Page 23 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ซีอาร์จี ประกาศจับมือ คีอานิ (Kiani) ร้านอาหารเกาหลี สไตล์ Homemade ส่งตรงจากปูซาน

บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (ซีอาร์จี) หนึ่งในผู้นำธุรกิจร้านอาหารเครือข่าย (Food Chain Industry) ของประเทศไทยที่มีความชำนาญ และประสบการณ์อันยาวนานกว่า 45 ปี โดยมีแบรนด์ธุรกิจร้านอาหารที่หลากหลาย ครอบคลุมเกือบทุกประเภทอาหาร พร้อมรุกตลาดอาหารเกาหลี จับมือ กับ บริษัท คีอานิ จำกัด เปิดตัวแบรนด์ใหม่ คีอานิ (Kiani)  เดินหน้าต่อยอดธุรกิจสร้างการเติบโตร่วมกัน พร้อมซัพพอร์ตเสริมความแข็งแกร่งในทุกด้าน เล็งขยายสาขา และ การพัฒนาสินค้าในรูปแบบต่าง ๆ  เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น ประเดิมเปิดสาขาแรกที่ เซ็นทรัลพระราม 9

ธีรวัฒน์ เลิศถิรพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส  กลุ่ม Japanese & Korean Cuisine บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ “ซีอาร์จี เปิดเผยว่า ในปี 2566 ภาพรวมของธุรกิจร้านอาหารเริ่มกลับมาเติบโตราว 3-5% พบว่าร้านอาหารเกาหลีมีมูลค่าราว 3,000 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มการเติบโตได้อีกมาก จากความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง กระแสนิยมวัฒนธรรมเกาหลี และอาหารเกาหลียังเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ อีกทั้งเพื่อเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์สำคัญในการสร้างการเติบโต ด้วยการผนึกกำลังพันธมิตรผู้ประกอบการร้านอาหารที่มีศักยภาพ โดยดึงจุดแข็งทั้ง 2 ฝ่ายมาสร้างการเติบโตไปด้วยกัน ซึ่ง ซีอาร์จี เรามีจุดแข็งที่จะสามารถช่วยเสริมแกร่งให้กับพันธมิตรได้หลายด้าน เช่น มีอีโคซิสเทมรองรับ มีการดำเนินงานที่ดี แนวทางการปฏิบัติงานและระบบหลังบ้านต่าง ๆ รวมไปถึงการซีนเนอร์ยีด้านต้นทุน เอื้อให้การขยับขยายธุรกิจมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น

โดยตัดสินใจเข้าธุรกิจกับ บริษัท คีอานิ จำกัด ด้วยมองว่า แบรนด์ คีอานิ (Kiani) มีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก และช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอของ ซีอาร์จี ได้ ด้วย แบรนด์ คีอานิ (Kiani) มีจุดเด่นเป็นเป็นอาหารเกาหลี ต้นฉบับสไตล์ homemade  ส่งตรงจากเมืองปูซาน ซึ่งสูตรอาหารของทางร้านทุก ๆ เมนู  เป็นสูตรต้นตำรับเกาหลีแท้ ๆ อาทิ ซอสที่ใช้ในการนำมาหมักหมู และ เนื้อ เป็นสูตรเฉพาะ ซึ่งใช้วัตถุดิบพิเศษนำเข้าจากประเทศเกาหลีเพื่อให้ได้คุณภาพอาหาร และรสชาติที่ดี มีรสสัมผัสนุ่ม หอม รสชาติเข้มข้น

 

สำหรับแผนการขยายธุรกิจ บริษัทฯ เล็งขยายสาขา และ การพัฒนาสินค้าในรูปแบบต่าง ๆ  รวมถึงต่อยอดร้านในรูปแบบใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงมองหาโอกาสในการขยายเข้าไปในศูนย์การค้า เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น โดยตั้งเป้าภายใน 5 ปี หากสถานการณ์ปกติ จะสามารถขยายสาขาได้ต่อเนื่อง และมีจำนวนสาขากว่า 20 สาขาทั่วประเทศ 

 

ประเดิมสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพระราม 9 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพ ด้วยเป็นศูนย์รวมผู้คนทั้งชาวไทยและต่างชาติ มีอาคารสำนักงาน และ​การเดินทางสะดวกสบาย​ ซึ่งสามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี

ลี จง จิน ผู้ก่อตั้ง และผู้บริหาร บริษัท คีอานิ จำกัด เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เหตุผลที่เข้าร่วมธุรกิจกับ ซีอาร์จี เพราะเป็นเชนร้านอาหารขนาดใหญ่ที่มีประสบการณ์ ความรู้ ระบบต่าง ๆ ที่เป็นเลิศ ซึ่งการที่ได้เข้าร่วมกับทาง ซีอาร์จี จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการต่อยอดและสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจ อีกทั้งยังคาดหวังว่าการจับมือกันในครั้งนี้ จะสามารถช่วยพัฒนาระบบต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ และได้มาตรฐานยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าว่า แบรนด์ คีอานิ (Kiani) จะขยายสาขาไปทั่วประเทศ และสามารถสร้างยอดขาย รวมถึงการเติบโตที่ยั่งยืนต่อไปได้

 

***********************************

 

เกี่ยวกับ แบรนด์ คีอานิ (Kiani)

ร้านคีอานิ ในประเทศไทยเปิดครั้งแรกเมื่อปี 2014 ซึ่งสูตรอาหารของทางร้านคีอานิ ทุกๆเมนู  เป็นสูตรที่คุณแม่ของคุณลีจงจิน เจ้าของร้าน เป็นคนคิดค้นและเป็นคนทำทุกเมนูด้วยตัวเอง ซึ่งในช่วงแรกของการเปิดร้าน ตลาดอาหารเกาหลียังไม่เติบโตมากนัก โดยเฉพาะอาหารเกาหลีสไตล์ casual ทำให้ในช่วงสัปดาห์แรกของการเปิดร้าน บางวันขายได้เพียง 1 ออเดอร์เท่านั้น แต่ด้วยความตั้งใจและความชื่นชอบในการทำอาหาร โดยมีคุณแม่เป็นแรงบันดาลใจ  จึงทำให้คุณจิน คิดที่เปิดร้านคีอานิต่อ และไม่ย้อท้อในการที่จะทำร้านอาหารให้ประสบความสำเร็จ 

ด้วยความตั้งใจ ประกอบกับรสชาติของอาหาร และคุณภาพของวัตถุดิบที่มีคุณภาพ การให้ความสำคัญกับลูกค้าทุก ๆ คน   ด้วยการบริการที่เปรียบเสมือนลูกค้าคือคนในครอบครัว ในเวลาไม่นานนัก ร้านคีอานิ จึงเริ่มเป็นที่รู้จัก ด้วยการบอกต่อกันของลูกค้าแบบปากต่อปาก จนถึงปัจจุบัน ร้านคีอานิ เปิดให้บริการมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปี  จากร้านที่มีแค่เพียง 1ห้อง ขยายเป็น 3 ห้อง และได้รับการันตีความอร่อยจากเพจต่าง ๆ ครั้งแรกเมื่อปี 2017 และได้รางวัลในทุก ๆ ปีจนปัจจุบัน 7 ปีต่อเนื่อง รางวัลที่ได้รับ  wongnai user choice / grab thumbsup / robinhood

เมนูแนะนำ ได้แก่ บาร์บีคิวหมู/ เนื้อ หมักซอสสูตร คีอานิ, ซุปกิมจิ และ ซุปเต้าเจี้ยว, เครื่องเคียง (แพนเค้กเกาหลี), คิมบับ, บิบิมบับ, จาจังเมียน และ น้ำข้าว (ทานหลังอาหาร)

 

เกี่ยวกับบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด 

บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (Central Restaurants Group: CRG) หนึ่งในผู้นำธุรกิจร้านอาหารเครือข่าย (Food Chain Industry) ของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในปี 2521 มีเจตนารมณ์และวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคชาวไทยด้วยผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพ และบริการที่ดีเลิศ โดยปัจจุบันซีอาร์จีในฐานะผู้รับสิทธิ (Franchisee) ที่มีความชำนาญ ประสบการณ์อันยาวนานกว่า 45 ปี ในการบริหาร และจัดการธุรกิจร้านอาหารที่ได้รับการยอมรับจากเจ้าของแฟรนไชส์ (Franchisor) มีแบรนด์ธุรกิจร้านอาหารที่หลากหลาย ครอบคลุมเกือบทุกประเภทอาหาร มีจำนวนสาขารวม 1,580 สาขาทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ เดือน ก.ค. 2566)

แบรนด์ในกลุ่มซีอาร์จี 20 แบรนด์ ประกอบด้วย มิสเตอร์ โดนัท (Mister Donut), เคเอฟซี (KFC), อานตี้ แอนส์ (Auntie Anne’s), เปปเปอร์ ลันช์ (Pepper Lunch), ชาบูตง ราเมน (Chabuton), โคล สโตน ครีมเมอรี่ (Cold Stone Creamery), เทอเรสซ์ ณ บางกอก (Terraces De Bangkok), โยชิโนยะ (Yoshinoya), โอโตยะ(Ootoya), เทนยะ (Tenya), คัตสึยะ (Katsuya), อร่อยดี (Aroi Dee), เกาลูน (Kowlune), สลัดแฟคทอรี่ (Salad Factory), บราวน์  (Brown), อาริกาโตะ (Arigato), ส้มตำนัว (Somtam Nua), ชินคันเซ็น ซูชิ (Shinkanzen Sushi), นักล่าหมูกระทะ (Nak-la Mookata) และ ราเมน คาเกทสึ อาราชิ (Ramen Kagetsu Arashi)

พร้อมบริการเดลิเวอรี่อร่อยได้ทุกร้านผ่านโมบายล์แอพพลิเคชั่น “FOODHUNT” และโทร 1312

    Tags

    โรงเรียนนานาชาติ Brighton College Bangkok เปิดรับสมัครค่ายกิจกรรม October Camp แล้ว!

    Brighton College Bangkok หรือโรงเรียนนานาชาติไบรท์ตัน คอลเลจ กรุงเทพฯ เปิดรับสมัคร October Camp ซึ่งเป็รค่ายกิจกรรมที่เด็กๆ จะได้เพลิดเพลินและเรียนรู้ ในช่วง 1 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 16 – 20 ตุลาคม 2023 ที่โรงเรียนไบรท์ตัน คอลเลจ กรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ใช้เวลากิจกรรมต่างๆ อาทิ บัลเล่ต์ Coding หุ่นยนต์ บาสเก็ตบอล ฟุตบอล การฝึกพูดในที่สาธารณะ เรียนศิลปะและงานฝีมือ และสเก็ต

    เปิดรับสำหรับนักเรียนอายุระหว่าง 4 – 16 ปี โดยเปิดให้บุคคลภายนอกสามารถสมัครเรียนโปรแกรมได้ค่ะ

    สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม คลิกที่นี่ >> https://drive.google.com/file/d/1I6KnU_u6z-4e2cmJbTMN_zKyu5e69qQx/view

    ลงทะเบียนได้ที่: https://form.jotform.com/232209539907462

    สอบถามเพิ่มเติม โทร. +66(2)136 7898 Email: [email protected]

      Tags

      โรงเรียนอนุบาลบ้านพลอยภูมิ

      อนุบาลบ้านพลอยภูมิ โรงเรียนทางเลือก กับหลักสูตรให้เด็กๆ เรียนรู้จริงจากธรรมชาติ

      School Visit วันนี้จะพาทุกคนมาเยี่ยมชมโรงเรียน อนุบาลบ้านพลอยภูมิ โรงเรียนทางเลือกขนาดย่อม ที่เปิดโอกาสให้เด็กเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างเต็มที่ตามศักยภาพของแต่ละคน โรงเรียนที่สร้างเด็กให้สุขง่าย ทุกข์ยาก และมีสมดุลในการใช้ชีวิต ถ้าใครกำลังมองหาโรงเรียนทางเลือกดี ๆ ย่านฝั่งธนอยู่ ที่นี่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย

      บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ ย่านศาลาธรรมสพน์ เป็นที่ตั้งของโรงเรียน อนุบาลบ้านพลอยภูมิ ถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อปี พ.ศ.2543 พื้นที่บริเวณนี้รายล้อมไปด้วยทุ่งนา มีบรรยากาศร่มรื่น ครูอ๊อบสโลพร ตรีพงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการและเจ้าของโรงเรียนอนุบาลบ้านพลอยภูมิ เล่าให้เราฟังว่า จุดเริ่มต้นของโรงเรียนเริ่มจากการทำโรงเรียนให้หลาน โดยใช้บ้าน ซึ่งเดิมทีเป็นบ้านตากอากาศ นำมาปรับให้กลายเป็นโรงเรียนเล็กๆรองรับนักเรียนและครูไม่กี่คน โดยใช้แนวทางการสอนแบบ Homeschool กว่า 23 ปีที่ผ่านมา ครูอ๊อบพัฒนาและปรับรูปแบบแนวทางการสอนทั้งศึกษาเพิ่มเติมและขอคำแนะนำดีๆ จากโรงเรียนอนุบาลหนูน้อยหรือ โรโรงเรียนอนุบาลบ้านพลอยภูมิงเรียนสยามสามไตร ในปัจจุบัน จนปัจจุบันจากโรงเรียนเล็กๆ มีนักเรียนไม่กี่คนก็ขยับขยายกลายเป็นโรงเรียนอนุบาลขนาดย่อมที่เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาล – อนุบาล 3

      อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

      บรรยากาศทางเข้าโรงเรียน

      อนุบาลบ้านพลอยภูมิ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

      ส่วนใหญ่ช่วงเช้าคุณครูจะพาเด็กๆ มาปล่อยพลัง รับพลังงานจากแสงแดดก่อนที่สนามเด็กเล่น เด็กๆจะผลัดหมุนเวียนกันทำกิจกรรม ทั้งปีนป่าย เล่นทราย เพื่อฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่

       

      การศึกษาแบบองค์รวม

      หลักสูตรของโรงเรียนเป็นการเรียนรู้แบบองค์รวม คือเข้าถึงความจริงของธรรมชาติ ที่สอดคล้องกับ มนุษย์ สังคม ธรรมชาติและเทคโนโลยี เรียนรู้ผ่านกาย ใจ ผ่านการลงมือทำ ผ่านการสร้างเรื่องของกระบวนการคิดให้สัมพันธ์กัน พัฒนาชีวิตให้สามารถตัดสินใจได้ถูกต้อง เด็กๆจะกำกับตัวเองได้ และรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรทำ  กินเป็นอยู่เป็น ไม่เบียดเบียนผู้อื่น  คือเป้าหมายหลักของโรงเรียน

      นอกจากนี้ครูอ๊อบยังได้ศึกษาและนำเอาธรรมะ มาเป็นแนวทางในการวางหลักสูตรของโรงเรียนด้วย โดยนำเอาเรื่อง การพัฒนาที่ยั่งยืน ของท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์  (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)  มาเป็นแกนหลักในการจัดการศึกษา เรียนรู้เรื่องธรรมชาติกับตัวเรา ธรรมชาติกับสังคม ธรรมชาติกับเทคโนโลยี ลักษณะการเรียนจะคล้ายกับบันไดวน ค่อยๆกว้าง ค่อยๆลึกขึ้น สังคมบ้าน สังคมโรงเรียน ผสมเรื่องวิชาการ ภาษาต่างๆ ในรูปแบบบูรณาการ  นำสู่ความสามารถและปัญญาที่หลากหลาย โดยยึดหลักภาษาธรรมชาติ (Whole Language)  ไม่ได้นั่งเรียนเขียนอ่านกันแบบจริงจัง เน้นเตรียมความพร้อมเรื่อง ฐาน กายใจก่อน ให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาของตัวเองให้แข็งแรง สื่อสารได้คล่อง แล้วค่อยเสริมภาษาอื่นๆเข้าไป ผ่านกิจกรรมต่างๆ ซึมซับแบบธรรมชาติเป็นการเรียนรู้ควบคู่กันไปเพื่อพัฒนา ทั้งอารมณ์ สังคม จริยธรรมและวิชาการ เป้าหมายของโรงเรียนคืออยากเห็นเด็กเป็นคนที่สุขง่าย ทุกข์ยาก ซึ่งจำเป็นต้องผ่านกระบวนการฝึกฝน กายใจ ภาคภูมิใจตัวเอง ปรับตัวง่าย โรงเรียนจะวางแผนและเตรียมความพร้อมให้ทุกๆด้าน

      อนุบาลบ้านพลอยภูมิ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

      เด็กอนุบาลเรียนวิชาพละ โดยครูต่างชาติ เพื่อให้เด็กซึบซับภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติ

      อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

      อุโมงค์นี้เป็นสถานที่โปรดของเด็กหลายๆคน

      สอนพ่อแม่ให้เข้าใจลูก

      ประเทศของเรามีโรงเรียนสอนให้ครูเป็นครู แต่โรงเรียนสำหรับฝึกให้เป็นพ่อแม่ยังไม่มี ที่ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ จึงมีคลาสห้องเรียนพ่อแม่  เพื่อให้ความรู้พ่อแม่เกี่ยวกับพัฒนาการของเด็ก เข้าใจว่าธรรมชาติของเด็กเป็นอย่างไรโดยไม่ต้องเร่งเรียน ช่วงเวลาที่เด็กพร้อมเรียนรู้เขาจะเรียนรู้ได้ดี ใฝ่รู้ ถ้ารีบให้ไปก่อนในจังหวะที่เขายังไม่พร้อม ความใฝ่รู้และอยากเรียนรู้จะมอดไป คุณพ่อคุณแม่ต้องใจเย็น ถ้าโรงเรียนสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เข้าใจว่าธรรมชาติของเด็กเรียนรู้อย่างไร สอนพ่อแม่ให้เห็นว่าสุดท้ายแล้วผลลัพธ์ที่รอคอยจะเป็นอย่างไรก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้

      ห้องเรียนพ่อแม่บางคลาสจะเชิญคุณหมอ มาช่วยให้ความรู้ โดยมีหัวข้อต่างๆ เช่น พ่อแม่จะรับมืออย่างไรเมื่อลูกผิดหวังหรือภาวะความซึมเศร้าในเด็ก มีทั้งคลาสแบบออนไลน์และออนไซต์  สิ่งเหล่านี้เองที่จะทำให้โรงเรียน เด็ก และพ่อแม่ ไปในทิศทางเดียวกัน

      พ่อแม่หลายคนอยากให้ลูกเรียนโรงเรียนทางเลือก แต่ตัวเองกลับไม่ได้มาแนวทางนี้ บางคนกำกับลูกมากเกินไป ไม่ปล่อยให้ลูกตัดสินใจหรือทำอะไรด้วยตนเอง ก็จะทำให้เด็กอ่อนแอไม่มีทักษะทางด้านความคิดไม่กล้าตัดสินใจ พ่อแม่ต้องไม่คาดหวังที่โรงเรียนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องทำวิถีของการเลี้ยงดูให้เป็นแนวทางเดียวกัน  ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันชีวิตให้ลูก ดูแลตัวเองได้ รับผิดชอบตัวเองได้

      อนุบาลบ้านพลอยภูมิ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

      ภายในโรงเรียนรายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ บรรยากาศร่มรื่น ทำให้เด็กๆผ่อนคลาย

       

       

      กิจกรรมเชื่อมโยงกับธรรมชาติ

      ที่โรงเรียน อนุบาลบ้านพลอยภูมิ จะจัดค่ายสุนทรียภาพในธรรมชาติทุกปีสำหรับเด็กอนุบาล 3 เป็นกิจกรรมเข้าค่ายสำหรับเด็ก แบบ 4 วัน 3 คืน โดยไม่มีผู้ปกครอง เพื่อบ่มเพาะความรักในธรรมชาติให้กับเด็กๆ เป็นนักสืบความหมายธรรมชาติ อธิบายว่าต้นไม้ต้นนี้ทำงานอย่างไร สัตว์กับต้นไม้สัมพันธ์กันอย่างไร ได้ฝึกใช้กล้องสองตาเพื่อดูนก และเดินป่า ปีนข้ามขอนไม้ต่างๆ  และทำงานศิลปะหลังจบค่าย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม ทำสวน ทำนา เลี้ยงไส้เดือน ที่สวนเกษตร ชื่อ สวนผลิใบ  อยู่ใกล้ๆกับโรงเรียน เด็กจะภูมิใจและทานอาหารที่เขาปลูกเอง  ส่วนเด็กอนุบาล 1 จะมีครูพาเดินในโรงเรียน  เป็นวิชาใกล้ชิดธรรมชาติ เน้นสำรวจและสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลง

        อาจารย์ประสิทธิ์ วงษ์พรม  อาจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมชาติศึกษา ที่โรงเรียนเชิญมาสอนเด็กๆเรื่องสัตว์เลื้อยคลาน ในสัปดาห์นี้เป็นเรื่อง งูสิงห์ เด็กๆ ได้เรียนรู้วิธีการเลื้อย ผิวของงู วิธีการเข้าหางู และพาสำรวจธรรมชาติรอบโรงเรียน

      อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

      สวนผักเล็กๆ ของเด็กๆ

       

      เน้นพัฒนาเด็กแบบรอบด้าน

      เด็กที่นี่จะได้เรียนรู้หลากหลาย ทั้งดนตรี ศิลปะ เพราะการพัฒนาเด็กควรพัฒนาสมองทั้งสองซีก เพื่อให้เกิดความสมดุล ไม่ใช่เก่งแต่วิชาการ แต่ต้องสามารถเชื่อมโยงมนุษย์ และธรรมชาติ ได้ด้วย ไม่สุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง โรงเรียนพยายามสร้างประสบการณ์ที่หลากหลาย  เปิดโอกาสให้ทดลองเล่น จนเจอสิ่งที่เด็กถนัด แม้จะเจอสิ่งที่ไม่ถนัดก็ไม่หยุดพัฒนา

      อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

      งานปั้นของเด็กๆที่โรงเรียนนำมาตกแต่งผนังห้อง

      อนุบาลบ้านพลอยภูมิ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

      บรรยากาศห้องเรียนศิลปะ

      อนุบาลบ้านพลอยภูมิ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ Music and Movement เคลื่อนไหวร่างกายผ่านเสียงดนตรี การฟัง การกำกับตัวเอง ใช้ร่างกายเป็นเครื่องดนตรี

       

      สังคมแห่งกัลยาณมิตร ของ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

      ทางโรงเรียนจัดวัน Open house เพื่อให้ผู้ปกครองได้เข้ามาฟังนโยบายและแนวทางการสอนของโรงเรียน ว่าไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ เพื่อให้ผู้ปกครองตัดสินใจก่อนพาลูกๆมาสมัครเรียน และเมื่อเข้ามาเป็นสมาชิกของโรงเรียนแล้ว ผู้ปกครองจะทำงานร่วมกันกับโรงเรียน ช่วยกันขับเคลื่อนเด็กๆ อะไรที่คุณพ่อคุณแม่มองว่าโรงเรียนบกพร่อง สามารถสื่อสารกับโรงเรียนได้ด้วยความตรงไปตรงมาและช่วยสะท้อนปัญหาต่างๆได้ ส่วนโรงเรียนก็สามารถสื่อสารกับคุณพ่อคุณแม่แบบตรงไปตรงมาได้เช่นกัน ว่าสิ่งไหนที่เด็กโดดเด่น สิ่งไหนที่ควรต้องเติม หรือต้องรีบแก้ไข เป็นกัลยาณมิตรทีดี สะท้อนได้ด้วยความเคารพ

      อนุบาลบ้านพลอยภูมิ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

      เรียนผ่านการเล่นต่างๆ ช่วยพัฒนาเด็กๆอย่างเป็นธรรมชาติ

      อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

      บรรยากาศโรงเรียนน่ารักอบอุ่นเหมือนบ้าน

       

      Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

      1.โรงเรียนนี้ไม่มีการสอบ ไม่มีเกรดเฉลี่ย ไม่มีที่หนึ่งที่สอง แต่จะประเมินเด็กตามสภาพจริง วัดผลด้วย Portfolio ของนักเรียน และเสนอร่องรอยการเรียนรู้ที่ผ่านมาในแต่ละเทอม ในงานภูมิผลิใบ นอกจากนี้โรงเรียนจะนัดประชุมผู้ปกครอง ทุก 2 เดือน เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับพัฒนาการของเด็กๆ ของแต่ละคนอีกด้วย

      2.ครูที่โรงเรียนอนุบาลบ้านพลอยภูมิ ต้องเข้าคอร์ส ปฏิบัติธรรม เพื่อพัฒนาใจของครู ไม่ให้ไวต่ออารมณ์ และรู้เท่าทันอารมณ์ ไม่ปล่อยอารมณ์ออกไปให้กระทบกับเด็ก พ่อแม่จึงเบาใจได้ว่าเด็กๆที่โรงเรียนนี้จะมีสุขภาพจิตที่ดี เพราะได้เจอครูที่จิตใจเมตตาและอารมณ์ดี

      3.โรงเรียนอนุบาลบ้านพลอยภูมิ เปิดโรงเรียนระดับประถมอยู่ในพื้นที่เดียวกัน โดยจดทะเบียนเป็นศูนย์การเรียนชื่อ ประถมภูมิธรรม บ้านไหนอยากวางแผนให้ลูกเรียนต่อชั้นประถมศึกษา ก็ไม่ต้องกังวลใจเพราะที่นี่มีชั้นประถมศึกษารองรับด้วย แต่หากใครอยากเรียนต่อที่อื่น คุณครูก็สามารถแนะนำโรงเรียนที่เหมาะเพื่อให้นักเรียนทุกคนมีที่ศึกษาต่อ

      4.ที่นี่ไม่มีเรียนพิเศษ เด็กควรได้เวลาจากพ่อแม่ ควรมีเวลาคุณภาพที่บ้าน หลังจากเลิกเรียน เพราะเด็กใช้เวลาอยู่ที่โรงเรียนมาแล้วทั้งวัน

       

      คุณสมบัติผู้สมัคร ( อายุนับถึงวันที่ 31 พฤษภาคม )

      • ระดับชั้นเตรียมอนุบาล อายุ 2 ปีบริบูรณ์
      • ระดับชั้นอนุบาล 1 อายุ 3 ปีบริบูรณ์
      • ระดับชั้นอนุบาล 2 อายุ 4 ปีบริบูรณ์
      • ระดับชั้นอนุบาล 3 อายุ 5 ปีบริบูรณ์

      เกณฑ์การพิจารณา

      การสัมภาษณ์ผู้ปกครอง

      อัตราค่าเล่าเรียน ( ปีการศึกษา 2567 )

      • ค่าธรรมเนียมแรกเข้าและประกันอุบัติเหตุ 25,000 บาท
      • ค่าเล่าเรียน ภาคเรียนละ 78,000 บาท
      • ค่าชุดนักเรียน  600 บาท
      • ค่าชุดกิจกรรม  500 บาท

       

      ที่อยู่ : 13/4 ม.6 ถนนศาลาธรรมสพน์ 42 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ
      ติดต่อ : 02-889-6941
      เว็บไซต์ https://www.baanploypoom.net/

      Facebook : https://www.facebook.com/baanploypoomkindergarten

       

      Editor : แม่เลม่อน

      ภาพ :  นันทิยา บุษบงศ์


      อ่านต่อบทความน่าสนใจ

        SX2023

        เปิดไฮไลท์ 8 โซนสุดอลัง “SX2023” มหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน

         เปิดไฮไลท์ 8 โซนสุดอลัง “SX2023” มหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน

        “สมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีกว่า Good Balance, Better World

        งานเดียวที่ครบทั้งสาระความรู้ เต็มอิ่มด้วยอาหารหลากหลาย ไปพร้อมกับเปิดประสบการณ์และมุมมองใหม่ที่กำลังอยู่ในประเด็นระดับโลก เพื่อร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลก ในงาน Sustainability Expo 2023  (SX2023) ที่ปีที่ 4 ตอกย้ำแนวคิดหลักของการจัดงาน “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” (Sufficiency for Sustainability)

        SX2023

        ที่จะชวนให้คุณได้ “ลงมือทำจริง” แพลตฟอร์มความร่วมมือขององค์กรชั้นนำระดับภูมิภาคและระดับโลก พร้อมด้วยภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายพันธมิตรทุกภาคส่วนทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ  ที่จะมาร่วมกันสร้างพลัง และปลุกกระแสด้านความยั่งยืนในมิติต่างๆ เพื่อสร้าง “สมดุลที่ดี เพื่อโลก ที่ดีกว่า” Good Balance, Better World

        ร่วมตื่นตาตื่นใจไปกับ 8 โซนหลัก ที่พร้อมเสิร์ฟสาระความรู้ด้านความยั่งยืนแบบย่อยง่ายและเข้าถึงได้จริงให้อย่างเต็มที่

        1. โซน SEP Inspiration ร่วมสัมผัสประสบการณ์โลกเสมือน PROLOGUE: WHAT IF THE WORLD…พาไปเข้าใจสมดุลใหม่ Ring of Balance ปลุกกระแส ถึงเวลาที่ต้องลงมือทำ พร้อมเจาะลึกหัวใจแห่ง SX แรงบันดาลใจจาก Sufficiency Economy Philosophy และ UNSDGs บอกเล่าเรื่องราวของโลกในมิติต่างๆ และความรู้ใหม่จากองค์กรที่เป็นนักปฏิบัติด้านความยั่งยืน

        SX2023

        2.โซน BETTER ME ร่วมสัมผัสนวัตกรรมอาหารกู้โลก การดูแลสุขภาพและชีวิตที่ยืนยาวอย่างยั่งยืน

        SX2023

        3. โซน BETTER LIVING พบกับตัวอย่างธุรกิจยั่งยืนโลก แสดงกระบวนการผลิตใส่ใจสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำที่น้อยคนจะได้เห็น พร้อมความพยายามเพื่อกอบกู้ฟื้นฟูสภาพภูมิอากาศเพื่อบรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero)

        SX2023

        4. โซน BETTER COMMUNITY จำลองสังคมเมืองในฝัน นวัตวิถีเพื่อชีวิตเท่าเทียม น่าอยู่ ปลอดภัย และยั่งยืน พบกับแบบบ้านพอเพียงเพื่อผู้ขาดแคลน แบบโครงสร้างเมืองใหม่เชื่อมถึงกันเต็มระบบ ชุมชนสร้างสรรค์เพื่อโอกาสเท่าเที่ยมในสังคมของทุกๆคน

        SX2023

        5. โซน BETTER WORLD รวบรวมงานศิลป์สะท้อนมุมมองความยั่งยืนในหลากหลายรูปแบบ อาทิ Nat Geo สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย และผลงานนานาชาติ 10 ประเทศ ASEAN ที่ยังไม่เคยชัดแสดงที่ใด จากโครงการ ASEAN SX PHOTO CONTEST และโครงการ Trash to Treasure เปลี่ยนขยะเป็นงานศิลป์ทรงคุณค่า

        6. SX Food Festival เทศกาลอาหารเพื่อโลกจากเชฟชื่อดัง พบกับธีม Thai Street Food Museum ที่จำลองจุด landmark ชื่อดังร่วมสมัยในกรุงเทพฯ เมืองเก่าภูเก็ต และหัวเมืองสำคัญของไทยมาไว้ในหนึ่งเดียว พร้อมเสิร์ฟอาหารเลิศรสที่ดีต่อคุณ ดีต่อโลก กับแนว Zero-Waste Cooking เรียนรู้การจัดการขยะอาหารเพื่อความยั่งยืนแบบเต็มรูปแบบ

        SX2023

        7. SX Marketplace พาช็อปสินค้างานคราฟโดนใจเพื่อชุมชนและสังคม

        SX2023

        8. SX Kids Zone ชวนน้องๆ มาสนุกกับการเรียนรู้และความน่าฉงนของโลกแห่งแมลงตัวจิ๋วกับบทบาทที่สำคัญต่อโลกที่ยั่งยืนใบนี้ พร้อมกิจกรรมเสริมทักษะความคิดอีกมากมาย

        SX2023

        ร่วมค้นหาคำตอบและกิจกรรมมากมายเพื่อโลกด้วยกันที่ : SUSTAINABILITY EXPO 2023 SX2023 : GOOD BALANCE, BETTER WORLD ตั้งแต่29 กันยายน – 8 ตุลาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

          เปิดตัวแบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก “Bébé Roo Baby Care” โดยแม่ ดิว อริสรา

          เพราะถ้าเป็นเรื่องของลูก #แม่ไม่ยอม เปิดสไตล์การเลี้ยงลูกฉบับ “ดิว – อริสรา” สู่แบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก “Bébé Roo Baby Care” ตอบโจทย์ความทุ่มเทที่จะดูแล และปกป้องลูกน้อย ของคุณแม่ยุคใหม่

          ดิว – อริสรา ทองบริสุทธิ์ เซเลบริตี้ และบทบาทความเป็นคุณแม่ของน้องไซลาส จัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ “เบเบย์ รูว เบบี้ แคร์ (Bébé Roo Baby Care)” แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแล และบำรุงผิวสำหรับเด็ก จากแรงบันดาลใจประสบการณ์การเลี้ยงลูกสไตล์ “Kangaroo Mom” ที่พร้อมสนับสนุนให้ลูกเติบโตได้อย่างสมดุล เน้นการให้อิสระในการค้นหา ปล่อยให้ลูกได้ทำผิดพลาดเพื่อการเรียนรู้ โดยมีแม่เคียงข้าง และคอยสนับสนุนอยู่เสมอ ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Bébé Roo Baby Care ผ่านการคัดสรร และนำเข้าส่วนผสมจากต่างประเทศ รวมถึงคิดค้นเทคโนโลยี และนวัตกรรมร่วมกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์โรคภูมิแพ้ และภูมิคุ้มกัน เพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ในการดูแลผิว
          ที่บอบบางของลูกน้อยมากที่สุด

                      “อะไรที่ว่าดี แม่ก็ไม่ยอมแพ้ที่จะทำเพื่อลูก” จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Bébé Roo Baby Care ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ทุกคน

          ดิว – อริสรา ทองบริสุทธิ์ CEO และผู้ก่อตั้งแบรนด์ เบเบย์ รูว เบบี้ แคร์ (Bébé Roo Baby Care) บอกเล่าบทบาทความเป็นคุณแม่กว่าหนึ่งปีเต็มว่า “เราพบว่าตนเองมีความตั้งใจที่จะสรรหาของใช้ที่ดีที่สุดเพื่อลูก จากทั้งแหล่งซื้อขายในไทย และต่างประเทศ ไม่ว่าจะต้องรอนาน หรือราคาแพง ขอแค่มีคำบอกเล่าว่าเป็นของดีก็พร้อมจะซื้อมาลองเพื่อค้นหาสิ่งที่ใช่ที่สุดสำหรับลูก จนเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการลองทำผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คนเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกในสไตล์เดียวกับเรา ปล่อยให้ลูกได้ค้นหาสิ่งที่ชอบ และเรียนรู้เรื่องราวใกล้ตัวผ่านการหยิบจับสิ่งของต่างๆ เพื่อสร้างพัฒนาการทั้งด้านความคิด และเติบโตสมวัย”

          “Kangaroo Mom” (แม่จิงโจ้) สไตล์การเลี้ยงลูกของคุณแม่ยุคใหม่ ให้ลูกเติบโตในแบบที่เป็นตัวเอง

          “ความรู้สึกเมื่อได้มาเป็นแม่คน เราไม่ได้คาดหวังให้ลูกเป็นตัวแทนเราในยุคสมัยนี้ และที่สำคัญไม่ต้องการเรียกร้องหรือต้องการให้ลูกใช้ชีวิตเพื่อเรา แค่อยากให้เขาได้เติบโตไปเป็นคนที่มีความสมดุลทั้งด้าน IQ และ EQ สามารถใช้ชีวิตแบบที่ตนเองต้องการได้อย่างมีความสุข เราได้ศึกษาสไตล์การเลี้ยงลูกแบบต่างๆ และรู้สึกถูกใจกับแนวคิด “Kangaroo Mom”
          ที่เน้นอิสระให้ลูกได้ค้นหา และทำกิจกรรมที่ชอบด้วยตนเอง โดยพ่อแม่จะไม่เข้าไปบังคับ หรือตีกรอบมากจนเกินไป
          ปล่อยให้ลูกได้ทำผิดพลาดเพื่อการเรียนรู้ แต่มีแม่คอยสนับสนุนอยู่ข้างๆ เสมอเวลาที่ลูกต้องการ เหมือนอย่างแม่จิงโจ้
          ที่ทะนุถนอมลูกน้อยไว้ในกระเป๋าหน้าท้อง ก่อนจะปล่อยให้เผชิญโลกกว้างเต็มที่เมื่อถึงเวลา ซึ่งการเลี้ยงลูกด้วยแนวคิดนี้
          คนเป็นแม่ต้องเตรียมพร้อมที่จะป้องกันไม่ให้ลูกต้องเผชิญกับอันตรายต่างๆ รวมถึงความสกปรก มลภาวะ ซึ่งจะนำไปสู่การเจ็บป่วยได้ อย่างดิวเองก็เลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่มั่นใจได้ว่าจะชะล้างสิ่งสกปรกได้หมด ที่สำคัญเน้นที่ความปลอดภัย และปกป้องได้อย่างอ่อนโยน เพื่อให้การเลี้ยงลูกสไตล์แม่จิงโจ้ของเราเป็นไปอย่างราบรื่น อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจในการ
          ตั้งชื่อแบรนด์ Bébé Roo ซึ่งมาจากคำว่า Kangaroo อีกด้วย”

          อัดแน่นด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ จริงจังเรื่องการดูแลและปกป้องผิวลูกน้อย

          เพราะความตั้งใจที่จะส่งมอบประสบการณ์ดูแล และปกป้องลูกน้อยอย่างดีที่สุดให้กับคุณแม่ท่านอื่นๆ Bébé Roo Baby Care จึงนำเข้าสารสกัดที่มีความโดดเด่นจากต่างประเทศ รวมถึงคิดค้น และพัฒนาสารสกัดจากธรรมชาติมาใส่ไว้
          ในผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์สไตล์การเลี้ยงลูกแบบคุณแม่ยุคใหม่ที่อยากให้ลูกได้เรียนรู้ และเผชิญโลกด้วยตนเอง
          ในขณะเดียวกันก็ปกป้องผิวบอบบางจากสิ่งสกปรกได้อยู่หมัด อาทิ

          • เซนเซีย แคโรต้า (Sensia Carota) สารสกัดจากแครอท อันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ Bébé Roo Baby Care มีคุณสมบัติในการปลอบประโลม และปกป้องผิวบอบบางเสมือนผิวหนังชั้นที่ 2 มอบความชุ่มชื้น และปรับจุลินทรีย์ในผิวให้อยู่ในภาวะสมดุล
          • โพลูสตอป (PolluStop) กลไกการปกป้องผิวหนัง และช่วยชำระสิ่งสกปรก จากมลภาวะที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
          • ไฮโดรมานิล (Hydromanil) สารสกัดธรรมชาติจาก “ต้นทาร่า” ผสานเทคโนโลยี ยี 3D-Matrix ช่วยในการปลดปล่อยสารสำคัญเข้าสู่ผิวอย่างต่อเนื่องยาวนาน มอบความชุ่มชื้นให้ผิวได้ทันทีเมื่อเข้าสู่ผิว ลดอาการผิวหลุดลอก
          • เซนเซอรีน (Senseryn) นวัตกรรมจากธรรมชาติ สารสำคัญจาก “ออร์แกนิคฮอบส์” ที่อุดมไปด้วยสาร Polyphenol มีคุณสมบัติจับกับ Bitter Taste Receptor (T2Rs) กระตุ้นการสร้าง Anti- microbial ลดการอักเสบ และรอยดำ
            ช่วยปกป้อง และฟื้นฟูผิวแพ้ง่ายให้กลับมาแข็งแรง
          • ดีเฟนซิล พลัส (Defensil Plus) สารสกัดจากสามทหารเสือแห่งธรรมชาติ Blackcurrant, Ballon Vine และ
            ต้นทานตะวัน ช่วยลดการอักเสบ ลดระคายเคือง และผื่นผิวหนังจากการอักเสบ

          ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Bébé Roo Baby Care ประกอบไปด้วยกลุ่มที่เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับดูแล และบำรุงผิว ได้แก่

          • Bébé Roo Head to Toe Hair & Body Washสบู่เหลวอาบน้ำ และแชมพูสระผมที่มีความอ่อนโยน
          • Bébe Roo Body Lotion – โลชั่นถนอมผิวเด็กเนื้อเข้มข้น ที่มอบความชุ่มชื้น เสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
          • Bébe Roo 3 in 1 Baby Balm – ผลิตภัณฑ์ 3 in 1 เบบี้บาล์มที่ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาแข็งแรง

          และในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และลดการสะสมเชื้อโรคอย่างอ่อนโยน ทิชชู่เปียก (Wet Wipes) แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่

          • Bébé Roo Baby Wet Wipes – ผ้าเช็ดทำความสะอาดผิวแบบเปียก ปราศจากแอลกอฮอล์ และน้ำหอม
          • Bébé Roo Hygiene Wipes – ผ้าเช็ดทำความสะอาดผิวแบบเปียก สูตรแอลกอฮอล์ Foodgrade สำหรับลดการสะสมของเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย รวมถึงเชื้อราทุกชนิด

          “ดิวเชื่อว่าคุณแม่ยุคใหม่มีจุดร่วมที่เหมือนกัน คือเราชื่นชอบการศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับการดูแลลูกอยู่เสมอ ที่สำคัญคือไม่หวงที่จะแบ่งปันเคล็ดลับ หรือสิ่งดีๆ ที่จะทำให้ลูกน้อยมีความสุขทั้งกายใจกับคุณแม่ท่านอื่น ซึ่ง Bébé Roo Baby Care คือความตั้งใจของดิวที่อยากแบ่งปันประสบการณ์การดูแล และปกป้องลูกอย่างเต็มที่ให้คุณแม่ทุกท่านได้สัมผัส และรู้สึกภูมิใจกับการได้เห็นลูกของเราเติบโตอย่างมีคุณภาพ”

          สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ สามารถหาซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และร้านขายยาชั้นนำ อาทิ Gourmet market,
          Villa market, Foodland, Fascino ร้านขายของแม่และเด็ก และผ่านช่องทางออนไลน์ทาง Lazada และ Line shopping สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เด็กแบรนด์ Bébé Roo Baby Care ได้ที่ Official IG: beberoobabycare https://www.instagram.com/beberoobabycare/

            Tags

            โรคที่มากับหน้าฝน

            พ่อแม่สังเกตลูกให้ดี! ไข้สูง ไอถี่ มีเสมหะ นี่คืออาการ ของ 4 โรคฮิต โรคที่มากับหน้าฝน

            เข้าฤดูฝนแล้ว เด็กๆ ป่วยบ่อย ซึ่ง โรคที่มากับหน้าฝน เป็นโรคสุดฮิต มีทั้ง rsv, มือเท้าปาก, ไข้หวัดใหญ่ และไข้เลือดออก แล้วแต่ละโรคจะมีอาการอย่างไร พ่อแม่ควรรู้ จะได้รับมือทัน!

