แม่ท้อง

แม่ท้อง อารมณ์แปรปรวน รับมืออย่างไร ไม่กระทบลูกในท้อง

นอกจากสภาพร่างกายของแม่ท้องที่เปลี่ยนไป จะทำให้คุณแม่รู้สึกอึดอัดหงุดหงิดได้แล้ว ฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงยังทำให้ แม่ท้อง อารมณ์แปรปรวน ร่วมด้วย ฉะนั้น เพื่อไม่ให้แม่ท้องต้องหงุดหงิดเครียด อันจะส่งผลต่อลูกน้อยในท้อง เราจึงชวนแม่ท้อง รับมืออารมณ์แปรปรวนได้อย่างเข้าใจค่ะ

ชวน แม่ท้อง รับมือ อารมณ์แปรปรวน

แม่ท้อง อารมณ์แปรปรวน รับมืออย่างไร

เข้าใจอารมณ์แปรปรวนของแม่ท้อง

ช่วงเวลาของการตั้งครรภ์เป็นช่วงแห่งความสุขและตื่นเต้นก็จริง แต่ในขณะเดียวกัน คุณแม่ก็รู้สึกเครียดและวิตกกังวลไปด้วย คุณแม่หลายท่านมีคำถามวนเวียนอยู่ในใจตลอดเวลา เช่น เอ๊ะ! เราจะเป็นแม่ที่ดีได้ไหมนะ ลูกจะแข็งแรงหรือเปล่า หนังสือคู่มือที่กำลังอ่านอยู่ดีที่สุดแล้วหรือยัง แล้วถ้ามีลูกอีกคนค่าใช้จ่ายจะมากขึ้นเท่าไร แล้วเราจะไหวไหม คุณสามีจะเห็นว่าเราอ้วนฉุ ไม่สวยเหมือนเดิมหรือเปล่า ความสัมพันธ์ของเรากับสามีและลูกคนโตจะเปลี่ยนไปไหม เราจะมีเวลาให้สามีและลูกพอไหม…

ความกังวลเหล่านี้บวกกับสรีระร่างกายที่เปลี่ยนไป และฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง อาจทำให้คุณแม่ที่เคยอารมณ์ดีแจ่มใสเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เราเรียกภาวะนี้ว่า “อารมณ์แปรปรวนในขณะตั้งครรภ์”

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้ แม่ท้อง อารมณ์แปรปรวน ได้อย่างไร

ความเครียด ความอ่อนเพลีย เมื่อยล้า ฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรนที่เปลี่ยนแปลง จะไปส่งผลต่อสารสื่อประสาท (Neurotransmitter) ซึ่งเป็นตัวส่งต่อข้อมูลต่างๆ ในสมอง และควบคุมอารมณ์ โดยอารมณ์แปรปรวนจะเกิดมากที่สุดในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสแรก คือช่วงตั้งครรภ์สามเดือนแรกคุณแม่จะมีฮอร์โมนแปรปรวนอยู่ จึงอาจทําให้เกิดอารมณ์หงุดหงิดได้ แถมบางครั้งคุณแม่ยังมีภาวะกังวลซึมเศร้าอีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ท้องที่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ทำให้อาการอารมณ์แปรปรวนยิ่งเกิดได้ง่ายขึ้น แต่ส่วนใหญ่พอตั้งครรภ์เลย 4 – 5 เดือนไปแล้วหรือในช่วงไตรมาสที่ 2 อาการ แม่ท้อง อารมณ์แปรปรวน จะลดลงและหายไป จากที่เคยเหวี่ยง ในช่วงไตรมาสแรกๆ พอเข้าไตรมาสสองและสามอารมณ์ก็จะดีเหมือนก่อนตั้งครรภ์ค่ะ

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

ติดตาม ชวน แม่ท้องรับมืออารมณ์แปรปรวน คลิกต่อหน้า 2

    ภัยร้าย ไข้เลือดออก ขณะตั้งครรภ์

    ไข้เลือดออก ไม่ใช่แค่ทำอันตรายกับคนทุกเพศทุกวัย เพราะหากคุณแม่ท้องติดเชื้อนี้ก็ส่งผลอันตรายทั้งต่อตัวคุณแม่เองและลูกน้อยจนทำให้ถึงกับแท้งหรือตกเลือดได้ทั้งตอนตั้งครรภ์และขณะคลอด เราจึงชวนคุณแม่มาทำความรู้จักกับ ภัยร้าย ไข้เลือดออก ขณะตั้งครรภ์ กันค่ะ

    ภัยร้าย ไข้เลือดออก ขณะตั้งครรภ์

    ไข้เลือดออก ขณะตั้งครรภ์

    อันตราย ไข้เลือดออก ขณะตั้งครรภ์ ทำแม่ท้องแท้ง ตกเลือด

    ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นแหล่งระบาดอย่างมากของไข้เลือดออก ซึ่งแต่เดิมส่วนใหญ่ผู้ป่วยไข้เลือดออกมักจะเป็นเด็ก แต่ปัจจุบันก็มีผู้ใหญ่ป่วยเป็นไข้เลือดออกเพิ่มสูงขึ้น สำหรับรายงานไข้เลือดออกในแม่ท้องในประเทศไทยนั้นพบได้น้อย ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตที่แน่ชัด แต่หากคุณแม่ตั้งครรภ์ป่วยก็ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ลูกและแม่จึงรอดชีวิตค่ะ

    ไข้เลือดออกจึงเป็นโรคที่แม่ท้องไม่อาจมองข้าม และควรทำความรู้จักและป้องกันโรคนี้ในขณะตั้งครรภ์อย่างดีอีกด้วย เรามาทำความรู้จักไข้เลือดออกในแม่ท้องกันค่ะ

    ไข้เลือดออก คืออะไร

    ไข้เลือดออก คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue) ที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ประเทศไทยพบไข้เลือดออกได้ตลอดปี แต่มักระบาดในฤดูฝน หลังยุงกัด 3-15 วัน (เฉลี่ย 5-6 วัน) จึงจะมีอาการ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ร้อยละ 90 ติดเชื้อเดงกีแต่ไม่มีอาการใดๆเลย สำหรับผู้ที่มีอาการรวมถึงแม่ท้อง อาการทางคลินิกแบ่งเป็น 3 แบบด้วยกันคือ

    1. มีไข้สูง อาจจะมีผื่นเป็นปื้นและจุดแดงๆ คล้ายหัดตามตัว มักจะเป็นในเด็กเล็ก
    2. มีไข้สูง ปวดรอบศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก อาการปวดกระดูกจะรุนแรงมากเหมือนกระดูกจะแตก (Break bone fever) มีผื่นและจุดเลือดออกตามผิวหนัง เจาะเลือดพบเม็ดเลือดขาวต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ การทดสอบโดยการรัดแขนให้ผลบวกคือพบจุดเลือดออกเกิน 10 ต่อตารางนิ้ว อาการในกลุ่มนี้เรียก ไข้เดงกี พบในเด็กโตหรือผู้ใหญ่ อาการมักไม่รุนแรง
    1. มีไข้สูง ปวดท้อง เบื่ออาหาร อาเจียน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ตับโตกดเจ็บ มีจุดเลือดออกตามผิวหนังมีเลือดออกตามอวัยวะต่างๆ เช่น มีเลือดกำเดาไหล หรืออาเจียนเป็นเลือด เลือดออกในตับ ไต สมอง ฯลฯ มีการรั่วของน้ำเหลืองพลาสม่า ทำให้ความดันโลหิตต่ำและช็อก เรียกว่า กลุ่มอาการไข้เลือดออกช็อก (Dengue shock syndrome) ซึ่งอาจเกิดอันตรายถึงชีวิต

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

     

    ติดตาม การตั้งครรภ์ไตรมาสต่างๆ กับไข้เลือดออก คลิกต่อหน้า 2

      คลายสงสัย! 9 ปัญหานมแม่ ยอดฮิต ของคุณแม่มือใหม่

      9 ปัญหานมแม่ ยอดฮิต ของคุณแม่มือใหม่ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “ มือใหม่ “ พอลูกน้อยทำอะไร หรือ เป็นอะไร ก็ดูสับสนอลหม่านกันไปหมด ว่าแต่มีเรื่องหนักอกหนักใจอะไรบ้างมาลองดูกัน คุณแม่มือใหม่อย่างเราจะได้เตรียมตัวรับมือได้ถูก

      ปัญหานมแม่ คุณแม่มือใหม่

      9 ปัญหานมแม่ ของ คุณแม่มือใหม่

      1. ตอนอยู่โรงพยาบาลไม่ร้องไห้ ไม่ขอดูดนม…แต่พอกลับบ้าน ทำไมร้องไห้ขอดูดนมตลอดเวลา

      ปัญหานมแม่ ข้อแรกนี้เป็นเพราะทารกยังไม่รู้ตัวว่าตอนนี้เขาแยกออกจากอกแม่แล้ว เขายังคิดว่าอาหารจะมาตามสายสะดือเหมือนตอนอยู่ในท้องแม่ ทั้งนี้เด็กทารกแรกเกิดครบกำหนด และเป็นปกติ สามารถอยู่ได้โดยไม่กินอะไรเลยนาน 5-7 วัน น้ำหนักตัวจึงลดลง 10-12% ของน้ำหนักแรกเกิดโดยไม่เป็นอันตราย

      ดังนั้น หากน้ำหนักตัวยังอยู่ในเกณฑ์ เขาจึงยังไม่รู้สึกหิว เวลาพยาบาลพามาให้ดูดนมแม่ เลยหลับมากกว่าดูด ทางที่ดีอย่าปล่อยให้เขาหลับอย่างสบายใจ ปลุกเขาให้ช่วยดูดกระตุ้นบ่อยๆทุก 2-3 ชั่วโมง โดยใช้อุ้งนิ้วโป้งและนิ้วชี้อยู่ในรักแร้ของทารก ท่านี้ช่วยให้ลูกตื่นตัว และเตรียมพร้อมจะดูดนม

      อย่าร้องขอให้พยาบาลเสริมนมผง นอกจากทำให้เขาหลับมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว โอกาสติดขวดจนหลงลืมเต้านมแม่จะมีเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นในช่วง 1-2 วันแรกนี้ ลองใช้เครื่องปั๊มนมช่วยกระตุ้น ถึงไม่มีน้ำนมออกมาก็ไม่ผิดปกติอะไร

      และเมื่อผ่านไป 3-4 วัน ได้เวลากลับบ้าน น้ำหนักตัวของเขาจะลดลงมาอยู่ในเกณฑ์ที่ทำให้รู้สึกหิวแล้ว และเริ่มรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ในท้องแม่ ตอนนี้ละ เขาจะร้องหาแม่ เพื่อให้แม่อุ้มเขามาดูดและต้องการให้แม่กอดเขาไว้ตลอดเวลา เพราะเขาไม่คุ้นเคยกับเตียงนอน แสงสว่างจ้า และบรรยากาศรอบตัว จึงร้องไห้ทุกวันจนกว่าจะปรับตัวได้ ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

       

      1. ลูกเอามือผลักอกแม่ตอนดูด แปลว่า แม่ไม่มีน้ำนมหรือเปล่า?

