ ที่พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการในการเตรียมความพร้อมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าสำหรับทุกวัย

                      • พบกับกลุ่มสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารออกแกนนิกส์ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
                      • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและชะลอวัย
                      • คลินิกเฉพาะด้าน ศูนย์บริการสุขภาพและกายภาพ
                      • ที่พักสำหรับผู้สูงอายุสมัยใหม่
                      • อุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือในการใช้ชีวิตประจำวัน

                      InterCare InterCare

                      สุขภาพทางการเงิน

                      • กองทุนเพื่อการเกษียณ
                      • บริการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย

                      สุขภาพใจ

                      • ที่พักและการท่องเที่ยวสำหรับผู้สูงอายุ
                      • คอร์สกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุ
                      • แพ็คเกจการท่องเที่ยวจากโรงแรมและ Wellness ชั้นนำ ในโซน Wellness and Travel Fair

                      พร้อมกิจกรรมพิเศษตลอดทั้ง 3 วันของการจัดงาน เปิดประสบการณ์ประทับใจที่สุดสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ

                      InterCare InterCare

                      พบกับสถานประกอบการธุรกิจดูแลผู้สูงอายุคุณภาพแห่งปี 2566 ในการมอบรางวัล “Excellent Senior Service Award 2023”  โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสมาคมการค้าและการบริการสุขภาพผู้สูงอายุไทย ในวันศุกร์ที่ 1 กันยายนนี้

                      งาน ” InterCare Asia 2023″ จับมือ “O-lunla” นิตยสารชั้นนำสำหรับผู้สูงวัย จัดเต็มนวัตกรรมสินค้าและบริการเพื่อผู้ใส่ใจสุขภาพสำหรับทุกวัย

                      อย่างที่หลาย ๆ คนพูดว่า “เมื่อป่วยหนึ่งคน ก็เหมือนป่วยด้วยกันทั้งบ้าน” และเราจะผ่านช่วงเวลานั้นอย่างไร? ดังนั้น ในปีนี้ งาน “InterCare Asia” จึงเปิดพื้นที่พิเศษสำหรับ “โอ-ลั้นลา” ได้มาแบ่งปันความห่วงใย และร่วมแบ่งปันกำลังใจ ในโซน “Share & Care แค่รักยังไม่พอ”

                      Real Experience

                      ฟังชีวิต พิชิตทุกข์ เข้าใจ ยอมรับ ตระหนักรู้ เพื่อเดินต่อไปข้างหน้าจากผู้ (เคย) ป่วย และผู้ (เคย) ดูแลผู้ป่วย

                      Workshop & Activity

                      ‘สนุก’ คลุก ‘ความรู้’  กิจกรรมและคลาสเวิร์กชอป เพื่อให้คนป่วยมีพลัง และคนดูแลผู้ป่วยก็ต้องยิ่งมีพลัง

                       

                      Health Rally ร่วมสนุกกับกิจกรรมสะสมแต้มสุขภาพรับของรางวัล

                      InterCare InterCare

                      ร่วมเต็มอิ่มกับสัมมนาที่หลากหลาย พร้อมคำแนะนำ และตอบทุกคำถาม เพื่อความอิสระอย่างสมบูรณ์แบบ

                       

                      หัวข้อสัมมนาวันที่เวลา
                      “ฟังความข้างคุณหมอ” โดยผู้เชี่ยวชาญจากนิตยสาร O-lunla31 สิงหาคมนี้13.30-14.15 น.
                      “การออมและการลงทุนเพื่อตัวเองและครอบครัวที่เรารัก” โดยคุณเสกสรร โตวิวัฒน์ กองทุนบัวหลวง31 สิงหาคมนี้16.30-17.15 น.
                      “ปรับบ้านปลอดภัย สูงวัยไม่ล้ม” (Friendly Design) โดย รศ. ไตรรัตน์ จารุทัศน์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคหการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ1 กันยายนนี้12.30-13.15 น.
                      “รับมือกับ Loneliness (ความเหงา) โดย ดร. ศุภลักษณ์ เข็มทอง คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล2 กันยายนนี้11.30-12.15 น.
                      “สูงวัยกาย-ใจ ต้องพร้อม โดยผู้เชี่ยวชาญจาก Prompt Care Academy2 กันยายนนี้13.30-14.15 น.

                       

                      เวิร์คชอปวันที่เวลา
                      ลูกบีบกุ๊กไก่” เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อนิ้วมือ31 สิงหาคมนี้12.30-13.15 น.
                      อาหารเล่าเรื่อง” โภชนาการที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ1 กันยายนนี้10.30-11.15 น.
                      วัยเก๋าทันสมัย” เสริมสร้างความเข้าใจในการใช้ Application Form2 กันยายนนี้15.30-16.15 น.

                       

                      พิเศษกว่าครั้งไหน! ครบครันกว่าใคร! งาน ” InterCare Asia 2023 ” ผนึกกำลังงาน “Wellness & Travel Fair 2023″ เตรียมพร้อมนำเสนอแพ็กเกจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพครบวงจร

                       

                      ในปีนี้งาน ” InterCare Asia 2023 ” มอบที่สุดของความครบครันด้านการดูแลสุขภาพกายและใจ โดยจัดพร้อมกับงาน “Wellness & Travel Fair” โดยสมาคมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพไทย ซึ่งเป็นเวทีรวบรวมแพ็กเกจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โรงพยาบาล อาหารสุขภาพ สินค้าที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ตลอดจนกิจกรรมจับคู่ธุรกิจด้าน Wellness สัมมนา “Wellness Trend Talk” โดยวิทยากรระดับประเทศ และกิจกรรมน่าสนใจอีกมากมาย เพื่อให้คุณได้เต็มอิ่มแบบคุ้มค่าและครบครันในที่เดียว

                      InterCare InterCare

                      งานนี้เหมาะสำหรับ

                      • ผู้ที่กำลังวางแผนเตรียมความพร้อมเพื่อชีวิตวัยเกษียณ อิสรภาพทางการเงินและสุขภาพ
                      • ผู้ที่มีผู้สูงอายุในความดูแล

                       

                      เหตุผลสำคัญที่คุณไม่ควรพลาดงานนี้

                      • เพื่อศึกษาและเตรียมความพร้อมเพื่อชีวิตอิสระ
                      • ซื้อสินค้าและเพื่อการดูแลสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ที่ได้มาตรฐาน ในราคาพิเศษ
                      • วางแผนและหา Solution ในการดูแลผู้สูงอายุอย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับภาระหน้าที่ในชีวิตประจำวัน ทั้งในรูปแบบของการดูแลด้วยตนเองและการใช้บริการ

                       

                      ร่วมสร้างชีวิตอิสระ สำหรับสุขภาพกายและสุขภาพทางการเงิน ต้องเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้! ที่งาน “ InterCare Asia 2023 ” วันที่ 31 สิงหาคม – 2 กันยายนนี้ ณ ฮอลล์ 6-7 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์… 3 วันเท่านั้น กับคำตอบเพื่อความพร้อมที่ดีกว่า!

                       

                      SCAN เพื่อลงทะเบียนเข้าชมงาน

                      InterCare

                      ผู้สูงอายุสามารถลงทะเบียนได้ที่ LINE @intercare-asia
                      พร้อมส่งข้อความ ชื่อ-นามสกุล / อายุ / หมายเลขโทรศัพท์มือถือ  เพื่อให้เราอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียน

                        อัสสัมชัญธนบุรี กับแนวคิดที่เชื่อว่า เด็กมีความชอบและความถนัดที่แตกต่างกัน

                        School visit วันนี้ พาคุณพ่อคุณแม่มาเยี่ยมชม โรงเรียน อัสสัมชัญธนบุรี โรงเรียนเอกชนชื่อดังย่านธนบุรี หนึ่งในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงและมีความพร้อมในการส่งเสริมการเรียนรู้ทุกด้าน

                         

                        ด้วยเนื้อที่กว่า 80 ไร่ ความสวยงามของสถานที่และบรรยากศที่น่าเรียนประกอบไปด้วยอาคารเรียนมากมาย เช่น ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ ห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ ศูนย์กีฬา ศูนย์ดนตรี รวมถึงห้องจัดกิจกรรมและแหล่งเรียนรู้ เช่น สวนพฤกษศาสตร์ สวนสัตว์ สนามเด็กเล่น ที่ล้วนออกแบบมาเพื่อพัฒนาเด็กให้ค้นพบความถนัดและความสนใจของตัวเองจากการเรียนรู้และกิจกรรมทั้งหมดที่มี