            อาการ 4 โรคฮิต ช่วงหน้าฝน สังเกตลูกให้ดี!!

            เมื่อถึงเดือน สิงหาคม-กันยายน ก็เข้าสู่ช่วงฤดูฝนแบบเต็มตัว ฝนตกทุกวัน อากาศเริ่มเย็นลงและมีความชื้นเพิ่ม ทำให้เชื้อโรคหลายชนิดสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น โดย โรคที่มากับหน้าฝน พบบ่อยส่วนมากในช่วงฤดูฝนมีหลายกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจกลุ่ม โรคติดต่อทางน้ำดื่มและอาหาร กลุ่มโรคที่มียุงเป็นพาหะ กลุ่มโรคติดเชื้อทางบาดแผลและเยื่อบุผิวหนัง รวมถึงโรคมือเท้าปากที่มักพบบ่อยในเด็ก ซึ่งในครั้งนี้ พญ.เบญจวรรณ สังฆะวะดี แพทย์เฉพาะทางกุมารเวชศาสตร์โรคระบบทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤต โรงพยาบาลบางปะกอก 9 จะมาแนะนำคุณพ่อคุณแม่เฉพาะอาการเจ็บป่วยในเด็กช่วงหน้าฝน กับ 4 โรคฮิต ได้แก่

            โรคมือเท้าปาก

            เกิดจากเชื้อไวรัส (Enterovirus , Coxsackie) พบได้ประปรายตลอดทั้งปี แต่จะพบมากในฤดูฝน สำหรับกลุ่มอาการของโรค เด็กจะมีไข้ ผื่น ตุ่มน้ำใสตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า แผลในปาก บางรายอาจมีผื่นที่ขาและก้นร่วมด้วย พบมากในเด็กอนุบาล

             

            โรคไข้หวัดใหญ่ หรือ Influenza

            โรคไข้หวัดใหญ่ เป็น โรคที่มากับหน้าฝน เป็นโรคที่พบบ่อยในคนทุกเพศทุกวัย พบได้เกือบทั้งปีเพราะไทยอยู่ในเขตร้อนชื้น แต่จะเป็นมากในช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของอาการไข้ที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน  อาการที่พบ ได้แก่ มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัวและกล้ามเนื้อ ไอ หรือเจ็บคอ ซึ่งเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องจะมีโอกาสเสี่ยงและมีอาการรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่น แนะนำให้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปีก่อนเข้าฤดูกาลระบาดของโรค

             

            โรคไข้เลือดออก

            เป็นโรคเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue) โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค พบการระบาดสูงในช่วงฤดูฝน เพราะมีบริเวณน้ำขังอันเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย อาการที่บ่งบอกว่าเป็นไข้เลือดออก คือ ไข้สูง (39-40 องศาเซลเซียส) อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อยตามตัว ปวดท้อง (โดยเฉพาะด้านขวาบน) คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร อาจมีเลือดออกที่ตำแหน่งต่าง ๆ โดยที่พบบ่อยที่สุดคือบริเวณผิวหนัง ลักษณะเป็นจุดเลือดออกเล็ก ๆ กระจายตามแขนขาลำตัว

             

            RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus 

            เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคทางระบบทางเดินหายใจที่สำคัญ อาจมีอาการรุนแรงในทารกที่คลอดก่อนกำหนด เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี และเด็กที่มีโรคประจำตัว เช่นโรคปอด โรคหัวใจ

            ไวรัส RSV ติดต่อผ่านสารคัดหลั่งต่างๆ เช่น น้ำมูก น้ำลาย หรือการสัมผัส อาการที่พบได้แก่ ไอ มีเสมหะ มีน้ำมูก ในรายที่มีอาการรุนแรง จะมีอาการหอบ เหนื่อย  จากการอักเสบของหลอดลมและปอด

             

            การป้องกัน โรคที่มากับหน้าฝน ให้ลูกน้อย สามารถทำได้ดังนี้

            • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
            • สวมเสื้อผ้ารักษาร่างกายให้อบอุ่น เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรค โดยเฉพาะเด็กกับผู้สูงอายุควรดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากสภาพอากาศมีความชื้นสูง หนาวเย็น จะทำให้ร่างกายที่มีระดับภูมิต้านทานโรคต่ำกว่าคนวัยอื่น ๆ อยู่แล้ว จะต่ำลงไปอีก จึงมีโอกาสติดเชื้อโรคทางเดินหายใจได้ง่าย
            • ควรดื่มน้ำสะอาด รับประทานอาหารที่สะอาดปรุงสุกใหม่ ๆ ไม่มีแมลงวันตอม
            • ล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง

            รวมไปถึงการฉีดวัคซีน และการตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำปี เพราะหากร่างกายมีเกราะป้องกันที่แข็งแรง หรือมีภูมิคุ้มกันที่ดี ก็ทำให้ชีวิตของคุณห่างไกลจากโรคร้ายต่างๆได้ หรือหากมีการติดเชื้อก็อาจมีความรุนแรงน้อยลง รวมถึงโอกาสในการรักษาก็เพิ่มสูงขึ้น

            โรคที่มากับหน้าฝน


            ขอบคุณข้อมูลจาก แพทย์หญิงเบญจวรรณ สังฆะวะดี

            แพทย์เฉพาะทางกุมารเวชศาสตร์โรคระบบทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤต โรงพยาบาลบางปะกอก 9

            โรงพยาบาลบางปะกอก 9 (bpk9internationalhospital.com)

             

            อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก

              คลอดธรรมชาติ หรือ ผ่าตัดคลอด ต่างกันอย่างไร?

              คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์นั้นมักมีคำถามในใจว่าเราควรคลอดแบบไหนดี? แบบไหนถึงจะเหมาะ ข้อดีและข้อเสียของการคลอดแบบต่างๆ เป็นอย่างไร ซึ่งในวันนี้เราได้รวบรวมการคลอดแบบต่างๆ รวมถึงข้อเปรียบเทียบให้คุณแม่ได้ตัดสินใจกัน

              ข้อดีของการคลอดแต่ละแบบ

              การผ่าคลอด

              1. ไม่ต้องรอเจ็บท้องนาน
              2. ไม่เสี่ยงภาวะแทรกซ้อนระหว่างรอคลอด
              3. ไม่เจ็บระหว่างทำคลอด
              4. สามารถกำหนดวันเวลาคลอดได้
              5. หากสภาวะครรภ์มีความเสี่ยงจะช่วยให้ปลอดภัยได้ดีกว่าคลอดแบบธรรมชาติ
              6. สามารถทำหมันได้เลย

              การคลอดธรรมชาติ แบบคลอดปกติ

              1. ร่างกายฟื้นตัวเร็ว
              2. เสียเลือดน้อยกว่าผ่าคลอด
              3. หลังคลอดมดลูกหดตัวเล็กลง
              4. ไม่มีแผลผ่าตัด และแผลที่มดลูก
              5. หุ่นเข้าที่เร็วกว่าผ่าคลอด
              6. ทารกมีภูมิคุ้มกันที่ดีจากแบคทีเรียชนิดดีในช่องคลอด
              7. ทารกได้รับการบีบของเหลวออกจากปอดขณะคลอด

              ข้อเสียของการคลอดแต่ละแบบ
              การผ่าคลอด

              1. ความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนจากการดมยาสลบหรือ บล็อกหลังสูง
              2. ฟื้นตัวช้าแผลผ่าหายช้า
              3. เกิดรอยแผลเป็นที่หน้าท้องจากการผ่า
              4. เกิดแผลที่มดลูกทำให้เสี่ยงในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป
              5. เสียเลือดมากกว่าคลอดเอง
              6. อาจเกิดภาวะหนาวสั่นหลังคลอด
              7. หากท้องแรกผ่าแล้วการท้องครั้งต่อไปต้องผ่าเท่านั้น

              การคลอดธรรมชาติ แบบคลอดปกติ

              1. ระหว่างคลอดและรอคลอดอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ทำให้ต้องผ่าคลอดฉุกเฉิน
              2. ต้องทนเจ็บนานกว่าจะคลอด
              3. มีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อในช่องคลอด
              4. กำหนดวันเวลาคลอดไม่ได้

              คลอดแบบไหนเหมาะกับใครบ้าง ?

              1. การผ่าคลอด เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ภาวะครรภ์ไม่ปกติหรือไม่สามารถคลอดเองได้ “จำเป็น” ต้องผ่าคลอด ด้วยข้อบ่งชี้ทางสูติศาสตร์ เช่น เด็กท่าก้นหรือไม่กลับหัว เด็กตัวโต อุ้งเชิงกรานมารดาแคบ ทารกมีความพิการที่ไม่สามารถคลอดเองได้ ปากมดลูกไม่เปิดหรือเปิดช้า หรือทารกมีภาวะหัวใจเต้นช้า เป็นต้น
              2. การคลอดธรรมชาติ แบบคลอดปกติ เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ร่างกายแข็งแรง และมีภาวะครรภ์ปกติ

              เมื่อคุณแม่ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับความแตกต่างของการคลอดธรรมชาติหรือผ่าตัดคลอดแล้ว ก็ไม่ต้องเป็นกังวลมากเกินไปนัก ค่อยๆ พิจารณาและนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจถึงความเหมาะสมของคุณแม่แต่ละท่าน อย่างไรก็ตามสิ่งที่คุณแม่ควรทำมากที่สุด นั่นคือ การดูแลสุขภาพครรภ์ของตัวเอง หากมีสิ่งที่ผิดปกติเกิดขึ้นอย่ามัวแต่นั่งกังวล คิดมาก ควรรีบไปพบแพทย์ที่ทำการฝากท้องไว้จะดีที่สุด เพราะความปลอดภัยของลูกน้อยในท้องนั้นเป็นเรื่องสำคัญ

              และหากคุณแม่ท่านใดที่กำลังมองหาโปรแกรมคลอดเหมาจ่าย โรงพยาบาล บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ ยินดีให้บริการไม่ว่าจะเป็นการคลอดปกติ (นอน รพ.3 วัน 2 คืน) ราคา 39,900 บาท และการผ่าตัดคลอด (นอน รพ. 4 วัน 3 คืน) ราคา 49,900 บาท ถึง 31 ธันวาคม 2566 นี้ และโรงพยาบาล บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ เราพร้อมดูแลทุกชีวิตที่เกิดใหม่อย่างมีคุณภาพ ด้วยประสบการณ์และความชำนาญของทีมสูตินรีแพทย์ และกุมารแพทย์ อีกทั้งพร้อมรับประสิทธิประโยชน์มากมายสำหรับคุณแม่และลูกน้อย

               โรงพยาบาล บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ ขอเสนอ โปรแกรมคลอดเหมาจ่าย พร้อมสิทธิประโยชน์สำหรับคุณแม่ และลูกน้อย

              รายละเอียด คลิก >> https://www.bcaremedicalcenter.com/promotion-detail/6


              สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ศูนย์สุขภาพสตรี ชั้น 1 อาคารปานปิติ โทร 02 532 4444 ต่อ 2103, 2104

                Tags

                พาทัวร์ โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล โรงเรียนนานาชาติ แนวใหม่ ปลูกฝังความเป็นไทย อย่างสร้างสรรค์

                School Visit วันนี้…ขอยินดีต้อนรับสู่ โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล (Thai International School หรือ TIS) บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ได้รับการจัดสรรพื้นที่กลางแจ้งและพื้นที่ในร่มอย่างสมดุล ไม่ว่าจะเป็นสระน้ำธรรมชาติ สวนผักออร์แกนิก เล้าไก่ สนามเด็กเล่น สนามกีฬากลางแจ้งต่างๆ พร้อมทั้งอาคารเรียนทรงกลมที่ออกแบบมาให้มองเห็นกันทุกห้องและมีอากาศบริสุทธิ์หมุนเวียนตลอดเวลา ภูมิปัญญาและเทคโนโลยีเพื่อการจัดการที่ยั่งยืน (Sustainability) สามารถพบให้ได้ทั่วพื้นที่โรงเรียน

                “ยิ่งสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการใช้ชีวิตและเรียนรู้อย่างไม่ปิดกั้นมากเท่าไหร่ เด็กๆจะยิ่งมีความสุข กล้าคิด กล้าแสดงออก และมีประสบการณ์ชีวิตเพิ่มมากขึ้น” คุณปอนด์ ชยพล หลีระพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนกล่าวกับ ทีมแม่ABK

                “เด็กจะมีความรู้ ความสามารถแบบฝรั่ง แต่คงอัตลักษณ์ความเป็นไทย นั่นเป็นเป้าหมายของทางโรงเรียน” คุณปอนด์เสริม

                ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โรงเรียนจำเป็นต้องปรับวิธีการสอนมากขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าเด็กๆ จะพร้อมสำหรับความท้าทายในอนาคต การเรียนรู้ท่องจำแบบดั้งเดิมซึ่งเด็กๆ เป็นผู้รับข้อมูลทางเดียวนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป ประสบการณ์ต่างหากสามารถที่จะเชื่อมโยงกับความจริงและวิชาต่างๆ จนกลายมาเป็นการเรียนแนวใหม่ที่ให้เด็กๆมีส่วนร่วมพร้อมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ในแบบที่การศึกษาแบบดั้งเดิมทำไม่ได้ เราเรียกปรากฏการณ์นั้นว่า “Phenomenon Based Learning”

                Academic with Phenomenon Based Learning

                ไฮไลท์ของ โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล TIS คือ การเรียนรู้จากปรากฏการณ์เป็นรูปแบบการศึกษาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ คือ การเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์ที่พบได้ในโลกแห่งความเป็นจริง (Phenomena) เป็นหลัก มุ่งเน้นให้นักเรียนสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองข้อมูลและความรู้คือผลที่เกิดจากการแก้ปัญหา (Problem – solving)

                โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

                ด้านหน้าอาคารเรียนหลัก ของ โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

                โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

                ภายในอาคารเรียนที่สามารถมองถึงกันทุกห้อง

                โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

                สระน้ำธรรมชาติในโรงเรียน

                Action Speaks Louder เพราะลงมือทำสำคัญกว่า

                TIS ใช้ระบบการศึกษาแบบ American Common Core Curriculum ซึ่งเป็นมาตรฐานทางวิชาการที่นักเรียนทุกคนต้องเรียนรู้ในแต่ละระดับชั้น ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ในด้านภาษาอังกฤษ ด้านศิลปะ และด้านคณิตศาสตร์

                หลักสูตรกำหนดหัวข้อหลักที่นักเรียนต้องผ่านเกณฑ์การประเมิน (ตามพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย)

                 

                ในขณะที่ เนื้อหา รายละเอียด ตำราเรียนแต่ละโรงเรียนสามารถเลือกได้อย่างอิสระ สามารถปรับใช้งานให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและบริบทของสังคมที่เปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา โดยธรรมชาติของหลักสูตรแบบอเมริกันจะเน้นให้นักเรียนได้แสดงออก กล้าคิด เขียน บรรยายอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกหรือผิด เมื่อไม่มีกรอบมาจำกัดนักเรียนก็จะสามารถแสดงออกในทุกๆด้านได้อย่างฟรีสไตล์ เช่น Nursery – K2 การเรียนแบบบูรณาการ Play and Learn เน้นการฟัง พูด กล้าแสดงออกเป็นหลัก (Free Speech)  

                 

                TIS ใช้ตำราเรียนของ McGlaw Hill และวัดมาตรฐานจาก Measuring Academic Progress (โรงเรียนหลักสูตรอเมริกันทั่วโลกใช้ระบบนี้)

                โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

                นักเรียนสนุกกับการ play and learn

                 

                ครูทุกสาขาที่ TIS ต้องมา brainstorm เพื่อนำวิชาการของตัวเองมาเชื่อมเข้าหากัน มุ่งสู่ Phenomenon Based Project ของนักเรียน บทบาทของครูที่ TIS คือการเป็นผู้อำนวยความสะดวกมากกว่าผู้สอน คอยชี้แนะและกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของนักเรียน กระตุ้นให้พวกเขาถามคำถามและมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาร่วมกัน นักเรียนจะถูกกระตุ้นให้คิดอย่างมีวิจารณญาณ นำความรู้จากวิชาต่างๆ ไปใช้ และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์

                นักเรียนที่ TIS จะได้รับมุมมองแบบองค์รวมเกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่างๆ ภายใต้กระบวนการวิเคราะห์ ไม่เพียงแต่ได้รับเนื้อหาวิชาเท่านั้น แต่ยังพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกัน เด็กเล็กจะได้ทำ Project เทอมละ 1 ครั้งโดยครูจะเป็นผู้กำหนดหัวข้อให้ เช่น หัวข้อ “Recycle เด็กโตจะได้ทำ Projects เทอมละ 2 ครั้ง โดยสามารถเลือกหัวข้อได้เองอย่างอิสระ

                 

                Intensive อังกฤษ ไทย จีน และภาษาที่ 4

                ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักที่ใช้ภายในโรงเรียน สำหรับภาษาไทย นักเรียนจะเรียนวันละ 1 คาบทุกวัน ภาษาจีนจะเรียนสัปดาห์ละ 4 คาบ นักเรียนทุกคนต้องสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีนให้ผ่าน HKS2 และตั้งแต่ G5 เป็นต้นไปนักเรียนจะได้เลือกเรียนภาษาที่ 4 อาทิเช่น ภาษาญี่ปุ่น เกาหลี สเปน หรือภาษาอื่นๆ

                โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

                Reading Session

                โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

                Interactive Reading Session

                 

                รู้รอบ รอบรู้ Life Skills

                Life Skills ของทาง TIS มอบประสบการณ์นอกห้องเรียนให้แก่นักเรียน เพราะเชื่อว่ายิ่งลงมือปฏิบัติมากขึ้นเท่าไหร่ ทักษะในการใช้ชีวิตก็จะเพิ่มขึ้น

                Life Skills สุดว้าวของ TIS ได้แก่

                กิจกรรมปลูกผักออร์แกนิก ผลผลิตที่ได้นำมาใช้ประกอบอาหารในโรงเรียน อีกส่วนนำมาขาย

                การเรียนรู้การเป็นเจ้าของกิจการ ร้านของชอบ นักเรียนจะได้บริหารร้าน รับออเดอร์จากแพลตฟอร์มต่างๆ สนุกจนลืมไปว่านี่คือวิชาในโรงเรียน

                วิชา Cooking โดยคุณปอนด์ ทักษะในการประกอบอาหาร จะเด็กๆจะมีเสน่ห์มือจวัก

                “Music ทั้งร้อง เต้น เล่นเครื่องดนตรี โดยครูอาร์ท AF” ตอบโจทย์เด็กๆผู้มีจังหวะและดนตรีในหัวใจ

                “Art” เพราะชีวิตนั้นสั้น แต่ศิลปะยืนยาว

                “Meditationโดยมูลนิธิจิตตานุภาพ นำมาซึ่งความสงบ สติ และปัญญา

                “Independent Study” ได้ร่วมทำกิจกรรมกับ เพื่อน พี่ น้อง หมุนเวียนเปลี่ยนไป ฝึกการอยู่ร่วมกับใครก็ได้

                โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

                กิจกรรมเลี้ยงสัตว์หลังเลิกเรียน

                Psychomotor Skills หลักสูตรทักษะกลไกการเคลื่อนไหว

                คือ โปรแกรมที่พัฒนาความพร้อมด้านร่างกายและทางสมองของเด็ก ตั้งแต่ชั้น Nursery ขึ้นไปให้สัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ

                ให้ความสําคัญในการปูพื้นฐานทักษะกลไกการเคลื่อนไหวที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย ส่งผลให้เกิดความพร้อมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมที่ดี มีความมั่นใจ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ มีบุคลิกภาพที่ดี ทําให้สามารถเล่นกีฬาต่างๆได้ดี พัฒนาไปสู่กีฬาเฉพาะทางต่อไปได้อย่างรวดเร็ว

                Psychomotor Skills

                And Why Coding?

