ลูกเป็นภูมิแพ้

ไม่อยากให้ ลูกเป็นภูมิแพ้ ต้องฟัง 4 วิธีการจากหมอผิวหนัง

ลูกเป็นภูมิแพ้ ใช่ว่าเกิดจากอากาศหรือสิ่งแวดล้อมแต่เพียงเท่านั้น เสื้อผ้า ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้าม!

 

 

คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองส่วนใหญ่กลัวว่าลูกจะเป็นภูมิแพ้เพราะสาเหตุหลัก ๆ อันได้แก่ อากาศหรือสัตว์เลี้ยง แต่หารู้ไม่ว่า จริง ๆ แล้ว เสื้อผ้านั้นก็มีส่วนที่ทำให้ลูกเป็นโรคภูมิแพ้ได้ด้วยเช่นกัน

ปัจจุบันเสื้อผ้าเด็กนั้นหาซื้อได้ง่ายและหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อออนไลน์หรือผ่านเพจต่าง ๆ แต่การเลือกเสื้อผ้านั้น ใช่ว่าเราควรจะเลือกเฉพาะเสื้อผ้าที่สวยเก๋หรือราคาถูกแต่เพียงอย่างเดียวใช่ไหมคะ เราควรที่จะทำการพิถีพิถันในการเลือกเสื้อผ้าให้กับเด็ก ๆ ด้วยเช่นกัน เพราะถ้าหากเลือกผิด…ลูกก็อาจจะเป็นโรคต่าง ๆ ตามมาก็เป็นได้

ซึ่งในวันนี้ทีมงาน Amarin Baby & Kids ก็ได้นำข้อมูลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านโรคผิวหนังเกี่ยวกับผื่นภูมิแพ้รวมไปถึง 4 วิธีแนะนำ เลือกเสื้อผ้าลูกอย่างไรให้ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้

คลิกอ่าน! คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่หน้าถัดไป

    เลี้ยงลูกคนเดียว

    วิจัยเผย! แม่เลี้ยงลูกลำพังเสี่ยงเป็น โรคซึมเศร้าหลังคลอด!

    อย่าปล่อยให้ แม่เลี้ยงลูกคนเดียวเสี่ยงกับการเป็น โรคซึมเศร้าหลังคลอด!

     

     

    จริงอยู่ค่ะว่า หน้าที่ในการเลี้ยงดูลูกนั้นเป็นของแม่ แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าแท้จริงแล้ว การปล่อยให้ คุณแม่เลี้ยงลูกคนเดียว ภายหลังจากที่คลอดลูกใหม่ ๆ นั้นจะส่งผลกับสุขภาพจิตของคุณแม่มือใหม่มากถึงขนาดนี้

    สิ่งหนึ่งที่ต้องคอยนึกถึงเสมอก็คือ คุณแม่ที่เพิ่งคลอดลูกมานั้นไม่ว่าจะเป็นการคลอดด้วยวิธีธรรมชาติหรือว่าผ่าตัดก็ย่อมที่จะยังมีความเจ็บแผลอยู่ อีกทั้งยังต้องปรับตัวกับสิ่งที่ต้องเจอกับลูกเล็ก ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นการหิวนม การเปลี่ยนผ้าอ้อม นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องส่วนตัวที่คุณแม่จะต้องทำอีกนะคะ ยกตัวอย่างเช่น ทานข้าว อาบน้ำ ทำงานบ้าน เป็นต้น

    เรียกได้ว่าการเป็นแม่มือใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยละค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ที่ไม่มีใครช่วย ซึ่งจากผลการสำรวจความคิดเห็นของคุณแม่ชาวอังกฤษนั้นพบว่า คุณแม่ที่มีลูกน้อยอายุไม่เกิน 1 ขวบจำนวน 516 คนนั้น ร้อยละ 57 รู้สึกว้าเหว่ และโดดเดี่ยวเป็นอย่างมาก ในขณะที่ร้อยละ 40 ของคุณแม่ยอมรับว่า “การดูแลลูกน้อยแรกคลอดนั้นเป็นเรื่องยากถึงยากมากที่สุด อีกทั้งการสำรวจนี้ยังพบถึงความแตกต่างอย่าชัดเจนระหว่างคุณแม่ที่เข้ารับการอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมในการดูแลลูกน้อยก่อนคลอดกับคนที่ไม่เคยเข้ารับการอบรมใด ๆ มาก่อนด้วย”

    อะไรคือสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อแม่ต้องเลี้ยงลูกหลังคลอดลำพังคนเดียว คลิก!

      น้ำซาวข้าว

      เคล็ด(ไม่)ลับ น้ำซาวข้าว ตัวช่วยแม่หน้าสวยผิวใสหลังคลอด

      น้ำซาวข้าว มีประโยชน์อย่าทิ้ง!! คุณแม่และสาวๆ รู้ไหมว่าคุณค่าของความงามหาได้จากหม้อหุงข้าว ใช่ค่ะอ่านไม่ผิดหรอกเพราะความงามที่ว่านี้มาจากน้ำซาวข้าว ทุกครั้งที่ซาวข้าวก่อนหุง น้ำที่ 2 ของการล้างข้าวนั้นคุณค่าวิตามินเต็มๆ เลยละค่ะ เอาเป็นว่าทีมงาน Amarin Baby & Kids จะพาได้หาคำตอบของความงามจากน้ำซาวข้าวกันค่ะ

       

      น้ำซาวข้าว ประโยชน์มากเหลือหลาย

      แม่ลูกเล็ก หรือสาววัยแรกรุ่น คุณพี่วัยกลางคน มาค่ะใครอยากสวยด้วย น้ำซาวข้าว มาทางนี้ ผู้เขียนเคยได้ยินการใช้น้ำซาวข้าวทำสวยมาตั้งแต่คุณแม่แล้วค่ะ แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจซักเท่าไหร่ ซึ่งมาถึงตอนนี้ก็นึกเสียดายถ้าเชื่อแม่ตั้งแต่ตอนเป็นสาวรุ่นๆ ป่านนี้ผิวหน้า ผิวกาย เส้นผมเงางามสวยล้ำนำสมัยไปแล้วค่ะ

      สำหรับใครที่ยังงงๆ ว่าจะอะไรกันนักหนากะแค่น้ำซาวข้าว  อ๊ะ อ๊ะ  คุณค่ะ ดิฉันจะพาคุณๆ ค้นให้สุด แล้วไปหยุดที่ความงามทั่วเรือนร่างด้วยกัน แต่ก่อนอื่นถ้าใครบอกไม่รู้จักน้ำซาวข้าว เดี๋ยวจะต้องโดนตีมือเป็นการทำโทษ เพราะแสดงว่าไม่เคยเข้าครัวช่วยคุณแม่หุงข้าวแน่ๆ

      ง่ายๆ ค่ะ การล้างข้าวสารก่อนหุงให้สุก เขาเรียกว่า “ซาวข้าว” ซึ่งการล้างข้าวในน้ำแรกก็เพื่อให้ผงต่างๆ ที่ติดมากับข้าว  ล้างหลุดออกไป ถ้าสังเกตจะเห็นว่าน้ำแรกจะขุ่นๆ หน่อย แต่พอล้างน้ำ 2 น้ำจะใสขึ้นมา จริงๆ แนะนำว่าถ้าข้าวสารที่บรรจุมาอย่างดี การล้างแค่น้ำแรกก็พอค่ะ ไม่จำเป็นต้องล้างซะ 3-4 น้ำ คือข้าวสะอาดแต่วิตามินที่ติดมากับจมูกข้าวจะหลุดออกไปเสียหมดค่ะ

      บทความแนะนำ คลิก>> 10 เรื่องควรรู้ของ การคืนสภาพช่องคลอดหลังคลอดลูก

      และที่สุดยอดจากการซาวข้าวอยู่ตรงการซาวน้ำที่ 2 ค่ะ  เพราะเต็มไปด้วยวิตามินแร่ธาตุจากธรรมชาติ ซึ่งคุณแม่ และสาวๆ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ไม่ว่าจะเรื่องความสวยงาม หรืองานบ้านงานครัว ก็ใช้ได้ค่ะ เห็นไหมคะว่าแค่น้ำล้างข้าวธรรมดาๆ แต่ซ่อนคุณค่าของประโยชน์มากมายเหลือเกิน เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะพาไปดูว่า ประโยชน์จากน้ำล้างข้าว  มีดีใช้ได้กับอะไรบ้าง มาค่ะไปสวยพร้อมกัน

      อ่านต่อ 4 เคล็ดลับจากน้ำหลังซาวข้าว เพื่อความงาม หน้า 2

       

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

        อาหารปลุกอารมณ์

        12 อาหารปลุกอารมณ์ ให้ชีวิตรักเร่าร้อน!

