โรคหายาก ที่พ่อแม่ไม่ค่อยรู้จัก ถึงจะหาได้ยาก แต่โรคนี้นั้นมีอยู่จริง!!!!!

Alternative Textaccount_circle
event

“โรคหายาก” เป็นปัญหาด้านสาธารณสุขระดับโลก ที่พ่อแม่ควรสังเกต และไม่ควรนิ่งนอนใจอีกต่อไป ถึงแม้จะหาได้ยาก แต่เมื่อรวมๆดูแล้ว มีผู้ป่วยด้วยกลุ่มโรคเหล่านี้ จำนวนไม่น้อย เลยทีเดียว

แล้วทำไมพ่อแม่อย่างเราถึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ แน่นอนว่า ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคหายากประมาณ 400 ล้านคนทั่วโลก1 โดยกว่า 3.5 ล้านคนเป็นผู้ป่วยในประเทศไทย แต่มีเพียง 20,000 คน2 เท่านั้นที่ได้รับการวินิจฉัยและเข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างถูกวิธี และ โรคหนึ่งที่น่าสนใจในกลุ่มโรคหายากนั้นคือ โรคโกเช่ร์ (Gaucher Disease) ที่เกิดการความผิดปกติทางพันธุกรรมชนิดหนึ่ง ซึ่งผู้ป่วย จะมีอาการเช่น อยู่ดีๆก็เกล็ดเลือดต่ำ บางคนมาด้วยอวัยวะภายใน เช่น ตับโต ม้ามโต

และที่น่ากังวลใจคือ บางคนเป็นตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่ต้น เพราะกลุ่มโรคเหล่านี้ ต้องใช้เวลาในการตรวจและวินิจฉัย เพราะ เด็กมักป่วยเหมือนโรคทั่วๆไป แต่เป็นซ้ำไม่หายขาด ต้องใช้เครื่องมือที่ล้ำสมัย เพื่อถอดลำดับสารพันธุกรรมได้ทั้งจีโนมในเวลาอันรวดเร็ว ที่เป็นสาเหตุหลักของกลุ่มโรคหายาก และจะสามารถรักษาที่ตรงเหตุอย่างทันท่วงที ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตและมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นได้

วันนี้เราได้มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณหมอศ.นพ.วรศักดิ์ โชติเลอศักดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเวชพันธุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาทำความรู้จัก โรคโกเช่ร์ (Gaucher Disease) กันค่ะ

กลุ่มโรคหายาก โรคโกเช่ร์ (Gaucher Disease) คืออะไร และ รักษาอย่างไร

โรคโกเช่ร์ (Gaucher disease) หรือ GD เป็นโรคทางพันธุกรรมหายาก (Rare disease) ที่มีอุบัติการณ์น้อยกว่า 1:100,000 ประชากร โดยโรคนี้สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม จากการขาดหรือการทำงานของเอนไซม์กลูโคซีรีโบรซิเดส (Glucocerebrosides) บกพร่อง เป็นการถ่ายทอดแบบยีนด้อย (Autosomal recessive) โดยทั้งบิดาและมารดาของผู้ป่วยเป็นพาหะหรือมีพันธุกรรมที่ผิดปกติของยีน GBA

โรคโกเช่ร์แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ ชนิดที่ 1 : ไม่มีอาการทางระบบประสาท  ชนิดที่ 2: มีอาการทางระบบประสาทเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะเสียชีวิตอย่างรวดเร็วจากผลแทรกซ้อนทางระบบประสาท ชนิดที่ 3:ผู้ป่วยมีอาการทางระบบประสาท โดยจะมีความผิดปกติทางพัฒนาการด้านสติปัญญา หรือมีอาการลมชัก

 โดยในประเทศไทย พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็ก โรคนี้มักพบอาการของโรคได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยผู้ใหญ่ โดยมีอาการที่สามารถสังเกตได้จากรูปร่างที่เริ่มผิดปกติ  ตับโต ม้ามโต มีอาการทางระบบเลือดต่างๆ เกิดภาวะซีด เกล็ดเลือดต่ำ ทำให้เป็นแผลฟกช้ำและเลือดออกง่ายกว่าปกติ บางรายอาจมีอาการทางกระดูกร่วมด้วย เช่น ปวดกระดูก กระดูกบาง กระดูกหักง่าย และบางรายอาจมีปัญหาเรื่องการเจริญเติบโตช้า บางรายที่มีอาการทางระบบประสาทร่วมด้วยจะส่งผลเรื่องพัฒนาการด้านสติปัญญา และ มีอาการลมชัก เป็นต้น ซึ่งแต่ละรายจะมีอาการไม่เหมือนกัน 

ศ.นพ.วรศักดิ์ โชติเลอศักดิ์ ได้เล่าให้เราได้ฟังว่า แต่ละโรคในกลุ่มโรคหายากมีจำนวนผู้ป่วยน้อย แต่เนื่องจากกลุ่มโรคนี้มีกว่า 7,000 โรค โดยรวมแล้วจึงมีผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ เดิมเรายังไม่มีเครื่องมือที่เหมาะสม ทำให้การวินิจฉัยโรคหายากยิ่งยากขึ้นไปอีก แต่ในปัจจุบัน มีเครื่องมือที่ล้ำสมัย เรียกว่า “Next Generation Sequencing” หรือ “NGS”  ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการถอดลำดับสารพันธุกรรมได้ทั้งจีโนมในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้สามารถตรวจพบความผิดปกติของสารพันธุกรรมอันเป็นสาเหตุหลักของกลุ่มโรคหายาก แพทย์จึงสามารถให้การวินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็ว นำไปสู่การรักษาที่ตรงเหตุอย่างทันท่วงที ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตและมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น บ่อยครั้งที่เปลี่ยนจากการที่ต้องมีผู้ดูแลไปตลอดชีวิต กลายมาเป็นกำลังของสังคมได้” เดิมทีเราไม่ทราบที่มาของโรค แพทย์จำเป้นต้องรักษาตามอาการ และ รักษาตามโรคที่เกิดขึ้นในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขา แต่ที่น่าสังเกตคือ เด็ก หรือผู้ป่วย กลับมาหาแพทย์ด้วยโรคและอาการเดิมๆซ้ำๆ จนเป็นที่น่าสงสัย จึงก่อให้เกิดการวินิจฉัยไปยังกลุ่มโรคหายากในลำดับต่อไป แต่บางราย รู้ช้า หรือวินิจฉัยได้ช้า การรักษาก็เป็นไปได้ยากขึ้น จึงเป็นที่น่ายินดี ที่เทคโนโลยีได้ก่อให้เกิดเครื่องมือที่ทันสมัย ตรวจได้เร็วขึ้น และรักษาได้เร็วขึ้น โดยรักษาด้วยการให้ยาเอนไซม์ทดแทน ซึ่งผู้ป่วยจะต้องมารับยาเอนไซม์ทุกๆ 2 สัปดาห์ (ตลอดชีวิต) หรือวิธีที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ คือ การปลูกถ่ายไขกระดูก หรือการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (Stem cell)

นอกจากนี้เรายังได้พูดคุยกับ คุณบุญพุฒิพงศ์ธนโชติ ประธานมูลนิธิโรคพันธุกรรมแอลเอสดี ซึ่งเป็นคุณพ่อผู้ดูแลลูกที่ป่วยเป็นโรค
โกเช่ร์ อีกด้วย

คุณบุญ พุฒิพงศ์ธนโชติ เล่าให้เราฟังว่า “น้องฝ้ายเป็นโรคโกเช่ร์มาตั้งแต่เกิด ในตอนนั้น โรคนี้เป็นสิ่งใหม่มากสำหรับพวกเรา จากวันแรก ผมรู้แค่ว่าผมต้องทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อช่วยให้ลูกมีชีวิตรอด ยิ่งไปกว่านั้นกระบวนการรักษามีความซับซ้อนและราคาสูง เป็นความท้าทายครั้งหนึ่งในชีวิต แต่เราก็ผ่านมันมาได้ เลยมองย้อนว่าแล้วผู้ป่วยรายอื่นๆ ที่ต้องเจอความยากลำบากนี้เค้าจะทำอย่างไร เลยเป็นแรงบันดาลใจในการก่อตั้งมูลนิธิโรคพันธุกรรมแอลเอสดีขึ้นในประเทศไทย รวบรวมผู้ป่วยโรคโกเช่ร์และโรคหายากในกลุ่มโรคพันธุกรรมแอลเอสดีอื่นๆ ให้มารวมตัวกัน พร้อมผลักดันให้เกิดสิทธิที่ให้ภาครัฐเข้ามาดูแล สุดท้ายจากความพยายามของพวกเราทุกคน ยารักษาโรคโกเช่ร์ ประเภทที่ 1 ได้ถูกบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ช่วยสนับสนุนทางด้านการเงินและการเข้าถึงการรักษาสำหรับผู้ป่วยและผู้ดูแล เราจะเดินหน้าทำงานกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนให้การรักษาโรคหายากได้รับการรักษาอย่างเท่าเทียมกันในอนาคต” 

รู้หรือไม่ 

มีองค์กรที่เข้ามาช่วยส่งเสริมมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยโรคหายากในประเทศไทย อย่าง ทาเคดา ประเทศไทย มีการจัดงาน “Embrace the Differences, Unite for Rare Diseases” ที่บอกเล่าเรื่องราวแรงบันดาลใจจากผู้ป่วยโรคโกเช่ร์ หนึ่งในโรคหายาก ผ่านนิทรรศการนิทานเจ้าโกเช่ร์กับพลังวิเศษแห่งความลับ พร้อมรับฟังถึงความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ที่จะช่วยยกระดับการดูแลผู้ป่วยและการรักษา เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าของผู้ป่วยและครอบครัว ซึ่งเป็นความหวังของผู้ป่วยโรคหายากที่มีอยู่นับพันโรค  มร. ปีเตอร์ สไตรเบิล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาเคดา (ประเทศไทย) จำกัด  กล่าวว่า “ทาเคดายึดมั่นพันธกิจในการแสวงหาสุขภาพที่ดีกว่าและอนาคตที่สดใสให้กับผู้คนทั่วโลก ผ่านการพัฒนานวัตกรรมการรักษาที่จะส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งโรคหายากเป็นหนึ่งในกลุ่มโรคที่เราให้ความสำคัญ โดยเราทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข องค์กรทางการแพทย์ รวมทั้งกลุ่มตัวแทนผู้ป่วยเพื่อร่วมกันสนับสนุนให้เกิดการสร้างโอกาสและความเท่าเทียมให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาและนำไปสู่อนาคตที่ดีขึ้นของชุมชนโรคหายากต่อไป” 

 

 

  

การเลือกซื้อคาร์ซีท สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่

event

สิ่งแรกที่คุณพ่อคุณแม่ควรคำนึงใน การเลือกซื้อคาร์ซีท คือ การได้รับการทดสอบในด้านของความปลอดภัยในระดับสากล โดยทั่วไปการทดสอบจะเริ่มตั้งแต่การทดสอบการชนและการป้องกันแรงกระแทกที่จะส่งผลต่อร่างกายเด็ก

 

มาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันในโลกแบ่งออกเป็นของ 2 กลุ่มหลักๆ คือ ECE R44 /04 และ ECE R129 หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ i – size ของทวีปยุโรป และ FMVSS 213 ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความแตกต่างกันไปในรายละเอียดของการทดสอบขึ้นอยู่กับกฎข้อบังคับของแต่ละประเทศ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือการเลือกคาร์ซีทที่ได้รับมาตรฐานและมีสติกเกอร์แสดงถึงมาตรฐานชัดเจน ดังนั้นก่อนซื้อคาร์ซีทไม่ว่าจะรุ่นหรือแบรนด์ไหนๆ คุณพ่อและคุณแม่อย่าลืมที่จะหาข้อมูลหรือสอบถามเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของคาร์ซีทตัวนั้นๆ ด้วยนะคะ

ภาพตัวอย่างสติกเกอร์ที่โชว์มาตรฐานชัดเจน และมักแปะอยู่ที่บริเวณด้านหลัง/ใต้ฐานของคาร์ซีท

 

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เป็นส่วนสำคัญในการพิจารณาในเลือกคาร์ซีทให้แก่ลูกรัก

  • ปัจจัยในเรื่องของการติดตั้ง

คาร์ซีทส่วนใหญ่ในท้องตลาดการติดตั้งจะมีด้วยกันทั้งหมด 2 แบบ

  1. เข็มขัดนิรภัย เป็นการติดตั้งด้วยสายเข็มขัดนิรภัยที่มากับรถยนต์
  2. Isofix คือการติดตั้งด้วยการเสียบแท่น isofix ของคาร์ซีทเข้ากับเบาะรถยนต์ โดยส่วนมากจะมีในรถยนต์ปี 2014 เป็นต้นไป ช่วยในเรื่องความสะดวก และประหยัดเวลาในการติดตั้ง

  • ปัจจัยในเรื่องของอายุการใช้งาน

ส่วนมากคาร์ซีทจะแบ่งกลุ่มออกตามอายุการใช้งาน โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงแรกเกิดถึงช่วงอายุต่าง ๆ ซึ่งขึ้นอยู่ในดุลยพินิจของคุณพ่อคุณแม่ว่าอยากให้ลูกน้อยนั่งคาร์ซีทถึงช่วงอายุเท่าไหร่

 

** โดยในปัจจุบัน ตามราชกิจจานุเบกษาที่ได้เผยแพร่ประกาศ พ.ร.บ.จราจรทางบกฉบับที่ 13 พ.ศ.2565 เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2565 ให้ผู้โดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องนั่งคาร์ซีท และผู้โดยสารที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซ็นติเมตรต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาที่โดยสาร ทำให้ทุกๆ บ้านที่มีลูกน้อยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีคาร์ซีทเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย และถ้าพ่อแม่คนไหนฝ่าฝืนไม่ใช้คาร์ซีทสำหรับเด็กทารกแรกเกิด หรือเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กเล็ก มีโทษปรับสูงสุด 2,000 บาท

  • ปัจจัยในเรื่องของงบประมาณ

ในส่วนของงบประมาณ ขึ้นอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ โดยปัจจุบันในตลาดมีคาร์ซีทหลากหลายให้เลือกจำนวนมาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลือกคาร์ซีทที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยสากลที่อยู่ภายในงบประมาณของคุณพ่อคุณแม่นะคะ

 

Tips:

ควรเลือกคาร์ซีทแบบไหนให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของครอบครัวเรามากที่สุด? 

 

  • สำหรับบ้านที่มีลูกน้อยวัยแรกเกิดและมีความจำเป็นต้องเดินทางบ่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงขวบปีแรกที่ต้องพาลูกน้อยไปหาหมอหรือไปฉีดวัคซีน แนะนำ “ตะกร้าคาร์ซีท” ที่ช่วยมอบความคล่องตัวที่เหมาะสำหรับลูกน้อยวัยแรกเกิด ถึง 13 กิโลกรัม เช่น Joie รุ่น Gemm

  • สำหรับครอบครัวที่อาจเดินทางไม่บ่อย ไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน แนะนำเลือกซื้อคาร์ซีทแบบติดตั้งอยู่กับรถ ที่สามารถติดตั้งได้ทั้งหันหน้าเข้า และ หันหน้าออก ไม่ว่าจะติดตั้งด้วยเบลล์ หรือ isofix จะคุ้มค่าและตอบโจทย์มากที่สุด เนื่องจากสามารถเลือกแบบการใช้งานในระยะยาวได้

  • และสำหรับบ้านที่มีเด็กโตวัย 3 ขวบขึ้นไป คาร์ซีทที่เหมาะสมสำหรับเด็กโต คือ “บูสเตอร์ซีท” ที่ทำหน้าที่เหมือนคาร์ซีท เป็นการเพิ่มความปลอดภัยและความสูงให้กับเด็กๆ ให้มีความสูงที่เพียงพอในการคาดเข็มขัดนิรภัยบนรถยนต์ได้ โดยการเลือก Booster Seat คำนึงถึงปัจจัยในเรื่องของอายุ น้ำหนักและส่วนสูง โดยเริ่มต้นตั้งแต่ 3 – 12 ปี หรือน้ำหนัก 15-36 kg. และ มีความสูง 100-145 cm.

เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับการนั่งคาร์ซีทในแต่ละช่วงวัย

  • แรกเกิด – 15 เดือน “ต้อง” นั่งหันหน้าเข้าหาเบาะด้านหลังรถ* (Rearward-facing baby seat) เพราะกระดูกคอและหลังยังไม่แข็งแรง หันหน้าเข้าเบาะหลังช่วยลดแรงกระแทก
  • แรกเกิด – 6 ปี สามารถนั่งแบบ “ผสม” หันได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังรถ (Combination seat)
  • 9 เดือน  –11 ปี สามารถเริ่มนั่งแบบหันหน้าไปด้านหน้ารถ (Forward-facing child seat)
  • เด็กโต 3 ปี – 12 ปี นั่งแบบมีพนักพิงด้านหลัง (High-backed Booster Seat) หลังจากนั้น น้องจะเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัย และสามารถใช้ Belt ที่มากับรถได้แล้ว

10 ช่อง Youtube ฝึกภาษา ปูพื้นฐานความรู้ พร้อมโกอินเตอร์

10 ช่อง Youtube ฝึกภาษา ปูพื้นฐานความรู้ พร้อมโกอินเตอร์

Alternative Textaccount_circle
event
10 ช่อง Youtube ฝึกภาษา ปูพื้นฐานความรู้ พร้อมโกอินเตอร์
10 ช่อง Youtube ฝึกภาษา ปูพื้นฐานความรู้ พร้อมโกอินเตอร์

เดี๋ยวนี้ถ้าอยากเรียนภาษาต่างประเทศ ไม่ว่าจะอังกฤษ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น สเปน หรือภาษาอะไรก็ตาม เพียงเข้าแอป Youtube ฝึกภาษา ก็จะมีอาจารย์มาเปิดช่องสอนกันคึกคัก วิธีนำเสนอก็ต่างกันไป จะเลือกดูช่องไหนก็คงต้องแล้วแต่พื้นความรู้ที่สะสมมาต่อยอด ใครสนใจภาษาไหน อยากเรียนระดับไหน ลองเลือกจาก 10 ช่อง Youtube ฝึกภาษา ที่เราคัดสรรมาได้เลย

10 ช่อง Youtube ฝึกภาษา ปูพื้นฐานความรู้ พร้อมโกอินเตอร์

10 ช่อง Youtube ฝึกภาษา ปูพื้นฐานความรู้ พร้อมโกอินเตอร์

  1. UNFOX English

ช่องสอนภาษาอังกฤษเนื้อหาหลากหลาย ตั้งแต่แกรมม่าพื้นฐาน บทสนทนาพื้นฐาน ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ไปจนถึงคำศัพท์ตั้งแต่ง่าย ไปจนถึงศัพท์ในชีวิตประจำวัน ศัพท์สแลงเข้ายุคสมัย ซึ่งจะมีพิธีกรประจำช่องที่ช่วยสอนไปทีละขั้น ที่ละข้อ หรือนำหนัง ซีรีส์ เพลงกำลังเป็นกระแส มาพูดคุย อธิบายความหมาย โดยมีแขกรับเชิญมาร่วมแชร์ความรู้ไปด้วย ส่วนคนที่อยากเรียนรู้จริงจัง ยังสามารถเข้าไปเรียนคอร์สภาษาแบบปูพื้นได้จากในเว็บไซต์ด้วย เรียกว่าปล่อยความรู้ให้แบบไม่กั๊กและไม่มีค่าใช้จ่ายเลย เหมาะสำหรับน้องๆวัยประถมขึ้นไป หรือคนที่อยากปัดฝุ่นความรู้ภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง

10 ช่อง Youtube ฝึกภาษา ปูพื้นฐานความรู้ พร้อมโกอินเตอร์

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.youtube.com/@unfoxenglish

  

  1. KND Studio

ย่อมาจาก คำนี้ดี ช่องที่เป็นมากกว่าสอนภาษาอังกฤษ แต่คือพอดแคสต์ที่เสนอคอนเท้นต์เชิงความคิด ประเด็นทันสมัย ผ่านภาษาอังกฤษไปด้วย โดดเด่นด้วยคลังคำศัพท์ที่จะนำมาสอนให้จดจำและเข้าใจสถานการณ์ที่ใช้แบบเป็นหมวดหมู่ เช่นชุดท่องศัพท์จนหลับไป, ทายศัพท์จนหลับไป, Word Quiz, Vocab Quiz, Idiom 100, สะกดเก่ง มีคลิปสอนการออกเสียง ตั้งแต่ระดับคำ ยาวเป็นย่อหน้า ไปจนถึงเทคนิคพรีเซ้นต์ภาษาอังกฤษ แถมเนื้อหาแต่ละตอนกูทำได้น่าติดตาม สลับกับพ็อตแคสต์พูดคุยภาษาอังกฤษตามประเด็นสังคมต่างๆ เรียกว่าช่องนี้ดูได้ตั้งแต่ทักษะระดับเริ่มต้น ถึงแอดวานซ์เลยทีเดียว   

10 ช่อง Youtube ฝึกภาษา ปูพื้นฐานความรู้ พร้อมโกอินเตอร์

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.youtube.com/@KNDStudio/featured

 

  1. ADAM Bradshaw

หลายคนคงรู้จักอาจารย์อดัมกันเป็นอย่างดีจากรายการสอนภาษาอังกฤษทางโทรทัศน์ ซึ่งพอมาสอนในยูทูปอาจารย์ก็ยังคงคอนเซ็ปต์การสอนที่เน้นไปทางเกร็ดภาษา แก้ไขความเข้าใจผิดทางภาษาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกเสียงที่ถูกต้อง ความต่างของคำความหมายคล้ายกัน คำไทยแปลเป็นคำอังกฤษว่าอะไร การสนทนาภาษาอังกฤษในสถานการณ์ต่างๆ หรือชวนแขกรับเชิญมาคุยภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง ซึ่งข้อดีของช่องนี้ก็คือเป็นการสอนอังกฤษโดยเจ้าของภาษาโดยตรง การออกเสียงจึงถูกต้องและชัดเจน  

เรียนภาษา

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.youtube.com/@AdamBradshaw

 

  1. KruDew English

เรียนภาษาอังกฤษแบบได้ความรู้คู่ความสนุกกับเทคนิคการสอนที่เพิ่มจริตเฉพาะตัวของครูดิวเข้าไปด้วย ช่วยให้เรื่องวิชาการซอฟท์ลงและเข้าใจง่ายขึ้นเป็นกอง ซึ่งเนื้อหาของครูดิวจะเอาป๊อบคัลเจอร์มาเป็นตัวอย่างในการสอนแกรมมาและคำศัพท์ ไม่ว่าจะเป็นหนังหรือเพลงที่กำลังฮิต ช่วยให้จดจำได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงเทคนิคการจดจำแกรมมา ประโยคสนทนาที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน สถานการณ์ต่างๆ และยังชวนคนดัง ดารา มาร่วมแจมความฮา แต่ได้สอนภาษาอังกฤษไปในตัวด้วย 

เรียนภาษา

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.youtube.com/@kdenglishofficial

 

  1. BBC Learning English

ยกระดับการเรียนภาษาอังกฤษด้วยการเรียนจากเจ้าของภาษาโดยตรง ช่องนี้จึงเหมาะกับคนที่มีพื้นฐานมาแล้วพอสมควร โดยเฉพาะทักษะการฟัง แต่ถึงจะยังฟังไม่เก่ง ก็สามารถกดดูซับไตเติ้ลคู่กันไปได้ เนื้อหามีตั้งแต่การสอนแกรมมา คำศัพท์ การออกเสียง การฟัง เรียกว่าครบทุกด้าน แต่สอดแทรกในเรื่องราวที่ไม่น่าเบื่อ อย่างเช่นประเด็นที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน หรือข่าวสารที่เป็นกระแสสังคม จากนั้นค่อยย่อยออกมาเป็นรูปประโยค คำศัพท์ที่ใช้ในข่าว ช่วยฝึกการฟังจับใจความไปในตัว ใครต้องการฝึกพูดและฟังภาษาอังกฤษได้ต้องไม่ควรพลาดช่องนี้ 

เรียนภาษา

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.youtube.com/@bbclearningenglish

 

อ่านต่อ.. 10 ช่อง Youtube ฝึกภาษา ปูพื้นฐานความรู้ พร้อมโกอินเตอร์ ..ได้ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

10 พิกัดพาลูก เที่ยวสงกรานต์ เที่ยวสนุก ฉ่ำ ยกบ้าน

10 พิกัดพาลูก เที่ยวสงกรานต์ เที่ยวสนุก ฉ่ำ ยกบ้าน

Alternative Textaccount_circle
event
10 พิกัดพาลูก เที่ยวสงกรานต์ เที่ยวสนุก ฉ่ำ ยกบ้าน
10 พิกัดพาลูก เที่ยวสงกรานต์ เที่ยวสนุก ฉ่ำ ยกบ้าน

ในหนึ่งปีช่วงเวลาหยุดยาวที่หลายครอบครัวจะได้พร้อมหน้ากันก็คงจะเป็นช่วงสงกรานต์นี่เอง บางบ้านอาจจะเลือกอยู่บ้าน ใช้เวลาสบายๆร่วมกัน แต่หลายบ้านเช่นกันที่เลือกจะออกไปเปลี่ยนบรรยากาศด้วยกันนอกบ้าน จากที่ไม่ค่อยได้ไปไหนด้วยกัน เราจึงจัด 10 พิกัด เที่ยวสงกรานต์ มาให้เลือกกัน สะดวกใกล้ไกลจุดไหนก็ขอให้เดินทางปลอดภัย มีความสุข ชุ่มฉ่ำ รับเทศกาลสงกรานต์กันค่ะ  

10 พิกัดพาลูก เที่ยวสงกรานต์ เที่ยวสนุก ฉ่ำ ยกบ้าน

10 พิกัดพาลูก เที่ยวสงกรานต์ เที่ยวสนุก ฉ่ำ ยกบ้าน

  1. สวนนงนุช ชลบุรี

มาเที่ยวกันได้ทั้งบ้าน เพลินได้ทั้งวันจริงๆ ที่นี่รวบรวมพรรณไม้หายากเอาไว้มากมาย บรรยากาศร่มรื่น มีการจัดสวนสไตล์ต่างๆ พร้อมมุมถ่ายรูปเพียบ ไม่ว่าจะสวนฝรั่งเศส สวนอังกฤษ สวนหิน สวนตะบองเพชร ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีโซนที่หลายคนชื่นชอบ อย่างเช่น การแสดงช้าง ห้องจัดแสดงของสะสมหายากและราคาแพง เช่นบรรดารถซูเปอร์คาร์ และพลาดไม่ได้กับหุบเขาไดโนเสาร์ สุดอลังการด้วยหุ่นโมเดลเสมือนจริงของไดโนเสาร์มากมายหลากหลายชนิดในอิริยาบถต่างๆ พร้อมเสียงคำราม และบรรยากาศสวนสไตล์ดึกดำบรรพ์ราวกับหลุดไปอยู่ในโลกล้านปี

10 พิกัดพาลูก เที่ยวสงกรานต์ เที่ยวสนุก ฉ่ำ ยกบ้าน

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.nongnoochpattaya.com/th

 

  1. พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า ปทุมธานี

เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ได้แรงบันดาลใจจากพระราชกรณียกิจในรัชกาลที่ 9 เต็มไปด้วยองค์ความรู้รอบด้าน ทั้งในเรื่องนิเวศวิทยา ดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ไปจนถึงภูมิศาสตร์ สามารถเดินชมและสนุกไปกับอุปกรณ์สัมผัส และโมเดลเสมือนจริงต่างๆ ตั้งแต่วิวัฒนาการของโลก วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ตื่นตากับโมเดลไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ที่ทั้งขยับและคำรามได้ มนุษย์ตั้งแต่แรกเริ่มถึงปัจจุบัน สัตว์ต่างๆ จากทุกมุมโลก จัดแสดงแบ่งตามสภาพภูมิอากาศ โซนเทิดพระเกียรติรัชกาลที่ 9 รวมไปถึงเวิร์คช็อปวิทยาศาสตร์ และห้ามพลาดน้ำตกในร่มขนาดใหญ่ที่สูงจรดเพดานพร้อมจุดชมวิวมุมสูง เพลิดเพลินเดินชมได้ทั้งวัน  

ที่เที่ยวสงกรานต์

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.nsm.or.th/nsm/th/museum/rama9-museum

 

  1. สวนน้ำโคลัมเบียพิคเจอร์ส ชลบุรี

ชุ่มฉ่ำรับสงกรานต์กับสวนน้ำระดับโลกโดยโคลัมเบีย พิคเจอร์ส ค่ายหนังฮอลิวูดที่มีหนังชื่อดังมากมาย ซึ่งบรรดาเครื่องเล่นในสวนน้ำก็ล้วนนำธีมมาจากหนังดังของค่ายนี้ อย่างโซนโฮเทล ทรานซิลเวเนีย เป็นโครงสร้างเครื่องเล่นรวมสไลด์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถให้เลือกเล่นจาก 9 สไลเดอร์และสนุกกับของเล่นสวนน้ำกว่า 100 จุด, เครื่องเล่นโปรตอนสตรีม จากเรื่อง Ghostbusters จะพาทะยานเข้าในสไลด์ทรงกลมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไปจนถึงสระคลื่นยักษ์ ที่มีคลื่นเสมือนจริง ให้เล่นน้ำเหมือนอยู่ในทะเลด้วย