      หากเด็กที่เคยดูดนมขวดมาก่อน เป็นไปได้ที่เขาจะติดใจขวด เมื่อมาดูดนมแม่ที่ดูยากกว่าและนมไหลไม่เร็วทันใจเหมือนขวด เขาจะแสดงอาการหงุดหงิดได้ ดังนั้นหาก คุณแม่มือใหม่ ต้องการเริ่มฝึกให้ดูดนมแม่จากขวด ควรรอให้ลูกดูดนมแม่เป็น และดูดนมแม่ได้เก่งเสียก่อน ซึ่งก็คือ อายุ 1 เดือน

      แต่หากเขาไม่เคยเจอขวดมาก่อนเลย การดูดไปดิ้นไป น่าจะเป็นเพราะมีลมในท้อง หรือท่าอุ้มในการดูดไม่ถูกต้อง วิธีแก้ไข ปัญหานมแม่ ข้อนี้คือ ให้ยาขับลมก่อนดูดนม จับเรอบ่อยๆ อุ้มอย่างถูกต้อง โดยลำตัวลูกแนบกับหน้าท้องแม่ ปากงับลึกถึงลานนมแม่ วิธีนี้จะทำให้ได้รับน้ำนมอย่างเต็มที่ ไม่มีหงุดหงิด

      ติดตาม 9 ปัญหานมแม่ยอดฮิต ของคุณแม่มือใหม่ คลิกต่อหน้า 2

        ลูกสะดือจุ่น + โป่ง อันตรายหรือไม่?

        ลูกสะดือจุ่น หรือ สะดือโป่ง …อาการนี้มักพบได้กับทารกแรกเกิด ซึ่งอาจทำให้คุณแม่มือใหม่หลายคนที่เห็น อาจสงสัยว่าลูกเป็นอะไร อันตรายหรือเปล่า แล้วจะยุบหายไปหรือไม่?? Amarin Baby & Kids มีคำตอบมาฝากค่ะ

        แม่สงสัย ลูกสะดือจุ่น + โป่ง อันตรายหรือไม่?

        มีคุณแม่หลายท่านสงสัยและอาจมีความกังวลอยู่ไม่น้อยว่า  …ลูกน้อยมีอาการสะดือจุ่น โป่ง ปูด ขึ้นมามากจนน่ากลัว จะเป็นอันตรายกับลูกหรือไม่?  เช่นเดียวกับคุณแม่ท่านนี้ที่ได้ออกมาโพสต์ถามถึงอาการสะดือของลูกผ่านเฟซบุ๊กในชื่อ Bifern Fern โดยสอบถามแม่ๆ ท่านอื่นในกลุ่ม กลุ่มหนึ่งว่า….

        สอบถามแม่ๆหน่อยค่ะ น้องหมอกอายุ 1เดือน2วันสะดือเป็นอย่างในรูป ไม่มีหนองไม่มีเลือดซึมไม่มีกลิ่นค่ะ ผิดปกติไหมค่ะ น้องมีงอแงบ้างนะค่ะและร้องเสียงดัง

        ลูกสะดือจุ่น

        ขอบคุณภาพจาก คุณแม่ Bifern Fern

        ซึ่งก็มีคุณแม่ๆ หลายท่านที่มีประสบการณ์ออกมาแสดงความคิดเห็นมากมาย พร้อมแนะนำและบอกถึงอาการที่ทารกสะดือจุ่นนี้ว่า…

        ลูกสะดือจุ่น ลูกสะดือจุ่น ลูกสะดือจุ่น

        สะดือทารก  เป็นสิ่งที่คุณแม่รู้อยู่แล้วว่าต้องดูแลและเอาใจใส่กันเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างสายใยบางๆ ระหว่างคุณแม่และคุณลูกนั่นเอง  และเพราะว่าทารกนั้นยังไม่สามารถพูดหรือบอกอะไรได้หากมีอาการผิดปกติ ฉะนั้นคุณแม่และคุณพ่อต้องคอยสังเกตและเอาใจใส่ สะดือของลูกน้อย ตั้งแต่สายสะดือยังอยู่และหลุดไป ซึ่งก็อาจจะเกิดอาการให้น่าวิตกกังวลเหมือนที่เกิดขึ้นกับคุณแม่ Bifern Fern

        ♦ อ่านต่อบทความแนะนำ : ภาวะปกติ VS ไม่ปกติของ สะดือเด็กแรกเกิด

        ดังนั้นแล้วมาดูกันค่ะว่า เรื่องสะดือของทารกอาการแบบนี้ หรือแบบใดถึงเรียกว่าผิดปกติซึ่งคุณแม่และคุณพ่อควรระวังให้กับลูกน้อยและควรทำความสะอาดสะดือทารกและให้ทั่วถึง  เพื่อไม่ให้สะดือทารก และหากเกิดการติดเชื้อควรพบแพทย์

        อ่านต่อ >> โรคไส้เลื่อนที่สะดือของลูกน้อยเป็นอย่างไร” คลิกหน้า 2

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

         

          ลูกวัยเตาะแตะ น้ำหนักเกิน

          ลูกวัยเตาะแตะ น้ำหนักเกิน แก้ไขอย่างไรดี?

           

          เด็กอ้วนจ้ำม่ำ พ่อแม่และคนเลี้ยงลูกย่ายาย มักมองว่าลูกหลานน่ารัก อ้วนท้วนสมบูรณ์ แต่รู้อะไรไหมคะ ภายใต้ความอ้วนจ้ำม่ำของเด็ก อาจซ่อนไว้ด้วยโรคภัยไข้เจ็บก็ได้ ลูกวัยเตาะแตะ น้ำหนักเกิน แม่ๆ กังวลใจกันไหมคะ ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำตอบในเรื่องลูกวัยเตาะแตะ น้ำหนักเกิน มาให้ได้ทราบกันค่ะ

          ลูกวัยเตาะแตะ น้ำหนักเกิน แก้ไขอย่างไรดี?

          ทางทีมงานได้รับข้อความจากคุณแม่ที่มีความกังวลเรื่องน้ำหนักตัวของลูก ที่ถามเข้ามาดังนี้ค่ะ

          ลูกชายอายุ 3 ขวบ 6 เดือนเดินล้มบ่อยๆ ทั้งที่ไม่ได้สะดุดอะไร เขาบอกว่า แค่เข่าอ่อนเฉยๆเวลาไปเดินเล่นกันเขาเดินได้ไม่นานก็ขอให้แม่อุ้ม ตอนนี้เขาสูง 102 เซนติเมตร หนัก 22 กิโลกรัม คุณหมอประจำเคยบอกว่าน้องเริ่มมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน  คุณแม่จึงสงสัยว่าปัญหาการเดินของลูกเกิดจากสาเหตุนี้หรือเปล่า ที่สำคัญลูกไม่ยอมกินเนื้อสัตว์  กินแต่นม น้ำเต้าหู้ ไข่ต้ม ข้าวเปล่า และโจ๊ก ฟักทองเท่านั้น ถ้าได้กลิ่นเนื้อสัตว์เมื่อไรก็ทำท่าเหมือนจะอาเจียนทันที จึงนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับครอบครัวไม่ได้เลย รบกวนคุณหมอช่วยให้คำแนะนำด้วยนะคะ

          และเพื่อให้คุณแม่คลายกังวลใจในเรื่อง แพทย์หญิงสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด จะตอบในเรื่องนี้ให้ค่ะ

          จากคำถาม หมอประมวลปัญหาได้ดังนี้ค่ะ

          1. น้ำหนักตัวเกินหรืออ้วน

          ลูกสูง 102 เซนติเมตร เทียบเท่ากับเด็กอายุ 4 – 4.5 ขวบ ควรมีน้ำหนักประมาณ 16 – 17 กิโลกรัม จึงจะมีรูปร่างสมส่วน แต่ เขาหนักอยู่ที่ 22 กิโลกรัม จึงเข้าข่ายเป็นเด็กอ้วน เพราะน้ำหนักตัวเกินร้อยละ 20 ของน้ำหนักที่ควรจะเป็น

          หมอขอชื่นชมคุณแม่ที่ใส่ใจเรื่องน้ำหนักตัวเกินของลูก เพราะโรคอ้วนเป็นอันตรายส่งผลทั้งระยะสั้นและระยะยาว เช่น เพิ่ม ความเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคกระดูกและข้อเสื่อม

