แฟน จิบลิ ในประเทศไทยมาทางนี้! ทีมแม่ ABK พาเที่ยวโลกอนิเมะ ของ Ghibli Studio ที่เซ็นทรัลเวิลด์

event

มาถึงไทยแล้ว! จิบลิ สตูดิโอ จากประเทศญี่ปุ่น ที่สร้าง อนิเมะ สุดคลาสสิคมาจัดนิทรรศการอันน่าตื่นตาตื่นใจ ที่จะพาทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เข้าไปโลดแล่นในโลกแห่งจินตนาการค่ะ หากวันหยุดสุดสัปดาห์ของครอบครัว คุณพ่อคุณแม่กำลังหากิจกรรมพาเด็กๆ เที่ยว ทีมแม่ ABK ขอแนะนำ

‘THE WORLD OF STUDIO GHIBLI’S ANIMATION EXHIBITION BANGKOK 2023’

ฉากสองพี่น้องในเรื่องโตโตโร่ การ์ตูนสุดน่ารักของ จิบลิ

เมื่อ 20-30 ปี ที่แล้ว สังคมไทยอาจจะคิดว่าการ์ตูนเป็นเรื่องไร้สาระ เป็นงานศิลปะที่ไม่ค่อยมีใครเห็นคุณค่านัก แต่ความจริงแล้ว การ์ตูนแต่ละเรื่องนั้นแฝงด้วยความรู้สึก ความหวัง ความฝัน จินตนาการ และยังสอดแทรกกำลังใจดีๆ ที่แม้กระทั่งผู้ใหญ่อย่างเราก็ยังต้องการอยู่เสมอ ปัจจุบันเด็กคนนั้นได้กลายมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีเจ้าตัวน้อยข้างๆ เมื่อมีโอกาสนี้แล้ว น่าจะพาเด็กๆ มาสัมผัสประสบการณ์ดีๆ ที่เราเคยประทับใจไปด้วยกันนะ

สตูดิโอจิบลิได้ก่อตั้งใน ค.ศ. 1985 โดยผู้กำกับอย่างฮายาโอะ มิยาซากิ ร่วมกับผู้เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและพี่เลี้ยงอย่าง อิซาโอะ ทากาฮาตะ และ ผู้จัดการฝ่ายบริหารและผู้อำนวยการสร้างที่มีผลงานมายาวนานอย่างโทชิโอะ ซูซึกิ โดยความแตกต่างอันเป็นเอกลักษณ์ของจิบลิ คือฉากหลังที่สวยงาม และการเคลื่อนไหวที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวล ต้นหญ้า ใบไม้ ขนแมว ทุกรายละเอียด เสมือนเราสัมผัสมันได้จริงๆ

ฉากบ้านต้นไม้ของโตโตโร่ รอให้ทุกคนไปส่องว่ามีอะไรอยู่ในนั้นบ้างน้า

หลังจากนิทรรศการที่ไทเป ไต้หวัน เมื่อปี 2560 นี่ก็เป็นอีกครั้งที่สตูดิโอ จิบลิ ขนเอานิทรรศการมาให้แฟนๆ ต่างประเทศสัมผัสกับความอลังการด้วยตาตัวเอง และที่พิเศษสุดๆ สำหรับแฟน จิบลิ ชาวไทย งานนี้ได้คัดเอาฉากใน อนิเมะ ถึง 10 เรื่องของ จิบลิ สตูดิโอ จากที่เคยดูได้เฉพาะหน้าจอโทรทัศน์ มาจำลองให้เราสัมผัสในชีวิตจริง ทั้งฉากที่จัดขึ้นมาเป็นรูปปั้นเหมือนตัวละครให้เราได้เข้าไปสำรวจดูอย่างใกล้ชิด และสามารถมองได้จากทุกมุม หรือจะเป็นฉากที่อยู่ในกรอบรูปสามมิติ ได้ถูกเนรมิตให้เหมือนมีชีวิตขึ้นมา

ฉากจัดแสดงในนิทรรศการที่ประเทศไทยมีดังนี้

  1. เครื่องบินของนาชิกา จาก Nausicaä of the Valley of the Wind
  2. ปราสาทกลับหัว หรือ ลาปูต้า (Laputa) จาก Castle in the Sky
  3. ป้ายรถเมล์และบ้านต้นไม้ จาก My Neighbor Totoro​
  4. จักรยานลอยฟ้าและร้านขนมปัง จาก Kiki’s Delivery Service
  5. ชายหาดพักผ่อน จาก Porco Rosso
  6. บ้านของเหล่าทานุกิ จาก Pom Poko
  7. ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ จาก Princess Mononoke
  8. คาโอนาชิและรถไฟแห่งวิญญาณ จาก Spirited Away
  9. ปราสาทเวทมนตร์ จาก Howl’s Moving Castle
  10. โปเนียวและเหล่าฝูงปลา จาก Ponyo on the Cliff by the Sea (จัดแสดงที่หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ฝั่งถนนพระราม 1)
คุณภูติไร้หน้า พาชมปราสาทของพ่อมดฮาวล์ (Cr.Live Nation Tero)

 

ปราสาทของพ่อมดฮาวล์ ขยับได้เหมือนในการ์ตูนเลยค่ะ แล้วยังมีด้านในปราสาทที่คุณโซฟีกำลังทำความสะอาดอยู่ด้วย
ฉากในเรื่องแม่มดน้อยกิกิ ที่ดูมุมไหนก็น่ารักไปหมด

