Page 25 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

เคล็ดไม่ลับ สำหรับ แม่มือใหม่ 5 วิธีดูแลลูกน้อยให้อารมณ์ดี แฮปปี้ ทั้งวัน

คุณแม่มือใหม่ อยากให้ลูกพัฒนาการดี พร้อมเรียนรู้ในทุกๆ วัน ก่อนอื่นต้องสังเกตลูกให้มากๆ ว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้ลูกไม่สบายตัวบ้าง ถึงแม้ว่าการร้องไห้งอแงมักเป็นเรื่องปกติของเด็กๆ อาจเกิดจากความหิว ไม่สบายตัว ยุงกัดแล้วคัน หรือผ้าอ้อมเปียกชื้น แต่ด้วยความที่เด็กๆ ไม่สามารถสื่อสารได้ จึงแสดงออกเป็นการร้องไห้นั่นเอง

เมื่อสังเกตสาเหตุการร้องไห้ของลูกแล้ว แม่ๆ ก็จะได้หาวิธีรับมือที่ถูกต้อง โดยทีมแม่ ABK มีเคล็ดไม่ลับ 5 วิธีดูแลลูกน้อยให้อารมณ์ดี แฮปปี้ทั้งวันมาแชร์ให้อ่านกันดังนี้ค่ะ

1. เล่นกับลูก ด้วยการสังเกตพัฒนาการตามวัย 

เด็กแต่ละช่วงวัยมีพัฒนาการที่ค่อยเป็นค่อยไปต่างกัน แม่ๆ สามารถศึกษา ไปพร้อมกับสังเกตว่าลูกของเราที่โตขึ้นมาในแต่ละวันทำอะไรได้บ้าง ดังนี้ค่ะ

  • แรกเกิด – 2 ขวบ เป็นช่วงเวลาทองของคุณแม่ที่สามารถ ค่อยๆ สร้างพัฒนาการของลูกได้ ช่วง 7 เดือนแรก เด็กๆ จะมีพัฒนาการด้านร่างกาย และการรับรู้ ใช้ของเล่นมีสีสัน และเสียงเป็นตัวกระตุ้นให้ลูกมองตาม เกมง่ายๆ ที่ทุกบ้านเล่นกันอย่าง จ๊ะเอ๋! ก็ช่วยให้ลูกอารมณ์ดี เกิดพัฒนาการด้านอารมณ์ได้เช่นกัน ช่วง 8 เดือน -1 ขวบ ลูกเริ่มตั้งไข่ยืนขึ้นได้แล้ว แม่อาจจะใช้ของเล่นที่ลูกชอบ ร้องเพลงกระตุ้น เพื่อเป็นตัวหลอกล่อให้ลูกหัดเดิน และเคลื่อนไหวเยอะขึ้น 
  • 2-3 ขวบ เป็นวัยที่เริ่มมีความตื่นเต้นในการสำรวจและเป็นตัวของตัวเอง และชอบเข้าสังคม แม่อาจหาของเล่นที่เสริมสร้างจินตนาการ และประสบการณ์ให้กับลูก พร้อมกับการพัฒนากล้ามเนื้อมือ เช่น การวาดรูป ระบายสี เล่นดินน้ำมัน แป้งโด อาจพาไปเข้าคอร์สสั้นๆ ให้ลูกได้พบปะเพื่อนๆ เพื่อรู้จักการแบ่งปัน และความมีระเบียบวินัย
  • 3-4 ขวบขึ้นไป ช่วงนี้เด็กเริ่มมีพัฒนาการที่แข็งแรงขึ้น ต้องเน้นกิจกรรมที่ใช้พลังงาน เช่นการเล่นกีฬานอกบ้าน หรือเกมที่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย โดยลองหาเกมที่คุณพ่อคุณแม่เล่นด้วยกันกับลูกได้ด้วย เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว เล่น ตีแบดมินตัน ปั่นจักรยาน หรือโยน รับ ลูกบอล

 

2. พาลูกไปเดินเล่นนอกบ้าน รับแสงแดดอ่อนๆ และบรรยากาศนอกบ้านบ้าง

แดดอ่อนๆ ยามเช้า และยามเย็น เป็นช่วงเวลาที่น่าพาลูกออกไปเดินเล่นรับแสงแดดบริเวณบ้าน และยังทำให้แม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายไปด้วยกัน เพราะแม่ที่ต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูกตลอดเวลาอาจเกิดความเครียดได้ การปรับสภาพแวดล้อมวันละนิดสำหรับทั้งแม่ลูกจะช่วยให้บรรยากาศการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันดีขึ้น แม่อารมณ์ดี มีความสุขในการเลี้ยงลูก ก็ทำให้ลูกมีความสุขไปด้วย ทั้งนี้ แม่ควรเลือกสถานที่ไปเดินเล่นที่อากาศปลอดโปร่ง ถ่ายเทสะดวก คนไม่พลุกพล่าน เพื่อป้องกันการติดเชื้อสู่ลูกน้อย

 

3. ร้องเพลง และอ่านนิทานให้ลูกฟัง

การอ่านนิทานจะช่วยเสริมพัฒนาการและสติปัญญาให้กับลูก ซึ่งแม่สามารถอ่านให้ฟังได้ตั้งแต่ช่วง 0-6 เดือน อาจใช้หนังสือนิทานผ้าที่แม่สามารถเปิดภาพ มีเสียง และเล่านิทานไปด้วย เพื่อให้ลูกได้สัมผัสกับพื้นผิว และรูปภาพในหนังสือ เมื่อลูกเริ่มนั่งทรงตัวได้ อาจเปลี่ยนเป็นนิทานบอร์ดบุ๊คที่ให้ลูกสัมผัส และสังเกตภาพระหว่างเล่านิทาน และการร้องเพลงก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการ การรับรู้ การจดจำเสียง ซึ่งแม่อาจสอดแทรกบทเพลงเข้าไปในนิทานก็ได้ เป็นกิจกรรมระหว่างแม่ลูกที่ทำให้เกิดความเพลิดเพลิน แฮปปี้ไปด้วยกัน

 

4. นอนให้พอทั้งกลางวัน และกลางคืน เตรียมที่นอนให้หลับสบาย

การนอนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ลูกน้อยไม่งอแงระหว่างวัน โดยปกติแล้ว ช่วงแรกเกิด – 4 เดือน จะมีภาวะหลับ-ตื่น สลับกันไปทั้งวัน จะยังไม่สามารถนอนได้ยาว เพราะต้องตื่นมาทานนมและขับถ่าย แต่เมื่ออายุได้ประมาณ 4 เดือน ก็จะเริ่มหลับกลางคืนได้ยาวขึ้น และเมื่ออายุ 6 เดือน จะสามารถหลับยาวตลอดคืนได้ประมาณ 8-12 ชั่วโมง 

แม่ต้องฝึกให้นอนเป็นเวลา และจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการนอน ที่นอนตอนกลางคืนควรมืด เงียบ และอุณหภูมิเหมาะสม ส่วนการนอนกลางวัน ไม่จำเป็นต้องทำให้ห้องมืดเหมือนเวลากลางคืน เพราะเราต้องการให้ลูกนอนกลางวันเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ และนอนยาวในช่วงกลางคืน ดังนั้น ต้องสร้างสภาพแวดล้อมกลางวันและกลางคืนให้แตกต่างกัน เพื่อให้ลูกได้รู้ว่าช่วงไหนควรนอนยาว เลือกเสื้อผ้าที่สบายตัว ที่นอนไม่ระคายเคือง ป้องกันแมลง และยุงไม่ให้เข้ามารบกวนลูกเวลานอน เปลี่ยนผ้าอ้อมให้แห้งสบายก่อนนอน นอกจากนี้การเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน ทำให้ลูกผ่อนคลายพร้อมที่จะนอนหลับอีกด้วย 

 

5. ทำให้ลูกน้อยสบายตัวอยู่เสมอ ด้วย แป้งเด็กแคร์ ช่วยปกป้องลูกจากความเปียกชื้นเหนือชั้น

ปกป้องความเปียกชื้นในผ้าอ้อมระหว่างวัน สาเหตุของผดผื่น ด้วยตัวช่วยที่แม่ๆ ไว้วางใจ แป้งเด็กแคร์ สูตรไฮโป-อัลเลอร์เจนิก ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ผิวหนังแล้วว่าอ่อนโยน ไม่ระคายเคือง ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ปลอดภัยต่อผิวบอบบาง ปกป้องผิวลูกน้อยจากความเปียกชื้นอย่างเหนือชั้น  พร้อมช่วยลดผดผื่น มีส่วนผสมจากธรรมชาติ 95% ปราศจากพาราเบน ซิลิโคน และสีสังเคราะห์ และผ่าน 3 การทดสอบควบคุมคุณภาพ  ทำให้แม่ๆ มั่นใจในความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

แป้งเด็กแคร์ มีให้แม่ๆ เลือกใช้ถึง 7 สูตรด้วยกัน

  • แคร์ คลาสสิค ผสานสารสกัดจากขมิ้น ช่วยลดผดผื่น
  • แคร์ พิงค์ ซอฟท์ กลิ่นหอมละมุนจากดอกไม้นานาพันธุ์
  • แคร์ กลิ่นซากุระ กลิ่นหอมอ่อนโยน ด้วยแรงบันดาลใจจากญี่ปุ่น
  • แคร์ จัสมิน คอตต้อน กลิ่นหอมบริสุทธิ์ดั่งรักของแม่
  • แคร์ ลาเวนเดอร์ แอนด์ โอ๊ตมิลค์ กลิ่นหอมผ่อนคลายจากลาเวนเดอร์
  • แคร์ พีโอนี แอนด์ พีช กลิ่นหอมละมุนอ่อนโยน 
  • แคร์ ไรซ์มิลค์ แอนด์ ฟรีเซีย ผสานสารสกัดน้ำนมข้าว บำรุงผิวเนียนนุ่ม พร้อมกลิ่นหอมสดชื่นของดอกฟรีเซีย

สามารถติดตามอ่านรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่

https://www.care.co.th/baby-talcum-powder

เคล็ดไม่ลับเหล่านี้ จะช่วยให้ทั้งแม่ลูกแฮปปี้ อารมณ์ดี มีความสุข พร้อมเรียนรู้ไปด้วยกันในทุกๆ วัน เพราะความสุขของลูก ก็คือความสุขของแม่ยังไงล่ะ

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง
https://www.amarinbabyandkids.com/pregnancy/birth/how-to-be-effective-parenting/
https://www.amarinbabyandkids.com/parenting/baby-sleep-routine/
https://www.bangkokpattayahospital.com/th/healthcare-services/pediatric-center-th/child-articles-th/item/1122-the-great-lie-of-the-ball-th.html

 

    Tags

    Balcony Courtyard

    พาทัวร์ Balcony Courtyard @ศรีราชา โรงแรมสำหรับครอบครัว สุขสนุกทั้ง พ่อแม่ลูก

    เที่ยวกับลูก มาแล้วจ้า! ห่างหายไปนาน วันนี้ ทีมแม่ ABK จะพาไปเที่ยวแบบสบายๆ เดินทางสะดวกไม่ไกลจาก กรุงเทพฯ  อย่าง อำเภอศรีราชากัน กับ Balcony Courtyard Sriracha โรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ สำหรับครอบครัว ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่และธรรมชาติ เขียวขจี กับคอนเซปต์  The Luxury Family Escape in Sriracha บอกเลยว่าที่นี่มีกิจกรรมสำหรับเด็กๆเยอะมาก  ถ้าพร้อมแล้วก็มาเช็คอินกันเลย

    Balcony Courtyard Sriracha
    Hotel & Serviced Apartments

    Balcony Courtyard

    Balcony Courtyard
    ลอบบี้โรงแรม ตกแต่ง สไตล์ Vintage & Retro กระจกใสบานใหญ่มองเห็นต้นไม้รายล้อม สดชื่นสุดๆ

     

    มาถึงโรงแรมก็แวะมานั่งพักที่ล็อบบี้เพื่อรอเช็คอิน สังเกตได้ว่ามีต้นไม้ใหญ่รอบอาคารเยอะมากๆ แม่เลยได้โอกาสสอนลูกเรื่องพรรณไม้ต่างๆ ไปในตัว ทริปนี้เรามากัน 3 คน พ่อแม่ลูก พักห้อง Luxury Suite 1 Bedroom ด้านในกว้างขวาง เตียงใหญ่นุ่มสบาย แบ่งพื้นที่ห้องนอนและห้องนั่งเล่นด้วยผนังกระจกใส สะดวกสบายสุดๆ มีโต๊ะทานอาหารขนาดใหญ่ มีตู้เย็น ไมโครเวฟ และครัวพร้อมจานชามให้ใช้แบบจัดเต็ม ส่วนในห้องน้ำก็มีอ่างอาบน้ำด้วยนะ ใครจะมาอย่าลืมซื้อบาธบอมมาเล่นด้วยล่ะ

    Balcony Courtyard

    Balcony Courtyard
    ห้องพักแบบ Luxury Suite 1 Bedroom ขนาด 40 ตารางเมตร ตกแต่งสไตล์ Vintage โทนสีขาวน้ำตาล ดูหรูหราและผ่อนคลายมากๆ

     

    Balcony Courtyard
    ห้องครัว มีอุปกรณ์พร้อมทุกอย่าง ทั้งมีด จาน ชาม ถ้วยต่างๆ และ ซิงค์ล้างจาน  สะดวกมากๆ

     

    Balcony Courtyard

    Balcony Courtyard
    วิวสระว่ายน้ำบนอาคาร ที่เด็กๆมองได้จากหน้าต่างในห้องพัก ช่วยกระตุ้นให้เด็กๆอยากรีบไปว่ายน้ำ

     

    อาคารกิจกรรม สูง 4 ชั้น ตั้งอยู่ตรงกลางพื้นที่ มีอาคารห้องพักล้อมรอบ ทำให้ทุกห้องมองเห็นสระว่ายน้ำบนอาคารและต้นไม้ เขียวขจีได้  ไปดูกันว่าอาคารนี้มีกิจกรรมอะไรให้เล่นสนุกบ้าง

     

    Balcony Courtyard

    Balcony Courtyard
    โซน Mini Harbor Island และสระว่ายน้ำสำหรับผู้ใหญ่

     

    เริ่มกันที่ชั้นบนสุด ของ Balcony Courtyard เป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้ง มี Mini Harbor Island สวนน้ำและเครื่องเล่นแสนสนุกสำหรับเด็กๆ ทั้งสไลเดอร์และอุโมงค์น้ำต่างๆ เด็กๆที่จะเล่นโซนนี้เขามีรองเท้ากันลื่นให้ใส่ด้วยนะ เพื่อความปลอดภัย

    โซน mini Harbor Island สวนน้ำแบบเอาต์ดอร์  มีสไลเดอร์  น้ำพุ และอุโมงค์น้ำให้เด็กๆเล่น  มาช่วงเย็นแดดไม่ร้อนเล่นกันเพลินเลยจ้า

     

    มาต่อกันที่ ชั้น 3 กับ mini HarborLand สวนสนุกที่เด็กๆ โปรดปราน สามารถเข้าเล่นได้ฟรี! แบบไม่จำกัดรอบ จะมาเล่นกี่ครั้งก็ได้ รับรองสะใจเด็กๆ แน่นอน  ใครมีถุงเท้ากันลื่นของ HarborLand อย่าลืมเอาถุงเท้ามาด้วยนะ แต่ถ้าใครยังไม่มีก็สามารถซื้อที่เคาเตอร์ได้ ราคาคู่ละ 60 บาท

     

    mini HarborLand สวนสนุกในร่ม ที่สามารถเล่นได้ทั้งเด็กเล็กเด็กโต แบบไม่จำกัดครั้ง

     

    ใครชอบออกกำลังกาย ทางโรงแรม Balcony Courtyard ก็มีฟิตเนสไว้บริการด้วย จะแอบมาวิ่งตอนเช้าก่อนลูกตื่น เพื่อปั้นหุ่นเฟิร์มกันก่อนก็ได้  ส่วนช่วงเย็นๆก็สามารถไปแช่น้ำร้อนที่ Ofuro บ่อน้ำร้อน และห้องซาวน่า ห้องอบไอน้ำ กันได้ ผ่อนคลายร่างกายกันแบบสบายๆ ไปเลย ส่วนคนรักกอล์ฟก็มี Golf Simulator ให้เล่นกันด้วย สายกอล์ฟ ไม่ควรพลาดเลย แต่อย่าลืมนำอุปกรณ์มาเองนะคะเพราะทางโรงแรมไม่มีให้ค่า

     

    Balcony Courtyard
    ฟิตเนสขนาดย่อม เรียกเหงื่อเบาๆได้เป็นอย่างดี

    Balcony Courtyard Balcony Courtyard

    Ofuro บ่อน้ำร้อน ห้องซาวน่า ห้องอบไอน้ำ แยกชาย-หญิง บรรยากาศแบบญี่ปุ่นจริงๆ

     

    อีกกิจกรรมหนึ่งที่ไม่ควรพลาดสำหรับเด็กสูง 100 เซนติเมตร ก็คือ เกมยิงปืนเลเซอร์ หรือ Laser Wars ที่บริเวณชั้น 2 เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เรียกเสียงหัวเราะและเหงื่อได้แบบมหาศาล สนุกสะใจแน่นอน  ยิ่งเล่นหลายคนยิ่งสนุก สามารถเล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

    Balcony Courtyard Balcony Courtyard Balcony Courtyard

    Laser Wars อีกหนึ่งกิจกรรมที่เด็กๆไม่ควรพลาด

     

    ชั้นล่างสุดของอาคารอย่าลืมแวะไปเยี่ยมชม  เพราะมี 2 จุดที่น่าสนใจ ห้องแรกเป็นห้องซอสพริก ภายในมีมุมการ์ตูนและทำกิจกรรมสำหรับเด็กๆ ทั้งพับกระดาษ ระบายสี เกมต่างๆให้เล่นสนุกๆมากมาย ส่วนอีกห้องเป็น Social Lounge  เลาจน์ขนาดใหญ่ ที่มีทั้งมุมพักผ่อน มุมขนมเครื่องดื่มและ ชา-กาแฟฟรี  มุมอ่านหนังสือและการ์ตูนญี่ปุ่นมากมาย  เช่น วันพีช มีทั้งแบบภาษาไทยและภาษาญี่ปุ่น พ่อๆแม่ๆคนไหนสายการ์ตูนญี่ปุ่น แวะมาห้องนี้รับรองไม่ผิดหวัง

    Balcony Courtyard Balcony Courtyard Balcony Courtyard

    ห้องซอสพริก ห้องกิจกรรมสำหรับเด็กๆได้มาฝึกทักษะและสร้างสรรค์จินตนาการ

     

    Balcony Courtyard Balcony Courtyard Balcony Courtyard

    บรรยากาศ Social Lounge  หรูหรามากๆแวะมาอ่านหนังสือพร้อมจิบกาแฟสักแก้วกันได้ตลอดวัน

     

    เช้าวันที่ 2 ก่อนเริ่มต้นกิจกรรม เราแวะมารองท้องกันที่ห้องอาหาร “กองข้าว” บริเวณชั้น 2 ตึกกิจกรรม ใครชอบอาหารญี่ปุ่นบอกเลยว่าต้องถูกใจแน่นอน เพราะมีทั้งอุด้ง ราเมน ทงคัตซึ และอีกหลายหลายเมนูให้เลือก นอกจากนี้ยังมีอาหารไทยและอาหารฝรั่งด้วย ส่วนโซนขนมปังและเบเกอรี่ก็จัดเต็มทั้ง ครัวซองต์ วาฟเฟิล แพนเค้ก พร้อมท็อปปิ้งมากมาย เด็กๆชอบแน่นอน ที่สำคัญที่นี่มีไอศครีมด้วยนะ มาแล้วอย่าลืมมาชิมด้วยล่ะ

    Balcony Courtyard Balcony Courtyard Balcony Courtyard

    Balcony Courtyard Balcony Courtyard

    บรรยากาศห้องอาหาร “กองข้าว” บุฟเฟต์อาหารเช้า สุดอลังที่อาคารกิจกรรมชั้น 1

     

    อิ่มแล้วก็พร้อมเล่นกันต่อ  ชวนเด็กๆไปสลายพลังงานกันที่สนามเด็กเล่นกลางแจ้ง Joy Jungle  สนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ที่มีครบหมดทุกอย่าง ทั้งสไลเดอร์  ,หน้าผาจำลอง ,ชิงช้าและสนามหญ้ากว้าง ๆให้เด็กวิ่งเล่นกันเต็มที่ พร้อมโซนใหม่ น่าเล่นสุดๆกับ Zipzap Racer รถแข่งทะลุมิติและ Mini Viking ไวกิ้งขนาดย่อมให้เด็กๆเล่นสนุกกัน

     

    Balcony Courtyard Balcony Courtyard Balcony Courtyard Balcony Courtyard

    Joy Jungle  สนามเด็กเล่นกลางแจ้ง จะตั้งอยู่ด้านหน้าอาคารใกล้กับที่จอดรถ

     

    Balcony Courtyard Balcony Courtyard

    โซนใหม่ ของ Balcony Courtyard สำหรับเด็กๆ Zipzap Racer รถแข่งทะลุมิติและ Mini Viking

     

    สุดท้ายกับห้อง Game Room ที่อาคาร 4 ห้องนี้ มีเกมส์ต่างๆไว้ให้เล่นสนุกกันทั้งครอบครัว พร้อมแอร์เย็นฉ่ำ ทั้งโต๊ะโกล์ โต๊ะพูล เกมส์ชู๊ตลูกบาส ฯลฯ  ใครอยากออกไปช็อปปิ้งห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ ทางโรงแรม มีรถตู้บริการรับส่งไปตามจุดสำคัญต่างๆ ทั้ง โรบินสัน ,เซ็นทรัลและ MaxValue ฟรีด้วยนะ ครอบครัวไหนขับรถไฟฟ้าก็ไม่ต้องกังวลเพราะ ที่นี่ มีบริการ EV Station จุดชาร์ตรถไฟฟ้า EV คิดค่าบริการตามยูนิต (ยูนิตละ 10 บาท)

    บรรยากาศดีกิจกรรมแน่นแบบนี้  แม่ให้ 10 เต็ม 10 ไปเลย เป็น 3 วัน 2 คืนที่คุ้มค่าสุดๆ ใครที่กำลังมองหาที่พักผ่อนสำหรับครอบครัว ใกล้กรุงเทพฯ รับรองว่ามาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน เสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดยาวนี้รีบจองห้องพักกันด่วนเลยน้า

     

