Page 25 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

สร้างวินัยเชิงบวก

เทคนิค สร้างวินัยเชิงบวก และ ทักษะชีวิตให้ลูก โดย ครูหม่อม – ปนัดดา ธนเศรษฐกร

ครูหม่อม – ปนัดดา ธนเศรษฐกร แนะนำเทคนิค สร้างวินัยเชิงบวก ทั้งเรื่องการกิน นอน เล่น ตั้งแต่ยังเล็กๆ เพื่อเป็นทักษะชีวิตที่ดีให้ลูก เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ พ่อแม่ควรทำอย่างไร ฝึกตัวเอง หรือ สอนลูกแบบไหน ตามดูกันค่ะ

ครูหม่อม แนะเทคนิค! สร้างวินัยเชิงบวก และ ทักษะชีวิตให้ลูก
เชื่อฟังพ่อแม่
เติบโตเป็นคนดี

คุณพ่อคุณแม่หลายคน น่าจะเคยเผชิญกับสถานการณ์หรือเหตุการณ์น่าปวดหัว ที่ลูกรักสรรหามาให้ในแต่ละวัน จนบางครั้ง คุณพ่อคุณแม่ผู้แสนใจดี ก็ต้องแปลงร่างกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาลูกบ้าง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่แสนเหน็ดเหนื่อย อย่างเวลาที่กินข้าว เวลาที่ลูกเล่นของเล่น เวลาที่เก็บของเล่น และเวลาที่ลูกนอน เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เป็นไม้เบื่อไม้เมา คุณพอ่คุณแม่ต้องเคยเจออย่างแน่นอน แล้วคุณพ่อคุณแม่จะมีวิธีอย่างไร ในการสอนลูกให้เชื่อฟัง ให้ลูกยอมทำตาม ให้ลูกเติบโตมาเป็นเด็กดี โดยที่ไม่ทำร้ายความรู้สึกของลูกและไม่ทำลายความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ครูหม่อม – ปนัดดา ธนเศรษฐกร มีเทคนิคการสร้างวินัยและ ทักษะชีวิตให้ลูก มาฝากคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ

สร้างวินัยเชิงบวก
ครูหม่อม – ผศ.ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร ผู้เชี่ยวชาญด้าน EF และการเลี้ยงลูกเชิงบวกสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล

สร้างวินัยเชิงบวก กิน เล่น นอน: ช่วงเวลาปวดหัวที่พ่อแม่ต้องเจอ

เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่พ่อแม่จะต้องรบกับลูกเป็นประจำ เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนจะต้องนึกถึงช่วงเวลา “การกิน” “การเล่น” และ “การนอน” อย่างแน่นอน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ลูกมักจะดื้อ และงอแงที่สุด ครูหม่อมแนะนำว่า สื่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำ ไม่ใช่การอดทน ไม่ใช่การพยายามใจเย็น แต่ต้องรู้จัก “ทำใจให้เป็น”

วิธีการทำใจให้เป็น เริ่มต้นจากการมองย้อนไปที่ตัวเรา สมัยที่ยังเป็นเด็ก ว่าเราเคยดื้อเวลากินข้าว เล่น และนอนบ้างหรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนต้องเคยเป็นแบบนี้มาก่อน ในวันนี้ที่เราเป็นพ่อแม่เสียเอง เราก็กำลังเผชิญกับเหตุการณ์เช่นเดียวกับที่พ่อแม่ของเราเคยเจอเราแผลงฤทธิ์มาก่อน เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เมื่อเราทำใจว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ เราจะสามารถก้าวไปยังสเต็ปต่อไปได้

ครูหม่อมเล่าว่า เด็กไทย 80% ต้องเคยกินข้าวพร้อมน้ำตามาก่อน เพราะพ่อแม่มักจะบังคับให้ลูกกินข้าว ซึ่งปัญหาที่เจอบ่อยที่สุดคือ ลูกมักจะกินข้าวแค่นิดเดียว แล้วก็ไม่ยอมกินต่อแล้ว เมื่อคุณพ่อคุณแม่บอกให้ลูกกินต่อ บางครั้งลูกก็อาจงอแงไม่ยอมกินแล้ว หรืออาจบอกว่า อิ่มแล้ว ไม่อยากกิน ไม่ชอบกิน

การสอนลูกให้มีวินัย สร้างวินัยเชิงบวก ในการกินจึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนลูก เมื่อลูกทำได้ ลูกก็จะมี “ทักษะการตัดสินใจ” ซึ่งทักษะนี้สามารถนำไปใช้ได้ ทั้งกับการกิน การซื้อของเล่น การเก็บของเล่น และการนอน โดยการเปิดโอกาสให้ลูกได้มีทางเลือก และรู้จักการตัดสินใจด้วยตัวเอง เมื่อคุณพ่อคุณแม่อนุญาตให้ลูกตัดสินใจ ก็จะทำให้ลูกมีวินัยในการกิน การซื้อของเล่น การเล่นของเล่น และการนอนที่ดีขึ้น เพราะลูกได้มีส่วนร่วมตัดสินใจในเรื่องเหล่านี้

 

กลไกปกป้องตัวเองของเด็ก

เวลาที่ลูกดื้อ งอแงไม่ยอมกินข้าว ไม่ยอมเก็บของเล่น ไม่ยอมนอน สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่บางคนมักจะทำ คือการดุลูก บังคับลูก ให้ลูกต้องทำตามความต้องการของตนเอง

ตัวอย่างเหตุการณ์:

เมื่อลูกกินข้าวไปแค่ไม่กี่คำแล้วหยุดกิน แม้ว่าพ่อกับแม่จะพยายามอธิบายว่า ถ้าไม่กินข้าวให้หมดเดี๋ยวจะหิวนะ แต่ลูกก็ยังยืนยันที่จะไม่กินข้าว พอเวลาผ่านไปสักพัก ลูกก็รู้สึกหิวก่อนจะถึงเวลาอาหารมื้อต่อไป บทสนทนาที่มักเกิดขึ้น มี 2 รูปแบบ ดังนี้

  • ตำหนิลูก ด้วยคำพูดว่า “แม่บอกแล้วใช่ไหม ทำไมไม่ฟัง” การพูดแบบนี้ทำให้ลูกเสียใจ ร้องไห้ เพราะรู้สึกว่าแม่ไม่เป็นพวกเดียวกับตัวเอง แม่ไม่เข้าข้าง เมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในอนาคต ลูกก็จะไม่อยากเล่าให้แม่ฟัง เพราะกลัวว่าจะถูกตำหนิ กลัวว่าแม่จะไม่เป็นพวกเดียวกัน
  • ตามใจลูก ด้วยการหาอาหารให้ลูกกินทันที การทำเช่นนี้ จะทำให้ลูกเรียนรู้ว่า เดี๋ยวแม่ก็หาอาหารมาให้ ไม่จำเป็นต้องกินให้อิ่มก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงเวลามื้อต่อไป ยังไงก็ได้กินอยู่ดี ลูกก็จะยิ่งดื้อมากขึ้นในครั้งต่อ ๆ ไป

ซึ่งการทำแบบนี้ทำให้ลูกรู้สึกว่าถูกบังคับ รู้สึกว่าชีวิตของตัวเองไม่ทางเลือก ไม่สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ รู้สึกสูญเสียความมั่นใจ จนเกิดกลไกการปกป้องตัวเองขึ้นใน 2 ลักษณะ ได้แก่

  • ปกป้องตัวเองด้วยการสู้ เถียง เอาชนะ พยายามแสดงอำนาจเหนือผู้ใหญ่
  • ปกป้องตัวเองด้วยการถอยหนี ไม่สู้ ไม่เถียง ไม่ทำ ไม่ฟัง ไม่หืออือ หรือแอบทำอะไรบางอย่าง โกหก และโทษคนอื่น

ซึ่งการที่เด็กต้องปกป้องตัวเอง เป็นเพราะเด็กรู้สึกไม่ปลอดภัย วินัยจึงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ และคุณพ่อคุณแม่จะไม่ใช่เซฟโซนของลูกอีกต่อไป

 

วิธีแก้ไข สร้างวินัยเชิงบวก ไม่ให้ลูกสูญเสียความมั่นใจ

แก้ได้ด้วยการแสดงความเข้าใจ เชื่อใจ แสดงให้ลูกเห็นและรู้สึก ว่าลูกเป็นคนที่มีความสามารถ ตัดสินใจในเลือกต่างๆ เองได้ และมีทางเลือกให้เลือก

ทุกการตัดสินใจมีผลตามมาเสมอ ผลที่ตามมาคือการเรียนรู้ ในกรณีที่ลูกไม่ยอมกินข้าว หรือกินข้าวไปแค่นิดเดียว ถ้าคุณพ่อคุณแม่บอกลูกว่า ถ้าไม่กินข้าว เดี๋ยวจะหิวนะ ลูกจะนึกไม่ออกว่าความหิวเป็นอย่างไร ทำไมต้องกังวลเรื่องความหิวด้วย เพราะลูกยังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้ จึงเริ่มเกิดการทะเลาะ และเกิดภาพจำของอารมณ์ที่ไม่ดี ทำให้รู้สึกไม่อยากกินข้าวกับพ่อแม่อีก ทั้ง ๆ ที่ช่วงเวลากินข้าวควรจะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข และได้รับความสำคัญ

เมื่อลูกกินข้าวไปนิดเดียว แล้วบอกว่าอิ่มแล้ว ไม่อยากกินแล้ว ถามลูกให้แน่ใจอีกครั้งว่า อิ่มจริงหรือไม่ ถ้าลูกยืนยันว่าอิ่มแล้ว สิ่งที่ตามมา ลูกต้องรับผิดชอบ เมื่อลูกรู้สึกหิวก่อนเวลา คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรตำหนิลูก และไม่ควรตามใจลูก แต่ใช้วิธี “แสดงความเข้าใจ” ให้ลูกเห็นว่า คุณพ่อคุณแม่เข้าใจ และจะอยู่ข้างลูก ด้วยการบอกลูกว่า “แม่เข้าใจว่าหนูหิว แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาอาหาร ไม่เป็นไรลูก ครั้งนี้เราตัดสินใจพลาด เอาไว้เดี๋ยวลองใหม่ครั้งหน้านะ ถ้าหนูหิว เดี๋ยวแม่จะนั่งเป็นเพื่อนหนูจนกว่าจะถึงเวลาอาหารมื้อต่อไป”

การทำแบบนี้ จะทำให้ลูกรู้สึกว่า พ่อแม่กำลังเข้าใจเขา และพ่อแม่พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเขาเมื่อเกิดปัญหาหรือข้อผิดพลาดต่าง ๆ ขึ้น ลูกจะกล้าที่จะผิดพลาด และเมื่อเจอปัญหาในชีวิต ลูกก็กล้าที่จะมาเล่าให้พ่อแม่ฟัง เพราะรู้ว่าพ่อแม่จะอยู่ข้างเขา

 

การแสดงออกของลูก

ในทุกสถานการณ์ เมื่อลูกงอแง จะเกิดการแสดงออกพร้อมกัน 2 อย่าง คือ

  • อารมณ์
  • พฤติกรรม

คุณพ่อคุณแม่มักจะมุ่งความสนใจไปที่พฤติกรรมของลูก เช่น ลูกร้องไห้ ลูกกรีดร้อง ลูกลงไปนอนดิ้นบนพื้น แต่ที่จริงแล้ว พ่อแม่ควรมุ่งความสนใจไปที่อารมณ์ของลูกมากกว่าพฤติกรรม และแสดงให้ลูกเห็นว่าพ่อแม่เข้าใจ และพร้อมจะรับฟัง วันหนึ่งที่ลูกออกไปเผชิญโลกภายนอก แล้วโดนบูลลี่ ลูกก็รู้ว่าสามารถกลับมาเล่าให้พ่อแม่ฟังได้ พ่อแม่จะเข้าใจและอยู่ข้างลูก วิธีการนี้ สามารถเริ่มได้ตั้งแต่ลูกยังอายุหลักหลักเดือน สื่อสารกับลูกด้วย อวจนภาษา (non vobal) เพื่อทำให้ลูกเข้าใจภาษาเหล่านี้ได้ ต่อให้เริ่มสอนเมื่อลูกโตมาแล้ว ก็ยังสามารถทำได้ แต่ต้องใช้เวลาให้ลูกค่อย ๆ เรียนรู้ และปรับตัวเข้ากับวิธีการสื่อสารของพ่อแม่

พฤติกรรมเป็นผลของอารมณ์ มุ่งเน้นการปรับอารมณ์ เมื่อลูกไว้ใจพ่อแม่ พฤติกรรมของลูกก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย

ถ้าลูกอารมณ์ไม่ปกติควรปรับอารมณ์ลูกก่อน รอจนลูกและพ่อแม่อารมณ์ปกติ จึงค่อยสอนด้วยขั้นตอนดังนี้

  1. ตั้งเป้าหมาย ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้
  2. ตั้งเป็นคำถาม ถ้าครั้งหน้าลูกโกรธ โมโหอีก จะทำยังไงได้บ้างที่ไม่ใช่ตีเพื่อน ให้ลูกคิดเอง เพื่อให้ลูกเกิดการเรียนรู้

สร้างวินัยเชิงบวก

♥ หัวใจของการเลี้ยงลูกเชิงบวก

หากพ่อแม่อยาก สร้างวินัยเชิงบวก ให้ลูก การทำให้ลูกรู้สึกว่า

  • มีตัวตน
  • เป็นคนสำคัญ
  • มีความสามารถ

 

ทักษะในการรู้ใจตัวเอง เห็นใจผู้อื่น

การที่ลูกบอกว่าตัวเองต้องการหรือไม่ต้องการทำอะไรนั้น ถือเป็นพัฒนาการของเด็กในการสร้างตัวตนของตัวเอง ทำให้ลูกมีตัวตน เป็นการสร้างทักษะอารมณ์และสังคม เมื่อพ่อแม่แสดงความเข้าใจลูก ทำให้ลูกสร้างทักษะในการ “รู้ใจตัวเอง เห็นใจผู้อื่น” และสามารถที่จะสร้าง “คำศัพท์ทางอารมณ์” ของตัวเองขึ้นมา ซึ่งคำศัพท์ทางอารมณ์นี้เกิดจาก “ความรู้สึก” บวกกับ “สถานการณ์ที่เป็นนามธรรม” จนกลายเป็น “รูปธรรม” ออกมา ซึ่งคำศัพท์ทางอารมณ์นี้คือสิ่งที่ทำให้ลูกรู้จักและเข้าใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เช่น รู้ว่านี่แหละคือความหิว นี่แหละคือความเสียใจ เมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นในอนาคต ลูกจะรู้วิธีในการสื่อสารกับคนรอบข้าง ว่าตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไร

พ่อแม่จึงต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางจิตใจของลูก อย่าซ้ำเติมและทับถม แต่ต้องเข้าใจ และอยู่เคียงข้างลูก

 

ทักษะการให้ลูกทำด้วยตัวเอง

การให้ลูกทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเองเป็นการช่วยเสริมทักษะให้ลูก เช่น ให้ลูกตักอาหารกินเอง เด็กที่กินน้อยจะกินเยอะขึ้นเมื่อลูกรู้จักการทำด้วยตัวเอง รู้จักการพึ่งพาตัวเอง และตระหนักรู้ในตัวตน ว่าตอนนี้กำลังหิวหรือกำลังอิ่ม ลูกสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ บริหารจัดการตัวเองได้ ถ้าผลออกมาไม่ดีอย่างที่คิด คุณพ่อคุณแม่ก็แสดงความเห็นใจ ถ้าผลออกมาดี คุณพ่อคุณแม่ก็ชื่นชม

 

อ่านต่อ.. เทคนิคการสร้างวินัยและ ทักษะชีวิตให้ลูก
โดยครูหม่อม – ปนัดดา ธนเศรษฐกร ..ที่หน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

    The CREAM Bangkok คลับมหัศจรรย์ แห่งการเรียนรู้

    หลังเลิกเรียน วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือช่วงปิดเทอมยาวๆ เป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อสำหรับเด็กหลายๆคน เพราะต้องอยู่บ้านโดยไม่มีกิจกรรมสนุกๆให้ทำแถมไม่ได้เจอเพื่อนอีกด้วย ถ้าเด็กๆได้มีพื้นที่แสดงออกถึงความคิด ได้เล่นและสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองบ้างก็คงจะดี ถ้าแม่ๆกำลังมองหาพื้นที่แบบนี้ให้ลูกอยู่ วันนี้เราจะชวนแม่ๆมาเป็นแขกพิเศษที่โรงแรม The CREAM Bangkok กัน

    CREAM” คือ พื้นที่แห่งการเรียนรู้นอกห้องเรียน ที่พร้อมต้อนรับแขกมหัศจรรย์ตัวน้อยทุกเวลา เป็นพื้นที่ที่ช่วยเติมฝันและจินตนาการให้กับเด็กๆ ได้ เล่าเรื่อง เล่าความคิด ผ่านการวาดขีดเขียนหรือรูปแบบอื่นๆที่เด็กถนัด ตามจินตนาการได้อย่างเต็มที่ ก่อตั้งโดย ครูใบปอ อ้อมขวัญ เวชยชัย เธออยากมีพื้นที่ๆทำขึ้นเพื่อเป็น แล็บทดลองของตนเอง เป็นพื้นที่ๆเข้มข้นในเรื่องอ่านเขียน เรียนรู้ และทดลองเล่นสนุกทุกอย่างโดยมีพื้นฐานมาจากการขีดเขียนของเด็กๆ เธออยากจุดประกายให้เด็กๆได้แสดงออกทางความคิดอย่างเต็มที่ พื้นที่นี้เหมือนเป็นที่พื้นที่สมมุติ เป็นโรงแรมมหัศจรรย์ ที่สร้างจินตนาการให้กับของแขกตัวน้อยที่มาเยือน เด็กๆจะได้เล่นสนุก ทดลอง สำรวจ,ค้นหาและทำตามจินตนาการของตัวเองที่นี่ ซึ่งมุมของโรงแรมครีมจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามธีมที่เธอวางเอา เธอจะพยายามปรับและทดลองอยู่ตลอด แบบนั้นได้ไหม แบบนี้ได้ไหม เพื่อพัฒนา CREAM ให้เป็นพื้นที่ๆเด็กๆรู้สึกตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ในโรงแรมทุกครั้งที่มา เช่น เดือนมิถุนายนนี้เป็น ธีมจากนิทานคุณไปรษณีย์กระรอกบิน เด็กๆก็จะได้เรียนรู้บทบาทการเป็นบุรุษไปรษณีย์ เรียนรู้การทำพัสดุจิ๋ว พับกระดาษ แสตมป์แฮนด์เมด หรือเขียนจดหมายด้วยตนเอง กิจกรรมน่าสนุกและน่าสนใจจน เรารู้สึกอยากย้อนกลับไปเป็นเด็กด้วยจัง

    ประตูโรงแรมครีมที่เปิดต้อนรับแขกตัวน้อย
    เข้ามาภายในแล้วต้องให้เด็กๆ เช็คอิน ที่ เคานต์เตอร์ กันก่อนน้า

    พาไปเช็คอินและสำรวจพื้นที่ The CREAM Bangkok กันหน่อย

    เมื่อเข้ามาภายใน Cream ก็จะพบจุดต้อนรับและเช็คอิน สร้างบรรยากาศให้เด็กๆได้รู้สึกเหมือนมาพักผ่อนและท่องเที่ยว ชั้นล่างจะมีมุมนั่งเล่นและชั้นวางนิทาน ที่เด็กๆสามารถเลือกอ่านได้ตามใจชอบ ส่วนชั้นสองเป็นพื้นที่ๆเด็กๆจะสร้างสรรค์จินตนาการและสำรวจมุมต่างๆได้อย่างเต็มที่ มีทั้งมุมศิลปะ งานประดิษฐ์และทดลองวิทยาศาสตร์ โซนนี้ครูใบปอ อยากให้มีแสงสว่างและมีลมผ่านมากๆ สังเกตว่าแม้ว่าจะไม่มีเครื่องปรับอากาศ เราก็ยังรู้สึกสบายไม่ร้อนเลย ส่วนชั้นบนสุดเป็นห้องสมุดในห้องใต้หลังคา เป็นห้องในฝันที่ใครๆก็อยากมี โซนนี้ใช้ทั้งอ่านนิทานและทำกิจกรรมต่างๆ มีเก้าอี้ตัวน้อยและนิทานวางเรียงรายอยู่บนชั้นมากมาย นี่มันสวรรค์ชัดๆใช่ไหมเด็กๆ

    โถงชั้นล่างบรรยากาศผ่อนคลาย เหมือนได้เข้าพักที่โรงแรมจริงๆ
    มุมนี้เด็กๆสามารถนั่งเล่นเกมต่างๆหรืออ่านนิทานก็ได้

    ที่ The CREAM Bangkok เปิดรับแขกตัวน้อยหลากหลายวัย ตั้งแต่เด็กเล็กจิ๋ว 1-4 ขวบ ไปจนถึงพี่โตชั้นประถม โดยมี Workshop ที่เหมาะสมกับช่วงวัยของเด็กๆมารองรับ ลองไปดูกันหน่อยว่ามี Workshop แบบไหนกันบ้าง

    MINICREAM

    เปิดพื้นที่โรงแรมเพื่อต้อนรับเด็กน้อย วัยประมาณ 1-4 ขวบ เป็นกิจกรรมที่ให้น้องเล็กมาใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มที่ ทั้งสำรวจมุมต่างๆภายใน CREAM หรืออ่านนิทานที่มีอยู่มากมายก็ได้ นอกจากนี้ยังมีมุมวาดรูป ระบายสี เล่นแป้งโด ต่อบล็อกไม้ เล่นน้ำ หรือบทบาทสมมุติต่างๆ อีกด้วย เด็กๆจะได้เข้ามาเล่นและทำกิจกรรมร่วมกับคุณพ่อคุณแม่เป็นหลัก โดยมีทีมงาน CREAM คอยช่วยเหลือและแนะนำอยู่ใกล้ๆ

    รายละเอียดกิจกรรม

    ตารางกิจกรรมเดือนมิถุนายน

    วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน 2566 / วันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม 2566

    เวลา 10.00-12.00 น. /ราคา 500 บาท (ผู้ใหญ่ที่มากับเด็กๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ )

    บริเวณชั้น 2 อุปกรณ์และกิจกรรมต่างๆจะถูกปรับเปลี่ยนไปในแต่ละเดือนตาม ธีม ต่างๆ

    เด็กๆสามารถสำรวจและเล่นได้ตามใจชอบ

    CREAM Afterschool Club

    เปิดช่วงเวลาแสนพิเศษหลังเลิกเรียน ให้กับเด็กๆ ตั้งแต่วัยอนุบาลไปจนถึงพี่ชั้นประถม ให้เข้ามาสำรวจโรงแรมด้วยกัน เด็กๆจะได้ขีดเขียน เล่นเกมต่างๆหรืออ่านนิทานตามที่เด็กๆสนใจ เป็น co-working space ที่เด็กๆ สามารถใช้พื้นที่เพื่อเลือกการเรียนรู้ตามความสนใจของตนเอง ไม่ว่าจะอ่าน เขียน หรือ เล่าเรื่องในรูปแบบต่างๆ โดยมีพนักงานโรงแรมคอยดูแลและเป็นเพื่อนร่วมเล่นและเรียนรู้ไปด้วยกัน หรือมาพักผ่อนพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์กันได้

    รายละเอียดกิจกรรม

    วันธรรมดา : เวลา 15.00-18.00 น. /ราคา 300 บาท

    วันเสาร์ : เวลา 13.00-17.00 น. /ราคา 400 บาท

    (ผู้ใหญ่ที่มากับเด็กๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ )

    มุมเล่นน้ำ ที่ช่วยฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กและประสาทสัมผัสต่างๆได้เป็นอย่างดี

    Homemade Marble Run

    Workshop สำหรับพี่ๆชั้นประถม ที่จะอยู่ทำกิจกรรมด้วย 3-4 วัน ในการสร้างเส้นทาง marble run และ ball run ให้เจ้าลูกกลมๆ กลิ้งไปตามเส้นทางที่เด็กๆ ช่วยกันสร้าง ประดิษฐ์ คิดค้น และช่วยกันแก้ปัญหา โดยมีอุปกรณ์ต่างๆมากมายให้เด็กๆเลือกใช้ทั้งท่อกระดาษ กล่อง หนังสือต่างๆ และอีกสารพัดในโรงแรม CREAM ซึ่ง marble run นี้น่าสนใจตรงช่วยดึงเอาพลังความสงสัย อยากรู้ อยากทดลอง ของเด็กๆออกมา เด็กๆจะได้เรียนรู้เรื่อง ความลาด ความชัน น้ำหนัก แรงโน้มถ่วง เรียนรู้และสร้างทฤษฎีใหม่ๆ ไปในตัวแบบเป็นธรรมชาติผ่านการเล่นสนุก รับรองว่าผู้ใหญ่อย่างเราเห็นแล้วก็ยังนึกสนุกและอยากเล่นกับเด็กๆด้วย

    รายละเอียดกิจกรรม

    ตารางกิจกรรมเดือนมิถุนายน :

    กลุ่มที่ 1

    วันที่ 21 – 23 มิถุนายน 2566 : เวลา 09:00 – 15:00 น.