10 พิกัดพาลูก เที่ยวสงกรานต์ เที่ยวสนุก ฉ่ำ ยกบ้าน

ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.columbiapicturesaquaverse.com/

 

  1. ตลาดโอ๊ะป่อย ราชบุรี

ตลาดชุมชนบรรยากาศน่ารักที่ชูเอกลักษณ์ชาติพันธุ์กะเหรี่ยง เป็นตลาดติดลำน้ำภาชี มีที่นั่งทำจากไม้ไผ่ให้นั่งชิลติดริมน้ำ และสามารถซื้ออาหารในตลาดมานั่งกิน เช่น ข้าวยำสมุนไพร ข้าวแดกงา ข้าวห่ออั้งหมี่ถ่อ ขนมจีนน้ำยาหยวกกล้วย ผัดไทย ข้าวเกรียบปากหม้อ ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ขนมถ้วย กาแฟดริป ชาสมุนไพร ฯลฯ รวมทั้ง คังด้ง หรือ ใยแมงมุมเครื่องแขวนของชาวกะเหรี่ยง ก็น่าซื้อเป็นของที่ระลึก ห้ามพลาดใส่บาตรพระล่องแพ ที่ชาวกะเหรี่ยงถ่อมาตามลำน้ำพร้อมเป่าเขาสัตว์บอกสัญญาณ ได้ใส่บาตรด้วยอาหารแห้งใส่ชะลอมและดอกไม้ร่วมกัน เป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจมาก

ที่เที่ยวสงกรานต์

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/ohpoimarket/

 

  1. อุทยานวังตะไคร้ นครนายก 

แหล่งพักผ่อนหย่อนใจระดับตำนาน อดีตที่พำนักของกรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิ์พินิจ และหม่อมราชวงศ์หญิงพันธุ์ทิพย์ บริพัตร ภายในพื้นที่ 2.4 ตารางกิโลเมตรของอุทยาน เต็มไปด้วยความร่มรื่นของพันธุ์ไม้ทั่วพื้นที่ รวมทั้งสวนพฤกษศาสตร์ สวนกุหลาบ น้ำตกจำลอง และสายน้ำธรรมชาติที่ไหลผ่าน ทั้งคลองตะเคียน และคลองมะเดื่อ ส่วนกิจกรรมก็มีให้ทำมากมาย ได้ทั้งครอบครัว เช่น ล่องแก่ง, ขับ ATV, Paintball, ล่องเรือชมเขื่อนขุนด่านปราการชล, โหนสลิง รวมทั้งกิจกรรมผจญภัยตามฐานต่างๆ นอกจากนี้ยังมีครบทั้งที่พัก ลานกางเต๊นท์ และร้านอาหารด้วย   

ที่เที่ยวสงกรานต์

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/wangtakrai/

 

อ่านต่อ.. 10 พิกัดพาลูก เที่ยวสงกรานต์ เที่ยวสนุก ฉ่ำ ยกบ้าน ..ได้ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

10 สวนสัตว์และ อควาเรียม ทั่วไทย น่าพาลูกไปเที่ยว

10 สวนสัตว์และ อควาเรียม ทั่วไทย น่าพาลูกไปเที่ยว

Alternative Textaccount_circle
event
10 สวนสัตว์และ อควาเรียม ทั่วไทย น่าพาลูกไปเที่ยว
10 สวนสัตว์และ อควาเรียม ทั่วไทย น่าพาลูกไปเที่ยว

พื้นที่เรียนรู้มีอยู่มากมาย และที่ที่ใครๆก็คุ้นเคยคือสวนสัตว์ที่เราจะได้รู้จักสัตว์จากทุกมุมโลก บนบกและในน้ำ อย่างใกล้ชิด สอนความรักสัตว์ และยังได้ความรู้ทางชีววิทยาด้วย ตามมาเที่ยว 10 สวนสัตว์ และ อควาเรียม ทั่วไทยด้วยกันเลยค่ะ

10 สวนสัตว์และ อควาเรียม ทั่วไทย น่าพาลูกไปเที่ยว

10 สวนสัตว์และ อควาเรียม ทั่วไทย น่าพาลูกไปเที่ยว

  1. สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ชลบุรี

ชวนกันมาชมสัตว์อย่างใกล้ชิดแบบไม่มีกรงกั้น บนเนื้อที่กว่า 5,000 ไร่ ที่นี่มีสัตว์มากมายหลายสายพันธุ์ถึง 300 ชนิด พร้อมกิจกรรมและการแสดงโชว์จากสัตว์แสนรู้ จะเดินชม นั่งรถนำเที่ยว หรือเช่ารถกอล์ฟขับลุยเอง สามารถจอดแวะดูโชว์หรือชมสัตว์ตรงไหนก็ได้ ใครอยากใกล้ชิดน้องๆก็มีโซนที่สามารถเข้าใกล้และป้อนอาหารได้ด้วย ส่วนโชว์ที่ห้ามพลาดก็คือการชมช้างว่ายน้ำจากบ่อกระจกใส และการแสดงพาเหรดเพนกวิน ที่น้องจะเดินเรียงแถวมาอย่างเป็นระเบียบ น่าเอ็นดูมาก ๆ  

10 สวนสัตว์และ อควาเรียม ทั่วไทย น่าพาลูกไปเที่ยว

ข้อมูลเพิ่มเติม https://khaokheow.zoothailand.org/intro.php

 

  1. SeaLife Bangkok Ocean World

แหล่งเรียนรู้โลกใต้น้ำแบบใจกลางกรุงสุดๆ ภายในศูนย์การค้าสยามพารากอน เดินทางสะดวกสบายสุดๆ ภายในจัดแสดงอย่างอลังการเต็มพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร สามารถสัมผัสและชมชีวิตสัตว์น้ำน้อยใหญ่ผ่านห้องกระจกขนาดใหญ่แบบ 360 องศา อย่างเช่น ฉลาม, เต่าทะเล, เพนกวิน, ม้าน้ำ ฯลฯ หรือจะลองสัมผัสโลกใต้ทะเลแบบใกล้ชิดก็มีบริการดำน้ำชมฉลามเสือทราย ฉลามครีบดำ ฉลามเสือดาว กระเบนหลังดำ กระเบนนก พร้อมกับครูฝึกมากประสบการณ์ นอกจากนี้ยังมีโซนป่าดิบชื้น ที่จะได้พบกับปลาอะราไพม่า มังกรเครา กบลูกศรพิษ นากเล็กเล็บสั้น และงูนานาชนิด

10 สวนสัตว์และ อควาเรียม ทั่วไทย น่าพาลูกไปเที่ยว

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/SEALIFEBangkokOceanWorld/

 

  1. Elephant Haven Thailand กาญจนบุรี

มารู้จักช้างแบบไม่ต้องดูโชว์ ไม่ต้องขี่หลัง เพียงแค่มาใช้เวลาเดิน สูดกลิ่นอายป่าบริสุทธิ์ด้วยกัน ก็จัดว่าเป็นกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ที่น่าสนใจไม่น้อย ที่นี่เป็นแหล่งพักพิงช้างที่ปลดระวางจากกิจกรรมท่องเที่ยว รวมไปถึงช้างหลายวัยให้มารู้จักพฤติกรรม กิจกรรมคือการมาใช้ชีวิตร่วมกับช้าง มีทั้งทำอาหารและป้อนอาหารให้ช้าง เดินตามช้างเข้าป่า ชมธรรมชาติ ปล่อยช้างหากิน เล่นโคลน ลงไปเล่นน้ำกับช้างในลำธาร ท่ามกลางบรรยากาศป่าที่สดชื่นรื่นรมย์ เรียกว่าเป็นกิจกรรมที่เน้นให้คนเข้าใจพฤติกรรมช้าง ได้อยู่ใกล้ชิดกันโดยไม่ต้องฝึกเค้ามาเอาใจนักท่องเที่ยว เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจมาก  

สวนสัตว์

ข้อมูลเพิ่มเติม https://elephanthaventhailand.org/

 

  1. Underwater World พัทยา

ก้าวสู่โลกใต้ทะเลกับอควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดในชลบุรี ภายในมีโซนชมสัตว์น้ำหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ปลาทะเลสีสันสดใส ชมปลาทะเลตัวใหญ่ ทั้งฉลามและกระเบนว่ายไปมาแบบใกล้ชิดภายในอุโมงค์กระจกใส ให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในโลกใต้ทะเล และยังมีโชว์ให้อาหารปลาใต้น้ำให้ชมเป็นรอบๆด้วย นอกจากนี้ยังมีการจัดตู้แสดงพันธุ์สัตว์น้ำพร้อมข้อมูลความรู้ ทั้งสัตว์ทะเล ปะการัง ปลาน้ำจืดสายพันธุ์ต่างๆ และยังมีโซนแมงกะพรุนในห้องเรืองแสง โซนสัตว์เลื้อยคลาน ที่บางชนิดสามารถสัมผัสได้โดยมีผู้เชี่ยวชาญดูแล และห้ามพลาดการแสดงของน้องนากแสนรู้ สุดน่ารัก 

สวนสัตว์

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/underwaterworldpattaya.uwp/?locale=th_TH&_rdc=1&_rdr

 

  1. Chiang Mai Night Safari

สวนสัตว์ไม่ได้มีให้ชมแค่ตอนกลางวันเท่านั้น เพราะยังมีสัตว์หลายชนิดที่ใช้ชีวิตในยามค่ำคืน ซึ่งที่นี่ก็ถือเป็นสวนสัตว์กลางคืนแห่งแรกของประเทศไทย มีสัตว์ให้ชมถึง 1,400 ตัวเลย ไฮไลท์คือ Safari Tram ที่จะมีทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเฉพาะกลางคืน จะได้ตื่นตาตื่นใจกับพฤติกรรมของสัตว์ในตอนกลางคืน บางชนิดก็สามารถเดินมาหาถึงข้างรถเลยทีเดียว แบ่งเป็น 2 โซน คือ Savanna Safari สัมผัสกับสัตว์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด เช่น ยีราฟ ม้าลาย จิงโจ้แดง กวางผา และโซนที่ 2 Predator Prowl ซึ่งเป็นโซนสัตว์นักล่า เช่น เสือโคร่งขาว สิงโต ไอยีน่าลายจุด และอีกมากมาย  

สวนสัตว์

ข้อมูลเพิ่มเติม https://chiangmainightsafari.com/th/

 

อ่านต่อ.. 10 สวนสัตว์และ อควาเรียม ทั่วไทย น่าพาลูกไปเที่ยว ..ได้ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

สฟิงโกไมอีลิน เด็กผ่าคลอด

สร้างสมองไว สร้างภูมิคุ้มกันเร็วให้ เด็กผ่าคลอด ต้องเริ่มอย่างไร ?

Alternative Textaccount_circle
event
สฟิงโกไมอีลิน เด็กผ่าคลอด
สฟิงโกไมอีลิน เด็กผ่าคลอด

คุณแม่ที่ผ่าตัดคลอดจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ เพื่อที่จะได้ดูแลลูกน้อยได้อย่างทันที ใน เด็กผ่าคลอด พบว่ามี การเชื่อมโยงการทำงานของสมองน้อยกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ ดังนั้นเพื่อช่วยให้คุณแม่สามารถสร้างสมองเรียนรู้ไว และสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้กับลูกน้อยตั้งแต่แรกคลอด กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids มีคำแนะนำในการดูแล เด็กผ่าคลอด มาฝากค่ะ 

ทำไมต้องสร้างสมองไว และเสริมภูมิคุ้มกันให้.. เด็กผ่าคลอด

เด็กที่คลอดด้วยวิธีการผ่าคลอดมักจะมีปัญหาด้านสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติค่ะ นั่นก็เพราะว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติจะได้รับจุลินทรีย์สุขภาพอย่างบีแล็กทิส (B. lactis) ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณช่องคลอดของแม่เข้าสู่ร่างกายของลูกได้ในทันทีขณะผ่านช่องคลอดออกมา ซึ่งจะช่วยให้เด็กคลอดธรรมชาติมีพัฒนาการระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นที่เร็ว ข้อดีคือช่วยให้มีโอกาสเจ็บป่วยที่น้อยลงแต่ในเด็กผ่าคลอด จะเสียโอกาสในการได้รับภูมิคุ้มกันตั้งต้นที่ช้ากว่า ซึ่งผลกระทบที่ตามมาคือมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ และเจ็บป่วยบ่อย ที่สำคัญยังพบว่าเด็กผ่าคลอดมีความเสี่ยงด้านพัฒนาการทางสมองอีกด้วยค่ะ

เด็กผ่าคลอด พบว่ามีความเชื่อมโยงของสมองน้อยกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ จากการศึกษาที่สหรัฐอเมริกา (Deoni 2019) ได้มีการศึกษาพัฒนาการทางสมอง โดยดูการทำงานเชื่อมโยงของเซลล์ประสาทในสมอง (Brain connectivity) จากภาพสแกนสมอง เปรียบเทียบระหว่างเด็กคลอดธรรมชาติ และเด็กผ่าคลอด เมื่ออายุ 2 สัปดาห์ พบว่าสมองของเด็กผ่าคลอดมีการทำงานเชื่อมโยงน้อยกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ นอกจากนี้พัฒนาการสมองของเด็กที่ผ่าคลอด ส่วนคอร์ปัส คาโลซัม (Corpus Callosum) ซึ่งเป็นส่วนที่เชื่อมโยงการทำงานระหว่างสมองซีกซ้าย และซีกขวา พบว่าเด็กผ่าคลอดมีการสร้างไมอีลินในสมองน้อยกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่อายุ 3 เดือนจนถึง 3 ปี1

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคุณแม่ที่ผ่าคลอดลูก ต้องรีบกระตุ้นให้ลูกน้อยมีพัฒนาการสมอง และมีระบบภูมิคุ้มกันที่เร็ว ฉะนั้นคุณแม่อย่ารอ !! เพราะอาจจะช้าจนสายเกินแก้ไขได้นะคะ

น้ำนมแม่อาหารที่ดีที่สุดสำหรับ.. เด็กผ่าคลอด ให้ลูกมีพัฒนาการสมองไว และระบบภูมิคุ้มกันดี

สารอาหารดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด ขอยกให้น้ำนมแม่เลยค่ะ ในน้ำแม่มีสารอาหารหลากหลายกว่า 200 ชนิดตามที่ร่างกายของลูกน้อยต้องการตั้งแต่แรกคลอด สำหรับเด็กผ่าคลอด แนะนำให้กินนมแม่หลังจากคลอดออกมาแล้วให้เร็วที่สุดค่ะ ในน้ำนมแม่จะมีไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิดที่ชื่อว่า “สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้คิดเร็ว เรียนรู้ไว2

รวมทั้งยังมีจุลินทรีย์สุภาพบีแล็กทิส (Bifidobacterium lactis หรือ B. lactis) ที่สามารถส่งต่อให้ลูกน้อย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้นได้เร็วอีกด้วย

สฟิงโกไมอีลิน และ บีแล็กทิส สารอาหารและจุลินทรีย์สุขภาพสำคัญที่เด็กผ่าคลอดควรได้รับ

ไม่ต้องสงสัยเลยค่ะว่าคุณแม่ที่ผ่าคลอดจะช่วยให้ลูกน้อยมีพัฒนาการสมองเรียนรู้ไว และมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่แข็งแรงได้อย่างไร ตามที่บอกไปค่ะว่าในน้ำนมแม่จะมีทั้งสารอาหารสฟิงโกไมอีลิน และจุลินทรีย์สุขภาพบีแล็กทิส (B. lactis) เด็กผ่าคลอดถึงแม้จะเสียโอกาสที่ได้รับจากช่องคลอดของแม่ แต่ก็สามารถได้จากการรับประทานนมแม่นะคะ

ความสุดยอดของ “สฟิงโกไมอีลิน” ที่มีอยู่ในนมแม่ก็คือ เป็นสารอาหารสำคัญในการสร้างปลอกไมอีลินของวงจรประสาทในสมอง ซึ่งไมอีลินช่วยให้สมองสามารถส่งสัญญาณประสาทได้อย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด สมองจึงสามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ จดจำ คิดวิเคราะห์ และการพัฒนาสมองอย่างรวดเร็วเต็มศักยภาพ ไมอีลินยังมีบทบาทในการเชื่อมโยงการทำงานของเซลล์ประสาท (brain connectivity) เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อกันของสมองที่รวดเร็ว

นักวิจัยพบว่าแขนงประสาทนำออกที่มีปลอกไมอีลินห่อหุ้มจะส่งสัญญาณประสาทได้เร็วกว่าที่ไม่มีถึงกว่า 100 เท่าโดยกระบวนการการสร้างไมอีลินในสมองของลูกจะเริ่มต้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์คุณแม่ และยังคงมีการสร้างต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ควบคู่ไปกับการพัฒนาสมอง เพื่อการเรียนรู้ในแต่ละส่วนตามช่วงวัยของลูก

ส่วนจุลินทรีย์สุขภาพบีแล็กทิสที่อยู่ในนมแม่ก็มีความดีเด่นไม่แพ้กันเลยค่ะ เพราะถือเป็นเกราะคุ้มกันสำคัญที่ส่งผลให้ลูกน้อยมีสุขภาพแข็งแรงได้ตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิต จุลินทรีย์สุขภาพบีแล็กทิส (Bifidobacterium lactis or B. lactis)  เป็นจุลินทรีย์สุขภาพที่พบได้มากในนมแม่3 และลำไส้ของเด็กที่คลอดธรรมชาติ4 จุลินทรีย์สุขภาพบีแล็กทิส มีประโยชน์ในการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และสุขภาพของระบบทางเดินอาหาร5

คุณแม่ผ่าคลอดหากอยากให้ลูกมีพัฒนาการสมองเรียนรู้ไว มีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงเร็วและช่วยคืนภูมิคุมกันตามธรรมชาติการดูแลลูกน้อยผ่าคลอดให้ได้ทานนมแม่ตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิตสำคัญและจำเป็นที่สุดเลยล่ะค่ะ สมองที่ไว ร่างกายที่แข็งแรง ส่งต่อให้ลูกน้อยมีอนาคตที่สำเร็จ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีทั้งประสิทธิภาพและศักยภาพในชีวิตค่ะ

 

 

 

อ้างอิง
1Deoni S.C., et al. AJNR Am J Neuroradiol. 2019 Jan;40(1): 169–177.
2Chevalier et al. PLos ONE 2015.
3Susuki K. Nature Education. 2010;3(9):59.
4Gueimonde M, et al. Neonatology. 2007;92(1):64-6.
5Yang B, et al. Int J Mol Sci. 2019 Jul 5;20(13):3306.

1000 วัน 1000 อย่าง เรื่องอลวนของมนุษย์แม่มือใหม่ พร้อมอัปเดตเช็กลิสต์ #เรื่องต้องรู้ ฉบับปี 2023

event

“เป็นคุณแม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” คำพูดเรียบๆ ง่ายๆ แต่กินใจมนุษย์แม่อย่างแน่นอน เพราะเพียงแค่เริ่มตั้งครรภ์ หลากหลายเรื่องราวก็เกิดขึ้นแบบไม่ให้พักกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะคุณแม่ยุคใหม่ที่ไม่ได้รับบทเป็นแม่เพียงอย่างเดียว แต่ยังรั้งตำแหน่งของการทำงานนอกบ้านอีกด้วย หรือแม้แต่คุณแม่ที่มีธุรกิจของตัวเองก็ไม่อาจที่จะวางมือกับงานที่ทำอยู่ได้ ต้องควบสองตำแหน่งไปแบบถอยหลังกลับไม่ได้

แล้วแบบนี้คุณแม่มือใหม่ จะรับมือกับเรื่องอลวนนับพันเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างไร? เริ่มตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนถึงวันคลอด ไปจนถึงการเติบโตในวัยเตาะแตะของเจ้าตัวน้อย… มาค่อยๆ ตั้งสติไปด้วยกันกับบทความนี้เลย ที่เปรียบเสมือน คู่มือมหัศจรรย์ 1000 วัน สำหรับคุณแม่มือใหม่ยุค 2023

ทำไม 1,000 วันแรกถึงสำคัญ

เพราะเป็นช่วงเวลาที่ลูกน้อยจะมีพัฒนาการสูงสุด โดยเฉพาะพัฒนาการด้านสมอง เพราะ 80% ของสมองจะเติบโตในช่วงนี้ ทั้งเรื่องของการเรียนรู้และจดจำ โดยเริ่มนับตั้งแต่วันแรกที่ตั้งครรภ์ไปจนถึงอายุ 2 ขวบ จึงจำเป็นอย่างมากที่ต้องดูแลเรื่องสุขภาพและโภชนาการของคุณแม่ตั้งแต่ตั้งครรภ์ โดยให้คุณแม่ได้รับสารอาหารที่สำคัญ อย่าง DHA /โคลีน/แคลเซียม/โฟเลท ซึ่งมีส่วนช่วยในพัฒนาการที่สมบูรณ์ของลูกในครรภ์ และส่วนมากก็จะอยู่ในนมสูตรสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์นั่นเอง จนถึงวันที่ลูกน้อยลืมตาดูโลก การให้คุณแม่ได้ดื่มนมที่มีสารอาหารครบถ้วนก็จะส่งผลให้ลูกน้อยที่ดื่มนมแม่ได้รับสารอาหารนั้นเช่นเดียวกัน และสำหรับคุณแม่ที่มีน้ำนมไม่มากพอ การให้ลูกได้ดื่มนมผงที่มีสารอาหารสำคัญที่พบในน้ำนมแม่อย่าง MFGM ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน เพราะ MFGM นั้นมีส่วนช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสมองและภูมิคุ้มกัน และยังช่วยช่วยเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์ของลูกน้อยได้อีกด้วย

ก่อนเจอเรื่องอลวน “มาทำความรู้จัก MFGM กันก่อน”

MFGM หรือ Milk Fat Globule Membrane คือ “เยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในนม” ที่พบในนมแม่ โดยอุดมไปด้วยไขมันและโปรตีนชีวภาพมากกว่า 150 ชนิด รวมถึงสารอาหารสำคัญต่างๆ ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อร่างกายและสมองของเด็ก ทั้งในด้านสติปัญญา อารมณ์ และระบบภูมิคุ้มกัน

และจากงานวิจัยได้พบว่า เด็กที่ได้รับ MFGM ร่วมกับ DHA มีระดับคะแนนพัฒนาการทางสติปัญญาสูงกว่าเด็กที่ได้รับ DHA เพียงอย่างเดียว และยังมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสการเชื่อมต่อเซลล์สมองมากกว่าการใช้ DHA เพียงอย่างเดียวอีกด้วย

ดังนั้นเราจึงเห็นคุณยุคใหม่เลือกที่จะให้น้ำนมแม่กับลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงอายุ 1-2 ขวบกันเลย แต่สำหรับคุณแม่ที่มีน้ำนมน้อยก็ไม่ต้องกังวล เพราะด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการผลิตนมผง ทำให้ตอนนี้ผู้ผลิตสามารถที่จะเติม MFGM จากน้ำนมวัวลงในนมผงสูตรสำหรับเด็กได้อย่างมีคุณภาพ นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีให้คุณแม่ที่มีน้ำนมแม่ไม่เพียงพอ หรือไม่สามารถให้นมลูกได้

270 วันแรก (ท้อง 9 เดือน) สุดอลวน ของมนุษย์แม่ช่วงตั้งครรภ์

เพียงแค่รู้ว่ามีเจ้าตัวน้อยอยู่ในท้องเรา คุณแม่ป้ายแดงก็ทำอะไรไม่ถูกแล้วล่ะ ไหนจะหาโรงพยาบาลเพื่อฝากครรภ์ เตรียมแผนเคลียร์งานก่อนลาคลอด ตั้งชื่อลูกอะไรถึงจะมงคล คลอดวันไหนถึงจะดี บางคนคิดไปไกลถึงขั้นหาโรงเรียนแล้วก็เป็นได้ แต่ช้าก่อน อยากให้คุณแม่ทุกคนใจเย็นๆ และค่อยๆ จัดการไปทีละเรื่องอย่างมีระบบกับเช็กลิสต์เริ่มต้นที่ต้องจัดแจง

  • บอกข่าวดี แน่นอนว่าคุณพ่อ และคนในครอบครัวคือบุคคลแรกๆ ที่เราอยากให้ทุกคนได้ชื่นใจไปพร้อมๆ กัน ซึ่งโมเมนต์นี่แหละที่จะสร้างความสุขให้กับคุณแม่ได้
  • ตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาล กับคุณหมอที่ไว้วางใจทันที เพื่อเช็กให้แน่ใจว่าอายุครรภ์ของคุณแม่ตอนนี้เท่าไรแล้ว ครรภ์ของคุณแม่แข็งแรงดีหรือไม่ มีเรื่องไหนต้องระวังเป็นพิเศษหรือเปล่า
  • เปลี่ยนพฤติกรรมในทุกด้าน ทั้งเรื่องของแฟชั่นการแต่งตัวที่ต้องบอกลาส้นสูงกันไปก่อน เรื่องไลฟ์สไตล์ต่างๆ ทั้งนอนดึก ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ก็ต้องบอกลาด้วยเช่นกัน และที่สำคัญต้องโฟกัสมากๆ ก็คือพฤติกรรมเรื่องสุขภาพและโภชนาการที่ต้องปรับเปลี่ยนทันที อะไรที่ส่งผลเสียต่อลูกน้อยก็ต้องพักไว้ก่อน
  • บำรุงครรภ์ตั้งแต่วันแรก เพราะเซลล์สมองกว่าแสนล้านเซลล์ของลูกน้อยได้เริ่มก่อกำเนิดตั้งแต่ในครรภ์ ฉะนั้นจึงจำเป็นมากที่คุณแม่ต้องบำรุงตัวเองให้ได้รับสารอาหารที่สำคัญ อย่าง DHA /โคลีน/แคลเซียม/โฟเลท ซึ่งมีส่วนช่วยในพัฒนาการที่สมบูรณ์ของลูกในครรภ์ เปรียบเสมือนเป็นอาหารบํารุงสมอง ทารกในครรภ์ ที่เน้นเรื่อง พัฒนาการสมองทารกในครรภ์ เป็นสำคัญ
  • ออกกำลังกายอย่างถูกต้อง อาทิ การเดิน การว่ายน้ำ การเต้นแอโรบิค การปั่นจักรยานอยู่กับที่ การเล่นโยคะ เป็นต้น แต่ทั้งนี้ก้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ซึ่งคุณแม่ควรปรึกษาคุณหมอก่อน และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ใช้แรงเยอะ หรือเกร็งหน้าท้อง
  • หลีกเลี่ยงความเสี่ยง ทั้งสิ่งที่เป็นความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก และปัจจัยภายในอย่างเรื่องของจิตใจ อะไรที่ทำให้เคลียดก็ต้องหลีกเลี่ยง พยายามทำจิตใจให้สงบและมีความสุขเสมอ
  • ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างมีสติ ถึงแม้ว่ายุคนี้เป็นยุคที่เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายและรวดเร็ว แต่ก็มีข้อมูลจำนวนไม่น้อยที่เป็น Fake News ด้วยเช่นกัน จึงจำเป็นอย่างมากที่คุณแม่ต้องเลือกที่จะกลั่นกรองเชื่อเฉพาะข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ และไม่ทำอะไรโดยปราศจากการรับรองโดยผู้เชี่ยวชาญ

450 วันสุดอลวน ช่วงลูกน้อยวัยแรกเกิด (0-6 เดือน)

ทันทีที่เสียงร้องอุแว๊ดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าภารกิจสุดอลวนขั้นที่สองของมนุษย์แม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยเฉพาะเรื่องตารางเวลาขีวิตที่บอกได้เลยว่า อะไรที่เคยได้ทำก็อาจจะไม่ได้ทำ อะไรที่ไม่เคยทำก็จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ ไปพร้อมๆ กันกับลูกน้อยเลย กับเช็กลิสต์เปิดประสบการณ์คุณแม่ลูกอ่อน