                         

                        ด้วยแนวคิดที่เชื่อว่าเด็กทุกคนนั้นมีความถนัดและความสนใจที่ไม่เหมือนกัน ทางโรงเรียนจึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้เด็กได้ค้นพบตัวตน จึงออกแบบและพัฒนาหลักสูตรการเรียนที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความชอบของนักเรียนที่แตกต่างกัน ไม่ได้เพียงแต่เน้นพัฒนาทางด้านวิชาการ แต่ยังเน้นพัฒนาทักษะการใช้ชีวิต การคิดวิเคราะห์ รวมถึงทางด้านสุนทรียภาพอีกด้วย เช่น แผนการเรียนสำหรับคนที่ชอบวิทยาศาสตร์ คนที่ชอบภาษา ดนตรีหรือกีฬา โดยยึดหลักให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้สามารถเลือกเรียนได้ตามความชอบและความสนใจเพื่อให้เด็กเป็นนักเรียนรู้ที่มีความสุข

                         

                        สิ่งพิเศษที่ทำให้ อัสสัมชัญธนบุรี โดดเด่น

                         หลักสูตรที่หลากหลาย

                        ด้วยรูปแบบการศึกษาเน้นความสำคัญที่ผู้เรียน ที่เชื่อว่านักเรียนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ตามความสามารถและความสนใจนั้นจึงได้พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาให้มีแผนการเรียนที่หลากหลายและน่าสนใจ ดังนี้

                         

                        1. แผนการเรียน English Program (EP)

                        แผนการเรียนการสอนภาษาอังกฤษอย่างเข้มข้น เด็กๆจะได้เสริมสร้างทักษะด้านภาษาอังกฤษโดยคุณครูที่มีความเชี่ยวชาญ ได้รับความร่วมมือกับ Bell Education Services Limited ประเทศอังกฤษ และในรายวิชาต่างๆเช่น วิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ การงานอาชีพ สุขศึกษาและพลศึกษา เรียนเป็นภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติ การเรียนการสอน กิจกรรมและบรรยากาศล้วนแต่เอื้อต่อการเรียนรู้ ส่งเสริมทักษะด้านภาษาที่ทำให้เกิดกระบวนการคิดสร้างสรรค์และเกิดความมั่นใจในการสื่อสารภาษาอังกฤษและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังมีการประเมินผลทักษะด้านภาษาอังกฤษจาก Cambridge English Language Assessment โดยผลการสอบสามารถนำไปวัดระดับทางภาษาตามมาตราฐานระดับสากลได้อีกด้วย

                         

                        1. แผนการเรียนห้องเรียนวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์

                        หากเป็นเด็กที่ชอบด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ต้องอยากเรียนแผนการนี้แน่นอน เพราะที่นี่มีรายวิชา Advance Math และ Advance Science ที่ส่งเสริมกระบวนทางวิทยาศาสตร์ เช่น  Lab  วิทยาศาสตร์ และ  Lab คณิตศาสตร์ ในส่วนของกิจกรรมเสริมหลักสูตรมีกิจกรรมที่ทำให้เด็กได้สนุกไปกับการเรียน เช่น กิจกรรมค่ายพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ กิจกรรม Day trip กิจกรรมศึกษาดูงานด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งกิจกรรมต่างๆเหล่านี้ทำให้เกิดการพัฒนาทักษะการคิด การตั้งคำถาม การแก้ปัญหา การค้นคว้าหาข้อมูล เด็กๆสามารถนำข้อค้นพบใหม่นี้ไปสร้างเป็นนวัตกรรมและนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์นี้ได้รับความร่วมมือจากสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่ส่งเสริมนักเรียนให้เรียนรู้ในรูปแบบ STEM Education ที่ช่วยดูแลหลักสูตรการสอนรวมถึงห้องเรียนและอุปกรณ์ต่างๆเพื่อให้ได้มาตราฐานและเหมาะสมกับการเรียนการสอน

                         

                        1. แผนการเรียน STEM-BELL

                        เป็นหลักสูตรที่เรียกว่าครบ สำหรับเด็กที่ชอบด้านวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์และด้านภาษา การเรียนการสอนมุ่งเน้นทั้งด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ นักเรียนได้พัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหา การคิดสร้างสรรค์ผ่านกิจกรรมที่ได้เรียนอย่างมีความสุข นำสิ่งที่ค้นพบไปปรับใช้ในชีวิตประจำอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งคล้ายกับแผนการเรียนวิทยาศาตร์-คณิตศาสตร์ แต่ได้เพิ่มและเน้นส่งเสริมในส่วนของการเรียนภาษาเข้ามาตามหลักสูตรภาษาอังกฤษและสอนโดยครูต่างชาติที่มีความเชี่ยวชาญด้านการสอนภาษาอังกฤษโดยตรงของศูนย์ BELL Education Trust,England ที่เด็กๆจะได้เรียนครบทุกด้านอย่างการฟัง พูด อ่านและเขียน รวมถึงมีวัดการประเมินผลด้านภาษาอังกฤษตามมาตราฐาน Cambridge University  เป็นอย่างไรคะหลักสูตรนี้น่าเรียนมากๆเลยใช่ไหมคะ ถ้าเด็กๆสนใจและชื่นชอบการเรียนที่ได้คิดวิเคราะห์และชอบภาษาด้วยต้องถูกใจอย่างแน่นอน

                         

                        1. แผนการเรียนBELL

                        โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีได้ร่วมกับ  Bell Education Services ประเทศอังกฤษ ออกแบบการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษตามมาตราฐานเดียวกับประเทศอังกฤษ โดยครูต่างชาติที่เชี่ยวชาญด้านการสอนภาษา การจัดการเรียนการสอนเน้นพัฒนาภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ Listening / Speaking / Reading / Writing ผ่านกิจกรรม เกมหรือสถานการณ์จำลองเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกการใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อนำไปสู่ความมั่นใจในการใช้ภาษาและสามารถสื่อสารได้ในชีวิตประจำวัน มีการสอบวัดระดับตามมาตราฐานของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ (Cambridge Young Learners English Test) โดยที่การเรียนนั้นแบ่งนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่มย่อย ทำให้จำนวนนักเรียนที่เรียนต่อกลุ่มไม่มาก ครูผู้สอนเข้าถึงนักเรียนได้ครบและทั่วถึงทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีรายวิชาเสริมที่เด็กๆจะได้จากครูต่างชาติ เช่น วิชา Science  Math และ Social เรียกได้ว่า อัดแน่นด้านภาษากันเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็รับรองได้ว่าเด็กๆจะได้เรียนอย่างสนุก มีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนภาษาอังกฤษ มีความมั่นใจและพร้อมนำภาษาอังกฤษไปใช้ในชีวิตประจำวัน

                         

                        1. แผนการเรียน IEP (Interactive English Program)

                        เป็นหลักสูตรส่งเสริมทักษะการเรียนด้านภาษาอังกฤษใน 4 วิชาหลัก ได้แก่ ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และสังคมศึกษา ความเข้มข้นของเนื้อหาและรูปแบบการเรียนการสอนด้านภาษาที่หลากหลาย เพื่อให้เกิดทักษะในการเรียนและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ผ่านกิจกรรม  Outdoor Activities และโครงงาน ที่ส่งเสริมบรรยากาศการเรียนให้น่าสนใจ เด็กๆจะรู้สึกสนุกและมีความสุขในการเรียนทำให้เกิดการอยากเรียนรู้ยิ่งขึ้น การกล้าแสดงออก มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษ

                         

                        การเรียนรู้ที่ครบทุกมิติ

                        มาสเตอร์ยุทธพงษ์ วงศ์เมืองสรรค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ ได้เล่าให้เราฟังว่า โลกทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โรงเรียนได้เล็งเห็นและให้ความสำคัญในเรื่องของทักษะ (Skills) ซึ่งเด็กยุคใหม่ควรมี ทั้ง Hard Skills และ Soft skills เช่น ทักษะการอ่านเขียน คิดคำนวณ ทักษะชีวิต การคิดสร้างสรรค์ หรือแม้กระทั้งทักษะการเป็นผู้นำ

