บ้านกางใจ

บ้านกางใจ พื้นที่สำหรับเด็กๆ เล่น เรียนรู้ ตามวัย เติบโตไปอย่างมีความสุข

event
บ้านกางใจ
บ้านกางใจ

ใครกำลังมองหา ที่เรียนของเจ้าตัวเล็ก อายุไม่เกิน 2-4 ขวบ ย่านบางคอแหลม วันนี้แม่เลม่อน ทีมแม่ ABK มี บ้านกางใจ Co Learning Space ดีๆ มาแนะนำกันค่า

บ้านกางใจ Co Learning Space for kids and families
เล่น เรียนรู้ ตามวัย เติบโตไปอย่างมีความสุข

บ้านกางใจเป็นบ้านเก่า 2 ชั้น ที่ถูกนำมาปรับปรุงใหม่ให้กลายเป็นพื้นที่เพื่อการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างเด็กๆและครอบครัว แม้ขนาดจะไม่ใหญ่มากแต่บ้านหลังนี้ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น ปลอดภัย และเป็นมิตรกับเด็กๆ แบบที่แม่ๆหลายคนต้องการ

จุดเริ่มต้นของโรงเรียน บ้านกางใจ

ครูไนซ์ กวิตา พุฒแดง ผู้ก่อตั้งบ้านกางใจ เล่าให้ฟังว่า ตนเองรู้สึกตั้งคำถามกับการศึกษามาตั้งแต่เล็ก ตอนเด็กๆมักจะถูกครูกดดันและดุอยู่เสมอ ว่าเรียนไม่เก่ง,ขี้เกียจ ลายมือก็ไม่สวย กลายเป็นความทรงจำไม่ดีในวัยเด็ก ที่ฝังอยู่ในหัวใจเสมอมา

จนเวลาผ่านไป 20 เพิ่งรู้ว่าสาเหตุที่เด็กเขียนหนังสือไม่สวย เพราะกล้ามเนื้อมัดเล็กยังไม่แข็งแรง และการศึกษาไทยไม่มีช่องว่างให้เราได้เล่นได้ฝึกกล้ามเนื้อเลย จริงๆแล้วกระบวนการการเรียนรู้ต่างหากที่ไม่ได้สนับสนุนให้เด็กเกิดการเติบโตที่ดี นี่เป็นเหตุผลที่ผลักดันให้เราหาความรู้ด้านนี้ต่อ ครูไนซ์สนใจเรื่องจิตวิทยาและพัฒนาการเด็กมาตลอด เริ่มสะสมนิทาน และเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้าน Learning Science and Education (วิทยาศาสตร์และการเรียนรู้) ซึ่งเป็นการเรียนเกี่ยวกับการออกแบบการเรียนรู้สำหรับคนที่หลากหลาย หลังเรียนจบก็ทำงานค่อนข้างหลากหลาย รวมไปถึงเป็นครูอนุบาลตามสถาบันดังๆ ด้วย  ทำงานอนุบาลอยู่ 4-5 ปี ก็เริ่มอิ่มตัว และรู้สึกว่าโรงเรียนแต่ละที่ก็ยังมีระบบที่ชัดเจน รู้สึกไม่เหมาะกับตนเองและคิดว่าในประเทศไทยยังมีพื้นที่ที่ให้เด็กเป็นอิสระน้อย เลยเลือกจะมาทำพื้นที่ของตัวเอง ให้เด็กๆอิสระและเติบโตอย่างสวยงาม

โรงเรียนบ้านกางใจ
เด็กๆเล่นและเรียนรู้อย่างอิสระ กับของเล่นที่เรียบง่ายแต่เสริมจินตนาการ