  • ต้องฟิตร่างกายให้พร้อม เพราะช่วงวัยแรกเกิด ลูกน้อยจะตื่นบ่อยทุกๆ 3-4 ชม. เพื่อกินนม ทำให้คุณแม่ต้องตื่นบ่อยๆ จนเจอกับภาวะนอนน้อยจนร่างกายอ่อนเพลีย ฉะนั้นต้องดูแลตัวเองตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อให้ร่างกายพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นแน่นอน แต่! หากลูกน้อยมีพฤติกรรมนอนไม่หลับตื่นบ่อยเกินไปจนผิดปกติ คุณแม่ต้องรีบหาสาเหตุให้เจอว่าเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่ทำให้ลูกหลับไม่สนิท หรือเป็นเพราะลูกไม่สบาย จะได้แก้ไขได้ตรงจุด
  • ต้องหยุดเครียดเพราะน้ำนมมาน้อย เชื่อว่าคุณแม่ยุคใหม่หลายท่านมีความตั้งใจจะให้ลูกได้ดื่มนมแม่แบบ 100% แต่จะทำอย่างไรเมื่อน้ำนมมาน้อย อย่างแรกเลย ห้ามเครียด! ฟังดูเหมือนจะง่าย แต่ทำได้ยาก เพราะยิ่งน้ำนมมาน้อยคุณแม่ก็จะยิ่งเครียด และถ้ายิ่งเครียดน้ำนมก็จะมาน้อย กลายเป็นปัญหางูกินหางที่แก้ไม่จบสักที ข้อแนะนำเลย คือให้คุณแม่ใจเย็นๆ ทำใจให้สบายพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่ช่วยกระตุ้นการเกิดน้ำนม สุดท้าย ระหว่างรอให้น้ำนมแม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกน้อย ก็ต้องมองหาตัวช่วยอย่าง นมผสมสำหรับเด็กแรกเกิดที่มีสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วนมาเป็นตัวเสริมด้วย เพื่อให้เขามีพัฒนาการทางสมอง ภูมิคุ้มกัน และสุขภาพลำไส้ที่ดีสมวัย อย่าลิมว่าเด็กทุกคนมีความแตกต่างกัน เด็กส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย เพราะในเด็กเล็กระบบลำไส้ยังทำงานไม่สมบูรณ์ไม่เหมือนกับผู้ใหญ่ หรือในขณะที่เด็กบางคนมีความเสี่ยงต่อการเป็นภูมิแพ้ เป็นต้น คุณแม่ต้องเลือกโภชนาการและนมให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละคนด้วย
  • ต้องหมั่นเติมพลังกายและพลังใจ ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ความสุขของคุณแม่ก็คือการได้เห็นลูกน้อยมีความสุขเท่านี้ก็เป็นการเติมพลังใจที่ดีได้แล้ว ส่วนพลังกายก็ต้องอาศัยตัวช่วยจากปัจจัยภายนอกต่างๆ ทั้งเรื่องของอาหาร อาหารเสริม และวิตามินต่างๆ ที่จะทำให้คุณแม่มีแรง มีพลัง และมีร่างกายที่แข็งแรงเพื่อเห็นการเติบโตของลูกในทุกๆ วัน
  • ต้องใช้ความรักชนะนำทาง การเลี้ยงลูกด้วยการให้ความรัก ความเอาใจใส่ ความอบอุ่น ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุย เล่านิทาน หรือเปิดเพลงให้ลูกฟังบ่อยๆ นับว่ามีส่วนช่วยส่งเสริมความฉลาดรอบด้านทั้งทางสติปัญญา (IQ) และอารมณ์ (IQ) ให้กับลูกน้อย ประกอบกับการมอบความรักด้วยการให้สารอาหารที่มีประโยชน์ ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านสมองและอื่นๆ ให้กับลูกน้อย ยิ่งเป็นประโยชน์อันดีอย่างยิ่งกับลูกในระยะยาว ฉะนั้นจำเป็นมากที่คุณแม่จะใช้ความรักในการโอบอุ้มการเติบโตของลูกตั้งแต่วันแรก เพื่อให้กราฟพุ่งสูงไปอย่างเหมาะสมในทุกช่วงวัย

1000 วันสุดอลวน ช่วงลูกน้อยวัเตาะแตะ  (6 เดือน– 2 ขวบปี)

เดินทางมาถึงครึ่งทางกันแล้ว กับพัฒนาการการเติบโตของลูกน้อยใน 1,000  วันแรกที่เรียกว่าสำคัญมากๆ โดยเฉพาะเรื่องของพัฒนาการทางสมอง ที่ต้องได้รับการปูทางให้เกิดการพัฒนาการสมองตั้งแต่ยังเป็นทารกในครรภ์ จนถึงวัยแรกเกิด มาจนถึงวัยเตาะแตะ ที่คุณแม่จะได้เห็นการเติบโตของลูกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถพลาดไปได้แม้แต่วินาทีเดียว

  • การเคลื่อนไหวร่างกาย ที่เปลี่ยนจากการคลานเป็นเดินไปถึงการวิ่ง ที่เมื่อไรที่คุณแม่เผลอก็อาจจะได้เจอเหตุการณ์เซอร์ไพรส์แบบไม่คาดคิด ดังนั้นความไวของคุณแม่ต้องได้รับการอัปเกรดให้เร็วกว่าลูกน้อยให้ได้
  • การสื่อสาร ที่ยกระดับจากเสียงร้องมาเป็นการพูด การแสดงท่าทาง และการแสดงอารมณ์ต่างๆ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็เกิดจากการพัฒนาการทางสมองของลูกน้อยที่ได้รับการดูแลตั้งแต่วันแรกที่ตั้งครรภ์นั่นเอง โดยมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า สมองเด็กมีการเจริญเติบโตสูงสุดถึง 80% ในช่วงตั้งครรภ์ ถึง 2 ปีแรก และสมองถือเป็นศูนย์กลางของพัฒนาการ หากสมองมีพัฒนาการที่ดี พัฒนาการด้านอื่น ๆ ก็จะดีตามมาด้วย
  • การเรียนรู้ ที่ลูกน้อยต้องการได้รับอย่างเหมาะสมตามวัยที่เปลี่ยนไป นั่นหมายความว่าคุณแม่ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่จะส่งเสริมเรื่องพัฒนาการการเรียนรู้ของลูกไว้ด้วย

แม้ว่าทั้งหมดนี้จะเป็นความอลวนของคุณแม่ยุคใหม่ที่ต้องเจอ แต่ก็นับว่าคุ้มค่าเป็นที่สุดกับการที่ได้เห็นพัฒนาการของลูกน้อยเติบโตขึ้นอย่างสวยงาม แล้วอย่าลืมว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมความพร้อมของคุณแม่ ที่จะนำไปสู่การเตรียมความพร้อมของลูกน้อยทางด้านต่างๆ โดยเฉพาะการพัฒนาการทางสมองที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตในทุกๆ ด้าน ซึ่งต้องได้รับการดูแลตั้งแต่ 1,000 วันแรกตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึงวัย 2 ขวบ

 

สำหรับคุณแม่ที่อยากหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องสารอาหารและการเลี้ยงดูลูก สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่
http://bit.ly/3ZRKA3e

และสามารถมาติดตามเรื่องราวของคุณชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ตในการดูแลตัวเองและลูกๆ แบบเจาะลึกจัดเต็ม ในช่วง 1000วันแรก
พร้อมทั้งสาระความรู้จากคุณหมอชั้นนำที่จะมาตอบคำถามที่คุณแม่มือใหม่อยากรู้ได้ที่นี่ http://bit.ly/3YDJDuq

เทคนิคการเลี้ยงลูก “การเพาะเลี้ยงต้นกล้า (ลูกน้อย) ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ไม่เป็นพิษต่อสังคม”

เทคนิคการเลี้ยงลูก “การเพาะเลี้ยงต้นกล้า (ลูกน้อย) ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ไม่เป็นพิษต่อสังคม”

Alternative Textaccount_circle
event
เทคนิคการเลี้ยงลูก “การเพาะเลี้ยงต้นกล้า (ลูกน้อย) ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ไม่เป็นพิษต่อสังคม”
เทคนิคการเลี้ยงลูก “การเพาะเลี้ยงต้นกล้า (ลูกน้อย) ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ไม่เป็นพิษต่อสังคม”

งาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 24 จัดเสวนาขึ้น ณ ศูนย์จัดแสดงสินค้าไบเทคบางนา วันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2566 โดยเชิญผู้มีประสบการณ์ทั้งในฐานะผู้ปกครองและคุณครูดูแลเด็กเล็กอย่าง ผศ.ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร (ครูหม่อม) มาบอกต่อ เทคนิคการเลี้ยงลูก อย่างคนรุ่นใหม่ ให้ลูกเติบใหญ่เป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ

เทคนิคการเลี้ยงลูก “การเพาะเลี้ยงต้นกล้า (ลูกน้อย) ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ไม่เป็นพิษต่อสังคม”

เทคนิคการเลี้ยงลูก “การเพาะเลี้ยงต้นกล้า (ลูกน้อย) ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ไม่เป็นพิษต่อสังคม”

“วินัยเชิงบวก” กุญแจสำคัญเพื่อพัฒนาเด็ก

ครูหม่อมเปิดประเด็นถึง “วินัยเชิงบวก” ว่าเป็นกุญแจสำคัญในการเลี้ยงดูและพัฒนาเด็ก โดยรากฐานของวินัยเชิงบวกคือสื่อสารโดยมีเป้าหมายในใจ  สื่อสารให้เด็กเรียนรู้วิธีการเพื่อบรรลุเป้าหมายโดยพ่อแม่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงหรือวิธีการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพกายหรือสุขภาพจิตของเด็ก

พ่อแม่หลายท่านตั้งคำถามถึงเวลาที่เหมาะสมกับการนำวินัยเชิงบวกมาใช้ แท้ที่จริงแล้วพ่อแม่สามารถเริ่มต้นฝึกวินัยเชิงบวกได้ตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์ โดยการเริ่มคิดว่าเราจะเลี้ยงลูกอย่างไรและจะสื่อสารกับพวกเขาอย่างไรตั้งแต่วินาทีที่เรารู้ว่าตั้งครรภ์ 

สิ่งสำคัญของการใช้วินัยเชิงบวก คือเน้นที่เป้าหมายให้เด็กมีความประพฤติดีและมีความสุข ภายในกรอบปฏิบัติของพ่อแม่ที่มีเป้าหมายเป็นของตนเองว่าจะสื่อสารกับลูกในลักษณะที่เป็นบวกและสร้างสรรค์ โดยไม่คำนึงว่าพฤติกรรมของพวกเขาจะเป็นอย่างไร

 

เมื่อไม่ได้ใช้วินัยเชิงบวกแต่ต้น พ่อแม่ปรับพฤติกรรม

เทคนิคการเลี้ยงลูก ด้วยการตี การสอนเชิงลบอาจถูกนำมาใช้กับเราเมื่อเรายังเป็นเด็ก และเราอาจใช้มันในฐานะพ่อแม่ต่อไปโดยไม่รู้ตัว เราต้องตระหนักว่าวินัยเชิงลบสามารถสร้างรูปแบบเชิงลบต่อพัฒนาการทางด้านอารมณ์ของลูก สำหรับพ่อแม่ที่เคยถูกตีสอน หรือใช้วิธีการตีสอนมาก่อน อาจต้องใช้เวลาสักระยะในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แต่ผลระยะยาวก็คุ้มค่ากับความพยายามอย่างแน่นอน

เมื่อใช้เทคนิคการสร้างวินัยเชิงบวกในช่วงแรก หลังไม่ได้ใช้กับเด็กมาตั้งแต่ต้น จะยืนยันผลดีว่าเกิดขึ้นกับลูก ๆ ของเรา อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะ 

การใช้วินัยเชิงบวกจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ปกครองจะต้องคงเส้นคงวาและยืนหยัดในความพยายาม ตัวอย่างเช่น หากเรากำลังพยายามลดพฤติกรรมเชิงลบของเด็ก นอกจากเราจะอดทนไม่ตำหนิต่อว่าหรือตีลูก เราต้องชมเชยเมื่อพวกเขาแสดงพฤติกรรมที่ดี ต้องซื่อสัตย์และจริงใจในการชื่นชมเด็ก ระมัดระวังเพราะเด็กจะรู้สึกได้อย่างรวดเร็วเมื่อเราไม่จริงใจ หากเด็กเห็นการเปลี่ยนแปลงของพ่อแม่และเข้าใจวิธีการของเรา เด็กจึงจะปรับพฤติกรรมเป็นเชิงบวกให้เห็นผล 

การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและไว้วางใจได้จะทำให้เด็กเปิดใจให้ผู้ปกครอง ไม่ใช่ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เด็กจะเปิดใจให้โดยธรรมชาติ การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างพ่อแม่และลูก สามารถสร้างความไว้วางใจและความเข้าใจ ทำให้เด็ก ๆ เข้าหาเราเพื่อปรึกษาพูดคุยได้สะดวกใจเขาเมื่อเขามีปัญหาหรือข้อกังวลใด ๆ 

เทคนิคการเลี้ยงลูก “การเพาะเลี้ยงต้นกล้า (ลูกน้อย) ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ไม่เป็นพิษต่อสังคม”

พฤติกรรมตามพัฒนาการ ไม่ใช่ปัญหาทางพฤติกรรม

เมื่อสื่อสารกับลูก ๆ ของเรา การพิจารณาอายุและการพัฒนาการตามวัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ในฐานะผู้ปกครอง เราอาจกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมและพัฒนาการของบุตรหลาน แต่ผู้ปกครองต้องแยกแยะได้ระหว่างปัญหาพฤติกรรม กับการพัฒนาการตามวัย 

เมื่อลูก ๆ ของเราในวัยเด็กเล็กเริ่มแสดงความสนใจที่จะมีแฟน สิ่งสำคัญคือต้องคว้าโอกาสที่จะพูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในทางบวกและสร้างสรรค์ เราต้องหลีกเลี่ยงการโต้ตอบด้วยการตัดสินหรือไม่เห็นชอบ เลือกใช้ท่าทีเป็นการเข้าหาอย่างเปิดเผยและอยากรู้อยากเห็นแทน ไม่ตัดสินใจในทันทีก่อนเองว่าสิ่งใดดีที่สุดสำหรับลูก แต่เน้นว่าเราควรมีส่วนร่วมในการสนทนา ถามคำถาม และแบ่งปันประสบการณ์และค่านิยมของเราเอง

การสร้างพื้นที่ที่เปิดกว้างและไม่ตัดสินกัน เราสามารถช่วยลูกๆ พัฒนาทัศนคติที่ดีต่อความสัมพันธ์และเรื่องเพศได้ ความต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์ของผู้อื่น แม้จะเป็นในรูปแบบอยากคบเป็นแฟนของเด็ก ๆ แต่นั่นจัดเป็นการพัฒนาการทางอารมณ์และความคิด ไม่จัดเป็นปัญหาทางพฤติกรรม

อีกกรณีหนึ่ง สมมติลูกอายุ 4 ขวบ ร้องไห้แล้วฟุบหน้าลงพื้น หรือออกอาการที่แสดงความไม่พอใจ ต้องเข้าใจก่อนว่าพฤติกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็กตามปกติ พ่อแม่ไม่ควรเพิกเฉยต่ออารมณ์ของเด็ก แต่ตรวจสอบความรู้สึกของพวกเขา ใช้การพูดคุยเชิงบวกช่วยให้เด็กผ่านอารมณ์นั้นไปได้ และค่อย ๆ เรียนรู้การแสดงออกที่เหมาะสม

 

ปัญหาพฤติกรรมจากพัฒนาการทางอารมณ์ที่ผิดปกติ

ในฐานะครูหม่อมมีประสบการณ์ทำงานกับเด็กมานับสิบ ๆ ปี ได้เห็นว่าปัญหาพฤติกรรมเกิดขึ้นได้จากพัฒนาการทางอารมณ์ที่ผิดปกติ แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม

  1. เด็กที่ระงับอารมณ์ไว้ เก็บกดอารมณ์ มักทนทุกข์ทรมานอย่างเงียบ ๆ พวกเขาสะสมอารมณ์ต่าง ๆ ไว้มากมาย แต่ไม่แสดงออก
  2. เด็กที่มีความอ่อนไหวสูงและตอบสนองอย่างรุนแรงต่อสิ่งเร้าแม้แต่น้อย พวกเขามักจะปลดปล่อยอารมณ์ออกมาทันที ซึ่งบางครั้งอาจดูไม่มีเหตุผลสำหรับคนอื่น เมื่อพวกเขาโกรธมาก การควบคุมและทำความเข้าใจอารมณ์ของตนจะกลายเป็นเรื่องซับซ้อน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการกรีดร้อง

สิ่งสำคัญสำหรับผู้ปกครอง ให้ ‘ทำใจ’ กับอารมณ์ของลูก เน้นสอนหรือแบ่งปันให้พวกเขารู้ทันและจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง ไม่เน้นตำหนิให้ลูกหยุดแสดงพฤติกรรม แต่สนับสนุนให้ลูกแสดงอารมณ์ออกมาแล้วก็สอน ไม่ควรคิดคะเนพฤติกรรมตอบสนองของลูกในแต่ละสถานการณ์และออกปากห้ามไม่ให้แสดงอารมณ์ก่อน เพราะจะไม่ดีต่อพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็ก

เทคนิคการเลี้ยงลูก “การเพาะเลี้ยงต้นกล้า (ลูกน้อย) ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ไม่เป็นพิษต่อสังคม”

วินัยเชิงบวก กับการบอกว่า ‘เมื่อไร อะไรได้’

ในช่วงวัยประมาณ 4 ขวบ พ่อแม่จะเจอสถานการณ์ที่ลูกแสดงออกว่าอยากซื้อของเล่น หากพ่อแม่สื่อสารให้เด็กรู้ว่าพวกเขาสามารถซื้อของต่าง ๆ ได้เมื่อไร กำหนดเวลาไว้ ไม่ได้ให้เมื่อร้องขอทันที จะทำให้พวกเขาคิดตริตรองมากขึ้นเกี่ยวกับของที่อยากได้ พวกเขาได้ฝึกฝนการใช้กระบวนการคิด ในทางกลับกัน ถ้าเด็ก ๆ ไม่ได้ถูกสอนให้รู้จักการรอ หรือลองขอแล้วมีโอกาสได้ตลอด เพราะพ่อแม่อยากตัดรำคาญ พวกเขาอาจจะเรียนรู้ว่า พวกเขามีสิทธิ ‘ฟลุ๊ค’ ได้ของ ไม่ได้เรียนรู้ว่า ‘เมื่อไร อะไรได้’ แต่เป็นถ้า ‘ลองขอดู เดี๋ยวก็คงได้’ 

 

การมีตัวตน รับรู้ถึง ‘เซลฟ์’ ในตัวเด็ก

ลักษณะสำคัญประการหนึ่งของพัฒนาการของเด็กคือ เด็กรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง เด็กเรียนรู้ที่จะรับรู้และแสดงความรู้สึกและความคิดของพวกเขา แทนที่จะถูกชักจูงจากผู้อื่นเพียงอย่างเดียว 

พ่อแม่สามารถช่วยให้ลูกพัฒนา ‘ตัวตน’ หรือ ‘เซลฟ์’ ขึ้นมาได้ด้วยการรับฟังพวกเขาและกระตุ้นให้แสดงความคิดเห็น บางครั้งในฐานะพ่อแม่ เราอาจหมกมุ่นอยู่กับการสอนมากเกินไป จนลืมสังเกตและอ่านพฤติกรรมของลูก เราควรระมัดระวังที่จะไม่ตีตราลูกของเราว่ามีลักษณะก้าวร้าวหรือเป็นลักษณะเชิงลบอื่น ๆ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร

ตัวอย่างเช่น ถ้าเด็กตีเด็กคนอื่น เราควรพยายามเข้าใจบริบทและเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมนั้น แทนที่จะลงโทษเด็กในทันที เพราะถ้าผู้ใหญ่ไม่ได้สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและไว้วางใจได้ เมื่อเด็กรู้สึกไม่ปลอดภัย พวกเขาจะพัฒนาพฤติกรรมเชิงลบเพื่อป้องกันตัวเอง ไม่ใช่แค่แสดงอารมณ์สู้กลับ แต่รวมไปถึงการตอบสนองในรูปแบบของถอยหนีที่คล้ายสมยอม หรือการทำหูทวนลม

หรืออีกกรณีตัวอย่าง ถ้าเด็กนั่งกับเราและบอกว่าอิ่มแล้วหลังจากกินข้าวไปแค่ห้าคำ เราก็ควรฟังและเคารพการตัดสินใจของเขา อาจให้พวกเขาได้มีโอกาสตักข้าวเองตามปริมาณที่เขากินหมด และอาจพูดคุยเพื่อให้เขาเรียนรู้หากเขาตักมาเองมากเกินไปในบางครั้ง อย่างกรณีที่ตักข้าวมาเยอะเพราะเห็นกับข้าวที่ตัวเองชอบ

หากผู้ปกครองต้องการสอนให้เด็กกินอาหารให้หมด ก็ควรสื่อสารเป้าหมายกับพวกเขา พูดให้พวกเขาเข้าใจถึงความสำคัญที่ต้องกินข้าวให้หมด แต่รักษาสมดุลของการพูดคุย ไม่เน้นไปที่การบังคับในตอนท้ายให้ลูกกินมากเกินไปกว่าที่เขารู้สึกว่าพอแล้วหรือมุ่งทำให้รู้สึกผิดกับการรับประทานอาหารไม่หมด

พ่อแม่ต้องพึงระวังถึงแรงกดดันทางวัฒนธรรมและสังคมที่สามารถมีอิทธิพลต่อทัศนคติ อย่างเช่นในเรื่องการกินอาหาร เราอาจมีความเชื่อว่าเด็กต้องกินอาหารในปริมาณที่พอเหมาะทุกมื้อเพื่อให้มีการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ความคิดนี้อาจนำไปสู่ความสัมพันธ์เชิงลบ หลังจากโดนหลอกให้กินบ้าง บังคับให้กินบ้าง ลูกอาจรู้สึกสูญเสียตัวตน หรือ ‘เสียเซลฟ์’ และพัฒนาพฤติกรรมเชิงลบ การที่ลูกยอมทำตามที่พ่อแม่ต้องการ อย่างการกินอาหารจนหมด หรือการสมยอมเสมอ อาจเป็นเพียงการปกป้องตัวเองเพื่อไม่ให้ถูกดุ แต่ลูกไม่รู้สึกสบายใจ และอาจพัฒนาเป็นปัญหาทางพฤติกรรม

  • หากเด็ก ๆ ใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสม พ่อแม่หรือผู้ปกครองควรอธิบายอย่างใจเย็นว่าเหตุใดคำพูดที่พวกเขาใช้จึงไม่เป็นที่ยอมรับ และสนับสนุนให้เด็ก ๆ หันไปใช้ภาษาเชิงบวกแทน
  • หากลูกของเราอารมณ์เสีย พ่อแม่สามารถพูดคุยกับพวกเขาและช่วยพวกเขาหาวิธีสงบสติอารมณ์
  • หากลูกของเราตีเพื่อนด้วยความโกรธ เราต้องช่วยเขาจัดการกับอารมณ์ของเขา และอธิบายอย่างใจเย็นว่าเหตุใดการตีเพื่อนจึงไม่ใช่พฤติกรรมที่ยอมรับได้ และกระตุ้นให้ลูกของเราขอโทษเพื่อน

ทุกครั้งที่เราเห็นลูกของเราประพฤติตัวไม่เหมาะสม เราควรพูดคุยกับพวกเขาเสมออย่างมีเหตุมีผล และต้องระมัดระวังคำพูดและการกระทำของเรา เพราะอาจส่งผลต่อการพัฒนาพฤติกรรมและอารมณ์ของลูก เราควรหลีกเลี่ยงการทำให้ลูกอับอายต่อหน้าคนอื่น เพราะจะไปทำลายความนับถือตนเองและความมั่นใจของพวกเขาได้

การพัฒนาตัวตน หรือเซลฟ์ พ่อแม่ต้องแสดงให้ลูกเห็นว่าพวกเขามีค่าและเป็นที่รัก โดยไม่คำนึงถึงความสามารถหรือความสำเร็จของพวกเขา เราสามารถกระตุ้นให้บุตรหลานสำรวจความสนใจและความสามารถของตนเอง และเปิดโอกาสให้พวกเขาได้พัฒนาทักษะใหม่ ๆ เน้นรับฟังความรู้สึกของลูกและให้การสนับสนุนมากกว่าการตัดสิน 

วิธีเลี้ยงลูก

ผู้ปกครอง คือ ผู้ประคอง

การเลี้ยงดูลูกเป็นความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างพ่อแม่ ต้องทำงานร่วมกันและสนับสนุนซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ยังต้องขอการสนับสนุนจากผู้อื่น เช่น สมาชิกในครอบครัว เพื่อน หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยเราในเส้นทางการเป็นพ่อแม่ ด้วยการร่วมมือกัน เปิดรับการเรียนรู้และเติบโตของลูก เราสามารถเลี้ยงลูกให้เป็นบุคคลที่มีความมั่นใจและมีความรับผิดชอบ

การปฏิเสธลูก อาจสั่นคลอนความภาคภูมิใจและความสุขสงบทางอารมณ์ของเด็ก ดังนั้น ผู้ปกครองต้องหลีกเลี่ยงการปฏิเสธลูกหลาน หมั่นเอาใจใส่และตอบสนองต่อความต้องการและอารมณ์ของลูก

ในบางครอบครัว มีคนหลายชั่วอายุคนอาศัยอยู่ร่วมกัน เช่น ปู่ย่าตายาย พ่อแม่ควรช่วยสนับสนุนความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นข้ามรุ่น ลูก ๆ ของเราฉลาดและมักจะชอบความสัมพันธ์และประสบการณ์ที่ดี อาจจะเรียนรู้ที่จะสนิทสนมหรือเข้าหาสมาชิกในครอบครัวคนอื่น ๆ พ่อแม่ควรเอาใจใส่และสนับสนุนการสร้างความสัมพันธ์อันดีดังกล่าว แทนความกังวลว่าเด็กจะถูกตามใจ 

ผ่านความสัมพันธ์ในครอบครัว เด็กจะได้เรียนรู้ว่าคนไหนที่เขาเข้าหาและสนิทสนมได้ และขอบเขตการร้องขอสิ่งต่าง ๆ จากคนรอบข้างแตกต่างกัน เป็นระเบียบชีวิตอย่างหนึ่งที่เขาได้เรียนรู้ และนำไปสู่การพัฒนาด้านมนุษยสัมพันธ์

ในการเลี้ยงดูเด็ก ๆ เป็นปกติที่จะทำผิดพลาดได้ แต่เมื่อไตร่ตรองถึงข้อผิดพลาด พ่อแม่หรือผู้ปกครองในครอบครัวต้องปรับเปลี่ยนวิธีการ หากรู้สึกลังเลที่จะลองสิ่งใหม่ ๆ เราอาจถูกครอบงำด้วยอารมณ์ด้านลบและล้มเลิกก่อนที่จะได้เริ่มด้วยซ้ำ สิ่งสำคัญคือต้องผลักดันความรู้สึกอยากทำในสิ่งที่ดี สิ่งใหม่ ๆ และขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

เลี้ยงลูกให้มีความสุข กับวิธีคิดใหม่เมื่อคุณคิดว่าเป็นพ่อแม่ไม่ดีพอ

5 เคล็ดลับ วิธีเลี้ยงลูกให้เชื่อฟัง ทำตามด้วยใจ

แม่ต้องมี!! ของกิน ของใช้เด็ก 5 ไอเทมช่วยเลี้ยงลูกให้แข็งแรงเติบโตสมวัย

วิธีเลี้ยงลูกให้ได้ดี ต้องหยุด เปรียบเทียบ ลูกกับคนอื่น!