          เมื่ออ้วนแล้วจะเป็นเด็กไม่คล่องแคล่วเคลื่อนไหวได้ช้า เสียการทรงตัวได้ง่าย ด้านจิตใจอาจเป็นเด็กที่ไม่มีความสุข เนื่องจาก  ถูกล้อเลียน เพื่อนๆ ไม่อยากให้เข้ากลุ่มในการแข่งขันกีฬา เป็นต้น

          2. การแก้ไขปัญหาโรคอ้วน ทำได้โดย

          ควบคุมปริมาณอาหาร ไม่กินแป้ง น้ำตาลไขมันมากเกินไป ให้กินผักผลไม้ที่ไม่มีรสหวานจัด งดอาหารขยะ น้ำอัดลม ขนมหวาน ขนมถุงขบเคี้ยว อาหารทอด ปริมาณนมที่มากเกินไป ก็ทำให้เป็นโรคอ้วนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นนมรสหวาน นมเปรี้ยว ส่วนเครื่องดื่มรสช็อกโกแลต โกโก้ นมสำหรับเด็กที่มีปัญหาเบื่ออาหาร หมอไม่แน่ใจว่าคุณแม่อาจกำลังให้ลูกกินนมชนิดนี้อยู่หรือไม่ เพราะนมพวกนี้อาจทำให้เด็กกินข้าวยากมากขึ้นเนื่องจากอิ่มนม นอกจากนี้ยังทำให้เด็กติดหวานและมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลพลอยได้ที่คุณแม่บางท่านต้องการแต่ลูกของคุณแม่ท่านนี้มีปัญหาน้ำหนักตัวเกินอยู่แล้ว

          การออกกำลัง อาจเป็นการเล่นกีฬาหรือการหากิจกรรมให้ลูกได้เคลื่อนไหวมากๆ ลดกิจกรรมที่อยู่เฉยๆ เช่น การดูทีวี เล่นเกมคอมพิวเตอร์

          อ่านต่อ >> ลูกมีปัญหาเลือกกิน และ ล้มบ่อย หน้า 2

           

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

            ลูกฟันผุ ทำยังไงดี

            ลูกฟันผุ ทำยังไงดี ปัญหาสุขภาพฟันลูกที่แม่กลุ้มใจ

            ฟันชุดแรกที่เรียกว่าฟันน้ำนมจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ 6 เดือนเป็นต้นไป ซึ่งถ้าดูแลฟันน้ำนมลูกให้ดีก็จะส่งผลถึงฟันชุดที่สอง นั่นคือฟันแท้ ที่จะเริ่มขึ้นหลังจากฟันน้ำนมหลุดตอนลูกอายุได้ 6-7 ปีเป็นต้นไป แต่ระหว่างนี้ถ้าดูแลฟันไม่ดี อาจเกิดผุขึ้นได้ ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำตอบที่พ่อแม่ถามกันเข้ามามากว่า ลูกฟันผุ ทำยังไงดี จะแก้ไขด้วยวิธีใดได้บ้าง?

             

            ลูกฟันผุ ทำยังไงดี ?

            เพิ่งพาลูกชายอายุ 3 ขวบไปหาหมอฟันมาค่ะ  มีฟันผุ 2 ซี่แล้ว ควรจัดหรือระวังอาหารอะไรที่จะทำให้ลูกมีสุขภาพฟันที่แข็งแรงคะ

            ฟันผุเกิดจากแบคทีเรียที่อยู่ในปากย่อยน้ำตาล (กลูโคสฟรักโทส ซูโครส) ที่เกาะติดกับเนื้อฟัน ทำให้เกิดสารที่เป็นกรดทำลายเคลือบฟัน ซึ่งปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงทำให้ฟันผุ ได้แก่

            1. โรคพันธุกรรมบางอย่าง หรือเป็นคนที่มีเนื้อฟันบางกว่าคนอื่น
            2. ได้รับสารอาหารไม่ครบขณะคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นโรคขาดสารอาหาร
            3. ฟันอยู่ชิดกัน มีหลุมร่องฟันลึก
            4. การกินนมขวด การดูดนมหลับคาปาก
            5. ไม่ได้แปรงฟันให้สะอาด หรือไม่ได้ใช้ไหมขัดฟัน
            6. การกินขนมที่เหนียวติดฟัน มีแป้งและน้ำตาล น้ำหวาน น้ำผลไม้ น้ำอัดลม
            7. กินอาหารจุบจิบตลอดเวลา

            การแปรงฟันอย่างเดียวอาจไม่พอ คุณแม่ควรต้องดูแลเรื่องอาหารการกินให้ลูกด้วย เพราะการกินอาหารที่มีประโยชน์ จะช่วยลดการเกิดลูกฟันผุได้ค่ะ

            อ่านต่อ >> อาหารที่ดีต่อสุขภาพฟันของลูกน้อย หน้า 2

             

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

              บริจาคเสื้อผ้าให้คนยากไร้ และเด็กน้อย ในที่ทุรกันดาร เรื่องง่ายๆพ่อแม่สอนลูกได้

              บริจาคเสื้อผ้าให้คนยากไร้ เพราะปัญหาความยากจน ยังถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่ยังแก้ไม่หมดไปจากสังคม  ซึ่งปัญหาเหล่านี้มักมีให้เห็นกันอยู่มากตามท้องถิ่นต่างๆ  โดยล่าสุดโลกออนไลน์ได้มีการแชร์เรื่องราวชีวิตที่น่าสงสารของเด็กน้อยที่เกิดมามีชีวิตที่ต้องสู้ ต้องอดทนกับความลำบาก

              ส่งต่อสะพานบุญ บริจาคเสื้อผ้าให้คนยากไร้ และเด็กน้อย ในที่ทุรกันดาร

               

              ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่โดยสมาชิกเฟซบุ๊กใช้ชื่อ Somchai Somchai โดยระบุข้อความเอาไว้ว่า

              ร่วมด้วยช่วยกันครับ…เพื่อสร้างสังคมแห่งการแบ่งปันและเอื้ออาทรต่อกัน…..เพราะแท้จริงแล้วความสุขของพวกเราแต่ละนั้นต่างก็เชื่อมโยงใยถึงกันหมด…และเราเองก็คงมีความสุขอยู่ไม่ได้ ท่ามกลางพี่น้องร่วมชาติที่กำลังเดือดร้อนลำเค็ญทุกข์กายทุกข์ใจ… พอช่วยอะไรได้ก็คงต้องช่วยกันไปครับ ..กินมีเหลืออะไรก็สามารถส่งไปได้นะครับ…ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้อุปกรณ์การเรียนข้าวสารอาหารแห้งเสื้อผ้ารองเท้าของเล่น เสื้อกันหนาว ผ้าห่ม อะไรก็ได้ทั้งนั้นครับ เพราะที่ผมไปเห็นมานั้น เหมือนกับว่าเขาแทบจะไม่มีอะไรเลยครับ น่าสงสารครับ… ผมไปอยู่นั้นสามวันมีเด็กหลายคนครับที่ใส่เสื้อและกางเกงตัวเดิมทั้งสามวันครับ…..ใครอยากจะบริจาคอะไรก็สามารถส่งไปได้ ตามที่อยู่นี่เลยนะครับผม
              • นายสมชาย ศิริเทพทรงกลด (แจกชาวเขา) วัดไร่ขิงพระอารามหลวง 51 หมู่ 2 ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210 084-3152888
              • ด.ต.มิตร สมหมาย(ฝากแจกชาวบ้านบ้านปอเล้อ) ร้อย ตชด.344 ต.แม่ต้าน อ.ท่าสองยาง จ.ตาก 63150 โทร.087 8481287
              • หรือส่งที่ กองสวัสดิการสังคม (ฝากของให้น้องๆ และชาวบ้านปอเล้อ) อบต.แม่สอง 222 ม.2 ต.แม่สอง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก 63150

              ร่วมด้วยช่วยกันครับ…เพื่อสร้างสังคมแห่งการแบ่งปันและเอื้ออาทรต่อกัน…😔…เพราะแท้จริงแล้วความสุขของพวกเราแต่ละนั้นต่า…

              โพสต์โดย Somchai Somchai บน 25 มีนาคม 2017

               

              ช่วยกันครับ..🙏..ผมจะเดินทางไปแจกของเด็กๆ และชาวบ้านในพื้นที่…ที่ห่างไกลและยากแก่การเข้าถึง.. บริเวณอำเภอท่าสองยาง จังห…

              โพสต์โดย Somchai Somchai บน 26 มีนาคม 2017

               

              ทั้งนี้ล่าสุดหลังจากโพสขอรับบริจาคทั้งเงินและสิ่งของไป ต่างก็มีธารน้ำใจหลั่งไหลกันมามากมาย โดยทางด้านคุณ Somchai Somchai ได้ออกมาชี้แจงความเคลื่อนไหวเรื่องการบริจาคดังนี้

              ประกาศๆ ปิดรับบริจาคเงินสด โครงการแจกเครื่องอุปโภคบริโภคให้เด็กๆ และพี่น้องชาวเขานะครับ😊เพราะว่ายอดบริจาคเงินสดตอนนี้เท่าที่รวมยอดได้จากคอมเม้นต์โดยทีมจิตอาสานั้น ได้ยอดเงินเกิน 100,000 บาทแล้วนะครับ คิดว่าเพียงพอต่อการดำเนินกิจกรรมเบื้องต้นแล้วนะครับ และยังมีอีกหลายคอมเม้นต์ที่ยังไม่ได้รวบรวมเงินเข้าไปนะครับ ผมจะสรุปยอดเงินให้อีกครั้งนึง แต่ปัจจุบันนี้คิดว่าเงินพอในการดำเนินงานแล้วครับ จึงขอประกาศปิดรับเงินบริจาคตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปนะครับ ส่วนอุปกรณ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นข้าวสารอาหารแห้งเสื้อผ้าทุกอย่างสามารถบริจาคได้ที่วัดไร่ขิงเหมือนเดิมนะครับอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ

              โดยทางคุณ Somchai Somchai แจ้งเพิ่มเติมว่าผู้ที่ประสงค์จะบริจาคสิ่งของสามารถส่งของตามที่อยู่ที่แจ้งไว้ได้ก่อนสงกรานต์ และในช่วงปลายเดือนเมษายนก็จะดำเนินการไปบริจาคของตามหมู่บ้านต่างๆ ที่ระบุไว้ โดยบอกว่า

              ต้องรอปรึกษากันกับทีมงานหลายฝ่าย…ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมสิ่งของบริจาคและจัดเตรียมคัดแยกเป็นหมวดหมู่เพื่อนำส่งครับ… ส่วนเรื่องจำนวนเด็กและจำนวนชาวบ้านที่แน่นอนนั้น ผมกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่นะครับ..ว่าจะต้องจัดซื้อของจำนวนกี่ชุด เพื่อแจกชาวบ้านอย่างน้อย 7 หมู่บ้าน…จากจำนวนเงินที่ทุกท่านบริจาคมา ส่วนใครอยากจะไปด้วยนั้นสามารถไปได้ทุกคนครับ….ขอให้ติดตามกันในเฟสเรื่องวันเวลานะครับ เดี๋ยวไม่นานผมจะสร้างไลน์กลุ่มเพื่อการพูดคุยประสานงานกัน…

              เพราะการทำความดีมีหลากหลายรูปแบบ และคนเป็นพ่อแม่สามารถปลูกฝังให้ลูกได้มากมาย หลากหลายวิธียิ่งถ้าเราปลูกฝังลูกตั้งแต่เล็ก ในเรื่องการ “ให้” ให้ลูกรู้จักความสุขจากการเป็นผู้ให้ เท่ากับปลูกฝังสิ่งดีงามในตัวลูก ให้เขาสามารถอยู่ในสังคม และเป็นผู้สร้างสังคมที่ดีต่อไปได้ ฉะนั้นการสอนลูกทำความดี มิใช่แค่การไหว้พระ ทำบุญอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีวิธีอื่นๆ อีกมากมาย

              ซึ่งการสอนให้ลูกรู้จักการบริจาคทาน ไม่ว่าจะเป็นบริจาคเงินหรือบริจาคสิ่งของ ถ้าเป็นการบริจาคเงิน พ่อแม่อาจสอนให้ลูกเก็บเงินค่าขนมเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาส หรือถ้าบริจาคสิ่งของก็อาจจะเริ่มจากการบริจาคสิ่งของที่เกินความต้องการ เช่น เสื้อผ้า ของเล่น หนังสือ หรืออุปกรณ์อื่นๆ โดยให้ลูกมีส่วนร่วมในการเลือกสิ่งของเพื่อนำไปบริจาคตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและต้องการความช่วยเหลือ ขณะเดียวกันก็สอนให้ลูกรู้จักการแบ่งปันให้กับผู้อื่นที่ด้อยโอกาสกว่าเรา
                     
              การสอนให้ลูกรู้จักแบ่งปัน รู้จักการให้ ก็ควรจะปลูกฝังถึงความรู้สึกมีความสุขในการเป็นผู้ให้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างนิสัยที่ดีต่อไปในภายภาคหน้า

              อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!


              ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : คุณ Somchai Somchai

              อ่านต่อ >> “วิธีเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กมีน้ำใจ” คลิกหน้า 2

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

               

                ลูกได้รับสารอาหารเพียงพอหรือเปล่า? “ไมโล แชมป์แบนด์” บอกได้ ช่วยแม่คลายกังวล

                เพราะสุขภาพที่ดีส่งผลต่อพัฒนาการที่ดีของลูก คุณแม่จึงมักจะเป็นกังวลเรื่องโภชนาการของลูกว่า ลูกกินน้อย จะแข็งแรงไหม จะได้รับพลังงานและสารอาหารเพียงพอในแต่ละวันหรือไม่ หรือเด็กบางคนกินเยอะทำกิจกรรมน้อย จะกระตุ้นลูกอย่างไรให้กระฉับกระเฉงและแอคทีฟมากขึ้น “ไมโล” มีไอเทมใหม่ ที่ช่วยคุณแม่ติดตามพัฒนาการของลูก พร้อมคำแนะนำในการปรับปรุงโภชนาการให้กับลูกรักอย่างสมดุล ไปรู้จักกับผู้ช่วยคุณแม่ยุคใหม่ที่มีชื่อว่า “ไมโล แชมป์แบนด์” กันค่ะ

                ติดตามพัฒนาการของลูกทุกก้าว ด้วย “ไมโล แชมป์แบนด์”

                ไมโล แชมป์แบนด์ คืออะไร?

                • “ไมโล แชมป์แบนด์” คือสายรัดข้อมือสำหรับเด็กอายุ 7-12 ปี ที่ช่วยวัดพลังงานของเด็กผ่านจำนวนก้าว ระยะทาง ระยะเวลา และปริมาณแคลอรีที่เผาผลาญไปจากการเคลื่อนไหวและออกกำลังกาย
                • ตรวจสอบพัฒนาการของลูกได้ง่ายๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือของคุณ ด้วยการเชื่อมต่อ “ไมโล แชมป์แบนด์” กับ “แอปพลิเคชันไมโลแชมเปี้ยน”
                • เพียงคุณแม่ใส่ข้อมูลอาหารที่ลูกรับประทานในแต่ละมื้อ และเชื่อมต่ออุปกรณ์กับแอปพลิเคชันไมโลแชมเปี้ยน คุณแม่ก็จะรู้ได้ทันทีว่าลูกได้รับพลังงานและสารอาหารเพียงพอในแต่ละวันหรือไม่
                • พร้อมคำแนะนำ เพื่อวางแผนโภชนาการและการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมแอคทีฟของลูกในแต่ละวันได้อย่างสมดุล

                นอกจากนี้ทุกการใช้งานแอปพลิเคชัน หรือการเข้าร่วมกิจกรรม เด็กๆ ยังจะได้รับคะแนนสะสม เพื่อแลกรับของรางวัลสุดพิเศษ และสามารถสนุกกับไมโล แชมป์แบนด์ได้มากขึ้น ผ่านเนื้อหาในแอปพลิเคชันไมโลแชมเปี้ยน และการแข่งขันกับเพื่อนๆ ที่ใช้ไมโล แชมป์แบนด์คนอื่นๆ

                ไม่เพียงเท่านั้น เด็กๆ ยังจะได้เรียนรู้ทักษะกีฬาใหม่ๆ ผ่านคลิปการฝึกสอนของ ริคาร์โด้ กาก้า อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบราซิล ที่จะมาสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ เอาชนะตัวเองให้เก่งขึ้นในทุกๆ วัน

                ไมโล แชมป์แบนด์ จึงไม่ใช่เพียงอุปกรณ์เพื่อติดตามพัฒนาการของลูกเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมมากมายให้เด็กๆ ได้ร่วมสนุกกับ แอปพลิเคชันไมโลแชมเปี้ยน กระตุ้นให้ลูกมีกิจกรรมแอคทีฟ และภาคภูมิใจกับผลงานความสำเร็จของตน อีกทั้งคุณแม่ยังสามารถให้รางวัลชื่นชมคนเก่ง ในผลงานความสำเร็จของลูกได้อีกด้วย เรียกได้ว่าทั้งสนุก และช่วยให้คุณแม่มั่นใจได้ว่า สามารถดูแลโภชนาการและส่งเสริมพัฒนาการของลูกได้อย่างเต็มศักยภาพในทุกก้าว

                “ไมโล แชมป์แบนด์” ตอบโจทย์คุณแม่ที่ห่วงใยสุขภาพลูกรัก

                รีวิวจากคุณแม่ … ใช้แล้วดีจริง จึงบอกต่อ
                น้องออกัส อายุ 11ปี กำลังอยู่ในวัยที่กำลังเจริญเติบโต จึงมีทำให้ร่างกายมีความต้องการสารอาหารอย่างเต็มที่ อีกทั้งเด็กในวัยนี้โภชนาการเป็นสิ่งที่สำคัญ เด็กควรได้รับสารอาหารครบถ้วนเพื่อที่ร่างกายจะนำไปพัฒนาสมองและการเจริญเติบโตของร่างกาย ปัจจุบันโลกเราเปลี่ยนไป ในรุ่นลูกคือเด็ก GEN Z สิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวล้วนแล้วแต่มีการพัฒนามากขึ้นเช่นกัน  รวมไปถึงเชื้อโรคในยุคปัจจุบันด้วย

                ดังนั้น เราจำเป็นต้องให้ลูกของเรามีสุขภาพที่แข็งแรง นั่นคือได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ประกอบกับการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับวัย แม่เลือกใช้ ไมโล แชมป์แบนด์ สายรัดข้อมือซึ่งเป็นตัวช่วย ทำให้แม่ได้ทราบว่าในแต่ละวัน ลูกได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อ Activity ของลูกหรือเปล่า และการเคลื่อนไหวร่างกาย การก้าวเดิน การเผาผลาญพลังงานในร่างกายของลูกเหมาะสมแล้วหรือยัง อีกทั้งสายรัดข้อมือยังช่วยในเรื่องการเสริมสร้างการมีภาวะโภชนาการที่เหมาะสม สอดคล้องกับการมีแอคทีฟไลฟ์สไตล์ของเด็กรุ่นใหม่

