โรคเท้าปุก

โรคเท้าปุก คืออะไร พร้อม 4 วิธีสังเกต

โรคเท้าปุก โรคที่พบได้ในเด็กแรกเกิด พร้อมวิธีสังเกตดูว่าลูกหลานเป็นปุกแท้หรือว่าปุกเทียม

 

 

เท้าปุก  หรือเรียกอีกอย่างว่า Clubfoot ในทางการแพทย์ได้อธิบายถึงอาการดังกล่าวว่า เป็นความผิดปกติของรูปเท้าแต่กำเนิดชนิดหนึ่ง อาจเกิดขึ้นได้กับเท้าเดียว หรือทั้งสองข้างก็ได้ และมักจะเกิดขึ้นในเด็กที่ไม่มีความผิดปกติอื่น ๆ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็อาจจะส่งผลให้เด็กมีความพิการ ทำให้ต้องเดินด้วยหลังเท้าหรือปลายเท้า รวมถึงไม่สามารถใส่รองเท้าได้ด้วยเช่นกัน

จากสติถิทั่วโลกนั้นพบว่า โรคเท้าปุก พบได้ในทารกแรกเกิด 1 คนจากจำนวนทารกทั้งสิ้น 1,000 คน และถ้าหากในครอบครัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพ่อคุณแม่เป็นโรคดังกล่าว โอกาสที่ลูกจะเป็นนั้นก็มีโอกาสสูงกว่าปกติเช่นกัน

 

โรคเท้าปุก เกิดได้อย่างไร?

แม้แต่นักวิทยาศาสตร์และวงการแพทย์ก็ยังไม่ทราบว่า เท้าปุกที่พบในเด็กที่ร่างกายส่วนอื่นปกติและเป็นตั้งแต่กำเนิดนั้น มีสาเหตุมาจากอะไร แต่พบว่าปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นนั้นมาจากการที่คุณพ่อคุณแม่เป็นโรคดังกล่าว หรือเคยมีลูกที่เป็นเท้าปุก ลูกที่จะคลอดออกมาก็มีความเสี่ยงในการเป็นเท้าปุกมากกว่ากรณีพ่อแม่ที่ไม่เป็น แต่ก็พบได้น้อยมากกับทารกที่เกิดในครอบครัวที่ไม่มีประวัติค่ะ

อาการของโรคเป็นอย่างไร คลิก

    ลูกไม่ยอมดูดเต้า

    ลูกไม่ยอมดูดเต้า ทำไงดี?

    ลูกไม่ยอมดูดเต้า แม่อย่าเพิ่งใจเสียกันไปซะก่อนนะจ๊ะ เพราะจริงๆ แล้วการที่ลูกปฏิเสธการดูดนมจากเต้าแม่นั้นมาได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำตอบพร้อมเทคนิคช่วยให้ลูกรักเต้าแม่ กลับมาดูดนมจากอกแม่ได้อย่างมีความสุขทั้งแม่และลูก มาบอกต่อให้ได้ทราบกันค่ะ

     

    ลูกไม่ยอมดูดเต้า สาเหตุจากอะไรนะ!?

    ช่วงเวลาที่มีความสุขของแม่คือการให้นมลูก แต่จู่ๆ ลูกไม่ยอมดูดเต้า ซะอย่างนั้น อาการนี้เรียกว่าลูกไม่กินนมแบบกะทันหัด (Nursing strike) หรือถ้าเข้าใจให้ง่ายขึ้นก็คือการที่ลูกปฏิเสธนมจากเต้าแม่ ไม่ยอมดูดนั่นแหละค่ะ ซึ่งจริงๆ แล้วมีสาเหตุเยอะเลยที่ทำให้ลูกไม่ยอมเข้าเต้าค่ะ

    ผู้เขียนมีคนรอบข้างที่เคยผ่านช่วงเวลาของการที่ลูกไม่ยอมดูดนมจากเต้ามาบ้างค่ะ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็เป็นประสบการณ์ของพี่สาว และเพื่อนๆ ซะส่วนใหญ่ จากที่ทราบมาคือให้ลูกกินนมจากออกแม่อยู่ในไม่กี่สัปดาห์ลูกก็กินนมดีนะ แต่วันนึงลูกกลับปฏิเสธเต้าแม่ซะอย่างนั้น คิดดูซิค่ะว่าหัวอกคนเป็นแม่พอเห็นลูกไม่กินนม แม่ก็กระวนกระวายใจกลัวลูกหิว ซึ่งผู้เขียนขอสรุปสาเหตุของการที่ลูกไม่ยอมเข้าเต้ามาพอคร่าวๆ ดังนี้ค่ะ…

    1. การเจ็บป่วย

    เด็กวัยทารก และเด็กเล็ก บางครั้งก็เกิดเจ็บป่วยขึ้นได้ค่ะ ซึ่งอาการเจ็บป่วยก็เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งในการดูดนม โดยเฉพาะ ถ้าเกิด หูอักเสบทำให้เกิดความเจ็บปวดขณะดูดนม หรือเป็นหวัดเจ็บคอน้ำมูกแน่นจมูก ก็ทำให้ลูกรู้สึกไม่สบายตัวจนไม่ อยากที่จะอ้าขยับปากดูดนมกันค่ะ ซึ่งคุณแม่สามารถสังเกตได้ถ้าตลอดที่ผ่านมาลูกทานนมจากเต้าได้ดี แล้วจู่ๆ เกิดผลักเต้า ออกไม่กิน ก็อาจมาจากที่ลูกเจ็บป่วยนั่นเองค่ะ

    2. หัวนมแม่บอด

    เป็นความผิดปกติของลักษณะหัวนมที่ไม่มีหัวนมขึ้นมา โดยเกิดได้จากท่อนมสั้นหรือพังผืดรัด เวลาที่ลูกดูดนมจะทำให้ดูด ลำบากออกแรงดูดน้ำนมแม่ก็ยังไม่ออกมา นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ลูกปฏิเสธเต้าแม่ได้ค่ะ แต่อย่าเพิ่งยอมแพ้นะคะเพราะ หัวนมบอดก็ให้นมลูกได้ เพียงแต่ต้องแก้ไขหัวนมแม่ก่อน ด้วยการใช้อุปกรณ์ดึงหัวนมขึ้นมา ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่คิดค้นมาเพื่อ แก้ไขปัญหา หัวนมบอดโดยเฉพาะเลยทีเดียว โดยจะช่วยดึงหัวนมให้ขึ้นมาตามปกติ ซึ่งเป็นวิธีในการแก้ไขที่ดี แต่ต้องใช้ ระยะเวลา ดังนั้นใครที่จะใช้วิธีนี้จึงต้องมีความอดทนสูงมากเลยทีเดียว การใช้อุปกรณ์ช่วยดึงหัวนมคุณแม่อาจจะใช้เครื่องปั๊มนมไฟฟ้าปั๊มเพื่อดึงหัว นมออกมาก็ได้  และมีอีกชนิดหนึ่ง คือ ลูกยางแดง  ดึงหัวนมทุกวัน วันละ 2 ครั้ง หลังอาบน้ำเช้า  เย็น ประมาณข้างละ 10 นาที วิธีการนี้จะช่วยดึงหัวนมของคุณแม่ได้

    3. ให้ลูกดูดนมจากขวด หรือใช้จุกนมหลอก

    คุณแม่ลูกอ่อนบางรายที่น้ำนมน้อย เลยให้ลูกทานนมแม่สลับกับนมขวด ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกเกิดการสับสนระหว่างเต้าแม่กับจุกนมได้ค่ะ หากปล่อยให้ลูกดูดปล่อยๆ เขาก็อาจปฏิเสธเต้าแม่ได้เหมือนกัน แนะนำว่าถ้าน้ำนมให้หมั่นกระตุ้นด้วยการใช้เครื่องปั๊มนม อย่างน้อยน้ำนมที่ได้ใส่ขวดก็ยังเป็นน้ำนมแม่ และการกระตุ้นปล่อยๆ ก็ช่วยให้ร่างกายผลิตน้ำนมแม่ออกมาปริมาณมากเพียงพอได้ค่ะ

     

    บทความแนะนำ คลิก>> 5 ตัวช่วยกระตุ้นน้ำนมแม่ อย่างง่ายสำหรับแม่มือใหม่

    นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสาเหตุปัจจัยที่ทำให้ลูกไม่ยอมเข้าเต้า ซึ่งคุณแม่ควรสังเกตหาสาเหตุแล้วแก้ไขให้ถูกจุด ก็จะช่วยลดปัญหาลูกไม่ยอมกินนมจากเต้าแม่ลดลงได้ค่ะ

    อ่านต่อ เทคนิคแก้ไขลูกปฏิเสธเต้าแม่ หน้า 2

     

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

      เด็กไม่รู้จักโต

      9 พฤติกรรมที่พ่อแม่ควรเลิกทำ ถ้าไม่อยากให้ลูกกลายเป็นเด็กไม่รู้จักโต!