    Balcony Courtyard Balcony Courtyard Balcony Courtyard

     ห้อง Game Room ของ Balcony Courtyard Sriracha

     

    ติดต่อ  Balcony Courtyard Sriracha

    บัลโคนี คอร์ทยาร์ด ศรีราชา : ที่อยู่ 111/181 หมู่ 2 ถ.ศรีราชา – หนองยายบู่ ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 20110

    เว็บไซต์ : https://balconythailand.com/courtyard/

    LINE Official Account : @balconythailand

    Facebook : https://www.facebook.com/BalconyThailand/

     

    Editor : แม่เลม่อน

    ภาพ :  แม่เลม่อน


    อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก ⇓

      โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

      อมรินทร์ อาสา ช่วยเหลือเด็กทารกที่ป่วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ในโครงการ หนึ่งหัวใจ สู่ชีวิตใหม่

      “อมรินทร์ อาสา” ร่วมกับพันธมิตร ช่วยเหลือเด็กทารกที่ป่วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดขั้นวิกฤต ในโครงการ “หนึ่งหัวใจ สู่ชีวิตใหม่” โดยมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี

      หากคุณอยากรู้ว่าหัวใจของคุณมีขนาดเท่าใด ให้ลองกำมือ นั่นแหละ! หัวใจเรามีขนาดเท่ากับกำปั้นของตัวเอง หัวใจของเด็กจึงมีขนาดเล็กเท่ากับกำปั้นน้อยๆ ของเขาเท่านั้น โดยเฉพาะทารกแรกเกิดที่มีปัญหาภาวะโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด หัวใจของเขายิ่งเล็กและอ่อนแอ การได้รับการรักษาและดูแลอย่างรวดเร็วที่สุด จึงเป็นสิ่งที่คุณหมอและครอบครัวของเด็กอยากให้เกิดขึ้นเร็วที่สุดด้วยเช่นกัน

      บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ทำโครงการเพื่อสังคม “อมรินทร์ อาสา” จับมือพันธมิตร บริษัท ซีเจเวิร์ค จำกัด (CJ WORX) และค่ายเพลง WHAT THE DUCK ทำความดี ช่วยเหลือสังคม กับ โครงการ “หนึ่งหัวใจ สู่ชีวิตใหม่” ใน มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ร่วมกันระดมทุน เพื่อช่วยเหลือเด็กทารกที่ป่วยด้วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดขั้นวิกฤต ให้หัวใจดวงน้อยๆ ได้ไปต่อ

      ลูก คือแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ และคงไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น การเกิดโรคหัวใจในเด็กนั้นไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด อาจจะมาจากคุณแม่กินยาที่มีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ หรือถ้าแม่เป็นโรคเบาหวาน เด็กในครรภ์ก็จะเป็นด้วย และทำให้กล้ามเนื้อของเด็กหนาขึ้น รวมถึงกล้ามเนื้อหัวใจส่งผลให้เด็กมีภาวะเป็นโรคหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด หรือเด็กที่มีสารพันธุกรรมผิดปกติแต่กำเนิด เช่น ดาวน์ซินโดรม ก็จะมีภาวะโรคหัวใจแฝงอยู่ด้วยเช่นกัน ยิ่งคุณแม่มีประวัติการเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิดลูกก็มีสิทธิเป็น โดยเฉพาะถ้าเป็นทั้งคุณพ่อคุณแม่ ก็ให้ตั้งข้อสังเกตไว้เลยว่าลูกก็อาจจะเป็นโรคหัวใจ ที่ทำได้คือควรปรึกษาคุณหมอ และตรวจครรภ์ตามกำหนด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นโรคนี้ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร

      โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

      “อัตราเฉลี่ยของเด็กที่เกิดมาบนโลกนี้ ทุก 1,000 คน จะมีภาวะโรคหัวใจ 8 คนโดยประมาณ ทั้งในไทยและในต่างประเทศเฉลี่ยกันทั่วโลก ดังนั้นถ้าในไทยมีเด็กเกิด 500,000 คน ก็จะมีเด็กที่เป็นโรคนี้ประมาณ 5,000 คนโดยเฉลี่ย คือ 10 เปอร์เซ็นต์ และประมาณ  500คน ก็จะเป็นคนไข้ที่เป็นโรคชนิดรุนแรง แต่ถามว่าอัตราการเกิดโรคนี้ลดน้อยลงไหม ตอบว่าน้อยลง ไม่ใช่เพราะโรคเกิดน้อยลงนะครับ แต่เป็นเพราะอัตราการเกิดที่ลดลง” นพ.วรการ พรหมพันธุ์ หัวหน้าศูนย์โรคหัวใจ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีกล่าวถึงสถานการณ์ของเด็กๆ ที่เป็น โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ในปัจจุบัน

      โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

      “เปรียบเหมือนการข้ามถนนนะครับ ทุกคนเดินข้ามถนน ไม่มีใครตั้งใจจะถูกรถชนหรอกใช่ไหมครับ ทุกคนก็อยากจะเดินข้ามไปถึงอีกฝั่งอย่างปลอดภัย แต่ถ้าบังเอิญมันเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้ว เราก็ต้องรักษาให้ดีที่สุด และที่สำคัญคือรวดเร็วที่สุด เพื่อให้ชีวิตของเด็กได้ไปต่อ” นพ.วรการ พรหมพันธุ์  กล่าวต่อ

      โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

      ซึ่งค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดหัวใจแต่ละครั้ง มีมูลค่าสูงมาก แค่ชิ้นส่วนเล็กๆ สำหรับอุดรูรั่วหัวใจก็มีมูลค่าประมาณ 50,000 บาทแล้ว ยังไม่รวมค่าห้องผ่าตัดและการใช้อปกรณ์ต่างๆ จึงอาจจะทำให้บางครอบครัวที่ไม่พร้อมเรื่องค่าใช้จ่าย หมดกำลังใจในการช่วยชีวิตน้อยๆ ของครอบครัว

      ช่วยเด็ก 1 คน ไม่ได้ช่วยแค่เด็กนะครับ ช่วยครอบครัวเค้าด้วย พ่อแม่ได้กลับไปทำงานได้ไว เลี้ยงดูครอบครัว ลดภาระ การเดินทางดูแลลูก ได้มีเวลาดูแลครอบครัว สร้างครอบครัว เป็นรากฐานของสังคม  ช่วยเด็กโรคหัวใจ ไม่ได้ช่วยแต่เด็ก แต่ช่วยครอบครัวเค้าด้วย โดยภาพรวมก็ช่วยประเทศด้วยนั่นเอง ถ้าสนใจทำบุญตรงนี้ไม่เสียหาย และเป็นประโยชน์มากๆครับ” นพ.วรการ พรหมพันธุ์ กล่าวถึงประโยชน์ในการร่วมบริจาคในครั้งนี้

      สำหรับผู้ที่สนใจร่วมบริจาคเข้าร่วมโครงการ 1 หัวใจ หนึ่งชีวิตใหม่ สามารถร่วมบริจาคได้ที่มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 051-3-00051-5 หรือธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 661-0-55841-8
      ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม >> มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก

       

       

      เรื่อง : มัณฑนา ชอุ่มผล

      ภาพ: กรานต์ชนก บุญบำรุง


      อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก ⇓

        เพียวรีน

        เพียวรีน เบบี้ไวพส์ ฉลอง 30 ล้านแพค ไอเท็มหนึ่งในใจแม่

        เพียวรีน ผลิตภัณฑ์สำหรับลูกน้อยที่ครองใจแม่ๆ มามากกว่า 20 ปี โดยเฉพาะเบบี้ไวพ์ ที่แม่ๆ เลิฟ ลูกๆ รัก เป็นไอเท็มที่ต้องมีติดตัวกันทุกบ้าน เพราะสะดวก ประหยัดเวลา คุ้มค่า และราคาสบายกระเป๋า

         เพียวรีน เบบี้ไวพส์ ฉลอง 30 ล้านแพค ไอเท็มหนึ่งในใจแม่

        เพราะแม่ๆ เชื่อมั่นในคุณภาพ และเป็นหนึ่งในใจมายาวนาน ตอนนี้ เบบี้ไวพ์ของเพียวรีนมียอดขายแล้วกว่า 30 ล้านแพคแล้วนะ! ถือว่าเป็นการเดินทางอันยาวนานทีเดียว เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับการตอบรับที่ดีเสมอมา เพียวรีนจึงได้ส่งต่อความอ่อนโยนโดยการมอบผลิตภัณฑ์ให้แก่มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก  สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติ มหาราชินี มูลค่า 150,000 บาท

        เพียวรีน
        เพียวรีน ส่งต่อความอ่อนโยนให้แก่มูลนิธิโรงพยายาบาลเด็ก ด้วยการมอบผลิตภัณฑ์มูลค่า 150,000 บาท

        ที่เพียวรีนสามารถครองใจแม่ๆ ได้ถึงขนาดนี้ เพราะความอ่อนโยน ปราศจากพาราเบน และแอลกอฮอล์ สารที่ทำให้ระคายเคืองผิวอันบอบบางของลูกน้อย

        มีถึง 5 สูตร ให้แม่เลือกใช้ได้ตามความสะดวก

        เพียวรีน

        • Pureen Baby Wipes เพียวรีนเบบี้ไวพส์ สูตรเซนซิทีฟ (สีชมพู)
          เนื้อผ้าหนานุ่ม มีส่วนผสมของคาโมมายล์ช่วยลดการระคายเคือง
        • Pureen Baby Wipes เพียวรีนเบบี้ไวพส์ สูตรเพียวแอนด์มายด์ (สีฟ้า)
          บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นด้วยอโลเวร่า และวิตามิน อี
        • Pureen Baby Wipes เพียวรีนเบบี้ไวพส์ สูตรแอนตีแบคทีเรียล (สีแดง)

        ผ่านการทดสอบแล้วว่าสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้

        • Pureen Baby Wipes เพียวรีนเบบี้ไวพส์ สูตรเนเชอรัล (สีเขียว)
          อ่อนโยนด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ
        • Pureen Baby Wipes เพียวรีนเบบี้ไวพส์ สูตรเดลี่แคร์ (สีฟ้า)
          คุ้มค่าและอ่อนโยนต่อผิวลูกน้อย

        นอกจากนี้เพียวรีนยังมีแคมเปญขอบคุณแม่ๆ ที่ไว้วางใจให้เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลลูกน้อยและครอบครัว ด้วยโปรโมชั่นเด็ด ที่แม่ๆ สามารถติดตามกันได้ที่ ที่ห้างสรรพสินค่า แผนกเด็ก, ชูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านค้าชั้นนำทั่วไปตลอดเดือน เม.ย. – มิ.ย. เลยจ้า

          เปิดบ้าน “ไตรพัฒน์” โรงเรียนแนววอลดอร์ฟ ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กๆ

          School Visit คราวนี้ เรามีโอกาสได้ไปเยี่ยมชม โรงเรียนไตรพัฒน์ ในวันที่แปลงนาเปียกชุ่ม เด็กๆ ตัวเลอะโคลนตั้งแต่หัวจรดเท้า จับกบมาอวดโฉม แล้วแบ่งปันผลไม้ให้เรากิน เป็นหนึ่งวันที่สะท้อนการเรียนการสอนตลอด 1 ปีการศึกษา หรืออาจจะสะท้อนให้เห็นชีวิตวัยเด็กของคนๆ หนึ่ง ที่กว้างใหญ่และเรียนรู้อะไรได้มากมายด้วยพลังของเขาเอง

          เปิดบ้าน “ไตรพัฒน์” โรงเรียนวอลดอร์ฟ
          ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กๆ

          โรงเรียนไตรพัฒน์
          เด็กประถมกำลังเข้าเรียนวิชาเกษตร คุณครูจะอธิบายเกี่ยวกับบทเรียนในแต่ละครั้งเล็กน้อย และปล่อยให้เด็กลงมือทำด้วยตัวเอง

          หัวใจของการศึกษา วอลดอร์ฟ

          โรงเรียนไตรพัฒน์ คือ โรงเรียนทางเลือก ที่มีการจัดการเรียนการสอนแนว วอลดอร์ฟ ก่อนอื่นเราจึงอยากแนะนำการศึกษาแนววอลดอร์ฟสั้นๆ เพื่อทำความรู้จักกับแนวคิดพื้นฐาน

          วอลดอร์ฟ คือ การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ของเด็กในแต่ละช่วงวัยเพื่อเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ แบ่งเป็น

            • วัยอนุบาล (0-7 ปี) วัยแห่งการลงมือทำ (Willing) ซึ่งเป็นวัยที่มีพลังเจตจำนงที่อยากลงมือทำอะไรให้สำเร็จอยู่ในตัวเอง พลังนี้จะเป็นรากฐานที่สำคัญของการใช้ชีวิตเมื่อโตขึ้น โรงเรียนไตรพัฒน์จะสร้างสภาพแวดล้อมที่อุ่นใจให้กับเด็กๆ ส่งเสริมให้เล่นอย่างอิสระด้วยวัสดุธรรมชาติเพื่อใช้จินตนาการอย่างเต็มที่
          โรงเรียนไตรพัฒน์
          น้องๆ อนุบาลกำลังเล่นอิสระด้วยเครื่องเล่นที่สร้างจากวัสดุธรรมชาติ
            • วัยประถม (8-14ปี) วัยที่ความรู้สึก (Feeling) เข้ามามีอิทธิพล เด็กๆ จะเรียนรู้ผ่านความรู้สึก จึงเน้นการเรียนที่สร้างสุนทรียภาพ ความประทับใจในความงาม การเรียนที่สนุกและเพลิดเพลินในบรรยากาศที่สร้างความรู้สึกเคารพและไว้วางใจกัน คุณครูชั้นประถมจะอยู่ร่วมกับนักเรียนต่อเนื่องหลายปี เพื่อให้เด็กเกิดความั่นคงและช่วยให้ครูเข้าใจเด็กแต่ละคนอย่างลึกซึ้ง
            • วัยมัธยม (15 ปี หรือ ม.3 ขึ้นไป)  วัยที่ระบบการคิด (Thinking) จะทำงานอย่างเต็มที่ เด็กจะมีการคิดที่เป็นตรรกะและมีวิจารณญาณ เด็กๆ จะได้เรียนรู้ทักษะต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญและค้นหาตัวตนอย่างอิสระ
          โรงเรียนไตรพัฒน์
          เด็กมัธยมทำกิจกรรมร่วมกัน

          5 สิ่งพิเศษ ที่ทำให้เด็กๆ อยากมา โรงเรียนไตรพัฒน์ ทุกวัน

          1 การเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง

          การเรียนการสอนของที่นี่เน้นให้เด็กๆ เรียนรู้จากการลงมือทำ ทำให้เขาสามารถปรับใช้กับชีวิตจริงได้ เช่น ในระดับชั้น ป.3 วัยเด็กที่ทุกคนอยากสร้างบ้านของตัวเอง เราอาจเอาผ้ามาคลุมทำบ้าน แต่ที่ โรงเรียนไตรพัฒน์ จะให้เด็กลงมือสร้างบ้านจริงๆ จากความรู้การวัดการคำนวนที่เขาเรียนมา เขาจะได้เลื่อย ได้ตอกไม้ ปีนขึ้นหลังคา ทำให้เด็กเห็นความจริงที่จับต้องได้ เด็กจะได้ลงมือทำอย่างจริงจังเวลาเขามาโรงเรียน ทุกสิ่งทุกอย่างจึงเป็นจริงสำหรับเขา

           

          2 พื้นที่ของเด็กๆ ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กๆ

          โรงเรียนไตรพัฒน์พยายามทำให้พื้นที่ในโรงเรียนเป็นพื้นที่ของเด็กๆ ที่ปลอดจากผู้ปกครอง เป็นพื้นที่ที่ถ้าเขาอยากหนีออกจากบ้าน อยากหลบจากผู้ใหญ่ เขาแค่มาโรงเรียน เขาก็จะเจอพื้นที่ของเขา

          โรงเรียนไตรพัฒน์ โรงเรียนไตรพัฒน์

          อุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันของเด็กๆ

          3 ความรักจากครู

          คุณครูจะทำงานร่วมกันกับผู้ปกครอง ทำความรู้จักกับเด็กๆ ทุกคน ในทุกๆ บริบท ราวกับเป็นพ่อแม่ของเด็กอีกคน พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนทุกอย่าง อนุญาตให้เด็กล้ม ยอมให้เขาทำผิด และให้โอกาสเรียนรู้

          โรงเรียนไตรพัฒน์

          4 การศึกษาที่ตอบสนองความต้องการของเด็กอย่างลึกซึ้ง

          หลักสูตรที่นี่เน้นเด็กเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง มีการศึกษาอย่างลึกซึ้งว่าเด็กๆ แต่ละช่วงวัยต้องการอะไร เขาเรียนรู้ด้วยวิธีไหน เขากำลังพัฒนาอะไร และตอบสนองเขาอย่างเต็มที่ทุกด้าน

           

          5 สังคมแห่งความสุข

          โรงเรียนไตรพัฒน์ เริ่มต้นจากความร่วมมือของครูและผู้ปกครอง โดยสร้างโรงเรียนจากแรงกาย แรงใจ และการรวบรวมเงินของกลุ่มครูและผู้ปกครอง หาผืนดินและสร้างอาคารเรียนจากความว่างเปล่า ขยายหลักสูตรจากอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพื่อความมั่นใจว่าเด็กจะได้เรียนรู้อย่างครอบคลุมและพัฒนาไปได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งมีการบริหารงานโดยไม่มีใครเป็นเจ้าของโรงเรียนและไม่แสวงหาผลกำไร ที่ไตรพัฒน์จึงเป็นดั่งครอบครัวที่โอบรับเด็กๆ โดยครู ผู้ปกครอง และเด็ก พัฒนาไปในแนวทางเดียวกัน เขาจึงมาเล่นกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนอย่างมีความสุขทุกวัน

           

          โรงเรียนไตรพัฒน์ โรงเรียนไตรพัฒน์

           

          Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

          -เน้นเข้าค่ายหลากหลายแสนสนุก

          โรงเรียนไตรพัฒน์ ส่งเสริมให้เด็กออกไปเข้าค่ายเพื่อเรียนรู้โลกภายนอกจากผู้เชี่ยวชาญจริงๆ เป็นระยะเวลานาน 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้จริงๆ เช่น ค่ายเรือใบที่เด็กจะได้ฝึกเล่นเรือใบจนเป็นจริงๆ ค่ายเกษตรที่ไปเรียนรู้การทำเกษตรจริงๆ ค่ายประมง ค่ายดูดาว ค่ายชีววิทยาเดินป่า ค่ายจัดการทรัพยากร ค่ายอาสา ฯลฯ ซึ่งการเข้าค่ายแต่ละครั้งจะสอดคล้องกับเนื้อหาบทเรียนและช่วงวัยการเรียนรู้

          โรงเรียนไตรพัฒน์ โรงเรียนไตรพัฒน์ บรรยากาศช่วงเวลาอาหารกลางวันกับการช่วยเหลือตัวเองของเด็กๆ

           

          -ร่วมกันแสดงละครเวที

          เด็กๆ จะมีการแสดงละครใหญ่ 2 ครั้ง คือช่วงชั้น ม.2 และ ม.6 เป็นการแสดงละครจากบทละครจริงๆ โดยเด็กๆ เป็นผู้สร้างสรรเองทั้งหมด ตั้งแต่หางบประมาณ ทำฉาก ทำชุด ซึ่งเด็กจะได้เรียนรู้กระบวนการทำงานร่วมกับผู้อื่น แบ่งหน้าที่กันทำ และเรียนรู้การเข้าใจผู้อื่นผ่านการความความเข้าใจตัวละคร

           

          -ทำโครงงานสร้างสรรค์

          ช่วงชั้น ม.2 และ ม.6 เป็นช่วงวัยแห่งการเปลี่ยนผ่านตามหลักของวอลดอร์ฟ การทำงานละครจะทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้การทำงานกับผู้อื่น แต่การทำโครงงานคือการทำความเข้าใจตัวเอง ด้วยการค้นหาสิ่งที่ตัวเองสนใจและเรียนรู้การทำงานจนออกมาเป็นผลงาน เช่น ในเด็ก ม. 2 มีเลือกทำ ช็อคโกแลต ทำเครื่องดนตรี ทำหัวโขน ฯลฯ แต่ในชั้น ม.6 เด็กๆ จะได้ทำงานที่เป็นประเด็นใหญ่ขึ้น มีการออกแบบวิธีการทำงาน มีกระบวนการทำงานของตัวเอง และนำมานำเสนอในท้ายที่สุด ซึ่งเด็กต้องใช้เวลาเรียนรู้ตลอดทั้งปี

           

          ตั้งแต่เช้าจรดบ่ายที่เราได้พูดคุยกับคุณครูและส่งยิ้มกับเด็กๆ ใน โรงเรียนไตรพัฒน์ ไม่มีเวลาไหนเลยที่โรงเรียนนี้จะปลอดจากเสียงหัวเราะ เราเห็นเด็กๆ ชั้นประถมปีนศาลาและเครื่องเล่นที่เขาและพี่ๆ รุ่นก่อนเป็นคนสร้างขึ้นเอง อีกห้องหนึ่งกำลังเตรียมแปลงนาปลูกข้าว และเล่นน้ำไปพร้อมๆ กัน การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์และการลงมือทำสะท้อนพลังของเด็กๆ ให้เราได้เห็น และอย่างน้อยทำให้เราได้นำไปปรับใช้กับลูกน้อยของเราได้อีกทางหนึ่ง

           

          ข้อมูลโรงเรียน

          โรงเรียนไตรพัฒน์

          ที่อยู่ : 17 หมู่ 16 ตำบลบึงคำพร้อย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12150

          ระดับที่เปิดสอน : อนุบาล 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 6 (ชั้นละ 1 ห้อง ห้องละ 25 คน)

          อัตตราค่าเล่าเรียน : 46,200-55,900 บาท/เทอม

          เว็บไซต์ : http://www.tripatschool.ac.th/

          เฟซบุ๊ก : https://www.facebook.com/tripatwaldorf/

           

          ภาพบรรยากาศโรงเรียน

          โรงเรียนไตรพัฒน์ โรงเรียนไตรพัฒน์ โรงเรียนไตรพัฒน์ โรงเรียนไตรพัฒน์ โรงเรียนไตรพัฒน์ โรงเรียนไตรพัฒน์ โรงเรียนไตรพัฒน์

           

          Editor : แม่น้องอลินดา
          ภาพ : กรานต์ชนก บุญบำรุง


          อ่านต่อบทความน่าสนใจ

            Hotstar

            Disney+ Hotstar เปิดบ้านครั้งแรก! จัดเต็มกับอาณาจักรคอนเทนต์สุดตื่นตา ดูสนุกได้ทุกครอบครัว