                ซึ่งไมโล แชมป์แบนด์  ใช้ง่ายมากเพียงแค่เราโหลดแอพพลิเคชั่นบนมือถือ  แล้วลิงก์กับสายรัดข้อมือ เพียงเท่านี้เราก็จะทราบถึงการใช้พลังงานที่เหมาะสมของเด็กๆ ในแต่ละวันผ่านทุกก้าวเดิน หรือการออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆ และในแอพยังมีเมนูอาหารให้เราเลือกควบคู่ไปกับปริมาณอาหารที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกในแต่ละช่วงวัย ซึ่งแม่คิดว่าไมโล แชมป์ แบนด์ตอบโจทย์และเหมาะสมกับการเสริมสร้างให้ลูกมีภาวะโภชนาการที่เหมาะสมควบคู่ไปพร้อมการออกกำลังกายจริงๆ ค่ะ

                วิธีใช้งาน ไมโล แชมป์แบนด์ และ แอปพลิเคชันไมโลแชมเปี้ยน
                วิธีใช้งาน ไมโล แชมป์แบนด์ เพื่อติดตามพัฒนาการและโภชนาการของลูกก็ง่ายมากค่ะ เพียงชาร์จไมโล แชมป์แบนด์เข้ากับ USB ของเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือต่อเข้ากับอแดปเตอร์แล้วเสียปลั๊ก ชาร์จทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมงในการใช้งานครั้งแรก ระหว่างนั้นคุณแม่ก็มาทำการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันโดยไปที่ App Store หรือ Google Play แล้วค้นหาคำว่า “Milo Champions” จากนั้นกด “รับ” หรือ “ติดตั้ง” แอพพลิเคชั่นลงมือถือ หรือคลิกลิงก์ด้านล่างเพื่อดาวน์โหลด

                เมื่อติดตั้งแล้วให้คุณแม่ลงทะเบียนง่ายๆ เพียงกรอกข้อมูลสั้นๆ หรือจะล็อคอินผ่านเฟซบุ๊คก็ได้ง่ายทันใจ เสร็จแล้วไปดูที่อีเมลเพื่อยืนยันการลงทะเบียนค่ะ

                เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว คุณแม่ก็สามารถสร้างโปรไฟล์ของลูกได้ทันที โดยใส่ข้อมูลต่างๆ ของลูก

                จากนั้นทำการเชื่อมต่อไมโล แชมป์แบนด์กับแอปพลิเคชัน โดยข้อมูลพลังงานของลูกจะถูกเพิ่มอัตโนมัติ เมื่อคุณแม่เพิ่มข้อมูลอาหารที่ลูกรับประทานในแต่ละมื้อ ระบบจะนับก้าวเดิน ระยะทาง ระยะเวลา และปริมาณแคลอรีที่เผาผลาญไปจากการเคลื่อนไหวและออกกำลังกาย เพื่อให้คำแนะนำคุณแม่ว่าจะสามารถสร้างสมดุลในการใช้พลังงานของลูกได้อย่างไร ด้วยการรับประทานอาหารที่เหมาะสมในปริมาณที่ถูกต้องและกระตุ้นการออกกำลังกายให้ลูกใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉงมากขึ้นนั่นเองค่ะ

                ภายในชุด MILO ชุดสายรัดข้อมือ Champ Squad Starter Kit ประกอบด้วย
                – 1x ไมโล แชมป์แบนด์ (19 เซนติเมตร)
                – 1x สายชาร์จ USB
                – 1x ไมโล 3อิน1 ขนาด 15 ซอง

                หาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ Lazada ราคาเพียง 899 บาทเท่านั้น
                http://www.lazada.co.th/milo-champ-squad-starter-kit-12553970.html

                  ลูกน้ำลายยืด

                  ลูกน้ำลายยืด แบบไหนผิดปกติ?

                   

                  มีคุณแม่ถามกันเข้ามาว่า ตอนนี้ลูก 6 เดือนกว่า ลูกน้ำลายยืดไหลเยอะจัง? คุณแม่ไม่ต้องตกใจ เพราะอาการน้ำลายไหลแบบ นี้ แสดงว่าฟันน้ำนมกำลังจะขึ้น เหงือกที่ถูกกระตุ้นด้วยฟันที่ค่อยๆ งอกออกมาส่งผลให้ต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายมากขึ้น ทีมงาน Amarin Baby & Kids จะพาไปพบคำตอบกันว่า ถ้าลูกน้ำลายยืดในช่วงวัยที่มากกว่านี้ จะมีอะไรผิดปกติหรือไม่

                   

                  ลูกน้ำลายยืด เรื่องที่พ่อแม่มือใหม่อาจยังไม่รู้!

                  ลูกชายวัย 1 ขวบ 6 เดือนมีฟันขึ้นครบหมดแล้ว พัฒนาการทางร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดี แต่ที่น่ากังวลคือ มักมีน้ำลายยืดอยู่ ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเวลากินอาหารหรือเวลาอื่นๆ อยากทราบว่าอาการเช่นนี้เป็นสัญญาณของปัญหาทางพัฒนาการหรือไม่?

                  และเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้รับคำตอบที่ถูกต้อง ชัดเจนในเรื่องของการที่เด็กมีภาวะน้ำลายยืด แพทย์หญิงสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด จะมาอธิบายให้ได้ทราบกัน ตามนี้ค่ะ

                  ภาวะน้ำลายยืดเป็นภาวะที่ปกติในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ พบได้ในเด็กบางคนที่มีพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อในช่องปากและคอยังพัฒนาไม่เต็มที่ (Delay Maturation) เปรียบเสมือนเด็กบางคนเดินเร็ว พูดเร็ว ฝึกขับถ่ายได้เร็ว ขณะที่เด็กปกติบางคนอาจเดินช้า พูดช้ากว่าเกณฑ์ค่าเฉลี่ย แต่ไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด บางคนมีอาการเป็นพักๆ ตามจังหวะที่ฟันจะขึ้น

                  แต่หากเกิดขึ้นในเด็กอายุเกิน 4 ขวบขึ้นไป ภาวะนี้ถือว่าผิดปกติ อาจเกิดจากปัญหาสมองพิการ เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาหรือปัญญาอ่อน ปัญหาลิ้นใหญ่คับปาก ฟันผุ ปัญหาโรคเหงือก แผลในปากจากติดเชื้อไวรัส เช่น เริม โรคมือ เท้า ปาก เป็นหวัดหรือไซนัส ทำให้หายใจทางจมูกไม่สะดวก ต้องอ้าปากหายใจ นํ้าลายจึงไหลออกมาเพราะปิดปากไม่ได้  โครงสร้างของช่องปาก คาง หรือใบหน้าผิดรูป การสบฟันผิดปกติ หรือปัญหาน้ำลายหลั่งมากกว่าปกติจากการกินยาบางอย่าง

                  น้ำลายยืดทำให้เสียบุคลิก ถูกเพื่อนล้อ ทำให้เกิดปัญหาด้านจิตใจตามมา ผิวหนังที่โดนน้ำลายอักเสบจากการระคายเคืองและ ติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน พ่อแม่หรือผู้ดูแลต้องคอยตามเช็ดปากหรือเปลี่ยนผ้ากันน้ำลายบ่อยๆ อาจพบปัญหาพูดไม่ชัด หรือพูดช้าร่วมด้วย เนื่องจากการพูดต้องอาศัยความสามารถในการขยับลิ้นและปากเช่นเดียวกับการกลืนน้ำลาย

                  อ่านต่อ >> น้ำลายยืดที่ผิดปกติในเด็ก รักษาได้อย่างไร? หน้า 2

                   

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                    ปากมดลูกหลวม เสี่ยงแท้ง คลอดก่อนกำหนด

                    ปากมดลูกหลวม เสี่ยงแท้ง คลอดก่อนกำหนด หลายครั้งที่มีคุณแม่ท้องมาพบแพทย์ด้วยอาการแท้ง ที่ไม่มีอาการปวดท้อง หรือเลือดออกมากนัก ปัญหานี้พบได้หากคุณแม่ท้องมีปากมดลูกหลวม ดังนั้นเราจึงมาไขความรู้เรื่อง ปากมดลูกหลวมเสี่ยงแท้ง คลอดก่อนกำหนดมาให้คุณแม่ได้รู้จักกันค่ะ

                    ปากมดลูกหลวม

                    ปากมดลูกหลวม เสี่ยงแท้ง คลอดก่อนกำหนด

                    ปากมดลูกหลวม คืออะไร ?

                    ปากมดลูกหลวม (lncompetence of Cervix) เป็นความผิดปกติของปากมดลูกที่พบไม่ได้บ่อยนัก แต่หากคุณแม่ท้องมีภาวะนี้ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เสี่ยงแท้งหรือคลอดก่อนกำหนดได้ แต่ก่อนที่จะรู้จักว่าปากมดลูกหลวมเป็นอย่างไร มารู้จักกันสภาพมดลูกและปากมดลูกที่เป็นปกติกันก่อนค่ะ

                    มดลูกของคุณแม่ หากเปรียบง่ายๆ ให้เห็นภาพจะเหมือนกับขวดใส่น้ำ โดยมดลูกจะเหมือนขวดน้ำที่คว่ำเอาปากขวดลงด้านบนหรือด้านในของช่องคลอด ซึ่งปกติแล้วขวดน้ำจะมีจุกหรือฝาปิดปากไม่ให้น้ำไหลออกมาแม้ว่าจะคว่ำขวด แต่สำหรับปากมดลูกจะมีคุณสมบัติพิเศษต่างจากขวดน้ำธรรมดา นั่นคือ ปากขวดหรือปากมดลูกจะสามารถตีบลงหรือขยายออกได้โดยไม่จำเป็นต้องมีจุกหรือฝาปิด