    กิจกรรม 3 วัน / ราคา 4,350 บาท

     

    กลุ่มที่ 2

    วันที่ 25 –28 กรกฎาคม 2566 : เวลา 09:00 – 15:00 น.

    กิจกรรม 4 วัน / ราคา 5,700 บาท

    กิจกรรม MiniCream ของเด็กน้อย ทั้งตัดกระดาษ และปั้นแป้งโด

    ทดลองกับสีน้ำ เช่น หยดน้ำลงไป ลองเล่นกับปริมาณ แนววิทยาศาสตร์

     

    CREAM Board Game Club

    เด็กๆ ที่ชอบเล่นเกม ทั้งบอร์ดเกมและการ์ดเกมต่างๆต้อง Workshop นี้เลยค่า คลับนี้ชวนพี่โตชั้นประถม มาออกแบบและเล่นเกมในแบบฉบับที่เป็นตัวเรา โดยถ่ายทอดออกมาด้วยฝีมือวาด หรือประดิษฐ์ ในแบบของเด็กๆเอง เด็กๆจะได้ฝึกคิดและวางแผนต่างๆทั้งในตอนระหว่างคิดและตอนเล่นเกมนี้ จะมีอะไรสนุกไปมากกว่าการได้เล่นเกมกับเพื่อนๆที่ชอบในแบบเดียวกัน ได้ฝึกสมองและเล่นไปพร้อมๆกันแบบนี้ ต้องรีบพาลูกๆมาสมัครแล้วน้า

    รายละเอียดกิจกรรม

    กลุ่มที่ 1

    วันที่11–14 กรกฎาคม 2566 / เวลา 09:00 – 15:00 น. / ราคา 5700 บาท

    กลุ่มที่ 2

    วันที่15 – 18 สิงหาคม 2566 / เวลา 09:00 – 15:00 น. / ราคา 5700 บาท

    มุมนี้จัดตาม ธีมนิทานคุณไปรษณีย์กระรอกบิน เด็กๆก็จะได้เรียนรู้บทบาทการเป็นบุรุษไปรษณีย์ เรียนรู้การทำพัสดุจิ๋ว พับกระดาษ แสตมป์ หรือเขียนจดหมายด้วยตนเอง
    เด็กๆจะได้ส่งจดหมายผ่านคุณกระรอกน้อย ด้วยการชักรอกไปมา

    ห้องใต้หลังตาที่เต็มไปด้วยนิทาน และของเล่นต่างๆ

    Workshop Marble Run ที่เด็กๆได้ทดลองสร้างเส้นทางให้ลูกกลมๆวิ่งไปมา
    Workshop Board แสนสนุกที่เด็กๆช่วยกันคิดช่วยกันสร้างด้วยตัวเอง

     

    นอกจากนี้ยังมี Workshop อีกมากมาย ทีปรับเปลี่ยนกันไปในแต่ละเดือน เช่น CREAM HOLIDAY WORKSHOP Playing with Food ตอน Dots Lines Shapes ชวนเด็กๆ เล่นสนุกกับองค์ประกอบพื้นฐานของศิลปะอย่าง จุด เส้น และรูปร่างรูปทรงที่หลากหลาย หรือ Wild & Free Poetry Club คลับสำหรับนักเขียนบทกวีที่ wild และ free ตามชื่อ คือไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ มากำหนดเรื่องเล่าทั้งนั้น เลือกสื่อสารสิ่งที่คิดแล้วรู้สึกได้นับร้อยนับพันหนทาง มาทำให้ poetry เป็นเรื่องสนุกสนานและท้าทายการเล่าเรื่องราว และอีกเยอะแยะมากมาย แม่ๆคนไหนสนใจแวะเข้าไปเยี่ยมชมตารางกิจกรรมแต่ละเดือนได้ใน Facebook ของ CREAM ที่ด้านล่างนี้นะคะ

     

    ที่อยู่

    FB : https://www.facebook.com/creambangkok

    IG : CREAMBANGKOK

    59/20 ถ.บรมราชชนนี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม.10170

    พิกัด: https://maps.app.goo.gl/sufeLVywccXJTGGj7?g_st=il

    โทร. 063-421-6929

     

    Editor :  แม่เลม่อน

    ภาพ :  แม่เลม่อน


    อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ

    บ้านกางใจ พื้นที่สำหรับเด็กๆ เล่น เรียนรู้ ตามวัย เติบโตไปอย่างมีความสุข

    ห้องสมุดเต่าทอง ห้องสมุดกลางสวน แหล่งเรียนรู้ในกรุงเทพ ที่เด็กๆ ต้องห้ามพลาด!

     

      ประกาศรายชื่อ ผู้มีสิทธิ์ผ่านเข้ารอบ การประกวด MOM INFLUENCER CONTEST SEASON 3 รอบคัดเลือก

      ประกาศรายชื่อ ผู้มีสิทธิ์ผ่านเข้ารอบ การประกวด MOM INFLUENCER CONTEST SEASON 3 กับ การประกวดคุณแม่นักรีวิวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทย มาเป็นหนึ่งในทีมคุณแม่ Influencer มืออาชีพกับ Amarin Baby & Kids และชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 300,000 บาท พร้อมโอกาสเป็น Influencer มืออาชีพ กับ Amarin Baby & Kids

       

      ใครจะมีสิทธิ์ได้ร่วมประกวดกันบ้าง…เช็กรายชื่อได้ที่นี่!!

      กรุงเทพมหานครฯ

      กมลฉัตร โสมประยูร

      กวินณดา งามบุษบงโสภี

      กอบกุล กาญจนมุกดา

      กัลยานิษฐ์  สิริธีรนนท์

      กุลธิดา ดีชัยยะ

      เจนจิรา ตันติภาสน์

      จิตติพร ตั้งจิตรเที่ยง

      จิตรกานต์ ภักดี

      จินห์จุฑา ประกายแก้วสกุล

      ชไมพร เกิดสุทธิ

      ชณุตพร ศรีจำลอง

      ชนนิกานต์​  ชัยสาธิตพร

      ชรินทร์ทิพย์ ทองสุกโชติ

      ชริศา ศรีศุภทรากิต

      ฐายิกา อัศวบุญโชคสกุล

      ณวัสนนท์ พงศ์เกษมฐิรกุล

      ณัชชา พงศ์พิสุทธิ์วณิช

      ณัฏฐ์กฤตา วงษ์กิตติวัฒน์

      ณัฐฏิยา อุษาวัฒนากุล

      ณัฐธิดา ดียิ่ง

      ณัฐมล ว็อล์ช

      ณัฐหทัย กรรณสูต

      ณิชา ยมสมิต

      ณิฐชมนต์ สวัสดิวัตนดล

      ธนวรรณ เดชชุษณะนาถ

      เปรม​ยุ​ดา​ กฤษณ​จินดา​

      บุศรินทร์ งามกร

      นุศรา สุภาษร

      นนท์ชยลักษณ์ พรรณาผลากูล

      นวมนรัศมิ์ วชิระธนานนท์

      น้องเจลีน่า สัมฤทธิ์นอก

      นัฐยา ปานรักษ์

      เสาวลักษณ์  จรัสพันธ์

      ธนารีย์  แซ่เติน

      โบลีน่า สัมฤทธิ์นอก

      ปณิชา นพจิระเดช

      ประกายทิพย์ ทองเหลือ

      ปุณยวีร์ ปาละ

      ผกามาศ ไชยวิสุทธิกุล

      แพรวเพ็ญ พิณพิพัฒน์

      พกุล เสริฐสุวรรณกุล

      พธพร รัตนสิโรจน์กุล

      พรพรรณ โชติมโนธรรม

      พรพรรณ สรรพนุเคราะห์

      พรรณวิภา ศุภสมุทร

      พวงเพชร ศรีวรรณวิทย์

      พิมพร​ โรจน​วิ​ภาต​

      พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล

      พิมพ์วิภา วงศ์ไทย

      ภัคกร นุติทวัฒน์

      ภัสราวดี เผ่าจินดา

      ภัสวริญชญ์ โรจหิรัญวงศ์

      เมย์ วังพัฒนมงคล

      มชณต วงศาโรจน์

      มนัสนันท์ เศรษฐ์ศุภคุณ

      มัณฑนา โชคศิริวัฒนาวาณิช

      มัลลิกา ทะนารัมย์

      มานิตา ชะนะวิวัฒน์

      รวีวรรณ อุไรสกุล

      รุ่งจอมขวัญ สวัสดิ์วัฒนดล

      แววมณี เผือกสกนธ์

      วรณิชชา แสงสุพรรณ

      วราลักษณ์ อาตวงษ์

      วิภาวัณย์ อรรณพพรชัย

      ศริญา สุดทางธรรม

      ศศิภา ตีรบุลกุล

      ศิริเพ็ญ บุญเพิ่ม

      เสาวภาคย์ พงศ์ศศิธร

      สลิลดา บานแย้ม

      สุจิรา นวลแก้ว

      สุทธิภา โมฬี

      สุทธิลักษณ์ สกุลไทย

      สุธีรา จันทร์ฉิม

      สุนิสา ไกรวงศ์

      สุภัทรา จักร์แก้ว

      สุวธินันท์ เอี่ยมมี

      สุวรรณา ไชยสนาม

      หทัยชนก จุฑาเจริญสุข

      ไอรฎา มะทา

      อนุสรา เชาว์ไว

      อภัสนันท์  ศรีสกุล

      อรชพร​ สวัสดี

      อรอนงค์ จินตาไชยวิชญ์

      อริสรา ติรณสวัสดิ์

      อลิษา เหมือนวงศ์ทำ

      อัญชิษฐา อาขวเมธากุล

      อาทิตยา เมตตาประสพกิจ

      phatwarinthara wongchatthong

       

      ภาคกลาง

      กนกวรรณ ทับทิมทอง

      กนกวรรณ ประสิทธิ์

      กัณฐมณี  โสอุดร

      กัณนิกา  ปาระมี

      กานต์พิชชา ธนาดิลก

      จินตมัย วงศ์ปิยชน

      จิรภา อุ่นเรือน

      จิรัชญาณิช เบญจสกุล

      จุฑามาศ ขำชนะ

      ชัญญา งิมสันเทียะ

      ซามีน่า ดีมาลย์

      ญดา วัฒนาศิริพานิช

      ญาณิกา อินทิแสง

      ญาณินตา เคลลี่

      ฐานิตย์รดา สาโรจน์วงศ์

      ฐาปนี สุทธิสน

      ฐิติยา นิ้มสุวรรณ

      ณัฐธนภัทร์  แสงอุทัย

      ณัฐวดี สินสวัสดิ์

      ดวงนภา สมสุขเจริญ

      ธนัญญา ทวินันท์

      ธัญลักษณ์ แมคกี

      นงเยาว์ รัชตผดุง

      นฤมล เอี่ยมธีระกุล

      นัทชา โสภณ

      นันท์ชนก ไพฑูรย์มงคล

      ปณัสยา ท้วมทอง

      ปริตา สุรคุณารักษ์

      ปานรดา ศรีสันติสุข

      ปิ่นฤทัย อัครฐานพันธ์

      พัทธ์ธีรา โลหะกิจจา

      รมิดา โฆษิตวราสิน

      วรรณวิศา เรืองเดช

      วรันธร สุวัตถิกุล

      วรางคณา วีระเศรษฐ์ศิริ

      วิภาวัลย์ เจริญสุข

      วิภาวี ชมิดท์

      วิภาสิริ อุตตะกะ

      วิมลสิริ เจริญมิตร

      วิริญจ์ โต๊ะสกุล

      ศรศมน​ หวัง​เพิ่ม​พิทยา​

      ศิริวรรณ สาพรม

      สรารัตน์ ศรีชาลี

      สาวิตรี เจติยานุวัตร

      สิรินทรา ตันติวุฒิไกร

      สิริภา  ยิ่งรัตน์

      สิวิภรณ์ โสภณสิริวัฒน์

      สุธิณี เกตุเจริญ

      สุภัสรา พารักษา

      สุภัสสรร โพธิ์เปี่ยม

      หทัยชนกก์ แสงภู่

      หทัยรัตน์ เหมือนดี

      อมิตตา เพ็งสว่าง

      อรชพร​ เวช​ฌ​ณ​ะ​พาณิช​

      อลิษา ศรนารายณ์

      อาทิตยา แย้มบางยาง

      อุษา วันชัยนาวิน

       

      ภาคเหนือ

      กนกพร จุระเพ็ชร

      กรรณิการ์  สารกูมาร

      กรวิกรานต์ เสรีสันติวงศ์

      กันต์กนิษฐ์ สังข์สุนทร

      กัลญ์วิกา เยี่ยมแสง

      กุลญาดา คำเขื่อน

      เจนจิรา ระบิล

      จิณณ์ณิตา แก้วมา

      จีรภัส อยู่ยืน

      ชนนิกานต์​  ชัยสาธิตพร

      ณัฐธิดา อยู่ลือชา

      ณิชนันท์ ชุ่มเย็น

      ธิติกานต์ นวสุขารมย์

      นิจจารีย์ เฉลิมทรัพย์

      นิภาวรรณ นามวงศ์

      นิลาวัลย์ ใจ ลาด

      บุญธิดา ทองดี

      ปรัชญ์ริชา กฤตย์สกลวัฒน์

      ปิยะฉัตร ช่วยไทย

      ไพลิน ธิติสรณ์กุล

      พรรณิกา ศิริ

      พรรษา เครือแปง

      พวงผกา สะเสริม

      พัทธนันท์ เรือนสุภา

      เมวิกา มาตรมูล

      ศศิวิมล รัตนนรเศรษฐ

      ศันสนีย์ จันทร์ดวง

      ศิวิมล พานิชย์วิไล

      สุกัญญา ณัฎฐาชาติ

      สุดาทิพย์ กล้าโชติชัย

      สุทิศา โองาวะ

      ไอลัดดา ทองจูด

      เอกอัปสร จันทรวิลักษณ์

      อมรรัตน์ ชุมภู

      อังศุลิน ตั้งใจ

      อัฐฐภิรมย์ ธนัตถ์ธำรงกุล

      Kankanit Sungsoontorn

       

      ภาคอีสาน

      กัณฐิกา สิงหอำพล

      กัณตินันท์  เกินขุนทด

      กาญจนาภรณ์ เสือสา

      คุณามาศ ประพิณ

      ชนมน​ สันติ​ธรรมา​กร​

      ฐิตยานันท์ สุ่มมาตย์

      ธนารีย์  แซ่เติน

      ธัญวลัย แลม

      นริศรา ศรีสะปรางค์

      นวรัตน์ ไทยเจริญ

      นารีรัตน์ รักไทย

      นิลาวรรณ ร่มเกษ

      พรชนิตว์  อินทะบุญศรี

      พรนิภา​ เสน่ห์จันทร์

      พรภัส เพชรตระกูลเจริญ

      มณีรัตน์ ศิริสวัสดิ์พิพัฒน์

      ลภินรัสม์ ปรีชาจารย์

      วาฐินี กะการดี

      วิภาดา​ ขัน​โคก​กรวด​

      ศรัญญา ศรีบุตรดา

      สายสกุล เบี้ยทอง

      สุกัญญา  สารเศวก

      สุธาศินี ทำจำปา

      สุวรรณี สมศรี

       

      ภาคใต้

      กนกวรรณ แต่งอักษร

      กรวิกรานต์ เสรีสันติวงศ์

      กฤษดี โทนุสิน

      กาญจณี โนนุช

      เจียระไน สุรัตน์วิมล

      จิตราภรณ์ วงดา

      จุฑาภรณ์ ปีนะกาตาโพธิ์

      ฐานิตย์รดา สาโรจน์วงศ์

      ฐิตาภรณ์ อันสนั่น

      ณัฐพร จิรศักยกุล

      ทัชชมัย อนุรักษ์กมลกุล

      นวพร  รัตนทิพย์

      นันทิชา พานิชชีวะกุล

      โบลีน่า จันทะนะสิน

      บุณยานุช กลับวุ่น

      ปภัชญา ธรพาณิชย์

      พรสุภา ปิ่นแก้ว

      เมวิกา เพ่งผล

      มนัสชนก เรืองธารา

      รัชนีกร รองเลื่อน

      รัชภร สิทธิเดช

      วนิดา โพธิสิทธิ์

      วาสุรีย์ ดูเบ

      วิยะดา หวันหม๊ะ

      โสภิดา  สุภาจักร์

      เสาวลักษณ์ จรัสพันธ์

      สาธิตา พุ่มอยู่

      สุลาวัณย์ สราวุธรัตนานนท์

      อนิสา ทองทา

      อัญชนา รสีสวัสดิ์

      อัญชนา สุวรรณ์พุ่ม

      อัญชศา ทองแกมแก้ว

      อาภาพรรณ ศิริชาติ

       

       

      กติกาการประกวดรอบคัดเลือก

      รายละเอียดการถ่าย Photo Series

      • ผู้ผ่านเข้ารอบจะได้รับกล่อง “Mommy Box” สำหรับการเขียนรีวิวสินค้าและถ่ายภาพ จำนวน 3 ภาพ บรีฟสินค้าจะแนบไปให้ใน Mommy Box (จัดส่งถึงบ้านโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
      • โพสต์ลงใน Facebook ส่วนตัว หรือ Fanpage ตั้งเป็น “สาธารณะ” พร้อมใส่ #MomInfluencerContestSS3 #AmarinBabyAndKids และ #แบรนด์สินค้า โดยโพสต์ได้ 1 คน ต่อ 1 ครั้งเท่านั้น ภายในวันที่ 12 – 26 มิถุนายน  2566
      • ส่ง Link รีวิว มาที่ Google Form https://bit.ly/SubmitMICSS3 แนบลิ้งค์ส่งประกวดคัดเลือกรอบ
      • ผู้เข้าประกวดสามารถแชร์โพสต์รีวิวสินค้าไปยังแพลตฟอร์มโซเชียลอื่นๆเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ตามความเหมาะสม
      • สามารถให้ลูกมีส่วนร่วมในการรีวิวได้

      ประกาศชื่อผู้ผ่านเข้ารอบวันที่ 7 กรกฎาคม 2566
      ผ่านช่องทาง Facebook Amarin Baby & Kids

       

      เกณฑ์การตัดสิน ประกวดคัดเลือก

      พิจารณาคุณภาพของ Content รีวิวตั้งแต่วันที่ 12 – 26 มิถุนายน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน (100 คะแนน) ดังนี้

      • การเรียบเรียงเนื้อหา เต็ม 15 คะแนน
      • ความโดดเด่นของสินค้า (ภาพถ่าย) เต็ม 30 คะแนน
      • สื่อสาร Key message ครบถ้วนตามโจทย์ที่กำหนด เต็ม 25 คะแนน
      • สไตล์การเขียนรีวิว และ ความรู้ แรงบัลดาลใจ วิธีการเลี้ยงลูก เต็ม 30 คะแนน

       

      เงื่อนไข การประกวดคัดเลือก

      • ห้ามคัดลอก ลอกเลียน หรือดัดแปลงงานเขียนรีวิวของผู้อื่นเป็นอันขาด หากพบว่ากระทำการดังกล่าวจะถือว่าตัดสิทธิ์ในการแข่งขัน
      • ข้อความรีวิว ภาพถ่ายและคลิปถือเป็นลิขสิทธิ์ของ บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ, พันธมิตร และคู่ค้ารวมถึงสปอนเซอร์ผู้สนับสนุนกิจกรรมในอนาคต สามารถทำการปรับปรุงแก้ไขได้ตามความเหมาะสมกับรูปแบบการใช้งาน นอกจากนี้ สิทธิ์ใดๆ อันเกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวเนื่องกับข้อความรีวิว ภาพถ่ายและคลิป
      • ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