                        โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีมีแผนการแผนการเรียนที่ครบทุกด้าน การพัฒนาความรู้ความสามารถเพื่อให้ครบทุกมิตินั้น ไม่ใช่แค่ด้านวิชาการอย่างเดียว โรงเรียนพัฒนานักเรียนเพื่อให้มีความสุขและมีทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคตคือ

                        1. ความคิดเชิงสร้างสรรค์
                        2. ความอยากรู้อยากเห็น
                        3. ความสามารถทางกายภาพ การแก้ปัญหา การสื่อสาร
                        4. การอ่านออกเขียนได้
                        5. ความเข้าใจและการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล

                        อีกทั้งโรงเรียนมุ่งเน้นส่งเสริมและฝึกฝนนักเรียนให้มีทักษะต่างๆ ผ่านการเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน มีการออกแบบและจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความแตกต่างของนักเรียนด้วยแผนการเรียนที่หลากหลาย เปิดโอกาสให้นักเรียนมีอิสระในการเลือกเรียนสิ่งที่ตัวเองชอบ ทำให้เด็กมีมุมมองที่กว้างไกล มีความพร้อมทุกมิติในการพัฒนาทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และสังคม ซึ่งทักษะเหล่านี้ล้วนแต่เป็นรากฐานสำคัญต่อการเรียนรู้ต่อไปในวันข้างหน้า รวมถึงการเปิดแผนการเรียนใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์โลกยุคปัจจุบัน เช่น แผนการเรียนนวัตกรรมอัจฉริยะ (Innovative Intelligence) แผนการเรียนวิทยาการดิจิทัล (Digital Science)

                         

                        ความพร้อมของสถานที่

                        การส่งเสริมเด็กให้ค้นพบความชอบและความถนัดของตนเองได้นั้น ความพร้อมของสถานที่ อุปกรณ์ และครูผู้สอนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและขาดไม่ได้ ที่นี่จึงโดดเด่นไปด้วยห้องเรียนที่พร้อมให้เด็กได้เรียนรู้ทั้งทางด้านวิชาการและสุนทรียภาพ นักเรียนจะได้เรียนรู้จาการค้นคว้าทดลอง ได้ลงมือปฏิบัติด้วยความพร้อมของอุปกรณ์และสถานที่ เช่น การประดิษฐ์หุ่นยนตน์ ฝึกฝนทักษะการวางแผนผ่านเกมส์ Minecraft เห็นเด็กๆเรียนไปยิ้มกันไปแบบนี้ต้องสนุกกันมากแน่นอน เห็นแบบนี้ ทีมแม่ ABK อยากเป็นเด็กกลับไปเรียนผ่านเกมส์บ้างเลยใช่ไหมคะ

                         

                        อัสสัมชัญธนบุรี อัสสัมชัญธนบุรี

                        บรรยากาศห้องเรียนแผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์

                        อัสสัมชัญธนบุรี อัสสัมชัญธนบุรี

                        เรียนรู้ผ่านการทดลองและปฏิบัติจริง

                        อัสสัมชัญธนบุรี อัสสัมชัญธนบุรี

                        เด็กๆกำลังเรียนรู้การคิดและวางแผนผ่านเกมส์ Minecraft

                         

                        สำหรับนักเรียนที่ชอบดนตรีและกีฬา ต้องบอกว่าที่นี่จัดเต็มและพร้อมมาก ไม่ว่าจะเป็นสนามฟุตบอล สนามบาส ปีนผา สระว่ายน้ำ สนามเทนนิสและกีฬาอื่นๆอีกมากมาย ที่ศูนย์กีฬานั้นพร้อมด้วยครูผู้สอนที่เชี่ยวชาญ สถานที่ บรรยากาศและอุปกรณ์ ทำให้เด็กๆได้สนุกและเรียนรู้อย่างจริงจังแบบมืออาชีพ

                        ศูนย์กีฬาที่ให้นักเรียนเลือกเรียนกีฬาและกิจกรรมได้ตามความสนใจ อย่างเช่นวิชาพละในแต่ละเทอมนั้นจะมีกีฬาให้นักเรียนเลือกได้มากกว่า 5 ประเภทกีฬา เด็กๆสามารถเลือกได้ตามความชอบและปรับเปลี่ยนได้ในทุกเทอม อาทิเช่น กอล์ฟ เทควันโด เต้น ปีนหน้าผา แบตมินตัน ด้วยความหลากหลายนี้จึงทำให้เด็กทดลองเรียนและได้ค้นพบว่าเขาชอบอะไรและมีความสุขกับอะไร

                        ศูนย์ดนตรี มีเครื่องดนตรีที่หลากหลายชนิดทั้งไทยและสากล ห้องซ้อมที่ทันสมัยและเรียนจากครูผู้สอนอย่างมืออาชีพทั้งในเวลาเรียนหรือหลังเลิกเรียนก็ได้ มีห้องเรียนแบบส่วนตัวหรือคลาสที่จำนวนนักเรียนไม่มาก เช่น ขิม ระนาด กีตาร์ กลอง เปียโน กลองชุด เป็นต้น เรียกได้ว่าครบและพร้อมสำหรับทุกความชอบของนักเรียน ถ้าคุณพ่อคุณแม่ได้มาเยี่ยมชมต้องร้องว้าวแน่นอน

                        และอีกหนึ่งสถานที่สุดโปรดของเด็กๆเลยก็คือศูนย์การเรียนรู้ ACT Learning Space ด้วยการออกแบบที่ใช้สีสันที่สดใสกระตุ้นให้บรรยากาศดูสนุกไปพร้อมกับการได้เรียนรู้ มีห้องสำหรับการเรียนรู้ด้วยตนเองด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย การจัดการเรียนการสอนด้วยจอ Active board   มุมเบอร์ดเกมส์ มุมอ่านหนังสือ หรือห้องสำหรับการประชมหรือการทำงานกลุ่ม เห็นแล้วต้องบอกว่าน่านั่งทำงานและเล่นอยู่กับเพื่อนได้ทั้งวันเลยทีเดียว

                         Mommy’s Love This

                        ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นทั้งสายวิชาการหรือสายกิจกรรม ที่อยากให้ลูกของเราได้เรียนรู้และสนุกครบทุกด้าน บอกเลยว่าต้องชอบที่นี่ค่ะ ด้วยมาตราฐานของหลักสูตรและครูผู้สอน รวมถึงสถานที่ที่กว้างขวาง สวยงามน่าเรียน อุปกรณ์การเรียนที่ครบครัน รวมถึงวิสัยทัศน์และแนวคิดของโรงเรียนที่เล็งเห็นความสำคัญของรูปแบบการเรียนการสอนที่ไม่หยุดนิ่งและต้องพัฒนาให้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา ทำให้ลูกๆของเราได้เรียนในสิ่งที่จำเป็นมีความแหมาะสมและเกิดประสิทธิผลต่อนักเรียนมากที่สุด และด้วยแผนการเรียนที่หลากหลาย แนวทางการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นพัฒนาให้นักเรียนเป็นคนเก่ง คนดี มีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 นั้น ล้วนแต่ส่งเสริมให้ลูกของเราได้ค้นพบความถนัดความชอบและพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม หากคุณพ่อคุณแม่ชอบแนวทางการเรียนการสอนที่ใส่ใจในตัวตนของนักเรียนเช่นนี้ โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่อยากแนะนำค่ะ

                         

                        การรับสมัครนักเรียน

                        สามารถติดต่อเยี่ยมชมโรงเรียนและเข้าร่วมกิจกรรม open house ได้แล้ววันนี้

                        อัตราค่าธรรมเนียมการตลอดปีการศึกษา 2566

                        แผนการเรียน IEP 84,672 บาท

                        แผนการเรียน BELL  99,672 บาท

                        แผนการเรียน Gifted/Stem kids 104,672 บาท

                        แผนการเรียน Stem Bell 119,672 บาท

                        แผนการเรียน EP 177,100 บาท

                        ติดต่อ

                        โรงเรียน อัสสัมชัญธนบุรี 92 ถนนอัสสัมชัญ แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร 10160

                        โทร 02- 807- 9555-63

                        เว็บไซต์ : https://www.act.ac.th

                         