      เมื่อลูก ถูกมองว่าเป็น เด็กไม่รู้จักโต ให้คุณพ่อคุณแม่รีบหันมามองตัวเองว่า นั่นเป็นเพราะการเลี้ยงลูกของคุณหรือเปล่า ซึ่งความจริงคือใช่ เพราะพ่อแม่คอยบริการทำให้ลูกทุกอย่างบงการชีวิตลูก จึงทำให้ลูกคิดเองทำเองอะไรไม่เป็น

      Continue reading “9 พฤติกรรมที่พ่อแม่ควรเลิกทำ ถ้าไม่อยากให้ลูกกลายเป็นเด็กไม่รู้จักโต!”

        ระบบการศึกษาไทย

        ระบบการศึกษา ทำเด็กไทยยิ่งโตยิ่งโง่ จริงหรือ?

        แค่อ่านหัวข้อก็ทำเอาคนเป็นพ่อแม่สะดุ้งโหยง! จริงหรือไม่ที่ ระบบการศึกษาไทย ทำเด็กไทยยิ่งเรียนยิ่งโง่

         

         

        งานนี้ทำเอาหัวอกคนเป็นพ่อแม่อกสั่นขวัญหาย เมื่อผลวิจัยเปิดเผยว่า เด็กไทย 1 ใน 4 สมองทึบตกเกณฑ์มาตรฐาน แจงเพิ่มเติม ยิ่งเรียนยิ่งโง่ เหตุมาจากปัจจัยสิ่งแวดล้อม อาหาร และหลักสูตรการศึกษา

        ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโสกล่าวว่า การพัฒนาประเทศไม่ควรใช้จีดีพีเป็นเป้าหมายสูงสุดในการพัฒนาประเทศ แต่ควรตั้งเป้าหมายไปที่การมีสุขภาพดี เพราะสุขภาพหมายถึงทุกอย่างทั้งกายและใจ ซึ่งประเทศไทยมีทรัพยากรเพียงพอที่จะทำให้ประชาชนมีสุขภาพดีได้ แต่ต้องทำให้เกิดการพัฒนาอย่างสมดุล หากนำข้อมูลมาคิดและปฏิบัติ และวิเคราะห์ ก็จะเกิดเป็นความรู้

        “การพัฒนาระบบสุขภาพควรเริ่มจากชุมชน คือไม่ทิ้งกัน ควรมีการสำรวจประชากร เช่น คนจน พิการ คนชรา ว่าถูกทอดทิ้งหรือไม่ เท่าไร เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการช่วยเหลือ ขณะที่ภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ต้องทำงานเชิงรุก อย่างบางจังหวัดมีพยาบาลเยอะ ก็ควรมีระบบส่งเสริมให้พยาบาลไปเป็นอาสาพยาบาลในชุมชน โดยอาจเพิ่มแรงจูงใจ ซึ่งหากมีการดำเนินการมากขึ้นก็อาจจะจัดตั้งเป็นคลินิกพยาบาลเวชปฏิบัติ ขายไปตามศูนย์อนามัยต่างๆ ได้อีกทาง” ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ กล่าว

        อ่านเนื้อหาเพิ่มเติม คลิก!

          ควันบุหรี่มือสอง

          ควันบุหรี่มือสอง สร้างโรคทำลายสุขภาพลูก

          ควันบุหรี่มือสอง ที่มาจากคนในครอบครัว โดยเฉพาะคุณผู้ชายที่ชอบสูบบุหรี่ไม่ว่าจะในบ้าน หรือนอกบ้าน เมื่อกลับเข้า มาแล้วกอด มาหอมลูก ขอบอกเลยว่าคุณคือคนที่ส่งโรคให้ลูกสุขภาพแย่ทางอ้อมอย่างช้าๆ อยากรู้ไหมคะว่าผลกระทบที่ร้ายแรงกับสุขภาพลูกที่ได้รับมาจากควันบุหรี่นั้นมีอะไรบ้าง ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำตอบมาบอกกันค่ะ

           

          ควันบุหรี่มือสอง  ผลกระทบต่อสุขภาพคนสูบ!

          ภัยร้ายที่แฝงมากับ ควันบุหรี่มือสอง ก็คือสารพัดโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้สูบโดยตรง ไม่ว่าจะเป็น…

          • ผมเหม็น ตัวเหม็น มีกลิ่นปากเหม็น
          • ริมฝีปากคล้ำดำ
          • มีรอยตีนกาขึ้นเร็ว
          • ไอบ่อย
          • ผิวพรรณไม่ผ่องใส
          • เหนื่อยง่าย
          • เสี่ยงเป็นมะเร็งปอด
          • เสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
          • เสี่ยงต่อการเกิดโรคถุงลมโป่งพอง
          • เสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดสมองตีบ

          บทความแนะนำ คลิก>> แม่แชร์! ลูกเสียชีวิตเพราะ ควันบุหรี่ ของคนในบ้าน!

          นอกจากนี้ยังมีอีกหลายๆ โรคร้ายแรงที่จะทำให้ผู้สูบอายุสั้นลง รวมถึงผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หากสูบบุหรี่ก็เสี่ยงต่อการแท้งลูกได้ง่ายมากด้วยเช่นกันค่ะ  ซึ่งนี่คือผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพที่จะเกิดขึ้นกับผู้สูบโดยตรง แต่คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่า ควันบุหรี่ที่หยิบยื่นให้ลูกทางอ้อมโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั้น ก็สามารถที่จะส่งผลโรคต่างๆ ให้กับลูกๆ ได้ไม่ต่างกันเลยค่ะ

          อ่านต่อ ควันบุหรี่ สร้างสารพัดโรคให้ลูก หน้า 2 

           

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

            อยากท้อง ต้องเตรียมตัวอย่างไร

            อยากท้อง ต้องเตรียมตัวอย่างไร

            อยากท้อง ต้องเตรียมตัวอย่างไร เป็นคำถามที่หลายๆ คู่รักถามกันเข้ามามากค่ะ เพราะเท่าที่พูดคุยกันก็ได้ความว่าแต่งงานมา ได้ 1-2 ปีแล้ว และก็พร้อมที่จะมีลูก แต่ไม่รู้จะต้องเริ่มต้นในการเตรียมตัวในเรื่องใดก่อนบ้าง ฉะนั้นเพื่อเป็นการสนับสนุน ให้ทุกครอบครัวมีลูกอย่างสมบูรณ์ ทีมงาน Amarin Baby & Kids จะพาไปเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการตั้งท้องมีลูกกันค่ะ

             

            อยากท้อง ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?