      หมายเหตุ

      • วันและเวลาของกำหนดการต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
      • การดำเนินงาน และการตัดสินอยู่ในดุลยพินิจจากคณะกรรมการ และการตัดสินจากคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด
      • *หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามเข้าไปทาง inbox Facebook : Amarin Baby & Kids โดยพิมพ์คำว่า MIC3 พร้อมคำถามที่ต้องการสอบถาม

        ดีนี่ แบรนด์ผู้นำผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เปิดตัว “พุฒ” พุฒิชัย “จุ๋ย” วรัทยา และน้องพีร์เจ พรีเซนเตอร์ครอบครัวใหม่ล่าสุดของดีนี่ พร้อมแนะนำ สินค้าใหม่ “ดีนี่ สไมล์บูสเตอร์ ซีรีส์” ชวนบูสต์รอยยิ้มสดใสได้ทั้งบ้าน ในงาน “ D-nee Smile Booster ”

        ปักธงเป็นแบรนด์ที่หนึ่งในดวงใจของคุณพ่อคุณแม่สายออร์แกนิคตัวจริง ล่าสุด ดีนี่ (D-nee) ผู้นำผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดเพื่อลูกน้อย หนึ่งในความภูมิใจของ นีโอ คอร์ปอเรท บริษัทชั้นนำด้านสินค้าอุปโภคคุณภาพระดับมาตรฐานสากล เปิดตัวคุณพ่อคุณแม่ป้ายแดง “พุฒ” พุฒิชัย เกษตรสิน “จุ๋ย” วรัทยา นิลคูหา และ “น้องพีร์เจ” พิชญ์ศราพงศ์ เกษตรสิน ขึ้นแท่นพรีเซนเตอร์ครอบครัวล่าสุด พร้อมแนะนำผลิตภัณฑ์เด็กซีรีส์ใหม่ ดีนี่ ออร์แกนิค สวีทดรีม สไมล์บูสเตอร์ ซีรีส์ สูตรใหม่ อ่อนโยนจากธรรมชาติ ในงาน D-nee Smile Booster #บูสต์รอยยิ้มได้ทั้งบ้าน ” ท่ามกลางบรรยากาศงานสุดอบอุ่น ในวันพุธที่ 31 พฤษภาคมนี้ ที่แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน

        ศิริสุภา อาจสัญจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด กล่าวถึงแนวคิดหลักของแบรนด์ดีนี่ ในปี 2023 ที่มุ่งมั่นในการรักษาตำแหน่งแบรนด์อันดับ 1 ในใจของทุกคนในครอบครัว ว่า “เพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับลูกน้อยที่ได้รับการไว้วางใจจากคุณแม่ และยืนยันความเป็นเบอร์หนึ่งของวงการผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคในตลาด โดยการันตีความสำเร็จจากรางวัลต่าง ๆ ที่ ดีนี่ ออร์แกนิค ซีรีส์ ได้รับในปีที่ผ่านมากว่า 10 รางวัล ในปีนี้เราจึงมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ซีรีส์ใหม่ สไมล์บูสเตอร์ ซีรีส์ ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของแม่ ๆ ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ออกผลิตภัณฑ์ซีรีส์ใหม่ครบทุกสินค้า ทั้งสบู่เหลวอาบและสระ, ซักผ้า, ปรับผ้านุ่ม, โลชั่น และเบบี้ออยล์ จุดเด่นอยู่ที่แนวกลิ่นหอม  ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Sweet Dream Tech ช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกผ่อนคลาย  หลับสบาย อารมณ์ดี พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มีพัฒนาการที่ดี และบรรจุภัณฑ์ดีไซน์น่ารักทันสมัย มี 4 ลายให้สะสม  ตอบโจทย์ครอบครัวที่ชอบความแปลกใหม่ทันสมัย”

        โดยในปีนี้แบรนด์ได้ คุณพ่อ “พุฒ” พุฒิชัย เกษตรสิน, คุณแม่ “จุ๋ย” วรัทยา นิลคูหา และ  “น้องพีร์เจ” มาเป็นพรีเซนเตอร์ล่าสุดของครอบครัวดีนี่  ตัวแทนของครอบครัวยุคใหม่ที่เลี้ยงลูกเอง และมีคาแรกเตอร์ที่เต็มไปด้วยความสดใสร่าเริง มีความใกล้ชิดกับลูกน้อย  และเข้าใจการพัฒนาการลูกได้เป็นอย่างดี ทั้งยังใส่ใจในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ดีนี่

        คุณพ่อ “พุฒ” พุฒิชัย และคุณแม่ “จุ๋ย” วรัทยา บอกเล่าประสบการณ์ในการดูแลลูกน้อย ของพ่อแม่ป้ายแดง และการมีลูกมาเติมเต็มครอบครัว ว่า “เราสองคนมีความตั้งใจอยากจะมีเบบี๋ และดีใจมากตั้งแต่ที่รู้ว่าน้องพีร์เจกำลังจะเกิดมาเติมเต็มครอบครัวของเราให้สมบูรณ์ ทำให้ชีวิตมีความสุขยิ่งขึ้น และได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ให้เราเฝ้าคอยดูการเติบโต และพัฒนาการ ของเขาในทุกวัน”

        “ตั้งแต่แรกคลอดจนถึง 2 เดือนแรก เราเลี้ยงลูกกันเองตลอด 24 ชม. ความที่เป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ก็ต้องหาความรู้จากสื่อต่าง ๆ ทั้งบทความในอินเตอร์เน็ต หรือตำราต่าง ๆ แต่การเลี้ยงลูกไม่ได้เหมือนตามทฤษฎี หรือเหมือนในตำราร้อยเปอร์เซนต์ เราก็ต้องคอยสังเกต และปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมของลูกด้วย แต่โชคดีที่น้องพีร์เจเป็นเด็กเลี้ยงง่าย หลับเป็นเวลา ไม่ค่อยร้องไห้โยเย จะร้องไห้เวลาที่เขาต้องการอะไรจริง ๆ เช่น ง่วง หิวนม ไม่สบายตัวแค่นั้นเอง”

        คุณพ่อคุณแม่ป้ายแดง ยังแชร์ประสบการณ์และแนวคิดการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับลูกน้อยว่า “ทั้งจุ๋ยและพุฒเลือกของใช้ทุกอย่างให้ลูกเองทั้งหมด รวมทั้งพิถีพิถันในการเลือกผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่ต้องสัมผัสกับผิวของลูกเป็นพิเศษ โดยเน้นในเรื่องของความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ อ่อนโยน เหมาะสำหรับผิวเด็กที่มีความบอบบาง รวมทั้งมีความน่าเชื่อถือมาเป็นอันดับ 1 ซึ่งดีนี่ถือเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้ใจ และมีชื่อเสียงเป็นที่ไว้วางใจของคุณแม่ในวงการ รวมทั้งแม่ ๆ รอบตัวที่เลือกใช้ แล้วบอกต่อกันมา และเมื่อได้ลองใช้ก็ประทับใจมาก ๆ เพราะน้องพีร์เจไม่แพ้หรือระคายเคืองเลย”

        พร้อมกันนี้ คุณแม่จุ๋ย ได้เผยความรู้สึกที่ได้เข้ามาเป็นครอบครัวดีนี่ รวมทั้งความสนุกในการถ่ายโฆษณาครั้งแรกกับดีนี่ ว่า “ยินดีมาก ๆ ที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของดีนี่ หลังจากเป็นแฟนคลับและติดตามดีนี่มานานแล้ว เพราะชอบในเรื่องความอ่อนโยนของแบรนด์ดีนี่ รวมถึงกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ทุกครั้งที่ใช้ผลิตภัณฑ์ดีนี่ น้องพีร์เจก็ชอบมาก ๆ ไม่งอแงเลย และที่ตื่นเต้นไปกว่านั้นคือ วันที่ไปถ่ายโฆษณากับ   ดีนี่ ตอนแรกก็มีความกังวลเพราะเป็นงานแรกของน้องพีร์เจ แต่ทุกอย่างก็ผ่านมาได้อย่างราบรื่น น้องให้ความร่วมมือดีมาก ๆ เวลาอยู่ในกองถ่าย น้องพีร์เจ ไม่ร้องไห้โยเย จะร้องก็แค่เวลาง่วง พอได้หลับเต็มตื่น ก็อารมณ์ดี ทำให้ได้ภาพน่ารัก ๆ ที่เรียกรอยยิ้ม อยากชวนทุกคนติดตามชมด้วยนะคะ”

        ผลิตภัณฑ์เด็กซีรีส์ใหม่ ดีนี่ ออร์แกนิค สวีทดรีม สไมล์บูสเตอร์ ซีรีส์ ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของแม่ ๆ พร้อมพลังความหอมจากเทคโนโลยีใหม่ Sweet Dream Tech มอบกลิ่นหอมผ่อนคลาย ช่วยให้ลูกน้อยหลับสบาย ผ่านการทดสอบ Hypoallergenic Tested  ไม่ทำให้แพ้หรือระคายเคือง ครบครันทุกผลิตภัณฑ์ทั้ง สบู่เหลวอาบและสระ สูตรปรับปรุงใหม่ เพิ่มความนุ่มชุ่มชื่นให้ผิวและผม, ซักผ้า ขจัดคราบฝังลึกด้วยเอ็นไซม์สกัดจากธรรมชาติ, ปรับผ้านุ่ม ช่วยให้ผ้าหอมนุ่ม ลดกลิ่นอับชื้น มีส่วนผสมของสารให้ความนุ่มจากธรรมชาติ ช่วยถนอมเส้นใย ยืดอายุการสวมใส่, โลชั่น ล็อคผิวให้ชุ่มชื้นได้อย่างยาวนาน เนื้อซึมไวไม่เหนียวเหนอะหนะ  และเบบี้ออยล์ เนื้อออยล์ใสบริสุทธิ์  ซึมซาบไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ

        “ดีนี่ ออร์แกนิค ซีรีส์” การันตีความสำเร็จในการเป็นแบรนด์ในดวงใจของคุณพ่อคุณแม่ ด้วยการคว้ารางวัลมากมายจากสื่อชั้นนำตลอดปี 2022 ได้แก่ 6 รางวัลใหญ่จาก theAsianparent Awards 2022  ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์สบู่เหลวอาบและสระ, เบบี้โลชั่น, ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มเด็ก ซึ่งถือเป็นแบรนด์ที่ได้รับรางวัลมากที่สุดในปีนี้ด้วย รวมทั้ง 4 รางวัลใหญ่จาก Amarin Baby & Kids Awards 2022  โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กที่ได้รับโหวตเป็นที่ 1 ในดวงใจต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ตอกย้ำการเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มออร์แกนิคที่คุณพ่อคุณแม่วางใจในคุณภาพอย่างแท้จริง

        ให้หนูน้อยหลับฝันดี พร้อมเต็มที่กับทุก ๆ กิจกรรม ด้วย ดีนี่ ออร์แกนิค สวีทดรีม สไมล์บูสเตอร์  ซีรีส์ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ดีนี่ที่คุณแม่นับล้านวางใจได้ที่ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์ททั่วประเทศ ร้านค้าออนไลน์ และ LINE @dneethailand  พร้อมติดตามกิจกรรมสนุก ๆ และเคล็ดลับดี ๆ ในการดูแลลูก หรือสมัครสมาชิก D-nee club เพื่อรับข่าวสาร สิทธิประโยชน์ และร่วมกิจกรรมสนุก ๆ ได้ทาง เฟซบุ๊ก www.facebook/Dneethailand

        #DneeThailand #DneeSmileBooster #บูสต์รอยยิ้มได้ทั้งบ้าน

          ในวันที่แม่มือใหม่มืดแปดด้าน ใครกันที่อยู่เคียงข้าง? ฟังเรื่องจริงจากปากแม่ที่ได้ทีมพยาบาล S-Mom Club คอยช่วยไว้

          แม่มือใหม่ หลายๆ คนจะต้องรับมือกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงรอบด้าน ทั้งด้านร่างกาย ฮอร์โมน อารมณ์ จิตใจ ไม่ว่าจะเป็นแม่ท้อง หรือแม่หลังคลอด ก็ล้วนแล้วแต่มีเรื่องให้กังวล เพราะตัวแม่เองก็อยากจะทำให้ดีที่สุด แต่บางครั้งไม่รู้จะปรึกษาใคร
          และหากไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ความกังวลอื่นๆ อาจตามมาไม่รู้จบจนนำไปสู่ความเครียด เพราะแม่ท้องมือเลือกเวลาเจ็บท้องไม่ได้ และอาการป่วยของลูกน้อยก็ไม่ได้เลือกช่วงเวลาเช่นกัน ดังนั้นหากมีที่ปรึกษาในเวลาที่ต้องการคงจะเป็นเรื่องดีไม่น้อย

          ในช่วงเวลาที่มืดแปดด้าน ใครล่ะที่จะเป็นที่พึ่งให้แม่ได้?

          หลังจากดูคลิปวิดิโอของ S-Mom Club ก็พบว่า S-Mom Club เป็นคลับที่เชี่ยวชาญในด้านข้อมูลความรู้ของแม่และเด็กตัวจริง เพราะมีทีมพยาบาล S- Mom Club ตอบคำถามจากแม่ๆ ให้คำปรึกษาด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง และคลายกังวลให้คุณแม่ตลอด 24 ชั่วโมง และที่สำคัญทุกคำตอบยังเชื่อถือได้ เพราะไม่ได้เป็นแค่ผู้ฟัง แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ตอบโดยทีมพยาบาลจากแผนกเด็กจริง เป็นเหมือนที่พึ่งของคุณแม่มือใหม่ อยู่เคียงข้างในช่วงเวลาที่สำคัญของแม่และลูกน้อย และด้วยจุดเด่นนี้เองทำให้ S-Mom Club เป็นที่ไว้วางใจ จนมีคุณแม่ทั่วไทยส่งคำถามเข้ามาพูดคุยปรึกษา S-Mom Club กว่า 100,000 เรื่องราวต่อปี

          คำแนะนำจากพยายาบาล S-Mom Club ให้กับ แม่มือใหม่

          เนื้อหาใน VDO ยังได้พูดถึงการบริการของพยาบาล S-Mom Club ที่เป็นมากกว่าพยาบาล แต่เป็นคนที่พร้อมจะเข้าใจแม่ พูดให้กำลังใจ พร้อมปลอบคุณแม่ด้วยความห่วงใยผ่านทุกตัวอักษร เพราะคำปลอบใจจากใครซักคนจะช่วยทำให้คุณแม่มีกำลังใจในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น การที่แม่ได้บอกเล่า สื่อสาร โดยมีผู้สนทนาด้วยอย่างเข้าใจนี้เอง ทำให้เกิดเป็นความผูกพันธ์ระหว่างคุณแม่และพยาบาลแม้จะไม่เคยเจอหน้ากัน ซึ่งถูกเผยให้เห็นในช่วงท้ายของคลิป VDO ที่คุณแม่และพยาบาลได้เจอหน้ากันครั้งแรก แต่กลับเต็มไปด้วยความซึ้งใจและยินดีที่ได้เจอกัน

          หากคุณเป็นคุณแม่มือใหม่ คุณแม่ตั้งครรภ์ หรือคุณแม่ลูกเล็กไม่ว่าจะช่วงวัยไหน ก็ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป เพราะไม่ว่าจะเป็นคำถามเรื่องโภชนาการแม่ตั้งครรภ์ อาการแพ้ท้อง อาการใกล้คลอด การดูแลลูกหลังคลอด ไปจนถึงพัฒนาการของลูก ทีมพยาบาล S-Mom Club พร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม. โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

          เพียงคุณแม่สมัครสมาชิก S-Mom Club ฟรีที่ http://bit.ly/3C1SNI3

          S-Mom Club พร้อมเคียงข้างทุกช่วงเวลาที่สำคัญของคุณและลูก

           

          #SMomClub #พร้อมเคียงข้างทุกช่วงเวลาที่สำคัญของคุณและลูก

           

            บ้านกางใจ

            บ้านกางใจ พื้นที่สำหรับเด็กๆ เล่น เรียนรู้ ตามวัย เติบโตไปอย่างมีความสุข

            ใครกำลังมองหา ที่เรียนของเจ้าตัวเล็ก อายุไม่เกิน 2-4 ขวบ ย่านบางคอแหลม วันนี้แม่เลม่อน ทีมแม่ ABK มี บ้านกางใจ Co Learning Space ดีๆ มาแนะนำกันค่า

            บ้านกางใจ Co Learning Space for kids and families
            เล่น เรียนรู้ ตามวัย เติบโตไปอย่างมีความสุข

            บ้านกางใจเป็นบ้านเก่า 2 ชั้น ที่ถูกนำมาปรับปรุงใหม่ให้กลายเป็นพื้นที่เพื่อการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างเด็กๆและครอบครัว แม้ขนาดจะไม่ใหญ่มากแต่บ้านหลังนี้ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น ปลอดภัย และเป็นมิตรกับเด็กๆ แบบที่แม่ๆหลายคนต้องการ

            จุดเริ่มต้นของโรงเรียน บ้านกางใจ

            ครูไนซ์ กวิตา พุฒแดง ผู้ก่อตั้งบ้านกางใจ เล่าให้ฟังว่า ตนเองรู้สึกตั้งคำถามกับการศึกษามาตั้งแต่เล็ก ตอนเด็กๆมักจะถูกครูกดดันและดุอยู่เสมอ ว่าเรียนไม่เก่ง,ขี้เกียจ ลายมือก็ไม่สวย กลายเป็นความทรงจำไม่ดีในวัยเด็ก ที่ฝังอยู่ในหัวใจเสมอมา

            จนเวลาผ่านไป 20 เพิ่งรู้ว่าสาเหตุที่เด็กเขียนหนังสือไม่สวย เพราะกล้ามเนื้อมัดเล็กยังไม่แข็งแรง และการศึกษาไทยไม่มีช่องว่างให้เราได้เล่นได้ฝึกกล้ามเนื้อเลย จริงๆแล้วกระบวนการการเรียนรู้ต่างหากที่ไม่ได้สนับสนุนให้เด็กเกิดการเติบโตที่ดี นี่เป็นเหตุผลที่ผลักดันให้เราหาความรู้ด้านนี้ต่อ ครูไนซ์สนใจเรื่องจิตวิทยาและพัฒนาการเด็กมาตลอด เริ่มสะสมนิทาน และเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้าน Learning Science and Education (วิทยาศาสตร์และการเรียนรู้) ซึ่งเป็นการเรียนเกี่ยวกับการออกแบบการเรียนรู้สำหรับคนที่หลากหลาย หลังเรียนจบก็ทำงานค่อนข้างหลากหลาย รวมไปถึงเป็นครูอนุบาลตามสถาบันดังๆ ด้วย  ทำงานอนุบาลอยู่ 4-5 ปี ก็เริ่มอิ่มตัว และรู้สึกว่าโรงเรียนแต่ละที่ก็ยังมีระบบที่ชัดเจน รู้สึกไม่เหมาะกับตนเองและคิดว่าในประเทศไทยยังมีพื้นที่ที่ให้เด็กเป็นอิสระน้อย เลยเลือกจะมาทำพื้นที่ของตัวเอง ให้เด็กๆอิสระและเติบโตอย่างสวยงาม

            โรงเรียนบ้านกางใจ
            เด็กๆเล่นและเรียนรู้อย่างอิสระ กับของเล่นที่เรียบง่ายแต่เสริมจินตนาการ

            จุดเริ่มต้นของบ้านกางใจคือ อยากให้เด็กๆ ได้สนุกกับการเป็นตัวเอง โดยใช้นิทานเป็นตัวจัดกระบวนการ เด็กไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ผ่านกระดาน แต่เรียนรู้ผ่านเพลงผ่านกิจกรรมที่จะซึมซับเข้าไปในตัวเด็กเอง ให้พ่อแม่กลับมาทำงานเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ใช่ว่าพ่อต้องแก้นะ แม่ต้องแก้ หรือลูกต้องแก้ แต่แก้ไขไปพร้อมๆกันทั้งครอบครัว ให้ความสำคัญกับการทำงานเรื่องจิตวิทยาและพัฒนาการ โดยได้แรงบันดาลใจหลักมาจาก “วอลดอร์ฟ” ในขณะเดียวกันก็ชื่นชอบของเล่นสไตล์ “มอนเตสซอรี่” ด้วย จึงเอามาผสมผสานกัน ส่วนคีย์หลักจริงๆ ของโรงเรียน คือ อยากให้เด็กมี Self Esteem ( ความภูมิใจในตัวเอง) ที่แข็งแรงพอจนเกิด Critical Thinking แล้วอย่างอื่นจะตามมาเอง ทั้ง  EQ, IQ ,EF ต่างๆ

            บ้านกางใจ
            เด็กๆที่นี่นั่งอ่านนิทานภาพเองได้ด้วยตนเอง

            เทคนิคการทำงานร่วมกับพ่อแม่

            โรงเรียนส่วนใหญ่ทำงานมิติเดียวคือกับเด็กเท่านั้น แต่จริงๆแล้วเราควรทำงานร่วมกับผู้ปกครองด้วย ต้องช่วยกางใจคุณพ่อคุณแม่เพื่อให้เห็นแสงในตัวเด็ก การเริ่มต้นแก้ปัญหาเรามักจะเริ่มต้นแก้ที่ตัวเด็ก เรามองไปที่ตัวเด็ก 100 % แต่เราไม่เคยมองมาที่ตัวเอง หรือสิ่งแวดล้อมเลย ว่าเราเองหรือเปล่าที่มีส่วนสร้างปัญหานี้ จากประสบการณ์ 4-5 ปีที่ผ่านมาเราทำงานกับเด็กในชั่วโมงเรียนและเราทำงานร่วมกับพ่อแม่ทำให้เห็นว่าพัฒนาการของเด็กดีขึ้นแบบก้าวกระโดด พ่อแม่จะมีวิธีการคิดและการแก้ปัญหาที่เปลี่ยนไปกับจริงๆแล้วพ่อแม่ต้องทำงานเป็นหลักก่อนแล้วก็ช่วยคุณครูซับพอร์ต

            บ้านกางใจ

            บ้านกางใจ

            บ้านกางใจ
            เมื่อเล่นและอ่านนิทานเสร็จแล้ว เด็กๆจะเข้าสู่กิจกรรม บ๊ายบายของเล่น เป็นกิจกรรมที่ให้เด็กๆ ช่วยกันเก็บนิทานและของเล่น ตามจุดต่างๆด้วยตนเอง

            บ้านกางใจ

            บ้านกางใจ
            กิจกรรมวงกลม ร้องเพลงประกอบท่าทางต่างๆ ฝึกประสาทการพูดและฟัง