                        Editor : แม่กุ๊ก

                        ภาพ :  ธนายุต วิลาทัน ,ธวัชชัย ทิพย์โยธา

                        อัสสัมชัญธนบุรี อัสสัมชัญธนบุรี อัสสัมชัญธนบุรี อัสสัมชัญธนบุรี อัสสัมชัญธนบุรี อัสสัมชัญธนบุรี


                        อ่านต่อบทความน่าสนใจ

                          โรงพยาบาลบางปะกอก 9

                          โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล เชิญร่วมฟัง Talk “Mother’s Class 2023 สร้างสกิล แบบฉบับตัว Mom! ให้สุขภาพครรภ์ และลูกน้อยสมบูรณ์”

                          โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ขอเชิญร่วมฟัง Talk “Mother’s Class 2023 สร้างสกิล แบบฉบับตัว Mom!
                          ให้สุขภาพครรภ์ และลูกน้อยสมบูรณ์

                          หัวข้อ : การเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์และปฏิบัติตัวหลังคลอด แบบฉบับตัว Mom!
                          โดย พญ.กมลพร เชาว์วิวัฒน์กุล แพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งนรีเวช

                          หัวข้อ : พัฒนาการ และการดูแลเด็กแรกเกิดที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้
                          โดย พญ.วิจิตร งามขจรวิวัฒน์ แพทย์เฉพาะทางกุมารเวชศาสตร์และเวชศาสตร์ครอบครัว

                          พร้อมพบกับกิจกรรม Workshop ดังนี้

                          • การเตรียมความพร้อมในการให้นมบุตร และประโยชน์ของนมแม่
                          • สาธิตการอาบน้ำลูกน้อยสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่
                          • สาธิตการออกกำลังกายสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
                          • สาธิตการทำอาหาร / เครื่องดื่ม บำรุงคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์
                            สาธิตการทำอาหารกระตุ้นน้ำนม สำหรับคุณแม่หลังคลอด

                          โรงพยาบาลบางปะกอก 9

                           

                          นอกจากนี้คุณแม่ที่ร่วมกิจกรรมยังได้รับสิทธิ์ Workshop แบบ Exclusive Class กับทีมนักกายภาพบำบัดที่เหล่าคุณแม่สามารถซักถาม ปรึกษา แลกเปลี่ยนกับนักกายภาพของโรงพยาบาลฯได้โดยตรง

                          ร่วมสนุกกับกิจกรรม “ถามมาตอบไป” ในหัวข้อ “การเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์และปฏิบัติตัวหลังคลอด” หรือ “พัฒนาการ และการดูแลเด็กแรกเกิด” ลุ้นรับรางวัลจากทางโรงพยาบาล ฯ จำนวน 10 รางวัล

                          กติกามีดังนี้
                          1. กด Like กด Share โพสต์กิจกรรมนี้ไปที่ Facebook ส่วนตัวแบบเปิดสาธารณะ
                          2. พิมพ์คำถามของคุณมาที่ใต้โพสต์นี้
                          3. ร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ – 6 สิงหาคม 2566
                          4. คำถามที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับการติดต่อกลับจากทางโรงพยาบาล ฯ

                          สิทธิพิเศษสำหรับผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมล่วงหน้าทางออนไลน์และร่วมกิจกรรมภายในงาน

                          • รับ Gift Set สำหรับแม่และเด็ก *จำกัด 20 ท่านแรก เท่านั้น!
                          • ลุ้นรับรางวัล Lucky Draw

                           

                          ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ – 6 สิงหาคม 2566
                          คลิก
                          https://shorturl.asia/euUzV

                          พบกันวันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2566

                          ณ ลาน OPD ชั้น 1 โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล

                          สามารถรับชม Talk ภายในงาน หรือทาง Facebook Live ได้ตั้งแต่เวลา 09.30 – 12.00น.

                           

                          “Heart of Care ดูแลด้วยหัวใจ” ขอขอบคุณที่ให้เราดูแลคุณ

                          โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล

                          สอบถาม, นัดหมาย Call center 1745

                          พูดคุยกับโรงพยาบาล : m.me/198502720283929

                          ช่องทางการติดตาม

                          Website :http://bit.ly/3V4jp3e

                          Line :http://bit.ly/3EXG2AD

                          Youtube :http://bit.ly/3GHfm8r

                          Tiktok :http://bit.ly/3tUaCVt

                          Instagram : https://bit.ly/instagrambpk9

                           

                          #BPK9HOSPITAL #HeartofCare #Health #BPK9 #ศูนย์พัฒนาการเด็ก #bSmart #Workshop #Mother #Mom #MothersDay #แม่ #แม่และเด็ก #แม่และลูก #อาหารบำรุงแม่ตั้งครรภ์ #อาหารกระตุ้นน้ำนม

                            Little Tree

                            ชวนเด็กๆ เข้าค่ายเรียนรู้ธรรมชาติ เล่นกับดอกไม้ใบไม้ @ Little Tree

                            School Visit ครั้งนี้ เราจะพาไปเข้าค่าย เล่นกับดอกไม้ใบไม้และธรรมชาติ ในสวนสวยๆ ที่รายล้อมด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ที่ Little Tree กัน บ้านไหนลูกปิดเทอมหรือว่างๆ อยู่ ลองพาน้องๆ มาเข้าค่ายทำกิจกรรมกันดีกว่าค่ะ

                            ชวนเด็กๆ เข้าค่าย เล่นกับดอกไม้ใบไม้

                            ค่ายดอกไม้ใบไม้ เป็นค่ายที่ส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ และทำกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับสวนสวยๆ ที่ Little Tree Garden โดยมี ครูปิ๋ม ศิริลักษณ์ ริ้วบำรุง และครูผู้ช่วยคอยดูแลเด็กๆ โดยกิจกรรมนี้มีทั้งหมด 3 วัน ช่วงเวลา 9.00 – 14.30 น. ทางค่ายไม่อนุญาตให้ผู้ปกครองเข้าร่วมกิจกรรมด้วย

                            ข้อดี คือ เราจะได้ปล่อยให้เด็กๆ ทำกิจกรรมทุกอย่างด้วยตัวเองจริงๆ  โดยช่วงเช้า เด็กๆ จะได้เดินเล่นในสวนเพื่อสำรวจธรรมชาติรอบทาง เก็บดอกไม้ เก็บไข่เป็ดสดๆ ในฟาร์ม มาทำอาหารกลางวัน หัดทำเส้นก๋วยเตี๋ยว ทำส้มตำ นึ่งข้าวเหนียวด้วยตัวเอง หรือทำของเล่นต่างๆ ที่ได้จากธรรมชาติ เช่น ของเล่นจากก้านมะละกอ

                            นอกจากนี้เด็กๆ จะได้ตามหาสีสวยๆ จากดอกไม้มาทำงานศิลปะ จะได้เรียนรู้ว่า “สี” ไม่จำเป็นต้องซื้อเสมอไป เราสามารถทำเองได้ด้วยนะ

                            ไฮไลท์ของกิจกรรมคือวันที่ 3 เด็กๆ ทุกคนจะได้ทำขนมและน้ำไซรัปจากดอกไม้แล้วนำมาขาย โดยใช้ใบไม้แทนเงิน ได้หัดบวกลบตัวเลขและสวมบทบาทเป็นพ่อค้าแม่ค้าตัวจิ๋วกันอย่างสนุกสนาน  เป็นค่าย 3 วัน ที่กิจกรรมแน่นไม่ซ้ำกัน รับรองว่าเด็กๆได้อะไรมากกว่าความสนุกแน่นอน ใครสนใจสามารถดูตารางวันเข้าค่ายได้ที่ https://www.facebook.com/littletreelearning

                             

                            รายละเอียดการสมัคร

                            • เหมาะกับเด็กอายุ 5-9 ปี
                            • ค่าใช้จ่ายสำหรับค่าย 3 วัน  : ราคา 2,500 บาท 
                            • รับจำนวนจำกัด 15 คน

                            สถานที่ : Little Tree Garden อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม

                            ติดต่อ Facebook : https://www.facebook.com/littletreelearning

                             