จากโลกอนิเมะ มาให้แฟนๆ จิบลิ ชาวไทยสัมผัสความประทับใจ

ไฮไลต์ของงานที่หลายคน รวมถึงแม่ไข่มุกชอบมากก็คือ ฉากในอนิเมะเรื่องดัง ที่เราสามารถเข้าไปถ่ายรูปด้วย เหมือนเป็นอีกตัวละครในเรื่องนั้นๆ ยิ่งสร้างความประทับใจเข้าไปอีก การได้เข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องที่เราชอบ ก็เหมือนสานฝันวัยเด็กเหมือนกันน้า ตัวอย่างฉากที่พามาให้ชาวไทยได้สัมผัสมีดังนี้

  • ป้ายรถเมล์จากเรื่อง My Neighbor Totoro ที่มีพร็อพเป็นร่มแดงให้ถ่ายคู่กับโตโตโร่
  • ฉากจักรยานลอยฟ้า และฉากบอลลูน ที่สามารถทำท่าโหนบอลลูนเหมือนในแอนิเมชั่นเรื่อง Kiki’s Delivery Service หรือแม่มดน้อยกิกิ
  • ที่ว่างข้างๆ บนรถไฟแห่งวิญญาณกับ ‘ภูตไร้หน้า’ จากเรื่อง Spirited Away

การได้พาเด็กๆ มาชมนิทรรศการแบบนี้ นับเป็นอีกหนึ่งโจทย์ท้าทายที่คุณพ่อคุณแม่ สามารถสอนลูกๆ ได้ไปในตัว เพราะบางจุดจะมีรั้วกั้นและป้ายห้ามจับ แต่บางจุดสำหรับถ่ายรูป ก็อนุญาตให้จับได้ ซึ่งในแต่ละจุดถ่ายภาพ จะมีข้อปฏิบัติคือต้องยืนต่อแถวให้เป็นระเบียบ ตรงนี้คุณพ่อคุณแม่ สามารถฝึกให้เด็กๆ รู้จักวินัย และความอดทนไปด้วยนะ

ถ่ายรูปคู่กับตัวละครดังใน อนิเมะของจิบลิ โตโตโร่ และภูติไร้หน้า

บางคนอาจจะคิดว่า อนิเมะพวกนี้เก่าเกินไปมั้ย? ลูกๆ ไม่รู้จักแน่ๆ ไม่น่าอิน ไม่สนุกไปด้วยหรือเปล่า เพราะเป็นอนิเมะที่ออกมานานหลายสิบปี แต่เชื่อเถอะค่ะว่า ถ้าได้ลองพาเข้ามาสัมผัสบรรยากาศด้วยตัวเองแล้ว เมื่อกลับบ้านไป อาจมีแรงบันดาลใจที่เด็กๆ จะได้รับไปอีเยอะเลย เพราะการ์ตูนเป็นโลกของจินตนาการ ที่ครั้งหนึ่งผู้ใหญ่อย่างเราก็เคยสนุกไปกับมัน ไม่แน่ว่ากลับบ้านไปแล้ว ลูกๆ อาจจะขอให้คุณพ่อคุณแม่เปิดการ์ตูนสักเรื่องที่ได้เจอในงานนี้จริงๆ ก็ได้ เราเองก็จะได้เพื่อนที่มาอินการ์ตูนไปด้วยกันอีกคนไงล่ะ ^^

ครอบครัวไหนที่เป็นแฟนจิบลิ หรืออยากพาลูกๆ มาสัมผัสประสบการณ์ที่น่าประทับใจด้วยตัวเอง พากันไปชมได้ ตั้งแต่ วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2566 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ไลฟ์ ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ บัตรราคา 650 บาท จำหน่ายทางเคาน์เตอร์ไทยทิคเก็ตเมเจอร์และเว็บไซต์ หรือบริเวณหน้างานนะคะ

ใครอยากเห็นรีวิวพาชมเป็นภาพเคลื่อนไหว ตามไปที่นี่เลย > https://vt.tiktok.com/ZSLDB9xtF/

https://www.tiktok.com/@amarinbabyandkids/video/7251941277263056133

 

เรื่อง : Sita Suksanan

ภาพ : Live Nation Tero Thailand, Sita Suksanan


ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%B4

เรียนยิมนาสติก

THE FLIP RAMA 2 พื้นที่บ่มเพาะทักษะฝึก เรียนยิมนาสติก ให้กับเด็กๆ โดยนักกีฬาทีมชาติไทย

event
เรียนยิมนาสติก
เรียนยิมนาสติก

เมื่อลูกน้อยก้าวเข้าสู่ช่วงวัย 4 ขวบ ก็ถือเป็นช่วงเวลาทองให้เหล่าคุณพ่อคุณแม่ พาเด็กๆ ไปทดลองเล่นกีฬา เพื่อเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย ซึ่งข้อดีนอกจากจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงแล้ว ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจ และให้เด็กๆ ได้เรียนรู้น้ำใจนักกีฬาไปพร้อมกันด้วย … SCHOOL VISIT รอบนี้ ทีมแม่ ABK จึงอยากชวนมาดูพื้นที่ดีๆ สำหรับ เรียนยิมนาสติก ในย่านพระราม 2 ด้วยกันค่ะ