            การเริ่มต้นสำคัญที่สุด

            บ้านกางใจ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป และให้เวลาเด็กๆ ปรับตัว ที่นี่ให้ความสำคัญกับช่วงเวลาก่อนเริ่มเรียนมาก ที่นี่จะสังเกตพัฒนาการเด็กเป็นเวลา 2 อาทิตย์ก่อนที่จะเริ่มเข้าเรียน ระหว่างทางก็จะพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่ว่าอยากให้โรงเรียนช่วยเสริมพัฒนาการด้านไหนหรือปรับเรื่องอะไรบ้าง เราจะช่วยสร้างแรงจูงใจและปรับตัวเด็กทีละนิดเพื่อให้คุ้นกับการมาเรียนมากที่สุด เด็กที่เริ่มใหม่อาจจะอยู่โรงเรียนแค่1-2 ชั่วโมง เมื่อเด็กปรับตัวได้เด็กจะอยู่ได้จนครบเวลา  ตามธรรมชาติ บ้านในกังวลเรื่องการปรับตัวของลูกข้อนี้ค่อนข้างตอบโจทย์เลยทีเดียว

            ทีมที่ดี

            บ้านกางใจ ให้ความสำคัญกับบุคลากรที่จะเข้ามาทำงาน ครูทุกคนจะมีคาแรคเตอร์แบบเดียวกัน มีทัศนคติที่ดี เพื่อให้เด็กมองไปในทิศทางเดียวกันได้ง่าย รวมไปถึงแม่บ้านที่ช่วยดูแลเด็ก ก็จะถูกฝึกให้เป็นทีมเดียวกันด้วย เราจะป้อนความรู้ให้ทุกคน เราใส่ใจแม้กระทั่งบทสนทนากับเด็กๆว่าควรจะเป็นอย่างไรและแบบไหนที่จะไม่สร้างแผลหรือทำร้ายจิตใจเด็ก ใส่ใจในทุกรายละเอียดขนาดนี้ เราให้10 เต็ม 10 เลย

            จังหวะชีวิตสม่ำเสมอ พอดิบพอดี

            บ้านกางใจให้ความสำคัญกับการค่อยๆเป็นค่อยๆในแต่ละกิจกรรม ไม่เปลี่ยนกะทันหัน ใช้เพลงมาช่วยเปลี่ยนโดยที่เด็กจะเริ่มเห็นและสังเกตสัญลักษณ์ เช่น การปิดไฟ ร้องเพลง ปิดแอร์ เล่านิทาน ล้างมือ และจะเข้าจะกระบวนการเปลี่ยนกิจกรรมได้ด้วยตนเอง โดยไม่งอแง เป็นเทคนิคง่ายๆที่แม่ๆเก็บไว้ใช้กับลูก

            บ้านกางใจ
            บรรยากาศห้องเรียน โทนสีอบอุ่นสบายตา จัดวางของแบบเรียบง่าย ไม่ฉูดฉาด ให้เด็กๆมีความสุขอยู่กับความเรียบง่ายไม่หวือหวา

            5 สิ่งพิเศษที่ทำให้เด็กอยากมาโรงเรียน บ้านกางใจ ทุกวัน 

            1.มีความสุขแบบง่ายๆและเป็นตัวเองมากที่สุด

            มีเพลงนำกิจกรรมทุกอย่าง เพื่อให้เด็กไม่ต้องฝืน เพื่อเปลี่ยนกิจกรรม เด็กจะมีความสุขแบบง่ายๆไม่สนุกสุดโต่ง อยู่กับความธรรมดาเป็น เด็กถือน้ำไม่หก เก็บของเล่นถูกจุด แค่นี้ก็เกิดสมาธิแล้ว ส่วนของเล่นที่นี่เป็นของเล่นราคาไม่แพงแต่เสริมสร้างจินตนาการ ไม่มีถูกไม่มีผิด เด็กผู้หญิงอยากเล่นแบบเด็กผู้ชายก็ได้ เด็กผู้ชายก็สามารถเล่นแบบเด็กผู้หญิงได้เช่นกัน หรืออยากเล่นตุ๊กตาก็ได้ แบบนี้ลูกมีความสุขแน่นอน

            2.เน้นเล่นและเรียนรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆ

            เด็กไม่เครียด ไม่กดดัน บ้านกางใจเน้นให้เด็กๆทำทุกกิจกรรมด้วยตนเอง ไม่แทรกแซงการเล่นของเด็ก ให้เด็กๆได้เรียนรู้ทุกอย่างผ่านการเล่น ทั้งวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และอื่นๆ โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นบนกระดาน ไม่มีอะไรถูกผิด ให้เด็กยืดหยุ่น ไม่ยึดติด มีหัวใจที่แข็งแรงรับมือกับอนาคตของตนเองได้ กิจกรรมเสริมสร้างพัฒนาการ เช่น การทำอาหารที่สอดคล้องกับนิทาน เด็กๆจะได้สวมบทบาท เป็นเชฟตัวน้อย สร้างสรรค์เมนูง่ายๆ เรียนรู้เรื่องวัตถุดิบต่างๆ เด็กๆสามารถออกแบบการเล่นได้อย่างอิสระ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีสมาธิ เผชิญปัญหาและแก้ไขปัญหาตามศักยภาพของตนเอง  นอกจากนี้เด็กๆจะได้แต่งแต้มจินตนาการผ่านศิลปะ ได้รู้จักตนเองและผู้อื่นมากยิ่งขึ้นผ่านการฟังนิทานรูปแบบต่างๆ เช่น นิทานภาพ นิทานเพลง นิทานเคลื่อนไหว จากนั้นจะได้ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดออกมา เป็นผลงานศิลปะ เพื่อส่งเสริมให้เด็กๆกล้าคิด กล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์

            บ้านกางใจ
            มุมนิทานเล็กๆ ตกแต่งเพดานด้วยผ้าโปร่ง สร้างบรรยากาศให้มุมนี้น่ารักสดใสมากยิ่งขึ้น

            3.ออกแบบและจัดสถานที่ ให้อบอุ่นเหมือนบ้านของเด็กๆ

            การออกแบบและจัดสถานที่ผสมผสานระหว่าง สไตล์วอลดอร์ฟและมอนเตสซอรี่  เข้ามาด้านในผนังจุดแรกเพนท์สีเหลืองสดใส เทคนิค ‘ลาซัวร์เพนติ้ง’ (lazure painting) (ซึ่งเป็นการระบายสีเชิงแนวคิดปรัชญา ด้วยการเพนท์สีซ้อนเป็นชั้นๆให้เคลื่อนไหวเป็นจังหวะ ดูมีชีวิต)  เหมือนสีพระอาทิตย์ขึ้น แล้วค่อยๆไล่เฉดลงมายังมาผนังที่สองเป็นช่วงกลางวัน โซนห้องทานอาหารจะเป็นสีตอนพระอาทิตย์คล้อยแล้ว มุมนี้ติดกับสวนมีกระจกบานใหญ่ทำให้แสงธรรมชาติส่องถึง ดูสบายตาและยังใช้มุมนี้เป็นมุมวาดรูปและระบายสีของเด็กๆด้วย  ส่วนของเล่นต่างจะถูกจัดวางตามชั้นเตี้ยๆเพื่อให้เด็กๆหยิบเล่นและเก็บเองตามจุดต่างๆตามสไตล์มอนเตสซอรี่ ส่วนมุมนิทานเล็กๆก็จะจัดเรียงนิทานนานาชาติให้เด็กเลือกหยิบอ่านได้ตามใจชอบ ด้านนอกบ้านจะมีบ่อทรายขนาดใหญ่ไว้รองรับเด็กๆส่วนหลังบ้านจะเป็นมุมสวน ซึ่งเด็กๆก็จะมีกิจกรรมปลูกผักและรดน้ำต้นไม้ด้วยตัวเอง บรรยากาศน่ารักอบอุ่นเหมือนบ้านแบบนี้ทำให้เด็กปรับตัวได้ง่ายมากขึ้น

            บ้านกางใจ

            บ้านกางใจ
            เด็กๆนั่งฟังครูไนซ์เล่านิทาน

            4.การเรียนแบบชั้นคละ

            ที่บ้านกางใจบางครั้งก็จะมีเด็กโตอายุ 5 -6 ขวบ มาเรียนด้วยช่วงซัมเมอร์ หรือช่วงเทศกาลต่างๆ เช่นวัน ฮาโลวีน หรือ คริสต์มาส เราคิดว่าเด็กที่อายุต่างกันก็เล่นด้วยกันได้ การศึกษาไทยติดกับและมีกรอบค่อนข้างเยอะ พ่อแม่บางคนจะคิดว่าลูกโตแล้วมาเล่นกับเด็กเล็กไม่ได้ “ชั้นคละ” เป็นห้องเรียนที่มีความหมาย เพราะเมื่อเราโตขึ้น ไม่มีใครทำงานกับคนที่อายุเท่ากันหรือวัยเดียวกันทั้งหมด คนแต่ละช่วงอายุมีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน การเรียนแบบนี้เป็นส่วนผสมพิเศษที่ทำให้พี่ๆใจเย็นลง อ่อนโยน ส่วนน้องๆก็อยากโตและอยากทำได้เหมือนพี่ เด็กๆจะได้เล่นและเรียนรู้กับเพื่อนๆที่หลากหลายวัย ทำให้รู้สึกสนุกและอยากเรียนรู้มากขึ้น

            5.เรียนรู้ผ่านนิทานภาพ

            ที่บ้านกางใจ เด็กๆจะได้เรียนรู้ผ่านนิทาน นิทานภาพที่ดีคือนิทานที่ภาพเล่าเรื่องด้วยตัวมันเอง เราไม่จำเป็นต้องอ่านนิทานให้เด็กฟัง 100% บางครั้งเราจะให้เด็กอ่านเอง เด็กๆจะอ่านด้วยภาพ การอ่านด้วยเสียงตลอดเวลาจะทำให้เด็กได้ข้อมูลจำกัดอยู่ที่เสียงของเรา นิทานหนึ่งเล่ม มีวิธีการเล่าที่หลากหลาย จะใส่เพลงเพิ่มก็ได้ ถ้าทักษะการอ่านภาพแข็งแรง เด็กก็จะเริ่มมีสายตาที่กว้างขึ้น และเชื่อมโยงสิ่งแวดล้อม เข้ากับตัวเองได้ นี่เป็นจุดแข็งของบ้านกางใจ

            บ้านกางใจ

            บ้านกางใจ
            มุมรับประทานอาหารและทำงานศิลปะ
            บ้านกางใจ
            บริเวณอ่างล้างมือจะมีผ้าเช็ดมือส่วนตัวของเด็กแต่ละคน ติดรูปเพื่อให้เด็กๆจดจำผ้าของตนเองได้ง่าย แถมยังทำให้เด็กๆรู้ด้วยว่าวันนี้เพื่อนคนไหนที่ไม่ได้มา เพราะวันนั้นจะไม่มีผ้าเช็ดมือห้อยอยู่
            บ้านกางใจ
            บ่อทรายขนาดใหญ่หน้าบ้าน ที่เด็กสามารถเล่นได้อย่างอิสระ

            Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

            สิ่งที่ชอบที่สุดของบ้านกางใจ คือ ทัศนคติของคุณครู เรารู้สึกและสัมผัสได้ถึงความเป็น “แม่” ของคุณครู ทั้งคำพูด สายตาที่ดูจริงใจ มีความละเอียดอ่อนและมีจิตวิทยาในการสอนเด็กๆ ทำให้รู้สึกมั่นใจได้ว่า ถ้าพาลูกมาเรียนที่นี่ เขาจะเติบโตเป็นเด็กที่ดีและมีความสุขในแบบที่เขาเป็นแน่นอน

            บ้านกางใจ
            เด็กๆช่วยกันรดน้ำผักที่ปลูกไว้ในสวนหลังบ้าน

            เกณฑ์การรับสมัคร โรงเรียนบ้านกางใจ

            🌈 เด็กอายุ 2 -4 ปี ( รับแค่ห้องเดียวรวมจำนวน 16 คน )

            กลุ่ม 1 : เด็กอายุ 2-2.6 ปี เวลา 8.30 – 11.30 น.

            กลุ่ม 2 : เด็กเริ่มใหม่ ( ยังไม่เคยเข้าโรงเรียน ) อายุ 2.6 ปีหรือมากกว่า เวลา 8.30 -11.30 น.(เมื่อเด็กปรับตัวได้แล้ว จะปรับเวลาตามความเหมาะสม)

            กลุ่ม 3 : อายุ 2.6 ปีขึ้นไป เวลา 8.30 -13.30 น.

            🌈 อัตราค่าเล่าเรียน

            ค่าแรกเข้า 15,000 บาท ( รวมอาหารว่างและอาหารกลางวัน )

            🌈 ค่าธรรมเนียมการศึกษา

            -ค่าเรียนแบบรายวัน 22,500 บาท / 15 วัน

            (ใช้สิทธิ์ภายใน 6 เดือนนับจากวันที่เริ่มเรียน )

            -ค่าเรียนแบบรายเดือน 18,500 บาท / 1 เดือน

            ( เหมาจ่ายรายเดือน นับจากวันที่เริ่มไปจนครบ 1 เดือน )

            _ ค่าเรียนรายเทอม (3 เดือน ) 56,000 บาท

            เวลาเรียน เด็กอายุ 2-2.6 ปี เวลา 8.30 – 12.00 น.  เด็กอายุ 2.6 ปีขึ้นไป เวลา 8.30 -13.30 น.

            ที่อยู่

            บ้านกางใจ หมู่บ้านยูนิวิลล่า 1 ซอย 9 บ้านเลขที่ 98  โทร.082-442-5292

            เว็บไซต์ : http://www.baankangjai.com

            FB : https://www.facebook.com/baankangjai

            Editor : แม่เลม่อน
            ภาพ : อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม


            อ่านต่อบทความน่าสนใจ

              รู้จัก 5 ธุรกิจระดับ SME กับเบื้องหลังความสำเร็จที่มาจากแนวคิดอันทรงพลัง

              เรียกว่าเป็นเทรนด์ที่ไม่มีตกอยู่เรื่อยๆ สำหรับคนรุ่นใหม่กับเป้าหมายในชีวิตที่อยากเป็น “เจ้าของธุรกิจ” ที่ประสบความสำเร็จ แต่รู้หรือไม่ เบื้องหน้าของความสำเร็จเหล่านั้น จะมีเบื้องหลังและที่มาของการเริ่มต้นอย่างไร รวมถึงเรื่องราวระหว่างทางของผู้ประกอบการที่ต้องพบเจอ มาฟัง 5 เรื่องราว จาก 5 ธุรกิจ ของ 5 ผู้ประกอบการ ใน 5 มุมมองที่จะให้คุณได้ไอเดียในการเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองไปพร้อมๆ กัน

               

              “ข้าวใหม่ปลามัน” หัวใจธุรกิจที่เกิดจากชุมชน และทุกความสำเร็จคือรอยยิ้มของชาวบ้าน

              เป็นอีกหนึ่งโมเดลการทำธุรกิจที่น่าสนใจ สำหรับร้านอาหารข้าวใหม่ปลามัน ที่จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเกิดจากการต่อยอดสิ่งที่ครอบครัวมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงปลาสลิด เลี้ยงปู เลี้ยงกุ้ง รวมถึงการมองเห็นจุดแข็งของชุมชนที่เต็มไปด้วยแหล่งวัตถุดิบชั้นเยี่ยมที่มีครบทั้งข้าวและอาหารคาวหวาน ทำให้เกิดเป็นร้านอาหารที่มาพร้อมแนวคิด “สนับสนุนชุมชน” ทั้งในเรื่องของการสั่งซื้อวัตถุดิบ และการจ้างงานทั้งงานบริการ งานก่อสร้างตกแต่งร้าน เพื่อให้คนในชุมชนมีรายได้ต่อเนื่อง ในส่วนของร้านอาหารเองก็มีความมั่นใจว่าได้วัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ มีแรงงานที่ไว้ใจได้ เข้าถึงคนในพื้นที่ จนกลายเป็นจุดแข็งของร้านที่แตกต่างจากที่อื่นๆ และเมื่อธุรกิจเติบโตได้ดี ชาวบ้านก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีตามไปด้วย 

              คุณสุทธิลักษณ์ โตกทอง กรรมการผู้จัดการ ร้านอาหารข้าวใหม่ ปลามัน อัมพวา
              “คนเราไม่ได้เก่งทุกเรื่อง มีอีกหลายอย่างที่ต้องพยายามทำความเข้าใจ
              ทำให้เราต้องเรียนรู้ที่เปิดใจกว้าง รับสิ่งใหม่ๆ เสมอ
              โดยเฉพาะการก้าวออกจาก Safe Zone ของตัวเอง
              เพื่อตามโลกให้ทันจนไปเจอความสำเร็จใหม่ๆ ที่เราคิดไม่ถึง”

              …………………………..

               

              “มูร่าห์เฮ้าส์” จากฟาร์มถึงมือ ธุรกิจที่เข้าถึงปัญหา มองเห็น Pain Point จนโดนใจผู้บริโภค

              หากจะพูดว่า มูร่าห์เฮ้าส์ คือผู้บุกเบิกการสร้างสินค้า “นมควาย” เจ้าแรกๆ ของประเทศไทยก็คงไม่ผิดนัก ด้วยจุดเริ่มต้นที่มาจากการทำฟาร์มเลี้ยงควายนมพันธุ์มูร่าห์แห่งแรกในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 ของคุณรัญจวน เฮงตระกูลสิน ที่เกิดจากมุมมองที่อยากหาผลิตภัณฑ์นมเพื่อตอบโจทย์คนที่มีปัญหาแพ้นมวัว รวมถึงเด็กๆ ที่ต้องการสารอาหาร เนื่องจากนมควายมีสารอาหารมากกว่านมวัวถึง 2 เท่า แต่ด้วยความที่เป็นตลาดแบบ Niche Market หรือตลาดเฉพาะกลุ่มมากๆ นอกจากการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพแล้ว การตลาดก็เป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้แบรนด์สามารถสื่อสารไปให้ถึงผู้บริโภคในวงกว้างได้อย่างที่ตั้งใจ ซึ่งตรงนี้เองที่ SME D Bank ได้เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้น คอยให้ความช่วยเหลือ ทั้งเรื่องเงินทุน และโครงการต่างๆ มีการอบรมที่ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการ หรือถ้ามีตลาดที่ไหนก็ชักชวนให้เอาสินค้าไปขาย ทำให้คนเริ่มรู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวันนี้ มูร่าห์เฮ้าส์ ได้เป็นมากกว่าผู้ผลิตนมควาย โดยเปิดพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางด้านการเกษตร มีกิจกรรมต่างๆ ให้ทุกคนสามารถลงมือทำจริงได้เลย

              คุณชาริณี ชัยยศลาภ
              เจ้าของธุรกิจ “มูร์ร่าห์ ฟาร์ม” ฟาร์มควายนมแห่งแรกของไทย
              “พวกเราเริ่มต้นจากศูนย์ ไม่มีประสบการณ์ ต้องเรียนรู้อะไรเยอะมาก
              ลองผิดลองถูกไปเรื่อย แต่ด้วยความพยายาม ไม่ท้อ และหาข้อมูลเรื่อยๆ
              ทำให้เราได้มุมมองในการทำธุรกิจในหลายๆ เรื่อง
              มีปัญหาตรงไหนก็ค่อยๆ แก้ไขไปทีละจุด ไม่เคยท้อเลย”

              …………………………..

               

              ตั้งใจ พัฒนา ต่อยอด แนวคิดหลักของแบรนด์ “ชาโมกข์” ที่ไม่เคยหยุดนิ่งกับความเปลี่ยนแปลง

              จริงอย่างคำกล่าวที่ว่า “อายุเป็นเพียงตัวเลข” เพราะเจ้าของแบรนด์ชาโมกข์อย่างคุณปราณี ศิริบูรณ์พิพัฒนา ได้ไอเดียเริ่มธุรกิจในช่วงอายุเข้าเลข 6 จากประสบการณ์ที่สะสมมาอย่างยาวนานในเรื่องของการเกษตร ประกอบกับความสนใจศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม จนได้ค้นพบคุณสมบัติของสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ช่วยเรื่องการลดอาการผมร่วงได้ จากนั้นก็ได้ต่อยอดออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ จนเกิดกระแสบอกต่อแบบปากต่อปากไปเรื่อยๆ ทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ก่อนจะมองหาช่องทางในการขยายตลาดด้วยการเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และการนำสินค้าออกสู่ต่างประเทศ โดยมีผู้ช่วยเบื้องหลังอย่าง SME D Bank ในเรื่องของเงินทุน และการ Re-Brand เปลี่ยน Package เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ และตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น ซึ่งตลอดการทำงานที่ผ่านมา เรียนรู้ว่าการเปิดใจเป็นสิ่งสำคัญ พอๆ กับการอดทนที่ไม่ย่อท้อต่อปัญหาที่เข้ามา โดยต้องไม่ลืมที่จะพัฒนาตนเอง และสินค้าให้ทันโลกอยู่เสมอด้วยเช่นกัน

              คุณปราณี ศิริบูรณ์พิพัฒนา
              ประธานกรรมการ บริษัท ชาโมกข์ จำกัด
              “จงเปิดใจยอมรับคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ มีความคิดทันสมัย มีแนวคิดที่ดี
              ซึ่งเราสามารถมาปรับใช้ได้ การเปิดใจตรงนี้จะทำให้เราได้ขยายกลุ่มเป้าหมาย
              ได้ขยายฐานลูกค้า และได้เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้มากมาย”

              …………………………..

              “A-Tong” ผลิตภัณฑ์สารบำรุงพืชใบ แบรนด์น้องใหม่มาแรง โดดเด่นด้วยสินค้าคุณภาพดี จากความรู้ที่สั่งสมมานานของเจ้าของแบรนด์

              แม้จะเป็นน้องใหม่ในวงการ SME ได้ไม่นาน แต่ A-Tong ก็เดินหน้าอย่างมั่นคงด้วยจุดแข็งในเรื่องของคุณภาพสินค้า ที่ได้รับการพิสูจน์ทั้งจากห้องแล็บและผู้ใช้งานว่ามีคุณภาพ เหมาะสมกับราคาที่จับต้องได้ โดยจุดเริ่มต้นของการสร้างธุรกิจก็มาจากการนำความรู้และประสบการณ์ที่เกี่ยวกับการเกษตรมาต่อยอดเป็นสินค้าที่ไม่ได้เจาะกลุ่มคนทำเกษตรเท่านั้น แต่วางกลุ่มเป้าหมายในระดับประเทศ ทั้งใช้ในอุตสาหกรรมการเกษตร อสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงครัวเรือน โดยปัจจุบันเน้นทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เพื่อตอบโจทย์วัตถุประสงค์ที่ต้องการผลักดันสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความช่วยเหลือจากทางฝ่ายพัฒนาของ SME D Bank ที่เข้ามาให้ความรู้เกี่ยวกับการทำการตลาดออนไลน์ จนทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้นในระยะเวลาไม่นาน

              คุณนวลจันทร์ เทศภักดี
              เจ้าของผลิตภัณฑ์ A-TONG
              “การทำธุรกิจต้องไม่ย่อท้อ ถ้าเรามั่นใจในสินค้าก็ต้องพยายามทำให้คนรู้จัก
              แม้ว่าความพยายามจะยาก ก็ต้องอดทน และถ้าโอกาสมาถึง ก็ต้องไม่ปล่อยไป
              หากสินค้าเราดีจริง ก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้”


              …………………………..