            อย่างที่เกริ่นไปค่ะว่ามีหลายคนถามกันเข้ามาคือ อยากท้อง ต้องเตรียมตัวอย่างไร ผู้เขียนเข้าใจดีเลยว่า ช่วงเวลาที่อยากมีลูก อยากท้อง แต่ไม่รู้ว่าต้องเตรียมตัวในเรื่องไหนก่อนดี หากจะให้แนะนำควรมีการเตรียม สุขภาพร่างกายของทั้งผู้หญิง ผู้ชาย ให้แข็งแรงล่วงหน้ากันอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อตรวจเช็กสุขภาพ ทั้งร่างกาย และโรคทางพันธุกรรมว่าจะมีผลต่อลูกหรือไม่? รวมถึงภาวะเสี่ยงอื่นๆ เพื่อที่จะหาทางป้องกัน ซึ่งในเบื้องต้นเรื่องที่ต้องให้ ความสำคัญกันก่อนมีลูก นั่นก็คือ…

            1. ตรวจสุขภาพก่อนมีลูก

            ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย ก่อนที่จะมีลูก จำเป็นจะต้องไปตรวจเช็กสุขภาพกันก่อน ซึ่งปัจจุบันทุกโรงพยาบาลจะมีโปรแกรมตัวสุขภาพสำหรับคนที่เตรียมตัวมีลูกไว้บริการให้ด้วย อย่างโรคที่สุ่มเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ ก็เช่น  กลุ่มโรคเบาหวาน  ลมชัก เพราะยาที่ทานกับโรคนี้จะทำให้ตั้งครรภ์ยาก และโรคบางโรคที่ส่งต่อได้ทางพันธุกรรมได้แก่ ธาลัสซีเมีย ฮีโมฟีเลีย หากรวมกับพันธุกรรมของแม่แล้วทำให้ลูกผิดปกติ คุณหมอก็จะแนะนำให้ทราบถึงความเสี่ยง และหาวิธีป้องกันให้ค่ะ

            2. อายุ

            ช่วงอายุที่เหมาะสมสำหรับการตั้งครรภ์คือ 20 – 30 ปี และผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไปมีความเสี่ยงที่จะมีบุตรยาก ยกเว้นคนที่ ร่างกายสมบูรณ์  สำหรับผู้หญิงอายุมากโรคที่อาจเกิดขึ้นได้จากความผิดปกติของโครโมโซม เช่น ดาวน์ซินโดรม ส่วน ผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 18 ปี เด็กที่คลอดออกมาจะมีน้ำหนักตัวน้อยหรือเสียชีวิตขณะคลอดได้

            3. งาน

            ถ้างานของคุณ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสารเคมี เช่น สารตะกั่ว ก็มีผลทำให้โอกาสการตั้งครรภ์ลดน้อยลง  หรืองานที่ต้องใช้แรงยกของ ทำงานหนัก ควรเปลี่ยนงานใหม่

            4. ลด เลิกบุหรี่ เหล้า

            สิ่งเหล่านี้มีผลต่อระดับออกซิเจนในเลือดของผู้หญิง และทำให้เลือดสูบฉีดน้อยลง ถ้าตั้งครรภ์ก็จะเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแท้งได้ค่ะ  แนะนำว่าทั้งผู้หญิง ผู้ชายที่เตรียมตัวสำหรับการมีลูก ควรลด หรือเลิกสูบหรี่ หรือดื่มเหล้าอย่างเด็ดขาดก็จะดีต่อสุขภาพก่อนท้องมากค่ะ

            5. ยาบางตัว

            ยาควบคุมโรคประจำตัวบางตัวเช่น ยาเบาหวาน  ยาแก้โรคซึมเศร้า อาจจะส่งผลต่อการตั้งครรภ์ และยาคุมกำเนิดที่ทำให้มีบุตรยากหากใช้ยาเป็นเวลานาน

            6. วัคซีน

            เหตุผลหนึ่งที่อยากให้ผู้หญิงไปตรวจร่างกายก่อนท้อง คือ การได้ทราบประวัติว่าเคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคเหล่านี้มาก่อนหรือไม่ หรือเคยได้รับนานมากแล้ว นั่นคือ
            – วัคซีนป้องกันโรคหัด หัดเยอรมัน คางทูม และอีสุกอีใส
            – วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน และบาดทะยัก
            – วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบเอ วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
            ซึ่งหลังการฉีดวัคซีน โดยมากจะต้องเว้นระยะการตั้งครรภ์ไปประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีนที่ฉีดด้วยนะคะ ตรงนี้สามารถสอบถามจากคุณหมอได้อีกครั้งค่ะ

            7. อาหาร

            การดูแลร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง ต้องเริ่มมาจากภายใน ด้วยการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ทานให้หลากหลายอย่างสมดุลกัน เพราะการที่ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน จะช่วยให้เซลล์ภายในร่างกายต่างๆ มีความแข็งแรงสมบูรณ์พร้อมที่สุดสำหรับการมีลูก ยิ่งโดยเฉพาะในผู้หญิงยิ่งต้องบำรุงร่างกายก่อนท้องให้มากค่ะ

             

            บทความแนะนำ คลิก>> ค่าใช้จ่ายในการตั้งครรภ์ ตั้งแต่ฝากครรภ์จนถึงตอนคลอด ต้องจ่ายเท่าไร?

            อยากมีครรภ์ที่สมบูรณ์ คนที่จะเป็นพ่อแม่ในอนาคตต้องรู้จักวางแผนเตรียมความพร้อมให้กับตัวเองกันด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเรื่องสุขภาพ เงินทอง ที่อยู่อาศัย คนช่วยเลี้ยงลูก หรือแม้แต่อาชีพหน้าที่การงาน ก็ต้องพร้อมเสมอ เพราะอะไรรู้ไหมคะ? เหตุผลคือถ้ารากฐานชีวิตของคนจะเป็นพ่อแม่ไม่พร้อม ลูกที่กำลังจะมีและเกิดมาเขาก็จะมีคุณภาพชีวิตที่แย่ได้ค่ะ

            อ่านต่อ อาหารบำรุงก่อนตั้งครรภ์ หน้า 2

             

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

              สุขภาพลูก

              พ่อแม่แข็งแรงหรือไม่? วัดได้จาก สุขภาพลูก

              อยากรู้ว่าเรามีสุขภาพดีหรือไม่ งานวิจัยกล่าวว่า ให้ดูจาก “สุขภาพลูก”

               

               

              หากคุณอยากรู้ว่า คุณมีสุขภาพที่ดีหรือว่าเป็นโรคอะไรหรือไม่ ให้ลองดูจากสุขภาพของลูกว่า พวกเขามีอาการป่วยอะไรบ้างหรือเปล่า งานนี้จริงหรือไม่ เขามีงานวิจัยที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าและติดตามครอบครัวจำนวนมากถึง 519 ครอบครัวที่มีลูกเป็นเด็กที่มีน้ำหนักเกินกว่ามาตราฐาน โดยเด็กจะต้องมีอายุเฉลี่ยนอยู่ที่ 12 ปี และผลการวิจัยนี้จะเป็นอย่างไร พร้อมแล้วเราไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

              ดร. Charles J. Glueck แห่ง Jewish Hospital of Cincinnat หนึ่งในคณะวิจัยจากประเทศสหรัฐอเมริกาได้ทำการเปิดเผยถึงสาเหตุที่ทำการวิจัยนี้ว่า เหตุผลหนึ่งที่การตรวจสุขภาพเด็กมีประโยชน์ต่อผู้ปกครองก็คือ ผู้ปกครองจำนวนมากไม่สนใจเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีของตัวเอง แต่ถ้าหากเป็นเรื่องสุขภาพของลูกแล้ว พวกเขายอมได้ที่จะพาลูกไปพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

              อย่างไรก็ดี งานวิจัยนี้ก็มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย บ้างก็มีการพูดถึงค่าใช้จ่าย บางรายก็รู้สึกตกใจว่า ทำไมถึงกับต้องตรวจวัดระดับคลอเลสเตอรอลในเด็กด้วย และผลลัพธ์ของงานวิจัยนี้จะมีประโยชน์จริงหรือไม่ หากคุณพ่อคุณแม่กำลังสงสัยหรือตั้งคำถามเช่นเดียวกันนี้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปฟังดูผลงานวิจัยนี้กันเลยดีกว่าค่ะ

              คลิกอ่านผลงานวิจัย 

                มีลูกคนเดียว ข้อดี ข้อเสีย

                5 ข้อดีและข้อเสียของการ “มีลูกคนเดียว”

                อะไร? คือข้อดีและข้อเสียของการ มีลูกคนเดียว งานวิจัยชี้ ลูกคนเดียวมักมีนิสัยต่างจากเด็กที่มีพี่น้อง 

                ดร.แบรี่ บราเซลตัน ผู้เขียนหนังสือขายดีที่รู้จักกันดีเรื่อง Touchpoints ผู้ก่อตั้งแผนกพัฒนาการเด็กในโรงพยาบาลบอสตัน และเป็นศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ ที่แผนกการแพทย์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้กล่าวไว้ว่า