THE FLIP RAMA 2
พื้นที่บ่มเพาะฝึกทักษะยิมนาสติกให้เด็กๆ โดยนักกีฬาทีมชาติไทย

THE FLIP RAMA 2 คือ สโมสรยิมนาสติก ซึ่งดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญที่เป็นนักกีฬาทีมชาติไทยตัวจริงเสียงจริง (เช่น คุณณัฐวุฒิ ละม้ายวรรณ และคุณจามร พรหมณี) มีอุปกรณ์ครบครันทันสมัย ได้มาตรฐาน ทั้งบาร์ ห่วง ไปจนถึงหน้าผาจำลอง สามารถเรียนทักษะได้หลากหลาย ตั้งแต่พื้นฐานยิมนาสติกไปจนถึงทักษะของนักกีฬา การขึ้นท่าเพื่อนำไปสู่การเต้น การตีลังกา และ Freerun ฯลฯ

เรียนยิมนาสติก

เรียนยิมนาสติก
การฝึกพื้นฐานยิมนาสติกของเด็กๆ ที่เน้นทักษะการกลิ้งม้วน การล้ม การลงจากที่สูง เพื่อความปลอดภัยและการพัฒนาไปสู่กีฬาอื่นๆ

คุณจามร พรหมณี นักกีฬายิมนาสติกทีมชาติไทย ที่คว้าเหรียญรางวัลมาแล้วมากมาย ผู้เป็นทั้งโค้ชและผู้จัดการของ THE FLIP RAMA 2 ให้คำแนะนำว่า ประโยชน์ของการเรียนยิมนาสติก ไม่ได้มีแค่ความยืดหยุ่น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง สร้างการทรงตัวที่ดี ซึ่งเป็นพื้นฐานของกีฬาเกือบทุกชนิด จึงสามารถนำไปปรับใช้ได้หลากหลายหรือเรียนเพื่อเป็นพื้นฐานก่อนไปเริ่มเรียนกีฬาชนิดอื่นก็ได้

 

คลาส เรียนยิมนาสติก ที่นี่เน้นการให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด จึงเรียนเป็นกลุ่มขนาดเล็ก มีโค้ช 1 คน ต่อนักเรียน 5 คน โค้ชแต่ละคนเป็นนักกีฬาอาชีพที่ผ่านการฝึกอบรบผู้ฝึกสอน จึงทั้งดูแลความปลอดภัยไปจนถึงสามารถให้คำแนะนำการฝึกในมุมมองของนักกีฬาได้ด้วย

 

เรียนยิมนาสติก เรียนยิมนาสติก เรียนยิมนาสติก เรียนยิมนาสติก

เด็กๆ จะได้เรียนรู้การขึ้น-ลงอุปกรณ์ และการใช้อุปกรณ์ยิมนาสติกพื้นฐาน

 

ฝึกทักษะพร้อมกันทั้งครอบครัว > การแบ่งกลุ่มเรียนของที่นี่ไม่เข้มงวดเรื่องอายุ แต่แบ่งกลุ่มตามทักษะ ซึ่งโค้ชจะเป็นผู้ประเมินรายบุคคล ดังนั้นพี่น้องที่มีอายุต่างกันมากสามารถเริ่มเรียนพร้อมกันได้ และคุณแม่ก็สามารถเริ่มเรียนพร้อมเด็กๆ ได้ด้วย

 

 

ส่วนนี้แม่ Love มาก > ความพิเศษของโค้ชที่เคยเป็นนักกีฬาอาชีพ คือ เข้าใจว่าความสามารถทางกีฬาของแต่ละคนไม่เท่ากัน อาจมีพัฒนาได้ช้าหรือเร็ว การเรียนจึงเน้นที่ความสนุกสนานและความปลอดภัยของผู้เรียนเป็นหลัก ส่วนผู้ที่พัฒนาได้เร็วสามารถเรียนแยกแบบส่วนตัวเพื่อฝึกทักษะเป็นนักกีฬาก็ได้

 

เรียนยิมนาสติก
Private Class โค้ชจะสอนรายบุคคลเพื่อฝึกทักษะไปสู่กีฬายิมนาสติก

ประเภทคลาส

Basic Class

เบสิกยิมนาสติก เหมาะสำหรับเด็กอายุ 4-8 ปี หรือผู้ที่ไม่มีทักษะมาก่อน เน้นความเข้าใจพื้นฐานของยิมนาสติก ฝึกทักษะเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย ความยืดหยุ่น และการทรงตัว

เรียนครั้งละ 1 ชั่วโมง 30 นาที

วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17:00-18.30 น.

วันเสาร์ เวลา 9:00-10:30 น. / 14:00-15:30 น.

วันอาทิตย์ เวลา 9:00-10:30 น.

อัตราค่า เรียนยิมนาสติก

10 ครั้ง 4,500 บาท

8 ครั้ง 3,840 บาท

4 ครั้ง 2,000 บาท

1 ครั้ง 550 บาท

 

Flip Class

เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานยิมนาสติก หรือผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ เน้นฝึกทักษะเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย พัฒนาทักษะด้านยิมนาสติก และเทคนิคการทำท่าต่างๆ

เรียนครั้งละ 1 ชั่วโมง 30 นาที

วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18:30-20:00 น.