กุญแจสำคัญ 3 ขวบ ปีแรก เลี้ยงลูกอย่างไรให้ พัฒนาการดี สมองดี มีความสุขไปจนโต

เลี้ยงลูกอย่างไร? แบบไหนเรียกกว่า สปอยล์

เคล็ดลับการเลี้ยงลูกให้เป็น ศิลปินเด็ก รุ่นจิ๋ว “ตินตินกับติโต้” Studio Little Hands

การทำ CPR และ การปฐมพยาบาลลูก โดย รพ. พระรามเก้า

การทำ CPR และ การปฐมพยาบาลลูก โดย รพ. พระรามเก้า

Alternative Textaccount_circle
event
การทำ CPR และ การปฐมพยาบาลลูก โดย รพ. พระรามเก้า
การทำ CPR และ การปฐมพยาบาลลูก โดย รพ. พระรามเก้า

การฝึกอบรมการทำ CPR และการเรียนรู้ทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้นในงาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 24 จัดขึ้น ณ ศูนย์จัดแสดงสินค้าไบเทคบางนา วันเสาร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2566 มีความสำคัญในการให้ความรู้และทักษะปฏิบัติที่ช่วยให้ผู้เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการเตรียมพร้อมในการดูแลผู้ป่วยในสถานการณ์ฉุกเฉิน สามารถ การปฐมพยาบาลลูก ช่วยชีวิตสมาชิกในครอบครัวหรือผู้อื่นได้ทันท่วงที การเข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมจะได้รับฟังและเรียนรู้วิธีการจัดการกับผู้ป่วยในกลุ่มอายุที่แตกต่างกัน

การทำ CPR และ การปฐมพยาบาลลูก โดย รพ. พระรามเก้า

การทำ CPR และ การปฐมพยาบาลลูก โดย รพ. พระรามเก้า

CPR คืออะไร และทำไมจึงต้องเรียนรู้

CPR ย่อมาจาก Cardio-Pulmonary Resuscitation เป็นเทคนิคและวิธีการช่วยคนที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้น หรือไม่หายใจ เป็นการกดลงไปบริเวณหัวใจเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และปริมาณอากาศที่จะไหลเข้าไปในปอด หากช่วยชีวิตคนด้วยเทคนิคนี้ จะทำให้ผู้ป่วยกลับมาหายใจได้ สามารถนำส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลเพื่อให้ได้รับการรักษาโดยมีความเสี่ยงเสียชีวิตหรือสมองตายน้อยลง

ในแต่ละปีมีผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นประมาณ 350,000 รายในสหรัฐอเมริกา โดย 90% เป็นผู้ใหญ่ และ 7,037 รายเป็นเด็ก ซึ่งมีเพียง 12% ของผู้ที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นเท่านั้นที่รอดชีวิต ดังนั้นการเรียนรู้การทำ CPR ไว้ถึงเป็นการเตรียมตัวเพื่อรับมือกับภาวะวิกฤติทางชีวิตและสุขภาพที่คนยุคใหม่ควรใส่ใจ

 

การฝึกฝนทำ CPR กับ  พญ.พรพิชญา บุญดี และทีมงานจาก รพ. พระรามเก้า

การทำ CPR เป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถฝึกฝนได้ เพื่อช่วยผู้ป่วยในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทันท่วงที แต่จะทำให้เกิดผลจริงและลดความเสี่ยงต่อผู้ป่วยจากการที่ผู้ลงมือขาดความรู้ ผู้สนใจจะต้องพึ่งพาการฝึกปฏิบัติจริง การเรียนรู้จากเพียงการดูวิดีโอการสอนทางออนไลน์ไม่เพียงพอในการลอกเลียนแบบและบรรลุผลของการปฐมพยาบาล

ทุกคนในครอบครัวควรเตรียมพร้อมเพื่อทำ CPR เพราะสถานการณ์ไม่คาดฝันที่จะพบคนหยุดหายใจอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ระหว่างการทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ในระหว่างวัน การเรียนรู้วิธีการทำ CPR ภาคปฏิบัติยังมีประโยชน์ครอบคลุมไปถึงการช่วยเหลือผู้อื่นที่ไม่ได้เป็นสมาชิกครอบครัว เราสามารถเห็นได้จากข่าวสารในช่องทางต่าง ๆ ว่าสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีผู้ป่วยภาวะหัวใจหยุดเต้นอาจเกิดขึ้นทุกที่ ทุกเวลา ไม่ใช่เกิดเฉพาะกับคนที่มีโรคประจำตัวบางโรคซึ่งมีความเสี่ยงอยู่แล้ว

ในสถานการณ์ฉุกเฉิน หลายคนอาจลังเลไม่กล้าลงมือให้การช่วยเหลือ แม้ว่าจะเป็นกับสมาชิกในครอบครัวก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องของความมั่นใจซึ่งขึ้นอยู่กับระดับความรู้และประสบการณ์ภาคปฏิบัติที่ได้รับไป เวิร์คชอปนี้จะเสริมสร้างความมั่นใจว่าสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ตระหนักว่าขั้นตอนการปฏิบัติไม่ยากเกินความสามารถของบุคคลทั่วไปแม้ไม่ได้มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์

งานเวิร์คช็อป การปฐมพยาบาลลูก นี้เป็นโอกาสพิเศษในการเรียนรู้จากทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด นำทีมโดย พญ.พรพิชญา บุญดี มาพร้อมทีมเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลพระรามเก้า ที่จะเข้าไปแนะนำผู้เข้าร่วมแต่ละขั้นตอนแบบตัวต่อตัวหลังจากให้ลองทำเองแล้วและดูเหมือนต้องการคำแนะนำเพื่อปรับปรุงการลงมือให้ถูกต้องเหมาะสม โดยทีมงานได้นำหุ่นจำลองมาใช้ในการช่วยฝึกฝน ทั้งในการจัดท่าทาง การกดปั๊ม กระบวนการที่ครบถ้วนในการกระตุ้นให้หัวใจของผู้ป่วยกลับมาเต้นตามปกติ แบ่งเป็นการฝึกปฏิบัติต่อเด็ก และผู้ใหญ่

ในผู้ป่วยที่หัวใจหยุดเต้น เมื่อเลือดไม่สามารถไหลเวียนไปทั่วร่างกายได้ มีเวลาเพียงสี่นาทีก่อนที่สมองจะถูกทำลายเนื่องจากขาดออกซิเจน หากมีความล่าช้าในการทำ CPR อาจนำไปสู่การปั๊มนวดกระตุ้นหัวใจที่ไม่ได้ผลอย่างที่คาดหวัง ลดโอกาสที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีสติสัมปชัญญะ เป็นไปได้ที่ผู้ป่วยจะกลับมามีชีพจรและหายใจ แต่สมองตายหรืออยู่ในอาการโคม่า

สาเหตุที่เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น อาจเกิดจากโรคหัวใจ ซึ่งคิดเป็น 90% ของกรณีในผู้ใหญ่ และภาวะขาดเลือดอย่างกะทันหัน หัวใจวายเฉียบพลันก็เป็นสาเหตุที่พบเห็นได้บ่อย หรือสาเหตุอื่นๆ ได้แก่ อุบัติเหตุ ไฟดูด หรือการจมน้ำ

การทำ CPR และ การปฐมพยาบาลลูก โดย รพ. พระรามเก้า

ในสถานการณ์ฉุกเฉิน สิ่งแรกที่ควรลงมือ คือการประเมินการทำงานของระบบทางเดินหายใจ พิจารณาว่าผู้ป่วยหมดสติจริงหรือไม่ ในสถานการณ์วิกฤต การตบหรือตีผู้ป่วยไม่ใช่เทคนิคทางการแพทย์เพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นคืนสติ ไม่ควรใช้วิธีการดังกล่าวเพื่อประเมินความรู้สึกตัวของผู้ป่วย แต่เบื้องต้นควรใช้การตบมือและตะโกนเสียงดัง เพื่อระบุว่าผู้ป่วยยังมีสติอยู่จะเหมาะสมกว่า โปรดหลีกเลี่ยงการใช้กำลังหรือความรุนแรงที่ไม่จำเป็นเป็นในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ในกรณีที่พบว่าผู้ป่วยไม่ตอบสนอง สิ่งสำคัญคือต้องสงบสติอารมณ์ และมีขั้นตอนสำคัญที่ต้องปฏิบัติตาม ดังนี้

ประการแรก: ต้องประเมินความปลอดภัยของสิ่งแวดล้อมก่อนที่จะเข้าใกล้บุคคลนั้น หากมีอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เช่น สายไฟขาด หรือมีความเป็นไปได้ที่จะมีอุบัติเหตุ เช่นอยู่ริมถนน  การเข้าใกล้ก็อาจจะไม่ปลอดภัย

ประการสอง: ต้องโทรขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉินโดยโทรไปที่ 1669 ผู้รับสายจะแนะนำผู้โทรหาถึงขั้นตอนที่จำเป็น รวมถึงสามารถขอเครื่องกระตุ้นหัวใจภายนอกอัตโนมัติ (AED) ซึ่งสามารถเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้อย่างมากในกรณีที่หัวใจหยุดเต้น

ประการสาม: ประเมินสภาพของบุคคล ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบการหายใจ ชีพจร และการตอบสนอง สำหรับผู้ใหญ่ สามารถตรวจสอบชีพจรได้โดยวางสองนิ้วบนลูกกระเดือกและคลำหาหลอดเลือดแดง หากตรวจไม่พบชีพจร ควรเริ่มการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) โดยการกดหน้าอกด้วยอัตรา 100-120 ครั้งต่อนาทีโดยเร็วที่สุด

ผู้ใหญ่โดยทั่วไป ควรใช้เวลาเพียงสิบวินาทีในการตรวจหาชีพจร แต่หากไม่พบ ควรเริ่มการกดหน้าอก การกดหน้าอกอย่างถูกต้องและในตำแหน่งที่เหมาะสมบนหน้าอกเป็นเรื่องสำคัญ หากไม่ได้ทำอย่างถูกต้องจะเกิดความเสี่ยงต่อการกลับมามีสติสัมปชัญญะของผู้ป่วยดังที่กล่าวไปแล้ว

 

ในกรณีของเด็ก การสำรวจว่ารู้สึกตัวอยู่ไหม อาจใช้การสัมผัสฝ่าเท้า ส่วนการคลำหลอดเลือดแดงอาจทำได้ยากเนื่องจากคอเล็ก อาจจะลองพยายามหาชีพจรที่ช่วงแขนที่ต้นแขนด้านในของเด็ก หากชีพจรของเด็กต่ำกว่า 60 จำเป็นต้องทำการกดปั๊มหน้าอก หากเด็กหมดสติ ไม่ตอบสนองและไม่หายใจ ควรทำ CPR ทันที

เมื่อกดหน้าอกเด็ก ควรวางมือไว้ตรงกลางหน้าอก ใต้เส้นหัวนม สำหรับเด็กอายุต่ำกว่าหนึ่งปีควรใช้สองนิ้วเท่านั้น หรือหัวแม่มือ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้ร่างกายเด็กบาดเจ็บ สิ่งสำคัญคือต้องรักษาระดับความลึกของการกดหน้าอกลงไปประมาณ 1 ใน 3 และความเร็ว 100 ถึง 120 ครั้งต่อนาที โดยหยุดชั่วคราวทุก ๆ 30 ครั้ง

การวางตำแหน่งมืออย่างเหมาะสมเมื่อทำการกดหน้าอกในผู้ใหญ่ ควรวางมือไว้ตรงกลางหน้าอกระหว่างกระดูกหน้าอกกับซี่โครง โดยให้มือข้างที่ถนัดอยู่ด้านล่างและอีกข้างอยู่ด้านบน สิ่งสำคัญคือต้องรักษามุมเก้าสิบองศาระหว่างข้อมือ ข้อศอก และหัวไหล่เพื่อให้แน่ใจว่าการกดลงไปจะหวังผลได้

เพื่อให้มั่นใจว่าการกดหน้าอกกระตุ้นหัวใจได้ผล ต้องออกแรงกดให้เพียงพอเพื่อจำลองการสูบฉีดของหัวใจ ควรกดลึกประมาณครึ่งหนึ่งของหน้าอกและความเร็ว 100 ถึง 120 กดต่อนาที ควรปล่อยให้หน้าอกหดตัวเต็มที่ระหว่างการกดหน้าอก และควรใช้น้ำหนักของร่างกายเพื่อออกแรงกดที่จำเป็น

ขอแนะนำให้ผู้ทำการกดหรือปั๊มหัวใจ ทำการเป่าปากช่วยหายใจสองครั้งหลังจากการกดหน้าอกทุก ๆ 30 ครั้งให้แก่ผู้ป่วย เพื่อให้ออกซิเจนแก่ผู้ป่วย

การปฐมพยาบาล

การกดหน้าอกและการช่วยหายใจ ผู้ช่วยชีวิตควรทำเป็นเวลาห้ารอบหรือประมาณสองนาทีก่อนที่จะเปลี่ยนไปให้ผู้ช่วยชีวิตคนอื่นที่มีทักษะการทำ CPR สลับเปลี่ยนเข้ามา หากมีผู้ช่วยชีวิตเพียงคนเดียวหรือหากผู้ช่วยเหลือสองคนเริ่มเหนื่อยล้า ให้ปรับจำนวนการกดปั๊มหน้าอกและการหายใจที่ปฏิบัติเพื่อให้ทำต่อได้อย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญคือปฏิบัติตามเทคนิคที่ได้รับการอบรมไป และขอความช่วยเหลือจากแพทย์โดยเร็วที่สุด

หากผู้ป่วยรู้สึกตัวขึ้นมาและตอบสนองดี ก็อาจไม่จำเป็นต้องทำการกดปั๊มหน้าอกต่อ สามารถรอแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมารับช่วงพาผู้ป่วยไปดูแลต่อ แต่หากผู้ป่วยไม่ตอบสนอง ก็จำเป็นต้องปั๊มต่อไปจนกว่าความช่วยเหลือจะมาถึง และในกรณีที่มีเครื่อง AED (เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจแบบใช้งานภายนอกได้อัตโนมัติ) หากประเมินจากเครื่องแล้วว่าสามารถช็อตไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นหัวใจผู้ป่วยได้ อาจนำมาใช้ร่วมกับการปั๊มหัวใจ

การใช้เครื่อง AED (Automatic External Defibrillator)

ในกรณีของการใช้เครื่อง AED (เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจแบบใช้งานภายนอกได้อัตโนมัติ) สิ่งสำคัญในการใช้งานคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างระมัดระวังและใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น เครื่อง AED ได้รับการออกแบบมาเพื่อวิเคราะห์จังหวะการเต้นของหัวใจและพิจารณาว่าจำเป็นต้องกระตุ้นหัวใจเพื่อให้หัวใจเต้นเป็นปกติหรือไม่ สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าเครื่อง AED อยู่ที่ใดขณะเกินเหตุไม่คาดคิด และเข้าใจการใช้งานอย่างเหมาะสม

เครื่อง AED สามารถพบได้ในสถานที่ต่างๆ เช่น สนามบินและสระว่ายน้ำ และมักเป็นสิ่งแรกที่แพทย์จะมองหาในสถานการณ์ฉุกเฉินที่หัวใจของผู้ป่วยหยุดเต้น

การใช้เครื่อง AED เป็นกระบวนการที่ไม่ซับซ้อน จัดอยู่ในขั้นตอนการช่วยให้หัวใจผู้ป่วยกลับมาเต้นได้ขั้นพื้นฐาน หลังจากเปิดเครื่องแล้ว จะมีคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการใช้งาน แนะนำขั้นตอนเป็นเสียง เครื่อง AED จะวิเคราะห์จังหวะการเต้นของหัวใจของผู้ป่วยและพิจารณาว่าจำเป็นต้องกระตุ้นหัวใจหรือไม่ ในการใช้อุปกรณ์ ให้ติดอิเล็กโทรดหรือแผ่นแปะที่หน้าอกของผู้ป่วยตามคำแนะนำที่มีภาพประกอบ และเสียงที่บรรยายการใช้งาน และผู้ใช้งานจะกดปุ่มช็อตหากได้รับคำแนะนำ จากเครื่อง AED เองเท่านั้น

 

เมื่อใช้อิเล็กโทรดหรือแผ่นแปะ ย้ำอีกครั้งว่าต้องดูภาพสัญลักษณ์จุดที่แปะ และปฏิบัติตามคำแนะนำเป็นเสียงจากเครื่อง AED อย่างระมัดระวัง สำหรับผู้ใหญ่ ควรวางอิเล็กโทรดหนึ่งอันไว้ใต้กระดูกไหปลาร้าด้านขวา และอีกอันหนึ่งอยู่ใต้รักแร้ซ้าย สำหรับเด็ก ตำแหน่งของอิเล็กโทรดจะถูกทำเครื่องหมายไว้อย่างชัดเจนและติดได้ง่าย

สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าหน้าอกของผู้ป่วยไม่มีขนก่อนที่จะติดอิเล็กโทรดหรือแผ่นแปะเพื่อให้แน่ใจว่ามีการนำไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม หากจำเป็น สามารถใช้เครื่องโกนหนวดเพื่อกำจัดขนส่วนเกินได้ เมื่อเครื่อง AED กระตุ้นหัวใจ ต้องแน่ใจว่าทุกคนอยู่ห่างจากผู้ป่วยก่อนที่จะกดปุ่ม เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

หลังช็อตไฟฟ้า อย่าลืมกดปั๊มหน้าอกต่อไปตามที่เครื่อง AED ชี้แนะหลังจากกระตุ้นหัวใจแล้ว ยิ่งปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างระมัดระวังก็จะเพิ่มโอกาสในการช่วยชีวิตผู้ป่วยได้สำเร็จ

 

เมื่อเครื่อง AED เตือนให้ทำการกระตุ้นหัวใจ ต้องระวังไม่ให้มีใครสัมผัสผู้ป่วยหรือวัตถุรอบข้าง ผู้ใช้งานเครื่องต้องสั่งให้ทุกคนถอยหลัง รวมถึงเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวที่อาจอยู่ด้วย หลังจากแน่ใจว่าบริเวณรอบ ๆ โล่งแล้ว ให้ทำการช็อตไฟฟ้าตามที่เครื่อง AED กำหนด และต้องรอจนกว่าเครื่องจะกระตุ้นหัวใจเสร็จก่อน จึงจะสัมผัสผู้ป่วยอีกครั้งหรือกดปั๊มหน้าอกต่อ

หากเครื่อง AED ระบุว่าไม่แนะนำให้กระตุ้นด้วยไฟฟ้า ควรกดปั๊มหน้าอกต่อไปจนกว่าแพทย์จะมาถึง เครื่อง AED ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและเปรียบได้กับการมีหมอไว้ที่บ้าน ผู้สนใจสามารถหาวิดีโอและรายงานเพื่อการศึกษา อาทิวีดีโอที่จัดทำโดยสโมสรโรตารี่ เผยแพร่เนื้อหาสอนประชาชนทั่วไปถึงวิธีการใช้เครื่อง AED อย่างถูกต้องในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ระหว่างวิ่งออกกำลังกาย

สิ่งแปลกปลอมติดคอทารก หายใจไม่ออก ช่วยชีวิตทารกอย่างไร

เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมที่ติดอยู่ในลำคอของทารก สิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ สามารถเข้าไปปิดกั้นทางเดินหายใจ เด็ก ๆ มักจะสำลักวัตถุชิ้นเล็กๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นถั่วหรือลูกปัด คนรอบข้างควรระวังไม่ให้เด็กนำสิ่งเหล่านี้เข้าปาก

ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์สิ่งแปลกปลอมติดคอทารกหรือเด็ก ขั้นตอนแรกคือการระบุว่าทารกสำลักจริง และมีปัญหากับการหายใจแน่ ๆ โดยการสังเกตว่าเด็ก ๆ จับบริเวณคอที่ตรงกับทางเดินหายใจด้วยท่าทีทรมาน และไม่สามารถหายใจได้อย่างถูกต้อง หากไม่มีเสียงขลุกขลักด้วยแล้วยิ่งอันตราย ทารกเสี่ยงต่อภาวะขาดอากาศหายใจ เมื่อยืนยันว่าทารกสำลักหรือไม่สามารถหายใจได้เพราะมีสิ่งกีดขวางทางเดินทางใจ ต้องดำเนินการทันทีเพื่อนำวัตถุแปลกปลอมออก

การทำ CPR และ การปฐมพยาบาลลูก โดย รพ. พระรามเก้า

วิธีนำสิ่งแปลกปลอมออกจากคอของทารก จับคว่ำตบหลัง 5 ครั้ง สลับกับนอนหงาย กดหน้าอก 5 ครั้ง ใช้ฝ่ามือรองเพื่อหนุนคอเด็กขณะตบหลังและจับตัวเด็กหันหน้าออกคว่ำหน้าลง ทำซ้ำจนสิ่งแปลกปลอมออกมา

หากทารกเข้าสู่ภาวะหัวใจหยุดเต้นหลังนำสิ่งแปลกปลอมออกมาได้ จำเป็นต้องทำ CPR เพื่อช่วยให้ทารกกลับมาหายใจ และรีบขอความช่วยเหลือจากแพทย์ การใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเครื่อง AED สำหรับเด็ก อาจมีคำแนะนำเฉพาะสำหรับการใช้งานและขนาดแผ่นแปะที่แตกต่างกัน โดยตัวเครื่องมีลักษณะคล้ายกัน ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำในการวางแผ่นแปะ เนื่องจากได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ไฟฟ้าช็อตมีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับในเด็ก อาจติดแผ่นแปะไว้ที่ด้านหน้าและด้านหลังของหน้าอก ในขณะที่ผู้ใหญ่มักจะแปะไว้ที่ด้านซ้ายและด้านขวาของหน้าอก

สำหรับผู้ใหญ่หรือเด็กโต กรณีมีวัตถุใด ๆ ติดหลอดลม ให้วางมือไว้ตรงกลางท้องใต้ชายโครง รัดกระตุกที่ท้อง เหนือสะดือใต้ลิ้นปี่ แล้วดึงเข้าหาตัวผู้ที่ทำท่าดังกล่าวขณะยืน เด็ก ๆ เองก็สามารถฝึกฝนการนำสิ่งแปลกปลอมออกจากคอของเด็กที่อายุน้อยกว่า หรือเพื่อนได้ ทางคุณหมอและทีมแพทย์ได้เปิดวีดีโอให้ดูการช่วยเหลือกันของพี่เมื่อน้องลูกอมติดคออันเป็นบันทึกจากเหตุการณ์จริงให้เห็นว่าการเรียนรู้การจัดการเอาสิ่งแปลกปลอมออกมาเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนในครอบครัว และเรียนรู้ได้ทุกวัย

สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าหากไม่สามารถเอาวัตถุแปลกปลอมออกได้ด้วยวิธีเหล่า ต้องขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉินทันทีโดยเร็วที่สุด

การปฐมพยาบาล

ข้อแนะนำสำหรับผู้อ่านบทความ

บทความนี้เป็นการถอดบทเรียนจากงานเวิร์คช็อป ไม่ใช่บทความที่ใช้เป็นคู่มือการปฐมพยาบาลได้โดยตรง หากสนใจในการฝึกฝนทำ CPR หรือใช้เครื่อง AED ได้อย่างถูกต้อง รวมถึงการปฐมพยาบาลในรูปแบบอื่น ๆ ผู้สนใจควรมองหางานฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเข้ารับการฝึกฝนให้มีประสบการณ์ จะได้นำสิ่งที่เรียนรู้มาใช้งานในสถานการณ์จริงอย่างถูกต้องเหมาะสมด้วยความมั่นใจต่อไป

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

วิธี ปฐมพยาบาล และทำ CPR ที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้

นาทีชีวิต!! CPR ช่วยลูกอย่างไรเมื่อลูก สำลักอาหาร

เปิดใจ! ฮีโร่ลุยน้ำท่วมช่วยเด็กไฟดูด รอดได้เพราะ CPR!!

พ่อแม่ฝึกการทำ CPR ยิ่งช่วยลูกได้เร็ว โอกาสรอดยิ่งสูง

CPR ช่วยชีวิตลูกจากการสำลัก ของติดคอ หากลูกหมดสติ

CPR คือ อะไร? เรียนรู้ไว้ กู้ภัยให้ลูกรักปลอดภัยเมื่อสำลัก

วิธีทำ CPR ที่ถูกต้อง ช่วยชีวิตได้ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่

ผมร่วงหลังคลอดลูก ปัญหากวนใจของแม่ ๆ ควรรับมืออย่างไร โดยคุณหมอและคุณวูดดี้

ผมร่วงหลังคลอดลูก ปัญหากวนใจของแม่ ๆ ควรรับมืออย่างไร โดยคุณหมอและคุณวูดดี้

Alternative Textaccount_circle
event
ผมร่วงหลังคลอดลูก ปัญหากวนใจของแม่ ๆ ควรรับมืออย่างไร โดยคุณหมอและคุณวูดดี้
ผมร่วงหลังคลอดลูก ปัญหากวนใจของแม่ ๆ ควรรับมืออย่างไร โดยคุณหมอและคุณวูดดี้

ผมร่วง” เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในประเทศไทย และมีผลกระทบต่อคนมากมายทั้งชายและหญิง  โดยคาดว่าประมาณ 40% ของประชากรประสบปัญหานี้ หรือหมายความว่ามีผู้ประสบปัญหานี้ถึง 35 ล้านคนในประเทศไทย สำหรับผู้หญิง อาการ ผมร่วงหลังคลอดลูก เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย แม้ว่าความรุนแรงของปัญหาจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่ก็ไม่ควรถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาจนมองข้ามไม่จัดการกับปัญหานี้ได้ ผู้ชายเองมีแนวโน้มที่จะประสบกับปัญหานี้เช่นกัน

ในงาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 24 จัดขึ้น ณ ศูนย์จัดแสดงสินค้าไบเทคบางนา วันเสาร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2566 ได้มีการเสวนาเพื่อรับมือกับปัญหา ผมร่วงหลังคลอดลูก ให้สาระความรู้ดี ๆ สำหรับคุณแม่ คุณพ่อและคนในครอบครัว

ผมร่วงหลังคลอดลูก ปัญหากวนใจของแม่ ๆ ควรรับมืออย่างไร โดยคุณหมอและคุณวูดดี้

ผมร่วงหลังคลอดลูก ปัญหากวนใจของแม่ ๆ ควรรับมืออย่างไร โดยคุณหมอและคุณวูดดี้

ปัญหาผมร่วงของคุณแม่ คุณหมอโบนัสมีทางออก 

ปัญหาผมร่วงหลังคลอดอาจมีผลกระทบต่อคุณแม่ทั้งร่างกายและจิตใจ คุณแม่อาจไม่สบายใจหรือกระทบกระเทือนทางจิตใจเมื่อเห็นเส้นผมร่วงเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ผมร่วงยังอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ามีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เกิดขึ้นในร่างกายของคุณแม่

เพื่อช่วยแก้ไขปัญหานี้ คุณแม่สามารถติดต่อ คุณหมอโบนัส แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการสูญเสียเส้นผมหลังคลอด เพื่อขอคำปรึกษาและการดูแลรักษาเส้นผมที่เหมาะสม ในงานเสวนานี้ คุณแม่สามารถมาเรียนรู้ด้วยกันถึงเคล็ดลับเล็กๆ ที่จะช่วยป้องกันผมร่วง อย่างการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมสร้างเส้นผม และการดูแลเส้นผมอย่างสม่ำเสมอ

ในระยะแรกของการตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่จะต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ดังนั้นคุณแม่ควรตรวจสอบว่าได้รับธาตุเหล็กและวิตามินอื่น ๆ ที่สำคัญสำหรับการตั้งครรภ์เพียงพอ โดยการรับประทานอาหารเสริม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เพื่อความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยของคุณแม่และทารกในครรภ์ ในส่วนของแบรนด์ BEVITA นั้นเป็นวิตามินอาหารเสริมที่ปลอดภัยกับคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์

สำหรับผู้หญิงทุกคนที่คลอดบุตร มีการคาดคะเนว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาการร่วงของเส้นผมในระดับหนึ่ง นั่นเพราะฮอร์โมนเพศหญิงเช่นเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนมีปรับเปลี่ยนไป และส่งผลต่อวงจรการเจริญเติบโตของเส้นผม หลังคลอดบุตร ระดับฮอร์โมนทั้งสองอาจลดลงอย่างรวดเร็ว จนสร้างปัญหาผมร่วงหลังคลอดได้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากคลอดบุตรได้ 2-3 เดือน ในกลุ่มคุณแม่บางท่านอาจมีปัญหาผมบางอย่างอยู่แล้วด้วย การสูญเสียเส้นผมอย่างรวดเร็วจะเป็นเรื่องที่สังเกตเห็นได้อย่างโจ่งแจ้งและทำให้ตกใจมากจริง ๆ

ผมร่วงหลังคลอดลูก ปัญหากวนใจของแม่ ๆ ควรรับมืออย่างไร โดยคุณหมอและคุณวูดดี้

ไบโอตินในอาหารเสริม มีประสิทธิภาพสำหรับการสร้างเส้นผมและช่วยในการเพิ่มความแข็งแรงของเส้นผม ดังนั้น หากคุณแม่มือใหม่กำลังค้นหาวิธีการรักษาผมร่วงและฟื้นความมั่นใจ วิตามินอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของไบโอตินจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการดูแลและรักษาเส้นผม

ในบางกรณี อาการผมร่วงหลังคลอดอาจยังคงดำเนินต่อไปแม้เวลาจะผ่านไปแล้ว 3 เดือน สาเหตุที่เกิดอาการผมร่วงอาจเป็นหลายสาเหตุ เช่น โภชนาการที่ไม่เหมาะสม น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วหลังคลอด หรือความเครียด หากคุณแม่ยังพบว่าผมร่วงอย่างต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำวิธีแก้ไขที่เหมาะสมและปลอดภัย

การแก้ไขปัญหาผมร่วงเป็นเรื่องที่ยากและต้องใช้เวลาเพื่อหลุดพ้นจากปัญหา เพื่อช่วยให้ผมของคุณแม่แข็งแรงขึ้น แนะนำให้คุณแม่คอยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ และลดความเครียดในชีวิตประจำวัน

หลังการให้นมบุตร คุณแม่มือใหม่ควรยังต้องพิจารณาการรับประทานวิตามินเสริม และเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่จำเป็นในปริมาณเพียงพอ 

BEVITA เป็นวิตามินที่เหมาะสม มีคุณภาพสูง สามารถช่วยสนับสนุนสุขภาพโดยรวมและความสมบูรณ์ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพไปพร้อมกับการดูแลเส้นผม การรับประทานวิตามินเป็นการจัดลำดับความสำคัญเพื่อสุขภาพ หลังให้นมบุตร คุณแม่มือใหม่สามารถได้รับสารอาหารที่จำเป็นจาก BEVITA โดยควรรับประทานวันละ 1 เม็ดหลังอาหารเช้า จะพบผลลัพธ์ที่คาดหวังว่าผมร่วงน้อยมาก ผู้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ก็ยืนยันว่ามีผลทางบวก และรู้สึกขอบคุณแพทย์ที่คิดค้นอาหารเสริมวิตามินอย่าง BEVITA ขึ้นมา

จะเห็นว่าทั้งระหว่างและหลังการตั้งครรภ์ ระดับวิตามินและแร่ธาตุที่เพียงพอมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในวิตามินควรมีธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นต่อการทำงานของเซลล์และการเจริญเติบโตของเส้นผม ธาตุเหล็กที่เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณแม่มือใหม่ที่อาจสูญเสียเลือดมากในระหว่างการคลอดบุตร