                “พ่อแม่ส่วนใหญ่ในปัจจุบันตระหนักว่า การมีลูกเกินกว่าหนึ่งคนอาจเกินความสามารถที่จะเลี้ยงดูได้ ในขณะที่บางคนอาจเป็นเพราะมีลูกคนแรกช้า จึงทำให้ไม่สามารถมีลูกคนที่สองได้ เมื่อพ่อแม่ต้องทำงานกันทั้งคู่ หรือพ่อหรือแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว การนำลูกไปฝากเลี้ยงหรือเข้าโรงเรียนก็ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายซึ่งอาจไปจำกัดจำนวนของการมีลูกได้ด้วยเช่นกัน และในทุกวันนี้พ่อแม่จำนวนมากคิดว่าการมีลูกคนเดียวเป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้ว ในโลกที่มีประชากรมากเกินกว่าที่จะควบคุมอยู่ในขณะนี้”

                ไม่ว่าแท้จริงแล้ว แต่ละครอบครัวจะมีเหตุผลอะไร การมีลูกคนเดียวก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นกัน ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น วันนี้ทีมงานได้เตรียมบทสรุปมาฝากคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านค่ะ


                เครดิต: Haijai

                 

                มีลูกคนเดียว
                Credit Photo : Shutterstock

                ข้อดีของการ มีลูกคนเดียว 

                1. ไม่กล้วการอยู่คนเดียว ใคร ๆ ต่างก็พากันคิดว่า เด็กที่เป็นลูกคนเดียวนั้นฟังดูแล้วน่าสงสาร แต่จริง ๆ แล้วก็มีส่วนอยู่บ้างค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะเด็กส่วนใหญ่นั้น เป็นเด็กที่รักอิสระ กล้าที่จะทำอะไรเองคนเดียว รู้จักพึ่งพาตัวเอง ไม่กลัวหากต้องใช้ชีวิตประจำวันเพียงลำพัง
                2. เข้ากับผู้ใหญ่ได้ง่าย เด็ก ๆ ส่วนใหญ่มักจะไม่ชอบที่จะใช้เวลาอยู่กับผู้ใหญ่ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและไม่สนุก หากเลือกได้ก็อยากที่จะเลือกอยู่กับเพื่อน ๆ พี่น้องของตัวเองมากกว่า แต่สำหรับเด็กที่เป็นลูกคนเดียวนั้น เชื่อไหมคะว่า พวกเขาจะรู้วิธีการเข้าหาผู้ใหญ่ได้ด้วยวิธีของตัวเอง รู้วิธีการพูดคุยและการวางตัวได้อย่างน่าแปลกใจ นอกจากนี้นะคะ ยังสามารถหาบทสนทนาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารหรือความรู้ทั่วไปมาคุยได้อย่างน่าอัศจรรย์
                3. มีความพยายาม แม้ว่าจะได้รับการตามใจหรือใส่ใจมากขนาดไหน เด็กที่เป็นลูกคนเดียวในครอบครัวนั้น ก็มักจะได้รับการคาดหวังที่สูงจากคุณพ่อคุณแม่ แต่ด้วยความกดดันนี้นี่แหละค่ะ ที่จะเป็นตัวผลักดันให้เขาโตเป็นเด็กที่มีความพยายามมากกว่าคนอื่น ๆ เพราะต้องการที่จะทำให้คนในครอบครัวเกิดความภูมิใจกับสิ่งที่เขาเป็น
                4. ใกล้ชิดกับพ่อแม่ หากคุณพ่อคุณแม่ใส่ใจและเปิดใจกับลูก ก็จะส่งผลให้คุณกลายเป็นเพื่อนสนิทของพวกเขาไปโดยปริยาย ไม่ว่าจะมีอะไรลูกก็จะมาเล่า และปรึกษาปัญหาต่าง ๆ ที่เจอ เพราะพวกเขาเชื่อว่า ไม่ว่าจะอย่างไรคุณพ่อคุณแม่ก็คือคนแรกที่พร้อมจะกอดและช่วยเหลือพวกเขาอยู่เสมอนั่นเอง
                5. มีเวลาดูแลลูกได้อย่างเต็มที่ คุณพ่อคุณแม่สามารถทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับลูกได้อย่างไม่ต้องกังวลใจ สามารถพาลูกไปทำกิจกรรมอะไรก็ได้ที่เขาอยากทำ อีกทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย
                มีลูกคนเดียว
                ข้อดีของการมีลูกคนเดียว

                อ่านข้อเสียของการมีลูกคนเดียว คลิก!

                  ข้อห้ามสำหรับคุณแม่ท้องอ่อน

                  10 ข้อห้าม คนท้องอ่อนๆ ต้องระวังอะไรบ้าง?

                  ข้อห้าม คนท้องอ่อนๆ ในช่วง 1-3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ จะถือว่าเป็นช่วงตั้งท้องอ่อนๆ ที่คุณแม่จะต้องมีความระมัดระวังกันในทุกเรื่องให้มากเป็นพิเศษ เพราะช่วงท้องอ่อนจะง่ายต่อการแท้งลูกมาก ทีมงาน Amarin Baby & Kids มี ข้อห้าม คนท้องอ่อนๆ ที่ต้องระวัง เพื่อให้ว่าที่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ได้ทราบกันค่ะ

                   

                  ข้อห้าม คนท้องอ่อนๆ – ช่วง 1-3 เดือน ทารกน้อยในครรภ์มีพัฒนาการอะไรบ้าง?

                  จุดเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ก็คือการที่ไข่กับอสุจิได้มีการผสมกัน จนเกิดการปฏิสนธิขึ้นเป็นตัวอ่อน(ทารก) ที่จะมีพัฒนาการร่างกาย สมอง ฯลฯ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนกว่าจะครบ 40 สัปดาห์  เอาเป็นว่าเราไปดูกันสักนิดว่าในช่วง 3 เดือนแรกทารกมีพัฒนาการอะไรกันบ้าง

                  1. วันที่ 19 หลังปฏิสนธิ (ประมาณ 4 สัปดาห์นับจากประจำเดือนครั้งสุดท้าย)

                  ตัวอ่อนจะมีลักษณะเป็นแผ่นกลมแบน ขนาดประมาณ 0.4 มิลลิเมตร เกิดกลุ่มเซลล์ประสาทขึ้นเป็นระบบแรก(1)

                  2. วันที่ 32 หลังปฏิสนธิ (ประมาณ 6 สัปดาห์เศษนับจากประจำเดือนครั้งสุดท้าย)

                  ตัวอ่อนมีความยาว 4-6 มิลลิเมตร หางจะหดสั้นลง เริ่มเกิดบริเวณที่จะกลายเป็นลูกตา และแขนเริ่มงอกออกมาเป็นปุ่ม(2)

                  3. วันที่ 46 หลังปฏิสนธิ (ประมาณ 8 สัปดาห์เศษนับจากประจำเดือนครั้งสุดท้าย)

                  ทารกน้อยจะยาวประมาณ 16-18 มิลลิเมตร หางหดหายไปแล้ว ข้อศอกและเข่าเกิดขึ้น ขอบรูหูหนาตัวขึ้นเพื่อจะกลายเป็นใบหู นิ้วมือนิ้วเท้าชัดขึ้น(3)

                  4. สัปดาห์ที่ 12 นับจากประจำเดือนครั้งสุดท้าย

                  ลูกมีขนาดความยาวจากศีรษะถึงก้น ประมาณ 6-7 เซนติเมตร นิ้วมือนิ้วเท้าที่ยังติดกันเป็นพังพืดเหมือนนิ้วเป็ดในช่วงสองสัปดาห์ก่อนหน้า จะแยกออกจากกันเป็นนิ้วอย่างสมบูรณ์ อวัยวะเพศภายนอกมีลักษณะที่ชัดเจนว่าเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย แต่ยังเล็กเกินไปกว่าที่จะตรวจได้อย่างแม่นยำจากอัลตราซาวนด์(4)

                   

                  เห็นไหมคะว่าในช่วงไตรมาสแรกเป็นช่วงที่อวัยวะสำคัญของร่างกายทารกได้มีพัฒนาให้เจริญเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะไม่เป็นผลดีเลยหากมีอะไรมากระทบกับทารกในครรภ์ จึงจำเป็นอย่างมากที่คุณแม่จะต้องให้ความสำคัญกับครรภ์ช่วงอ่อนๆ นี้ให้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากช่วงนี้จะง่ายต่อการแท้งนั่นเองค่ะ

                  อ่านต่อ >> “10 ข้อห้าม คนท้องอ่อนๆ ที่เสี่ยงแท้ง”หน้า 2

                   

                   

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                    ซื้อของเล่นให้ลูก

                    กระทู้เด็ดจากพันทิป! เมื่อภรรยาให้เงินสามีวันละ 50 บาท แต่ซื้อของเล่นให้ลูกในราคาเกือบ 20,000 บาท และนี่คือเหตุผล…!?