        อยากกระตุ้นชีวิตรักให้เร่าร้อนอีกครั้ง! ต้องห้ามพลาดกับ 12 อาหารปลุกอารมณ์ ให้นี้เป็นอีกคืนที่สุดแสนประทับใจ

         

         

        เขาว่ากันว่าอยู่ ๆ กันไปชีวิตรักจะเริ่มจืดจาง การหาค่ำคืนแห่งรักที่เล่าร้อนจะถูกหลงลืม … แต่ทำไมเราต้องรอให้เป็นเช่นนั้นกันละคะ เพราะชีวิตคู่นอกจากจะต้องอาศัยความเข้าใจแล้ว เรื่องบนเตียง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ

        หลาย ๆ คู่ที่พบว่าชีวิตรักเริ่มสั่นคลอนเพราะไม่มีความปรารถนาหรือฝักใฝ่ในเรื่องนี้ เพราะชีวิตมีอะไรคิดมากมาย อีกอย่างรู้สึกไม่มีอารมณ์หรือความต้องการ เพราะทุกอย่างเป็นปกติเหมือนเดิม … แต่คุณพ่อคุณแม่ทราบกันหรือไม่คะว่า เรื่องบนเตียงนี่แหละค่ะ ที่เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้ชีวิตคู่ของใครหลาย ๆ คนต้องสั่นคลอน

        และถ้าหากเราไม่อยากเป็นหนึ่งในนั้น ทำไมเราไม่ลองสรรหาวิธียกตัวอย่างเช่น ไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือหาอาหารอร่อย ๆ ทานสักมื้อนึงร่วมกันสองคน และถ้าหากพูดถึงอาหารละก็ วันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids ก็ได้รวบรวมเอาสุดยอดอาหารปลุกอารมณ์รักให้โชติช่วงอีกครั้งมาฝากกันค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูพร้อม ๆ กันเลย

        ดู 12 อาหารปลุกอารมณ์รักให้เร่าร้อน

          รีวิวน้ำมะพร้าว

          รีวิวน้ำมะพร้าว ยี่ห้อไหนดี “น้ำตาลน้อย โพแทสเซียมสูง เพื่อแม่ท้องโดยเฉพาะ!

          รีวิวน้ำมะพร้าว … Amarin Baby & Kids ได้คัดสรรน้ำมะพร้าว 100% แบบบรรจุขวด มาให้คุณแม่ท้องได้เลือกซื้อไปดื่มทาน เพื่อบำรุงร่างกาย และช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส

          Continue reading “รีวิวน้ำมะพร้าว ยี่ห้อไหนดี “น้ำตาลน้อย โพแทสเซียมสูง เพื่อแม่ท้องโดยเฉพาะ!”

            ลูกเป็น rsv

            แม่เตือน ลูกเป็น RSV เกือบลงปอด คิดว่าเป็นหวัดธรรมดา

            แม่เตือนแม่! ไม่อยากให้ชะล่าใจหลังพบ ลูกเป็น RSV เกือบลงปอด เพราะคิดว่าอาการดังกล่าวเป็นแค่หวัดธรรมดา!

             

            นี่คืออีกวันที่คุณแม่รู้สึกเป็นห่วงลูกสาววัย 1 ปีอย่างสุดหัวใจ  ภายหลังจากลูกสาวต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วยอาการป่วยเป็นโรค RSV โดยคุณแม่เนยได้เล่าเรื่องนี้ผ่านกลุ่ม คลับคุณแม่มือใหม่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ทำไมคุณแม่ถึงต้องนำเรื่องนี้มาแชร์  เราไปอ่านเรื่องนี้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ

            “อยากมาแนะนำคุณแม่มือใหม่กับ RSV ซึ่งเราก็เป็นคุณแม่มือใหม่มาก ๆ ลูกสาวเพิ่งมีอายุครบ 1 ขวบเต็ม … เรื่องนี้ย้อนกลับไปก่อนที่คุณหมอจะให้ลูกสาวนอนโรงพยาบาล โดยน้องมีอาการอาเจียน โดยที่ไม่มีไข้ และก็ไม่ซึม แต่พอช่วงเวลาประมาณตี 1 – ตี 2 ก็เริ่มมีไข้อ่อน ๆ แต่ก็ยังไม่สูงเท่าไหร่ คุณแม่ก็ได้เช็ดตัวและให้น้องทานยาลดไข้

            พอตื่นเช้ามาก็ร่าเริงปกติ แต่สิ่งที่เห็นก็คือ น้องมีอาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับในระหว่างวันมีอาการอาเจียน ทานนมก็พุ่งออกมา แต่คุณแม่ก็ยังไม่คิดอะไร และคิดว่าเป็นแค่หวัดธรรมดาเท่านั้น พอตกกลางคืนก็เหมือนเดิม มีไข้ก็ให้ทานยาลดไข้และเช็ดตัวตามปกติ มีอาการแบบนี้ได้ประมาณ 2 วัน จนวันที่ 3 ก่อนนอน คุณแม่ก็ได้เช็ดตัวและให้ยาลดไข้ลูกดักเอาไว้

            คืนนั้น ไข้น้องไม่ขึ้นจริง แต่ระหว่างที่กำลังหลับอยู่น้องก็ได้ลุกมาอาเจียนพุ่งออกมา ตอนแรกคุณแม่คิดว่าจะพาน้องมานอนแอดมิดตั้งแต่กลางคืน แต่เมื่อลูกไม่มีไข้ก็เลยไม่มา

            แต่ว่าคืนนั้นลูกงอแงมากผิดปกติ คุณแม่ก็คิดว่าน้องคงปวดท้อง แต่ก็ไม่ใช่ เพราะสิ่งที่น้องมีอาการเพิ่มจาก 2 วันแรกก็คือ น้องนอนหายใจครืดคราด มีเสียง แต่คุณแม่ก็ทำการล้างจมูกน้องทุกครั้ง แต่ดูเหมือนไม่มีทีท่าเลยว่าลูกจะน้ำมูกลดน้อยลง จนเมื่อเช้าที่ผ่านมา น้องตัวร้อนมาก ไข้สูงถึง 38.9 องศา คราวนี้คุณแม่ไม่รออะไรอีกแล้ว รีบพาน้องมาหาคุณหมอทันที

            ลูกเป็น RSV
            เครดิต: Wikipedia

            พอคุณหมอตรวจเสร็จก็บอกว่า น้องเป็นโรค RSV ที่สำคัญโรคนี้เกือบจะลงปอดน้องแล้ว คุณหมอบอกว่า โรคนี้ไม่มีทางรักษา ทำได้แค่เพียงรักษาไปตามอาการที่ปรากฎเท่านั้น

            คุณแม่ได้ฝากถึงคุณแม่ท่านอื่น ๆ ว่า “ลูกเป็นหวัดไม่ควรนิ่งนอนใจเหมือนกับคุณแม่ที่คิดว่าน้องเป็นแค่หวัดธรรมดา มาถึงตอนนี้น้องยังคงต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่ ล่าสุดคุณหมอดูดเสมหะได้มากถึง 10 หลอด ส่วนไข้ก็ให้ทานยาลดไข้สูง แต่ไข้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะลงเลย  RSV ระบาดหนักในช่วงหน้าฝนจนถึงช่วงหน้าหนาว ให้คุณพ่อคุณแม่ดูแลลูกหลานไว้ให้ดี และคอยสังเกตอาการของลูก ที่สำคัญต้องไม่ประมาทเหมือนกับคุณแม่นะคะ”

            ไวรัส RSV คืออะไร

            RSV หรือชื่อเต็มๆ ว่า Respiratory Syncytial Virus เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะในเด็กเล็ก เชื้อไวรัสนี้สามารถทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบได้เนื่องจากมักเกิดพยาธิสภาพในส่วนของหลอดลมเล็ก (bronchiole) และถุงลม (alveoli) ทำให้มีการสร้างสิ่งคัดหลั่ง เช่น เสมหะ ออกมาในปริมาณมาก และมีการหดตัวของหลอดลมเนื่องจากการบวมของเยื่อบุหลอดลมและทางเดินหายใจต่างๆ ส่งผลให้เด็กมีอาการหอบ เหนื่อย และหายใจลำบากได้อย่างรวดเร็ว เชื้อนี้ติดต่อกันได้โดยการสัมผัสใกล้ชิดกับสิ่งคัดหลั่งต่างๆ ของผู้ป่วย เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ

            อาการของโรค RSV เป็นอย่างไร คลิก!


            เครดิต: คลับคุณแม่มือใหม่ และคุณแม่เนย Neii Neii Palasit

              คนท้องขึ้นเครื่องบิน

              คนท้องขึ้นเครื่องบิน อย่างไรให้ปลอดภัยต่อสุขภาพครรภ์

              คนท้องขึ้นเครื่องบิน จะปลอดภัยไหม? เป็นอีกหนึ่งคำถามที่แม่ท้องถามกันเข้ามามาก เพราะส่วนใหญ่กังวลว่าจะเป็นอันตรายกับลูกในท้อง   จริงๆ อยากบอกว่าถ้าปฏิบัติตามกฎของสายการบิน และปรึกษาคุณหมอก่อนเดินทางก็ช่วยให้มั่นใจ เดินทางแบบสบายหายห่วงค่ะ ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีข้อควรรู้ในการเดินทางด้วยเครื่องบินมาฝากคุณแม่ท้องให้ทราบกันค่ะ

               

              คนท้องขึ้นเครื่องบิน ต้องปลอดภัยต่อสุขภาพครรภ์ด้วยนะ!!

              คนท้องไม่ใช่คนป่วย ฉะนั้นจะทำอะไร จะไปไหนก็ได้ทั้งนั้นค่ะ รวมถึง คนท้องขึ้นเครื่องบิน ก็ได้นะ!! ว่าแต่จะอันตราย หรือได้รับแรงกระแทกถึงลูกในท้องตอนเครื่องบิน Take off กับตอน Landing หรือเปล่าล่ะ!?

