แม่แชร์ประสบการณ์! สังเกตลูกให้ดีผมร่วงเยอะ อาจเป็นโรคอะโลพีเซีย ยูนิเวอซัลลิส

ลูกผมร่วง …อาการผมร่วงในเด็กเกิดจากสาเหตุหลายประการ ซึ่งแต่ละสาเหตุก็มีอาการและวิธีรักษาที่แตกต่างกันไป คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจจะไม่ได้สังเกตว่าลูกผมร่วง บางคนร่วงน้อย บางคนร่วงมาก แต่สำหรับทารกที่มีผมน้อยอยู่แล้ว พ่อแม่มักจะสังเกตเห็นมากกว่าทารกที่มีผมหนาว่าตั้งแต่เกิดมาผมลูกบางลงมาก

แม่แชร์ประสบการณ์ ลูกผมร่วง ทั้งคิ้วและขน
เพราะป่วยเป็นโรคอะโลพีเซีย ยูนิเวอซัลลิส

โดยเด็กทารกบางคน พ่อแม่จะเริ่มสังเกตเห็นว่าผมบางหรือหนาตอนหลังโกนผมไฟไปแล้ว (เด็กบางคนก็ไม่ได้โกน) บางคนก็ว่าโกนผมแล้วผมจะหนามากกว่าเดิม ซึ่งก็แล้วแต่ความเชื่อ แต่เรื่องผมร่วงในเด็กนั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเกิดจากฮอร์โมน และถือว่าเป็นวงจรของการเจริญเติบโตของหนังศีรษะอย่างหนึ่ง แต่ถ้าเด็กคนไหนผมร่วงออกมาเป็นกระจุก ผมร่วงเร็วอย่างเห็นได้ชัด และร่วงลงในเวลาอันรวดเร็ว อาการแบบนี้ถือว่าผิดปกติ ต้องรีบปรึกษาคุณหมอทันที เพราะอาจจะเกิดจากการติดเชื้อ หรือเป็นโรคแทรกซ้อนบางอย่าง

เช่นเดียวกับคุณแม่ท่านนี้ ที่สังเกตเห็นลูกน้อยผมร่วงผิดปกติ โดยได้มาเล่าประสบการณ์ผ่านเฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า วนิดา ชัยสิทธิ์ เจ้าหญิง ถึงเรื่องราวของลูกชายซึ่งปัจจุบันอายุ 1 ขวบ โดยน้องชื่อว่า น้องมิกกี้ ซึ่งป่วยเป็น โรคอะโลพีเซีย ยูนิเวอซัลลิส (alopecia universalis) เป็นโรคผมร่วง ซึ่งเกิดจากภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยคุณแม่ของน้องมิกกี้เล่าว่า

ลูกผมร่วง

มีโรคอย่างนี้ด้วยเหรอ โรคนี้ไว้ใจไม่ได้จริงๆ น้อยคนถึงจะไม่เป็น 10 ใน 100 เลยล่ะค่ะ ทางการแพทย์ยังสรุปไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นและทำไมถึงเกิด แค่สันนิษฐานว่าเกิดความบกพร่องทางร่างกายค่ะ อ่านหน่อยนะคะแบ่งปันประสบการณ์กัน และต้องรู้จักสังเกตลูกดีๆนะคะ

ลูกผมร่วง

…อยากทราบว่า แม่ๆเคยได้ยินชื่อโรคนี้กันบ้างไหม เริ่มด้วยน้องมิกกี้เป็นลูกคนที่ 2 ผช. และมีพี่สาว 4 ขวบ ตอนท้องน้องมิกกี้ก็ปกติทุกอย่าง จนกระทั่งผ่าคลอดและเลี้ยงเขามาเหมือนตอนเลี้ยงพี่สาวเขาทุกอย่าง ช่วงแรกเกิดขนคิ้วขนตามีปกติก็ปล่อยให้ผ่านไป พอ4-5เดือน ผมก็ร่วง แม่ก็คิดว่า ร่วงปกติก็ปล่อยให้ผ่านไป 8-9 เดือน

ลูกผมร่วง

ผมก็เลยร่วงและดูเหมือนว่าจะเยอะขึ้นๆและสังเกตเห็นอีกว่า ขนคิ้วขนตาก็ร่วง แล้วก็พาไปพบหมอเด็ก ปกติหมอบอกไม่เป็นไรเป็นเรื่องปกติ แม่ก็เลยปล่อยให้ผ่านไปอีกครั้ง จนระยะที่มีแต่คนทักมาว่า โกนผมมาหรอ บ่อยมากจนขนคิ้วขนตาก็ร่วงจนหมดแล้ว

อ่านต่อ >> “แม่แชร์ประสบการณ์ ลูกผมร่วง เพราะป่วยเป็นโรคอะโลพีเซีย ยูนิเวอซัลลิส” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

    White Noise

    White Noise เสียงมหัศจรรย์ ช่วยปลอบประโลมใจลูก

    White Noise คือเสียงอะไร ทำไมจึงช่วยปลอบประโลมใจลูก หรือช่วยให้ลูกทารกหลับได้ง่ายขึ้น ไปทำความรู้จักกับเสียงมหัศจรรย์ White noise ว่าจะช่วยให้คุณแม่เหนื่อยน้อยลงได้อย่างไรกันค่ะ

    Continue reading “White Noise เสียงมหัศจรรย์ ช่วยปลอบประโลมใจลูก”

      สูตรประมาณส่วนสูงของลูก จากพ่อแม่

      สูตรประมาณส่วนสูงของลูก จากพ่อแม่

      พัฒนาการการเติบโตทางด้านร่างกายของลูก อย่างในเรื่องของความสูงเป็นสิ่งที่พ่อแม่ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ เพราะเด็กที่เกิดในครอบครัวที่พ่อกับแม่ไม่ได้ตัวสูงมาก ก็มักจะมีความกังวลว่าลูกจะเกิดมาตัวเตี้ยตามกรรมพันธุ์  ทีมงาน Amarin Baby & Kids มี สูตรประมาณส่วนสูงของลูก จากพ่อแม่ มาให้ได้ไปลองคำนวณส่วนสูงลูกที่บ้านกันค่ะ

       

      สูตรประมาณส่วนสูงของลูก จากพ่อแม่ 

      เวลาเห็นลูกเพื่อนที่อยู่ในวัยเดียวกันกับลูกของเรา ที่พอเด็กๆ มาเล่นด้วยกัน มองไปมองมาทำไมลูกเพื่อนตัวสูงจัง ลูกเราตัว เล็กกว่าเพื่อนวัยเดียวกันเยอะเลย เชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะเกิดขึ้นกับหลายๆ ครอบครัวที่ลูกตัวไม่สูงทันเท่าเพื่อนวัยเดียวกัน

      ก่อนที่คนเป็นพ่อแม่จะมีความกังวลใจไปมากกว่านี้ เรามาดูกันก่อนค่ะว่าที่ลูกเรามีความสูงไม่เท่าเพื่อนวัยเดียวกันนั้น สามารถมีเหตุปัจจัยมาจากเรื่องใดได้บ้าง

      1. กรรมพันธุ์ หากพ่อแม่มีสัดส่วนความสูงที่ไม่มาตรฐาน คือ ผู้ชายหากสูงไม่ถึง 168-180 เซนติเมตรถือว่าเตี้ย และ ผู้หญิงหากสูงไม่ถึง 156-160 เซนติเมตร ถือว่าเตี้ย

      2. การเจ็บป่วย พ่อแม่สูงได้มาตรฐาน แต่เมื่อลูกคลอดออกมาและมีการเจริญเติบโตทางร่างกายที่สูงไม่สมส่วนไม่ได้ มาตรฐานตามวัย ส่วนหนึ่งอาจมาจากการเจ็บป่วยที่มาจากฮอร์โมนบางตัว ที่ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการการเติบโตของร่างกาย

      3. นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ในเด็กตั้งแต่แรกเกิด จนกระทั่งเติบโตขึ้นตามวัย การนอนหลับพักผ่อนในช่วงกลางคืน ควรนอนให้ได้ 10 ชั่วโมงขึ้นไป โดยที่ชั่วโมงการนอนกลางคืน และกลางวันจะลดลงตามวัยที่โตขึ้นของเด็กเองอัตโนมัติ ที่จะเหลือประมาณ 8-10 ชั่วโมง ถือเป็นมาตรฐานตามปกติเหมือนกับในผู้ใหญ่ แต่หากลูกนอนดึกมาก คือเข้านอนหลัง 3 ทุ่มขึ้นไป จะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต เนื่องจากการนอนหลับสนิทดีตั้งแต่หัวค่ำเป็นต้นไป ร่างกายจะผลิตโกรทฮอร์โมน(Growth hormones) ที่มีคุณภาพออกมาได้ดี ซึ่งโกรทฮอร์โมนคือฮอร์แห่งการเจริญวัย

      4. อาหารที่ไม่เหมาะสม อาหารคือหนึ่งในปัจจัยสี่ที่สำคัญมาก ซึ่งเด็กควรได้รับอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ และเหมาะสมตามช่วงวัย อาหารที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ดี คือ อาหารประเภทโปรตีน แคลเซียม ซึ่งควรได้รับอย่างเหมาะสมและได้รับอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการการเจริญเติบโตเป็นไปตามมาตรฐานสมวัย

      5. การออกกำลังกาย มีส่วนสำคัญไม่น้อยที่จะช่วยลูกมีพัฒนาการร่างกายเติบโตขึ้นอย่างสมวัยได้มาตรฐาน 

      ซึ่งเหตุปัจจัยเหล่านี้อาจมีผลต่อพัฒนาการการเติบโตของลูกได้ทั้งนั้น ฉะนั้นก่อนที่พ่อแม่จะกังวลใจกันมากไปกว่านี้ และเปรียบเทียบความสูง ความเตี้ยของลูกกับเด็กๆ วัยเดียวกัน ว่าทำไมลูกฉันไม่สูงเหมือนลูกเพื่อนๆ ควรต้องกลับมาหาสาเหตุดูว่าเพราะอะไรลูกถึงโตไม่ทันเพื่อน หรือเช่นนั้นแนะนำว่าควรปรึกษากุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ในการหาสาเหตุ   เพื่อจะได้แนวทางในการแก้ไขรักษาอย่างถูกวิธีกันค่ะ

      อ่านต่อ >> สูตรวิธีคำนวณส่วนลูกจากพ่อแม่ หน้า 2

       

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

        “ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน” ความในใจของลูก ที่อยากให้พ่อแม่อ่าน!