            Disney+ Hotstar เปิดบ้านครั้งแรก จัดเต็มกับอาณาจักรคอนเทนต์สุดตื่นตา ในงาน Disney+ Hotstar Open House 13-16 ก.ค. ที่ Parc Paragon

            Disney+ Hotstar เปิดความอลังการครั้งยิ่งใหญ่ในงาน “Disney+ Hotstar Open House” เมื่อ ดิสนีย์+ ฮอตสตาร์ เปิดบ้านครั้งแรกให้ผู้ชมชาวไทยมาร่วมค้นหาเรื่องราวในอาณาจักรคอนเทนต์อันหลากหลาย ทั้งคอนเทนต์ที่คุณรักและคอนเทนต์ที่คาดไม่ถึงมากมาย สำหรับผู้ชมทุกวัยจาก เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกประสบการณ์ ให้คุณได้สัมผัสและตื่นตาไปกับกิจกรรมในโซนต่าง ๆ พร้อมมุมถ่ายภาพตามธีมคอนเทนต์สุดเก๋แบบจัดเต็ม โดยงานในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “ยิ่งเติบโต ยิ่งตื่นตา” จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 13  – 16 กรกฎาคม 2566 เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ Parc Paragon  ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน งานนี้เข้าฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย 

            Hotstar

            Hotstar

            ภายในงาน ดิสนีย์+ ฮอตสตาร์ ได้เนรมิตกิจกรรมสนุก ๆ ให้ผู้ร่วมงานสัมผัสประสบการณ์เกินคาดในดินแดนคอนเทนต์อันหลากหลาย เริ่มจาก Hall of Fame ที่ผู้ชมจะได้ตื่นตาไปกับคอนเทนต์จากทั้ง 6 แฟรนไชส์ ได้แก่ Disney, Pixar, Marvel, Star Wars, National Geographic และแบรนด์ใหม่ STAR ที่รวบรวมภาพยนตร์ ซีรีส์ อนิเมะ และรายการต่าง ๆ จากเกาหลี ญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา และไทย จากนั้นจะได้พบกับ 4 โซนกิจกรรมที่ได้แรงบันดาลใจจากคอนเทนต์ต่าง ๆ แบบครบรส ดังนี้

            • Adventure District – ออกผจญภัยและร่วมทดสอบความเร็ว ความแข็งแรง และไหวพริบในดินแดนของเกม arcade ที่ได้แรงบันดาลใจจากคอนเทนต์แนวแอ็กชันและผจญภัย
            • Love Chamber – เฉลิมฉลองความรักของครอบครัว เพื่อน คนรัก และรวมถึงตัวคุณเอง ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของคอนเทนต์ทรงพลังมากมายบน Disney+ Hotstar พร้อมทั้งร่วมค้นหาคำตอบผ่านเครื่อง Magic Love Machine ว่าความรักความสัมพันธ์ของแต่ละคนคล้ายกับตัวละครใด
            • Tunnel of Mystery – ถึงเวลาเผชิญประสบการณ์เขย่าขวัญที่ได้แรงบันดาลใจมาจากคอนเทนต์แนวสยองขวัญ ระทึกขวัญ และอาชญากรรม
            • Fantasy World – ดำดิ่งสู่โลกแฟนตาซีให้ได้ปลดปล่อยพลังแห่งจินตนาการของตัวเองผ่านกำแพงอินเทอร์แอ็กทีฟสุดตื่นตาของทั้ง 3 โลก Underwater Fantasy, Outer Space Journey และ Deep Forest Magic ที่ได้แรงบันดาลใจจากคอนเทนต์แนวไซไฟ และแฟนตาซี

            Hotstar Hotstar Hotstar Hotstar

             

            โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้รับ Sticker Book สุดน่ารักสำหรับสะสมสติกเกอร์โปสเตอร์จากคอนเทนต์บน Disney+ Hotstar ภายใต้ธีมของแต่ละโซนกิจกรรม เป็นของที่ระลึกกลับบ้านอีกด้วย

            Hotstar

            ปิดท้ายกันที่โซน Open House Lounge ที่จะพาผู้ที่สำเร็จภารกิจจาก 4 โซนไปรู้จักกับ ดิสนีย์+ ฮอตสตาร์ มากยิ่งขึ้น รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกประสบการณ์ และแวะสร้าง Watchlist ที่โดนใจในแบบเฉพาะตัวและสามารถสมัครแพ็กเกจ Disney+ Hotstar พร้อมรับของพรีเมียมสุดพิเศษได้ภายในงาน (จำนวนจำกัด)

            Hotstar

            พร้อมกันนี้ยังมีดาราและศิลปินขวัญใจทุกวัยตบเท้าเข้ามาร่วมสนุกกับกิจกรรมภายในงานเปิดตัววันแรกอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น คู่สองพี่น้อง “เกรซ กาญจน์เกล้า –  แกรนด์ กรณ์ภัสสร” ร่วมด้วยครอบครัว “ลิเดีย ศรัณย์รัชต์ – แมทธิว ดีน พร้อมน้องดีแลน – เดมี่” และคู่รัก “ใหม่ ดาวิกา – เต๋อ ฉันทวิชช์” นอกจากนี้ ยังมีหนุ่ม ๆ งานดีจากวง Proxie, เกิร์ลกรุ๊ปเพื่อนซี้ สาว ๆ จากวง 4EVE  และแก๊ง BNK48 ที่มาแจกความสดใสภายในงานอีกด้วย

            Hotstar

            ร่วมท่องไปในอาณาจักรคอนเทนต์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวความสนุกครบรสในงาน Disney+ Hotstar Open House ได้แล้ววันนี้เพียงลงทะเบียนออนไลน์ล่วงหน้าเพื่อเลือกวันและเวลาที่ต้องการเยี่ยมชมงานบนเว็บไซต์  www.OpenHouseThailand.com และนำรหัส QR code มาแสดงกับเจ้าหน้าที่ที่บริเวณทางเข้างานหรือสามารถมาลงทะเบียนหน้างาน ณ Parc Paragon ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน

            สามารถสมัครสมาชิก ดิสนีย์+ ฮอตสตาร์ ได้ทาง https://www.hotstar.com/th/ และสำหรับลูกค้าเอไอเอสสมัครแพ็กเกจ ดิสนีย์+ ฮอตสตาร์ พรีเมียมรายปี ในราคาพิเศษ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.ais.th/play/otherapp.html

            #DisneyPlusHotstarOpenHouse #ยิ่งเติบโตยิ่งตื่นตา #DisneyPlusHotstarTH

            สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ www.hotstar.com/th

            ###

            โซเชียลมีเดีย

            Twitter: @DisneyPlusTH

            Facebook: @DisneyPlusHotstarTH

            Instagram: @DisneyPlusHotstarTH

            TikTok: @DisneyPlusTH

            Hashtag: #ยิ่งเติบโตยิ่งตื่นตา #DisneyPlusHotstarTH

             

            เกี่ยวกับ Disney+ Hotstar
            Disney+ Hotstar เป็นบริการสตรีมมิ่งที่นำเสนอภาพยนตร์และรายการจากทั้งดิสนีย์, พิกซาร์, มาร์เวล, สตาร์ วอร์ส, เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก, เดอะ ซิมป์สัน และอื่น ๆ อีกมากมาย Disney+ Hotstar บริการสตรีมมิ่งเซอร์วิสโดยตรงกับผู้บริโภคจาก เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ เป็นส่วนหนึ่งของแผนก ดิสนีย์ มีเดีย แอนด์ เอนเตอร์เทนเมนต์ ดิสทริบิวชัน โดย Disney+ Hotstar นำเสนอคลังเอ็กซ์คลูซีฟออริจินัลคอนเทนต์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ สารคดี ไลฟ์แอ็กชันและแอนิเมชันซีรีส์ และรายการขนาดสั้นอีกมากมาย นอกจากการเข้าถึงคอนเทนต์ที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานของดิสนีย์ ทั้งภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ Disney+Hotstar ยังเป็นแหล่งสตรีมเอ็กซ์คลูซีฟ สำหรับคอนเทนต์ล่าสุดจาก  เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ สตูดิโอส์ อีกด้วย สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้บน www.hotstar.com หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ได้บนอุปกรณ์มือถือที่รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และเชื่อมต่อเข้ากับโทรทัศน์

            อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก

              เล่านิทานให้ลูกฟัง

              5 เคล็ดลับเด็ด! เล่านิทานให้ลูกฟัง เข้าใจ ได้สาระ พร้อมเสริมพัฒนาการที่ดี

              การ เล่านิทานให้ลูกฟัง คือหนึ่งกิจกรรมที่คุณพ่อคุณแม่น่าทำร่วมกับลูก เพราะนอกจากความสนุกสนาน เพลิดเพลินแล้ว การเล่านิทานให้ลูกฟังยังเป็นการใช้เวลาที่มีคุณภาพร่วมกับลูก ช่วยเสริมจินตนาการ เสริมพัฒนาการ และช่วยกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวอีกด้วย หากคุณพ่อคุณแม่รู้สึกกังวลว่าตัวเองจะเล่านิทานไม่สนุก ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเล่านิทานอย่างไรดี คุณกวิตา พุฒแดง (ครูไนซ์) ผู้ก่อตั้งบ้านกางใจ พื้นที่สำหรับการเรียนรู้สำหรับเด็ก ๆ มี เทคนิคเล่านิทานให้ลูกฟัง มาแบ่งปันกันค่ะ โดยเทคนิคนี้จะช่วยทำให้ลูก ๆ ทั้งสนุก และมีพัฒนาการที่ดี ถ้าพร้อมกันแล้ว มาค้นหากลวิธีที่ดี หรือไขข้อสงสัยในการใช้นิทานเพื่อสื่อสารกับเด็กกันได้เลย

              5 เทคนิค เล่านิทานให้ลูกฟัง
              โดย ครูไนซ์ – กวิตา พุฒแดง ผู้ก่อตั้งบ้านกางใจ

              ความสำคัญของหนังสือนิทาน

              หนังสือนิทานมีความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาเด็ก ๆ ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของผู้ปกครอง และสภาพแวดล้อมในการเติบโตของเด็ก การเล่านิทานเป็นวิธีการสื่อสารที่เหมาะสมในการสอน และกระตุ้นจินตนาการของเด็ก ผ่านเรื่องราวที่น่าสนใจ และน่าตื่นเต้น

              นิทานช่วยสร้างความรู้สึกและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ การใช้ภาษากาย และการเล่าเรื่องราวช่วยให้เด็กเรียนรู้ และเข้าใจสิ่งรอบตัวได้ดีขึ้น ทั้งนี้จะมีผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์และสังคมของพวกเขา

              นอกจากนี้ยังมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการสอนวินัยและบทเรียนที่สำคัญแก่เด็ก การนำเรื่องราวสนุกสนานและทำให้รู้สึกดีใจมาเป็นตัวอย่างให้เด็ก ๆ จะช่วยสร้างความสุขและจินตนาการในเรื่องราว

              นิทานเป็นเครื่องมือที่มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้และพัฒนาของเด็ก ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นแนวตลกหรือแนวเรียนรู้ สิ่งสำคัญคือการสร้างความสนุกและความสนใจในการอ่านและเรียนรู้ของเด็ก ๆ ให้เด็ก ๆ ได้มีโอกาสที่จะได้ยินเรื่องราว เรียนรู้จากการตั้งคำถาม และคิดวิเคราะห์ด้วยตัวเอง ดังนั้น ความสำคัญของหนังสือนิทานจึงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก ๆ

              เทคนิคเล่านิทานให้ลูกฟัง

              บ้านกางใจ พื้นที่ของเด็กและครอบครัว
              บ้านกางใจเป็นสถานที่ที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบการเรียนรู้และการจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละคน ที่บ้านกางใจ ครูไนซ์ดำเนินงาน ด้วยความเชื่อที่ว่า ความสุขของเด็กเป็นสิ่งสำคัญในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ดังนั้นจึงสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้าง อบอุ่นใจ และปลอดภัย เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสเรียนรู้และเติบโตอย่างเต็มที่
              บ้านกางใจ ทำงานเป็นทีมระหว่างบ้านกางใจและครอบครัว เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีกับเด็ก บ้านกางใจเปิดรับสมาชิกร่วมเรียนรู้ อายุ 2-4 ขวบ และคุณพ่อคุณแม่สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บไซต์ของบ้านกางใจเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกสถานที่เรียนรู้ของลูกได้ที่ www.baankangjai.com 

              Must Read >> บ้านกางใจ พื้นที่สำหรับเด็กๆ เล่น เรียนรู้ ตามวัย เติบโตไปอย่างมีความสุข

              สิ่งที่ควรให้ความสำคัญในการ เล่านิทานให้ลูกฟัง

              การสร้างสมาธิและให้เด็กได้ผ่อนคลายก่อนการอ่านนิทานเป็นสิ่งสำคัญ อาจให้ลูกเล่นเกม หรือวิ่งเล่น ทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานก่อน พอสังเกตว่าเด็กพร้อมทั้งทางกายและจิตใจในการรับฟังเรื่องราวแล้ว จึงใช้เทคนิคอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การเลือกใช้เสียงพูดและน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปตามบทสนทนาของตัวละคร การใช้ภาพตัวละครและฉากต่าง ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจ และความตั้งใจของเด็กในการฟังนิทาน อีกทั้งการเปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมในการเล่านิทานเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยสร้างความสนใจและดึงดูดให้เด็กตั้งใจฟังมากขึ้น 

              นอกจากนี้ ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญกับระยะเวลาในการเล่านิทาน ไม่ควรเล่านิทานที่ยาวเกินไป และเรื่องราวที่นำเสนอควรมีความหมายที่ถ่ายทอดไปยังเด็กเพื่อการเรียนรู้ได้ มีความสอดคล้องกับวัย และความสามารถในการทำความเข้าใจของเด็ก 

              เทคนิคเล่านิทานให้ลูกฟัง

              5 เทคนิค เล่านิทานให้ลูกฟัง ให้สนุกไปพร้อมลูก

              • การใช้เรื่องราวเพื่อสอนและสร้างความเข้าใจ

              เด็กมองและรับรู้เรื่องราว อย่างการสังเกตพ่อแม่รับประทานอาหาร พวกเขาเรียนรู้ภาษากาย รวมไปถึงการสังเกตสีหน้าของผู้คน ก่อนที่จะนำข้อมูลที่ได้รับรู้นั้นมาทำความเข้าใจในรูปแบบของตนเอง ตัวอย่างเช่น หากแม่เข้ามาในห้องด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง ขมวดคิ้ว เด็กก็สามารถอนุมานได้อย่างรวดเร็ว หลังสังเกตการณ์หลายครั้งว่า เมื่อเห็นสีหน้าเช่นนั้นของแม่ แม่อาจจะกำลังแสดงความไม่พอใจ หรือมีเรื่องคุยด้วยอย่างจริงจัง

              หนังสือนิทานตัวอย่าง คือ แมว 11 ตัว กับยักษ์อุฮิอะฮะ หนังสือเล่มนี้เป็นนิทานตลกสุดฮา ที่โรงเรียนอนุบาลต่าง ๆ เคยพิจารณาว่าต้องมี หนังสือเล่มนี้วางขายมาประมาณ 20 ปีแล้ว  เป็นนิทานที่เน้นให้คิดสร้างสรรค์ มีท้องฟ้าสีชมพูสดใส และแมวเดินสองขา น้องแมว 11 ตัว ใช้สอนเรื่องการนับได้ ขณะที่อุปสรรคต่าง ๆ ในการเดินทางซึ่งจัดเป็นการผจญภัยก็ได้สร้างความเข้าใจเรื่องความรับผิดชอบ และช่วยสอนวินัยในการทำสิ่งที่ถูกต้องให้กับเด็ก  

              • การใช้หนังสือเพื่อดึงดูดความสนใจและสร้างสภาพแวดล้อมทางภาษา

              หนังสือเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ในการดึงดูดความสนใจ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กไปสู่ทิศทางที่ผู้ปกครองคาดหวังไว้ได้ ในช่วงเวลาก่อนเด็กเริ่มเข้าโรงเรียน ผู้ปกครองสามารถใช้หนังสือ โดยเฉพาะนิทาน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้เด็กมีความสนใจในการเรียนรู้ โดยเน้นกระบวนการที่สร้างความตื่นเต้นและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่สนุกสนานต่าง ๆ 

              การดึงดูดให้ลูกมีพัฒนาด้านภาษา การใช้ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ในสภาพแวดล้อมที่สอนเด็กเป็นเรื่องสำคัญ แต่ควรหลีกเลี่ยงการผสมผสานประโยคของภาษาไทยและอังกฤษเข้าด้วยกัน การใช้ประโยคภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ เล่าให้จบก่อนหนึ่งรอบ และจึงสลับใช้ภาษาไทยจะช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะการแต่งประโยคในภาษาหนึ่ง ๆ ได้ดีกว่า และช่วยให้เด็กเข้าใจเนื้อเรื่องจากในภาษาหนึ่ง และเรียนรู้จากอีกภาษาหนึ่งได้มากขึ้น

              การสลับภาษาไปมา อาจทำให้เกิดความสับสนและยากต่อการเข้าใจภาษาอย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างสภาพแวดล้อมทางภาษาที่สอดคล้องกันเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การเล่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฤดูร้อน และมีภาพประกอบสวยงาม หรือผู้ปกครองสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างฉาก และบทสนทนาของตัวละครในเรื่องเล่า โดยใช้ภาษาไทยหรือภาษาอื่นที่เหมาะสมกับเด็ก นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังสามารถใช้วิธีการอื่น ๆ อย่างการเล่นบทบาทเพื่อให้เด็กมีส่วนร่วมและตอบสนองต่อเรื่องราวได้

              • การใช้เรื่องราวเป็นเครื่องมือสื่อสาร

              เรื่องราวที่นำมาเล่า เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สำคัญต่อการเรียนการสอน ผู้ปกครองสามารถใช้การ์ดหรือรูปภาพทั้งปกนอกและภายในเล่มนิทานเป็นตัวช่วยในการเล่นโต้ตอบและการสร้างคำถามที่เกี่ยวข้องกับภาพได้ โดยนิทาน 1 เล่ม สามารถใช้เป็นเครื่องมือสร้างการสนทนา สื่อสารให้เด็กคิด ส่งเสริมการอ่าน และการสื่อสารภาษาด้วยความเข้าใจ การใช้เรื่องราวและนิทานในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เรื่องที่เกี่ยวข้องกับธรรมะหรือประวัติศาสตร์ อาจส่งเสริมความสนใจในเรื่ององค์รวมและคุณค่าทางศีลธรรม ทั้งยังอาจสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ให้กับเด็กได้อีกด้วย ดังนั้น การใช้เรื่องราวจึงเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารเชิงบวก ต่อการพัฒนาและการเติบโตของเด็ก

              • การให้เวลา

              ให้เวลาเพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและสนุกสนานซึ่งจะสร้างความสนใจในการอ่านหนังสือของเด็ก สร้างปฏิสัมพันธ์และการเรียนรู้ที่ดีในเด็ก ผู้ปกครองควรใช้เวลาในการฝึกเล่านิทาน เพราะอาจมีคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยหรือออกเสียงผิด ซึ่งก็ถือว่าเป็นโอกาสสำหรับผู้ปกครองในการแก้ไขปัญหา และแสดงให้เด็กเห็นว่า เราสามารถจัดการกับความท้าทายดังกล่าวได้ นอกจากนี้ เวลาที่เล่านิทาน คุณพ่อคุณแม่ควรให้เวลากับการมองและสังเกตของเด็ก ๆ ขณะที่พวกเขามองภาพในหนังสือนิทาน เพื่อเป็นการสังเกตลูกด้วย

              การวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่า การปลูกฝังความรักในการอ่านให้แก่เด็ก ไม่ใช่เพียงแค่การมีหนังสือจำนวนมากอยู่ในบ้าน แต่ต้องมีแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องเช่นกัน การครอบครองหนังสือจำนวนมากไม่ได้รับประกันว่าลูกจะเติบโตมาเป็นเด็กที่หลงใหลในการอ่าน แต่ถ้าพ่อแม่มีหนังสือวรรณกรรมและนิตยสารให้เลือกมากมาย และใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีในแต่ละวันเพื่ออ่านหนังสือสองสามหน้า ก็จะช่วยสร้างการกระตุ้นให้ลูกพัฒนานิสัยการอ่านได้อย่างอิสระ และมีความสนใจในการอ่านมากขึ้นได้

              • การให้ความสำคัญกับทัศนคติต่อการเล่าเรื่อง

              แนวทางที่ดีที่สุดคือ “การนำวิธีการแบบ 180 องศาที่เป็นกลาง” มาใช้ในการเล่าเรื่อง โดยผู้ใหญ่ควรให้ความสำคัญกับประสบการณ์ และการมีส่วนร่วมของเด็ก ควรเล่านิทานด้วยความมั่นใจ สนุกสนาน และเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น หากทำแบบนี้ เด็กจะได้รับประสบการณ์ที่ดี พวกเขาจะไม่รู้สึกกังวลใจเกี่ยวกับการแปลความหรือไม่รู้สึกกังวลว่าจะต้องเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดอย่างสมบูรณ์แบบ แต่จะช่วยพัฒนาทัศนคติที่ดีต่อหนังสือและเรื่องเล่าต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น 

              ผู้ปกครองต้องเข้าใจว่า หนังสือนิทานไม่จำเป็นต้องเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องมีรูปภาพประกอบ หนังสือเสียงสำหรับเด็ก หรือหนังสือผ้าที่ให้ประสบการณ์สัมผัส ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

              ในส่วนของรูปแบบการเล่า แม้จะมีทฤษฎีที่ออกมาแย้งว่า เวลาเราเล่านิทาน เราไม่ควรทำเสียงสูงต่ำ แต่ควรเล่าด้วยโทนเสียงเดียวเสมอตั้งแต่ประโยคแรกจนถึงประโยคสุดท้าย แต่ทางครูไนซ์ได้เสนอว่า การใช้เสียงสามารถกระตุ้นการเรียนรู้ได้ นอกจากนี้ ครูไนซ์ยังแนะนำว่า ผู้ปกครองอาจจะเล่านิทาน โดยใช้เทคนิคการร้องเพลงประกอบด้วยก็ได้ โดยใช้ตัวอย่างหนังสือหัวผักกาดยักษ์ ประกอบการสาธิต

