Page 203 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

น้ำยาซักผ้าเด็ก ยี่ห้อไหนดี

น้ำยาซักผ้าเด็ก ยี่ห้อไหนดี คุณแม่เลือก D-nee เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในดวงใจ

น้ำยาซักผ้าเด็ก ยี่ห้อไหนดี อ่อนโยน ถนอมผ้า ราคาไม่แพง คุณแม่ทั่วประเทศได้โหวต ให้ D-nee เป็นแบรนด์ “น้ำยาซักผ้าเด็ก” อันดับหนึ่งในดวงใจ และรับรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2019 สาขา Mommy’s Choice

น้ำยาซักผ้าเด็ก ยี่ห้อไหนดี แม่ทั่วประเทศเลือกแล้ว ใช้ยี่ห้อนี้เป็นแบรนด์ในดวงใจ 

Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ไทย ทั้งรูปแบบ Online ผ่านเว็บไซต์ www.AmarinBabyAndKids.com และเฟซบุ๊คแฟนเพจที่มีเนื้อหาตรงใจ ทันสถานการณ์ โดยมียอดผู้ติดตามมากกว่า 1,000,000 Followers และรูปแบบ On print ผ่าน Bookazine ราย 2 เดือน รวมถึง รูปแบบ On ground งานแฟร์แม่ลูก Amarin Baby & Kids Fair ที่จัดมาแล้วถึง 15 ครั้ง

เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเครือข่ายแม่ลูกอันดับ 1 ของประเทศที่เข้าใจคุณแม่ไทยมากที่สุด เว็บไซต์ Amarin Baby & Kids จึงได้จัด “Amarin Baby & Kids Awards 2019” ครั้งแรกในเมืองไทย เพื่อเฟ้นหาสุดยอดแบรนด์สินค้าแม่และเด็กในดวงใจ  จากคะแนนโหวตของคุณแม่ทั่วประเทศกว่า 10,000 คน ผ่าน www.AmarinBabyAndKids.com เว็บไซต์สื่อกลางข้อมูลคุณภาพจากแม่สู่แม่ Mom to Mom Sharing เพื่อเป็นประโยชน์แก่คุณแม่มือใหม่ที่กำลังมองหา “สินค้าใช้ดี ที่ได้รับการยืนยันจากคุณแม่ตัวจริงทั่วประเทศ”

และเพื่อให้สมกับรางวัลที่มาจากความคิดเห็นของแม่อย่างแท้จริง สำหรับแบรนด์สินค้าในสาขา Mommy’s Choice จึงเปิดโอกาสให้แม่ได้ร่วมโหวต  2  รอบ ได้แก่ “รอบเสนอชื่อแบรนด์ที่ชื่นชอบ” จากนั้นทีมงานได้ทำการเลือกแบรนด์ที่ถูกเสนอชื่อมากที่สุด มาจัดรอบโหวตแบรนด์ในดวงใจ” อีกครั้งหนึ่ง

ทำไมแม่โหวตให้ D-nee เป็นแบรนด์น้ำยาซักผ้าเด็กในดวงใจ

แม่ ABK เลือกให้ D-nee เป็นแบรนด์สุดยอดน้ำยาซักผ้าเด็กในดวงใจ จากเหตุผลต่างๆ อาทิเช่น

“กลิ่นหอม ติดทนนาน ผ้านุ่ม ไม่เหม็นอับ มีให้เลือกหลากหลายสูตร ไม่ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มยังหอมเลย”

“ซักสะอาด อ่อนโยนต่อผิวทารกแรกเกิด ลูกใช้แล้วไม่แพ้ ไม่ระคายเคือง ถนอมทั้งผ้า ถนอมทั้งผิวลูก แม่ชอบมากค่ะ”

“หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง จัดโปรโมชั่นเยอะ 1 แถม 1 บ่อย ซื้อมาตุนไว้เต็มบ้านเลย เพราะยังไงก็ต้องใช้อยู่แล้ว”     

 

ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก D-nee มีให้เลือกหลายสูตร ให้คุณแม่เลือกซื้อ

  • สูตรสำหรับเครื่องซักผ้าฝาหน้าโดยเฉพาะ มีฟองพอเหมาะ ซักล้างออกง่าย (สีชมพู)
  • สูตรสำหรับซักผ้าขาว ช่วยให้เสื้อผ้าสีขาวสดใส ไม่หมอง (สีขาว)
  • สูตรลดกลิ่นเหงื่อเด็ก ช่วยให้เนื้อผ้าหอมตลอดวัน แม้ลูกเล่นสนุกจนเหงื่อออก (สีแดง)
  • สูตรแอนตี้แบคทีเรีย ยับยั้งแบคทีเรีย 99.99% ช่วยให้เสื้อผ้าไม่เหม็นอับ (สีฟ้า)

สำหรับ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก D-nee กลิ่น Organic Aloe Vera มีคุณสมบัติป้องกันคราบสกปรกไหลย้อนกลับ ช่วยถนอมเส้นใยผ้า กลิ่นหอมอ่อนโยน ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง และไม่มีส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น Bleaching agent, Colorant, Phosphorous, Enzymes, Fluorescense, Alcohol, Parabens, Formaldehyde

 

อ่านบทความ Amarin Baby & Kids Awards 2019 

ประกาศผลรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2019 สุดยอดแบรนด์สินค้าแม่และเด็กในดวงใจ

ชมภาพบรรยากาศ งานมอบรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2019

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

    ฤกษ์คลอดบุตร 2563

    ฤกษ์คลอดเดือนมกราคม 2563 วันไหนวันดี ลูกคลอดแล้วพาแม่ร่ำรวย

    เปิดโผย ฤกษ์คลอดเดือนมกราคม 2563 ฤกษ์คลอดบุตร ฤกษ์ผ่าคลอด  สำหรับแม่ท้องที่กำลังจะคลอดลูก ในเดือนมกราคม จะมีฤกษ์มงคล ฤกษ์ดี คลอดลูก 2563 วันไหนบ้าง เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับลูกน้อย

    ฤกษ์คลอดเดือนมกราคม 2563
    วันไหน วันดี ลูกคลอดมา พาแม่ร่ำรวย

    ทีมแม่ ABK มีฤกษ์คลอดบุตร 2563 พร้อมคำทำนาย จาก อาจารย์ชัญญณัท กู้เมือง ผู้เชี่ยวชาญในการตั้งชื่อลูก ตั้งชื่อมงคล ให้ฤกษ์คลอด 2563 ฤกษ์มงคลต่างๆ ดูดวง ที่ถูกต้องตามหลักโหราศาสตร์ไทยขั้นสูง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต มาฝากค่ะ ไปดูกันเลย

    ฤกษ์คลอดบุตร 2563 ฤกษ์คลอดเดือนมกราคม

    อาทิตย์จันทร์อังคารพุธพฤหัสบดีศุกร์เสาร์
    1
    2
    ราชาฤกษ์
    34
    56
    7
    ภูมิปาโลฤกษ์
    891011
    1213
    14
    มหัทธโนฤกษ์
    15
    16
    ภูมิปาโลฤกษ์
    17
    18
    เทวีฤกษ์
    19202122
    23
    มหัทธโนฤกษ์
    2425
    262728
    29
    มหัทธโนฤกษ์
    3031

     

    วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม 2563

    ตรงกับขึ้น 8 ค่ำ เดือน 2 = ราชาฤกษ์ เด็กที่ได้เกิดวันนี้จะเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำอยู่เต็มตัว ชอบออกคำสั่ง ชอบทำอะไรใหญ่ๆโตๆ  ไม่ว่าจะทำงานด้านใดก็จะได้เป็นหัวหน้าหรือนายงาน

    วันอังคารที่ 7 มกราคม 2563

    ตรงกับขึ้น 13 ค่ำ เดือน 2 = ภูมิปาโลฤกษ์ เด็กที่ได้เกิดวันนี้จะเป็นคนมีความสามารถสูง มีทรัพย์สินเงินทองดี เป็นใหญ่เป็นโต งานที่เหมาะสมเกี่ยวของกับที่ดิน ได้เป็นนักปราชญ์หรือรับราชการ

    วันอังคารที่ 14 มกราคม 2563

    ตรงกับแรม 5 ค่ำ เดือน 2 = มหัทธโนฤกษ์ เด็กที่ได้เกิดวันนี้ จะเป็นคนที่มีทรัพย์สิน เงินทองสมบูรณ์ตลอดชีวิต จะไม่ขาดเงิน ไม่เดือดร้อน เด่นด้านการเงิน เป็นดวงเศรษฐี

    วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2563

    ตรงกับแรม 7 ค่ำ เดือน 2 = ภูมิปาโลฤกษ์ เด็กที่ได้เกิดวันนี้จะเป็นคนมีความสามารถสูง มีทรัพย์สินเงินทองดี เป็นใหญ่เป็นโต งานที่เหมาะสมเกี่ยวของกับที่ดิน ได้เป็นนักปราชญ์หรือรับราชการ

    วันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2563

    ตรงกับแรม 9 ค่ำ เดือน 2 = เทวีฤกษ์ เด็กที่ได้เกิดวันนี้จะเป็นคนที่มีจิตใจมั่นคงในความรัก ให้ความสำคัญกับความรักเป็นหลัก มุ่งมั่นทำในสิ่งที่รักและจะทำได้ดี

    วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม 2563

    ตรงกับแรม 14 ค่ำ เดือน 2 = มหัทธโนฤกษ์ เด็กที่ได้เกิดวันนี้ จะเป็นคนที่มีทรัพย์สิน เงินทองสมบูรณ์ตลอดชีวิต จะไม่ขาดเงิน ไม่เดือดร้อน เด่นด้านการเงิน เป็นดวงเศรษฐี

    วันพุธที่ 29 มกราคม 2563

    ตรงกับขึ้น 5 ค่ำ เดือน 3 = ราชาฤกษ์ เด็กที่ได้เกิดวันนี้จะเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำอยู่เต็มตัว ชอบออกคำสั่ง ชอบทำอะไรใหญ่ๆโตๆ  ไม่ว่าจะทำงานด้านใดก็จะได้เป็นหัวหน้าหรือนายงาน

    ฤกษ์คลอดบุตร 2563

    ดู >> ฤกษ์คลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2563
    วันไหนฤกษ์ดีผ่าคลอดได้ เช็กเลย
     คลิก!!

    ♦ ดูฤกษ์คลอดบุตร 2563 ครบทั้ง 12 เดือน คลิกที่นี่!! ♦

    ***หมายเหตุ : หลักสำคัญในการหาฤกษ์ผ่าคลอด ฤกษ์คลอดบุตร 2563  จำเป็นที่จะต้องเอาดวงของคุณแม่และคุณพ่อและลูกมาวิเคราะห์ประกอบกัน เพื่อใช้ในการหาลัคนาสมพงษ์ และหาเวลาตกฝากแบบละเอียด เพื่อให้เด็กที่คลอดออกมานั้นต้อง มีดวงชะตาที่ดีที่สุด แอดไลน์ อ.ชัญ เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่ >> https://line.me/R/ti/p/%40aiu2029f

     

    อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก :

     


    ฤกษ์คลอดบุตร 2563

    ขอบคุณข้อมูลเรื่อง ฤกษ์คลอดบุตร 2563  อ้างอิงจาก อาจารย์ชัญญณัท กู้เมือง อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการตั้งชื่อลูกและให้ฤกษ์คลอด.ฤกษ์คลอดปี 2563 เว็บไซต์ https://www.theluckyname.com/detail.php?code=4

     

     

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

     

      ฤกษ์คลอดบุตร 2563

      ฤกษ์คลอดบุตร 2563 วันไหนฤกษ์ดี ผ่าคลอดได้ เช็กเลย!

      ฤกษ์มงคล ฤกษ์ผ่าคลอด ฤกษ์คลอดบุตร 2563 จะมีเดือนไหนวันอะไรบ้าง ที่ตรงกับฤกษ์ดี คลอดลูก 2563 เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับลูกน้อย แม่ท้องรีบเช็ก ฤกษ์คลอดลูก 2020 กันเลย

      ฤกษ์คลอดบุตร 2563 มีวันไหนบ้าง?

      ได้ฤกษ์ดี..มีชัยไปกว่าครึ่ง! เพราะความเชื่อเรื่อง “ฤกษ์งามยามดี” สำหรับคนไทยนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งหากคิดตามเหตุผลง่าย ๆ ในการเลือกฤกษ์ดี ฤกษ์มงคล ก็เพื่อให้เกิดความสบายใจแก่ตัวผู้ที่เลือกฤกษ์เองว่าการกระทำนั้น ๆ จะเป็นนิมิตหมายอันดี เมื่อเกิดความมั่นใจแล้ว สิ่งที่จะทำออกมาก็จะง่ายดาย สะดวก และราบรื่น นั่นเอง

       

      Must read : เจ็บท้องหลอก เจ็บท้องจริง แม่ท้องใกล้คลอดจะรู้ได้อย่างไร ?

      Must read : 10 เทคนิคดี๊ดี ช่วยคุณแม่บรรเทาอาการเจ็บครรภ์คลอด

       

      และสำหรับการคลอดลูก หรือการให้กำเนิดทารก เรื่องของวันดี ฤกษ์มงคล ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญเพราะจะติดตัวลูกของเราตลอดชีวิต ดังนั้นทีมแม่ ABK จึงมี ฤกษ์ผ่าคลอด ฤกษ์คลอดบุตร 2563 ครบทั้ง 12 เดือน มาฝาก ซึ่งเป็นเป็นฤกษ์มงคล ฤกษ์ดี คลอดลูก 2563 จาก อาจารย์ชัญญณัท กู้เมือง ผู้เชี่ยวชาญในการตั้งชื่อลูก ตั้งชื่อมงคล ให้ฤกษ์คลอด ฤกษ์ออกรถ ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ ฤกษ์มงคลต่างๆ ดูดวง ที่ถูกต้องตามหลักโหราศาสตร์ไทยขั้นสูง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

      ฤกษ์คลอดบุตร 2563

      หลักในการหา ฤกษ์ผ่าคลอด 2563

      ทั้งนี้นอกจากจะดูวันคลอดที่เป็นมงคลแล้ว อ.ชัญ ยังได้กล่าวว่า…จำเป็นที่จะต้องเอาดวงของคุณแม่-คุณพ่อและลูกน้อยที่กำลังจะเกิด มาวิเคราะห์ประกอบกันด้วย นั่นก็เพื่อใช้ในการหาลัคนาสมพงศ์ระหว่างพ่อแม่ลูกให้เกื้อกูลกัน และหาเวลาตกฝากแบบละเอียด เพื่อให้ลูกที่จะคลอดออกมานั้น เลี้ยงง่าย มีดวงชะตาที่ดีที่สุด มีชีวิตที่เจริญรุ่งเรือง เป็นคนเก่งคนดีมีคุณธรรม ร่ำรวย และสุขภาพแข็งแรง

      Must read :  จัดกระเป๋าเตรียมคลอด และเตรียมของใช้เด็กแรกเกิด

      ซึ่งหากวางฤกษ์ผ่าโดยไม่ได้ดูดวงพ่อและแม่เลย ก็อาจทำให้มีเรื่องเสี่ยงที่เด็กจะเสียชีวิต หรือมีเกณฑ์ที่จะพลัดพรากจากพ่อแม่ไปก่อนวัยอันควรได้ หรืออาจจะทำให้เด็กคนนั้นเป็นเด็กที่เลี้ยงยาก ซึ่งจากประสบการณ์ในการให้ฤกษ์เด็กที่สามารถคลอดออกมาได้ตามวันที่ อ.ชัญ ให้ไปนั้น ก็ล้วนมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองตามฤกษ์ผ่านั้นจริงๆ …ว่าแต่ ฤกษ์ผ่าคลอด ฤกษ์ผ่าคลอด 2563 ซึ่งจะเป็นวันที่มีสิริมงคลแก่ชีวิตของลูกน้อยอีกทางหนึ่งได้นั้น จะมีเดือนไหน วันอะไรบ้าง แม่ท้องรีบเช็กกันเลย

      ฤกษ์คลอดบุตร 2563

      ดู >> ฤกษ์ผ่าคลอด ฤกษ์ดี
      ฤกษ์คลอดเดือนมกราคม 2563 คลิก!

      ดู >> ฤกษ์ผ่าคลอด ฤกษ์ดี
      ฤกษ์คลอดเดือนกรกฎาคม 2563 คลิก!