                    จะเป็นอย่างไร? เมื่อคนเป็นแม่ ตัดสินใจ ซื้อของเล่นให้ลูก ในราคาเกือบ 20,000 บาท ซึ่งทำให้คนเป็นพ่อน้อยใจจนขอบอกเลิก เพราะแม้แต่ตัวเอง ผู้เป็นแม่ของลูกหรือภรรยานั้นยังให้เงินไปใช้แค่วันละ 50 บาท

                    Continue reading “กระทู้เด็ดจากพันทิป! เมื่อภรรยาให้เงินสามีวันละ 50 บาท แต่ซื้อของเล่นให้ลูกในราคาเกือบ 20,000 บาท และนี่คือเหตุผล…!?”

                      เสริมสร้างพัฒนาการสมองลูก

                      เคล็ด(ไม่)ลับ เสริมสร้างพัฒนาการสมองลูกน้อย ด้วยโปรตีนจากนมแพะ

                      เสริมสร้างพัฒนาการสมองลูก ให้เติบโตและเรียนรู้ได้ดีนั้น คุณแม่ต้องเริ่มจากการดูแลให้ลูกได้รับสารอาหารที่มี ประโยชน์ อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะการให้ลูกได้ทานนมแม่ตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งจะช่วยให้ลูกได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อพัฒนาการสมอง และพัฒนาการการเจริญเติบโตของลูก นั่นก็คือโปรตีนที่มีอยู่ในนมแม่

                       

                      เสริมสร้างพัฒนาการสมองลูก ด้วยนมแม่

                      เพื่อให้ลูกได้มีพัฒนาการการเติบโตตามวัยได้อย่างเต็มศักยภาพ รวมทั้งมีพัฒนาการการเรียนรู้ที่สมวัย สิ่งสำคัญที่สุดคือการส่งเสริมให้ลูกได้รับโภชนาการสารอาหารที่ดีอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะในช่วงตั้งแต่แรกเกิดจำเป็นอย่างมากที่ลูกควรได้รับสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการบำรุงและพัฒนาสมอง นั่นก็คือการได้ทานนมแม่นั่นเอง เพราะในน้ำนมแม่จะมีสารอาหารสำคัญนั่นก็คือ โปรตีน,  DHA และARA ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำคัญต่อการพัฒนาระบบประสาทและการมองเห็น

                      อย่างที่บอกไปค่ะว่าน้ำนมแม่นั้นดีและมีประโยชน์ต่อพัฒนาการสมองของลูกมาก ในเด็กที่ได้ทานนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดถือเป็นโชคดี เพราะจะได้รับทั้งคุณค่าสารอาหารที่จำเป็นอย่าง โปรตีนที่ย่อยง่ายตามธรรมชาติที่มีส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาระบบประสาทและสมอง  แต่สำหรับคุณแม่ที่ไม่สามารถให้นมลูกได้ อาจด้วยเพราะมีปัญหาทางสุขภาพ ก็สามารถที่จะเลือกนมแพะให้กับลูกน้อย  เพราะนมแพะมีระบบการให้น้ำนมที่เรียกว่า อะโพไคร์น ซึ่งทำให้มีสารอาหารจากธรรมชาติในปริมาณสูง อย่างนิวคลีโอไทด์ ทอรีน โพลีเอมีนส์ และโกรทแฟคเตอร์ ที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อยให้เติบโตอย่างสมวัย

                       

                      โปรตีนจากนมแพะ มีประโยชน์ต่อร่างกายลูกน้อย

                      ปัจจุบันนี้นมแพะได้มีการพัฒนาให้มีคุณภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของโปรตีน CPP (Casein Phosphopeptides) ที่เป็นโปรตีนย่อยง่าย ช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุต่างๆ ที่สำคัญต่อร่างกาย อย่าง แคลเซียม เหล็ก สังกะสี และแมกนีเซียม เข้าสู่ร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ และโปรตีนในนมแพะยังเป็นโปรตีนคุณภาพดีที่ย่อยและดูดซึมง่าย ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และช่วยให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดีสมวัย

                      นอกจากนี้ในนมแพะก็ยังมีสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์อย่างครบถ้วน ดีต่อพัฒนาการการเติบโตของลูกๆ คุณแม่ที่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ ลองพิจารณานมแพะเพื่อเป็นตัวช่วยในการเลี้ยงลูกกันได้ค่ะ ซึ่งในนมแพะจะมีสารอาหารเด่นๆ ดังนี้ค่ะ

                      • ดีเอชเอ(DHA), เออาร์เอ(ARA) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในระบบประสาทส่วนกลาง ช่วยพัฒนาสมองและการมองเห็น
                      • โอเมก้า 3, 6 และ 9 ที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง
                      • ทอรีน ช่วยพัฒนาการทำงานของจอประสาทตา
                      • โคลีน มีบทบาทในการสร้างสารสื่อสัญญาณประสาท ช่วยพัฒนาการเรียนรู้และความจำ
                      • วิตามิน B12 สูง มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง
                      • แคลเซียมสูง มีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง

                      อย่างไรก็ตามก่อนที่จะเลือกนมเสริมให้ลูกน้อย ขอให้คุณแม่เริ่มต้นเลี้ยงลูกด้วยนมแม่กันก่อนนะคะ เพราะนมแม่นั้นดีที่สุดสำหรับลูกน้อย แต่หากไม่สามารถให้นมแม่กับลูกได้จริงๆ นมแพะก็ถือเป็นตัวช่วยแรกๆ ที่คุณแม่ส่วนใหญ่เลือกให้ลูกได้ทานกันค่ะ 

                       

                       

                        สุขภาพลำไส้

                        ทำไม…สุขภาพลำไส้ ถึงสำคัญต่อการเจริญเติบโต?

                        สุขภาพลำไส้ มีความสำคัญกับร่างกายโดยรวมของเด็กๆ อย่างมาก ซึ่งหน้าที่ของลำไส้ไม่ได้มีไว้เพื่อแค่ย่อยอาหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ลำไส้ยังต้องทำหน้าที่สำคัญในการเป็นศูนย์กลางพัฒนาการต่างๆ ให้กับร่างกายด้วย โดยเฉพาะในเด็กเล็กหากมีลำไส้ที่แข็งแรงก็จะส่งผลให้พัฒนาการการเจริญเติบโต และพัฒนาการต่างๆ แข็งแรงสมบูรณ์ด้วยเช่นกัน

                         

                        สุขภาพลำไส้ มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของลูกแค่ไหน ?