                    ซึ่งขณะตั้งครรภ์ปากมดลูกของคุณแม่นั้นจะมีการตีบแคบจนปิดสนิท และสามารถรองรับน้ำหนักของถุงน้ำคร่ำและลูกน้อยในท้องได้สบาย จนเมื่อคุณแม่เจ็บท้องและคลอด ปากมดลูกจึงจะบางตัวลงและเปิดขยายใหญ่ขึ้นเพื่อทำให้ลูกน้อย รก และถุงน้ำคร่ำคลอดออกมาได้

                    ปากมดลูกหลวม คือ ปากมดลูกไม่แข็งแรง

                    หากคุณแม่มีปากมดลูกแข็งแรงปกติก็จะไม่มีปัญหาการตั้งครรภ์ ลูกน้อยเติบโตอยู่ในท้องได้ยาวนานตามปกติ แต่คุณแม่ที่มีภาวะปากมดลูกไม่แข็งแรงหรือปากมดลูกหลวม จะมีภาวะของปากมดลูกที่เสียการยืดหยุ่นเนื้อเยื่อจะเกาะกันอย่างหลวมๆทําให้ปากมดลูกเปิดออกได้ง่าย เมื่อตั้งท้องได้ไม่นาน ถุงน้ำคร่ำน้ำคร่ำและลูกในท้องที่มีการเติบโตและน้ำหนักมากขึ้น หากปากมดลูกของคุณแม่หลวมจะทำให้รับน้ำหนักไว้ไม่ไหว ปาดมดลูกมีการเปิดขยายก่อนเวลาอันควร ยิ่งคุณแม่เดินหรือยืนมากๆ แรงโน้มถ่วงของโลกก็จะยิ่งทําให้ปากมดลูกของคุณแม่รับน้ำหนักไม่ไหว แล้วเปิดออกมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ถุงน้ำคร่ำ ซึ่งมีน้ำคร่ำ และลูกน้อยอยู่ข้างใน จะย้วยหรือห้อยผ่านปากมดลูกออกมา ในที่สุดทั้งหมดก็จะหลุดออกมาจากโพรงมดลูก มีน้ำเดินแล้วแท้ง หรือคลอดก่อนกำหนดได้ ต่างจากคุณแม่ที่มีปากมดลูกแข็งแรงดี ซึ่งแม้คุณแม่จะครบกําหนดอายุครรภ์คลอดหรือลูกน้อยในครรภ์ถึง 4 กิโลกรัมปากมดลูกก็จะยังคงปิดอยู่

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                     

                    ติดตาม ปากมดลูกหลวมเสี่ยงแท้ง คลอดก่อนกำหนด คลิกต่อหน้า 2

                      ให้นมแม่

                      อยาก ให้นมแม่ สำเร็จ แม่ต้องสตรอง และห้ามท้อ

                      อยาก ให้นมแม่ สำเร็จ แม่ต้องสตรอง และห้ามท้อ จากการวิจัยพบว่า ทารกที่กินนมแม่แข็งแรงกว่าทารกที่กินนมผง เพราะนมแม่มีภูมิต้านทานโรค อีกทั้งธาตุเหล็กในนมแม่ยังดูดซึมเข้าสู่ลำไส้ได้ง่ายอีกด้วย ขณะที่ธาตุเหล็กในนมผงเป็นชนิดที่ดูดซึมได้ยาก นอกจากนี้สารอาหารหลายชนิดที่อยู่ในนมแม่ยังช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของสมอง ขณะที่นมผงเองเลียนแบบไม่ได้

                      ให้นมแม่

                      อยาก ให้นมแม่ สำเร็จ แม่ต้องสตรอง และห้ามท้อ

                      พร้อมกันนี้ งานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า ทารกที่กินนมแม่นั้นมีสติปัญญาดีกว่า นอกจากนี้การให้นมแม่ยังประหยัดค่านม ค่ารักษาพยาบาล แถมนมแม่ยังสร้างความรักความผูกพันระหว่างแม่และลูก ส่งเสริมความรักภายในครอบครัว ทารกที่กินนมแม่มีความฉลาดทางด้านอารมณ์ดีกว่าทารกที่กินนมผง (ร่าเริง อารมณ์แจ่มใส) การที่ลูกดูดนมแม่ ยังช่วยให้แม่ลดน้ำหนักตัวหลังคลอดได้ ยังไม่พอ ยังช่วยป้องกันปัญหาตกเลือดเพราะมดลูกบีบตัวอีกด้วย และสำคัญที่สุด สร้างความภูมิใจ และเห็นคุณค่าในตัวเองของความเป็น “แม่”

                      ให้นมแม่ ให้ได้นานแค่ไหน

                      ตามกำหนดขององค์การอนามัยโลก แนะนำว่า แม่สามารถให้นมแม่อย่างเดียวได้นาน 6 เดือน แล้วจึงให้อาหารตามวัยควบคู่กับนมแม่ด้วยไปจนถึงอายุ 2 ขวบ หรือมากกว่านั้น

                      ประตูสู่ความสำเร็จในการให้ นมแม่

                      บางคนอาจเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการให้นมแม่มาว่า หากน้ำนมน้อย หรือ หัวนมบอด จะไม่สามารถให้นมลูกได้ หรือไม่ก็การให้นมแม่เป็นเรื่องยาก ความจริงแล้วผู้ที่เป็นแม่ทุกคนสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้หากรู้วิธีที่ถูกต้อง

                      ฎกุญแจสำคัญในการให้ นมแม่ มี 3 ประการ คือ

                      1. อย่าให้นมผง

                      2. อย่าด่วนหมดกำลังใจ

                      3. ต้องกระตุ้นเต้านมบ่อยๆ

                       

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                       

                      ติดตาม อยากให้นมแม่ สำเร็จ แม่ต้องสตรอง และห้ามท้อ คลิกต่อหน้า 2

                        ยาทำแท้ง ขายว่อนเน็ต เย้ยกฎหมาย ไม่ละอายต่อบาป!!

                        แม้ทุกคนจะทราบดีว่า การทำแท้งเป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศไทย และในสังคมพุทธ การทำลายชีวิตเป็นบาป แต่ในเมื่อเกิดความผิดพลาด และคิดว่าการท้องไม่พร้อมอาจทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ด้วยความกลัว ไม่กล้าบอกพ่อแม่ กลัวท่านผิดหวัง เสียใจ ด้วยกลัวหมดอนาคต ยังอยากเรียนต่อ หรือมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูก หรือด้วยเหตุผลอื่นๆ เพราะแต่ละคนมีความจำเป็นและเหตุผลที่ต่างกัน ทำให้แม่วัยใสไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร จึงเลือกที่จะใช้ ยาทำแท้ง เพื่อยุติปัญหาต่างๆ

                        เมื่อมีความต้องการทำแท้ง ธุรกิจขายยาทำแท้งก็พร้อมให้บริการ และเป็นเรื่องน่าตกใจมากที่ ยาทำแท้ง สามารถหาซื้อได้อย่างง่ายดายในอินเทอร์เน็ต ทั้งในกูเกิล อินสตาแกรม ก็มีข้อมูลยาทำแท้ง ยาขับเลือดขึ้นมามากมาย ขายกันแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย หรือละอายต่อบาปแต่อย่างใด!!!

                        และผู้ขาย ยาทำแท้ง เหล่านั้นก็ช่างเข้าอกเข้าใจ พร้อมให้คำแนะนำ และเป็นที่ปรึกษาแก่น้องๆ ที่กำลังสับสน ไร้ที่พึ่ง ด้วยการบริการที่จริงใจ ดูแลเหมือนพี่น้อง ยิ่งทำให้น้องๆ ที่เป็นคุณแม่วัยใส ตัดสินใจซื้อยาทำแท้ง ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ทันได้คำนึงถึงว่า หากตัวเองเสียชีวิตจากการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย คนที่เสียใจที่สุด ก็คือคนที่เราไม่อยากให้เขาผิดหวัง ไม่อยากให้เขาเสียใจนั่นเอง

                        ตัวอย่าง ยาทำแท้ง ในอินสตาแกรม

                        ยาทำแท้ง

                        แม่ค้าตอบไว ใจดี บริการด้วยใจ

                        ยาทำแท้ง

                        ลูกค้ารีบแอดไลน์นะคะ เพจโดนปิดบ่อย!

                        ยาทำแท้งยาทำแท้ง ยาขับเลือด ขายเย้ยกฎหมาย พร้อมโชว์ใบเสร็จไปรษณีย์ที่ยาวเป็นหางว่าว

                        ยาทำแท้ง

                        พร้อมรีวิวยืนยันว่าสั่งแล้วส่งจริง ไม่โกงแน่นอน ลูกค้าใช้บริการเพียบ

                        ยาทำแท้ง

                        ยาทำแท้ง

                         

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                         

                        ยาทำแท้ง

                        อ่านต่อ ร้านขายยาทำแท้งเย้ยกฎหมาย ในอินสตาแกรม คลิกหน้า 2

                          ลูกมีกลิ่นปาก

                          ลูกมีกลิ่นปาก สัญญาณบอกโรคที่ต้องระวัง!

                          ความมีเสน่ห์อย่างหนึ่งของเด็กคือ ความน่ารัก ไร้เดียงสา เนื้อตัวเสื้อผ้าที่สวมใส่สะอาด รอยยิ้มสวยฟันขาวสะอาด แต่เดี๋ยวก่อนทำไมลูกมีกลิ่นปาก คำถามนี้เคยได้ยินแม่ๆ เขาคุยกัน เราก็ตกใจจะเป็นไปได้ไงเด็กตัวเล็กนิดเดียว แบบนี้ชักจะยังไงอยู่นะเนี่ย ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำตอบว่าทำไม ลูกมีกลิ่นปาก จะเป็นสัญญาณบอกโรคอะไรหรือเปล่านะ?

                           

                          ลูกมีกลิ่นปาก เพราะอะไร?