      ดู >> ฤกษ์ผ่าคลอด ฤกษ์ดี
      ฤกษ์คลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2563 คลิก!

      ดู >> ฤกษ์ผ่าคลอด ฤกษ์ดี
      ฤกษ์คลอดเดือนสิงหาคม 2563 คลิก!

      ดู >> ฤกษ์ผ่าคลอด ฤกษ์ดี
      ฤกษ์คลอดเดือนมีนาคม 2563 คลิก!

      ดู >> ฤกษ์ผ่าคลอด ฤกษ์ดี
      ฤกษ์คลอดเดือนกันยายน 2563 คลิก!

      ดู >> ฤกษ์ผ่าคลอด ฤกษ์ดี
      ฤกษ์คลอดเดือนเมษายน 2563 คลิก!

      ดู >> ฤกษ์ผ่าคลอด ฤกษ์ดี
      ฤกษ์คลอดเดือนตุลาคม 2563 คลิก!

      ดู >> ฤกษ์ผ่าคลอด ฤกษ์ดี
      ฤกษ์คลอดเดือนพฤษภาคม 2563 คลิก!

      ดู >> ฤกษ์ผ่าคลอด ฤกษ์ดี
      ฤกษ์คลอดเดือนพฤศจิกายน 2563 คลิก!

      ดู >> ฤกษ์ผ่าคลอด ฤกษ์ดี
      ฤกษ์คลอดเดือนมิถุนายน 2563 คลิก!

      ดู >> ฤกษ์ผ่าคลอด ฤกษ์ดี
      ฤกษ์คลอดเดือนธันวาคม 2563 คลิก!

       

      Must read : ดูดวงตามเดือนเกิด 2563 ลูกเกิดเดือนไหน นิสัยจะเป็นยังไง? คลิกเลย!!

       

      ***หมายเหตุ***หลักสำคัญในการหาฤกษ์ผ่าคลอด ฤกษ์คลอด 2563 จำเป็นที่จะต้องเอาดวงของคุณแม่และคุณพ่อและลูกมาวิเคราะห์ประกอบกัน เพื่อใช้ในการหาลัคนาสมพงษ์ และหาเวลาตกฝากแบบละเอียด เพื่อให้เด็กที่คลอดออกมานั้นต้อง มีดวงชะตาที่ดีที่สุด แอดไลน์ อ.ชัญ เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่ >>https://line.me/R/ti/p/%40aiu2029f

       

      ฤกษ์คลอดบุตร 2563

      ขอบคุณข้อมูลเรื่อง ฤกษ์คลอดบุตร 2563 อ้างอิงจาก อาจารย์ชัญญณัท กู้เมือง อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการตั้งชื่อลูกและให้ฤกษ์คลอดปี 2563 เว็บไซต์ https://www.theluckyname.com/detail.php?code=4

      ดู “ฤกษ์ผ่าคลอด 2563 ครบทั้ง 12 เดือน” ⇒ คลิกหน้า 2

       

       

        น้ำยาล้างขวดนม

        อยากล้างขวดนมให้สะอาด ต้องเริ่มจากวิธีเลือก น้ำยาล้างขวดนม

        การล้างขวดนมให้สะอาด ไร้คราบนมและสิ่งสกปรกตกค้าง ไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณแม่รู้เทคนิคการล้างขวดนมที่ถูกต้องและเลือกใช้ น้ำยาล้างขวดนม คุณภาพดี เพื่อช่วยให้การทำความสะอาดในซอกเล็กๆและเวลาจำกัดให้ได้ง่ายขึ้น

        ขวดนมและจุกนมเป็นภาชนะที่ลูกนำเข้าปากบ่อยที่สุด และสัมผัสกับน้ำนมโดยตรง คุณแม่จึงต้องพิถีพิถันเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษ การล้างทำความสะอาดจึงไม่ได้ทำเฉพาะขวดนมเท่านั้น แต่รวมถึงอุปกรณ์ทุกชิ้นที่สัมผัสกับน้ำนมด้วย ไม่ว่าจะเป็น จุกนม ฝาปิดขวดนม ฝาเกลียว และฝาครอบขวดนม เพื่อไมให้มีคราบน้ำนม หรือไขมันหลงเหลือ ซึ่งกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคต้นเหตุของอาการปวดท้อง ท้องเสียของลูกน้อยได้

        คุณแม่ส่วนใหญ่มักเจอปัญหาว่าขวดนมและจุกนมมีพื้นที่จำกัด มีซอกหลืบเล็กๆหลายจุด ที่ทำความสะอาดได้ยากและต้องใช้เวลานาน สำหรับบ้านไหนให้ลูกเข้าเต้าอาจเริ่มใช้ขวดนมตอนลูกอายุ 6 เดือนขึ้นไป ส่วนคุณแม่ที่ต้องกลับไปทำงาน หรือคุณแม่นักปั๊มอาจต้องให้ลูกกินนมจากขวดเร็วกกว่านั้น ปริมาณขวดนมที่ใช้แต่ละวันแตกต่างกันไปรอบการกินนม และปริมาณการกินของลูกเป็นหลัก

        แต่ช่วงที่ต้องเลี้ยงลูกเล็ก คุณแม่ส่วนใหญ่อาจไม่สามารถล้างขวดนมได้ทันทีหลังใช้เสร็จ โดยเฉลี่ยจะอยู่ 2-3 ครั้งต่อวัน (ในช่วงลูกหลับกลางวัน) จึงทำให้คราบนม คราบไขมันติดบริเวณขวดและจุกนม ยิ่งทำให้ล้างออกได้ยากขึ้น ฉะนั้นการเลือกใช้น้ำยาล้างขวดนม ที่สามารถขจัดคราบสกปรก และกลิ่นเหม็นได้ง่ายโดยไม่เป็นอันตรายต่อลูกน้อยจึงเป็นตัวช่วยดีๆที่ไม่ควรพลาด

        น้ำยาล้างขวดนม

        วิธีเลือก น้ำยาล้างขวดนม อัศวินพิทักษ์ขวดนมของลูกน้อย

        • เลือกใช้น้ำยาล้างขวดนมสำหรับเด็กโดยเฉพาะเท่านั้น อีกทั้งควรจะมีส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ เช่น ข้าวโพด มะพร้าว เป็นต้น และผ่านการทดสอบว่าอ่อนโยน จากสถาบันที่เชื่อถือได้ และไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาล้างขวดนมชนิด multi-purpose เช่น ใช้ล้างผักผลไม้ได้ แม้จะดูปลอดภัย แต่ควรเลือกน้ำยาให้ตรงกับการใช้งานจะดีกว่า
        • เลือกน้ำยาล้างขวดนมที่มีประสิทธิภาพในการขจัดคราบน้ำ คราบไขมันได้ดีและหมดจด จะช่วยคุณแม่ประหยัดเวลาได้มาก
        • น้ำยาล้างขวดนม ที่ผลิตจากส่วนผสมธรรมชาติ เพื่อให้ปลอดภัยจากสารเคมีอันตราย เช่น พาราเบน ,SLS สารทำความสะอาดแต่มีผลข้างเคียงทำให้เกิดการระคายเคือง และฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde) สารก่อมะเร็ง
        • เลี่ยงน้ำยาล้างขวดนมที่มีฟองมากเกินไป ทำให้ล้างออกยาก และเพื่อให้มั่นใจว่าขวดนมสะอาดจริงทางที่ดีควรล้างน้ำสุดท้ายด้วยการเปิดน้ำไหลผ่านนานประมาณ 10 วินาที
        • เลือกขนาดและบรรจุภัณฑ์ที่เลือกใช้ปริมาณน้ำยาได้สะดวก ไม่ว่าจะล้างแค่จุกนมชิ้นเดียว หรือขวดนมหลายขวด ถ้าเป็นขวดที่ใช้งานมือเดียวได้ก็ยิ่งช่วยให้คุณแม่ล้างขวดนมได้ง่ายแม้ต้องอุ้มลูกน้อยไปด้วย

        น้ำยาล้างขวดนม

        Amarin Baby & Kids Awards 2019 ยกให้ เบบี้มายด์ อัลตร้ามายด์ เบบี้ ยูเทนซิล คลีนเนอร์ เป็นน้ำยาล้างขวดนม ที่ได้รับรางวัล Editor’s Choice Best Baby Bottle Cleanser

        เบบี้มายด์ อัลตร้ามายด์ เบบี้ ยูเทนซิล คลีนเนอร์ เป็น น้ำยาล้างขวดนม ที่ให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยนเป็นพิเศษ ด้วยสูตรอัลตร้ามายด์ที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อล้างขวดนม จุกนม และภาชนะสำหรับทารกโดยเฉพาะ ตัวสารทำความสะอาดที่ใช้จึงมาจากธรรมชาติอย่างข้าวโพดและมะพร้าว ผ่านการทดสอบไฮโปอัลเลอร์เจนิค ซึ่งเป็นการทดสอบจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อดูว่า ผลิตภัณฑ์ชนิดนั้นๆมีความอ่อนโยนและปลอดภัยจากทารกหรือไม่

        เวลาคุณแม่บีบน้ำยาออกเป็นน้ำข้นใสๆ ไร้สี ไร้กลิ่นฉุนรุนแรง มีเพียงกลิ่นหอมอ่อนๆ จากส่วนผสมจากธรรมชาติ น้ำยามีความข้นหนืด จึงไม่ใช้ในปริมาณมาก แค่กดหัวปั๊มเพียง 2 ครั้งแล้วผสมกับน้ำเปล่า  1 ลิตร  ฟองไม่เยอะ ล้างออกง่าย แค่ใช้แปรงหรือฟองน้ำลูบเช็ดเบาๆให้ทั่ว คราบน้ำนมและไขมันก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย ไม่ต้องออกแรงขัด ช่วยถนอมขวดนมไม่ให้มีรอยขีดข่วน หรือจุกนมฉีกขาดด้วย

        ส่วนขนาดของน้ำยาล้างขวดนม คุณแม่สามารถเลือกใช้ได้ตามสะดวก อยากขอแนะนำให้ซื้อชนิดหัวปั๊ม ที่มีขนาดใหญ่หน่อย เพราะซื้อครั้งเดียวใช้ได้นาน แถมยังช่วยควบคุมปริมาณน้ำยาที่ใช้แต่ละครั้งไปในตัว หมดแล้วสามารถซื้อชนิดถุงรีฟิลมาเติมได้ ไม่ต้องซื้อขวดใหม่ ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้ไม่น้อย

        ทาง Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จึงคัดเลือกให้ เบบี้มายด์ อัลตร้ามายด์ เบบี้ ยูเทนซิล คลีนเนอร์  ได้รับ รางวัล Editor’s Choice Best Baby Bottle Cleanser จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2019” ซึ่งมอบให้กับสินค้าแม่ลูก “สินค้าใช้ดี และมีประโยชน์จริง”

        ถ้าคุณแม่สามารถศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ เบบี้มายด์ อัลตร้ามายด์ เบบี้ ยูเทนซิล คลีนเนอร์  เพิ่มเติมได้ที่ http://www.babimild.com/th/organik.html  และ www.facebook.com/BabiMildTH/ และวางจำหน่ายแล้วที่  Central หรือ ช่องทาง online ที่ Central online, Lazada

        อ่านบทความ Amarin Baby & Kids Awards 2019 

        ประกาศผลรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2019 สุดยอดแบรนด์สินค้าแม่และเด็กในดวงใจ

        ถ้าลูก ผิวบอบบางแพ้ง่าย แม่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบบไหนดี

         

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

         

          น้ำยาล้างขวดนมยี่ห้อไหนดี

          น้ำยาล้างขวดนมยี่ห้อไหนดี คุณแม่เลือก KODOMO เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในดวงใจ

          น้ำยาล้างขวดนมยี่ห้อไหนดี ล้างขวดนม จุกนมได้สะอาดหมดจด และปลอดภัยไร้สารตกค้าง ราคาสบายกระเป๋า คุณแม่ทั่วประเทศเลือกและได้โหวต ให้ KODOMO เป็นแบรนด์น้ำยาล้างขวดนมอันดับหนึ่งใจดวงใจ และรับรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2019 สาขา Mommy’s Choice

          น้ำยาล้างขวดนมยี่ห้อไหนดี แม่ทั่วประเทศเลือกแล้ว ใช้ยี่ห้อนี้เป็นแบรนด์ในดวงใจ

          Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ไทย ทั้งรูปแบบ Online ผ่านเว็บไซต์ www.AmarinBabyAndKids.com และเฟซบุ๊คแฟนเพจที่มีเนื้อหาตรงใจ ทันสถานการณ์ โดยมียอดผู้ติดตามมากกว่า 1,000,000 Followers และรูปแบบ On print ผ่าน Bookazine ราย 2 เดือน รวมถึง รูปแบบ On ground งานแฟร์แม่ลูก Amarin Baby & Kids Fair ที่จัดมาแล้วถึง 15 ครั้ง

          เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเครือข่ายแม่ลูกอันดับ 1 ของประเทศที่เข้าใจคุณแม่ไทยมากที่สุด เว็บไซต์ Amarin Baby & Kids จึงได้จัด “Amarin Baby & Kids Awards 2019” ครั้งแรกในเมืองไทย เพื่อเฟ้นหาสุดยอดแบรนด์สินค้าแม่และเด็กในดวงใจ  จากคะแนนโหวตของคุณแม่ทั่วประเทศกว่า 10,000 คน ผ่าน www.AmarinBabyAndKids.com เว็บไซต์สื่อกลางข้อมูลคุณภาพจากแม่สู่แม่ Mom to Mom Sharing เพื่อเป็นประโยชน์แก่คุณแม่มือใหม่ที่กำลังมองหา “สินค้าใช้ดี ที่ได้รับการยืนยันจากคุณแม่ตัวจริงทั่วประเทศ”

          และเพื่อให้สมกับรางวัลที่มาจากความคิดเห็นของแม่อย่างแท้จริง สำหรับแบรนด์สินค้าในสาขา Mommy’s Choice จึงเปิดโอกาสให้แม่ได้ร่วมโหวต  2  รอบ ได้แก่ “รอบเสนอชื่อแบรนด์ที่ชื่นชอบ” จากนั้นทีมงานได้ทำการเลือกแบรนด์ที่ถูกเสนอชื่อมากที่สุด มาจัด”รอบโหวตแบรนด์ในดวงใจ” อีกครั้งหนึ่ง

          ทำไมแม่โหวตให้ KODOMO เป็นแบรนด์ น้ำยาล้างขวดนมในดวงใจ

          แม่ ABK เลือกให้ KODOMO เป็นแบรนด์สุดยอดน้ำยาล้างขวดนมในดวงใจ โดยคุณแม่ให้เหตุผลในการเลือกแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น

          “พอลูกเริ่มกินขวดตอน 6 เดือน แม่ก็ใช้ของโคโดโมมาตลอด ชอบตรงที่ล้างคราบน้ำออกได้ง่าย ซอกเล็กๆในจุกนม หรือขอบขวดนมได้สะอาด  แบบไม่ต้องขัดแรง แถมยังล้างออกง่าย ไม่ต้องห่วงเรื่องสารตกค้างด้วย”

          “อ่านฉลากแล้ว พอรู้ว่าทำมาจากสารธรรมชาติ อย่างมะพร้าวและน้ำมันปาล์ม ก็มั่นใจว่าต้องปลอดภัยกับลูกแน่ๆชอบตรงที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่ฉุนด้วย”

          “หาซื้อง่ายดีค่ะ จะไปห้างในเมือง หรือต่างจังหวัดก็มีให้ซื้อ ไม่ต้องห่วงว่าของจะหมดเลย แถมยังจัดโปรโมชั่นบ่อยๆ ซื้อทีเดียวใช้ได้นาน คุ้มมากเลยค่ะ”

          KODOMO เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์กลุ่มทารกและเด็กภายใต้บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด โดยครอบคลุม 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กลุ่มของใช้ส่วนตัว กลุ่มผลิตภัณฑ์ในช่องปาก และกลุ่มของใช้ภายในบ้าน สำหรับน้ำยาล้างขวดนม KODOMO ใช้ได้กับเด็กแรกเกิด เน้นการทำความสะอาดทั้งขวดนม จุกนม ภาชนะ ของเล่น รวมถึงใช้ล้างผัก ผลใม้ด้วย เพราะใช้สารทำความสะอาดจากพืชธรรมชาติ จึงหมดห่วงเรื่องความสะอาดและปลอดภัย