                        อย่างที่บอกไปค่ะว่าการมี สุขภาพลำไส้ที่ดีจะส่งผลให้ลูกๆ มีสุขภาพแข็งแรง และมีพัฒนาการที่สมวัยไปพร้อมกัน ดังนั้นเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้เข้าใจถึงความสำคัญในการดูแลลำไส้ของลูกๆ ให้มีสุขภาพที่ดี เราจะไปทำความเข้าใจหน้าที่ของเจ้าลำไส้น้อยๆ ของลูกกันค่ะ

                        ลำไส้ทำหน้าที่เป็นแหล่งเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย และเมื่อแรกคลอดลูกน้อยก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อโรคต่างๆ จากภาวะแวดล้อมที่อยู่อาศัย เพราะแน่นอนว่าก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ที่จะบอกได้ว่าภายในบ้าน ที่นอน เสื้อผ้า ฯลฯ จะปราศจากเชื้อโรค เนื่องจากเชื้อโรคหรือแบคทีเรียบางอย่างก็ลอยปะปนมากับอากาศที่หายใจเข้าร่างกายได้เหมือนกันค่ะ

                        เมื่อผ่านช่วงแรกคลอดไปแล้ว ลูกก็จะค่อยๆ เติบโตขึ้นตามพัฒนาการ และมีโอกาสนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้จากการหยิบจับเอาอาหาร เอาของเล่นเข้าปาก ซึ่งหากลูกน้อยมีลำไส้ที่ไม่แข็งแรง ย่อมเกิดการเจ็บป่วยขึ้นมาได้ง่ายมากค่ะ ดังนั้นสิ่งแรกที่คุณแม่จะมอบเกราะป้องกันให้กับลำไส้ของลูกให้มีความแข็งแรงได้นั้น คือการให้ลูกได้ทานนมแม่ตั้งแต่แรกคลอด เพราะนมแม่มีสารอาหารที่ส่งผลดีต่อลำไส้ของลูก โดยเฉพาะ “พรีไบโอติก” คือสารอาหารที่ค่อยส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์สุขภาพในลำไส้ และยังช่วยในการตรวจจับแบคทีเรีย ป้องกันไม่ให้มาเกาะติดกับ ผนังลำไส้จนทำให้เกิดการเจ็บป่วยนั่นเองค่ะ

                        แน่นอนว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้นดีต่อสุขภาพของลูกอย่างมาก แต่ในคุณแม่ที่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ เนื่องจากอาจมีปัญหาทางสุขภาพ ก็สามารถที่จะดูแลลำไส้ของลูกให้มีสุขภาพดีได้ค่ะ เพราะปัจจุบันนี้มีนมแพะ ที่มีระบบการสร้างน้ำนมแบบอะโพไครน์ ทำให้มีสารอาหารจากธรรมชาติในปริมาณสูง ที่สำคัญยังมี “พรีไบโอติก” ชนิด Oligosaccharide เช่น Inulin และ Oligofructose ซึ่งเป็นใยอาหารที่ไม่ถูกย่อยในกระเพาะอาหาร เพราะทนต่อน้ำย่อย กรด ด่าง ในกระเพาะและลำไส้ ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์สุขภาพ เช่น แลคโตบาซิลัส และ บิฟิโดแบคทีเรีย จึงช่วยปรับสมดุลของระบบทางเดินอาหาร ลดการอักเสบบริเวณลำไส้ ทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้อย่างเป็นปกติ ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ผลที่ตามมาคือ ลูกน้อยมีสุขภาพที่ดี นอกจากนี้นมแพะอุดมไปด้วย CPP หรือ Casein Phosphopeptides ที่เป็นโปรตีนนุ่ม ย่อยง่าย ร่างกายลูกสามารถดูดซึมนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ เมื่อร่างกายลูกได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ได้อย่างครบถ้วน ก็จะส่งผลให้พัฒนาการต่างๆ อย่างพัฒนาการการเจริญเติบโต และพัฒนาการสมองของลูก

                         

                        พรีไบโอติก (Prebiotics) กับสุขภาพของลูกน้อย

                        พรีไบโอติกมีประโยชน์ต่อการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันลูกน้อย โดยมีผลพิสูจน์ทางการแพทย์ที่แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ คือ

                        • เพิ่มจำนวนจุลินทรีย์สุขภาพในลำไส้
                        • ลดการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่ก่อให้โรคในลำไส้
                        • ส่งเสริมเยื่อบุเมือกของลำไส้ให้แข็งแรงขึ้น
                        • เพิ่มการผลิตแอนตี้บอดี้ (sIgA)
                        • ลดอุบัติการณ์ของการติดเชื้อ

                        ลำไส้ที่มีสุขภาพแข็งแรงย่อมส่งผลต่อพัฒนาการของลูกน้อย นั่นเพราะหากลูกน้อยได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน มีประโยชน์และเพียงพอตามช่วงวัย เขาก็จะเป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย นอนหลับง่าย และเป็นเด็กที่อารมณ์ดี ลูกมีความสุข พ่อแม่ก็มีความสุขภาพค่ะ  

                         

                          มะเร็งไฝ

                          วิธีสังเกตลักษณะต้องสงสัย “มะเร็งไฝ”

                          มะเร็งไฝ สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเด็ก และผู้ใหญ่ จากจุดไฝเล็กๆ ดูธรรมดา แต่รู้ไหมว่านั่นอาจซ่อนโรคร้ายอย่างมะเร็งไว้ได้นะคะ และเพื่อให้ทุกคนสามารถสังเกตถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับไฝของตัวเองได้ในเบื้องต้น ทีมงาน Amarin Baby &  Kids มีลักษณะไฝที่อาจกลายเป็นมะเร็ง มาบอกต่อให้ได้ทราบกันค่ะ

                           

                          มะเร็งไฝ เกิดจากอะไร?    

                          จากไฝธรรมดาจะกลายเป็น มะเร็งไฝ ได้อย่างไรกันนะ!! เชื่อว่าส่วนใหญ่คงเคยได้ยินเรื่องของการมีไฝแล้วลาม กลายเป็นมะเร็งกันมาบ้างนะคะ ซึ่ง “ไฝ” ก็คือเนื้องอกชนิดที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ผิวหนัง คนที่มีไฝจะพบได้ตั้งแต่เด็กๆ ไป  จนถึงผู้ใหญ่ เกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัยเลยก็ได้ โดยปกติแล้วการที่มีไฝขึ้นบนผิวหนังตามร่างกายเรานั้นส่วนมากมีทั้งที่เป็น  อันตราย และไม่เป็นอันตราย ซึ่งสามารถแยกได้ดังนี้…

                          ไฝธรรมดา

                          ไฝ (Mole) จะมีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาล หรือสีดำบนผิวหนัง มีทั้งที่สัมผัสได้ถึงความนูน หรือแบนเรียบ สำหรับไฝธรรมดาโดยมากจะไม่เปลี่ยนขนาดขยายใหญ่ขึ้น

                           

                          บทความแนะนำ คลิก>> 3 อันดับ โรคมะเร็งในเด็ก ที่พบมากที่สุดในไทย

                          ไฝมะเร็ง

                          ไฝมะเร็ง (Melanoma) เริ่มจากจุดไฝที่เกิดขึ้นเหมือนกับไฝธรรมดา แต่มีการลามขยายขนาดจากจุดเล็กๆ กลายเป็นจุดไฝที่ใหญ่ขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงของสี และนี่คือลักษณะไฝที่อาจกลายเป็นมะเร็ง

                          • ขนาดใหญ่กว่าไฝอื่นๆ บนร่างกาย
                          • เห็นขอบไม่ชัดเจน
                          • มีหลายสี สีไม่สม่ำเสมอ
                          • โตเร็วผิดปกติ

                          การสังเกตมะเร็งไฝ ความรู้จาก อ.พญ.ธัญญา เตชะพิเชฐวนิช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

                          สำหรับคนที่มีไฝ และพบว่าไฝที่ขึ้นอยู่ตามร่างกายนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ ขนาด หรือสี แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางทันที เพื่อที่แพทย์จะได้ตรวจวินิจฉัยให้การรักษาได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วค่ะ

                          อ่านต่อ วิธีป้องกันไฝมะเร็งจากแสงแดด หน้า 2 

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                            ท้องลูกสาว

                            แม่สวย แต่งตัวเก่งแบบนี้ ท้องลูกสาว แน่นอน!