              สำหรับแม่ท้องในบ้างครั้งก็มีความจำเป็นต้องเดินทางโดยสารด้วยเครื่องบิน โดยเฉพาะแม่ท้องที่ต้องเดินทางติดต่อธุรกิจทั้ง ต่างประเทศ ต่างจังหวัดบ่อยๆ  หรืออย่างในช่วงเทศกาลหยุดยาวสามีทำเซอร์ไพรส์ก่อนคลอดพาไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่ง อันนี้เป็นใครก็ไม่อยากพลาดโอกาสที่จะได้เที่ยวถูกไหมคะ ถึงแม้ว่าจะอุ้มท้องอยู่ก็เถอะ

              อ๊ะ อ๊ะ… แต่การเป็นคนท้องก็ไม่ใช่จะซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วเดินทางกันได้เลยนะคะ เพราะสำหรับคนท้องมีรายละเอียดให้ใส่ใจกันมากกว่านั้นค่ะ โดยเฉพาะเรื่องของอายุครรภ์  เอาล่ะซิที่พูดนี่ไม่ได้จะดับฝันว่าที่คุณแม่กันหรอกนะคะ แต่นั่นคือเรื่องจริง   เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยต่อสุขภาพครรภ์  ผู้เขียนได้ลองสอบถามจากเพื่อนๆ และญาติๆ ที่ต้องเดินทางโดย  เครื่องบินตอนท้อง มีการเตรียมตัวในเรื่องใดบ้าง ก็พอจะได้คำตอบที่เป็นประโยชน์ ดังนี้ค่ะ…

              • ก่อนเดินทางโดยเครื่องบิน จะต้องไปตรวจสุขภาพครรภ์กับคุณหมอที่ดูแล(ฝากครรภ์ไว้) ว่าอายุครรภ์แข็งแรง และมีความพร้อมต่อการโดยสารเครื่องบินหรือไม่
              • อายุครรภ์ที่หมอไม่แนะนำให้โดยสารเครื่องบิน คือ อายุครรภ์ที่น้อยกว่า 12 สัปดาห์ เนื่องจากเป็นช่วงเริ่ม ตั้งครรภ์ หากได้รับการกระทบกระเทือนอาจเสี่ยงต่อการแท้งได้
              • อายุครรภ์ที่หมอไม่แนะนำให้โดยสารเครื่องบิน คือ อายุครรภ์ที่เกิน 34 สัปดาห์ขึ้นไป (เป็นช่วงใกล้คลอด อาจ เสี่ยงต่อการคลอดขณะเดินทางได้)
              • หากจำเป็นต้องเดินทางในอายุครรภ์ที่มากกว่ากำหนด จะต้องได้รับเอกสารรับรองจากคุณหมอที่ดูแลครรภ์ก่อนว่าสามารถขึ้นเครื่องได้ โดยไม่มีปัญหาสุขภาพครรภ์แทรกซ้อน หรือสุ่มเสี่ยงต่อการคลอดขณะเดินทาง โดยเฉพาะชั่วโมงการเดินทางที่ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง หรือต้องบินข้ามวันไปประเทศไกลๆ เป็นต้น
              • ก่อนการเดินทางโดยเครื่องบินทุกครั้ง จะต้องมีเอกสารรับรองจากคุณหมอว่าการขึ้นเครื่องในเที่ยวบิน จะไม่เป็นอันตรายต่อตัวแม่ท้องเอง และทารกในครรภ์ คือ ต้องไม่มีปัญหาแทรกซ้อนทางสุขภาพ เช่น ภาวะแท้งคุกคาม ภาวะรกเกาะต่ำ ครรภ์เป็นพิษ ความดันโลหิตสูง หรือความเป็นไปได้ว่าคลอดก่อนกำหนด เป็นต้น ซึ่งเอกสารรับรองนี้จะต้องยื่นให้กับทางสายการบินที่คุณแม่จองตั๋วเพื่อโดยสารด้วย
              • การเลือกที่นั่งบนเครื่อง  ควรเลือกเป็นนั่งแถวริมที่ติดกับทางเดิน หรือที่นั่งด้านแถวด้านหน้าที่ติดกับห้องน้ำ เพื่อจะได้ลุกสะดวก อย่าลืมว่าคนท้องเข้าห้องน้ำบ่อย และจำเป็นต้องลุกเดินเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ ด้วย
              • ในระหว่างเที่ยวบินให้จิบน้ำเปล่าบ่อยๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ และหากปวดปัสสาวะก็ให้ลุกเข้าห้องน้ำ ไม่ควรอั้นฉี่เด็ดขาดค่ะ
              • ในกรณีที่เดินทางไปต่างประเทศ และใช้เวลาอยู่บนเครื่องมากกว่า 5 ชั่วโมงขึ้นไป แนะนำให้หาถุงเท้าที่ใช้สำหรับ เดินทางบนเครื่องบิน (flight socks หรือ elastic compression stockings) ถุงเท้าพิเศษนี้ช่วยลดการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำค่ะ  สำหรับคนทั่วไปก็ใส่ได้เหมือนกันถ้าต้องนั่งเครื่องนานไปประเทศไกลๆ

              นี่เป็นเพียงข้อมูลจากคำแนะนำเบื้องต้นของคนที่เคยมีประสบการณ์เดินทางตอนท้องแล้วโดยสารเครื่องบิน แต่หากคุณแม่ท้องคนไหนมีแพลนว่าจะต้องเดินทางด้วยเครื่องบิน  แนะนำว่าให้ปรึกษากับคุณหมอที่ดูแลครรภ์คุณแม่อีกครั้งนะคะ เพราะจะได้ข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงและถูกต้องกับช่วงอายุครรภ์ของคุณแม่กันค่ะ อย่าลืมว่าความปลอดภัยขณะอยู่บนเครื่องนั้นสำคัญมากๆ จำเป็นที่จะต้องแจ้งประวัติการตั้งครรภ์ที่ชัดเจนให้กับทางสายการบินทราบด้วย เพื่อที่เมื่อเวลาอยู่บนเครื่องทางพนักงานต้อนรับจะได้ดูแลอย่างใกล้ชิดค่ะ

              บทความแนะนำ คลิก>> แอสไพริน ป้องกันครรภ์เป็นพิษ ได้จริงหรือไม่?

              และเพื่อให้คุณแม่ท้องมีความเข้าใจในการเดินทางโดยสารเครื่องบินได้เข้าใจถึงกฎระเบียบ ข้อบังคับสำหรับผู้โดยสารที่ตั้งครรภ์ ผู้เขียนได้รวมรวบข้อมูลของแต่ละสายการบิน โดยเฉพาะสายการบินในไทย ซึ่งก็จะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาให้ตามนี้ค่ะ

              อ่านต่อ ข้อควรรู้สำหรับคนท้องกับ 4 สายการบินในไทย หน้า 2

               

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                ฝึกภาษาลูก

                ฝึกภาษาลูก ให้ดีได้ด้วยเพลงชาติไทย

                ครูสอนดนตรีแนะ! ฝึกภาษาลูก เริ่มต้นได้ด้วยการหัดฝึกร้องเพลงชาติไทย!

                 

                 

                คุณพ่อคุณแม่คิดว่าเพลงอะไรเอ่ย … ที่ลูกของเราชอบและหัดร้องเพลงกันเป็นเพลงแล้ว … ถูกต้องแล้วละค่ะ เพลงชอบของเด็กเล็ก ๆ ส่วนใหญ่ก็คือ “เพลงชาติไทย”

                เมื่อถึงเวลาหกโมงเย็นของทุกวัน สิ่งที่เด็กเล็ก ๆ ชื่นชอบมากที่สุดก็คือ การยืนตรงหน้าทีวีพร้อมกับร้องเพลงประจำชาติไทย ร้องผิดร้องถูกไม่รู้ ๆ แต่ว่านาทีนั้นลูกแลดูสงบและน่ารักน่าเอ็นดูเสียเหลือเกินจริงไหมคะ และคุณพ่อคุณแม่อย่างเราก็อดไม่ได้ที่จะต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปวิดีโอเก็บเอาไว้

                สิ่งหนึ่งที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากการกระทำนี้ของลูกนั้นก็คือ ลูกพร้อมที่ฝึกหัดออกเสียงตามแล้วนั่นเอง และลูก ๆ จะสามารถหัดออกเสียงได้ง่ายขึ้นหากใช้ดนตรีเป็นส่วนประกอบของการฝึกนั้น เช่นเดียวกับบทความที่ทีมงาน Amarin Baby and Kids ได้นำมาฝากกันในวันนี้ เป็นเรื่องราวของคุณครูสอนเปียโน ที่ฝึกพัฒนาการทางด้านภาษาให้กับลูกผ่านเพลงชาติไทยของเรา

                เรื่องราวของคุณครูจะเป็นอย่างไร คลิกอ่านกันต่อได้ที่นี่

                  ลูกป่วย

                  8 คำถามสำคัญ ที่ควรถามเภสัชกร! “เมื่อรับยา” ตอนลูกป่วย

                  เมื่อ ลูกป่วย เพื่อความปลอดภัย ควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนให้ยาลูกเอง เพื่อที่คุณหมอจะได้ประเมินว่า ควรให้ยาไปก่อนแล้วดูอาการได้ หรือ แนะนำให้มาตรวจเพื่อรักษาทันที เพราะบางครั้งอาจเป็นโรครุนแรงที่ต้องการการรักษาทันที

                  Continue reading “8 คำถามสำคัญ ที่ควรถามเภสัชกร! “เมื่อรับยา” ตอนลูกป่วย”

                    พรจากพ่อแม่

                    2 พระเกจิยืนยัน! ไม่มีเครื่องรางของขลังใด จะมีคุณวิเศษศักดิ์สิทธิ์ เหนือกว่า “พรจากพ่อแม่”

                    หากคุณกำลังมองหา เครื่องรางของขลัง เพื่อช่วยป้องกันสิ่งร้าย อันตรายอุปสรรคต่าง ๆ เชื่อหรือไม่เพียง พรจากพ่อแม่ ก็สามารถช่วยคุณให้รอดพ้นจากภยันอันตรายทั้งปวงได้