                          ลูกชายอายุ 1 ขวบ 4 เดือน มีกลิ่นปากทั้งๆ ที่แปรงฟันให้วันละ 2 ครั้ง ทั้งเช้าและก่อนนอน ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใดได้บ้างคะ?

                          กลิ่นปากเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งในเด็กเล็กๆ ดังนั้นเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ที่ลูกกำลังมีปัญหาในลักษณะเช่นเดียวกันนี้ ได้ทราบถึงสาเหตุว่าแท้จริงแล้ว การเกิดกลิ่นปากขึ้นกับลูกตั้งแต่วัยยังเล็กอยู่อาจมาได้จากหลายสาเหตุ ซึ่ง แพทย์หญิงสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด ได้ให้คำตอบ พร้อมอธิบายถึงแนวทางแก้ไข ไว้ดังนี้ค่ะ

                          1. เศษอาหารเน่าเสียหรือคราบนมที่ตกค้างในช่องปาก เนื่องจากการย่อยสลายอาหารเหล่านี้โดยเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในปาก ตำแหน่งที่พบบ่อยคือ บริเวณโคนลิ้น ซอกฟัน และร่องเหงือก

                          วิธีแก้ไข แปรงฟันทุกครั้งหลังอาหารทันที ใช้ไหมขัดฟันเพื่อกำจัดเศษอาหารระหว่างซอกฟัน แปรง เช็ด หรือขูดเบาๆ ที่ลิ้น พาลูกพบหมอฟันทุก 6 เดือนเพื่อกำจัดคราบสกปรกที่แปรงฟันด้วย

                          2. กลิ่นของอาหารบางอย่าง เช่น กระเทียม หัวหอม

                          วิธีแก้ไข แปรงฟันให้สะอาด ใช้อาหารบางอย่างเพื่อดับกลิ่น เช่น โยเกิร์ต กลิ่นมินต์ กลิ่นใบสะระแหน่ กลิ่นฝรั่ง กลิ่นมะนาว กลิ่นชะเอม ถ้าเป็นเด็กโต อาจให้กลั้วปากด้วยน้ำยาดับกลิ่นปาก หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1.5% 10 ซีซี

                          3. การติดเชื้อภายในหรือบริเวณใกล้เคียงช่องปาก เช่น ไซนัสอักเสบ ทอนซิลอักเสบ เหงือกอักเสบ

                          วิธีแก้ไข รักษาการติดเชื้อ

                          ลูกมีกลิ่นปาก
                          Credit Photo : Shutterstock

                           

                          4. โรคของระบบทางเดินอาหาร เช่น ภาวะกรดไหลย้อน ท้องผูก มีพยาธิเป็นจำนวนมาก

                          วิธีแก้ไข รักษาตามอาการของโรค

                          5. ลูกเป็นโรคภูมิแพ้หรือต่อมอะดีนอยด์โต ทำให้ต้องอ้าปากช่วยหายใจ เพราะหายใจทางจมูกไม่สะดวก และเมื่ออ้า ปากตลอดเวลาจะทำให้ปากแห้ง จึงมีกลิ่นปาก

                          วิธีแก้ไข รักษาโรคดังกล่าว จะได้หายใจทางจมูกได้

                          6. ดื่มน้ำน้อย ทำให้ปากแห้ง จึงมีกลิ่นปาก เช่นเดียวกับเวลากลางคืน น้ำลายหลั่งน้อยลง ตื่นเช้าขึ้นมาจึงมีกลิ่นปาก ทั้งๆ ที่แปรงฟันแล้วก่อนนอน

                          วิธีแก้ไข ให้ลูกดื่มน้ำเพิ่มขึ้น ถ้าเป็นเด็กโต การเคี้ยวหมากฝรั่งจะช่วยให้น้ำลายเพิ่มขึ้น

                          7. ลูกเป็นโรคบางอย่าง ทำให้มีสารของเสียในร่างกายเพิ่มขึ้น ส่งกลิ่นออกมาตามสารคัดหลั่งของร่างกาย เช่น เหงื่อ น้ำลาย ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคไต โรคตับ

                          วิธีแก้ไข รักษาตามอาการของโรคดังกล่าว

                          ขอขอบคุณแพทย์หญิงสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด นิตยสาร Amarin Baby & Kids

                          อ่านต่อ >> การดูแลทำความสะอาดช่องปากและฟันให้ลูก หน้า 2

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                            ไวรัสลงกระเพาะในเด็กเล็ก

                            ไวรัสลงกระเพาะในเด็กเล็ก

                             

                            เวลาลูกเล็กๆ ป่วยทำเอาคนเป็นพ่อแม่ห่วงใจแทบขาด ในเด็กเล็กจะมีภูมิคุ้มกันโรคที่ยังไม่แข็งแรงเหมือนกับในผู้ใหญ่จึงทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้ง่าย อย่างไวรัสลงกระเพาะในเด็กเล็ก ก็เป็นอีกโรคที่เด็กเป็นกันมาก  ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีอาการและสาเหตุการป่วยจากไวรัสลงกระเพาะ มาให้คุณพ่อคุณแม่ทราบ เพื่อจะได้ป้องกันให้กับลูกๆ ที่บ้านได้มาฝากค่ะ

                             

                            ไวรัสลงกระเพาะในเด็กเล็ก เกิดจากสาเหตุใด?

                            โรคไวรัสลงกระเพาะและลำไส้ (Viral Gastroenteritis) เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งมีหลายสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรค ที่สำคัญและเป็นที่รู้จักกันมาก คือ เชื้อไวรัสโรต้า

                            การติดต่อ : เกิดจากการสัมผัสกับสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย อุจจาระ การคลุกคลีกับผู้ป่วย การสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้ออยู่แล้วเอามือเข้าปาก

                            ระยะฟักตัว : หลังการสัมผัสโรคจนแสดงอาการอาจใช้เวลาสั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงจนถึง 2 วัน เริ่มจากอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนซึ่งเป็นนานประมาณ 1 – 5 วัน ต่อมาอาจมีถ่ายเหลว ซึ่งอาจเป็นอยู่ 2 – 3 วันหรือนานเป็นสัปดาห์ มักถ่ายเป็นน้ำ ในอุจจาระอาจมีมูกเลือด มีไข้ต่ำๆ หรือไข้สูงก็ได้

                            การนำอุจจาระมาให้หมอดูหรือส่งตรวจ ช่วยในการวินิจฉัยได้ โรงพยาบาลบางแห่งอาจมีวิธีตรวจที่จำเพาะกับเชื้อไวรัสโรต้าทำให้ทราบข้อมูลละเอียดขึ้น ในรายที่มีอาการอาเจียนหรือถ่ายเหลวรุนแรง มีอาการปวดท้องมาก หมอจะตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อดูว่าอาจเป็นโรคอื่นที่มีอาการคล้ายกันหรือไม่ เช่น โรคไส้ติ่งอักเสบ โรคลำไส้อุดตัน  โรคลำไส้กลืนกัน โรคแพ้นมวัว เป็นต้น

                            อ่านต่อ >> ดูแลอย่างไรเมื่อลูกไวรัสลงกระเพาะ หน้า 2

                             

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                              น้ำเดิน

                              น้ำเดิน หรือ น้ำคร่ำแตก อาการเป็นแบบไหน? และควรทำอย่างไร!!

                              พอได้ยินคำว่า น้ำเดิน หรือ น้ำคร่ำแตก ฟังดูน่ากลัวไม่น้อยสำหรับคุณแม่ท้องมือใหม่ เพราะนึกภาพไว้ว่าคงจะแตกเหมือนลูกโป่งที่บรรจุน้ำไว้เต็มแล้วแตกดังโพละ แต่ความจริงนั้น น้ำคร่ำแตก อย่างไร แบบไหน เราจะไขข้อสงสัยให้ค่ะ

                              น้ำเดิน น้ำคร่ำแตก

                              น้ำเดิน น้ำคร่ำแตก อาการเป็นแบบไหน? และควรทำอย่างไร!!

                              คุณแม่ท้องเคยเห็นฉาก น้ำคร่ำแตก ในหนังกันไหมคะ ในหนังในละครมักจะทำให้ฉากนี้ดูตื่นเต้น และวุ่นวายไปหมด มีน้ำไหลนองเจิ่งพื้นดูน่ากลัว พร้อมเพลงประกอบแบบหนังสยองขวัญ แต่ในความเป็นจริงนั้นกลับตรงกันข้ามเลย เรามาดูกันว่า เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์น้ำคร่ำแตก จะเป็นอย่างไร และควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง

                              มีอะไรในน้ำคร่ำ

                              น้ำคร่ำ คือน้ำที่อยู่ล้อมรอบตัวลูกน้อยในครรภ์ เป็นน้ำที่บรรจุอยู่ในถุงน้ำคร่ำ โดยองค์ประกอบที่สำคัญของน้ำคร่ำก็คือ น้ำ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 98% และส่วนที่เป็นของแข็งประกอบด้วยสารต่างๆ ประมาณ 2% ซึ่งรวมทั้งขี้ไคลและปัสสาวะของลูกน้อยในครรภ์ และในระหว่างการตั้งครรภ์น้ำคร่ำที่อยู่รอบตัวลูกนี้จะสร้างเพิ่มขึ้นมาทีละน้อย โดยมีปริมาณดังนี้

                              • ตั้งครรภ์ 3 เดือน จะมีน้ำคร่ำประมาณ 50-80 มิลลิลิตร
                              • ตั้งครรภ์ 4 เดือน จะมีน้ำคร่ำประมาณ 150-200 มิลลิลิตร
                              • เมื่อใกล้คลอดจะมีปริมาณน้ำคร่ำถึงประมาณ 1 ลิตร
                              • น้ำคร่ำที่มากหรือน้อยเกินไป สามารถเป็นตัวบ่งชี้ว่าลูกในท้องอาจมีความพิการหรือการเจริญเติบโตที่ผิดปกติหรือพิการได้

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                               

                              ติดตาม น้ำคร่ำแตกบอกอะไร คลิกต่อหน้า 2

                                แม่ท้องเครียด

                                แม่ท้องเครียด ส่งผลต่อลูกในท้องอย่างไร?