 

BEVITA ตัวเปลี่ยนเกมสำหรับผู้ที่ผมบางหรือผมร่วง

การใช้วิตามินเสริมอย่างสม่ำเสมอเป็นไปเพื่อให้เกิดผลลัพธ์สุขภาพผมที่แข็งแรงอย่างยั่งยืน บางคนอาจคาดหวังที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทันที แต่ผู้รับประทานวิตามินบำรุงผมต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณสามเดือนเพื่อให้เห็นผม

อาหารเสริมวิตามินอย่าง BEVITA กลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับผู้ที่ผมบางหรือผมร่วง เนื่องจากมีการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นถึง 22 ชนิด แทนที่จะพึ่งพาไบโอตินหรือสังกะสีเพียงอย่างเดียว อาหารเสริมตัวนี้ประกอบด้วยส่วนผสมหลายชนิดเพื่อให้การสนับสนุนการดูแลเส้นผมที่ครอบคลุม

สิ่งสำคัญที่เราต้องไม่ลืม คือการรับประทานวิตามินเดี่ยว ๆ อาจไม่ได้ผลลัพธ์เหมือนกับการรับประทานอาหารเสริมที่ครอบคลุม ผลวิจัยพบว่าผู้ที่มีผมร่วงมักขาดวิตามินหลายชนิดเช่น ธาตุเหล็ก วิตามินดี และสังกะสี โดยการผสมผสานสารอาหารที่หลากหลายของอาหารเสริมตัวนี้ สามารถเป็นตัวช่วยแก้ไขปัญหาเส้นผมหลายประการ ปริมาณและการกำหนดสูตรของส่วนผสมแต่ละอย่างยังได้รับการศึกษามาก่อนเพื่อให้แน่ใจว่ามีประสิทธิภาพสูงสุด 

อาหารเสริม BEVITA มีสารอาหารหลากหลายที่เติมเต็มและปรับสมดุลซึ่งกันและกัน เมื่อผู้ใช้งานควรรับประทานอย่างสม่ำเสมอและตามคำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้เกิดผลดีต่อสุขภาพกายและเส้นผมที่ดีในระยะยาว

เปปไทด์เป็นสารสกัดจากถั่วเหลือง สามารถพบได้ใน BEVITA จะเป็นตัวยับยั้งฮอร์โมนเพศชาย มีประโยชน์ในการแก้ปัญหาผมร่วงในผู้ชายด้วย และในหมู่ผู้หญิงก็เกิดผลดี นอกจากนี้ BEVITA ยังมีวิตามินอีเป็นส่วนประกอบที่มีคุณค่าอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยในการจัดการกับปัญหาผมร่วงไปพร้อมกัน วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานของเซลล์ โดยอนุมูลอิสระสามารถทำลายเซลล์ ทำให้ผมร่วงและผมหงอกได้

วิตามินอีที่พบได้ใน BEVITA เป็นตัวช่วยในการลดการหลุดร่วงของเส้นผมตามอายุอีกด้วย โดยพบว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ ถึง 40-60 เท่า

ความสำคัญของเปปไทด์และวิตามิน E เป็นเหตุผลที่อาหารเสริมที่มีองค์ประกอบทั้งสองได้รับความนิยมอย่างมากและเป็นที่ต้องการในตลาดวงการดูแลเส้นผม

 

ความสำคัญของงานเสวนา

งานเสวนานี้ เป็นโอกาสสำหรับผู้ที่ต้องการหาคำตอบหรือคำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาผมร่วง ผู้เข้าร่วมงานสามารถตั้งคำถามปรึกษาคุณหมอโบนัส ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมได้ ซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับบางคน ผู้มีปัญหาผมหลายท่านอาจไม่ทราบมาก่อนว่าสามารถหาแพทย์เพื่อปรึกษาได้ หรือลังเลว่าตนจำเป็นต้องพบแพทย์รวมถึงแก้ไขปัญหาเรื่องผม หากไม่เข้าใจเรื่องเส้นผมแล้ว เป็นไปได้ว่าทั้งคุณแม่ คุณพ่อหรือคนทั่ว ๆ ไปจะปล่อยปละละเลยจนกระทั่งสายเกินไปก็ได้

ทางพิธีกรของงาน คุณวู้ดดี้ หรือ วุฒิธร มิลินทจินดา พิธีกรชื่อดังได้แบ่งปันประสบการณ์ความลำบากใจในการดูแลเส้นผม และปัญหาผมร่วงที่ผมเจอมาก่อน หากไม่ได้มีประสบการณ์ปรึกษากับแพทย์ และใช้ผลิตภัณฑ์ BEVITA แล้ว อาจขาดความมั่นใจในเรื่องบุคลิกภาพอันมีสาเหตุมาจากผมร่วงจำนวนมากและต่อเนื่องได้

เมื่อได้มาสนทนากัน ระหว่างผู้ที่เคยประสบโดยตรงถึงปัญหาผมร่วงอย่างคุณวู้ดดี้ และคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ ทั้งคุณวู้ดดี้และคุณหมอโบนัสรู้สึกมีความสุข และมีพลังในการแบ่งปันเรื่องราว รวมถึงตอบคำถามของผู้เข้าร่วมงาน

ผมร่วงหลังคลอดลูก ปัญหากวนใจของแม่ ๆ ควรรับมืออย่างไร โดยคุณหมอและคุณวูดดี้

 

ประเด็นที่ผู้ร่วมงานสอบถาม

  1. ปัญหาผมร่วงอย่างต่อเนื่อง ร่วงวันละกว่าสิบเส้น

คุณหมอโบนัสชวนคุยว่าผมร่วงเป็นเรื่องปกติ แต่ผมร่วงมากเกินไประหว่างวันหรือขณะทำกิจกรรมประจำวันถือว่าจะปล่อยไว้เฉย ๆ ไม่ได้ และน่ากังวล วิธีหนึ่งที่ช่วยปรับปรุงให้ร่วงน้อยลงคือการรับประทานวิตามินร่วมกับอาหารประจำวัน เพราะสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผลร่วงแน่ ๆ คือการขาดสารอาหาร โดยการรับประทานวิตามินเป็นระยะเวลาสามถึงหกเดือนอย่างสม่ำเสมอจะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีต่อเส้นผม

กรณีที่ผมร่วงยังเกิดขึ้นแม้จะรับประทานวิตามินเสริมแล้ว คุณหมอโบนัสแนะนำว่าควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจอย่างละเอียดเพื่อระบุหาสาเหตุของอาหารผมร่วงที่แน่ชัด จะได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ วิตามินไม่ใช่คำตอบอย่างเดียวสำหรับปัญหาผมร่วง หากพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่กังวลกับปัญหาผมร่วงจะได้เรียนรู้วิธีการดูแลผมให้เหมาะสม รวมถึงการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อเส้นผม และการปรับปรุงรูปแบบการดูแลผมให้เหมาะสมกับสภาพผมแต่ละคนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

นอกจากนี้การกินวิตามิน ต้องดูแลเรื่องปริมาณการรับประทานที่เหมาะสม หากมากเกินไปอาจเกิดผลข้างเคียงในเชิงลบ ดังนั้นการปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนที่จะเริ่มกินวิตามินเสริมก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้  

  1. ปัญหาความเครียดกับผมร่วง

คุณหมอโบนัสให้ความรู้ว่า การเสี่ยงที่เป็นผลให้เกิดผมร่วงอย่างหนึ่งคือความเครียดซึ่งสามารถส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายของเรา โดยเฉพาะฮอร์โมนที่มีบทบาทในการควบคุมระดับความตื่นตัวที่จะไปกระตุ้นให้ผมร่วง ดังนั้นการจัดการระดับความเครียดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาเส้นผม เราสามารถรักษาระดับความเครียดให้เหมาะสมโดยบริหารเวลาพักผ่อนและการนอนหลับที่เพียงพอ

การนอนหลับเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายของเราสร้างและฟื้นฟูตัวเอง การนอนน้อยเกินไปอาจส่งผลให้กระบวนการนี้ถูกขัดจังหวะ ซึ่งอาจมีผลเสียต่อสุขภาพของเราโดยรวม รวมถึงการร่วงของเส้นผมด้วย

  1. ปัญหาผมร่วงของแม่ให้นมบุตร

คุณแม่ให้นมบุตรท่านหนึ่งพบว่าผมร่วงตลอดวัน ได้รับคำแนะนำจากคุณหมอว่าการรับประทานวิตามินอาหารเสริม BEVITA ปลอดภัยหากไม่ได้แพ้สารอาหารใด ๆ ในวิตามิน โดยเมื่อรับประทานยังเป็นประโยชน์ทางสุขภาพที่ส่งต่อไปยังทารกผ่านทางน้ำนมด้วย  

BEVITA เป็นวิตามิน ไม่ใช่ยา อาหารเสริมประเภทวิตามินนั้นจึงไม่ควรเป็นอันตรายต่อสุขภาพของแม่และทารก พร้อมกันนั้นคุณแม่ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง จะเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผมให้แข็งแรงและมีสุขภาพดี

  1. ปัญหาผมร่วงของคุณพ่อ เผชิญหน้ากับปัญหาเส้นผม

หากคุณพ่อรับประทาน BEVITA ก็ควรสังเกตหาการงอกใหม่ของเส้นผมหลังรับประทานวิตามินเพื่อติดตามผลการบำรุงรักษาเส้นผม โดยการงอกใหม่มักจะเริ่มต้นที่แนวผมด้านหน้าก่อนแล้วค่อย ๆ งอกใหม่ไปทั่ว ๆ ไปเมื่อเวลาผ่านไป  วิตามินไม่ส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศ ต่างจากยาบางตัวที่หากรับประทานแล้วอาจจะส่งผลต่อสุขภาพและเส้นผมซึ่งการรับประทานสิ่งใดก็ตามเพื่อบำรุงสุขภาพและเส้นผม คุณพ่อหรือคุณผู้ชายในบ้านควรศึกษารายละเอียดสรรพคุณ และหลีกเลี่ยงหากมีผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ อาจปรึกษาแพทย์เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

  1. ปัญหาผมบางเมื่ออายุมากขึ้น

เกิดขึ้นได้ทั้งในหญิงและชาย ผู้ชายอาจจะแสดงลักษณะทางพันธุกรรมออกมาเด่นชัด แนะนำให้ลองทานวิตามินที่มีการวิจัยแล้วว่าช่วยแก้ปัญหาผมร่วงได้ โดยอาจเน้นวิตามินที่เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของตนเข้ามาเสริม ให้เป็นวิตามินหลักที่ช่วยรักษาผมให้แข็งแรงได้

  1. ปัญหาแชมพูกับอาการผมร่วง

มีหลายคนที่สงสัยว่าการใช้แชมพูบางชนิดจะสามารถทำให้ผมร่วงได้ คำกล่าวนี้ไม่ได้เป็นเท็จทั้งหมด เราต้องรู้ว่ามีแชมพูบางแบรนด์มีสารเคที่อาจทำให้หนังศีรษะระคายเคืองและส่งผลให้ผมร่วงได้ด้วย ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหานี้ ควรพิจารณาใช้แชมพูที่อ่อนโยนและเหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหนังแพ้ง่ายหรือเหมาะกับสภาพหนังศีรษะ

 

เทคนิคการเลือกวิตามินเพื่อแก้ปัญหาผมร่วงของคุณหมอโบนัส จากครอบครัวผลิตภัณฑ์ BEVITA

  • การเลือกอาหารเสริมที่มีสารอาหารครบถ้วนที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แพทย์แนะนำให้เลือกซื้ออาหารเสริมที่มีส่วนประกอบทั้งวิตามินและแร่ธาตุอย่างน้อย 22 ชนิด อันเป็นจำนวนส่วนประกอบที่สูงสุดซึ่งพบได้ในผลิตภัณฑ์ตามท้องตลาดประเทศไทยในปัจจุบัน
  • การปรึกษาแพทย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการใช้ยาหรือวิตามินเสริมเพื่อเจริญเติบโตของเส้นผม การใช้ยาหรือวิตามินผิดวิธีอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ นอกจากนี้ยังควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งนี้การดูแลเส้นผมอย่างเหมาะสมและเพียงพอเช่นกันมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมในระยะยาว ๆ ดังนั้นควรมีการดูแลและปรับปรุงรูปแบบการดูแลเส้นผมให้เหมาะสมเพื่อสุขภาพเส้นผมที่ดีตลอดเวลา

 

คำแนะนำในการรับประทานผลิตภัณฑ์ BEVITA

วิตามินเสริมอย่าง BEVITA สามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย การรับประทานก็สะดวกและง่าย สามารถรับประทานวันละ 1 เม็ดหลังอาหารมื้อใดก็ได้ แต่แพทย์แนะนำให้รับประทานหลังอาหารเช้าเพื่อการดูดซึมที่ดีที่สุด แม้ว่าจะสามารถรับประทานก่อนนอนได้ แต่อาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร ควรรับประทานพร้อมมื้ออาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมัน เนื่องจากวิตามินบางชนิดสามารถละลายในไขมันได้ 

 

การรับประทานวิตามินเสริมของคุณแม่เพื่อดูแลเส้นผม

  • คุณแม่ควรเริ่มรับประทานวิตามินเสริมภายในสัปดาห์แรกหลังคลอด โดยเฉพาะวิตามินที่ช่วยในการเจริญเติบโตของเส้นผม
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคตับ โรคไต ต่อมไทรอยด์ ฯลฯ สามารถรับประทานวิตามินได้ตามปกติ แต่ควรพิจารณาอาการแพ้ของแต่ละบุคคลและปรึกษาแพทย์หากมีข้อกังวลใด ๆ

ครอบครัว BEVITA มุ่งมั่นที่จะช่วยให้ทุกคนได้กลับมามีความมั่นใจในเรื่องผม ผลิตภัณฑ์ BEVITA ได้รับการออกแบบมาเพื่อบำรุงและปกป้องหนังศีรษะ ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผมอย่างแข็งแรงและป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม หากคุณต้องการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม คุณสามารถติดตามครอบครัว BITA บน Facebook หรือ Instagram

 

Facebook Link: https://www.facebook.com/bevitaofficial/

Instagram Link: https://www.instagram.com/bevitaofficial/

ทาง BEVITA มีการแบ่งปันเคล็ดลับที่มีประโยชน์และอัปเดตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และวิธีการรักษาสุขภาพหนังศีรษะอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้หากคุณแม่ คุณพ่อ หรือท่านใดมีปัญหารังแคหรือปัญหาหนังศีรษะอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อคุณหมอโบนัสเพื่อขอรับคำปรึกษา

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ผมร่วงหลังคลอด ปัญหากวนใจของแม่ๆ ทุกคน ควรรับมืออย่างไร?

โรคผมร่วงเป็นหย่อม เกิดจากอะไร รักษาได้อย่างไร

ปัญหาผมร่วงหลังคลอด เรื่องไม่เล็ก ของคุณแม่ลูกอ่อน

ผมร่วงเกิดจากอะไร ผู้หญิง ผมร่วงเยอะเป็นสัญญาณโรคร้าย

ผมร่วงหลังคลอด แม่มือใหม่รับได้มั้ย 6 เคล็ดลับป้องกันผมร่วงให้ลูกจำหน้าแม่ได้แบบสวยๆ

ภาวะผมร่วงหลังคลอด แม่ๆมีวิธีรับมืออย่างไร?

เทคนิคพาลูกเที่ยว เที่ยวคาเฟ่สนุกได้ทั้งครอบครัว โดยคุณตุ๊กตา

เทคนิคพาลูกเที่ยว เที่ยวคาเฟ่สนุกได้ทั้งครอบครัว โดยคุณตุ๊กตา

Alternative Textaccount_circle
event
เทคนิคพาลูกเที่ยว เที่ยวคาเฟ่สนุกได้ทั้งครอบครัว โดยคุณตุ๊กตา
เทคนิคพาลูกเที่ยว เที่ยวคาเฟ่สนุกได้ทั้งครอบครัว โดยคุณตุ๊กตา

คุณตุ๊กตาและสามี พี่บอยตรัย ได้มาแบ่งปันประสบการณ์ เทคนิคพาลูกเที่ยว ในงาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 24 จัดขึ้น ณ ศูนย์จัดแสดงสินค้าไบเทคบางนา วันเสาร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2566 การพาลูกไปเที่ยวพักผ่อนอาจเป็นงานที่ท้าทายสำหรับพ่อแม่ เพราะความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นเมื่อไม่ใช่ทริปสำหรับหนึ่งคนหรือสองคน แต่พ่อแม่ต้องดูแลเจ้าตัวเล็กด้วย ซึ่งพ่อแม่ต้องวางแผนการเดินทางให้ดีเพื่อหลีกเลี่ยงอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นได้ แม้กระนั้น การพาลูกไปเที่ยวพักผ่อนก็ดึงดูดใจ เพราะจะเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนาน  ทั้งครอบครัวสามารถเรียนรู้จากการเดินทาง พร้อมกับสร้างความทรงจำที่ดีร่วมกัน

เทคนิคพาลูกเที่ยว เที่ยวคาเฟ่สนุกได้ทั้งครอบครัว โดยคุณตุ๊กตา

เทคนิคพาลูกเที่ยว เที่ยวคาเฟ่สนุกได้ทั้งครอบครัว โดยคุณตุ๊กตา

เมื่อการท่องเที่ยวไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน

คุณตุ๊กตาและสามี พี่บอยตรัย ในฐานะผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยว ทั้งคู่มักสำรวจหาสถานที่ใหม่ ๆ เพื่อเยี่ยมชมและสร้างความทรงจำดี ๆ ร่วมกัน โดยก่อนที่จะมีลูก พวกเขาเดินทางเป็นคู่พร้อมกับบันทึกประสบการณ์เป็นตัวหนังสือ หรือโพสต์บนโซเชียลมีเดีย แล้วเมื่อมีลูก พวกเขาได้เผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ ที่สามารถนำมาเล่าสู่แบ่งปันเป็นความรู้สำหรับครอบครัวอื่น ๆ

สิ่งสำคัญอันดับแรกของการเดินทางเป็นครอบครัว คือต้องวางแผนล่วงหน้าและค้นหาจุดหมายปลายทางที่มีกิจกรรมที่เหมาะสำหรับเด็ก เหมาะทั้งช่วงวัยและความสนใจของเด็ก ซึ่งอาจเป็นสถานที่อย่าง สวนสนุก สวนสัตว์ หรือพิพิธภัณฑ์ที่มีการจัดแสดงแบบอินเทอร์แอกทีฟ เพื่อให้เด็กสนุกสนานและได้เรียนรู้ในขณะเยี่ยมชมด้วยกันกับผู้ปกครอง 

นอกจากนี้ ผู้ปกครองควรตรวจสอบความปลอดภัยของสถานที่ และเตรียมอุปกรณ์เดินทางที่เหมาะสม เช่น รถเข็นเด็ก หรืออุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อช่วยให้การเดินทางนั้นง่ายขึ้นและสนุกสนานยิ่งขึ้น

 

เดินทางกับลูก ดีอย่างไร?

การเดินทางกับเด็กมีข้อดีสำหรับผู้ใหญ่สายเที่ยว คือผลักดันให้เห็นมุมมองที่ต่างออกไปเกี่ยวกับการระบุจุดหมายปลายทาง ผู้ใหญ่จะได้พบสถานที่ท่องเที่ยวหรือร้านอาหารใหม่ ๆ ที่ไม่เคยสังเกตมาก่อนเพราะปัจจัยที่ว่ามีเด็ก ๆ ไปด้วยนั่นเอง 

การท่องเที่ยวนอกจากจะเสริมสร้างความสัมพันธ์ ยังเปิดโอกาสในการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเด็กในครอบครัว การรู้เรื่องของเด็กมากจะสนับสนุนพฤติกรรมการดูแลเลี้ยงดูลูก พ่อแม่จะทำให้เขาเติบโตขึ้นมาอย่างมั่นใจ กล้าสื่อสารแลกเปลี่ยนความคิดเห็นประเด็นต่าง ๆ ด้วย

 

การเลือกสถานที่และกิจกรรม

การเลือกสถานที่พักเมื่อเดินทางกับเด็ก ควรมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสำหรับครอบครัว เช่น สระว่ายน้ำหรือพื้นที่เล่นสำหรับเด็ก และพิจารณาที่ตั้งของโรงแรมหรือที่พักด้วย เพราะการใกล้ชิดกับสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมต่าง ๆ ที่อยู่ในแผนเดินทางจะช่วยประหยัดเวลาเดินทาง และช่วยอำนวยความสะดวกเมื่อเดินทางกับเด็ก

นอกจากนี้เมื่อเล่นแล้วยังต้องแบ่งสรรเวลาพักผ่อน เด็ก ๆ ควรมีช่วงเวลาและสถานที่ที่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอในการเดินทาง เพื่อให้เด็กกลับมามีพลังในกิจกรรมอื่น ๆ ต่อไป

ในเรื่องมื้ออาหาร ผู้ปกครองควรเลือกร้านอาหารที่มีเมนูอาหารสำหรับเด็กหรือมีตัวเลือกอาหารที่เหมาะสำหรับเด็ก การได้ลองชิมอาหารใหม่ ๆ และอาหารท้องถิ่นอาจเป็นส่วนที่น่าตื่นเต้นของประสบการณ์การเดินทางสำหรับเด็กและทุกคนในครอบครัว

ร้านกาแฟหรือคาเฟ่ในท้องถิ่น อาจจัดเป็นพื้นที่น่าสนุกในการเยี่ยมชม ให้ประสบการณ์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อร้านกาแฟใหม่มาพร้อมกับบรรยากาศหรือธีมที่เป็นเอกลักษณ์อย่างชัดเจน แต่การจะเจอกับร้านกาแฟแบบที่ว่า ย้อนกลับไปยังการเตรียมตัวเดินทาง การวางแผนการเดินทางและหาข้อมูลก่อนเป็นสิ่งสำคัญ

เทคนิคพาลูกเที่ยว เที่ยวคาเฟ่สนุกได้ทั้งครอบครัว โดยคุณตุ๊กตา

คาเฟ่สำหรับเด็กและครอบครัว ตัวเลือกเป็นมิตร เพลิดเพลินได้ทั้งครอบครัว

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คาเฟ่ที่ออกแบบพื้นที่ให้เหมาะสำหรับเด็กและครอบครัวเพิ่มมากขึ้น พื้นที่ในลักษณะนี้มุ่งเน้นการเสนอสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสนุกสนานสำหรับเด็ก ๆ ในการเรียนรู้และเล่น พร้อมทั้งมีพื้นที่สำหรับผู้ปกครองในการพักผ่อนและเพลิดเพลินได้ในขณะเดียวกัน

 

Wonder Woods Co-learning space & Kids Cafe เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่คุณตุ๊กตาได้มีส่วนร่วมในการออกแบบ เพื่อให้เป็นพื้นที่รองรับการใช้บริการของเด็กและครอบครัว คาเฟ่นี้ออกแบบมาเพื่อการเล่นสำหรับเด็ก มีของเล่นและกิจกรรมต่าง ๆ ที่เด็ก ๆ สามารถสร้างความวุ่นวายขึ้นเป็นปกติในการเล่น ขณะเดียวกันพื้นที่ อาหาร และหลายกิจกรรมถูกออกแบบโดยคำนึงว่าสามารถอำนวยความสะดวกและลดความเครียดให้กับผู้ใหญ่ระหว่างที่เด็กกำลังเล่นซนอยู่ด้วย

นอกเหนือจากการจัดพื้นที่เพื่อความสนุก คาเฟ่ประเภทนี้ยังช่วยเสริมสร้างทักษะทางสังคมที่มีคุณค่าแก่เด็กอีกด้วย เด็กสามารถสัมผัสกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ และถูกกระตุ้นให้พวกเขาโต้ตอบกับผู้อื่นได้ เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้วิธีการปฏิบัติตัวในสถานการณ์ต่าง ๆ และเรียนรู้การเคารพผู้อื่น

พาลูกเที่ยว

Wonder Woods Co-learning space & Kids Cafe ตั้งอยู่ที่ซอยพัฒนาการ 511 เป็นคาเฟ่ที่ไม่เหมือนใครและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่มอบประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับครอบครัวและเด็กๆ คาเฟ่มีพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กในการเล่นและสำรวจ โดยมีโซนต่าง ๆ ที่ออกแบบมาสำหรับกลุ่มอายุต่างๆ ตั้งแต่ของเล่นไม้และบ่อบอล ไปจนถึงส่วนกลางแจ้งที่มีต้นไม้กับสะพานเชือกให้ลูกได้ปีนป่าย

 

การเดินทางเสริมสร้างประสบการณ์อื่น ๆ กับลูกน้อย

นอกเหนือจากการมองหาคาเฟ่ คุณแม่ตุ๊กตายังเล่าถึงการเดินทางกับเด็กในรูปแบบอื่น อย่างการเดินทางบนรถไฟตู้นอน เด็กจะได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อม และวัฒนธรรมที่แปลกแตกต่างจากที่พบในชีวิตประจำวัน การเดินทางบนรถไฟตู้นอน ทั้งครอบครัวจะมีเวลาในการสนทนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงสิ่งที่เด็กพบเห็นมาตลอดทาง  ครอบครัวได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ด้วยกัน เด็ก ๆ อาจตื่นเต้นกับการเปลี่ยนเก้าอี้เป็นเตียงนอน และครอบครัวมีโอกาสตื่นเช้าเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นผ่านหน้าต่างของรถไฟด้วยกัน

ระยะเวลาเดินทางโดยรถไฟตู้นอนจากกรุงเทพไปเชียงใหม่หรือสงขลา อาจกินเวลา 10 ถึง 15 ชั่วโมง โดยมีจุดจอดหลายจุดตามสถานีต่าง ๆ ระหว่างทาง แต่ความที่เป็นรถไฟตู้นอน พื้นที่ซึ่งปรับนอนได้อำนวยความสะดวกสบาย เหมาะสำหรับครอบครัวที่เดินทางพร้อมเด็กเล็ก

คุณตุ๊กตาแบ่งปันทัศนคติ เธอเชื่อว่าหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้และเติบโตในฐานะพ่อแม่คือการเดินทาง เมื่อเราเดินทางกับลูก ๆ เราช่วยให้พวกเขาพัฒนาทักษะและมุมมองใหม่ ๆ เปิดโลกทัศน์ของพวกเขามากขึ้น

 

ข้อคิดสำหรับพ่อแม่ เมื่อใดพร้อมเที่ยว เที่ยวแบบไหนที่ถูกที่สุด

ขณะที่ผู้ปกครองบางท่านอาจกังวลเกี่ยวกับการเดินทางกับเด็กเล็ก สงสัยว่าเด็กเล็กไม่อาจจำประสบการณ์ท่องเที่ยวได้ แต่สิ่งสำคัญจริง ๆ ที่ควรมีน้ำหนักให้ใส่ใจมากกว่า คือการเดินทางกับเด็กทุกวัยเป็นการมอบโอกาสอันมีค่าในการสร้างความผูกพัน การเรียนรู้ และการสำรวจแก่พวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะจำรายละเอียดการเดินทางไม่ได้ แต่ประสบการณ์สามารถช่วยกำหนดมุมมองโลกทัศน์ของพวกเขาและเป็นรากฐานสำหรับการเรียนรู้และการเติบโตในอนาคต

อีกหนึ่งข้อคิดในการเลี้ยงดูเด็กที่คุณตุ๊กตาแบ่งปัน คือการเลี้ยงลูกไม่มีวิธีไหนถูกหรือผิด เนื่องจากเด็กทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสิ่งที่ได้ผลสำหรับคนหนึ่งอาจใช้ไม่ได้กับอีกคนหนึ่ง เราต้องปรับกลยุทธ์การเลี้ยงดูของเราเพื่อตอบสนองความต้องการของเด็กแต่ละคน เปิดรับการเรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับพวกเขา

เวลาที่เหมาะสมในการเริ่มพาลูกไปเที่ยว คุณตุ๊กตามองว่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาหรืออายุของลูก แต่เป็นเวลาที่พ่อแม่พร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจเพื่อรับมือกับภารกิจของการเดินทาง เช่น การเก็บสัมภาระ การท่องเที่ยวไปในสภาพแวดล้อมใหม่ และการรับมือกับความผิดพลาดไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น หากพ่อแม่มีความพร้อม แม้ภารกิจเพื่อท่องเที่ยวมีมากขึ้นเพราะไม่ใช่การเดินทางของคนเพียงสองคน พ่อแม่ก็สามารถจัดการกับความท้าทายและความเครียด  และเป็นผลให้ทุกคนเที่ยวได้อย่างสนุกเต็มที่

สิ่งไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ในระหว่างการเดินทาง สิ่งที่คิดไว้ล่วงหน้าหรือกิจกรรมในแผนการ ในความเป็นจริง อาจไม่สนุกอย่างที่คิดไว้ สิ่งสำคัญคือต้องเตรียมใจไว้แล้วบ้างถึงความผิดหวังและมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับมัน พ่อแม่ต้องปรับความคาดหวังได้เร็ว และหาวิธีที่จะทำให้สถานการณ์ดีที่สุดสำหรับทุกคน และในทางกลับกัน สิ่งที่ไม่คาดฝันอาจนำไปสู่ความทรงจำและเรื่องราวที่ดีที่สุด

เทคนิคพาลูกเที่ยว เที่ยวคาเฟ่สนุกได้ทั้งครอบครัว โดยคุณตุ๊กตา

การเป็นแม่และการเป็นตัวของตัวเอง

ในฐานะแม่ที่แบ่งปันประสบการณ์บนโลกโซเชียลมีเดีย คุณตุ๊กตายังเสนอถึงความสำคัญของการหาสมดุลระหว่างการเป็นแม่กับการเป็นตัวของตัวเอง เธอมีพื้นที่โซเชียลมีเดียทั้งที่แบ่งปันประสบการณ์การเดินทางกับครอบครัว และพื้นที่สำหรับแบ่งปันเรื่องราวที่เสนอมุมมองของการเป็นตัวของตัวเอง

สามารถเยี่ยมชมและรับฟังการแบ่งปันประสบการณ์และสาระดี ๆ จาก Facebook ทั้งสองของคุณตุ๊กตาได้

 

Facebook Page: เที่ยวรอบลูก 

Link: https://www.facebook.com/yayeeplanet/?locale=th_TH

พาลูกเที่ยว

หรือ Facebook Page: Smileplease.mom

Link: www.facebook.com/smileplease.mom/

พาลูกเที่ยว

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

พาลูกเที่ยวดะ กับแม่ยุ้ย แม่ปุ้ม แม่จุ๊บ เจ้าของเพจผู้สร้างประสบการณ์ตามแบบฉบับ ABK Explorers Club

10 ที่เที่ยวสงกรานต์ 2566 ทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด

10 ที่เที่ยวสงกรานต์ 2566 ทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด

บอกแหล่ง ที่เที่ยวปิดเทอม เปิดโลกกว้างจินตนาการนอกห้องเรียนเริ่มแล้ว!!