        อยากให้คนเป็น พ่อ-แม่ หยุดอ่าน ลูกเรา ไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนใคร คำจำกัดความเล็กๆ ที่อาจสะท้านความในใจของลูกไปสู่คุณพ่อคุณแม่หลายๆ คน

        เพราะเด็กๆ เกิดมาต่างกัน ต่างครอบครัว ต่างการเลี้ยงดู เมื่อคุณแม่ทุกคนเลี้ยงดูลูกด้วยหัวใจอย่างเต็มกำลัง อย่านำเด็กมาเปรียบเทียบกันเลย เพราะแท้จริงแล้วความสุขของลูกและพ่อแม่ก็อยู่ที่ใจแค่นี้เอง

        อยากให้คนเป็น พ่อ-แม่ หยุดอ่าน !
        เพราะ คนเรา “ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน”

        และเรื่องราวที่จะบอกต่อไปนี้ เรียกได้ว่าอาจเป็นความในใจของลูกๆหลายคนซึ่งถ้าเค้าคิดออกแล้วบอกได้ในขณะที่พ่อหรือแม่กำลังเอาตัวลูกไปเปรียบกับคนอื่น ก็คงพูออกมาแล้ว ซึ่งนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องราวที่แทนใจลูกหลายๆคนได้เป็นอย่างดี แต่เป็นการบอกผ่านคุณแม่ท่านหนึ่ง ซึ่งเลี้ยงลูกมาแล้ว ได้เข้าใจกับความรู้สึกของลูกเมื่อถูกนำไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะความจริงแล้ว คนเรา “ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน” บทความจากใจที่ความอยากให้คนเป็น พ่อ-แม่ หยุดอ่านสัก 2 นาที เพื่อลูก!!!

        อย่าได้ “พยายาม” ปั้นลูกเราให้เหมือนลูกใคร

        อย่าได้ “ขีดเส้น” ให้ลูกเราเดินตามลูกใคร

        อย่าได้ “ตั้งเป้า” ให้ลูกเรามีจุดหมายแบบใคร

        อย่าได้ “บังคับ” ให้ลูกเราเป็นอย่างใคร

        เด็กทุกคนมี “สิ่งวิเศษ” ติดตัวมาทุกคน

        และ “สิ่งวิเศษ” เหล่านั้นก็ไม่ได้เหมือนกันทุกคน

        เรามีหน้าทีเพียง เฝ้ามองและค้นหา “สิ่งวิเศษ” ในตัวลูกเราให้เจอ

        และสนับสนุน ส่งเสริม “สิ่งวิเศษ” นั้น

        อย่าพยายามกดลูกลงพิมพ์ ให้ออกมาเป็นบล็อคเดียวกัน

        ลูกใครเรียนอันนี้แล้วดี ก็พยายามจะส่งลูกเราไปเรียนบ้าง

        ลูกใครทำได้แบบนี้ ก็พยายามกระตุ้นให้ลูกเราทำได้แบบนั้นบ้าง

        ลูกใครคิดแบบนั้น ก็พยายามจะบอกให้ลูกเราคิดแบบเดียวกับเขาบ้าง

        แบบนั้นไม่ใช่การค้นหา “สิ่งวิเศษ” ในตัวลูกเรา

        แต่เรากำลังพยายาม “ลบสิ่งวิเศษ” ที่ลูกเรามี

        แล้วยัดอย่างอื่นที่ได้ดั่งใจเราเข้าไปแทนที่

        อ่านต่อ >> บทความจากใจที่ความอยากให้คนเป็น พ่อ-แม่ หยุดอ่านสัก 2 นาที เพื่อลูก! คลิกหน้า 2

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

         

          เป็นเริม ตอนใกล้คลอด ลูกเสี่ยงติดเชื้อรุนแรง

          เชื่อว่าคุณแม่หลายท่านอาจเคยได้ยินชื่อของโรคกันมาบ้างแล้ว เพราะโรคนี้เป็นได้แม้ในยามที่ไม่ตั้งครรภ์ แต่ถ้าหากคุณแม่เป็นเริมตอนตั้งครรภ์ขึ้นมาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น เราจึงเชิญชวนคุณแม่มารับรู้เรื่องของ เป็นเริม ตอนใกล้คลอด ลูกเสี่ยงติดเชื้อรุนแรง เพื่อการระมัดระวังป้องกันอันตรายจากโรคนี้กันล่วงหน้าค่ะ

          เป็นเริม ตอนใกล้คลอด

          เป็นเริม ตอนใกล้คลอด ลูกเสี่ยงติดเชื้อรุนแรง

          รู้จักโรคเริม

          โรคเริม คือโรคติดเชื้อจากไวรัสที่มีชื่อว่า เฮอร์ปีส์(Herpes Virus) ที่ติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ และการสัมผัสแผลโดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่สาเหตุของการติดต่อมักจะมาจากเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อของโรคเริมมีลักษณะพิเศษเฉพาะคือเมื่อติดเชื้อแล้วอาการที่แสดงจะเป็นตุ่มน้ำเล็กๆ รวมกัน ต่อมาจะแตกเป็นแผลตื้นๆ ทำให้มีอาการปวดแสบมาก โรคนี้เมื่อเป็นแล้วมักไม่หายขาด และจะกลับมาเป็นซ้ำอีกแม้ผ่านไปแล้วหลายปี

          เชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้วเชื้อโรคที่มีอยู่รอบตัวเรา และในสิ่งแวดล้อมจะมีเชื้อโรคมากมายหลายชนิดตั้งแต่เชื้อโรคที่มีขนาดใหญ่มากสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น เชื้อพยาธิ รองลงมาคือเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กที่สุดคือเชื้อไวรัส ดังนั้น เชื้อเฮอร์ปีส์ที่ทำให้เกิดโรคเริมจึงเป็นเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กมากโดยเชื้อโรคเฮอร์ปีส์ที่ทำให้เกิดโรคเริมนั้น เมื่อมีการสัมผัสแผลหรือมีเพศสัมพันธ์ เชื้อโรคจะผ่านเข้าตามรอยแผลหรือบริเวณที่มีความชื้นสูง ดังนั้น จึงพบว่าผู้ที่ติดเชื้อนี้มักจะมีตุ่มน้ำหรือมีแผลบริเวณปากช่องคลอด ช่องคลอด หรือริมฝีปาก ซึ่งเป็นจุดที่มีความชื้นค่อนข้างสูง

          เมื่อโรคนี้เข้าไปในร่างกาย ผู้ที่ได้รับเชื้อจะสร้างระบบภูมิต้านทานต่อสู้กับเชื้อโรค จึงทำให้เกิดตุ่มน้ำขึ้นเป็นกลุ่มแล้วแตกออกเป็นแผลตื้นๆ นอกจากนี้ยังมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วย คือเป็นไข้ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ซึ่งมักเกิดกับผู้ที่ติดเชื้อเป็นครั้งแรก สำหรับผู้ที่เกิดโรคนี้ซ้ำ หรือกลับมาเป็นอีกครั้งมักจะไม่มีอาการดังกล่าวร่วมด้วย จะมีเพียงตุ่มน้ำและแผลเท่านั้น

          นอกจากนี้เชื้อเฮอร์ปีส์ซึ่งทำให้เกิดโรคเริมนี้จะมีลักษณะพิเศษจากเชื้อโรคอื่น คือเมื่อเข้าสู่ร่างกาย และทำให้เกิดตุ่มน้ำหรือแผลแล้ว เชื้อโรคมักจะไปหลบซ่อนอยู่ตามปมประสาทหรือเส้นประสาทซึ่งรับความรู้สึกและกระตุ้นการทำงานของร่างกาย การไปหลบซ่อนตัวที่บริเวณดังกล่าว ทำให้หายาที่ใช้ฆ่าหรือทำลายเชื้อได้ยาก ต่างจากการติดเชื้อโรคชนิดต่างๆ ที่เชื้อโรคมักจะเข้าสู่ร่างกายและระบบไหลเวียนเลือดหรือระบบไหลเวียนของน้ำเหลือง

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

           

          ติดตาม เป็นเริม ขณะใกล้คลอด ลูกเสี่ยงติดเชื้อรุนแรง คลิกต่อหน้า 2

            ให้นมลูก ขณะตั้งครรภ์ ควรหยุด หรือ ไปต่อ?

            ให้นมลูก ขณะตั้งครรภ์ ควรหยุด หรือ ไปต่อ? เมื่อเกิดเหตุการณ์ คุณแม่ตั้งครรภ์ ขณะกำลังให้นมลูก คำถามที่เกิดขึ้นคือ ควรหยุดให้นม หรือ ควรให้ต่อไป

            ให้นมลูก ขณะตั้งครรภ์

            ให้นมลูก ขณะตั้งครรภ์ ควรหยุด หรือ ไปต่อ?