                            ตัวอย่างกิจกรรม ของ Little Tree ค่าย เล่นกับดอกไม้ใบไม้
                            (ช่วงเวลา 9:00-14:30 น.)
                            Day1
                            : ตามหาสีในสวนมาทำสีธรรมชาติ ไว้บันทึกใน nature journal
                            : เก็บผัก / เก็บไข่
                            : ทำก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่
                            : เด็กๆทำอาหารกลางวันทานเอง
                            : เล่นในสวน
                            : ทำ flower syrup
                            Day 2
                            : morning walk
                            : เก็บมะละกอ/ก้านมะละกอ และผักอื่นๆ
                            : ทำของเล่น ลูกโป่งก้านมะละกอ
                            : เด็กๆทำส้มตำ นึ่งข้าวเหนียว สำหรับอาหารกลางวัน
                            : เล่น – วาดรูป- picnic ในสวนดอกไม้
                            : เพาะเมล็ดดอกไม้ในกระถาง
                            Day 3 little leaf market
                            : เตรียมขนมและเครื่องดื่มไว้ขายในตลาด
                            : ขนมด้วง – เค้กมะพร้าวอ่อน – เครื่องดื่มจาก flower syrup

                             

                            สิ่งที่ต้องนำมาในค่าย

                            1. หมวกกันแดด
                            2. เสื้อผ้าสำรองติดกระเป๋ามาทุกวัน 1 ชุด
                            3. กระติกน้ำ
                            4. รองเท้าบู๊ต หรือรองเท้าที่เหมาะสำหรับเดินในสวน

                            สิ่งที่ไม่ควรนำมาในค่าย

                            1. มือถือ
                            2. เกมส์
                            3. หนังสือ
                            4. ของเล่น
                            5. ขนมต่างๆ ขนมขบเคี้ยว หรือลูกอม

                            วิธีการสมัครค่ายจังหวะแห่งชีวิต

                            1. ระบุช่วงค่ายที่จะสมัคร
                            2. ส่งชื่อจริงนามสกุลจริงของน้อง ชื่อเล่น อายุโรงเรียน ชื่อคุณแม่คุณพ่อ เบอร์โทรสำหรับติดต่อ มาทาง inbox ค่ะ
                            3. คุณครูรับ massage และส่งเลขบัญชีให้
                            4. หลังได้รับแจ้งโอนเงินแล้ว (ภายใน 3 วัน หลังสมัคร มิเช่นนั้นต้องส่งข้อความสมัคร มาใหม่ หรือแจ้งวันที่พร้อมโอน) คุณครูส่ง message กลับไปหานะคะ

                            หมายเหตุสำคัญ

                            1. สมัครรบกวนอ่านรายละเอียดทั้งหมดก่อน
                            2. ค่ายนี้เป็นค่ายของเด็กๆ จึงขอความกรุณาพ่อคุณแม่ไม่ตามถ่ายรูปในระหว่างค่าย
                            3. เรานัดกันที่ร้านลิตเติ้ลทรี คุณครูจะไปรอรับเด็กๆมาที่ค่ายค่ะ
                            4. คุณพ่อคุณแม่จอดรถที่ร้านลิตเติ้ลทรีทั้งเวลารับและส่ง
                            5. คุณครูจะพาเด็กๆ ไปรอที่ร้านตอนจบค่ายแต่ละวัน

                            ***หมายเหตุ

                            • อาหารและวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารและขนมเป็น วัตถุดิบอินทรีย์ทั้งหมด
                            • กิจกรรมอาจมีการปรับหรือเปลี่ยนแปลงตามเหตุและปัจจัย แต่จะชดเชยด้วยกิจกรรมที่ใกล้เคียงกัน

                            Little Tree Little Tree

                            เดินสำรวจป่าไผ่ และสวนดอกไม้ข้างทาง

                             

                            Little Tree Little Tree

                            เรียนรู้เรื่องดอกไม้ และต้นไม้ต่างๆในสวน เก็บดอกไม้มาทำงานศิลปะ

                             

                            Little Tree

                            เด็กๆได้เก็บไข่เป็ด สดๆใหม่ๆด้วยตนเอง

                            Little Tree Little Tree

                            เด็กๆช่วยกันทำเส้นก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน  ได้รู้จักการ ชั่ง ตวง วัดปริมาณของส่วนผสมต่างๆ

                             

                            ดอกไม้ต่างๆที่เด็กๆช่วยกันเก็บมา จะถูกนำมาบดให้ละเอียดจนกลายเป็นน้ำแล้วผสมกับสื่อผสมสีน้ำ จนได้เฉดสีที่ชัดเจนขึ้น เด็กๆจะได้เรียนรู้ว่าดอกไม้แต่ละชนิดให้สีสันอย่างไร

                            Little Tree Little Tree

                            เก็บก้านมะละกอ มาทำเป็นที่เป่าฟองสบู่

                            Little Tree

                            เด็กๆกำลังจุดเตาถ่านเตรียมทำอาหารกลางวัน

                            Little Tree

                            ช่วยกันทำขนมเล็บมือนางกันอย่างสนุกสนาน

                            Little Tree

                            ช่วยกันทำเค้กมะพร้าวอ่อน เตรียมขายในตลาด

                            Little Tree Little Tree

                            วันสุดท้ายเด็กๆจะนำขนมและน้ำมาขายโดยใช้ใบไม้แทนเงิน

                             

                             

                            Editor : แม่เลม่อน

                            ภาพ :  กรานต์ชนก  บุญบำรุง


                            อ่านต่อบทความน่าสนใจ

                              Colgate Brand of The Day ลดทั้งร้าน ฉลองเปิดตัวแปรงสีฟันไฟฟ้า

                              ทีมแม่ ABK มีโปรดีมาบอกต่อ ให้ทั้งพ่อและแม่เป็นครอบครัวฟันดี ต้องลองแปรงสีฟันไฟฟ้า คอลเกต ตัวนี้เลย

                              แปรงสีฟันไฟฟ้า คอลเกต พัลส์

                              อัพเลเวลการแปรงฟัน สัมผัสประสบการ์ณแปรงฟันที่เหนือชั้น และง่ายดายยิ่งกว่า ด้วย คอลเกต พัลส์ ขจัดคราบพลัคได้มากกว่า 5 เท่า* ด้วยเทคโนโลยีโซนิค แปรงฟันด้วยแรงสั่น 37,000 รอบแปรง/นาที มี 3 โหมดให้เลือกโดนใจ และมาพร้อมระบบ สมาร์ท โค้ชชิ่ง ช่วยให้แปรงฟันอย่างทั่วถึงในเวลาที่เหมาะสม

                              อัพเลเวลด้วยคอลเกต พัลส์ ให้คุณเริ่มต้นวันใหม่อย่างสะอาดมั่นใจ!

                              • ขจัดคราบพลัคได้มากกว่า 5 เท่า*
                              • เทคโนโลยีโซนิค แปรงสั่น 37,000 รอบแปรง/นาที
                              • มี 3 โหมดให้เลือก : สะอาดล้ำลึก, ฟันขาว, อ่อนโยน
                              • แบตเตอรี่ ชาร์จ 1 ครั้งใช้ได้นาน 60 วัน
                              • ระบบสมาร์ทโคชชิ่ง เตือนทุก 30 วิ.ให้เปลี่ยนจุดแปรงฟัน และ จับเวลา 2 นาที
                              *เมื่อเทียบกับแปรงสีฟันแบบธรรมดา

                               

                              ใหม่! แปรงสีฟันไฟฟ้าคอลเกต พัลส์ (สีเขียว)

                              ราคาพิเศษ 1,040.- จาก 2,499.-

                              30 ก.ค. 66 วันเดียวเท่านั้น

                              ลดทั้งร้านสูงสุด 77% + โค้ดลดสูงสุด 2,500.-

                               

                              สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่: https://shopee.co.th/colgatepalmolive_official

                                Tags

                                ให้ของขวัญปีนี้คือสุขภาพที่ดีของแม่ แพ็กเกจตรวจสุขภาพ “Dear all moms” ที่ โรงพยาบาลธนบุรี ทวีวัฒนา

                                วันแม่นี้ มีของขวัญให้คุณแม่กันหรือยังคะ? ทีมแม่ ABK มีโปรดีมาบอก!!