                Coding มาจากภาษาอังกฤษว่า Code ที่แปลว่าการเข้ารหัส
                รหัสคือการจำลองการทำงานของมนุษย์ทีละขั้น แต่เป็นขั้นที่เล็กที่สุด มนุษย์นำมาสร้างทีละหนึ่งขั้นเพื่อให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ
                “การที่เราจะสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน เราหรือโปรแกรมเมอร์ต้องคิดให้เป็นขั้นตอน เพราะคอมพิวเตอร์ไม่มีทางทำเองได้”
                การทำงานของคำว่า Coding จึงถูกนำมารวมในหลักสูตร เพื่อฝึกทักษะการแก้ปัญหา (Problem Solving Skill) อย่างเป็นขั้นตอนให้เด็กๆ “ทักษะแบบนี้เหมาะกับการสร้างนวัตกร ฝึกการเป็นผู้สร้าง เด็กในศตวรรษใหม่จำเป็นต้องเรียนเพื่อฝึกทักษะนี้ คอนเทนต์อาจจะไม่สำคัญเท่าทักษะในการทำงาน แก้ปัญหา จึงจะดำเนินชีวิตได้” นักเรียน TIS จะเริ่มเรียน Coding ตั้งแต่ K3

                โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

                ภาพบรรยากาศนักเรียนช่วยกัน Brainstorm

                 

                ระบบการบ้านแบบอัจฉริยะ

                ที่ TIS จะใช้ระบบการบ้าน Adaptive แบบอัจฉริยะ หรือ ISL ขอแค่เพียงผู้ปกครองไม่ช่วยนักเรียนแต่รับรองว่านั่นคือการสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้แก่ตัวนักเรียนเอง!

                • ระบบทำการบ้านบนคอมพิวเตอร์
                • หากตอบถูก ข้อต่อไปจะยากขึ้น
                • หากตอบผิด ข้อต่อไปจะง่าย
                • หากทำผิดข้อใดซ้ำๆกัน ครูจะสามารถทราบว่านักเรียนขาดความเข้าใจเรื่องอะไรและสามารถแก้ไขได้ตรงจุด

                โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

                คุณครูอธิบายในข้อที่นักเรียนผิดบ่อยๆ

                 

                Breakfast at TIS

                ที่ TIS เสิร์ฟอาหารถึง 3 มื้อ!เนื่องจากปีแรกที่เปิดโรงเรียน ทางโรงเรียนเห็นผู้ปกครองจอดรถเต็มลานจอดและนั่งป้อนข้าวเด็กๆ

                จึงจุดประกายความคิดว่า TIS จะเสิร์ฟอาหารเช้าที่โรงเรียน (นอกเหนือจากโรงเรียน TIS ครอบครัวของคุณปอนด์ยังทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร)ทุกเช้าจะมีเชฟจากร้านอาหาร อาจารย์มัลลิการ์ มาทำอาหารให้นักเรียนสดๆใหม่ๆ

                หลังเข้าแถวเคารพธงชาติ..วิ่งเล่นสักครึ่งชั่วโมง(เด็กเล็ก)..เด็กๆจะได้รับประทาน Full Breakfast ที่หลากหลาย อาทิเช่น แพนเค้ก โจ๊ก ซุปฟักทองจากนั้นก็เป็นอาหารกลางวัน และ อาหารว่างยามบ่ายที่ยิ่งไปกว่านั้น ในเด็กเล็ก ไม่มีโรงอาหาร! … แต่จะใช้รถเข็นอาหารมาตามห้องให้เด็กๆตักอาหารเสิร์ฟเพื่อฝึกงานบริการ

                โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

                โรงอาหารสะอาดได้มาตรฐาน อาหารครบ 5 หมู่

                โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

                คุณปอนด์ ชยพล หลีระพันธ์ ผู้อำนวยการ โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

                5 สิ่งพิเศษที่ทำให้เด็กๆอยากมาโรงเรียนทุกวัน

                1. Breakfast at TIS แสนอร่อยที่โรงเรียนเสิร์ฟให้ทุกเช้า
                2. เพื่อนสัตว์น้อยใหญ่ที่คอยให้เด็กๆได้ไปเยี่ยมและดูแลทุกวัน
                3. ห้องสมุดโชว์ปกหนังสือที่เหมือนลานกิจกรรมมากกว่า
                4. สนามกีฬาและเครื่องเล่นครบครัน ที่เด็กๆอยากเล่นจนแทบไม่อยากกลับบ้าน
                5. เมื่อไหร่จะถึงวิชา Life Skills สักที สนุก ตรงจุด ตอบโจทย์ผู้ใหญ่ตัวจิ๋ว

                Mommy Loves This!

                1. คณะผู้บริหารโรงเรียนมีประสบการณ์เกือบ 4 ทศวรรษ
                2. อาหารเช้าที่ทางโรงเรียนจัดให้ อิ่ม อร่อย โภชนาการครบถ้วน
                3. ไม่ต้องกลัวเด็กไม่อยากมาโรงเรียน เพราะการมาโรงเรียนเหมือนกับมาแคมปิ้ง
                4. ทางโรงเรียนติดเครื่องฆ่าเชื้อไวรัส โดยตรง ไม่ใช่เครื่องฟอกอากาศ คุณภาพสูงมาตรฐานโรงพยาบาลไว้ทุกๆห้อง และทางโรงเรียนยังตรวจอุณหภูมิและคัดกรองโรคติดต่อก่อนเข้าโรงเรียนทุกวัน
                5. การเดินทางสะดวกสบายและมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยในการรับส่งนักเรียนสูงมาก
                6. แม้ว่า TIS จะเป็นโรงเรียนนานาชาติ นักเรียนไทยและนักเรียนต่างชาติต่างก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทย นักเรียนไทยได้สืบสานความเป็นไทยในฐานะที่เป็นคนไทย ส่วนนักเรียนต่างชาติ จะได้เรียนรู้การใช้ชีวิต เข้าใจและปรับตัวเข้ากับคนไทย

                การรับสมัครนักเรียน

                • Preschool/ ระดับชั้นเตรียมอนุบาล ถึง อนุบาล 3
                • Primary School: ระดับชั้น เกรด 1-6 (6-12 ปี)

                *ปัจจุบันรับสมัครนักเรียนระดับชั้นเตรียมอนุบาล ถึง เกรด 6

                สถานที่ติดต่อ : 456 ม.5 ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี 12000
                เบอร์โทรติดต่อ : 063-838-9900
                Email : info@thaiinternationalschool.ac.th
                Facebook Fanpage : www.facebook.com/Thaiinternationalschool
                Website : www.thaiinternationalschool.ac.th

                สามารถนัดหมายเพื่อเยี่ยมชมโรงเรียนได้ทุกวัน

                ตั้งแต่วัน จันทร์ – ศุกร์

                เวลา 8.00 – 17.00 น.

                 

                Editor : แม่พลอยผิง

                ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

                 


                อ่านต่อบทความน่าสนใจ

                  คอลเกต Brand of The Day โปรยดีลปัง ร่วมกันรักษ์โลก

                  คอลเกต จัดเต็ม โปรดีๆ กับผลิตภัณ์ที่ร่วมกันรักษ์โลก คัดสรรอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้วย

                  Reduce – ออกแบบผลิตภัณฑ์ขนาดใหม่สำหรับครีมอาบน้ำแบบถุงเติม เพื่อลดการใช้พลาสติก

                  Reuse – ไหมขัดฟันพลังน้ำ คอลเกต ใช้พลังงานจากธรรมชาติในการทำความสะอาดช่องปาก
                  นำกลับมาใช้ซ้ำได้ทุกวัน และวัสดุสามารถแยกชิ้นส่วนและนำไปรีไซเคิลได้

                  Recycle – ยาสีฟัน คอลเกต วัสดุรีไซเคิลได้ 100%

                  10 ก.ย. 66 วันเดียวเท่านั้น
                  คอลเกต ลดทั้งร้านสูงสุด 76% + โค้ดลดสูงสุด 2,500.-
                  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่:
                  https://shopee.co.th/colgatepalmolive_official

                    Tags

                    โรงเรียนทอสี อยากให้ลูกเรียนดี มีความสุขและมีคุณธรรมไปพร้อมกัน อีกหนึ่ง โรงเรียนทางเลือก ตอบโจทย์พ่อแม่ยุคใหม่

                    School Visit วันนี้จะพามาเยี่ยมชม โรงเรียนทอสี โรงเรียนขนาดย่อม บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ ใจกลางกรุงเทพฯ เป็น โรงเรียนทางเลือกโรงเรียนหนึ่งที่ ทีมแม่ ABK อยากแนะนำ เพราะที่นี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถ้าคุณอยากให้ลูกเรียนดี มีความสุขและมีคุณธรรมไปพร้อมๆกัน รับรองว่าโรงเรียนนี้ตอบโจทย์แน่นอน

                    โรงเรียนทอสีก่อตั้งโดย ครูอ้อน-บุบผาสวัสดิ์ รัชชตาตะนันท์ เมื่อปี พ.ศ. 2534 ช่วงปีแรกๆเปิดสอนแค่ระดับชั้นอนุบาล โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการอยากทำโรงเรียนสำหรับลูกหลาน ก่อนที่ภายหลังจะเปิดชั้นเรียนระดับประถมศึกษา 1-6 ในปี พ.ศ. 2542 ซึ่งทางโรงเรียนได้รับความเมตตาจาก พระธรรมพัชรญาณมุนี ( พระอาจารย์ ชยสาโร )ให้คำแนะนำหลักสูตรพุทธปัญญามาปรับใช้ โดยมีหลักการพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ที่สุด ไม่ใช่แค่พัฒนาให้มีความรู้เพื่อที่จะไปสอบเพียงอย่างเดียว โดยนำพุทธธรรมมาประยุกต์ใช้ในวิถีชีวิต การจัดการเรียนการสอนใช้วิธีบูรณาการคุณธรรมและจริยธรรมเข้าไปในบทเรียน ให้เด็กๆ ได้ซึมซับวิถีพุทธในชีวิตประจำวันอย่างเป็นธรรมชาติและเรียนรู้รอบด้านทั้งการเรียนและการใช้ชีวิต สอนให้รู้จักความสุขแบบง่ายๆ ไม่ต้องไปแก่งแย่งหรือแข่งขันกับใคร แต่ให้แข่งขันกับตัวเองในวันนี้และที่ผ่านมา  เด็กๆจะพร้อมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีความสุขพร้อมเผื่อแผ่ให้คนรอบข้างและสังคม การเรียนจะเกิดตลอดเวลา พัฒนาได้ตลอดเวลา ทั้งเวลากิน เวลาอาบน้ำ เวลาเล่น

                    โรงเรียนทอสี
                    สนามฟุตบอลภายในโรงเรียน แบ่งช่วงเวลาใช้งานตามตารางกิจกรรมของนักเรียน
                    โรงเรียนทอสี
                    สถานที่รมณีย์ นั้นมีผลต่อจิตใจเด็ก มีต้นไม้ มีเสียงนก มีสัตว์นานาชนิด มีน้ำ ทำให้เด็กมีจิตใจอ่อนโยน โรงเรียนทอสีพยายามทำทุกพื้นที่ให้เป็นพื้นที่เรียนรู้
                    โรงเรียนทอสี
                    สนามเด็กเล่นเชื่อมต่อกับอาคารเรียนประถมศึกษา บรรยากาศร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่

                    เพราะทุกช่วงเวลาคือการเรียนรู้

                    จากที่ ครูอ้อน ผู้อำนวยการ โรงเรียนทอสี ได้มีโอกาสศึกษาและปฏิบัติธรรมจาก พระอาจารย์ชยสาโร ก็พบว่าหลักธรรมทางพุทธศาสนามีความสำคัญอย่างมากในการจัดการศึกษา ทั้งหลัก ไตรสิกขา ภาวนาศีล คุณธรรม 12 ประการ ช่วยพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และเปลี่ยนมุมมองของการจัดการศึกษา  หลายคนคิดว่าการเรียนจะเกิดเฉพาะในห้องเรียน แต่พอได้ศึกษาพุทธปัญญา การเรียนรู้สามารถเกิดได้ตลอดเวลา ทั้งในและนอกห้องเรียนทั้งที่บ้านและโรงเรียน ในชีวิตประจำวันที่เราต้องสัมพันธ์กับโลกภายนอก ที่เป็นวัตถุ คน ที่สำคัญยิ่งคือ โลกภายในคือด้านจิตใจและปัญญา เพราะชีวิตคือการศึกษาและการศึกษาคือชีวิต ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องเดียวกัน ที่โรงเรียนทอสีเด็กทุกคนจะได้เรียนรู้ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาภายในโรงเรียนจนกระทั่งกลับบ้าน เช่น แบกกระเป๋าเอง ถือของเองโดยไม่ให้หล่น มีสติในการเดินซึ่งเป็นการสร้างเสริมศรัทธาในตนเอง หรือ Self-Esteem เชื่อมั่นในตัวเองว่าเขาทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้ผู้ปกครองคอยช่วยเหลือ ซึ่งความศรัทธานี้เองที่จะทำให้เกิดการเพียรพยายาม ส่งเสริมให้เขาได้ดูแลตัวเอง และโรงเรียนพยายามจัดสรรโอกาสให้เด็กได้ดูแลช่วยเหลือกันและกัน ในระดับประถม แต่ละห้องจะมีหน่วยบริการ คอยเตรียมอาหารกลางวัน ดูแลความสะอาด เตรียมโต๊ะเก้าอี้ให้เพื่อนๆ โดยแบ่งกลุ่มหมุนเวียนกันไป ได้เรียนรู้วิชาชีวิตและหน้าที่อื่นๆที่นอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน สมดุล

                    “ถ้าเราเรียนแต่วิชาการ มันจะเข้าตำราที่ว่า ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด คนที่เรียนเก่ง รู้สารพัดเรื่อง แต่ควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้ ซึมเศร้า เอารัดเอาเปรียบ ฯลฯ การศึกษาที่ถูกต้อง ปัญหาสังคมต้องน้อยลงไม่ใช่เพิ่มขึ้น การศึกษาที่ถูกต้อง ต้องชิงสร้างพฤติกรรมคุ้นเคยที่ดีงามตั้งแต่เล็ก กินเป็นอยู่เป็นใช้เป็น คือไม่บริโภคแล้วทำให้เกิดโทษกับตนเองและสังคม เรียนแล้วต้องสื่อสารเป็น มีสัจจะ มีความซื่อสัตย์ มีคุณธรรม เป็นคนที่สุขง่ายทุกข์ยาก เพราะคุณธรรมจะนำมาซึ่งความสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ความทุกข์แม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่มีใครต้องการ”  ครูอ้อน-บุบผาสวัสดิ์

                    โรงเรียนทอสี
                    โรงเรียนทอสี
                    สระว่ายน้ำตั้งอยู่บนชั้น 2 ของอาคารเรียน แยกกันระหว่างของน้องอนุบาลและพี่ประถม
                    โรงเรียนทอสี
                    บริเวณศาลารู้แจ้ง เด็กๆจะได้มานั่งสมาธิ เพื่อให้จิตใจสงบ หรือทำความสะอาด ร้อยมาลัยถวายพระ

                    เอกลักษณ์ของการศึกษาพุทธปัญญา โรงเรียนทอสี คือ โรงเรียนที่พัฒนาในทุกด้านของชีวิต เพื่อให้เป็นผู้มีปัญญาอย่างแท้จริง

                    1. ชุมชนแห่งการพัฒนาตนเอง ชาวทอสีจะมีอุดมการณ์ในการฝึกตน อดทน สู้สิ่งยาก ถือเป็น Watchword : Train oneself Forbearing Persistence
                    2. ชุมชนแห่งการเรียนรู้ life time learning
                    3. เป็นชุมชนแห่งกัลยาณมิตร เริ่มตั้งแต่ในครอบครัว ที่มุ่งสร้างประโยชน์และความสุขตนเองและส่วนรวมเพราะความสุขของครอบครัวคือสันติสุขของสังคม
                    4. การสร้างชุมชนกัลยาณมิตร เริ่มตั้งแต่ในครอบครัว มุ่งสร้างประโยชน์และความสุขตนเองและส่วนรวมเพราะความสุขของครอบครัวคือสันดีสุขของสังคม
                    โรงเรียนทอสี
                    โรงเรียนทอสี
                    โรงเรียนทอสี

                    โรงเรียนทอสีมีโครงการอยากเห็นลูกน้อยค่อยๆก้าวไกล ของเด็กๆเนอร์สเซอรี่และอนุบาล จะมีผู้ปกครองมาช่วยกันสอน เด็กแต่ละห้อง พาเด็กทากิจกรรมที่เด็กๆสนใจ เด็กๆจะภูมิใจที่คุณพ่อคุณแม่มาสอน และผู้ปกครองจะได้เห็นและเข้าใจครูมากขึ้น ได้เข้าใจลูก และเพื่อนลูกมากขึ้น

                    ฝึกให้เป็นพ่อแม่มืออาชีพ

                    โรงเรียนทอสี จะทำงานร่วมกันกับพ่อแม่ผู้ปกครอง เพราะเชื่อมั่นว่า การเรียนรู้ที่ดีต้องไม่ใช่อยู่แค่เพียงในห้องเรียนหรือโรงเรียนเท่านั้น บ้านก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยทำให้เด็กได้เรียนรู้และมีพัฒนาการที่ดีขึ้น คุณพ่อหรือคุณแม่ที่จะนำลูกมาเรียนที่นี่จะต้องเข้าอบรมปฏิบัติธรรมที่โรงเรียนได้จัด อย่างน้อย 6 ครั้ง  ครั้งละ 3 ชั่วโมง เพราะเชื่อว่าหากคุณพ่อคุณแม่เข้าใจหลักการในการจัดการศึกษาที่แท้จริง  พ่อแม่จะไม่หยุดที่จะพัฒนาตนเอง เพราะคุณพ่อคุณแม่คือครูคนแรกของลูก นอกจากนี้ เรายังจัดให้มีห้องเรียนพ่อแม่ก่อนเข้ามาเป็นนักเรียน 12 ชั่วโมง เพื่อให้พ่อแม่มีหลัก มีเครื่องมือในการเลี้ยงลูก ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น สอดคล้องกับโรงเรียนมากขึ้น ทำให้เด็กไม่สับสน

                    นอกจากนี้โรงเรียนยังสร้างชุมชนกัลยาณมิตร  เป็นโมเดลที่เป็นไปเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อให้สังคมอยู่รอด คนเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหนก็จะไปสร้างประโยชน์และสร้างความสุขให้กับสังคม ไม่ได้แค่นึกถึงแต่ตัวเอง แม้ลูกเรียนจบไปแล้วแต่พ่อแม่ไม่จบ ยังคงเป็นเพื่อนและกัลยาณมิตรที่ดีต่อกันและพร้อมช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันตลอด จนมาช่วยโรงเรียนอยู่เสมอ ไม่แบ่งแยกลูกฉันลูกเธอ แต่เป็นลูกๆของเรา เป็นชุมชนแห่งการพัฒนา และเรียนรู้ตลอดชีวิต

                    โรงเรียนทอสี
                    โรงเรียนทอสี
                    เด็กประถมจะได้ฝึกเป็นหน่วยบริการ ช่วยดูแลเรื่องอาหารและความสะอาดต่างๆให้กับเพื่อนๆในห้อง เมื่อนักเรียนรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ทุกคนจะแยกเศษอาหารและล้างจานด้วยตนเอง โดยทางโรงเรียนจะนำจานเหล่านี้ไปลวกน้ำร้อนอีกครั้งหนึ่งเพื่อความสะอาด

                    Project เสาเข็มชีวิต

                    เสาเข็มชีวิตคืออะไร เสาเข็มชีวิตคือ กติกาของครอบครัว บ้านจะอยู่ได้มั่นคง ก็ด้วยเสาเข็ม ประเทศชาติต้องมีรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมอย่างสันติสุข ถ้ามองสภาพสังคมปัจจุบันจะเห็นว่า แต่ละครอบครัวไม่มีเสาเข็มครอบครัว ไม่มีกติกาที่ชัดเจน ใครอยากทำอะไรก็ทำ ไม่อยากทำอะไรก็ไม่ต้องทำ ทุกคนเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ แต่ลืมคำว่าหน้าที่ ที่ต้องมาคู่กัน สิ่งที่โรงเรียนพยายามคือ ทำให้ทุกคนในครอบครัวมีกติกาครอบครัวที่ชัดเจน ทุกคนมีส่วนร่วมเพื่อประโยชน์สุขร่วมกัน เพราะเราเชื่อมั่นว่าการกำหนดกติการ่วมกันทำให้ครอบครัวมีสัมพันธภาพที่ดี ยั่งยืนกว่าการมีอิสรภาพที่ไร้ขอบเขต