            มีคุณแม่หลายคนยังให้นมลูกคนโตจนกระทั่งคลอดลูกคนเล็กก็มี ทั้งนี้ การให้ลูกทั้งสองคนดูดนมพร้อมกันไปเลย สร้างความใกล้ชิด และความผูกพันอันดีระหว่างพี่น้อง

            ขณะที่คุณแม่บางคนมีอาการปวดมดลูกเวลาลูกคนโตดูดนม ทำให้ต้องเลิกดูดนมแม่ เพราะเกรงว่าจะทำให้ แท้งลูก (ความจริงแล้วสาเหตุส่วนใหญ่ ของการแท้งเกิดจากโครโมโซมผิดปกติ หรือตัวอ่อนไม่สมบูรณ์)

            อย่างไรก็ดี ไม่มีคำตอบแน่นอน ควรเป็นการตัดสินใจ ร่วมกันของแต่ละครอบครัวจะดีกว่า เพราะไม่เพียงแต่เหตุผลเรื่องกลัวแท้งเท่านั้น อาจมีเหตุผลอื่นร่วมด้วยก็ได้ เช่น

            • ลูกไม่อยากดูดนมแม่ไปเอง เพราะอิทธิพลของฮอร์โมนจากการตั้งครรภ์ ทำให้ ปริมาณน้ำนมลดลงอย่างมากเมื่อลูกดูดแล้วไม่ออก หรือไหลช้า ไม่ทันใจ อาจไม่สนใจจะดูดอีกต่อไป
            • คุณแม่มีอาการแพ้ท้องอย่างมาก พร้อมกับเหนื่อยจนพักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะไหนจะต้องดูแลลูกคนโต ดูแลสามีทำงานนอกบ้าน
            • แม่มีอาการไวที่หัวนมมากขึ้น จากฮอร์โมนทำให้รู้สึกเจ็บเวลาลูกดูด

            ขณะที่แม่บางคนอาจรู้สึกว่าการตั้งครรภ์ พร้อมกับการให้ลูกดูดนมเป็นเรื่องธรรมดาๆ รับมือได้สบาย เพราะอาจเคยพยายามลองให้ลูกหยุดดูดแล้ว แต่ไม่สำเร็จจึงเลยตามเลย ทั้งนี้การที่ลูกคนโตดูดนมแม่ ไม่ได้แย่งสารอาหารจากลูกที่อยู่ในท้องอย่างที่เข้าใจกัน และไม่ได้เกิดปัญหาระหว่างพี่และน้องด้วย ทั้งนี้เคยมีเคสอย่างนี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

             

            ติดตาม ให้นมแม่ ระหว่างท้อง ควรหยุด หรือ ไปต่อ? คลิกต่อหน้า 2

              อันตราย หาก สายสะดือย้อย ขณะตั้งครรภ์

              ในระหว่างตั้งครรภ์อาจเกิดภาวะต่างๆ ที่คาดไม่ถึงมาสู่คุณแม่และลูกน้อยได้ ภาวะสายสะดือย้อย ก็เป็นหนึ่งในเหตุสุดวิสัยที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เราจึงชวนคุณผู้อ่านทำความรู้จักกับ อันตราย หาก สายสะดือย้อย ขณะตั้งครรภ์ เพื่อเป็นความรู้สำคัญให้แม่ท้องระมัดระวังดูแลตัวเองค่ะ

              สายสะดือย้อย

              อันตราย หาก สายสะดือย้อย ขณะตั้งครรภ์

              สายสะดือย้อยคืออะไร

              สายสะดือย้อย หมายถึง ภาวะที่สายสะดือซึ่งเชื่อมระหว่างรกกับตัวลูกน้อยในครรภ์ของคุณแม่มีการไหลเลื่อนลงมาอยู่ต่ำกว่าหรืออยู่ใกล้ๆ กับส่วนนำของลูกน้อยในท้อง(ในระยะใกล้คลอด) ซึ่งจะมีผลต่อความปลอดภัยของลูกน้อยในท้องคุณแม่ โดยสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ คือ

              • สายสะดืออยู่ต่ำกว่าส่วนนำของลูกน้อย ขณะที่ถุงน้ำยังไม่แตก หากลูกในท้องอยู่ในท่ากลับหัวลงแล้วหรือศีรษะอยู่ส่วนนำออกมาก่อน สายสะดือที่ย้อยก็จะอยู่ต่ำกว่าศีรษะลูกลงมา ภาวะนี้ถือว่าวินิจฉัยได้ยากเนื่องจากมักไม่มีอาการผิดปกติ เวลาตรวจภายในก็บอกได้ยากเพราะถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก นอกเสียจากตรวจพบโดยบังเอิญตอนที่คุณหมอตรวจอัลตราซาวนด์ หรือพบการไหลเวียนต่ำกว่าศีรษะของลูกในท้อง
              • สายสะดืออยู่ต่ำกว่าส่วนนำของลูก ขณะถุงน้ำคร่ำแตกแล้วภาวะนี้จะพบได้จากการตรวจภายใน คือจะพบสายสะดืออยู่ต่ำกว่าส่วนนำ เช่น หากลูกเอาศีรษะลง ก็จะคลำพบสายสะดืออยู่ในช่องคลอดก่อนคลำเจอศีรษะลูก ซึ่งบางรายหลังจากน้ำคร่ำแตกอาจมองเห็นสายสะดือโผล่ออกมาจากช่องคลอดเลยก็ได้
              • สายสะดือย้อยลงมาอยู่ใกล้กับส่วนนำของลูก เช่น สายสะดือย้อยใกล้กับศีรษะของลูก ซึ่งสายสะดืออาจจะถูกกดทับได้ง่ายเวลาที่ศีรษะลูกเคลื่อนต่ำลงขณะคลอด

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

               

              ติดตาม สายสะดือย้อยเพราะอะไร คลิกต่อหน้า 2

                อาบน้ำต้มใบมะขาม

                อาบน้ำต้มใบมะขาม สูตรโบราณจากคุณยาย

                อาบน้ำต้มใบมะขาม …ในสมัยก่อน การดูแลเด็ก จะใช้วิธีการเรียนรู้จากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่สมัยคุณย่าคุณยาย ลองผิดลองถูกและสืบทอดกันมา โดยเฉพาะเวลาที่ทารกป่วย ปู่ย่าตายายมักใช้สูตรโบราณด้วยสมุนไพรต่างๆ ในการรักษาอาการเจ็บป่วยของทารก

                สูตรโบราณ ให้ลูกน้อย อาบน้ำต้มใบมะขาม + หัวหอม
                แก้หวัดได้

                เพราะสมัยก่อนยังไม่มีวิทยาการแพทย์ที่ก้าวหน้าเท่าไหร่ การเลี้ยงดูทารกเมื่อยามเจ็บป่วยจึงต้องพึ่งสมุนไพร เพื่อช่วยบรรเทาอาการไม่สบายให้เด็กและใช้ได้ผลจริง เพียงแต่ปัจจุบันเมื่อมียาทางการแพทย์สมัยใหม่เข้ามาแทนที่ทำให้อาจหลงลืมไปบ้าง Amarin Baby & Kids จึงมีวิธีดูแลลูกน้อยแบบเก่า ๆ แต่นำมาประยุกต์ใช้ใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยได้เป็นอย่างดีมาฝาก

                ซึ่งเคล็ดลับนี้เป็นเคล็ดลับที่แม่ๆ หลายคนพูดกันปากต่อปากและนำมาลองใช้กับลูกๆ หลานๆ จนได้ผล แล้วมาบอกต่อกัน นั่นคือ ต้มน้ำใบมะขาม และหัวหอมแก้หวัด

                เนื่องจากในสมัยก่อนเมื่อเด็กมีอาการไม่สบาย ป่วยเป็นไข้หวัด ตามอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คนสมัยก่อนมักจะใช้ใบมะขามอ่อน หอมแดงเผา ตะไคร้ หรือ ใบมะกรูด มาผสมกับน้ำอุ่นให้เด็กอาบ เมื่อเด็กได้กลิ่นระเหยของสมุนไพรต่างๆ ก็จะช่วยให้สุขภาพของเด็กโดยเฉพาะทางเดินหายใจ ปอด ก็จะดีขึ้น ทั้งยังช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคหวัดและหืดหอบได้อีกด้วย ซึ่งวิธีนี้เรียกว่า อาบน้ำจับหวัด

                ♥ บทความแนะนำน่าอ่าน : อาหารแก้หวัด 13 ชนิด! เพิ่มภูมิต้านทานให้กับลูกน้อย
                ♥ บทความแนะนำน่าอ่าน : ลูกเป็นหวัด มีน้ำมูก 5 วิธีรักษาแบบไม่ต้องพึ่งยา

                ทั้งนี้ในโลกโซเชียลก็มีคุณแม่ท่านหนึ่งโดยใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า ญิ๋งป้อม ญิ๋งป้อม ได้ออกมาโพสต์ภาพลูกสาวตัวน้อยวัย 1 เดือนกว่า ซึ่งกำลังอาบน้ำต้มใบมะขาม ที่คุณยายทำให้ เรียกได้ว่าเป็นสูตรโบราณขนานแท้ โดยสร้างกระแสและเป็นที่น่าสนใจกับคุณแม่ๆ ท่านอื่นได้เป็นอย่างมาก โดยมีสูตร คือ