              “ไอศกรีมมะพร้าวอ่อน กะลาทิพย์” ธุรกิจระดับ SME ที่ยกระดับความอร่อยแบบบ้านๆ สู่ความสำเร็จในระดับชุมชน 

              จากจุดเริ่มต้นที่เพียงผู้จำหน่ายไอศกรีมในระยะเวลา 6 เดือน สู่การเรียนรู้ที่จะสร้างแบรนด์ของตัวเอง ของคุณธันยพัฒน์ หิรัญวงศ์ จึงเริ่มที่จะศึกษาหาความรู้เรื่องขั้นตอนการทำไอศกรีม ซึ่งระหว่างทำก็ได้พยายามพัฒนาให้เกิดจุดแข็งเพื่อสร้างความแตกต่างที่โดดเด่นให้กับตัวเองในท้องตลาด ทำให้ค้นพบวัตถุดิบหลักชั้นเยี่ยมของ อ.อัมพวา อย่าง “น้ำหวานดอกมะพร้าว” ที่มีคุณสมบัติให้แคลอรี่ต่ำกว่าน้ำตาลทั่วไป รวมถึงมีโพแทสเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ จึงนำมาเป็นส่วนผสมหลักในการผลิตไอศกรีมมะพร้าวอ่อน กะลาทิพย์ ที่นอกจากความอร่อยแล้ว วิธีการนำเสนอโดยเสิร์ฟไอศกรีมในกะลามะพร้าวก็เป็นอีกหนึ่งความโดดเด่นที่ทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำ จนกลายเป็นของดีของเด็ดที่ใครมาเที่ยวอัมพวาก็ต้องลิ้มลองสักครั้งในชีวิต

              นายธันยพัฒน์ หิรัญวงศ์
              เจ้าของธุรกิจ ไอศครีมมะพร้าวอ่อนกะลาทิพย์
              “ด้วยที่เราอยากให้ลูกค้าได้ทานของดี จึงมุ่งมั่นพัฒนา
              ไอศครีมมะพร้าวอ่อนกะลาทิพย์
              โดยใช้กะทิคั้นสด  ผสมน้ำมะพร้าวน้ำหอมแท้จากอัมพวา 
              หอม หวาน อร่อย”



               

                Tags

                คอกกั้นเด็ก HOYO คอกกั้นเด็กแบรนด์แรกของไทยที่คว้ารางวัลชนะเลิศสาขา World of Kids furniture จาก Kind + Jugend ASEAN Innovation Award 2023

                คอกกั้นเด็ก HOYO (HOYO Premium Playpen) โดย “คุณก้อย ญาภัทร สรรพวัฒน์” สินค้าที่ถูกสร้างจากความรักของแม่สู่ลูก เป็นคอกกั้นเด็กแบรนด์แรกในไทยที่คว้ารางวัลระดับ Global มาได้ จากงาน Kind + Jugend ASEAN 2023

                งาน Kind + Jugend เป็นงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติชั้นนำในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สำหรับทารกและเด็ก ซึ่งจัดขึ้นทุกปีที่เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี โดยปีนี้มาจัดที่ประเทศไทย เป็นการเปิดตัวครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน

                “วันนี้เราดีใจและก็ภูมิใจมากๆ สินค้าที่เราคิด แล้วก็ออกแบบผลิตขึ้นมา ตั้งใจทำเพื่อลูก แล้วได้รับรางวัลนี้” คุณก้อยกล่าวหลังจากขึ้นรับรางวัล ซึ่งการเข้าชิงรางวัลครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการแข่งขันภายในประเทศ แต่ยังมีผู้เข้าร่วมแข่งขันจากต่างชาติ โดยมีหลักเกณฑ์การตัดสิน 6 ข้อ ดังนี้ ความคิดสร้างสรรค์, ความปลอดภัย, คุณประโยชน์ต่อลูกค้า, การออกแบบผลิตภัณฑ์, คุณภาพของการผลิต และความยั่งยืน ซึ่งคอกกั้นเด็ก HOYO สามารถชนะใจกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 7 ท่านในทุกหัวเกณฑ์การตัดสิน ทำให้ได้มาซึ่งรางวัลอันทรงเกียรตินี้

                คอกกั้นเด็ก HOYO ไม่เพียงแต่ยึดมั่นในการพัฒนาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่ยังคงใส่ใจในคุณภาพในทุกกระบวนการผลิต และการคัดเลือกวัสดุ ทำให้ HOYO Premium Playpen เป็นขั้นกว่าของคอกกั้นเด็ก ผ้าหนังของ HOYO มีการพิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญแล้วว่าเป็นหนึ่งเดียวในไทยที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Escherichia coli และ Staphylococcus ซึ่งเป็นสาเหตุหลักโรคอาหารเป็นพิษ โรคท้องเสียได้ถึง 99.9% และยังผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมประเทศญี่ปุ่น JIS Z-2801 ว่าสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ตายสนิท

                นอกจากนั้นวัตถุดิบทุกชิ้นส่วนของคอกกั้นเด็ก HOYO ผลิตจากวัสดุเกรดพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นผ้าหนังที่นำเข้าจากเกาหลี สัมผัสนุ่ม ลื่น เย็นสบาย ไม่เหนียวเหนอะหนะ หรือโฟม Japan Technology ลิขสิทธิ์เฉพาะของ HOYO ที่นุ่ม แน่น เฟิร์ม รองรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี จนไข่ไก่สดตกยังไม่แตก เรื่องฟังก์ชั่นก็ยังโดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะเป็นคอกกั้นที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานได้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กทุกช่วงวัย

                ด้วยการพัฒนาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและรางวัลที่การรันตีคุณภาพ ทำให้เมื่อพูดถึงคอกกั้นเด็ก ใครๆ ต่างก็ต้องนึกถึงคอกกั้นเด็ก HOYO เป็นอันดับแรก เพราะเป็นคอกกั้นเด็กที่ได้รับความไว้วางใจจากดารา เซเลป และคุณพ่อคุณแม่กว่าหมื่นครอบครัวทั้งในไทยและต่างประเทศ

                  หมอมีคำตอบ! ผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบ ของลูกน้อย Atopic Dermatitis ปัญหากวนใจของพ่อแม่ รักษาอย่างไรดี?

                  ปัญหา ผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบ Atopic Dermatitis ปัญหาของเด็กๆ ที่ไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป คุณพ่อคุณแม่หลายท่านคงกังวลไม่มากก็น้อย ที่ลูกน้อยของเรา เดี่ยวก็คัน เดี่ยวก็เป็นผด เดี่ยวก็ผื่นขึ้นเกา คัน เป็นๆหายๆ จนเป็นแผล ผิวแห้งลอก  มีรอยดำ ถึงผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบเหล่านี้ จะไม่ได้เป็นอันตราย เพราะไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ หรือเป็นเรื่องร้ายแรงใดๆ แต่ก็สร้างความรำคาญให้ลูกน้อยเป็นอย่างมาก และส่งผลระยะยาวได้ เช่น แผลเป็น รอยด่างดำ ผิวหนังแห้งด้าน และอาจส่งผลต่อบุคลิกในการเข้าสังคม และสมาธิในการเรียนของลูกน้อยได้ด้วย

                  วันนี้ Amarin Baby & Kids มีนัดคุยกับคุณหมอ 2 ท่าน ทั้งคุณหมอผิวหนัง และคุณหมอเด็ก ถึงปัญหาผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบในเด็กๆ เพื่อแก้ปัญหา ไขข้อข้องใจ ให้คุณพ่อ คุณแม่กันค่ะว่า ผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบในเด็ก เกิดจากอะไร จะทราบได้อย่างไรว่าเราแพ้อะไรและมีวิธีการรักษาอย่างไร  ทำอย่างไรถึงช่วยไม่ให้ลูกกลับมาเป็นผื่นซ้ำอีก และอีกหลากหลายคำถามที่คุณพ่อ คุณแม่อยากรู้ เรามีคำตอบให้คะ

                  Amarin Baby & Kids ได้รับเกียรติจาก พญ.ธวลิดา เวชชวณิชย์ (คุณหมอยูมิ) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและผิวหนังเด็ก อาจารย์แพทย์หน่วยตรวจสุภาพ และเวชศาสตร์ป้องกัน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ พญ.ภัทรา ตันติเจริญวิวัฒน์ (คุณหมอใหม่) กุมารแพทย์ โรคภูมิแพ้ และพัฒนาการเด็ก โรงพยาบาลสมิตเวช และ BNH มาร่วมพูดคุยและแนะนำคุณพ่อคุณแม่ ถึงวิธี รับมือกับปัญหาผื่นแพ้ ของลูกน้อยกันคะ

                  อาการ ผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบ เกิดจากอะไร

                  ผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบ เกิดจาก โครงสร้างผิวหนังเสียสมดุล ทำให้เกิดการระเหยของน้ำออกจากผิวมาก เมื่อน้ำระเหยออกจากผิวหนังมาก ทำให้ผิวแห้ง แดง คัน และเกิดการอักเสบตามมา ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจาก ปัจจัยภายในโครงสร้างผิวหนังเสียสมดุลเอง หรือ ปัจจัยกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้ภายนอกก็ได้

                  จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกแพ้สารอะไร

                  ปัจจุบันมีการเทส ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการแพ้หลายวิธี เช่น ทำ skin test , ตรวจหา specific Ig E จากเลือด ซึ่งขั้นตอนง่ายไม่ยุ่งยาก เหมือนเจาะเลือดตรวจสุขภาพทั่วไป สามารถทดสอบสารก่อภูมิแพ้ ทั้งอาหารและสิ่งแวดล้อมได้

                  สาเหตุของการแพ้เกิดจากสารก่อภูมิแพ้อะไรบ้าง

                  ส่วนใหญ่ถ้าเป็นอาหาร อาจเกิดจาก นม ไข่ ถั่ว แป้งสาลี ก็เป็นได้ ถ้าเป็นสิ่งแวดล้อมส่วนใหญ่ก็อาจจะเป็นไรฝุ่นบนที่นอน แมลง ละอองเกสรดอกไม้ น้ำหอม สารเคมีก่อภูมิแพ้ต่างๆ

                  อาการของโรคผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบมีอะไรบ้าง

                  อาการของโรคผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบ มักมาด้วย อาการผิวแห้ง แดง คัน เป็นตุ่มหรือเป็นผดนูน ซึ่ง ส่วนใหญ่ ในเด็กเล็กจะเป็นตาม แก้ม ซอกคอ ข้อพับแขน ข้อพับขา เด็กๆก็จะคันมาก และจะเกา จนถ้าเป็นนานๆอาจมีแผลเลือดออก และเป็นแผลเป็นอาจเกิดรอยดำ

                  ผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบ

                  วิธีการรักษาโรคผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบ

                  วิธีการรักษาโรคผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบ จะมี 3 ขั้นตอน ที่จะต้องทำการรักษาควบคู่กัน

                  – หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง  ลดการอาบน้ำที่อุณหภูมิที่ร้อนไป หรือเย็นจนเกินไป หลีกเลี่ยง อาหารที่สงสัยว่าแพ้ หลีกเลี่ยงน้ำหอม สารเคมีต่างๆ ซัก ทำความสะอาดผ้าปูที่นอน ผ้าห่มให้สะอาด

                  -ในช่วงที่ผื่นกำเริบ ทำให้มี อาการคันมาก อาจต้องพบแพทย์ เพื่อรับยาทาลดการอักเสบ จำพวก steroid และ antihistamine เพื่อลดการคัน การอักเสบ แต่การใช้ยาจำพวกนี้ ต้องอยู่ในความควบคุมของแพทย์

                  – ครีมกลุ่มลดการอักเสบ ที่ไม่ใช่ steroid ปัจจุบัน มียา ครีมใหม่ๆที่ช่วยลดการอักเสบ และบำรุงผิว ลดการเสียสมดุลของผิวหนัง  ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ซึ่งสามารถใช้นานได้อย่างปลอดภัย เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของ 2%  Allantoin + Cytyl PG Palmitamide ซึ่งเป็น Pseudoceramide และ Fatty acid ช่วยลดการอักเสบ และป้องกันการระเหยของน้ำออกจากผิว สามารถใช้ลดการอักเสบและบำรุงผิวได้นาน อย่างปลอดภัย  ไม่มีสเตียรอยด์

                  –    หลังจากอาการคันและอาการผื่นดีขึ้นแล้ว สามารถใช้ ยากลุ่มลดการอักเสบ ที่ไม่ใช่ steroid ที่เป็น moisture เข้มข้น ทาทุกวันหลังอาบน้ำ หรือทาบำรุงผิว เพื่อป้องกันการผิวแห้ง หรือป้องกันการเกิดผดผื่นซึ่งครีมกลุ่มนี้สามารถใช้นานได้ ไม่เป็นอันตราย และควรใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เก็บกักน้ำให้ผิว เพื่อลดการอักเสบ ลดผดผื่นคัน ให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นอยู่เสมอ เพื่อลดการเสียสมดุลของเซลล์ผิว ครีมที่ไม่มี สเตียรอยด์ สามารถใช้นานได้อย่างปลอดภัย แต่ทางที่ดีสำหรับเด็กควรใช้ครีมที่ ไม่มีน้ำหอม และไม่มีสารกันเสียด้วย

                  โรคผื่นแพ้ในเด็ก หายเองได้ไหม

                  ผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบ โดยปกติ เมื่อลูกน้อยโตขึ้น อาการเหล่านี้จะค่อยๆดีขึ้นเอง มากกว่า 80 % แต่การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ก็ยังจำเป็นอยู่

                  พ่อแม่สามารถป้องกันไม่ให้ลูกน้อยเป็นโรคนี้ได้หรือไม่

                  มีงานวิจัยในปัจจุบันพบว่า แม้แต่ในทารกกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรค หากได้รับการดูแลผิว ด้วยการทาmoisturer ที่มี ceramide , มี fatty acid อย่างน้อยวันละครั้งอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่อายุ 2 เดือนแรก ของชีวิต สามารถลดการเกิดโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้ ดังนั้น ถึงแม้ลูกน้อยของเรายังไม่ได้เป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เราก็เริ่มดูแลผิวลูกน้อยได้เลยค่ะ

                  เป็นอย่างไรบ้างคะ ได้คุยกับคุณหมอทั้ง 2 ท่านไปแล้ว ช่วยให้คุณพ่อ คุณแม่ คลายกังวลไปได้เยอะเลยไหมคะ  โรคผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบไม่ได้น่ากลัวเลยใช่ไหมคะ เพราะเป็นโรคที่ไม่อันตราย แต่ถ้าเป็นบ่อยๆนานๆ จะทำให้คุณภาพชีวิตของลูกน้อยไม่มีความสุข คอยคัน คอยเกา อยู่ตลอดเวลา เสียบุคคลด้วย ทางที่ดี เพียงคุณพ่อ คุณแม่สังเกต เอาใจใส่ลูกน้อย หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆออกไป และใช้ยา ปรึกษาคุณหมอให้ถูกต้อง และใช้ครีมบำรุงผิวที่ปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ คุณภาพชีวิตของลูกน้อยก็จะดีขึ้น สุขภาพผิวดีขึ้น สุขภาพกาย สุขภาพใจ ก็จะดีขึ้นตาม ไม่เกา ไม่คัน อีกต่อไปแล้วคะ


                  ขอขอบคุณ บทความ :

                  • พญ.ธวลิดา เวชชวณิชย์ (คุณหมอยูมิ) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและผิวหนังเด็ก อาจารย์แพทย์หน่วยตรวจสุภาพ และเวชศาสตร์ป้องกัน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
                  • พญ.ภัทรา ตันติเจริญวิวัฒน์ (คุณหมอใหม่) กุมารแพทย์ โรคภูมิแพ้ และพัฒนาการเด็ก โรงพยาบาลสมิตเวช และ BNH

                  ครีม DermProtect ครีมรักษาผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบ ผดผื่น ผิวแห้งคัน เห็นผล ปลอดภัย ใช้นานได้ ไม่มี steroid เก็บกักน้ำ เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวมากกว่า 500 เท่า www.hadatokyo.com

                  Hada Tokyo ครีมบำรุงผิวเวชสำอาง อันดับ 1 ที่แพทย์ผิวหนังญี่ปุ่นไว้วางใจ

                    อย่ามองข้าม! คาร์ซีทแม่ท้อง ช่วยปกป้องถึง 2 ชีวิต

                    ไม่ใช่แค่คาร์ซีทสำหรับเด็กที่จำเป็น แต่ ” คาร์ซีทแม่ท้อง ” ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะช่วยป้องกันได้ถึง 2 ชีวิต !  ซึ่งคาร์ซีทสำหรับแม่ท้องจะมีความสำคัญอย่างไร ทำไมแม่ท้องต้องใช้ ทีมแม่ ABK มีคำตอบค่ะ

                    ด้วยสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนในเมืองไทย ทำคนเสียชีวิตได้เฉลี่ยถึง 2 คน ต่อชั่วโมง ไม่เว้นทั้งเด็กและผู้ใหญ่  แต่ก็น่าดีใจที่ในช่วงหลัง 2-3 ปีมานี้ บ้านเราให้ความสำคัญและตื่นตัวกับการให้เด็กนั่งคาร์ซีท  เพื่อป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับเจ้าตัวน้อย และชวนกันเลิกพฤติกรรมเดิมๆ ที่อุ้มลูกนั่งตักขณะอยู่ในรถยนต์  

                    แต่เชื่อไหมคะว่าไม่ใช่แค่เด็กเล็กที่ต้องนั่งคาร์ซีท คนท้องก็จำเป็นต้องนั่งคาร์ซีทเช่นกัน เพราะหากต้องเบรกกะทันหัน หรือเกิดอุบัติเหตุถูกรถพุ่งชน รถเสียหลักมีการกระแทกแม้คุณแม่อาจจะบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ใครจะรู้ว่าการกระทบกระเทือนนั้นส่งผลต่อสุขภาพและพัฒนาการลูกน้อยในครรภ์ร้ายแรงได้  

                    คาร์ซีทแม่ท้อง
                    Tummy Shield

                     

                    อุบัติเหตุกับผลร้ายที่ไม่คาดคิด 

                    4 ใน 5 ของอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตได้ หากคนท้องได้รับอันตรายที่กระทบกระเทือนท้อง  และในเมืองไทยเคยมีข่าวแม่ท้องเกิดอุบัติเหตุหลายราย เช่น กรณีคุณแม่กำลังตั้งครรภ์ 5 เดือน นั่งข้างคุณพ่อซึ่งเป็นคนขับ ถูกรถอีกคันพุ่งชนโดยไม่รู้ตัว จนคุณแม่กระเด็นออกนอกรถเสียชีวิต เพราะไม่ได้คาดเข็ดขัดนิรภัย ด้วยความอึดอัดและสายคาดเบลท์ก็ถูกออกแบบมาให้รัดตรงท้องพอดี เรื่องนี้คุณแม่หลายๆ ท่านเข้าใจดี เพราะยิ่งท้องใหญ่ยิ่งรัดลำบากจนทนอึดอัดไม่ไหว ทำให้เกิดเหตุสลดได้ แต่อีกกรณีที่น่าห่วงและหลายๆ คนอาจไม่คาดคิดคือ 

                    เคยมีคุณแม่ตั้งครรภ์ 7 เดือนชาวออสเตรเลีย เดินทางกับสามีที่กำลังขับรถ แล้วเกิดอุบัติเหตุจากการหักเลี้ยวรถอย่างแรงจนรถยนต์ไปชนขอบถนน  คุณแม่ท้องมีแค่รอยฟกช้ำบาดเจ็บเล็กน้อยที่ท้อง จากเข็มขัดนิรภัยกดทับบริเวณหน้าท้องอย่างรุนแรง   แม้คุณแม่และลูกในครรภ์จะไม่ได้มีอันตรายร้ายแรงใด และคลอดครบกำหนด  แต่ทั้งคุณแม่และคุณพ่อก็พบว่า หลังคลอดลูกสาวตัวน้อยมีปัญหาพัฒนาการไม่ปกติ พัฒนาการทั้งด้านร่างกายและจิตใจช้ากว่าเด็กทั่วๆ ไปในวัยเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้มั่นใจว่าเกิดจากอุบัติเหตุในครั้งนั้นนั่นเอง 

                    คาร์ซีทแม่ท้อง Tummy Shield ปกป้อง 2 ชีวิต  

                    จากกรณีในออสเตรเลียเป็นหนึ่งเรื่องราวอุทาหรณ์และแรงบันดาลใจ ให้เห็นถึงความสำคัญของคาร์ซีทสำหรับแม่ท้องโดยเฉพาะ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคุณแม่ที่ต้องเดินทางให้สะดวก สบาย ไม่อึดอัด ที่สำคัญคือความปลอดภัยของทั้งคุณแม่ท้องและลูกในครรภ์ จึงได้ผลิตคิดค้น Tummy Shield คาร์ซีทแม่ท้อง เพื่อปกป้องคนท้องและลูกในครรภ์ขณะเดินทางด้วยรถยนต์ให้ปลอดภัย ผ่านการทดสอบว่าสามารถป้องกันเหตุร้ายจากอุบัติเหตุได้จริง  