                                แพ็กเกจตรวจสุขภาพ “Dear all moms” ราคาพิเศษ 2,990.- บาท

                                ตรวจสุขภาพ 19 รายการดังนี้

                                • ตรวจร่างกายทั่วไปโดยแพทย์ Physical Examination
                                • เอกซเรย์ทรวงอก Chest X-ray
                                • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG
                                • ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด CBC
                                • ตรวจปัสสาวะ UA ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด FBS
                                • ตรวจหาค่าน้ำตาลสะสมในเม็ดเลือดแดง HbA1C
                                • ตรวจระดับไขมันในเลือด Cholesterol
                                • ตรวจระดับไขมันในเลือด Triglyceride
                                • ตรวจระดับไขมันในเลือด HDL
                                • ตรวจระดับไขมันในเลือด LDL
                                • ตรวจการทำงานของไต BUN
                                • ตรวจการทำงานของไต Creatinine
                                • ตรวจการทำงานของไต eGFR
                                • ตรวจการทำงานของตับ SGOT
                                • ตรวจการทำงานของตับ SGPT
                                • ตรวจการทำงานของตับ Alkaline phosphatase
                                • ตรวจระดับกรดยูริคในเลือดโรคเกาฑ์ Uric Acid
                                • ตรวจวัดระดับแคลเซียม Calcium
                                • คูปองอาหารว่าง Food Coupon
                                • ค่าบริการโรงพยาบาล Hospital Service

                                นอกจากนี้ เฉพาะผู้ซื้อแพคเกจ Dear all Mom ยังมีรายการตรวจเพิ่มเติม ลด ถึง 50% 

                                 

                                สิทธิพิเศษเพิ่มเติม

                                 

                                ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2566

                                *เงื่อนไขเป็นไปตามที่โรงพยาบาลกำหนด

                                สนใจซื้อแพคเกจ สแกนเลย!!

                                  Tags

                                  โรงเรียนโพธิสารพิทยากร

                                  พาส่อง โรงเรียนโพธิสารพิทยากร โรงเรียนมัธยม ที่น่าเรียนที่สุดแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ

                                  School Visit วันนี้ ทีมแม่ ABK พาคุณพ่อคุณทุกคนไปเยี่ยมชม โรงเรียนมัธยม ที่น่าเรียนที่สุดแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ กัน โรงเรียนโพธิสารพิทยากร ตั้งอยู่แขวงบางละมาด เขตตลิ่งชัน บนเนื้อที่กว่า 13 ไร่  กับ 6 อาคารเรียน  เป็นโรงเรียนรัฐบาลที่มีแนวคิดการบริหารแบบเอกชน การเรียนการสอนทันสมัย เพียบพร้อมไปด้วยห้องแห่งการเรียนรู้และทำกิจกรรมสำหรับนักเรียน  มีหลักสูตรให้เลือกถึง  4 หลักสูตร ด้วยกัน  โดยทุกหลักสูตรจะเน้นเรื่องการหาตัวตนของนักเรียนและวิชาชีพเป็นหลัก เพื่อปูทางเข้าสู่มหาวิทยาลัย ในแบบที่นักเรียนชอบ

                                  4 หลักสูตรคุณภาพ ของ โรงเรียนโพธิสารพิทยากร

                                  1. GP (General Program ห้องเรียนปกติ) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ และ หลักสูตรของโรงเรียน ระดับชั้นเรียน  ม.1- ม.6 ห้องเรียนละ 40 คน
                                  2. IEP (Intensive English Program) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ และ หลักสูตรของโรงเรียน แต่เน้นเฉพาะวิชา ภาษาอังกฤษที่เรียนกับครูชาวต่างชาติ ระดับชั้นเรียน  ม.1- ม.6 ห้องเรียนละ 40 คน
                                  3. EP (English Program) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ และ หลักสูตรของโรงเรียน สอนเป็น ภาษาอังกฤษ ระดับชั้นเรียน  ม.1- ม.6 ห้องเรียนละ 30 คน
                                  4. Inter (International Program) หลักสูตรบูรณาการ Integrated Curriculum ระหว่างหลักสูตรแกนกลางของกระทรวงศึกษาธิการ กับหลักสูตรมาตรฐานนานาชาติของ South Australian Government Schools Department for Education โดยมีระดับชั้นเรียน G7-G9 ห้องเรียนละ 25 คนและจะเพิ่มชั้นเรียนอีกในอนาคต  หลักสูตร ผสมผสานระหว่างหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการและหลักสูตรเพิ่มเติม เน้นเรื่องอาชีพ และการทำโปรเจ็กต์เป็นหลัก  การประเมินผลเด็กจะเป็นแบบอินเตอร์ คือ เน้นคิด การบรรยายและ พรีเซ้นต์งาน ส่วนการเปิดเทอมปิดเทอมของเด็กที่เรียนหลักสูตร อินเตอร์จะเหมือนกับโรงเรียนไทยทั่วไป ทำให้เด็กๆสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศได้สะดวกมากกว่า
                                  โรงเรียนโพธิสารพิทยากร
                                  โรงเรียนโพธิสารพิทยากร
                                  บรรยากาศห้องเรียน อินเตอร์

                                  Career-Based Learning

                                  นักเรียน ม.1- ม.3 จะเน้นการเรียนการสอนที่ช่วยค้นหาความชอบของตัวเอง ผ่านวิชาเลือกอาชีพ 8กลุ่ม ที่เป็นทักษะในการประกอบอาชีพต่างๆที่แตกย่อยออกไปกว่า  200 วิชา นักเรียนสามารถเปลี่ยนวิชาเรียน ไปเรื่อยๆ  เด็กๆจะได้เรียนรู้หลายอย่าง เพื่อสำรวจตัวเอง ว่าฉันอยากเป็นอะไรกันแน่  นอกจากเรียนในห้องเรียนปกติแล้ว ทางโรงเรียนยังพาเด็กนักเรียนไปตามสถานที่ประกอบอาชีพต่างๆ เพื่อดูการทำงานที่แท้จริง รวมไปถึงการ เชิญอัยการ ผู้พิพากษา ผู้กำกับภาพยนตร์ และผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายอาชีพ เข้ามาเป็นวิทยากรให้ความรู้ในโรงเรียนอีกด้วย

                                  นอกจากนี้ทาง โรงเรียนโพธิสารพิทยากร ยังมี ซอฟแวร์ ที่จะสแกนนิสัยของเด็กแต่ละคนว่ามีความถนัดความสนใจอะไร เพื่อนำไปสู่อาชีพที่เด็กอย่างเรียน โดยเอาคะแนนจากคำถามมาทำนาย  เป็นข้อมูลของเด็กแต่ละคน เพื่อวางแผนในการเรียน เด็ก ม.ปลาย จะเน้นเรียนวิชาที่จะใช้สอบเข้ามหาวิทยาลัย ลดกระบวนการวิชาที่เด็กไม่ใช้สอบ เช่น วิชาพละ ก็ปรับเปลี่ยนเป็นเรียนออนไลน์ สามารถเข้าเรียนช่วงเวลาที่นักเรียนว่างได้  เพื่อนำเวลาเรียนในโรงเรียน ไปเน้นวิชาที่ใช้สอบจริงๆ  รวมไปถึงพาไปฝึกงานจริงตามสายอาชีพ ทำให้เด็กม.ปลายที่โรงเรียนโพธิสารพิทยากรมีพอร์ต การเรียนวิชาชีพต่างๆ การฝึกงาน การศึกษางาน เพื่อปูทางให้กับในการเข้ามหาวิทยาลัย

                                  ห้องเรียนวิชาชีพ

                                  ห้องเรียนแบ่งไปตามวิชาชีพต่างๆ ตามความสนใจของเด็กๆ อย่าง ห้องเรียนหุ่นยนต์ , ห้องเรียนนิติ-รัฐศาสตร์  ศึกษาเรื่องกฎหมาย ,ห้องเรียนนิเทศศาสตร์ ผลิตสื่อ งานโสตทัศนศึกษา หรือทำสกู๊ปข่าว จัดรายการวิทยุ รวมไปถึงตัดต่อคลิปวีดีโอ ต่างๆ ห้องเรียนสถาปัตยกรรม  ห้องเรียนทัศนศิลป์   ห้องเรียนแพทย์  ที่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ครบครัน ห้องเรียนภาษาต่างๆ ศูนย์ภาษาจีน ห้องสมุด ห้องเรียนบัลเลต์ ห้องเรียนคอมพิวเตอร์ที่ให้คอมพิวเตอร์แบบ 1:1 ที่สำคัญ! ที่นี่ห้องเรียนติดแอร์ทุกห้อง ไม่ว่าจะหลักสูตรไหน รับรองว่าเด็กๆเรียนสบายๆไม่ร้อนแน่นอน