วันเสาร์ เวลา 10:30-12:00 น. / 16:00-17:30 น.

วันอาทิตย์ เวลา 10:30-12:00 น.

อัตราค่า เรียนยิมนาสติก

8 ครั้ง 5,000 บาท

4 ครั้ง 2,600 บาท

1 ครั้ง 750 บาท

 

Private Class

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกทักษะเฉพาะตัว

เรียนครั้งละ 1 ชั่วโมง

(สอบถามเวลาเรียนกับทางสถาบัน)

อัตราค่า เรียนยิมนาสติก

8 ครั้ง 6,500 บาท

4 ครั้ง 3,500 บาท

1 ครั้ง 900 บาท

 

Athlete Class

กลุ่มนักกีฬายิมนาสติก

เรียนครั้งละ 2 ชั่วโมง

(สอบถามเวลาเรียนกับทางสถาบัน)

อัตราค่าเรียน

1 คน 1,600 บาท

2 คน 1,600 บาท

3 คน 2,400 บาท

 

ข้อมูลติดต่อ THE FLIP RAMA 2 : www.facebook.com/thefliprama2

Line ID:  @thefliprama2

 

Editor : แม่น้องอลินดา
ภาพ : ศุภกร ศรีสกุล


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

เจาะลึกเรื่อง ผื่น แพ้ คัน ในเด็ก 3 ผื่นแพ้ที่พบบ่อย พร้อมวิธีรับมือ ที่แม่ต้องรู้ !!

event

ผื่นแพ้ กับ ลูกน้อยเป็นของคู่กันเพราะเป็นกลไกปกติของร่างกายที่ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการแพ้ ทั้งจากสารเคมี โลหะ อาหาร ฝุ่น หรือแม้แต่พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย รวมถึงภูมิแพ้ โดยจะแสดงออกมาเป็นผื่น แพ้ คัน บวมแดง ที่รบกวนลูกน้อย ทำให้งอแง คัน เกา จนเป็นแผล หรือหากปล่อยไว้อาจจะเกิดเป็นผิวหนาแข็ง จนสร้างความไม่สบายใจให้คุณแม่
ก่อนอื่นคุณแม่ควรทำความเข้าใจว่า ผื่นไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เมื่อผื่นขึ้นได้ ก็หายได้ หากเข้าใจถึงประเภทผื่น สาเหตุ และการดูแลอย่างถูกต้อง เรารวบรวม 3 ผื่นที่พบบ่อยมาฝากคุณแม่แล้วค่ะ

ผื่นแพ้สัมผัส (Contact Dermatitis)

อาการ : ผื่นแพ้สัมผัส เป็น ผื่นที่มีลักษณะผิวชั้นนอกอักเสบ บวม แดง เป็นตุ่มพอง มีของเหลวไหลซึมออกมา หนังลอก หากเกาจะยิ่งเพิ่มการติดเชื้อมากขึ้น

สาเหตุ : ลูกน้อยสัมผัสกับสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น วัตถุ หรือสารเคมีบางอย่าง

ได้แก่ กรด ด่าง สบู่เหลว น้ำยาซักผ้า โลหะ ยาง ลาเท็กซ์ หรือยาบางประเภท

การป้องกัน : พยายามหมั่นสังเกตว่าลูกน้อยแพ้อะไร โดยหากทราบว่าสารใดเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกเกิดผื่น คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้สัมผัสซ้ำ หากยังไม่ทราบ อาจลองปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจสารใดกันแน่ที่ลูกแพ้

ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ (Atopic Dermatitis)

อาการ : ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ บางครั้งแยกยากจากผื่นแพ้ โดยลักษณะผื่นจะแตกต่างไปตามช่วยอายุ
ระยะวัยทารก

มักเป็นผื่นตุ่มแดงหรือตุ่มใส มีน้ำเหลืองแฉะๆ พบบ่อยคือ แก้ม หน้าผาก หนังศีรษะ ซอกคอ บริเวณด้านนอกของแขนและขา

ระยะวัยเด็ก (อายุหลัง 2 ปี จนถึงวัยรุ่น)

ผื่นมักเป็นตุ่มที่แห้งและหนา บริเวณที่พบบ่อยคือ ข้อพับแขน ข้อพับขา ซอกคอ ใต้แก้มก้น ข้อมือ ข้อเท้า

ระยะวัยผู้ใหญ่

ผื่นจะคล้ายกับในช่วงวัยเด็ก คือเป็นผื่นแห้งและหนา เป็นขุยหรือสะเก็ด พบบ่อย บริเวณ ข้อพับแขน ข้อพับขา ใบหน้า ระหว่างคิ้ว คอ หลังแขน ขา นิ้วมือและนิ้วเท้า

สาเหตุ : พันธุกรรม โรคภูมิแพ้ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการผื่นภูมิแพ้ เช่น สภาพอากาศ ฝุ่น PM2.5

การป้องกัน : ควรหลีกเลี่ยงสารที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ และควรทาครีมที่มีฤทธิ์ลดอาการแพ้ที่ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง

 

แมลงสัตว์กัดต่อย (Insect Bite)