                    • ช่วยไม่ให้เข็มขัดนิรภัยคาดรัดหน้าท้อง  โดยเปลี่ยนเป็นการพาดผ่านหน้าขาแทน จึงช่วยลดแรงกระชากของเข็มขัดนิรภัย ที่บริเวณหน้าท้อง จากเหตุไม่คาดคิดบนท้องถนนได้ 
                    • สร้างความมั่นใจให้คนท้อง ด้วยความแข็งแรงปลอดภัย ด้วยวัสดุภายในที่หล่อเป็นเหล็กชิ้นเดียวกัน รองรับแรงกระชากได้มากถึง 2 ตัน  
                    • นั่งสบายด้วยแผ่นรองที่ทำจาก Memory Foam ลดแรงกดทับได้ดี  ไม่ทำให้รู้สึกเมื่อยหรือปวดบริเวณก้นกบ 
                    • ลดการลื่นไถลลงมาใต้ส่วนคาดของเข็มขัดนิรภัย จนเกิดการอาการบาดเจ็บที่ช่องท้องและกระดูกเชิงกราน ด้วยผ้าหุ้มเบาะที่ทำจากกำมะหยี่ 
                    • ปกป้องคนท้องและลูกน้อยในครรภ์ให้ปลอดภัย ลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดสาเหตุของการแท้ง   
                    • ลดความกังวลใจเวลาที่เข็มขัดนิรภัยโดนท้อง ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดเวลาที่คาดเข็มขัดนิรภัย  
                    • ติดตั้งง่ายไม่ยุ่งยาก  รองรับการติดตั้งบนรถยนต์ทุกประเภท  

                     

                    คาร์ซีทแม่ท้อง มั่นใจปลอดภัยยิ่งกว่าเบาะนิรภัยสำหรับคนท้องทั่วไป  

                    • คาร์ซีทแม่ท้อง Tummy Shield เป็นผลิตภัณฑ์เดียวที่ใช้เหล็กหล่อทนแรงกระชากได้สูง  ในขณะที่เบาะนิรภัยทั่วไปใช้เป็นตัวล็อคที่พลาสติกหรือ  Velcro (ตีนตุ๊กแก) ทำให้แค่รัดเข็มขัดนิรภัยบริเวณหน้าท้องให้ต่ำลดความอึดอัดเพียงอย่างเดียว อาจไม่แข็งแรงพอที่จะรองรับแรงกระชากจากการทำงานของเข็มขัดนิรภัย เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน  

                     

                    มาตรฐานระดับสากล  

                    ผ่านการทดสอบโดยใช้หุ่นจำลองจากสถาบันระดับโลก ADRs และ Crashlab ( Dynamic sled testing of the ‘Tummy Shield’ cushion)  NSWCentre for Road Safety 

                    • ผ่านการทดสอบทั้งเบาะนั่ง เข็มขัด สายรัด การเสียรูปของจุดที่ยึดและเบาะนั่ง 
                    • ผ่านการทดสอบการชน กระแทก แรงดึง การยึดเกาะของหัวเข็มขัด และสายรัด 
                    • ผ่านการทดสอบความคงทนของสายรัด  และระบบการล็อค 
                    • ผ่านการทดสอบประเมินเกณฑ์การบาดเจ็บ 

                    ผ่านการทดสอบ ADRs และ Crashlab
                    ผ่านการทดสอบ ADRs และ Crashlab

                    ADRs – มาตรฐานทางเทคนิคและการออกแบบตามกฎระดับชาติของออสเตรเลีย สำหรับความปลอดภัยของยานพาหนะ  ที่เป็นไปตามและสอดคล้องกับกฎระเบียบ “ECE” ที่ประกาศใช้ 
                    Crashlab – การทดสอบด้านมาตรฐานความปลอดภัย และการป้องกันผู้โดยสารในยานพาหนะของออสเตรเลีย ที่ครอบคลุมทั้งการออกแบบเข็มขัดนิรภัย คาร์ซีทสำหรับเด็ก  หมวกกันน็อค เบาะนั่งในรถบัส  เบาะนั่งรถเข็น

                     

                    เพราะเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นหากคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีชีวิตน้อยๆ อยู่ในร่างกาย สามารถป้องกันเหตุร้ายไว้ก่อนล่วงหน้าได้ ก็เชื่อว่าครอบครัวจะหมดกังวลใจ อุ่นใจ แถมยังมั่นใจว่าตลอด 9 เดือนขณะตั้งครรภ์ เราจะปกป้องลูกน้อยให้แข็งแรงปลอดภัยได้จนหลังคลอด  

                    Tummy Shield


                    ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก https://www.thairsc.com/,https://www.thaipbs.or.th/news/content/313982, https://shop.babygiftretail.com  

                     

                     

                      ห้องสมุดเต่าทอง

                      ห้องสมุดเต่าทอง ห้องสมุดกลางสวน แหล่งเรียนรู้ในกรุงเทพ ที่เด็กๆ ต้องห้ามพลาด!

                      วันหยุดนี้ถ้ายังไม่รู้จะพาลูกไปไหน ลองพามาเที่ยว “สวนลุม” กันไหมคะ เอ๊ะ!! มาสวนลุม จะให้มาทำอะไร แค่มาเดินเล่นชมนกชมไม้ หรือถีบเรือเป็ดหรือเปล่า หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า สวนลุมพินี มีห้องสมุดหน้าตาน่ารัก ดีไซน์เก๋ ที่มีชื่อว่า
                      ห้องสมุดเต่าทอง หรือ ห้องสมุดและเยาวชน HSBC สวนลุมพินี

                      ห้องสมุดเต่าทอง
                      ห้องสมุดกลางสวน สำหรับครอบครัว 

                      ซึ่งห้องสมุดนี้เปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2534 แล้วนะ แต่ได้รับการปรับปรุงใหม่เมื่อปี พ.ศ.2561 ให้ทันสมัยและเหมาะกับเด็กมากๆ ตัวอาคารภายนอกสวยเด่นสะดุดตา ด้วยโทนสีแดงแต้มจุดดำเหมือนสีของเต่าทอง ตัดกับสีเขียวของต้นไม้และต้นหญ้าที่อยู่รายล้อม ภายนอกสวยขนาดนี้ ภายในจะสวยขนาดไหน ตามไปชมกันค่ะ

                      จุดต้อนรับสุดประทับใจ ของ ห้องสมุดเต่าทอง

                      เปิดประตูเข้าไป ก็เจอ สไลเดอร์น้อยคอยตอนรับเด็กๆทันที รู้เลยว่าสถาปนิกผู้ออกแบบเข้าใจและรู้ใจเด็กมากขนาดไหน

                      ดีไซน์สวยเหมาะสำหรับเป็นห้องสมุดเด็ก

                      ภายในโปร่งและสบายตามากๆเพราะมีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาภายใน ไฮไลท์อยู่ที่อัฒจรรย์กลางห้องที่ทำเพื่อให้เด็กๆได้ออกแรงปีนป่ายขึ้นตามหาหนังสือที่ตัวเองชอบ และนั่งอ่านตามขั้นบันไดกันแบบสบายๆพร้อมครอบครัว ชั้นวางหนังสือทำจากไม้สีอ่อนดูอบอุ่นสบายตา ตัดกับกราฟฟิกวงกลมสีแดงที่แต่งแต้มได้อย่างลงตัว

                      ไฮไลท์ อุโมงค์เต่าทอง

                      ใต้อัฒจรรย์มีอุโมงค์ทาสีแดงตัดกันกับลายวงกลมสีดำเหมือนลวดลายของเต่าทอง สร้างบรรยากาศให้มุมนี้เหมือนสนามเด็กเล่น

                      แสงสว่างและกราฟฟิกภายใน

                      ผนังด้านข้างออกแบบให้เป็นกระจกใส ทำให้มีแสงสว่างจากด้านบนส่องเข้ามาภายในอาคารค่อนข้างมาก นอกจากนี้ยังมีกราฟฟิกลายการ์ตูนน่ารักๆช่วยสร้างบรรยากาศให้ห้องสมุดนี้ดูสดใสมากยิ่งขึ้น

                      มุมอ่านนิทานขนาดพอเหมาะ

                      บริเวณผนังกระจกมีม้านั่งยาวเพื่อให้เด็กๆได้นั่งอ่านหนังสือแบบสบายๆ

                       

                      มุมเด็ดที่เด็ๆต้องมาจอง

                      ส่วนผนังอีกด้านทำที่นั่งไม้ดัดโค้ง รองรับสรีระตัวเด็กๆได้เป็นอย่างดี มุมนี้เด็กๆแย่งกันนั่งแน่นอน

                      เชื่อมต่อชั้นล่างสู่ชั้นบน

                      ทางขึ้นชั้น 2 ดีไซน์สอดคล้องกันกับตัวอาคาร สีแดงสดใสผสมลายวงกลมสีดำ น่ารักสะดุดตาจนอยากทำให้เราขึ้นไปดูด้านบน

                      สูดอากาศดีพร้อมอ่านนิทานแสนสนุก

                      ชั้นบน บางวันที่อากาศดีๆ จะมีที่นั่งสำหรับนั่งอ่านหนังสือในช่วงเย็น หรือใครจะขึ้นมาชมวิวสวนลุม มุมนี้ก็ถือว่าเด็ด ( หากมีเด็กเล็กมาจำเป็นต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนขึ้นมานะคะ เพื่อความปลอดภัย)

                      นิทานก็เยอะ กิจกรรมก็แน่น

                      นอกจากอ่านนิทานแล้ว ที่ห้องสมุดเต่าทองยังมีกิจกรรมสำหรับเด็กๆทุกวันด้วยนะ เช่นวาดรูป ระบายสี หรือประดิษฐ์ของต่างๆ แถมฟรีอีกด้วย

                      หนังสือหลากหลายเหมาะกับเด็กทุกวัย

                      ห้องสมุดมีหนังสือกว่า 10,000 เล่ม เหมาะสำหรับเด็กทุกวัย ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต ตั้งแต่นิทาน การ์ตูนและวรรณกรรมเด็ก มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้เลือก

                      ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ

                      ห้องสมุดเต่าทอง ตั้งอยู่ด้านหลังอาคารห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้สวนลุมพินี ต้องเข้าจากด้านหน้าอาคารที่เป็นห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ สวนลุมพินี อยู่บริเวณสวนลุมพินี ด้านหลังพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 ถนนราชดำริ

                      เดินทางโดย MRT สถานี สีลม ทางออก 1

                      พิกัด :  https://maps.app.goo.gl/2UkjFkhE3V1JAeLq8?g_st=ic

                       

                      ABK TIP’S

                      • แนะนำให้พาเจ้าตัวเล็กมาช่วงเช้า คนจะน้อยกว่าช่วงเย็น เสร็จจากการอ่านนิทานและหนังสือแล้วสามารถพาลูกไปเล่นสนามเด็กเล่นที่อยู่ใกล้ๆกันได้ด้วย
                      • มารถสาธารณะจะสะดวกที่สุด เดินทางโดย MRT สถานี สีลม ทางออก 1 แต่หากนำรถส่วนตัวมาแนะนำให้จอดรถบริเวณประตู 1 ถนนวิทยุ (ไม่เสียค่าที่จอด) รถค่อนข้างเยอะ และหาที่จอดยาก จอดรถแล้วเดินเข้ามาภายในสวนลุม เดินลัดสนามโซนสนามเด็กเล่น มาก็จะเจอห้องสมุดค่ะ ( เดินไกลพอสมควร แม่ๆควรนำจักรยาน รถเข็นเด็ก หรือ สกูตเตอร์ สำหรับเด็กๆมาด้วยนะคะ )
                      • ห้องสมุดเข้าฟรี แต่หากอยากยืมหนังสือ สามารถสมัครสมาชิกได้ ซึ่งราคาถูกมาก ประมาณ 5 -10 บาทเท่านั้น ขึ้นอยู่กับอายุ ใครสนใจก็สามารถสมัครสมาชิกได้ที่ห้องสมุดค่ะ
                      เวลาทำการ
                      อังคาร – เสาร์ 08.30 – 19.30 น.
                      อาทิตย์  09:00 – 17:00 น.
                      ปิดวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์

                      ***ใครอยากบริจาคหนังสือสำหรับเด็กหรือนิทาน สามารถนำไปให้ที่ห้องสมุดได้เลยนะคะ หรือส่งไปรษณีย์ไปตามที่อยู่นี้ค่ะ

                      ⇒ ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ สวนลุมพินี ตั้งอยู่บริเวณสวนลุมพินี ด้านหลังพระบรมรูปอนุสาวรีย์ รัชกาลที่6 ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม.10330 โทร.02-163-4675

                      EXPLORER: แม่เลม่อน
                      AUTHOR: #ทีมแม่ABK #แม่เลม่อน
                      PHOTOGRAPHER: แม่เลม่อน
                      #เที่ยวกับลูก
                      #AmarinBabyAndKids
                      #ABKExplorersClub

                      อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ

                        ตารางวัคซีน 2566

                        อัปเดต! ตารางวัคซีน 2566 เด็กไทยตั้งแต่แรกเกิด 12 ปี ต้องฉีดอะไรบ้าง

                        เซฟเก็บไว้ดูเลย ตารางวัคซีน 2566 จาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย เด็กไทยทุกคนตั้งแต่แรกเกิด จนถึงอายุ 12 ปี จะต้องฉีด หรือ ได้รับวัคซีนอะไรบ้าง ทีมแม่ABK อัปเดตให้แล้วในปี 2566 มาดูกัน

                        อัปเดต ตารางวัคซีน 2566 จาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
                        ลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิด – 12
                        ปี ต้องฉีดอะไรบ้าง

                        การฉีดวัคซีน ถือเป็นการสร้างเกราะป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ให้กับลูกน้อย เพราะวัคซีนจะทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทาน และปกป้องลูกน้อยจากการเจ็บป่วยได้ เด็กทุกคนควรได้รับวัคซีนตั้งแต่แรกเกิด โดยคุณแม่สามารถทราบจากคุณหมอว่าลูกควรรับวัคซีนพื้นฐานหรือวัคซีนจำเป็นเมื่อใด ชนิดใดบ้าง และประกอบกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันที่ก้าวหน้าขึ้น ทำให้มีวัคซีนสำหรับเด็กตั้งแต่แรกเกิดมากขึ้นตามไปด้วย

                        ในส่วนของวัคซีนขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นวัคซีนจำเป็นที่เด็กไทยทุกคนควรได้รับ จากคำแนะนำของสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่กำหนดไว้ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กไทยในแต่ละช่วงวัย ได้มีการสรุปปรับเปลี่ยนตารางการให้วัคซีนในเด็กไทย ปี พ.ศ. 2566  โดยความร่วมมือของคณาจารย์ และผู้ทรงคุณวุฒิของสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ซึ่งทบทวนข้อมูลวิชาการ และปรับแนวทางการให้วัคซีนในเด็กไทย โดยมีประเด็นต่าง ๆ ที่ปรับเปลี่ยน ดังนี้

                        1. เพิ่มรายละเอียดการให้วัคซีนโปลิโอแบบ sequential regimen ดังนี้

                          • ในกรณีที่ได้รับ IPV 2 ครั้ง ที่อายุ 2 เดือน และ 4 เดือน (sequential regimen) ไม่ต้องให้ OPV ที่ 2 เดือน และ 4 เดือน
                          • จากนั้นให้ OPV ที่ 6 เดือน 18 เดือน และ 4 – 6 ปี

                        2. เพิ่มวัคซีนรวม คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน ชนิดทั้งเซลล์-ตับอักเสบบี-โปลิโอชนิดฉีด-ฮิบ (DTwP-HB-IPV-Hib, SHAN6TM) เป็นหนึ่งในวัคซีนทางเลือก โดยสามารถฉีดได้ที่อายุ 2, 4, 6 เดือน

                        3. เพิ่มรายละเอียดชนิดของวัคซีนเอชพีวี ดังนี้

                          • ชนิด 2 สายพันธุ์ (16, 18; CervarixTM, CecolinTM)
                          • ชนิด 4 สายพันธุ์ (6, 11, 16, 18; GradasilTM)
                          • และชนิด 9 สายพันธุ์ (6, 11, 16, 18, 31, 33, 45, 52, 58; Gradasil 9TM)

                        4. เพิ่มรายละเอียดชนิดขององค์การอนามัยโลก ปี พ.ศ. 2565 วัคซีนเอชพีวี สามารถฉีด 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 6 เดือน ในผู้ที่มีอายุ 9 ปีขึ้นไป และอาจพิจารณาฉีด 1 เข็มเป็นทางเลือกในผู้ที่มีอายุ 9 – 20 ปี ทั้งหญิงและชาย สำหรับผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องควรฉีดอย่างน้อย 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 6 เดือน และหากเป็นไปได้ควรฉีด 3 เข็ม

                        ตารางวัคซีน 2566

                        5. เพิ่มชนิดของวัคซีนนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต ดังนี้

                          • วัคซีนนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต 13 สายพันธุ์ (WeuphoriaTM) อายุที่รับรองให้ใช้ คือ 6 สัปดาห์ – < 6 ปี
                          • และ 15 สายพันธุ์ (PCV15) คือ VaxneuvanceTM โดยอายุที่รับรองให้ใช้ได้ คือ ตั้งแต่ 6 สัปดาห์ขึ้นไป และสามารถใช้ PCV10/13/15 เพื่อฉีดให้ครบตาม ตารางวัคซีน 2566

                        6. เพิ่มวัคซีนอีวี 71 (inactivated vaccine; EntroVacTM) สามารถป้องกันได้เฉพาะกลุ่มโรคมือเท้าปาก จากเชื้อ EV71 โดยอายุที่รับรองให้ใช้ได้ คือ 6 เดือน – น้อยกว่า 6 ปี โดยฉีดเข้ากล้าม 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน

                        7. เพิ่มรายละเอียดชนิดของวัคซีนอีสุกอีใส ดังนี้ วัคซีนอีสุกอีใสมี 2 ชนิด คือ สายพันธุ์ OKA (VarilrixTM, VarivaxTM, SKYvaricellaTM) และ MAV06 (Varicella GCCTM)

                        8. เพิ่มชนิดของวัคซีนไข้เลือดออก ดังนี้ วัคซีน live-attenuated recombinant dengue2-dengue (QdengaTM) ฉีดได้ในผู้ที่มีอายุ 4 – 60 ปี ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 3 เดือน สามารถฉีดได้ทั้งผู้ที่เคย และไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน โดยไม่จำเป็นต้องตรวจภูมิคุ้มกันก่อนการฉีดวัคซีน

                        ตารางวัคซีน 2566

                        ตารางวัคซีน 2566
                        ภาพ : ตารางการให้วัคซีนในเด็กไทย แนะนำโดย สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย 2566

                        ดาวน์โหลด ตารางวัคซีน 2566 pdf คลิก!

                        การปฏิบัติตัวสำหรับการรับวัคซีน

                        • คุณแม่ควรนำสมุดบันทึกวัคซีนของลูกมาด้วยทุกครั้ง
                        • ไม่ควรพาลูกน้อยไปรับวัคซีนขณะที่มีไข้สูง หรือเจ็บป่วยเฉียบพลัน ยกเว้น หากลูกเป็นหวัด ท้องเสียโดยไม่มีไข้สามารถรับวัคซีนตาม ตารางวัคซีน 2566 ได้
                        • หลังรับวัคซีน ตาม ตารางวัคซีน 2566 ควรอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อย 30 นาทีเพื่อดูปฏิกิริยาแพ้ยา
                        • หากเคยฉีดยาแล้วมีอาการแพ้ยา แพ้อาหาร เช่น มีอาการแพ้ไข่แบบรุนแรง กรุณาแจ้งกุมารแพทย์หรือพยาบาล

                        อ่านต่อบทความอื่นสนใจ คลิก ⇓


                        ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.pidst.or.th/A1291.html

                          นมผง สูตร 3

                          รีวิว นมผง 3 แบรนด์ดัง ที่แม่ผ่าคลอดแนะนำ !