                สูตรสำหรับให้ลูก อาบน้ำต้มใบมะขาม + หัวหอม แก้หวัด

                นำหัวหอมแดงทุบ 3-4 หัว ใบมะขามก็ต้องเป็นมะขามที่นำมาแกงได้เท่านั้น  ใส่น้ำพอประมาน แล้วต้มรวมกัน จนเดือด หรือจนสีของใบมะขามออก จากนั้นก็รอให้อุ่นๆ แล้วผสมกับน้ำเย็นในอ่างอาบน้ำ และนำน้องมาอาบแช่ในน้ำได้เลย หรือจะเอาใบมะขามปิดกระหม่อมช่วงที่อาบน้ำ ก็สามารถช่วยได้ ซึ่งหลังจากแช่น้ำต้มใบมะขามเสร็จควรล้างน้ำเปล่าให้ลูกน้อยอีกครั้งด้วยนะคะ

                อาบน้ำต้มใบมะขาม
                ภาพคุณยายทำน้ำต้มใบมะขามให้น้องพิมอาบ
                อาบน้ำต้มใบมะขาม
                ภาพคุณยายทำน้ำต้มใบมะขามให้น้องพิมอาบ
                อาบน้ำต้มใบมะขาม
                ภาพคุณยายทำน้ำต้มใบมะขามให้น้องพิมอาบ
                ทั้งนี้ยังไม่มีการยืนยันทางการแพทย์ว่าสูตรนี้มีผลอะไรกับทารก ดังนั้นการใช้วิธีนี้จึงขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของพ่อแม่ และควรให้ความระมัดระวังลูกน้อยด้วยนะคะ

                อ่านต่อ >> ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรกับลูกน้อย” คลิกหน้า 2

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                 


                ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : น้องพิม ลูกคุณแม่ ญิ๋งป้อม ญิ๋งป้อม

                  เลิกเต้า …. อย่าเพิ่งเฉานะจ๊ะลูกจ๋า

                  เลิกเต้า …. อย่าเพิ่งเฉานะจ๊ะลูกจ๋า แม้คุณจะยังให้ลูกกินนมแม่อยู่ แต่การให้ลูกน้อยกินนมจากอกแม่ตลอดเวลาก็อาจเป็นไปไม่ได้ แต่กระนั้นการให้ลูกหย่าเต้ามาดื่มนมจากถ้วย ก็เป็นเรื่องที่ทำให้พ่อแม่หนักใจไม่น้อยเช่นเดียวกัน เรามีเทคนิคที่จะช่วยให้ลูกเลิกดื่มนมจากอกแม่ และมาดื่มนมจากถ้วยแบบรื่นรมย์ใจทั้งแม่ทั้งลูก

                  เลิกเต้า

                  เลิกเต้า …. อย่าเพิ่งเฉานะจ๊ะลูกจ๋า

                  หัวใจความสําเร็จ หัดเบบี๋ เลิกเต้า

                  ต้องบอกว่า การเริ่มแต่เนิ่นๆ และไม่ยืดเวลาออกไปคือ หัวใจความสําเร็จ ของการให้ลูกเลิกกินนมจากอกแม่ (แต่ยังกินนมแม่อยู่)ไปดื่มนมจากขวด หรือถ้วยหัดดื่ม มีพ่อแม่จํานวนไม่น้อยคิดว่าควรจะรอจนกว่าลูกจะสามารถดื่มนมจากถ้วยหัดดื่มได้เอง แทนที่จะมองว่าการดื่มนมจากถ้วยหัดดื่มเป็นเรื่องของประสบการณ์การเรียนรู้ “การทำให้ลูกหันมาดื่มนมจากถ้วยต้องใช้ความพยายามประมาณหนึ่ง เพราะจะต้องโน้มน้าวลูกให้เปลี่ยนจากความเคยชินเดิมๆ รวมทั้งกระตุ้นให้ลูกได้ฝึกการทำงานประสานกันของสายตาและกล้ามเนื้อมือที่สัมพันธ์กันดีจึงจะใช้ถ้วยได้ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะได้จากประสบการณ์การเรียนรู้”

                  เมื่อการหย่าเต้า เลิกดูดขวด เป็นเรื่องยากสําหรับลูกน้อย

                  ให้พ่อแม่คิดบวกไว้ก่อนเลยว่าจะทําได้สําเร็จ แต่ก็ต้องเตรียมใจไว้ว่า อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าที่หวังไว้ เพราะเด็กจํานวนไม่น้อยก็ เลิกเต้า และขวดได้อย่างง่ายดาย นี่คือ สารพันเทคนิคที่คุณแม่สามารถนำไปปรับใช้ได้

                  • ให้ลูกดูดนมเหมือนเดิม แต่ใช้เวลาน้อยลงในแต่ละครั้ง
                  • ลองให้ลูกได้ดื่มนมแม่ หรือนมที่เขาคุ้นเคยจากถ้วยหัดดื่มก่อน และถ้าลูกยอมก็ให้ดื่มไปเลย ถ้าไม่ยอมก็ค่อยลองกันใหม่
                  • อย่าปล่อยลูกอยู่กับขวดนมมากเกินไป คือถ้าลูกคลานเดิน หรือ นอน ก็ไม่ต้องคาบขวดนมไปด้วยถ้าลูกติดการนอนหลับไปพร้อมกับนมขวดแล้วจะเลิกได้ยากกว่า ควรเล่านิทานกล่อมนอนแทนการให้ลูกดูดนมจากขวดก่อนนอน
                  • ให้ลูกได้ลองใช้ถ้วยหัดดื่มที่เขาชอบจริงๆ ถ้วยแบบนี้หลายแบบหลายลายถ้าเขาชอบจริงๆ โอกาสที่เขาจะใช้ก็มาก
                  • ในวัย 1 ขวบขึ้นไป ถ้าลูกยังไม่ยอม ก็เบี่ยงเบนความสนใจให้เขาไปกินอาหารอย่างอื่นแทนก่อน โดยธรรมชาติแล้วเมื่อเด็กได้กินอาหารปกติ 2-3 มื้อต่อวันเขาจะลดความสนใจที่จะดูดนมจากอกแม่ หรือจากขวด

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                   

                  ติดตาม เทคนิคเลิกเต้า เปลี่ยนมาดื่มนมแม่จากแก้ว คลิกต่อหน้า 2

                    รกเกาะติดแน่น อันตรายถึงต้องตัดมดลูก

                    นอกจากภาวะรกค้าง รกเกาะต่ำ ที่ส่งผลอันตรายต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์แล้ว รกเกาะติดแน่น เป็นอีกภาวะหนึ่งที่อันตรายอย่างมาก เพราะทำให้คุณแม่หลังคลอดต้องตัดมดลูกหรือตกเลือดเสียชีวิตได้ เราจึงมาให้ความรู้เรื่อง รกเกาะติดแน่น อันตรายถึงต้องตัดมดลูก แก่คุณแม่ผู้อ่านได้รู้จักและระมัดระวังกันค่ะ

                    รกเกาะติดแน่น  อันตรายถึงต้องตัดมดลูก

                    รกเกาะติดแน่น

                    รกเกาะติดแน่นคืออะไร

                    โดยปกติแล้วเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ ร่างกายคุณแม่จะสร้างรกขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่นำอาหารจากแม่ไปเลี้ยงลูกน้อยในครรภ์ ซึ่งรกก็มักจะไปฝังตัวติดอยู่กับเยื่อบุโพรงมดลูก และการฝังตัวของรกจะไม่ลึกลงไปถึงชั้นกล้ามเนื้อของผนังมดลูก โดยจะฝังลึกสุดเพียงไม่เกินชั้นเยื่อบุโพรงมดลูก (ผนังมดลูกจะมีชั้นเยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ด้านนอก และมีผนังมดลูกชั้นกล้ามเนื้อมดลูกอยู่ด้านใน) จนเมื่อมีการคลอด รกก็จะหลุดลอกหรือคลอดตามออกมาได้ง่าย หรือหากมีรกค้างอยู่คลอดออกมาไม่หมด คุณหมอที่ทำคลอดจะช่วยล้วงเพื่อคลอดรกด้านในออกมาให้หมด

                    แต่สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์บางคน การฝังตัวของรกไม่เป็นไปตามปกติเช่นนั้น รกในครรภ์คุณแม่กลับฝังตัวลึกเข้าไปถึงชั้นกล้ามเนื้อมดลูก และบางคนอาจฝังลึกมากจนทะลุชั้นกล้ามเนื้อมดลูกออกมานอกมดลูกได้อีกด้วย เมื่อรกฝังลึกขนาดนี้จึงส่งผลทำให้รกเกาะติดแน่นกับผนังมดลูก และไม่ยอมลอกตัวออกมาเมื่อถึงเวลาคลอด ถือเป็นภาวะอันตรายที่ทำให้คุณแม่เสียเลือดมากจากการคลอด เพราะมดลูกหดรัดตัวได้ไม่ดี จนถึงกับต้องตัดมดลูกทิ้งเลยทีเดียวค่ะ

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                     

                    ทำไมรกจึงเกาะติดแน่น

                    สาเหตุของการที่รกเกาะติดแน่น หรือเกิดการฝังตัวลึกนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มักพบในคุณแม่ที่มีประวัติบางอย่าง ดังนี้

                    • คุณแม่ที่เคยขูดมดลูกมาก่อน เช่น การขูดมดลูกจากการรักษาโรคเลือดออกผิดปกติจากมดลูก เคยขูดมดลูกจากการแท้ง จะมีโอกาสทำให้เมื่อเวลาคุณแม่ตั้งครรภ์รกจะฝังลึกเข้าไปในกล้ามเนื้อมดลูกได้มาก โดยสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการขูดมดลูกที่ลึกเกินไป จึงทำให้รกฝังตัวบริเวณที่เคยขูดมดลูกนั้นได้ลึกหรือมากกว่าปกติ