ที่พักภูเก็ต ทะเลอันดามัน แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก

10 ที่เที่ยวสำหรับเด็กในกรุงเทพ เพลิดเพลินวันหยุด สนุกทุกกิจกรรม

10 คาเฟ่สำหรับเด็ก เที่ยวเพลิน พักผ่อนได้ทั้งครอบครัว

10 ที่เที่ยว ใกล้กรุงเทพ พาลูกเที่ยวง่าย ๆ เช้าไปเย็นกลับ

ห้องเรียนพ่อแม่ WORKSHOP มื้อเช้าทำง่าย ลูกได้สารอาหารครบ โดย เชฟ ติ๊ตูน

ห้องเรียนพ่อแม่ WORKSHOP มื้อเช้าทำง่าย ลูกได้สารอาหารครบ โดย เชฟ ติ๊ตูน

Alternative Textaccount_circle
event
ห้องเรียนพ่อแม่ WORKSHOP มื้อเช้าทำง่าย ลูกได้สารอาหารครบ โดย เชฟ ติ๊ตูน
ห้องเรียนพ่อแม่ WORKSHOP มื้อเช้าทำง่าย ลูกได้สารอาหารครบ โดย เชฟ ติ๊ตูน

ในงาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 24 จัดขึ้นที่ศูนย์จัดแสดงสินค้าไบเทคบางนา วันเสาร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2566  นี้ เชฟติ๊ตูนได้สาธิตการทำอาหาร มื้อเช้าทำง่าย แก่ผู้ปกครองและเด็ก ๆ ที่มาร่วมงาน โดยมีเชฟผู้ช่วยคอยสแตนด์บายดูแลการร่วมสนุกทำอาหารไปด้วยกัน ซึ่งเชฟติ๊ตูนได้สาธิตขั้นตอนการทำอาหารทีละขั้นตอน สูตรทำอาหารเช้าง่าย ๆ ของเชฟติ๊ตูน เน้นใช้ผักทุกสี ทั้งสีเขียว สีแดง และสีม่วง

ห้องเรียนพ่อแม่ WORKSHOP มื้อเช้าทำง่าย ลูกได้สารอาหารครบ โดย เชฟ ติ๊ตูน

ห้องเรียนพ่อแม่ WORKSHOP มื้อเช้าทำง่าย ลูกได้สารอาหารครบ โดย เชฟ ติ๊ตูน

“ตอร์ติญ่า” เมนูมื้อเช้าทำง่าย โดย เชฟ ติ๊ตูน

เมนูที่เด็ก ๆ พร้อมกับผู้ปกครองได้หัดทำร่วมกัน คือ ตอร์ติญ่า เป็นเมนูที่สามารถรับประทานได้ง่าย สามารถพกพาไปกินได้ในรถหรือใส่ในกล่องเล็ก ๆ ได้เลย เหมาะกับเป็นมื้อเช้าหรือรับประทานเป็นอาหารว่าง เมนูง่ายๆ นี้มีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่พร้อมกับรสชาติที่ดี วัตถุดิบทำอาหารเพิ่มรสชาติคือมะเขือเทศเข้ากันกับเบคอนกรอบและชีส ช่วยเพิ่มความอร่อยดึงดูดให้เด็กรับประทานได้ง่าย

เชฟติ๊ตูนตั้งใจเต็มที่ อยากเห็นเด็กทุกคนมีส่วนร่วมในการทำอาหาร จึงจัดเตรียมถุงมือหรือกระดาษเช็ดมือสำหรับเด็กที่ไม่สามารถสวมถุงมือได้ไว้แล้ว และยังมีไม้จิ้มลายน่ารักเพื่อให้เด็กเลือกใช้ในการเตรียมอาหารด้วย เชฟสนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้ลองหั่นผักเองโดยมีผู้ปกครองคอยกำกับดูแล เช่นเดียวกับการห่อแผ่นแป้งตอร์ติญ่าหลังจัดผักบนแผ่นแป้งแล้ว

กิจกรรมนี้ผู้ปกครองดูตื่นเต้นเมื่อเห็นลูก ๆ หยิบจับวัตถุดิบต่าง ๆ ด้วยตัวเอง รวมไปถึงสนใจในวัตถุดิบและขั้นตอนการทำ ลองทำไปพร้อมกับลูก สูตรอาหารที่เชฟเลือกมาไม่ยาก จัดหาวัตถุดิบได้สะดวก เป็นตัวเลือกที่ดีมากจริง ๆ สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการจัดเตรียมอาหารที่โภชนาการครบถ้วนและอร่อยให้กับลูก ๆ โดยการทำขึ้นมาแต่ละครั้งก็ไม่ต้องใช้เวลาหรือพลังงานมากจนเกินไป เป็นเมนูอาหารลงตัวแม้สำหรับคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองที่มีเวลาน้อย

อาหารเช้า

นอกจากนี้ เมนูตอร์ติญ่าที่เชฟติ๊ตูนเลือกมา แป้งจะห่อผักไว้ภายใน ยังช่วยพ่อแม่ให้จัดการกับปัญหาลูกเลือกไม่กินผัก หรือกินยากได้อยู่หมัด เด็กที่กินยากเองจะรู้สึกถึงรสชาติอร่อยกลมกลืน และมีโอกาสที่จะเพลิดเพลินไปกับรสชาติของตอร์ติญ่าจนมองข้ามการมีอยู่ของผักไป ผู้ปกครองสามารถปรับสูตรในภายหลัง เลือกผักประเภทอื่น ๆ มาใส่ด้วยตามต้องการ แต่เชฟติ๊ตูนแนะนำว่าไม่ควรเป็นผักรสขมเพื่อหลีกเลี่ยงการมอบประสบการณ์ที่ไม่ดีแก่เด็ก

ตัวเชฟติ๊ตูนเองใช้ผักหลากหลายสีสันเพื่อสาธิตการทำตอร์ติญ่าม้วนไส้ผักนานาชนิด โดยเน้นให้ความสำคัญกับการเลือกผักสดที่ดี และการใช้มีดหั่นมะเขือเทศเบา ๆ เพื่อให้มะเขือเทศไม่ช้ำ

หลังเตรียมผักเสร็จ ทางเชฟติ๊ตูนแนะนำให้ใช้ช้อนและแปรงสำหรับเกลี่ยซอสที่แจกให้กับทุกคน เพื่อจัดการเกลี่ยไส้ตอร์ติญ่า กระจายรสชาติความอร่อยของไส้ไปทั่วแป้งห่อตอร์ติญ่าก่อน การทำโรลซอส ทุกคนสามารถผสมผสานส่วนผสมได้ตามชอบใจ อยากเพิ่มซอสมะเขือเทศหรือมายองเนส หรือใส่อย่างอื่นก็สามารถเป็นไปได้ตามชอบใจ สัดส่วนสิ่งที่นำมาผสมเป็นซอสจะกำหนดสีซอสให้ต่างออกไปด้วย อาจได้เป็นสีแดง สีชมพู หรือสีอื่น ๆ

ห้องเรียนพ่อแม่ WORKSHOP มื้อเช้าทำง่าย ลูกได้สารอาหารครบ โดย เชฟ ติ๊ตูน

เชฟติ๊ตูนได้เสนอมุมมองความคิดกับเด็ก ๆ ว่าการทำอาหารเป็นศิลปะและการฝึกฝนจะทำให้ชำนาญ ทำออกมาได้อร่อย เมื่อเด็ก ๆ เข้าใจการใช้ตะเกียบสำหรับเด็กที่เชฟติ๊ตูนมอบให้ เป็นตะเกียบแบบมีตัวล็อกแล้ว กระบวนการถัดไปจะต้องเป็นการเรียงผักและวัตถุดิบอื่น ๆ เชฟได้สอนวิธีการจัดเรียงผักโดยพยายามวางไว้ตรงกลางส่วนล่างของตอร์ติญ่า และให้เหลือพื้นที่ด้านซ้ายและด้านขวาสำหรับการพับแผ่นแป้งตอร์ติญ่า ส่วนการใส่ไข่ เบคอน และชีสในตอร์ติญ่า เชฟเตือนว่าไม่ควรใส่มากเกินไป เพื่อไม่ทำให้แป้งตอร์ติญ่าเคลื่อนหลุดหลังม้วนห่อแล้ว 

เพื่อให้ไส้อยู่ภายในและไม่หลุดออกขณะที่เด็ก ๆ กำลังทาน วิธีของเชฟที่แนะนำและสาธิตคือการจับปลายแป้งแล้วทำการม้วนเข้าไป จากนั้นกดให้แน่นพร้อมกับเลื่อนไส้เข้าหาตัวแป้งและกดให้แน่น เมื่อม้วนต่อไปแล้วและตอร์ติญ่าเริ่มจะแน่นขึ้น ให้ทำการพับและจับให้แน่นในขณะเดียวกัน จนกว่าตอร์ติญ่าจะเป็นม้วนแป้งสมบูรณ์และตัวม้วนตึงแน่น

กิจกรรมนี้และเมนูที่เลือกมา ผู้ปกครองและเด็กๆ ได้แสดงความคิดเห็นว่าพวกเขาสนุกมาก การทำอาหารอาจถูกมองว่าเป็นงานที่น่าเบื่อก็ได้ แต่ด้วยคำแนะนำของเชฟติ๊ตูน ทำให้ได้รับประสบการณ์ที่สนุกและทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปพร้อมกันได้ และผักสดที่ถูกยกมาเป็นวัตถุดิบหลักทำไส้ ไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการเท่านั้น แต่ในกิจกรรมนี้ยังช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์แก่เด็ก ๆ

การมีส่วนร่วมของเด็ก ๆ ในกระบวนการทำตอร์ติญ่า เมนูอย่างง่ายสำหรับมื้ออาหารเช้านี้ น่าจะส่งเสริมให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะลิ้มลองอาหารใหม่ ๆ และพัฒนาความรักในการทำอาหารและกินอาหารที่มีผักมากขึ้นด้วย

อาหารเช้า

เชฟมีของรางวัลสำหรับเด็ก ๆ ที่ม้วนผักได้สวยงามและม้วนแป้งเป็นโรลแน่นในตอนท้าย เป็นชุดตะเกียบสำหรับเด็กและถุงลายน่ารัก โดยตัวถุงไม่ใช่ถุงพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง สามารถใช้ซ้ำได้ เป็นโอกาสสำหรับผู้ปกครองในการสอนสอดแทรกเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการส่งเสริมความยั่งยืนในการใช้งานสิ่งของต่าง ๆ ให้กับบุตรหลาน

เวิร์คช็อปจบลงด้วยการถ่ายรูปหมู่ กิจกรรมนี้โดยรวมสร้างความสนุกสนานและเสริมสร้างความรู้สำหรับทั้งผู้ปกครองและเด็ก ๆ ในการทำอาหาร และขณะที่เรียนรู้และทำอาหารไปพร้อมกัน ยังเป็นช่วงเวลาให้สมาชิกครอบครัวได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและกันด้วย

 

สรุปสูตร ตอร์ติญ่าโรล

ส่วนผสม:

  • แผ่นแป้งตอร์ติญ่า
  • ผักสดต่าง ๆ ตามต้องการ
  • ไข่
  • เบคอน
  • ชีส

ส่วนผสมสามารถเลือกได้ตามความชอบใจ อาจปรับเปลี่ยนจากนี้ก็ได้

ขั้นตอน:

  1. ตัดผักเป็นชิ้นเล็ก ๆ
  2. ผสมมายองเนสและซอสมะเขือเทศทำซอส
  3. นำซอสมาทาที่แผ่นแป้งตอร์ติญ่า
  4. นำผักมาจัดวางบนแผ่นแป้งตอร์ติญ่า นำไข่ เบคอนและชีสที่หั่นใส่ลงไป
  5. ม้วนแผ่นแป้งตอร์ติญ่าให้แน่นพอควร โดยคอยพับแผ่นแป้งเป็นชั้นและกดผักเข้ากับม้วนแป้งให้แน่นขณะม้วน

เคล็ดลับและเทคนิค:

  • คุณสามารถใช้ผักสดใดก็ได้ตามชอบใจ แต่ควรเลือกผักที่มีรสชาติไม่ขมเพื่อให้เหมาะสำหรับเด็ก
  • วิธีการจัดเรียงผัก พยายามวางไว้ตรงกลางส่วนล่างของตอร์ติญ่า และให้เหลือพื้นที่ด้านซ้ายและด้านขวาสำหรับการพับแผ่นแป้งตอร์ติญ่า
  • ม้วนแผ่นแป้งตอร์ติญ่าให้แน่นพอควรเพื่อป้องกันไม่ให้ไส้ด้านในหลุดออกมาเลอะเทอะขณะรับประทาน
  • เพิ่มชีสได้ตามชอบ แต่ระวังอย่าให้มากเกินไปเพราะอาจทำให้การม้วนแผ่นตอร์ติญ่ายากขึ้น

เมนูอาหารเช้า

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

เมนู อาหารเช้า มื้อสำคัญของลูกน้อย ทำง่าย อร่อยด้วย

10 ไอเดียสร้างสรรค์ ชวนลูกทำ “อาหารเช้า” รูปแบบแฟนซี

7 เมนู “อาหารเช้าสำหรับเด็ก” ในวัยเรียน สูตรทำง่ายครบ 5 หมู่

เติมพลังสมองให้ลูกน้อยกับ อาหารเช้า ภาษาอังกฤษ ง่ายๆ จำได้แม่น

แจก 6 สูตรเมนู “อาหารเช้า” ดีต่อสมองให้ลูกน้อยพร้อมเรียนรู้ (มีคลิป)

เครื่องสำอางกันน้ำ เล่นน้ำสงกรานต์ได้ ไม่มีหลุด

เครื่องสำอางกันน้ำ เล่นน้ำสงกรานต์ได้ ไม่มีหลุด

Alternative Textaccount_circle
event
เครื่องสำอางกันน้ำ เล่นน้ำสงกรานต์ได้ ไม่มีหลุด
เครื่องสำอางกันน้ำ เล่นน้ำสงกรานต์ได้ ไม่มีหลุด

เครื่องสำอางกันน้ำ เป็นไอเทมยอดฮิตที่สาว ๆ ทุกคนต้องมี เพื่อเตรียมพร้อมรับเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง สงกรานต์ทั้งทีได้มาเล่นน้ำหน้าสาวต้องสวยเป๊ะ ซึ่งสาว ๆ ถ้าอยากเปียกแล้วยังปัง ก็สามารถสวยสดใส All Day All Night ได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำแบบสบาย ๆ ไร้กังวล เพราะทุกปัญหาที่เคยเจอไม่ว่าจะเรื่องเมคอัพละลายหายไปกับน้ำ รองพื้นหลุดเยิ้ม คิ้วลบเลือน อายไลเนอร์ไหลลงแก้ม มาสคาร่าเลอะทำตาดำเป็นแพนด้า หน้าสดไม่ใส ปากสีซีดจาง ทุกปัญหาเหล่านี้จะหมดไปทันทีเมื่อสาว ๆ เลือกใช้เครื่องสำอางที่เป็นสูตรกันน้ำโดยเฉพาะ ซึ่งนอกจากใช้แต่งหน้าเล่นน้ำสงกรานต์แล้ว ยังสามารถใช้แต่งหน้าเวลาไปเล่นน้ำทะเล ลงสระว่ายน้ำ เข้าฟิตเนส วิ่งมาราธอน ออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือใช้สำหรับแต่งหน้าในฤดูฝนได้อีกด้วย    

เครื่องสำอางกันน้ำ เล่นน้ำสงกรานต์ได้ ไม่มีหลุด

เครื่องสำอางกันน้ำ เล่นน้ำสงกรานต์ได้ ไม่มีหลุด

คำศัพท์ที่พบบ่อยสำหรับเครื่องสำอางกันน้ำ

เพราะสาว ๆ ต้องสวยสู้น้ำรับสงกรานต์ การเลือกใช้เครื่องสำอางที่มีให้เลือกมากมาย หลายแบบ หลายรุ่น หลายแบรนด์ จึงต้องสังเกตหาคำเหล่านี้บนฉลากหรือผลิตภัณฑ์ จะได้มั่นใจว่าเลือกได้ถูกชนิด ตรงกับความต้องการในการใช้งานจริง ๆ โดยคำศัพท์ที่พบบ่อย คือ

  • กันน้ำ หรือ Waterproof คำนี้สำคัญมาก เครื่องสำอางที่กันน้ำทุกตัวเหมาะแต่งหน้าเล่นน้ำสงกรานต์ต้องมีคำนี้ ถ้าไม่มีคำนี้คือสวยละลาย หายไปกับน้ำที่สาดมาหมดเลย
  • กันเหงื่อ หรือ Sweatproof คำนี้จะพบตามหลังต่อจากกันน้ำ มักเจอคู่กัน เพราะเหงื่อก็มีส่วนประกอบของน้ำ ถ้ากันน้ำได้ ก็จะกันเหงื่อได้ตามกันไปด้วย บางผลิตภัณฑ์ใช้คำว่ากันเหงื่อ ซึ่งก็คือสามารถกันน้ำได้ด้วย
  • ทนน้ำ หรือ Water resistant คำนี้ถ้าเจอ ให้เลี่ยงไม่เลือกใช้ เพราะไม่เหมาะกับสงกรานต์ คำนี้มักพบในเครื่องสำอางที่ทนน้ำแบบเบา ๆ เช่น ละอองน้ำ ไอน้ำจากหมอกหรือพัดลมไอน้ำ เหมาะใช้เป็นเครื่องสำอางที่แต่งไปนั่งดูคนอื่นเล่นน้ำ เพราะถ้าเจอน้ำสาดแบบเล่นสงกรานต์มักไม่รอด เหลือติดหน้านิดหน่อยพอให้รู้ว่าเคยใช้เครื่องสำอาง
  • กันหลุดเลือน หรือ Transfer proof คำนี้ใช้มากกับลิปสติก ที่มีคุณสมบัติทาแล้วจูบไม่หลุด สีไม่ซีด ไม่ติดหน้ากากอนามัย กินข้าวดื่มน้ำดูดชาไข่มุกสีปากยังสวยไม่ซีดจาง
  • ติดทนนาน หรือ Long Wearing คำนี้มักใช้กับเครื่องสำอางประเภท รองพื้น แป้งพัฟฟ์ แป้งผสมรองพื้น และที่ปัดแก้ม โดยระบุว่า ติดทนนาน 24 ชั่วโมง หรือ 24-hour wear, ติดทนนาน 16 ชั่วโมง หรือ 16-hour wear, ติดทนนาน 8 ชั่วโมง หรือ 8-hour wear ซึ่งเวลาที่ติดทนนานมากน้อย เป็นไปตามคุณสมบัติของแต่ละแบรนด์ตามผลที่ทดสอบมาแล้ว

ประเภทของเครื่องสำอางกันน้ำ ที่สาว ๆ จำเป็นต้องมี

มองหาเครื่องสำอางกันน้ำมาใช้ทั้งที คนจะสวยต้องครบทั้งหน้า แก้ม ตา ปาก ซึ่งส่วนใหญ่ไอเทมที่สาว ๆ เลือกใช้ ก่อนออกไปเล่นน้ำสงกรานต์ได้อย่างมั่นใจ จะต้องระบุว่า “กันน้ำ” หรือ “Waterproof” อยู่บนฉลากหรือผลิตภัณฑ์ โดยเครื่องสำอางหลายชิ้นที่สาว ๆ ควรมี ถึงจะพร้อมเล่นน้ำสงกรานต์นั้น มีดังนี้

  • รองพื้น (Foundation) ช่วยให้ผิวเรียบเนียน สร้างสีผิวให้สม่ำเสมอ อำพรางข้อบกพร่องบนใบหน้า สาว ๆ ควรเลือกรองพื้นให้เหมาะกับสภาพผิว สีผิว และที่สำคัญมาก คือ ต้องระบุว่ากันน้ำ (Waterproof) เพราะรองพื้นคือพื้นฐานของใบหน้า เจอน้ำสาดมาสาวหันหน้ารับ รองพื้นไม่หลุดแน่นอนถ้ามีคำนี้  
  • ดินสอเขียนคิ้ว (Eyebrow Pencil) เลือกที่เขียนง่าย เกลี่ยง่าย เสกคิ้วสวยให้ดูเป็นธรรมชาติ ต้องมีคุณสมบัติกันเหงื่อกันน้ำได้ดี คิ้วจะได้ไม่แหว่งไม่หายระหว่างเล่นน้ำทั้งวัน
  • ที่เขียนเส้นขอบตา หรือ อายไลเนอร์ (Eyeliner) เลือกชนิดที่กันน้ำกันเหงื่อ แห้งไว เขียนง่าย เส้นคม ติดทน เพื่อช่วยเสริมให้ดวงตาดูโดดเด่น ต้องไม่เยิ้มหลุดหรือไหลเลอะเทอะเมื่อเปียกน้ำระหว่างวัน
  • ที่ปัดขนตา หรือ มาสคาร่า (Mascara) ไอเทมสำคัญมากสำหรับปัดขนตา ถ้าเลือกผิดไม่กันน้ำชีวิตเปลี่ยนจากสาวสวยเป็นแพนด้าได้ทันทีเมื่อโดนน้ำ ให้เลือกชนิดที่กันน้ำกันเหงื่อ ปัดแล้วไม่จับตัวเป็นก้อน เคลือบได้เนียนไปกับขนตา ช่วยทำให้ดวงตาสดใสมีเสน่ห์น่ามอง
  • ที่ทาบนเปลือกตา หรือ อายแชโดว์ (Eye shadow) ช่วยสร้างสีสันบนเปลือกตาให้ดูโดดเด่น เลือกให้เข้ากับสีผิวและมีคุณสมบัติติดทน เกลี่ยทาได้ง่าย กันน้ำกันเหงื่อ
  • แป้งพัฟฟ์ (Face Powder) แป้งผสมรองพื้น (Foundation Powder) ทำให้ผิวเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ เลือกที่เหมาะกับสภาพผิว สีผิว มีคุณสมบัติกันน้ำกันเหงื่อและติดทน
  • ที่ปัดแก้ม หรือ บรัชออน (Blush on) เลือกที่เกลี่ยหรือปัดง่าย ใช้แล้วไม่เป็นคราบบนแก้ม เข้ากับสีผิว กันน้ำ ติดทนนาน
  • ลิปสติก (Lipstick) ใช้สำหรับทาปาก ช่วยเพิ่มสีสันบริเวณริมฝีปากให้ดูสดใส เลือกที่ติดแน่น ทาง่าย กันน้ำ กินหรือดื่มอะไรก็ไม่หลุดออกจากริมฝีปาก ทาแล้วไม่ตกร่องริมฝีปาก หรือทาแล้วไม่ดูปากแห้งเหมือนขาดน้ำ

แนะนำ 10 เครื่องสำอางกันน้ำ เล่นน้ำสงกรานต์ได้ ไม่มีหลุด

  1. Maybelline New York (เมย์เบลลีน นิวยอร์ก)

แบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำระดับโลกที่มีเครื่องสำอางหลากหลายชนิด หาซื้อง่าย ราคาสบายกระเป๋า เรียกย่อ ๆ ในหมู่สาว ๆ ว่าแบรนด์ “พี่เมย์” เป็นแบรนด์ที่มีการดูแลและให้คำปรึกษาลูกค้าที่ซื้อเครื่องสำอางหลากหลายช่องทาง ถ้าจะเล่นน้ำสงกรานต์เครื่องสำอางไม่หลุด สนุกได้ทั้งวัน แบรนด์นี้มีเครื่องสำอางกันน้ำที่ขอแนะนำว่าดีมาก ดังนี้

  • รองพื้น รุ่น Super Stay Active Wear Foundation รองพื้นสุดทน 30 ชั่วโมง ให้ผิวเนียนกริบเหมือนเกิดใหม่ แต่สัมผัสบางเบาดุจอากาศ กันน้ำ กันเหงื่อ ติดทนแม้ใส่แมสก์ มี 6 เฉดสี เหมาะกับผิวคนไทย ไม่อุดตันรูขุมขน
  • แป้งพัฟฟ์ ผสมรองพื้น รุ่น Superstay Full Coverage Powder 24 H เนียนละเอียดปกปิดสูง กันน้ำ กันเหงื่อ ติดทนนาน 24 ชั่วโมง
  • อายไลเนอร์ รุ่น Tattoo Liner 48 H Liquid Pen เส้นคมกริบ ดำสนิท ให้ดวงตาดูโฉบเฉี่ยวตลอดวัน กันน้ำ ทนเหงื่อ ทนได้ทุกสภาพอากาศนาน 48 ชั่วโมง
  • มาสคาร่า รุ่น  Sky High ปัดครั้งเดียวขนตาพุ่งงอนสวย พร้อมเพิ่มวอลลุ่มให้ขนตาแลดูหนาขึ้น กันน้ำ ติดทน All day All night 24 ชั่วโมง และ
  • ลิปสติกติดทน MAYBELLINE SUPERSTAY VINYL INK ใช้แล้วปังทุกสีผิว แค่ทาก็ว้าว ไม่หลุด ติดทนสุด 16 ชั่วโมง

เว็บไซต์อ้างอิง 1: https://www.facebook.com/maybellinethailand/?locale=th_TH

เว็บไซต์อ้างอิง 2: https://www.maybelline.co.th/

เครื่องสำอางกันน้ำ เล่นน้ำสงกรานต์ได้ ไม่มีหลุด

อ้างอิงรูปภาพ: www.facebook.com/maybellinethailand/photos/a.128590466032/10159608153931033/?locale=th_TH

 

  1. L’Oréal Paris (ลอรีอัล ปารีส)

แบรนด์นี้มักโดดเด่นกว่าคู่แข่งด้วยการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง มีความสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และความต้องการที่ทันสมัยของสาว ๆ โดยในส่วนของเครื่องสำอางกันน้ำ แบรนด์ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ให้เลือกใช้กับทั้งหน้า-ตา-ปาก ให้สาว ๆ สวยสนุกสู้น้ำ แนะนำว่าต้องมี ดังนี้

  • รองพื้น รุ่น L’Oréal Paris Infallible 24H. Matte Cover ปกปิดปานกลาง-มาก เนียนสนิทไม่อุดตันรูขุมขน กลืนไปกับผิว กันน้ำ กันเหงื่อ ทนความชื้นและความร้อน ใช้ได้กับทุกสภาพผิว แม้ผิวแพ้ง่าย
  • อายไลเนอร์ รุ่น L’Oréal Paris Flash Cat Eye By Superliner ปากกาหัวแปรงเรียวเล็กควบคุมง่าย เขียนได้ชิดเส้นขอบตา ไม่แพนด้า
  • มาสคาร่า รุ่น L’Oréal Paris Lash Paradise Mascara Waterproof Formula สูตรกันน้ำ ปัดแล้วขนตาเด้ง นุ่ม เบา
  • ลิปสติก รุ่น L’Oréal Rouge Signature Matte Lip Ink เป็นลิปแมทเนื้อน้ำ ติดทนทั้งวัน มีให้เลือก 30 เฉดสี

เว็บไซต์อ้างอิง 1: https://www.facebook.com/lorealparisthailand/?locale=th_TH

เว็บไซต์อ้างอิง 2: https://www.loreal-paris.co.th/

เครื่องสำอางกันน้ำ เล่นน้ำสงกรานต์ได้ ไม่มีหลุด

อ้างอิงรูปภาพ: www.loreal-paris.co.th/super-liner/flash-cat-eye-by-superliner/flash-cat-eye-by-superliner