                    Continue reading “2 พระเกจิยืนยัน! ไม่มีเครื่องรางของขลังใด จะมีคุณวิเศษศักดิ์สิทธิ์ เหนือกว่า “พรจากพ่อแม่””

                      คุณค่าน้ำนมแม่

                      มอบ คุณค่าน้ำนมแม่ ด้วยเครื่องปั๊มนมมืออาชีพ

                      คุณค่าน้ำนมแม่ อาหารที่วิเศษที่สุดสำหรับลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิด ในน้ำนมแม่นั้นอุดมด้วยคุณค่าสารอาหารหลากหลายและครบถ้วน ที่สำคัญยังมีคอลอสตรัม(Colostrums)สารภูมิคุ้มกันในปริมาณสูง ทำให้ลดการเจ็บป่วยของลูกได้ตั้งแต่แรกคลอด เห็นไมคะว่าน้ำนมแม่นั้นมากด้วยคุณประโยชน์ของสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย และการเจริญเติบโตของลูกอย่างมาก

                       

                      คุณน้ำนมแม่ คุณค่าที่คู่ควรกับลูก

                      อยากให้ลูกได้ คุณค่าน้ำนมแม่ ตั้งแต่แรกคลอดคุณแม่ต้องมีวินัยในการให้นมลูก และต้องรู้วิธีจัดการกับน้ำนมแม่นั่นคือการให้ ลูกได้ดูดนมจากเต้าเร็วที่สุดหลังคลอด ต้องดูดบ่อย(ทุก 2 ชั่วโมง) ดูดถูกท่าถูกวิธี ก็จะช่วยให้ประสบความสำเร็จกับการให้ นมลูกค่ะ

                      การให้นมลูกดูจะเป็นเรื่องง่าย แต่กับคุณแม่มือใหม่อีกหลายๆ คน อาจจะกำลังประสบกับปัญหาการให้นมลูก ทั้งน้ำนมมา น้อย หรือไม่ก็น้ำนมมากจนลูกดูดไม่ทัน แต่ปัญหานี้สามารถจัดการได้ไม่ยากค่ะ เพียงแค่หาผู้ช่วยอย่างเครื่องปั๊มนมเป็นตัว ช่วยเสริมเพื่อให้ลูกได้รับน้ำนมแม่อย่างเต็มที่ ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคุณแม่คนเก่งจาก 3 ครอบครัว ที่จะมาแชร์ประสบการณ์ว่าเพราะอะไรทำไมจึงเลือกใช้เครื่องปั๊มนมมาเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการกับน้ำนมแม่กันค่ะ

                       

                      คุณค่าน้ำนมแม่
                      คุณแม่ณัฏฐนันท์ เนตรวัชระชัย อาชีพ แม่บ้าน อายุครรภ์ 8 เดือน

                      “ขณะนี้ตั้งครรภ์ใกล้คลอดค่ะ ตั้งใจจะให้นมลูกอย่างเต็มที่ตั้งแต่หลังคลอด จึงไปเดินเลือกหาหลายยี่ห้อมาก จนเจอเครื่องปั๊มนมของ Attitude mom ที่มีโหมดการใช้งานที่หลากหลาย ได้แก่ โหมด 2-in-1 ช่วยกระตุ้นการเพิ่มของน้ำนม บรรเทาอาการนมคัดตึง โหมด Expression ดูดน้ำนม ช่วยระบายน้ำนม โหมด Double Frequency ช่วยรีดน้ำนมให้เกลี้ยงเต้ามากขึ้น โหมด Massage ช่วยนวดกระตุ้นเต้านมให้น้ำนมไหลเวียนดี และโหมดพิเศษ Turbo mode ที่ช่วยเพิ่มแรงดูด จึงตัดสินใจใช้เครื่องปั๊มนมของ Attitude mom เพื่อเตรียมพร้อมช่วยในการให้นมแม่แก่ลูกน้อยตั้งแต่หลังคลอดค่ะ”

                      คุณค่าน้ำนมแม่
                      คุณแม่พลอยพิชชา นิธิอนันตภัตร์ อาชีพ พนักงานธนาคาร และน้องอัญญา – ด.ญ.อัญญารินทร์ เทพแพง อายุ 3 สัปดาห์ 3 วัน

                      “เป็นคุณแม่มือใหม่ค่ะพึ่งคลอดลูกสาวได้ 3 สัปดาห์ เลือกใช้เครื่องปั๊มนม 4 โหมดอัจฉริยะ Attitude mom รุ่น All in Mom  (Active) เพ ราะศึกษาหาข้อมูลมาหลายยี่ห้อ ส่วนตัวชอบซิลิโคนกรวยปั๊มที่ไม่แข็ง ทำให้ไม่เจ็บเต้าเหมือนพลาสติก และแรงดูดปั๊มนมของเครื่องยังสามารถปรับระดับได้เหมือนการดูดนมที่เป็นธรรมชาติของลูกน้อย นอกจากนี้สิ่งที่ประทับใจคือ  ตัวสายของเครื่องปั๊มนม เพราะเป็นสายต่อ 2 หัว (สายปั๊มคู่) แยกน้ำนมได้ 2 ขวด ปั๊มนมเสร็จเพียงเปลี่ยนจุกนมก็สามารถให้ลูกน้อยทานได้เลย ที่สำคัญเวลาที่คุณแม่มีอาการคัดตึงแล้วใช้เครื่องปั๊มนม จะรู้สึกโล่ง ปั๊มนมได้เกลี้ยงเต้ามากขึ้น Attitude  mom ช่วยให้คุณแม่ให้นมแก่ลูกได้ง่ายขึ้น เป็นตัวช่วยที่ทำให้แม่ไม่เหนื่อย สะดวก ปั๊มง่าย ปั๊มเร็ว ให้ลูกได้รับนมแม่เต็มที่ตลอดเวลาค่ะ”

                       

                      Attitude mom
                      คุณแม่จุฑาภรณ์ เดิร์กเซน อาชีพ นักเขียนฟรีแลนด์ และน้องโนอาร์ เดิร์กเซน อายุ 8 เดือน 22 วัน

                      “คุณแม่ให้นมลูกตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งทำงานจึงต้องใช้เครื่องปั๊มนมเป็นตัวช่วย จึงคุณแม่ใช้เครื่องปั๊มนม 4 โหมดอัจฉริยะของ Attitude mom รุ่น All in Mom (Durable) สิ่งแรกที่รู้สึกประทับใจคือกรวยซิลิโคน เพราะเวลากรวยปั๊มรัดไปกับเต้านมแล้วไม่รู้สึกเจ็บเลยค่ะ และเครื่องปั๊มยังมีแรงดูดที่พอเหมาะช่วยลดอาการคัดเต้านม ป้องกันเต้านมอักเสบ กรวยปั๊มเป็นซิลิโคน 100 เปอร์เซ็นต์ ที่นิ่มแนบสนิทกับเต้า ใส่สบาย ปั๊มง่ายด้วยค่ะ อีกสิ่งหนึ่งที่ประทับใจ ถ้าอุปกรณ์ชิ้นไหนชำรุดหรือเสียสามารถซื้อแยกชิ้นได้หมด แม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อย เช่น  ยางชีลหายก็ซื้อได้ ไม่เหมือนยี่ห้ออื่นที่ต้องซื้อทั้งเซ็ตจึงมั่นใจและคิดว่าจะใช้ Attitude mom จนลูกโตค่ะ”

                       

                      เห็นเทคนิคดีๆ จากการเลือกใช้เครื่องปั๊มนม Attitude mom ที่เป็นเครื่องปั๊มนมคู่ใจของคุณแม่ทั้ง 3 ท่านแล้ว บอกได้คำเดียวเลยค่ะว่าคุ้มค่ากับการลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะผลลัพธ์ที่ได้กลับมาคือลูกได้ทานนมแม่นานมากกว่า 6 เดือน จึงแนะนำว่าหากตอนนี้คุณแม่มือใหม่คนไหนที่กำลังมองหาเครื่องปั๊มนมที่จะช่วยทำให้สามารถเก็บสต็อกนมไว้ให้ลูกทานกันนานไปจนลูกโตล่ะก็ เครื่องปั๊มนม Attitude mom ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีมากๆ ให้กับคุณแม่อย่างแน่นอนค่ะ

                      สำหรับคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่ และสนใจเครื่องปั๊มนม Attitude mom สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ 3 ช่องทาง ดังนี้ค่ะ…

                      เว็บไซต์ www.attitudemombreastpump.com
                      Line   @Attitudemom
                      Facebook  
                      https://www.facebook.com/attitudemom/

                      รับรองว่าไม่ผิดหวังในคุณภาพการใช้งานที่คุ้มค่าค่ะ

                        เมนูต้านหวัด

                        สุดยอด เมนูต้านหวัด ป้องกันลูกน้อยไม่ให้ป่วยบ่อย (ซุปมักกะโรนีมะเขือเทศต้านหวัด)

                        แม้เป็นเพียงอาหารก็สามารถช่วยป้องกันลูกน้อยไม่ให้เป็นหวัดได้ กับ เมนูต้านหวัด อย่าง “ซุปมักกะโรนีมะเขือเทศ” ด้วยคุณสมบัติสุดเลิศของส่วนประกอบในเมนูนี้ แม้จะเป็นฤดูไหนก็ช่วยให้ลูกมีสุขภาพที่แข็งแรงได้

                        Continue reading “สุดยอด เมนูต้านหวัด ป้องกันลูกน้อยไม่ให้ป่วยบ่อย (ซุปมักกะโรนีมะเขือเทศต้านหวัด)”

                          16 วิธีล้างผักผลไม้ ให้ปลอดสารก่อนให้ลูกทาน

                          ไม่อยากให้ลูกท้องเสีย อาหารเป็นพิษ ต้องรู้จัก วิธีล้างผักผลไม้ ให้สะอาดและปลอดสาร!