                          คุณแม่อาจยังไม่รู้ว่า ในเด็กผ่าคลอดมีความเสี่ยงต่อการมีพัฒนาการระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นที่ช้ากว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ ทำให้มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ และเจ็บป่วยได้บ่อยมาก รวมถึงมีความเสี่ยงด้านพัฒนาการทางสมองที่ช้าอีกด้วย

                          แนะนำว่าเด็กผ่าคลอดควรได้รับประทานนมแม่ตั้งแต่แรกคลอด ในน้ำนมแม่จะมีสารอาหารที่หลากหลายครบถ้วนมากกว่า 200 ชนิด ที่สำคัญน้ำนมแม่จะมีสารอาหารที่เรียกว่าสฟิงโกไมอีลิน ช่วยเรื่องสมองไว และจุลินทรีย์สุขภาพบีแล็กทิส ช่วยให้มีภูมิคุ้มกันแข็งแรง

                          นอกจากน้ำนมแม่ที่มีประโยชน์แล้ว ในเด็กที่ผ่าคลอดวัย 1 ขวบ ยังคงต้องได้ดื่มนมทุกวันต่อเนื่องจากนมแม่ ฉะนั้นแม่ผ่าคลอดต้องมีตัวช่วยเสริมในการเลี้ยงลูก กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จะมารีวิวนมผงสำหรับเด็ก สูตรที่ดีสำหรับเด็กผ่าคลอด

                          จากที่ไปสำรวจซูเปอร์มาร์เก็ตก็ได้ นม 3 แบรนด์นี้มาค่ะ  S-26 GOLD PRO-C3 , HI-Q Super Gold Plus C และ Enfagrow A+ MIND PRO ทั้งหมดนี้เป็นนมผงสำหรับเด็กสูตร 3 นะคะ สำหรับเด็กอายุ 1 ขวบขึ้นไป

                          เช็กสารอาหารสำคัญในกล่องนมผงเด็กสูตร 3

                          นมผง สูตร 3

                          นมผงสูตร 3 จากทั้ง 3 แบรนด์ ในหนึ่งกล่องอัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อพัฒนาการสมอง และพัฒนาการการเจริญเติบโตของเด็ก ๆ ได้ดีเลยค่ะ

                          นมผง

                          นมผงสูตร 3 S-26 GOLD PRO C ขนาด 550 กรัม 1 กล่อง ราคา  499  บาท

                          นมผงสูตร 3 HI-Q Super Gold Plus C

                          นมผงสูตร 3 HI-Q Super Gold Plus C ขนาด 600 กรัม ราคา 398 บาท

                          นมผงสูตร 3 Enfagrow A+ MIND PRO

                          นมผงสูตร 3 Enfagrow A+ MIND PRO ขนาด 500 กรัม ราคา 282 บาท

                          เด็กผ่าคลอดจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย สมองและระบบภูมิคุ้มกันอย่างเต็มที่และเร็วที่สุด ซึ่งนมผงสูตร 3 จากทั้ง 3 แบรนด์ก็มีไว้ให้อย่างคุ้มค่า คุ้มราคา คุณพ่อคุณแม่ลองพิจารณาดูสารอาหารกันดูนะคะ และสามารถหาซื้อได้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศค่ะ

                            D-nee Organic Sweet Dream Baby Lotion โลชั่นบำรุงผิวลูกน้อย ให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น พร้อมกลิ่นหอมผ่อนคลาย การันตีด้วยรางวัล ปี 2023

                            ลูกน้อยนอนหลับสบาย นอนหลับนาน แม่ต้องมีตัวช่วยค่ะ ขอแนะนำไอเทมถนอมผิวลูกที่ไม่ใช่แค่บำรุงผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้นมีสุขภาพผิวดีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ลูกนอนหลับได้ง่าย มีช่วงเวลาการนอนกลางวัน และกลางคืนที่หลับสนิท นอนได้ยาวนานขึ้น และนี่ก็คือเบบี้ โลชั่นบำรุงผิวลูกน้อย ที่ได้รับการันตีด้วยรางวัลการันตีสินค้าแม่ลูก ปี 2023 ให้คุณแม่ได้มีตัวช่วยพาลูกน้อยนอนหลับอย่างมีคุณภาพ จะได้ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น มีพัฒนาการการเรียนรู้ที่ไม่สะดุดไปกับทุกกิจกรรมสนุกค่ะ

                            การนอนหลับส่งผลต่อพัฒนาการการเรียนรู้ของลูกน้อยอย่างมากค่ะ ช่วงเวลาที่ลูกนอนหลับร่างกายและสมองจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายจะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้กลับมาสมบูรณ์ ร่างกายจะมีการสร้างภูมิต้านทานโรคให้ร่างกายแข็งแรง และขณะที่นอนหลับสนิทโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเด็ก จะผลิตออกมาจากต่อมใต้สมองได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นเมื่อลูกน้อยได้นอนหลับสนิทอย่างเต็มอิ่ม ตื่นขึ้นมาจะรู้สึกสดชื่นแจ่มใส มีอารมณ์ดี คิดอ่านเรียนรู้ได้อย่างหลักแหลม จดจำสิ่งต่าง ๆ ที่เรียนรู้ไปได้อย่างแม่นยำค่ะ

                            ผลเสียจากการนอนหลับได้ไม่ดี นอนไม่พอ นอนไม่อิ่ม

                            • เซื่องซึม ไม่กระปรี้กระเปร่า เรียนรู้ได้ไม่ค่อยดี
                            • พัฒนาการการเจริญเติบโตของร่างกายไม่สมวัย
                            • ภูมิต้านทานอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย ไม่สบายบ่อย
                            • หงุดหงิดง่าย มีอารมณ์ที่ไม่ค่อยดี ไม่รู้สึกกับสนุกกับทุกกิจกรรม

                            การส่งเสริมให้ลูกน้อยได้มีการนอนหลับที่ดี มีคุณภาพทั้งช่วงเวลาวัน และกลางคืน นอกจากจะต้องดูแลให้มีบรรยากาศในการนอนที่ดี ไม่มีอะไรมารบกวน ไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไปแล้วนั้น ยังมีอีกหนึ่งเคล็ดลับที่อย่างแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ นั่นก็คือการช่วยทำให้ลูกน้อยสบายผิวก่อนนอนค่ะ ด้วยการอาบน้ำและบำรุงผิวลูกด้วยการเบบี้ โลชั่นทุกครั้งค่ะ

                            เบบี้ โลชั่นสำหรับเด็กที่คุณแม่เลือกใช้ ควรมีเนื้อโลชั่นที่เบาสบายไม่เหนียวเหนอะหนะ ทาแล้วซึมซาบเข้าผิวได้อย่างรวดเร็วให้ความรู้สึกสบายผิว ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวไม่แห้งกร้าน ช่วยให้ผิวเนียนนุ่มสุขภาพดี และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ที่สำคัญต้องปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิวลูกน้อยด้วยนะคะ

                            โลชั่นบำรุงผิวลูก

                            Amarin Baby & Kids ยกให้ ดีนี่ ออร์แกนิค สวีทดรีม เบบี้ โลชั่นบำรุงผิวลูก เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับเด็ก ที่ได้รับรางวัล EDITOR’S CHOICE สาขา BEST NATURAL & ORGANIC SKINCARE จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

                            ดีนี่ ออร์แกนิค สวีทดรีม เบบี้ โลชั่น ไอเทมบำรุงผิวใหม่ ที่จะช่วยคุณพ่อคุณแม่จบความว้าวุ่นของการนอนไม่หลับให้กับลูกน้อยได้อย่างอยู่หมัด

                            ดีนี่ ออร์แกนิค สวีทดรีม เบบี้ โลชั่นตัวนี้ เป็นผลิตภัณฑ์ โลชั่นบำรุงผิวเด็ก ใน Smile Booster Series ซีรีส์ใหม่ล่าสุดจากดีนี่ ที่มาพร้อม Sweet Dream Tech เทคโนโลยีน้ำหอมเฉพาะจากดีนี่ ที่มีกลิ่นหอมผ่อนคลาย ช่วยให้ลูกน้อยนอนหลับสบายและยาวนานขึ้นค่ะ  พร้อมกับความเก๋ของคอลเลคชั่น Smile Booster คือได้มีการออกแบบให้มีความละมุน ชวนให้น่าหลงใหล ใช้แล้วนอนหลับฝันดี ด้วยการเพิ่มความสนุกให้คุณพ่อคุณแม่ได้สะสม ดีนี่ ออร์แกนิค สวีทดรีม เบบี้ โลชั่น กันถึง 4 ลายสวยของขวดผลิตภัณฑ์ด้วยค่ะ

                            ส่วนเรื่องคุณภาพหมดห่วงเลยค่ะ เพราะดีนี่จัดเต็มให้ตั้งแต่ส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติถึง 7 ชนิด พร้อมดอกลาเวนเดอร์ บำรุงผิวนุ่มชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อม ผสาน 3X ทริปเปิล เซราไมด์ มาเป็นเกราะป้องกันผิวจากความแห้งกร้าน ช่วยล็อคผิวให้ชุ่มชื้นได้อย่างยาวนาน ผิวแลดูเนียนนุ่ม ผ่านการทดสอบ Hypoallergenic Tested อ่อนโยนปลอดภัย ไม่ทำให้แพ้และระคายเคือง ปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพผิวลูกน้อย เพราะปราศจากสารพาราเบน กูลเตน และสีสังเคราะห์

                            โลชั่นบำรุงผิวลูก

                            5 ความพิเศษสุดว้าวของ ดีนี่ ออร์แกนิค สวีทดรีม เบบี้ โลชั่น Smile Booster Series

                            • 100% ออร์แกนิค คาโมมายล์ ออยล์
                            • กลิ่นหอมผ่อนคลายด้วย Sweet Dream Tech
                            • 3X ทริปเปิล เซราไมด์ ล็อคผิวชุ่มชื้น ยาวนาน
                            • ผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญ อ่อนโยน ไม่แพ้
                            • เนื้อโลชั่น ซึมไว ไม่เหนอะหนะ

                            ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดนี้ของผลิตภัณฑ์จาก ดีนี่ ออร์แกนิค สวีทดรีม เบบี้ โลชั่น ทาง Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จึงคัดเลือกให้  D-nee Organic Sweet Dream Baby Lotion ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา BEST NATURAL & ORGANIC SKINCARE จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023”

                            หากคุณพ่อคุณแม่สนใจ ดีนี่ ออร์แกนิค สวีทดรีม เบบี้ โลชั่น Smile Booster Series สามารถสอบถามและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

                            D-nee Facebook: www.facebook.com/DneeThailand

                            D-nee Line Official Account: @Dneethailand https://bzbs.co/dnee-register

                             

                            อ่านบทความน่าสนใจอื่นๆ 

                            https://www.amarinbabyandkids.com/awards-2023/baby-toiletries-2023/

                              บาลานซ์ น้ำนมข้าวออร์แกนิก

                              แม่ท้อง ดื่มนมอะไรได้บ้าง นม แบบไหนดื่มแล้วดีต่อสุขภาพ

                              ถูกใจคนรักสุขภาพที่สุด เพราะเดี๋ยวนี้มีนมเพื่อสุขภาพออกมาให้เลือกดื่มหลากหลายมากขึ้น แต่ “นม” ที่ดื่มได้ทั้งครอบครัว เด็กดื่มได้ แม่ท้องดื่มดี กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids แนะนำว่าต้องกล่องนี้ค่ะ >> บาลานซ์ น้ำนมข้าวออร์แกนิก เป็นไอเทมเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ อยากให้ทุกคนได้ดื่มกันทุกวันค่ะ

                              กินดี ร่างกายก็แข็งแรง…

                              สุขภาพที่ดีต้องแข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก การจะทำให้ระบบเซลล์ ระบบเลือด ระบบอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายมีสมดุลที่ดี มีความแข็งแรง จนส่งผลออกมาภายนอก ช่วยทำให้ผม ผิวพรรณ หน้าตาสดใส กระดูกไม่พรุน มีสายตาดี เป็นต้น ล้วนมาจากโภชนาการสารอาหารที่รับประทานเข้าไปส่วนหนึ่ง บวกกับการได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ

                              สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ อาหารที่รับประทานในแต่ละวัน แต่ละมื้อ ควรต้องเป็นอาหารที่ปรุงสุก สดใหม่จากวัตถุดิบที่สะอาด ปลอดภัย และก็ต้องครบคุณค่าสารอาหาร 5 หมู่ด้วยนะคะ

                              และนอกจากอาหารมื้อหลักแล้ว คุณแม่ยังสามารถเพิ่มเติมระหว่างวัน หรือระหว่างมื้ออาหาร ด้วยเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ นั่นก็คือ บาลานซ์ น้ำนมข้าวออร์แกนิก จากใจเลยค่ะ เป็นเครื่องดื่มที่ดีกับสุขภาพคุณแม่ท้องมาก ๆ อันนี้คอนเฟิร์ม เพราะตัวเองก็กำลังตั้งครรภ์อยู่เหมือนกันค่ะ แล้วก็ดื่มบาลานซ์ น้ำนมข้าวออร์แกนิกทุกวัน อะไรที่ดีมีประโยชน์ กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids แนะนำเลยค่ะ

                              จากประสบการณ์ของตัวเอง และจากเพื่อน ๆ ที่เป็นคุณแม่ท้อง มีความเห็นว่า คนท้องจะต้องการแคลเซียมมากกว่าคนทั่วไป และมักจะรู้สึกโหยช่วงบ่าย ๆ ถ้าไม่อยากกินอะไรหนักท้องมากเกินไป เพราะเดี๋ยวก็ต้องทานมื้อเย็นกันแล้ว ช่วงบ่ายของแม่ท้อง ดื่มบาลานซ์ น้ำนมข้าวออร์แกนิก สัก 1 กล่อง พร้อมผลไม้ 4-5 ชิ้น อิ่มเบา ๆ ได้แคลเซียมและใยอาหาร ที่สำคัญสบายท้องที่สุดเลยล่ะค่ะ

                              บาลานซ์ น้ำนมข้าวออร์แกนิก ประโยชน์ที่ดีกับสุขภาพแม่ท้อง

                              ใครที่เคยสอบถามเข้ามาว่าช่วยแนะนำ นมคนท้อง ให้หน่อย ที่ไม่เสี่ยงทำให้ให้ลูกในท้องแพ้ จากการดื่มนมของแม่ตอนท้อง ก็ต้องกล่องนี้เลยค่ะ

                              บาลานซ์ น้ำนมข้าวออร์แกนิก มีให้เลือกอร่อยถึง 3 รสชาติ

                              บาลานซ์ น้ำนมข้าวออร์แกนิก
                              น้ำนมข้าวไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิก

                               

                              น้ำนมข้าวกล้องออร์แกนิก รสวานิลลา
                              น้ำนมข้าวกล้องออร์แกนิก รสวานิลลา

                               

                              น้ำนมข้าวกล้องออร์แกนิก รสธรรมชาติไม่เติมน้ำตาล
                              น้ำนมข้าวกล้องออร์แกนิก รสธรรมชาติไม่เติมน้ำตาล

                              ความหอม อร่อยกลมกล่อมของ บาลานซ์ น้ำนมข้ามออร์แกนิก ว่าถูกใจแล้ว พอมาดูข้อมูลผลิตภัณฑ์แล้ว แม่ให้ 10 10 10 เลยค่ะคุ๊ณ!! ดื่มแล้วไม่ทำร้ายสุขภาพแม่ สุขภาพลูกในท้อง ดื่มแล้วสามารถป้องกันการแพ้นมวัวของลูกน้อยอีกด้วย เพราะไม่มีส่วนผสมของนมวัว  ไม่มีแลคโตส  ไม่มีกลูเตน  ไม่มีถั่วเหลือง ที่สำคัญไม่มีสารก่อภูมิแพ้ยอดฮิต 8 ชนิด ได้แก่
                              1. ไข่
                              2. นมวัว
                              3. ข้าวสาลี
                              4. ถั่วลิสง
                              5. ถั่วเปลือกแข็ง
                              6. ปลา
                              7. ถั่วเหลือง
                              8.สัตว์น้ำที่มีเปลือก เช่น กุ้ง ปู หอย

                              คุ้มค่า อร่อยได้ประโยชน์เต็มกล่องแบบนี้ ไม่อยากให้พลาดซื้อมาดื่มกันนะคะ อ่อ!! แล้วก็ไม่ได้ดื่มแค่เฉพาะแม่ท้องเท่านั้นนะคะ เพราะไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุในบ้าน ก็ดื่มน้ำนมข้าวออร์แกนิก บาลานซ์กล่องนี้ได้เหมือนกัน เขาคิดค้นมาเพื่อทุกคน รวมถึงคนท้องดื่มแล้วดีต่อสุขภาพค่ะ

                              บาลานซ์ น้ำนมข้าวออร์แกนิก หอมอร่อย ดื่มง่าย แคลอรี่ต่ำ น้ำตาลน้อย มีแคลเซียมสูงจากสาหร่ายธรรมชาติ ทำให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ดีกว่าแคลเซียมทั่วไปถึง  2 เท่า ปลอดภัยไร้สารเคมี คัดสรรวัตถุดิบออร์แกนิกแท้ ๆ เจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทย ที่ได้รับรองมาตรฐานออร์แกนิก USDA ของสหรัฐอเมริกาและยุโรป ว้าว!! สุดยอดมาก ๆ เลยค่ะ

                              ขออธิบายเพิ่มถึงความดีงามของสาหร่ายที่เป็นหนึ่งในส่วนประกอบของบาลานซ์ น้ำนมข้าวออร์แกนิก ไม่ใช่สาหร่ายธรรมดาทั่วไปนะคะ แต่เป็นสาหร่ายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอัญมณีใต้สมุทร สาหร่ายชนิดนี้คือ สาหร่ายลิโธธามเนียน (Lithothamnion) ที่อุดมด้วยแคลเซียมสูง เป็นแคลเซียมธรรมชาติที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยบำรุงเสริมกระดูกให้แข็งแรง และอีกหนึ่งส่วนประกอบก็คือ น้ำนมข้าวกล้อง ที่คัดสรรมาจากข้าวกล้องออร์แกนิก ปลูกและผลิตโดยไม่ใช้สารเคมีใด ๆ ค่ะ ข้าวกล้องประกอบไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกายชนิดอื่น ๆ เช่น แมงกานีส ซิลิเนียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส กรดโฟเลต ไทอามีน ไนอาซิน วิตามินบี 6 เหล็ก และสังกะสี ข้าวกล้องมีประโยชน์ต่อร่างกายในการช่วยนำพลังงานจากอาหารมาใช้ในร่างกายและช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง รวมถึงไฟเบอร์ ซึ่งช่วยทำให้อิ่มท้อง กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ส่งผลดีต่อระบบขับถ่าย และช่วยแก้ปัญหาท้องผูก

                              คนท้องไม่ใช่คนป่วย แต่ถ้ากินไม่ดีตอนท้องก็อาจทำให้เสี่ยงเจ็บป่วยได้ ฉะนั้นอยากให้คุณแม่ท้องใส่ใจอาหารการกิน ที่ต้องแน่ใจได้จริง ๆ ว่า เครื่องดื่ม หรืออาหารที่รับประทานเข้าสู่ร่างกายนั้น จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของแม่และทารกน้อยในครรภ์ !!

                              บาลานซ์ น้ำนมข้าวออร์แกนิก

                              ชี้เป้าไปช้อป  Balance Organic Rice Drink มาดื่มเพื่อการสุขภาพที่ดีกันทั้งครอบครัว ได้ที่นี่ค่ะ
                              Lotus’s / BigC / ใบเมี่ยง ห้างสรรพสินค้าชั้นนำและร้านค้าสุขภาพ

                              หรือร้านค้าทางการของแบรนด์ ทาง Shopee/Lazada ค้นหาว่า 4 Care Store

                              เว็บไซต์ : https://4care.co.th

                              Facebook :  BALANCEby4CARE

                              IG : BALANCE_by4CARE

                              Tiktok : 4.care.official

                                ช้อปปี้

                                ช้อปปี้ ตอกย้ำความเป็นผู้นำคอมเมิร์ซอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค การันตีด้วยเหล่ารางวัลอันทรงพลัง พร้อมเดินหน้าเติมเต็มอีโคซิสเต็มอย่างยั่งยืน

                                จากที่ ช้อปปี้ ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวันเคียงข้างผู้ใช้งานมาตลอดระยะเวลากว่า 7 ปี ผ่านความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ สนับสนุน และผลักดันให้เกิดความสำเร็จในทุกแง่มุมให้แก่ผู้ใช้งาน ผู้ขาย แบรนด์ และพันธมิตรคนสำคัญมากมาย รวมไปถึงพนักงานขององค์กร เพื่อเดินทางไปสู่จุดหมายซึ่งเป็นพันธกิจของช้อปปี้ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนมาโดยตลอด ทำให้ช้อปปี้ของเราได้รับการกล่าวขานผ่านรางวัลทรงคุณภาพต่างๆมากมาย ในหลากหลายสาขา ทั้งฝั่งแบรนด์ดิ้งและฝั่งทรัพยากรบุคคล

                                สุชญา ปาลีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด ช้อปปี้ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “การมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งาน ทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย และเหล่าแบรนด์พันธมิตร สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของช้อปปี้ในการเสริมสร้างแบรนด์และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงเท่านี้ สำหรับช้อปปี้เองก็ยังคงให้ความสำคัญกับทรัพยากรบุคคล เพราะพนักงานเป็นกำลังสำคัญในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่ช้อปปี้และแวดวงอีคอมเมิร์ซไทย เราขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เล็งเห็นถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นของเราผ่านรางวัลอันทรงเกียรติในแขนงต่างๆ ท้ายนี้ เราจะยังคงเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มและส่งเสริมบุคลากรของเราให้เติบโตอย่างยั่งยืนและสามารถช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตอย่างดีที่สุด”

                                 

                                ถ่ายทอดความสำเร็จผ่าน 4 รางวัลอันทรงพลัง

                                 

                                รางวัลด้านความเป็นเลิศทางด้านทรัพยากรบุคคล

                                ช้อปปี้ ถือเป็นองค์กรที่เหล่าคนทำงานรุ่นใหม่ให้ความสนใจ  จากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่ท้าทายในวัฒนธรรมที่สนุกสนาน เพื่อนร่วมงานที่เชี่ยวชาญจากหลากหลายประสบการณ์มาทำงานร่วมกัน  และที่สำคัญ ปีนี้ช้อปปี้เน้นเรื่อง Internal Career Opportunity ให้พนักงานได้เติบโตทางการงานในมุมที่หลากหลายยิ่งขึ้น เรียกว่าทุกคนสามารถเติบโตไปพร้อมๆกับองค์กรได้เลย

                                • 1 ใน 50 องค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วยมากที่สุด ปี 2566 โดย WorkVenture ในปีนี้ช้อปปี้ยังคงมุ่งมั่นที่จะแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้นำตลาดและเป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือ ซึ่งจะช่วยให้พนักงาน ผู้บริโภคและธุรกิจเติบโตในระบบนิเวศดิจิทัลที่ครอบคลุมและยั่งยืน พร้อมทั้งยังแบ่งปันเรื่องราวการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์หลายประเภทธุรกิจในการพัฒนานวัตกรรมตาม ภารกิจของเราเพื่อที่จะพัฒนาและสร้างความแตกต่างให้กับผู้ขายและผู้ใช้ทุกท่าน

                                 

                                • ‘QMAC Thailand Most Attractive Companies 2566’ เปิดผลสำรวจพร้อมประกาศรางวัลครั้งยิ่งใหญ่ 55 บริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วย โดยช้อปปี้ติดอันดับ 5 ในฐานะที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วย อีกทั้งยังเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ติด 1 ใน 5 สำหรับปีนี้อีกด้วย

                                 

                                สร้างความเชื่อมั่น สรรค์สร้างความครีเอทีฟด้วยรางวัลแบรนด์ดิ้งคุณภาพ 

                                หากเราพูดถึง “ความครีเอทีฟ ความคิดสร้างสรรค์” ช้อปปี้ก็คงเป็นแบรนด์อันดับต้นๆ ที่ผู้ใช้งานนึกถึง  ในฐานะแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เราได้รับฟังความต้องการของผู้บริโภคและเสิร์ฟคอนเท้นต์ดีๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างไร้ขีดจำกัด ทำให้ ช้อปปี้ได้รับรางวัลความโดดเด่นด้านแบรนด์ดิ้งอย่างเสมอมา และด้วยความพยายามและตั้งใจของช้อปปี้ ทำให้เราได้รับเหล่ารางวัลที่สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ทีมงานของช้อปปี้

                                • Thailand Social Awards: ช้อปปี้ ยังคงเป็นผู้นำในเรื่องของการทำคอนเท้นต์ ด้วยการสรรค์สร้างผลงานอันโดดเด่นผ่านสื่อโซเชียลมีเดียในทุกแง่มุม ทำให้ช้อปปี้ได้รับรางวัลชนะเลิศ 5 ปีซ้อนในสาขา Best Brand Performance On Social Media จาก Thailand Social Awards งานประกาศรางวัลโซเชียลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์และพัฒนาคอนเท้นต์ดีๆให้ตรงใจและถูกใจผู้ใช้งานมากขึ้น พร้อมทั้งจะรับฟังข้อคิดเห็นเพื่อพัฒนาและต่อยอดเพื่อให้ทุกคนได้รับประสบการช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดีที่สุดควบคู่กับความบันเทิงจากหลากหลายคอนเท้นต์บนช้อปปี้
                                • แบรนด์ที่มีพลังบันดาลใจให้กับคนไทยปี 2566 โดย Wunderman Thompson: ช้อปปี้ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนไทยในปี 2566 และรั้งอันดับ 1 ในหมวดอีคอมเมิร์ซจากรายงาน “Inspiring Growth” ของ Wunderman Thompson Thailand แบรนด์ที่มีพลังบันดาลใจ คือแบรนด์ที่ประกอบด้วยกัน 3 ประการ ได้แก่การยกระดับชีวิตและจิตใจ มีพลังดึงดูด และสร้างแรงกระตุ้น ซึ่งถือเป็นพลังบันดาลใจสามารถขับเคลื่อนความเติบโตของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