                    โรงเรียนทอสี
                    โรงเรียนทอสี
                    ห้องสมุดของโรงเรียนมีหนังสือมากมายให้เลือกอ่าน โดยมีชั้นสองเป็นมุมโปรดสำหรับเด็กๆออกแบบให้มีเชือกตาข่าย ใช้นั่งและนอนอ่านหนังสือกันแบบสบายๆ
                    โรงเรียนทอสี
                    ใบเซ็นชื่อนักเรียนชั้นประถม จะมีคำถามให้นักเรียนตอบทุกวัน ซึ่งแต่ละวันคำถามจะเปลี่ยนไปเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกคิด ตั้งแต่ก่อนเข้าเรียน

                     หลักสูตรเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว

                    แนวคิดนี้ได้มาจากหนังสือเรื่อง ธรรมชาติของสรรพสิ่งของ ศ.น.พ.ประเวศ วะสี เชื่อว่าโลกนี้ทุกอย่างเชื่อมโยงกันทั้งหมด ไม่ได้แยกเป็นส่วนๆ เป็นหลักสูตรที่ทางโรงเรียนตั้งใจให้เด็กได้เรียนรู้ความสัมพันธ์ของสรรพสิ่ง ที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบซึ่งกันและกันเป็นลูกโซ่ แล้วสุดท้ายก็ย้อนกับมาที่ตัวเราเอง ไม่อยากให้เรียนรู้แค่เรื่องนอกตัว อยากให้เรียนแล้วกลับมาเชื่อมโยงกับตัวเราเอง ไม่ใช่แค่ท่องจำว่าประเทศมีแม่น้ำอะไร มีกี่อำเภอ  แต่อยากให้รู้เชิงลึกว่าเราทำแบบนี้มันส่งผลกระทบต่ออะไร โดยจะสอดแทรกเนื้อหานี้เข้าไปในแต่ระดับชั้นปี เช่น อนุบาล ก็เรียนเกี่ยวกับตัวเอง สังคม การอยู่ร่วมกัน ธรรมชาติ การอุปโภค บริโภค ใช้สอยต่างๆ ให้สอดคล้องกับพัฒนาการทางวัย เช่น นักเรียนชั้นอนุบาล 2 นำเอาเรื่องธรรมชาติมาสอนเด็ก ว่าต้นไม้ก็มีหลากหลายแบบ บางต้นอยู่แบบเดี่ยวได้ บางต้นต้องเกาะกับต้นไม้ใหญ่ ก็เหมือนคนเรา มีความแตกต่างแต่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เราไม่ต้องเหมือนเพื่อนก็ได้

                    โรงเรียนทอสี
                    ก่อนเริ่มคลาสจะมีการนั่งสมาธิฝึกจิตใจให้สงบเตรียมพร้อมก่อนเข้าเรียน เรียกว่าเป็นช่วง “ ทอจิตเจริญสติ”
                    โรงเรียนทอสี
                    สีธงบอกค่าฝุ่น เด็กๆจะออกมาดูสีธงที่บอกค่าฝุ่นวันนี้ หากเป็นสีเขียวก็สามารถเล่นเอาต์ดอร์ได้ ถ้าสีส้มหรือสีแดง เด็กๆจะรู้ทันทีว่าควรเล่นในอาคารเรียน
                    โรงเรียนทอสี
                    ครูอ้อน-บุบผาสวัสดิ์ รัชชตาตะนันท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนทอสี

                     

                    Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

                    1. ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆกับโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นการหมุนเวียนมาสอนหนังสือเด็กๆ มาช่วยทำอาหารขาย และออกทริปต่างจังหวัดร่วมกับเด็กๆ ทำให้ได้เห็นพัฒนาการของลูกๆเวลาที่อยู่โรงเรียน
                    2. โรงเรียนจะสรุปกิจกรรมการเรียนการสอนของเด็กๆแต่ละห้องทั้งเด็กอนุบาลและประถม ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาเด็กๆได้เรียนรู้อะไร มีความสุขมากน้อยแค่ไหน และมีพัฒนาการอย่างไร โดยมีภาพกิจกรรมต่างๆของเด็กๆให้ผู้ปกครองได้ดู พร้อมบันทึกต่างๆจากคุณครูประจำชั้น โดยผู้ปกครองสามารถดูรายละเอียดต่างๆผ่านทางเว็บไซต์ของโรงเรียน ข้อนี้แม่ชอบสุดๆเพราะจะได้รู้ว่าแต่ละสัปดาห์ลูกน้อยของเราเขามีความสุขในการเรียนมากน้อยแค่ไหน
                    3. โรงเรียนทอสีมีบอร์ดนักอ่านประจำเดือน เดือนนี้มีนักเรียนคนไหนยืมหนังสือหรือมาใช้บริการห้องสมุดบ่อยที่สุด จะมีบอร์ดชื่นชมและแจกประกาศนียบัตรให้กับนักอ่าน ช่วยกระตุ้นให้เด็กๆรักการอ่านมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีโครงการแลกเปลี่ยนหนังสือโดยให้เด็กๆนำนิทานหรือหนังสือมาแลกเปลี่ยนหมุนเวียนกันยืมกลับไปอ่านที่บ้าน
                    4. สำหรับเด็กๆที่เตรียมตัวศึกษาต่อยังชั้นมัธยมศึกษา ทางโรงเรียน มีโครงการ “เตรียมตัวสู่รั้วมัธยม” ให้กับผู้ปกครองและนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โดยมีศิษย์เก่าทอสีและผู้ปกครองศิษย์เก่ามาแบ่งปันประสบการณ์และเล่าถึงวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ามัธยม และการเลือกโรงเรียนด้วย
                    5. เด็กประถม ก่อนเข้าห้องเรียน จะต้องชั่งน้ำหนักกระเป๋าของตัวเองว่าวันนี้กระเป๋าหนักเท่าไหร่ หนักเกินไปไหม ควรเอาอะไรออกจากกระเป๋าไม่ให้หนักเกินไป เด็กจะได้หัดคิดและวิเคราะห์ เพื่อให้น้ำหนักกระเป๋าน้อยลง

                    รายละเอียดค่าธรรมเนียม ปีการศึกษา 2567

                    • ค่าแรกเข้า   37,000-74,000 บาท
                    • โรงเรียนทอสี ค่าเทอม ค่าธรรมเนียมการศึกษา ภาคเรียนละ 68,550- 82,450 บาท : 1 ปีการศึกษา มี 2 ภาคเรียน

                    เกณฑ์การรับสมัคร

                    ระดับชั้น    เตรียมอนุบาล-ประถม 6

                    • ชั้นเตรียมอนุบาล      อายุครบ 2.4 ปีขึ้นไป
                    • ชั้น อนุบาล 1           อายุ 3 ปีขึ้นไป
                    • ชั้นประถม 1             อายุ 6 ปี
                    • ระดับชั้นอื่นๆ            พิจารณาตามใบสมัครและใบวุฒิการศึกษา

                    ที่อยู่ โรงเรียนทอสี : 1023/46 ซอยปรีดีพนมยงค์ 41 ถนนสุขุมวิท 71 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 โทร.0-2713 -0260

                    เว็บไซต์ : http://www.thawsischool.com/

                    Facebook : โรงเรียนทอสี (Official Thawsi School Page(

                     

                    Editor : แม่เลม่อน

                    ภาพ :  กรานต์ชนก  บุญบำรุง,สุวิจักขณ์ ศรีภา


                    อ่านต่อบทความน่าสนใจ

                      เปิดตัว เอส-26 โกลด์ 3 ใหม่ สูตรเฉพาะที่ดีกว่า เพิ่ม สฟิงโกไมอีลิน ขึ้น 25% สำหรับเด็กวัยเรียนรู้

                      ไวเอท นิวทริชั่น หนึ่งในผู้นำด้านการค้นคว้าและวิจัยสารอาหารที่เหมาะสมสำหรับเด็กมากว่า 100 ปี เปิดตัว เอส26 โกลด์ 3 สูตรใหม่ นมผงเด็กที่เป็นสูตรเฉพาะที่ดีกว่าสูตรเดิม โดยเพิ่มสฟิงโกไมอีลินขึ้น 25% และเพิ่มดีเอชเอ เออาร์เอ แกงกลิโอไซด์ และวิตามิน บี 12 พร้อมสารอาหารเปี่ยมคุณประโยชน์ เตรียมความพร้อมลูกน้อยสู่การเรียนรู้และเติบโตในอนาคต


                      ผลิตภัณฑ์นม เอส-26 โกลด์ 3 สูตรใหม่ เพิ่มปริมาณสารอาหารจากสูตรเดิม ได้แก่ สฟิงโกไมอีลิน, ดีเอชเอ, แกงกลิโอไซด์ และวิตามินบี 12 ที่มีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาทและสมอง เหมาะสำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปและทุกคนในครอบครัว มีรสจืด กลิ่นวานิลลา หอมอร่อย ค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ที่ https://www.s-momclub.com/products/gold-progress

                       

                      เอส-26 ® โกลด์ 3™ (S-26 Gold® 3™) เครื่องหมายการค้า ในนม 1 แก้ว ให้สารอาหารดังนี้ สฟิงโกไมอีลิน 18,000 มคก. (เป็นส่วนหนึ่งของฟอสโฟไลปิด), แอลฟา-แล็คตัลบูมิน 326 มก., แกงกลิโอไซด์ 2,250 มคก.,  ดีเอชเอ 26 มก., โคลีน 58.5 มก., ลูทีน 68 มคก., เออาร์เอ 7.93 มก., โอเมก้า 3 131 มก., โอเมก้า 6 1,093 มก., โอเมก้า 9 1,260 มก., วิตามินบี 12 สูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาทและสมอง, ใยอาหารชนิด 2′- เอฟแเอล 60 มก.

                       

                      นอกจากนี้ยังผสมใยอาหารจากธรรมชาติ (ชนิดโอลิโกฟรุคโตส) และมีกรดโฟลิกสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงตามปกติ มีแคลเซียมสูงและมีฟอสฟอรัส ซึ่งแคลเซียมและฟอสฟอรัสมีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง มีวิตามินดีสูงซึ่งมีส่วนช่วยในการดูดซึมตามปกติของแคลเซียมและฟอสฟอรัส และมีวิตามินเอที่มีส่วนช่วยคงสภาพปกติของการมองเห็น รวมถึงมีวิตามินซีสูงและมีวิตามินอี ซึ่งวิตามินซีและวิตามินอีมีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ

                       

                       

                      เอส-26 โกลด์ 3 ใหม่ สูตรเฉพาะที่มีสฟิงโกไมอีลินเพิ่มขึ้น 25% จากสูตรเดิม หาซื้อได้แล้วที่ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง Shopee และ Lazada ที่ https://bit.ly/3PjRjAw

                       

                        Tags

                        เมนูสุดพิเศษ ข้าว 2 สี “เบายอดม่วง” ข้าวประจำถิ่นจังหวัดตรัง อร่อยสไตล์ไทย ใส่ใจสุขภาพ ที่ เทอเรสซ์ ณ บางกอก

                        ร้านอาหาร Terraces De Bangkok ( เทอเรสซ์ ณ บางกอก) ร้านอาหารไทยที่ให้บริการมาอย่างยาวนานกว่า 48 ปี ภูมิใจนำเสนอเมนูใหม่ที่รังสรรค์มาจากวัตถุดิบพื้นบ้าน ข้าว 2 สี “ข้าวพันธุ์เบายอดม่วง” หรือ ข้าวเจ้าเหนียวนั่นเอง อร่อย หอมละมุน ทำให้เจริญอาหาร มีโปรตีนสูง ผู้สูงอายุก็สามารถทานได้เพราะมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ รวมถึงมีปริมาณสารฟีนอลิกและค่าต้านทานอนุมูลอิสระสูง ทำให้มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งข้าวพันธุ์นี้ มีถิ่นกำเนินที่ตำบลวังคีรี อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง นับเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจ ที่ได้นำวัตถุดิบชั้นดีออกมารังสรรค์เป็นเมนูอร่อยๆสไตล์ไทย ช่วยเหลือชุมชนให้มีรายได้ แถมยังได้นำเสนอเมนูที่ใส่ใจต่อสุขภาพ กับ

                        4 เมนูพิเศษในราคาเพียง 179 บาทเท่านั้น ได้แก่  

                        • ข้าวยำเบญจรงค์ – นำข้าว 2 สี เบายอดม่วงไปยำรวมกับผัก ผลไม้ และธัญพืชนานาชนิด 5 สี รสชาติเปรี้ยว หวาน เผ็ดเล็กน้อย อัดแน่นด้วยคุณภาพ
                        • ข้าวเบายอดม่วง ไก่ทอดลุยไพร –เครื่องสมุนไพรทอดจนกรอบ ทานคู่ไก่ทอด รสชาติกลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมข้าว 2 สี เบายอดม่วง
                        • ข้าวเบายอดม่วง ผัดพริกไทยดำ (เลือกไก่ย่าง หรือ หมูสันอกสไลด์) – ไก่ย่าง หรือ หมูสันนอกสไลด์ผัดพริกไทยดำเข้มข้ม เสิร์ฟพร้อข้าว 2 สี เบายอดม่วง รสชาติกลมกล่อมเผ็ดร้อนกำลังดีลงตัวสุดๆ
                        • ยำแหนมข้าวเบายอดม่วงทอด – ข้าว 2 สี เบายอดม่วง คลุกเคล้าเครื่องสมุนไพร นำไปทอดจนกรอบ ปรุงรสด้วยมะนาว น้ำปลา พริกป่น ใส่แหนมสด โรยด้วยลูกเดือยทอดกรอบ

                        พิเศษ เพียงเพิ่มเงิน 10 บาท รับขนมหวาน 1 ถ้วย ดังนี้ กล้วยไข่เชื่อม / มะพร้าวกะทิลอยแก้ว / มะพร้าวกะทิ – ทับทิมกรอบลอยแก้ว /ไอศกรีมกะทิ-ข้าวเหนียวลืมผัว มะพร้าวกะทิลอยแก้ว / ทับทิมกรอบลอยแก้ว / สาคูแคนตาลูป / บัวลอยเบญจรงค์

                        และขอแนะนำ  มะกรูดลอยแก้ว หอมหวานสดชื่น สร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายเป็นอย่างดี ในราคาเพียง 79 บาทเท่านั้น และหากยากสุขภาพดี คูณสอง สามารถเลือกเมนูข้าว 2 สี เบายอดม่วง เมนูใดก็ได้ 2 เมนู จ่ายเพียงแค่ราคา 209 บาท (จากปกติ 358 บาท)

                        อร่อยแถมยังได้สนับสนุนสินค้าดีๆจากท้องถิ่นในประเทศไทย อีกทั้งยังมีประโยชน์อัดแน่นไปกับเมนูพิเศษ ที่รังสรรค์จาก ข้าว 2 สี “ข้าวพันธ์เบายอดม่วง” ได้แล้วที่ร้าน Terraces De Bangkok (เทอเรสซ์ ณ บางกอก) ทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 ตุลาคม 2566

                        สอบถามรายละเอียดได้ที่ https://web.facebook.com/TerracesDeBKK

                         

                          Tags

                          เด็กนอนกรน

                          เด็กนอนกรน เสียงหายใจเหมือนเป่าปี่ สังเกตให้ดี! ต้นเหตุของต่อมอะดีนอยด์และต่อมทอนซิลโต

                          บ้านไหน ลูกนอนกรน พ่อแม่สังเกตให้ดี!! เด็กนอนกรน เป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปในทุกประเทศทั่วโลก และมักถูกละเลยโดยผู้ปกครองซึ่งมักคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอันตรายใดๆ แต่แท้จริงแล้ว ลูกนอนกรน อาจเป็นอาการเบื้องต้น หรือ สัญญาณเตือนโรคบางอย่าง

                          ระวัง! เด็กนอนกรน เสียงหายใจเหมือนเป่าปี่

                          ปัญหาอาการ เด็กนอนกรน แม้จะพบได้ไม่บ่อย และยังเป็นปัญหาที่พ่อแม่หลายคนมองข้าม เพราะคิดว่าไม่มีอันตรายร้ายแรง แต่ความจริงแล้วเป็นปัญหาที่อันตรายต่อสุขภาพของเด็กถึงขั้นเสียชีวิตได้ ภาวะนอนกรนจะพบในเด็กที่มีอายุระหว่าง 2 – 6 ปี เนื่องจากเด็กวัยนี้จะมีต่อมทอนซิล และต่อมอะดีนอยด์ ที่ทำให้เกิดการอุดกั้นของระบบทางเดินหายใจจนเกิดเสียงกรนที่เป็นภาวะอันตราย

                           

                          ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นต้องสังเกตให้ดี และรู้จักอาการต่อมอะดีนอยด์และต่อมทอนซิลโต เพื่อจะได้รับมือทัน หากลูกของเรามีความเสี่ยง!! ทาง ทีมแม่ ABK จึงขอคำแนะนำเกี่ยวกับ การสังเกตอาการ เด็กนอนกรน แบบไหนเสี่ยง เป็นต่อมอะดีนอยด์และต่อมทอนซิล จาก แพทย์หญิง นภารัตน์ จิระวัฒนผลิน อายุรแพทย์ประจำศูนย์ หู คอ จมูก รพ.พญาไท3 มาฝากคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ รับมือเป็น แก้ไขทัน ลูกปลอดภัยนะคะ ตามมาดูกันเลยจะมีเรื่องใดบ้าง ที่พ่อแม่ควรรู้!

                          ทีมแม่ ABK : อาการต่อมอะดีนอยด์และต่อมทอนซิลโต คืออะไร?

                          คุณหมอ : ต่อมอะดีนอยด์ (Adenoid Gland) เป็นเนื้อเยื่อต่อมน้ำเหลือง (Lymphoid tissue) ที่อยู่ในส่วนหลังของโพรงจมูก ซึ่งจะมีบทบาทมากประมาณช่วงวัย 2 – 12 ปี โดยมีหน้าที่ดักจับทำลายเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่จะเข้าสู่ร่างกาย พร้อมกับสร้างภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินหายใจส่วนบน และความสำคัญของต่อมอะดีนอยด์จะลดลงเมื่อโตเป็นวัยรุ่น

                          ต่อมทอนซิล (Tonsil gland)เป็นเนื้อเยื่อต่อมน้ำเหลืองซึ่งมีหลายตำแหน่ง ที่พบได้ชัด คือ ในช่องปากที่ผนังคอด้านข้างสามารถเห็นได้เวลาอ้าปาก และบริเวณโคนลิ้น ซึ่งมีหน้าที่ดักจับเชื้อโรคและสร้างภูมิคุ้มกัน

                          ทั้งสองต่อมมีหน้าที่เหมือนกันและอยู่ใน กลุ่มเนื้อเยื่อต่อมน้ำเหลืองที่เรียงกันเป็นกลุ่มวงในช่องคอ ที่เรียกว่า Waldeyer’s ring ทำหน้าที่คอยดักจับเชื้อโรคที่จะเข้าสู่ร่างกาย โดยกลุ่มนี้ประกอบไปด้วย

                          1. ต่อมอะดีนอยด์ (Adenoid Gland)

                          2. ต่อมทอลซิลที่อยู่ด้านข้างหลังโพรงจมูก (Tubal tonsils)

                          3. ต่อมทอนซิลที่อยู่บริเวณผนังคอด้านข้าง 2 ข้าง (Palatine Tonsils)

                          4. ต่อมทอนซิลที่อยู่บริเวณโคนลิ้น (Lingual Tonsils)

                          เด็กนอนกรน

                          สาเหตุของโรคมาจากไหน

                          สาเหตุที่ทำให้ต่อมอะดีนอยด์โต คือ ภูมิแพ้ การติดเชื้อ และเนื้องอก แต่ที่พบบ่อยในเด็กนั้นก็คือภูมิแพ้และการติดเชื้อ เมื่อใดที่ต่อมอะดีนอยด์โตจนขัดขวางทางเดินหายใจ และส่งผลเสียออกมาในหลายอาการ ได้แก่ อาการทางจมูก อาการทางหู และอาการนอนกรน

                          ทีมแม่ ABK : อาการเริ่มต้นที่พ่อแม่ต้องเฝ้าระวังในเด็กเล็ก

                          คุณหมอ : อาการที่จะแสดงเมื่อเริ่มต้น คือ  อาการทางจมูก เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง อาการทางหู เช่น มีน้ำขังบริเวณหูชั้นกลาง หูชั้นกลางอักเสบหรือมีหนองไหล และ นอนกรน อ้าปากหายใจ กรน พร้อมมีเสียงหายใจเหมือนเป่าปี่ จนถึงการหยุดหายใจขณะหลับ