                           

                           

                          ด้วยความรักและห่วงใยในสุขภาพของลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่ทุกคนก็ย่อมที่จะเลือกสรรสิ่งดี ๆ และปลอดภัยให้กับลูก ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้หรืออาหารการกิน … และแน่นอนค่ะว่า ในเรื่องของอาหารการกินนั้น คือสิ่งที่เราเป็นห่วงลูก ๆ มากที่สุด จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องเตรียมผักและผลไม้ให้ลูกได้ทานกัน … แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่า ผักและผลไม้ที่เราให้ลูกทานนั้น สะอาดและปลอดภัยจากสารพิษจริง ๆ เพราะถ้าหากเราล้างสารพิษเหล่านี้ไม่สะอาด ลูกน้อยของเขานี่แหละ ที่จะได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ

                          ผักและผลไม้สดที่วางจำหน่ายตามท้องตลาดส่วนใหญ่จะมีสารพิษจากยาป้องกัน และสารกำจัดศัตรูพืชตกค้างอยู่ รวมไปถึงเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และสารโลหะหนักอื่น ๆ ที่ปะปนมากับผักผลและไม้ ซึ่งสารเหล่านี้จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งโรคที่มาพร้อมกับผักและผลไม้ที่ปนเปื้อนสารพิษจะมีทั้งโรคชนิดที่เกิดแบบเฉียบพลันและโรคเรื้อรัง ได้แก่

                          • อาการเฉียบพลัน เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืด หายใจไม่ออก ปวดท้อง ท้องเสีย เป็นไข้ ตัวชา หรือแม้แต่หมดสติไป หรือที่เรียกว่า “อาหารเป็นพิษ
                          • ส่วนโรคเรื้อรังของการได้รับสารพิษที่มาจากผักและผลไม้ ส่วนมากจะมาจากการได้รับสารจากยาฆ่าแมลง เช่น ทำให้เกิดโรคมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคกระเพาะอาหาร การเจริญเติบโตที่ผิดปกติในเด็กและทำให้เกิดความเครียด เป็นต้น

                          ดังนั้น เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับคุณพ่อคุณแม่ว่า ลูก ๆ จะได้รับประทานผักและผลไม้อย่างปลอดภัยจริง ๆ ทีมงาน Amarin Baby and Kids จึงได้รวบรวมเอา 16 วิธีการล้างผักและผลไม้ให้ปลอดภัยไร้สารตกค้างมาฝากกันค่ะ

                          พบกับ 16 วิธีการล้างผักและผลไม้ให้ปลอดภัยไร้สารพิษได้ที่หน้าถัดไปค่ะ

                            อยากผอมสวย

                            แม่จ๋า…อยากผอมสวย แค่เดินก็ช่วยได้

                            เมื่อแม่อย่างเรา “อยากผอมสวย” แต่เวลาน้อย การเดินอาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้เราผอมได้!

                             

                             

                            ไม่ต้องแปลกใจเลย ทำไมแม่ ๆ อย่างเราถึงผอมยากผอมเย็น นับวันก็ยิ่งอ้วนขึ้นอ้วนขึ้น ลูกก็ชอบบ่นว่าแม่อ้วน สามีก็เอาแต่มองหน้า … ก็ใครละจะไปคิดว่าจากคนหุ่นผอมสวยจะกลายเป็นสาวจ้ำม่ำอวบอั๋นไปได้ อีกอย่างใช่ว่าเราจะอยากเป็นแบบนี้เสียหน่อย แต่เวลาออกกำลังกายทีไร คนนู้นก็เรียก คนนี้ก็เรียก แล้วจะหาเวลาส่วนตัวที่ไหนมาทำให้สวยได้กัน

                            อย่าได้กังวลไปค่ะคุณแม่คนเก่งทั้งหลาย … หากคุณไม่สามารถหาเวลาออกกำลังกายเป็นกิจลักษณะได้ละก็ วันนี้ทีมงาน Amarin Baby & Kids ขอนำเสนอวิธีสุดแสนจะคลาสสิคที่ประหยัดทั้งประหยัดทั้งเวลามาฝากคุณแม่ทุก ๆ คนและนั่นก็คือ “การเดิน” นั่นเอง …. ว่าแต่ จะเป็นไปได้อย่างไรนั้น เราไปหาคำตอบนี้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ

                            ทำไม “การเดิน” ถึงเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุด? คลิก!

                              ลูกชมพู่ อารยา

                              เผยโฉมหน้า ลูกแฝดชายทั้ง 2 ของคุณแม่ชมพู่ ก่อนครบกำหนดนัดคลอด!

                              เผยโฉมหน้า ลูกชมพู่ อารยา ก่อนครบกำหนดนัดคลอดในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งก็เชื่อว่าวินาทีนี้ไม่มีใครตื่นเต้นเท่ากับว่าที่คุณพ่อน็อตและคุณแม่ชมพู่แน่นอน

                              Continue reading “เผยโฉมหน้า ลูกแฝดชายทั้ง 2 ของคุณแม่ชมพู่ ก่อนครบกำหนดนัดคลอด!”

                                ภาวะครรภ์เสี่ยง

                                ภาวะครรภ์เสี่ยง ที่ต้องสังเกตและระวัง!

                                ภาวะครรภ์เสี่ยง เป็นเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง นั่นเพราะผลกระทบที่ตามมาอาจทำให้สุขภาพของทั้งตัวแม่ท้อง และทารกในครรภ์เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ขณะอยู่ในครรภ์ของแม่ ดังนั้นเพื่อให้เป็นการตั้งครรภ์คุณภาพ เราจะไปเช็กพร้อมกันว่าครรภ์เสี่ยงที่ว่านี้คืออะไร ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีข้อมูลมาฝากกันค่ะ

                                ภาวะครรภ์เสี่ยง มาจากปัจจัยใดได้บ้าง?

                                สำหรับ ภาวะครรภ์เสี่ยง ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับแม่ท้องทุกคนนั้น หมายถึง เป็นภาวะความเสี่ยงทางสุขภาพที่เกิดขึ้นได้กับตัวแม่ท้อง และก็ทารกในครรภ์ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดครรภ์เสี่ยงมาได้จากหลายปัจจัย ดังนี้…

                                • มีการตั้งครรภ์ในอายุที่มากกว่า 35 ปีขึ้นไป
                                • มีการตั้งครรภ์ที่อายุน้อยกว่า 16 ปี
                                • ครอบครัวมีประวัติโรคติดต่อทางพันธุกรรมต่างๆ
                                • มีเลือดออกทางช่องคลอดระหว่างครรภ์
                                • มีประวัติแท้งคุกคามในครรภ์แรก
                                • มีประวัติครรภ์เป็นพิษในท้องแรก
                                • มีประวัติคลอดลูกก่อนกำหนด
                                • มีประวัติเคยได้รับการผ่าตัดที่ตัวมดลูกหรืออวัยวะสืบพันธุ์
                                • มีประวัติทารกพิการทางด้านสมองในท้องแรก
                                • แม่ท้องที่มีหมู่เลือด Rh ลบ ร่างกายขอแม่มีโอกาสสร้างภูมิต้านทานเลือด Rh+ ของลูก จนไปทำลายเม็ดเลือดแดง ลูก ซึ่งเสี่ยงต่อการแท้ง และอาจทำให้ลูกเสียชีวิตได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์
                                • แม่เป็นเบาหวานชนิดต้องพึ่งพาอินซูลิน
                                • แม่เป็นโรคหัวใจแล้วตั้งครรภ์
                                • แม่เป็นโรคโลหิตจางแล้วตั้งครรภ์
                                • ระหว่างตั้งครรภ์แม่สูบบุหรี่จัด ดื่มแอลกอฮอล์

                                Good to know… ภาวะครรภ์เสี่ยง หมายถึง การตั้งครรภ์ที่มีภาวะเสี่ยงซึ่งส่งผลกระทบต่อแม่และทารกในครรภ์ โดยอาจทำ ให้เกิดอันตรายหรือเสียชีวิตได้ทั้งในขณะตั้งครรภ์ คลอด หรือหลังคลอด[1]

                                บทความแนะนำ คลิก>> แอสไพริน ป้องกันครรภ์เป็นพิษ ได้จริงหรือไม่?

                                สำหรับครรภ์เสี่ยง หากให้พูดกันจริงๆ คือสามารถเกิดขึ้นได้กับแม่ท้องทุกคน ทั้งการตั้งครรภ์แรก ตั้งครรภ์ในท้องถัดๆ ไป ซึ่งวิธีป้องกันที่ดีที่สุดแนะนำว่าให้ไปตรวจสุขภาพก่อนมีการตั้งครรภ์ และเมื่อรู้ตัวแล้วตั้งครรภ์ให้รีบไปฝากครรภ์กับคุณหมอทันที ส่วนการคลอดลูกควรอยู่ในการแนะนำจากคุณหมอว่าคลอดธรรมชาติ หรือต้องผ่าคลอด 

                                อ่านต่อ อาการเสี่ยงที่ต้องระวังระหว่างตั้งครรภ์ หน้า 2

                                 

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                  หลอดลมตีบ

                                  แม่แชร์ประสบการณ์รับมือลูก หลอดลมตีบเฉียบพลัน

                                  หลอดลมตีบเฉียบพลัน ค่าออกซิเจนต่ำ เกือบทำให้ลูกตัวเขียวเสี่ยงถึงชีวิต เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงจากคุณแม่สรัญญา ซึ่งเป็นแฟนสมาชิกของเว็บไซต์ Amarin Baby & Kids ที่ส่งเรื่องเข้ามาเพื่อแชร์ให้กับคุณพ่อคุณแม่ทุกครอบครัวที่มีลูกเล็ก ได้เฝ้าเตือนตัวเองให้หมั่นสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับลูกค่ะ

                                   

                                  หลอดลมตีบเฉียบพลัน เสียงเตือนของแม่ที่มีลูกเล็ก!!