                            ตอนท้องคุณแม่ยังสวยขนาดนี้ นี่แสดงว่า ท้องลูกสาว แหง ๆ จริงหรือไม่งานนี้ต้องเช็ก

                             

                             

                            เขาว่ากันว่าไม่ต้องรอให้ใกล้คลอดก่อนก็สามารถรู้เพศของทารกในครรภ์ได้แล้วว่าเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย ซึ่งวิธีการดูว่าลูกในท้องเพศหญิงหรือเพศชายนั้น ก็ง่ายนิดเดียว แต่ในวันนี้เราจะพูดถึงวิธีการสังเกตอาการหรือสัญญาณบอกว่าคุณแม่ ท้องลูกสาว มาฝากกัน แต่ก่อนที่เราจะไปดูนั้น เรามาดูกันก่อนค่ะว่า ในทางการแพทย์สมัยนี้ เขามีวิธีการตรวจเพศของลูกอย่างไรกันบ้าง

                            • การตรวจอัลตร้าซาวด์ ซึ่งก็สามารถเห็นเพศของทารกในครรภ์ได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ แต่อัตราความแม่นยำนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่นท่าของทารก ความชำนาญของผู้ตรวจ ความคมชัดของเครื่องอัลตร้าซาวด์ ดังนั้นจึงไม่สามารถนำมาอ้างอิงในการวินิจฉัยได้ 100%
                            • การตรวจน้ำคร่ำ เป็นวิธีการตรวจที่ได้ผลแน่ชัดมากที่สุด ตรวจโดยการดูดเอาน้ำคร่ำซึ่งเป็นน้ำที่อยู่ล้อมรอบตัวทารกในครรภ์ ซึ่งมีเศษชิ้นส่วนของเซลล์ของทารก ซึ่งเราสามารถนำมาตรวจโครโมโซมได้ และจะสามารถทราบผลได้ว่าทารกเป็นเพศอะไร แต่การตรวจน้ำคร่ำก็ไม่สามารถทำได้ในระยะที่เริ่มตั้งครรภ์ แต่ควรรอให้อายุครรภ์ประมาณ 18 – 20 สัปดาห์ก่อนถึงจะตรวจได้ และผลนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาเลยนะคะ ต้องใช้เวลากว่า 2 สัปดาห์เลยละค่ะ

                            แค่ดูแต่ละวิธีก็นอกจากจะเจ็บตัวแล้วยังเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา ถ้าอย่างนั้น เรามาดูสัญญาณบอกเพศลูกกันดีกว่าค่ะ นอกจากจะไม่เสียเงินแล้ว แค่สังเกตเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถทายได้แล้ว

                            สัญญาณบอกว่า ทารกในท้องเป็นเพศหญิง


                            เครดิต: Sanook

                              อ่านนิทานให้ลูกฟัง

                              อยากให้ลูกฝันดีต้อง เล่านิทานให้ลูกฟัง

                              เล่านิทานให้ลูกฟัง ดีต่อใจ ประโยชน์มากโข เสริมสร้างไอคิว แถมลูกนอนหลับสนิทตลอดคืน

                               

                               

                              คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนอาจจะกำลังประสบปัญหาลูกนอนยาก ชอบร้องไห้งอแง โยเย กันใช่ไหมละคะ และปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น คุณพ่อคุณแม่มีวิธีการแก้ปัญหากันอย่างไร … เคยลองวิธีอ่านนิทานให้ลูกฟังกันบ้างหรือเปล่าเอ่ย หรือว่าให้ลูกเล่นของเล่นชิ้นโปรดไปจนกว่าจะหลับเอง

                              ถ้าหากเป็นเช่นนั้น คุณคิดว่าของเล่นชิ้นไหนคะ ที่ลูก ๆ ของเราโปรดปรานมากที่สุด? คิดว่าจะใช่ของเล่นราคาแพง หรือรุ่นหายากแบบลิมิเต็ดอิดิชั่น?! 

                              โดยธรรมชาติของเด็ก ๆ ทุกคน ของเล่นชิ้นที่พวกเขาโปรดปราน รักและหวงมากที่สุดก็คือ “คุณพ่อคุณแม่” นี่ละค่ะ ลูก ๆ ไม่ต้องการของเล่นราคาแพงแต่อย่างใด เพียงแต่พวกเขาต้องการเวลาจากคนที่เขารักมากที่สุดก็เท่านั้น คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนอาจจะทำแต่งาน เมื่อถึงเวลาก็หาซื้อของเล่นมาให้ลูกเพื่อเป็นการตอบแทน … แต่หารู้ไม่ว่า ของเล่นที่พวกเขาอยากได้ที่สุดก็คือ “คุณ” นั่นเอง

                              ริชาร์ด วูฟสัน นักจิตวิทยาเด็ก ผู้ทำการศึกษาให้กับ Disneys /Pixar World of Cars กล่าวว่า มากกว่าครึ่งของเด็ก ๆ ในวัย 3-8 ขวบ บอกว่า ช่วงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่่อ่านนิทานให้ฟังนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่พวกเขาชอบมากที่สุด จากผลการสำรวจเด็ก ๆ ในอังกฤษที่อายุระหว่าง 3-8 ปีจำนวน 500 คน แสดงให้เห็นว่า การฟังนิทานเป็นกิจกรรมยามว่างที่โปรดปรานของเด็ก แซงหน้ากิจกรรมบันเทิงอื่น ไม่ว่าจะเป็นการชมโทรทัศน์ หรือเล่นวิดีโอเกม ยิ่งกว่านั้น 82 % ของอาสาสมัครยังบอกว่าการฟังนิทานก่อนนอนทำให้พวกเขาหลับสนิท ขณะที่นักวิจัย บอกว่า นักเล่านิทานที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก ๆ คือ “คุณแม่” โดยเฉพาะคุณแม่ที่่ใช้เสียงตลก เสียงที่แตกต่างในการเล่าเรื่อง รวมทั้งการใช้เสียงประหลาดเพื่อเป็นเอ็ฟเฟ็กซ์ประกอบการดำเนินเรื่อง

                              อ่านเนื้อหาเพิ่มเติม คลิก

                                ท้องลูกชาย

                                สัญญาณบอก อาการแบบนี้ ท้องลูกชาย ชัวร์!

                                ตื่นเต๊น ตื่นเต้น! ว่าท้องนี้จะได้ลูกชายหรือลูกสาว แต่เขาว่ากันว่าอาการแบบนี้ ท้องลูกชาย แน่นอน!

                                 

                                 

                                ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับว่าที่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ทุกท่านด้วยนะคะ ในที่สุดก็สมหวังดังตั้งใจกันเสียที เป็นอย่างไรกันบ้างคะ มีอาการแพ้กันบ้างหรือเปล่า เอ…หรือว่าไม่ค่อยชอบทานของหวานกันหรือไม่คะ แบบว่าก่อนท้องชอบทานขนมนี้มาก แต่พอท้องปุ๊ปแทบไม่มองขนมของโปรดเลย แต่เขาว่ากันว่า อาการแต่ละอย่างที่แสดงตอนท้องเนี่ย มันส่งผลเป็นนัย ๆ ให้ทราบเกี่ยวกับเพศของลูกกันด้วยนะคะ

                                จะรู้เพศลูกได้ตอนไหน

                                เขาว่ากันว่า ทารกในครรภ์นั้นถูกกำหนดว่าเป็นเพศไหนตั้งแต่เริ่มฝังเป็นตัวอ่อนแล้วละค่ะ ซึ่งช่วงไตรมาสแรกนั้นจะเป็นช่วงที่อวัยวะกำลังเริ่มก่อสร้างตัวขึ้นมาเป็นรูปร่าง ผิวหนังบริเวณขาหนีบก็จะเริ่มมีก้อนนูน ๆ ขึ้นมา พร้อมกับกำลังสร้างส่วนประกอบต่าง ๆ แล้ว โดยอวัยวะนั้นจะค่อย ๆ เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่สอง ช่วงสัปดาห์ที่ 15 – 16 นั่นเองค่ะ แต่จะให้แน่ใจเลยอาจจะต้องเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 ในสัปดาห์ที่ 20 ที่อวัยวะเพศของลูกนั้นมีการพัฒนาสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว

                                อัลตร้าซาวด์ดูเพศลูกได้หรือไม่?