                    ติดตาม รกเกาะติดแน่นอันตรายถึงต้องตัดมดลูก คลิกต่อหน้า 2

                      นมแม่ สร้างสมองลูก

                      นมแม่ ช่วยสร้างสมองลูก โต 20-30%

                      นมแม่ ช่วยสร้างสมองลูก โต 20-30% มีคุณแม่หลายท่านเริ่มกังวลว่า ให้นมแม่ได้ไม่เกิน 6 เดือน จะทำให้ลูกฉลาดน้อยกว่าเด็กที่กินนมแม่นานๆ

                      นมแม่ ช่วย สร้างสมองลูก

                      นมแม่ ช่วยสร้างสมองลูก โต 20-30%

                      เด็กจะมีความฉลาดขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก ดังนี้

                        1. พันธุกรรม
                        2. การเลี้ยงดู
                        3. สารอาหารที่มีผลต่อสมอง

                      หากเด็กมีพันธุกรรมเดียวกันได้รับการเลี้ยงดูที่เหมือนกัน ไม่ได้รับสารพิษต่อสมอง เช่น อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีสารปรอทหรือสารตะกั่ว แต่ต่างกันที่การได้รับสารอาหารไม่เหมือนกัน สำหรับสารอาหารที่บํารุงสมอง ได้แก่ ทอรีน ดีเอชเอ อัลฟ่าแลคตัลบูมิน ไอโอดีน ธาตุเหล็ก รวมไปถึง สารอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ต่างๆ

                      ใครได้รับสารอาหารเหล่านี้ครบถ้วน และกินเวลายาวนานกว่า ย่อมมีพัฒนาการทางสมองที่ดีกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากได้กินแต่นมแม่อย่างเดียว โดยไม่ได้รับอาหารเสริมตามวัย เด็กคนนั้นก็ไม่ได้ฉลาดกว่าเด็กคนอื่นที่กินอาหารครบถ้วน เช่นเดียวกัน

                      เมื่อแรกเกิดสมองมนุษย์พัฒนามาเพียง 30% เท่านั้น อีก 70% จะพัฒนาต่อจนเสร็จสมบูรณ์ในอีก 6-7 ปี ส่วนที่สร้างเสร็จช้าที่สุดคือ ปลอกหุ้มเส้นประสาท ซึ่งต้องอาศัย ดีเอชเอ ที่มีอยู่ในนมแม่ และอาหารตามวัย เช่น

                      อะโวคาโด ปลาน้ําจืด ปลาทะเล ถั่วเปลือกแข็ง ถั่วเมล็ดแห้ง เมล็ดพืช แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การจะทําให้ลูกฉลาดไม่ได้อาศัยแค่การกินเท่านั้น ยังต้องควบคู่กับการเลี้ยงดูที่ส่งเสริมพัฒนาการในทุกๆ ด้านด้วย แม้จะไม่สามารถรับประกันได้ว่าการกินนมแม่ จะทําให้ลูกคว้ารางวัลโนเบล แต่จากงานวิจัยหลายชิ้นในปัจจุบัน พบว่านมแม่ มีส่วนในการพัฒนาสมอง จริง!!

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                       

                      ติดตาม นมแม่ ช่วย สร้างสมองลูก โต 20-30% คลิกต่อหน้า 2

                        ใหม่! ตรวจ AMH รู้ปริมาณไข่ผู้หญิงได้ก่อนท้อง

                        รู้หรือไม่ 1 ใน 4 ของคู่สมรสในประเทศกำลังพัฒนามีปัญหาด้านการมีบุตรยาก และยิ่งผู้หญิงแต่งงานหรือมีลูกเมื่ออายุมากขึ้น ยิ่งทำให้มีปัญหาต่างๆ ตามมามากขึ้น เราจึงขอพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับนวัตกรรม ใหม่ ! ตรวจ AMH รู้ปริมาณไข่ผู้หญิงได้ก่อนท้อง ช่วยประเมินจำนวนไข่และโอกาสตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้

                        ใหม่! AMH ตรวจปริมาณไข่ผู้หญิงได้ก่อนท้อง

                        ใหม่! ตรวจ AMH รู้ปริมาณไข่ผู้หญิงได้ก่อนท้อง

                        จากข้อมูลเชิงสถิติพบว่า ประชากรทั่วโลกประมาณ 50-80 ล้านคนมีปัญหาด้านการมีบุตร โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาพบว่า 1 ใน 4 ของคู่สามีภรรยา มีปัญหาการมีบุตรยาก ซึ่งทำให้ปัจจุบันมีคู่สามีภรรยาที่มาปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับเรื่องการมีบุตร และใช้เทคโนโลยีการเจริญพันธุ์หรือเด็กหลอดแก้วกันมากขึ้น โดยเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ต่างๆ ก็มีการพัฒนาเพื่อช่วยให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากขึ้นตามไปด้วย

                        ล่าสุดมีการตรวจแบบใหม่ซึ่งเป็นการตรวจฮอร์โมน AMH จากในเลือดของคุณผู้หญิง เพื่อช่วยให้แพทย์ประเมินความสามารถประเมินการทำงานของรังไข่ เพื่อการวางแผนตั้งครรภ์ได้ง่ายและสะดวกขึ้น

                        ตรวจ AMH คืออะไร

                        การตรวจ AMH คือการเจาะเลือดเพื่อตรวจวัดระดับฮอร์โมน AMH (Anti-Mullerian Hormone) ซึ่งระดับของฮอร์โมนชนิดนี้ในเลือดจะสามารถบอกได้ว่าผู้หญิงคนนั้นมีจำนวนไข่ที่เหลืออยู่สำหรับการเจริญพันธุ์หรือมีบุตรมากน้อยเพียงใด

                        โดยฮอร์โมนแอนตี้มูลเลอเรียน หรือเรียกอีกอย่างว่า AMH (Anti-Mullerian Hormone) เป็นฮอร์โมนที่ผลิตได้จากเซลล์กรานูโลซา (granulosa cells) ภายในถุงไข่ในรังไข่ (ovarian follicles) สามารถตรวจพบได้ในระยะแรกๆ ของการเจริญเติบโตของถุงไข่ ฮอร์โมน AMH จะมีค่าสูงขึ้นและลดลงเรื่อยๆ เมื่อผู้หญิงเข้าสู่วัยผู้ใหญ่เต็มตัว และจะลดลงอย่างช้าๆ เมื่อมีอายุมากขึ้น และไม่สามารถตรวจพบอีกเลยในช่วง 5 ปี ก่อนหมดประจำเดือน ซึ่งเป็นช่วงที่จำนวนถุงไข่ในระยะไพรมอร์เดียล(primordial follicles) ลดลงจนหมดไปเช่นกัน จำนวนถุงไข่ของผู้หญิงแต่ละคนอาจลดลงจนหมดไปในช่วงอายุที่แตกต่างกัน รวมถึงจำนวนเริ่มแรกของถุงไข่ก็อาจไม่เท่ากันด้วย นั่นจึงทำให้ผู้หญิงแต่ละคนเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนในช่วงอายุที่ต่างกัน

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                         

                        ติดตาม ใหม่! AMH ตรวจปริมาณไข่ผู้หญิงได้ก่อนท้อง คลิกต่อหน้า 2

                          “ น้ำนมแม่ ” นั้นดีและแน่ที่สุดแล้ว

                          น้ำนมแม่ นั้นดีและแน่ที่สุดแล้ว คนส่วนใหญ่พอจะทราบอยู่แล้วว่านมแม่มีประโยชน์กับลูก แต่ พญ.ปวินทรา หะริณสุต สมนึก กุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ จะมาบอกเล่ามากขึ้น ในแง่ของทางการแพทย์ว่า นมแม่สําคัญอย่างไร ทําไมถึงต้องมีการรณรงค์ให้นมแม่กันมากมายทั่วโลก อย่างเช่น องค์การอนามัยโลก กําหนดไว้ว่า ควรให้นมแม่อย่างน้อย 6 เดือนในขณะที่ American Academy of Pediatrics แนะนําว่าควรให้นมแม่อย่างน้อย 1 ปี แต่โดยทั่วไปคือ ให้นมแม่จนกว่าลูกจะมีน้ำหนักตัว 4 เท่า ของแรกคลอด เช่น แรกคลอดมีน้ำหนัก 3 กิโลกรัม 4 เท่าก็คือ 12 กิโลกรัม ซึ่งเฉลี่ยแล้วเท่ากับอายุ 2 ขวบ

                           “ น้ำนมแม่ ” นั้นดีและแน่ที่สุดแล้ว

                          น้ำนมแม่

                          ประโยชน์ของ นมแม่ มีดีมากกว่าที่คิด

                          ด้วยความที่นมแม่ มีลักษณะใสกว่านมอื่นๆ คนสมัยก่อนจึงคิดว่านมแม่ไม่ค่อยมีสารอาหารมากนัก แต่ความจริงแล้วนมแม่มีสารอาหารมากถึง 200 กว่าชนิด ในขณะที่นมประเภทอื่นมีไม่ถึงครึ่งของนมแม่เลย แค่สารอาหารหลักๆ ก็ยังมีได้ไม่เท่า ได้แก่

                          กลุ่มคาร์โบไฮเดรต ในนมแม่จะมีน้ำตาลแล็กโทส ซึ่งเป็นน้ำตาลที่ช่วยพัฒนาสมองของลูก แม้ว่าในน้ำนมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดจะมีน้ำตาลชนิดนี้ด้วยก็ตาม แต่ในน้ำนมของมนุษย์มีสูงที่สุด

                          น้ำนมแม่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว มี ดีเอชเอและเอเอ ซึ่งก็คือ โอเมก้า 3 และ 6 เซลล์ประสาทของสมอง เป็นสารอาหารจากธรรมชาติที่มีในน้ำนมแม่ ไม่สามารถสกัดออกมาใส่เสริมในนมอื่นได้ นอกจากนี้ โปรตีนในนมแม่ยังมีส่วนประกอบของ เวย์ 80% และเคซีน 20% โดย เวย์ในนมแม่ยังเป็นแอลฟาแลคตัลบูมิน ช่วยลดภาวะเสี่ยงของการเป็นภูมิแพ้ต่างๆ