อาการ : เป็นตุ่ม นูน พอง คันมาก หากทิ้งไว้หรือรักษาไม่ถูกต้องมักเกิดรอยดำ

สาเหตุ : ยุง มด แมลงก้นกระดก ไร หมัด หรือแมลงที่มีพิษอื่นๆ ล้วนทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่ผิวหนัง ในเด็กบางคนอาจแพ้จนผื่นที่ขึ้นนั้นใช้เวลานานกว่าจะหาย ทำให้เกิดการไม่สบายตัวจนเกิดการแกะ เกา ซึ่งทำให้ผิวหนังติดเชื้อและอักเสบต่อไปได้อีก
การป้องกัน : ควรหลีกเลี่ยงการไปในสถานที่ๆมีแมลงชุกชุม หากเลี่ยงไม่ได้ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแมลงที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ปราศจาก DEET ที่เป็นอันตราย

คุณแม่จะเห็นว่า ผื่นแพ้คันในเด็กทั้ง 3 ประเภท นั้น แม้จะมีลักษณะที่แตกต่างกัน แต่การรักษาก็แทบไม่แตกต่างกัน โดยมักใช้ยาทาในกลุ่มยาแก้แพ้หรือยาทาสเตียรอยด์ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ดีกับลูกน้อยแน่ๆ หากใช้ต่อเนื่องในระยะยาว นอกจากจะทำให้ผิวบางจากยาสเตียรอยด์แล้ว ยังทำให้หลอดเลือดขยายตัว ผิวแดง ผิวหนังฝ่อ ฟกช้ำง่าย แผลหายช้า นอกจากนี้สเตียรอยด์ยังมีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกัน ทำให้ผิวลูกติดเชื้อราหรือแบคทีเรียได้ง่ายยิ่งขึ้น นำไปสู่แผลติดเชื้อได้

วิธีรับมือผื่นแพ้คันของลูกน้อย

เมื่อลูกน้อยเกิดผื่นแพ้คัน ไม่ว่าจากสาเหตุใดก็ตามควรรีบทาครีมเพื่อลดอาการแพ้คันอักเสบดังกล่าว อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน เพราะยิ่งปล่อยไว้ ร่างกายจะยิ่งปล่อยสารอักเสบหรือสารเกี่ยวกับการแพ้ ออกมามากขึ้น ยิ่ทำให้เกิดอาการบวมแดงคัน จนเกิดเป็นรอยดำ หรือหากเป็นแมลงสัตว์กัดต่อย แพ้น้ำลายยุงก็ยิ่งทำให้พิษจากแมลงกัดต่อยนั้นกระตุ้นการแพ้ได้มากขึ้น ดังนั้นหากเกิดผื่นแพ้คันหรือแมลงกัดต่อย ควรรีบหาครีมที่มีประสิทธิภาพให้การแก้แพ้ผื่นคันได้จริงและต้องผ่านการพิสูจน์ว่าอ่อนโยนปลอดภัยที่จะทาให้ลูกในระยะยาว

ครีมเนฟทรอล

ครีมเนฟทรอล  (Nevtral Cream)

นวัตกรรมครีมสารสกัดจากธรรมชาติสำหรับผื่นแพ้คันและแมลงสัตว์กัดต่อย

มีสารสำคัญคือ Rangchuet AllerXTM หรือ สารสกัดสแตนดาร์ดไดซ์จากรางจืด ที่ผ่านการวิจัยจากสถาบันชั้นนำระดับประเทศ พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพเทียบเท่ายาสเตียรอยด์ แต่อ่อนโยนปลอดภัยกว่าเพราะเป็นสารสกัดธรรมชาติ และมีคุณสมบัติทำลายพิษแมลงสัตว์กัดต่อย

 

Rangchuet AllerXTM  มีคุณสมบัติอย่างไร?

  • นวัตกรรมสารสกัดรางจืด ในรูปสแตนดาร์ดไดซ์รางจืด
  • งานวิจัยระดับประเทศร่วมกับ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, Nanotech และสถาบัน COSNAT
  • ผ่านการรับรองประสิทธิภาพลดอักเสบได้เทียบเท่าสเตียรอยด์ ลดผื่น แก้แพ้คัน อย่างรวดเร็ว
  • ปลอดภัยกว่าสเตียรอยด์เพราะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ 100% ปราศจากสเตียรอยด์
  • เหนือกว่าสเตียรอยด์ตรงที่ออกฤทธิ์ทำลายพิษแมลงสัตว์กัดต่อย แพ้น้ำลายยุง และพืชพิษต่างๆได้ ด้วยการทำลาย Venom protein หยุดปฏิกิริยาพิษ จึงทำให้ไม่เกิดรอยดำ
  • ออกฤทธิ์เย็น ไม่แสบผิว ช่วยลดอาการคันทันที
  • อ่อนโยน แม้ผิวแพ้ง่าย ผ่านการทดสอบ Skin Irritation Tested จากศูนย์วิจัย COSNAT
  • ใช้ได้ตั้งแต่เด็กทารก เด็กโต และคุณแม่ตั้งครรภ์

 

หากคุณแม่กำลังมองหาวิธีจัดการผื่นแพ้คันที่กวนใจลูกน้อยแล้วล่ะก็ Nevtral Cream ก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจเลย ตอบโจทย์ทั้งในแง่ประสิทธิภาพและความปลอดภัย ทั้งยังเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่ใช้ได้ต่อเนื่อง ไม่เป็นอันตรายแบบยาทาสเตียรอยด์อย่างแน่นอนค่ะ  

BEAT ACTIVE

BEAT ACTIVE แหล่งรวมกิจกรรมในร่ม สำหรับเด็กเล็ก เด็กโต และผู้ใหญ่ ที่เยอะที่สุดในประเทศไทย

event
BEAT ACTIVE
BEAT ACTIVE

BEAT ACTIVE (บีท แอคทีฟ) Indoor Sports Entertainment แห่งใหม่ ใกล้รถไฟฟ้าบางนา สถานที่ที่รวบรวมกิจกรรมในร่ม ไว้เยอะที่สุดในประเทศไทย มีกิจกรรมที่เด็กสามารถเล่นได้ ไปจนถึงการผจญภัยที่ท้าทาย!