                                  ห้องเรียนวิชาชีพต่างๆ  ทั้ง ห้องเรียนนิติ-รัฐศาสตร์ ห้องเรียนภาษาญี่ปุ่น ห้องเรียนนิเทศศาสตร์ ผลิตสื่อ และห้องงานช่างต่างๆ

                                  โรงเรียนโพธิสารพิทยากร กับ โรงอาหารสุดล้ำ

                                  โรงอาหารดีไซน์ทันสมัย ติดแอร์เย็นสบายเหมือนในห้างสรรพสินค้า  มีร้านอาหารหลากหลายให้เด็ก ๆ ได้เลือกทาน ทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง อาหารญี่ปุ่น  ขนมต่างๆ และเบเกอรี่ ใช้บัตรสำหรับซื้ออาหาร โดยการเติมเงินเข้าบัตร สะดวกสบายสุด ๆ เร็ว ๆ นี้ ทางโรงเรียนจะขยายจำนวนร้านอาหารและที่นั่งเพิ่มเติม เพื่อให้เพียงพอกับจำนวนนักเรียนอีกด้วย

                                  โรงอาหาร บรรยากาศเหมือนห้างสรรพสินค้า ดีไซน์ทันสมัยเอาใจเด็กๆ

                                  Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

                                  1. ผู้ปกครองสามารถเช็คผลการเรียนของลูกแบบออนไลน์ รวมไปถึงเช็คได้ว่าลูกเข้าเรียนกี่โมง เลิกเรียนกี่โมงผ่าน Application ของโรงเรียน ไม่ต้องคอยกังวลว่าลูกถึงโรงเรียนหรือยัง ปลอดภัยกับลูกและสะดวกแม่มาก ๆ
                                  2. โรงอาหารติดแอร์เย็นฉ่ำ มีเพลงให้ฟัง มีปลั๊กให้เด็ก ๆ ชาร์จไฟมือถือหรือไอแพด ทันสมัยด้วยการใช้บัตรสำหรับซื้ออาหาร โดยการเติมเงินเข้าบัตร ทำให้ผู้ปกครองสามารถเช็คได้ว่าเด็ก ๆ ใช้เงินไปเท่าไหร่ในแต่ละวัน หรือทานอาหารประเภทไหน
                                  3. เด็กผู้ชาย สามารถตัดผมทรงที่ชอบได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นรองทรงเหมือนโรงเรียนทั่วไป (แต่ผมต้องไม่ยาวเกินปกคอเสื้อ)
                                  4. ห้องน้ำสะอาด มีแม่บ้านคอยทำความสะอาดตลอดเวลา
                                  5. โรงเรียนโพธิสารพิทยากร ไม่มีการทำโทษโดยวิธีตีเด็ก แต่ใช้วิธีการทำโทษโดยการตัดเกรดแทน ที่โรงเรียน มีกล้องวงจรปิดทั่วโรงเรียน พ่อ ๆ แม่ ๆ สบายใจได้เลย
                                  โรงเรียนโพธิสารพิทยากร
                                  ห้องเรียนนาฏศิลป์
                                  โรงเรียนโพธิสารพิทยากร
                                  ห้องสมุด เต็มไปด้วยหนังสือมากมาย
                                  โรงเรียนโพธิสารพิทยากร
                                  โรงเรียนโพธิสารพิทยากร
                                  สนามบาสเก็ตบอล มีทั้งชั้นล่างและชั้นบนอาคาร เพื่อให้เด็กใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

                                  5 สิ่งพิเศษที่ โพธิสารพิทยากร

                                  1. ครูที่โรงเรียนนี้เข้าใจนักเรียน สอนสิ่งที่เด็กอยากรู้ มากกว่าสิ่งที่ครูอยากสอน
                                  2. หลักสูตร ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งที่โรงเรียนโพธิสารพิทยากรปรับทุกปี เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย
                                  3. วิธีการสอนไม่ล้าสมัยเน้นปฏิบัติจริงเป็นหลัก เพื่อให้เกิดการเรียนรู้
                                  4. สภาพแวดล้อมของโรงเรียน สะอาดเป็นระเบียบ
                                  5. วิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่คำนึงถึงนักเรียนเป็นหลัก ทำให้นักเรียนได้รับประโยชน์เต็มที่ คุ้มค่าเรียน
                                  โรงเรียนโพธิสารพิทยากร
                                  ดร.ภูมิสิฐ สุคนธวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน

                                  โรงเรียนโพธิสารพิทยากร ค่าเทอม

                                  GP (General Program ห้องเรียนปกติ)

                                  ระดับชั้น ม.1

                                  • ค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนละ 5,600 บาท
                                  • ค่าใช้จ่ายสำหรับกลุ่มสนใจวิทยาศาสตร์หุ่นยนต์ (ตามความสมัครใจและเกณฑ์คะแนน) ภาคเรียนละ : 5,000 บาท
                                  • ค่าสมาชิกสมาคมผู้ปกครองและครู ภาคเรียนละ : 300 บาท
                                  • ค่าบัตรประจำตัวนักเรียน ( Smart Card ) ภาคเรียนละ : 200 บาท
                                  • ค่าใช้จ่ายโครงการยกระดับด้านวิชาการและอบรมปฏิบัติการเฉพาะก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 : 1,000 บาท

                                  ระดับชั้น ม.4

                                  • ค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนละ 5,600 บาท
                                  • ค่าใช้จ่ายตามแผนการเรียนเตรียม 10 แผนการเรียน ( ราคา 3,500 – 5,000บาท )
                                  • ค่าสมาชิกสมาคมผู้ปกครองและครู ภาคเรียนละ : 300 บาท
                                  • ค่าบัตรประจำตัวนักเรียน ( Smart Card ) ภาคเรียนละ : 200 บาท
                                  • ค่าใช้จ่ายโครงการยกระดับด้านวิชาการ เฉพาะก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 : 1,000 บาท

                                  IEP (Intensive English Program)

                                  ระดับชั้น ม.1

                                  • ค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนละ 8,750 บาท
                                  • ค่าใช้จ่ายตามแผนการเรียนเตรียม 10 แผนการเรียน ( ราคา 3,500 – 5,000บาท )
                                  • ค่าหนังสือภาษาอังกฤษวิชาต่างๆ ปีการศึกษาละ 1,200 บาท
                                  • ค่าสมาชิกสมาคมผู้ปกครองและครู ภาคเรียนละ : 300 บาท
                                  • ค่าบัตรประจำตัวนักเรียน ( Smart Card ) ภาคเรียนละ : 200 บาท
                                  • ค่าใช้จ่ายโครงการยกระดับด้านวิชาการและอบรมปฏิบัติการเฉพาะก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 : 1,000 บาท

                                  ระดับชั้น ม.4

                                  • ค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนละ 10,000 บาท
                                  • ค่าใช้จ่ายตามแผนการเรียนเตรียม 10 แผนการเรียน ( ราคา 3,500 – 5,000บาท )
                                  • ค่าหนังสือภาษาอังกฤษวิชาต่างๆ ปีการศึกษาละ 2,000 บาท
                                  • ค่าสมาชิกสมาคมผู้ปกครองและครู ภาคเรียนละ : 300 บาท
                                  • ค่าบัตรประจำตัวนักเรียน ( Smart Card ) ภาคเรียนละ : 200 บาท
                                  • ค่าใช้จ่ายโครงการยกระดับด้านวิชาการและอบรมปฏิบัติการเฉพาะก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 : 1,000 บาท
                                  • ค่าใช้จ่ายพัฒนาห้องเรียนพิเศษสำหรับ 3 ปีการศึกษา 11,000 บาท

                                  EP (English Program)

                                  ระดับชั้น ม.1

                                  • ค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนละ 35,000 บาท
                                  • ค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนและพัฒนาโครงการพิเศษสำหรับ 3 ปีการศึกษา 15,000 บาท
                                  • ค่าใช้จ่ายสำหรับกลุ่มสนใจวิทยาศาสตร์หุ่นยนต์ (ตามความสมัครใจและเกณฑ์คะแนน) ภาคเรียนละ : 5,000 บาท
                                  • ค่าหนังสือภาษาอังกฤษวิชาต่างๆ ปีการศึกษาละ 2,500 บาท
                                  • ค่าสมาชิกสมาคมผู้ปกครองและครู ภาคเรียนละ : 300 บาท
                                  • ค่าบัตรประจำตัวนักเรียน ( Smart Card ) ภาคเรียนละ : 200 บาท