                          ในขณะที่นมอื่นนั้นเป็น เบต้าแลคตัลบูมิน ตัวเบต้านี้จะกระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้ต่างๆ ส่วนเคซีนในนมแม่เป็นเบต้าเคซีน ซึ่งย่อยง่าย ดูดซึมง่าย ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก สังกะสี และแคลเซียมได้ดี ทั้งสองตัวนี้ไม่สามารถเติมหรือผลิตได้จากโรงงาน นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุและวิตามินต่างๆ ที่ในนมอื่นไม่มี จึงเรียกได้ว่า นมแม่มีสารอาหารที่ครบถ้วนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ในน้ำนมแม่ยังอุดมไปด้วย ภูมิคุ้มกันสำคัญที่ไม่สามารถหาได้จากนมอื่นๆ เช่น Secretary IgA (เป็นหน้าด่านช่วยป้องกันการติดเชื้อต่างๆ), เม็ดเลือดขาว,ไลโซไซม์ (เอนไซม์ที่ช่วยให้เชื้อแบคทีเรียตายได้), แล็กโตเฟอร์ริน (โปรตีนช่วยต่อต้านเชื้อโรค), Bifidus Growth Factor (สารที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของแล็กโตบาซิลลัส ช่วยให้แบคทีเรียไม่สามารถอาศัยอยู่ในลําไส้ได้) เป็นต้น เพราะนมแม่มีสารต่างๆ ซับซ้อนมากมายที่จะช่วยให้ลูกเรามีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์

                          การเข้าเต้า

                          การเข้าเต้ามีความสําคัญมาก ถ้าคุณแม่ใช้ท่าที่ถูกต้อง ลูกก็จะดูดนมได้อย่างมีประสิทธิภาพ น้ำนมที่ออกจากเต้าก็จะเกลี้ยงเต้าได้ไว ความเสี่ยงเรื่องการเจ็บหัวนม หัวนมแตก เต้านมคัดก็จะลดลงไปมาก

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                           

                          ติดตาม  น้ำนมแม่นั้นดีและแน่ที่สุดแล้ว คลิกต่อหน้า 2

                            แม่ที่รังแกลูก

                            แล้วฉันก็ได้รู้ ว่าตัวเองเป็น “แม่ที่รังแกลูก” แบบทางอ้อมมาโดยตลอด

                            บทเรียนของแม่ที่ป้อนข้าวลูก!!

                            ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันแรกของการไปเรียนอนุบาล วันที่หนูต้องแยกจากอกแม่ ไปสู่บ้านหลังที่สอง เจอสังคมใหม่ เจอครู และเพื่อนๆ
                            แม่รู้ว่ามันยากแค่ไหน กับการต้องอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า
                            จากเด็กน้อยในอ้อมอก ที่มีพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ทำอะไรให้หมดทุกอย่าง หนูต้องปรับตัว ปรับใจอย่างมาก..

                            วันแรกในรั้วโรงเรียน คุณครูรับตัวหนูเข้าไปในห้อง และขอความร่วมมือให้พ่อแม่ ออกมารอด้านนอก
                            เพียงแค่ยื่นมือหนูให้คุณครู เสียงร้องไห้ก็ดังขึ้นไม่หยุด ใจแม่จะขาดให้ได้ สายตาหนูที่มองแม่ เหมือนจะต่อว่า ว่าทิ้งหนูไว้กับคนแปลกหน้าทำไม??? หนูร้องไห้ดังมากเท่าไหร่ ใจแม่ร้องไห้มากเท่านั้น

                            หนูร้องไห้เสียงดัง และเบา สลับกันไป พ่อกับแม่นั่งรอด้วยใจจดจ่อ………………………

                            พอถึงเวลาพักกลางวัน หนูรีบก้มหน้าก้มตาตักข้าวใส่ปาก โดยไม่มองหน้าใคร
                            มือขวาจับช้อนแบบเก้ๆ กังๆ ความหิวคงทำให้หนูรู้จักแก้ปัญหา หนูวางช้อน และใช้มือหยิบอาหารเข้าปากทันที
                            ยิ่งเห็นภาพนั้นยิ่งน้ำตาไหล… ฉันนี่แหล่ะ “พ่อแม่รังแกฉันของจริง”
                            ฉันป้อนข้าวให้ลูกทุกมื้อ เพราะลูกกินช้า ฉันป้อนข้าวให้ลูกเพราะลูกชอบทำเลอะ ฉันป้อนข้าวให้ลูกเพราะอยากให้ลูกกินได้เยอะ….
                            ลูกกินข้าวไม่เก่ง ช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น ไม่ใช่ลูกหรอกที่แพ้!! มันคือความพ่ายแพ้ของคนเป็นพ่อแม่ อย่างไม่น่าให้อภัย
                            คนชนะที่แท้ กลับเป็นลูก!!! เด็กตัวเล็กๆ ที่พยายามช่วยเหลือตัวเอง ท่ามกลางคนแปลกหน้า พยายามเอาตัวรอดให้อิ่มท้อง ไม่เคยคิดยอมแพ้ แม้ตอนตักข้าว
                            ถึงลูกจะเจอสังคมใหม่ ต้องปรับตัวปรับใจ แต่ไม่เคยคิดจะลุกหนี หรืองอแง รอให้ครูมาป้อน

                            เลิกเรียนวันนั้น แม่ได้แต่กอดหนูแน่นๆ คำตอบทุกอย่างมันชัดอยู่ในภาพที่เราสองคนพ่อแม่ได้เห็นไปแล้ว

                            ภาพในวันนั้น ติดตา จำแน่นในใจไม่มีลืม… พ่อแม่ต้องกลับมานั่งคิดและทบทวนว่า การรักลูก ดูแลลูกจนมากเกินไป ส่งผลร้ายกับตัวหนูอย่างไม่คาดคิด เจตนาที่ดี อาจกลายเป็นผลร้าย ในวันที่หนูต้องเติบโต และก้าวไปสู่สังคม

                            ขอโทษนะลูก แม่สัญญาว่าต่อจากนี้แม่จะเข้มแข็ง และปล่อยให้หนูได้ลองทำอะไรด้วยตัวเอง แล้วแม่กับพ่อจะเฝ้ามองลูกด้วยความห่วงใยอยู่ข้างๆ และเมื่อใดก็ตามที่ลูกต้องการความช่วยเหลือ พ่อกับแม่นี่แหละ จะพร้อมช่วยลูกอย่างสุดกำลัง

                            ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ เราจะสู้ไปด้วยกัน!!!

                            #แม่บัวเพจอมรินทร์เบบี้แอนด์คิดส์

                              เนอสเซอรี่ ที่ไหนดี เทคนิคการเลือกสถานรับเลี้ยงเด็กให้เหมาะกับลูกน้อย

                              คุณพ่อคุณแม่อาจกำลังปวดหัวว่าจะพาลูกน้อยไปเข้า เนอสเซอรี่ ที่ไหนดี… ระหว่างแบบที่เน้นเขียนอ่านเพื่อเตรียมเข้าอนุบาลเป็นหลัก หรือแบบที่ปล่อยให้เด็กๆได้เรียนรู้จากการเล่น

                              เลือก เนอสเซอรี่ ที่ไหนดี ให้เหมาะกับลูกน้อย

                              ปัจจุบันมีศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ หรือสถาบันพัฒนาเด็กเล็กที่ยังไม่ได้เข้าเรียน หรือที่เรียกกันว่า เนร์สเซอรี่ เกิดขึ้นมากมาย สำหรับอายุต่ำสุดที่เปิดรับได้จะขึ้นอยู่กับความพร้อมของเนอสเซอรี่แต่ละแห่ง ซึ่งเรื่องนี้ แพทย์หญิงสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจกุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด ได้แนะนำข้อควรพิจารณาก่อนพาลูกไปฝาก เนอสเซอรี่ ที่ไหนดี มาฝาก ดังนี้

                              เนอสเซอรี่ ที่ไหนดี

                              • ครอบครัวเดี่ยวที่พ่อแม่ทำงานนอกบ้านทั้งคู่ ในช่วงเวลาที่พ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วย ใครเป็นผู้ดูแลลูก ไว้ใจได้หรือไม่ และผู้ดูแลเข้าใจธรรมชาติของเด็กมากน้อยแค่ไหน มีการกระตุ้นพัฒนาการหรือเปิดโอกาสให้ลูกได้ทำกิจกรรมที่สมวัยหรือไม่

                              เพราะถ้ามีผู้ดูแลที่ดีมีคุณภาพอยู่แล้ว และลูกก็ดูมีความสุขดี ให้เขาอยู่บ้านดีที่สุด รอเข้าเรียนอนุบาลตอนอายุ 3 ขวบ เนื่องจากมีโอกาสที่ลูกจะติดเชื้อโรคมีน้อยกว่า หรือหากติดเชื้อ อาการก็มักรุนแรงน้อยกว่าเด็กที่เล็กมากๆ ซึ่งพ่อแม่ไม่ต้องห่วงว่าลูกจะเรียนสู้เพื่อนๆ ไม่ได้ เพราะแม้เข้าเรียนช้ากว่า  แต่เมื่อถึงเวลาวัยพร้อมเรียน เด็กก็จะเรียนทันกัน