                                 

                                พร้อมเดินหน้าส่งเสริมและสนับสนุนผู้ซื้อ ผู้ขายให้เติบโตอย่างมีนัยยะ

                                ช้อปปี้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานชาวไทยอย่างดีที่สุด ทั้งในแง่ของผู้ซื้อและผู้ขาย  พร้อมเสริมความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำด้านอีคอมเมิร์ซ เพื่อสร้างความยั่งยืนและความยืดหยุ่นทางดิจิทัล ยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดีที่สุดในทุกแขนง

                                • มอบประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ดีที่สุดให้นักช้อป: นักช้อปยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดีที่สุดให้กับนักช้อปชาวไทย ผ่านแคมเปญต่างๆ ในทุกเดือนผ่านโปรโมชั่นและดีลมากมาย และครอบคลุมหลากหลายหมวดหมู่สินค้า มามอบให้อย่างจัดเต็ม พร้อมทั้งยังมอบประสบการณ์ทางความบันเทิงผ่านกิจกรรมทางการตลาดต่างๆมากมายตลอดทั้งปี
                                • ส่งเสริมและสร้างการเติบโตให้เกิดแก่ผู้ประกอบการ: ในปัจจุบัน มีร้านค้าและแบรนด์ชั้นนำเข้ามาเปิดร้านบนช้อปปี้เป็นจำนวนมาก ช้อปปี้ ในฐานะแพลตฟอร์มที่เป็นผู้สร้างโลกแห่งอีคอมเมิร์ซให้เป็นพื้นที่ของทุกคนและยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโตด้านการซื้อขายบนอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย พร้อมทั้งยังคงเดินหน้าที่จะสนับสนุนแบรนด์พันธมิตรและส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยสามารถ พัฒนาองค์ความรู้ในด้านการทำธุรกิจบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซให้เติบโตไปพร้อมกันผ่านโครงการและการเทรนนิ่งจากเครื่องมือทางการตลาด อาทิ Shopee University, Certified Shopee Expert Program (CSEP) , Shopee International Platform

                                 

                                ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันช้อปปี้ได้ฟรีจาก App Store, Google Play Store และ App Gallery

                                 

                                ##############################

                                 

                                เกี่ยวกับ Shopee (ช้อปปี้)
                                Shopee เป็นผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน ทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อระหว่าง ผู้บริโภค แบรนด์ และผู้ขายในทั่วภูมิภาคเอเชียและในตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างรวดเร็ว เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนสามารถซื้อ-ขายได้อย่างสะดวกสบายทุกที่ทุกเวลา
                                Shopee ส่งมอบความสะดวกสบาย ปลอดภัย และสร้างประสบการณ์ร่วมกับผู้ใช้งานหลายล้านคนให้มีความเพลิดเพลินกับการเข้าใช้งานบนแพลตฟอร์มของเราในทุกๆวัน ด้วยการนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย พร้อมด้วยระบบการชำระเงินและการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ รวมถึงการสร้างความบันเทิงผ่านหลากหลายฟีเจอร์ที่คัดสรรมาเพื่อตอบสนองต่อผู้ใช้งานในแต่ละตลาดโดยเฉพาะ ขณะเดียวกัน Shopee เข้ามามีส่วนร่วมสำคัญในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลระดับภูมิภาค ด้วยมีความมุ่งมั่นในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการและแบรนด์สินค้าต่างๆ สามารถบรรลุเป้าหมายและประสบผลสำเร็จได้ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
                                Shopee อยู่ในกลุ่มของ บริษัท Sea (NYSE:SE) ผู้นำทางด้านเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตเพื่อผู้ใช้งานในระดับโลก นอกเหนือจาก Shopee แล้ว Sea ยังมีธุรกิจหลักครอบคลุมทั้งในส่วนดิจิทัล เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ภายใต้ชื่อ การีนา และ บริการด้านการเงินแบบดิจิทัลภายใต้ชื่อ ซีมันนี่ Sea มีพันธกิจที่จะมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค และผู้ประกอบการรายย่อยให้ดียิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีอันล้ำหน้า

                                  แดดแรงขนาดนี้แม่ต้องสู้ มาชวนคุยเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับรังสี UV พร้อมสู้แดดไทยพุ่ง 43 องศา แบบตัวมารดา!

                                    “ประเทศไทยร้อนมาก!” ถือเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่ต้องเสียเวลาพิสูจน์ให้เหนื่อย ยิ่งโดยเฉพาะการพาลูกออกไปเล่นกิจกรรมนอกบ้าน แม่จะหยุดสวยไม่ได้

                                  แต่นอกจากอากาศที่ร้อนและแสงแดด แผดเผาที่เราสัมผัสได้ด้วยตัวเองแล้ว ค่า UV Index ประเทศไทยของเรายังสูงไม่แพ้ใครอีกด้วย ค่า UV Index นั้นคือการแผ่รังสีอัลตราไวโอเลตลงมายังพื้นผิวโลก มีตั้งแต่ระดับ 1 ไปจนถึง 12 โดยปกติแดดเมืองไทยมีค่าเฉลี่ย UV Index สูงอยู่แล้ว แต่ถ้าเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤษภาคม จะอยู่ที่ระดับความรุนแรงสูงสุดตามที่องค์การอนามัยโลกระบุ ที่ 11 – 12 เลยทีเดียว เรียกว่าแดดเมืองไทยไม่ได้มาเล่นๆ แต่มาแบบเล่นใหญ่ไม่แพ้ชาติได้ในโลก จนหลายประเทศต้องเตือนนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวประเทศไทยให้หาทางป้องกันแดดให้ดีเพื่อลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งผิวหนัง

                                  ในเมื่อแดดเมืองไทยเขาพีคไม่เกรงใจขนาดนี้ ถ้าต้องการปกป้องผิวจากแสงแดดตัวจี๊ดให้อยู่หมัดก็ต้องปกป้องแบบตัวมัม สู้ด้วยความรู้ความเข้าใจแบบยืนหนึ่ง วันฝุ่นมาพายุฤดูร้อนเข้าแปลว่าไม่มีรังสี UV จริงหรือเปล่า? อยู่ในร่มไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดก็ได้จริงไหม? สวยแบบผิวแทนสายฝอก็ไม่ต้องใช้กันแดดจริงดิ? วันนี้ MISTINE จะชวนทุกคนมาแก้ความเข้าใจผิดๆ แล้วรีบเข้าใจใหม่เพื่อให้ฤดูร้อนนี้หาทางป้องกันแดดและรังสี UV อย่างถูกวิธีแบบตัวมารดาสุดปังไปพร้อมกัน เริ่มเลอ!

                                  เรื่องเข้าใจผิดที่ต้องรีบเข้าใจใหม่ในหน้าร้อนนี้ ถ้าคิดจะรับมือกับ UV ตัวจี๊ดในไทย

                                  วันฝุ่นเยอะ วันมีเมฆ สวยเชิดได้แม้ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดจริงหรือ? หลายคนเข้าใจว่าวันที่ท้องฟ้ามีเมฆมากหรือวันที่ PM2.5 บุกจนส่งผลให้อากาศขมุกขมัว แดดส่องลงมาไม่ถึงพื้นดินก็แปลว่าสบายใจได้ ไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์
                                  กันแดดแล้ว แต่จริง ๆ แล้วแม้เป็นวันที่ดูไม่มีแสงแดดแผดเผา แต่รังสี UV ยังมีอยู่! โดยเมฆบางชนิดอาจกั้นรังสี UV ไว้ได้บ้าง แต่รังสี UV ก็ยังทำร้ายผิวได้อยู่ นอกจากนี้ ผิวยังอาจเกิดอาการแสบไหม้จากแสงอาทิตย์ได้ง่ายขึ้นเพราะขาดสัญญาณเตือนจากความร้อนที่เกิดจากรังสีอินฟราเรด ซึ่งถูกไอน้ำในเมฆดูดซึมไปเกือบทั้งหมด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นวันฝุ่นมา ฟ้าหม่น วันฝนตกพายุฤดูร้อนเข้าก็ไม่ควรวางใจ ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดเพื่อปกป้องผิวในทุกวันชัวร์กว่า

                                   อยู่แต่ในร่ม แปลว่ารอดเพราะแสงแดดส่องมาไม่ถึง จริงไหม? เพราะฤดูร้อนหมายถึงการไม่อยากออกไป
                                  ฝ่าแดดที่ไหนทำให้คนส่วนใหญ่เลือกเปิดเครื่องปรับอากาศใช้ชีวิตสบายใจในที่ร่ม จนเผลอคิดว่าที่ก็ร่ม แอร์ก็เย็น ไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดก็ได้ แม้แสงแดดโดยตรงและรังสี UVB อาจเข้ามาไม่ถึงในที่ร่ม แต่รังสี UVA อาจเล็ดลอดเข้ามาได้! และรังสี UVA นี่เองที่เป็นสาเหตุสำคัญในการทำร้ายผิวหนังของเรา ไม่เพียงเท่านั้น ในอาคารยังมีแสงไฟและแสงจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย เพราะฉะนั้นต่อให้อยู่ในที่ร่มทั้งวัน ก็ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดเพื่อป้องกันดีกว่ามาตามแก้ให้เสียใจทีหลังแน่นอน 

                                           อยากสวยแบบสายฝอ ขอมีผิวสีแทนฉ่ำ ผลิตภัณฑ์กันแดดจึงไม่จำเป็น จริงหรือเปล่า? ต้องเข้าใจก่อนว่าการมีผิวเข้มสุขภาพดีตามต้องการนั้น แตกต่างจากการถูกแดดทำร้ายจนผิวไหม้คล้ำเสีย ดังนั้นใครที่เข้าใจว่าอยากมี
                                  ผิวแทนสวยแบบสายฝอก็ไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดนั้นผิดถนัด! ยิ่งต้องการผิวเข้มฉ่ำ สุขภาพดีและทำให้อาบแดดได้นานขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดเป็นสิ่งสำคัญและอย่าลืมทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง ที่สำคัญถ้าคิดจะอาบแดดฤดูร้อนในประเทศไทยควรอาบก่อนเก้าโมงเช้าและหลังสี่โมงเย็นไปแล้ว ไม่เช่นนั้นรังสี UV อาจนำพาความแห้งกร้านและริ้วรอยก่อนวัยมาเป็นของแถม หรือร้ายแรงถึงขั้นเสี่ยงต่อโรคมะเร็งผิวหนังเลยทีเดียว

                                  กันแดดหน้าร้อนต้อง #กันแดดหมวกเหลือง MISTINE Aqua Base Ultra Protection Matte & Light Facial Sunscreen Pro SPF50+ PA++++ กันแดดหน้าไม่เทา! เพราะบางเบาไม่เหนอะหนะ

                                  MISTINE Aqua Base Ultra Protection Matte & Light Facial Sunscreen Pro SPF50+ PA++++ หรือ #กันแดดหมวกเหลือง ถือเป็นโลชั่นกันแดดที่ตอบโจทย์กันแดดหน้าร้อนสำหรับคนไทยได้ครอบคลุม ด้วยเนื้อสัมผัสที่บางเบา
                                  ไม่เหนอะหนะ ทาแล้วหน้าไม่เทา ด้วยเทคโนโลยีพิเศษ Aquamatte Technology ที่คิดมาเพื่อฤดูร้อนแบบไทยๆ ทำให้ทาแล้วเบาสบายไปกับผิวเหมือนไม่ได้ทาเพราะซึมง่ายกว่าสูตรเดิม ที่สำคัญมาพร้อม UV Protectors ที่ช่วยปกป้องผิวจาก
                                  ทั้งรังสี UVA และ UVB ปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ว่าฤดูร้อนนี้จะอยู่ในที่ร่มหรือกลางแจ้งก็มั่นใจได้แน่นอน ถือเป็นผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีคุณภาพแน่นแต่เนื้อบางเบาเหมาะสำหรับทุกวัน ใช้ทุกวันอยู่บ้านก็สบายผิว หรือหน้าร้อนนี้ใครจะออกทริปลงทะเลดำน้ำฉ่ำใจก็ยิ่งไม่ต้องกังวลเพราะ กันแดดหมวกเหลือง ไม่มีส่วนประกอบสารเคมี 4 ชนิด ที่เป็นอันตรายหรือทำร้ายปะการัง รักษาผิวแบบตัวแม่ และแคร์สิ่งแวดล้อมได้พร้อมกัน ยิ่งไปกว่านั้น กันแดดหมวกเหลืองตัวนี้ ยังได้รับการรับรองจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หรือ ทช. ว่าปลอดภัยจริง ๆ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมทางทะเลแน่นอน

                                    Tags

                                    เรื่องนี้แม่ต้องรู้ กับ “New SofTouch” นวัตกรรมจุกนมเจเนอเรชั่นใหม่จาก Pigeon ตัวช่วยการให้นมแม่เป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น

                                    เพราะน้ำนมแม่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารก และเด็กเล็ก ดังนั้น การเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่จึงได้มีการส่งเสริม สนับสนุนให้คุณแม่มีความรู้ ความเข้าใจในการให้นมแม่มากขึ้น

                                    นอกจากนี้การให้น้ำนมแม่ยังมีผลดีต่อสุขภาพและสร้างความผูกพันระหว่างแม่และลูกน้อย บทบาทของแม่ในการเลี้ยงดูลูกจึงมีความสำคัญ และท้าทายมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากวิถีชีวิตและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้คุณแม่ยุคใหม่ต้องทำงานและเลี้ยงดูลูกไปพร้อมกัน ซึ่งทำให้แม่ต้องจัดการเวลาให้สมดุลระหว่างการทำงานและการดูแลลูกให้ดีที่สุด เพื่อให้ลูกได้รับการเลี้ยงดูที่เหมาะสม มีสุขภาพดี และสุขอนามัยที่ถูกสุขลักษณะ

                                    พีเจ้น (Pigeon) แบรนด์อันดับหนึ่งที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากกลุ่มผลิตภัณฑ์แม่และเด็กทั่วโลก รวมถึงครองตำแหน่งผู้นำตลาดในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน มีปณิธานในการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ด้วยการคิดค้นและวิจัยผลิตภัณฑ์ที่สามารถสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นแบรนด์แรก และแบรนด์เดียวที่ได้พัฒนานวัตกรรมจุกนมเสมือนนมมารดา จนได้รับการยอมรับจากคุณแม่ทั่วโลก และพีเจ้นยังคงวิจัยและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ดียิ่งขึ้น จึงได้พัฒนาจุกนมนวัตกรรมรุ่นใหม่ “New SofTouch จุกเสมือนนมมารดาที่ดีที่สุดจากพีเจ้น” ที่ออกแบบมาเพื่อให้เสมือนกับการดูดนมของทารกจากอกแม่ ด้วยคุณสมบัติของจุกนมที่ออกแบบให้มีเส้นกำหนดตำแหน่งริมฝีปากที่เหมาะสม มีความนุ่มมากเป็นพิเศษ ยึดหยุ่นได้ดี และมีระบบป้องกันอาการโคลิก จึงช่วยทำให้ลูกน้อยสามารถดูดนมได้อย่างเป็นธรรมชาติ มีความรู้สึกใกล้เคียงกับการดูดนมจากอกแม่มากที่สุด และยังช่วยให้การให้นมสลับกับการให้นมจากอกแม่ได้อย่างราบรื่น ไม่สับสน และมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น

                                    นางสาวสุวรรณา โชคดีอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มุ่งพัฒนา อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ พีเจ้น แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กล่าวว่า “น้ำนมแม่มีปริมาณและส่วนประกอบที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก เพราะในน้ำนมแม่ประกอบไปด้วยโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต และวิตามินต่างๆ ที่ช่วยให้ร่างกายของเด็กได้รับภูมิคุ้มกัน สารอาหารที่สำคัญและเพียงพอต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการ จึงทำให้พีเจ้นให้ความสำคัญ และใส่ใจเป็นอย่างมากต่อการวิจัย และพัฒนาทุกผลิตภัณฑ์ เพื่อสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่มาอย่างต่อเนื่อง ยาวนานกว่า 60 ปี พีเจ้นเข้าใจถึงความสำคัญของการดูแลทารกและเด็กเล็ก พร้อมให้ความช่วยเหลือคุณแม่ในการดูแลลูกในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกของเส้นทางการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เราจึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์จุกนมนวัตกรรมรุ่นใหม่ล่าสุด SofTouch ขึ้น โดยคิดค้นวิจัยจากพฤติกรรมการดูดนมของลูกน้อย เพื่อให้ผลิตภัณฑ์จุกนมพีเจ้น ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้แม่ยุคใหม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างราบรื่นตลอดระยะเวลาการให้นมแม่ เพราะน้ำนมแม่เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับลูกน้อย ที่เราควรสนับสนุนส่งเสริมให้คุณแม่ได้รับความสะดวกมากขึ้นในการให้นมแม่ในวิถีการใช้ชีวิตยุคปัจจุบัน

                                     

                                    นายซาโตชิ โคยามะ นักออกแบบผลิตภัณฑ์อาวุโส สายงานวิจัยและพัฒนา พีเจ้น คอร์ปอเรชั่น เผยผลการวิจัยของ    พีเจ้น ประเทศญี่ปุ่น ที่ระบุว่าทารกที่กินนมแม่จะมีพฤติกรรมตามธรรมชาติที่จะใช้ริมฝีปากครอบบริเวณจุกนมจนถึงลานนม และสามารถดูดนมแม่เข้าไปในปากได้ลึกในตำแหน่งที่เหมาะสม และแนบกับเต้านมของแม่ ป้องกันการรั่วไหลของน้ำนม นอกจากนี้ยังพบว่าหัวนมของแม่สามารถยืดออกได้มากกว่าความยาวปกติในจังหวะการดูดนมของของทารก ดังนั้น พีเจ้น จึงได้ทำการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมจุกเสมือนนมมารดา  SofTouch รุ่นใหม่ เจนเนอเรชันที่ 3 เพื่อเลียนแบบการเคลื่อนไหวการดูดนมตามธรรมชาติของทารก ตั้งแต่การอม รีด และกลืน เมื่อดูดนมจากอกแม่ โดยออกแบบให้มี “Latch-on Line” หรือ เส้นกำหนดตำแหน่งริมฝีปาก เพื่อบ่งบอกระดับความลึกที่ทารกควรดูดนมโดยประมาณ มาพร้อมโครงสร้างของจุกนม ที่ช่วยให้ทารกสามารถดูดน้ำนมได้ง่ายขึ้น ซึ่งจุกนม SofTouch รุ่นใหม่ จะยังคงอยู่ในตำแหน่งเดียวกับการให้นมจากอกแม่ เพื่อเพิ่มการดูดนมที่ดีและมีประสิทธิภาพไม่ว่าทารกจะมีขนาดปากที่แตกต่างกัน

                                    นอกจากนี้จุกเสมือนนมมารดา SofTouch รุ่นใหม่ยังใช้ซิลิโคนที่นุ่มขึ้น เพื่อช่วยให้ลิ้นของทารกเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่น และนุ่มนวล อีกทั้งจุกนมจะเปลี่ยนรูปตามจังหวะการดูด เพื่อไม่ให้ขัดขวางและช่วยการเคลื่อนไหวของลิ้นตามธรรมชาติของทารก โดยได้รับการออกแบบอย่างตั้งใจให้ใกล้เคียงกับความนุ่มของเต้านมแม่มากที่สุด ช่วยให้การสลับระหว่างการให้นมจากอกแม่และการให้นมผ่านขวดนมของพีเจ้น เป็นไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น และสามารถใช้ร่วมกับกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็กอื่นๆ ของพีเจ้น ได้อย่างครบวงจร เช่น อุปกรณ์ปั๊มนม ถุงเก็บน้ำนม และผลิตภัณฑ์สำหรับล้างและทำความสะอาดขวดนม เป็นต้น เพื่อสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดจากพีเจ้น”

                                    นอกเหนือจากนวัตกรรมจุกนมรุ่นใหม่ พีเจ้น ยังคงเดินหน้าแผนการตลาด และสร้างสรรค์กิจกรรม เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณแม่ยุคใหม่ ด้วยการเปิดตัว Howapipi (โฮวาปีปี้) แมสคอตของแบรนด์เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยคาแรคเตอร์ที่อ่อนโยน อบอุ่น แสนน่ารักในโทนสีขาว-เทา ซึ่งจะปรากฏบนผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของพีเจ้น เช่น ขวดนมสีชา วัสดุ PPSU ที่มีคุณภาพสูง ได้รับความนิยม และไว้วางใจสูงสุดในกลุ่มแม่ยุคใหม่ เพื่อเพิ่มความสดใส และความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยจุกเสมือนนมมารดา SofTouch ได้เริ่มวางจำหน่ายแล้วในเดือนมีนาคม และขวดนม PPSU ลาย Howapipi จะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงเดือนเมษายนทั่วประเทศ

                                    นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการพัฒนาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าผ่าน Pigeon Little Moments Club ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์มการใช้งานทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ เพื่อเข้าถึง และเข้าใจคุณแม่ยุคใหม่ พร้อมช่วยตอบสนองความต้องการของคุณแม่ตลอดเส้นทางการดูแลลูกน้อยในทุกวันๆ

                                    คุณแม่ยุคใหม่ที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์ของพีเจ้น ติดตามความเคลื่อนไหว หรือปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ ผู้เชี่ยวชาญพีเจ้น 02-020-8989 หรือ www.pigeonlittlemomentsclub.com หรือทาง FB/ Line: pigeonlittlemomentsclub และสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ของพีเจ้นได้แล้ววันนี้ ในซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า ร้านขายสินค้าแม่และเด็กชั้นนำทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ที่ Pigeon Official store บนแพลตฟอร์ม Lazada และ Shopee หรือ Line Shopping : Moongshop และ www.Moongshop.com