BEAT ACTIVE แหล่งรวมกิจกรรมในร่ม
สำหรับทุกคนในครอบครัว

School Visit วันนี้เราจะพาเด็กๆมาเรียนรู้กันนอกห้องเรียน ที่ “ BEAT ACTIVE ” ไบเทคบางนา ลานกีฬาและกิจกรรมของครอบครัว แบบอินดอร์ สถานที่ปล่อยพลังแห่งใหม่ที่ทุกคนไม่ควรพลาด บนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร กับ 55 กิจกรรม เด็กๆคนไหนพลังเยอะ รับรองว่าได้ปลดปล่อยเต็มที่แน่นอน

BEAT ACTIVE เป็นสถานที่ที่รวบรวมกิจกรรมมากมาย สำหรับเด็กเล็ก, เด็กโต และผู้ใหญ่เอาไว้ด้วยกัน โดยเครื่องเล่นต่างๆจะกำหนดความสูงของผู้ใช้งานไว้ เพื่อความปลอดภัย มีทั้งหมด 4 โซนหลัก คือ

BEAT ACTIVE

BEAT ACTIVE
BEAT ACTIVE ตั้งอยู่ในอาคารไบเทค บางนา Hall EH 105 เดินเข้ามาจะเจอทางเข้าดีไซน์โมเดิร์น ล้าสมัยสุดๆ แบบนี้เลย

Kid Zone สำหรับเด็กสูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร โซนนี้กิจกรรมเพียบ เช่น แทรมโพลีนขนาดย่อม ให้เด็กๆโดดกันจนหมดแรง บ่อบอลขนาดใหญ่   มุมต่อบล๊อคแสนสนุก ปีนป่ายไต่เชือก จักรยานขาไถ หรือ Zip line ให้เด็กๆโหนตัวบนสลิง หรือฝึกโยนลูกบาส ลงห่วงก็น่าสนุก โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลทุกกิจกรรม และคอยแนะนำการใช้อุปกรณ์ต่างๆด้วย โซนนี้ผู้ปกครองสามารถ เข้ามาดูแลลูกๆได้อย่างใกล้ชิดด้วยนะ

Novice Zone เหมาะสำหรับเด็กโตสูง 120 เซนติเมตรขึ้นไป และผู้ใหญ่ ใครอยากออกกำลังกายเบาๆมาโซนนี้ได้เลย เพราะมีกว่า 19 กิจกรรมให้เล่น ทั้งลานไอซ์สเก็ต, ลานบาสเก็ตบอลทั้งแบบเดี่ยวและเล่นเป็นกลุ่ม ฟุตซอล เกมส์ปาลูกบอลสะสมคะแนนที่เล่นกับลูกๆได้ หรือเล่นเกมส์ VR ผสมผสานกระโดดบนแทรมโพลีนขนาดใหญ่ ก็เรียกเหงื่อได้เป็นอย่างดี

Kid Zone มีทั้งสไลเดอร์และเชือกให้เด็กๆเล่นให้ปีนป่ายฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่และการทรงตัว

 

Advance Zone ถ้าอยากท้าทายตัวเองอีกนิดให้มาโซนนี้เลย โซนนี้เหมาะสำหรับเด็กสูง 120 เซนติเมตร และผู้ใหญ่ แต่จะมีบางกิจกรรมที่เหมาะกับเด็ก สูง 140 เซนติเมตรขึ้นไป กิจกรรมมากมายเช่น เครื่องตีเทนนิส เครื่องตีเบสบอล หรือใครอยากทรงตัวบนสกี และสโนว์บอร์ดก็มีให้ลอง อย่าลืมแวะไปปีนหน้าผาจำลอง วัดพลังกล้ามเนื้อแขนและขาของคุณและเด็กๆ รับรองสนุกแน่นอน

Extreme Zone สาย Extreme ต้องมาโซนนี้ กับกิจกรรมเรียกเหงื่อสุดมันส์ เหมาะสำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น ปีนหน้าผา แบบจับเวลาความเร็วในการปีน ใครเร็วสุดชนะ หรือ Military Active แข่งปีนป่ายไต่เชือก วัดพลังกล้ามเนื้อทุกส่วน ใครผ่านได้ถือว่าเก่งสุดๆ

BEAT ACTIVE
Read & Learn Center มุมนี้ให้เด็กๆ ได้หัดหมุนหัดใช้ไขควง ได้ใช้สมองและกล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี

BEAT ACTIVE

BEAT ACTIVEบ่อบอลแสนสนุก ของเล่นสุดโปรดของเด็กหลายๆคน

นอกจากนี้ยังมี Active Gym ฟิตเนส ขนาดย่อม มีทั้งลู่วิ่ง ,จักรยาน,ต่อยมวย และยกน้ำหนัก และโซน Thai Fight เวทีการแข่งขันต่อยมวยแบบสดๆให้ได้ชมกันทุกสัปดาห์  ส่วนใครหิวก็ไม่ต้องกังวลเพราะด้านในมีอาหารและขนมต่างๆไว้บริการด้วย บ้านไหนอยากอยู่ทั้งวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ ก็ซื้อบัตรแบบ  All Areas One Day Pass ได้เลย แต่แม่ลูกบ้านนี้อยู่แค่ 3 ชั่วโมงก็เหงื่อท่วม แขนขาหมดแรง กลับถึงบ้านหลับสบายแล้วจ้า

BEAT ACTIVE
แทรมโพลีน มีตาข่ายล้อมรอบเพื่อความปลอดภัย
BEAT ACTIVE
ต่อบล็อก สร้างบ้าน ตามจินตนาการของตัวเอง
BEAT ACTIVE
Active Floor ให้เด็กๆออกกาลังด้วยการ กระโดด หรือย่าเท้าไปมา เล่นสนุกกับภาพ Interactive บนพื้น

BEAT ACTIVE

BEAT ACTIVE
Racing Active โซนขับรถแสนสนุก ที่ขับพร้อมกันได้ทั้งครอบครัว มีเจ้าหน้าที่คอยสอนวิธีการใช้งานอย่างละเอียด

 

โซนนี้ต้องลอง เล่นโยนลูกบาสเก็บแต้มแล้วมาต่อกันด้วย Zip Line ที่เล่นกี่รอบเด็กๆก็ไม่เบื่อ

ABK TIP’S

  • ถ้าเด็กๆอยากเล่นแทรมโพลีน ต้องใส่ถุงเท้าของ BEAT ACTIVE เพื่อเข้าใช้เท่านั้น  ราคาคู่ละ 70 บาทซื้อที่เคาน์เตอร์ทางเข้าได้เลย
  • จอดรถใต้อาคาร ไบเทค บางนา จอดตรงพื้นที่เสาสีม่วง ( ตรงHall 103-104 จะเดินใกล้กว่า )ลูกค้าที่ใช้บริการที่ Beat Active จอดรถฟรี 10 ชั่วโมง
  • สวมใส่เสื้อผ้าสบายๆและใส่รองเท้ากีฬาหรือรองเท้าผ้าใบเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย

 

Ticket Prices

วันธรรมดา

• 10.00-13.00 น. ( 3 ชั่วโมง ) Kids Zone : 300 บาท / All Areas : 400 บาท
• 13.30-17.30 น. ( 4 ชั่วโมง ) Kids Zone : 300 บาท / All Areas : 600 บาท
• 18.00-21.00 น. ( 3 ชั่วโมง) Kids Zone : 300 บาท / All Areas : 500 บาท
• 10.00-21.00 น. ( ทั้งวัน ) Kids Zone : 500 บาท / All Areas : 900 บาท

วันเสาร์-อาทิตย์และ วันหยุดนขัตฤกษ์

• 10.00-13.00 น. ( 3 ชั่วโมง ) Kids Zone : 350 บาท / All Areas : 650 บาท
• 13.30-17.30 น. ( 4 ชั่วโมง ) Kids Zone : 350 บาท / All Areas : 750 บาท
• 18.00-21.00 น. ( 3 ชั่วโมง) Kids Zone : 350 บาท / All Areas : 650 บาท
• 10.00-21.00 น. ( ทั้งวัน ) Kids Zone : 550 บาท / All Areas : 1,250 บาท

 

BEAT ACTIVE เปิด : ตั้งแต่ 10.00 -21.00 น.

ที่ตั้ง : ไบเทค บางนา ( Hall EH 105 ) เดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีบางนา ทางออก 1 หรือรถยนต์ส่วนตัว

 

Editor : แม่เลม่อน
ภาพ : กรานต์ชนก บุญบำรุง


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

เมนูอาหารว่าง

เชฟแม่..แจกสูตรเด็ด เมนูอาหารว่าง ถั่วอบรวมมิตรกับปลาเล็กปลาน้อย ทำง่าย ได้ประโยชน์เต็มคำ (มีคลิป)

event
เมนูอาหารว่าง
เมนูอาหารว่าง

บ้านไหนกำลังมองหา เมนูอาหารว่าง มีประโยชน์สำหรับลูกน้อยวัย 3 ขวบขึ้นไป ทีมแม่ ABK มีสูตรเด็ด ถั่วอบรวมมิตรกับปลาเล็กปลาน้อย  จากคุณแม่ที่เป็นเชฟมืออร่อย มาฝากค่ะ

 

ถั่วอบรวมมิตรกับปลาเล็กปลาน้อย เมนูอาหารว่าง ทำง่ายและมีประโยชน์

(เหมาะกับเด็ก 3 ขวบขึ้นไป ที่ไม่แพ้ถั่ว)
เมนูจาก Rima’s Recipes โดย รัตมา พงศ์พนรัตน์ พรชำนิ

 