                              → Must read : ลูกเราควรไปโรงเรียนตอนอายุเท่าไหร่?
                              • บางครั้งผู้ดูแลลูกที่บ้านอาจติดธุระหรือเจ็บป่วยกะทันหัน ทำให้พ่อแม่ต้องลางานเพื่อดูแลลูกเอง แต่ถ้าเป็นสถานรับเลี้ยงเด็ก ก็คงหาคนมาแทนได้อย่างทันท่วงที
                              • นโยบายการดูแลลูกของผู้ดูแลไม่ตรงกับใจของพ่อแม่ เช่น ตามใจมากไป ให้กินขนมหวานทั้งวัน ให้ดูทีวีหรือเล่นเกมมากไป ครั้นพ่อแม่จะขัดแย้งหรือไม่ให้ทำ ก็อาจเกิดอาการงอนจากผู้ดูแลได้ หรือลูกอยู่ในวัยซน ชอบปีนป่าย วิ่งเล่นเกือบตลอดเวลา ทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุหากไม่มีใครคอยประกบหรือวิ่งตาม แต่ผู้ดูแลอายุมากแล้ว เดินตามไม่ไหว หรืออาจทำให้เหนื่อยเกินจนเป็นอันตรายต่อหัวใจได้
                              • ในกรณีที่เป็นลูกคนเดียว ไม่มีเด็กแถวบ้านหรือญาติพี่น้องที่เป็นเด็กด้วยกันมาเล่นด้วย เด็กอาจขาดทักษะในการเล่นกับเด็กคนอื่น หรือบางคนแทบไม่เจอใครเลยในแต่ละวันนอกจากพ่อกับแม่ ทำให้กลัวคนแปลกหน้า เข้ากับคนอื่นได้ยาก ในกรณีเช่นนี้ การพาลูกไปเข้ากลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะ สนามเด็กเล่นในหมู่บ้าน หรือสถานพัฒนาเด็กเล็ก อาจช่วยให้เด็กคุ้นเคยกับผู้อื่นได้ดีขึ้น

                              รวมไปถึงเด็กบางคนมีปัญหากินข้าวยาก ส่วนใหญ่มักเป็นกรณีลูกคนเดียว ไม่มีใครกินด้วยหรือไม่ได้กินพร้อมพ่อแม่ จึงขาดโอกาสที่จะเลียนแบบการกระทำ ใช้วิธีป้อนตลอด ล่อหลอกให้กินโดยเปิดทีวีให้ดูไปด้วย แต่หมอก็คอยห้ามว่าอย่าให้ลูกดูทีวีมาก เลยไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรให้ลูกกินเก่งขึ้น

                              คำแนะนำ คือ พยายามลองให้กินเอง กินพร้อมหน้าพร้อมตากัน เปลี่ยนเมนูเป็นสไตล์ที่เด็กอยากกิน ลองให้ลูกช่วยเตรียมอาหารหรือจัดโต๊ะ จะได้รู้สึกมีส่วนร่วม และต้องไม่เปิดทีวีเด็ดขาด!

                              → Must read : หมอเตือน!! ดูทีวีทำร้ายลูกร้ายแรง สร้างพฤติกรรมผิดปกติ
                              • การอยู่บ้าน อาจทำให้ลูกสบายเกินไป เพราะมีคนทำให้ทุกอย่าง แทบไม่ต้องกระดิกตัวทำอะไรเองเลย ทำให้ขาดโอกาสในการพัฒนาความสามารถ บางคนจะเข้าเรียนแล้วยังกินข้าวเองไม่เป็น ใช้ห้องน้ำไม่เป็นเพราะใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปตลอดเวลา ขาดระเบียบวินัย เช่น เล่นของแล้วไม่เก็บ รอคิวไม่เป็น เด็กบางคน พ่อแม่ฝึกเองเท่าไรก็ไม่สำเร็จ แต่พอส่งไปเรียนปุ๊บทำได้เลย เพราะเกรงใจครู กลัวครูไม่รัก ซึ่งครูจะชมว่าเรียบร้อยน่ารักมากเวลาอยู่ที่โรงเรียน แต่พออยู่บ้านเป็นอีกแบบหนึ่ง เพราะรู้ว่าถึงอย่างไรพ่อแม่ก็รักและตามใจ

                              อ่านต่อ >> “เทคนิคการเลือกเนอสเซอรี่ ที่ไหนดี ให้เหมาะกับลูกน้อย” คลิกหน้า 2

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                               

                                วิธีทำลูกสาว

                                วิธีทำลูกสาว ไม่ใช่เรื่องยาก ต้องลองสูตรนี้!!!

                                วิธีทำลูกสาว … ก่อนจะมีลูกเชื่อว่า ว่าที่คุณพ่อคุณแม่ น่าจะคิดอยู่ในใจแล้วว่า อยากได้ลูกชาย หรือ ลูกสาว  แต่จะทำอย่างไรให้ได้เพศลูกตรงกับความต้องการ และยิ่งโดยเฉพาะเด็กผู้หญิง ที่มีเสื้อผ้าสุดน่ารักให้เลือกใส่ ไว้เป็นเพื่อนสาวให้กับคุณแม่

                                ซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่ อยากจะได้ลูกสาว Amarin Baby & Kids จึงได้รวบรวมข้อมูลวิธีการทำให้ได้ลูกสาว มาฝาก โดยก่อนที่จะเข้าถึงวิธีการ ว่าที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้กันก่อนว่าลูกชาย และลูกสาว มีอะไรที่ต่างกัน จึงจะทำให้ได้เพศที่ต้องการ

                                ต้องลอง เผยสูตร วิธีทำลูกสาว

                                วิธีทำลูกสาว

                                เนื่องจากเวลาที่คุณผู้ชายหลั่งสเปิร์มออกมา อัตราส่วนของสเปิร์มที่มีโครโมโซม X ต่ออสุจิที่มีโครโมโซม Y จะอยู่ที่ประมาณ 50% ต่อ 50% ดังนั้นในทางธรรมชาติแล้ว โอกาสที่จะได้ลูกชายหรือลูกสาวนั้นจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 50 ถ้าสเปิร์มของคุณพ่อตัวที่เจาะไข่เป็นตัว X ก็จะได้ลูกสาว แต่ถ้าเป็นตัว Y เจาะไข่ก็จะได้ลูกชาย

                                • สเปิร์มเพศผู้ (อสุจิโครโมโซม Y) มีรูปร่างปราดเปรียว ว่องไว แต่ตายง่าย ชอบสภาวะที่เป็นเบส หากสเปิร์มเพศผู้ ได้ผสมกับไข่ ก็จะได้ลูกชาย
                                • สเปิร์มเพศเเมีย (อสุจิโครโมโซม X) มีรูปร่างอ้วนใหญ่กว่า และเคลื่อนไหวช้า แต่อึด ตายยาก ชอบสภาวะที่กรด หากสเปิร์มเพศเเมีย ได้ผสมกับไข่ ก็จะได้ลูกสาว

                                วิธีทำลูกสาว

                                ดังนั้น ถ้าอยากได้ลูกเพศใด ให้ว่าที่คุณพ่อคุณแม่ใช้วิธีที่อำนวยความสะดวกให้แก่อสุจิเพศนั้นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้เพศลูกที่ตรงความต้องการ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นวิธีที่จะกล่าวมานั้นก็อาจไม่ได้มีความชัวร์ 100 % นะคะ จะมีวิธีอย่างไร หรือต้องทำท่าไหน ไปดูกันค่ะ

                                ซึ่งสเปิร์มเพศเเมีย จะชอบความเป็นกรด คุณผู้หญิงต้องล้างช่องคลอด เพื่อทำสภาวะช่องคลอดให้เป็นกรดก่อนมีเพศสัมพันธ์ ด้วยส่วนผสม น้ำส้มสายชู 3-5% ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1 ลิตร แต่วิธีการล้างสวนช่องคลอดนี้นี้ไม่แนะนำให้ปฏิบัติตามนะคะ เพราะทางการแพทย์ได้ทำการวิจัยมาแล้วและพบว่ามันไม่ได้ผล ซ้ำยังอาจก่อให้เกิดอันตรายอีกด้วย เนื่องจากความเป็นกรดหรือด่างบางชนิดอาจทำให้เกิดอันตรายต่อช่องคลอดได้ (เขียนเพื่อให้ทราบ เข้าใจ ถึงความเชื่อผิดๆในเรื่องการสวนล้างช่องคลอด) โดยหากคุณพ่อคุณแม่ อยากได้ลูกสาว การทำลูกสาวไม่ใช่เรื่องยากเลย แค่อย่ากุ๊กกิ๊กกันในช่วงไข่สุก นอกนั้นได้ทุกวันค่ะ

                                1. คำนวณช่วงเวลาตกไข่ให้ดี

                                สำหรับความคิดในเรื่องของช่วงเวลา ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการกำหนดเพศของทารกเลยทีเดียว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า โครโมโซม Y (ชาย) จะแหวกว่ายได้รวดเร็วกว่าโครโมโซม X (หญิง) แต่อย่างไรก็ดี สเปิร์มเพศหญิงสามารถมีชีวิตอยู่ในระบบสืบพันธุ์ได้ยาวนานกว่าสเปิร์มเพศชาย

                                • ถ้ามีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอทุกวัน เช่น วันเว้น 2 วันตลอดเดือน หยุดมีเพศสัมพันธ์ 2 วันก่อนไข่ตก ผลลัพธ์ก็คือ สเปิร์มเพศชายจะตายแล้วเหลือไว้แต่สเปิร์มเพศหญิงที่จะเข้าไปผสมกับไข่
                                • การมีเพศสัมพันธ์กัน 3 วันก่อนช่วงไข่ตกโอกาสได้ลูกผู้หญิงสูงกว่า มีเพศสัมพันธ์ 2 วันก่อนไข่ตก ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ 1 วันก่อนไข่ตกหรือวันไข่ตกโอกาสได้ลูกชายมีมากกว่า

                                อ่านต่อ >> “ท่าทางที่ใช้ทำเพื่อให้ได้ลูกสาว” คลิกหน้า 2

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                 

                                  ช่วยแม่ด้วย! ลูกมีปัญหาการนอนหลับ แก้ไขอย่างไรดี?