จุดเริ่มต้นของบ้านกางใจคือ อยากให้เด็กๆ ได้สนุกกับการเป็นตัวเอง โดยใช้นิทานเป็นตัวจัดกระบวนการ เด็กไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ผ่านกระดาน แต่เรียนรู้ผ่านเพลงผ่านกิจกรรมที่จะซึมซับเข้าไปในตัวเด็กเอง ให้พ่อแม่กลับมาทำงานเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ใช่ว่าพ่อต้องแก้นะ แม่ต้องแก้ หรือลูกต้องแก้ แต่แก้ไขไปพร้อมๆกันทั้งครอบครัว ให้ความสำคัญกับการทำงานเรื่องจิตวิทยาและพัฒนาการ โดยได้แรงบันดาลใจหลักมาจาก “วอลดอร์ฟ” ในขณะเดียวกันก็ชื่นชอบของเล่นสไตล์ “มอนเตสซอรี่” ด้วย จึงเอามาผสมผสานกัน ส่วนคีย์หลักจริงๆ ของโรงเรียน คือ อยากให้เด็กมี Self Esteem ( ความภูมิใจในตัวเอง) ที่แข็งแรงพอจนเกิด Critical Thinking แล้วอย่างอื่นจะตามมาเอง ทั้ง  EQ, IQ ,EF ต่างๆ

บ้านกางใจ
เด็กๆที่นี่นั่งอ่านนิทานภาพเองได้ด้วยตนเอง

เทคนิคการทำงานร่วมกับพ่อแม่

โรงเรียนส่วนใหญ่ทำงานมิติเดียวคือกับเด็กเท่านั้น แต่จริงๆแล้วเราควรทำงานร่วมกับผู้ปกครองด้วย ต้องช่วยกางใจคุณพ่อคุณแม่เพื่อให้เห็นแสงในตัวเด็ก การเริ่มต้นแก้ปัญหาเรามักจะเริ่มต้นแก้ที่ตัวเด็ก เรามองไปที่ตัวเด็ก 100 % แต่เราไม่เคยมองมาที่ตัวเอง หรือสิ่งแวดล้อมเลย ว่าเราเองหรือเปล่าที่มีส่วนสร้างปัญหานี้ จากประสบการณ์ 4-5 ปีที่ผ่านมาเราทำงานกับเด็กในชั่วโมงเรียนและเราทำงานร่วมกับพ่อแม่ทำให้เห็นว่าพัฒนาการของเด็กดีขึ้นแบบก้าวกระโดด พ่อแม่จะมีวิธีการคิดและการแก้ปัญหาที่เปลี่ยนไปกับจริงๆแล้วพ่อแม่ต้องทำงานเป็นหลักก่อนแล้วก็ช่วยคุณครูซับพอร์ต

บ้านกางใจ

บ้านกางใจ

บ้านกางใจ
เมื่อเล่นและอ่านนิทานเสร็จแล้ว เด็กๆจะเข้าสู่กิจกรรม บ๊ายบายของเล่น เป็นกิจกรรมที่ให้เด็กๆ ช่วยกันเก็บนิทานและของเล่น ตามจุดต่างๆด้วยตนเอง

บ้านกางใจ

บ้านกางใจ
กิจกรรมวงกลม ร้องเพลงประกอบท่าทางต่างๆ ฝึกประสาทการพูดและฟัง

การเริ่มต้นสำคัญที่สุด

บ้านกางใจ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป และให้เวลาเด็กๆ ปรับตัว ที่นี่ให้ความสำคัญกับช่วงเวลาก่อนเริ่มเรียนมาก ที่นี่จะสังเกตพัฒนาการเด็กเป็นเวลา 2 อาทิตย์ก่อนที่จะเริ่มเข้าเรียน ระหว่างทางก็จะพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่ว่าอยากให้โรงเรียนช่วยเสริมพัฒนาการด้านไหนหรือปรับเรื่องอะไรบ้าง เราจะช่วยสร้างแรงจูงใจและปรับตัวเด็กทีละนิดเพื่อให้คุ้นกับการมาเรียนมากที่สุด เด็กที่เริ่มใหม่อาจจะอยู่โรงเรียนแค่1-2 ชั่วโมง เมื่อเด็กปรับตัวได้เด็กจะอยู่ได้จนครบเวลา  ตามธรรมชาติ บ้านในกังวลเรื่องการปรับตัวของลูกข้อนี้ค่อนข้างตอบโจทย์เลยทีเดียว