 

  1. M·A·C (แมค)

แบรนด์ดังคุณภาพในดวงใจของคนรักการแต่งหน้า เด่นเรื่องผลิตภัณฑ์หลากหลายมีให้เลือกเยอะมาก ใช้แล้วเป๊ะ ล็อกเมคอัพให้หน้าสวยทั้งวัน โดยในส่วนของเครื่องสำอางกันน้ำมีให้ครบจบที่เดียวสำหรับหน้า-คิ้ว-ตา-แก้ม-ปาก ไม่ต้องเสียเวลาไปหาจากที่อื่นอีก แนะนำควรมีทุกชิ้น ดังนี้

  • รองพื้น M·A·C Studio Fix Every-Wear All-Over Face Pen เป็นรองพื้นและคอลซีลเลอร์ในชิ้นเดียว ช่วยอำพรางรอยคล้ำใต้ตา ปกปิดรอยแดง และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ทนน้ำ ไม่เป็นคราบ ติดทนถึง 36 ชั่วโมง
  • แป้งผสมรองพื้น Studio Fix Powder Plus Foundation ติดทนนาน 12 ชั่วโมง ช่วยอำพรางรูขุมขน ลดเลือนความมัน ไม่แห้งตึง เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว เรียบเนียน
  • ดินสอเขียนคิ้ว Eye Brows Styler สูตรกันน้ำและมาพร้อมกับแปรงปัดคิ้วหัวแปรงแบบเกลียวในตัว ให้เส้นขนคิ้วดูสวยชัดทุกครั้งที่ใช้
  • อายไลน์เนอร์ M·A·C Liquidlast 24-Hour Waterproof Liner เนื้อเข้มข้น เส้นคมชัดติดทนนาน ไม่ไหลเยิ้มลงแก้มแน่นอน
  • มาสคาร่า M·A·Cstack Waterproof Mascara กันน้ำ ช่วยยกขนตาให้งอนเด้ง และยืดความยาวได้ตั้งแต่โคนจรดปลายทุกครั้งที่ปัด
  • บลัชออน MAC รุ่น Glow Play Blush ตัวนี้แนะนำเลยว่าต้องมี สาว ๆ เรียก “บลัชออนเนื้อโมจิ” เนื้อสัมผัสคล้ายดินน้ำมัน สีชัด ติดทน ใช้ง่าย ใช้นิ้วเกลี่ย ๆ ทาได้เลยย ไม่เป็นคราบ แนะนำสี Blush และสี Please สาวผิวขาวหรือผิวสองสีก็ทาสวย สีละมุนแบบแก้มมีเลือดฝาด
  • ลิปสติก M·A·C Locked Kiss Ink 24hr Lipcolour เป็นลิปแบบจิ้มจุ่มติดทนยาวนานตลอด 24 ชั่วโมง กันน้ำ เนื้อเบาทาแล้วสบายริมฝีปาก ไม่ลอก ไม่หลุดระหว่างวัน ไม่ตกร่อง  

เว็บไซต์อ้างอิง: https://www.facebook.com/maccosmeticsth/

แต่งหน้าสงกรานต์

อ้างอิงรูปภาพ: www.facebook.com/maccosmeticsth/photos/pcb.3233527090271888/3233460550278542

 

  1. Revlon (เรฟลอน)

แบรนด์นี้ยืนหนึ่งเรื่องความสวย ผลิตภัณฑ์หลายตัวเป็นไอเทมระดับตำนานที่ครองใจสาวไทย หาซื้อง่าย ราคาน่ารัก มีให้เลือกเยอะ ในส่วนของเครื่องสำอางกันน้ำ (สาด) ที่เด่น ๆ แนะนำว่าควรมีเพราะยืนหนึ่งเรื่องติดแน่นติดทน โดยจะมีในส่วนของเครื่องสำอางสำหรับหน้า-คิ้ว-ตา ดังนี้

  • รองพื้น Revlon ColorStay 24 Hour Makeup ให้การปกปิดแบบ Full Coverage ติดทนนานตลอดทั้งวัน มี 7 เฉดสีให้เลือกเข้ากับสีผิวสาวไทย
  • ดินสอเขียนคิ้ว Revlon ColorStay Micro Brow Pencil กันน้ำ กันเหงื่อ ติดทนนานถึง 16 ชั่วโมง
  • อายไลน์เนอร์ Revlon ColorStay Liquid Eye Liner Pen สูตรกันน้ำ ติดทนนานทั้งวัน เส้นสวยคมชัด เขียนง่าย
  • มาสคาร่า Revlon Big Brush Mascara สูตรกันน้ำ ติดทนยาวนาน ปัดแล้วทำให้ขนตาดูหนา แน่น เต็ม

เว็บไซต์อ้างอิง: https://www.facebook.com/RevlonThailandOfficial/?locale=th_TH

แต่งหน้าสงกรานต์

อ้างอิงรูปภาพ: www.facebook.com/RevlonThailandOfficial/photos/a.1647462012162806/3593874247521563?locale=th_TH

 

  1. Srichand (ศรีจันทร์)

แบรนด์ของคนไทยที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 70 ปี ใส่ใจผลิตเครื่องสำอางเพื่อผิวที่อ่อนเยาว์และมีสุขภาพผิวที่ดี โด่งดังจนมีจำหน่ายในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก โดยในส่วนของเครื่องสำอางกันน้ำถึงจะมีเฉพาะรองพื้นและแป้งผสมรองพื้น แต่คุณภาพถือว่าจัดเต็มเพราะมีความสามารถในการปกป้องผิวจากแสงแดด ป้องกันอันตรายจากรังสี UVA และ UVB ได้ในระดับที่สูงมาก ซึ่งเหมาะมากกับสาวไทย แนะนำว่าถ้าใครอยากได้รองพื้นพร้อมกันแดดในตัว หรือแป้งผสมรองพื้นพร้อมกันแดด ให้เลือกใช้ได้ตามนี้เลย เหมาะมากจริง ๆ

  • รองพื้น SRICHAND Super Coverage Foundation SPF50 PA++++ รองพื้นผสมสารป้องกันแสงแดด มอบผิวเนียน ช่วยปกปิดระดับปานกลางถึงสูง อำพรางรูขุมขนด้วย Airy Ball Blurring Technology ควบคุมความมัน กันน้ำ กันเหงื่อ และติดทนตลอดวัน
  • แป้งผสมรองพื้น SRICHAND Super Coverage Foundation Powder SPF35 PA++++ เรียกว่าแป้งสร้างผิว ติดทน กันน้ำ กันเหงื่อ กลบสิวและรอยแดง ผิวดูเนียนตลอดวัน

เว็บไซต์อ้างอิง 1: https://www.facebook.com/srichand1948/?locale=th_TH

เว็บไซต์อ้างอิง 2: https://srichand.co.th/th

แต่งหน้าสงกรานต์

อ้างอิงรูปภาพ: https://www.facebook.com/srichand1948/photos/pcb.10161022251064769/10161022242304769?locale=th_TH

 

อ่านต่อ.. เครื่องสำอางกันน้ำ เล่นน้ำสงกรานต์ได้ ไม่มีหลุด ..ได้ที่หน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Workshop สอนลูกปลูกต้นไม้ แบบง่าย ๆ ด้วยตัวเองโดยครูปิ๋ม Little Tree

Workshop สอนลูกปลูกต้นไม้ แบบง่าย ๆ ด้วยตัวเอง โดยครูปิ๋ม Little Tree

Alternative Textaccount_circle
event
Workshop สอนลูกปลูกต้นไม้ แบบง่าย ๆ ด้วยตัวเองโดยครูปิ๋ม Little Tree
Workshop สอนลูกปลูกต้นไม้ แบบง่าย ๆ ด้วยตัวเองโดยครูปิ๋ม Little Tree

ในกิจกรรมปลูกต้นไม้งาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 24 จัดขึ้น ณ ศูนย์จัดแสดงสินค้าไบเทคบางนา วันพฤหัสบดีที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2566 เด็ก ๆ และพ่อแม่ได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับการปลูกต้นไม้และวิธีดูแลเมื่อต้นไม้เติบโต การอบรมเชิงปฏิบัติการเป็นเครื่องมือที่ช่วยสอนทักษะและประสบการณ์ให้กับเด็ก ๆ โดยเป้าหมายของกิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่เพื่อให้เด็ก ๆ สนุกและมีส่วนร่วม แต่ยังเน้นไปที่การสอนทักษะอันมีค่าที่เด็ก ๆ สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริง มาดู Workshop สอนลูกปลูกต้นไม้ แบบง่าย ๆ ด้วยตัวเอง โดย ครูปิ๋ม Little Tree กันค่ะ

Workshop สอนลูกปลูกต้นไม้ แบบง่าย ๆ ด้วยตัวเอง โดยครูปิ๋ม Little Tree

Workshop สอนลูกปลูกต้นไม้ แบบง่าย ๆ ด้วยตัวเองโดยครูปิ๋ม Little Tree

การอบรมเชิงปฏิบัติการโดย ครูปิ๋ม เจ้าของเพจ Little Tree

ครูปิ๋มผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกต้นไม้ได้สอนเทคนิคการปลูกต้นไม้และวิธีดูแลต้นไม้ให้กับเด็ก ๆ โดยเน้นความสำคัญของการดูแลต้นไม้ และการใช้ความพยายามและความอดทนในการดูแลต้นไม้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้รับการสอนเกี่ยวกับพืชชนิดต่าง ๆ และความต้องการเฉพาะของผัก ดอกไม้ และไม้ผล ได้รู้จักพันธุ์ไม้ต่าง ๆ และลักษณะเฉพาะของต้นไม้ เช่น ดอกอัญชัน ดอกดาวเรือง และอื่น ๆ โดยครูได้อธิบายประโยชน์ของพืชแต่ละชนิดและการนำไปใช้ประโยชน์ในลักษณะต่าง ๆ เช่น ชงชา ย้อมผ้า และใช้ในสลัด

เวิร์กช็อปที่จัดขึ้นยังแฝงประโยชน์ต่าง ๆ แก่พ่อแม่ ทั้งลำดับการสอนเด็ก ๆ ในการปลูกต้นไม้ หรือการให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการปลูกต้นไม้ที่บ้าน ตัวกิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างความรู้และเพิ่มความสามารถให้กับเด็ก ๆ เท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความรับผิดชอบของคุณพ่อคุณแม่ในการส่งเสริมให้ลูกอยู่กับธรรมชาติและอนุรักษ์พัฒนาสภาพแวดล้อมไปพร้อมกันอีกด้วย

ระหว่างการทำกิจกรรม ผู้ปกครองและเด็ก ๆ ได้รับอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการปลูกต้นไม้ นอกจากนี้ยังได้เข้าใจวิธีการดูแลต้นไม้หลังจากปลูกเสร็จแล้ว และได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดูแลต้นไม้ให้เติบโตอย่างเหมาะสม เป็นการเรียนรู้วิธีการดูแลต้นไม้อย่างมีคุณภาพ เด็ก ๆ ได้เรียนรู้วิธีการดูแลต้นไม้ในสภาพแวดล้อมที่ตนอยู่เพื่อใช้ความรู้เลี้ยงดูต้นไม้ที่สนใจในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ

Workshop สอนลูกปลูกต้นไม้ แบบง่าย ๆ ด้วยตัวเอง โดยครูปิ๋ม Little Tree

กิจกรรมนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเด็ก ๆ ที่จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญของดิน น้ำ และแสงแดดต่อการเจริญเติบโตของต้นไม้

ตัวกิจกรรมไม่ใช่แค่การปลูกต้นไม้เพียงอย่างเดียว เด็ก ๆ เรียนรู้ครอบคลุมเกี่ยวกับความสำคัญของการดูแลโลกของเราด้วย โดยผ่านกิจกรรมนี้ เด็ก ๆ ได้เข้าใจไปถึงประโยชน์ของต้นไม้ เช่น ให้อากาศบริสุทธิ์ ลดมลพิษ และป้องกันการพังทลายของหน้าดิน ได้ตระหนักในเบื้องต้นว่าต้นไม้มีบทบาทสำคัญในการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพในโลกของเรา

การเลือกพืชที่จะปลูกเป็นขั้นตอนสำคัญในการทำกิจกรรม โดยครูจะให้เด็ก ๆ มีส่วนร่วมในการเลือกพืชที่ต้องการจะปลูก พัฒนาเด็กในแง่ความรู้สึกเป็นเจ้าของต่อต้นไม้และสนับสนุนความตั้งใจที่จะดูแลต้นไม้ในระยะยาว ครูปิ๋มให้เด็ก ๆ ดูเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ต่าง ๆ เช่น ดอกดาวเรือง ดอกชบา ดอกอัญชัน แล้วกระตุ้นให้พวกเขาเลือกดอกไม้ที่ชอบที่สุด

เด็ก ๆ ได้รับคำแนะนำให้ดูแลต้นไม้ต่อไปอย่างแข็งขันแม้ว่าจะเลิกกิจกรรมกันไปแล้ว พวกเขาได้รับการเตือนว่าควรรดน้ำต้นไม้ทุกวัน และสำรวจต้นไม้ของตนเองเพื่อให้แน่ใจว่าต้นไม้มีแสงแดดและสารอาหารเพียงพอที่จะเติบโตอย่างเหมาะสม ครูปิ๋มได้เน้นการเรียนรู้ในช่วงท้ายไปที่การดูแลต้นไม้และการรดน้ำอย่างเต็มประสิทธิภาพ เด็ก ๆ รวมถึงผู้ปกครองได้รับการสอนให้จัดการกับต้นไม้อย่างระมัดระวังเพื่อให้ต้นไม้เติบโตได้อย่างสมบูรณ์  

บทเรียนสำคัญประการหนึ่งผ่านเวิร์คช็อปของครูปิ๋ม คือ งานปลูกต้นไม้และดอกไม้เป็นการรับผิดชอบต่อการเจริญเติบโตของต้นไม้และดอกไม้ในระยะยาวสำหรับเด็ก ๆ

ความสำคัญของกิจกรรม

กิจกรรมปลูกต้นไม้เป็นกิจกรรมสำคัญที่พ่อแม่สามารถสอนลูกได้อย่างเต็มที่ ไม่เพียงแต่ช่วยให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความรับผิดชอบต่อธรรมชาติอีกด้วย ในงาน Amarin Baby and Kids Fair ครั้งที่ 24 กิจกรรมปลูกต้นไม้เป็นโอกาสที่ดีที่ผู้ปกครองและเด็ก ๆ สามารถมาร่วมกันเรียนรู้ถึงความสำคัญของการปลูกต้นไม้ได้ 

กิจกรรมนี้เป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานและให้ความรู้ที่สร้างความประทับใจให้กับเด็ก ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของพวกเขาในอนาคต และการเข้าร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้ร่วมกันกับเด็กของผู้ปกครองยังเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็ก ๆ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและเรียนรู้การดูแลต้นไม้อย่างถูกต้องร่วมกัน

Workshop สอนลูกปลูกต้นไม้ แบบง่าย ๆ ด้วยตัวเอง โดยครูปิ๋ม Little Tree

สรุปประโยชน์สำคัญของกิจกรรม “ปลูกต้นไม้”

  • กิจกรรมปลูกต้นไม้สอนทักษะการปลูกและดูแลต้นไม้ให้กับเด็ก ๆ
  • เด็ก ๆ ได้รับการเรียนรู้เกี่ยวกับพืชชนิดต่างๆ และความต้องการของพืช
  • การปลูกต้นไม้เป็นประโยชน์ต่อดิน น้ำ และแสงแดด และสร้างประโยชน์ในการลดมลพิษและสนับสนุนระบบนิเวศ
  • กิจกรรมนี้เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็ก ๆ ในการเรียนรู้เกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
  • กิจกรรมนี้เป็นโอกาสที่ดีให้ผู้ปกครองและเด็ก ๆ มาร่วมกันเรียนรู้และเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว

วิธีการปลูกต้นไม้ตามแบบครูปิ๋ม

  1. เลือกพืชที่เหมาะสมกับพื้นที่แต่ละแห่ง
  2. ขุดหลุมที่ลึกและกว้างพอสำหรับรากพืช
  3. นำพืชออกจากภาชนะและคลายราก
  4. วางพืชลงในหลุมแล้วกลบรากด้วยดิน
  5. รดน้ำพืชเพื่อช่วยให้ตั้งตัวได้ในบ้านใหม่
  6. ป้องกันพืชจากสัตว์ สภาพอากาศ และอันตรายอื่น ๆ

โปรดอย่าลืมย้ำกับเด็ก ๆ ด้วยนะคะคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครอง การปลูกต้นไม้เป็นการดูแลและเฝ้าดูให้มันเติบโตเป็นต้นไม้ที่สวยงาม เด็ก ๆ ควรรดน้ำและดูแลต้นไม้ของพวกเขาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ต้นไม้เติบโตแข็งแรงและสร้างประโยชน์แก่โลกในระยะยาว

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ฝึกลูกเก่งอังกฤษแบบสนุก ลอง ชวนลูกปลูกต้นไม้ กันเถอะ

ผ้าอ้อมปลูกต้นไม้ สารพัดประโยชน์ผ้าอ้อมลูก

พาลูกเที่ยวดะ กับแม่ยุ้ย แม่ปุ้ม แม่จุ๊บ เจ้าของเพจผู้สร้างประสบการณ์ตามแบบฉบับ ABK Explorers Club

พาลูกเที่ยวดะ กับแม่ยุ้ย แม่ปุ้ม แม่จุ๊บ เจ้าของเพจผู้สร้างประสบการณ์ตามแบบฉบับ ABK Explorers Club

Alternative Textaccount_circle
event
พาลูกเที่ยวดะ กับแม่ยุ้ย แม่ปุ้ม แม่จุ๊บ เจ้าของเพจผู้สร้างประสบการณ์ตามแบบฉบับ ABK Explorers Club
พาลูกเที่ยวดะ กับแม่ยุ้ย แม่ปุ้ม แม่จุ๊บ เจ้าของเพจผู้สร้างประสบการณ์ตามแบบฉบับ ABK Explorers Club

การเลี้ยงลูกให้พัฒนาการได้อย่างเต็มศักยภาพเป็นเรื่องที่ผู้ปกครองต้องให้ความสำคัญ โดยการเดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ สามารถเป็นวิธีหนึ่งในการสร้างประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์และร่วมสนุกสนานกับลูก ๆ เช่น ไปเที่ยวสวนสนุก หรือไปเยี่ยมเพื่อน หรือไปเดินเล่นในธรรมชาติ การให้ลูกได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ กันจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางกาย จิต และสังคมของลูกในทุก ๆ ด้าน วันนี้ทีมกองบรรณาธิการจึงอยากชวนทุกคนไปร่วมฟังเสวนากับเพจ พาลูกเที่ยวดะ ของแม่ยุ้ย แม่ปุ้ม แม่จุ๊บ เจ้าของเพจผู้สร้างประสบการณ์ตามแบบฉบับ ABK Explorers Club กันค่ะ

พาลูกเที่ยวดะ กับแม่ยุ้ย แม่ปุ้ม แม่จุ๊บ เจ้าของเพจผู้สร้างประสบการณ์ตามแบบฉบับ ABK Explorers Club

พาลูกเที่ยวดะ กับแม่ยุ้ย แม่ปุ้ม แม่จุ๊บ เจ้าของเพจผู้สร้างประสบการณ์ตามแบบฉบับ ABK Explorers Club

ประสบการณ์ของแม่ยุ้ย หนึ่งในเจ้าของเพจ  “พาลูกเที่ยวดะ”

แม่ยุ้ยเล่าในงาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 24 จัดขึ้นที่ศูนย์จัดแสดงสินค้าไบเทคบางนา วันพฤหัสบดีที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2566 ว่าการเดินทางกับลูกบ่อย ๆ จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูก รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาทางสังคมและอารมณ์ของลูก อีกทั้งการเดินทางยังสร้างโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตัวตนของลูก ช่วยส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการทางอารมณ์ สติปัญญาและทักษะต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ในอนาคต

การเดินทางหนึ่งที่น่าจดจำสำหรับแม่ยุ้ยคือการไปสมุทรสงครามกับลูก ๆ โดยไปดูนาเกลือ ทริปนั้นเป็นทริปสุดโปรดของเธอ แม่ยุ้ยเล่าไว้ว่า แม้วันเดินทางท่องเที่ยวด้วยกันจะอากาศร้อนแต่ลูก ๆ ก็สนุกกับการช้อนดอกเกลือและเรียนรู้การใช้ดอกเกลือ ทริปนี้เป็นทริปที่ลูก ๆ จดจำได้ดี และเธอมองว่ามีประสิทธิภาพในการพัฒนาการเรียนรู้และทักษะของลูก การเดินทางท่องเที่ยวแบบมีกิจกรรมเช่นนี้ช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และเปิดโอกาสในการเรียนรู้ของลูก ๆ ของแม่ยุ้ย

พาลูกเที่ยวดะ กับแม่ยุ้ย แม่ปุ้ม แม่จุ๊บ เจ้าของเพจผู้สร้างประสบการณ์ตามแบบฉบับ ABK Explorers Club

นอกจากนี้แม่ยุ้ยยังเน้นว่าพ่อแม่ไม่ควรเน้นเฉพาะกิจกรรมที่ลูกสนใจเท่านั้น แต่เมื่อจะเดินทางควรให้ลูกมีส่วนร่วมตั้งแต่การวางแผนการเดินทางและให้เลือกกิจกรรมที่ต้องการทำเองด้วยกัน เธอแนะนำให้หากิจกรรมที่เด็ก ๆ จะเพลิดเพลินและเรียนรู้จากการเดินทางมาเป็นตัวเลือกของพวกเขา และแม่ยุ้ยยังวางแผนทำหนังสือร่วมกับลูก ๆ หลังจบทริป เพื่อให้เด็กๆได้สะท้อนประสบการณ์และสร้างความทรงจำเพื่อกลับมาระลึกถึงอีกในอนาคต

นอกจากการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับเด็ก ๆ ผ่านการท่องเที่ยวแล้ว แม่ยุ้ยยังเน้นถึงความสำคัญของการไม่จำกัดการเติบโตด้านการเรียนรู้ของลูก โดยแนะนำให้ผู้ปกครองปล่อยให้ลูก ๆ สำรวจและลองสิ่งใหม่ๆ ด้วยตนเองเพราะจะช่วยในการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ และเพิ่มความมั่นใจของพวกเขา

การเดินทางไปจังหวัดน่านเป็นอีกทริปที่แม่ยุ้ยยกขึ้นมาพูดถึง จังหวัดน่านสามารถเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวที่ต้องการประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น สามารถพาลูก ๆ ไปสัมผัสวัฒนธรรมและมรดกของท้องถิ่น เช่น เยี่ยมชมการผลิตเครื่องปั้นดินเผาแบบดั้งเดิมหรือลิ้มลองไส้อั่วแสนอร่อย นอกจากนี้ กิจกรรมการจับปูใน อ. บ่อสวกยังเป็นไฮไลท์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้เด็กได้พัฒนาศักยภาพและเอาชนะความกลัวภายใต้คำแนะนำของชาวบ้านท้องถิ่นที่เชี่ยวชาญในการจับปูและพร้อมถ่ายทอดความรู้แก่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

พาลูกเที่ยวดะ กับแม่ยุ้ย แม่ปุ้ม แม่จุ๊บ เจ้าของเพจผู้สร้างประสบการณ์ตามแบบฉบับ ABK Explorers Club

ครอบครัวไปเที่ยวด้วยกันเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาทักษะและความสามารถของเด็ก ๆ พวกเด็ก ๆ ได้เผชิญกับสถานการณ์ใหม่ ๆ และการแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวัน ขณะที่การอยู่บ้านเฉย ๆ เด็ก ๆ จะอยู่ในสถานการณ์ที่คุ้นเคยและอาจไม่ได้ฝึกฝนทักษะการคิดวิเคราะห์และการวางแผนที่จะมีประโยชน์ต่อการตัดสินใจในอนาคตในชีวิตประจำวันของตนเอง ดังนั้น แม่ยุ้ยสนับสนุนการเดินทางของครอบครัว เพราะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีในการสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายและมีประโยชน์ ซึ่งนอกจากการพัฒนาทักษะทั้งกาย จิต และสังคมของเด็ก ยังช่วยสร้างความสุขในครอบครัวด้วย ผู้ปกครองได้เรียนรู้ความชอบหรือไม่ชอบของลูก รวมถึงเงื่อนไขที่ทำให้เขาชอบบางอย่างหรือไม่ชอบบางอย่าง

กิจกรรมบางอย่างที่ผู้ปกครองพาลูกทำได้ อาจดูไม่ค่อยมีประโยชน์หรือไม่ได้ให้ความรู้เป็นพิเศษ แต่ก็ยังสามารถให้โอกาสในการเรียนรู้และเติบโตให้กับเด็กๆ ได้อยู่ดี เช่น การเล่นตู้คีบตุ๊กตาในห้าง ผู้ปกครองสามารถปลูกฝังความรักในการเรียนรู้และความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ให้กับลูกๆ ด้วยการสอบถามและส่งเสริมการคิดเชิงวิพากษ์เกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขา เช่น ให้ลองหาเหตุผลที่คีบตุ๊กตาไม่ได้ วิธีการพูดคุยหาเหตุผลร่วมกันจะช่วยส่งเสริมพัฒนาความคิด

เกณฑ์การเลือกกิจกรรมที่ครอบครัวสามารถทำร่วมกันได้ แม่ยุ้ยแนะนำว่าไม่จำเป็นต้องเป็นกิจกรรมที่มีค่าใช้จ่ายสูง ครอบครัวมีทางเลือกอื่น ๆ อยู่ด้วย เช่น การเยี่ยมชมธรรมชาติใกล้บ้าน การเก็บตำลึงจากรั้วข้างบ้าน หรือการเล่นกีฬา ผู้ปกครองสามารถช่วยบุตรหลานพัฒนาทักษะและความรู้ที่สำคัญสำหรับอนาคตได้โดยการใช้ประโยชน์จากทุกโอกาสเพื่อการสำรวจและเรียนรู้

เรื่องสำคัญหนึ่งที่แม่ยุ้ยเน้นย้ำคือผู้ปกครองควรพิจารณาความสนใจและความต้องการของลูกไปพร้อมกับความเหมาะสมสำหรับช่วงวัยของเด็ก ๆ พร้อมกับแม่ยุ้ยได้ฝากถึงคุณพ่อคุณแม่ว่าเด็กๆ โตเร็ว การเดินทางกับลูก ๆ จะเป็นการสร้างประสบการณ์ที่เด็ก ๆ จะจดจำไปตลอดชีวิตก่อนที่พวกเขาอาจจะเริ่มแยกตัวมีโลกส่วนตัวมากขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น และก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่ การท่องเที่ยวกับครอบครัวจะเป็นรากฐานประสบการณ์ที่ส่งผลระยะยาวต่อชีวิตของเด็ก ๆ ในด้านการพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ รวมถึงการต่อยอดเรียนรู้ต่อไปในอนาคต

เพจพาลูกเที่ยวดะ

ประเด็นสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยความรักและเดินทางไปกับพวกเขา

  1. การพาลูกไปเที่ยวสามารถสร้างประสบการณ์และความทรงจำที่มีความหมายซึ่งเสริมสร้างความผูกพันระหว่างพ่อแม่และลูก
  2. ผู้ปกครองไม่ควรประเมินคุณค่าของประสบการณ์การเดินทางสำหรับเด็กเล็กต่ำเกินไป เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการในรูปแบบต่างๆ
  3. เมื่อเลือกจุดหมายปลายทางและกิจกรรมสำหรับการเดินทางของครอบครัว สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาว่าอะไรที่สนุกและน่าดึงดูดใจสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่
  4. การเดินทางเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเด็ก ๆ ในการเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและวัฒนธรรมต่าง ๆ และเพื่อพัฒนาความเป็นอิสระและทักษะการแก้ปัญหา
  5. พ่อแม่ควรพยายามยืดหยุ่นและเปิดใจในระหว่างการเดินทางของครอบครัว และเต็มใจที่จะปรับแผนหรือความคาดหวังตามความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนจะสบายใจและมีความสุข
  6. การเดินทางสามารถเป็นเครื่องมืออันมีค่าในการช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะชีวิตที่สำคัญ เช่น ความสามารถในการปรับตัว ความเห็นอกเห็นใจ และความยืดหยุ่น
  7. นอกจากการเดินทางกับลูก ๆ แล้ว พ่อแม่ยังสามารถปลูกฝังความรักในการผจญภัยและการสำรวจโดยกระตุ้นให้พวกเขาสำรวจสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นและทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ
  8. ท้ายที่สุดแล้ว เป้าหมายของการเดินทางกับเด็กควรเป็นการสร้างประสบการณ์เชิงบวกและน่าจดจำ ซึ่งช่วยกระชับสายสัมพันธ์ของครอบครัว และส่งเสริมความรักในการสำรวจและการเรียนรู้ตลอดชีวิต

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

บอกแหล่ง ที่เที่ยวปิดเทอม เปิดโลกกว้างจินตนาการนอกห้องเรียนเริ่มแล้ว!!