              เทคนิคเล่านิทานให้ลูกฟัง

              ตัวอย่างการเล่าเรื่องเพื่อการเรียนรู้ในต่างประเทศ

              • ประเทศออสเตรเลียและอเมริกาเหนือ มีหลักสูตรการศึกษาที่สอนให้เด็กในระดับอนุบาลสามารถใช้บอร์ดเกมหรือหนังสือนิทานเป็นตัวช่วยในการเรียนรู้ และเมื่อเด็กเข้าสู่ระดับประถมศึกษาจะได้เรียนรู้การอ่านแผนภูมิพื้นฐาน เช่น แผนภูมิแท่งหรือแผนภูมิวงกลม เมื่อเด็กเข้าสู่ระดับมัธยมศึกษาจะเป็นการอ่านแผนที่ที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การอ่านแผนที่ที่ใช้ในการเดินทางไกลในอดีต จากนั้นผู้เรียนจะฝึกการอ่านแผนที่ที่ยากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสู่ระดับการศึกษาสูง ๆ และในขั้นตอนสุดท้าย ผู้เรียนจะพัฒนาความรู้มาสร้างอินโฟกราฟฟิกเหมือนที่เห็นในสื่อต่าง ๆ การเล่าเรื่องและให้เรียนรู้เช่นนี้เน้นไปที่ภาพและการมีส่วนร่วมเพื่อความเข้าใจ
              • ประเทศญี่ปุ่น มีการสำรวจพบว่าเด็กญี่ปุ่นส่วนใหญ่สนุกกับการอ่านหนังสือภาพที่เป็นภาพจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย หรือโปสการ์ด มากกว่าภาพนิทานที่วาดขึ้นมา

              เทคนิคเล่านิทานให้ลูกฟัง

              สรุปสาระ เทคนิค เล่านิทานให้ลูกฟัง

              1. เล่าเรื่องราว เพื่อสอน และสร้างความเข้าใจ 
              2. หนังสือนิทาน เป็นเครื่องมือเพื่อดึงดูดความสนใจ และสร้างสภาพแวดล้อม เพื่อการพัฒนาทักษะทางภาษา ทั้งภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ
              3. เรื่องราวในนิทาน เป็นเครื่องมือสื่อสาร ที่ช่วยในการสร้างปฏิสัมพันธ์ กระตุ้นการอ่าน และการสื่อสารภาษาของเด็ก
              4. การให้เวลา ช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น และสนุกสนาน ผู้ปกครองควรใช้เวลาให้เพียงพอในการฝึกเล่านิทาน และสังเกตการณ์เด็ก เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการสื่อสารด้วย
              5. ทัศนคติต่อการเล่าเรื่อง  ผู้ปกครองควรเล่าเรื่องราวด้วยความมั่นใจ และสนุกสนาน เพื่อสร้างความสนใจ และความตื่นเต้นในการเรียนรู้ของเด็ก

              เทคนิค เล่านิทานให้ลูกฟัง นี้สามารถนำไปปรับใช้ได้ในหลายรูปแบบ เพราะการเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้กับลูกน้อยฟังนั้น จริง ๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นหนังสือนิทานเพียงอย่างเดียวก็ได้ คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกเป็นหนังสือภาพต่าง ๆ หรือนำสิ่งที่เห็นอยู่รอบตัวมาพูดคุยกับลูกได้ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่และลูกได้ใช้เวลาร่วมกัน เพื่อสร้างพื้นที่ที่สนุกสนาน เติมเต็มความรู้ และความเข้าใจที่สร้างสรรค์ ส่งผลให้ลูกน้อยพัฒนาทักษะการอ่าน ความคิดสร้างสรรค์ และความสนใจในการเรียนรู้ได้อย่างมาก

               

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

               

              อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

              เทคนิคการ เล่านิทาน ให้สนุก ลูกฟังฟิน อินข้ามวัน

              วันนี้คุณ เล่านิทาน ให้ลูกฟังถูกวิธีแล้วหรือยัง?

              อยากให้ลูกฝันดีต้อง เล่านิทานให้ลูกฟัง

              เหตุผลที่ควรเล่านิทานและเทคนิคการเล่านิทานให้ลูกน้อยเพลิดเพลินและมีความสุข

              ถ้าเบื่อการเล่านิทานเรื่องเดิมซ้ำๆ เพราะลูกขอ ทำอย่างไรดี?

              ลดความน่าเบื่อในการเล่านิทาน

               

                โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ โรงเรียนเล็กๆ ย่านท่าอิฐ กับหลักสูตรสุดว้าว! Project Approach

                โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์  “Children must be taught how to think, not what to think.” – Margaret Mead เด็กๆ ควรได้รับการปลูกฝังว่าควรคิดอย่างไร ไม่ใช่ควรคิดอะไร

                โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์
                กับหลักสูตรสุดว้าว! Project Approach
                ให้เด็กๆ
                เลือกเอง เรียนเอง ค้นหาตัวเอง

                บรรยากาศทางเข้าโรงเรียน

                 

                และนี่เป็นการสำรวจโรงเรียนเล็กๆ ที่น่าทึ่ง!

                School Visit วันนี้ ทีมแม่ ABK พาคุณพ่อคุณแม่ทุกคนมาเยี่ยมชม โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ ย่านนนทบุรีกันค่ะ ซึ่งเป็นโรงเรียนในเครือของ โรงเรียนนวพัฒน์วิทยา … อีกหนึ่งโรงเรียนอนุบาล ดีๆ ที่ต้องบอกต่อ!!

                ถ้านึกถึงโรงเรียน.. เราอาจนึกภาพอาคารขนาดใหญ่ที่จอแจด้วยห้องเรียนจำนวนนับไม่ถ้วน โถงทางเดินที่มีเสียงดัง และกลุ่มนักเรียนจำนวนมาก กลับกันที่ โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ ทุกอย่างแตกต่างออกไป

                โรงเรียนเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ที่อำเภอท่าอิฐ จังหวัดนนทบุรี ห่างไกลใจกลางเมืองอันวุ่นวายอย่างกรุงเทพมหานครฯ ในระหว่างการเดินทางมาที่ โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ เหมือนเป็นการปรับอารมณ์ให้เงียบสงบและเรียบง่ายมากขึ้น จากเมืองสู่ชุมชนชานเมืองที่แวดล้อมไปด้วยสีเขียวของต้นไม้มีให้รู้สึกสบายตาตลอดทาง และเมื่อมาถึงเราจะพบอาคารชั้นเดียวสีขาวสะอาดตาสไตล์สแกนดิเนเวียน เพดานสูง โล่ง หายใจได้สะดวก แสงแดดสามารถสาดส่องเข้ามาได้ทุกมุม พร้อมเครื่องเล่น ฐานกิจกรรมสีสันสดใส หลากหลายวัสดุ มากมายหลายฐาน สำหรับผู้ใหญ่แค่เห็นก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว หากเป็นเด็กๆ เราคงคว้าตัวไว้ไม่ทันแน่ … มาดูกันดีกว่าว่าอะไรทำให้โรงเรียนเล็กๆ แห่งนี้มีความพิเศษ!

                แสงสว่างส่องลงมาทั่วทุกบริเวณ ทำให้โรงเรียนดูสดใส พร้อมพี่กระต่าย 3 ตัว มาคอยต้อนรับ (สื่อถึงความสดใสของเด็กชั้นอนุบาล 1,2 และ3)

                รูปปั้นกระต่ายสีสันสดใส คอยต้อนรับเด็กๆทุกวัน

                 

                ลานกิจกรรมสั่งทำพิเศษสำหรับนักสำรวจตัวน้อย พร้อมเล่น พร้อมกระโดด และเรียนรู้กฏจราจรไปในตัว

                 

                ทุกมุมจะมีเครื่องเล่นให้เด็กหมุนเวียน สับเปลี่ยนกันเล่น ยามว่าง

                 

                เพราะการเลี้ยงดูในวัยเด็กมีบทบาทสำคัญในการสร้างการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก

                ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและมั่นคง ส่งเสริมการควบคุมอารมณ์ และสร้างรากฐานสำหรับความสัมพันธ์ที่ดีตลอดชีวิต นี่คือสิ่งที่ “คุณกุ่ย พิตรา” ทายาทรุ่นที่ 3 และคุณครูประจำโรงเรียนนวพัฒน์พิทยา (ประชาชื่น) และ โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ เชื่อมั่น!!!

                และนอกเหนือจากเป็นผู้บริหารและคุณครูแล้ว คุณกุ่ยยังเป็นคุณแม่ลูกแฝด 3 ซึ่งทั้งสามก็เป็นนักเรียนชั้นอนุบาล 3 (หลักสูตร Mini English Program) อยู่ที่นี่อีกด้วย

                เรียนเหมือนเล่น เล่นแล้วได้เรียน เพราะเชื่อว่า ยิ่งเล่นยิ่งโต

                เด็กๆกำลังเรียนรู้กฏจราจรจากถนนจำลอง

                เหยียบรอยเท้าที่ทำจากวัสดุนานาชนิด กิจกรรมพัฒนาประสาททางสายตา สัมผัสทางผิวหนัง การทรงตัว และการควบคุมกล้ามเนื้อมัดใหญ่ผ่านการเดินหรือกระโดด

                น้องอนุบาล 1 เพลิดเพลินกับการเรียนรู้ตัวพยัญชนะภาษาอังกฤษ จับคู่ตัวอักษร-สี และออกเสียง ไปพร้อมกัน

                 

                สิ่งที่ไม่ทักไม่ได้เลย

                เมื่อมาถึงที่ โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ คือ ฐานกิจกรรม (ซึ่งมีเยอะมาก) คุณกุ่ย เล่าว่าที่นวพัฒน์เด็กๆ จะเคลื่อนไหวในการทำกิจกรรมอยู่ตลอดเวลา เพราะ Sensory & Motor Skill มีความสำคัญต่อเด็กเล็กเนื่องจากส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการโดยรวมผ่านการสัมผัส รูป รส กลิ่น เสียง และการเคลื่อนไหว ซึ่งเกี่ยวข้องกับการประสานงานระหว่างกล้ามเนื้อ เส้นประสาท และสมอง ในเด็กเล็ก ทักษะทางประสาทสัมผัสมีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตทางพัฒนาการของเด็กและการทำงานในชีวิตประจำวันซึ่งทำได้ง่ายๆ แต่มีประสิทธิภาพ

                ฐานกิจกรรมที่เด็กๆ ทุกระดับชั้นจะเวียนกันมาทำ เด็กๆชอบอะไร หรือ ไม่ชอบอะไรนั้น จะสังเกตได้ผ่านการทำกิจกรรม
                กิจกรรมเหยียบสี สร้างความเป็นนักคิดให้กับเด็กๆ เพราะเด็กๆสงสัยว่า ทำไมสีจึงไม่เลอะติดเท้ากันนะ?

                การเรียนรู้ผ่านการเล่นจะช่วยสร้างประสบการณ์ให้กับเด็กๆ และส่งเสริมทักษะการประมวลผลทางประสาทสัมผัสในเด็กเพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่สมวัย

                 

                เด็กๆกำลังจ่ายตลาดจำลอง ฝึกการทำตามคำสั่งผ่านกิจกรรมที่สนุกสนาน เพราะเด็กๆทุกคนชอบรถเข็น!

                 

                1. การพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหว: ประสาทสัมผัสช่วยพัฒนากล้ามเนื้อเป็นทักษะที่ช่วยในการเคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวัน ทักษะการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก (Fine Motor Skill) เป็นทักษะที่ต้องการควบคุมและแม่นยำ ใช้เพื่อควบคุมทิศทางของสิ่งของ เช่น การเขียน ส่วนทักษะการพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ (Gross Motor Skill) จะช่วยให้เด็ก ๆ รู้จักการทรงตัว สร้างสมดุลให้กับร่างกายได้ มีความแข็งแรง มีความทะมัดทะแมง ความไวในการเปลี่ยนท่าทาง มีทักษะที่ดีในการเล่นกีฬา
                การตักข้าวหรือเมล็ดถั่วใส่ขวดช่วยพัฒนาการควบคุมกล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็กๆและการทำงานที่เชื่อมโยงระหว่าง ตาและนิ้วมือ
                1. พัฒนาการทางอารมณ์: รูป รส กลิ่น เสียง อาจส่งผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็ก เด็กที่ได้รับประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสที่พวกเขาชอบมักจะรู้สึกมีความสุข ผ่อนคลาย และสงบ
                วัสดุจากธรรมชาติหลากรูปทรง หลายสัมผัส นอกเหนือจากจะได้หยิบจับแล้ว เด็กๆยังได้เรียนรู้ว่าสิ่งไหนไว้ใช้ทำอะไร
                1. การแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์: เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และได้ฝึกทักษะการแก้ปัญหา (Problem solving skill) เริ่มจากการฝึก

                กระตุ้นพัฒนาการและทักษะสำคัญตามวัยอย่างเหมาะสม ร่วมกับสอนให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ และการหาแนวทางแก้ปัญหาผ่านฐานกิจกรรมต่าง ๆ และกิจวัตรในชีวิตประจำวัน

                 

                กิจกรรมจับคู่ตัวเลขสำเร็จลุล่วงได้ไวขึ้นเมื่อเด็กๆมาช่วยกัน

                 

                 

                1. ภาษาและการพัฒนาความรู้ความเข้าใจ: ประสาทสัมผัสกระตุ้นพัฒนาการทางภาษาและความรู้ความเข้าใจ ผ่านการสัมผัส การได้ยิน การเห็น และการดมกลิ่นวัตถุต่างๆ ช่วยสร้างคำศัพท์และประสบการณ์ใหม่ๆ
                2. การควบคุมตนเอง: กิจกรรมช่วยให้เด็กเรียนรู้วิธีควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมของตนเอง เรียนรู้เรื่องกฏระเบียบและการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นในสังคม

                 

                Mini English Program และ ENGLISH PROGRAM ที่ โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ ก็มีนะ!!

                คุณครูชาวต่างชาติผู้สร้างเสียงหัวเราะและความสนุกสนานให้กับน้องๆอนุบาล 1 จนเด็กๆไม่เกร็งหรือกังวล และมีส่วนร่วมในกิจกรรมกันอย่างสุดเหวี่ยง

                 

                ที่ โรงเรียนนวพัฒน์พิทยา และ โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ ใช้หลักสูตร National Curriculum ของประเทศอังกฤษมาประยุกต์กับการเรียนการสอนแบบไทย จึงออกมาเป็นหลักสูตร Hybrid Curriculum (การผสมกันระหว่างสองหลักสูตร) โดยจัดการเรียนการสอนเป็นรูปแบบภาษาอังกฤษ ทั้งคุณครูและตำราเรียนจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่จะมีบางวิชาที่ยกเว้น เช่น วิชาภาษาไทย วิชาสังคมศาสตร์

                คุณครูชาวต่างชาติกำลังเล่านิทานหุ่นมือให้น้องๆชั้นเตรียมอนุบาลฟัง

                การเรียนการสอนของอังกฤษจะแตกต่างจากหลักสูตรของไทยตรงที่มีเรื่อง Understanding of the world ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเด็กๆ ก็จะมีความใฝ่รู้ใฝ่เรียน ค้นหาตัวตนของตัวเองได้จากกิจกรรมและการเรียนรู้ที่โรงเรียน มุ่งเน้นให้เด็กๆได้สำรวจ เรียนรู้ ลงมือทำ ค้นคว้าด้วยตัวเอง โดยการใช้ “Project Approach” (เริ่มตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาล) ซึ่งแต่ละสัปดาห์จะมีหัวข้อแตกต่างกันไป (เด็กๆไม่เบื่อแน่นอน) ผ่านการทำกิจกรรมที่ Sensory Station ที่จะแทรกเนื้อหาสาระโดยเด็กๆแทบจะไม่รู้ตัว (เหมือนแอบผสมผักเข้าไปในอาหาร)

                 

                เลือกเอง เรียนเอง ค้นหาตัวเอง

                เด็กๆ ได้ลงมือปลูกและดูแลผลผลิต ในสถานที่จริง เป็นสร้างประสบการณ์และความภาคภูมิใจให้ตนเอง

                การกำหนดกิจกรรมของเด็กๆ นั้นไม่ได้มาจากไหนเลย เด็กๆเป็นผู้กำหนดเองว่าอยากเรียนรู้เรื่องอะไร กระบวนการสอนแบบ “Project Approach” เด็กๆมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ ตัดสินใจและเลือกเส้นทางการเรียนรู้ของตนเอง เริ่มจากความชอบของเด็กๆ ให้เด็กๆเรียนรู้ด้วยตนเอง ค้นหาตนเอง ในแบบของตนเอง โดย

                • คุณครูจะถามประสบการณ์ของเด็กๆก่อน เพื่อเตรียมคลังความรู้
                • คุณครูจะนำข้อมูลมาบูรณาการ (ประยุกต์)
                • พาเด็กๆไปทัศนศึกษา
                • หลังจากนั้นให้เด็กๆกลับมาสร้างผลงานของตัวเอง
                • สุดท้ายจัดแสดงผลงานของเด็ก โดยเชิญผู้ปกครองมาชมด้วย ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันประสบความสำเร็จมากการเรียนรู้จะผ่าน 4 สาระการเรียนรู้ได้แก่ ตัวเรา ธรรมชาติรอบตัว บุคคลและสิ่งแวดล้อม พร้อมกับเชื่อมโยงทักษะด้านวิชาการด้านต่างๆ คือ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เชาวน์ปัญญา ศิลปะ และวิทยาศาสตร์ เพื่อกระตุ้นความสนใจของเด็กๆให้เกิดการเรียนรู้และแสวงหาความรู้อย่างยั่งยืนหรือที่เรียกว่า Lifelong Learning ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็จะเป็นผู้ใฝ่รู้สนใจอยากค้นคว้าสิ่งต่างๆรอบตัว การเรียนการเป็น หน่วยการเรียนรู้ แกต่างไปตามอาทิตย์ โดยการเลือกหัวข้อคุณครูจะอิงกับหลักสูตรประถมวัย
                ทำไมแต่ละขวดจึงมีเสียงที่แตกต่างกัน? กิจกรรมจะกระตุ้นให้เด็กๆสงสัย สร้างความอยากรู้ อยากเห็น

                หล่อหลอมพฤติกรรมคุณภาพ

                การเรียนรู้ผ่านกระบวนการ Project Approach ไม่ได้แค่เพียงทำให้เด็กๆรู้สึกสนุกเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการปลูกฝังพฤติกรรมคุณภาพผ่านการลงมือทำ เด็กๆที่นวพัฒน์จะเรียนรู้สิ่งเหล่านี้นี้ตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1

                1. การทำงานร่วมกัน: คุณครูและเด็กๆทำงานร่วมกันเพื่อออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบร่วมมือซึ่งแต่ละคนมีหน้าที่รับผิดชอบในการเรียนรู้ของตนเอง
                2. ความยืดหยุ่น: กิจกรรมการเรียนรู้และกลยุทธ์การสอนได้รับการปรับและปรับแต่งตามความต้องการและความสนใจของเด็กๆ สร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีส่วนร่วมและมีความหมายมากขึ้น
                3. การคิดอย่างมีวิจารณญาณ: ส่งเสริมการคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหา และความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง มากกว่าการท่องจำ
                4. เครื่องมือ: คุณครูและเด็กๆใช้สื่อและกิจกรรมเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบโต้ตอบและมีส่วนร่วมมากขึ้น

                 

                นอกเหนือจากที่เด็กๆจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงแล้ว เด็กๆยังได้เรียนกับผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆตามหัวข้อที่เด็กๆสนใจ เป็นเรื่องจริงที่ว่า สิ่งใดก็ตามที่ทำเป็นประจำสิ่งนั้นย่อมปลูกฝังและเป็นนิสัย

                เด็กช่วยกันจับคู่ไม้ไอศครีมให้เสร็จและสำเร็จไปด้วยกัน เป็นการฝึกการทำงานร่วมกันไปในตัว

                เด็กๆ พูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วและมั่นใจ

                ภาษาอังกฤษของเด็กๆที่โรงเรียนนวพัฒน์จัดได้ว่าเป็นจุดขายของโรงเรียนเลยก็ว่าได้ … เพราะที่นวพัฒน์เป็นการสอนภาษาอังกฤษแบบที่ไม่ใช่ท่องจำนั่นก็คือ โฟนิคส์ (Phonics) เป็นการเรียนภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยให้เด็กๆออกเสียงได้ถูกต้อง ทำให้เด็กๆสื่อสารภาษาอังกฤษได้ชัดเจนและสามารถอ่าน เขียน ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะสามารถสะกดคำศัพท์ต่างๆได้ด้วยตัวเองจากการรู้จักเสียงของตัวอักษรและเข้าใจหลักการผสมเสียง ซึ่งการอ่านเขียนแบบโฟนิคส์จะสามารถเรียนภาษาอังกฤษได้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่านักเรียนทั่วไปและมีความแตกฉานทางภาษา รักการอ่าน การค้นคว้าหาความรู้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับตัวเด็กๆเองในอนาคต

                น้องๆ อนุบาล1 เรียนภาษาอังกฤษกับคุณครูอย่างสนุกสนาน

                ฟุตฟิตฟอไฟ ไม่ทิ้งภาษาไทย

                หลักสูตรอิงตามกระทรวงศึกษาธิการของไทย แต่การเรียนการสอนวิธีการแบบอังกฤษ

                ทีเชอร์สายวิชาการเป็นผู้บริหารที่มีประสบการณ์สูง จบหลักสูตรครุศาสตร์ จากประเทศอังกฤษ ดูแลและออกแบบการจัดการเรียนการสอน ใช้หนังสือและตำรานำเข้าจากต่างประเทศซึ่งเหมือนกับหลักสูตรในโรงเรียนนานาชาติ จึงทำให้เด็กๆนวพัฒน์อ่าน เขียน พูดภาษาอังกฤษราวกับ native speaker ในขณะที่วิชาไทยก็ใช้บทเรียนภาษาไทย เนื้อหาหลักสูตรไทย เด็กๆจึงได้เรียนรู้ 2 ภาษาแน่นๆไปพร้อมๆกันแน่นอน

                การวัดผล ผ่านการเก็บคะแนนตามที่คุณครูกำหนด (ยกเลิกการสอบมิดเทอม) และมีสอบปลายภาคแค่ครั้งเดียว

                เด็กๆจะได้ไปสอบวัดผล National Test (NT) เพื่อประเมินคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการสอบ Ordinary National Education Test (O-NET) เพราะช่วง ป.4,5,6 เด็กๆจะต้องไปต่อชั้นมัธยม … ซึ่งเด็กๆนวพัฒน์สามารถสอบเข้ามัธยมโรงเรียนรัฐบาลที่มีชื่อเสียงได้เป็นจำนวนมาก

                ชั้นเรียนกับคุณครูไทย ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

                หนูน้อยรักการอ่าน

                ห้องสมุด สีหวาน พร้อมพี่ยีราฟตัวใหญ่ แล้วทำไมเด็กๆจะไม่อยากเข้าไปล่ะ!