ทีมที่ดี

บ้านกางใจ ให้ความสำคัญกับบุคลากรที่จะเข้ามาทำงาน ครูทุกคนจะมีคาแรคเตอร์แบบเดียวกัน มีทัศนคติที่ดี เพื่อให้เด็กมองไปในทิศทางเดียวกันได้ง่าย รวมไปถึงแม่บ้านที่ช่วยดูแลเด็ก ก็จะถูกฝึกให้เป็นทีมเดียวกันด้วย เราจะป้อนความรู้ให้ทุกคน เราใส่ใจแม้กระทั่งบทสนทนากับเด็กๆว่าควรจะเป็นอย่างไรและแบบไหนที่จะไม่สร้างแผลหรือทำร้ายจิตใจเด็ก ใส่ใจในทุกรายละเอียดขนาดนี้ เราให้10 เต็ม 10 เลย

จังหวะชีวิตสม่ำเสมอ พอดิบพอดี

บ้านกางใจให้ความสำคัญกับการค่อยๆเป็นค่อยๆในแต่ละกิจกรรม ไม่เปลี่ยนกะทันหัน ใช้เพลงมาช่วยเปลี่ยนโดยที่เด็กจะเริ่มเห็นและสังเกตสัญลักษณ์ เช่น การปิดไฟ ร้องเพลง ปิดแอร์ เล่านิทาน ล้างมือ และจะเข้าจะกระบวนการเปลี่ยนกิจกรรมได้ด้วยตนเอง โดยไม่งอแง เป็นเทคนิคง่ายๆที่แม่ๆเก็บไว้ใช้กับลูก

บ้านกางใจ
บรรยากาศห้องเรียน โทนสีอบอุ่นสบายตา จัดวางของแบบเรียบง่าย ไม่ฉูดฉาด ให้เด็กๆมีความสุขอยู่กับความเรียบง่ายไม่หวือหวา

5 สิ่งพิเศษที่ทำให้เด็กอยากมาโรงเรียน บ้านกางใจ ทุกวัน 

1.มีความสุขแบบง่ายๆและเป็นตัวเองมากที่สุด

มีเพลงนำกิจกรรมทุกอย่าง เพื่อให้เด็กไม่ต้องฝืน เพื่อเปลี่ยนกิจกรรม เด็กจะมีความสุขแบบง่ายๆไม่สนุกสุดโต่ง อยู่กับความธรรมดาเป็น เด็กถือน้ำไม่หก เก็บของเล่นถูกจุด แค่นี้ก็เกิดสมาธิแล้ว ส่วนของเล่นที่นี่เป็นของเล่นราคาไม่แพงแต่เสริมสร้างจินตนาการ ไม่มีถูกไม่มีผิด เด็กผู้หญิงอยากเล่นแบบเด็กผู้ชายก็ได้ เด็กผู้ชายก็สามารถเล่นแบบเด็กผู้หญิงได้เช่นกัน หรืออยากเล่นตุ๊กตาก็ได้ แบบนี้ลูกมีความสุขแน่นอน

2.เน้นเล่นและเรียนรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆ

เด็กไม่เครียด ไม่กดดัน บ้านกางใจเน้นให้เด็กๆทำทุกกิจกรรมด้วยตนเอง ไม่แทรกแซงการเล่นของเด็ก ให้เด็กๆได้เรียนรู้ทุกอย่างผ่านการเล่น ทั้งวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และอื่นๆ โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นบนกระดาน ไม่มีอะไรถูกผิด ให้เด็กยืดหยุ่น ไม่ยึดติด มีหัวใจที่แข็งแรงรับมือกับอนาคตของตนเองได้ กิจกรรมเสริมสร้างพัฒนาการ เช่น การทำอาหารที่สอดคล้องกับนิทาน เด็กๆจะได้สวมบทบาท เป็นเชฟตัวน้อย สร้างสรรค์เมนูง่ายๆ เรียนรู้เรื่องวัตถุดิบต่างๆ เด็กๆสามารถออกแบบการเล่นได้อย่างอิสระ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีสมาธิ เผชิญปัญหาและแก้ไขปัญหาตามศักยภาพของตนเอง  นอกจากนี้เด็กๆจะได้แต่งแต้มจินตนาการผ่านศิลปะ ได้รู้จักตนเองและผู้อื่นมากยิ่งขึ้นผ่านการฟังนิทานรูปแบบต่างๆ เช่น นิทานภาพ นิทานเพลง นิทานเคลื่อนไหว จากนั้นจะได้ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดออกมา เป็นผลงานศิลปะ เพื่อส่งเสริมให้เด็กๆกล้าคิด กล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์