                                  น้องพอใจอายุ 2 ขวบ 10 เดือนมีอาการ หลอดลมตีบเฉียบพลัน  จนต้องเข้ารักษาตัวเป็นการด่วนกลางดึก ผู้เขียนอยากให้คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็กๆ ได้อ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงกับครอบครัวของคุณแม่สรัญญา ที่เกือบจะสูญเสียลูกไปหากพาไปโรงพยาบาลช้าเพียงอีกเสียวนาที ซึ่งก่อนหน้าที่น้องพอใจจะเข้ารักษาอาการหลอดลมตีบแบบเฉียบพลัน คุณแม่ได้เล่าว่าน้องไม่ได้มีอาการแสดงเตือนว่าไม่สบายใดๆ เลย ไม่ว่าจะอาการไข้ ไอ หรือมีน้ำมูกก็ไม่มี คือทุกอย่างปกติดี !? และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น…

                                  “คนเป็นพ่อแม่ต้องระวัง และอย่าชะล่าใจกับอาการผิดปกติของลูก ก่อนอื่นขอเล่าลำดับเหตุการณ์ให้ฟังตามนี้ค่ะ ลูกเราไม่มีอาการอะไรเลย เล่นปกติ น้ำมูกหรือไอสักนิดก็ไม่มี หลังจากหลับไปสักพัก ช่วงเที่ยงคืน ลูกหายใจคล้ายคนกรนอยู่ 2 ครืนเล็กๆ เรายังพูดกับแฟนว่า เดี๋ยวลูกเป็นหวัดแน่พรุ่งนี้

                                  จนช่วงเที่ยงคืนครึ่ง ลูกเริ่มไอคล้ายกับจะเอาเสมหะออกมา คือไอหนักมากพยายามจะอ๊วกตลอดเวลา แม่เลยจับมานั่งเคาะปอดแล้วให้นอนตัก  ปรึกษาแฟนว่าพรุ่งนี้เช้าจะรีบพาไปหาหมอ

                                  แต่ช่วงประมาณตี 1 ครึ่งถึงตี 2 ลูกเริ่มไอหนักและถี่มากขึ้น ก็เลยเอายาแก้ไอละลายเสมหะให้ลูกกิน (ระหว่างนี้ไม่มีไข้)

                                  พอตี 2 ครึ่งลูกเริ่มไอมีเสียงก้อง หายใจดังครืนคล้ายคนเป็นหอบ และเริ่มดิ้นเพราะคัดจมูก

                                  ดูจากอาการที่ลูกเป็นเห็นแล้วท่าจะไม่ค่อยดี เราสองคนเลยขับรถพาลูกไปโรงพยาบาล ออกจากบ้านตี 3 ระหว่างทางก็พยายามฟังเสียงหายใจลูกตลอด ซึ่งก็ยังมีเสียงครืดๆ ด้วยความที่เป็นเด็ก ลูกนึกว่าจะได้ไปเที่ยว เขาก็เล่น หัวเราะตามประสา แต่ก็ยังหายใจหอบอยู่

                                  พอถึงโรงพยาบาลตี 4 ลูกก็เข้าตรวจฉุกเฉินทันที  คุณหมอแจ้งเป็น Croup (หลอดลมตีบแบบเฉียบพลัน) คุณหมอสั่งพ่นอะดีนารีน พร้อมทั้งบอกกับเราสองคนว่า “ทำไมพาลูกมาช้า” ถ้าช้ากว่านี้เด็กตัวเขียวแน่ เพราะปากลูกเริ่มซีด และค่าออกซิเจนตกลงอย่างน่ากังวล คุณหมอและพยาบาลคุยกับเราสองคนว่าลูกอาจต้องเข้าห้องไอซียู แต่ให้ดูอาการหลังพ่นยาก่อน

                                  ตื่นเช้ามาช่วง 6 โมงลูกอาการเริ่มดีขึ้น ค่าออกซิเจนเพิ่มขึ้นจากเดิม แต่ยังถือว่าต่ำอยู่ และเริ่มมีไข้สูงถึง 40.6 องศา คุณหมอสั่งให้แอดมิดต่อ โดยครอบให้ออกซิเจนตลอด พ่นยาทุก 4 ชั่วโมง ฉีดยาทุก 8 ชั่วโมง ทานยามื้อละ 5-6 ตัวยา ผู้ช่วยพยาบาลเดินมาวัดออกซิเจนทุกครึ่งชั่วโมง มีฉีดยาทุก 12 ชั่วโมง น้องพอใจต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่ 6 วัน อาการถึงเริ่มดีขึ้น พออาการลูกเริ่มดีขึ้นก็ขออนุญาตคุณหมอมาพักฟื้นต่อที่บ้าน ปัจจุบันลูกยังมีอาการหลอดลมบวมอยู่นิดหน่อยค่ะ มีไอบ้าง

                                  คุณแม่อยากบอกว่ารู้สึกขอบคุณความวิตกจริตของตัวเองมากที่ไปหาหมอได้ทัน ถ้าวันนั้นชะล่าใจลูกไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง เราในฐานะแม่คนหนึ่ง ก็อยากฝากถึงคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ให้เฝ้าสังเกตอาการผิดปกติของลูก แม้เพียงเล็กน้อยก็อย่าชะล่าใจ และให้เฝ้าดูเป็นระยะจนหาหมอได้ทันเวลาค่ะ

                                   

                                  บทความแนะนำ คลิก>> แม่เตือน! ลูกป่วยเป็นไวรัสไข้สูงตรวจหาอะไรก็ไม่เจอ!

                                  สำหรับอาการหลอดลมอักเสบโดยมากแล้วจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กเป็นหวัดมีน้ำมูก แต่ในกรณีของน้องพอใจถือเป็นเคสสุดวิสัย อย่างมาก แต่ก็โชคดีที่คุณพ่อคุณแม่สังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับลูก แล้วรีบพาไปโรงพยาบาลได้เร็วทันการณ์ค่ะ   

                                  อ่านต่อ การสังเกตอาการเบื้องต้น โรคครูป หน้า 2

                                   

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                    พัฒนาการเกินวัย

                                    วิจัยชี้ 9 สัญญาณ บ่งบอก ลูกของคุณฉลาดเกินเกณฑ์ พัฒนาการเกินวัย!

                                    หากลูกของคุณนั้นมีวุฒิภาวะดีกว่าเด็กอื่นๆในวัยเดียวกัน นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าลูกเป็นเด็กที่ฉลาดเกินเกณฑ์ มี พัฒนาการเกินวัย หรือใกล้เคียงกับการเป็นอัจฉริยะเลยก็ว่าได้

                                     

                                    เชื่อว่ามีคุณพ่อคุณแม่หลายคนที่มีลูกเป็นเด็กฉลาด มีพัฒนาการเก่งเกินวัย ทำให้แอบหวังอยู่ว่า ลูกของเราอาจจะเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์พิเศษ..หรือเป็นเด็กอัจฉริยะ หรือเปล่าน๊า….ซึ่งเรื่องของการเรียนรู้พ่อแม่สามารถช่วยส่งเสริมลูกได้ เพราะพัฒนาการด้านสมองและการเรียนรู้เป็นผลโดยตรงจากการเลี้ยงดู แต่จะดีกว่าหรือไม่ ถ้าเราเช็กได้ว่า ลูกเรามีสัญญาณบ่งบอกว่า เค้าเป็น “เด็กฉลาด” หรือไม่ ทั้งนี้เพื่อเราจะได้ส่งเสริมลูกได้ถูกทางยิ่งขึ้น เนื่องจากช่วงเวลาสำคัญของการเรียนรู้และการพัฒนาสมองที่ได้ผลไวที่สุด คือในช่วง 3 ปีแรกของชีวิต

                                    9 สัญญาณ บ่งบอกว่า ลูกเป็นเด็กฉลาดเกินเกณฑ์ พัฒนาการเกินวัย

                                    และเพราะความฉลาดทางเชาวน์ปัญญา หรือ IQ นั้น ไม่ใช่เกณฑ์วัดความรู้ที่มีอยู่ แต่เป็นสิ่งที่วัดความสามารถในการรับข้อมูลใหม่ๆ ของคุณต่างหาก ทั้งวิธีการคิด การใช้เหตุผล การคำนวณ และการเชื่อมโยงต่างๆ การวิจัยพบว่า IQ ของคนเราถูกกำหนดมาตั้งแต่วัยเด็กแล้ว คุณไม่สามารถไปเพิ่มมันได้ แต่ IQ ก็ไม่ใช่ตัววัดว่าใครจะประสบความสำเร็จมากกว่าใคร และถึงอย่างไรพ่อแม่หลายๆ คนก็คิดที่ว่า การที่ลูกฉลาด มีพัฒนาการเกินวัย หรือมี IQ สูงกว่าใคร ก็ย่อมดีกว่านั่นเอง

                                    พัฒนาการเกินวัย

                                    ซึ่งก็มีเด็กหลายคนที่คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าลูกของคุณนั่นฉลาดมากแค่ไหน ซึ่ง IQ เป็นสิ่งที่วัดยากมาก เพราะต้องใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองมาช่วย จึงมีคนจำนวนมากที่ไม่รู้ว่า IQ หรือความฉลาดเกินเกณฑ์ พัฒนาการเกินวัย ของลูกน้อยกันซะเท่าไหร่ แต่ก็ได้มีการวิจัยออกมาเผยว่า ถ้าลูกน้อยของคุณมีสัญญาณ นิสัย พฤติกรรม หรืออื่น ๆ ในตัวลูก ที่ตรงกับข้อใดข้อหนึ่งหรือทั้ง 9 ข้อข้างด้านล่างนี้ ลูกของคุณก็มีโอกาสสูงที่จะมีไอคิวสูงกว่าคนปกติ หรือฉลาดกว่าคนปกตินั่นเอง

                                    1. มีแม่ฉลาดอยู่แล้ว!