                เด็กๆ นวพัฒน์จะมีวิชา Literature วิชาที่ว่าด้วยการอ่านวรรณกรรม ปลูกฝังให้เด็กๆรักการอ่านเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต ยิ่งได้รับการส่งเสริม ให้รู้จักหนังสือและการอ่านเร็วเท่าไหร่ เด็กก็มีแนวโน้มที่จะมีพัฒนาการที่ดีและมีความพร้อมในการเรียนรู้เร็วยิ่งขึ้น เพิ่มความคิด เพิ่มจินตนาการ

                น้องเตรียมอนุบาล 1 นั่งฟังคุณครูเล่านิทานอย่างอบอุ่น
                Project Approach เมื่อเด็กๆเลือกหัวข้อ “สัตว์ทะเล”

                5 สิ่งพิเศษที่ทำให้เด็กอยากมา โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ ทุกวัน

                1. เลือก เรียน ได้

                Project Approach ทำให้เด็กๆได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองเลือกซึ่งจะทำให้เด็กสนใจและมีแรงจูงใจในการเรียนรู้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

                1. เรียน เหมือน เล่น

                มาโรงเรียนแต่มาเหมือนเล่น! ที่นวพัฒน์เน้นการเรียนรู้ผ่านกิจกรรม หยิบ จับ ขยับ สังเกต เด็กๆจะมีส่วนร่วมและปฏิบัติกิจกรรมทั้งในและนอกห้องเรียนไปตามฐานกิจกรรม หมุนเวียนกันทั้งวัน เคลื่อนที่จนเด็กๆไม่รู้สึกเบื่อ

                1. เล่น สร้าง เพื่อน

                เวลาทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ให้กับเด็กๆอย่างเป็นธรรมชาติ เด็กๆจะเรียนรู้การเข้าสังคม เปิดโอกาสให้เด็กๆได้สื่อสาร ร่วมมือ และเล่นกับเพื่อนๆอย่างสนุกสนาน

                1. คุณครูและความผูกพัน

                เพราะคุณครูไม่ได้สอนหน้าชั้นเรียน และเรียกตอบคำถามถูกหรือผิด แต่คุณครูเป็นสนับสนุนและสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ เมื่อเด็กๆเป็นผู้เลือกหัวข้อที่ในการเรียนรู้ คุณครูก็จะออกแบบและวางแผนกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กๆ อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการประสานงานระหว่างคุณครูและนักเรียน ซึ่งทำให้เด็กๆและคุณครูผูกพันกันมาก

                1. ความแอดวานซ์และว้าว

                นอกเหนือจากกิจกรรม เด็กๆยังได้เรียนรู้กับวิทยากรภายนอกหรือผู้เชี่ยวชาญที่ทางโรงเรียนได้เชิญมาอีกด้วย

                และในทุกๆหน่วยกิจกรรม ทางโรงเรียนจะพาเด็กๆไปทัศนศึกษาข้างนอก! เด็กๆจะตื่นตาตื่นใจ! เมื่อได้เห็นสิ่งที่เด็กๆสนใจหรือได้เรียนมาอยู่ตรงหน้า กลับจากทัศนศึกษาเด็กๆจะได้สร้างผลงานตามแบบฉบับของตนเอง และทุกผลงานจะได้รับการจัดแสดง

                กลุ่มกิจกรรมสวนไดโนเสาร์ เด็กๆมีสมาธิและเล่นได้นานมากอยู่ในฐานที่มั่น

                Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

                1. ลูกได้เลือกเรียน

                คุณแม่ยุคใหม่กดไลค์แน่นอน เมื่อเด็กๆสามารถเลือกเรียนได้ เด็กๆจะไม่รู้สึกว่าการไปโรงเรียนคือการบังคับและเด็กๆก็จะสามารถค้นหาความชอบของตัวเองเจอ

                1. ภาษาอังกฤษเป็นเลิศ

                คุณแม่ไม่ต้องเสริมคอร์ส ภาษาอังกฤษแบบ Phonics เพิ่มเติม เพราะที่นวพัฒน์เป็นการสอนแบบโฟนิคส์อยู่แล้ว  เริ่มตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาลไปเลย หลักสูตรภาษาอังกฤษของที่นวพัฒน์จะทำให้เด็กๆสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ราวกับเจ้าของภาษา

                1. เด็กๆกล้าแสดงออก

                กิจกรรมเป็นเครื่องมือการเรียนการสอนหลักของโรงเรียนนวพัฒน์ การสร้างกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กทุกคนได้แสดงออกบ่อยๆ จะช่วยให้เด็กมีพฤติกรรมที่การกล้าแสดงออกมากขึ้น ช่วยลดอาการประหม่า และเพิ่มพูนความมั่นใจ คุณครูจะเป็นผู้ช่วยส่งเสริมให้เด็กๆมีความกล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม

                1. กิจกรรมทั้งวันให้ปล่อยพลังล้นๆ

                เด็กจะได้ปล่อยพลังทั้งวัน คุณแม่ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกไม่หิว ลูกไม่ง่วง เวลากลับบ้าน

                1. ความปลอดภัยแน่นหนา

                บุคคลากรครูดูแลอย่างทั่วถึง รั้วรอบโรงเรียนรอบขอบชิด ประตูหน้าโรงเรียนปิดระหว่างชั่วโมงการเรียนการสอน บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าภายในโรงเรียนได้

                เวลาเปลี่ยนกิจกรรม คุณครูจะคอยดูแลให้เด็กเตรียมตัวอย่างเหมาะสม เดินเรียงกันเป็นรถไฟไปทำกิจกรรมใหม่ เด็กๆจะเรียนรู้การรอคอยและการทำงานเป็นทีม

                 

                ก่อนและหลังกิจกรรม ล้างมือคือสิ่งสำคัญ เด็กๆจะเรียงแถวไม่แซงไปล้างมือกัน

                 

                การรับสมัครนักเรียน

                เตรียมอนุบาล อายุ 2 ปีเป็นต้นไป สามารถเข้าเมื่อไหร่ก็ได้

                ชั้นอนุบาล 1 เปิดรับสมัครช่วงพฤศจิกายน – ธันวาคม ของทุกๆปี เพื่อเข้าเรียนในปีถัดไป

                ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เปิดรับสมัครช่วง มกราคม – มีนาคม ของปีการศึกษานั้นๆ

                ชั้นประถมศึกษาสามารถเข้าเรียนกลางคันได้ แต่จะมีการทดสอบวัดระดับความรู้พื้นฐานของเด็กๆ

                สามารถจองเข้าเรียนล่วงหน้าโดยตรงกับทางโรงเรียน ซึ่งที่นวพัฒน์จำกัดจำนวนนักเรียนเพียง 20 คนต่อ1ห้อง และไม่รับเพิ่ม เพื่อคุณครูจะได้ดูแลได้อย่างทั่วถึง

                 

                โรงเรียนนวพัฒน์วิทยา ประชาชื่น

                • ค่าธรรมเนียมการเรียนระดับชั้นเตรียมอนุบาล 35,000 บาท ต่อเทอม
                • ค่าธรรมเนียมการเรียนระดับชั้นอนุบาล 1-3 หลักสูตรภาษาไทย 30,000 บาท ต่อเทอม
                • ค่าธรรมเนียมการเรียนระดับชั้นอนุบาล 1-3 หลักสูตร Mini English Program 40,000 บาท ต่อเทอม
                • ค่าธรรมเนียมการเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 หลักสูตรภาษาไทย 30,000 บาท ต่อเทอม
                • ค่าธรรมเนียมการเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 หลักสูตร English Program 42,000 บาท ต่อเทอม

                 

                โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ (ท่าอิฐ)

                ค่าธรรมเนียมการเรียนระดับชั้นเตรียมอนุบาล – อนุบาล 3 = 58,000 บาท ต่อเทอม

                 

                สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 097-2890670

                https://www.facebook.com/nawaphatkindy

                https://www.facebook.com/nawaphat.school

                 

                Editor : แม่พลอย
                ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข


                อ่านต่อบทความน่าสนใจ

                  น้ำนมเหลือง วัคซีนธรรมชาติจากแม่สู่ลูก ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้ตั้งแต่แรกเกิด

                  นมแม่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย เพราะเต็มไปด้วยสารอาหารสำคัญ โดยน้ำนมของแม่จะมี 3 ระยะคือ ระยะหัวน้ำนม (หรือน้ำนมเหลือง), ระยะน้ำนมปรับเปลี่ยน และระยะน้ำนมแม่ ซึ่งน้ำนมแม่ทั้งสามระยะนี้ มีคุณค่าทางสารอาหารที่แตกต่างกัน  โดยส่วนที่สำคัญและเปรียบเสมือน วัคซีนธรรมชาติจากอกแม่สู่ลูกน้อย คือระยะหัวน้ำนม (colostrum) หรือที่เรียกว่า น้ำนมเหลือง

                  น้ำนมเหลืองของแม่ ที่จะมีเพียง 3 วันแรกหลังคลอดเท่านั้น

                  ลักษณะของน้ำนมเหลือง

                  น้ำนมเหลืองจะมีสีเหลืองข้น โดยร่ายกายของแม่จะสร้างและหลั่งน้ำนมเหลืองออกมาเพียง 3 วันแรก หลังคลอดเท่านั้น หลังจากนั้นจะเปลี่ยนเป็น Mature Milk หรือนมที่เป็นสีขาวในที่สุด

                  น้ำนมเหลือง เปรียบเสมือนวัคซีนธรรมชาติจากอกแม่สู่ลูกน้อย

                  • น้ำนมเหลืองประกอบไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นมากมาย โดยเฉพาะ “แลคโตเฟอร์ริน” ปริมาณสูง เปรียบเสมือนวัคซีนธรรมชาติชั้นดี เพราะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยแข็งแรง ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อในทารกแรกเกิด จึงลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย
                  • ช่วยทำให้ผนังลำไส้แข็งแรงขึ้น กระตุ้นการเพิ่มแล็กโตบาซิลลัส ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ในลำไส้ของเด็ก และลดปริมาณแบคทีเรียอีโคไลซึ่งมีอันตรายต่อทารกให้น้อยลงได้
                  • นอกจากนี้ น้ำนมเหลืองยังมีสารอาหารสำคัญหลากหลายชนิด เช่น MFGM, DHA ที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสมอง รวมถึงพัฒนาการอื่นๆ ของลูกน้อยอย่างรอบด้าน

                   

                  แลคโตเฟอร์ริน (Lactoferrin) สารอาหารสำคัญในน้ำนมเหลือง 

                  แลคโตเฟอร์ริน คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบมากในนมแม่ โดยเฉพาะน้ำนมเหลือง ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 15-20% ของโปรตีนทั้งหมดในนมแม่ ถือเป็นสารอาหารที่สำคัญมากที่ลูกควรได้รับ ซึ่งมีผลวิจัยรองรับว่า แลคโตเฟอร์ริน ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย นอกจากนี้ แลคโตเฟอรินยังช่วย

                  • ต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา
                  • กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ลดโอกาสการติดเชื้อต่างๆ โดยเฉพาะการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ
                  • ส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร ด้วยการเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์สุขภาพ และทำให้ผนังลำไส้แข็งแรง ลดโอกาสการเกิดท้องเสีย

                   

                   

                  การให้ลูกน้อยได้รับน้ำนมเหลืองตั้งแต่แรกเกิด จะเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี โดยเฉพาะเด็กผ่าคลอดที่อาจมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ เพราะไม่ได้รับจุลินทรีย์ชนิดดีที่อยู่ในช่องคลอดของแม่ ซึ่งตัวช่วยหรือหนึ่งในสารอาหารสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันก็คือ แลคโตเฟอร์ริน ที่พบมากในน้ำนมเหลืองของแม่

                  ผสานพลังสารอาหารในน้ำนมเหลืองเพื่อพัฒนาการครบรอบด้าน

                  น้ำนมเหลืองนั้น นอกจากจะมีแลคโตเฟอร์รินในปริมาณที่สูงแล้ว ยังอุดมด้วยสารอาหารสำคัญอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

                  • MFGM เยื่อหุ้มอนุภาคไขมันที่พบในนมแม่ มีองค์ประกอบเป็นโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด เช่น สฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟลิปิด และแกงกลิโอไซด์ มีงานวิจัยรองรับว่านมแม่ซึ่งมี MFGM ส่งผลดีต่อพัฒนาการสมองในระยะยาวของเด็กเล็กไปจนถึงวัยเข้าเรียน เด็กที่ได้รับ MFGM อย่างเพียงพอในช่วงแรกของชีวิต จะมี IQ และ EQ ที่เหนือกว่าเด็กที่ไม่ได้รับ MFGM
                  • DHA กรดไขมันจำเป็นในตระกูลโอเมก้า 3 ที่เป็นโครงสร้างของเซลล์สมองและจอประสาทตา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรับส่งข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาท เพิ่มจุดเชื่อมต่อของเซลล์สมอง การเรียนรู้ของเด็กจึงดีขึ้นไปด้วย
                  • ใยอาหารหรือพรีไบโอติกส์ อาทิเช่น 2’-FL ใยอาหารธรรมชาติชนิดที่พบได้มากที่สุดในนมแม่ ช่วยเพิ่มจุลินทรีย์สุขภาพชนิดดีในลำไส้ ป้องกันการติดเชื้อของลำไส้ และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ลดโอกาสในการเจ็บป่วย

                  สารอาหารในน้ำนมเหลืองเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น แลคโตเฟอร์ริน, MFGM, DHA หรือใยอาหาร 2’-FL ไม่เพียงแค่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกแข็งแรง แต่ยังช่วยส่งเสริมพัฒนาการที่ครบรอบด้านให้ลูกน้อย ทั้งพัฒนาการสมอง ภูมิคุ้มกัน และระบบทางเดินอาหาร ดังนั้น ยิ่งลูกได้รับสารอาหารในน้ำนมเหลืองเหล่านี้ได้นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีประโยชน์และส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการ ในกรณีที่คุณแม่ไม่มีน้ำนมเหลือง อาจลองปรึกษาแพทย์ให้แนะนำนมสูตรที่มีสารอาหารที่พบในน้ำนมเหลือง โดยเฉพาะ “แลคโตเฟอร์ริน”

                  ค้นพบมหัศจรรย์น้ำนมเหลืองที่มี “แลคโตเฟอร์ริน” เพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3NPA8Gb

                    Tags

                    MOM INFLUENCER CONTEST SEASON 3

                    ประกาศรายชื่อ ผู้ผ่านเข้ารอบ รอบที่ 1 MOM INFLUENCER CONTEST SEASON 3

                    ประกาศรายชื่อ ผู้ผ่านเข้ารอบ รอบที่ 1 MOM INFLUENCER CONTEST SEASON 3 กับการประกวดคุณแม่นักรีวิวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทย มาเป็นหนึ่งในทีมคุณแม่ Influencer มืออาชีพกับ Amarin Baby & Kids และชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 300,000 บาท พร้อมโอกาสเป็น Influencer มืออาชีพ กับ Amarin Baby & Kids

                    ใครจะมีสิทธิ์ได้ร่วมประกวดกันบ้าง…เช็กรายชื่อได้ที่นี่!!

                    กรุงเทพมหานครฯ

                    กนกวรรณ แต่งอักษร

                    กมลฉัตร โสมประยูร

                    กลิ่นสุคนธ์ วันหมัด

                    กอบกุล กาญจนมุกดา

                    กัลยานิษฐ์  สิริธีรนนท์

                    กุลธิดา ดีชัยยะ

                    จิตติพร ตั้งจิตรเที่ยง

                    จินห์จุฑา ประกายแก้วสกุล

                    ชไมพร เกิดสุทธิ

                    ชณุตพร ศรีจำลอง

                    ชรินทร์ทิพย์ ทองสุกโชติ

                    ญดา วัฒนาศิริพานิช

                    ณวัสนนท์ พงศ์เกษมฐิรกุล

                    ณัชชา พงศ์พิสุทธิ์วณิช

                    ณัฐธิดา ดียิ่ง

                    ณัฐมล ว็อล์ช

                    ณัฐหทัย กรรณสูต

                    ณิชา ยมสมิต

                    ธนวรรณ เดชชุษณะนาถ

                    ธนารีย์  แซ่เติน

                    นนท์ชยลักษณ์ พรรณาผลากูล

                    นวมนรัศมิ์ วชิระธนานนท์

                    นัฐยา ปานรักษ์

                    นุศรา สุภาษร

                    นุสรา สุขเทียบ

                    บุศรินทร์ งามกร

                    เปรม​ยุ​ดา​ กฤษณ​จินดา​

                    ปุณยวีร์ ปาละ

                    ผกามาศ ไชยวิสุทธิกุล

                    แพรวเพ็ญ พิณพิพัฒน์

                    พกุล เสริฐสุวรรณกุล

                    พธพร รัตนสิโรจน์กุล

                    พัชต์วรินทรา วงศ์ฉัตรทอง

                    พิมพร  โรจนวิภาต

                    พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล

                    พิมพ์วิภา วงศ์ไทย

                    ภัสราวดี เผ่าจินดา

                    เมย์ วังพัฒนมงคล

                    เมวิกา เพ่งผล

                    มัณฑนา โชคศิริวัฒนาวาณิช

                    มานิตา ชะนะวิวัฒน์

                    รุ่งจอมขวัญ สวัสดิ์วัฒนดล

                    แววมณี เผือกสกนธ์

                    วรณิชชา แสงสุพรรณ

                    วราลักษณ์ อาตวงษ์

                    วิภาวัณย์ อรรณพพรชัย

                    สลิลดา บานแย้ม

                    สุทธิภา โมฬี

                    สุทธิลักษณ์ สกุลไทย

                    สุนิสา ไกรวงศ์

                    สุภัทรา จักร์แก้ว

                    หทัยชนก จุฑาเจริญสุข

                    อนิสา ทองทา

                    อนุสรา เชาว์ไว

                    อภัสนันท์ ศรีสกุล

                    อรชพร​ สวัสดี

                    อรอนงค์ จินตาไชยวิชญ์

                    อริสรา ติรณสวัสดิ์

                    อลิษา เหมือนวงศ์ทำ

                    ไอรฎา มะทา

                    May Wangpatanamongkol

                    Phatwarinthara wongchatthong

                     

                    ภาคกลาง

                    กนกวรรณ ทับทิมทอง

                    กนกวรรณ ประสิทธิ์

                    กัณนิกา  ปาระมี

                    กานต์พิชชา ธนาดิลก

                    จิตรกานต์ ภักดี

                    จิรัชญาณิช เบญจสกุล

                    ชมพูนุช ฐิติปุญญา

                    ชัญญา งิมสันเทียะ

                    ฐานิตย์รดา สาโรจน์วงศ์

                    ฐาปนี สุทธิสน

                    ฐิติยา นิ้มสุวรรณ

                    ณัฐธนภัทร์  แสงอุทัย

                    ดวงนภา สมสุขเจริญ

                    ธนัญญา สัตระ

                    ธัญลักษณ์ แมคกี

                    นริศรา ศรีมะปรางค์

                    นัทชา โสภณ

                    นันท์ชนก ไพฑูรย์มงคล

                    ปณัสยา ท้วมทอง

                    ปณิชา นพจิระเดช

                    ประกายรัตน์ เอื้อนุกูล

                    ปริตา สุรคุณารักษ์

                    ปลายลาณี ทัดทรัพย์ฤทธิ์

                    พรพรรณ โชติมโนธรรม

                    มชณต วงศา​โรจน์​

                    รมิดา โฆษิตวราสิน

                    วรรณวิศา เรืองเดช

                    วรันธร สุวัตถิกุล

                    วรางคณา วีระเศรษฐ์ศิริ

                    วิภาวัลย์ เจริญสุข

                    วิภาวี ชมิดท์

                    วิภาสิริ อุตตะกะ

                    วิมลสิริ เจริญมิตร

                    ศรศมน​ หวัง​เพิ่ม​พิทยา​

                    ศิริวรรณ สาพรม

                    ศุภนิมิต ปิ่นดี

                    สรารัตน์ ศรีชาลี

                    สิรินทรา ตันติวุฒิไกร

                    สิริภา  ยิ่งรัตน์

                    สิวิภรณ์ โสภณสิริวัฒน์

                    สุธิณี เกตุเจริญ

                    สุภัสรา พารักษา

                    สุภัสสรา โพธิ์เปี่ยม

                    หทัยชนกก์ แสงภู่

                    หทัยรัตน์ เหมือนดี

                    อรชพร​ เวช​ฌ​ณ​ะ​พาณิช​

                    อาทิตยา เมตตาประสพกิจ

                    อาทิตยา แย้มบางยาง

                    ภาคเหนือ

                    กนกพร จุระเพ็ชร

                    กรรณิการ์  สารกูมาร

                    กรวิกรานต์ เสรีสันติวงศ์

                    กัลญ์วิกา เยี่ยมแสง

                    กุลญาดา คำเขื่อน

                    เจนจิรา ระบิล

                    จิณณ์ณิตา แก้วมา

                    จีรภัส อยู่ยืน

                    ชนนิกานต์​  ชัยสาธิตพร

                    ณัฐธิดา อยู่ลือชา

                    ณิชนันท์ ชุ่มเย็น

                    ธิติกานต์ นวสุขารมย์

                    นิจจารีย์ เฉลิมทรัพย์

                    นิภาวรรณ นามวงศ์

                    นิลาวัลย์ ใจฉลาด

                    บุญธิดา ทองดี

                    ปิยะฉัตร ช่วยไทย

                    พรรณิกา ศิริ

                    พรรษา เครือแปง

                    พวงผกา สะเสริม

                    พัทธนันท์ เรือนสุภา

                    ไพลิน ธิติสรณ์กุล

                    ศิวิมล พานิชย์วิไล

                    สุกัญญา ณัฎฐาชาติ

                    สุดาทิพย์ กล้าโชติชัย

                    สุทิศา โองาวะ

                    อมรรัตน์ ชุมภู

                    อังศุลิน ตั้งใจ

                    อัฐฐภิรมย์ ธนัตถ์ธำรงกุล

                    เอกอัปสร จันทรวิลักษณ์

                     