ที่พักภูเก็ต ทะเลอันดามัน แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก

วันหยุด 2566 ปฏิทินวันหยุดยาว วันหยุดราชการ เตรียมแพ็คกระเป๋าเที่ยว

ที่เที่ยวเชียงใหม่ ส่องพิกัดที่เช็คอินสุดฮิต ห้ามพลาด!!

10 ที่เที่ยวสำหรับเด็กในกรุงเทพ เพลิดเพลินวันหยุด สนุกทุกกิจกรรม

10 คาเฟ่สำหรับเด็ก เที่ยวเพลิน พักผ่อนได้ทั้งครอบครัว

ที่เที่ยวนครปฐม ต้องแวะ!ขอพรองค์พระปฐม ชื่นชมธรรมชาติ

คติสอนใจ การดำเนินชีวิต

คติสอนใจ การดําเนินชีวิต แง่คิดดีๆ สร้างแรงบันดาลใจ

Alternative Textaccount_circle
event
คติสอนใจ การดำเนินชีวิต
คติสอนใจ การดำเนินชีวิต

บางทีชีวิตก็ไม่ได้เป็นแบบที่เราคิด อาจมีอุปสรรค ขวากหนามเข้ามาบ้าง เราจึงจำเป็นต้องมีหลักยึดเตือนใจ คติสอนใจ การดําเนินชีวิต เพื่อให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีสติและมีความสุข

คติสอนใจ การดําเนินชีวิต แง่คิดดีๆ สร้างแรงบันดาลใจ

ชีวิตคนเรามีทั้งทุกข์และสุข ไม่มีใครที่เกิดมาจะพบเจอแต่ความสุข เป้าหมายและทางเดินทั้งหลายในชีวิตของเรา ล้วนแล้วแต่ไม่ได้ได้มาง่าย ๆ ระหว่างทางที่จะไปสู่เป้าหมาย เราอาจเจออุปสรรค ขวากหนามจนทำให้เราท้อ หมดหวังได้ เราจึงควรมีสิ่งที่คอยเตือนใจ คติธรรม คติสอนใจ การดำเนินชีวิต  เพื่อให้เรามุ่งมั่นทำแต่ในสิ่งที่ดีงาม ละเว้นสิ่งชั่วร้าย ดังนั้น คนที่มีคติธรรมประจำใจ คติสอนใจ จึงเสมือน มีแผนการดำเนินชีวิตที่ดี เหมือนเรามีธงชัย หรือเข็มทิศสำหรับเดินไป ทั้งนี้เพื่อ จะได้สงบจิตสงบใจ และมีสิ่งดี ๆ ภายในใจเรา เมื่อใจเราสงบ เย็น ไม่ร้อน นั้นแหละเราจะมี ความสุข เพราะความสุขที่เกิด จากใจนั้น เป็นความสุขที่ ละเอียดอ่อน

ทีมกองบรรณาธิการ ABK ขอรวบรวม คำคมชีวิต คติสอนใจ การดำเนินชีวิต มาฝากค่ะ อ่านแล้วหวังว่าคงจะได้แง่คิด และมีกำลังใจเพิ่มมากขึ้นนะคะ

คติสอนใจ การดําเนินชีวิต คำคมชีวิต จากคนดังทั่วโลก

คติสอนใจ
คติสอนใจ

ผู้ที่อยู่รอด ไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด หรือฉลาดที่สุด แต่ปรับตัวได้ดีที่สุดในทุกการเปลี่ยนแปลง – ชาลส์ ดาร์วิน –

ชีวิตมนุษย์ ที่แปลอย่างหนึ่งว่า ผู้มีจิตใจสูง คือ มีความรู้สูง ดังจะเห็นได้ว่าคนเรามีพื้นปัญญาสูง กว่าสัตว์ดิรัจฉานมากมาย สามารถรู้จักเปรียบเทียบในความดี ความชั่ว ความควรทำไม่ควรทำ รู้จักละอาย รู้จักเกรง รู้จักปรับปรุงสร้างสรรค์ที่เรียกว่าวัฒนธรรม อารยธรรม ศาสนา เป็นต้น แสดงว่ามีความดีที่ได้สั่งสมมา โดยเฉพาะปัญญาเป็นรัตนะ ส่องสว่างนำทางแห่งชีวิต ถึงดังนั้นก็ยังมีความมืดที่มากำบังจิตใจให้เห็นผิดเป็นชอบ ความมืดที่สำคัญนั่นก็คือ กิเลสในจิตใจและกรรมเก่าทั้งหลาย -คำสอนสมเด็จพระสังฆราช ที่ 1-

“ใช้ชีวิตราวกับว่าคุณจะตายพรุ่งนี้ . เรียนรู้ราวกับว่าคุณจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป.” – มหาตมา คานธี –

“การแก้แค้นที่ดีที่สุด” คือการประสบความสำเร็จให้มากกว่า – แฟรงก์ ซินาตรา (Frank Sinatra) –

“ความสำเร็จคือครูที่แย่มาก เพราะมันล่อลวงคนฉลาดให้คิดว่าพวกเขาไม่มีวันล้มเหลว.” – บิลล์ เกส์ –

กุหลาบ…ไม่มีทางเป็น..ทานตะวัน และทานตะวัน…ก็ไม่มีทางจะเป็น…กุหลาบ ผู้หญิงก็เช่นกัน จงเป็นตัวของตัวเอง     – มิแรนดา เคอร์ –

“เรียนรู้จากวันวาน ใช้ชีวิตอยู่ในวันนี้ มีความหวังกับวันพรุ่งนี้ สิ่งสำคัญคืออย่าหยุดตั้งคำถาม” -อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ –

“ความสำเร็จ” คือผลรวมของความพยายามเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำๆเป็นประจำทุกวัน – Robert Collier –

“ชีวิตวัยเรียนและชีวิตจริงแตกต่างกันตรงที่…ชีวิตวัยเรียน เราได้รับการสอนบทเรียนก่อนทำแบบทดสอบ แต่ในชีวิตจริงนั้น เราจะได้ทำแบบทดสอบที่จะสอนบทเรียนให้กับเรา.” -ทอม โบเด็ท- (นักเขียน, นักจัดรายการวิทยุ ชาวอเมริกัน)

“ไม่เริ่มต้นในวันนี้ จะไม่มีทางสำเร็จในวันพรุ่ง” -โยฮันน์ วูล์ฟกัง ฟอน เกอเต้- (นักเขียน นักปรัชญา นักสิทธิมนุยชน ชาวเยอรมัน)

คติสอนใจ การดำเนินชีวิต
คติสอนใจ การดำเนินชีวิต

คติสอนใจ การดำเนินชีวิต จากคนดังเหล่านี้ เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ ที่ได้ถูกถ่ายทอดออกมา เป็นตัวอักษร เป็นถ้อยคำอันทรงคุณค่าได้ถูกกลั่นกรองมาจากประสบการณ์จริง เพื่อช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่ได้อ่านและนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตอย่างมีสติกันนะคะ ต่อไปเรามาดู คติสอนใจ การดำเนินชีวิต ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง แถมยังสามารถนำไปโพสต์ลงโซเชียลเก๋ ๆ ได้อีกด้วยกันค่ะ

อ่านต่อ คติสอนใจ การดําเนินชีวิต แง่คิดดีๆ สร้างแรงบันดาลใจ หน้าที่ 2 คลิก

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้! ก่อนจะมาเป็นวัยรุ่นฟันน้ำนม

event

การดูแลสุขภาพปากและฟันของลูกน้อย เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มดูแลได้ตั้งแต่ฟันซี่แรก มาดูกันค่ะว่ากว่าที่ฟันน้ำนมจะขึ้นครบทุกซี่จนกลายไปเป็น วัยรุ่นฟันน้ำนม คุณพ่อคุณแม่จะดูแลอย่างไรให้สุขภาพปากและฟันสะอาดแข็งแรง

 

ฟันน้ำนมซี่แรกเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่กันนะ?

Info Graphic แสดงการขึ้นของฟันน้ำนม จะขึ้นเป็นคู่เรียงตามอายุ

ก่อนอื่นต้องมาทวนความเข้าใจ กับคุณพ่อคุณแม่เรื่องลำดับฟันน้ำนมที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ซี่แรกของลูกน้อย โดยซี่แรกจะเริ่มขึ้นจากฟันหน้าคู่ล่าง ในช่วง 6-7 เดือน และฟันหน้าคู่บนจะตามมาในอีกประมาณ 1 เดือน ฟันน้ำนมมีทั้งหมด 20 ซี่ โดยที่ลูกน้อยจะเติบโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่นฟันน้ำนมเต็มตัวก็ช่วงประมาณ 6 ขวบค่ะ หลังจากนั้นฟันแท้ก็จะเริ่มขึ้นแทนในอีก 1-2 ปีต่อมา ทั้งนี้ เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน ฟันซี่แรกของลูกน้อยอาจจะขึ้นช้าหรือเร็วกว่านี้ก็ได้ ไม่ต้องกังวลไปนะคะ

มาเริ่มสร้างนิสัยรักการแปรงฟันกันเถอะ

คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มฝึกให้คุ้นชินกับการทำความสะอาดฟันได้ตั้งแต่ซี่แรก โดยช่วง 6-7 เดือนนี้อาจจะมีอาการคันเหงือกและฟัน ทำให้เกิดอาการงอแงบ้างเล็กน้อย ลองหาแรงจูงใจระหว่างการอาบน้ำ ใช้แปรงซิลิโคนอ่อนนุ่ม กับยาสีฟันรสชาติที่เด็กๆ ชอบ ค่อยๆ หัดไปตั้งแต่ซี่แรก ทำไปทีละนิด ก็จะช่วยให้เด็กๆ เริ่มคุ้นเคยและสนุกกับการแปรงฟัน

 

ฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุของลูกน้อย

เมื่อเริ่มดูแลความสะอาดของปากและฟันแล้ว คุณพ่อคุณแม่จะต้องคำนึงถึงปริมาณฟลูออไรด์ที่พอเหมาะกับวัย เพราะหากเด็กในช่วงที่ฟันกำลังขึ้นในช่วง 0-8 ปีได้รับฟลูออไรด์มากเกินไปเป็นเวลานานๆ จะทำให้ไปขัดขวางกระบวนการสร้างชั้นเคลือบฟัน เริ่มแรกจะเห็นเป็นจุดขาวขุ่นหรือสีเหลือง จนถึงสีน้ำตาล เรียกว่าฟันตกกระ โดยฟันจะไม่แข็งแรงเท่าที่ควร ซึ่งถ้าหากรุนแรงขึ้นก็จะทำให้ฟันผุได้ ดังนั้นเวลาเลือกยาสีฟันและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดฟันของลูกน้อยตั้งแต่แรกเริ่ม ก็ควรจะเลือกยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ในประมาณที่เหมาะสมด้วย

ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับฟันซี่แรกของลูกน้อย ไปจนถึง วัยรุ่นฟันน้ำนม

Enfant Oral Care มียาสีฟันที่ช่วยทำความสะอาดอย่างอ่อนโยนด้วยสารสกัดจาก พืชออร์แกนิค ปราศจากสาร SLS ที่เป็นต้นเหตุของอาการช่องปากแห้งและระคายเคือง ซึ่งอาจทำให้เกิดแผลในช่องปากได้ โดยแบ่งเป็นยาสีฟันที่เหมาะสำหรับแต่ละช่วงวัยดังนี้ค่ะ

Enfant Organic Plus Gentle First Toothpaste Gel 

อองฟองต์ออแกนิค เจนเทิล เฟิร์ส ทูธเพสท์ เจล สำหรับลูกน้อยวัย 6 เดือนขึ้นไป (สูตรปราศจากฟลูออไรด์)

เริ่มสร้างนิสัยรักการแปรงฟัน ด้วย ยาสีฟันสูตรสำหรับเด็ก กลิ่นหอมของกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่กล้วยหอม และรสหวานจาก Xylitol สารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่ไม่ทำให้ฟันผุ มาพร้อมแปรงซิลิโคนนุ่มนิ่ม อ่อนโยนต่อเหงือก เหมาะสำหรับลูกน้อยที่เริ่มหัดแปรงฟัน ช่วง 6 เดือน – 1ปี ปราศจากฟลูออไรด์ ป้องกันปริมาณของฟลูออไรด์ที่มากเกินไป ปลอดภัยแม้กลืนยาสีฟันเข้าไประหว่างที่แปรงฟัน มี ซึ่งเหมาะกับลูกน้อยที่ยังบ้วนปากไม่เก่ง มี Amino Cleanser ที่ช่วยในการทำความสะอาดเหงือกและฟันของลูกน้อยอย่างอ่อนโยน ผสานด้วยคุณค่าของ ECOCERT CERTIFIED ORGANIC BISABOLOL (สารสกัดจากดอกคาโมมายล์ ช่วยลดการระคายเคือง และลดการเจริญของแบคทีเรีย) , วิตามิน C และ แคลเซียม ช่วยดูแลเหงือกและฟันให้แข็งแรง

 

Enfant Organic Plus Gentle Baby Toothpaste Gel 

อองฟองต์ออแกนิค เจนเทิล เบบี้ ทูธเพสท์ เจล สำหรับลูกน้อย 1 ปีขึ้นไป (สูตรปราศจากฟลูออไรด์)

ยาสีฟันสำหรับลูกน้อยในวัย 1 ขวบขึ้นไปปราศจากฟลูออไรด์ ปลอดภัยแม้กลืนระหว่างแปรงฟัน เพลิดเพลินกับการหัดเริ่มแปรงฟันเองด้วยรสหวานจาก Xylitol ที่ไม่ทำให้ฟันผุ และหอมกลิ่นผลไม้รวม มาพร้อมแปรงสีฟันสำหรับเด็ก แถมฟรีในกล่อง ช่วยให้เด็กๆ สนุกกับการแปรงฟันยิ่งขึ้น มี Amino Cleanser ที่ช่วยในการทำความสะอาดเหงือกและฟันของลูกน้อยอย่างอ่อนโยน ผสานด้วยคุณค่าของ ECOCERT CERTIFIED ORGANIC BISABOLOL (สารสกัดจากดอกคาโมมายล์ ช่วยลดการระคายเคือง และลดการเจริญของแบคทีเรีย) , วิตามิน C และ แคลเซียม ช่วยดูแลเหงือกและฟันให้แข็งแรง

 

ENFANT ORGANIC PLUS TOTAL CARE KIDS TOOTHPASTE (Strawberry Banana)

อองฟองต์ออแกนิค พลัส โททอล แคร์ คิดส์ ทูธเพสท์ (สตรอเบอร์รี่ บานาน่า) สำหรับลูกน้อย 1 ขวบขึ้นไป (สูตรฟลูออไรด์ 1000 ppm)

ยาสีฟันเด็กวัยซน กลิ่นสตรอเบอร์รี่ บานาน่า หอมหวานถูกใจเด็กๆ แบบไม่มีน้ำตาล ตัวช่วย ดูแลช่องปากและฟันของลูกน้อยให้ยิ้มสวย ฟันแข็งแรงตั้งแต่แรกเริ่ม ด้วยฟลูออไรด์ 1000 ppm ที่ช่วยป้องกันฟันผุในปริมาณที่เหมาะสมกับเด็กๆ เพิ่มแคลเซียมให้กับผิวฟัน มีแร่ธาตุจากเกลือหิมาลายัน และออร์แกนิคซีบัคธอร์น (Organic Seabuckthorn) ที่อุดมด้วย Vitamin C ช่วยบำรุงเหงือกและฟันให้สุขภาพดี มาพร้อมแปรงสีฟันสำหรับเด็ก แถมฟรีในกล่อง

 

ENFANT ORGANIC PLUS TOTAL CARE KIDS TOOTHPASTE (Orange White Chocolate)

อองฟองต์ออแกนิค พลัส โททอลแคร์ คิดส์ ทูธเพสท์ (ออเรนจ์ ไวท์ ช็อคโกแลต) สำหรับลูกน้อย 2 ขวบขึ้นไป (สูตรฟลูออไรด์ 1000 ppm)

สำหรับวัย 2 ขวบที่เริ่มกินอาหารได้หลากหลายมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ลองใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของ CPC Anti Bacteria ช่วยลดคราบสะสมของแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของฟันผุ และมีส่วนผสมของฟลูออไรด์ 1000 ppm พร้อมทั้งส่วนผสมที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับเหงือกและฟันของลูกน้อย ได้แก่ ออร์แกนิคซีบัคธอร์น (Organic Seabuckthorn) ที่อุดมด้วย Vitamin C ช่วยบำรุงเหงือกและฟันให้สุขภาพดี และแร่ธาตุจากเกลือหิมาลายัน กลิ่นหอมแปลกใหม่ ออเรนจ์ ไวท์ช็อคโกแลต ช่วยให้เด็กๆ รู้สึกอยากแปรงฟันในทุกๆ วัน มาพร้อมแปรงสีฟันสำหรับเด็ก แถมฟรีในกล่อง

 

ENFANT ORGANIC PLUS TOTAL CARE KIDS TOOTHPASTE (Apple Kiwi Mint)

อองฟองต์ออแกนิค พลัส โททอลแคร์ คิดส์ ทูธเพสท์ (แอปเปิ้ล กีวี่ มินท์) สำหรับลูกน้อย 2 ขวบขึ้นไป (สูตรฟลูออไรด์ 1500 ppm)

ตอบโจทย์สำหรับเด็กๆ 2 ขวบขึ้นไป ที่เริ่มมีภาวะฟันผุจากการสะสมของแบคทีเรียที่ทำให้ฟันผุ สูตรนี้สำหรับป้องกันและลดฟันผุ ด้วยส่วนผสมของฟลูออไรด์ 1500 ppm , พรอพโพลิส (Propolis) สารสกัดจากผึ้ง ที่ช่วยลดแบคทีเรีย ลดการอักเสบ ช่วยบรรเทาและป้องกันฟันผุอย่างมีประสิทธิภาพและอ่อนโยน และ CPC Bacteria พร้อมทั้งส่วนผสมที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับเหงือกและฟันของลูกน้อย ได้แก่ ออร์แกนิคซีบัคธอร์น (Organic Seabuckthorn) ที่อุดมด้วย Vitamin C ช่วยบำรุงเหงือกและฟันให้สุขภาพดี และแร่ธาตุจากเกลือหิมาลายัน มาพร้อมแปรงสีฟันสำหรับเด็ก แถมฟรีในกล่อง

 

ENFANT ORGANIC PLUS TOTAL CARE KIDS MOUTHWASH

อองฟองต์ออแกนิค พลัส โททอลแคร์ คิดส์ เมาท์วอช สำหรับวัยรุ่นฟันน้ำนม 6 ขวบขึ้นไป

 

วัยรุ่นฟันน้ำนม 6 ขวบขึ้นไป วัยที่เริ่มเป็นตัวของตัวเองและช่วยเหลือตัวเองได้ คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มสอนวิธีการแปรงฟันอย่างถูกวิธีให้กับลูก ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ และเสริมด้วยน้ำยาบ้วนปาก สูตรพรอพโพลิส (Propolis) สารสกัดจากผึ้ง ที่ช่วยลดแบคทีเรีย ลดการอักเสบ ช่วยบรรเทาและป้องกันฟันผุอย่างมีประสิทธิภาพและอ่อนโยน และช่วยขจัดคราบเศษอาหารอย่างอ่อนโยน ปราศจากแอลกอฮอล์ ป้องกันและดูแลฟันผุของลูกโดยไม่ระคายเคืองช่องปาก

 

เห็นมั้ยคะว่า อองฟองต์เค้ามีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการการดูแลช่องปากของลูกน้อยที่อ่อนโยนตั้งแต่แรกเริ่มมีฟันซี่แรกเลยทีเดียว คุณพ่อคุณแม่ก็อย่าลืมเลือกใช้ยาสีฟันให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละช่วงวัยนะคะ


อ้างอิง

ฟันน้ำนม ลำดับการขึ้นและหลุด ตั้งแต่ซี่แรก

 

ฟันตกกระ สาเหตุและวิธีรักษา

อาหารเด็ก

อาหารเด็ก เมนูอาหารเด็ก วัย 1 ขวบขึ้นไป พร้อมวิธีทำ

Alternative Textaccount_circle
event
อาหารเด็ก
อาหารเด็ก

แจกสูตร!! อาหารเด็ก เมนูอาหารเด็ก สำหรับเด็กวัย 1 ขวบขึ้นไป พร้อมขั้นตอนและวิธีทำอย่างละเอียด ทำง่าย ทานอร่อย!! ลูกขอทานบ่อย ๆ แน่นอน

อาหารเด็ก เมนูอาหารเด็ก วัย 1 ขวบขึ้นไป พร้อมวิธีทำ

เมื่อการฉลองวันเกิดขวบปีแรกของลูกน้อยได้มาถึง จากเด็กตัวเล็กๆที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลยกำลังกลายมาเป็นเด็กที่อยากจะทำอะไรด้วยตัวเอง และอยากรู้อยากเห็นไปซะทุกอย่าง 

เด็กหนึ่งขวบ มีความสูงเพิ่มเฉลี่ยจากเด็กแรกเกิดประมาณ 22 – 26 เซนติเมตร สมองมีขนาดประมาณ 60% ของสมองผู้ใหญ่ แต่เปอร์เซ็นต์การเพิ่มของน้ำหนักจะเริ่มลดลง เนื่องจากเด็กมีการเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น เด็กส่วนใหญ่เริ่มยืนและเดินเองได้แล้ว หรืออาจจะยังต้องเดินเกาะเฟอร์นิเจอร์ต่างๆไปก่อน

พัฒนาการเด็กวัย 1 ขวบ เป็นอย่างไร? 

พัฒนาการของเด็กหนึ่งขวบ เริ่มที่จะทำบางอย่างได้ด้วยตัวเองแล้ว เช่นการกินโดยใช้มือหยิบอาหารเข้าปาก หรือสามารถเปิดหน้าหนังสือที่สนใจได้

ถึงแม้ว่าความสนใจในสิ่งรอบตัวของเด็กน้อยดูจะเพิ่มขึ้นโดยให้ความสนใจไปเสียทุกอย่าง แต่การสนใจเรื่องการกินกลับลดน้อยลง ทำให้คุณแม่เป็นกังวลกันไม่น้อย เด็กวัยหนึ่งขวบควรจะได้รับการฝึกให้รับประทานอาหารเอง แน่นอนว่าจะต้องมีการหกเลอะเทอะ เนื่องด้วยทักษะที่ยังไม่สมบูรณ์ แต่เป็นการเริ่มต้นที่จะฝึกการช่วยเหลือตัวเอง การร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับคนในครอบครัว เป็นการช่วยให้เด็กอยากที่จะลองรับประทานอาหารหลากหลายที่อยู่บนโต๊ะเมื่อเห็นผู้ใหญ่รับประทานกันก็ได้ 

นอกเหนือจากนมแม่ที่เด็กวัยหนึ่งขวบยังควรที่จะได้รับเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กน้อยแล้ว อาหารก็จะเป็นแหล่งสำคัญหลักของพลังงานและโภชนาการให้กับเด็กในการเจริญเติบโต

เด็กในวัยนี้ควรจะได้รับอาหารในปริมาณ ¾ ถ้วยในแต่ละมื้อ ประมาณ 4-5 มื้อต่อวัน และอาหารทานเล่นที่มีประโยชน์ระหว่างมื้ออาหาร 2 ครั้งต่อวัน เช่นผลไม้ต่างๆ

ข้อแนะนำสำหรับเด็กวัยนี้คือ ควรจะได้รับอาหารเป็นหลักก่อน ถ้าลูกน้อยยังไม่อิ่ม ก็ค่อยให้นมแม่เสริม แต่ถ้าคุณลูกน้อยไม่ได้ทานนมคุณแม่แล้ว ก็ควรจะได้รับนมอย่างอื่นทดแทนอย่างน้อย วันละ 2 ถ้วย ( 16 ออนซ์)

อาหารเด็ก ควรเตรียมอะไรบ้าง?

การเตรียมวัตถุดิบในการทำอาหารสำหรับเด็กอายุ 1 ขวบควรจะมีลักษณะดังนี้

  1. อาหารประเภท ข้าว แป้ง ลักษณะของข้าวควรจะเป็นข้าวสวยที่นิ่ม คล้ายข้าวต้มที่ยังมีเมล็ดข้าวปนอยู่ด้วย ถ้าเป็นเส้น ก็มีความยาวไม่มาก เช่นเส้นเกี้ยมอี๋
  2. ผัก ควรใช้เป็นผักนึ่ง หรือต้มที่ใช้เวลาปรุงน้อย และใช้น้ำให้น้อยเพื่อรักษาคุณค่าอาหารไว้ สำหรับเด็ก 1 ขวบ ควรหั่นผักที่สุกนิ่มเป็นชิ้นประมาณ 1 นิ้ว
  3. ไข่ ควรได้รับประมาณสัปดาห์ละ 5 ฟอง ถ้าเป็นไข่ต้ม ควรหั่นชิ้นประมาณ 1 ซม – ½ นิ้ว
  4. ไก่ เนื้อไก่ต้ม สามารถทานไก่บดชิ้นใหญ่ขึ้น ไซส์ประมาณ 1 ซม
  5. ปลา สามารถทานปลาทอดได้ ชิ้นใหญ่ประมาณ 1 ซม

แจกสูตร!! 5 เมนูอาหารเด็ก พร้อมวิธีทำ อร่อย ทานได้บ่อยไม่มีเบื่อ!!

ทีมกองบรรณาธิการ ABK ขอนำเสนอเมนูอาหารสำหรับเด็กเล็กตั้งแต่หนึ่งขวบขึ้นไป เพื่อจะได้เป็นไอเดียให้แก่คุณแม่ ๆ ทั้งหลายในการทำอาหารให้เจ้าตัวเล็กกันค่ะ

อาหารเด็ก
อาหารเด็ก

ซุปข้าวโพด 

ซุปรสชาดหวานมัน มีแคลเซียมและเบต้าแคโรทีน

หอมใหญ่สับละเอียด            75  กรัม

เนยสดชนิดเค็ม                   40  กรัม

ข้าวโพดหวานฝาน                 2  ฝัก

น้ำซุปผัก                             ½   ถ้วย

นมสดชนิดจืด                        1  ถ้วย

วิปปิ้งครีม                            ¼   ถ้วย

เกลือสมุทร                           ¼   ช้อนชา

พริกไทยป่น                          ¼.  ช้อนชา (ไม่ต้องใส่ก็ได้ถ้ากลัวเผ็ด)

วิปปิ้งครีม

ข้าวโพดหวานต้มสุขสำหรับโรย

ขนมปังกรอบ (crouton) หรือเบคอนกรอบ

วิธีทำ

  1. ผัดหอมใหญ่กับเนยในกระทะด้วยไฟอ่อนจนสุกนุ่ม ใส่ข้าวโพดลงไปผัดพอสุก ใส่น้ำซุปผัก ต้มให้เดือดนานประมาณ 10 นาที หรือจนข้าวโพดสุขนุ่ม ปิดไฟพักไว้พออุ่น
  2. นำข้าวโพดที่ผัดไปปั่นจนละเอียดให้เข้ากันดี แล้วใส่ลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟกลางพอเดือด ใส่นมสด วิปปิงครีมคนพอทั่ว ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ชิมรสให้หวานมันเค็มพอดี ปิดไฟ
  3. ตักใส่ถ้วย ถ้าอยากจะโรยด้วยวิปปิ้งครีม เบคอน หรือข้าวโพดต้มสุกก่อนเสริฟตามความชอบ

ไข่ลูกเขย

เมนูอาหารเด็ก
เมนูอาหารเด็ก

ไข่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินA วิตามินB แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และ เลซิตินที่บำรุงสมอง

ไข่นกกระทา (หรือ ไข่ไก่ 2 ฟอง)                                  10         ฟอง

น้ำมันพืช                                                                    1          ถ้วย

น้ำตาลปี๊บ                                                                   2         ช้อนโต๊ะ

น้ำมะขามเปียก                                                           ¼         ถ้วย

น้ำปลา                                                                       1         ช้อนโต๊ะ

หอมเจียวหรือผักหั่นเส้นชุบแป้งทอดกรอบ ตามชอบ

วิธีทำ

  1. ใส่ไข่ลงไปในหม้อที่มีน้ำอุณหภูมิปรกติอยู่ ตั้งไฟกลาง จับเวลาตั้งแต่น้ำเดือดประมาณ 3-4 นาที ตักขึ้นจากหม้อแล้วใส่ลงไปในอ่างน้ำเย็น แกะเปลือก 
  2. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน ไฟกลาง นำไข่ลงไปทอดจนเหลือง
  3. กระทะใบเดิม เอาน้ำมันออกให้หมด ใส่น้ำตาลปี๊บ มะขามเปียก และน้ำปลาลงไปเคี่ยวให้น้ำตาลละลาย จนกระทั่งน้ำซอสข้นเหนียว 
  4. ผ่าไข่ครึ่งซีก ราดด้วยซอส แล้วโรยด้วยหอมเจียวหรือผักหั่นเส้นทอดกรอบ

 

อ่านต่อ แจกสูตร!! 5 เมนูอาหารเด็ก พร้อมวิธีทำ อร่อย ทานได้บ่อยไม่มีเบื่อ!! หน้าที่ 2 คลิก

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

keyboard_arrow_up