          อ่านบทความ Amarin Baby & Kids Awards 2019 

          ประกาศผลรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2019 สุดยอดแบรนด์สินค้าแม่และเด็กในดวงใจ

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

           

            โคเวย์ เครื่องกรองน้ำ

            น้ำสะอาดอากาศบริสุทธิ์ดีสำหรับลูกรัก

            ความพิเศษของการมาเยือนกรุงโซลครั้งนี้ คือมีโอกาสเยี่ยมชมศูนย์ R&D และสำนักงานใหญ่บริษัท COWAY  แบรนด์อันดับ 1 ของเกาหลีใต้ในผลิตภัณฑ์เครื่องกรองน้ำและเครื่องฟอกอากาศ จุดนี้ล่ะที่ทำให้เราเห็นถึงความใส่ใจมากๆ ของคุณแม่ชาวเกาหลีในการดูแลครอบครัวให้มีน้ำดื่มสะอาดและอากาศบริสุทธิ์  สองปัจจัยที่มีผลโดยตรงต่อสุขภาพของลูก จนเราต้องนำมาบอกต่อให้คุณแม่ชาวไทยได้ทราบกันบ้างว่า เทคโนโลยีในเครื่องใช้ประจำบ้านนั้นช่วยส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตให้คุณแม่คุณลูกและทุกคนในครอบครัวได้ยังไง

            โคเวย์ เครื่องกรองน้ำ

            เราเริ่มต้นวันแรกกันที่ Coway Laboratory, Coway Environmental Technology Institute, Seoul National University, Research Park, Gwanak-ro 1, Gwanak-gu, Seoul  ที่นี่คือศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์โคเวย์ใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล  มีนักวิจัยมือโปรมากกว่า 250 คน ทำงานกันอย่างขะมักเขม้นเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ให้โคเวย์ใช้สรรค์สร้างนวัตกรรมอำนวยความสะดวกในชีวิตของเรา

            โคเวย์ เครื่องกรองน้ำ

            คนเกาหลีใต้รักในการดูแลสุขภาพ อยากมีคุณภาพชีวิตที่แข็งแรงยืนยาว ดังนั้นผลิตภัณฑ์อะไรที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เขายอมลงทุนกันมากค่ะ และโคเวย์ก็เป็นแบรนด์ชั้นนำที่เค้าเลือก โดยเฉพาะคุณแม่ๆ จะถูกใจโคเวย์เป็นพิเศษ ก็เรื่องน้ำกับอากาศดีภายในบ้านเป็นสองเรื่องสำคัญที่คุณแม่ให้ความสำคัญในการจัดสภาพแวดล้อมดีๆ ให้ลูกรักเติบโตแข็งแรง

            โคเวย์ เครื่องกรองน้ำ

             

            โคเวย์ เครื่องกรองน้ำ

            มาดูเทคโนโลยีที่ทำให้เครื่องฟอกอากาศมีประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม เครื่องฟอกอากาศของโคเวย์ สามารถจำกัดไวรัส  แบคทีเรียได้ถึง 99%  และดักจับฝุ่น PM 2.5 และ PM 10 เปลี่ยนอากาศแย่ๆ ภายในบ้านให้กลับมามีอากาศสะอาดบริสุทธิ์ภายใน 3 นาที

            โคเวย์ เครื่องกรองน้ำ

            ศูนย์ R&D ให้เราเข้าชม  WATER LAB ที่มีการวิจัยคุณภาพน้ำประปาของแต่ละประเทศทั่วโลก เราพบว่าประเทศไทย มีคุณภาพน้ำประปาที่สะอาดค่ะ  แต่หากจะดื่มน้ำประปาจากท่อส่งโดยตรง  คิดว่าให้น้ำผ่านเครื่องกรองน้ำคุณภาพของโคเวย์ ก็จะวางใจได้มากกว่าว่าได้ดื่มน้ำสะอาดอย่างแท้จริง

            โคเวย์ เครื่องกรองน้ำ

            โคเวย์ เครื่องกรองน้ำ มีนวัตกรรมการกรองถึง 6 ขั้นตอน สามารถจำกัดสารแขวนลอย เศษผง สนิม คลอรีน ตะกอน ทราย ตะไคร่น้ำ กำจัดโลหะหนัก สารพิษที่ปนมากับน้ำ สารอินทรีย์ที่เป็นอันตราย  สารกัมมันตรังสี จุลินทรีย์  กลิ่นเหม็น  กรองออกได้หมดจริงๆ  ทำให้ได้น้ำสะอาดบริสุทธิ์ถึง 99.99%

            มี โคเวย์ เครื่องกรองน้ำ ติดไว้ในบ้านเครื่องเดียว สามารถมีน้ำดื่มสะอาดทั้งน้ำเย็น  น้ำอุ่น  น้ำร้อน ยิ่งบ้านไหนที่มีลูกเล็กๆ ต้องชงนม หรือทำเครื่องดื่ม ก็ปลอดภัยมากค่ะ เพราะถังเก็บน้ำของโคเวย์ เครื่องกรองน้ำ จะปลอดสาร BPA และตัวถังเก็บน้ำจะเคลือบด้วยสารฆ่าเชื้อ ทำให้น้ำจากถังน้ำสะอาดตลอดเวลา ดื่มน้ำจากเครื่องกรองน้ำโคเวย์ปลอดภัยต่อสุขภาพมากค่ะ

            โคเวย์ เครื่องกรองน้ำ

            มั่นใจไปอีกชั้นเพราะสินค้าโคเวย์ทุกรุ่นได้รับการรับรองมาตรฐานสากลจากองค์กรระดับโลก ที่สำคัญยังมีรางวัลการันตีคุณภาพอีกด้วยค่ะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสินค้าของโคเวย์ จึงเป็นอันดับ 1 ในประเทศเกาหลีใต้

            โคเวย์ เครื่องกรองน้ำ

             

            โคเวย์ เครื่องกรองน้ำ

             

            โคเวย์ เครื่องกรองน้ำ

            ก่อนกลับไทย เราได้รับการเชิญให้เข้าไปเยี่ยมชมดูงานกันที่สำนักงานใหญ่บริษัท COWAY  ที่นี่จัดทำโชว์รูมให้เห็นความทันสมัยของไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนเกาหลียุคใหม่  นวัตกรรมใหม่ๆ ของโคเวย์รายล้อมรอบตัวเรา  มีทั้งที่นอนเพื่อสุขภาพ เครื่องกรองน้ำ เครื่องฟอกอากาศ  ฝาสุขภัณฑ์อัจฉริยะ  ตู้ซักแห้งเสื้อผ้า  รวมถึงเครื่องสำอางด้วยค่ะ

            โคเวย์ เครื่องกรองน้ำ

             

            โคเวย์ เครื่องกรองน้ำ

            เทคโนโลยีดีงามเช่นนี้ โคเวย์ทำให้เราทุกคนเข้าถึงได้ไม่ยากด้วยโปรแกรม Coway Care มีน้ำดื่มสะอาดไว้ใช้ทุกวันแบบสบายกระเป๋าเพื่อให้ได้สุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น   รวมทั้งยังมีการรับประกันสินค้าทุกรุ่นยาวนาน 5 ปีพร้อมการดูแลหลังการขายที่น่าประทับใจด้วยบริการ Heart Service มีผู้เชี่ยวชาญ Cody (โคดี้) ไปให้บริการถึงบ้านในทุก 2 เดือน เพื่อทำความสะอาดเครื่องกรองน้ำด้วย Care Kit นวัตกรรมฆ่าเชื้อโรคที่คนเกาหลีนิยมใช้ ดูรายละเอียดโปรแกรม Coway Care กันได้ที่  www.coway.co.th 

             

            โคเวย์ เครื่องกรองน้ำ

            เครื่องกรองน้ำโคเวย์ รุ่น CHP-08AR มาฮา 2

             

            โคเวย์ เครื่องกรองน้ำ

            เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AP-1516D สตรอม

            สำหรับ โคเวย์ เครื่องกรองน้ำ และ โคเวย์ เครื่องฟอกอากาศ ทั้ง 2 รุ่นนี้มีจำหน่ายที่ประเทศไทยนะคะ สามารถสอบถาม ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-261-0209 หรือเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.coway.co.th  และ Facebook :  www.facebook.com/CowayThailandOfficial 

             

              น้ำส้มคั้นสด

              อ่านก่อนซื้อ! พบสารเคมีตกค้างใน “น้ำส้มคั้นสด” ถึง 60%

              มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เผยผลทดสอบ น้ำส้มคั้นสด ที่ขายตามท้องตลาดทั่วไป พบมีสารเคมีตกค้างถึง 18 ตัวอย่างจาก 30 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 60 พบสารกันบูด 4 ตัวอย่างแต่ไม่เกินมาตรฐานและไม่พบการตกค้างยาปฏิชีวนะ

              อ่านก่อนซื้อ! พบสารเคมีตกค้างใน “น้ำส้มคั้นสด” ถึง 60%

              เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ ภายใต้โครงการสนับสนุนระบบเฝ้าระวังสินค้าและบริการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง บรรณาธิการบริหารนิตยสารฉลาดซื้อ เปิดเผยผลทดสอบ “น้ำส้มคั้นสด และ น้ำส้ม 100%” โดยได้สุ่มซื้อ น้ำส้มคั้นสด และ น้ำส้ม 100% ที่ขายในท้องตลาดเพื่อมาทดสอบจำนวน 30 ตัวอย่าง โดยได้ตรวจสอบการปนเปื้อน 4 ข้อดังต่อไปนี้

              1. ทดสอบการปนเปื้อนสารเคมีทางการเกษตรตกค้างในน้ำส้ม จำนวน 13 ชนิด ได้แก่ Imazalil, Imidacloprid, Ethion, Carbofuran, Carbendazim, Acetamiprid, Carbofuran-3-hydroxy, Profenofos, Chlorpyrifos, Methomyl, Azoxystrobin, Fenobucar, และ Prothiofos
              2. ทดสอบการตกค้างของสารกันบูด 2 กลุ่ม คือ กรดเบนโซอิกและซอร์บิก
              3. ทดสอบปริมาณน้ำตาล
              4. และทดสอบการตกค้างของยาปฏิชีวนะ 4 ชนิด ได้แก่ Amoxicillin, Ampicillin, Benzyl Penicillin และ Tetracycline

              จากการเก็บตัวอย่างเมื่อเดือนสิงหาคม 2562 โดยเก็บจากสถานที่จำหน่าย น้ำส้มคั้นสด จำนวน 25 ตัวอย่าง ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และเชียงใหม่ และน้ำส้มบรรจุกล่องผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ ที่ระบุบนฉลากว่าเป็นน้ำส้ม 100 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 5 ตัวอย่าง และนำมาตรวจสอบ ได้ผลการตรวจสอบตามยี่ห้อ ดังนี้

              น้ำส้ม
              น้ำส้ม

              ไม่พบสารเคมีตกค้าง 12 ตัวอย่าง

              • Orangee
                • ไม่พบสารเคมีตกค้าง
                • ไม่พบวัตถุกันเสีย
                • ปริมาณน้ำตาล 11.4 กรัม / 100 มล.
                • ไม่พบการตกค้างของยาปฏิชีวนะ
              • Nalit Juice
                • ไม่พบสารเคมีตกค้าง
                • ไม่พบวัตถุกันเสีย
                • ปริมาณน้ำตาล 8.73 กรัม / 100 มล.
                • ไม่พบการตกค้างของยาปฏิชีวนะ
              • Farm Fresh
                • ไม่พบสารเคมีตกค้าง
                • ไม่พบวัตถุกันเสีย
                • ปริมาณน้ำตาล 12.5 กรัม / 100 มล.
                • ไม่พบการตกค้างของยาปฏิชีวนะ
              • น้ำส้มอุดมพันธ์
                • ไม่พบสารเคมีตกค้าง
                • ไม่พบวัตถุกันเสีย
                • ปริมาณน้ำตาล 4.98 กรัม / 100 มล.
                • ไม่พบการตกค้างของยาปฏิชีวนะ
              • Oranginal
                • ไม่พบสารเคมีตกค้าง
                • ไม่พบวัตถุกันเสีย
                • ปริมาณน้ำตาล 9.47 กรัม / 100 มล.
                • ไม่พบการตกค้างของยาปฏิชีวนะ
              • เจ้ทิพย์ จิ๊ดจ้าด
                • ไม่พบสารเคมีตกค้าง
                • ไม่พบวัตถุกันเสีย
                • ปริมาณน้ำตาล 12.8 กรัม / 100 มล.
                • ไม่พบการตกค้างของยาปฏิชีวนะ
              • Orange Juice Healthy Valley
                • ไม่พบสารเคมีตกค้าง
                • ไม่พบวัตถุกันเสีย
                • ปริมาณน้ำตาล 13.8 กรัม / 100 มล.
                • ไม่พบการตกค้างของยาปฏิชีวนะ
              • C-orange
                • ไม่พบสารเคมีตกค้าง
                • ไม่พบวัตถุกันเสีย
                • ปริมาณน้ำตาล 13.4 กรัม / 100 มล.
                • ไม่พบการตกค้างของยาปฏิชีวนะ
              • กรีนการ์เด็น
                • ไม่พบสารเคมีตกค้าง
                • ไม่พบวัตถุกันเสีย
                • ปริมาณน้ำตาล 8.2 กรัม / 100 มล.
                • ไม่พบการตกค้างของยาปฏิชีวนะ
              • We are Fresh
                • ไม่พบสารเคมีตกค้าง
                • ไม่พบวัตถุกันเสีย
                • ปริมาณน้ำตาล 7.43 กรัม / 100 มล.
                • ไม่พบการตกค้างของยาปฏิชีวนะ
              • มาลี (Malee)
                • ไม่พบสารเคมีตกค้าง
                • ไม่พบวัตถุกันเสีย
                • ปริมาณน้ำตาล 10.1 กรัม / 100 มล.
                • ไม่พบการตกค้างของยาปฏิชีวนะ
              • Healthy Plus
                • ไม่พบสารเคมีตกค้าง
                • พบวัตถุกันเสีย เบนโซอิก 53.46 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และกรดซอร์บิก 2 41.51 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ซึ่งปริมาณที่พบอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 389 คือ ไม่เกิน 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
                • ปริมาณน้ำตาล 11.4 กรัม / 100 มล.
                • ไม่พบการตกค้างของยาปฏิชีวนะ

               

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

              อ่านก่อนซื้อ! พบสารเคมีตกค้างใน “น้ำส้มคั้นสด” ถึง 60%

                ยาสมาธิสั้น

                ยาสมาธิสั้น ตัวช่วยให้ลูกเก่ง หรือ แพะรับบาปจากพ่อแม่?

                ซน อยู่ไม่นิ่ง ทำอะไรไม่เสร็จ ทำงานพลาดบ่อย ๆ ขี้ลืม โมโหง่าย อาการของเด็กที่ทำให้พ่อแม่และคุณครูสงสัยว่าอาจเป็นโรคสมาธิสั้น และพาลูกไปพบจิตแพทย์เพื่อขอ ยาสมาธิสั้น โดยหวังจะแก้ปัญหานี้ได้ด้วยยา

                ยาสมาธิสั้น ตัวช่วยให้ลูกเก่ง หรือ แพะรับบาปจากพ่อแม่?