                    ภาคอีสาน

                    กัณตินันท์  เกินขุนทด

                    กาญจนาภรณ์ เสือสา

                    ชนมน​ สันติ​ธรรมา​กร​

                    ธนารีย์  แซ่เติน

                    ธัญวลัย แลม

                    พรชนิตว์  อินทะบุญศรี

                    พรนิภา​ เสน่ห์จันทร์

                    พรภัส เพชรตระกูลเจริญ

                    มณีรัตน์ ศิริสวัสดิ์พิพัฒน์

                    วาฐินี กะการดี

                    วารุณี ผิวงาม

                    วิภาดา​ ขัน​โคก​กรวด​

                    สายสกุล เบี้ยทอง

                    สุกัญญา  สารเศวก

                    สุธาศินี ทำจำปา

                    สุวรรณี สมศรี

                     

                    ภาคใต้

                    กรวิกรานต์ เสรีสันติวงศ์

                    กฤษดี โทนุสิน

                    กาญจณี โนนุช

                    เจียระไน สุรัตน์วิมล

                    จิตราภรณ์ วงดา

                    จุฑาภรณ์ ปีนะกาตาโพธิ์

                    ญาดา ประเสริฐสม

                    ฐานิตย์รดา สาโรจน์วงศ์

                    ฐิตาภรณ์ อันสนั่น

                    ณัฐพร จิรศักยกุล

                    ทัชชมัย อนุรักษ์กมลกุล

                    นวพร  รัตนทิพย์

                    นันทิชา พานิชชีวะกุล

                    นาถลัดดา เลอวิศิษฎ์

                    พรสุภา ปิ่นแก้ว

                    มนัสชนก เรืองธารา

                    รัชนีกร รองเลื่อน

                    รัชภร สิทธิเดช

                    วิยะดา หวันหม๊ะ

                    ศศิวิมล รัตนนรเศรษฐ

                    เสาวลักษณ์ จรัสพันธ์

                    โสภิดา  สุภาจักร์

                    สาธิตา พุ่มอยู่

                    สุลาวัณย์ สราวุธรัตนานนท์

                    อัญชนา สุวรรณ์พุ่ม

                    อัญชศา ทองแกมแก้ว

                    อาภาพรรณ ศิริชาติ

                     

                    ♦ กติกาการประกวดคัดรอบที่ 1
                    MOM INFLUENCER CONTEST SEASON 

                    รายละเอียดการทำรีวิว แบบ  Photo Series

                    • ผู้ผ่านเข้ารอบจะได้รับกล่อง “Mommy Box” สำหรับการเขียนรีวิวสินค้าและถ่ายภาพจำนวน 5 ภาพ(จัดส่งถึงบ้านโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย)
                    • โพสต์ลงใน Facebook ส่วนตัว หรือ Fanpage ตั้งเป็น “สาธารณะ” พร้อมใส่ #MomInfluencerContestSS3 #AmarinBabyAndKids และ #แบรนด์สินค้า โดยโพสต์ได้ 1 คน ต่อ 1 ครั้งเท่านั้น ตั้งแต่วันนี้ – 4 สิงหาคม 2566
                    • ส่ง Link รีวิว มาที่ Google Form https://bit.ly/SubmitMICSS3 แนบลิ้งค์ส่งประกวดรอบ ที่ 1
                    • ผู้เข้าประกวดสามารถแชร์โพสต์รีวิวสินค้าไปยังแพลตฟอร์มโซเชียลอื่นๆเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ตามความเหมาะสม

                    ประกาศชื่อผู้ผ่านเข้ารอบวันที่ 19 สิงหาคม 2566
                    ผ่านช่องทาง Facebook Amarin Baby & Kids

                     เกณฑ์การตัดสิน ประกวด รอบที่ 1

                    พิจารณาคุณภาพของ Content รีวิว ตั้งแต่วันนี้ – 4 สิงหาคม 2566 โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน (100 คะแนน) ดังนี้

                    • การเรียบเรียงเนื้อหา เต็ม 15 คะแนน
                    • ความโดดเด่นของสินค้า (ภาพถ่าย) เต็ม 30 คะแนน
                    • สื่อสาร Key message ครบถ้วนตามโจทย์ที่กำหนด เต็ม 25 คะแนน
                    • สไตล์การเขียนรีวิว และ ความรู้ แรงบัลดาลใจ วิธีการเลี้ยงลูก เต็ม 30 คะแนน

                     

                    *เงื่อนไข การประกวดคัดเลือก

                    • ห้ามคัดลอก ลอกเลียน หรือดัดแปลงงานเขียนรีวิวของผู้อื่นเป็นอันขาด หากพบว่ากระทำการดังกล่าวจะถือว่าตัดสิทธิ์ในการแข่งขัน
                    • ข้อความรีวิว ภาพถ่ายและคลิปถือเป็นลิขสิทธิ์ของ บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ, พันธมิตร และคู่ค้ารวมถึงสปอนเซอร์ผู้สนับสนุนกิจกรรมในอนาคต สามารถทำการปรับปรุงแก้ไขได้ตามความเหมาะสมกับรูปแบบการใช้งาน นอกจากนี้ สิทธิ์ใดๆ อันเกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวเนื่องกับข้อความรีวิว ภาพถ่ายและคลิป
                    • ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

                    หมายเหตุ

                    • วันและเวลาของกำหนดการต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
                    • การดำเนินงาน และการตัดสินอยู่ในดุลยพินิจจากคณะกรรมการ และการตัดสินจากคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด
                    *หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามเข้าไปทาง inbox Facebook : Amarin Baby & Kids โดยพิมพ์คำว่า MIC3 พร้อมคำถามที่ต้องการสอบถาม

                      แฟน จิบลิ ในประเทศไทยมาทางนี้! ทีมแม่ ABK พาเที่ยวโลกอนิเมะ ของ Ghibli Studio ที่เซ็นทรัลเวิลด์

                      มาถึงไทยแล้ว! จิบลิ สตูดิโอ จากประเทศญี่ปุ่น ที่สร้าง อนิเมะ สุดคลาสสิคมาจัดนิทรรศการอันน่าตื่นตาตื่นใจ ที่จะพาทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เข้าไปโลดแล่นในโลกแห่งจินตนาการค่ะ หากวันหยุดสุดสัปดาห์ของครอบครัว คุณพ่อคุณแม่กำลังหากิจกรรมพาเด็กๆ เที่ยว ทีมแม่ ABK ขอแนะนำ

                      ‘THE WORLD OF STUDIO GHIBLI’S ANIMATION EXHIBITION BANGKOK 2023’

                      ฉากสองพี่น้องในเรื่องโตโตโร่ การ์ตูนสุดน่ารักของ จิบลิ

                      เมื่อ 20-30 ปี ที่แล้ว สังคมไทยอาจจะคิดว่าการ์ตูนเป็นเรื่องไร้สาระ เป็นงานศิลปะที่ไม่ค่อยมีใครเห็นคุณค่านัก แต่ความจริงแล้ว การ์ตูนแต่ละเรื่องนั้นแฝงด้วยความรู้สึก ความหวัง ความฝัน จินตนาการ และยังสอดแทรกกำลังใจดีๆ ที่แม้กระทั่งผู้ใหญ่อย่างเราก็ยังต้องการอยู่เสมอ ปัจจุบันเด็กคนนั้นได้กลายมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีเจ้าตัวน้อยข้างๆ เมื่อมีโอกาสนี้แล้ว น่าจะพาเด็กๆ มาสัมผัสประสบการณ์ดีๆ ที่เราเคยประทับใจไปด้วยกันนะ

                      สตูดิโอจิบลิได้ก่อตั้งใน ค.ศ. 1985 โดยผู้กำกับอย่างฮายาโอะ มิยาซากิ ร่วมกับผู้เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและพี่เลี้ยงอย่าง อิซาโอะ ทากาฮาตะ และ ผู้จัดการฝ่ายบริหารและผู้อำนวยการสร้างที่มีผลงานมายาวนานอย่างโทชิโอะ ซูซึกิ โดยความแตกต่างอันเป็นเอกลักษณ์ของจิบลิ คือฉากหลังที่สวยงาม และการเคลื่อนไหวที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวล ต้นหญ้า ใบไม้ ขนแมว ทุกรายละเอียด เสมือนเราสัมผัสมันได้จริงๆ

                      ฉากบ้านต้นไม้ของโตโตโร่ รอให้ทุกคนไปส่องว่ามีอะไรอยู่ในนั้นบ้างน้า

                      หลังจากนิทรรศการที่ไทเป ไต้หวัน เมื่อปี 2560 นี่ก็เป็นอีกครั้งที่สตูดิโอ จิบลิ ขนเอานิทรรศการมาให้แฟนๆ ต่างประเทศสัมผัสกับความอลังการด้วยตาตัวเอง และที่พิเศษสุดๆ สำหรับแฟน จิบลิ ชาวไทย งานนี้ได้คัดเอาฉากใน อนิเมะ ถึง 10 เรื่องของ จิบลิ สตูดิโอ จากที่เคยดูได้เฉพาะหน้าจอโทรทัศน์ มาจำลองให้เราสัมผัสในชีวิตจริง ทั้งฉากที่จัดขึ้นมาเป็นรูปปั้นเหมือนตัวละครให้เราได้เข้าไปสำรวจดูอย่างใกล้ชิด และสามารถมองได้จากทุกมุม หรือจะเป็นฉากที่อยู่ในกรอบรูปสามมิติ ได้ถูกเนรมิตให้เหมือนมีชีวิตขึ้นมา

                      ฉากจัดแสดงในนิทรรศการที่ประเทศไทยมีดังนี้

                      1. เครื่องบินของนาชิกา จาก Nausicaä of the Valley of the Wind
                      2. ปราสาทกลับหัว หรือ ลาปูต้า (Laputa) จาก Castle in the Sky
                      3. ป้ายรถเมล์และบ้านต้นไม้ จาก My Neighbor Totoro​
                      4. จักรยานลอยฟ้าและร้านขนมปัง จาก Kiki’s Delivery Service
                      5. ชายหาดพักผ่อน จาก Porco Rosso
                      6. บ้านของเหล่าทานุกิ จาก Pom Poko
                      7. ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ จาก Princess Mononoke
                      8. คาโอนาชิและรถไฟแห่งวิญญาณ จาก Spirited Away
                      9. ปราสาทเวทมนตร์ จาก Howl’s Moving Castle
                      10. โปเนียวและเหล่าฝูงปลา จาก Ponyo on the Cliff by the Sea (จัดแสดงที่หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ฝั่งถนนพระราม 1)
                      คุณภูติไร้หน้า พาชมปราสาทของพ่อมดฮาวล์ (Cr.Live Nation Tero)

                       

                      ปราสาทของพ่อมดฮาวล์ ขยับได้เหมือนในการ์ตูนเลยค่ะ แล้วยังมีด้านในปราสาทที่คุณโซฟีกำลังทำความสะอาดอยู่ด้วย
                      ฉากในเรื่องแม่มดน้อยกิกิ ที่ดูมุมไหนก็น่ารักไปหมด

                      จากโลกอนิเมะ มาให้แฟนๆ จิบลิ ชาวไทยสัมผัสความประทับใจ

                      ไฮไลต์ของงานที่หลายคน รวมถึงแม่ไข่มุกชอบมากก็คือ ฉากในอนิเมะเรื่องดัง ที่เราสามารถเข้าไปถ่ายรูปด้วย เหมือนเป็นอีกตัวละครในเรื่องนั้นๆ ยิ่งสร้างความประทับใจเข้าไปอีก การได้เข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องที่เราชอบ ก็เหมือนสานฝันวัยเด็กเหมือนกันน้า ตัวอย่างฉากที่พามาให้ชาวไทยได้สัมผัสมีดังนี้

                      • ป้ายรถเมล์จากเรื่อง My Neighbor Totoro ที่มีพร็อพเป็นร่มแดงให้ถ่ายคู่กับโตโตโร่
                      • ฉากจักรยานลอยฟ้า และฉากบอลลูน ที่สามารถทำท่าโหนบอลลูนเหมือนในแอนิเมชั่นเรื่อง Kiki’s Delivery Service หรือแม่มดน้อยกิกิ
                      • ที่ว่างข้างๆ บนรถไฟแห่งวิญญาณกับ ‘ภูตไร้หน้า’ จากเรื่อง Spirited Away

                      การได้พาเด็กๆ มาชมนิทรรศการแบบนี้ นับเป็นอีกหนึ่งโจทย์ท้าทายที่คุณพ่อคุณแม่ สามารถสอนลูกๆ ได้ไปในตัว เพราะบางจุดจะมีรั้วกั้นและป้ายห้ามจับ แต่บางจุดสำหรับถ่ายรูป ก็อนุญาตให้จับได้ ซึ่งในแต่ละจุดถ่ายภาพ จะมีข้อปฏิบัติคือต้องยืนต่อแถวให้เป็นระเบียบ ตรงนี้คุณพ่อคุณแม่ สามารถฝึกให้เด็กๆ รู้จักวินัย และความอดทนไปด้วยนะ

                      ถ่ายรูปคู่กับตัวละครดังใน อนิเมะของจิบลิ โตโตโร่ และภูติไร้หน้า

                      บางคนอาจจะคิดว่า อนิเมะพวกนี้เก่าเกินไปมั้ย? ลูกๆ ไม่รู้จักแน่ๆ ไม่น่าอิน ไม่สนุกไปด้วยหรือเปล่า เพราะเป็นอนิเมะที่ออกมานานหลายสิบปี แต่เชื่อเถอะค่ะว่า ถ้าได้ลองพาเข้ามาสัมผัสบรรยากาศด้วยตัวเองแล้ว เมื่อกลับบ้านไป อาจมีแรงบันดาลใจที่เด็กๆ จะได้รับไปอีเยอะเลย เพราะการ์ตูนเป็นโลกของจินตนาการ ที่ครั้งหนึ่งผู้ใหญ่อย่างเราก็เคยสนุกไปกับมัน ไม่แน่ว่ากลับบ้านไปแล้ว ลูกๆ อาจจะขอให้คุณพ่อคุณแม่เปิดการ์ตูนสักเรื่องที่ได้เจอในงานนี้จริงๆ ก็ได้ เราเองก็จะได้เพื่อนที่มาอินการ์ตูนไปด้วยกันอีกคนไงล่ะ ^^

                      ครอบครัวไหนที่เป็นแฟนจิบลิ หรืออยากพาลูกๆ มาสัมผัสประสบการณ์ที่น่าประทับใจด้วยตัวเอง พากันไปชมได้ ตั้งแต่ วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2566 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ไลฟ์ ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ บัตรราคา 650 บาท จำหน่ายทางเคาน์เตอร์ไทยทิคเก็ตเมเจอร์และเว็บไซต์ หรือบริเวณหน้างานนะคะ

                      ใครอยากเห็นรีวิวพาชมเป็นภาพเคลื่อนไหว ตามไปที่นี่เลย > https://vt.tiktok.com/ZSLDB9xtF/

                      https://www.tiktok.com/@amarinbabyandkids/video/7251941277263056133

                       

                      เรื่อง : Sita Suksanan

                      ภาพ : Live Nation Tero Thailand, Sita Suksanan


                      ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%B4

                        Tags

                        เรียนยิมนาสติก

                        THE FLIP RAMA 2 พื้นที่บ่มเพาะทักษะฝึก เรียนยิมนาสติก ให้กับเด็กๆ โดยนักกีฬาทีมชาติไทย

                        เมื่อลูกน้อยก้าวเข้าสู่ช่วงวัย 4 ขวบ ก็ถือเป็นช่วงเวลาทองให้เหล่าคุณพ่อคุณแม่ พาเด็กๆ ไปทดลองเล่นกีฬา เพื่อเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย ซึ่งข้อดีนอกจากจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงแล้ว ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจ และให้เด็กๆ ได้เรียนรู้น้ำใจนักกีฬาไปพร้อมกันด้วย … SCHOOL VISIT รอบนี้ ทีมแม่ ABK จึงอยากชวนมาดูพื้นที่ดีๆ สำหรับ เรียนยิมนาสติก ในย่านพระราม 2 ด้วยกันค่ะ

                        THE FLIP RAMA 2
                        พื้นที่บ่มเพาะฝึกทักษะยิมนาสติกให้เด็กๆ โดยนักกีฬาทีมชาติไทย

                        THE FLIP RAMA 2 คือ สโมสรยิมนาสติก ซึ่งดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญที่เป็นนักกีฬาทีมชาติไทยตัวจริงเสียงจริง (เช่น คุณณัฐวุฒิ ละม้ายวรรณ และคุณจามร พรหมณี) มีอุปกรณ์ครบครันทันสมัย ได้มาตรฐาน ทั้งบาร์ ห่วง ไปจนถึงหน้าผาจำลอง สามารถเรียนทักษะได้หลากหลาย ตั้งแต่พื้นฐานยิมนาสติกไปจนถึงทักษะของนักกีฬา การขึ้นท่าเพื่อนำไปสู่การเต้น การตีลังกา และ Freerun ฯลฯ

                        เรียนยิมนาสติก

                        เรียนยิมนาสติก
                        การฝึกพื้นฐานยิมนาสติกของเด็กๆ ที่เน้นทักษะการกลิ้งม้วน การล้ม การลงจากที่สูง เพื่อความปลอดภัยและการพัฒนาไปสู่กีฬาอื่นๆ

                        คุณจามร พรหมณี นักกีฬายิมนาสติกทีมชาติไทย ที่คว้าเหรียญรางวัลมาแล้วมากมาย ผู้เป็นทั้งโค้ชและผู้จัดการของ THE FLIP RAMA 2 ให้คำแนะนำว่า ประโยชน์ของการเรียนยิมนาสติก ไม่ได้มีแค่ความยืดหยุ่น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง สร้างการทรงตัวที่ดี ซึ่งเป็นพื้นฐานของกีฬาเกือบทุกชนิด จึงสามารถนำไปปรับใช้ได้หลากหลายหรือเรียนเพื่อเป็นพื้นฐานก่อนไปเริ่มเรียนกีฬาชนิดอื่นก็ได้

                         

                        คลาส เรียนยิมนาสติก ที่นี่เน้นการให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด จึงเรียนเป็นกลุ่มขนาดเล็ก มีโค้ช 1 คน ต่อนักเรียน 5 คน โค้ชแต่ละคนเป็นนักกีฬาอาชีพที่ผ่านการฝึกอบรบผู้ฝึกสอน จึงทั้งดูแลความปลอดภัยไปจนถึงสามารถให้คำแนะนำการฝึกในมุมมองของนักกีฬาได้ด้วย

                         

                        เรียนยิมนาสติก เรียนยิมนาสติก เรียนยิมนาสติก เรียนยิมนาสติก

                        เด็กๆ จะได้เรียนรู้การขึ้น-ลงอุปกรณ์ และการใช้อุปกรณ์ยิมนาสติกพื้นฐาน

                         

                        ฝึกทักษะพร้อมกันทั้งครอบครัว > การแบ่งกลุ่มเรียนของที่นี่ไม่เข้มงวดเรื่องอายุ แต่แบ่งกลุ่มตามทักษะ ซึ่งโค้ชจะเป็นผู้ประเมินรายบุคคล ดังนั้นพี่น้องที่มีอายุต่างกันมากสามารถเริ่มเรียนพร้อมกันได้ และคุณแม่ก็สามารถเริ่มเรียนพร้อมเด็กๆ ได้ด้วย

                         

                         

                        ส่วนนี้แม่ Love มาก > ความพิเศษของโค้ชที่เคยเป็นนักกีฬาอาชีพ คือ เข้าใจว่าความสามารถทางกีฬาของแต่ละคนไม่เท่ากัน อาจมีพัฒนาได้ช้าหรือเร็ว การเรียนจึงเน้นที่ความสนุกสนานและความปลอดภัยของผู้เรียนเป็นหลัก ส่วนผู้ที่พัฒนาได้เร็วสามารถเรียนแยกแบบส่วนตัวเพื่อฝึกทักษะเป็นนักกีฬาก็ได้

                         

                        เรียนยิมนาสติก
                        Private Class โค้ชจะสอนรายบุคคลเพื่อฝึกทักษะไปสู่กีฬายิมนาสติก

                        ประเภทคลาส

                        Basic Class

                        เบสิกยิมนาสติก เหมาะสำหรับเด็กอายุ 4-8 ปี หรือผู้ที่ไม่มีทักษะมาก่อน เน้นความเข้าใจพื้นฐานของยิมนาสติก ฝึกทักษะเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย ความยืดหยุ่น และการทรงตัว

                        เรียนครั้งละ 1 ชั่วโมง 30 นาที

                        วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17:00-18.30 น.

                        วันเสาร์ เวลา 9:00-10:30 น. / 14:00-15:30 น.

                        วันอาทิตย์ เวลา 9:00-10:30 น.

                        อัตราค่า เรียนยิมนาสติก

                        10 ครั้ง 4,500 บาท

                        8 ครั้ง 3,840 บาท

                        4 ครั้ง 2,000 บาท

                        1 ครั้ง 550 บาท

                         

                        Flip Class

                        เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานยิมนาสติก หรือผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ เน้นฝึกทักษะเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย พัฒนาทักษะด้านยิมนาสติก และเทคนิคการทำท่าต่างๆ

                        เรียนครั้งละ 1 ชั่วโมง 30 นาที

                        วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18:30-20:00 น.

                        วันเสาร์ เวลา 10:30-12:00 น. / 16:00-17:30 น.

                        วันอาทิตย์ เวลา 10:30-12:00 น.

                        อัตราค่า เรียนยิมนาสติก

                        8 ครั้ง 5,000 บาท

                        4 ครั้ง 2,600 บาท

                        1 ครั้ง 750 บาท

                         

                        Private Class

                        เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกทักษะเฉพาะตัว

                        เรียนครั้งละ 1 ชั่วโมง

                        (สอบถามเวลาเรียนกับทางสถาบัน)

                        อัตราค่า เรียนยิมนาสติก

                        8 ครั้ง 6,500 บาท

                        4 ครั้ง 3,500 บาท

                        1 ครั้ง 900 บาท

                         

                        Athlete Class

                        กลุ่มนักกีฬายิมนาสติก

                        เรียนครั้งละ 2 ชั่วโมง

                        (สอบถามเวลาเรียนกับทางสถาบัน)

                        อัตราค่าเรียน

                        1 คน 1,600 บาท

                        2 คน 1,600 บาท

                        3 คน 2,400 บาท

                         

                        ข้อมูลติดต่อ THE FLIP RAMA 2 : www.facebook.com/thefliprama2

                        Line ID:  @thefliprama2

                         

                        Editor : แม่น้องอลินดา
                        ภาพ : ศุภกร ศรีสกุล


                        อ่านต่อบทความน่าสนใจ

                          เจาะลึกเรื่อง ผื่น แพ้ คัน ในเด็ก 3 ผื่นแพ้ที่พบบ่อย พร้อมวิธีรับมือ ที่แม่ต้องรู้ !!