                                คำตอบก็คือ ได้ค่ะ แต่ก็ใช่ว่าจะแม่นยำเสมอไปนะคะ จะเห็นได้จากประสบการณ์รอบตัวที่คุณแม่บางท่านไปอัลตร้าซาวด์มาแล้ว เข้าใจว่าเป็นลูกสาว ต่างพากันดีใจเพราะอยากได้ลูกสาวมานานแล้ว แต่พอคลอดออกมาจริง ๆ ผลปรากฎว่า ได้ลูกชายเอาเสียอย่างนั้น … สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็มาจากตัวทารกเองนี่แหละค่ะ ที่ไม่ยอมเปิดเผยให้เราดู ไม่รู้ว่าเขิลอายหรืออยากให้เซอร์ไพรส์พ่อแม่เล่น ๆ ทำเอาว่าที่คุณพ่อคุณแม่ลุ้นกันจนเหงื่อตก เพราะอยากรู้เพศของลูก และวันนี้ เราก็ได้รวบรวมเอาสัญญาณการตั้งครรภ์ต่าง ๆ ที่จะมาบ่งบอกว่า อาการแบบนี้แหละ ได้ลูกชาย มาฝากกันค่ะ

                                เช็กเลย! สัญญาณบอกว่าได้ลูกชาย

                                  พัฒนาการสมองลูก จะเร็วจะช้าขึ้นอยู่ที่พ่อแม่

                                  อยากให้ลูกฉลาด ความจำดี พัฒนาการสมองของลูก จะดีหรือถดถอยขึ้นอยู่กับคุณพ่อคุณแม่

                                   

                                  ทำไมกุมารแพทย์ถึงชี้ว่า 1,000 วันแรกคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการพัฒนาด้านสมองของลูก ที่นี่มีคำตอบ

                                  แพทย์หญิงเกศินี โอวาสิทธิ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรม ศูนย์พัฒนาการและการเรียนรู้ ให้ข้อมูลสำคัญเรื่องการพัฒนาศักยภาพของสมอง โดยคุณหมอกล่าวว่า

                                  ความฉลาดของคนเรานั้นมีองค์ประกอบทั้งหมด 3 ปัจจัยหลัก คือ

                                  1. พันธุกรรมที่ได้รับมาจากคุณพ่อคุณแม่

                                  2. การเลี้ยงดู ซึ่งเชื่อมโยงถึงเรื่องของสิ่งแวดล้อมและการศึกษา

                                  3. โภชนาการ คือ การได้รับอาหารหลัก 5 หมู่ รวมถึงน้ำและอากาศบริสุทธ์

                                  พร้อมกับได้กล่าวอีกว่า “ผลงานวิจัยทางการแพทย์ได้ระบุว่า 1,000 วันแรกของชีวิตลูกน้อย เริ่มตั้งแต่ตั้งครรภ์จนกระทั่งลูกมีอายุครบ 2 ขวบนั้น เป็นช่วงเวลาสำคัญแห่งกระบวนการสร้างพัฒนาการสมอง เนื่องจากเป็นกระบวนการสร้างเซลล์สมอง โดยการเพิ่มเซลล์สมองควบคู่กับการสร้างเส้นใยประสาททำงานอย่างรวดเร็วที่สุดของชีวิต”

                                  “ลูกน้อยอยู่ในครรภ์เป็นเวลา 270 วัน แค่เพียง 18 วันแรก หลังจากการปฏิสนธิกระบวนการทำงานของเซลล์สมองของลูกน้อยได้เริ่มขึ้นแล้ว เซลล์สมองพัฒนาเชื่อมโยงและแบ่งตัวไปเรื่อย ๆ ระยะเวลา 2-4 เดือนของการตั้งครรภ์ เซลล์สมองแบ่งตัวสูงถึง 200,000 ตัวต่อนาที พอตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน การทำงานของสมองมีโครงสร้างที่สลับซับซ้อนมากขึ้น มีการเชื่อมโยงการทำงาน สื่อสารระหว่างเซลล์อย่างเป็นระบบ คุณพ่อคุณแม่จึงได้รับคำแนะนำให้เริ่มเสริมพัฒนาการให้ลูกน้อย ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยหรือส่องไฟ ที่สำคัญคุณแม่ต้องอารมณ์ดี ไม่เครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ขณะเดียวกันคุณพ่อต้องช่วยดูแลคุณแม่ด้วย เพราะทั้งหมดล้วนมีผลต่อการพัฒนาคุณภาพสมองของลูก” คุณหมอกล่าวเสริม

                                  อ่านเนื้อหาเพิ่มเติม คลิก!

                                    แม่ 12 ราศี

                                    เช็กนิสัย แม่ 12 ราศี แม่นหรือไม่ ต้องดู!

                                    เปิดคำทำนาย … ดวงชะตา แม่ 12 ราศี ว่ามีจุดอ่อนจุดแข็งแบบไหน อยากรู้ต้องดู!

                                     

                                     

                                    เพราะการตรวจดูชะตาราศี เป็นเรื่องที่สาว ๆ หลาย ๆ คนชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดวงชะตาความรัก การงาน การเงิน แต่เอ … แล้วลักษณะนิสัยของคุณแม่แต่ละราศีละ แม่ ๆ อยากทราบกันบ้างหรือไม่เอ่ย ถ้าหากทราบแล้ว ไม่ต้องรอช้า ไปหมุนวงล้อตรวจดวงชะตาของตัวเองพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

                                    แม่ 12 ราศี
                                    เครดิต: THINKSTOCK

                                    คุณแม่ราศีมังกร

                                    คุณแม่ราศีนี้ถือเป็นจอมนักวางแผน นักคิด มีความอดทนและความรอบคอบ แต่ก็มักชอบวิตกตังวล มองโลกในแง่ร้าย ไม่มั่นใจนตัวเองเท่าไหร่ และชอบที่จะฝังใจกับเรื่องที่เคยทำผิดพลาดมาในอดีต

                                    สไตล์ความเป็นแม่: น่าแปลกที่คุณแม่ราศีนี้มีความเป็นพ่อมากกว่าความเป็นแม่ จึงมีความเป็นผู้นำและเป็นนักวางแผนที่ดี มีลักษณะความเป็นผู้ปกครองมากกว่าเป็นเพื่อน และด้วยความแข็งแกร่งที่คุณมี อาจจะทำให้ลูกยำเกรงมากกว่าจะเคารพรัก ฉะนั้นการใส่ใจในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และหมั่นแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใย ให้กับลูกบ้าง ก็จะยิ่งช่วยเพิ่งความเคารพรักให้กับลูก ๆ ได้

                                    แม่ 12 ราศี
                                    เครดิต: THINKSTOCK

                                    คุณแม่ราศีกุมภ์

                                    สำหรับคุณแม่ราศีนี้จัดได้ว่าเป็นคุณแม่วัยรุ่น หัวใจฟรุ๊งฟริ๊ง ใจกว้าง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และยุติธรรม แต่ก็เป็นคุณแม่จอมดราม่า ชอบทำตัววุ่นเล็ก ๆ ในครอบครัว

                                    สไตล์ความเป็นแม่: คุณแม่ชาวราศีกุมภ์เป็นคนที่รักอิสระ มักจะเก่งในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มักจะมีเรื่องราวสนุกสนานให้ได้ผจญภัย บอกเลยว่าหากลูก ๆ ได้อยู่กับคุณแม่ราศีนี้ละก็ ไม่มีคำว่าเบื่อแน่ ๆ แถมยังเป็นคุณแม่ที่มีกิจกรรมเยอะและมักจะปล่อยให้ลูกตัดสินใจดำเนินชีวิตเองอีกด้วย จึงเป็นคุณแม่ที่น่ารักของลูก ๆ เลยละค่ะ

                                    แม่ 12 ราศี
                                    เครดิต: THINKSTOCK

                                    คุณแม่ราศีมีน

                                    เป็นคุณแม่ที่มีจิตใจเปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และมีความคิดสร้างสรรค์ เป็นคนขยัน ชอบจัดแจง อารมณ์อ่อนไหวไม่มั่นคง และมักจะรู้สึกผิดกับเรื่องต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต

                                    สไตล์ความเป็นแม่: เป็นแม่ที่มีสไตล์ของตัวเอง มักจะต้องดูแลให้ทุกอย่างเนี๊ยบอยู่เสมอ ทั้งงานบ้านและการดูแลเลี้ยงดูลูกแต่ก็มีความอบอุ่นที่ซ่อนอยู่ เวลากินเที่ยวก็จัดเต็มแบบสุด ๆ นอกจากจะเป็นคนชอบเห็นอกเห็นใจผู้อื่นแล้ว ยังค่อนข้างจะเซนซิทีฟ อีกทั้งยังมีนิสัยที่ชอบพูดหรือทำอะไรตรงเกินไป เวลาดุด่าลูกก็มักจะเป็นคำพูดที่แรงไปหน่อยทำให้ลูกน้อยใจได้

                                    เช็คราศีที่เหลือ คลิก!