                ในสังคมที่มีการแข่งขันสูง ทุกวันมีแต่ความเร่งรีบ เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้คนชอบความรวดเร็ว ไม่ชอบการรอคอย การศึกษาในระบบ “แพ้คัดออก” ดั่งเช่นที่ “หมอเดว” รศ.นพ. สุริยะเดว ทรีปาตี กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น อดีตผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เขียนว่า #เมื่อลูกร้องขอเวลาจากแม่ #เมื่อระบบการศึกษาขโมยเวลาแม่ลูก ในบทความ ดังนี้

                การศึกษาไทย ในระบบ “แพ้คัดออก” ขโมยเวลาลูก

                จะเห็นได้ว่าเด็กจะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อทำการบ้านเช้า กลับบ้านเย็นหลังจากเรียนพิเศษ วันเสาร์อาทิตย์ก็ต้องเรียนพิเศษ และทบทวนการเรียน จนเมื่อผลการเรียนแย่ลง ความรับผิดชอบของเด็กมีน้อยลง ครูจึงแนะนำให้ไปพบจิตแพทย์เพื่อขอ ยาสมาธิสั้น การกระทำเหล่านี้ ได้ตราหน้าเด็กคนนี้ไปเรียบร้อยแล้วว่าเป็น “เด็กสมาธิสั้น” จะต้องกินยาเท่านั้น ถึงจะอยู่ร่วมกับคนในสังคมได้ อยากให้ลองมองดูนะคะ ว่าปัญหาที่ทำให้เด็กผลการเรียนแย่ลง ความรับผิดชอบมีน้อยลง เป็นเพราะตัวเด็กเอง หรือเป็นเพราะพ่อแม่และระบบการศึกษา? โดย นพ. ทรงภูมิ เบญญากร จาก คุยกับจิตแพทย์เด็ก ก็ได้อธิบายถึงอาการสมาธิสั้นแท้ และ สมาธิสั้นเทียม เพื่อให้พ่อแม่ได้ดูและแยกอาการที่ลูกเป็น เพื่อให้แก้ปัญหาให้ถูกจุด แทนการใช้ ยาสมาธิสั้น เพื่อแก้ปัญหา ดังนี้

                สมาธิสั้นแท้ VS. สมาธิสั้นเทียม

                สมาธิสั้นแท้ คือโรคทางสมองชนิดหนึ่ง เมื่อสมองผิดปกติจึงทำให้พฤติกรรมผิดปกติ เนื่องจากสมองส่วนที่ทำหน้าที่ในการควบคุมสมาธิหรือการเรียงลำดับขั้นตอนในการทำงานยังพัฒนาการได้ไม่เต็มที่ ทำให้เด็กมักทำอะไรไม่ได้นาน นั่งกับที่ไม่ได้และทำงานไม่เสร็จ เพราะเหตุใดแพทย์ถึงต้องให้ทาน ยาสมาธิสั้น เนื่องจาก อาการสมาธิสั้นเกิดจากการพัฒนาของสมองส่วนที่ควบคุมสมาธิหรือเรียบเรียงตามลำดับขั้นตอนยังไม่พัฒนาเต็มที่ ทำให้เกิดพฤติกรรมนั่งได้ไม่นาน ซุกซน ยุกยิกหรือทำงานไม่เสร็จ แพทย์จึงต้องให้ยามาช่วยควบคุมอาการนั้น จนกว่าที่สมองจะสามารถพัฒนาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งในบางคนอาจจะต้องกินไปจนถึงวัยรุ่น

                สมาธิสั้น
                สมาธิสั้น

                สมาธิสั้นเทียม อาการเหมือนกับสมาธิสั้นแท้ทุกประการต่างกันที่ “สาเหตุ” เพราะว่าโรคสมาธิสั้นเทียมมีสาเหตุจากพัฒนาการและสิ่งแวดล้อม “ไม่ใช่จากสมอง” ซึ่งสาเหตุที่สำคัญที่สุดคือสาเหตุทาง “การเลี้ยงดู” และยิ่งในเด็กที่ทำทุกอย่างด้วยความรีบเร่งอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเด็กที่โตมากับสภาพแวดล้อมในเมือง มีการแข่งขันกับเวลา เมื่อเด็กต้องทำงานแข่งกับเวลาตลอดโดยที่พัฒนาการของเด็กยังไม่พร้อมทำให้ออกมาเป็นอาการทำงานผิดบ่อย ๆ ขี้ลืม เหม่อลอย บ่อยครั้งที่เด็กพบกับความผิดหวังที่ทำไม่ได้ทันเวลาก็จะเป็นปัญหาทางอารมณ์ เช่น หงุดหงิดง่าย เบื่อหน่าย กังวลตามมาด้วย นอกจากการเลี้ยงดูแล้ว สาเหตุอีกอันคือ “เทคโนโลยี” คือโทรศัพท์มือถือ แท๊บเล็ต และอินเตอร์เน็ต ทุกวันนี้เทคโนโลยีทำให้เราไม่รู้จักรอคอย ทำให้เราไม่รู้จักวางแผน และทำให้เรากลายเป็น “สมาธิสั้นเทียม”

                จะเห็นได้ว่าการทาน ยาสมาธิสั้น ไม่ได้ช่วยให้เด็กที่เป็นสมาธิสั้นเทียม หายจากโรคนี้ได้ แต่การเลี้ยงดูและการเอาใจใส่ต่างหาก ที่จะทำให้เด็กกลับมามีสมาธิและตั้งใจเรียนมากขึ้น โดยทางกระทรวงสาธารณสุข ก็ได้กล่าวถึงกรณีที่มีพ่อแม่นำยาสมาธิสั้นมาให้ลูกทานเพื่อหวังให้ลูกฉลาดขึ้น ดังนี้

                 

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                อ่านต่อ กระทรวงสาธารณสุขชี้! ยาสมาธิสั้นไม่ช่วยให้ลูกฉลาดขึ้น

                  เมนูเพิ่มน้ำหนักลูกในท้อง

                  เมนูเพิ่มน้ำหนักลูกในท้อง ไตรมาสสุดท้ายกินน้อย แต่บ่อย!

                  แม้ลูกใกล้จะพร้อมที่จะออกมาจากท้องแม่แล้ว แต่ลูกก็ยังต้องการสารอาหารเพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโตอยู่ เมนูเพิ่มน้ำหนักลูกในท้อง จึงมุ่งเน้นไปที่…….

                  เมนูเพิ่มน้ำหนักลูกในท้อง ไตรมาสสุดท้ายกินน้อย แต่บ่อย!

                  ไตรมาสสุดท้ายแล้ว มีอะไรเปลี่ยนแปลงกับร่างกายแม่ท้องบ้าง?

                  ในช่วงไตรมาสสุดท้าย เป็นช่วงเวลาของการใกล้คลอด แม่ท้องจะอุ้ยอ้ายเดินเหินลำบากมากขึ้น เพราะขนาดตัวของลูกน้อยใหญ่ขึ้น ในช่วงนี้คุณแม่จะเริ่มมีอาการท้องแข็งเป็นบางครั้ง ทานอาหารได้นิดหน่อยก็อิ่ม จึงแนะนำให้ทานแต่น้อย แต่ให้เพิ่มปริมาณมื้อหรือทานให้บ่อยขึ้น (อ่านต่อ ท้องแข็งใกล้คลอด เป็นแบบไหน? ท้องแข็งแบบไหนอันตราย) แม้ว่าในช่วงนี้ลูกน้อยใกล้พร้อมที่จะคลอดออกมาแล้ว แต่คุณแม่ก็ยังต้องทาน เมนูเพิ่มน้ำหนักลูกในท้อง อยู่เพราะนี่เป็นช่วงเวลาสำคัญในการสร้างปอดและกระดูกของลูกน้อย นอกจากนี้ปริมาณเลือดในร่างกายของคุณแม่ก็จะเพิ่มสูงขึ้นเต้านมจะขยายขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ก็เพื่อรองรับการให้นมลูกหลังคลอดนั่นเอง

                  อาหารเพิ่มน้ำหนักลูกในครรภ์
                  เมนูเพิ่มน้ำหนักลูกในท้อง

                  สารอาหารที่จำเป็นสำหรับแม่ท้องไตรมาสสุดท้าย

                  • ธาตุเหล็ก ธาตุเหล็กยังคงจำเป็นกับร่างกาของแม่ท้องในไตรมาสนี้ เพราะลูกจะต้องสะสมธาตุเหล็กเพื่อไปใช้หลังคลอด โดยทารกจะสามารถเก็บธาตุเหล็กที่ได้จากในท้องแม่มาใช้ได้นานถึงอายุ 6 เดือน แม่ท้องต้องการธาตุเหล็ก 27 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อสร้างเลือดเพิ่มสำหรับใช้ในการส่งอาหารและออกซิเจนให้ลูก ซึ่งสามารถหาธาตุเหล็กได้ในเนื้อสัตว์ ตับ ไข่แดง อาหารทะเล ถั่วต่าง ๆ อ่านต่อ คนท้องเลือดจาง ควรกินอะไร และมีวิธีป้องกันอย่างไร
                  • กรดไขมันโอเมก้า 3 พบได้ในเนื้อปลา เมล็ดเจีย เป็นต้น วิจัยจาก New England Journal of Medicine พบว่าแม่ท้องที่ได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3 ทุกวันในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ จะช่วยลดโอกาสให้ลูกไม่เป็นโรคหอบหืดได้ถึง 30% ในช่วงที่ลูกอายุ 3-5 ขวบ แม่ท้องจึงควรได้รับสารอาหารชนิดนี้อย่างเพียงพอ (อ่านต่อ คนท้องกินเมล็ดเจียได้ไหม? พร้อมเมนูสุดอร่อยจากเมล็ดเจีย)
                  • โปรตีน สร้างเนื้อเยื่อลูก แม่ท้องควรกินโปรตีนดีจากเนื้อสัตว์ไขมันน้อย เช่น ปลา ถั่ว และ นม ฯลฯ
                  • ไอโอดีน ดูแลสมองและสติปัญญา มีมากในอาหารทะเล
                  • ใยอาหาร ลดปัญหาท้องผูก มีมากใน ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท และผักผลไม้ ฯลฯ

                  อาหารเร่งคลอด สำหรับแม่ท้อง 40 สัปดาห์ขึ้นไป

                  สำหรับแม่ท้อง 40 สัปดาห์ขึ้นไป ที่กำลังมองหาตัวช่วยที่จะทำให้คลอดเร็ว คลอดง่ายขึ้น เรามีอาหารที่ง่าย ๆ มาแนะนำ คือ อินทผาลัม นั่นเองค่ะ มีผลวิจัยระบุว่าแม่ท้องที่ทานอินทผาลัม 6 ลูกต่อวันในช่วง 2-4 สัปดาห์ก่อนคลอด อิทผาลัมจะช่วยทำให้ปากมดลูกเปิดเร็วขึ้นนั่นเอง อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานนะคะ โดยเฉพาะแม่ท้องที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์อยู่ เพราะอินทผาลัม 1 ลูกมีคาร์โบไฮเดรตมากถึง 18 กรัม

                   

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                  อ่านต่อ เมนูเพิ่มน้ำหนักลูกในท้อง ไตรมาสสุดท้ายกินน้อย แต่บ่อย!

                    เมนูลูกวัย 12 เดือน

                    10 เมนูลูกวัย 12 เดือน สูตรสำหรับฝึกเคี้ยวโดยเฉพาะ!

                    ลูกครบ 1 ขวบแล้ว จะทำเมนูอะไรให้กินดี? ทีมแม่ ABK  มี 10 สูตรอร่อยมาฝาก เป็น เมนูลูกวัย 12 เดือน ที่เน้นฝึกการเคี้ยวของลูก ว่าแต่จะมีเมนูอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย

                    เมนูลูกวัย 12 เดือน ลูก1ขวบกินอะไรได้บ้าง

                    ลูกวัย 12 เดือน แม้จะยังเป็นเด็กแต่ก็จำเป็นต้องได้รับพลังงานและสารอาหารมากกว่าผู้ใหญ่อย่างเราๆ เพราะลูกต้องนำไปใช้ในการสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ ฟัน อวัยวะต่างๆ ที่กำลังเจริญเติบโต รองรับปริมาตรเลือดที่เพิ่มขึ้น และเพื่อรักษาสภาพสมดุลร่างกาย อีกทั้งยังต้องมีสำรองให้ร่างกายใช้เป็นพลังขับเคลื่อนร่างเล็กๆ ที่เคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง หรือในยามเจ็บป่วยอีกด้วย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจให้ลูกน้อยได้รับทั้งพลังงานและสารอาหารอย่างหลากหลาย ครบทั้ง 5 หมู่ ในปริมาณที่เพียงพอ

                    แต่ก็มีเหตุหลายอย่างที่ทำให้ลูกสนใจอาหารน้อยลง ทั้งที่อาหารยังเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตในทุกด้าน ได้แก่ กำลังมีพัฒนาการใหม่ๆ เช่น เริ่มเดินและวิ่งได้จึงอยากสำรวจไปทั่วจนลืมหิว เริ่มพูดเก่งและช่างสงสัยจึงถามไปทุกอย่างจนไม่อยากจะเคี้ยวอาหาร บางรายก็จะเจอช่วงวัยต่อต้านหรือวัยปฏิเสธ จึงเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่ต้องอดทนในการฝึกให้ลูกน้อยรู้จักการกินอาหารเป็นเวลาในแต่ละมื้อ โดยฝึกให้นั่งกินที่โต๊ะอาหาร จะดีกว่าการเดินตามป้อนข้าวเด็ก

                    ลูกไม่กินข้าว

                    ควรให้ยากระตุ้นเพื่อให้ลูกกินอาหารได้มากขึ้นหรือไม่?

                    ทั้งนี้หากลูกมีอาการเบื่ออาหาร บางคนอาจแนะนำให้ซื้อยากระตุ้นให้ลูกอยากทานอาหาร หรือซื้อยาบำรุงมาให้ลูกกิน ซึ่งยาเหล่านี้มีฤทธิ์กระตุ้นสมองให้อยากกินอาหาร แต่จะให้ผล 2-3 สัปดาห์เท่านั้น หลังจากนั้นจะไม่ได้ผลอีก และอาจทำให้ลูกเบื่ออาหารมากกว่าเดิม นอกจากนี้ยาเหล่านี้ยังมีผลให้ง่วงนอนและคอแห้ง จึงไม่ควรให้ลูกน้อยกินยาเหล่านี้ ควรหาสาเหตุที่ทำให้ลูกเบื่ออาหาร เช่น ลูกอาจจะเจ็บป่วย เป็นไข้, เบื่อรสอาหาร, เบื่อเมนูอาหาร ซึ่งคุณพ่อคุณแม่จึงควรที่จะสังเกตลูกให้ดีหรืออาจขอคำปรึกษาจากคุณหมอจะดีกว่า

                    Must read : 3 สูตร อาหารเด็ก “ข้าวต้ม ข้าวตุ๋น น้ำสต๊อก” เพื่อลูกวัย 6-9 เดือน

                    ปริมาณอาหาร 1 ขวบ

                    สำหรับ เมนูลูกวัย 12 เดือน ในช่วงวัยนี้ แนะนำให้เป็นอาหารแบบเดียวกับผู้ใหญ่ โดยต้องคอยสังเกตว่าลูกชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร เพราะจะทำให้เด็กกินข้าวได้ง่ายขึ้น เลือกทำ เมนูอาหารเด็ก ที่เคี้ยวง่าย ชิ้นไม่ใหญ่ รสไม่จัด โดยให้รับประทานอาหาร 3-4 มื้อ โดยให้มีข้าวสวยปริมาณ 1 ทัพพี (ประมาณ 6 ช้อนโต๊ะ) ส่วนของเนื้อสัตว์และโปรตีน มีปริมาณ 3 ช้อนโต๊ะ และยังควรให้ไข่ต้ม (ไข่ขาว + ไข่แดง) เป็นประจำทุกวัน ไขมันไม่ควรเกิน 3 ช้อนชา ผลไม้ 3 ส่วน น้ำตาลไม่ควรเกิน 2 ช้อนชา และควรพิจารณาตามความต้องการรับประทานของลูกด้วย ทั้งนี้อาจเสริมอาหารว่างที่มีคุณค่าให้ลูกระหว่างมื้ออาหารหลัก แต่ขณะเดียวกันก็ยังควรที่จะได้ดื่มนมแม่ 3-4 มื้อต่อวันต่อไปอีกเป็นเวลา 2 ปี หรือมากกว่านั้นก็จะยิ่งดี (แต่ต้องเป็นปริมาณที่เหมาะสม ห้ามให้กินมากกว่าข้าวหรืออาหารหลัก 3 มื้อ)

                    ดู >> 10 เมนูอาหารเด็ก วัย 12 เดือน
                    สำหรับฝึกเคี้ยวโดยเฉพาะ” คลิกหน้า 2

                     


                    ขอบคุณข้อมูลจาก : www.honestdocs.co

                     

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                     

                      ครีมกันแดดเด็ก ยี่ห้อไหนดี

                      ครีมกันแดดเด็ก ยี่ห้อไหนดี2019 คุณแม่เลือก Eucerin เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในดวงใจ

                      ครีมกันแดดเด็ก ยี่ห้อไหนดี สำหรับคนเป็นแม่แล้วไม่ได้กลัวแค่ลูกผิวดำ แล้วจะไม่หล่อไม่สวย แต่แม่คิดไปมากกว่านั้นในการจะเลือกครีมกันแดดให้ลูก ต้องช่วยปกป้องลูกน้อยจากรังสียูวี ที่เป็นตัวการทำร้ายผิว และเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งผิวหนังด้วย

                      ซึ่งครีมกันแดดเด็กมีจำหน่ายอยู่มากมายหลายยี่ห้อ จะเลือกยี่ห้อไหนดี ต้องฟังจากประสบการณ์ของคุณแม่ผู้ใช้จริงหลายๆ เสียง โดยคุณแม่ทั่วประเทศได้โหวต ให้ Eucerin เป็นแบรนด์ “ครีมกันแดดเด็ก” อันดับหนึ่งในดวงใจ และรับรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2019 สาขา Mommy’s Choice

                      ครีมกันแดดเด็ก ยี่ห้อไหนดี แม่ทั่วประเทศเลือกแล้ว ใช้ยี่ห้อนี้เป็นแบรนด์ในดวงใจ 

                      Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ไทย ทั้งรูปแบบ Online ผ่านเว็บไซต์ www.AmarinBabyAndKids.com และเฟซบุ๊คแฟนเพจที่มีเนื้อหาตรงใจ ทันสถานการณ์ โดยมียอดผู้ติดตามมากกว่า 1,000,000 Followers และรูปแบบ On print ผ่าน Bookazine ราย 2 เดือน รวมถึง รูปแบบ On ground งานแฟร์แม่ลูก Amarin Baby & Kids Fair ที่จัดมาแล้วถึง 15 ครั้ง

                      เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเครือข่ายแม่ลูกอันดับ 1 ของประเทศที่เข้าใจคุณแม่ไทยมากที่สุด เว็บไซต์ Amarin Baby & Kids จึงได้จัด “Amarin Baby & Kids Awards 2019” ครั้งแรกในเมืองไทย เพื่อเฟ้นหาสุดยอดแบรนด์สินค้าแม่และเด็กในดวงใจ  จากคะแนนโหวตของคุณแม่ทั่วประเทศกว่า 10,000 คน ผ่าน www.AmarinBabyAndKids.com เว็บไซต์สื่อกลางข้อมูลคุณภาพจากแม่สู่แม่ Mom to Mom Sharing เพื่อเป็นประโยชน์แก่คุณแม่มือใหม่ที่กำลังมองหา “สินค้าใช้ดี ที่ได้รับการยืนยันจากคุณแม่ตัวจริงทั่วประเทศ”

                      และเพื่อให้สมกับรางวัลที่มาจากความคิดเห็นของแม่อย่างแท้จริง สำหรับแบรนด์สินค้าในสาขา Mommy’s Choice จึงเปิดโอกาสให้แม่ได้ร่วมโหวต  2  รอบ ได้แก่ “รอบเสนอชื่อแบรนด์ที่ชื่นชอบ” จากนั้นทีมงานได้ทำการเลือกแบรนด์ที่ถูกเสนอชื่อมากที่สุด มาจัดรอบโหวตแบรนด์ในดวงใจ” อีกครั้งหนึ่ง

                      ทำไมแม่โหวตให้ Eucerin เป็นแบรนด์ครีมกันแดดเด็กในดวงใจ

                      แม่ ABK เลือกให้ Eucerin เป็นแบรนด์สุดยอดครีมกันแดดเด็กในดวงใจ โดยคุณแม่ให้เหตุผลในการเลือกมากมาย ตัวอย่างเช่น

                      “ลูกเป็นเด็กผิวแพ้ง่าย พอใช้ครีมกันแดดของยูเซอรินแล้ว รู้สึกว่าอ่อนโยน ไม่ระคายเคือง เหมาะกับผิวบอบบางของเด็ก”

                      “คุณหมอผิวหนังแนะนำให้ใช้ เพราะยูเซอรินเป็นเวชสำอาง มีความน่าเชื่อถือ จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยกับลูกจริงๆ”

                      “เป็นแบบสเปรย์ ใช้ง่ายมากค่ะ เนื้อครีมบางเบา ซึมซับดี ไม่เหนียวเหนอะหนะ ป้องกันแสงแดดได้เป็นอย่างดี ทั้ง UVA และ UVB”

                      EUCERIN SUN KIDS SPRAY SPF 50+  ค่า PA++++ ผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับเด็ก ในรูปแบบสเปรย์ ปกป้องผิวจากทั้งรังสี UVA ที่สามารถทะลุทะลวงผ่านเข้าชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ ก่อให้เกิดความเหี่ยวย่นของผิวหนัง และรังสี UVB ที่ทำให้เกิดผิวไหม้อักเสบ ด้วยค่า SPF 50+ ซึ่งสามารถ ดูดซับ UVB ได้ถึง 98% และค่า PA++++ เหมาะสำหรับผู้ที่เจอกับแสงแดดจัด ๆ เป็นเวลานาน นอกจากนี้ ครีมกันแดดของยูเซอริน ปราศจากน้ำหอม สี และพาราเบน จึงอ่อนโยน แม้ผิวเด็กบอบบาง แพ้ง่าย ไวต่อแดด

                       

                      อ่านบทความ Amarin Baby & Kids Awards 2019 

                      ประกาศผลรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2019 สุดยอดแบรนด์สินค้าแม่และเด็กในดวงใจ

                      ชมภาพบรรยากาศ งานมอบรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2019

                       

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                       

                        วัยก่อนเรียน

                        รู้ทัน! พฤติกรรม พัฒนาการลูก วัยก่อนเรียน ที่พ่อแม่ต้องรับมือ

                        วัยก่อนเรียน ในช่วงอายุ 3-5 ปีจะมีพัฒนาการต่อเนื่องจากวัยเตาะแตะ เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งทางร่างกาย พฤติกรรม บุคลิกภาพ ช่วงวัยนี้การดูแลส่งเสริมพัฒนาการถือว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับลูกเข้าสู่วัยเรียนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าด้วย

                        รู้ทัน! พฤติกรรม พัฒนาการลูก วัยก่อนเรียน ที่พ่อแม่ต้องรับมือ

                        การเปลี่ยนแปลงของเด็กวัยก่อนเรียนทางด้านร่างกาย

                        เจ้าตัวเล็กเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่พ่อแม่อาจสังเกตเห็นได้คือ สัดส่วนของร่างกายจะเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น แขนขายาวขึ้น ศีรษะจะได้ขนาดกับลำตัว ไหล่กว้าง มือและเท้าใหญ่ขึ้น โครงกระดูกแข็งขึ้น กล้ามเนื้อเติบโตและแข็งแรงขึ้น ใช้การเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น ส่วนอัตราความสูงจะพัฒนาช้ากว่าในช่วงวัยทารกและวัยหัดเดิน

                        วัยก่อนเรียน

                        ในส่วนบุคลิกลักษณะนิสัย จะเริ่มเป็นตัวของตัวเองเพิ่มมากขึ้น มีการแสดงออกถึงความเป็นอิสระ มีจินตนาการ อยากรู้อยากเห็น ช่างสงสัย และสามารถฟัง พูด สื่อสารได้มากขึ้น ทำให้เริ่มเป็นเจ้าหนูทำไม ชอบซักถาม เริ่มสร้างปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ในช่วงนี้ลูกเริ่มที่จะแต่งตัว ใส่รองเท้า อาบน้ำ หวีผม กินข้าวด้วยตัวเองได้แล้ว และจะเริ่มเดินได้อย่างมั่นคงมากขึ้น ต่อจากนั้นเราก็จะเห็นเจ้าตัวเล็กเริ่มมีทักษะในการเคลื่อนไหว วิ่ง กระโดด รู้จักควบคุมอวัยวะต่าง ๆ ได้ดีขึ้น เป็นตัวป่วนที่พร้อมปล่อยพลัง ถึงแม้จะยังไม่คล่องตัวในช่วงแรก แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถส่งเสริมกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเสริมพัฒนาการทางร่างกายให้กับลูกได้ เช่น หัดถีบจักรยานสามล้อ กระโดดเชือก วิ่งเล่น เป็นต้น

                        การเปลี่ยนแปลงของเด็กวัยก่อนเรียนทางด้านอารมณ์

                        เด็กวัยนี้มักแสดงอารมณ์อย่างเปิดเผย ไม่ปิดบัง แปรปรวนง่าย กลัวในสิ่งที่ไม่มีเหตุผล หงุดหงิด โกรธง่ายหายเร็ว คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจจะเจอพฤติกรรม Terrible Three ที่เจ้าตัวเล็กจะแสดงอาการดื้อรั้น เอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ โมโหร้ายอย่างไม่มีเหตุผล บางครั้งยังไม่ค่อยชอบฟัง ขัดขืนในสิ่งที่พ่อแม่พูด พฤติกรรมที่ลูกแสดงออกเมื่อมีอารมณ์ไม่พอใจ แสดงอาการโกรธด้วยการร้องไห้ ทุบตีสิ่งกีดขวาง ทิ้งตัวลงนอน หรือบางคนถ้าไม่แสดงออกด้วยอารมณ์รุนแรงก็จะหลบซ่อนตัว เงียบ เก็บกด ดังนั้นอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของลูก วัยก่อนเรียน ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของพ่อแม่เป็นสำคัญ ถ้าลูกได้รับการอบรมอย่างถูกทาง มีการแสดงความรักที่อ่อนโยนจากพ่อแม่ เมื่อเด็กได้รับการตอบสนองความต้องการอย่างสม่ำเสมอก็จะส่งผลให้เป็นเด็กอารมณ์ดี ร่าเริงแจ่มใส หัวเราะและยิ้มง่าย ซึ่งจะเป็นรากฐานทางอารมณ์ที่ดีของลูกได้ต่อไปนะคะ

                        การเปลี่ยนแปลงของเด็กวัยก่อนเรียนทางด้านสังคม

                        วัยก่อนเรียน

                        เด็กวัยนี้จะเริ่มรู้จักมีปฏิสัมพันธ์กันคนอื่นนอกจากครอบครัวมากขึ้น เริ่มมีสังคมกับเพื่อนที่โงเรียน รู้จักปรับตัวเข้าหาที่จะเล่นกับเพื่อนได้ดีขึ้น ยอมรับฟัง แสดงความเป็นผู้นำ และให้ความร่วมมือในสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น แต่ก็มีการแสดงอาการหวงของ แย่งของ ในช่วงอายุ 4-5 ปีเป็นต้นไป จะเริ่มรู้จักการแข่งขัน เรียนรู้ที่จะยอมรับกับความพ่ายแพ้และภูมิใจกับชัยชนะ ดังนั้นพัฒนาการทางสังคมของเด็กวัยนี้ พ่อแม่ ครูที่โรงเรียน รวมถึงเพื่อนวัยเดียวกันล้วนมีบทบาทต่อความมั่นใจในการเข้าสังคมขั้นต่อไปทั้งสิ้น

                        การเปลี่ยนแปลงของเด็กวัยก่อนเรียนทางด้านสติปัญญา

                        วัยก่อนเรียน

                        ลูกในวัย 3-5 ปี เป็นวัยที่มีความอยากรู้อยากเห็น ช่างสงสัย โดยมักจะตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่พบเห็นรอบตัว และมีคำถามต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เป็นลักษณะที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการความฉลาดของเด็กวัยนี้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสนใจและตอบคำถาม ด้วยการใช้ภาษาง่าย ๆ ให้ลูกมองอย่างเห็นภาพ ลูกจะได้รู้คำศัพท์ใหม่เพิ่มมากขึ้นและเข้าใจความหมายของคำได้ดี ดังนั้นในช่วงวัยนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถส่งเสริมพัฒนาการให้ลูกได้ด้วยการอ่านหนังสือ ของเล่นเสริมพัฒนาการ กิจกรรมต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อพัฒนาการด้านความคิดของลูกในวัยต่อไป

                         

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                         

                        อ่านต่อ กิจกรรมช่วยเสริมพัฒนาการลูกวัยก่อนเรียน คลิกหน้า 2

                          ลูกไปโรงเรียน ป่วยบ่อย

                          แม่เครียด ลูกไปโรงเรียน ป่วยบ่อย ป้องกันยังไงดี?

                          ปัญหาที่ชวนพ่อแม่ที่มีลูกเล็กเข้าสู่วัยอนุบาลกังวลมากที่สุด คือช่วงที่ ลูกไปโรงเรียน ป่วยบ่อย ในระยะแรก ๆ โดยเฉพาะไข้หวัดที่เป็นโรคยอดนิยมของเด็ก ๆ ทุกเพศทุกวัย เมื่อถึงเวลาเข้าโรงเรียนคุณพ่อคุณแม่อาจเริ่มกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเจ้าตัวเล็ก ในช่วงเปิดเทอมของปีการศึกษาใหม่ จากเด็กเล็กที่เคยอยู่บ้านก็ได้ไปโรงเรียนสู่สังคมใหม่ เจอกับเพื่อน ๆ หลายคน จากเด็กที่เคยอยู่บ้านมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดี นาน ๆ จะป่วยเป็นไข้ซักที แต่พอหลังเข้าโรงเรียนใหม่ ๆ กลับป่วยซะงั้น

                          ไปโรงเรียน ป่วยบ่อย

                           

                          เมื่อเด็กเล็กเข้าเรียนใหม่ในช่วงระยะแรก เด็กทุกคนต่างก็มีโอกาสเป็นพาหะของโรคได้ อีกทั้งช่วงเปิดเทอมที่ย่างเข้าสู่ฤดูฝน โอกาสที่เจ้าตัวเล็กจะเป็นหวัด มีน้ำมูก ไอ จาม แพร่เชื้อโรคให้แก่กันและกันได้ ก็จะทำให้ ลูกไปโรงเรียน ป่วยบ่อย

                          รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ ได้เขียนไว้ในบทความว่า “เนื่องจากเด็กเล็กยังขาดภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสที่ทำให้เป็นไข้หวัด ซึ่งมีอยู่กว่า 200 ชนิด เมื่อเป็นไข้หวัดครั้งหนึ่ง ก็จะมีภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสชนิดนั้น ๆ โดยจำเพาะและจะไม่เป็นไข้หวัดซ้ำจากเชื้อชนิดนั้น ๆ แต่เมื่อติดเชื้อไวรัสชนิดใหม่ ซึ่งร่างกายยังไม่มีภูมิต้านทาน ก็จะเกิดเป็นไข้หวัดครั้งใหม่”

                          ในห้องเรียนของลูกมีเด็ก ๆ ที่มาอยู่รวมกันประมาณ 20-30 แต่ละคนอาจมีเชื้อไวรัสไข้หวัดคนละชนิด ซึ่งรวม ๆ กันอยู่ไม่ซ้ำกันได้ โอกาสที่เด็กในห้องจะหมุนเวียนติดเชื้อไวรัส ผลัดกันป่วย ผลัดกันหยุด เป็นไปได้ในช่วงระยะ 3-4 เดือนหรือในเทอมแรก เมื่อรับเชื้อจนครบร่างกายจะมีภูมิต้านทานต่อไวรัสทุกตัวที่มีอยู่ในห้อง เด็กก็จะห่างหายจากไข้หวัด

                          แม่เครียด ลูกไปโรงเรียน ป่วยบ่อย ป้องกันยังไงดี?

                          ไปโรงเรียน ป่วยบ่อย

                          1. คอยสังเกตอาการของลูกเมื่อกลับจากโรงเรียน สอบถามว่าเพื่อนในห้องมีใครไอ จาม มีน้ำมูกหรือไม่
                          2. สอนให้ลูกรู้จักล้างมือบ่อย ๆ แนะนำเรื่องของใช้ส่วนตัว เช่น กระติกน้ำ ผ้าเช็ดหน้า ไม่สามารถใช่ร่วมกับคนอื่นได้
                          3. ชวนลูกน้อยให้วิ่งเล่นออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 15 นาทีต่อวันก็เป็นประโยชน์ได้ เพื่อรักษาระบบภูมิคุ้มกันของลูกให้แข็งแรง และเพื่อให้ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อสู้กับการติดเชื้อได้มากขึ้น
                          4. ให้ลูกได้รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ กินอย่างสมดุลทั้งผัก ผลไม้ โปรตีน และน้ำ รวมถึงอาหารที่มีกรดโอเมก้า 3 เช่นในปลาแซลม่อน ปลาแมคเคอเรล ที่ดีสำหรับการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวและสร้างภูมิคุ้มกัน และสารอาหารที่มีโปรไบโอติก ช่วยสร้างเกราะคุ้มกัน ป้องกันโรคหวัด เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว กล้วย มะเขือเทศ เป็นต้น
                          5. ให้ลูกน้อยนอนหลับอย่างเพียงพอ เด็กเล็กควรได้นอนประมาณ 10 ชั่วโมงต่อคืน การนอนหลับเป็นวิธีที่ยิ่งใหญ่ในการรักษาภูมิคุ้มกันของเด็กให้แข็งแรง

                          ทีมแม่ ABK ได้ไปอ่านความคิดเห็นจากแม่ ๆ ที่มาแชร์ประสบการณ์วิธีดูแลและป้องกันเมื่อเจ้าตัวเล็กไปโรงเรียนในช่วงแรกแล้วป่วยบ่อยจากกระทู้พันทิพ มีไอเดียที่น่าสนใจ อาทิเช่น

                          แม่น้องบีบีได้แนะว่า เราให้ลูกทานวิตามินซีเสริมคะ แต่โชคดีลูกชายเราชอบทานผลไม้ โดยเฉพาะฝรั่ง วิตามินซีเยอะมาก ๆ แล้วปล่อยให้ลูกเล่นซนออกกำลังกายเยอะ ๆ เชื่อมั้ยคะ ตั้งแต่ลูกเราเข้าโรงเรียนเกือบปีแล้วคะ ไม่เคยป่วย ไม่เคยเป็นหวัด ไม่ต้องขาดเรียนเลยสักวันคะ มีขาดเรียนก็วันที่เราต้องพาเค้าไปธุระกับเราเท่านั้นคะ เน้นให้ลูกทานอาหารครบ 5หมู่ ทานน้อยไม่เป็นไร แต่ให้ครบ 5 หมู่ค่ะ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ที่มีวิตามินซีเยอะ ๆ ทานไปเลยคะ แข็งแรงไม่เป็นหวัดแน่นอนคะ ภูมิต้านทานดีมากคะ”

                          แม่โบว์บอกไว้ว่า หมอแนะนำมาค่ะว่า ลูกกลับจากโรงเรียนให้จับอาบน้ำสระผม ใช้น้ำเกลือล้างจมูกเลย เพื่อเป็นการล้างเชื้อโรคออกให้หมด ทำแบบนี้จะไม่ค่อยป่วย

                          NyGmember แสดงความคิดเห็นว่า “จริง ๆ แล้วเด็กกับเรื่องป่วยเป็นของคู่กันอยู่แล้ว พยายามออกกำลังให้มากขึ้นจะได้ป่วยลดลง ให้เด็กป่วยบ้างก็เป็นเรื่องดีครับ ภูมิคุ้มกันหลาย ๆ อย่างที่ได้มาจากการป่วยมีประสิทธิภาพดีกว่าวัคซีนแพงๆ หลายเท่า”

                          จากนานาความคิดของแม่ ๆ จะเห็นว่า เมื่อลูกไปโรงเรียนและไม่สบายบ่อย ๆ เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ต้องยอมรับ เพราะเด็กเล็กหลีกเลี่ยงจากการเป็นไข้หวัดได้ยาก แต่ก็สามารถดูแลสุขภาพของลูกน้อยเพื่อป้องกันให้ได้รับเชื้อ หรือป่วยน้อยที่สุดเพื่อให้พ่อแม่คลายกังวล หากเจ้าตัวน้อยมีอาการไข้หวัด ควรหาทางดูแลและให้ยารักษาที่ถูกต้อง ยาที่จำเป็นสำหรับการรักษาไข้หวัดในเด็กเล็กที่ยังไม่มีภาวะแทรกซ้อน ไข้ไม่สูง คือยาลดไข้ (พาราเซตามอล) เพื่อใช้บรรเทาอาการตัวร้อน ปวดศีรษะ อาการไข้ในกรณีที่ไม่รุนแรงมักเป็นเพียง 2-3 วัน เต็มที่ไม่เกิน 4 วัน ก็จะหาย นอกจากมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น อาการไข้อาจเป็นอยู่นานเกิน 4 วันขึ้นไปหรือมีไข้สูง ควรนำลูกไปพบแพทย์ทันทีนะคะ.

                          ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง : www.doctor.or.th

                          อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ :

                          ลูกเป็นภูมิแพ้ ไม่ใช่แค่พ่อแม่ที่ทำให้ลูกป่วย แต่สภาพแวดล้อมก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดภูมิแพ้กับลูก

                          แม่แชร์ อาการโรคคาวาซากิ และวิธีรักษา เมื่อลูกป่วยเป็นโรคคาวาซากิ

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                           

                            พาลูกท่องเที่ยว

                            6 ข้อดีที่ผมได้เรียนรู้ จากประสบการณ์ พาลูกท่องเที่ยว โดย พ่อเอก

                            ผมเกิดในครอบครัวที่คุณพ่อเป็นชาวจีนโพ้นทะเล ที่หนีภัยสงครามและความยากจนจากจีนแผ่นดินใหญ่มาเป็นกรรมกรแบกข้าวสารแถวบุคคโล ด้วยฐานะทางบ้านที่ค่อนข้างอัตคัด ผมเลยไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเที่ยวไหน ทำให้ผมมีความฝันตั้งแต่ยังไม่มีแฟนว่า ถ้ามีลูกผมจะ พาลูกท่องเที่ยว ให้มากที่สุด เท่าที่ผมมีกำลัง เพราะนั่นคือ สินทรัพย์ที่ผมจะมีไว้ติดตัวเขาไปได้

                            เราพาปูนปั้นและปั้นแป้งไปเที่ยวทะเลครั้งแรกตั้งแต่อายุไม่ถึง 3 เดือน ทั้งๆ ที่มีแต่คนเตือนว่ายังเด็กไปเดี๋ยวเป็นโน่นนี่นั่น ตอนนี้ปูนปั้นกับปั้นแป้งผ่านทริปสั้นยาว ทั้งในและต่างประเทศเกินร้อยทริป เราหิ้วพี่ปูนปั้นเป็นแบ็คแพ็คเกอร์ 3 คน พ่อแม่ลูกไปรัสเซียกันตั้งแต่เขาขวบครึ่ง เสียงคนรอบข้างบอกอย่าไปเลย พูดภาษาเขาก็ไม่ได้ เขาก็พูดอังกฤษก็ไม่ค่อยได้ แต่เราก็ไปและกลับมาเขียนพ็อคเก็ตบุ๊คขายได้ 1 เล่ม เป็นความทรงจำอันงดงาม ปั้นแป้งเองไปเป็นแบ็คแพ็คเกอร์ต่างประเทศครั้งแรกก็ในวัย 2 ขวบกว่า

                            ผมเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ได้อ่านเจอมาว่าการเดินทางทำให้ลูกได้เรียนรู้ จริงๆ ก็ไม่ใช่แค่ลูกแต่ตัวเราเองด้วย ทุกการเดินทางเด็กได้เรียนรู้ ได้ปรับตัว ได้รู้จักการวางแผน และอะไรอีกมากมาย แต่ถ้าจะให้ดี เราตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ในแต่ละทริปก็สนุกและได้ประโยชน์ไม่น้อย

                            6 ข้อดีที่ผมได้เรียนรู้ จากประสบการณ์ พาลูกท่องเที่ยว

                            1. เรียนรู้กีฬาและการละเล่นของเด็กชายไทย

                            ตอนปูนปั้นประมาณ 4 ขวบ เราพาปูนปั้นและปั้นแป้งไป เที่ยวงาน Thailand International Kites Festival ที่ชะอำ เพื่อให้ลูกได้เห็นว่าวใหญ่ๆ แปลกตา การแข่งขันของจุฬากับปักเป้า เพื่อให้เขารักการละเล่นกลางแจ้งมากกว่าที่จะมานั่งหน้าจอ ตอนที่ได้เห็นรอยยิ้มลูกที่เอาว่าวตัวเองขึ้นฟ้ามันเป็นช่วงเวลาที่สวยงามทีเดียว

                            แต่สิ่งที่ได้เพิ่มมาจากทริปนั้น คือ ในตอนหัวค่ำเราขับออกมาจากโรงแรมเพื่อกลับไปดูว่าวยักษ์สารพัดรูปแบบขึ้นสู่ท้องฟ้า และรอชมคอนเสิร์ตที่หาดชะอำอีกครั้ง ความต่างจากการเที่ยวทะเลก่อนหน้านี้นับสิบครั้งก็คือ ปูนปั้นเดินย่ำลงไปเล่นทราย ให้คลื่นซัด ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดว่ายน้ำ ตอนนั้นผมเริ่มลุ้นว่า เดี๋ยวพอชุดเปียก จะขอกลับโรงแรม ไม่ยอมรอดูคอนเสิร์ตมั้ย เพราะตั้งแต่เด็กเสื้อผ้าเปียกชื้นนิดหน่อยก็ขอเปลี่ยน ผมมองลูกกอบทรายใส่มือไปโยนเล่นในทะเล ทำหลายรอบ วิ่งไปมาดูสนุกสนาน แล้วจู่ๆ ปูนปั้นก็นั่งลงแช่น้ำ นั่งแช่สักพัก ก็นอนลงไปแช่ในน้ำทะเลซะงั้น

                            ผมแปลกใจขนาดต้องแอบถ่ายรูปแล้วส่งเข้า line หม่ามี้ (ที่นั่งฟังเพลงกับปั้นแป้งที่หน้าเวที) หม่ามี้บอกว่า ‘มองจากหน้าเวทีมาที่ชายหาดยังนึกในใจ – เด็กที่วิ่งในน้ำนั่นลูกฉันจริงๆ หรือนี่’ ปูนปั้น ไม่ชอบอะไรที่เฉอะแฉะซึ่งเจ้าระบบ sensory (ประสาทสัมผัส) มันมีความสัมพันธ์กับบุคลิกภาพบางอย่าง ตอนนี้ปูนปั้นข้ามผ่านมันมาได้แล้ว

                            2. เรียนรู้วิถีชาวนา กินง่ายอยู่ง่าย การช่วยเหลือตัวเอง

                            เราพาไปที่ เบิกบานบุรี เพื่อไปปลูกข้าว เราเคยพาไปปลูกข้าวมาหลายที่หลายครั้ง แต่ครั้งนี้เราจะไปนอนค้างข้างที่นาที่จะปลูกข้าว ที่นั่นไม่มีจอทีวีให้ดู ห้องนอนไม่มีแอร์แต่เย็นสบาย เราบอกลูกก่อนไปว่า ทริปนี้ต้องล้างจานเอง ทำอาหารเอง หรือบางทริปก็ไปเพื่อเรียนรู้วิถีธรรมะ การอยู่กับตัวเอง โดยมีครอบครัวเด็กวัยเดียวกันหลายๆ ครอบครัวมาอยู่ช่วงปิดเทอม เด็กๆ ก็จะต้องช่วยวางแผนทำอาหาร จ่ายกับข้าว และ กลับมาทำกับข้าวหาอาหารกินกันเอง ซึ่งการกลับมาจากทริป ลูกก็กลับมาทำสิ่งเหล่านั้นที่บ้านด้วย

                            บทความแนะนำ พาลูกเที่ยว ฟาร์ม 5 ห้องเรียนธรรมชาติของเจ้าตัวเล็ก เข้าชมฟรี!!

                            3. เรียนรู้ความอดทน เอาชนะใจตัวเอง

                            เราเคยเล่าเรื่องเดินป่า ชมธรรมชาติ ซึ่งทริปเหล่านี้นอกจากสนุก เราบอกเขาไว้ว่ามันจะเหนื่อยแต่สนุก ลูกต้องรู้จักการมองหาความงามข้างทาง และประโยคที่เราสอนลูกเสมอเวลาไปเที่ยวธรรมชาติคือ อยากเห็นความงามหนูต้องเดินทางออกไปหาเอง

                            รักสัตว์

                            4. รักสัตว์ รักธรรมชาติ

                            หลายๆ ครั้งที่เราพาไปสวนสัตว์เราตั้งเป้าไว้ว่าจะไม่แค่ไปเดินชม เขาจะต้องได้สัมผัส เขาจะได้เรียนรู้ว่าสัตว์ไหน เข้าใกล้ได้ ไม่ได้ ธรรมชาติแตกต่างอย่างไร และเราได้เห็นธรรมชาติของปูนปั้นที่ชอบสัตว์ทุกชนิดในโลกมีโอกาสเขาจะขอสัมผัส ทั้ง เสือ สิงโต ช้าง จระเข้ พี่ปูนปั้นจับมาหมดแล้ว ต่างกับเด็กหญิงตัวน้อยที่ค่อยๆ ปรับตัว จนตอนนี้ได้เห็นเธอเข้าไปแตะสัตว์บางตัวด้วยความตื่นเต้นและก็กลับมาโม้ด้วยความภูมิใจ

                            5. ทดลองความกล้า และเรียนรู้ความปลอดภัยในการเล่น

                            ครั้งที่เราพาไปสวนน้ำที่ ภูเก็ต จะมีเครื่องเล่นที่น่าตื่นเต้นอยู่มาก ในตอนนั้นปูนปั้นเพิ่งโตในระดับที่พิ่งผ่านเส้นความสูงต่ำสุดที่สามารถเล่นได้ในหลายๆ อย่าง นั่นแปลว่าเขาจะต้องเอาชนะความกลัวในจิตใจ และต้องเรียนรู้ว่าอะไรปลอดภัยหรือไม่ ซึ่งทริปนั้นลูกทำให้เราแปลกใจ เพราะเล่นในหลายๆ เครื่องเล่นที่ผู้ใหญ่ยังไม่กล้า นั่นก็ทำให้เขามีโอกาสได้ทดลองอะไรสนุกๆ มากขึ้นในทริปต่อๆ มา

                            6. วัฒนธรรมที่แตกต่างและรู้จักสื่อสารช่วยเหลือตัวเอง

                            ทริปต่างประเทศนอกจากจะได้เห็นความแตกต่างกับประเทศไทยด้านเทคโนโลยีแล้ว เรามักให้เขารู้จักวัฒนธรรมความเป็นอยู่ต่างๆ ที่แตกต่างกัน เราจะทำการบ้าน เล่าให้ลูกฟังก่อนไป และเมื่อไปถึงเราจะชี้ให้เขาเห็นหรือถามเขาว่าเห็นอะไรมั้ย การเรียนรู้เหล่านี้มีประโยชน์ในการเติบโตในสังคมที่แตกต่างกัน นอกจากนั้นเรามักจะตั้งโจทย์ให้ว่า ทริปนี้หนูต้องสั่งอาหารเอง ทริปนี้หนูต้องไปซื้อของเอง เป็นต้น เขาจะได้หัดใช้ภาษาอังกฤษในสภาพแวดล้อมจริง เป็นการเอาชนะความกลัวในใจตัวเอง

                            ที่เล่ามาเป็นแค่ตัวอย่างเพราะเราตั้งเป้าหมายกับทุกทริปว่าลูกจะได้เรียนรู้อะไร เรารู้ว่าการเดินทางทำให้ลูกได้เรียนรู้ แต่เราต้องเปิดช่องให้เขาเรียนรู้ด้วย หากไปเที่ยวแต่ให้ทุกอย่างสบายเหมือนอยู่บ้าน หรือ สบายกว่าอยู่บ้าน เช่น นอนโรงแรม ว่ายสระน้ำ กินภัตตาคาร  กลับมาดูโชว์ การท่องเที่ยวแบบนั้นก็ได้ประโยชน์แต่เสียดายโอกาสที่จะเรียนรู้ อย่าให้การท่องเที่ยวเป็นแค่ การเปลี่ยนที่นอน และเปลี่ยววิวเลย … อ่านจบแล้วเก็บกระเป๋ากันเลยฮะ


                            >>แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่เฟซบุ๊ค

                            หมุนรอบลูก – พี่ปูนปั้น กับ น้องปั้นแป้ง นะครับ<<

                            ปูนปั้น ปั้นแป้ง พ่อเอก
                            ปูนปั้น ปั้นแป้ง พ่อเอก เพจหมุนรอบลูก

                            บทความน่าสนใจอื่นๆ

                            เลี้ยงลูกให้มีความสุข รอยยิ้มลูก คือกระจกส่องเรา

                            แชร์เทคนิค”สอนลูกให้รู้จักรับผิดชอบ”ตั้งแต่เด็ก

                            “ลูกทำผิด” เทคนิคสอนลูก แบบไม่ต้อง “ทำโทษ”

                             

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                              โรงเรียนนานาชาติเซนต์สตีเฟ่นส์

                              โรงเรียนนานาชาติเซนต์สตีเฟ่นส์ ปลูกฝังคุณสมบัติของผู้นำ สร้างผู้นำที่ดีในอนาคต

                              เชิญชวนคุณพ่อคุณแม่รู้จักกับ โรงเรียนนานาชาติเซนต์สตีเฟ่นส์ โรงเรียนนานาชาติที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านหลักสูตรหลักสูตร      การสอนจากประเทศอังกฤษ ความเชี่ยวชาญของครูอาจารย์ และการเตรียมความพร้อมเด็กให้ก้าวไปสู่การเป็นผู้นำที่ดีในอนาคต      เปิดสอนตั้งแต่ระดับเนอร์สเซอรี่ถึง Year 13  โดยมีผู้ปกครองไว้วางใจพาบุตรหลานมาเรียนกันมากมาย ด้วยคอนเซ้ปต์ผสานการเรียนรู้จากตะวันตกร่วมกับตะวันออก (East meets West)ได้อย่างลงตัว ส่งผลต่อการพัฒนาเด็กให้เติบโตอย่างมีศักยภาพสูงสุด

                              ความรู้สึกของผู้ปกครอง โรงเรียนนานาชาติเซนต์สตีเฟ่นส์ (กรุงเทพ)

                              โรงเรียนนานาชาติเซนต์สตีเฟ่นส์

                              คุณดุลยภัทร์ หมัดปัญญา – ผู้ปกครองน้องนะดีย์ และน้องอินอาม

                              Concept East meets West ดีมากค่ะ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณแม่ตัดสินใจเลือกโรงเรียนนี้ เพราะเราอยู่ในสังคมไทย เด็กๆ น่าจะมีโอกาส ที่ได้เรียนรู้วัฒนธรรม ประเพณีไทยบ้าง ควบคู่กับ การเรียนการสอนที่อยู่ในระดับนานาชาติมีความคิดแบบทางตะวันตก แต่ยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นเด็กไทยเอาไว้  สังคมที่นี่จะเล็กๆ แต่อบอุ่น ผู้ปกครองส่วนใหญ่มาส่ง ลูก-หลาน เราก็จะเจอหน้ากัน มีการทักทายกัน เราสามารถพูดคุยกับคุณครูประจำชั้นได้โดยตรง  น้องๆ มาเรียนที่นี่ก็พัฒนาไปในทางที่ดีนะคะ เวลาอยู่บ้านเรายังดูเค้าเป็นเด็กเล็กๆ อ้อนคุณพ่อคุณแม่อยู่ แต่พอมาที่โรงเรียนเค้าเป็นอีกคนเลย คือดูโตขึ้นและรู้ว่าจะต้องทำอะไรได้ไม่ได้ รู้กฎระเบียบ อีกอย่างมีความมั่นใจที่จะทดลองทำสิ่งใหม่ๆ คุณแม่คิดว่าที่เซนต์สตีเฟ่นส์สามารถให้ระบบการศึกษาที่ทำให้น้องๆ รู้สึกผ่อนคลาย มีความสุข แต่ขณะเดียวกันยังมีความสามารถในการแข่งขัน ในสังคมปัจจุบันได้

                              โรงเรียนนานาชาติเซนต์สตีเฟ่นส์

                              คุณพนิตาและวุฒิไกร กุลสิริสวัสดิ์ผู้ปกครองน้องอชิ และ น้องอลิซ

                              เราส่งลูกมาเรียนไม่ใช่แค่ในแง่วิชาการ เราอยากให้เค้าโตทั้งสองด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านของวิชาการและด้านของอารมณ์และความคิด ที่นี่เค้ามีกิจกรรมนอกหลักสูตร เช่น กีฬา ดนตรี ศิลปะ ทำให้เค้าเติบโตไปอย่างสมดุลทั้งสองทางทั้งวิชาการและกิจกรรม  ที่สำคัญคือขนาดของโรงเรียนฯ ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ทำให้เรารู้จักผู้ปกครองคนอื่น รู้จักเด็ก  รู้จักบุคลากร ดูเป็นกันเอง และขนาดก็ใหญ่พอที่เด็กจะเติบโต ก็เลยเลือกโรงเรียนนี้ และชอบโรงเรียนนี้ที่สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม รู้สึกว่าโรงเรียนเค้าใส่ใจดี ส่วนปรัชญาของโรงเรียน East meets West คุณแม่ก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ทำให้โรงเรียนนี้แตกต่างจากที่อื่น เราชอบมาก ทำให้การตัดสินใจเลือกโรงเรียนนี้ง่ายมาก  เพราะเราอยากหาโรงเรียนฯ ที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็ยังอยู่ในวัฒนธรรมของคนไทย มีประเพณีของคนไทยที่เค้ายังเรียนรู้ไปด้วย  อีกประเด็นที่เราเลือกเซนต์สตีเฟ่นส์ เพราะ เราคิดว่าภาษาจีนเป็นเรื่องค่อนข้างสำคัญ และในอนาคตภาษาจีนจะเป็นภาษาที่สำคัญอีกภาษาหนึ่งและโรงเรียนนี้ก็มีการสอนภาษาจีนด้วย

                              โรงเรียนนานาชาติเซนต์สตีเฟ่นส์

                              คุณอุไรวรรณ เมธาขจรกุลผู้ปกครองน้องเจสซี่

                              คุณแม่ประทับใจตั้งแต่พาน้องเข้ามาชมโรงเรียนเลย ในเรื่องของคุณครูและผู้ช่วยครู ทุกคนดูแลได้ดีมากด้วยจำนวนนักเรียนที่ไม่มากจนเกินไปต่อห้อง การดูแลค่อนค้างจะทั่วถึง เวลาน้องมีปัญหาอะไรคุณแม่จะได้รับอีเมลล์ตลอด หรือว่าเวลาที่น้องไม่แข็งตรงจุดไหนในเรื่องของการเรียน คุณครูก็จะย้ำมาตลอดให้คุณแม่ช่วยดูในเรื่องนั้นด้วย เหมือนช่วยๆกันเพื่อผลักดันเค้า  แต่เรื่องที่ประทับใจของคุณแม่ คือ  น้องเจสซี่มีปัญหาทางด้านสายตา ต้องใส่แว่นค่อนข้างหนา ทีนี้คุณแม่ก็เป็นกังวลว่าเวลามาโรงเรียนน้องจะต้องใส่แว่นขณะเวลาเรียน จะทำให้ถูกเพื่อนล้อไหม เพราะว่าถ้าเค้ารู้สึกว่าไม่สบายใจ จะมีผลต่อการเรียนคือไม่อยากมา แต่คุณครูบอกว่า จะทำให้เจสซี่ไม่รู้สึกอะไรและจะไม่มีเพื่อนคนไหนกล้าล้อเค้าแน่นอน พอหลังจากอีกวันที่เอาแว่นมาให้ รุ่งขึ้นน้องมาบอกว่า คุณครูในห้อง เพื่อนๆ ในห้องใส่แว่นเหมือนหนูกันทั้งห้องเลย มีคนบอกว่าหนูใส่แว่นแล้วสวย เค้าก็เลยเกิดความมั่นใจ คุณแม่ก็เลยเกิดความประทับใจ มันอาจเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ว่ามันเป็นเรื่องที่คุณแม่รู้สึกว่าสิ่งนี้คือความใส่ใจที่ยิ่งใหญ่ของคุณครูที่นี่  และด้วยความที่ว่าเป็นลูกสาวด้วย ก็ไม่สามารถส่งน้องไปได้ไกล ไปเรียนต่างประเทศได้ตั้งแต่เด็ก เราก็อยากจะดูแลเค้า ก็เลยคิดว่าตรงจุดนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี

                              โรงเรียนนานาชาติเซนต์สตีเฟ่นส์

                              คุณนวลพรรณ เมืองมณีคุณแม่น้องโทนี่ และ น้องทิกเกอร์

                              สิ่งแรกที่ชอบเลยคือชอบคำขวัญของโรงเรียนคือ East meets West เป็นเพราะว่าคุณแม่ไม่อยากจะให้เด็กๆ  มีความรู้สึกว่าเป็นฝรั่งมากเกินไป อยากจะให้มีความเป็นไทยอยู่ด้วย ตอนนั้นพยายามหาโรงเรียนฯ  ที่จะตอบโจทย์ตรงนี้ให้ได้แล้วก็พอดีมาเจอที่นี่  โรงเรียนก็ เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการเข้าแถวของเด็กๆ คือสิ่งที่คุณแม่ประทับใจมาก เพราะว่าผู้ปกครองทุกคนอยากจะมาดูลูก และ รร. มีการเข้าแถวและร้องเพลงชาติไทยตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญเลยที่คุณแม่เลือก เนื่องจากสถานที่ไม่ได้ใหญ่และไม่เล็กเกินไป มีจำนวนนักเรียนเหมาะสม คือจำนวนเด็กและครูในปริมาณที่เหมาะสม เพราะฉะนั้นครูเลยดูแลเด็กได้อย่างใกล้ชิดและในเรื่องของบุคคลากรทุกคนให้ความสำคัญต่อผู้ปกครองทุกคน คือยอมรับฟังปัญหาของผู้ปกครองค่ะ คุณแม่รู้สึกประทับใจมากที่ไปคุยกับคุณครูที่ปรึกษาแล้วคุณครูอธิบายให้เราเข้าใจว่าลูกควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรในการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย จนในที่สุด Tigger ก็สอบติดสาขาแพทยศาสตรบัณฑิต (The Joint Medical Programme SWU and the University of Nottingham, UK)

                              โรงเรียนนานาชาติเซนต์สตีเฟ่นส์

                              คุณทัตตระวัน รามนัฎคุณแม่น้องปัน ปัน และน้องเป๊ป

                              เหตุผลแรกที่เลือกเซนต์สตีเฟ่นส์ คือต้องการให้ลูกๆ ได้รับความรู้ตามระบบอังกฤษแต่ยังคงรักษาวัฒนธรรมไทย  ที่สำคัญไม่ลืมความเป็นไทย นอกจากนี้ที่เซนต์สตีเฟ่นส์ ยังได้เตรียมให้เด็กเรียนรู้การใช้ชีวิตเมื่อต้องห่างจากบ้านและฝึกความเป็นผู้นำโดยใช้ความรู้จากวิชาที่ได้เรียนมาเช่น การทำอาหาร การทำงบประมาณและการเตรียมพร้อมเพื่อใช้ชีวิตในต่างประเทศ ในฐานะที่ปันปันเป็นหัวหน้านักเรียนจึงมีโอกาสได้ฝึกทักษะความเป็นผู้นำ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตและได้พัฒนาความมั่นใจพร้อมที่จะเรียนรู้ต่อไป ปัจจุบันปันปัน สอบเข้าเรียนสาขา Fashion Marketing ที่ London College of Fashion , University of the Arts London (UAL)ประเทศอังกฤษ  นอกจากนี้คุณแม่ยังประทับใจในเรื่องที่โรงเรียนสอนให้เด็กรู้จักมีส่วนรับผิดชอบต่อสังคม สอนให้เป็นผู้ให้และตอบแทนคืนสู่สังคม ไม่ใช่เพียงแต่บริจาคเงินเท่านั้น  แต่ต้องอุทิศเวลาเพื่อช่วยเหลือสังคมด้วยเช่น การปลูกผักเพื่อผู้ไร้ที่อยู่อาศัยและสอนหนังสือทำกิจกรรมกับนักเรียนในพื้นที่ทุรกันดารในบริเวณเขาใหญ่ เป็นต้น นอกจากนี้นักเรียนทุกคนยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันระหว่างครู เด็กๆ เองก็ได้รับความช่วยเหลือแบบรายบุคคลจริงๆ ซึ่งทำให้ รู้สึกมีความสุขเวลามาโรงเรียนฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลามีปัญหาอะไรสามารถเข้าไปคุยได้ทันทีทั้งกับฝ่ายจัดการ คุณครูต่างๆ หรือแม้กระทั่งครูใหญ่ ซึ่งพร้อมพูดคุยและแก้ปัญหาให้กับเราตลอดเวลา

                              โรงเรียนนานาชาติเซนต์สตีเฟ่นส์

                                Quality Kids ควอลิตี้ คิดส์

                                สร้างความพร้อมให้ลูก เพิ่มทักษะชีวิต ให้เด็กครบทุกความฉลาด ที่สถาบัน “Quality Kids ควอลิตี้ คิดส์”

                                ในสังคมปัจจุบันที่มีการแข่งขันกันสูง เราในฐานะพ่อแม่เชื่อว่าทุกคนก็อยากให้ลูกนั้น ฉลาด เก่งรอบด้าน มีอนาคตที่ดี แต่อาจจะลืมไปว่า ความสำคัญของวัยเด็ก คือ การสร้างความทรงจำที่ดีในเรื่องการเรียนรู้ให้กับเด็ก มากกว่าการยัดเยียดหลักสูตรที่เด็กนั้นไม่ต้องการ เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นจะจดจำสิ่งที่เรียนรู้มาเพื่อนำมาใช้ในชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมทักษะชีวิตรอบด้านให้เด็ก ๆ เรามาเริ่มต้นกันที่ Quality Kids ควอลิตี้ คิดส์ สถาบันเสริมทักษะชีวิตเด็ก ให้คิดเป็นเก่งรอบด้านกันค่ะ

                                Quality Kids ควอลิตี้ คิดส์

                                Quality Kids ควอลิตี้ คิดส์ คือใคร ?

                                เพราะการเรียนรู้ของเด็ก ไม่ได้เริ่มที่ห้องเรียนเสมอไป เด็กจะเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ คือ การที่เด็กนั้นเรียนรู้ผ่าน การเล่นอย่างมีความสุข ที่ Quality kids ควอลิตี้ คิดส์คือสถาบันเสริมทักษะชีวิตเด็ก  สำหรับเด็กอายุ 1.5-12 ปี  ทางสถาบันมุ่งเน้นให้เด็กได้เพิ่มทักษะชีวิต คิดเป็นระบบ และครบทุกความฉลาด

                                การเรียนผ่านการเล่นนั้นส่งผลให้เด็กเข้าใจ Concept การสอนได้รวดเร็ว สร้างการจดจำที่ดี เด็กที่เรียนรู้ระบบ A.N.T  (Advanced Neurological Teaching) ตั้งแต่วัยเด็กเล็ก เด็กจะมีพัฒนาการของวงจรสมองที่เข้มแข็ง  ก่อให้เกิดความคิดหลากหลาย มีเหตุผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ คิดเป็นภาพ มีวิจารณญาณ สามารถเชื่อมโยงบทเรียนเข้ากับ โลกความเป็นจริงได้ ดังนั้นได้เรียนแล้วจะส่งผลลัพธ์ให้เด็กมีพัฒนาการ 4 ด้านที่สำคัญกับการใช้ชีวิต ดังนี้

                                1. สมาธิดี เมื่อเด็กได้จดจ่อกับกิจกรรมที่ทำ กิจกรรมนั้นจะส่งผลให้ลูกมีพัฒนาการด้านสมาธิที่ดี
                                2. คิดไว การเรียนรู้ผ่านเกมกิจกรรมที่ให้ลูกได้ลงมือทำเอง จะช่วยฝึกการทำงานของสมองทุกส่วนให้เชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ คิดเป็นระบบมากขึ้น
                                3. มีความสุข ความสุขเกิดจากการเล่นที่ประสบความสำเร็จ เมื่อทำได้และทำสำเร็จความสุขจะต่อยอดให้ลูกสามารถทำงานที่ยากขึ้นในอนาคต ได้ดี
                                4. ศรัทธาในตัวเอง สร้างให้เด็กมีความภูมิใจในตนเอง จะส่งผลในเด็กกล้าที่จะก้าวต่อไปสู่ความสำเร็จในอนาคต

                                ที่สถาบัน Quality Kids จะมีการวางแนวคิดในการเริ่มต้นการเรียนให้กับเด็กๆ ที่เข้าใจง่าย ไม่น่าเบื่อ เด็กๆ ก็จะได้พัฒนาความฉลาดกันอย่างเต็มที่ โดยผ่านกิจกรรมการเล่นเกม และของเล่นจากทั่วโลก ซึ่งมีคุณครูผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำกับเด็กๆ อย่างเป็นกันเอง คุณครูจะสอนวิธีการคิดแบบเป็นระบบ ซึ่งเด็กๆ ทุกคนสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้จากคุณครูไปพัฒนาต่อยอดในด้านต่างๆ ที่เด็กมีความสนใจ อยากที่จะทำในอนาคต

                                Quality Kids ควอลิตี้ คิดส์

                                Quality kids ควอลิตี้ คิดส์ สอนอะไรกับเด็ก และแต่ละช่วงอายุเรียนอะไรบ้าง?

                                อย่างที่บอกไปค่ะว่าที่ควอลิตี้ คิดส์ ต้องการที่จะฝึกพัฒนาให้กับเด็กทุกคนที่มาเรียนที่สถาบัน ดังนั้นหลักสูตรช่วงอายุที่สอนจึงเริ่มต้นตั้งแต่ก่อนวัยเรียน จนถึงวัยเรียน เพื่อช่วยสร้างพื้นฐานกับให้เด็ก ได้มีความเก่งด้านทักษะชีวิต และความฉลาดรอบด้าน จึงได้แบ่งรูปแบบการเรียนให้กับเด็ก ที่ขอบอกว่าตอบโจทย์ในทุกช่วงพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กๆ อย่างมากค่ะ

                                Toddler (อายุ 1.5-3 ปี) ช่วงเพิ่มทักษะชีวิต

                                ทักษะการสื่อสารผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 เด็กในวัยนี้ ยังปรารถนาการดูแลอย่างใกล้ชิดจากพ่อแม่อยู่ ในขณะเดียวกันพ่อแม่ควรส่งเสริมให้เด็ก ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวเพื่อสร้าง ทักษะชีวิตทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ให้พร้อม

                                Quality kids ได้คิดค้นหลักสูตรเรียนรู้ร่วมกันกับผู้ปกครอง เพื่อให้นำเคล็ดลับในห้องเรียน ไปสอนลูกต่อที่บ้าน

                                หลักสูตรนี้มุ่งเน้นให้เด็กเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพื่อกระตุ้นปลายประสาทการรับรู้และฝึกพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็ก มือ ตา สัมพันธ์ เพื่อเตรียมความพร้อมทุกอย่างก่อนเข้าสู่ การสอนในทักษะขั้นต่อไป

                                Quality Kids ควอลิตี้ คิดส์

                                Kinder (อายุ 3-5ปี) ช่วงคิดเป็นระบบ

                                สอนเรื่องการสังเกต สำรวจ จัดแบ่งแยกหมวดหมู่หลักสูตรสำหรับเด็กวัยนี้ Quality kids นำเกมการศึกษาที่เหมาะสมกับพัฒนาตามวัยของเด็กมาเป็นสื่อ และใช้เทคนิคการสอนในระบบ A.N.T (Advanced Neurological Teaching) มากระตุ้นการทำงานของสมองเด็กให้เกิดการเรียนรู้ ทั้งการสังเกต การแยกแยะหมวดหมู่ ทักษะการจัดลำดับความคิดอย่างเป็นขั้นตอน เมื่อสมองเด็กได้ฝึกทักษะเหล่านี้จนเกิดเป็นความชำนาญ สมองจะสามารถ เชื่อมโยงข้อมูลได้ อย่างมีเหตุผล คิดวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว และมีการสื่อสารที่ดี

                                Primary (อายุ 6-12 ปี) ช่วงครบทุกความฉลาด

                                สอนเรื่องการวิเคราะห์ ให้เด็กมีวิจารณญาณไตรตรองปัญหาเฉพาะหน้า วัยพร้อมก้าวสู่โลกกว้าง เด็กวัยนี้ชอบความท้าทาย มีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง มีเพื่อนเพิ่มขึ้น มีสังคม สิ่งที่ผู้ปกครองส่วนมากกังวล คือ การเอาตัวรอดในสังคม

                                หลักสูตรสำหรับเด็กวัยนี้ Quality kids มุ่งเน้นเกมกลยุทธ์มาเป็นสื่อในการเรียนรู้ เพื่อฝึกทักษะการวางแผน การแก้ปัญหา การวิเคราะห์สถานการ์ของตนเองและเพื่อน ให้ตนเองเป็นผู้แพ้และผู้ชนะตามความเหมาะสมของสถานการณ์ต่าง ๆ สามารถจัดการอารมณ์ตนเอง และดึงองค์ความรู้จากห้องเรียนมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้

                                Quality Kids ควอลิตี้ คิดส์

                                สถาบัน Quality kids เป็นอีก 1 ทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ปกครองรุ่นใหม่ ที่มองเห็นความสำคัญการเรียนรู้ของลูก  โดยที่ไม่กดดันยัดเยียดหลักสูตรวิชาการกับลูกมากจนเกินไป ที่สถาบันเชื่อว่าการเรียนรู้ผ่านการเล่นที่สนุก จะช่วยสร้างการจดจำที่ดีให้กับเด็ก ๆ ความรู้ที่ได้จากสถาบันเสริมทักษะเด็ก Quality Kids จะช่วยต่อยอดการ เรียนรู้ในห้องเรียน ให้เก่ง และมีประสิทธิมากขึ้นได้ด้วยนะคะ

                                คุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกมีก้าวแรกในการใช้ชีวิตที่แข็งแรง ประสบความสำเร็จในอนาคต อย่ารอช้าที่จะส่งเสริม “เพิ่ม ทักษะชีวิต คิดเป็นระบบ ครบทุกความฉลาด” ให้ลูกน้อยกันที่ “สถาบันเสริมทักษะชีวิตเด็ก Quality Kids ควอลิตี้ คิดส์”

                                สำหรับครอบครัวที่สนใจอยากให้ลูกน้อยได้มาเรียนรู้กันที่สถาบันควอลิตี้ คิดส์  หรือหากทางคุณพ่อคุณแม่มีคำถามที่อยากทราบเพิ่มเติมก็สามารถส่งมาได้ที่ Inbox FB : QualityKids คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่พลาดพาลูกๆ มาเรียนเพิ่มทักษะชีวิตกันที่ สถาบันเสริมทักษะชีวิตเด็ก Quality Kids ทั้ง 15 สาขาใกล้บ้านกัน นะคะ สามารถลงทะเบียนทดสอบวัดระดับทักษะการคิด ฟรี!! คลิก http://bit.ly/K4_QualityKids_Register 

                                Quality Kids ควอลิตี้ คิดส์

                                  สีกระเป๋าสตางค์ตามวันเกิด 2563

                                  สีกระเป๋าสตางค์ตามวันเกิด 2563 สีไหนดี? เสริมดวงสุดปัง เงินเข้าไม่ขาดมือ

                                  เปิดลิสต์!! สีกระเป๋าตังตามวันเกิด หากเลือกใช้ สีกระเป๋าสตางค์ตามวันเกิด 2563 ที่ดีถูกโฉลก ก็จะช่วยเรียกโชคลาภ ดูดเงินดูทองให้ได้ ว่าแต่..เกิดวันไหนต้องใช้ สีกระเป๋าตามวันเกิด 2020 สีอะไรถึงจะดี ไปดูกันเลย

                                  เปิดลิสต์ สีกระเป๋าสตางค์ตามวันเกิด
                                  อยากรวยตลอดปี..ต้องใช้สีนี้!!

                                  เชื่อกันว่า “ดวง” เป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร แต่เรื่อง “เงิน” ก็เช่นกัน การเลือกใช้กระเป๋าสตางค์เพื่อเก็บเงินเก็บทอง เป็นอีกหนึ่งความเชื่อของคนไทย ส่วนมากมักจะเปลี่ยนหรือซื้อกระเป๋ากันในช่วงปีใหม่ นั่นก็เพื่อเป็นฤกษ์ดีช่วยเรียกทรัพย์ ดูดเงินดูดทองไว้ได้ตลอดทั้งปี ซึ่งความเชื่อส่วนหนึ่งในเรื่องการเงินที่มีปัญหาติด ๆ ขัด ๆ มักมีรายจ่ายมักกว่ารายรับ นั่นอาจเป็นเพราะการใช้กระเป๋าสตางค์ไม่ถูกโฉลกกับวันเกิดก็ได้

                                  อย่างไรก็ตามเรื่องสีมงคลที่ถูกโฉลกส่วนใหญ่ก็จะดูจากวันเกิด เพราะตามความเชื่อทางโหราศาสตร์แล้ว สีเป็นสัญลักษณ์ประจำวันมาตั้งแต่โบราณ มีการนำหลักเกณฑ์มหาทักษาที่ใช้ในการตั้งชื่อมาผสมผสานในการเลือกสีมงคลประจำวัน ดังนั้นเพื่อส่งเสริมด้านโชคลาภ เสน่ห์และความเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิต การเลือกใช้ สีกระเป๋าตังตามวันเกิด ที่ดีมีลักษณะถูกโฉลก ก็จะสามารถช่วยเรียกทรัพย์ เสริมดวงให้กับผู้ใช้ได้

                                  Must read : ใช้แล้วเฮงแน่! สีกระเป๋าตามวันเกิด ช่วยเสริมดวง รับทรัพย์ตลอดปี

                                  เคล็ดลับการเลือก สีกระเป๋าสตางค์ตามวันเกิด 2563 

                                  ทั้งนี้นอกจากความเชื่อของคนไทยที่มีต่อกระเป๋าสตางค์เสริมดวงแล้ว ก็ยังมีแนวคิดของคนญี่ปุ่น เรื่อง “กระเป๋าสตางค์คือบ้านของเงินทอง” อีกด้วย ซึ่งเรียกได้ว่าแนวคิดนี้ก็คงไม่เกินจริงไปสักเท่าไหร่ เพราะกระเป๋าสตางค์คือที่เก็บเงินติดตัวของเรา และกระเป๋าสตางค์ที่ดีนอกจากใช้เก็บเงินหรือบัตรต่างๆ ตามหน้าที่แล้ว ก็น่าจะช่วยเก็บรักษา “โชคด้านเงินทอง” ให้กับผู้ใช้ได้ด้วยเช่นกัน …แต่ “กระเป๋าสตางค์ที่ตายแล้ว” (死んでる財布) ซึ่งหมายถึงกระเป๋าสตางค์ที่เต็มไปด้วยขยะหรือสิ่งที่สมควรทิ้งเก็บอยู่มากมาย อากาศภายในกระเป๋าไม่ถ่ายเท นั่นก็อาจทำให้กระเป๋าสตางค์นั้น “เก็บเงินไว้ไม่อยู่” ได้เช่นกัน

                                  ซึ่งก่อนที่จะไปดูว่า สีกระเป๋าตังตามวันเกิด สีไหนจะดี ตามมาดูกระเป๋าสตางค์ที่เข้าข่ายว่า ตายแล้ว กันก่อนดีกว่าค่ะ ว่าจะเป็นแบบไหนกัน

                                  สีกระเป๋าสตางค์ตามวันเกิด 2563

                                  แบบสำรวจ “กระเป๋าสตางค์ที่ตายแล้ว”

                                  • กระเป๋าสตางค์แบบพับ หรือพับธนบัตรม้วนเก็บไว้ในกระเป๋าใส่เศษสตางค์
                                  • เลือกมาแบบมั่วๆ จากของแถมในนิตยสาร
                                  • กระเป๋าสตางค์ที่ใช้ติดต่อกันมาเกิน 5 ปี
                                  • มีส่วนที่พัง เสียรูปทรง มีรอยขาด หรือสกปรก
                                  • ในกระเป๋าสตางค์มีแต่ใบเสร็จรับเงิน หรือบัตรสะสมแต้มที่ไม่ใช้แล้ว
                                  • พอหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาต่อหน้าแคชเชียร์หรือคนอื่นแล้วรู้สึกอาย

                                  ซึ่งหากคุณมีกระเป๋าสตางค์ลักษณะเช่นนี้มากกว่า 5 ข้อขึ้นไป ก็แสดงว่ากระเป๋าสตางค์ใบนั้นเป็นกระเป๋าที่ตายแล้ว สมควรซื้อใบใหม่มาเปลี่ยนค่ะ แต่หากมีประมาณ 3 ข้อ แสดงว่ากระเป๋าสตางค์ของคุณก็ใกล้จะไปแล้วเช่นกัน อาจได้เวลาพิจารณาเตรียมตัวเปลี่ยนกระเป๋าสตางค์ด้วยนะคะ

                                  ส่วนกระเป๋าสตางค์ในอุดมคติที่ดีนั้นจะมีลักษณะ เป็นกระเป๋าสตางค์แบบยาว หรือมีซิปรอบ ใหม่และสะอาด มีการเรียงหน้าธนบัตร และควรจัดระเบียบภายในกระเป๋าให้ดี

                                  ดูโพย >> สีกระเป๋าสตางค์ตามวันเกิด 2563
                                  อยากรวยตลอดปี..ต้องใช้สีนี้!! คลิกหน้า 2

                                  สีกระเป๋าตังตามวันเกิด


                                  ขอขอบคุณข้อมูล : anngle

                                   

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                   

                                    นิทานคุณธรรมสำหรับเด็ก

                                    โหลดฟรี! 12 นิทานคุณธรรมสำหรับเด็ก บ่มเพาะ “ความดี” ในใจลูก

                                    ประโยชน์ของการอ่านนิทานให้ลูกฟังมีแต่ได้กับได้ค่ะ สามารถช่วยพัฒนาการขั้นพื้นฐานของเด็กได้ ช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสต่าง ๆ เช่น หู ตา สมอง ตลอดจนช่วยปรับพฤติกรรมจากคำสอนใน นิทานคุณธรรมสำหรับเด็ก ก็เช่นกัน การอ่านนิทานประเภทนี้ก็จะช่วยสร้างเสริมคุณธรรม จริยธรรมพื้นฐานอันจะนำไปสู่การพัฒนาทางด้านความคิด จิตใจ และพฤติกรรมของลูกตั้งแต่ยังเล็ก

                                    วัยเด็กเป็นวัยที่มีจินตนาการสูง เด็ก ๆ ทุกคนชอบที่จะตั้งอกตั้งใจ มีสมาธิกับการฟังนิทานที่คุณพ่อคุณแม่เล่าให้ฟัง นิทานจึงถือเป็นสื่อที่ดีที่สุดสำหรับเด็กเล็ก มีหนังสือนิทานมากมายที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกหยิบอ่านให้เจ้าตัวเล็กได้ฟังกันทุกวันคะ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาก่อนนอนหรือช่วงเวลาว่าง ในขณะอ่านนิทานลองให้ลูกนั่งตัก หรือนั่งอยู่ใกล้ ๆ ลูกก็จะได้รับความอบอุ่นจากสัมผัส และสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างพ่อแม่ลูกที่ดีด้วย วันนี้ทีมแม่ ABK มีนิทานที่มีคติสอนใจ สอดแทรกคุณธรรมที่แตกต่างกัน เป็นแนวทางในการอบรมสั่งสอนปลูกฝังลูกตั้งแต่เล็ก มาให้คุณแม่มาอ่านให้ลูกฟังกันค่ะ

                                    โหลดฟรี! 12 นิทานคุณธรรมสำหรับเด็ก ปลูกฝังลูก โตไปไม่โกง!

                                    กระติกน้ำแห่งความดี
                                    กระติกน้ำแห่งความดี

                                    กระติกน้ำแห่งความดี………… คลิก!

                                    นิทาน เด็กเอ๋ยเด็กดี
                                    นิทาน เด็กเอ๋ยเด็กดี

                                    เด็กเอ๋ยเด็กดี…………………….. คลิก!

                                    นิทาน ของขวัญวันเกิดของแม่
                                    ของขวัญวันเกิดของแม่

                                    ของขวัญวันเกิดของแม่…………….คลิก!

                                    โรงเรียนของครูช้าง
                                    โรงเรียนของครูช้าง

                                    โรงเรียนของครูช้าง……………คลิก!

                                    นิทาน ความดี
                                    นิทาน ความดี

                                    ความดี…………………………..คลิก!

                                    บ้านสวนและลูกนกในกอตะไคร้
                                    บ้านสวนและลูกนกในกอตะไคร้

                                    บ้านสวนและลูกนกในกอตะไคร้………คลิก!

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                    อ่านต่อ 12 นิทานสอนใจวัยอนุบาล คลิกหน้า 2