                          ผื่นแพ้ กับ ลูกน้อยเป็นของคู่กันเพราะเป็นกลไกปกติของร่างกายที่ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการแพ้ ทั้งจากสารเคมี โลหะ อาหาร ฝุ่น หรือแม้แต่พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย รวมถึงภูมิแพ้ โดยจะแสดงออกมาเป็นผื่น แพ้ คัน บวมแดง ที่รบกวนลูกน้อย ทำให้งอแง คัน เกา จนเป็นแผล หรือหากปล่อยไว้อาจจะเกิดเป็นผิวหนาแข็ง จนสร้างความไม่สบายใจให้คุณแม่
                          ก่อนอื่นคุณแม่ควรทำความเข้าใจว่า ผื่นไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เมื่อผื่นขึ้นได้ ก็หายได้ หากเข้าใจถึงประเภทผื่น สาเหตุ และการดูแลอย่างถูกต้อง เรารวบรวม 3 ผื่นที่พบบ่อยมาฝากคุณแม่แล้วค่ะ

                          ผื่นแพ้สัมผัส (Contact Dermatitis)

                          อาการ : ผื่นแพ้สัมผัส เป็น ผื่นที่มีลักษณะผิวชั้นนอกอักเสบ บวม แดง เป็นตุ่มพอง มีของเหลวไหลซึมออกมา หนังลอก หากเกาจะยิ่งเพิ่มการติดเชื้อมากขึ้น

                          สาเหตุ : ลูกน้อยสัมผัสกับสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น วัตถุ หรือสารเคมีบางอย่าง

                          ได้แก่ กรด ด่าง สบู่เหลว น้ำยาซักผ้า โลหะ ยาง ลาเท็กซ์ หรือยาบางประเภท

                          การป้องกัน : พยายามหมั่นสังเกตว่าลูกน้อยแพ้อะไร โดยหากทราบว่าสารใดเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกเกิดผื่น คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้สัมผัสซ้ำ หากยังไม่ทราบ อาจลองปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจสารใดกันแน่ที่ลูกแพ้

                          ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ (Atopic Dermatitis)

                          อาการ : ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ บางครั้งแยกยากจากผื่นแพ้ โดยลักษณะผื่นจะแตกต่างไปตามช่วยอายุ
                          ระยะวัยทารก

                          มักเป็นผื่นตุ่มแดงหรือตุ่มใส มีน้ำเหลืองแฉะๆ พบบ่อยคือ แก้ม หน้าผาก หนังศีรษะ ซอกคอ บริเวณด้านนอกของแขนและขา

                          ระยะวัยเด็ก (อายุหลัง 2 ปี จนถึงวัยรุ่น)

                          ผื่นมักเป็นตุ่มที่แห้งและหนา บริเวณที่พบบ่อยคือ ข้อพับแขน ข้อพับขา ซอกคอ ใต้แก้มก้น ข้อมือ ข้อเท้า

                          ระยะวัยผู้ใหญ่

                          ผื่นจะคล้ายกับในช่วงวัยเด็ก คือเป็นผื่นแห้งและหนา เป็นขุยหรือสะเก็ด พบบ่อย บริเวณ ข้อพับแขน ข้อพับขา ใบหน้า ระหว่างคิ้ว คอ หลังแขน ขา นิ้วมือและนิ้วเท้า

                          สาเหตุ : พันธุกรรม โรคภูมิแพ้ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการผื่นภูมิแพ้ เช่น สภาพอากาศ ฝุ่น PM2.5

                          การป้องกัน : ควรหลีกเลี่ยงสารที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ และควรทาครีมที่มีฤทธิ์ลดอาการแพ้ที่ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง

                           

                          แมลงสัตว์กัดต่อย (Insect Bite)

                          อาการ : เป็นตุ่ม นูน พอง คันมาก หากทิ้งไว้หรือรักษาไม่ถูกต้องมักเกิดรอยดำ

                          สาเหตุ : ยุง มด แมลงก้นกระดก ไร หมัด หรือแมลงที่มีพิษอื่นๆ ล้วนทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่ผิวหนัง ในเด็กบางคนอาจแพ้จนผื่นที่ขึ้นนั้นใช้เวลานานกว่าจะหาย ทำให้เกิดการไม่สบายตัวจนเกิดการแกะ เกา ซึ่งทำให้ผิวหนังติดเชื้อและอักเสบต่อไปได้อีก
                          การป้องกัน : ควรหลีกเลี่ยงการไปในสถานที่ๆมีแมลงชุกชุม หากเลี่ยงไม่ได้ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแมลงที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ปราศจาก DEET ที่เป็นอันตราย

                          คุณแม่จะเห็นว่า ผื่นแพ้คันในเด็กทั้ง 3 ประเภท นั้น แม้จะมีลักษณะที่แตกต่างกัน แต่การรักษาก็แทบไม่แตกต่างกัน โดยมักใช้ยาทาในกลุ่มยาแก้แพ้หรือยาทาสเตียรอยด์ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ดีกับลูกน้อยแน่ๆ หากใช้ต่อเนื่องในระยะยาว นอกจากจะทำให้ผิวบางจากยาสเตียรอยด์แล้ว ยังทำให้หลอดเลือดขยายตัว ผิวแดง ผิวหนังฝ่อ ฟกช้ำง่าย แผลหายช้า นอกจากนี้สเตียรอยด์ยังมีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกัน ทำให้ผิวลูกติดเชื้อราหรือแบคทีเรียได้ง่ายยิ่งขึ้น นำไปสู่แผลติดเชื้อได้

                          วิธีรับมือผื่นแพ้คันของลูกน้อย

                          เมื่อลูกน้อยเกิดผื่นแพ้คัน ไม่ว่าจากสาเหตุใดก็ตามควรรีบทาครีมเพื่อลดอาการแพ้คันอักเสบดังกล่าว อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน เพราะยิ่งปล่อยไว้ ร่างกายจะยิ่งปล่อยสารอักเสบหรือสารเกี่ยวกับการแพ้ ออกมามากขึ้น ยิ่ทำให้เกิดอาการบวมแดงคัน จนเกิดเป็นรอยดำ หรือหากเป็นแมลงสัตว์กัดต่อย แพ้น้ำลายยุงก็ยิ่งทำให้พิษจากแมลงกัดต่อยนั้นกระตุ้นการแพ้ได้มากขึ้น ดังนั้นหากเกิดผื่นแพ้คันหรือแมลงกัดต่อย ควรรีบหาครีมที่มีประสิทธิภาพให้การแก้แพ้ผื่นคันได้จริงและต้องผ่านการพิสูจน์ว่าอ่อนโยนปลอดภัยที่จะทาให้ลูกในระยะยาว

                          ครีมเนฟทรอล

                          ครีมเนฟทรอล  (Nevtral Cream)

                          นวัตกรรมครีมสารสกัดจากธรรมชาติสำหรับผื่นแพ้คันและแมลงสัตว์กัดต่อย

                          มีสารสำคัญคือ Rangchuet AllerXTM หรือ สารสกัดสแตนดาร์ดไดซ์จากรางจืด ที่ผ่านการวิจัยจากสถาบันชั้นนำระดับประเทศ พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพเทียบเท่ายาสเตียรอยด์ แต่อ่อนโยนปลอดภัยกว่าเพราะเป็นสารสกัดธรรมชาติ และมีคุณสมบัติทำลายพิษแมลงสัตว์กัดต่อย

                           

                          Rangchuet AllerXTM  มีคุณสมบัติอย่างไร?

                          • นวัตกรรมสารสกัดรางจืด ในรูปสแตนดาร์ดไดซ์รางจืด
                          • งานวิจัยระดับประเทศร่วมกับ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, Nanotech และสถาบัน COSNAT
                          • ผ่านการรับรองประสิทธิภาพลดอักเสบได้เทียบเท่าสเตียรอยด์ ลดผื่น แก้แพ้คัน อย่างรวดเร็ว
                          • ปลอดภัยกว่าสเตียรอยด์เพราะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ 100% ปราศจากสเตียรอยด์
                          • เหนือกว่าสเตียรอยด์ตรงที่ออกฤทธิ์ทำลายพิษแมลงสัตว์กัดต่อย แพ้น้ำลายยุง และพืชพิษต่างๆได้ ด้วยการทำลาย Venom protein หยุดปฏิกิริยาพิษ จึงทำให้ไม่เกิดรอยดำ
                          • ออกฤทธิ์เย็น ไม่แสบผิว ช่วยลดอาการคันทันที
                          • อ่อนโยน แม้ผิวแพ้ง่าย ผ่านการทดสอบ Skin Irritation Tested จากศูนย์วิจัย COSNAT
                          • ใช้ได้ตั้งแต่เด็กทารก เด็กโต และคุณแม่ตั้งครรภ์

                           

                          หากคุณแม่กำลังมองหาวิธีจัดการผื่นแพ้คันที่กวนใจลูกน้อยแล้วล่ะก็ Nevtral Cream ก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจเลย ตอบโจทย์ทั้งในแง่ประสิทธิภาพและความปลอดภัย ทั้งยังเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่ใช้ได้ต่อเนื่อง ไม่เป็นอันตรายแบบยาทาสเตียรอยด์อย่างแน่นอนค่ะ  

                            Tags

                            BEAT ACTIVE

                            BEAT ACTIVE แหล่งรวมกิจกรรมในร่ม สำหรับเด็กเล็ก เด็กโต และผู้ใหญ่ ที่เยอะที่สุดในประเทศไทย

                            BEAT ACTIVE (บีท แอคทีฟ) Indoor Sports Entertainment แห่งใหม่ ใกล้รถไฟฟ้าบางนา สถานที่ที่รวบรวมกิจกรรมในร่ม ไว้เยอะที่สุดในประเทศไทย มีกิจกรรมที่เด็กสามารถเล่นได้ ไปจนถึงการผจญภัยที่ท้าทาย!

                            BEAT ACTIVE แหล่งรวมกิจกรรมในร่ม
                            สำหรับทุกคนในครอบครัว

                            School Visit วันนี้เราจะพาเด็กๆมาเรียนรู้กันนอกห้องเรียน ที่ “ BEAT ACTIVE ” ไบเทคบางนา ลานกีฬาและกิจกรรมของครอบครัว แบบอินดอร์ สถานที่ปล่อยพลังแห่งใหม่ที่ทุกคนไม่ควรพลาด บนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร กับ 55 กิจกรรม เด็กๆคนไหนพลังเยอะ รับรองว่าได้ปลดปล่อยเต็มที่แน่นอน

                            BEAT ACTIVE เป็นสถานที่ที่รวบรวมกิจกรรมมากมาย สำหรับเด็กเล็ก, เด็กโต และผู้ใหญ่เอาไว้ด้วยกัน โดยเครื่องเล่นต่างๆจะกำหนดความสูงของผู้ใช้งานไว้ เพื่อความปลอดภัย มีทั้งหมด 4 โซนหลัก คือ

                            BEAT ACTIVE

                            BEAT ACTIVE
                            BEAT ACTIVE ตั้งอยู่ในอาคารไบเทค บางนา Hall EH 105 เดินเข้ามาจะเจอทางเข้าดีไซน์โมเดิร์น ล้าสมัยสุดๆ แบบนี้เลย

                            Kid Zone สำหรับเด็กสูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร โซนนี้กิจกรรมเพียบ เช่น แทรมโพลีนขนาดย่อม ให้เด็กๆโดดกันจนหมดแรง บ่อบอลขนาดใหญ่   มุมต่อบล๊อคแสนสนุก ปีนป่ายไต่เชือก จักรยานขาไถ หรือ Zip line ให้เด็กๆโหนตัวบนสลิง หรือฝึกโยนลูกบาส ลงห่วงก็น่าสนุก โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลทุกกิจกรรม และคอยแนะนำการใช้อุปกรณ์ต่างๆด้วย โซนนี้ผู้ปกครองสามารถ เข้ามาดูแลลูกๆได้อย่างใกล้ชิดด้วยนะ

                            Novice Zone เหมาะสำหรับเด็กโตสูง 120 เซนติเมตรขึ้นไป และผู้ใหญ่ ใครอยากออกกำลังกายเบาๆมาโซนนี้ได้เลย เพราะมีกว่า 19 กิจกรรมให้เล่น ทั้งลานไอซ์สเก็ต, ลานบาสเก็ตบอลทั้งแบบเดี่ยวและเล่นเป็นกลุ่ม ฟุตซอล เกมส์ปาลูกบอลสะสมคะแนนที่เล่นกับลูกๆได้ หรือเล่นเกมส์ VR ผสมผสานกระโดดบนแทรมโพลีนขนาดใหญ่ ก็เรียกเหงื่อได้เป็นอย่างดี

                            Kid Zone มีทั้งสไลเดอร์และเชือกให้เด็กๆเล่นให้ปีนป่ายฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่และการทรงตัว

                             

                            Advance Zone ถ้าอยากท้าทายตัวเองอีกนิดให้มาโซนนี้เลย โซนนี้เหมาะสำหรับเด็กสูง 120 เซนติเมตร และผู้ใหญ่ แต่จะมีบางกิจกรรมที่เหมาะกับเด็ก สูง 140 เซนติเมตรขึ้นไป กิจกรรมมากมายเช่น เครื่องตีเทนนิส เครื่องตีเบสบอล หรือใครอยากทรงตัวบนสกี และสโนว์บอร์ดก็มีให้ลอง อย่าลืมแวะไปปีนหน้าผาจำลอง วัดพลังกล้ามเนื้อแขนและขาของคุณและเด็กๆ รับรองสนุกแน่นอน

                            Extreme Zone สาย Extreme ต้องมาโซนนี้ กับกิจกรรมเรียกเหงื่อสุดมันส์ เหมาะสำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น ปีนหน้าผา แบบจับเวลาความเร็วในการปีน ใครเร็วสุดชนะ หรือ Military Active แข่งปีนป่ายไต่เชือก วัดพลังกล้ามเนื้อทุกส่วน ใครผ่านได้ถือว่าเก่งสุดๆ

                            BEAT ACTIVE
                            Read & Learn Center มุมนี้ให้เด็กๆ ได้หัดหมุนหัดใช้ไขควง ได้ใช้สมองและกล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี

                            BEAT ACTIVE

                            BEAT ACTIVEบ่อบอลแสนสนุก ของเล่นสุดโปรดของเด็กหลายๆคน

                            นอกจากนี้ยังมี Active Gym ฟิตเนส ขนาดย่อม มีทั้งลู่วิ่ง ,จักรยาน,ต่อยมวย และยกน้ำหนัก และโซน Thai Fight เวทีการแข่งขันต่อยมวยแบบสดๆให้ได้ชมกันทุกสัปดาห์  ส่วนใครหิวก็ไม่ต้องกังวลเพราะด้านในมีอาหารและขนมต่างๆไว้บริการด้วย บ้านไหนอยากอยู่ทั้งวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ ก็ซื้อบัตรแบบ  All Areas One Day Pass ได้เลย แต่แม่ลูกบ้านนี้อยู่แค่ 3 ชั่วโมงก็เหงื่อท่วม แขนขาหมดแรง กลับถึงบ้านหลับสบายแล้วจ้า

                            BEAT ACTIVE
                            แทรมโพลีน มีตาข่ายล้อมรอบเพื่อความปลอดภัย
                            BEAT ACTIVE
                            ต่อบล็อก สร้างบ้าน ตามจินตนาการของตัวเอง
                            BEAT ACTIVE
                            Active Floor ให้เด็กๆออกกาลังด้วยการ กระโดด หรือย่าเท้าไปมา เล่นสนุกกับภาพ Interactive บนพื้น

                            BEAT ACTIVE

                            BEAT ACTIVE
                            Racing Active โซนขับรถแสนสนุก ที่ขับพร้อมกันได้ทั้งครอบครัว มีเจ้าหน้าที่คอยสอนวิธีการใช้งานอย่างละเอียด

                             

                            โซนนี้ต้องลอง เล่นโยนลูกบาสเก็บแต้มแล้วมาต่อกันด้วย Zip Line ที่เล่นกี่รอบเด็กๆก็ไม่เบื่อ

                            ABK TIP’S

                            • ถ้าเด็กๆอยากเล่นแทรมโพลีน ต้องใส่ถุงเท้าของ BEAT ACTIVE เพื่อเข้าใช้เท่านั้น  ราคาคู่ละ 70 บาทซื้อที่เคาน์เตอร์ทางเข้าได้เลย
                            • จอดรถใต้อาคาร ไบเทค บางนา จอดตรงพื้นที่เสาสีม่วง ( ตรงHall 103-104 จะเดินใกล้กว่า )ลูกค้าที่ใช้บริการที่ Beat Active จอดรถฟรี 10 ชั่วโมง
                            • สวมใส่เสื้อผ้าสบายๆและใส่รองเท้ากีฬาหรือรองเท้าผ้าใบเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย

                             

                            Ticket Prices

                            วันธรรมดา

                            • 10.00-13.00 น. ( 3 ชั่วโมง ) Kids Zone : 300 บาท / All Areas : 400 บาท
                            • 13.30-17.30 น. ( 4 ชั่วโมง ) Kids Zone : 300 บาท / All Areas : 600 บาท
                            • 18.00-21.00 น. ( 3 ชั่วโมง) Kids Zone : 300 บาท / All Areas : 500 บาท
                            • 10.00-21.00 น. ( ทั้งวัน ) Kids Zone : 500 บาท / All Areas : 900 บาท

                            วันเสาร์-อาทิตย์และ วันหยุดนขัตฤกษ์

                            • 10.00-13.00 น. ( 3 ชั่วโมง ) Kids Zone : 350 บาท / All Areas : 650 บาท
                            • 13.30-17.30 น. ( 4 ชั่วโมง ) Kids Zone : 350 บาท / All Areas : 750 บาท
                            • 18.00-21.00 น. ( 3 ชั่วโมง) Kids Zone : 350 บาท / All Areas : 650 บาท
                            • 10.00-21.00 น. ( ทั้งวัน ) Kids Zone : 550 บาท / All Areas : 1,250 บาท

                             

                            BEAT ACTIVE เปิด : ตั้งแต่ 10.00 -21.00 น.

                            ที่ตั้ง : ไบเทค บางนา ( Hall EH 105 ) เดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีบางนา ทางออก 1 หรือรถยนต์ส่วนตัว

                             

                            Editor : แม่เลม่อน
                            ภาพ : กรานต์ชนก บุญบำรุง


                            อ่านต่อบทความน่าสนใจ

                              เมนูอาหารว่าง

                              เชฟแม่..แจกสูตรเด็ด เมนูอาหารว่าง ถั่วอบรวมมิตรกับปลาเล็กปลาน้อย ทำง่าย ได้ประโยชน์เต็มคำ (มีคลิป)

                              บ้านไหนกำลังมองหา เมนูอาหารว่าง มีประโยชน์สำหรับลูกน้อยวัย 3 ขวบขึ้นไป ทีมแม่ ABK มีสูตรเด็ด ถั่วอบรวมมิตรกับปลาเล็กปลาน้อย  จากคุณแม่ที่เป็นเชฟมืออร่อย มาฝากค่ะ

                               

                              ถั่วอบรวมมิตรกับปลาเล็กปลาน้อย เมนูอาหารว่าง ทำง่ายและมีประโยชน์

                              (เหมาะกับเด็ก 3 ขวบขึ้นไป ที่ไม่แพ้ถั่ว)
                              เมนูจาก Rima’s Recipes โดย รัตมา พงศ์พนรัตน์ พรชำนิ

                               

                              เมนูอาหารว่าง ถั่วอบรวมมิตรกับปลาเล็กปลาน้อย นี้ ได้แรงบันดาลใจจากของทานเล่นของคุณแม่ตั้งแต่เด็กๆ ที่ เมล็ดอัลมอนด์ผ่าซีก อบกรอบ กับปลาข้าวสาร ปกติแล้วที่บ้านจะซื้อถั่วต่างๆ มาทำ กราโนล่าบาร์ เพราะลูกชอบมาก

                              วันนี้เลยลองทำแบบเค็มดูบ้าง เมนูนี้มีแต่ไขมันดีที่ได้จากถั่ว และแคลเซียมที่ไปช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกให้กับเจ้าตัวจิ๋วอีกด้วย แถมยังสามารถพกพาไปทานได้ทุกที่

                              เมนูอาหารว่าง

                              เครื่องปรุง

                              ปลาข้าวสารทอด ปริมาณตามชอบ
                              ถั่วดิบ อาทิเช่น วอลนัท, อัลมอนด์ ไพน์นัท หรือเมล็ดเม็ดฟักทอง รวมกันประมาณ 3 ถ้วยตวง
                              น้ำมันมะกอก ¼ ถ้วย
                              ดอกเกลือ

                               

                              วิธีทำ ถั่วอบรวมมิตรกับปลาเล็กปลาน้อย

                              1. นำถั่วมาคลุกน้ำมันก่อน ปรุงรสด้วยเกลือ อบที่ 150 ทุกสิบนาทีนำออกมาดูและพลิกจนกว่าจะเหลืองกรอบทั้งหมด

                              2. ผึ่งลมให้หายร้อน นำปลาข้าวสารที่ทอดแล้วมาเทใส บรรจุลงภาชนะสุญญากาศเข่าให้เข้ากันเป็นอันเสร็จ เก็บไว้ทานได้ 1 เดือน

                              @amarinbabyandkids

                              ของทานเล่น ทำง่าย ได้ประโยชน์ ถั่วอบรวมมิตรกับปลาเล็กปลาน้อย #เมนูลูกรัก #เมนูง่ายๆ #เมนูอาหาร #ทานเล่น #fyp #ทีมแม่abk

                              ♬ Cooking Time – Megan Yagami

                              เคล็ดลับการปรุงอาหาร

                              เนื่องจากถั่วแต่ละชนิดทนต่อความร้อนได้ไม่เท่ากัน หากใช้คนละชนิดกันแนะนำให้หมั่นคอยพลิกถั่วดูบ่อยๆ ในส่วนของการจัดเก็บอาหารประเภทถั่วนั้น หากอยากเก็บไว้ได้นานโดยไม่ทำให้ถั่วเหม็นหืน ควรใช้ภาชนะสุญญากาศเท่านั้นในการจัดเก็บ เพราะถั่วเป็นอาหารที่ประกอบไปด้วยไขมันจึงเหม็นหืนได้ง่าย