                                  Inter (International Program)

                                  ระดับชั้น G7

                                  • ค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนละ 80,000 บาท
                                  • ค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนและพัฒนาโครงการพิเศษสำหรับ 3 ปีการศึกษา 30,000 บาท
                                  • ค่าใช้จ่ายสำหรับกลุ่มสนใจวิทยาศาสตร์หุ่นยนต์ (ตามความสมัครใจและเกณฑ์คะแนน) ภาคเรียนละ : 5,000 บาท
                                  • ค่าหนังสือภาษาอังกฤษวิชาต่างๆ ปีการศึกษาละ 4,000 บาท
                                  • ค่าสมาชิกสมาคมผู้ปกครองและครู ภาคเรียนละ : 300 บาท
                                  • ค่าบัตรประจำตัวนักเรียน ( Smart Card ) ภาคเรียนละ : 200 บาท

                                  ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ของ โรงเรียนโพธิสารพิทยากร

                                  กลุ่มบริหารวิชาการ โทร.02-448-6130 ต่อ 117

                                  เว็บไซต์ : www.ps.ac.th

                                  Editor : แม่เลม่อน

                                  ภาพ :  ฤทธิรงค์ จันทองสุข ,ภาพประชาสัมพันธ์

                                  ผู้ช่วยช่างภาพ : ธวัชชัย ทิพย์โยธา


                                  อ่านต่อบทความน่าสนใจ

                                    ผลวิจัยล่าสุด MFGM สุดยอดสารอาหารในน้ำนมแม่ เพื่อ IQ /EQ ที่เหนือกว่าของลูกน้อยในวัย 5 ขวบ

                                    รู้ไหมคะว่า พัฒนาการการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ และพัฒนาการสมองการเรียนรู้ที่ดีสมวัย ตั้งต้นมาจากการได้รับโภชนาการที่ดีมีประโยชน์ตั้งแต่ที่ลูกอยู่ในครรภ์ของคุณแม่และต่อเนื่องมาจนถึง 1,000 วันแรกของชีวิต ซึ่งโภชนาการหลังคลอดที่ดีที่สุดกับลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิดนั่นก็คือ น้ำนมแม่ ในนมแม่จะมี MFGM ที่เป็นหนึ่งในสารอาหารสำคัญจำเป็นที่ลูกควรได้รับอย่างต่อเนื่อง กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จะพาไปทำความรู้จักกับMFGM สารอาหารในน้ำนมแม่กันค่ะ

                                    การที่ลูกน้อยได้รับประทานนมแม่ โดยเฉพาะช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต ที่มีคำแนะนำจากคุณหมอ และองค์การอนามัยโลกก็ส่งเสริมให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวให้ได้อย่างน้อย 6 เดือน นมแม่เป็นอาหารที่ดีและเหมาะกับลูกน้อยที่สุด เด็กที่ได้ทานนมแม่จะได้รับสารอาหาร พลังงาน วิตามิน แร่ธาตุต่าง ๆ อย่างครบถ้วนรวมถึงสารอาหารที่เรียกว่า Bioactive Compounds ที่มีความจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย และมีผลต่อการทำงานของระบบประสาท และพัฒนาการของลูกน้อยค่ะ ซึ่งสารอาหาร Bioactive Compounds ก็เช่นMFGM  และ DHA

                                    MFGM สารอาหารในน้ำนมแม่ คืออะไร?

                                    สำหรับMFGM หรือ Milk Fat Globule Membrane เป็นเยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในน้ำนม ประกอบด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด อย่างสฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟลิฟิด แกงกลิโอไซด์ เป็นต้น ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างเส้นใยประสาท (Myelin Sheath) และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาทเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเรียนรู้และจดจำได้ดียิ่งขึ้น

                                    ผลวิจัยล่าสุด MFGM  เสริมสร้าง IQ และ EQ ที่เหนือกว่าของลูกน้อยในวัย 5 ขวบ

                                    มีผลวิจัยรองรับว่าช่วยเสริมสร้าง IQ และ EQ ของลูกน้อยให้เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก เด็กที่รับประทานนมแม่ที่มีMFGM ตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิตจะส่งผลดีต่อพัฒนาการสมองในระยะยาวของเด็กไปจนถึงวัย5 ขวบ หรือวัยเข้าเรียน ผลวิจัยพบว่าเด็กที่ได้รับประทานนมแม่ที่มีMFGM จะมี IQ และ EQ สูงกว่าเด็ก ที่ไม่ได้รับนมแม่ที่มีMFGM *

                                    และเหตุผลอย่างหนึ่งที่ไม่อยากให้คุณแม่พลาดช่วงเวลาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไป นั่นก็เพราะว่าMFGM ที่พบในน้ำนมแม่ยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของทารกให้แข็งแรง และยังเป็นโภชนาการที่เหมาะสมกับระบบขับถ่ายของลูกน้อยให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติด้วยค่ะ

                                     

                                    และหากคุณแม่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างต่อเนื่อง  หรือถ้าอยู่ในช่วงที่ลูกใกล้วัยขวบกำลังปรับเปลี่ยนจากนมแม่มารับประทานนมเสริมสำหรับเด็ก แนะนำให้คุณแม่เลือกนมที่มีสารอาหารสำคัญอย่างMFGM เพราะด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการผลิตนมผงในปัจจุบัน ซึ่งในอดีตมีการสูญเสีย MFGM ไปในระหว่างกระบวนการผลิตนมผงสูตรสำหรับเด็ก ทำให้สามารถเติมMFGM จากน้ำนมวัวลงในนมผงสูตรสำหรับเด็กได้ นับเป็นทางเลือกที่ดีให้คุณแม่ได้ค่ะ

                                    อย่างไรก็ตามแนะนำว่า นมเสริมสำหรับเด็ก ควรเลือกให้เหมาะกับร่างกายความต้องการของลูก เนื่องจากในเด็กบางคนยังมีระบบย่อยอาหารที่ยังไม่สมบูรณ์ มักจะมีอาการไม่สบายท้อง ท้องอืด ท้องผูก ร้องงอแง ร้องกวน คุณแม่อาจเลือกนมเสริมสำหรับเด็ก ที่เป็นสูตรย่อยง่าย และมีสารอาหารทั้ง MFGM และมี PHP (Partially Hydrolyzed Protein) โปรตีนที่ย่อยมาแล้วบางส่วน จะทำให้ดูดซึมง่าย ช่วยให้ลูกสบายท้องค่ะ การที่ลูกมีระบบย่อยอาหารที่ดีจะทำให้เขาพร้อมเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวทั้งจากที่บ้าน และนอกบ้านได้อย่างไม่มีสะดุด และนั่นก็จะส่งผลในเชิงบวกทำให้เด็ก ๆ มีพัฒนาการที่ก้าวล้ำยิ่งขึ้นค่ะ

                                    หากหากคุณพ่อคุณแม่สนใจศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับMFGM และโภชนาการของลูก กดที่ลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ https://bit.ly/3q5gxJ6

                                    กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้สำเร็จ และมีนมเสริมที่เหมาะกับร่างกายของลูกน้อย ให้ได้รับสารอาหารสำคัญอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะต้องมี MFGM และ PHP ด้วยนะคะ

                                     

                                    อ้างอิง

                                    *AlThuneyyan DA, AlGhamdi FF, AlZain RN, AlDhawyan ZS, Alhmly HF, Purayidathil TS, AlGindan YY, Abdullah AA. The Effect of Breastfeeding on Intelligence Quotient and Social Intelligence Among Seven- to Nine-Year-Old Girls: A Pilot Study. Front Nutr. 2022Feb 18;9:726042. doi: 10.3389/fnut.2022.726042. PMID: 35252287; PMCID: PMC8894195.

                                     

                                    *Amiel Castro, R., Glover, V., Ehlert, U. et al. Breastfeeding, prenatal depression and children’s IQ and behaviour: a test of a moderation model. BMC Pregnancy Childbirth 21, 62 (2021). https://doi.org/10.1186/s12884-020-03520-8