                                    มีงานวิจัยออกมาว่า “ความฉลาดของลูก มาจากสมองแม่” โดยมหาวิทยาลัย Ulm ในเยอรมันทำงานวิจัยนี้มาในปี 2016 ว่ายีนที่สัมพันธ์กันกับความสามารถในการรับรู้ของเด็ก มาจากโครโมโซมเอ็กซ์ คือโครโมโซมที่มาจากแม่นี่ล่ะ  และยังมีงานวิจัยอีกอันทำโดย เมดิคัล รีเสิร์ช คาวน์ซิล เมื่อปี 1994 วัดผลจากเด็ก 12,000 คน พบว่า ไอคิวของแม่เป็นตัวบอกความฉลาดของลูกได้ดีที่สุด

                                    ⇒ Must read : จริงหรือไม่? แม่แพ้ท้องหนักมากจะทำให้ลูกฉลาด IQ สูง
                                    ⇒ Must read : นักวิจัยพิสูจน์แล้ว! ลูกจะสืบทอดสติปัญญาจากแม่ได้มากกว่าพ่อ

                                    2. ลูกคุณมีขนาดศีรษะที่ใหญ่

                                    มีงานวิจัยจากเจอร์นัล Molecular Psychiatry ออกมาบอกว่าเด็กที่เกิดมามีหัวโตกว่าหัวเด็กคนอื่นๆ โดยเฉลี่ย จะเป็นเด็กที่ฉลาดเกินมาตรฐานได้ ลองวัดหัวลูกดูนะว่า ถ้าลูกหัวเส้นรอบวง 13 ถึง 14 นิ้ว หรือ 34 ถึง 35 เซนติเมตร จะมีแนวโน้มที่เรียนจบด้วยคะแนนสูงเกินเพื่อนๆ ได้เมื่อตอนเขาโตขึ้นมา

                                    พัฒนาการเกินวัย

                                    3. ลูกเริ่มหัดอ่านหนังสือก่อนเด็กคนอื่น

                                    การศึกษาของประเทศอังกฤษได้ทำการทดลองจากคู่แฝดทั้งหมด 2,000 คู่ เด็กคนที่เริ่มหัดอ่านหนังสือก่อนจะมีไอคิวสูงกว่าคู่แฝดที่เริ่มทีหลัง นักวิจัยได้กล่าวว่า เหตุผลที่เด็กที่หัดเริ่มอ่านหนังสือก่อนมีไอคิวที่สูงกว่า ก็เพราะว่าการอ่านเป็นส่วนในการช่วยพัฒนาสมองที่สำคัญ ทำให้เด็กที่เริ่มอ่านก่อนฉลาดกว่า แต่นี้ไม่ได้หมายความว่า เพราะเด็กคนนี้ฉลาดก็เลยเริ่มอ่านหนังสือได้เร็ว แต่จริงๆก็คือการเริ่มอ่านหนังสือเร็วช่วยให้เด็กฉลาดนั้นเอง

                                    ⇒ Must read : พ่อแม่ฉลาดเลือก ลูกรักฉลาดอ่าน!
                                    ⇒ Must read : พัฒนาการช้า เรื่องสำคัญที่พ่อแม่ต้องสังเกตลูก

                                    4. ลูกถนัดซ้าย

                                    กลับกลายเป็นว่าที่คุณคูรสมัยก่อน ชอบบังคับให้เด็กที่ถนัดซ้ายฝึกเขียนหนังสือมือขวากลายเป็นเรื่องตรงกันข้ามกับสิ่งที่ควรทำ มีการศึกษาหนึ่งได้แสดงให้เห็นว่า คนที่ถนัดมือซ้ายจะมีความเกี่ยวข้างกับวิธีการคิดแบบอเนกนัย (Divergent Thinking) ซึ่งหมายความว่า คนเหล่านี้สามารถเชื่อมโยงสองสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันในเชิงที่มีความหมายได้ และนี้ก็เป็นสัญลักษณ์แห่งความฉลาด

                                    5. เป็นเด็กขี้กังวล

                                    มันยากที่จะเชื่อว่าความวิตกกังวลเป็นสิ่งที่ดี แต่มันมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าความวิตกกังวลไม่ใช่สิ่งที่แย่ซะทีเดียว จิตแพทย์นามว่า Jeremy Coplan  ได้ทำการศึกเกี่ยวกับโรควิตกกังวลของมนุษย์ และเขาพบว่ายิ่งคนที่มีระดับความกังวลสูงยิ่งมีไอคิวที่สูงตามไปด้วย นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยจาก Interdisciplinary Center Herzliya ที่ประเทศอิสราเอล นักวิจัยพบว่าผู้เข้าร่วมที่มีความวิตกกังวลมากที่สุด เป็นผู้ที่โฟกัสไปที่งานและมีความกระตือรือร้นมากที่สุดเช่นกัน

                                    พัฒนาการเกินวัย

                                    6. ชอบเล่นดนตรี

                                    มีการวิจัยหลายงานที่แสดงให้เห็นว่า ดนตรีเป็นส่วนช่วยในเรื่องการพัฒนาสมองและความฉลาด นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของการโฟกัสและการควบคุมตัวเองอีกด้วย จากการวิจัยของนักจิตวิทยานาม Sylvain Moreno เขาได้นำเด็กอายุระหว่าง 4-6 ขวบ มาทั้งหมด 48 คน และได้แบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มละ 24 คน กลุ่มแรกให้เข้าห้องเรียนดนตรี ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งให้เข้าห้องเรียนทัศนศิลป์ เด็กทั้งสองกลุ่มต้องเรียนวันละ 1 ชม.ต่อวัน ทั้งหมด 5 วันต่อสัปดาห์ เวลาผ่านไป 1 เดือน ผลสรุปออกมาว่า เด็กกลุ่มแรกที่เรียนดนตรีมีการพัฒนาทางไอคิวมากกว่าเด็กอีกกลุ่มนึง ดังนั้นการลงเรียนดนตรีตอนยังเป็นเด็กจึงมีส่วนช่วยให้เราฉลาดขึ้นนั่นเอง

                                    7. เป็นพี่ชายคนโตสุดของตระกูล

                                    ผลการวิจัยพบว่าพี่ชายคนโตสุดของบ้านนั้นมักจะเป็นคนที่มีทักษะกระบวนการด้านความคิด และ IQ ที่ค่อนข้างจะสูงพอสมควรเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเด็กๆ ภายในบ้านที่อายุลดหลั่นกันไป ด้วยเหตุนี้เองเราจึงมักที่จะเห็นพี่คนโตสุดของตระกูลประสบความสำเร็จมากกว่าน้องๆ ที่เด็กกว่าในตระกูล

                                    ⇒ Must read : 10 เรื่องที่ พ่อแม่ต้องเจอ เมื่อมีลูกชาย
                                    ⇒ Must read : 5 ข้อดีและข้อเสียของการ มีลูกคนเดียว

                                    8. เป็นเด็กช่างสงสัย

                                    หากลูกของคุณ กลายเป็นเจ้าหนูจำไม ช่างสงสัยในสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวไม่ว่าจะเป็น ทำไมท้องฟ้าถึงมีสีฟ้า ไอ้นั้นมีไว้ทำอะไร ไอ้นี้มีไว้ทำอะไร แล้วล่ะก็คุณก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีโอกาสสูงทีเดียวล่ะครับที่จะมีเชาว์ปัญญาสูงกว่าคนปกติทั่วๆ ไป โดยนักวิจัยทางด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยในกรุงลอนดอนนั้นพบว่า ผู้ที่มีลักษณะเป็นคนขี้สงสัยมากเป็นพิเศษนั้นเกิดมาจากการที่พวกเขานั้นมีความสนุกที่จะได้ค้นพบสิ่งแปลกใหม่รอบๆ ตัว ซึ่งจากสิ่งนี้นี่เองที่นำไปสู่กระบวนการทางด้านการพัฒนากระบวนการความคิดให้กับคนที่อยู่ในกลุ่มนี้

                                    ⇒ Must read : รับมือเจ้าหนูจำไมจอมดื้อ วัย 3-5 ขวบ
                                    ⇒ Must read : เทคนิคตอบคำถามลูกแบบได้ประโยชน์สูงสุด

                                    พัฒนาการเกินวัย

                                    9. เป็นเด็กตลก

                                    ถ้าเห็นข้อนี้พวกตัวตลกทั้งหลายคงดีใจไม่น้อย นักวิจัยได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างการเป็นคนตลก กับ การเป็นคนฉลาด มุขหรือการล้อเล่นต่างๆที่ถูกผลิตออกมาจากความคิดอันเฉียบแหลมของคุณ มันไม่ใช่ว่าใครๆนึกจะเป็นคนตลกก็จะเป็นคนตลกได้