บ้านกางใจ
มุมนิทานเล็กๆ ตกแต่งเพดานด้วยผ้าโปร่ง สร้างบรรยากาศให้มุมนี้น่ารักสดใสมากยิ่งขึ้น

3.ออกแบบและจัดสถานที่ ให้อบอุ่นเหมือนบ้านของเด็กๆ

การออกแบบและจัดสถานที่ผสมผสานระหว่าง สไตล์วอลดอร์ฟและมอนเตสซอรี่  เข้ามาด้านในผนังจุดแรกเพนท์สีเหลืองสดใส เทคนิค ‘ลาซัวร์เพนติ้ง’ (lazure painting) (ซึ่งเป็นการระบายสีเชิงแนวคิดปรัชญา ด้วยการเพนท์สีซ้อนเป็นชั้นๆให้เคลื่อนไหวเป็นจังหวะ ดูมีชีวิต)  เหมือนสีพระอาทิตย์ขึ้น แล้วค่อยๆไล่เฉดลงมายังมาผนังที่สองเป็นช่วงกลางวัน โซนห้องทานอาหารจะเป็นสีตอนพระอาทิตย์คล้อยแล้ว มุมนี้ติดกับสวนมีกระจกบานใหญ่ทำให้แสงธรรมชาติส่องถึง ดูสบายตาและยังใช้มุมนี้เป็นมุมวาดรูปและระบายสีของเด็กๆด้วย  ส่วนของเล่นต่างจะถูกจัดวางตามชั้นเตี้ยๆเพื่อให้เด็กๆหยิบเล่นและเก็บเองตามจุดต่างๆตามสไตล์มอนเตสซอรี่ ส่วนมุมนิทานเล็กๆก็จะจัดเรียงนิทานนานาชาติให้เด็กเลือกหยิบอ่านได้ตามใจชอบ ด้านนอกบ้านจะมีบ่อทรายขนาดใหญ่ไว้รองรับเด็กๆส่วนหลังบ้านจะเป็นมุมสวน ซึ่งเด็กๆก็จะมีกิจกรรมปลูกผักและรดน้ำต้นไม้ด้วยตัวเอง บรรยากาศน่ารักอบอุ่นเหมือนบ้านแบบนี้ทำให้เด็กปรับตัวได้ง่ายมากขึ้น

บ้านกางใจ

บ้านกางใจ
เด็กๆนั่งฟังครูไนซ์เล่านิทาน

4.การเรียนแบบชั้นคละ

ที่บ้านกางใจบางครั้งก็จะมีเด็กโตอายุ 5 -6 ขวบ มาเรียนด้วยช่วงซัมเมอร์ หรือช่วงเทศกาลต่างๆ เช่นวัน ฮาโลวีน หรือ คริสต์มาส เราคิดว่าเด็กที่อายุต่างกันก็เล่นด้วยกันได้ การศึกษาไทยติดกับและมีกรอบค่อนข้างเยอะ พ่อแม่บางคนจะคิดว่าลูกโตแล้วมาเล่นกับเด็กเล็กไม่ได้ “ชั้นคละ” เป็นห้องเรียนที่มีความหมาย เพราะเมื่อเราโตขึ้น ไม่มีใครทำงานกับคนที่อายุเท่ากันหรือวัยเดียวกันทั้งหมด คนแต่ละช่วงอายุมีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน การเรียนแบบนี้เป็นส่วนผสมพิเศษที่ทำให้พี่ๆใจเย็นลง อ่อนโยน ส่วนน้องๆก็อยากโตและอยากทำได้เหมือนพี่ เด็กๆจะได้เล่นและเรียนรู้กับเพื่อนๆที่หลากหลายวัย ทำให้รู้สึกสนุกและอยากเรียนรู้มากขึ้น