                              อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก

                                Elemental

                                ดิสนีย์และพิกซาร์ ชวนเด็กๆ แพคกระเป๋า เดินทางสู่ Elemental ‘ธาตุมหานคร’ ค้นหาธาตุที่แท้จริงในตัวคุณ

                                ดิสนีย์และพิกซาร์ ชวนแพ็คกระเป๋า เดินทางสู่ ‘ธาตุมหานคร’ เพื่อค้นหาธาตุที่แท้จริงในตัวคุณ กับภาพยนตร์แอนิเมชันฟอร์มยักษ์แห่งปีจากผู้สร้าง InsideOut และ Coco อย่าง Disney & Pixar’s Elemental เมืองอลวนธาตุอลเวง

                                Elemental

                                Disney & Pixar’s Elemental เมืองอลวนธาตุอลเวง เรื่องราวของ ธาตุมหานคร (Element City) ซึ่งมีชาว ดิน น้ำ ลมและไฟ อาศัยอยู่ร่วมกัน แอนิเมชันเรื่องนี้ จะพาผู้ชมไปพบกับเอ็มเบอร์ (Ember) สาวแก่น หัวไว ไฟแรง ที่เป็นเพื่อนกับเวด  (Wade) หนุ่มร่าเริง ที่ใช้ชีวิตแบบปล่อยจอยลอยลมในทุกสถานการณ์ และเข้ามาเปลี่ยนทัศนคติต่อโลกที่พวกเขาอาศัยอยู่ Disney & Pixar’s Elemental เมืองอลวนธาตุอลเวง กำกับโดย ปีเตอร์ ซอห์น (Peter Sohn) อำนวยการสร้างโดย เดนิส เรียม (Denise Ream) พร้อมด้วย เลอา ลูวิส (Leah Lewis) และมาโมดู เอธี (Mamoudou Athie) ให้เสียงตัวละครเอ็มเบอร์และเวด

                                 

                                รับชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้ ที่นี่

                                 

                                ทั้งนี้สำหรับแฟน ๆ ดิสนีย์และพิกซาร์ สามารถร่วมค้นหาว่า “คุณคือคนธาตุอะไร” กับฟีเจอร์สนุก ๆ บนทวิตเตอร์ที่จะสแกนโปรไฟล์ของคุณแล้วหาคำตอบว่าคุณเป็นธาตุอะไร ร่วมค้นหาตัวตนได้ ที่นี่ก่อนจะออกเดินทางไปสนุกสุดเหวี่ยงร่วมกับธาตุอื่น ๆ ในเมืองธาตุมหานคร  22 มิถุนายนนี้ ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศไทย

                                 

                                ติดตามข่าวสาร และข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

                                Twitter: @DisneyStudiosTH

                                Instagram:  @DisneyStudiosTH

                                Facebook: @WaltDisneyStudiosTH

                                Hashtag: #ElementalTH #เมืองอลวนธาตุอลเวง

                                 


                                อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก

                                  ไมโล รวมพลังครอบครัวยุคใหม่ รักษ์โลก ไปด้วยกัน กับกิจกรรมปล่อยเต่าสู่ทะเล

                                  ไมโล ต่อยอดความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
                                  รวมพลังครอบครัวยุคใหม่ รักษ์โลก ไปด้วยกัน กับกิจกรรมปล่อยเต่าสู่ทะเล

                                  ปัญหาโลกร้อนยังไม่หมดไป ถ้าไม่เริ่ม รักษ์โลก ตั้งแต่วันนี้ ในอนาคตอาจร้ายแรงกว่าเดิมก็ได้ ไมโล จึงมีโครงการดีๆ ที่ให้ทั้งคุณพ่อคุณแม่ และลูก มาช่วยกัน รักษ์โลก อย่างถูกวิธีไปด้วยกัน

                                  ไมโล เครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์ ที่ถูกใจเด็กๆ หลายคน จัดงาน ไมโล รวมพลัง หลอด รักษ์โลก  จับมือครอบครัวผู้โชคดีจากกิจกรรม แตะ ช่วย เต่า! กับไมโลหลอดกระดาษ ร่วมกันปล่อยเต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติ ณ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศใต้ท้องทะเล ซึ่งในโอกาสนี้ ไมโลได้ส่งมอบอุปกรณ์การแพทย์และกระชังอนุบาลเต่าทะเลรวมมูลค่ากว่า 650,000 บาท ให้กับศูนย์อนุรักษ์ฯ เพื่อต่อยอดการเพาะพันธุ์และอนุบาลเต่าทะเล รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้เต่าทะเลสามารถกลับคืนสู่ระบบนิเวศได้โดยสมบูรณ์

                                  นายไชยงค์ สกุลบริรักษ์ ผู้อำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์นมและโภชนาการสำหรับผู้ใหญ่ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด  กล่าวถึงแนวคิดเบื้องหลังในการจัดงานครั้งนี้ว่า กิจกรรม ไมโลรวมพลังหลอดรักษ์โลก’ ถูกจัดขึ้นเพื่อต่อ ยอดความตั้งใจของไมโลในการดำเนินธุรกิจภายใต้ความมุ่งมั่น รวมพลังทำดีเปลี่ยนโลกได้ ที่นอกจากเราจะเดินหน้าส่งมอบโภชนาการที่ครบถ้วนสมวัยให้แก่ผู้บริโภคแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ไปพร้อม ๆ กับการปลูกจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมร่วมกับผู้คนในสังคม โดยเฉพาะครอบครัวยุคใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในพลังสำคัญของการสร้างอนาคตที่ดีขึ้นให้กับคนรุ่นถัดไป เพราะเราเชื่อว่าพลังเล็ก ๆ เมื่อมารวมกันสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้

                                   

                                  เนื่องจากไมโลตระหนักถึงปัญหาของขยะพลาสติกในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะ หลอด” ที่ไม่สามารถกำจัดได้โดยสมบูรณ์และมักกลายเป็นขยะไมโครพลาสติกที่สามารถหลุดลอดออกไปสู่แหล่งน้ำได้เสมอ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่สร้างความเสียหายให้กับระบบนิเวศทางทะเล อีกทั้งยังเป็นอันตรายต่อชีวิตของเต่าทะเลรวมถึงสัตว์อื่น ๆ ไมโลจึงได้เปลี่ยนไปใช้หลอดกระดาษรักษ์โลกแทนหลอดพลาสติก ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของเนสท์เล่ระดับโลกในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่สามารถใช้ซ้ำหรือนำไปรีไซเคิลได้ และเป้าหมายลดการใช้พลาสติกผลิตใหม่ลง 1 ใน 3 ภายในปี 2568 เพื่อช่วยลดขยะพลาสติกและรักษาสิ่งแวดล้อม โดยตั้งแต่ปี  2563 เป็นต้นมา ไมโลสามารถลดการใช้หลอดพลาสติกได้แล้วปีละกว่า 600 ล้านหลอด ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งของการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ไมโลและผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมด้วยกัน

                                   

                                  ซึ่งนอกจากการเปลี่ยนมาใช้หลอดกระดาษรักษ์โลกแล้ว ไมโลยังมุ่งมั่นปลูกจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมร่วมกับผู้บริโภค ที่เป็นพลังสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้กับโลก กิจกรรม “ไมโลรวมพลังหลอดรักษ์โลก” ดังกล่าวจึงถูกจัดขึ้นเพื่อจุดประกายในการเริ่มลงมือรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับทุกคน เริ่มต้นด้วยการพาผู้ร่วมงานไปสำรวจห้องแสดงนิทรรศการและบ่ออนุบาลลูกเต่าทะเล เพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจถึงความสำคัญของเต่าทะเลที่ส่งผลต่อระบบนิเวศใต้ท้องทะเล

                                  ร.อ.หญิง กรกมล กิติกัมรา สัตวแพทย์ประจำศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล หรือ หมอนุ่น เผยถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับเต่าทะเล
                                  คุณติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี ขอเป็นหนึ่งในแรงสนับสนุนให้ทุกคนหันมาปรับพฤติกรรมเพื่อเปลี่ยนโลก

                                  หลังจากได้รับฟังเรื่องราวของเต่าทะเล และรับแรงบันดาลใจในการลงมือทำเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกไปอย่างเต็มเปี่ยม ผู้ร่วมงานยังได้รับความสุขและรอยยิ้มผ่านมินิคอนเสิร์ตจากบอนซ์ ณดล ศิลปินรุ่นใหม่เจ้าของเพลงชื่อดังอย่าง ฉลามชอบงับคุณ ที่มาร่วมสร้างความสดใสภายในงาน ส่งท้ายด้วยกิจกรรมปล่อยเต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติ นำทีมโดยผู้บริหารไมโล, ตัวแทนศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลติ๊ก เจษฎาภรณ์บอนซ์ ณดล และครอบครัวผู้โชคดี ที่มารวมพลังกันเพื่อรักษาความสมดุลของระบบนิเวศภายใต้ท้องทะเล และสานต่อความตั้งใจในการสร้างโลกที่ดีขึ้นเพื่อคนรุ่นต่อไป

                                  บอนซ์ ณดล ศิลปินเจ้าของเพลง ‘ฉลามชอบงับคุณ’
                                  กิจกรรมปล่อยเต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติ นำทีมโดยผู้บริหารไมโล, ตัวแทนศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล, ติ๊ก เจษฎาภรณ์, บอนซ์ ณดล และครอบครัวผู้โชคดี

                                  ถือว่ากิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมครอบครัวที่ทั้งสนุก ได้ความรู้ และได้รักษ์โลกไปพร้อมๆ กันเลยนะคะ ร่วมกันคนละไม้คนละมือ เริ่มปลูกฝังการลดขยะไปพร้อมๆ กันกับลูกๆ และคนในครอบครัว เพื่อที่จะส่งต่อจิตสำนึกความ รักษ์โลก ไปด้วยกันจากรุ่นสู่รุ่นนะคะ

                                    Tags

                                    โรงเรียนหิ่งห้อย จาก Homeschool เล็กๆ กลายเป็น ห้องเรียนธรรมชาติ ให้เด็กๆ กว่า 100 ครอบครัว!

                                    เราเปรียบเด็กๆ เสมือนหิ่งห้อยที่มีพลังในตัวเอง เพื่อเปล่งแสงส่องสว่างให้กับโลกของเรา แสงเล็กๆ ที่แตกต่างเหล่านี้ เมื่ออยู่รวมกันจะช่วยให้โลกของเราสว่างน่าอยู่และสวยงามขึ้น โรงเรียนป่าของหิ่งห้อยเป็นสถานที่ที่ทำให้พวกเขาค้นพบและเชื่อมั่นในพลังของตัวเอง คำนิยามชื่อโรงเรียนจากคุณจูนวรัญญา สุนทรแต ผู้ก่อตั้ง โรงเรียนหิ่งห้อย

                                    Firefly Forest School โรงเรียนหิ่งห้อย
                                    The Nature Study room

                                    เรารู้จักคุณจูนผ่านทางเฟสบุ๊คเมื่อหลายปีก่อน คุณจูนเป็นคุณแม่ที่ทำ Homeschool ให้กับน้อง ”กานติ” ลูกชายที่แสนน่ารัก เธอจุดประกายให้แม่ๆ Homeschool ที่มีความสนใจในเรื่องการเรียนการสอนลูกแบบเดียวกัน ได้มาเจอ มาพูดคุย พาลูกๆมาเล่นสนุกและเดินสำรวจธรรมชาติด้วยกันที่สวนรถไฟ Playgroup ครั้งนั้นประสบความสำเร็จมาก จนทำให้มีครอบครัวสนใจเข้าทำกิจกรรมเกือบ 100 ครอบครัว ภายในเวลาไม่กี่ปี ความสำเร็จครั้งนั้นทำให้คุณจูนเริ่มปรับเปลี่ยนบ้านเก่าของตนเองให้กลายเป็นโรงเรียนหิ่งห้อย จนปัจจุบันได้ย้ายและขยับขยายพื้นที่โรงเรียนเป็นกว่า 1 ไร่ แล้ว โรงเรียนนี้มีดีอะไรและน่าสนใจอย่างไรมาลองดูไปพร้อมๆ กันค่ะ

                                    สนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ มีทั้งบ่อทราย แทมโปลีน ชิงช้า ให้เด็กๆวิ่งเล่นปล่อยพลังได้อย่างเต็มที่
                                    โรงเรียนหิ่งห้อย
                                    อาคารเรียนบรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้านทำให้เด็กๆรู้สึกปลอดภัย เหมือนเป็นบ้านหลังที่ 2

                                    โรงเรียนหิ่งห้อย กับ คลาสเรียนแสนเพลิน

                                    โรงเรียนหิ่งห้อย ใช้หลักสูตรจากต่างประเทศมาปรับใช้ โดยมีแกนหลักของ “Charlotte M. Mason” นักปฏิวัติบ้านเรียนรุ่นบุกเบิก ใช้การสอนแบบ Forest School การเรียนรู้ผ่านธรรมชาติ มีคลาสเรียนที่หลากหลายมากๆ เน้นให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆได้ลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเอง คลาสเรียนที่น่าสนใจ เช่น

                                    • Arts &Craft สอนเด็กๆเย็บปักถักร้อยและออกแบบเครื่องแต่งกาย เด็กๆจะได้ใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กและดีไซน์งานด้วยตัวเอง
                                    • Secret Garden วิชาที่ให้เด็กๆได้ลงมือปลูกผัก เรียนรู้เรื่องดินและแมลงต่างๆ
                                    • Environment &Sustainability เด็กๆจะรู้จักการแยกขยะและการทำปุ๋ยหมัก สอนโดยทีมงานมืออาชีพอย่าง คุณอาร์ม เพจหมักง่าย
                                    • Life Skills วิชาการใช้ชีวิตและเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ต่างๆ สอนโดยพ่อหนูจาก FROG Team
                                    • Journal Time วิชาบันทึกต่างๆ เป็นวิชาที่ทำให้เด็กๆไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังหัดเขียนหนังสืออยู่ เค้าจะอยากรู้และค่อยๆถามว่าคำนี้สะกดอย่างไร
                                    • Creative Drama วิชาที่จะทำให้เด็กกล้าพูด กล้ายอมรับกับความรู้สึกตัวเอง รู้จักอารมณ์และความรู้สึกของตนเอง โดยการเล่นละคร บทบาทสมมุติให้เค้าเชื่อมโยงความรู้สึกตัวเองกับสิ่งนั้น
                                    โรงเรียนหิ่งห้อย
                                    ด้านหลังอาคารเรียน ทำสวนขนาดใหญ่ ให้เด็กๆ เรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านกิจกรรมในสวน เช่น เอาเศษใบไม้มาทำปุ๋ยหมัก ในสวนมีแมลงอะไรบ้าง ให้เด็กมาปลูกต้นไม้แล้วบันทึกว่าใครปลูกต้นอะไรบ้าง หรือ ต้นไม้โตด้วยอะไรบ้าง ดิน น้ำ แสงแดดเด็กก็จะค่อยๆซึมซับธรรมชาติไปในตัว มีช่วงหนึ่งที่เด็กๆอยากปลูกสตรอว์เบอรี่มาก ทางโรงเรียนก็ให้เด็กๆได้ทดลองปลูกจริงๆ ผลปรากฏว่าต้นไม้ตาย เขาก็จะได้เรียนรู้ว่า บางอย่างก็ทำไม่ได้ ด้วยดินด้วยสภาพอากาศหลายๆอย่างๆ

                                     

                                    โรงเรียนหิ่งห้อย

                                    โรงเรียนหิ่งห้อย
                                    ช่วงเช้าไปเก็บไข่ในสวน จะให้เด็กๆหัดนับเลขจากจำนวนไข่ที่ได้ ฝึกคณิตศาสตร์ไปในตัว

                                     

                                    นอกจากวิชาสนุกๆเหล่านี้แล้ว ยังมีคลาสเรียนที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยจะมีครูพิเศษอีก 7-10 คน ที่เชี่ยวชาญเรื่องนั้นๆมาสอนโดยตรงทั้ง ฟุตบอล บัลเลต์ เต้น หรือทำอาหาร และที่ชอบที่สุดคือ Nature Walk การเรียนรู้นอกห้องเรียน เด็กๆจะได้ไปสำรวจธรรมชาติที่สวนรถไฟกันทุกอาทิตย์ หรือออกเดินทางไปกับครอบครัวเพื่อแคมปิ้งในป่า ส่วนวิชาที่เป็นวิชาการเด็กๆก็จะได้เรียนตามวัยของตนเองอย่างเหมาะสม

                                    สำหรับบ้านไหนที่ทำ Homeschool ทางโรงเรียนมีหลักสูตร FFS2 : Kindergarten Homeschool Curriculum community สามารถสมัครสมาชิกรายเดือนและร่วมใช้หลักสูตรของ Firefly Forest School ไปด้วยกัน และยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆของโรงเรียน โดยได้รับสิทธิ์ส่วนลด10% ในทุกกิจกรรม

                                    โรงเรียนหิ่งห้อย

                                    โรงเรียนหิ่งห้อย
                                    ชวนเด็กๆร้องเพลง เต้นรำ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กๆผ่อนคลายมากขึ้น

                                    5 สิ่งพิเศษที่ทำให้เด็กอยากมา โรงเรียนหิ่งห้อย ทุกวัน 

                                    1. โรงเรียนนี้เปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ของเด็กๆ เด็กๆจะได้มาตามหาตัวตนของตัวเอง ได้ใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบ

                                    2. ที่โรงเรียนหิ่งห้อย มีการสำรวจและมีการผจญภัยด้วยกันทุกวัน เด็กจะเหมือนมาเที่ยวเล่นสนุกสนานไม่เหมือนมาโรงเรียน

                                    3. โรงเรียนไม่ได้ประเมินเด็กด้วยตัวเลข หรือเกรดเฉลี่ย แต่ประเมินด้วยพัฒนาการและเป้าหมายที่วางร่วมกันกับผู้ปกครอง ทำให้เด็กไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับคนอื่น

                                    4. เด็กๆจะเจอเพื่อนที่ดี มีจิตใจที่ละเอียดอ่อนมีความเป็นมนุษย์สูง และได้เจอครูที่ดีที่เข้าใจเด็กๆและมี Passion ที่อยากจะสอน

                                    5. โรงเรียนให้อิสระทางความคิดของเด็ก ไม่ตีกรอบ ทำให้เด็กเล่นได้อย่างอิสระและรู้สึกปลอดภัย

                                    บรรยากาศห้องเรียนที่น่ารักอบอุ่นเหมือนบ้าน มีอุปกรณ์จัดวางของเล่นต่างๆตามแบบการสอนของมอนเตสซอรี่
                                    เพื่อฝึกประสาททั้ง 5

                                    Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

                                    – สถานที่น่ารักอบอุ่นเหมือนบ้าน ไม่รู้สึกว่ากำลังมาโรงเรียน ชั้นล่างมีมุมทำงานให้ผู้ปกครองนั่งทำงานกันแบบสบายๆ ระหว่างรอรับลูกด้วย
                                    – วิชาเรียนที่นี่น่าสนใจมากๆ โดยเฉพาะวิชา Life Skills ที่ให้เด็กๆเรียน CPR หรือ ทักษะการเอาตัวรอดต่างๆเช่น ฝึกลอยตัวในน้ำหากเรือล่ม จากผู้เชี่ยวชาญจริงๆอย่าง พ่อหนู หัวหน้า FROG Team เป็นวิชาที่สำคัญในการใช้ชีวิตจริงๆ
                                    – สำหรับเด็กบ้านเรียน หรือ Homeschool สามารถนำหลักสูตรไปสอนลูกด้วยตนเองที่บ้านได้ด้วย
                                    – โรงเรียนนี้เข้าเรียน 10 โมง เพื่อให้ทุกครอบครัวไม่ต้องฝ่ารถติด แถมเด็กๆก็ไม่ต้องรีบตื่นนอน มีพลังเต็มเปี่ยมพร้อมเรียนทันทีที่มาถึง
                                    -ปลูกฝังให้เด็กๆรู้จักรักษ์โลกรักธรรมชาติ เช่น ดื่มนมเสร็จเด็กๆจะนำไปล้างและเก็บไว้ทำของเล่นด้วยตนเอง
                                     
                                    โรงเรียนหิ่งห้อย
                                    กิจกรรมเล่านิทานฝึกการฟังทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

                                    โรงเรียนหิ่งห้อย

                                    โรงเรียนหิ่งห้อย
                                    ห้องเรียนคลาสเต้นต่างๆ เห็นหน้าเด็กๆก็รู้ว่าสนุกแค่ไหน

                                     

                                    โรงเรียนหิ่งห้อย

                                    โรงเรียนหิ่งห้อย
                                    ห้องเรียนคลาสเต้นต่างๆ เห็นหน้าเด็กๆก็รู้ว่าสนุกแค่ไหน

                                    เกณฑ์การรับสมัคร โรงเรียนหิ่งห้อย

                                    เด็กอายุ 3-6 ปี

                                    อัตราค่าเล่าเรียน

                                    • FFS เรียน 5 วัน : ค่าเทอม 98,000 บาท / เทอม
                                    • FFH เรียน 3 วัน : ค่าเทอม 69,000 บาท / เทอม

                                    **ฟรีค่าแรกเข้า 5,000บาท (ราคาเต็ม15,000 บาท)

                                    ค่าใช้จ่ายอื่นๆ

                                    1.ค่าบำรุงการศึกษา

                                    FFS 5 วัน : ราคา 10,000 บาท / ปี

                                    FFH 3 วัน : ราคา 6,000 บาท / ปี

                                    2.ค่าเครื่องแบบ

                                    ราคา 2,000 บาท / ชุด

                                    3.ค่าอาหาร

                                    FFS 5 วัน : ราคา 10,000 บาท / เทอม

                                    FFH 3 วัน : ราคา 8,000 บาท / เทอม

                                    * หมายเหตุ ทั้งนี้ทางโรงเรียนไม่บังคับให้นักเรียนทุกคนชำระค่าอาหารโรงเรียน หากผู้ปกครองท่านใดไม่สะดวกที่จะชำระในส่วนนี้ สามารถเตรียมอาหารมาให้น้องๆได้ค่ะ

                                    ที่อยู่โรงเรียนหิ่งห้อย

                                    79/2 ลาดพร้าวซอย 35, แขวงจันทร์เกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

                                    FB: https://www.facebook.com/FireflyForestSchoolTH

                                    เว็บไซต์ : http://firefly-forest-school.com

                                     

                                    Editor : แม่เลม่อน
                                    ภาพ : กรานต์ชนก บุญบำรุง


                                    อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก