Page 22 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

มหัศจรรย์ความสุขที่เท่าเทียม ยูนิเซฟ และกลุ่มเซ็นทรัลผนึกกำลังส่งเสริมการเลี้ยงลูกเชิงบวก

ค้นพบความสนุกสนานและเคล็ดลับการเลี้ยงลูกใน มหัศจรรย์ความสุขที่เท่าเทียม และนิทรรศการมูมิน

กรุงเทพฯ, 17 ตุลาคม 2566 – กลุ่มเซ็นทรัลและยูนิเซฟ จับมือสานโครงการ “Central-UNICEF Together For Every Child” เป็นปีที่ 7 โดยเปิดตัวนิทรรศการงานเอ็กซ์โปครั้งใหม่ ภายใต้แนวคิด A Fair Chance for Every Child #มหัศจรรย์ความสุขที่เท่าเทียม’ พร้อมส่งต่อเคล็ดลับการเลี้ยงลูก มุ่งส่งเสริมสังคมไทยช่วยเด็กทุกคนให้มีช่วงต้นของชีวิตที่ดีที่สุดเพื่อการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ พบกับการผนึกกำลังของคาแรกเตอร์สุดโปรด พี่หมีเท็ดดี้บลูและเหล่ามูมิน มาพร้อมพลังสร้างสรรค์ให้กับเด็ก ๆ ทุกคน

นิทรรศการงานเอ็กซ์โปครั้งนี้มี เหล่ามูมิน คาแรกเตอร์สุดโปรดของเด็กและผู้ใหญ่ทั่วโลกที่สร้างสรรค์โดยศิลปิน ตูเว ยานซอน ภายใต้ลิขสิทธิ์ของมีเดียลิงค์ แบรนด์ เมเนจเม้นท์ จะมาสร้างแรงบันดาลใจและจุดประกายความรู้ให้กับพ่อแม่เกี่ยวกับเคล็ดลับการเลี้ยงลูกเชิงบวก เพื่อเสริมสร้างการพัฒนาทางร่างกาย อารมณ์ และสังคมให้กับเด็ก ๆ พร้อมจัดกิจกรรมสุดพิเศษสำหรับครอบครัว โดยงานเอ็กซ์โปนี้จะเวียนไปจัดในศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศเพื่อมอบความรู้และความสุขให้กับเด็ก ๆ และครอบครัว 


นายอานันท์ ปันยารชุน ทูตสันถวไมตรี องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวในงานเปิดตัวโครงการซึ่งจัดขึ้นที่เซ็นทรัลเวิลด์วันนี้ว่า “ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับกลุ่มเซ็นทรัลอีกครั้ง นี่เป็นความร่วมมือที่สำคัญสำหรับยูนิเซฟตลอด 7 ปีที่ผ่านมา เพราะได้ให้ประโยชน์มหาศาลแก่เด็กและครอบครัวในประเทศไทย การจัดโครงการที่ให้ความรู้กับสังคมในศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ เป็นวิธีที่ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงครอบครัวได้มากขึ้น เพื่อแบ่งปันเคล็ดลับการเลี้ยงลูกเชิงบวกกับพ่อแม่ และให้เด็ก ๆ ได้เริ่มต้นชีวิตอย่างดีที่สุด”

นางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “การเลี้ยงลูกคือการเรียนรู้และการค้นพบที่ไม่มีที่สิ้นสุด งานเอ็กซ์โปครั้งนี้นอกจากจะเป็นสนามเด็กเล่นขนาดย่อมให้กับเด็ก ๆ แล้ว ยังเป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยเคล็ดลับความรู้และข้อมูลสำหรับพ่อแม่ที่จะช่วยสร้างวัยเด็กที่แข็งแรงและสดใสให้กับลูก ๆ เราหวังว่าโครงการนี้จะช่วยส่งเสริมการเลี้ยงลูกเชิงบวกและให้ครอบครัวได้ใช้เวลาอย่างมีคุณภาพร่วมกันมากขึ้น”

นอกจากงานเอ็กซ์โปแล้ว ยูนิเซฟยังได้ออกโซเชียลมีเดียแคมเปญ Moomin #FridayParenting หรือ มูมิน #เลี้ยงลูกวันสุข  นำเสนอเคล็ดลับมากมายที่จะช่วยให้พ่อแม่ได้เพิ่มพูนทักษะการเลี้ยงลูก ไม่ว่าจะเป็นด้านการสื่อสาร การสร้างวินัย และการใช้เวลากับลูก โดยเคล็ดลับจากมูมิน #เลี้ยงลูกวันสุข จะครอบคลุมหัวข้อสำคัญต่าง ๆ  เช่น โภชนาการ การกระตุ้นพัฒนาการ การสร้างความผูกพัน การเล่น การอ่าน และสุขภาพจิตของเด็ก

ผลสำรวจโดยยูนิเซฟและสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2565 พบว่าพ่อแม่ในประเทศไทย โดยเฉพาะพ่อ ใช้เวลาส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการกับลูกน้อยลง โดยในปี 2565 มีพ่อเพียงร้อยละ 31 เท่านั้นที่ใช้เวลาทำกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้กับลูกที่บ้าน เมื่อเทียบกับร้อยละ 34 ในปี 2563 ในขณะเดียวกัน ผลสำรวจก็พบว่าเด็ก ๆ ใช้เวลาอ่านหนังสือน้อยลงแต่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น 

นายพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า “จากการที่กลุ่มเซ็นทรัลได้รับเกียรติให้เป็นพันธมิตรในโครงการเพื่อเด็กขององค์การยูนิเซฟ ประเทศไทยอย่างเป็นทางการมากว่า 7 ปี  เราเชื่อมั่นในการทำงานของยูนิเซฟและพร้อมร่วมสร้างอนาคตให้กับเด็กไทยและช่วยเด็กทั่วโลก ซึ่งงานเอ็กซ์โปที่กลุ่มเซ็นทรัลและเซ็นทรัลพัฒนาได้สนับสนุนพื้นที่ในการจัดงานนั้นก็ได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แบบ ได้ให้ทั้งความรู้กลุ่มเป้าหมายและการระดมทุนให้ยูนิเซฟ  ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่ยั่งยืน เพราะในแต่ละยุคสมัย องค์ความรู้ที่จะนำมาช่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในวัยเด็กนั้นก็เปลี่ยนไป และมีความท้าทายอยู่เสมอ การดูแลช่วยเหลือเด็กจึงเป็นเรื่องที่ควรทำต่อเนื่องและทันเหตุการณ์ และในปีที่ผ่านมา  กลุ่มเซ็นทรัลได้มีแคมเปญระดมทุนเพื่อเด็กทั้งในไทยและต่างประเทศหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสินค้า Teddy Blu Collection มาเป็นปีที่ 2 โดยที่ครั้งแรกเมื่อปี 2565 ซึ่งประสบความสำเร็จและทำรายได้มากกว่า 3 ล้านบาท การระดมทุนในสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ยังไม่นับรวมการการระดมทุนร่วมกับลูกค้าของ Tops ผ่านการตั้งกล่องบริจาค การแลกคะแนน T1 หรือการร่วมทำแคมเปญการบริจาคร่วมกับพันธมิตรของกลุ่มเซ็นทรัล เช่น Master Card เป็นต้น”

นายอนาวิล เผ่าดิษฐ ผู้อำนวยการมีเดียลิงค์ แบรนด์ เมเนจเม้นท์ กล่าวว่า “คาแรคเตอร์มูมิน เป็นคาแรคเตอร์ที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย อีกทั้งยังมีแนวคิดเชิงสร้างสรรค์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความสัมพันธ์อันดีในครอบครัว สามารถเป็นแรงบันดาลใจในการไล่ตามความฝันให้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ได้ก้าวเข้ามาสู่โลกของมูมิน ทางบริษัทซึ่งได้เป็นตัวแทนดูแลลิขสิทธิ์มาอย่างยาวนานและเห็นคุณค่าในตัวละครนี้ โดยหวังว่าคาแรคเตอร์มูมินจะเป็นตัวกลางเชื่อมต่อความสัมพันธ์อันดีในครอบครัว”

ในงานเปิดตัวโครงการยังมี พอลล่า เทย์เลอร์ เฟรนด์ ออฟ ยูนิเซฟ, วิกกี้ สุนิสา หิรัณยัษฐิติ, แพทริเซีย กู๊ด และ ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์ มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และเคล็ดลับในการเลี้ยงลูกและได้เชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมติดตามเคล็ดลับการเลี้ยงลูกใหม่ ๆ กับ มูมิน #เลี้ยงลูกวันสุข โดยพอลล่า เทย์เลอร์ คุณแม่ลูกสามกล่าวว่า “การใช้เวลากับลูกเป็นสิ่งที่มีค่ามากสำหรับพอลล่า พอลล่าเฝ้าดูลูก ๆ แต่ละคนเติบโตขึ้นและก็ได้เรียนรู้ความสนใจและบุคลิกของลูกแต่ละคน เราผูกพันกันมากและพอลล่าก็จะอยู่เคียงข้างลูก ๆ ไม่ว่าพวกเขาอยากจะทำอะไรและมีความฝันแบบไหน”

งานเอ็กซ์โปนี้จัดที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ระหว่างวันที่ 17-22 ตุลาคม 2566 และจะเวียนไปตามศูนย์การค้าเซ็นทรัลอื่น ๆ ทั่วประเทศ โดยผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลได้ที่  www.unicef.org/thailand และ www.centralgroup.com

ในงานวันนี้ พี่หมีเท็ดดี้บลูพร้อมเหล่านักแสดงยังได้มาร่วมกันเปิดตัวสินค้า The Teddy Blu Collection ใหม่สุดพิเศษ ประกอบด้วย เสื้อยูนิเซฟเท็ดดี้บลูให้ทุกคนได้ร่วมสนับสนุน โดยรายได้จากการขายหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะนำไปสนับสนุนยูนิเซฟเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ขาดแคลนในประเทศไทยและเด็กเผชิญสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วโลก ร่วมสนับสนุน The Teddy Blu Collection ได้ที่ www.unicef.or.th/teddyblu และ www.centraltham.com/teddyblu หรือร้าน Good Goods สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ และสาขาเชียงใหม่ 

#TeddyBluCollection #มหัศจรรย์ความสุขที่เท่าเทียม #UNICEFThailand

    ไข้เลือดออก

    กรมควบคุมโรค ชวนคนไทย ปักหมุด หยุด ไข้เลือดออก Dengue-zero

    กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร ทาเคดา ประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือ Dengue-zero ชวนคนไทย ปักหมุด หยุด ไข้เลือดออก

    สถานการณ์ของโรคไข้เลือดออกในประเทศไทยปี 2566 สถิติผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสะสมแล้วกว่า 110,809 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 106 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 11 ตุลาคม 2566*) ทั้งนี้พบตัวเลขการระบาดที่สูงที่สุดในรอบ 5 ปี ตอกย้ำความจริงว่าไข้เลือดออกยังคงเป็นปัญหาด้านสาธารณสุข สร้างภาระทางด้านทรัพยากร ภาคเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งคุณภาพชีวิตของคนไทย

    กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร และทาเคดา ประเทศไทย และพันธมิตรความร่วมมือ Dengue-zero ร่วมส่งต่อความหวังจาก “อิงมา” Dengue Virtual Influencer ที่ถูกสร้างขึ้นโดยอิงมาจากสถิติของคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อไข้เลือดออกกว่า 1.2 ล้านคนใน 15 ปีที่ผ่านมา เปรียบเสมือนสิ่งเตือนใจว่า “โรคไข้เลือดออกใกล้ตัวและน่ากลัวกว่าที่คิด” กับงาน ส่งต่อความหวังจากอิงมา ชวนคนไทย ปักหมุด หยุดไข้เลือดออก ตอกย้ำข้อความแห่งความหวังในการต่อสู้กับโรคไข้เลือดออกด้วยมาตราการการเฝ้าระวัง การควบคุมจำนวนลูกน้ำยุงลายเพื่อไม่ให้แพร่พันธุ์ และการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน อีกทั้ง ยังสามารถส่งต่อความปรารถนาดีผ่านข้อความมากมายให้แก่คนที่คุณรักเพื่อให้ปลอดภัยจากไข้เลือดออกผ่าน 5 โซนประสบการณ์อินเตอร์แอคทีฟที่ให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสและมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับโรคไข้เลือดออก ไม่ว่าจะเป็น “Message of Hope Gallery”     แกลเลอรี่ประสบการณ์จริงจากผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อของโรคไข้เลือดออก “The Last Message from Ing-Ma” บูธถ่ายภาพที่เปรียบดังแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์กับการพบกับอิงมาที่จะมาชวนทุกคนร่วมปักหมุด หยุดไข้เลือดออกไปด้วยกัน

    นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “ด้วยสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยมีลักษณะร้อนชื้น จึงเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสเดงกี โดยในปีนี้มีแนวโน้มผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสูงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ด้วยจำนวนผู้ป่วยสูงและต่อเนื่อง จึงต้องเพิ่มมาตรการในการควบคุมโรคให้เข้มข้นขึ้น กรมควบคุมโรคจึงแนะนำให้ประชาชนรีบกำจัดภาชนะที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำและป้องกันยุงลายกัดเป็นประจำ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการปฏิบัติตามหลัก ‘3 เก็บป้องกัน 3 โรค’ ได้แก่ 1.เก็บบ้านให้ปลอดโปร่งไม่ให้ยุงลายเกาะพัก 2.เก็บขยะ และ 3.เก็บแหล่งน้ำ ปิดภาชนะให้มิดชิดเพื่อไม่ให้ยุงลายลงไปวางไข่ ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคไข้เลือดออกได้ อีกทั้งยังสามารถปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันอื่นๆ ตามคำแนะนำของกระทรวงฯ เพื่อร่วมกันลดการระบาดของโรคไข้เลือดออกในสังคมไทยและขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่สังคมปลอดไข้เลือดออกได้ในอนาคต”

    นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “หนึ่งในพันธกิจหลักของกรุงเทพมหานครคือการที่ผู้คนมีความมั่นคงทางสุขภาพ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเหล่าอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต ได้ทำงานใกล้ชิดกับชุมชนในการสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมมาตราการการป้องกันโรคไข้เลือดออก อีกทั้ง ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรความร่วมมือ Dengue-zero ในการสื่อสารถึงภัยของไข้เลือดออกที่มีเป้าหมายในการลดการแพร่เชื้อ ลดการระบาดของโรค ที่นำไปสู่การลดจำนวนผู้ติดเชื้อได้ สำหรับการร่วมกันทำพันธกิจ ปักหมุด หยุดไข้เลือดออกและร่วมกันบอกลาไข้เลือดออกไปกับน้องอิงมาในวันนี้ คือหมุดหมายสำคัญในการให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการสร้างเกราะป้องกันและตอกย้ำว่าเราสามารถเอาชนะโรคไข้เลือดออกได้”

    ทางด้าน มร. ปีเตอร์ สไตรเบิล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาเคดา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ทาเคดามุ่งมั่นในการมอบสุขภาพที่ดีกว่าและอนาคตที่สดใสให้กับผู้คนทั่วโลก ผ่านนวัตกรรมการดูแลสุขภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย เราตระหนักดีว่าไข้เลือดออกเป็นหนึ่งในปัญหาด้านสาธารณสุขของประเทศไทย ที่มีคนจำนวนกว่า 390 ล้านคนทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากโรคนี้ โดยจำนวนผู้ป่วยกว่า 96 ล้านคนมีอาการป่วยอย่างรุนแรง** เรามีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการสร้างความตระหนักรู้เรื่องไข้เลือดออกที่เป็นประโยชน์แก่ชุมชน ทั้งการพัฒนาและต่อยอดระบบการป้องกันเพื่อควบคุมการระบาด การทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชน และการส่งเสริมการสร้างภูมิคุ้มกันของโรคไข้เลือดออก ขอขอบคุณพันธมิตรความร่วมมือ Dengue-zero และทุกภาคส่วนที่ร่วมกันแสดงถึงพลังแห่งความมุ่งมั่นในการต่อสู้กับโรคไข้เลือดออกและบรรลุเป้าหมายในการให้ไข้เลือดออกในไทยเป็นศูนย์ไปด้วยกัน”

    โรคไข้เลือดออก (Dengue fever) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue virus) โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว มักพบในประเทศเขตร้อนและจะระบาดในช่วงฤดูฝนของทุกปี ไข้เลือดออกพบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่พบมากที่สุดในกลุ่มเด็กอายุ 5-14 ปี แต่พบว่าในวัยทำงานมีการเสียชีวิตสูงสุด ซึ่งกลุ่มเด็กที่ติดเชื้อไข้เลือดออกสามารถสังเกตได้จากอาการ โดยหากมีอาการไข้สูงลอย มีผื่นแดงหรือจุดเลือดออกตามตัว ให้สันนิษฐานว่าอาจติดโรคไข้เลือดออกได้ ทั้งนี้ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคโดยเร็ว เนื่องจากโรคไข้เลือดออกจะทำให้มีเกล็ดเลือดที่ต่ำและอาจนำพาไปสู่อาการช็อกและการเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ทั้งนี้ ประชาชนควรหมั่นปฏิบัติตามมาตราการในการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด เพื่อการป้องกันและเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออก เช่น ปิดภาชนะเก็บกักน้ำให้มิดชิด ป้องกันการเข้าไปวางไข่ของยุงลาย เปลี่ยนน้ำในภาชนะอยู่เสมอๆ เพื่อไม่ให้มีแหล่งน้ำที่ยุงสามารถไปเพาะพันธุ์ได้ ปล่อยปลากินลูกน้ำในภาชนะใส่น้ำ และปรับปรุงสิ่งแวดล้อมรอบข้างให้ปลอดโปร่งแล้ว โดยไข้เลือดออกสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นหนึ่งในทางเลือกเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค โดยสามารถปรึกษาแพทย์หรือสถานพยาบาลใกล้ท่านเพื่อขอรับคำแนะนำในการฉีดวัคซีนไข้เลือดออก


    *https://lookerstudio.google.com/reporting/dfa7d4e2-b7f5-48ed-b40a-54f1cd4cbdfb/page/cFWgC?s=uJijraAskGk

    ** https://www.who.int/en/news-room/fact-sheets/detail/dengue-and-severe-dengue

     

      LITTLE STUMP

      LITTLE STOVE & LITTLE STUMP บ้านตอไม้ … บ้านแห่งการเล่น สำรวจ ผจญภัย และเรียนรู้

      เที่ยวกับลูกวันนี้ เราจะพามาเล่นสนุกและพักผ่อนกันที่ LITTLE STOVE & LITTLE STUMP คาเฟ่และ Playground ย่านพระราม 2 สถานที่ที่ทุกคนในครอบครัวจะได้มาพักผ่อนร่วมกัน ท่ามกลางธรรมชาติ มีสวนสวยมีอาหารอร่อยและมีที่เล่นสำหรับเด็กๆ มาที่เดียวได้ครบขนาดนี้บอกเลยว่าไม่ควรพลาด

      LITTLE STOVE & LITTLE STUMP เกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับการคิดสร้างสรรค์นิทานภาพเรื่อง “บ้านตอไม้กับสหายนักซ่อม” ที่ร่วมกับ สำนักพิมพ์สานอักษร คุณพราว พราว พุทธิธรกุล สถาปนิกผู้ออกแบบหนึ่งในพาร์ทเนอร์และเจ้าของ LITTLE STOVE & LITTLE STUMP เล่าให้ฟังว่า เธออยากสร้างสถานที่นี้ให้มีชีวิต อยากให้พื้นที่นี้เติบโตไปพร้อมกับเด็กๆ โดยมีหนังสือนิทานบ้านตอไม้กับสหายนักซ่อม เป็นสื่อเชื่อมโยงเด็กๆกับที่นี่ไว้ด้วยกัน สถานที่และตัวสถาปัตยกรรมของ LITTLE STOVE และ LITTLE STUMP จะเป็นฉากของเรื่อง  มีเหล่าสัตว์ที่น่ารักทั้งหลายมาช่วยกัน สร้าง ซ่อม ต่อเติม แก้ไข ทั้งบ้านตอไม้ (LITTLE STUMP) และ ถ้ำ ของพี่หมี (LITTLE STOVE) นั่นเอง

      LITTLE STUMP

      ทางเข้า LIITLE STUMP รายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่

      LITTLE STUMP

      โซนต้อนรับ บรรยากาศอบอุ่นสบาย

      LITTLE STUMP ( บ้านตอไม้ )

      เป็นพื้นที่ให้เด็กๆมาเรียนรู้ผ่านการเล่น สำรวจธรรมชาติ และสังเกตสิ่งรอบตัว บ้านตอไม้หลังนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากวงปีของต้นไม้  โซนนี้มีกิจกรรมมากมายทั้งอินดอร์และเอาต์ดอร์ ให้เด็กๆได้เรียนรู้ ทั้งใต้หลังคาและใต้ต้นไม้ บนเนินหญ้าและเนินดิน ในร่มเงาและในแสงแดด เล่นได้อย่างอิสระและเปิดกว้าง

      พื้นที่ทุกส่วนของ LITTLE STUMP ถูกออกแบบมาให้เชื่อมต่อกัน ห้อง PLAY ROOM ถูกสร้างมาจากแรงบันดาลใจของถิ่นที่อยู่ของสัตว์ต่างๆ มีที่ให้ปีนป่ายเหมือนอยู่บนต้นไม้ มีอุโมงค์เหมือนถ้ำ หรือโพรงต้นไม้ให้มุดหรือเล่นซ่อนแอบ ภายในมีกระจกบานกว้าง ช่วยให้เด็กๆมองเห็น สวนและสนามหญ้าภายนอกอีกด้วย  ส่วนด้านนอกบริเวณคอร์ตตรงกลาง มีทั้งนิทาน มุมระบายสีและของเล่นที่กระตุ้นประสาทสัมผัส เช่น ของเล่นไม้ LOOSE PARTS  ต่างๆ

      OUTDOOR LANDSCAPE โซนเอาต์ดอร์ออกแบบมาให้เล่นได้อย่างอิสระ ทั้งเนินหญ้า อุโมงค์ คูน้ำ หิน ดิน ทราย ที่ปีนป่าย เดินทรงตัว และชิงช้าให้เด็กๆวิ่งเล่นและออกกำลังได้เต็มที่ พร้อมธรรมชาติและสวนสวยๆรายล้อม หรือใครอยากทำกิจกรรม ที่นี่เขาก็มี WORKSHOP มากมายอีกด้วย เช่น

      • Little Explorer (Explore/Experiment)
      • Little Baker (Bread Baking)
      • Little Chef (Cooking)
      • Little Seed (Sensory)
      • Little Artist (Art &Craft)

      นอกจากนั้นยังมี Little Helper กิจกรรมที่ทำให้เด็กๆได้มีจิตใจที่อยากช่วยเหลือผู้อื่นและทำเพื่อผู้อื่นด้วย

      สำหรับเด็กเล็ก คุณพ่อคุณแม่สามารถร่วมทำกิจกรรมกับน้องได้เพื่อให้พ่อแม่ได้เห็นพัฒนาการอย่างใกล้ชิดของน้องๆและยังกระชับความสัมพันธ์ครอบครัวอีกด้วย ส่วนเด็กที่โตขึ้นมาหน่อย สามารถทำกิจกรรมด้วยตนเองกับคุณครูและเพื่อนๆ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคมและการช่วยเหลือตนเอง

      LITTLE STUMP 

      คอร์ตกลางอาคาร เจาะช่องตรงกลางทำให้มีแสงสว่างส่องถึง และลมผ่านเย็นสบาย

      ห้อง Playroom มีที่ปีนป่ายและของเล่นเสริมพัฒนาการมากมาย

         

      โซน OUTDOOR LANDSCAPE

        

      Workshop Little Helper ฝึกเด็กๆให้เรียนรู้อุปกรณ์ปฐมพยาบาล รู้จักแผลพุพอง รู้จักระวังน้ำร้อน และทำการ์ดให้กำลังใจมอบแด่บุคคลากรทางแพทย์ในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆกัน

       

      LITTLE STOVE ( บ้านของพี่หมี )

      เล่นจนเหนื่อยแล้วอย่าลืมแวะมาพักทานน้ำทานขนมกันต่อที่ LITTLE STOVE ห้องอบขนมปังของพี่หมีกับคุณผึ้ง ที่อยู่ติดกัน  กับดีไซน์ที่เรียบง่าย มีกระจกล้อมรอบทั้งสามด้าน ทำให้สามารถมองเห็นสวนภายนอกได้เต็มตา โดยเฉพาะต้นไทรขนาดใหญ่ซึ่งเป็นพระเอกของที่ดินผืนนี้ มาแล้วอย่าลืมทานเมนูขนมปัง Sourdough Homemade ที่ดีต่อสุขภาพและ Waffle รังผึ้ง นอกจากนี้ยังมีกาแฟ และเมนู Brunch อร่อยๆอีกมากมายให้เลือกอีกด้วย

      บรรยากาศคาเฟ่ LITTLE STOVE และเมนูแนะนำที่ไม่ควรพลาด Honeycomb Waffle และ Hot Latte ฟองนมพี่หมีแสนน่ารัก

       

      ที่ตั้ง Little Stove & Little Stump
      พระราม 2 ซอย 33 แขวงบางมด เขตจอมทอง กรุงเทพฯ
      Facebook : https://www.facebook.com/littlestumpbkk
      : https://www.facebook.com/littlestovebkk

      โทร.06-1626-2803

      เปิดบริการ วันอังคาร-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์)
      Little Stove เปิด 8.30-17.30 น. (Last Order 17.15 น.)
      Little Stump เปิด 9.30-17.30 น.

      EXPLORER: #แม่เลม่อน
      PHOTOGRAPHER: #แม่เลม่อน


      อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ

        คัตสึยะ ผนึกกำลัง วันพีซ เอาใจสาวกลูกเรือกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ครั้งแรกในประเทศไทย

        คัตสึยะ (KATSUYA) หนึ่งในผู้นำตลาดทงคัตสึยอดนิยมอันดับหนึ่งจากญี่ปุ่น รสชาติแท้ เจแปนนิส สไตล์ ภายใต้การบริหารงานโดย บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (ซีอาร์จี) นำโดย ธีรวัฒน์ เลิศถิรพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส  กลุ่ม Japanese & Korean Cuisine ผนึกกำลัง อนิเมะสุดฮิตระดับโลกจากญี่ปุ่น “วันพีซ” โดยบริษัท เดกซ์ (ดรีม เอกซ์เพรส) จำกัด  บริษัทผู้นำธุรกิจลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์วันพีซในประเทศไทย นำโดย กฤษณ์ สกุลพานิช ประธานบริหาร บริษัท เดกซ์ (ดรีม เอกซ์เพรส) จำกัด ตอกย้ำกลยุทธ์ Collaboration เพื่อขยายฐานลูกค้าระหว่างกัน จัดแคมเปญ KATSUYA l ONE PIECE ภายใต้คอนเซ็ปท์ “เมนูอาหารสุดครีเอทของลูกเรือกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง” ครั้งแรกในประเทศไทย ชวนเปิดประสบการณ์เมนูใหม่ในธีมวันพีซ กับ 2 ธีมเมนูจากตัวละครหลัก “กัปตันกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง มังกี้ ดี ลูฟี่” และ “หมอประจำกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง โทนี่ โทนี่ ชอปเปอร์” ที่ครีเอทเป็นเมนูแสนอร่อยด้วยสูตรพิเศษจากคัตสึยะ อาทิ

        • ลูฟี่ ข้าวแกงกะหรี่คัตสึ หมวกข้าวสีเหลืองสีที่ได้จากฟักทองญี่ปุ่น ทานคู่กับแกงกะหรี่รสกลมกล่อมที่ได้ความหวานจากน้ำแอปเปิ้ล เคียงผักดองสไตล์ญี่ปุ่น (พร้อมเสิร์ฟตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. – 31 ต.ค. 2566 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด)
        • โทนี่ โทนี่ ช็อปเปอร์ ไวท์ซอสครีมเห็ดคัตสึ หมวกข้าวสีชมพูสีที่ได้จากสตรอว์เบอร์รี พิเศษด้วยไวท์ครีมผัดเห็ดหอมและหอมใหญ่ รสมันเข้มข้นสไตล์ญี่ปุ่น (พร้อมเสิร์ฟ 1 – 30 พฤศจิกายน 2566 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด) คัตสึยะ เสิร์ฟความอร่อย ด้วยเตาทอดพิเศษนำเข้าจากญี่ปุ่น ที่ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ ทำให้ทุกการทอดมีความสม่ำเสมอ จนได้ทงคัตสึที่กรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมัน เหมือนเชฟผู้เชี่ยวชาญ พร้อมกับคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม สดใหม่ ให้กับทุกเมนู พร้อมแล้วให้มาเติมพลังตามล่าวันพีซ
        น้องพีท วสุธร ชัยจินดา นักแสดงซีรี่ย์วายชื่อดัง ผู้ชื่นชอบและยังเคยได้รับเชิญไปงานเปิดตัว One Piece Netfilx ที่ญี่ปุ่นมาแล้ว และ น้องเป็นต่อ จีรภัทร พิมานพรหม สมาชิกวง Laz1 ปัจจุบันเป็นศิลปินเดี่ยว หนึ่งในผู้ที่ชื่นชอบคาแรคเตอร์ One Piece มากๆ

        สาวกตัวจริงห้ามพลาดกับพรีเมี่ยมแก้ว Tumbler Collection รุ่นพิเศษ (Limited Edition) ลิขสิทธิ์แท้! คาแรกเตอร์หลักจากวันพีซ ภาควาโนะคุนิ มาดีไซน์บนแก้ว ให้ชาวลูกเรือกลุ่มโจรสลัดได้สะสมถึง 4 แบบ  มังกี้ ดี ลูฟี่, โรโรโนอา โซโล, โทนี่ โทนี่ ช้อปเปอร์ และ ทราฟัลการ์ ลอว์

        คัตสึยะ ยังจัดโปรโมชันสุดพิเศษ ทุกเมนูเพียงเมนูละ 229 บาท (จากปกติ 259 บาท) หรือเป็นเซ็ตพร้อมแก้วน้ำ ลิขสิทธิ์แท้! เพียง 348 บาท (จากปกติ 448 บาท) และสำหรับนักสะสมที่อยากได้เฉพาะแก้วสามารถซื้อแยกได้ในราคา 150 บาท (จากปกติ 219 บาท) พิเศษยิ่งกว่าแลกซื้อแก้วได้ในราคา 119 บาท เมื่อรับประทานอาหารครบ 350 บาท ขึ้นไปต่อใบเสร็จ ลิมิเต็ดเฉพาะที่คัตสึยะ

        มาร่วมเติมพลังให้อิ่มท้องก่อนออกเดินทางผจญภัยไปกับคัตสึยะ และลูกเรือกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน – 30 พฤศจิกายน 2566 นี้ ที่คัตสึยะ 45 สาขาทั่วประเทศ  ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว ได้ที่ https://www.facebook.com/KatsuyaThailand

         

          Tags

          เปิดโลก โคอะลา มาร์ช กับนิทรรศการครั้งแรกในไทย สัมผัส 10 โซนฮีลใจกับคาแรกเตอร์สุดน่ารักเวรี่มาร์ช

          บริษัท ไทยลอตเต้ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมปังกรอบสอดไส้ ภายใต้แบรนด์ “ โคอะลา มาร์ช (Koala’s March)” จัดนิทรรศการบอกเล่าเรื่องราวขนมหมีโคอะลาสุดน่ารักครั้งแรกในไทย  12 ต.ค. – 12 พ.ย.นี้  ภายใต้ธีม “โคอะลามาร์ช เวิลด์ เปิดใจให้โลกน่ารักเวรี่มาร์ช” เอาใจแฟนพันธุ์แท้ด้วย 10 โซนสุดปัง  ตระการตากับโรงงานจำลองที่ทำให้เห็นจุดกำเนิดขนมรูปหมีแสนอร่อย ตะลึงกับการรวบรวม  คาแรกเตอร์ถึง 214 ลวดลาย สุดฮีลใจกับการเป็นพยานในการสารภาพรักของ มาร์ชคุงกับวอลล์จัง ท่ามกลางสวนดอกไม้

          นายซาดาฟูมิ มัตซึชิตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย99ลอตเต้ จำกัด กล่าวว่า “โคอะลามาร์ช หรือขนมโคอะลา เป็นขนมปังกรอบสอดไส้พอดีคำที่มีคาแรกเตอร์น่ารัก เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ วัยรุ่น คนรุ่นใหม่ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่เองก็ประทับใจในความอร่อยและความขี้เล่นของ มาร์ชคุงและวอลซ์จัง คาแรกเตอร์หมี  โคอะลาบนขนมที่สร้างเซอร์ไพร์สให้กับทุกคนในทุกครั้งที่เปิดซองรับประทาน เพราะได้ลุ้นไปกับลวดลายถึง 214 ลวดลาย จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสุขและความอร่อยที่ทุกคนนึกถึง ล่าสุดได้จัดนิทรรศการ ‘โคอะลามาร์ช เวิลด์ เปิดใจให้โลกน่ารักเวรี่มาร์ช’ ขึ้น เพื่อเชิญชวนทุกคนมาสัมผัสกับเรื่องราวสุดประทับใจและเปิดโลกของ โคอะลา มาร์ช เป็นครั้งแรกในไทย ผ่านคาแรกเตอร์หลัก วิธีการผลิต รวมไปถึงจุดกำเนิดและความเป็นมาของเหล่าโคอะลา มาร์ช คาแรกเตอร์ต่างๆ ระหว่างวันที่ 12 ตุลาคม – 12 พฤศจิกายนนี้  ณ ริเวอร์ ซิตี้ พร้อมทั้งมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกเพื่อลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษอีกมากมาย”

          นิทรรศการในครั้งนี้ จะพาทุกคนไปรู้จักกับโลกของ โคอะลามาร์ช ผ่านการเดินทางใน 10 โซนห้องแห่งการเรียนรู้ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่การออกเดินทางใน ห้องเฮกซากอน มิเรอร์ (Hexagon Mirror) ที่สามารถเซลฟี่กับ โคอะลา มาร์ช แบบอันลิมิต ในห้องกระจกหกเหลี่ยม ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากกล่องขนมอันเป็นเอกลักษณ์ ได้มุมมองสุดว้าว! รับรองว่าถูกใจแฟนพันธุ์แท้อย่างแน่นอน

          ถัดมาเป็น ห้องแห่งแสงไฟ (Lighting Room) ที่เนรมิตให้เป็นอุโมงค์แสงไฟที่มีโคอะลา มาร์ช ร้องเพลงต้อนรับทุกคน ห้องแบล็กแอนด์ไวท์ (Black & White Zone) ที่จะพาทุกคนตื่นตาตื่นใจไปกับโมเดล “โคอะลา แองเจิล” และ “โคอะลา เดวิล” ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาเพลิดเพลินไปกับวัตถุดิบของขนมโคอะลามาร์ช ทั้งช็อคโกแลต นมและชีส สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มข้นของรสบิทเทอร์ช็อคโกแ9ลต และรสไวท์มิลก์ อันแสนอร่อย

          ห้องโคอะลา โปรไฟล์ (Koala’s Profile) บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของมาร์ชคุง และวอลซ์จัง สองคาแรกเตอร์หลักของแบรนด์ ซึ่งห้องนี้จะทำให้รู้จักพวกเขามากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงลวดลายของ โคอะลามาร์ช ในประเทศไทยที่มี 214 คาแรกเตอร์ ลายพิเศษที่ให้แต่ละจังหวัดในประเทศไทยโดยเฉพาะ ตลอดจนสมาชิกใหม่สุดน่ารักลายล่าสุดชื่อ โดเรมี และอีกหนึ่งปริศนาที่ชวนให้ลุ้นไปด้วยกัน

          ถัดจากนั้นจะเป็นสิ่งที่หลายคนอยากรู้ นั่นคือ ห้องโคอะลาแฟ็คทอรี่ (Koala’s Factory) จำลองโรงงานขนมสุดอลังการแสดงให้เห็นถึงวิธีการผลิต ความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอน จากแผ่นแป้งสู่บิสกิตหอมกรุ่นสอดไส้ครีมรสชาติต่างๆ ที่ทำให้ทุกคนหลงรักและติดใจในความอร่อย ห้องความเป็นมา (Koala’s Timeline) ที่มาเล่าจุดกำเนิดของโคอะลามาร์ช ตั้งแต่ปี 1984 จนถึงปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง จากนั้นจะเป็นการเดินทางเข้าสู่ สวนดอกไม้ของโคอะลามาร์ช (Flower Zone) อบอวลไปด้วยมวลดอกไม้นานาพรรณ ที่รังสรรค์ขึ้นจากฝีมือการออกแบบของศิลปินชาวไทย โดยให้ผู้เข้าชมร่วมสนุกด้วยการเป็นพยานในการสารภาพรักของมาร์ชคุงและวอลซ์จัง ท่ามกลางสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ด้วย

          “ที่ผ่านมาโคอะลามาร์ช เป็นแบรนด์ขนมที่เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคชาวไทยในหลายกลุ่มวัย ไม่ว่าจะเป็น เด็ก วัยรุ่น คนรุ่นใหม่ หรือผู้ใหญ่ ซึ่งหลงรักในคาแรกเตอร์ของหมีโคอะลาและความอร่อยของขนมปังกรอบสอดไส้ครีมของเรา การจัดนิทรรศการในครั้งนี้หวังว่า จะทำให้ทุกคนรู้จักและหลงรัก โคอะลา มาร์ช ในคาแรกเตอร์ต่างๆ ยิ่งกว่าเดิม” นายซาดาฟูมิ มัตซึชิตะ กล่าวทิ้งท้าย

          12 ตุลาคม – 12 พฤศจิกายน 2566 นี้ อย่าพลาด! นิทรรศการ ‘โคอะลา มาร์ช เวิลด์ เปิดใจให้โลกน่ารักเวรี่มาร์ช’ ที่จะทำให้คุณมูฟออนจากความน่ารักของพี่มาร์ช คุง ไม่ได้เลย มาเติมความสดใสในโลกของคุณ ได้ที่ ริเวอร์ ซิตี้ (River city) ชั้น 2 ห้อง RCB Galleria 2

          หรือ Add Line : Koalas-march หรือ http://bit.ly/3MASbQg  เพื่อร่วมสนุกและแลกของรางวัลสุดเอ็กซ์คลูซีฟหน้างาน พร้อมให้ความน่ารักของโคอะลา มาร์ช ได้กลายเป็นอีกส่วนหนึ่งของความสดใสในโลกของคุณ! และติดตามข่าวสารได้ที่เพจ https://www.facebook.com/ilovekoalamarch

            Tags

            ชวนดูหลักสูตร โรงเรียนฐานปัญญา โรงเรียนที่หวังปูรากฐานแห่งปัญญาให้กับเด็กในศตวรรษที่ 21

            โรงเรียนฐานปัญญา โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งบนถนนกัลปพฤกษ์ กรุงเทพฯ ที่มีหลักสูตรครบพร้อมตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 บริหารงานด้วยปณิธานว่าต้องการบ่มเพาะเยาวชนให้มีจริยธรรมที่ดีและทักษะที่จำเป็นเพื่อก้าวสู่โลกแห่งอนาคตในศตวรรษที่ 21

            ชวนดูหลักสูตร โรงเรียนฐานปัญญา โรงเรียนที่หวังปูรากฐานแห่งปัญญาให้กับเด็กในศตวรรษที่ 21

            เสียงเพลงแอโรบิคตอนเช้าตรู่จากกิจกรรมหน้าเสาธง ทำให้เรารู้สึกคึกคักไปพร้อมๆ กับเด็กๆ ในโรงเรียนฐานปัญญา โรงเรียนที่ School Visit อยากชวนไปเยี่ยมชมหลักสูตรแบบบูรณาการเพื่อการเรียนรู้ที่ทั้งสนุกและมีเนื้อหาเข้มข้นในเวลาเดียวกัน

            โรงเรียนฐานปัญญา คือ โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งบนถนนกัลปพฤกษ์ กรุงเทพฯ ที่มีหลักสูตรครบพร้อมตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 บริหารงานด้วยปณิธานว่าต้องการบ่นเพาะเยาวชนให้มีจริยธรรมที่ดีและทักษะที่จำเป็นเพื่อก้าวสู่โลกแห่งอนาคตในศตวรรษที่ 21

            ผู้ปกครองบางท่านอาจจะคิดว่า ถ้าอยากให้ลูกเก่งวิชาการ แน่นภาษา ลูกน้อยของเราคงจะต้องคร่ำเคร่งนั่งเรียนอยู่กับโต๊ะ ไม่สนุก ไม่มีสังคม แต่ที่โรงเรียนฐานปัญญา เขายืนยันว่าสามารถส่งเสริมเด็กๆ ทั้งด้านวิชาการ กิจกรรมเด่น และเรียนสนุก ไปพร้อมๆ กันได้ จนเป็นที่นิยมของคนในพื้นที่มากว่า 33 ปี 

            เด็กๆ ชั้นอนุบาลทำกิจกรรมหน้าเสาธงรวมกันทุกเช้า ซึ่งแต่ละวันจะมีกิจกรรมสนุกๆ เพื่อเริ่มต้นวันแต่งต่างกันไป เช่น แนะนำคำศัพท์ เต้นประกอบเพลง

             

            เน้นกิจกรรมสนุก ปลุกพัฒนาการปฐมวัย

            สำหรับเหล่าหนูน้อยชั้นอนุบาล ที่โรงเรียนฐานปัญญาเน้นส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ผ่านกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรม มีเรียนภาษาต่างประเทศด้วยหลักสูตร Intensive English Program ได้สัมผัสภาษาอังกฤษเกือบทุกวัน และเสริมภาษาจีนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ซึ่งการเรียนภาษาจะเรียนผ่านการสนทนาและการแสดงบทบาทสมมติทำให้เด็กๆ สนุกและอยากเรียนรู้ อีกทั้งยังส่งเสริมการเรียนเสียงดนตรีผ่านคีย์บอร์ด ซึ่งเด็กๆ จะได้ฝึกเล่นด้วยตัวเองทุกคน

            ห้องเรียนดนตรีที่เด็กๆ จะมีคีย์บอร์ดสำหรับฝึกฝนทุกคน

             

            กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการ 6 กิจกรรม

            สำหรับชั้นอนุบาลที่ได้เล่นไม่เคยขาดทุกสัปดาห์ คือ

            1 กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ เพื่อพัฒนาการด้านร่างกายและกล้ามเนื้อผ่านเสียงเพลง

            2 กิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาการทางด้านอารมณ์ ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ที่หลากหลาย เช่น วาดภาพ พับกระดาษ ร้อยหลอด

            3 กิจกรรมเสรี ที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เล่นมุมต่างๆ ตามความสนใจของตัวเอง

            4 กิจกรรมเสริมประสบการณ์ผ่านการเรียนรู้แบบ STEAM และโครงงาน การเรียนรู้ผ่านกระบวนการทดลอง สังเกต เปรียบเทียบ ฯลฯ ผ่านโครงงานต่างๆ

            5 กิจกรรมกลางแจ้ง ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อและประสาทสัมผัสของอวัยวะต่างๆ

            6 เกมการศึกษา เพื่อพัฒนากระบวนการคิดผ่านการเล่น เช่น การจับคู่เปรียบเทียบ การแยกหมวดหมู่

            เรียนผ่านกิจกรรมต่างๆ

             

            STEAM Education ศาสตร์เพื่อก้าวสู่ศตวรรษที่ 21

            หนึ่งในสิ่งพิเศษที่ทำให้หลักสูตรของโรงเรียนฐานปัญญาน่าสนใจคือ การนำ STEAM Education มาใช้ในระดับชั้นอนุบาล-ประถม 6 ผ่านโครงงานต่างๆ ซึ่งเหมาะสมกับเนื้อหาหลัก โดยมีห้องปฏิบัติการ STEAM ที่มีพื้นที่กว้างขวาง สำหรับทดลองโครงงานที่ต้องใช้ทั้งการค้นกว้า การสังเกตุ และการทดลอง

            ส่วน STEAM Education นั้น คือ เรียนรู้แบบบูรณาการข้ามองค์ความรู้ ประกอบไปด้วย วิทยาศาสตร์ (Science), เทคโนโลยี (Technology), วิศวกรรม (Engineering), ศิลปะ (Arts) และ คณิตศาสตร์ (Math) ซึ่งการเรียนแบบองค์รวมนี้จำทำให้เด็กๆ ได้ฝึกทักษะคิดวิเคราะห์อย่างรอบด้าน ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่จะทำให้เขาไปยืนบนเวทีโลกในศตวรรษที่ 21 ได้

             

            นักเรียนชั้น ป.5 กำลังทำโครงงานเครื่องร่อนพลังลม ผ่านการเรียนรู้แบบ STEAM โดยเด็กๆ จะได้เรียนรู้การออกแบบ การวัด คำนวณขนาด และน้ำหนัก ตั้งแต่เริมต้นจนสำเร็จ โดยมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างคุณครูและเพื่อนตลอดเวลา

             ผลงานจากโครงการ STEAM ของเด็กๆ

            ENGLISH PROGRAM

            ระดับชั้นประถมของโรงเรียนฐานปัญญามีหลักสูตรให้เลือกถึง 3 หลักสูตร คือ สามัญ, BILINGUAL, และ ENGLISH PROGRAM ตามความถนัดทางด้านภาษาของเด็กๆ ซึ่งในหลักสูตร ENGLISH PROGRAM เด็กๆ จะได้ใช้ภาษาอังกฤษแบบเข้มข้นผ่านการเรียนกับคุณครูที่เป็น Native Speaker ใน 5 รายวิชาหลัก คือ คณิตศาสตร์ วิทยาศาตร์ ภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์ และพละศึกษา

            สอนวิชาหลักเป็นภาษาอังกฤษโดยครู Native Speaker

            ส่งเสริมความถนัดเฉพาะด้าน

            ในวันที่เราได้ไปเยี่ยมชมหลักสูตรมัธยมของโรงเรียนฐานปัญญา ทางโรงเรียนได้เปิดห้องซ้อมดนตรีที่มีการรวมแบรนด์นักเรียนมัธยมปลายแผนกศิลป์-ดนตรีให้เราได้ฟัง ก่อนจะแนะนำว่าทางโรงเรียนมีแผนกของนักเรียน ม.ปลาย ให้เลือกถึง 5 สาย คือ วิทย์คณิต ศิลป์คำนวณ ศิลป์ภาษาญี่ปุ่น ศิลป์ภาษาจีน ศิลป์ดนตรี ซึ่งเป็นแนวทางของหลักสูตรที่ต้องการส่งเสริมความสามารถเฉพาะด้านของนักเรียนไปจนถึงที่สุด

            อย่างแผนกศิลป์-ดนตรี จะมีการเรียนการสอนเกี่ยวกับดนตรีโดยเฉาะ 9 คาบเรียนต่อสัปดาห์ เช่น ประวัติศาสตร์ดนตรีตะวันตก ทฤษฎีดนตรี ทักษะการฟัง การปฏิบัติรวมวง ฯลฯ นักเรียนจะได้สัมผัสเครื่องดนตรีทุกวัน และสามารเลือกเอกได้หลายประเภท ทั้งเครื่องเป่า ไวโอลิน เปียโน ดนตรีไทย และกีต้าร์ ทำให้นักเรียนได้ทดลองและค้นหาตัวตนได้ว่า เขาชอบเส้นทางสายนี้จริงๆ หรือไม่ ก่อนที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย

            อาคารกรอสโซ่มิวสิค คือ ศูนย์ดนตรีของโรงเรียนฐานปัญญา ที่ประกอบไปด้วยห้องอัด ห้องซ้อม อุปกรณ์และเครื่องดนตรีครบครัน สำหรับการเรียนรู้เฉพาะทางของนักเรียน และเปิดสอนสำหรับบุคคลภายนอกด้วย

            พัฒนา MOU เพื่ออนาคตเด็กไทย

            สำหรับแผนกภาษาของที่นี่ ทั้งศิลป์ญี่ปุ่นและศิลป์จีน ทางโรงเรียนจะมี MOU แลกเปลี่ยนนักเรียนกับประเทศเจ้าของภาษาโดยตรง เพื่อแลกเปลี่ยนนักเรียนให้ได้ประสบการณ์ทางด้านภาษาจริงๆ ซึ่งทางโรงเรียนไม่ได้มองว่าเป็นผลดีกับตัวนักเรียนเท่านั้น แต่ละเป็นโอกาสที่ดีสำหรับประเทศไทยในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้อีกด้วย จึงมีการพัฒนาความสัมพันธ์เพิ่ม MOU ใหม่ตลอด ล่าสุดทางโรงเรียนที่การลงนามความร่วมมือทางการศึกษา (MOU) กับ Guangxi University of Science and Technology ประเทศจีน เพื่อเพิ่มห้องเรียนโดยใช้รายวิชาจากทางจีนโดยเฉพาะ เพื่อฝึกทักษะสำหรับส่งนักเรียนไปเรียนต่อกับ Guangxi University ได้โดยตรง

            บรรยากาศสนามเด็กเล่นกลางแจ้ง

            คุณฐิตาภรณ์ ฐานปัญญา ผู้บริหารโรงเรียนรุ่นที่ 3 ผู้ที่คอยดูแลหลักสูตรและปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัยเหมาะกับโลกปัจจุบันเสมอ

             

            5 เหตุผลที่ทำให้เด็กอยากมาโรงเรียนฐานปัญญาทุกวัน

            1 เน้น Play based learning สร้างบรรยาการการเรียนรู้แสนสนุก ที่ทำให้เด็กๆ อยากเข้าร่วมกิจกรรม ได้ลงมือทำจริงทุกคน

            2 คุณครูผู้เข้าใจธรรมชาติและตัวตนของเด็กแต่ละคน ทำให้เด็กได้โชว์ศักยภาพอย่างเต็มที่

            3 ส่งเสริมการเรียนอย่างมีส่วนร่วมและเปิดพื้นที่การเรียนในสิ่งตัวเองสนใจอย่างมีอิสระ

            4 เน้น Project-Based Learning และ STEAM กระตุ้นความเป็นนักสำรวจของเด็กๆ ทำให้มีมุมมองที่ดีต่อการทำงานเป็นทีม

            5 ห้องเรียนและอุปกรณ์ ครบครัน นำสมัย มีแรงจูงใจเชิงบวกที่ทำให้อยากเรียนรู้ เช่น ห้องดนตรี, ห้องปฏิบัติการ STEAM, ห้องภาษา, ห้อง IMAC สำหรับเรียน Media Arts

            บรรยากาศในห้องเรียน

             

            Mommy Loves This! เรื่องพิเศษของโรงเรียนนี้ ที่แม่รักมาก

            -มีสอนภาษาจีนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล สัปดาห์ละ 2 คาบ

            -คุณครูผู้สอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนส่วนใหญ่เป็น Native Speaker ทำให้คุ้นเคยกับสำเนียงที่ถูกต้อง

            -หลักสูตรศิลป์คำนวนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายคือการเรียนรู้เน้นผลิต Artist and Designer

            -มีชมรมโขนเยาวชนเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมไทย มีการฝึกสอนสม่ำเสมอและส่งเสริมให้ทำการแสดงจริง

            -มี English Camp ช่วงปิดเทอมให้เด็กมาทำกิจกรรมประมาณ 1 สัปดาห์ กิจกรรมจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่น ทำหุ่นยนต์ ทำอาหาร ฯลฯ

            ชมรมโขนเยาวชน กิจกรรมหลังเลิกเรียนที่นักเรียนทุกระดับชั้นสามารถสมัครเข้าร่วมได้

             

            หลักสูตร

            อนุบาล 1-3 : Intensive English Program

            ประถม 1-6 : สามัญ, BILINGUAL, ENGLISH PROGRAM

            มัธยม 1-3 : สามัญ, BILINGUAL

            มัธยม 4-6 : วิทย์คณิต ศิลป์คำนวณ ศิลป์ภาษาญี่ปุ่น ศิลป์ภาษาจีน ศิลป์ดนตรี

             

            ระดับที่เปิดสอน : อนุบาล 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 6

            อัตราค่าเล่าเรียน : 15,000-50,000 บาท (แล้วแต่หลักสูตร)

             

            โรงเรียนฐานปัญญา

            ที่อยู่ : 45/597 ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 10160

            เว็บไซต์ : https://www.tharnpanya.ac.th/

            เฟซบุ๊ก : https://www.facebook.com/tharnpanya

             

            Editor : แม่น้องอลินดา

            ภาพ : สุวิจักขณ์ ศรีภา

             


            อ่านต่อบทความน่าสนใจ

              Balcony Seaside Sriracha

              สองพี่น้องพีท-พริม พาเที่ยวศรีราชา กับที่พักสุดฟิน Balcony Seaside Sriracha Hotel

              เด็กๆ บ้านไหนใฝ่ฝันอยากมี เตียงสองชั้นที่นอน แล้วมองออกหน้าต่างไปเห็นวิวทะเล ต้องห้ามพลาด!! Balcony Seaside Sriracha

               

              แม่ขา หนูอยากไปทะเลค่ะ แม่จ๋าพ่อจ๋าบ้านไหน ทนเสียงน้อยๆที่เรียกร้องหาทะเลได้บ้างคะ บ้านนี้ทนไม่ค่อยไหวค่ะ เพราะแม่เองก็เลือกทะเลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นหยิบกุญแจรถส่งให้พ่อ แล้วสตาร์ทรถกันเลยค่ะ

              ที่ฟังดูเหมือนง่ายขนาดนั้นเพราะทะเลที่เราพูดถึงนี้อยู่ใกล้มาก คือ อำเภอ ศรีราชา จังหวัด ชลบุรี ใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ก็ได้กลิ่นอายทะเลกันแล้ว และโรงแรมที่เราพาเด็กๆมาสนุกในวันนี้คือ Balcony Seaside Sriracha ซึ่งโรงแรมนี้มี 2 สาขาไม่ไกลกัน เด็กๆเลือกมาที่นี่เพราะภาพๆเดียว นั่นคือ เตียงสองชั้นที่มองเห็นวิวทะเล!

               ไปค่ะ ไปเช็กอินกัน @ Balcony Seaside Sriracha

              ระหว่างที่นั่งรอแม่ไปเชคอิน เด็กๆนั่งจิบเวลคัมดริ๊งก์ไปพลางๆ ล็อบบี้ส่วนกลางนี้เปิดโล่ง โปร่ง รับบรรยากาศกลิ่นไอทะเลได้อย่างสบายใจมาก จากนั้นพี่ๆในส่วนต้อนรับจะแจกเหรียญกาซาปองให้เด็กๆไว้หยอดตู้กาซาปองที่อยู่ไม่ไกลกัน ครั้งนี้เราได้มา 8 เหรียญเลย หยอดกันสนุกแน่ๆ จบกิจกรรมแรก ยังมีคูปองสำหรับแลกขนมได้อีกเลือกขนมติดไปรับประทานกันในห้องได้เลย

              ที่นี่ตกแต่งในสไตล์ Modern Cozy ที่มีกลิ่นอายของความเรียบหรูในแบบญี่ปุ่น ภายใต้คอนเซปต์ The Luxury Family Escape เรียกได้ว่าหลบหนีความวุ่นวายมาสู่ความเรียบง่าย ผ่อนคลายกับเสียงคลื่นทะเลนั่นเอง

              Balcony Seaside SrirachaBalcony Seaside Sriracha

              ในส่วนต้อนรับนี้มีมุมหนังสือและห้องทำงาน ที่บอกว่าเด็กแทบจะพุ่งตัวเข้าไปหาหนังสือตัวละครสุดโปรดกันเลยทีเดียว มีหนังสือให้นั่งอ่านเพลินๆเยอะมาก และหากอยากนั่งทำงานก็มีห้องให้ใช้ประชุมได้แบบส่วนตัวกันเลย ถัดไปไม่ไกลกันมีมินิมาร์ทเล็กๆให้ซื้อของใช้และขนม เครื่องดื่ม ของจุกจิก ได้ด้วย

              Balcony Seaside Sriracha

              ไฮไลท์ของ Balcony Seaside Sriracha เด็ดๆ ที่เด็กๆไม่ควรพลาด!

              วางแผนการพักให้ดีๆเพราะบางทีเราจะเพลิดเพลินจนลืมไปว่ายังมีกิจกรรมรออยู่อีกเพียบเลย อย่างบ้านเราหยิบลิสต์มานั่งดูก่อนเลย ว่ามีอะไรให้สนุกบ้าง วางแผนคร่าวๆแล้วไปจองคิวไว้ ทำเป็นเกมเก็บฐานสนุกๆกับลูกๆก็ได้ อันไหนไปแล้วขีดออก อันไหนอยากเล่นอีกลงตารางเพิ่ม จะได้ไม่พลาดสักกิจกรรมค่ะ

              mini HarborLand : Indoor Playground

              ไฮไชท์ที่เด็กๆเรียกร้องที่สุดคือ การได้มาเล่นเครื่องเล่นในฮาร์เบอร์แลนด์กันได้ทั้งวัน แบบจุใจ เพราะทั้งได้ออกกำลังกาย วาดภาพ ต่อบล็อกอันโตๆ สนุกจนไม่อยากกลับห้องเลย

              สระว่ายน้ำ สำหรับผู้ใหญ่ และเด็ก มีเครื่องเล่นสวนน้ำเป่าลมขนาดใหญ่

              Water Adventure ตะลุยด่านกลางน้ำสุดหรรษา บ้านไหนสายชอบเล่นน้ำ  ได้ปีนป่าย ว่ายน้ำกันเต็มที่ กิจกรรมนี้เล่นได้ทั้งบ้าน เตรียมชุดมาให้พร้อมนะ

              • Laser Wars เกมยิงปืนเลเซอร์ (Laser Tag) ปืนเลเซอร์ที่สร้างจินตนาการแสนสนุก ถูกใจทั้งบ้าน

              (มีข้อจำกัดนิดนึง ในการเข้าเล่น รองเท้าต้องหุ้มส้น และ ส่วนสูง 100 cm ขึ้นไป)

               

              • สนามเด็กเล่นกลางแจ้ง

              สายปีนป่าย และตักทราย เขามีอุปกรณ์เตรียมไว้พร้อม สไลด์เดอร์แข่งกับพระอาทิตย์ตกดินกันไปเลย

              • Ofuro บ่อน้ำร้อน + ห้องซาวน่า +ห้องอบไอน้ำ แยกชาย-หญิง อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของที่นี่ แม่ที่เหนื่อยล้าต้องได้รับการฮีลใจ ด้วยการขัดผิว ซาวน่า สร้างระบบเลือดหมุนเวียนที่ดี เที่ยวทั้งทีต้องสวยกลับไป
              • Fitness สุขภาพก็สำคัญใครที่เสพติดการออกกำลังกาย ช่วงเช้าก่อนลูกตื่น หรือจะช่วงลูกหลับ ลงมาออกกำลังกายเบาๆก่อนนอนได้ เพราะเปิดทั้งวัน 24 ชม.
              • บุฟเฟต์อาหารเช้า ไลน์อาหารเช้าแบบจุกๆทั้งอาหารไทย ญี่ปุ่น และอาหารเช้าแบบฝรั่ง เลือกตักกันไม่ถูกเลย
              • ที่จอดรถกว่า 200 คัน มีหลังคาทุกจุดไม่ต้องกลัวรถร้อน มีบริการ EV Station จุดชาร์ตรถไฟฟ้า EV

              คิดค่าบริการตามยูนิต (ยูนิตละ 10 บาท)

               

              ลืมบอกไปว่าที่นี่มีสองตึก ส่วนของตึกเดิมจะเป็นส่วน Service Apartment  ซึ่งตอนที่เรามาส่วนกลางของตึกนี้กำลังอยู่ระหว่างปิดปรับปรุง แต่ก็สามารถเดินมาชมวิวทะเลได้ในวันเสาร์-อาทิตย์ ก่อนกลับเราพากันเดินลอดอุโมงค์ต้นไม้ ไปหาทะเล แวะไปเล่นทรายบนหาดทรายเทียมที่ออกแบบให้กลมกลืนไปกับทะเลเบื้องหน้า มีของเล่นและอุปกรณ์เล่นทรายเตรียมไว้ให้เด็กๆได้เล่นสนุกกันด้วย เรียกได้ว่าประทับใจตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายทีเดียว

              และแน่นอนว่า เมื่อขึ้นรถกลับเสียงน้อยๆแว่วมาว่า “หนูไม่อยากกลับเลย พาหนูมาอีกนะ”  เป็นเด็กดีแล้วแม่สัญญาว่าจะพามาอีกแน่นอนจ้ะ

               

              Mommy loves this: สิ่งเล็กๆที่แม่ปลื้ม

              ขอลิสต์สิ่งที่ครอบครัวเราประทับใจในการมาเที่ยวที่นี่ ที่เราเองก็มั่นใจว่าเด็กๆเองก็จะจดจำและนึกถึงช่วงเวลาดีๆนี้ในวันข้างหน้าหรืออยากจะมาที่นี่ซ้ำๆอีกเช่นกัน

              A: แผนกปฐมพยาบาลที่พร้อมรอช่วยเหลือ ด้วยความสนุกอาจทำให้เด็กๆได้รับบาดเจ็บเล็กๆน้อยได้ บ้านนี้ก็ไม่พลาดการสร้างรอยถลอก ได้มาหนึ่งแผล แต่พี่ๆใจดีมาก พีทไม่กลัวเลย ยอมทำแผลและปิดพลาสเตอร์ยาแบบสบายๆเลย

              Balcony Seaside Sriracha

              B: มินิมาร์ทเล็กๆที่อยู่ใกล้กับล๊อบบี้ หากเด็กๆหิวตอนดึกหรือพ่อแม่อยากทานอะไรเล่นกรุบกริบ หรือเครื่อมดื่มเย็นๆแวะซื้อขึ้นไปรับประทานบนห้อง จิบน้ำเย็นๆมองวิวทะเล เท่านี้ก็ชื่นใจแล้ว

              Balcony Seaside Sriracha Balcony Seaside Sriracha

              C: แปรงสีฟันของเจ้าตัวน้อย ความใส่ใจที่เตรียมแปรงสีฟันและยาสีฟันไว้ให้เด็กๆ ที่ทำให้เด็กๆเองก็สนุก และเป็นความตื่นเต้นเล็กๆที่ทำให้เด็กๆร้องว้าวได้

              Balcony Seaside Sriracha

              D: ไลน์อาหารเช้าแบบอัดแน่นจุกๆ อาหารหลากหลายมาก ทั้งอาหารไทยและอาหารญี่ปุ่น แม่ถูกใจนัตโตะมากๆใครชอบนัตโตะเหมือนเราต้องถูกใจแน่ รวมถึงมีความพิเศษเตรียมไว้ให้เด็กๆ ทั้งซูชิคำเล็กๆ ไอศกรีมซอฟเสิรฟ ไว้ให้เด็กๆได้ตกแต่งท๊อปปิ้งกันเองอีกด้วย

              Balcony Seaside Sriracha

              Balcony Seaside Sriracha

              E: พื้นที่ส่วนกลางที่คิดถึงการใช้งานของเด็กๆ มีเก้าอี้สูงสำหรับให้เด็กปีนไปล้างมือเอง ได้สนุก มีความภูมิใจที่สามารถช่วยเหลือและพึ่งพาตัวเองได้

              Balcony Seaside Sriracha

              BalconySeaside Sriracha & Serviced Apartments

              ที่อยู่: 51 44 ตำบล บางพระ อำเภอศรีราชา ชลบุรี 20110

              โทร: 038-312-777

              www.balconythailand.com

              https://www.facebook.com/BalconyThailand/

              Map : https://goo.gl/maps/FxKRpewJh6PieFZq6

               

              EXPLORER: #แม่พีทพริม

              PHOTOGRAPHER: #แม่พีทพริม #พ่อพีทพริม

              #BALCONY #เที่ยวกับลูก #ExplorersClub #AmarinBabyAndKids


              อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ

                นิทรรศการ Studio Ghibli โซนใหม่ เติมแรงบันดาลใจ ให้เด็กๆ ช่วงปิดเทอม

                นิทรรศการ Studio Ghibli โซนใหม่ เติมแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ช่วงปิดเทอม

                ข่าวดี! สำหรับใครที่ยังไม่ได้ไปชมนิทรรศการของ Studio Ghibli ตอนนี้เค้าฉลองยอดขายกว่าแสนใบ! ขยายเวลาให้เข้าชมได้จนถึง 2 มกราคม 2567 ปีหน้าไปเลยจ้า

                ‘THE WORLD OF STUDIOGHIBLI ANIMATION EXHIBITION BANGKOK 2023’ มีโซนใหม่ให้เด็กๆ ไปตามหาแรงบันดาลใจกัน เป็นโซนพิเศษที่รวบรวมเรื่องราวกว่าจะเป็นแอนิเมชั่น Studio Ghibli คราวนี้แม่ไข่มุกชวนพี่บอมเบย์ และน้องน่านฟ้า แฟนพันธุ์แท้ของ จิบลิ ที่ดูมาแล้วเกือบทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่มีในนิทรรศการ บางเรื่องที่ยังไม่ได้ดู น้องก็เล่าให้ฟังได้อย่างน่าสนใจ จนอยากกลับไปดูที่บ้านบ้าง บอกเลยว่าน้องน่านฟ้านี่แหละ ตัวจริง! 

                ถ้าพร้อมแล้วไปดูนิทรรศการ StudioGhibli  พร้อมๆ กับน้องน่านฟ้า และพี่บอมเบย์กันเลย!

                น้องน่านฟ้า กับพี่บอมเบย์ จะพาพวกเราไปชมนิทรรศการกันค่ะ

                ตรงทางเดินเข้านิทรรศการ พวกเราได้ถูกอุ่นเครื่องกันด้วยโปสเตอร์ภาพยนต์แอนิเมชั่นของจิบลิเรื่องต่างๆ และลอดเครื่องบินของนาชิกา จาก เรื่อง มหาสงครามหุบเขาแห่งสายลม  รับพาสปอร์ตกันไปคนละ 1 ชุด เพื่อไปตามล่าหาจุดปั๊มกันให้ครบ

                คลิปวิดิโอ สัมภาษณ์คุณ ฮายาโอะ มิยาซากิ และ อิซาโอะ ทากาฮาตะ ผู้ร่วมก่อตั้ง Studio Ghibli

                ถัดมาจะมีห้องที่ฉายวิดิโอสั้นๆ เล่าถึงที่มาที่ไปของ StudioGhibli กัน ซึ่งจุดนี้จะเป็นจุดที่เราได้ทำความรู้จักกับสตูดิโอ และแนวคิดที่จะทำแอนิเมชั่นอันแสนละมุนละไมทั้งภาพ และอารมณ์ของตัวละคร รวมถึงเนื้อเรื่องที่น่าประทับใจจนอยู่ในความทรงจำของพวกเราด้วย

                หลังจากนั้นนิทรรศการก็ต้อนรับพวกเราด้วยปราสาทเดินได้ในเรื่อง Howl’s Moving Castle ซึ่งแม่ไข่มุกเองถึงจะมาครั้งที่ 2 แล้ว ก็ยังประทับใจกับการเคลื่อนไหวที่เหมือนกับในแอนิเมชัน มาทั้งภาพและเสียงแบบ 4 มิติเลย เดินไปอีกนิดเป็นโซนจำลองภายในปราสาทของพ่อมดฮาวล์ รายละเอียดสมจริงจนเหมือนตัวละครมายืนอยู่ตรงนั้น

                พวกเราเดินตามทางจนมาเจอกับฉากทุ่งดอกไม้ในเรื่อง Howl’s Moving Castle  วิธีชมจุดนี้คือ ต้องมุดเข้ายืนดูค่ะ เมื่อไปอยู่ตรงกลางวงแล้ว จะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในทุ่งจริงๆ แบบ 360 องศา ไหนๆ ก็มากันเป็นแก๊งแล้ว มาถ่ายภาพด้วยกันหน่อยนะ ^^

                มาถึงนิทรรศการ Studio Ghibli ทั้งที ต้องถ่ายรูปด้วยกันหน่อย ^^

                ถัดมาจากปราสาทของพ่อมดฮาวล์ จะเป็นร้านขายขนมปังจากเรื่อง แม่มดน้อยกิกิ ที่แม่มดกิกิกำลังนั่งรอลูกค้าอยู่กับน้องแมวจิจิล่ะ ภายในร้านจะเป็นตัวละครในเรื่องแบบ 3 มิติ ที่มองจากมุมไหนก็เหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องนี้ด้วย พอเราไปถ่ายกับฉากนี้แล้วยิ่งน่ารักสุดๆ ดูอย่างพี่บอมเบย์สิ

                ในส่วนของเรื่องแม่มดน้อยกิกิ จะมีจุดให้ถ่ายรูปเยอะเลยค่ะ ซึ่งทางผู้จัดมีการกั้นแถวเพื่อต่อคิวเข้าไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย พนักงานที่เฝ้าในแต่ละจุดก็น่ารักมากๆ  ให้คำแนะนำในการเล็งมุมถ่ายภาพให้ใกล้เคียงกับฉากในหนังได้เป็นอย่างดีเลย

                ถัดมาเป็นทางเดินที่จะพาไปพบกับบ้านต้นไม้จากเรื่อง โตโตโร่เพื่อนรัก ซุ้มทางเดินที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้ จำลองให้เหมือนเรากำลังเดินเข้าในป่า ถ้าเงยหน้ามองดีๆ จะเห็นเจ้าก้อนฝุ่นที่ซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ เหนือหัวของเราด้วยค่ะ

                เมื่อเดินมาจนสุดทาง จะเจอกับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มีช่องเล็กๆ ให้ส่องเข้าไป ด้านในเป็นอะไรน้า

                แต่ละช่องจะเป็นมุมมองที่ต่างกันออกไป ตรงนี้น่ารักมากๆ ถ้าส่องดูสักพัก จะสังเกตเห็นว่าพุงโตโตโร่ขยับขึ้นลง เหมือนกำลังหลับอยู่ค่ะ

                เดินไปตามทางอีกนิดก็จะเจอกับมุมถ่ายรูปกับโตโตโร่ บอกเลยว่าเป็นมุมที่ห้ามพลาดค่ะ ตรงนี้เค้าจัดระเบียบคิวได้ดีมากๆ มีพร็อพเป็นร่มสีแดง และฉายโปรเจ็คเตอร์จำลองฝนตก ให้เหมือนกับเรายืนรอฝนเป็นเพื่อนโตโตโร่และสองพี่น้องที่ป้ายรถเมล์

                ทางเดินที่พาเราไปในการ์ตูนแต่ละเรื่องก็ไม่เคยว่าง มีภาพฉากในเรื่องให้เราได้ตื่นเต้นไปตลอดทาง ถัดมาจะเป็นบ้านของเหล่าทานุกิ จากเรื่อง ปอมโปโกะ ทานูกิป่วนโลก ซึ่งจำลองให้เราเดินลอดประตูเข้าไป เหมือนได้ไปเยี่ยมชมบ้านจริงๆ ของตกแต่งในบ้านก็ดูเหมือนจะใช้งานได้จริงด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องโปรดของน้องน่านฟ้าเลย

                มาต่อกันที่ฉากจากเรื่อง Spirit Away ประเดิมกันด้วยฉากทางเข้าโรงอาบน้ำ เป็นฉากที่มองได้จากทุกมุม ตัวอาคารขนาดย่อ รายละเอียดเหมือนยกเอามาจากในหนัง และยังมีสะพานข้ามแม่น้ำจำลอง ถ้าเราถ่ายรูปด้วยการหันหลังแบบนี้ เหมือนกำลังจะตามน้องชิฮิโระนางเอกของเรื่องเข้าไปด้วยเลยค่ะ

                ยกเอาห้องทำงานของแม่มดยูบาบามาให้ดูเต็มๆ ตา ขนาดโต๊ะ ขนาดของในห้องดูสมจริงมากๆ กระดาษที่ปลิวว่อนภายในห้องก็ทำรูปร่างออกมาได้ใกล้เคียงกับในการ์ตูน ใส่ใจสิ่งเล็กๆ น้อยๆ สมกับเป็นจิบลิจริงๆ ค่ะ

                ฉากที่น่าสนใจและมีเรื่องราวซ่อนอยู่คือฉากที่ผีไร้หน้ากำลังกินทุกอย่างตรงหน้าอย่างตะกละตะกลาม ที่น่ารักคือเมื่อมาแสดงนิทรรศการที่ไทย เค้าได้ใส่อาหารไทยลงไปในฉากนี้ด้วย เช่น ส้มตำ ต้มยำกุ้ง ทุเรียน และน้ำแดงเซ่นไหว้ผีแบบไทยๆ

                และนี่คือฉากไฮไลต์ที่หลายๆ คนเฝ้ารอค่ะ ทางสิ้นสุดแต่ไม่ใช่สุดท้ายของนิทรรศการ ฉากบนรถไฟโดยสารในเรื่อง Spirit Away มีม้านั่งยาวสีแดง หน้าต่างที่มองออกไปเห็นพื้นน้ำภายนอก และคุณผีไร้หน้านั่งอยู่ รอให้เราไปถ่ายรูปด้วย

                ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เมื่อออกมาจากโซนนิทรรศการแล้ว ยังมีโซนพิเศษเปิดใหม่ที่นำเอาภาพสเก็ตช์ และสต็อปโมชั่นให้แฟนจิบลิชาวไทยได้เห็นส่วนหนึ่งกระบวนการทำงานก่อนที่ภาพยนตร์ของจิบลิซึ่งปกติเรื่องราวเหล่านี้จะสงวนไว้เฉพาะผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่โตเกียว ทำให้เห็นความมหัศจรรย์ของความคิดสร้างสรรค์ จากกระดาษสีขาวเรียบๆ เมื่อถูกเติมแต่งจินตนาการลงไปด้วยฝีมือมนุษย์ ก็สามารถต่อยอดเป็นแอนิเมชั่นเคลื่อนไหวที่น่าประทับใจได้

                ภาพสเก็ตช์สีน้ำจากเรื่องโตโตโร่ การลงสีน้ำคร่าวๆ จะทำให้ทราบว่าในหนังจะใช้สีอะไรลงไปในจุดไหนบ้าง ชุดของตัวละครแต่ละตัวจะเป็นสีอะไร เพื่อสร้างความเข้าใจและนำไปสู่การทำงานร่วมกันภายในทีม

                ภาพเบื้องหลังทีมงานที่กำลังทำงานในสตูดิโอจิบลิ และภาพสเก็ตช์จริงๆ แบ่งช่องเล่าเรื่อง รวมถึงดินสอสีที่ใช้ ก็ถูกเอามาจัดแสดง ทำให้เรารู้ที่มาที่ไปว่า กว่าจะมาเป็นแอนิเมชั่น 1 เรื่อง จะต้องมีขั้นตอน และรายละเอียดที่ต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก

                ภาพสเก็ตช์เรื่อง Spirit Away ถูกขยายให้เห็นรายละเอียด รับรองว่าเด็กๆ ที่ชอบวาดภาพ เห็นแล้วจะเกิดแรงบันดาลใจแน่นอนค่ะ

                ตรงนี้ส่วนตัวแม่ไข่มุกถือเป็นจุดที่น่าประทับใจมากๆ เพราะเป็นเสก็ตช์ตัวจริงของเรื่อง Spirit Away ค่ะ เห็นถึงร่อยรอยการใช้งานกระดาษแต่ละแผ่น ร่องรอยการลงดินสอ การลงสี การลงรายละเอียดในแต่ละภาพ เป็นงานศิลปะที่ดูจากกระดาษเสก็ตช์ก็ทรงพลังมากๆ แล้ว เมื่อนำไปทำแอนิเมชั่นจึงไม่แปลกใจเลยที่ได้รางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมปี 2546 และรางวัลระดับโลกอีกมากมาย

                นอกจากภายในนิทรรศการที่เซ็นทรัลเวิลดิ์ไลฟ์ชั้น 7 แล้ว ยังมีน้องโปเนียว ตั้งอยู่ด้านนอก ฝั่งถนนพระราม 1 ด้วย ห้ามพลาดจุดนี้เด็ดขาดน้า

                สำหรับแม่ไข่มุก พี่บอมเบย์ และน้องน่านฟ้าที่ได้ไปดูนิทรรศการครั้งนี้ ได้รับทั้งแรงบันดาลใจ และความสนุกจากประสบการณ์ในโลกของจิบลิไปเต็มๆ เพราะนอกจากจะเป็นฉากในหนังที่ยกเอามาตั้งให้พวกเราดูแล้ว ยังมีฉากที่ทำให้เราเข้าไปมีส่วนร่วมได้อีกเยอะเลย เหมาะกับทั้งครอบครัว ถึงแม้ว่าบางเรื่องอาจจะยังไม่ได้ดู ก็สามารถสัมผัสประสบการณ์ในหนังได้ไม่แพ้กัน ยิ่งถ้าได้กลับบ้านไปดูเรื่องนั้นแล้ว อาจยิ่งฟินกว่าเดิมก็ได้นะ ^^

                รายชื่อฉากจากภาพยนตร์ที่จัดแสดงในนิทรรศการ

                1.     เครื่องบินของนาชิกา จาก Nausicaä of the Valley of the Wind
                2.     ปราสาทกลับหัว หรือ ลาปูต้า (Laputa) จาก Castle in the Sky
                3.     ป้ายรถเมล์และบ้านต้นไม้ จาก My Neighbor Totoro
                4.     จักรยานลอยฟ้าและร้านขนมปัง จาก Kiki’s Delivery Service
                5.     ชายหาดพักผ่อน จาก Porco Rosso
                6.     บ้านของเหล่าทานุกิ จาก Pom Poko
                7.     ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ จาก Princess Mononoke
                8.     คาโอนาชิและรถไฟแห่งวิญญาณ จาก Spirited Away
                9.     ปราสาทเวทมนตร์ จาก Howl’s Moving Castle


                จำหน่ายบัตรที่ Link bit.ly/WOGBKK2023 

                หรือ หน้างานที่เซ็นทรัลเวิลด์ไลฟ์ ชั้น 8

                ราคาบัตร – 650 บาท

                บัตร VIP – 1,290 บาท

                ตั้งแต่วันนี้ – 2 มกราคม 2567

                นิทรรศการเปิดให้ซื้อบัตร 3 ช่วงเวลา ได้แก่ 10.00 – 14.00 น. / 14.00 – 18.00 น. / 18.00 – 21.00 น.

                สำหรับผู้ซื้อบัตรรอบ 10.00 – 14.00 น. สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่ 10.00 – 13.30 น. (ปิดรับคิวเข้าชมงานสุดท้ายเวลา 13.30 น.)

                สำหรับผู้ซื้อบัตรรอบ 14.00 – 18.00 น. สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่ 14.00 – 17.30 น. (ปิดรับคิวเข้าชมงานสุดท้ายเวลา 17.30 น.)

                สำหรับผู้ซื้อบัตรรอบ 18.00 – 21.00 น. สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่ 18.00 – 20.30 น. (ปิดรับคิวเข้าชมงานสุดท้ายเวลา 20.30 น.)

                น่ารู้ก่อนเข้างาน

                • เด็กที่มีความสูงไม่เกิน 80 ซม. สามารถเข้าชมกับผู้ปกครองได้โดยไม่ต้องซื้อบัตร เด็ก 1 คน ต่อผู้ปกครอง 1 ท่าน
                • สามารถนำกล้องเข้าและถ่ายรูปภายในงานได้ งดการใช้แฟลช ขาตั้งกล้อง และไม้เซลฟี่
                • สำหรับห้องน้ำ ก่อนจะพาเด็กๆ เข้าชมนิทรรศการ ใช้ห้องน้ำเซ็นทรัลเวิลด์ชั้น 7 ก่อนขึ้นบันไดเลื่อนมาให้เรียบร้อย เพราะเมื่อออกจากนิทรรศการแล้ว จะไม่สามารถกลับเข้าไปได้อีกรอบค่ะ

                อ่านรายละเอียด และคำถามที่พบบ่อยเพิ่มเติมได้ที่

                คลิก >> https://www.thaiticketmajor.com/the-world-of-studio-ghiblis/?utm_source=lnth&utm_medium=socialmedia&utm_campaign=WOGBKK2023

                เรื่อง / ภาพ : แม่ไข่มุก

                นายแบบ / นางแบบ : น้องน่านฟ้า / พี่บอมเบย์

                  โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง

                  โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง โรงเรียนวัดอินเตอร์ ภาษาอังกฤษแน่นๆ ค่าเทอมเบาๆ เด็กไทยทุกคนเอื้อมถึง

                  หลาย ๆ คนคงอยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษ เพื่อจะได้สื่อสารและทำงานดี ๆ ในอนาคต แต่โรงเรียนดี ๆ ที่มีโครงการภาคภาษาอังกฤษก็มักจะมาพร้อมกับค่าเทอมที่สูงลิ่ว จนทำให้เด็กหลาย ๆ คนพลาดโอกาส School Visit วันนี้เราจึงอยากพาทุกคนมาเยี่ยมชม โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง โรงเรียนวัดอินเตอร์ที่เด็กไทยทุกคนเอื้อมถึง โครงการภาคภาษาอังกฤษแน่น ในราคาเบา ๆ ที่นี่จะน่าสนใจอย่างไรมาดูไปพร้อม ๆ กันค่ะ

                  โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง

                  ทางเข้าโรงเรียน

                  โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง

                  ช่วงเช้าจะมีรถตู้รับส่งนักเรียน จาก The Sense ปิ่นเกล้า และจะมีคุณครูยืนต้อนรับนักเรียนทุกวัน

                  โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง

                  จุดแสกนบัตรเข้าออกของนักเรียนเพื่อรักษาความปลอดภัย

                  โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง

                  ก่อนเข้าอาคารเรียน มีจุดล้างมือสำหรับนักเรียนเพื่อสุขอนามัยที่ดี

                  โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง

                  รูปปั้น “เจ้ากรับ” ผู้บริจาคที่ดินให้กับวัดนายโรง

                  สื่อสารภาษาแบบ Multi Language

                  ในยุคนี้เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ภาษาอังกฤษมีความสำคัญมากทั้งในปัจจุบันและอนาคต โรงเรียนจึงต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย ที่ โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ก็เป็นอีกโรงเรียนหนึ่งที่เห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษและเทคโนโลยี จนเกิดหลักสูตรภาษาอังกฤษมากมาย  ทั้ง EP, MEP และ IEP และยังมี ภาษาต่างประเทศที่ 2 เป็นวิชาเลือกเสรีที่นักเรียนสามารถเลือกเรียนได้ตามความสนใจ ทั้งภาษาจีน ญี่ปุ่น เยอรมัน และฝรั่งเศส ที่โรงเรียนมัธยมวัดนายโรงสอนภาษาอังกฤษแบบการบูรณาการ โดยนำไปรวมในการจัดการเรียนการสอนและกิจกรรมต่าง ๆ เน้นการปฏิบัติและเรียนผ่านการลงมือทำ (Active Learning) ทำให้นักเรียนได้ใช้ภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ 

                  โครงการต่าง ๆ ของโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง

                  EP (English Program) เรียนเป็นภาษาอังกฤษทุกรายวิชา ยกเว้นวิชาภาษาไทยและวิชาที่บ่งบอกถึงความเป็นไทย 

                  MEP (Mini English Program) เรียนภาษาอังกฤษ เฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ (รวมแล้วไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) แต่ เสน่ห์ของที่นี่คือวิชาอื่น ๆ คุณครูคนไทยที่รับผิดชอบ หลาย ๆ ท่านจะสอนเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเสริมให้เด็ก ๆ ด้วย

                  IEP (Integrated English Program) สอนเป็นภาษาอังกฤษเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษโดยครูต่างชาติ ส่วนวิชาอื่น ๆ ครูไทยจะสอนเป็นภาษาอังกฤษกับภาษาไทยผสมผสานกัน ช่วยให้เด็ก ๆ ได้ใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา

                  โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง

                  ทีมคุณครูต่างชาติ สอนภาษาต่างๆ

                  โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง

                  บรรยากาศภายในห้องเรียน

                   

                  เครือข่ายต่างประเทศ

                  ทางโรงเรียนสร้างเครือข่ายในต่างประเทศเพื่อให้นักเรียนได้แลกเปลี่ยนความรู้ช่วยเสริมสร้างทักษะหลาย ๆ ด้านให้กับนักเรียน ทั้งการฝึกใช้ภาษาต่างประเทศ การช่วยเหลือตนเอง การติดต่อประสานงานต่าง ๆ โดยมีโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนกับหลายประเทศทั่วโลก เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมัน ไต้หวัน ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ จีน ฮ่องกง อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฯลฯ

                  สำหรับเด็กมัธยมปลาย จะมี โครงการ NISC (Nairong International Students’ Conference) ที่จัดขึ้นทุกปี ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม เป็นโครงการสัมมนานักเรียนนานาชาติ เชิญนักเรียนจากหลาย ๆ ประเทศมาทำกิจกรรมร่วมกัน ทั้งสัมมนา และแข่งขันวิชาการ นักเรียนจะได้แสดงออก และได้ใช้ภาษาอังกฤษเต็มที่ ได้ฝึกความเป็นผู้นำ ประสานงานกับต่างประเทศด้วยตนเอง วางแผนกิจกรรมและเตรียมสถานที่และบริหารงานทั้งหมดเองได้ โดยมีครูอาจารย์คอยให้คำปรึกษา

                  สำหรับเด็กมัธยมต้นจะมีโครงการ NR-SST ร่วมกับ School of Science and Technology ประเทศสิงคโปร์ โดยทางโรงเรียนจะส่งนักเรียนไปร่วมทำกิจกรรมกับนักเรียนต่างชาติที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อฝึกเด็กให้สามารถร่วมงานกับผู้อื่นได้และรู้จักการเอาตัวรอดและใช้ชีวิตได้จริงในต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการฝึกการใช้ภาษาอังกฤษ รวมถึงมีโอกาสต้อนรับและจัดกิจกรรมให้กับนักเรียนจากสิงคโปร์ที่มาประเทศไทยอีกด้วย

                  สนามกีฬาในร่ม มีทั้งในและนอกอาคาร และห้องเรียนวิชายืดหยุ่น

                  โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง

                   ห้องเรียนดนตรีสากลและโยธวาทิต

                   

                  ล้ำหน้าเทคโนโลยี

                  โรงเรียนมีนโยบายสนับสนุนการสอนทั้ง On Site และ Online ผ่าน Google Classroom มาเป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปีแล้ว ทำให้ช่วงสถานการณ์โควิดระบาดจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะนักเรียนและคุณครูคุ้นเคยกับการเรียนแบบ

                  Online มาก่อน คุณครูจะ Post การจัดการเรียนการสอนพร้อมแนบสื่อการสอน หรือใบงานต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ก่อนที่จะเข้าเรียน เมื่อเรียนเสร็จก็สามารถส่งงาน Online ได้เลย ช่วยลดการใช้กระดาษได้อีกด้วย สำหรับนักเรียนคนไหนที่คอมพิวเตอร์ตนเองใช้งานไม่ได้ ก็สามารถ ลงทะเบียนเพื่อยืมโน้ตบุ๊คได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมอบรมให้ครูสอบวัดความรู้ด้านเทคโนโลยี และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันยุคทันสมัยตลอดเวลา

                   โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง

                  ห้องเรียน iMac นักเรียนใช้คอมพิวเตอร์แบบ 1:1

                    โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง

                  ห้องเรียนศิลปะ

                  โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง

                  ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ที่มีเครื่องมือเพรียบพร้อม

                   

                  มีจิตสาธารณะ

                  โรงเรียนฝึกให้เด็กนักเรียนมีจิตสาธารณะอยู่เสมอ เช่น นักเรียนชั้นมัธยมปลายจะได้ออกไปทำจิตอาสา สอนน้อง ๆ ชั้นประถม ตามโรงเรียนต่าง ๆ เผื่อฝึกให้นักเรียนประยุกต์องค์ความไปใช้จริง และรู้จักการเสียสละ การช่วยเหลือผู้อื่นและการแบ่งปัน เช่น โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ส่วนทางโรงเรียนเองก็ส่งคุณครูไปให้ความรู้กับโรงเรียนอื่น ๆ ที่ขาดแคลนครูโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายด้วย เช่น โรงเรียนวิมุตยารามพิทยากร และโรงเรียนมัธยมวัดดุสิตาราม เป็นต้น

                   

                  ห้องเรียนภาษา ห้องเรียนแห่งความสุข

                  ที่โรงเรียนจะออกแบบห้องเรียนภาษาต่างประเทศให้มีบรรยากาศแตกต่างกันไปตามแบบของแต่ละชาติภาษานั้น ๆ บรรยากาศเหมือนบ้านดูอบอุ่นสบาย โดยใช้โต๊ะเก้าอี้ที่นั่งสบายมากขึ้น เช่นโซฟานุ่ม ๆ หรือ โต๊ะญี่ปุ่น เพื่อให้เด็ก ๆ มีความสุขและสนุกกับการเรียนภาษา แถมยังสามารถดื่มน้ำ ทานขนมในห้องนี้ได้ด้วย (แต่ต้องนำไปทิ้งให้เรียบร้อย และช่วยกันรักษาความสะอาดด้วยนะ) เมื่อนักเรียนไม่เครียดก็สามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น

                   

                  โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง

                  ห้องเรียนภาษาต่างๆ ที่แสนสบายและมีความสุข

                  Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

                  1.มีรถตู้โรงเรียน คอยรับส่งนักเรียนตอนเช้า จาก The Sense ปิ่นเกล้า ทุกวัน

                  2.กฎระเบียบต่าง ๆ เช่นทรงผมและการแต่งกาย ทางโรงเรียนจะทำประชาพิจารณ์ ร่วมกับสมาคมผู้ปกครองและครู ร่วมกับนักเรียน ร่วมกับครู จนได้บทสรุปร่วมกัน โดย พ.ร.บ ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2518 มาเป็นตัวประกอบด้วย นักเรียนที่มีเพศสภาพเป็นชายแต่จิตใจเป็นผู้หญิง สามารถไว้ผมยาวได้แต่ต้องมัดผมให้เรียบร้อย โรงเรียนให้ความเคารพในเรื่องเพศสภาพมาก ๆ

                  3.คุณครูเข้าถึงง่าย เป็นเหมือนเพื่อน ครอบครัวของนักเรียน เข้าใจและช่วยพัฒนานักเรียน ไม่เข้มงวดจนเกินไป เด็ก ๆสามารถแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ได้เต็มที่

                  4.โรงเรียนมีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ทันสมัย ผู้ปกครองจะได้รับการแจ้งเตือนผ่าน Application ว่านักเรียนมาถึงและออกจากโรงเรียนเวลาไหน

                  5.โรงเรียนเปิดกว้างเรื่องภาษามาก เด็ก ๆ อยากเรียนภาษาอะไรก็สามารถมาคุยกันได้ เพื่อเปิดห้องเรียนเพิ่มเติม แม้จะมีนักเรียนสนใจเพียงคนเดียวโรงเรียนก็เปิดสอนให้

                  โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง 

                  นายกิตติศักดิ์ ศรีปทุมานุรักษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดนายโรง

                  โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง

                  ห้องเรียนจริยธรรม สอนวิชาพระพุทธศาสนาเป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทย

                  โรงเรียนมัธยมวัดนายโรงโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง

                  ห้องเรียนนาฏศิลป์ไทย  สอนละครนอก ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของโรงเรียน เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้เรื่องบทละคร การเขียนฉาก และการประชาสัมพันธ์ ครบถ้วนทุกอย่าง และเรียนรู้ประวัติท่านเจ้ากรับด้วย

                      โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง

                  คาเฟ่ในโรงเรียนจะให้นักเรียนผลัดกันมาฝึกขายของ เพื่อฝึกอาชีพบาริสต้าและการเป็นผู้ประกอบการ

                   

                  อัตราค่าเล่าเรียน ปี 2566

                  EP (English Program)

                  ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

                  ค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนละ 35,000 บาท

                  ค่าสมาชิกสมาคมผู้ปกครองและครู ปีการศึกษาละ 500 บาท

                  ค่าหนังสือเรียนภาษาอังกฤษ (ราคาตามจริง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โรงเรียน)

                  ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

                  ค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนละ 37,000 บาท

                  ค่าสมาชิกสมาคมผู้ปกครองและครู ปีการศึกษาละ 500 บาท

                  ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับนักเรียนโครงการพิเศษ Math Science Advance Program (MSAP) ภาคเรียนละ 7,000 บาท

                  ค่าหนังสือเรียนภาษาอังกฤษ (ราคาตามจริง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โรงเรียน)

                  MEP (Mini English Program)

                  ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

                  ค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนละ 17,500 บาท

                  ค่าสมาชิกสมาคมผู้ปกครองและครู ปีการศึกษาละ 500 บาท

                  ค่าหนังสือเรียนภาษาอังกฤษ (ราคาตามจริง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โรงเรียน)

                  ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

                  ค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนละ 18,500 บาท

                  ค่าสมาชิกสมาคมผู้ปกครองและครู ปีการศึกษาละ 500 บาท

                  ค่าหนังสือเรียนภาษาอังกฤษ (ราคาตามจริง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โรงเรียน)

                  IEP (Integrated English Program)

                  ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

                  ค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนละ 6,600 บาท

                  ค่าสมาชิกสมาคมผู้ปกครองและครู ปีการศึกษาละ 500 บาท

                  ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

                  ค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนละ 10,000 บาท

                  ค่าสมาชิกสมาคมผู้ปกครองและครู ปีการศึกษาละ 500 บาท

                   

                  ติดต่อสอบถาม โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง

                  658/2 ถนนบรมราชชนนี ซอยบรมราชชนนี 15 แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700

                  โทรศัพท์ : 0-2424-1826 ต่อ 2117

                  เว็บไซต์ : http://www.nairong.ac.th

                  Editor : แม่เลม่อน

                  ภาพ :  สุวิจักขณ์ ศรีภา


                  อ่านต่อบทความน่าสนใจ

                    ประกาศรายชื่อผู้เข้ารอบชิงชนะเลิศ MOM INFLUENCER CONTEST SEASON 3

                    เย้ๆ ผลปะกาศออกมาแล้ว กับ รายชื่อ ผู้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ MOM INFLUENCER CONTEST SEASON 3 การประกวดคุณแม่นักรีวิวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทย มาเป็นหนึ่งในทีมคุณแม่ Influencer มืออาชีพกับ Amarin Baby & Kids และชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 300,000 บาท พร้อมโอกาสเป็น Influencer มืออาชีพ กับ Amarin Baby & Kids

                     

                    ใครจะมีสิทธิ์ เข้ารอบชิงชนะเลิศ กันบ้าง…เช็กรายชื่อได้ที่นี่เลย

                    • กนกวรรณ แต่งอักษร

                    • กัณตินันท์ เกินขุนทด

                    • กัลยานิษฐ์ สิริธีรนนท์

                    • ดวงนภา สมสุขเจริญ

                    • ธนวรรณ เดชชุษณะนาถ

                    • ผกามาศ ไชยวิสุทธิกุล

                    • พัทธนันท์ เรือนสุภา

                    • มชณต วงศา​โรจน์​

                    • เมย์ วังพัฒนมงคล

                    • รัชภร สิทธิเดช

                    • วรันธร สุวัตถิกุล

                    • ศิวิมล พานิชย์วิไล

                    • สรารัตน์ ศรีชาลี

                    • สุกัญญา สารเศวก

                    • สุภัทรา จักร์แก้ว

                    • สุวรรณี สมศรี

                    • อมรรัตน์ ชุมภู

                    • อังศุลิน ตั้งใจ

                    • อัญชศา ทองแกมแก้ว

                    • พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล

                    • นิภาวรรณ นามวงศ์

                    • สุภัสสรา โพธิ์เปี่ยม

                    • พรภัส เพชรตระกูลเจริญ

                    • มณีรัตน์ ศิริสวัสดิ์พิพัฒน์

                    • ศศิวิมล รัตนนรเศรษฐ

                     

                    🚨 สำหรับผู้ที่ผ่าน เข้ารอบชิงชนะเลิศ 25 คนสุดท้าย จะมีการรีวิวรอบ “คะแนนพิเศษ” ก่อนไฟนอลอีก 1 ครั้ง 🚨

                     

                    ⊕ รายละเอียดการรีวิวรอบ “คะแนนพิเศษ” ⊕

                    • รอบคะแนนพิเศษ 25 คะแนน ทำคลิป เชิญชวนมางาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 26 ผ่านช่องทาง Tiktok  ตั้งเป็น “สาธารณะ” พร้อมใส่

                    #ABK26

                    #AmarinBabyAndKidsFair26

                    #MomInfluencerContestSS3 #AmarinBabyAndKids

                     

                    ⊕ รายละเอียดการรีวิวสดๆ รอบชิงชนะเลิศบนเวที ⊕

                    ผู้เข้ารอบชิงชนะเลิศขึ้นเวทีประกวดเพื่อแสดงความสามารถต่อหน้าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อค้นหาผู้ชนะ 5 รางวัล และรางวัล ขวัญใจกรรมการ 1 รางวัล ใน วันที่ 1 ธันวาคม 2566 ณ ไบเทค บางนา

                     

                    • ผู้เข้ารอบต้องทำตามกติกาที่ได้รับครบถ้วน  และขึ้นเวทีประกวดเพื่อแสดงความสามารถ หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งถือว่าสละสิทธิ์ ผู้เข้ารอบชิงชนะเลิศสามารถชวนแฟนคลับหรือครอบครัวมาร่วมเป็นกำลังใจหน้างานได้

                     

                    *หมายเหตุ : วันและเวลาของกำหนดการต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ผู้เข้าร่วมประกวดต้องยินยอมปฏิบัติตามกติกาที่บริษัทฯ กำหนดทุกประการ การดำเนินงาน และการตัดสินอยู่ในดุลยพินิจจากคณะกรรมการ และการตัดสินจากคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด

                     

                    ⊕ เกณฑ์การตัดสินรอบชิงชนะเลิศ ⊕

                    คะแนนจากคณะกรรมการ จำนวน 4 ท่าน ท่านละ 100 คะแนน รวม 400 คะแนน

                     

                    • คาแรคเตอร์น่าสนใจ วิธีการพูดนำเสนอลีลาท่าทางน้ำเสียง ความรู้ แรงบัลดาลใจ วิธีการเลี้ยงลูก เต็ม 45 คะแนน

                     

                    • Key message ของสินค้าตรงตามโจทย์ที่กำหนด  เต็ม 35 คะแนน

                     

                    • การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เต็ม 20 คะแนน

                     

                    *รางวัลขวัญใจ กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids*

                     

                    • คัดเลือกจากคลิปจากรอบคะแนนพิเศษ ทำคลิป เชิญชวนมางาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 26 ผ่านช่องทาง Tiktok แนบลิ้งค์มาที่ Google Form https://bit.ly/SubmitMICSS3 ที่โดนใจกองบรรณาธิการ ABK มากที่สุด

                     

                    รางวัลสำหรับผู้ชนะการประกวด

                    • รางวัลชนะเลิศกรุงเทพมหานคร รับเงินสดจำนวน 50,000 บาท และโล่พร้อมป้ายรางวัลชนะเลิศกรุงเทพมหานครฯ

                     

                    • รางวัลชนะเลิศภาคเหนือ รับเงินสดจำนวน 50,000 บาท และโล่พร้อมป้ายรางวัลชนะเลิศภาคเหนือ

                     

                    • รางวัลชนะเลิศภาคกลาง รับเงินสดจำนวน 50,000 บาท  และโล่พร้อมป้ายรางวัลชนะเลิศภาคกลาง

                     

                    • รางวัลชนะเลิศภาคอีสาน รับเงินสดจำนวน 50,000 บาท และโล่พร้อมป้ายรางวัลชนะเลิศภาคอีสาน

                     

                    • รางวัลชนะเลิศภาคใต้ รับเงินสดจำนวน 50,000 บาท และโล่พร้อมป้ายรางวัลชนะเลิศภาคใต้

                     

                    • รางวัล ขวัญใจกองบรรณาธิการ Amarin Baby & kids รับเงินรางวัลจำนวน 10,000 บาท และ พร้อมป้ายรางวัล

                     

                    หมายเหตุ : ผู้รับเงินรางวัลต้องชำระภาษี ณ ที่จ่าย ตามที่กฎหมายกำหนด

                     

                    สิทธิประโยชน์ของผู้ชนะการประกวด

                    • ผู้รับรางวัลชนะเลิศของแต่ละภาค จะได้รวมงานเป็น “INFLUENCER” ของแบรนด์ Amarin Baby & Kids ภายใต้บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เป็นเวลา 1 ปี เพื่อก้าวสู่เส้นทางการเป็นคุณแม่ INFLUENCER มืออาชีพ และร่วมงานกับ บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ, พันธมิตร และคู่ค้ารวมถึงสปอนเซอร์ผู้สนับสนุนกิจกรรมในอนาคต (เงื่อนไขเป็นไปตามสัญญาที่บริษัทกำหนด)

                     

                    • ผู้เข้ารอบ 25 คนสุดท้าย มีสิทธิ์ร่วมงานกับแบรนด์ Amarin Baby & Kids ภายใต้บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน)  และบริษัทในเครือ, พันธมิตร และคู่ค้ารวมถึงสปอนเซอร์ผู้สนับสนุนกิจกรรมในอนาคต ในฐานะ INFLUENCER มืออาชีพ (เงื่อนไขเป็นไปตามสัญญาที่บริษัทกำหนด

                      ใบงานอนุบาล

                      แจกฟรี! ใบงานอนุบาล 20 แบบไม่เหมือนที่ไหน เน้นๆ เหลาสมอง ฝึก EF เสริมทักษะให้ลูก

                      แจกฟรี!! ใบงานอนุบาล แบบฝึดหัดอนุบาล สำหรับลูกน้อย ใช้ทำยามว่างสนุกๆ ออกแบบโจทย์มาโดยเฉพาะ ไม่เหมือนที่ไหน เน้นเสริมทักษะสมอง ฝึก EF  ให้ลูกได้ตั้งแต่ยังเล็กๆ ดาวน์โหลดฟรี ได้ที่นี่เลย

                       

                      แจกฟรี! ใบงานอนุบาล ฝึก EF เสริมทักษะให้ลูกตั้งแต่เล็กๆ

                       

                      ในยุคปัจจุบันนี้ การเลี้ยงดูลูกน้อยให้เก่งอย่างเดียวคงไม่ใช่คำตอบของความอยู่รอด เพราะเด็กจะมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จได้นั่น ต้องเป็นผู้ที่มี “EF” ดี คือ คิดเป็น ทำเป็น เรียนรู้เป็น แก้ปัญหาเป็น อยู่กับคนอื่นเป็น และมีความสุขเป็นEF ช่วยให้เด็กเติบโตได้อย่างมีคุณภาพและนำไปสู่ความสำเร็จในชีวิต โดยเฉพาะเด็กที่มีปัญหาทางด้านสมาธิ หากไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างถูกต้องอาจทำให้มีปัญหาด้านพฤติกรรมการใช้ชีวิต การเรียน และการเข้าสังคมในอนาคต การฝึกทักษะสมองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ไม่ควรละเลย

                       

                       

                      ทั้งนี้ การฝึก EF ให้ลูก โดยการทำแบบฝึกหัด ก็ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการเลี้ยงลูก เพื่อเตรียมความพร้อมและพัฒนาความคิด และการสังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัว การหาความสัมพันธ์ของภาพ การจับคู่ภาพเหมือน สนุกสนานเพลิดเพลิน เตรียมความพร้อมให้น้อง ๆ หนู ๆ เพื่อเรียนรู้ในขั้นตอนต่อไป

                       

                      ทีมแม่ ABK มองเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ จึงออกแบบใบงานฝึก EF ให้คุณพ่อคุณแม่ดาวน์โหลดฟรี 20 ภาพ เพื่อช่วยเสริมพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็ก ทั้งเรื่องการขีดเขียน ระบายสี ลากเส้นจับคู่ รอบรู้ทั้งเรื่องตัวเด็ก บุคคลและสถานที่รอบตัวเด็ก ธรรมชาติรอบตัว และสิ่งต่าง ๆ รอบตัว

                       

                      เซฟภาพ ใบงานอนุบาล แล้วปริ้นใหแด็กๆ ฝึกทำได้เลยค่ะ

                      ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล ใบงานอนุบาล

                       

                       

                      อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใ

                       

                       

                       

                        #สิ้นปีนี้ยังมีจิบลิ นิทรรศการ จิบลิ ขยายเวลาถึง 2 ม.ค. 67 พร้อมโซนใหม่ ฉลองยอดขายแสนใบ!!!

                        ฉลองยอดขายกว่าแสนใบ! ‘นิทรรศการจิบลิ’ เพิ่มโซนใหม่ และขยายเวลา

                        ‘THEWORLD OF STUDIO GHIBLI’S ANIMATION EXHIBITION BANGKOK 2023’

                        7 ตุลาคม ถึง 2 มกราคม 2566 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ไลฟ์

                        พิเศษ! บัตร Early Bird 490 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 6 ตุลาคมนี้เท่านั้น

                        หลังจากได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม การันตีด้วยยอดขายกว่า 100,000 ใบ ‘THE WORLD OF STUDIO GHIBLI’S ANIMATION EXHIBITION BANGKOK 2023’ ไลฟ์ เนชั่น เทโร ขยายเวลาจัดแสดงนิทรรศการจิบลิตามคำเรียกร้องของแฟน ๆ จนถึง 2 มกราคมปีหน้า พร้อมเพิ่มโซนใหม่ ‘Hall of Fame’ รวบรวมภาพสเก็ตช์จากสตูดิโอจิบลิส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อแฟนจิบลิชาวไทยโดยเฉพาะ

                        นิทรรศการ THE WORLD OF STUDIO GHIBLI’S ANIMATION EXHIBITION BANGKOK 2023’ จะพาแฟน ๆ ไปพบกับฉากประทับใจจาก 10 ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องเยี่ยมจากสตูดิโอจิบลิ ไม่ว่าจะเป็น ป้ายรถเมล์จากเรื่อง My Neighbor Totoro ฉากจักรยานลอยฟ้า และฉากบอลลูน ที่ผู้เข้าชมงานสามารถทำท่าโหนบอลลูน เหมือนในแอนิเมชั่นเรื่อง Kiki’s Delivery Service หรือแม่มดน้อยกิกิ ขึ้นรถไฟแห่งวิญญาณที่เว้นที่ว่างข้างๆ ไว้ให้แฟนๆ ไปนั่งใกล้ชิดกับ ‘คาโอนาชิ’ หรือ ‘ภูตไร้หน้า’ จากเรื่อง Spirited Away พร้อมด้วยอีกหลายฉากจากแอนิเมชั่นในดวงใจอย่าง Nausicaa of the Valley of the Wind, Porco Rosso, Pom Poko, Princess Momonoke, Howl’s Moving Castle และ Ponyo on a Cliff by the Sea และพิเศษสุดๆ สำหรับกับฉาก ‘ลาปูต้า’ (Laputa) ปราสาทกลับหัวจากเรื่อง Castle in the Sky ซึ่งจัดแสดงเป็นครั้งแรกในโลกที่กรุงเทพฯ

                        นอกจากความพิเศษของฉากลาปูต้าแล้ว ในนิทรรศการจิบลิรอบใหม่นี้ ยังมีโซนพิเศษที่จัดแสดงนอกประเทศเป็นครั้งแรกอย่าง Hall Of Fame (ฮอลล์ ออฟ เฟม) รวบรวมเรื่องราวกว่าจะเป็นแอนิเมชั่นสตูดิโอจิบลิ ผ่านภาพสเก็ตช์ และสต็อปโมชั่น ให้แฟนจิบลิชาวไทยได้เห็นส่วนหนึ่งกระบวนการทำงาน ก่อนที่ภาพยนตร์ของจิบลิจะเผยแพร่ให้พวกเราได้ชมกัน ซึ่งปกติเรื่องราวเหล่านี้จะสงวนไว้เฉพาะผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่โตเกียว และไม่สามารถถ่ายภาพด้านในได้ เพราะฉะนั้นแฟนจิบลิที่ไทยห้ามพลาดเด็ดขาด! เพราะที่นี่เป็นที่แรกที่สามารถเก็บภาพความประทับใจขณะเข้าชม Hall Of Fame ได้

                        ‘THE WORLD OF STUDIO GHIBLI’S ANIMATION EXHIBITION BANGKOK 2023’ รอบใหม่จะเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่ 7 ตุลาคม ถึง  2 มกราคม 2567 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ไลฟ์ ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ จำหน่ายบัตร Early Bird สำหรับรอบใหม่ในวันที่ 1 – 6 ตุลาคมนี้ เพียง 490 บาทเท่านั้น

                        ซื้อบัตรที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ หรือคลิก bit.ly/WOGBKK2023

                        พิเศษ! สำหรับแฟน ๆ ที่ซื้อบัตรเข้าชมนิทรรศการจิบลิ รอบวันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน เพียงนำบัตรเข้าชมการแสดงรอบเก่ามาแสดงพร้อมซื้อบัตรหน้างาน รับไปเลยโปสเตอร์ Limited Edition ที่ระลึกจากนิทรรศการ จำนวนจำกัดเพียง 1,000 ใบเท่านั้น

                        รายชื่อฉากจากภาพยนตร์ที่จัดแสดงในนิทรรศการ

                        1.  เครื่องบินของนาชิกา จาก Nausicaä of the Valley of the Wind
                        2.  ปราสาทกลับหัว หรือ ลาปูต้า (Laputa) จาก Castle in the Sky
                        3.  ป้ายรถเมล์และบ้านต้นไม้ จาก My Neighbor Totoro
                        4.  จักรยานลอยฟ้าและร้านขนมปัง จาก Kiki’s Delivery Service
                        5.  ชายหาดพักผ่อน จาก Porco Rosso
                        6.  บ้านของเหล่าทานุกิ จาก Pom Poko
                        7.  ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ จาก Princess Mononoke
                        8.  คาโอนาชิและรถไฟแห่งวิญญาณ จาก Spirited Away (มี Easter Egg เป็นทุเรียน)
                        9.  ปราสาทเวทมนตร์ จาก Howl’s Moving Castle (มี Easter Egg เป็นน้องหมา)
                        10. โปเนียวและเหล่าฝูงปลา จาก Ponyo on the Cliff by the Sea (จัดแสดงที่หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ฝั่งถนนพระราม 1)

                        ดูรีวิว #ทีมแม่ABK พาเที่ยวนิทรรศการได้ที่ Link นี้นะ

                        แฟน จิบลิ ในประเทศไทยมาทางนี้! ทีมแม่ ABK พาเที่ยวโลกอนิเมะ ของ Ghibli Studio ที่เซ็นทรัลเวิลด์

                          Tags

                          โรงเรียนสอนว่ายน้ำ

                          พาทัวร์ โรงเรียนสอนว่ายน้ำ สำหรับเด็ก Aqua-Tots Swim Schools

                          โรงเรียนสอนว่ายน้ำ Aqua-Tots Swim Schools สาขาทวีวัฒนา

                          หลายๆโรงเรียนคงปิดเทอมกันแล้ว School Visit วันนี้เลยอยากชวนเด็กๆมาเรียนว่ายน้ำกัน ที่ Aqua-Tots Swim Schools โรงเรียนสอนว่ายน้ำ จากประเทศอเมริกา ที่มีสาขามากที่สุดกว่า 140 สาขาทั่วโลก บ้านไหนกำลังมองหา โรงเรียนสอนว่ายน้ำ ให้ลูกอยู่ โรงเรียนนี้ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย

                           Aqua-Tots Swim Schools ก่อตั้งโดย คุณจ๋า​ ทิพย์รัตน์​ สิทธิ​มนต์​อำ​นวย​ Business Owner – CEO GIVE Education & Franchise Developer โดยมีจุดเริ่มต้นจากการพาลูกคนแรกไปเรียนว่ายน้ำเมื่อหลายปีก่อน สมัยนั้นโรงเรียนสอนว่ายน้ำเป็นกิจกรรมใหม่ที่น่าสนใจและยังมีน้อยมากในประเทศไทย คุณจ๋าจึงเริ่มสนใจและมองเห็นช่องทางในการทำธุรกิจด้านนี้ จึงติดต่อซื้อ Franchise จากสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญและมีความรู้ด้านการสอนว่ายน้ำเด็กจริงๆ อย่าง Aqua-Tots ที่ผลิตผู้สอนที่มีมาตรฐานอยู่เสมอ และมีหลักสูตรต่างๆที่มีประสิทธิภาพและอัพเดทให้ทันสมัยอยู่เสมอ

                           

                          Safety First, Fun Every Second 

                          จุดเด่นของ Aqua-Tots คือ การสอนให้เด็กรู้จักการเอาตัวรอดในน้ำได้จริงๆก่อนที่จะสอนว่ายเป็นท่าต่างๆ เช่น การว่ายกลับขอบสระและการปีนขึ้นขอบสระด้วยตัวเอง หรือทักษะการนอนหงายเวลาตกน้ำ เพื่อรอให้มีคนมาช่วย เด็กๆจะสามารถพลิกพาตัวเองนอนหงายด้วยตนเอง รู้จักการดันตัวเองขึ้นมาหลังจากหยิบของในน้ำ และเพื่อป้องกันการจมน้ำตื้น นอกจากนี้ยังมี ‘CHICKEN STAR ROCKET’ เป็นท่าว่ายน้ำเพื่อเอาตัวรอดโดยที่ไม่ต้องกลั้นหายใจ ไม่ต้องใช้แรงเยอะและสามารถพักได้เมื่อเหนื่อย

                           

                          หลักสูตร

                          หลักสูตรที่ Aqua-Tots มี 8 ระดับชั้น สามารถเริ่มเรียนได้ตั้งแต่อายุ 4 เดือน – 12 ปี โดยแต่ละระดับชั้นจะถูกแยกออกเป็น 10-13 ชุดทักษะ โดยเริ่มเรียนที่ละทักษะ แล้วนำแต่ละทักษะมาผสมผสานเข้าด้วยกันในระดับชั้นถัดไป สำหรับน้องๆอายุ 2.6 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่มีพื้นฐานการเรียนว่ายน้ำ จะเริ่มเรียนในระดับชั้น 3 (คลาสเรียนว่ายน้ำขั้นพื้นฐานสำหรับเด็ก) ซึ่งจะเน้นการเรียนทักษะการว่ายน้ำเบื้องต้น การระวังภัยและการปฏิบัติตัวเมื่ออยู่ใกล้น้ำ และการว่ายน้ำโดยลำพัง โดยที่ผู้ปกครองไม่ต้องลงน้ำด้วย เด็กจะได้เรียนรู้คำสั่งจากโค้ช ซึ่งจะช่วยสร้างพัฒนาการที่ดีขึ้น ส่วนการประเมินผล โค้ชจะให้ผลการเรียนแบบระบายดาว( Aqua Cards) โดยจะแบ่งเป็นสามระดับคือ ต้น กลาง สูง ทุกครั้งที่เรียนเสร็จโค้ชจะมาระบายสีดาวในสิ่งที่เด็กทำได้ เมื่อเด็กๆมาดูสีของดาวในแบบประเมินผลก็จะทราบได้ทันทีว่าตนเองทำได้หรือมีจุดไหนที่ต้องพยายามมากขึ้นและเมื่อเรียนจบแต่ละระดับแล้ว เด็กๆจะได้ใบ Certificate จากโรงเรียนด้วย

                           

                          สะอาดและปลอดภัย

                          ระบบน้ำต่างๆ ที่ Aqua-Tots สะอาดและปลอดภัยเพราะมีระบบฆ่าเชื้อถึง 3 ขั้นตอน ขั้นตอนแรกน้ำในสระเป็นเกลือผสมกับน้ำแร่ ระบบCopper Silver น้ำจะไม่เค็มจนเกินไป ขั้นที่ 2 ระบบ on Contact โดยใช้ UV Lamp & Ozone ช่วยฆ่าเชื้อโรคซ้ำอีกครั้ง ขั้นตอนที่ 3 ทางโรงเรียนตรวจค่า CL/PH 3 ครั้งต่อวัน จึงมั่นใจได้ว่า น้ำในสระสะอาดได้มาตรฐาน และปราศจากเชื้อโรค และยังเป็นสระน้ำอุ่น ซึ่งดีกับเด็กเพราะช่วยให้กล้ามเนื้อไม่หดเกร็ง ไม่หนาวไม่สั่น ทำให้การเรียนรู้ง่ายขึ้น

                             เคาน์เตอร์ต้อนรับที่มีพนักงานยิ้มแย้มอยู่เสมอ

                          บรรยากาศการเรียนว่ายน้ำ

                          การเรียนว่ายน้ำสำหรับเด็ก 4 เดือน – 2 ขวบครึ่ง ต้องอาศัยคุณพ่อคุณแม่เป็นส่วนสำคัญที่สุด ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแล ให้กำลังใจ สร้างแรงบันดาลใจ และสนุกไปพร้อมกัน และยังช่วยลดความกลัวของเด็กๆลงได้ด้วย

                          แบบประเมินผลของเด็กๆแยกตามชื่อตัวอักษร เด็กๆหรือผู้ปกครองสามารถมาเปิดผลการเรียนดูได้ด้วยตนเอง

                          ผู้ปกครองสามารถนั่งดูเด็กๆว่ายน้ำได้อย่างสบายใจ เพราะออกแบบให้มีกระจกใสล้อมรอบ มองได้ทุกมุม ปลอดภัยแน่นอน

                          ห้องน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห้ง มีห้องอาบน้ำทั้งสำหรับเด็กเล็กและเด็กโต และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายให้บริการ ทั้งไดร์เป่าผม ล๊อคเกอร์ ห้องอาบน้ำ ยาสระผม

                          มุม Playground และอ่านนิทาน เล็กๆ สำหรับเด็กๆ

                          คุณจ๋า ทิพย์รัตน์ สิทธิมนต์อำนวย Business Owner – CEO GIVE Education & Franchise Developer

                           

                          Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

                          1.เรียนว่ายน้ำที่นี่สามารถลาได้โดยไม่ต้องกังวล เพราะไม่จำกัดจำนวนวันลา คลาสเรียนที่ยืดหยุ่นมาก ไม่สะดวกมาวันไหนก็มาเรียนวันอื่นแทนได้ และยังสามารถมาเรียนว่ายน้ำได้มากกว่า 1 วันต่อสัปดาห์

                          2.ห้องน้ำขนาดใหญ่ มีอุปกรณ์ให้พร้อมทั้งสบู่ ,ยาสระผม ,หวี ,ไดร์เป่าผม ,ถุงพลาสติกสำหรับใส่ชุดว่ายน้ำ สะดวกสบายทั้งผู้ปกครองและเด็ก ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น จริงๆ

                          3.วัสดุที่ปูในสระว่ายน้ำไม่ใช่กระเบื้องเพื่อลดการเกิดการลื่นต่างๆหรืออันตรายต่างๆสำหรับเด็กๆได้

                          4.อากาศภายในโรงเรียนสะอาดปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่สบายใจได้ เพราะที่นี่มีเครื่องฆ่าเชื้อแบบปล่อยประจุ และมีเครื่องฟอกอากาศจัดวางหลายๆจุด ของโรงเรียน

                          5. ที่ Aqua-Tots สระน้ำเป็นน้ำอุ่น หน้าหนาว หน้าฝน ก็มาเรียนได้ไม่ต้องกลัวลูกหนาวจนปากสั่นแน่นอน

                          6.เรียนกลุ่มเล็กไม่เกิน 4 คน ทำให้โค้ชดูแลได้ทั่วถึงแน่นอน

                          7.สามารถมาเริ่มเรียนได้ทุกวัน เพราะที่นี่ประเมินตามความสามารถของเด็กๆ

                          8.หลักสูตรที่ Aqua-Tots ถูกคิดค้นมามากกว่า 30 ปี จึงมั่นใจได้ว่ามีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานที่ดี

                          9.ใน 1 ชั่วเวลา เด็กๆจะได้เรียนรู้หลายระดับ ได้ทักษะที่หลากหลาย

                          อัตราค่าเล่าเรียน

                          เรียนแบบกลุ่มเล็ก (4:1) ครั้งละ 30 นาที

                          2วันต่อสัปดาห์ 5,850 บาท / เดือน 1วันต่อสัปดาห์ 3,100 บาท/เดือน

                          Seasonal Fast Track Program เรียนแบบต่อเนื่อง (4:1)

                          4 วันต่อสัปดาห์ ใช้เรียน 2 สัปดาห์ติดต่อกัน วันจันทร์-ศุกร์ ครั้งละ 30 นาที

                           

                          โปรโมชั่นพิเศษ

                          ลงเรียน 6 เดือน ลดทันที 15%

                          ค่าสมาชิก 800 บาท/คน หรือ 1,300 บาท/ครอบครัว

                           

                          ติดต่อสอบถามได้ที่ : 2 ซ.ทวีวัฒนา 22 ถนนเลียบคลองทวีวัฒนา แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ 10170

                          ( Aqua-Tots เปิดแล้ว 3 สาขา ทวีวัฒนา ,ประเวศ ,ศรีราชา และอีกหลายสาขาเร็วๆนี้ เช่น สาขาหนามแดง ,ปัญญารามอินทรา ,อโศก รังสิต ,เชียงรายและขอนแก่น )

                          Facebook : https://www.facebook.com/AquaTotsThawiwattana

                          โทร. 090-950-6767

                           

                          Editor : แม่เลม่อน

                          ภาพ : แม่เลม่อน


                          อ่านต่อบทความน่าสนใจ

                            KidsMarket

                            ชวนน้อง ๆ วัยคิดส์มาขายของฟรีกับ KidsMarket ในงานบ้านและสวนแฟร์ 2023

                            โอกาสสำคัญของนักธุรกิจรุ่นเยาว์ เปิดตลาดขายของกันแบบฟรี ๆ ครั้งแรก!! ใน

                            งานบ้านและสวนแฟร์ 2023 ระหว่างวันที่ 28 – 29 ตุลาคม 2566

                            ณ ชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

                             

                            สร้างประสบการณ์ครั้งใหม่ให้เด็ก ๆ  กับการเป็นทดลองเป็นพ่อค้า แม่ค้าในงานแฟร์ยิ่งใหญ่แห่งปี

                            Amarin Baby & Kids และบ้านและสวน จัดกิจกรรมสุดพิเศษรับปิดเทอม ให้เด็กเจนอัลฟ่าได้เปลี่ยนเรื่องเล่นๆให้เป็นประสบการณ์สุดพิเศษนอกห้องเรียน กับ KidsMarket by Amarin Baby & Kids ชวนที่เปิดโอกาสเด็ก ๆ ผู้ใจรักการค้าขาย อยากเป็นนักธุรกิจ มาเปิดร้านขายของ แบบไม่มีค่าใช้จ่าย ในงานบ้านและสวนแฟร์ 2023 แบบนี้ พลาดไม่ได้แล้ว

                             

                            รับสมัครพ่อค้า แม่ค้ารุ่นจิ๋ว อายุระหว่าง 6 – 15 ปี มาทดลองเปิดร้านบนสนามจริง เพื่อแสดงความสามารถ ค้นหาตัวเองอย่างอิสระ พร้อมสร้างประสบการณ์การณ์ใหม่ และทักษะการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) และ Soft skill ทักษะสำคัญของเด็กศตวรรษที่ 21 จากการเรียนรู้นอกห้องเรียนให้เด็ก ๆ  ร้านไหนโดนใจรับบูธขายของฟรี ๆ ไป 2 วันเต็ม ในงานบ้านและสวนแฟร์  งานแฟร์ยิ่งใหญ่ในเครืออมรินทร์  จำนวน 30 บูธฟรี พร้อมประกาศนียบัตร การอบรม และกิจกรรมสนุก ๆ มากมาย

                            ประกาศผลร้านค้าของน้องๆ ที่ได้เข้าร่วมเปิดบูธฟรี! วันที่ 28 – 29 ตุลาคม 2566

                            โซน Kids Market งานบ้านและสวนแฟร์ 2023 ณ ชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

                            🌈 คุณิฏา – ร้านคนนี้ นี่เอง
                            🌈 เอตา – ร้าน ATA Play & Learn
                            🌈 นภัสสรณ์ – ร้าน The Proton Shop
                            🌈 พนธกร – ร้าน Penpleum Handmade
                            🌈 นิธิกร – ร้าน VP Toys
                            🌈 ณัฐนันท์ – ร้าน Buddy shop
                            🌈 ขวัญข้าว – ร้าน Rainbow
                            🌈 นนทชา – ร้าน Dodear
                            🌈 ภาฐิตา, วัทนนันทน์, เอริกา, ชญานภัส – ร้าน JTRF
                            🌈 พันธวัฒ – ร้าน Shoop
                            🌈 กวินทร์ – ร้าน KEVIN B BAKER
                            🌈 ธันยนันท์ – ร้าน ปันกัน
                            🌈 ลัลน์-ลิลน์ – ร้าน Be Happy
                            🌈 กฤตกมล – ร้าน Nana Shop
                            🌈 มาลี – ร้าน มายียีมายิยิ
                            🌈 ศิวะ – ร้าน บ้านอัลมอนด์
                            🌈 พริ้งเพรา – ร้าน Happy Prinkpraw
                            🌈 วงศ์วริศ ,ชนน์ชนก, พลภรต – ร้าน เจิดจิ๋ว
                            🌈 ลัลน์ลลิน, รินรดา – Little Hand Made
                            🌈 น้องคิโกะ – ร้าน KIKI Shop
                            🌈 มามิ, ลลิน – ร้าน Mi+Lyn house
                            🌈 ณทยา – ร้าน Star Jewelry
                            🌈 มิอา – ร้าน Miah
                            🌈 ยินลี – ร้าน DIY By Yinlee
                            🌈 สวิศ – ร้าน Swit’s Bakery
                            🌈 ธามม์ – ร้าน บาร์ ธามม์
                            🌈 กวิน, เกวลิน – ร้าน DEKSEN
                            🌈 ปุณณ์, ปัณณ์ – ร้าน Mission Vision
                            ใครไม่ได้มาขายไม่ต้องเสียใจ มาช็อปปิ้งและร่วมกินกรรมสนุกๆ กันได้น้า ✨

                            คุณสมบัตินักธุรกิจรุ่นเยาว์

                            • เด็กอายุ 6 – 15 ปี
                            • ชื่นชอบการค้าขาย สนใจการทำธุรกิจ
                            • มีสินค้าและ/หรือบริการที่น้อง ๆ สนใจหรือเป็นสินค้าในครอบครัว
                            • กล้าพูด กล้าขาย กล้านำเสนอสินค้าให้กับลูกค้า
                            • เข้าใจเรื่องการเงินแบบง่าย ๆ
                            • เด็ก ๆ ต้องทำหน้าที่ขายหรือแนะนำสินค้าด้วยตัวเอง (โดยมีผู้ปกครองคอยช่วยเหลือได้)
                            • สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ทั้งวันที่ 28 – 29 ตุลาคม 2566

                            รายละเอียดการรับสมัคร

                            • กรอกข้อมูล พร้อมแนบคลิปแนะนำตัวเอง ร้านค้า พร้อมเหตุผลว่า “เงินที่ได้รับจากการขายจะนำไปทำอะไร” ให้ทีมงานอ่านแล้วชื่นใจ ความยาวไม่เกิน 2 นาทีใน Google form ในครบถ้วน
                            • ทีมงานพิจารณาและคัดเลือกผู้ผ่านร่วมกิจกรรม
                            • ทีมงานนัดพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง
                            • ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์ร่วมกิจกรรม KidsMarket

                            ระยะเวลาดำเนินการ

                            • เปิดรับสมัคร 1- 15 ตุลาคม 2566
                            • ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์รับบูธ 18  ตุลาคม  2566

                            สิ่งที่เด็ก ๆ จะได้รับใน KidsMarket

                            • พื้นที่ขายของขนาด 2×2 เมตร จำนวน 1 บูธ ที่งานบ้านและสวนแฟร์ เป็นเวลา 2 วัน
                            • Workshop การทำธุรกิจและการเงินสำหรับเด็กจากสถาบัน Money Tree Thailand
                            • ประกาศนียบัตรกิจกรรม KIDS MARKET
                            • ผ้ากันเปื้อน KIDS MARKET สุดน่ารัก

                            รายละเอียดการขายและการใช้พื้นที่

                            • อุปกรณ์ โต๊ะหน้าขาวขนาด 45 x 180 เซนติเมตรพร้อมเก้าอี้ และป้ายร้าน 1 ป้ายค่ะ
                            • การใช้ไฟฟ้า มีปลั๊กไฟขนาดไม่เกิน 5 แอมป์ (กรณีใช้เกิน 5 แอมป์ ผู้ออกบูธต้องชำระเงินเพิ่ม 700 บาทต่อวัน) และห้ามใช้กับแสงสว่าง
                            • ห้ามประกอบอาการด้วยเตาแก๊ส หรือก่อประกายไฟในพื้นที่จัดงานโดยเด็ดขาด
                            • ผู้ออกบูธต้องรักษาความสะอาดในพื้นที่ร้านค้าให้เรียบร้อยอยู่เสมอ
                            • ผู้ออกบูธต้องขายสินค้าตั้งแต่เวลา  10.00 – 18.00 น. จนครบกำหนดเวลาได้

                            นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมการเรียนรู้ และกิจกรรมสสร้างสรรค์ ให้เด็กๆและทุกคนในครอบครัวมาใช้เวลาร่วมกัน อีกมากมายตลอด 2 วัน ไม่ว่าจะเป็น

                            • Workshop การค้าขายและการเงินฉบับเด็ก ๆ จาก สถาบัน Money Tree Thailand
                            • กิจกรรมเรียนรู้ธรรมชาติ ท่องโลกสัตว์ป่าและถิ่นที่อยู่ จาก Nature Feels

                            Plean Activity with Family กับ 2 กิจกรรมชวนเด็กใช้เวลากับครอบครัว โซนบอร์ดเกมแสนสนุกจาก ลานละเล่น และมุมนิทานกับหนังสือความรู้อ่านฟรี จากสำนักพิมพ์ Amarin Kids

                             

                              มะเร็งปอด

                              มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง ติดอาวุธความรู้ให้ผู้ป่วยโรค มะเร็งปอด แนะนำการลดภาระทางการรักษาและเข้าสู่กระบวนการรักษาได้ทันท่วงที

                              “ มะเร็งปอด เป็นโรคที่มีอุบัติการณ์ทั่วโลกที่สูงมาก ซึ่งข้อมูลของ GLOBOCAN ปี พ.ศ.2563 ชี้ให้เห็นว่ามีผู้ป่วยใหม่จำนวนกว่า 2.2 ล้านคนต่อปี และมีผู้ป่วยเสียชีวิตถึง 1.8 ล้านคนต่อปี นอกจากที่หลายชีวิตต้องสูญเสียจากโรคนี้ มะเร็งปอดยังเป็นหนึ่งในโรคที่สร้างภาระทางด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคมอีกด้วย ”

                              เพื่อเป็นการให้สังคมได้รับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโรคมะเร็งปอดมากยิ่งขึ้น มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง (Thai Cancer Society : TCS) ได้จัดงาน Steps of Strength ก้าวเล็กๆ บนเส้นทางของคนเป็น มะเร็งปอด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ทาเคดา (ประเทศไทย) จำกัด โดยภายในงานได้มีการพูดคุยหารือในหัวข้อเรื่องความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคมะเร็งปอด การตรวจวินิจฉัยและกระบวนการรักษาโรค และความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับโรคมะเร็งปอด ทั้งนี้เพื่อเป็นการติดอาวุธความรู้ให้กับผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดให้สามารถเข้าสู่กระบวนการรักษาได้อย่างตรงจุดและทันท่วงทีดำเนินรายการโดย คุณ ศิรินทิพย์ ขัติยะกาญจน์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง และอดีตผู้ป่วยมะเร็ง

                               

                              เนื้อหาในงานเสวนาครั้งนี้ ได้รวมเอาเรื่องราวและปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เกิดโรค มะเร็งปอด โดยหนึ่งในนั้นคือเรื่องของการ “สูบบุหรี่” ที่ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับแรกที่ทำให้เกิดโรค มะเร็งปอด และมะเร็งชนิดอื่นๆ แต่นอกเหนือจากการสูบบุหรี่แล้ว ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่มือสอง (Secondhand Smoke) ที่มาจากการได้รับควันบุหรี่จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว หรือปัจจัยเรื่องอายุที่เพิ่มขึ้นและเซลล์ในร่างกายที่เสื่อมสภาพตามกาลเวลาจนอาจกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็งได้ในที่สุด รวมไปถึงการสัมผัสกับสารก่อมะเร็ง (Carcinogen) เช่น “ก๊าซเรดอน” (Radon) หรือแม้กระทั่งการสูดฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ล่าสุดมีข้อมูลสนับสนุนว่าอาจจะเป็นสาเหตุการเกิดมะเร็งปอดมากขึ้น โดยสำหรับมะเร็งปอดนั้น สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ “มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก” (Small Cell Lung Cancer) และ “มะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก” (Non-Small Cell Lung Cancer) ที่ในปัจจุบันพบเจอได้มากกว่ามะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก

                              มะเร็งปอด

                              สำหรับข้อควรระวังเกี่ยวกับ มะเร็งปอด ไม่ใช่แค่อาการของโรค แต่ยังรวมไปถึง “การตรวจคัดกรอง” ด้วย มีหลายครั้งที่ผู้ป่วยเพิ่งตรวจเจอฝ้าหรือความผิดปกติในปอดแต่ยังคงมีความสับสนในขั้นตอนการวินิจฉัยว่าจะสามารถแยกแยะมะเร็งปอดกับวัณโรคได้อย่างไร โดยคำตอบที่ถูกต้องคือต้องพิจารณาตามกรณี จำเป็นต้องมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจเสมหะหาเชื้อวัณโรค หรือ ตรวจชิ้นเนื้อ หรือ เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) ผู้ป่วยมะเร็งปอดบางคนอาจไม่มีอาการแต่พอไปตรวจสุขภาพประจำปีกลับเจอก้อนในปอด หรืออาการทางปอด เช่น ไอ เหนื่อย และเอ็กซ์เรย์ปอดเจอก้อนเนื้อหลายก้อน การตรวจขั้นตอนถัดไปคือการทำ CT Scan ที่สามารถให้ข้อมูลที่แม่นยำกว่าการเอ็กซ์เรย์ปกติ เช่น ตำแหน่งของก้อนเนื้อ สำหรับขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการวินิจฉัยมะเร็งคือการตรวจชิ้นเนื้อเพื่อให้ทราบชนิดของมะเร็งปอด ทำให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาที่เจาะจงเฉพาะสำหรับแต่ละบุคคลได้

                               

                              ทั้งนี้ การตรวจชิ้นเนื้ออาจใช้เวลานานหลายวันขึ้นอยู่กับความยากง่ายของแต่ละเคส ถ้าสามารถบอกได้เลยว่าเป็นมะเร็งชนิดไหนทันทีหลังตรวจก็จะเป็นอันจบขั้นตอนนี้ แต่ถ้าจำเป็นต้องมีการแยกชนิดเซลล์มะเร็งอาจต้องใช้เวลาตรงนี้อีกประมาณ 7-10 วันเพื่อระบุชนิดแบบชัดเจน จากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจ “ตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ” (Biomarker) เช่น “ตัวรับเซลล์มะเร็ง” หรือ “การกลายพันธุ์ของเซลล์มะเร็ง” ที่ส่วนใหญ่มักตรวจในกลุ่มมะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็กและใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 2 สัปดาห์ โดยหากตรวจเจอการกลายพันธุ์ของเซลล์มะเร็งแล้ว แพทย์ก็จะสามารถเลือกการรักษาที่จำเพาะกับเซลล์มะเร็งชนิดนั้น เช่นยามุ่งเป้า (Targeted Therapy) ได้ ดังนั้นแพทย์จึงแนะนำให้ผู้ป่วยรอจนกว่าจะได้ผลตรวจที่ชัดเจนแทนการรักษาด้วยเคมีบำบัด (Chemotherapy) ทันทีเพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากและรอได้

                              มะเร็งปอด

                              พญ. กุลธิดา มณีนิล อายุรแพทย์ด้านมะเร็งวิทยา กล่าวว่า “อันดับแรกเวลาเริ่มรักษาผู้ป่วยคือการตรวจวินิจฉัยชิ้นเนื้อมะเร็ง และที่สำคัญไม่แพ้กันคือระยะของโรค ซึ่งโดยทั่วไปมะเร็งจะมี 4 ระยะ โดยระยะที่ 1 กับ 2 ถือเป็นระยะเริ่มต้น มะเร็งปอดอาจอยู่ในช่องอกและยังไม่กระจายไปไหน แต่เมื่อเข้าสู่ระยะที่ 3 อาจมีการกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองตรงกลางช่องอก ส่วนมะเร็งปอดระยะที่ 4 จะมีการกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ เช่น ตับ สมอง หรือกระดูก ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าระยะของโรคมีผลต่อการตัดสินใจในการวางแผนการรักษา ซึ่งนอกจากขั้นตอนรอผลตรวจชิ้นเนื้อแล้ว ควรมีผล CT Scan หรือภาพเอ็กซ์เรย์ประกอบด้วยเพื่อประเมินระยะของมะเร็งและวางแผนการรักษาได้ถูกต้อง ถ้าเป็นระยะเริ่มต้นเราก็จะเริ่มด้วยการผ่าตัดก่อนและตามด้วยการรักษาเสริมด้วยยา ซึ่งหลักๆ มี 3 ชนิด ได้แก่ยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า และยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) ซึ่งเราต้องมาดูว่ายาแต่ละชนิดจะเหมาะกับผู้ป่วยคนไหน”

                               

                              อีกหนึ่งประเด็นที่ผู้ป่วยต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากคือเรื่องอาหารการกิน ควรตระหนักเสมอว่าอะไรกินได้ อะไรกินไม่ได้ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีการศึกษารองรับว่าอาหารสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ แต่มีกลุ่มอาหารที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของร่างกายให้สามารถผ่านขั้นตอนการรักษาได้ง่ายขึ้นอย่าง “โปรตีน” ที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ในร่างกายจากผลข้างเคียงของยาชนิดต่างๆ ดังนั้นในระหว่างการรักษาโรคมะเร็ง ผู้ป่วยควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุก สะอาด ครบ 5 หมู่ และเน้นรับประทานโปรตีน แต่ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดหรืออาหารหมักดองที่อาจทำให้ท้องเสียจนไม่สามารถรับยาได้

                              มะเร็งปอด

                              ด้านคุณ ศิรินทิพย์ ขัติยะกาญจน์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง กล่าวว่า “ทุกคนมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน หรืออายุเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราอยากช่วยรณรงค์คืออยากให้สังคมตระหนักรู้ 2 อย่าง เราอยากเชิญชวนให้คนทั่วไปหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อเป็นการคัดกรองว่ามีอาการผิดปกติที่ปอดหรือไม่ และเราอยากบอกว่าการเป็นมะเร็งปอด ยังสามารถมีชีวิตที่ดีได้ เป็นมะเร็งไม่ได้เท่ากับตาย ซึ่งเราอยากให้เห็นตัวอย่างผ่านกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปอดที่เขามีชีวิตอยู่ในปัจจุบันว่าพวกเขาเหล่านี้ยังสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติได้”

                              จึงเป็นที่มาของงาน Steps of Strength ก้าวเล็กๆ บนเส้นทางของคนเป็น มะเร็งปอดที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจของมูลนิธิเครือข่ายมะเร็งในการให้ความรู้กับกลุ่มผู้ป่วย ญาติและผู้ดูแลเพื่อการรับมือกับโรคที่ถูกต้อง รวมถึงสร้างความตระหนักรู้ว่าการคัดกรองมีความสำคัญอย่างไรต่อสังคม โดยผู้ที่มีความสนใจในเนื้อหาสาระดีๆ เกี่ยวกับโรคมะเร็งปอด สามารถคลิกที่นี่ เพื่อรับชมวิดีโอถ่ายทอดสดย้อนหลังบนเพจเฟซบุ๊ก Thai Cancer Society : TCS

                                สาธิตเกษตร โรงเรียนสาธิตชื่อดัง เสริมวิชาการแน่น ปูทางสู่มหาวิทยาลัย

                                โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 

                                “Today is the first day of the rest of your life.” – Charles Delerich

                                เพราะก้าวแรกที่เข้าโรงเรียนคือทุกๆก้าวตลอดไปของชีวิต

                                School Visit วันนี้จะพามาเยี่ยมชม โรงเรียนที่น่าอยู่และปลอดภัย โรงเรียนที่ดูแลใส่ใจศักยภาพของนักเรียนทุกๆคน โรงเรียนที่กระตุ้นให้เด็กได้เรียนรู้และจดจำอยู่เสมอ เด็กๆจะเติบโตและเบ่งบานอย่างมีคุณค่า โรงเรียนนี้ก็คือ โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ( Kasetsart University Laboratory School ) หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม สาธิตเกษตร

                                สาธิตเกษตร ฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาแบบองค์รวมซึ่งคือการพัฒนาในทุกๆด้านพร้อมกันอย่างสมดุล (Holistic Development) ไม่ใช่การเฉพาะเจาะจงด้านใดด้านหนึ่ง ทางโรงเรียนส่งเสริมทั้งกิจกรรมและวิชาการเพราะเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าการศึกษาที่มีประสิทธิภาพจะพัฒนาควบคู่ไปกับการทำนุบำรุงร่างกายและจิตใจอย่างเท่าเทียมกัน

                                หลักสูตรและตำราของโรงเรียนจะมาจากการค้นคว้า ทดลอง พัฒนาและสร้างแรงบันดาลใจในการเติบโตทางสติปัญญาแต่ก็ยืดหยุ่นให้เหมาะสมกับนักเรียน และไม่ด้อยกว่ามาตรฐานกลาง ทำให้นักเรียนได้รับการศึกษาที่สดใหม่ และทันสมัยอยู่เสมอ

                                บรรยากาศโรงเรียนร่มรื่นเพราะเต็มไปด้วยต้นไม้รายล้อม

                                Learning by Doing

                                ห้องปฏิบัติการงานคหะกรรมสำหรับนักเรียนชั้นประถม

                                 

                                วิชาสมรรถนะเพื่อชีวิต The Original

                                โรงเรียนสาธิตเกษตรฯ เป็นผู้ริเริ่มและพัฒนา วิชาสมรรถนะเพื่อชีวิต ซึ่งมีทั้งหมด 10 สมรรถนะ เด็กๆสามารถใช้เรียนรู้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เพื่อพัฒนาสมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน โดยคำนึงถึงความต้องการของนักเรียน โรงเรียน สังคมไทย สังคมโลก เพื่อให้เด็กๆเรียนรู้แบบ Active Learning ผ่านประสบการณ์ ซึ่งเด็กๆจะได้เรียนแบบมีความสุข

                                ได้แก่

                                1.ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร

                                2.คณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน

                                3.การสืบสอบทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์

                                4.ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร

                                5.ทักษะชีวิตและความเจริญแห่งตน

                                6.ทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ

                                7.ทักษะการคิดขั้นสูงและนวัตกรรม

                                8.การรู้เท่าทันสื่อสาร สารสนเทศ และ ดิจิทัล

                                9.การทำงานแบบรวมพลังเป็นทีมและภาวะผู้นำทีม

                                10.การเป็นพลเมืองตื่นรู้และสำนึกสากล

                                ก่อนจะจบปีการศึกษานักเรียนชั้น ป.1-ป.2 จะได้เรียนผ่านกระบวนการ PDCA หรือ Plan Do Check Action สร้างนวัตกรรมเองให้ได้ เพราะกระบวนการนี้คือกระบวนการการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ระหว่างทางเด็กๆจะมีคำถาม สงสัย มีเหตุผลของตัวเอง ก่อให้เกิดการสื่อสารและได้สะท้อนความต้องการที่แท้จริงของตนเองออกมากผ่านผลงานได้ อย่างไม่มีกรอบจำกัด

                                โรงเพาะชำและแปลงเพาะปลูกของโรงเรียน

                                 

                                Activities ไม่ได้มีไว้แค่สนุก

                                เพราะการศึกษาไม่ได้จำกัดอยู่เพียงหนังสือและห้องเรียนเพียงอย่างเดียว

                                โรงเรียนสาธิตเกษตรฯส่งเสริมให้นักเรียนเลือกเรียนอย่างหลากหลายตามความถนัดและความสนใจพร้อมทั้งจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรเพื่อต่อยอดทักษะความสามารถและประสบการณ์ของนักเรียน

                                นอกจากนั้นทางโรงเรียนยังมีกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนด้วยการจัดโครงการและกิจรรมที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมศักยภาพและพัฒนานักเรียน เช่น กิจกรรมพัฒนาตน โครงการส่งเสริมความถนัด ความสามารถ และความสนใจพิเศษ

                                โครงการพัฒนากีฬา,พัฒนาดนตรีและนาฏศิลป์, ชมรมสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน, ชมรมถ่ายภาพสาธิตเกษตร ,ชมรมภาพยนตร์ โครงการค่ายพักแรมโครงการแลกเปลี่ยนทางการศึกษา วัฒนธรรม และการกีฬากับต่างประเทศ ในประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ ,โครงการเรียนภาษาอังกฤษแบบเข้มในประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และจีน

                                ซึ่งประโยชน์ที่เด็กๆได้จากการทำกิจกรรมคือ สร้างความเป็นผู้นำ ความมีระเบียบวินัย ความมั่นใจ ความยืดหยุ่น การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และการอยู่ร่วมกับผู้อื่น การทำงานเป็นทีม เสียสละเพื่อส่วนรวม เพราะสิ่งเหล่านี้คือทักษะในการใช้ชีวิต

                                สนามฟุตบอลและอาคาร5 ของนักเรียน ม.ปลาย ภาพจำของเหล่าศิษย์เก่า

                                สระว่ายน้ำในอาคารกีฬา

                                อุปกรณ์ออกกำลังกายมีครบครัน

                                นักเรียนชั้น ม.ปลายยืดเส้นยืดสาย

                                ทัศนศึกษา ณ หอภาพยนตร์บางกอกราม่าเดย์ ชมเฌย สตูดิโอ

                                กิจกรรมเก็บขยะให้เป็นนิสัย ช่วยปลูกฝังสำนึกที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม

                                 

                                Individuality ค้น-พบ-ตัวเอง

                                โรงเรียนสาธิตเกษตรฯ ไม่มุ่งเน้นให้เด็กเก่งอย่างเดียว แต่เราส่งเสริมความสามารถพิเศษของเด็กอย่างเต็มที่อีกด้วย

                                ทางโรงเรียนมีโครงการส่งเสริมความถนัด ความสนใจ ความสามารถพิเศษ เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนในวันเสาร์ หรือ วันธรรมดาหลังเลิกเรียน ทั้งหมดกว่า 49 กิจกรรม เช่น กีฬาเทควันโด, เทนนิส, มินิรักบี้,กอล์ฟ, ยิมนาสติก พัฒนาสมาธิ-สติ, โยคะ, ฟุตบอล, ว่ายน้ำ ด้านศิลปะและการทำอาหาร ทางด้านดนตรี-นาฏศิลป์ โรงเรียนสนับสนุนให้เด็กๆที่มีความสามารถพิเศษได้ออกไปแข่งขันในโครงการภายนอกในทุกๆสาขาไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการ หรือทักษะความสามารถอื่นๆ

                                หากนักเรียนบางคน หาตัวเองไม่เจอ และไม่ได้มีความสามารถพิเศษ ทางโรงเรียนจะใช้วิธีเชิงรุก ทีมอาจารย์แนะแนวจะเข้าชั้นเรียนมากขึ้น เพื่อทำการสำรวจ ให้ข้อคิดเห็น ให้คำปรึกษา โดยเด็กๆสามารถเข้าปรึกษากับอาจารย์ได้โดยตรง เด็กแต่ละคนจะจบออกไปและประสบความสำเร็จตามศักยภาพของตัวเอง

                                 

                                บรรยากาศห้องเรียน

                                อาจารย์ ดร.ผกามาศ นันทจีวรวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงเรียน

                                 

                                เพราะโรงเรียน คือ บ้านหลังที่สอง

                                ก่อนเปิดภาคเรียน ทางโรงเรียนจะมีโครงการบรรยายพิเศษเพื่อลูกศิษย์ และปูพื้นฐานให้ผู้ปกครอง เรื่องการเลี้ยงดูลูกตามวัย แบ่งเป็นชั้นประถมและมัธยม โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และในระหว่างภาคการศึกษาจะมีโครงการสัปดาห์สนทนาศิษย์-ลูก ซึ่งเป็นการเยี่ยมชมบ้านหลังที่สองของเด็กๆและแลกเปลี่ยนพูดคุยระหว่างอาจารย์และผู้ปกครอง นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังมีคลินิกจิตเวชและแพทย์ประจำ 3 วันต่อสัปดาห์ คอยให้บริการแก่ นักเรียน ผู้ปกครอง และบุคลากรโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่ห้องงานบริการจิตวิทยาและแนะแนว

                                 

                                5 สิ่งที่ทำให้เด็กๆอยากมาโรงเรียนทุกวัน

                                1. สภาพแวดล้อมและสังคมที่น่าอยู่ พื้นที่สีเขียวสบายตา เพื่อนๆพร้อมหน้าสบายใจ
                                2. เรียนรู้แบบไม่รู้เบื่อ เวลาเรียน 5 วัน กิจกรรมเพียบ
                                3. อาจารย์ เป็นมากกว่าผู้ให้ความรู้ แต่ยังเป็นผู้ให้คำปรึกษา
                                4. เพราะเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน โรงเรียนจึงเน้นการพัฒนาศักยภาพตามแต่ละบุคคล
                                5. กิจกรรมส่งเสริมความถนัดกว่า 49 กิจกรรม สนใจด้านไหน ไปลงเลย!

                                 

                                 

                                Mommy Love This

                                • เรียนยาวๆ กันตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 (รับนักเรียนเข้าแค่ชั้น ประถมศึกษาปีที่ 1 เท่านั้น)
                                • โรงเรียนมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมความถนัดให้นักเรียนเลือกลงเรียนเพิ่มเติมตามความสมัครใจ ผู้ปกครองไม่จำเป็นต้องไปหาสถาบันเรียนเองภายนอก
                                • ที่สาธิตเกษตรฯ มีทีมแนะแนว นักจิตวิทยา อาจารย์ คอยดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องการเรียน การเรียนต่อ หรือปัญหาอื่นๆ
                                • เมนูอาหารประจำสัปดาห์ของทางโรงเรียนสามารถดูได้ทาง เพจ Facebook ของโรงเรียน ได้ดูตารางอาหารและปริมาณแคลอรี่ด้วย

                                 

                                อัตราค่าเล่าเรียน ปี พ.ศ.2566

                                ชั้นประถมศึกษา ประมาณ 35,000-38,000 บาท / ปี

                                ชั้นมัธยมศึกษา ประมาณ 60,000 บาท / ปี

                                 

                                ที่ตั้ง : 50 ถ.งามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

                                โทร. 0-2942-8800-9 ต่อ 100

                                สามารถติดตามข่าวสารของโรงเรียนได้ทาง

                                เว็บไซต์ : www.kus.ku.ac.th

                                Facebook : https://www.facebook.com/satitkasetschool

                                Editor : แม่พลอย

                                ภาพ : เนาวพจน์ โพธิเกษม, ต้นกล้า ,ภาพข่าวประชาสัมพันธ์

                                 


                                อ่านต่อบทความน่าสนใจ

                                • พาทัวร์ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด พ่อแม่ยุคใหม่ห้ามพลาด! เน้นเสริม EFs สร้างพื้นฐานชีวิตที่ดีให้ลูกน้อย
                                • บ้านกางใจ พื้นที่สำหรับเด็กๆ เล่น เรียนรู้ ตามวัย เติบโตไปอย่างมีความสุข
                                • The CREAM Bangkok คลับมหัศจรรย์ แห่งการเรียนรู้
                                • 5 สิ่งสุดว้าว ที่ทำให้เด็กๆ อยากมา โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี ทุกวัน!
                                • โรงเรียนหิ่งห้อย จาก Homeschool เล็กๆ กลายเป็น ห้องเรียนธรรมชาติ ให้เด็กๆ กว่า 100 ครอบครัว!
                                • โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ โรงเรียนเล็กๆ ย่านท่าอิฐ กับหลักสูตรสุดว้าว! Project Approach
                                • เปิดบ้าน “ไตรพัฒน์” โรงเรียนแนววอลดอร์ฟ ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กๆ
                                • พาส่อง โรงเรียนโพธิสารพิทยากร โรงเรียนมัธยม ที่น่าเรียนที่สุดแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ
                                • ชวนเด็กๆ เข้าค่ายเรียนรู้ธรรมชาติ เล่นกับดอกไม้ใบไม้ @ Little Tree
                                • อัสสัมชัญธนบุรี กับแนวคิดที่เชื่อว่า เด็กมีความชอบและความถนัดที่แตกต่างกัน
                                • สาธิตกรุงเทพธนบุรี โรงเรียนอินเตอร์ ที่มีควายเผือก แพะและม้า ให้นักเรียนไว้เลี้ยงดูเล่น!
                                • อนุบาลปรางทิพย์ & ปรางทิพย์เดย์แคร์ โรงเรียนอนุบาลเอกชน ที่เต็มไปด้วยความรัก
                                  กิจกรรม workshop

                                  มัดรวม 15 กิจกรรม workshop สุดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กๆ ช่วงปิดเทอม

                                  เดือนตุลาคมนี้ หลายคน หลายโรงเรียนก็ทยอย ปิดภาคเรียนที่ 1 ให้เด็กๆ ได้พักสมองจากการเรียนกันแล้ว แต่ปิดเทอมนี้จะทำอะไรดีหล่ะ!! หลาย ๆ บ้านกำลังคิดกันอยู่ใช่ไหม? #มัมมี่ป้ายยา วันนี้ #ทีมแม่ABK มาช่วยแล้ว เพราะเรารวบรวม กิจกรรม workshop และค่ายกิจกรรมสุดพิเศษสำหรับเด็ก มาฝากกัน ไม่ว่าจะเป็น Workshop ศิลปะ, เดินป่า, แล่นเรือใบหรือฝึกอาชีพต่าง ๆ รับรองว่าสนุกและได้ความรู้กันแบบจุกๆ ใครชอบแบบไหนก็ตามไปสมัครกันได้เลย

                                  กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop

                                  1. ชวนมาฟังนิทานและเล่นสนุกที่ บ้านกางใจ

                                  “บ้านกางใจ” ชวนเด็กๆ มาเรียนรู้ผ่านการเล่นในช่วงปิดเทอม ตลอดทั้งเดือนตุลาคม นี้ ภายใต้ธีม “แสงและเงาต้อนรับฮาโลวีน” ชวนมาฟังนิทานที่เล่าเรื่องผีเพื่อให้เด็กมีความสุขในคืนวันฮาโลวีน  นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการระบายสีน้ำ ร้องเพลงด้วยกัน เล่นทรายอิสระ และอ่านนิทานนานาชาติที่มีคุณภาพผ่านการคัดเลือกมาแล้วทุกเล่ม เพื่อจุดประกายความคิดเด็กๆ ด้วยการอ่านภาพ (Visual Literacy) จากนิทานที่หลากหลาย พร้อมวิธีการเล่าสุดสร้างสรรค์  การันตีความสนุกโดย ครูไนซ์ กวิตา พุฒแดง นักเล่านิทานตัวยง ผู้ก่อตั้งบ้านกางใจ

                                  วันจันทร์- ศุกร์ ตลอดเดือนตุลาคม 2566

                                  เหมาะสำหรับเด็กอายุ  4-6 ปี

                                  ราคา อาทิตย์ละ  8,500 บาท

                                  สมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ บ้านกางใจ  https://www.facebook.com/baankangjai

                                  ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  โทร.082-442-5292

                                   

                                  กิจกรรม workshop

                                  2. Clay and Play คอร์สปั้นเซรามิคแสนสนุก

                                  เด็กๆจ๋า มาเรียนปั้นกันเถอะ  Clay and Play มี กิจกรรม workshop ช่วยเด็กๆ มาฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กและฝึกความคิดสร้างสรรค์โดยปั้นชิ้นงานจากดินให้กลายเป็นของขวัญของใช้ที่มีชิ้นเดียวในโลกกันที่  Aromdee Art Studio ที่นี่เขามีคอร์สปิดเทอม เรียน 4 วัน สัปดาห์ละครั้ง กิจกรรมนี้ช่วย ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็กในหลายๆ ด้าน ทั้งความคิดสร้างสรรค์ การปฏิบัติตามลำดับขั้นตอน การแสดงออก นอกจากนี้ยังช่วยฝึกความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายและจิตใจ เมื่อปั้นชิ้นงานเสร็จแล้ว ทางสตูดิโอจะนำไปอบและเคลือบชิ้นงานให้ด้วย  สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันหรือให้เป็นของขวัญสำหรับคนพิเศษได้เลย

                                  เลือกระหว่างวันพุธ – เสาร์ ของเดือนตุลาคม

                                  เวลา 15.30-17.00. สัปดาห์ละครั้ง / ครั้งละ 1.5 ชั่วโมง / ติดต่อกัน 4 สัปดาห์

                                  เหมาะสำหรับเด็กอายุ 4 – 8 ปี

                                  ราคา : 3,500 บาท * ราคานี้รวมบริการอบเคลือบชิ้นงานแล้ว

                                  สมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่  https://www.facebook.com/studioaromdee/

                                  ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  โทร.080- 519 -9566

                                  กิจกรรม workshop

                                  3. ค่ายเปิดประสบการณ์อาชีพในฝัน

                                  ชวนเด็กๆมาเปิดประสบการณ์ การเรียนรู้เรื่องอาชีพกันที่ค่าย DC JUNIOR ที่เหมาะสำหรับ อายุ 7-13 ปี และ DC MASTER สำหรับเด็กอายุ 14-18 ปี ค่ายนี้จะช่วยให้เด็กๆได้เจอมุมมองของอาชีพที่หลากหลาย เพื่อการพัฒนาของแต่ละช่วงวัย

                                  สำหรับ DC JUNIOR นั้น เด็กๆจะได้เรียนรู้ขั้นตอนเกี่ยวกับอาชีพ ทั้งหมด 3 วัน ได้เรียนรู้จุดแข็ง จุดอ่อนของตัวเอง หัดตั้งเป้าหมาย เพื่อเป็นแนวทางนำไปพัฒนาตนเอง สร้างแรงบันดาลใจและเห็นถึงมุมมองต่างๆ เกี่ยวกับอาชีพที่น้องสนใจ เพื่อเป็นข้อมูลในการเลือกเส้นทางเดินชีวิต และนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน  อาชีพต่างๆเช่น นักบิน เภสัชกร ช่างภาพและสถาปนิก ฯลฯ

                                  ค่าย DC Junior วันที่ 14-16 ตุลาคม 2566

                                  ค่าย DC Junior ราคา 3 วัน 9,900 บาท / 2 วัน 7,900 บาท

                                  เหมาะสำหรับเด็กอายุ  7 -13 ปี

                                  ส่วน DC MASTER ค่ายสำหรับเด็กมัธยม แบบ 7 วันเต็ม เน้นการสร้างแรงบันดาลใจ ให้เด็กได้มีประสบการณ์ หรือ Working Memory ในสายอาชีพนั้นๆ เพื่อเก็บเป็นประสบการณ์ในการค้นหาตัวเอง เรียนรู้ทักษะที่หลากหลาย มีอาชีพให้น้องๆเรียนรู้มากมาย เช่น แพทย์ วิศวกร  นักแสดง ทนายความ แอร์โฮสเตส และอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้ยังได้เห็นชีวิตเห็นบรรยากาศการทำงาน และได้ลองลงมือทำงานนั้นจริงๆ  ฝึกเผชิญกับปัญหาและรู้จักแก้ไขปัญหาในแต่ละอาชีพ  เรียนจบคอร์ส แล้วเด็กๆจะได้ Portfolio เพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ตนอยากเข้า น้องๆคนไหนที่ยังหาตัวเองไม่เจอ มาเข้าค่ายนี้ น่าจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นทีเดียว

                                  ค่าย DC MASTER วันที่ 1-7 และ 15-21 ตุลาคม 2566

                                  ค่าย DC Master ราคาเริ่มต้น 15,000 บาท

                                  เหมาะสำหรับเด็กอายุ 14 -18 ปี

                                  สมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่  ช่องทางการติดต่อ

                                  📍Facebook: https://web.facebook.com/knowaregroup

                                  📍Line: @‌466wdace (มี@) หรือคลิก https://lin.ee/k7Q0jPE

                                   

                                  กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop

                                  4. KIDative:Design lab for kids

                                  KIDative จัด กิจกรรม workshop October Camp กับ Innovation kids camp รุ่นที่ 6 ชวนเด็กมาฝึกคิดกระบวนการคิดอย่างสร้างสรร เตรียมพร้อมการเป็นนักออกแบบมืออาชีพ ผ่านการคิดวิเคราะห์ ค้นคว้า หาไอเดีย ลงมือทำ นำเสนอ ผ่านบทเรียนตามความสนใจ ทั้ง 20 หัวข้อ ที่จะช่วยให้เด็กๆค้นหาความพิเศษในตัวเองให้ออกมาเปล่งประกายในแบบของพวกเขาเอง กิจกรรม 4 camp 4 สัปดาห์เลือกได้ตามความสนใจเลย

                                  ความแตกต่างของคลาสนี้คือมีพี่ๆนักออกแบบ สถาปนิกมืออาชีพมาเป็นโคชให้ด้วย ในแต่ละสัปดาห์จะมีหัวข้อที่แตกต่างกันไป คือ intro to architect : ทักษะเบื้องต้นและทดลองออกแบบพื้นที่ในรูปแบบต่างๆแต่ละวันก็มีโจทย์ที่แตกต่างกันไป Week 2 – Sustainable City – เข้าใจองค์ประกอบของเมืองยั่งยืน และทดลองออกแบบเมืองแห่งความสุขของตัวเอง Week 3 – Forrest theme : เข้าใจความหลากหลายและความสำคัญของผืนป่าออกแบบวิธีการรักษาสภาพแวดล้อมให้ยั่งยืน และ Week 4 – Ocean Theme: เรียนรู้ทะเลผ่านมุมมองของความคิดสร้างสรรค์ และสร้างต้นแบบการอยู่ร่วมกันของคนและทะเลอย่างสมดุล

                                  เรียกว่าอัดแน่นความสนุกเต็มๆทั้งเดือน แต่ไม่เพียงเท่านั้น เด็กๆได้รู้วิธีคิดค้นคว้าตั้งแต่ต้น ไปจนจบถึงการนำเสนอผลงาน ช่วยทำให้เด็กๆกล้าคิดและฝึกการเรียงลำดับขั้นตอน เพื่อให้บอกจ่อแนวคิดได้อย่างเป็นระบบ  เด็กๆบ้านไหนสนใจด้านการออกแบบไม่ควรพลาดค่ะ

                                  คอร์สเริ่มวันที่ 2 – 27 ตุลาคม 2566 (สามารถเลือกลงเป็นวันได้) 12,000 บาท: camp (1สัปดาห์)

                                  เวลาเรียน 10.00 – 14.00 น * ไม่เกิน 15 คน / คลาส เด็กๆจะได้รับผลงานกลับบ้านด้วย

                                  เหมาะสำหรับหรับเด็ก 8-12 ปี

                                  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/KIDative

                                  – Line: @kidative

                                  – โทร: 063-879-1449

                                   

                                  กิจกรรม workshop

                                  5. ESCAPE MANSION / Smart Block Coding By Give Space

                                  Give Space – ทวีวัฒนา พื้นที่การเรียนรู้ทักษะชีวิต ชวนคุณพ่อคุณแม่พาเด็กๆ มาเสริมสร้างทักษะ Multiple Intelligences “พหุปัญญาทั้ง 8 ด้าน”

                                  เด็กติดจอ ติดเกมเชิญทางนี้ .. ชวนเด็กๆ มาเรียนรู้การใช้ Block Coding อย่างชาญฉลาด เสริมสร้างทักษะแห่งอนาคต วิเคราะห์ ค้นคว้า คิดอย่างมีระบบ  สัมผัสประสบการณ์ เสมือนจริง ผ่านการแก้ปัญหา หาทางออก ร่วมผจญภัยปริศนาหาทางออกจาก Mansion ลึกลับ ที่เชื่อมต่อจากโลกของ Minecraft มาสู่โลกในความเป็นจริง!

                                  พัฒนาทักษะกระบวนการคิด (logical thinking) ผ่าน Online / offline coding เด็กๆจะได้ช่วยกันฝึกทักษะการสังเกต ตามหาเบาะแส เชื่อมโยงเรื่องราว

                                  สิ่งที่น้องๆจะได้รับในคอร์สนี้…

                                  • พัฒนากระบวนการคิดอย่างเป็นขั้นตอน
                                  • ทักษะการเชื่อมโยงทิศทาง ขนาด และพื้นที่ (Visual and Spatial)

                                  วันที่ 3-5 ตุลาคม 2566

                                  ค่ายกลุ่มเล็ก ไม่เกิน 10 คน รับอายุตั้งแต่ 6 – 10 ปี

                                  ราคา 6000 บาท (ราคารวมอาหารว่าง )

                                  ** มีส่วนลด 10% สำหรับน้องที่เคยมาค่าย

                                  สนใจเพิ่มเติมสอบถามได้ที่นี่เลย โทร 081-899-5557

                                  :https://lin.ee/ATY2hrT

                                  :https://www.givespace.asia/

                                  :https://goo.gl/maps/kYsxGnkJ7ATN7wP48

                                  หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :  Give Space – ทวีวัฒนา พื้นที่การเรียนรู้ทักษะชีวิต

                                  กิจกรรม workshop

                                  6. Sailing Camp ชวนน้องๆมาแล่นเรือใบ

                                  กิจกรรมการแล่นเรือใบแบบ 4 วัน 3 คืน ที่สัตหีบ จ.ชลบุรี เด็กๆจะได้เรียนรู้การแล่นเรือใบและเทคนิคต่างๆแบบจัดเต็ม ฝึกสอนโดยนักกีฬาทีมชาติไทย การแล่นเรือใบช่วยฝึกการร่วมมือและทำงานเป็นทีม เป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี ฝึกการแก้ปัญหาอย่างมีตรรกะ สร้างประสบการณ์ดีๆให้เด็กๆ แถมยังได้เจอกลุ่มเพื่อนใหม่ๆ ด้วย รับรองว่าสนุกและได้ความรู้แน่นอน นอกจากนี้ยังได้ศึกษาเที่ยวชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล สัตหีบ, กิจกรรมปิ้ง Marshmallow ,กิจกรรมรอบกองไฟและดำน้ำ หลังจบคอร์สน้องๆจะได้วุฒิบัตร พร้อม Collection ใน Portfolio กลับบ้านด้วยนะ

                                  วันที่ 7-10 ตุลาคม 2566

                                  เหมาะสำหรับเด็ก อายุ 6 -17 ปี

                                  ราคา 9,500 บาท ( ราคารวมอาหารและที่พัก )

                                  สมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ Zero to Hero Activity คลิกลิงค์: https://forms.gle/duf2CM3ehRnAf6h58

                                  ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณต้น/ฝน  โทร./Line: 063-628-8996, 062-181-649

                                   

                                  กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop

                                  7. Little Stump : Cubic Science Explorer Camp By Cubic Creative

                                  Little Stump ชวนเด็กๆ มาเปิดโลกการเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับความสนุกสุดหรรษา กับเวิร์กชอปวิทยาศาสตร์แสนสนุก

                                  “Cubic Science Explorer Camp”

                                  วันที่ 1 : กลศาสตร์ – การเคลื่อนที่ จุดศูนย์ถ่วง คานดีด และคานงัด ผ่านการทดลองแสนสนุก

                                  วันที่ 2 : ความดัน – ความดัน ไอน้ำ แก๊ส และแรงลอยตัว ผ่านการทดลองแสนสนุกมากมาย มาสนุกกับโครงงานสร้างเครื่องดูดฝุ่นสุดหรรษาของน้อง ๆ เอง

                                  วันที่ 3 : เคมี – การสร้างจดหมายลับด้วยหมึกล่องหน ภูเขาไฟในบ้าน และสเลอปี้แสนอร่อย

                                  วันที่ 4 : เทคโนโลยี – การประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์มาเป็นเทคโนโลยีรอบตัวที่สามารถใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะเป็นแม่เหล็ก อุปกรณ์โฮโลแกรม ทรายปั้นแสนสนุกและประดิษฐ์นาฬิกาเรือนโปรดของน้องเอง

                                  วันที่ 5 : ไฟฟ้า – พลังงานไฟฟ้า การต่อวงจร ขดลวดไฟฟ้า และสร้างเกมขดลวดไฟฟ้าแสนสนุก

                                  ครูผู้สอน – รศ .ยืน ภู่วรวรรณ นักวิทยาการคอมพิวเตอร์ชาวไทยรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2539 สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและคณิตศาสตร์, อดีตอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และเคยดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รศ. ยืนมีผลงานเด่นในด้านการพัฒนาการประมวลภาษาธรรมชาติด้วยคอมพิวเตอร์ในภาษาไทย และการพัฒนาโครงสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

                                  วันจันทร์ที่ 9 – ศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 2566

                                  เวลา 9:30-16:30 น.

                                  ราคาค่าร่วมกิจกรรม 18,500 บาท / 5 วัน (รวมอาหารกลางวัน)

                                  ราคาพิเศษ Early Bird สำหรับผู้สนใจลงทะเบียน ก่อนวันศุกร์ที่ 22 กันยายน ลด 5% (ลดพิเศษ 10% สำหรับน้องที่สมัครมาด้วยกันสองคน)

                                  กิจกรรมเหมาะสมกับน้องอายุ 6-9 ขวบ

                                   รับจำนวนจำกัด หากน้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่บ้านไหนสนใจ สามารถจองกันเข้ามาได้ที่ Little Stump Line Official: https://lin.ee/j5sV7Pz

                                  หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Little Stump

                                   ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0656895553

                                   

                                  กิจกรรม workshop

                                  8. Mission to Mars Camp By Give Space

                                  Inventor Junior เรียนรู้การเป็น นักประดิษฐ์ แบบจำลอง 3D เรียนรู้การเป็น นักประดิษฐ์ แบบจำลอง 3D ตามแนวคิดอิสระ สู่การนำเสนอ ผลงานด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ (3D Printing) โดยค่ายนี้คุณครูจะพาเหล่านักเดินทางออกสำรวจดวงดาวมาทำการทดลองจรวดน้ำเพื่อเดินทางออกนอกโลก ไปดวงดาวมืดมิดที่ต้องช่วยกันสร้างวงจรไฟฟ้าเพื่อก่อแสงสว่าง ดวงดาวเขาวงกตลึกลับซับซ้อน และมาช่วยกันออกแบบ ยานพาหนะเดินทางอวกาศในดีไซน์ของตัวเองกัน!

                                  สิ่งที่น้องๆจะได้รับในคอร์สนี้…

                                  • ได้ออกแบบชิ้นงานของตนเอง
                                  • ฝึกกระบวนการคิดในรูปแบบ Design Thinking
                                  • การทดลองทางวิทยาศาสตร์เบื้องต้น

                                  เรียน วันที่ 10-12 ตุลาคม 2023

                                  รับอายุตั้งแต่ 6 – 10 ปี ค่ายกลุ่มเล็ก ไม่เกิน 10 คน

                                  ราคา 6000 บาท (ราคารวมอาหารว่าง )

                                  **มีส่วนลด 10%สำหรับน้องที่เคยมาค่าย

                                  สนใจเพิ่มเติมสอบถามได้ที่นี่เลย โทร 081-899-5557

                                  :https://lin.ee/ATY2hrT

                                  :https://www.givespace.asia/

                                  :https://goo.gl/maps/kYsxGnkJ7ATN7wP48

                                  หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :  Give Space – ทวีวัฒนา พื้นที่การเรียนรู้ทักษะชีวิต

                                   

                                  กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop

                                  9. Wildlife Vet ฝึกเป็นสัตว์แพทย์

                                  กิจกรรม workshop สำหรับน้องๆที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นสัตว์แพทย์ ดูแลสัตว์ป่า ที่เขาประทับช้าง จ.ราชบุรี และเรียนรู้งานด้านสุขภาพสัตว์ป่า ร่วมกิจกรรมครบ 3 วัน น้องๆจะได้รับ E-Certificate กลับไปเป็นPortfolio ด้วย บอกเลยว่าตารางกิจกรรมแน่นทั้ง 3 วัน เช่น เดินป่า หัดแยกประเภทสัตว์ป่า เรียนรู้การยิงลูกดอก ยาสลบให้สัตว์ ฝึกการใช้กล้องจุลทรรศน์ หัดตรวจสุขภาพสัตว์ป่า รับรองว่าสนุกและได้ความรู้กันแบบเต็มๆ

                                  วันที่ 13-15 ตุลาคม 2566

                                  เหมาะสำหรับเด็กอายุ  13-18 ปี ( มัธยมต้น-มัธยมปลาย )

                                  ราคา 6,500 บาท ( รายได้ส่วนหนึ่งจะมอบให้กับกรมอุทยานในการดูแลสัตว์ป่า )

                                  สมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ ที่ https://www.facebook.com/NatureSchoolThailand หรือ Line : @natureschool

                                  โทร.093-792-8922

                                   

                                  กิจกรรม workshop

                                  10. สายลุยต้องจัดเลยค่ายนี้ Leadership and Adventure English Camp

                                  ชวนน้องๆ มาเข้าค่าย 3 วัน 2 คืนที่ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (CRMA) จังหวัดนครนายก เพื่อฝึกความเป็นผู้นำและฝึกคิดแบบ logical ด้วยกิจกรรมทางทหารและวิทยาศาสตร์ รวมทั้งฝึกการทำงานเป็นทีม โดยใช้ภาษาอังกฤษตลอดทริป กิจกรรมมากมายทั้งเดินป่า ,แคมปิ้ง ,Heroes party night ,กิจกรรมปิ้ง Marshmallow และ BBQ camping ,โรยตัว,พายเรือคายัค, Kitchen Survival Skills, กีฬาและเกมต่างๆอีกมากมาย บอกเลยว่าสายลุยไม่ควรพลาดและไม่ต้องกังวลหากภาษาอังกฤษของน้องๆ ไม่แข็งทางทีมงานมีพนักงานคนไทยคอยช่วยเหลือน้องๆ ตลอดจนจบค่าย

                                  วันที่ 13-15 ตุลาคม 2566

                                  เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6-14 ปี

                                  ราคา 6,900 บาท  ( ราคารวมอาหารและที่พัก )

                                  สมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ Zero to Hero Activity คลิกลิงค์: https://forms.gle/dBYk7p5H31Hvxc958

                                  ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณต้น/ฝน โทร./Line: 063-628-8996, 062-181-6499

                                   

                                  กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop

                                  11. ค่ายเล่นกับดอกไม้ใบไม้ ที่ Little Tree Garden

                                  บ้านไหนอยากให้ลูกๆใกล้ชิดธรรมชาติช่วงปิดเทอม แนะนำที่นี่เลยค่ะ ค่ายแบบไปกลับ 3 วัน ไม่ไกลกรุงเทพฯ กับ ค่ายเล่นกับดอกไม้ใบไม้ ที่ Little Tree Garden  สามพราน จังหวัดนครปฐม  เด็กๆจะได้ทำกิจกรรมมากมายในสวนสวยๆได้เรียนรู้ธรรมชาติผ่านกิจกรรมต่างๆ โดยไม่มีมีผู้ปกครอง เช่น เก็บดอกไม้ใบไม้มาทำขนม shortbread หรือบัวลอยสีดอกไม้ใบไม้ เก็บผักหรือเก็บไข่มาทำอาหารกลางวันด้วยตนเอง ตามหาสีในสวนมาทำสีธรรมชาติ แล้ววาดโปสการ์ดสวยๆ กัน รับรองว่าสนุกและได้ความรู้ดีๆกลับไปแน่นอน ใครสนใจก็ต้องรีบสมัครกันหน่อยเพราะรับจำนวนจำกัดแค่ 15 คนเท่านั้น

                                  วันที่ 17 – 19  ตุลาคม 2566

                                  เวลา 9:00 – 14:30 น.

                                  เหมาะสำหรับเด็ก  5-9 ขวบ รับจำนวนจำกัด 15 คน

                                  ค่าใช้จ่าย  3 วัน 2,500 บาท

                                  สมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ https://www.facebook.com/littletreelearning

                                  กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop

                                  12. Little Stump / Little Chef กิจกรรม PUMPKIN PASTA

                                  เด็กบ้านไหนอยากเป็นเชฟ ชอบทำอาหาร หรือ คุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกมีประสบการณ์เรื่องการทำอาหาร ต้องห้ามพลาดกิจกรรมนี้เลย PUMPKIN PASTA ของ Little Stump อีกหนึ่ง กิจกรรม workshop ที่จะชวนเด็กๆ มาทำความรู้จักกับวัตถุดิบ ทั้งรุปร่าง รูปทรง ของเส้น Pasta ชนิดต่างๆ และมาเรียนรู้ขั้นตอนการทำและการใช้อุปกรณ์ ในการทำเส้น Pasta  ที่มีหลากหลายชนิดด้วยกัน หนึ่งในเมนูที่เด็กหลาย ๆ บ้านชอบกิน โดยเด็กๆ จะได้ลงมือทำ “พาสต้าเส้นสด” และเทคนิคการต้มเส้น พร้อมนำเส้นมาทำเป็น เมนูแสนอร่อยของตัวเองกลับบ้านกัน!!

                                  พบกันวันศุกร์ ที่ 20 และ วันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม 2566

                                  เวลา 10.30 น. และ 14.30 น.

                                  ค่ากิจกรรม 1,100 บาท ต่อเด็ก 1 คน รวมผู้ใหญ่ 2 คน (รวมเวลาเล่น Play Zone 1 ชม. สามารถเข้าเล่นก่อนหรือหลังกิจกรรม Workshop ก็ได้ค่ะ)

                                  *ข้อควรระวัง กิจกรรมนี้มีการใช้ กลูเต็น (แป้ง) และ ไข่

                                   กิจกรรมนี้เหมาะสมกับน้องอายุ 3 ขวบขึ้นไป เด็กเล็กกว่า 3 ขวบ คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยน้องทำได้ค่ะ

                                   คุณครูผู้นำกิจกรรม คือ ครูบิลกิส – ครูปฐมวัย และ ผู้จัดกิจกรรมบูรณาการ

                                   รับจำนวนจำกัด หากน้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่บ้านไหนสนใจ สามารถจองกันเข้ามาได้ที่ Little Stump Line Official: https://lin.ee/j5sV7Pz

                                  หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Little Stump

                                  ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0656895553

                                   

                                  กิจกรรม workshop

                                  13. มาออกแบบ “บ้านผีสิง” กันเถอะ

                                  Creammakersclub กิจกรรม workshop จาก Cream Bangkok ที่จะชวนเด็กๆมาทำกิจกรรมต้อนรับวันฮาโลวีน มาสนุกกับจินตนาการและเรื่องราวลี้ลับผ่านงานออกแบบและประดิษฐ์ในหัวข้อ “บ้านผีสิง” บ้านของเด็กๆ แต่ละคนจะเป็นแบบไหน จะมีรายละเอียดในแต่ละห้องอย่างไร ก็อยู่ที่ความคิดสร้างสรรค์ของเด็กๆ แล้วล่ะ จะได้เติมจินตนาการและเรื่องเล่าผ่านการออกแบบและกลไกการประดิษฐ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน หรือสร้างเจ้าตัวประหลาดหรือ character ผู้อยู่อาศัยในบ้านร้างด้วยฝีมือตัวเอง แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว ใครสนใจก็พาน้องๆไปสมัครตามเพจด้านล่างได้เลย

                                  วันที่ 24 – 25 ตุลาคม 2566

                                  เวลา 9.00 น. – 15.00 น.

                                  เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6-12 ปี

                                  ราคา 2,900 บาท (ราคาไม่รวมอาหารกลางวัน)

                                  สมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ Cream Bangkok   https://www.facebook.com/creambangkok

                                   

                                  กิจกรรม workshop

                                  14. Crazy Costume มาสร้างสรรค์ชุดวันฮาโลวีนกัน

                                  นอกจากจะมี กิจกรรม workshop ประดิษฐ์ บ้านผีสิงแล้ว เดือนตุลาคมที่โรงแรมครีมจะกลายเป็นโรงแรม(ส)ครีม ชวนให้ขนหัวลุก ตื่นเต้นกับเรื่องเล่ากับ CREAM HOLIDAY WORKSHOP No. 6 sCREAM Makers Club ตอน Crazy Costumes เด็กๆจะได้ออกแบบหรือ ประดิษฐ์   ได้ฝึกเป็นสไตลิสต์ และช่างตัดช่างเย็บ เพื่อสร้างสรรค์ชุดสวยๆชวนสยอง ใครวางแผนอยากแปลงร่างเป็นอะไรในวันฮัลโลวีนนี้ จะได้แสดงฝีมือกันเต็มที่แน่นอน วันฮาโลวีนปีนี้ ถ้าอยากมีชุดที่ไม่เหมือนก็ต้องรีบตามไปจองเรียนที่ Cream Bangkok กันนะ

                                  วันที่ 26 – 27 ตุลาคม 2566

                                  เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6-12 ปี

                                  ราคา 2,900 บาท

                                  สมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ Cream Bangkok : https://www.facebook.com/creambangkok

                                  กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop

                                  15. Bo.lan Educational Program

                                  คลาสทำอาหาร ฝึกการเรียนรู้ในห้องครัวช่วงปิดเทอมที่แสนน่ารัก สอนโดนคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นเชฟตัวจริงและใส่ใจเลี้ยงลูกเองอย่างจริงจัง อย่าง เชฟโบ – ดวงพร ทรงวิศวะ และเชฟดีแลน โจนส์ ทำให้คอร์สสอนทำอาหารนี้ตรงใจครอบครัว เพราะสอนให้เด็กๆได้ฝึกการสังเกต พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก ทักษะการเอาตัวรอด และเรียนรู้การเอาตัวรอดและช่วยเหลือตัวเองได้ยามจำเป็น โดยเป็นคลาสแบบเต็มวัน เด็กๆจะได้ทำเมนูง่ายๆแต่มากไปด้วยคุณค่าทางอาหาร อย่าง ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น สเต็กและมันบด เมนูของทอดต่างๆ รวมถึงขนมหวานด้วย เรียกได้ว่าสร้างแรงบันดาลใจ ให้กลับไปบ้านแล้วจะอยากเข้าครัวทำกับข้าวให้พ่อกับแม่ทานกันแน่นอน

                                  เหมาะสำหรับเด็ก  7-13 ขวบ

                                  สอบถามรายละเอียดช่วงเวลาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/bolaneduprogram โทร 022602962

                                   

                                  เรียกได้ว่า กิจกรรม workshop ช่วงปิดเทอมตลอดทั้งเดือนตุลาคมที่ ทีมแม่ ABK รวมรวบมาให้นี้ น่าสนใจทั้งหมดเลย หากบ้านไหนอยากพาลูกน้อยไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ หรือ หากิจกรรมทำช่วงปิดเทอม เพื่อไม่ให้ลูกติดจอ ก็ตามไปร่วม workshop เข้าค่าย ทำกิจกรรมกันได้นะคะ

                                   

                                  Editor : แม่เลม่อน, แม่พีทพริม, แม่บอมเบย์

                                  ภาพ :  ภาพประชาสัมพันธ์


                                  อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ

                                    Tags

                                    พาลูกวิ่งดะ

                                    พาลูกวิ่งดะ Obstacle & Trail 2023 แก๊งจิ๋วซ่าตะลุยข้ามทวีป

                                    พร้อมลุยกันอีกครั้ง ! กับกิจกรรม เพื่อครอบครัว กับ พาลูกวิ่งดะ Obstacle & Trail 2023 แก๊งจิ๋วซ่าตะลุยข้ามทวีป จัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน 2566 @ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว อ. ศรีราชา จ. ชลบุรี เตรียมพบกับสัตว์ป่านานาชนิด ! จุใจกับด่านอุปสรรคสุดมันส์ตลอดเส้นทาง

                                    พาลูกวิ่งดะ พาลูกวิ่งดะ พาลูกวิ่งดะ

                                    ครั้งนี้เป็นงานวิ่งฝ่าด่านอุปสรรคที่เส้นทางครอบคลุม 3 โซนทวีปในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว คือ โซนออสเตรเลีย โซนแอฟริกา และโซนฟอเรสออฟเอเชีย แก๊งจิ๋วซ่าจะได้ใกล้ชิดความน่ารักแสนซนของผองเพื่อนสัตว์ป่ากว่า 30 ชนิด และยังได้พบกับด่านอุปสรรคใหม่ๆ รอแก๊งจิ๋วซ่าได้มาท้าทายความกล้ากัน  แก๊งจิ๋วซ่าทั้งหลาย…ถึงเวลามาตะลุยกัน!!

                                     

                                    งานพาลูกวิ่งดะ เกิดจากความเข้าใจธรรมชาติของเด็ก และความใส่ใจความสัมพันธ์ภายในครอบครัวของคุณแม่ 3 ท่าน โดยในปีนี้ งานพาลูกวิ่งดะ Obstacle and Trail 2023 เป็นงานวิ่งปีที่ 4 ที่เน้นความสนุกและการร่วมกันของครอบครัว ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากอย่างต่อเนื่อง และเป็นงานวิ่งฝ่าด่านอุปสรรคสำหรับเด็กและครอบครัวงานแรกของประเทศไทย ที่จัดขึ้นในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี งานนี้มีเป้าหมายในการส่งเสริมสุขภาพและความสัมพันธ์ในครอบครัวผ่านกิจกรรมกีฬาที่ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ โดยเฉพาะ พ่อแม่รุ่นใหม่และกลุ่มครอบครัวที่หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพและการออกกำลังกายกันมากขึ้น ทำให้เกิดคอนเสปต์ กิจกรรมที่เป็นการเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมกีฬา และ แฮชแทกที่หลายๆบ้านต้องยกให้เป็นแฮชแทกยอดฮิตคือ #เพราะลูกเป็นเด็กได้ครั้งเดียว อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและการพักผ่อนของครอบครัวในช่วงฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวหลังจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 อีกด้วย

                                    พาลูกวิ่งดะ

                                    กิจกรรมภายในงาน จะช่วยให้เด็กๆ ได้พัฒนาตนเองไปในตัว มากกว่าการมาวิ่งเฉยๆ ทั้งนี้ ยังเน้นให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยทั้งเส้นทางวิ่ง ฐานอุปสรรค และสุขอนามัยของผู้เข้าร่วมงาน โดยมีแนวคิดในการสร้างสรรค์งานวิ่ง คือ กิจกรรมที่ผสมผสานการฝ่าด่านอุปสรรคและสิ่งกีดขวางแบบ Obstacle Race กับการวิ่งผ่านเส้นทางธรรมชาติ (Natural Trail) เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้ท้าทายและเพิ่มประสบการณ์ใหม่ให้กับเด็กๆและครอบครัวได้มาลองจับมือตะลุยข้ามผ่านอุปสรรคไปด้วยกันท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน โดยฐานต่างๆ ได้รังสรรค์ภายใต้ทักษะต่างๆที่เด็กๆจะได้รับ อาทิเช่น

                                    • ทักษะการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ การใช้ร่างกาย การทำงานประสานกันระหว่างตากับมือ
                                    • ทักษะด้านการเคลื่อนไหว การทรงตัวรักษาสมดุลร่างกาย ปีนป่าย มุดลอด ฯลฯ
                                    • ความเข้มแข็งทางจิตใจที่ต้องก้าวผ่านความกลัว ไม่กล้า ความอ่อนล้า เพื่อที่จะผ่านแต่ละด่านอุปสรรคไปได้
                                    • ทักษะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การวิเคราะห์และตัดสินใจ
                                    • ทักษะทางสังคม เช่น ความสามัคคี การใช้เหลือกัน ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ฯลฯ

                                    พาลูกวิ่งดะ

                                    ทั้งหมดนี้ ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์การทำงานของทีมพาลูกเที่ยวดะ ที่มีความชัดเจนในวัตถุประสงค์ของการจัดงานทั้ง 3 ด้าน คือ

                                    • ด้านสังคม
                                    • ส่งเสริมให้ครอบครัวได้พาเด็กๆออกไปทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ และยังเป็นการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีทั้งกายและจิตใจ พร้อมให้ทุกครอบครัวได้มีเวลาคุณภาพร่วมกันอีกทั้งยังเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ลองแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในการผ่านอุปสรรคในการแข่งขันด้วยกำลังของตนเอง ซึ่งทำให้เค้าได้รู้ว่าตัวเค้าเองนั้นมีศักยภาพมากกว่าที่คิดไว้ ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและการพัฒนาตนเองของเด็กจากภายในได้เป็นอย่างดี
                                    • ด้านเศรษฐกิจ
                                    • กระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวส่งเสริมการกระจายรายได้ให้กับผู้ประกอบการในจังหวัดนั้นๆ
                                    • ด้านสิ่งแวดล้อม
                                    • สร้างจิตสำนึกในการรักษ์สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติให้กับเด็กและเยาวชนจากการได้สัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ผ่านกิจกรรมกีฬาเชิงท่องเที่ยว

                                    ละส่วนสำคัญที่เป็นความตั้งใจของการจัดกิจกรรมนี้ คือ การที่รายได้ส่วนหนึ่งในการจัดงานนำมาบริจาคเพื่อสมทบทุนการดูแลสัตว์และกิจการต่างๆ ให้กับสวนสัตว์เปิดเขาเขียวอีกด้วย เห็นแบบนี้แล้ว จะพลาดกิจกรรมดีๆแบบนี้ได้อย่างไร

                                    แล้วพบกันใน วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน 2566
                                    ณ โซน Wildlife Wonderland สวนสัตว์เปิดเขาเขียว  อ. ศรีราชา จ. ชลบุรี

                                    รายละเอียดการร่วมกิจกรรม พาลูกวิ่งดะ

                                    ดูรายละเอียดงานวิ่ง และสมัครที่ https://race.thai.run/palukwingda2023kk

                                     


                                    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : เพจพาลูกเที่ยวดะ
                                    Facebook:  https://www.facebook.com/palukteawda
                                    Website สมัครงานวิ่ง : https://race.thai.run/palukwingda2023kk
                                    Line: @palukteawda
                                    Mail: [email protected]
                                    โทรศัพท์  0897796363, 0914545159