5.เรียนรู้ผ่านนิทานภาพ

ที่บ้านกางใจ เด็กๆจะได้เรียนรู้ผ่านนิทาน นิทานภาพที่ดีคือนิทานที่ภาพเล่าเรื่องด้วยตัวมันเอง เราไม่จำเป็นต้องอ่านนิทานให้เด็กฟัง 100% บางครั้งเราจะให้เด็กอ่านเอง เด็กๆจะอ่านด้วยภาพ การอ่านด้วยเสียงตลอดเวลาจะทำให้เด็กได้ข้อมูลจำกัดอยู่ที่เสียงของเรา นิทานหนึ่งเล่ม มีวิธีการเล่าที่หลากหลาย จะใส่เพลงเพิ่มก็ได้ ถ้าทักษะการอ่านภาพแข็งแรง เด็กก็จะเริ่มมีสายตาที่กว้างขึ้น และเชื่อมโยงสิ่งแวดล้อม เข้ากับตัวเองได้ นี่เป็นจุดแข็งของบ้านกางใจ

บ้านกางใจ

บ้านกางใจ
มุมรับประทานอาหารและทำงานศิลปะ
บ้านกางใจ
บริเวณอ่างล้างมือจะมีผ้าเช็ดมือส่วนตัวของเด็กแต่ละคน ติดรูปเพื่อให้เด็กๆจดจำผ้าของตนเองได้ง่าย แถมยังทำให้เด็กๆรู้ด้วยว่าวันนี้เพื่อนคนไหนที่ไม่ได้มา เพราะวันนั้นจะไม่มีผ้าเช็ดมือห้อยอยู่
บ้านกางใจ
บ่อทรายขนาดใหญ่หน้าบ้าน ที่เด็กสามารถเล่นได้อย่างอิสระ

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

สิ่งที่ชอบที่สุดของบ้านกางใจ คือ ทัศนคติของคุณครู เรารู้สึกและสัมผัสได้ถึงความเป็น “แม่” ของคุณครู ทั้งคำพูด สายตาที่ดูจริงใจ มีความละเอียดอ่อนและมีจิตวิทยาในการสอนเด็กๆ ทำให้รู้สึกมั่นใจได้ว่า ถ้าพาลูกมาเรียนที่นี่ เขาจะเติบโตเป็นเด็กที่ดีและมีความสุขในแบบที่เขาเป็นแน่นอน

บ้านกางใจ
เด็กๆช่วยกันรดน้ำผักที่ปลูกไว้ในสวนหลังบ้าน

เกณฑ์การรับสมัคร โรงเรียนบ้านกางใจ

🌈 เด็กอายุ 2 -4 ปี ( รับแค่ห้องเดียวรวมจำนวน 16 คน )

กลุ่ม 1 : เด็กอายุ 2-2.6 ปี เวลา 8.30 – 11.30 น.

กลุ่ม 2 : เด็กเริ่มใหม่ ( ยังไม่เคยเข้าโรงเรียน ) อายุ 2.6 ปีหรือมากกว่า เวลา 8.30 -11.30 น.(เมื่อเด็กปรับตัวได้แล้ว จะปรับเวลาตามความเหมาะสม)

กลุ่ม 3 : อายุ 2.6 ปีขึ้นไป เวลา 8.30 -13.30 น.

🌈 อัตราค่าเล่าเรียน

ค่าแรกเข้า 15,000 บาท ( รวมอาหารว่างและอาหารกลางวัน )

🌈 ค่าธรรมเนียมการศึกษา

-ค่าเรียนแบบรายวัน 22,500 บาท / 15 วัน

(ใช้สิทธิ์ภายใน 6 เดือนนับจากวันที่เริ่มเรียน )

-ค่าเรียนแบบรายเดือน 18,500 บาท / 1 เดือน

( เหมาจ่ายรายเดือน นับจากวันที่เริ่มไปจนครบ 1 เดือน )

_ ค่าเรียนรายเทอม (3 เดือน ) 56,000 บาท

เวลาเรียน เด็กอายุ 2-2.6 ปี เวลา 8.30 – 12.00 น.  เด็กอายุ 2.6 ปีขึ้นไป เวลา 8.30 -13.30 น.

ที่อยู่

บ้านกางใจ หมู่บ้านยูนิวิลล่า 1 ซอย 9 บ้านเลขที่ 98  โทร.082-442-5292

เว็บไซต์ : http://www.baankangjai.com

FB : https://www.facebook.com/baankangjai

Editor : แม่เลม่อน
ภาพ : อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up