                          ทีมแม่ ABK : หากพบความผิดปกติ พ่อแม่ควรรับมืออย่างไร

                          คุณหมอ : แนะนำให้รีบมาพบแพทย์  แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกายเบื้องต้น โดยส่วนใหญ่หากตรวจพบว่าต่อมทอนซิลโต ก็อาจสันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่าต่อมอะดีนอยด์อาจจะโต นั่นก็เพราะทั้ง 2 ต่อมอยู่ใกล้กัน ดังนั้นกรณีได้รับสารภูมิแพ้ที่รุนแรงก็อาจจะกระทบได้ทั้ง 2 ส่วนนั่นเอง การตรวจขนาดต่อมอะดีนอยด์ในเด็กที่ไม่สามารถตรวจได้ แพทย์จะส่งตรวจเอกซเรย์ต่อมอะดีนอยด์เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและวางแนวทางการรักษา ทั้งนี้ การซักประวัติมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะอาการนำของต่อมอะดีนอยด์โตที่มาด้วยอาการนอนกรน เป็นข้อบ่งชี้ที่สำคัญประการหนึ่งในการพิจารณาแนวทางการรักษา

                          3 คำ จำให้ขึ้นใจ
                          “ลดฝุ่น เพิ่มภูมิ ป้องกัน”

                          เทคนิคการดูแลตนเองและลูกน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ต่อมอะดีนอยด์โต

                          “ลดฝุ่น” เริ่มจากการทำความสะอาดบ้าน และเครื่องใช้ภายบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเด็ก ๆ อย่างของเล่น ผ้าห่ม จัดวางตุ๊กตาภายในห้องนอนที่เด็กชื่นชอบไม่ให้มากเกินไป หมั่นล้างเครื่องปรับอากาศเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมฝุ่นอย่างเหมาะสม

                          “เพิ่มภูมิคุ้มกัน” ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างเหมาะ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นทานผักหลากสี ทานผลไม้สดที่วิตามินซีสูง นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่นอนดึก

                          “ป้องกัน” ใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ และเมื่อมีคนใกล้ชิดป่วย นอกจากนี้เด็กรุ่นใหม่มักจะเรียนว่ายน้ำ แต่สิ่งที่พึงระวังเสมอเพื่อช่วยป้องกันอาการป่วยได้อีกทางหนึ่ง คือ หากเป็นหวัด ควรหลีกเลี่ยงการว่ายน้ำด้วยนะคะ

                          ลูกนอนกรน
                          แพทย์หญิง นภารัตน์ จิระวัฒนผลิน อายุรแพทย์ประจำศูนย์ หู คอ จมูก รพ.พญาไท3


                          อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก

                            การดูแลทารกแรกเกิด

                            10 วิธี การดูแลทารกแรกเกิด แม่มือใหม่เข้าใจง่าย! ฉบับพยาบาลมือโปร

                            รวมเรื่องที่แม่มือใหม่ต้องรู้!! รวมวิธี การดูแลทารกแรกเกิด เข้าใจง่าย โดย พี่กัล – กัลยา เพจ “พี่กัลนมแม่” พยาบาลมือโปรด้านนมแม่และดูแลเด็ก

                            10 วิธี การดูแลทารกแรกเกิด แม่มือใหม่เข้าใจง่าย!
                            ฉบับพยาบาลมือโปร

                            สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ การมีลูกคือความท้าทายอย่างหนึ่งในชีวิต ที่ต้องมีการเตรียมตัวมากมาย ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และความพร้อมในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่ก่อนคลอด และหลังคลอด การเป็นคุณพ่อคุณแม่นั้นเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่และต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย แต่เราก็สามารถรับมือได้ หากมีการเตรียมตัวล่วงหน้า วันนี้ ทีมแม่ ABK ขอพาทุกคนไปพบกับ พี่กัล – คุณกัลยา โตใหญ่ดี หรือ “พี่กัล” พยาบาลมือโปรด้านนมแม่และดูแลเด็ก จากเพจ “พี่กัลนมแม่” ที่จะมาแนะนำเทคนิค การดูแลทารกแรกเกิด เตรียมตัวหลังคลอด สำหรับคุณแม่มือใหม่ แบบครอบคลุมแทบทุกเรื่องที่คุณแม่ควรรู้

                            ภาวะหลังคลอดที่ส่งผลต่อคุณแม่ ในช่วง 2-3 วันแรกหลังคลอด ที่คุณแม่ยังต้องพักฟื้นอยู่โรงพยาบาล ในช่วงเวลานี้ คุณแม่ส่วนใหญ่จะยังมุ่งความสนใจไปที่ตัวเองเป็นหลัก เนื่องจากเพิ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงกับร่างกายของคุณแม่ คุณแม่ยังรู้สึกเจ็บปวดแผลจากการคลอดลูก และรู้สึกอ่อนเพลีย

                            หลังจากคลอดลูกประมาณ 3 วัน คุณแม่จึงจะเริ่มสนใจลูกมากขึ้น ซึ่งปัญหาที่คุณแม่มักพบเจอเมื่อออกจากโรงพยาบาล กลับถึงบ้านแล้ว คือลูกร้องไห้ไม่หยุด คุณแม่ไม่รู้ว่าลูกต้องกินนมเท่าไหร่จึงจะเพียงพอ ต้องอุ้มกล่อมลูกอย่างไร ต้องเตรียมตัวรับมืออย่างไร

                            การดื่มนมแม่เป็นเรื่องสำคัญ นมแม่เป็นนมที่ดีที่สุด มีสารอาหารครบถ้วน 200 กว่าชนิด มีภูมิคุ้มกันที่ไม่มีในนมผง จึงเหมาะสำหรับเด็กวัยแรกเกิด จนถึงอายุ 6 เดือน ซึ่งลูกยังไม่มีภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้การให้ลูกดื่มนมแม่ ยังเป็นวิธีการป้องกันมะเร็งในคุณแม่อีกด้วย

                            เตรียมตัวหลังคลอด

                            1. เทคนิคอาบน้ำลูก การดูแลทารกแรกเกิด

                            การดูแลทารกแรกเกิด ก่อนอาบน้ำลูก ควรปรับอุณหภูมิร่างกายของลูก ห้องที่ลูกอยู่ รวมถึงห้องที่อาบน้ำลูกให้เหมาะสม ด้วยการปิดแอร์ ปิดพัดลม เพราะอาจทำให้ลูกรู้หนาวได้ คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมน้ำในกะละมังให้ลึกประมาณ 10 เซนติเมตร จากก้นกะละมัง เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกลื่นหลุดมือ และจมน้ำ อุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมคือประมาณ 37 องศาเซลเซียส คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกอาบน้ำอุ่นในช่วงอายุเดือนแรก หลังจากนั้นจึงเริ่มอาบน้ำอุณหภูมิปกติได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกผิวแห้ง

                            ขั้นตอนการอาบน้ำ

                            เริ่มจากการแกะเสื้อผ้าของลูกออก ก่อนที่จะแกะผ้าอ้อมออกเป็นอย่างสุดท้าย ห่อตัวแบบเปิดศีรษะ เพื่อสระผมให้ลูก จับลูกให้มั่น มือประคองท้ายทอยให้ตัวลูกแนบกับลำตัวของเรา วักน้ำล้างหน้า และรดน้ำที่ศีรษะของลูก กดแชมพูใส่มือ แล้วถูให้ทั่ว นวดศีรษะให้ลูกรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย ล้างด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด เช็ดศีรษะของลูกให้แห้ง กดสบู่ถูที่ตัว โดยเว้นบริเวณมือของลูกไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกเอาสบู่เข้าปาก ถ้าคุณพ่อคุณแม่รู้สึกเมื่อย ไม่ถนัด สามารถอุ้มลูกออกมาถูตัวข้างนอกอ่าง เสร็จแล้วจึงค่อยอุ้มเข้ามาล้างตัวในอ่างก็ได้

                            เตรียมตัวหลังคลอด

                            ขั้นตอนการล้างตัวลูก

                            ล้างมือของลูกเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะล้างทั้งตัว อุ้มลูกออกมาวางข้างนอกอ่างอาบน้ำ เช็ดตัวลูกให้แห้ง แล้วชะโลมผิวด้วยโลชั่นบำรุงผิว ห่อตัวลูกแบบปิดศีรษะ เป็นวิธีการห่อตัวที่เหมาะสำหรับเวลาที่อากาศหนาวเย็น หรือช่วงวัยที่ลูกยังต้องการความอบอุ่นเป็นพิเศษ เช่น วัยแรกเกิด หรือเวลาที่ลูกงอแง โดยการห่อตัวแบบนี้จะเปิดเฉพาะบริเวณใบหน้าของลูก ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการพับผ้าเป็นสามเหลี่ยม ทำเป็นหมวกคลุมผม พับบริเวณคาง ใช้แขนลูกหนีบชายผ้า 1 ข้างเอาไว้ ก่อนที่จะนำแขนของลูกอีกข้างลงมา แล้วนำผ้ามาห่อพันไว้

                             

                            2. การดูแลทารกแรกเกิด อุ้มเรอ หลังกินนม

                            เป็นขั้นตอนการนวดเพื่อไล่ลม ลดอาการท้องอืด ปวดท้อง ไม่สบายตัว โดยเด็กเล็กมักเกิดอาการท้องอืด เนื่องจากการทำงานของระบบทางเดินอาหารยังไม่สมบูรณ์ ลูกขับลมเองได้ยาก นอกจากนี้ การกินนมและร้องไห้ยังทำให้ลูกมีโอกาสได้รับลมเข้าไปในระบบทางเดินอาหารมากขึ้นอีกด้วย

                             

                            อาการท้องอืด

                            วิธีสังเกตอาการท้องอืดของลูกคือ ลูกร้องกวน ร้องโยเย แอ่นตัว มือเท้าหงิก ลูกไม่สบายท้อง ท้องกาง เมื่อลองเคาะไปที่ท้องจะดังป๊อกๆ แสดงว่ามีลมในท้อง คุณพ่อคุณแม่สามารถอุ้มลูกเรอได้หลายช่วงเวลา ทั้งหลังกินนม และระหว่างกินนม บางครั้งอาจต้องอุ้มเรอก่อน ค่อยนำลูกกลับมาเข้าเต้าใหม่อีกครั้ง

                            วิธีการอุ้มเรอ

                            ให้นำสันมือวางที่ตำแหน่งลิ้นปี่ของลูก โน้มตัวลูกไปข้างหน้า ให้น้ำหนักของลูกทิ้งไปที่ฝ่ามือ จะทำให้ลูกเรอง่ายขึ้น ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าลูกจะรู้สึกสบายตัวมากขึ้น ท่าอุ้มพาดบ่า ให้อุ้มลูกมาวางพาดบนบ่า โดยให้ลิ้นปี่ของลูกอยู่บริเวณหัวไหล่ของแม่

                             

                            3. การนวดท้องท่าไอเลิฟยู

                            วิธีการนวดท้องลูกด้วยการนวดวนเป็นรูปตัวไอ แอล และยู

                            • ไอ เริ่มจากการใช้นิ้วมือกดลากจากใต้ราวนมลงมาที่ขาหนีบของลูก
                            • แอลคว่ำ นวดวนจากราวนมด้านซ้ายลงไปที่ขาหนีบของลูก
                            • ยู นวดจากขาหนีบขวาไปที่ขาหนีบซ้าย

                            นอกจากนี้ยังมีท่าอื่น ๆ ที่ช่วยให้ลูกรู้สึกสบายตัวขึ้น เช่น การปั่นจักรยานอากาศ ช่วยให้ขับลมและขับถ่ายง่ายขึ้น

                            เตรียมตัวหลังคลอด

                            4. การดูแลทารกแรกเกิด อุ้มลูกดูดนมจากเต้า

                            อุ้มลูกดูดให้ถึงลานนม วางหมอนรอบตัว ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้ล็อคคอลูก ให้ลูกนอนตะแคงเพื่อให้ลูกนอนสบายและถนัด อย่านอนหงายแบบบิดหัว ใช้แขนประคองหลังลูก โกยนมให้หัวนมชี้ ถ้าลูกอ้าปากให้เอาคางลูกเข้าไปก่อน ถ้าลูกไม่อ้าปากให้เอาหัวนมเขี่ยไปที่ปากของลูกเพื่อกระตุ้นให้อ้าปาก จัดท่าให้คางของลูกชิดด้านล่างเต้า ให้ลูกอ้าปากกว้าง ๆ ให้ปากบาน ปากด้านบนมาประกบกับเต้าด้านบน

                            ถ้าลูกดูดไปนิดนึงแล้วเผลอหลับ ให้บีบเต้านม 5 วินาที เพื่อกระตุ้นให้เต้ากระเพื่อม เป็นการปลุกลูกให้ตื่น ถ้าลูกยังไม่ตื่น ให้เขี่ยข้างแก้มให้ลูกตื่น ถ้าลูกยังไม่ตื่นอีก ให้เอาออกจากตักมานั่งที่หมอนให้ตื่นก่อน แล้วจึงให้ลูกกินนมต่อ

                            โดยช่วงแรก ควรให้ลูกดูดนม 15-20 นาที/เต้า ถ้าลูกดูดถูกวิธี ปากของลูกจะดูดติดกับเต้านม ดึงลูกออกจากเต้าไม่ได้ ให้คุณแม่นั่งวางแขนสบาย ๆ ได้เลย สำหรับคุณแม่ผ่าตัดคลอด มีหนัาท้องใหญ่ หัวนมสั้น หน้าอกหย่อนคล้อย อาจทำ “ท่าฟุตบอล” เพื่อเหน็บลูกที่รักแร้ได้

                            วันที่ 4-5 หลังคลอด เมื่อน้ำนมเริ่มไหลสม่ำเสมอดีมากขึ้น ให้ลูกดูดนมให้เกลี้ยงเต้า ด้วยการจดจำความรู้สึกตอนที่น้ำนมยังน้อยเอาไว้ ให้ลูกดูดนมจนเต้านิ่ม บีบแลัวน้ำนมไม่พุ่ง ถ้าลูกดูด 1 ข้างจนเกลี้ยง แล้วอีกเต้ายังไม่ได้ดูด หรือดูดไปนิดเดียวแล้วลูกหลับ ปล่อยให้ลูกนอนประมาณ 1 ชั่วโมง พอลูกตื่น ให้สลับมาดูดเต้าที่ยังไม่เกลี้ยงให้เกลี้ยง

                            ให้นมลูก

                            5. วิธีดูว่าคุณแม่มีน้ำนมหรือไม่

                            ประมาณวันที่ 4 หลังคลอด เต้านมของคุณแม่จะรู้สึกคัดตึง แสดงว่ามีน้ำนม มีน้ำนมไหลเปรอะเสื้อ รู้สึกจี๊ด ๆ ในเต้านม

                             

                            6. วิธีดูว่าลูกได้รับนมเพียงพอหรือไม่

                            ภายในเวลา 24 ชั่วโมง ลูกจะต้องฉี่ 6 ครั้ง อึ 3 ครั้ง ฉี่ของลูกควรมีสีเหลืองใส ถ้าฉี่มีสีอิฐแสดงว่าได้นมไม่เพียงพอ และลูกไม่ควรนอนนานมากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน

                             

                            7. การปั๊มนม

                            คุณแม่สามารถเริ่มเก็บน้ำนมสต๊อก ประมาณ 2 สัปดาห์หลังคลอด โดยปั๊ม 10-15 นาที ทันทีหลังจากลูกดูดเสร็จ ไม่เกิน 1 เดือนหลังจากคลอดลูก โดยแนะนำให้ใช้เครื่องปั๊มน้ำนมไฟฟ้า 2 เต้า มีงานวิจัยว่า การปั๊มน้ำนม 2 ข้าง จะช่วยกระตุ้นการไหลของน้ำนมให้ดีที่สุด โดยควรผลัดกันกระตุ้น 3-4 รอบ/วัน นำนมที่ได้ใส่ถุงเก็บน้ำนม แช่ตู้เย็นช่องธรรมดา ถ้ามีการปั๊มน้ำนมเพิ่มแล้วค่อยเอามารวมกันได้ภายใน 24 ชั่วโมง เมื่อครบ 5 ออนซ์จึงค่อยนำไปแช่ช่องฟรีซ

                             

                            8. การฝึกลูกดูดขวดนม

                            เริ่มฝึกให้ลูกใช้ขวดนมได้ตั้งแต่ลูกอายุ 1 เดือนเป็นต้นไป เพราะถ้าลูกเริ่มดูดขวดนมเร็วเกินไป จะทำให้ลูกติดการดูดขวดนม ไม่ยอมดูดนมแม่ เพราะดูดขวดง่ายกว่าการดูดนมแม่ ใช้เหงือกหรือปากงับขวดก็ได้รับน้ำนมได้เลย โดยควรให้นมขวดแค่วันละ 1-2 มื้อเท่านั้น

                             

                            9. การใช้นมสต๊อก

                            นมแม่มีอายุการเก็บดังนี้

                            • อุณหภูมิห้อง เก็บได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง
                            • ห้องเปิดแอร์ เก็บได้ 4 ชั่วโมง
                            • ตู้เย็นช่องธรรมดา เก็บได้ 2 วัน
                            • ตู้เย็นช่องฟรีซแบบ 2 ประตู 3 เดือน
                            • ตู้แช่แข็ง เก็บได้ 6 เดือน ถึง 1 ปี
                            • กระติกที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส สามารถเก็บได้ 24 ชั่วโมง

                             

                            10. วิธีละลายนมสต๊อก

                            ถ้าแช่นมใยตู้เย็นช่องฟรีซ ให้ย้ายลงมาช่องธรรมดา 8-12 ชั่วโมงก่อนใช้ เพื่อให้น้ำนมค่อย ๆ ละลายด้วยตัวเอง สามารถนำมาให้ลูกกินได้เลย ถ้าน้ำนมเป็นเกล็ดน้ำแข็งให้แกว่งในน้ำสักพัก เพื่อให้เกล็ดน้ำแข็งละลายก่อน ถ้าเด็กชอบกินนมอุ่น ให้อุ่นนมได้อุณภูมิไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส เพื่อไม่ให้สูญเสียสารอาหารในนมแม่ โดยให้ลูกกินนมชั่วโมงละ 1 ออนซ์ หรือถ้าลูกแรกเกิดถึง 1 เดือน ให้ใช้สูตรคำนวณตามนี้

                            • น้ำหนักของลูก (กิโลกรัม) x 120 /30 จะได้ปริมาณนมที่ควรกินต่อวัน
                            • แล้วค่อยนำไปหารเป็นปริมาณนมต่อมื้อ

                             

                            เรียกได้ว่า การดูแลทารกแรกเกิด ถือเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่มือใหม่ควรรู้ไว้ เพื่อเตรียมรับมือ และรู้หลักวิธีการดูแลลูกที่ต้องต้องไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อถึงเวลาจะได้รับมือทัน

                             

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                             

                            อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

                            อยากให้ ลูกกินนมแม่ ต้องรู้! 10 อุปสรรคใหญ่ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

                            หมอเผย!! เลี้ยงลูกด้วย นมแม่ ให้มีความสุข ทำอย่างไร?

                            บอกหมดไม่กั๊ก วิธีสต๊อคนมแม่ พร้อมส่งนมข้ามจังหวัดฟรี!

                            ลูกไม่เรอ ลูกเรอยาก ต้องดู! คลิปสอน วิธีจับลูกเรอ 2 วิธีทําให้ลูกเรอง่ายๆ

                            เด็กแรกเกิด ควรดูแลอย่างไร ลักษณะแบบไหนถือว่าปกติ

                              อนุบาลปรางทิพย์

                              อนุบาลปรางทิพย์ & ปรางทิพย์เดย์แคร์ โรงเรียนอนุบาลเอกชน ที่เต็มไปด้วยความรัก

                              อนุบาลปรางทิพย์ โรงเรียนที่เต็มไปด้วยความรัก โรงเรียนอันเป็นที่รัก สถานที่ซึ่งเรียนรู้ผ่านกิจกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และความสนุกไม่รู้จบมารวมกัน เพื่อสร้างประสบการณ์มหัศจรรย์อย่างแท้จริงให้กับเด็กๆ ชาวปรางทิพย์!

                              เมืองกรุง..ความเจริญอันแออัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถนนหนทางแน่นไปด้วยยวดยานพาหนะตลอดทั้งวันมลภาวะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว.. หลังจากเด็กๆลงจากรถ ผละจากคุณพ่อคุณแม่ เท้าน้อยๆก้าวเข้าบริเวณโรงเรียน ผู้ปกครองอุ่นใจ เพราะเด็กๆจะปลอดภัยและเริ่มวันใหม่อย่างมีความสุข ณ บ้านอันแสนอบอุ่นสุดสนุกสนานหลังที่สอง สมดังปรัชญาของโรงเรียน อบอุ่นเหมือนบ้าน ปูพื้นฐานความพร้อม ของ โรงเรียน อนุบาลปรางทิพย์

                              โรงเรียน อนุบาลปรางทิพย์ และ ปรางทิพย์เดย์แคร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2517 โดย อาจารย์ปรางทิพย์ ทวีพาณิชย์ ด้วยหัวใจ ความตั้งใจ และความเข้าใจธรรมชาติของเด็กๆ เพราะครอบครัวคือแห่งแรกที่จะหล่อหลอมพฤติกรรมและตัวตน หากโรงเรียนสามารถเป็นครอบครัวที่อบอุ่นแห่งที่สองของเด็กๆได้ เด็กๆจะเติบโตได้อย่างมั่นคงและมีภูมิคุ้มกัน

                              ประสบการณ์อันยาวนานจากรุ่น สู่รุ่น ในการอบรมเลี้ยงดูทั้งร่างกาย จิตใจของเด็กปฐมวัยและสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการศึกษาในอนาคตของเด็กๆ คุณครูและเจ้าหน้าที่ทุ่มเทและมุ่งมั่นที่จะจัดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและครอบคลุมให้เด็กๆทุกคนสามารถเติบโตและเข้าถึงศักยภาพสูงสุดของตนเองได้ โดยไม่ทิ้งเรื่องวัฒนธรรมและความเป็นไทย

                              อนุบาลปรางทิพย์

                              ด้านหน้าทางเข้าโรงเรียน

                               

                              หนึ่งใน Signature ของ โรงเรียนอนุบาลปรางทิพย์ คือยอดปราสาท ไม่ว่าจะปรับปรุงโรงเรียนกี่ครั้งก็ยังคงไว้ซึ่งยอดปราสาทในความทรงจำของบรรดาศิษย์เก่า

                              อนุบาลปรางทิพย์

                              ยอดปราสาท signature ของโรงเรียน

                              อนุบาลปรางทิพย์

                              หน่วยการเรียนรู้เรื่อง Store ของเด็กๆชั้น K1 เด็กๆได้สลับกันเป็น พ่อค้า-แม่ค้า-ลูกค้า

                              อนุบาลปรางทิพย์

                              อนุบาลปรางทิพย์

                              การเล่นกลางแจ้ง ไม่ใช่แค่การเล่นแต่ถือเป็นการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมของเด็กปฐมวัย

                               

                              หัวใจหลักของการศึกษาที่ โรงเรียน อนุบาลปรางทิพย์

                              1. เพราะงานของเด็กคือการเล่น Power of Playing

                              “การเล่นของเด็กมีความสำคัญต่อพัฒนาการของ executive function (EF) และความสำเร็จของชีวิตในอนาคต โดย executive function (EF) คือความสามารถระดับสูงของสมองที่ใช้ในการควบคุมความคิด อารมณ์ และการกระทำเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย”

                              ห้องเรียนที่นี่สามารถปรับเปลี่ยนเคลื่อนย้ายได้ตามกิจกรรม และสื่อต่างๆ ที่น่าสนใจและเหมาะสมกับวัยที่กระตุ้นจินตนาการ ส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญา ไม่ว่าจะเป็นบล็อกตัวต่อ ปริศนา หรือกิจกรรมศิลปะ หลักสูตรมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการแก้ปัญหา และการแสดงออก

                              อนุบาลปรางทิพย์

                              ชั้นเรียนได้รับการออกแบบมาให้ปรับเปลี่ยนเคลื่อนที่ได้ โต๊ะเรียนแปลงร่างเป็นร้านค้าของเหล่านักช็อป K1

                              อนุบาลปรางทิพย์

                              อนุบาลปรางทิพย์

                              ทุกหน่วยการเรียนรู้ใช้วิธีแบบบูรณาการ เสริมสร้างความรู้และประสบการณ์อย่างเป็นธรรมชาติ

                              2. เรียน/เล่น เน้นสมรรถนะ Theme-Based Learning

                              การเรียนรู้โดยใช้ประเด็น หรือ Theme-Based Learning เป็นเครื่องมือหลักที่ใช้ตั้งแต่เด็กๆ K1-K3

                              ในแต่ละภาคเรียนของแต่ละชั้นปี มีหน่วยการเรียนรู้แตกต่างกัน โดยเริ่มจากสิ่งที่อยู่ใกล้ๆตัว แล้วค่อยๆห่างออกไป เช่น

                              หน่วยการเรียนรู้ของ K1 : My School , Home, Store, Food Shop, People in the Community

                              หน่วยการเรียนรู้ของ K2 : Our King and Our Nation, Farm, Sea, Super Market, Our Community

                              หน่วยการเรียนรู้ของ K3 : I am Thai, Transportation, Museum, Zoo, Garden

                               

                              การเรียนรู้ผ่านกิจกรรมของปฐมวัยต้องประกอบไปด้วย

                              เคลื่อนไหวและจังหวะ, กลางแจ้ง, สร้างเสริมประสบการณ์, สร้างสรรค์, เสรี และ เกมการศึกษา

                              เพื่อพัฒนา Sensory and Motor Skills ไปควบคู่กัน ไม่ใช่การนั่งโต๊ะ จด และท่องจำ!

                              อนุบาลปรางทิพย์

                              พี่ๆ K3 สนุกสนานกับ Moving with Music ใครหยุดคนสุดท้ายต้องตอบคำถาม วิธีนี้สนุกสนานจนไม่มีใครหลบตาไม่อยากตอบ Teacher เลย

                              อนุบาลปรางทิพย์

                              เรียนภาษาอังกฤษผ่านกิจกรรมต่างๆ

                              อนุบาลปรางทิพย์

                              Activity Based Learning ทำให้เด็กๆได้ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่และเล็กอย่างต่อเนื่อง

                              ก่อนจะจบภาคการศึกษา2-3 สัปดาห์ เด็กๆจะได้ทำ Project Approach โดยได้ร่วมเลือกหัวข้อกันด้วยตนเอง

                              Project Approach คืออะไร ดีอย่างไร

                              เป็นกระบวนการสืบค้นเชิงลึกเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยมีนักเรียนเป็นผู้ลงมือปฏิบัติและมีครูผู้สอนคอยแนะนำ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า เด็กๆย่อมเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อพวกเขารู้สึกสนใจและมีส่วนร่วมในหัวข้อที่พวกเขากำลังเรียนอยู่ เด็กๆ จะได้ทำกิจกรรมร่วมกันโดยการเลือกหัวข้อเรื่องที่อยากจะเรียนรู้ ตั้งคำถาม คุณครูจะทำใบงานส่งให้ผู้ปกครองและเด็กๆช่วยกันหาวิธีแก้ปัญหา ศึกษาทำความเข้าใจ วาดภาพตามความเข้าใจ ช่วยกันทำแผ่นชาร์ตเพื่อนำเสนออย่างง่ายๆบนเวที การมีส่วนร่วมนี้จะช่วยให้เด็กๆ พัฒนาทักษะการคิดแบบเป็นเหตุเป็นผล ทักษะการติดต่อสื่อสาร และทักษะทางสังคม

                               

                              3. Extra English Program อัดแน่นไปด้วยความสนุก

                              หลักสูตรนี้จัดประสบการณ์ที่สอดคล้องกับหน่วยการเรียนเป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทย ในแต่ละห้องมีครูเจ้าของภาษาและครูไทย ทำหน้าที่เป็น Homeroom Teacher และครูไทยร่วมกันจัดกิจกรรมสนุกๆและดูแลเด็กๆตั้งแต่เช้าจนถึงเลิกเรียน

                              เด็กๆที่ “ปรางทิพย์” ได้ Homeroom และเรียนกับ Teacher เจ้าของภาษาตั้งแต่ชั้น K1 หากไม่เข้าใจ Teacher และเด็กๆจะใช้ภาษากาย หาวิธีต่างๆในการสื่อสารอย่างเป็นธรรมชาติ เด็กๆได้แก้ปัญหา สนุกสนาน สะสมคลังคำศัพท์ที่ปราศจากการท่องจำ ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนเท่านั้น เด็กๆก็จะเริ่มเข้าใจภาษาอังกฤษและสื่อสารได้ตามวัย

                              โรงเรียนอนุบาลปรางทิพย์ สอนภาษาอังกฤษแบบ Phonics ซึ่งเป็นการเรียนภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ

                               

                              4. โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์ตัวน้อย Little Science House

                              วิทยาศาสตร์ ช่วยให้เด็กได้พัฒนาความตระหนักรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในโลกรอบตัว  เด็กจะได้รับการส่งเสริมและตอบสนองต่อคำถามที่เกิดขึ้นระหว่างการสำรวจสิ่งต่างๆรอบตัวของตนเองอย่างเหมาะสม

                              ด้านร่างกาย การจัดกิจกรรมให้เด็กได้สำรวจสิ่งต่างๆรอบตัว เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าและใช้อุปกรณ์สำรวจอย่างง่าย ซึ่งเป็นการพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก

                              ด้านอารมณ์และจิตใจ การจัดกิจกรรมสำรวจและทดลอง เด็กได้รู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเอง รู้จักใช้เหตุผล กล้าตัดสินใจ ได้แสดงผลงานและความสามารถจากการสำรวจด้านสังคม เด็กได้ฝึกการช่วยเหลือตนเองในการทำกิจกรรม

                              รู้จักทำงานร่วมกับเพื่อน รู้จักการให้และการรับ ฝึกการปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือข้อตกลงร่วมกัน และเห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อมรอบตัวและช่วยกันดูและรักษา

                              ด้านสติปัญญา เด็กได้พัฒนาความสามารถในการถามคำถามเชิงวิทยาศาสตร์ การค้นหาคำตอบด้วยวิธีการต่างที่เหมาะสมกับวัย ได้บอกลักษณะของสิ่งที่สำรวจพบด้วยคำพูด การวาดภาพ ได้เรียนรู้ใหม่และบอกวิธีการเรียนรู้ของตนเอง
                              และ จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์

                               

                              Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

                              1. ความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างของโรงเรียนอนุบาลปรางทิพย์เกิดขึ้นเพราะ “เสียง” ของผู้ปกครองของเด็กๆ

                              เมื่อสภาพสังคมและบริบทเปลี่ยนแปลง เป้าหมายของผู้ปกครองก็แปรไปด้วยเช่นกัน

                              เช่น การเปลี่ยนเป็น หลักสูตร Extra English Program เต็มรูปแบบ เนื่องจากผู้ปกครองต่างเล็งเห็นถึงความสำคัญของภาษาอังกฤษ

                              2. ความสัมพันธ์ระหว่าง โรงเรียนบ้าน

                              ชั้นเรียนแต่ละชั้นจะมีจำนวนเด็กไม่มากหรือน้อยเกินไป เพียงพอที่ Teacher และ คุณครูไทยจะดูแลได้อย่างทั่วถึง ผู้ปกครองจะได้รับรายงานจากครูประจำชั้น ครูประจำชั้นจะรับทราบจากรายงานของผู้ปกครอง อีกทั้งยังมีสัปดาห์ศิษย์-ลูก ที่ทั้งสองสถาบันจะได้พบปะเข้าร่วมพูดคุยกันอีกด้วย

                              3.รู้ รอด ปลอดภัย ตั้งแต่วัยเด็ก

                              โรงเรียนอนุบาลปรางทิพย์และปรางทิพย์เดย์แคร์ยึดถือเรื่องความปลอดภัยในโรงเรียนเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด เด็กๆ คุณครูและบุคคลากรจะได้รับการอบรมและฝึกซ้อม เด็กๆจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด

                              เช่น กิจกรรมปลอดภัยจากอุบัติภัยและอัคคีภัย ,กิจกรรมการฝึกซ้อมเผชิญเหตุ ,กิจกรรม Run Hide Fight กิจกรรมการแก้ปัญหา สถานการณ์การติดอยู่บนรถ

                              4. หน่วยคัดกรอง โรค มือ เท้า ปาก

                              ทางโรงเรียนมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการคัดกรอง โรค มือ เท้า ปาก ประจำอยู่ที่โรงเรียน หากคัดกรองแล้วพบแนวโน้มว่าเด็กๆจะติดเชื้อ จะแจ้งผู้ปกครองให้ทราบโดยทันท่วงที

                              5. After School Care Program

                              ในกรณีที่ผู้ปกครองติดภารกิจและเพื่อเป็นการแบ่งภาระของผู้ปกครอง ทางโรงเรียนจะ เปิด AFTER SCHOOL CARE PROGRAM เพื่อดูแลนักเรียนในระหว่างช่วงเวลา 17.00 น – 19.00 น. โดยจัดคุณครูช่วยคอยดูแลนักเรียน ให้รับประทานอาหารเย็น อาบน้ำ เปลี่ยนชุดนอนที่ผู้ปกครองเตรียมมา โดยผู้ปกครองสามารถ ฝากเป็นรายวัน หรือ รายเดือนได้ตามความจำเป็น

                              อนุบาลปรางทิพย์

                               ผศ. ลัดดาวรรณ เจริญศักดิ์ศิริ ผู้อำนวยการโรงเรียน

                               

                              เกณฑ์การรับสมัคร

                              ปรางทิพย์เดย์แคร์ รับดูแลและเสริมสร้างพัฒนาการให้กับเด็ก ๆ อายุระหว่าง 3 เดือน – 2 ปี 6 เดือน

                              • รับเฉพาะนักเรียนไป-กลับ
                              • รับนักเรียน ชายและหญิง ตั้งแต่อายุ 3 เดือน – 2 ขวบครึ่ง
                              • แบ่งกลุ่มพัฒนาการตามช่วงอายุของเด็ก
                                • Day Care XS อายุ 3 เดือน – 12 เดือน
                                • S อายุ 1 – 2 ขวบ
                                • M-L อายุ 2 – 2 ขวบครึ่ง

                              อนุบาลปรางทิพย์ หลักสูตร Extra English Program เปิดรับสมัครนักเรียนอายุระหว่าง 2 ปี 6 เดือน – 5 ปี

                              • รับเฉพาะนักเรียนไป-กลับ
                              • รับนักเรียน ชายและหญิง ตั้งแต่อายุ 2 ขวบครึ่ง – 5 ขวบ
                              • แบ่งชั้นตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
                                • ชั้นอนุบาล 1 หรือ EEP K1
                                • ชั้นอนุบาล 2 หรือ EEP K2
                                • ชั้นอนุบาล 3 หรือ EEP K3

                              หรือพิจารณาตามพัฒนาการของเด็ก

                              ที่อยู่  : 29 ซอยวิภาวดี 48-50 ถนนวิภาวดีรังสิต จตุจักร ลาดยาว กรุงเทพฯ 10900

                              สอบถามเพิ่มเติม

                              โทรศัพท์ : 064-540-6909, 083-616-5965, 02-579-3628

                              Line @prangthipschool

                              เว็บไซต์ : https://prangthip.ac.th/

                              อนุบาลปรางทิพย์ อนุบาลปรางทิพย์ อนุบาลปรางทิพย์ อนุบาลปรางทิพย์ อนุบาลปรางทิพย์ อนุบาลปรางทิพย์

                              Editor : แม่พลอยผิง

                              ภาพ : เนาวพจน์  โพธิเกษม, ต้นกล้า ,ภาพข่าวประชาสัมพันธ์ โรงเรียนอนุบาลปรางทิพย์และปรางทิพย์เดย์แคร์


                              อ่านต่อบทความน่าสนใจ

                               

                                เปิดประสบการณ์แนวคิดใหม่! กับงานกิจกรรมและคอนเสิร์ต ตอบโจทย์คำว่าครอบครัวได้อย่างเต็มที่ กับ “Friends & Family Sing Zentrady”

                                ประสบการณ์และแนวคิดใหม่ที่เกิดขึ้นกับงานกิจกรรมและคอนเสิร์ต ที่ตอบโจทย์ของคำว่าครอบครัวได้อย่างเต็มที่ กับ Friends & Family Sing Zentrady ” นำทีมโดย บอย ตรัยแท็กทีม เพื่อน พ้องศิลปินขึ้นเวที

                                ผ่านพ้นไปแล้วอย่างงดงามและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมเสียงตอบรับที่ดี สำหรับคอนเสิร์ตสุดชิล และกิจกรรมเพื่อครอบครัวที่มีแต่รอยยิ้ม นำทีมโดย บอย ตรัย ภูมิรัตน  ศิลปินและนักแต่งเพลงแถวหน้าของเมืองไทย มาพร้อมอีเว้นท์ใหม่ ที่มีคอนเสปต์ของคำว่า “ครอบครัว” เป็นที่ตั้ง ไม่ว่าจะคนในครอบครัว หรือเพื่อนที่รักดั่งครอบครัว ให้มีช่วงเวลาพิเศษได้อยู่ร่วมกัน จึงก่อให้เกิด คอนเสิร์ต “ Friends & Family Sing Zentrady ” ที่ครั้งนี้พาแฟน ๆ ไปนั่งฟังเพลงสุดฟินกันริมหาด ณ โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน  พร้อมเนรมิตให้กลายเป็นพื้นที่แห่งความสุขของทุกคนในครอบครัว

                                แฟมมิลี่คอนเสิร์ตที่เป็นมากกวาคอนเสิร์ตทั่วไป เพราะครั้งนี้ ได้เนรมิตรพื้นที่ และ อัดแน่นด้วยกิจกรรมพิเศษเพื่อคุณหนูและคุณพ่อคุณแม่ได้ใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์นี้ไปด้วยกัน จากแบรนด์ต่างๆที่สนับสนุนทุกความสัมพันธ์ในครอบครัว ร่วมสร้างประสบการณ์พิเศษมากมาย อาทิ กิจกรรมสรรค์สร้างงานศิลป์ ด้วยโซนปล่อยใจไปกับศิลปะ โดยมี สีซากุระนำสีอะครีลิคมาให้น้องๆ ได้ทำกิจกรรมบนกระดาษและผืนผ้าใบอย่างสนุกสนาน นอกจากนี้ ยังมีซุ้มสอนถ่ายภาพให้น้องๆเรียนรู้การใช้กล้องกับ Nikon รวมถึงซุ้มแต่งหน้าแฟนซีจาก พี่ยา เมคอัพอาร์ทติส และกิจกรรมระบายสีปูนปลาสเตอร์กับกรุงไทยแอกซ่า ที่มาพร้อมโปรโมชั่นที่ใส่ใจ และแน่นอนว่ายังมีโซน นิทานอ่านเพลิน กับสำนักพิมพ์ barefoot banana อีกด้วย ที่สำคัญ ภายในงาน มี ผลิตภัณฑ์สเปรย์กันยุงลิตเติ้ลแบร์ออแกนิค ที่ให้ทุกคนทำกิจกรรมกันได้อย่างปลอดภัยกันในทุกๆจุดกิจกรรม

                                 

                                การจัดพื้นที่ภายในงานคอนเสิร์ต ท่ามกลางบรรยากาศที่ชิลสุด ๆ เหมือนได้มาสังสรรค์กับเพื่อน ๆ และครอบครัว ที่แตกต่างจากคอนเสิร์ตทั่วไปคือ ในงานจัดแต่งสถานที่โดย  Nature Hike ที่มาพร้อมเก้าอี้ Outdoor รุ่นใหม่ พร้อมให้ได้นั่งชมคอนเสิร์ตและรับลมทะเลเย็น ๆ อีกทั้ง เก้าอี้นั่งสบายๆสายเอนกายกับเก้าอี้บีนแบคจาก Yogibo อีกด้วย ไฮไลท์กิจกรรมอีกอย่างที่พาดไม่ได้คือ การโชว์ตัวของรถยนต์เปอร์โย ที่ตอบโจทย์สำหรับครอบครัว ได้มาอวดโฉมกันถึงที่

                                 

                                นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ทั้งเล่นน้ำชุ่มฉ่ำ , ขี่ม้าริมชายหาด , เก็บไข่ในฟาร์ม พร้อมเอาใจสายกินด้วยบาร์บิคิวปาร์ตี้สุดครื้นเครง และปิ้งมาชเมลโล่หอมๆ และที่สำคัญสายมูไม่มีพลาด กับการดูดวงเพลินๆแต่เอ็กซ์คลูซิฟสุดๆ จากหมอท๊อป ซีเคร็ต บอกเลยมีแต่ความสุขล้นหาด

                                และไฮไลท์ของงานอย่างคอนเสิร์ต ก็แสนจะอบอุ่นแบบไม่มีผิดหวัง ด้วยบทเพลงไพเราะ ที่คัดสรรค์มาโดยเฉพาะเพื่อให้แฟน ๆ ทุกคนได้นั่งปล่อยใจจอย ๆ ไปกับคลื่นลมทะเล ที่สำคัญ บอย ตรัย ยังได้แท็คทีมเพื่อนพ้องน้องพี่ศิลปิน ทั้ง ก้อง สหรัถ สังคปรีชา , ป๊อด ธนชัย อุชชินโบ สุรัตนาวี  ภัทรานุกุล , โป้ปิยะ ศาสตรวาหา , ว่านธนกฤต พานิชวิทย์  , 2 Days ago Kids  และ  FRIDAY  ที่ต่างหอบเพลงเพราะฟังสบายมาร้องให้แฟน ๆ ได้ฟังกันแบบจัดเต็ม