                                แม่ท้องเครียด เป็นปัญหาหนึ่งที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ในคนท้อง นั่นเพราะอาจจะเป็นการตั้งครรภ์ครั้งแรก จึงเกิดความกังวลกับทุกเรื่อง หรือแม่ท้องบางคนก็มีปัญหาสุขภาพ ฯลฯ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อตัวแม่ท้องเองแล้ว ก็ยังส่งผลไปถึงลูกน้อยในครรภ์ด้วย ทีมงาน Amarin Baby & Kids จะพาไปดูว่าเมื่อ แม่ท้องมีความเครียด ส่งผลต่อลูกในท้องอย่างไรกันบ้าง

                                 

                                แม่ท้องเครียด = แท้ง

                                กว่าจะอุ้มท้องลูกคนนึงได้ไม่ใช่เรื่องง่ายของหลายๆ ครอบครัว และก็เชื่อว่าทั้งว่าที่พ่อ ว่าที่แม่มือใหม่คงไม่อยากจะสูญเสียลูกไปในระหว่างการตั้งครรภ์ แต่ด้วยเหตุปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดการแท้งขึ้นได้ มาจากทั้งปัญหาสุขภาพอย่างการแท้งคุกคาม การตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก การตั้งท้องลม ฯลฯ ซึ่งเชื่อไหมคะว่า การแท้งลูกจากสถิติพบว่าเกิดกับคนท้องได้มากถึง 15%

                                 

                                ความเครียดของแม่ท้องทำให้แท้งได้อย่างไร?

                                อนุภาคของความเครียดใครจะรู้ว่าสามารถก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อการตั้งครรภ์ได้ แม่ท้องส่วนหนึ่งเกิดปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าเข้ามาในระหว่างตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคนในบ้าน เช่นปัญหา แม่ผัวลูกสะใภ้  เรื่องการเงินภายในครอบครัว สามีชอบกลับบ้านดึกๆ สามีชอบออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงทุกสัปดาห์  มีเรื่องจุกจิกให้ทะเลากับสามี หรือกับตัวแม่ท้องเองที่มีภาวะอารมณ์แปรปรวนซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนการตั้งครรภ์ เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดความเครียดได้ทั้งสิ้น

                                ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ถือเป็นช่วงที่ร่างกายของแม่ท้องอ่อนแอมากที่สุด ไหนจะอาการแพ้ท้อง เหม็นกลิ่น ทานอาหารไม่ได้ เวียนศีรษะอยู่เกือบตลอดวัน ซึ่งต้องบอกว่าเป็นช่วงที่เสี่ยงต่อการแท้งได้ง่าย หากมีอะไรมากระทบกับแม่ท้อง  ทั้งนี้หากแม่มีอาการเครียดก็ยิ่งเสี่ยงมากขึ้น มีงานวิจัยระบุว่า คนท้องที่เครียดสะสมจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการคลอดที่เรียกว่า*ทารกตายคลอดถึง 80%  นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบว่า แม่ท้องที่มีระดับความเครียดสูงจะส่งผลให้ลูกมีน้ำหนักแรกคลอดต่ำกว่าเกณฑ์ อาจคลอดก่อนกำหนด และยังมีความเสี่ยงต่อโรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ในภายหลังคลอดอีกด้วย

                                *ทารกตายคลอด (stillbirth) หมายถึง ทารกเมื่อคลอดแล้วไม่มีอาการแสดงของการมีชีวิต ได้แก่ ไม่มีการหายใจเอง ไม่มีการเต้นของหัวใจ และไม่มีการเคลื่อนไหว อาจรวมถึงทารกที่คลอดออกมาถึงตายทันทีด้วย แบ่งเป็น 1. Fetal death in utero  ตายก่อนเจ็บครรภ์คลอด 2. Intrapartum fetal death  ตายในระยะคลอด[1]

                                อ่านต่อ >> อารมณ์ของแม่ มีผลต่อลูกในท้องอย่างไร? หน้า 2

                                 

                                 

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                  อาหารเป็นพิษ

                                  อาหารเป็นพิษ โรคหน้าร้อน ที่ทุกครอบครัวต้องระวัง

                                  ในช่วงหน้าร้อนที่อากาศร้อนอบอ้าวมากขึ้นทุกวัน ทำให้ไม่ทั้งผู้ใหญ่ และเด็กๆ ต่างก็ต้องการอาหาร และเครื่องดื่มที่ช่วยคลายร้อน การตามใจปากจนไม่ได้ใส่ใจในเรื่องความสะอาดของอาหารก็สามารถทำให้เสียสุขภาพด้วยอาการ อาหารเป็นพิษ ที่เป็นหนึ่งในโรคฮิตช่วงหน้าร้อน ทีมงาน Amarin Baby & Kids จะพาไปทำความรู้จักกับโรคอาหารเป็นพิษกันค่ะ

                                   

                                  อาหารเป็นพิษ โรคหน้าร้อน  

                                  ถ้านึกถึงหน้าร้อนหลายคนมักจะนึกถึงไอศกรีมกะทิ น้ำแข็งใสใส่นมข้นเยอะๆ ข้าวเหนียวมะม่วง กระท้อนลอยแก้ว น้ำหวาน  เย็นๆ ฯลฯ แค่นี้ก็ทำให้มีความสุขตลอดช่วงวันแสนยาวนานที่ร้อนอบอ้าวไปได้มากแล้วค่ะ และไหนจะใกล้ถึงเทศกาลสงกรานต์ที่เด็ก และผู้ใหญ่ จะได้ทำบุญตักบาตร รดน้ำดำหัวญาติผู้ใหญ่ และก็ตบท้ายตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ด้วยการเล่นสาดน้ำกันให้ชุ่มฉ่ำ

                                   

                                  Must Read >> โรคท้องร่วง ช่วงหน้าร้อน เด็กเล็กควรระวัง!

                                   

                                  แต่รู้อะไรกันไหมคะว่าหน้าร้อนแบบนี้ทำให้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่เจ็บป่วยกันได้ง่ายมากๆ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการทาน  อาหาร เครื่องดื่มที่ไม่สะอาด แล้วยิ่งเล่นน้ำคลายร้อนกันในช่วงสงกรานต์ มือไม้ไม่ได้ล้างก่อนหยิบ จับอาหารเข้าปาก เหงื่อไคล ฝุ่นละออง ที่ติดมากับเสื้อผ้า ตามผิวมือทั้งสองข้าง คุณแม่คะลองคิดดูว่าตอนที่หยิบเอาอาหารเข้าปากเชื้อโรคแบคทีเรียที่ซ่อนมากับเนื้อตัวติดลงไปในอาหาร ในน้ำที่ดื่มเข้าไปนั้น มันทำให้ทุกคนป่วยได้ง่ายมาก ยิ่งโดยเฉพาะกับโรคอาหารเป็นพิษ ที่ขอบอกว่าใครเป็นแล้วทรมานถึงขั้นต้องล้มหมอนนอนโรงพยาบาลกันเลยละค่ะ

                                  อ่านต่อ >> สาเหตุที่ทำให้ป่วยจากการกินอาหาร หน้า 2

                                   

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                    รู้ก่อนท้อง! เป็นโรคไต มีลูกได้ไหม ?

                                    โรคไต คือ โรคที่ทำให้การทำงานของไตเสื่อม หรือ ถึงขั้นไตวาย เราจะรู้ว่าเป็นโรคนี้ก็ต่อเมื่อ ตรวจร่างกาย ตรวจปัสสาวะ และตรวจเลือด จึงจะพบ ผู้หญิงที่ เป็นโรคไต มีลูกได้ไหม โรคไตส่งผลร้ายอะไรต่อการตั้งครรภ์บ้าง มาดูกัน

                                    เป็นโรคไต มีลูกได้ไหม

                                    เป็นโรคไต มีลูกได้ไหม

                                    สาเหตุการเกิดโรคไต

                                    1. เกิดจากความผิดปกติ มาแต่กำเนิด เช่น ไตเป็นถุงน้ำ ไตมีข้างเดียว
                                    2. เกิดจากการอักเสบ และติดเชื้อ เช่น กรวยไตอักเสบเรื้อรัง
                                    3. มีการอุดตันท่อไตจนทำให้ไตเสื่อม เช่น เป็นเนื้องอกไต มะเร็งไต หรือ นิ่ว
                                    4. ได้รับยา หรือ สารพิษที่มีผลต่อไต เช่น ยาแก้ปวดประเภท เอ็นเสดส์ (NSAIDs= Non Steroid Anti-inflammatory Drugs) หรือ สารเคมีบำบัดบางอย่างที่มีผลกับการทำงานของไต
                                    5. เกิดจากโรคที่มีผลต่อเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงไต และมีการทำลายเนื้อไต เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคภูมิแพ้ของร่างกาย

                                    อาการของโรคไต

                                    • ปัสสาวะผิดปกติ เช่น ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะราด ปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะออกน้อย
                                    • น้ำปัสสาวะมีความผิดปกติ เช่น

                                    – ปัสสาวะแล้วเป็นเลือด หรือ ปัสสาวะเป็นสีน้ำชาแก่ๆ เหล่านี้เกิดจากการอักเสบ ติดเชื้อ มีเนื้องอก หรือ เป็นมะเร็งที่ไต

                                    – ปัสสาวะเป็นฟอง หรือ สีขาวขุ่น เกิดจากการที่มีโปรตีนรั่วออกมา

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                     

                                    ติดตาม อาการของโรคไต คลิกต่อหน้า 2