                                    แน่นอนว่าหากนำ ทั้งหมดมารวมกัน  9 ข้อข้างต้น ก็สามารถแสดงให้เห็นว่าลูกน้อยของคุณเป็นเด็กที่ฉลาดกว่าเด็กทั่วไปและถ้าลูกของคุณพ่อคุณแม่ มีลักษณะดังกล่าวข้างต้นนี้อยู่หลายข้อก็ควรปรึกษากับคุณครูและกุมารแพทย์ เพื่อจะได้ช่วยกันดูว่าจะช่วยให้ลูกได้พัฒนาความสามารถพิเศษของลูกได้อย่างเต็มที่ได้อย่างไร เช่น การอ่านหนังสือด้วยกัน และการให้เขาได้สัมผัสและเรียนรู้เกี่ยวกับกับศิลปะ ดนตรี ธรรมชาติ และกีฬา ที่เขาชอบและสนใจ เพื่อเปิดโอกาสในการค้นพบความเป็นอัจฉริยะในตัวเขา

                                    ที่สำคัญคือเด็กแต่ละคนมีความสามารถพิเศษที่แตกต่างกัน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก  ได้จัดแบ่งกลุ่มของความฉลาดของเด็ก  ออกเป็นหลายประเภท ดังนี้คือ

                                    1. อัจฉริยะด้านการใช้ภาษา เด็กที่มีความสามารถพิเศษด้านนี้ มักจะแสดงความรู้ด้านการใช้ภาษาและคำศัพท์ ต่างๆได้ดี และสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเองได้ดีและชอบที่จะใช้ภาษา เช่น ชอบอ่าน ชอบเขียน และเล่าเรื่อง ชอบเล่นเกมทายคำ ท่องอาขยานหรือคำศัพท์ต่างๆ เขาจะใช้คำศัพท์ต่างๆในการช่วยจำและจัดการเรื่องต่างๆ เช่น “ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ ……….”
                                    2. อัจฉริยะด้านการคิดเป็นเหตุเป็นผลและคณิตศาสตร์ เด็กที่มีความสามารถพิเศษด้านนี้จะทำสิ่งต่างๆอย่างเป็นระบบระเบียบ จะชอบหาความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ ชอบจัดสิ่งต่างๆให้เป็นระเบียบแยกเป็นกลุ่มๆ มักจะหาวิธีทำการทดลองเพื่อทดสอบข้อสังเกตและความคิดของตน เขาจะมีความสามารถในการคิดคำนวณในใจได้อย่างรวดเร็ว ชอบที่จะเล่นเกมที่ต้องใช้กฎเกณฑ์และเหตุผล รวมถึงการคิดวางแผนต่างๆ เช่น การเล่นเกมหมากรุก เกมยิงเรือ เกมรูบิค ฯลฯ
                                    3. อัจฉริยะด้านมิติสัมพันธ์ รูปทรงและโครงสร้าง เด็กกลุ่มนี้จะสามารถรู้ได้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงในห้องได้ เมื่อคุณทำการจัดห้องใหม่แม้แต่เพียงเล็กน้อย เพราะเขาจะสามารถรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของความเป็นอยู่ของสิ่งของต่างๆและ ความเป็นอยู่ร่วมกันของสิ่งต่างๆได้ดี เขาจะคิดและจินตนาการเป็นรูปภาพ และจะชอบศิลปะและการสร้างสิ่งต่างๆ ซึ่งเขาอาจจะวาดภาพและจินตนาการอยู่ในใจและนำสิ่งของใกล้ตัวมาสร้างสิ่งนั้นๆขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าต้องเรียนอะไรที่มีเนื้อหาคำพูดคำศัพท์ต่างๆมากๆแล้วจะรู้สึกเบื่อ ขึ้นมาง่ายๆเช่นกัน
                                    4. อัจฉริยะด้านดนตรี เด็กมักจะสามารถแสดงความพิเศษด้านดนตรีได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เขาจะมีความไวต่อเสียงต่างๆ และสามารถจดจำเสียงเพลงหรือทำนองต่างๆได้อย่างรวดเร็ว และมักจะสนใจที่จะเล่นเครื่องดนตรีต่างๆ ถ้าเขาได้มีโอกาสเล่นมัน แต่บางคนอาจจะชอบที่จะฟังดนตรีจากแผ่นซีดีหรือเทป และเด็กโตบางคนอาจจะต้องเปิดเพลงฟังตลอดเวลา ในช่วงอ่านหนังสือโดยพบว่าตนเองจะไม่มีสมาธิดีพอถ้าไม่ได้ฟังเพลง
                                    5. อัจฉริยะด้านการกีฬาและการเคลื่อนไหว เขาจะมีความสามารถด้านการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆของร่างกายได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะแสดงออกในเชิงกีฬาที่เขาถนัด หรือเป็นนักเต้น นักกายกรรม และนักแสดง ฯลฯ เด็กเหล่านี้มักจะไม่นั่งอยู่นิ่ง แต่จะขยับเท้าหรือทำท่าเต้นไปตามจังหวะต่างๆได้ดี เขาชอบที่จะออกกำลังกาย เช่น ว่ายน้ำ เล่นสเกตช์ ฯลฯ
                                    6. อัจฉริยะด้านการเข้าสังคมและการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เด็กที่มีพรสวรรค์พิเศษด้านการเข้าสังคม ดูจะเป็นคนที่มีทักษะในการพูดคุยต้อนรับ คนอื่นๆได้อย่างเป็นธรรมชาติ เขาดูเหมือนจะรู้ว่าคนอื่นๆมีความคิดและความรู้สึกอย่างไร เขามักจะได้รับเลือกให้เป็นผู้นำของกลุ่ม และช่วยในการเจรจาติดต่อกับคนอื่นๆ เขาชอบที่จะได้ทำอะไรให้กับคนอื่นๆ และชอบที่อยู่ในกลุ่มคนเพื่อพูดคุยและรับฟังปัญหาต่างๆ
                                    7. อัจฉริยะด้านความเชื่อมั่นตนเองและความเป็นตัวของตัวเอง เด็กที่มีความสามารถพิเศษนี้จะดูเหมือนมีพลังพิเศษในตัวเอง เขาจะรู้จักตนเองว่าเขาคือใครและต้องการอะไรในชีวิต ดูจะมีความมุ่งมั่นที่จะทำอะไรต่างๆ ตามเป้าหมายของตนอย่างไม่ย่อท้อง่ายๆ เขาอาจจะไม่ค่อยกังวลกับความรู้สึกของคนอื่นๆ หรือไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับตัวเขานัก ชอบที่จะใช้เวลาอยู่คนเดียวและทำในสิ่งที่ตนเองตั้งใจไว้ แม้เขาเองอาจจะไม่ได้เป็นขวัญใจที่เพื่อนๆทุกคนรู้จักและรักใคร่มาก แต่สำหรับเพื่อนๆที่รู้จักเขาดีจะชื่นชมในความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะทำตาม สิ่งที่เขาต้องการ โดยไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

                                    การจัดกิจกรรมที่หลากหลายให้ลูกได้สัมผัสและได้เลือกทำในสิ่งที่ตนชอบจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ได้ค้นพบว่า ลูกมีความสามารถพิเศษด้านใด และหาทางสนับสนุนให้ได้เต็มที่สูงสุดตามศักยภาพของเขา และใน ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมที่จะให้ลูกได้มีความฉลาดทางอารมณ์หรือมีวุฒิภาวะทาง อารมณ์ (Emotional Intelligence)ร่วมไปด้วย ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงความสำเร็จทางด้านการงานในอนาคต ได้ค่อนข้างมาก

                                    ความสามารถในการเข้าใจ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักอดทนอดกลั้น มีความหวังมองโลกในแง่ดี มีความสุขในชีวิต ฯลฯ ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูตั้งแต่วัยเด็กเป็นสำคัญ และต่อเนื่องไปจนถึงช่วงวัย รุ่น ซึ่งคุณจะสามารถช่วยได้โดย

                                    • ให้ความรัก ความเอาใจใส่ ความอบอุ่นและความรู้สึกที่มั่นคงแก่ลูก
                                    • พูดคุยและยิ้มกับลูกบ่อยๆ
                                    • ให้การตอบสนองในเชิงบวกต่อพฤติกรรมที่ดีของเด็ก
                                    • อธิบายอย่างง่ายๆให้ลูกเข้าใจว่า ทำไมคุณถึงห้ามไม่ให้เขาทำอะไรบางอย่าง
                                    • ให้โอกาสลูกได้ช่วยคุณทำสิ่งต่างๆในบ้านบ้าง เพื่อให้ได้มีส่วนร่วม
                                    • พยายามเข้าใจลูกและปลอบประโลมเขาเมื่อเขาร้องไห้หรือเสียใจ
                                    • อธิบายให้ลูกรู้ว่าการกระทำอะไรมีผลอย่างไรกับผู้อื่นบ้าง ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา

                                    อย่างไรก็ดี เมื่อคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นและรู้แล้วว่าลูกของเราเป็นเด็กฉลาดเกินเกณฑ์ มีพัฒนาการเกินวัย ก็หวังว่าจะช่วยให้มองเห็นถึงความเป็นอัจฉริยะในด้านใดด้านหนึ่ง หรือหลายๆด้านของลูกได้ และจัดกิจกรรมให้เขาได้แสดงออกถึงศักยภาพที่มีอย่างเต็มที่ พร้อมๆกับเลี้ยงดูให้ลูก มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่เหมาะสมได้นะคะ

                                    อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!


                                    ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : บทความวิชาการ..โดย พญ.จันท์ฑิตา พฤกษานานนท์ Child Research & Development Project www.taiknowledgebase.org , www.entrepreneur.com, daily.rabbit.co.th , mcpswis.mcp.ac.th