                                  วงจรการนอนหลับในทารกแรกเกิด จะหลับตื่นทุก 2-4 ชั่วโมง ที่จะตื่นขึ้นมากินนมแม่ จากนั้นก็จะหลับต่อ จะเป็นอยู่อย่างนี้ในช่วงเดือนแรกๆ หากพ่อแม่สังเกตจะเห็นว่าลูกนอนหลับได้ดีทั้งกลางวัน และกลางคืน แต่การนอนหลับสนิทดีอาจไม่ใช่กับเด็กทุกคนเสมอไป  ทีมงาน Amarin Baby & Kids มี ปัญหาการนอนหลับในเด็ก พร้อมวิธีแก้ไข มาให้ทราบค่ะ

                                   

                                  ปัญหาการนอนหลับในเด็ก การนอนหลับของทารก

                                  บ้านไหนที่เพิ่งมีสมาชิกใหม่ตัวน้อยแรกเกิด ที่ญาติพี่น้องใครเห็นก็อยากอุ้ม อยากเล่นด้วย แต่เจ้าตัวเล็กนี่ซิ นอนหลับไดทั้งวี่ทั้งวัน ไม่ตื่นขึ้นมาเล่นบ่อยๆ บ้างเลย ที่ทารกน้อยเอาแต่นอนหลับก็เพราะยังปรับตัวไม่ค่อยได้กับโลกภายนอก ทารกจึงเอาแต่นอนหลับ แล้วยิ่งถ้าได้ห่อตัวให้อุ่นๆ ยิ่งให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในท้องของแม่ ก็ทำให้หลับได้ดี คือพูดง่ายๆ ว่า การนอนหลับคืองานของเจ้าตัวน้อยวัยทารกเขาล่ะค่ะ

                                  โดยปกติแล้วในทารกแรกเกิดจะนอนประมาณ 16-19 ชั่วโมง แล้วจะร้องตื่นขึ้นมาทุก ๆ 2-4 ชั่วโมง เพื่อมากินนมแม่ พอตื่นได้ 1-2 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะนอนหลับต่อ วนไปตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับเด็กทารกเกิดในช่วงเดือนแรกไปจนถึงอายุประมาณห้าเดือน ทารกน้อยสามารถนอนหลับยาวๆ ในช่วงกลางคืนได้นานถึง 9 ชั่วโมง แต่หลังจากลูกอายุได้ 6 เดือน ในเด็กบางคนอาจนอนหลับไม่สนิทและนอนหลับยาวหลายชั่วโมงได้เหมือนกันทุกคน

                                  สัญญาณที่บอกว่าลูกกำลังมีปัญหาการนอนหลับ

                                  1. เมื่อถึงเวลานอนของลูก แต่คุณแม่ใช้เวลามากไปในการช่วยให้ลูกนอนหลับ
                                  2. เมื่อถึงเวลานอนช่วงกลางคืน แต่ลูกกลับตื่นขึ้นมาบ่อยๆ ตลอดทั้งคืน
                                  3. การนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมและอารมณ์ของลูกได้โดยตรง ที่แม่อาจสังเกตได้ว่าเมื่อลูกตื่นนอนขึ้นมาจะไม่สดชื่น สดใส ร้องกวนงอแง และหงุดหงิดอยู่บ่อยๆ
                                  4. เมื่อลูกนอนหลับได้ไม่ดี ก็พลอยทำให้แม่ต้องอดหลับอดนอนไปด้วย

                                   

                                  อ่านต่อ >> ปัญหาการนอนหลับของลูก และแนวทางการแก้ไข หน้า 2

                                   

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                    แนะนำ 50 วรรณกรรมเพื่อลูกฉลาด ต้องอ่านก่อนโต

                                    วรรณกรรม 50 เรื่องที่ต้องอ่านก่อนโต …เป็นหนังสือที่จัดทำโดย สำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมและประชาสัมพันธ์ กระทรวงวัฒนธรรม และกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งได้คัดสรรหนังสือดีน่าอ่าน ประเภทวรรณกรรมออกมาทั้งหมด 50 เรื่อง ที่เหมาะสำหรับเด็กๆ ซึ่งนอกจากจะได้รับความบันเทิงจากการอ่านแล้ว ยังได้ทั้งความรู้ ฝึกความคิด และได้อ่านประสบการณ์ของผู้เขียนที่หลากหลายอีกด้วย

                                    ทั้งนี้ก็เพื่อให้สอดคล้องกับในยุคและนิสัยการเป็นนักอ่านตั้งแต่ตัวน้อยๆ บวกกับความไม่เคยชินกับการอ่านวรรณกรรมเยาวชน การแนะนำหนังสือที่เหมาะที่สุด และได้รับการยอมรับว่าดีที่สุด ซึ่งก็ควรอยู่ในจำนวนที่เหมาะสม มีความเป็นจริงต่อเวลาของการเติบโตของเด็กๆ สภาพสังคม และสามารถหาพบได้ง่าย จึงเป็นเรื่องดี

                                    รวม วรรณกรรม 50 เรื่องที่ต้องอ่านก่อนโต เพื่อเด็กๆ โดยเฉพาะ

                                    วรรณกรรม 50 เรื่องที่ต้องอ่านก่อนโต

                                    ซึ่งหนังสือวรรณกรรมเยาวชนชั้นดี 50 เล่มที่ควรอ่านนี้ คือหนังสือที่เด็กๆ ไม่ควรพลาด เพื่อส่งเสริมให้ลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่เติบโต งอกงามทางสติปัญญาและอารมณ์  ผ่านการเรียนรู้ประสบการณ์ในบริบทอันหลากหลายของคนวัยเดียวกัน ผ่านการอ่านภาษาที่งดงาม ผ่านการมองเห็นภาพประกอบที่สวยงาม

                                    ทั้งนี้การอ่านวรรณกรรมเยาวชน ถือเป็นแนวทางที่สั้นและประหยัดที่สุดทางหนึ่ง ที่จะช่วยหล่อหลอมบุคลิกภาพของเด็กๆ เพื่อพวกเขาสามารถกำหนดเส้นทางชีวิตของตัวเองที่จะเป็น  ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ต่อสังคม และเป็นพลังที่มีศักยภาพในการพัฒนาประเทศต่อไป

                                    ความหมายของ วรรณกรรมเยาวชน

                                    วรรณกรรมเยาวชน (อังกฤษ: Young-adult fiction;บางครั้งเรียกย่อว่า YA fiction หรือ YA) เป็นนวนิยาย หรือ เรื่องสั้น ที่เขียนขึ้นสำหรับกลุ่มผู้อ่านที่มีอายุโดยประมาณระหว่าง 12-18 ปี ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างจากวรรณกรรมสำหรับวัยอื่น คือวรรณกรรมสำหรับผู้ใหญ่ วรรณกรรมยุวชน และวรรณกรรมเด็ก ตัวละครหลักของวรรณกรรมเยาวชนมักเป็นวัยรุ่น มีส่วนน้อยที่ใช้ตัวเอกเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก เนื้อหามักเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ประสบด้วยวัยและประสบการณ์ของตัวเอกของนวนิยายนั้นๆ ส่วนเนื้อหาของเรื่องอาจครอบคลุมลักษณะของนวนิยายหลากหลายประเภท แต่มักเน้นไปที่ประเด็นซึ่งท้าทายความเป็นวัยรุ่น  รวมไปถึงนวนิยายประเภทการเปลี่ยนผ่านของวัย (coming of age) นอกเหนือจากนี้แล้ว วรรณกรรมเยาวชนก็มีลักษณะพื้นฐานเช่นเดียวกับนวนิยายประเภทอื่นๆ ทั้งเรื่องของตัวละคร พล็อต ฉาก แนวทางของเรื่อง และวิธีการเล่าเรื่อง  ( วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี : 2556 )

                                    อ่าน 15 นาทีทุกวัน

                                    วรรณกรรมเยาวชน แตกต่างจาก วรรณกรรมของผู้ใหญ่ อย่างไร?

                                    วรรณกรรมเยาวชนจะมีเงื่อนปมไม่ค่อยซับซ้อน ใช้ภาษาง่ายๆ นำเสนออย่างตรงไปตรงมา เรียบง่ายสั้นกระชับ ให้ความสนุกสนาน ตัวละครส่วนใหญ่เป็นตัวละครแบบ Flash คือตัวละครที่เห็นแค่ด้านเดียว แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับอายุของเด็กในแต่ละวัยที่เป็นคนอ่านด้วย  ถ้าเป็นเด็กที่มีอายุมากหน่อย อาจจะเพิ่มความซับซ้อนขึ้นมาก็ได้

                                    ส่วนวรรณกรรมผู้ใหญ่จะมีเงื่อนปมซับซ้อน ใช้ภาษายากเพื่อเพิ่มตอนต่อไปเรื่อยๆ เนื้อเรื่องซับซ้อน ลึกลับ ตัวละครจะเป็นตัวละครแบบหลายมิติ คือมีอารมณ์ ความรู้สึก และพฤติกรรมที่หลากหลายด้าน

                                    อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!

                                    อ่านต่อ >> รวมรายชื่อ วรรณกรรม 50 เรื่องที่ต้องอ่านก่อนโต พร้อมไฟล์หนังสือให้ดาวน์โหลดฟรี!” คลิกหน้า 2

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่