                                จากนั้นถึงช่วงเวทีพิเศษ ที่ตั้งใจมอบเป็นโบนัสสำหรับแฟน ๆ  ทุกคน กับโชว์ฟีทเจอริ่งของเหล่าศิลปินตัวท็อปในตำนานวงการเพลงไทย ที่นาน ๆ จะโคจรมาเจอกันทีและอาจไม่ได้เห็นบ่อยนัก ทั้ง ว่าน ที่จูงมือ โบ มาขับกล่อมแฟน ๆพร้อมทั้งแอบเผยความลับกลางคอนเสิร์ต ย้อนไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ถึงมิตรภาพดี ๆ ที่เคยมีให้กัน ส่วน โป้ กอดคอ ป๊อด มาในเพลงรักที่โคตรเหงา เอาใจคนที่ยังคงคิดถึงใครสักคนเสมอ ยิ่งดึกอากาศริมทะเลยิ่งดี ลงตัวกับบทเพลงบนเวที ที่หนุ่ม ก้อง สหรัถ ศิลปินสุดอบอุ่นขวัญใจแฟน ๆ ตั้งใจนำมาขับกล่อมทุกคน และ “2 Days ago Kids” ศิลปินกลุ่มระดับปรมาจารย์ ที่จัดเพลงสุดไพเราะให้ฟังกันไปยาว ๆ ก่อนย้อนวันวานกันต่อเพลงรักสุดช้ำ อย่าง “รักที่เพิ่งผ่านพ้นไป” ที่รวมเหล่าศิลปินมาร่วมกันขับร้องอย่างอบอุ่น ส่งแฟน ๆ ทุกคนกลับที่พักไปแบบสุดประทับใจ อัดแน่นด้วยความทรงจำที่แสนสุข เปี่ยมด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจริง ๆ

                                สุดท้าย สำหรับใครที่พลาดคอนเสิร์ต Friends & Family Sing Zentrady ”  ครั้งนี้ กดติดตามที่เฟซบุ๊ก  Zentrady Galaxy ไว้เลย รับรองมีโปรเจ็คต์ดี ๆ ที่จะมอบแต่รอยยิ้มแบบนี้ มาเสิร์ฟแฟน ๆ อีกแน่นอนอยากให้รอติดตามกันว่า Friends & Family Sing Zentrady ” ครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่ไหน และ เมื่อไหร่ เพราะได้ยินว่า ผู้ที่ซื้อบัตรคอนเสิร์ตพร้อมห้องพัก ได้รับของที่ระลึก เป็นกระเป๋า Family Bag ที่เหล่าสปอนเซอร์ มอบผลิตภัณฑ์ดีๆให้อย่างอบอุ่น อาทิผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก ดีนี่ ( ที่ไม่ได้มาแค่ของที่ระลึกต้อนรับในกระเป๋าเท่านั้น เพราะ ภายในห้องพัก ทางดีนี่ ได้มอบสบู่ และโลชั่นให้ทุกครอบครัวได้ตัวหอมผิวนุ่มกันไปเลย ) เครื่องหอมปัญญ์ปุริ ทิชชูเปียกทำความสะอาดพีเจ้นท์ และ สเปรย์แอลกอฮอลล์ลิตเติ้ลแบร์ แล้วพบกันใหม่เร็วๆนี้ พร้อม ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่

                                FB page : www.facebook.com/zentradygalaxy

                                Instagram : www.instagram.com/bayfridoy

                                Line : https://lin.ee/RulrY61

                                 

                                #zentrady_galaxy  #friendsandfamilysingzentrady  #singzentrady #boytrai


                                อ่านต่อบทความน่าสนใจ

                                  งานวิจัยยืนยัน สฟิงโกไมอีลิน และดีเอชเอในนมแม่ ส่งผลต่อสมอง ช่วยให้ลูกเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

                                  หลายปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีได้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดและเข้ามามีบทบาทในวิถีชีวิตประจำวันอย่างไม่หยุดยั้ง สิ่งหนึ่งที่น่าตกใจคือ AI ที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ได้พัฒนาไปอย่างฉับพลันและก้าวกระโดด ความเปลี่ยนแปลงและโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็วนี้ กลายเป็นความกังวลของพ่อแม่ยุคใหม่ว่าลูกจะใช้ชีวิตในโลกอนาคตที่ต้องอยู่ร่วมกับหุ่นยนต์และ AI อย่างไร แล้วสำหรับพ่อแม่ในวันนี้ จะมีวิธีเตรียมความพร้อมให้ลูกได้อย่างไร

                                  S-Mom Club ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ศาสตราจารย์ฌอน ดิโอนี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็ก (MRI) โรงพยาบาลโรดไอแลนด์ และศาสตราจารย์ประจำภาควิชากุมารเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบราวน์ ซึ่งศึกษาวิจัยด้านการพัฒนาสมองของมนุษย์อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อพ่อแม่ยุคใหม่ในการเตรียมความพร้อมให้ลูกตั้งแต่วันนี้

                                  “ผมขอเปรียบเทียบง่ายๆ ว่า พัฒนาการของสมองเปรียบเสมือนกับการสร้างบ้าน ถ้าเราอยากได้บ้านที่แข็งแรงและใช้งานได้จริงนั้น ก็ต้องวางเสาเข็มไว้อย่างดีที่สุดตั้งแต่ต้น เมื่อรากฐานแข็งแรง ก็สามารถสร้างโครงสร้างตัวบ้านและตกแต่งให้เป็นบ้านที่น่าอยู่ได้ไม่ยาก เช่นเดียวกันกับคนเราที่เมื่อเติบโตขึ้นแล้วจะสามารถคิด ทำงาน หรือใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ ถ้ามีรากฐานที่แข็งแรงนั่นคือ ‘สมอง’ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมสนใจศึกษาค้นคว้าเรื่องพัฒนาการของสมองเด็กที่เป็นรากฐานสำคัญของวัยอื่นๆ” ศ.ฌอน เล่า

                                  ขวบปีแรกคือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด

                                  ในขวบปีแรก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สมองเรียนรู้ได้ เร็วกว่าช่วงเวลาอื่นๆ ของชีวิต เพราะทุกวินาทีจะเกิดการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทถึง 1 ล้านเซลล์ ผ่านกระบวนการสร้างไมอีลิน (Myelination) สมองของเด็กในวัยนี้จึงเชื่อมโยงติดต่อสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เด็กจดจำและเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ไว ยิ่งสมองสามารถเชื่อมโยงผ่านกันด้วยความเร็วสูงเท่าใด จะเป็นกลไกที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาทักษะในทุกๆ ด้านได้อย่างเต็มศักยภาพ เพราะการเคลื่อนไหว หยิบ จับ สั่งการ คิด วิเคราะห์ ตัดสินใจต่างๆ ของมนุษย์นั้น เกิดขึ้นภายใต้การทำงานของกลไกสมอง ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสทองในการพัฒนาสมองของลูก และเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้การเรียนรู้ต่างๆ ในอนาคตของลูกนั้นดีขึ้นและรวดเร็วขึ้น

                                   

                                  สฟิงโกไมอีลิน สารอาหารสมองที่สำคัญ หนึ่งในส่วนประกอบของนมแม่ 

                                  “สมองทุกส่วนของมนุษย์จะต้องทำงานเชื่อมต่อถึงกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการมองเห็น การขยับตัว การจะฝึกเดินตั้งแต่เด็ก ซึ่งการเชื่อมต่อกันนั้นจะทำได้เร็วมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับไมอิลีนในสมองสฟิงโกไมอีลินและสารอาหารหลายชนิด ในนมแม่ จะช่วยสร้างและพัฒนาไมอีลินในสมองของทารกให้ดีขึ้น การเชื่อมโยงของสมองจะรวดเร็วขึ้น ยิ่งสมองมีความไวเท่าไหร่ เด็กยิ่งสามารถเรียนรู้ได้ไวมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งสำคัญมากสำหรับการปรับตัวในยุค AI” ศ.ฌอน กล่าวเสริม

                                   

                                  งานวิจัยยืนยัน สมองไวสร้างได้

                                  ในงานวิจัยล่าสุด ศ. ฌอน ได้นำ MRI มาศึกษาผลและประสิทธิภาพของสารอาหารกลุ่ม Myelin Blend เช่น สฟิงโกไมอีลิน และดีเอชเอ ซึ่งมีอยู่ในนมแม่ กับกระบวนการสร้างไมอีลิน (Myelination) ผลการศึกษาพบว่าในเด็กที่ได้รับนมแม่ ให้ผลที่มากกว่าอย่างชัดเจน ทั้งในด้าน โครงสร้างไมอีลิน ปริมาณไมอีลิน และอัตราการสร้างไมอีลิน ซึ่งยืนยันว่าเด็กที่กินนมแม่ซึ่งมีสารอาหาร เช่น สฟิงโกไมอีลิน มีผลต่อการสร้างไมอีลินที่เร็วกว่าและมากกว่า

                                   

                                  สฟิงโกไมอีลินเป็นไขมันชนิดฟอสโฟไลปิดที่พบมากในนมแม่ และเป็นไขมันที่มีความจำเพาะต่อการสร้างไมอีลินโดยเฉพาะ ไมอีลินนี้เป็นส่วนที่หุ้มเส้นใยประสาทที่จะมาเชื่อมโยงเส้นประสาทต่างๆ อันส่งผลต่อการส่งสัญญาณประสาทและการประมวลผลภายในสมอง สมองเด็กที่มีไมอีลินมากกว่าจะเรียนรู้ได้ไวกว่า สฟิงโกไมอีลินพบมากในนมแม่ ไข่ นม และชีส

                                   

                                   

                                  “ไม่ว่าโลกอนาคตจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่ถ้าเด็กได้รับการเลี้ยงดูด้วยความรักและความเข้าใจ เปิดโอกาสให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ และได้รับสารอาหารที่สำคัญต่อการพัฒนาสมองตั้งแต่ขวบปีแรก จะทำให้สมองดี เรียนรู้ไว และพร้อมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีทักษะและมีความสามารถในการปรับตัวในยุค AI ในอนาคตได้อย่างแน่นอน” ศ.ฌอน กล่าว

                                  สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสฟิงโกไมอีลิน และสารอาหารที่จำเป็นต่อการพัฒนาสมองของลูกน้อย เข้าชมได้ที่ S-Mom Club และสามารถสมัครสมาชิกเพื่อปรึกษาทีมพยาบาลผู้เชี่ยวชาญได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง

                                   

                                    Tags

                                    รีวิวจัดเต็มเซ็ท อาหารเด็ก 5 ร้านฮิต สุดแฮปปี้ หม่ามี้ก็อิ่มด้วย

                                    เมื่อพาลูกไปทานอาหารนอกบ้าน ชุด อาหารเด็ก ที่แม่ๆ ควรคำนึงถึง จะต้องเป็นมื้อที่มีคุณค่าโภชนาการครบห้าหมู่ ได้แก่โปรตีน (เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว) คาร์โบไฮเดรต (ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน) เกลือแร่หรือแร่ธาตุ (พืชผัก) วิตามิน (ผลไม้) และไขมัน (ไขมันจากพืชและสัตว์) เพราะสารอาหารแปต่ละหมู่นั้นมีให้ประโยชน์ต่อร่างกายต่างกัน มีคุณค่าทางโภชนาการที่แตกต่างกัน ดังนั้นการทานอาหารเพียงหมู่ใดหมู่หนึ่ง หรือการทานอาหารไม่ครบหมู่ จะทำให้ร่างกายไม่ได้รับประโยชน์จากหมู่อาหารที่ไม่ได้ทานได้

                                    หากแม่ๆ ที่จะต้องจูงลูกไปเล่นในห้างแล้ว ไม่รู้ว่าจะพาลูกไปกินร้านไหนดี ที่จะมีเมนูได้ประโยชน์ ครบคุณค่าโภชชนาการ #ทีมแม่ABK  พร้อมกับน้องเลมอน รีวิว 5 ร้านอาหารสุดฮิต ที่มีเซ็ทอาหารเด็ก ทั้งอาหารไทย อาหารญี่ปุ่น อาหารสุขภาพ และไอศครีม รับรองว่า แต่ละร้านที่เลือกมา มี เมนูถูกใจเด็กๆ ที่ได้คุณค่าสารอาหารแน่นอนค่ะ

                                    ชุด อาหารเด็ก น่ารัก น่าทาน

                                    🍲 ร้าน Ootoya (โอโตยะ) กับเซ็ต อาหารเด็ก สุดน่ารัก

                                    ร้านอาหารญี่ปุ่นสุดพรีเมียม ที่เน้นรสชาติจากวัตถุดิบคุณภาพ เป็นร้านที่เราได้ทานแต่ละเมนูแบบอุ่นๆ จากเตา ดูก็รู้เลยว่าใส่ใจทุกขั้นตอนการทำ แม่ไข่มุกชอบที่เมนูผักของโอโตยะจะได้ความหวานของผักตามธรรมชาติ และเมนูปลาของร้านนี้ก็มีให้เลือกหลากหลาย มีทั้งทอด ย่าง หรือจะมาเป็นหม้ออุ่นๆ ก็มีนะ เหมาะกับคนที่รักษาสุขภาพ ไม่ชอบปรุงเยอะ
                                    เมนูเด็กที่แนะนำ: “ชุดอูด้งสำหรับคุณหนู” เมนูเส้นๆ ที่ทางร้านแนะนำว่า เป็นชุดที่เด็กๆ สั่งกันบ่อยมากๆ และยังมี “ชุดหมูทอดสำหรับคุณหนู” ที่เสิร์ฟพร้อมข้าวรูปทรงพี่กระต่ายสุดน่ารัก พร้อมผักลวกสีสดใส ชวนให้สนุกกับการทานอาหาร
                                    อาหารเด็ก

                                    🥘 ร้าน Terraces (เทอเรสซ์) ชุดคุณหนู น่าหม่ำ

                                    เป็นร้านอาหารไทยในห้างร้านแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง ด้วยเมนูที่หลากลาย และรสชาติที่ถูกปาก ทำให้เป็นร้านโปรดของคุณย่า คุณยายอีกด้วย เมนูที่แม่ไข่มุกถูกใจเป็นพิเศษคือ ข้าวแมวขโมย-ไข่ต้ม เหมาะสำหรับคนทานเผ็ดไม่เก่ง และเหมาะกับการเป็น อาหารเด็ก โตหน่อยๆ เพราะมีทั้งปลาทู และไข่ต้ม ให้โปรตีนอย่างดี คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงรสที่เข้ากัน เป็นรสชาติเหมือนคุณยายทำให้กินเลย
                                    เมนูเด็กที่แนะนำ: ชุดคุณหนูข้าวผัดอเมริกันซุปสาหร่าย พร้อมน้ำส้ม ข้าวผัดที่มาเป็นรูปพี่หมี พร้อมไก่ทอดให้เด็กๆ แทะเพลิน และ ชุดคุณหนูข้าวผัดมักกะโรนีกุ้ง พร้อมนมจืดให้โปรตีน เมนูเคี้ยวง่ายอร่อย และได้ประโยชน์

                                    อิ่มอร่อยจากอาหารแล้ว มาทานไอศครีมกัน

                                    🍨ร้าน Cold Stone Creamery (โคล สโตน ครีมเมอรี่) หวานฉ่ำใจ กับไอศครีมสูตรพิเศษ

                                    แค่คำว่าไอศครีม ทั้งแม่ไข่มุกและน้องเลมอนนางแบบของเราก็ตาเป็นประกายแล้ว ✨ ไอศครีมของ Cold Stone มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตอนนี้มีเมนูใหม่ “Honey Oat” ไอศกรีมโอ๊ตผสมน้ำผึ้งเกสรดอกไม้ป่า หวานกำลังดี มีท็อปปิ้งเป็นสตรอว์เบอร์รี่ที่เด็กๆ ชื่นชอบ ได้วิตามินแถมอร่อยด้วย ในถ้วยวาฟเฟิลกรุบกรอบ หรือจะสั่งเป็นไอศครีมโคน ให้เด็กๆ ถือกินเพลินๆ ก็ได้นะ สำหรับร้านนี้แนะนำให้ลองทานทุกเมนู ทุกวัยเลย 😆

                                    อาหารเด็ก

                                    🍚ร้าน Tenya (เทนยะ) อาหารเด็ก หรืออา

                                    ข้าวเทมปุระกรุบกรอบ ที่จะทำให้เด็กๆ หลงรักการทานผัก เพราะนอกจาก กุ้งเทมปุระแล้ว ผักเทมปุระของเทนยะ กรอบอร่อยไม่เหมือนใคร ทางร้านบอกว่า ใช้เครื่องทอดอัตโนมัติ เพื่อควบคุมคุณภาพของแต่ละจานให้มีความกรอบ อร่อย ยิ่งไปกว่านั้น มีน้ำจิ้มทาเระสูตรพิเศษส่งตรงมาจากญี่ปุ่น หอม อร่อย ละมุน ลงตัว ทานแล้วเข้ากันได้ดีกับเทมปุระ ที่แม่ไข่มุกว้าวอีกอย่างคือ เฟรนช์ฟรายส์ และ ซอสชีส เป็นเฟรนช์ฟรายส์ที่ทอดแบบเทมปุระ ทานเพลินได้ทั้งแม่ทั้งลูกเลย
                                    เมนูเด็กที่แนะนำ: ชุดเมนูคุณหนู ที่เสิร์ฟมาบนจานรูปรถไฟชินคันเซ็น ให้เด็กๆ สนุกไปกับมื้ออาหารจานโปรด และ สำหรับแม่ๆ ที่เตรียมอาหารให้ลูกทานบนรถหลังเลือกเรียน ตอนนี้ที่เทนยะ มีเมนู Onigiri หรือข้าวปั้น 3 แบบ 3 สไตล์ ในแพคเกจพร้อมพกพาด้วยล่ะ สะดวกสุดๆ

                                    อาหารเด็ก

                                    🥗ร้าน Salad Factory (สลัดแฟคทอรี่) 

                                    แค่ชื่อร้านก็สัมผัสได้ถึงความเฮลตี้ สุขภาพดีสุดๆ ซึ่งแต่ละเมนูของสลัดแฟคทอรี่ก็ใช้วัตถุดิบคุณภาพ จากฟาร์มออแกนิคที่เจ้าของฟาร์มเป็นผู้ปลูกและส่งขายเองไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง และยังมีเมนูข้าว, สเต็ก, สปาเก็ตตี้ ให้เลือกทานได้หลากหลาย เหมาะกับทุกคนในครอบครัว ช่วงนี้มีเมนูวันแม่ที่ทางร้านแนะนำ อย่างซันโกลด์กีวี่ทวิสต์ ที่เป็นสมูทตี้กีวี่สีทอง พร้อมโยเกิร์ต และเคล เหมาะกับคุณแม่ที่รักสุขภาพ สดชื่นฟินๆ
                                    เมนูเด็กที่แนะนำ: สปาเก็ตตี้ไวท์ซอสคุณหนู เมนูเส้นๆ ที่เด็กๆ ต้องไม่พลาด และ ข้าวผัดปลาแซลมอนคุณหนู เป็นเมนูยอดฮิตของร้าน ซึ่งทั้งสองเมนูนี้จะเสริฟพร้อมผัก มันทอดรูปยิ้ม และมันบดผลไม้สีชมพูสูตรพิเศษดูน่าทานสุดๆ นอกจากนี้ แม่ๆ ลองเลือกโยเกิร์ตโบวล์ของทางร้านมาให้ลูกทานก็ได้นะ มีรสชาติเปรี้ยมอมหวานของผลไม้สดๆ แถมได้ประโยชน์จากวิตามินด้วย

                                    ข้าวผัดแซลมอน และสปาเก็ตตี้ เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอดรูปยิ้มสุดน่ารัก, ผักบร็อคโคลีลวก และมันบดสีชมพูน่ากิน อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์

                                    มันบดสีชมพูสดใสในชุดอาหารคุณหนูที่แม่ไข่มุกถูกใจเป็นพิเศษ ตัวนี้ทางร้านบอกว่า ผู้ใหญ่ก็สามารถสั่งแยกได้นะ รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ ทานเพลิน มีส่วนผสมของ มันฝรั่งบด มายองเนส น้ำบีทรูท แครนเบอร์รี่ ลูกเกด ข้าวโพดหวาน แอปเปิ่้ลเขียว และแอปเปิ้ลแดง แครอท ทั้งหมดนี้ ช่วยให้เด็กๆ ได้ทานผักอย่างครบถ้วน เป็นมันบดที่อัดแน่นไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารจริงๆ
                                    พาลูกไปห้างครั้งต่อไป แม่ๆ ลองเซฟเมนูเหล่านี้ไว้เป็นตัวช่วย ให้เด็กๆ ช่วยเลือกบ้าง และยังสามารถพาทั้งครอบครัว รวมไปถึงคุณตาคุณยาย ไปทานมื้อสุดอร่อยด้วยกันได้อีกน้า 😊👶✨

                                      Tags