เมนูอาหารว่าง ถั่วอบรวมมิตรกับปลาเล็กปลาน้อย นี้ ได้แรงบันดาลใจจากของทานเล่นของคุณแม่ตั้งแต่เด็กๆ ที่ เมล็ดอัลมอนด์ผ่าซีก อบกรอบ กับปลาข้าวสาร ปกติแล้วที่บ้านจะซื้อถั่วต่างๆ มาทำ กราโนล่าบาร์ เพราะลูกชอบมาก

วันนี้เลยลองทำแบบเค็มดูบ้าง เมนูนี้มีแต่ไขมันดีที่ได้จากถั่ว และแคลเซียมที่ไปช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกให้กับเจ้าตัวจิ๋วอีกด้วย แถมยังสามารถพกพาไปทานได้ทุกที่

เมนูอาหารว่าง

เครื่องปรุง

ปลาข้าวสารทอด ปริมาณตามชอบ
ถั่วดิบ อาทิเช่น วอลนัท, อัลมอนด์ ไพน์นัท หรือเมล็ดเม็ดฟักทอง รวมกันประมาณ 3 ถ้วยตวง
น้ำมันมะกอก ¼ ถ้วย
ดอกเกลือ

 

วิธีทำ ถั่วอบรวมมิตรกับปลาเล็กปลาน้อย

1. นำถั่วมาคลุกน้ำมันก่อน ปรุงรสด้วยเกลือ อบที่ 150 ทุกสิบนาทีนำออกมาดูและพลิกจนกว่าจะเหลืองกรอบทั้งหมด

2. ผึ่งลมให้หายร้อน นำปลาข้าวสารที่ทอดแล้วมาเทใส บรรจุลงภาชนะสุญญากาศเข่าให้เข้ากันเป็นอันเสร็จ เก็บไว้ทานได้ 1 เดือน

@amarinbabyandkids

ของทานเล่น ทำง่าย ได้ประโยชน์ ถั่วอบรวมมิตรกับปลาเล็กปลาน้อย #เมนูลูกรัก #เมนูง่ายๆ #เมนูอาหาร #ทานเล่น #fyp #ทีมแม่abk

♬ Cooking Time – Megan Yagami

เคล็ดลับการปรุงอาหาร

เนื่องจากถั่วแต่ละชนิดทนต่อความร้อนได้ไม่เท่ากัน หากใช้คนละชนิดกันแนะนำให้หมั่นคอยพลิกถั่วดูบ่อยๆ ในส่วนของการจัดเก็บอาหารประเภทถั่วนั้น หากอยากเก็บไว้ได้นานโดยไม่ทำให้ถั่วเหม็นหืน ควรใช้ภาชนะสุญญากาศเท่านั้นในการจัดเก็บ เพราะถั่วเป็นอาหารที่ประกอบไปด้วยไขมันจึงเหม็นหืนได้ง่าย


อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก

Elemental

ดิสนีย์และพิกซาร์ ชวนเด็กๆ แพคกระเป๋า เดินทางสู่ Elemental ‘ธาตุมหานคร’ ค้นหาธาตุที่แท้จริงในตัวคุณ

event
Elemental
Elemental

ดิสนีย์และพิกซาร์ ชวนแพ็คกระเป๋า เดินทางสู่ ‘ธาตุมหานคร’ เพื่อค้นหาธาตุที่แท้จริงในตัวคุณ กับภาพยนตร์แอนิเมชันฟอร์มยักษ์แห่งปีจากผู้สร้าง InsideOut และ Coco อย่าง Disney & Pixar’s Elemental เมืองอลวนธาตุอลเวง

Elemental

Disney & Pixar’s Elemental เมืองอลวนธาตุอลเวง เรื่องราวของ ธาตุมหานคร (Element City) ซึ่งมีชาว ดิน น้ำ ลมและไฟ อาศัยอยู่ร่วมกัน แอนิเมชันเรื่องนี้ จะพาผู้ชมไปพบกับเอ็มเบอร์ (Ember) สาวแก่น หัวไว ไฟแรง ที่เป็นเพื่อนกับเวด  (Wade) หนุ่มร่าเริง ที่ใช้ชีวิตแบบปล่อยจอยลอยลมในทุกสถานการณ์ และเข้ามาเปลี่ยนทัศนคติต่อโลกที่พวกเขาอาศัยอยู่ Disney & Pixar’s Elemental เมืองอลวนธาตุอลเวง กำกับโดย ปีเตอร์ ซอห์น (Peter Sohn) อำนวยการสร้างโดย เดนิส เรียม (Denise Ream) พร้อมด้วย เลอา ลูวิส (Leah Lewis) และมาโมดู เอธี (Mamoudou Athie) ให้เสียงตัวละครเอ็มเบอร์และเวด

 

รับชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้ ที่นี่

 

ทั้งนี้สำหรับแฟน ๆ ดิสนีย์และพิกซาร์ สามารถร่วมค้นหาว่า “คุณคือคนธาตุอะไร” กับฟีเจอร์สนุก ๆ บนทวิตเตอร์ที่จะสแกนโปรไฟล์ของคุณแล้วหาคำตอบว่าคุณเป็นธาตุอะไร ร่วมค้นหาตัวตนได้ ที่นี่ก่อนจะออกเดินทางไปสนุกสุดเหวี่ยงร่วมกับธาตุอื่น ๆ ในเมืองธาตุมหานคร  22 มิถุนายนนี้ ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศไทย

 

ติดตามข่าวสาร และข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Twitter: @DisneyStudiosTH

Instagram:  @DisneyStudiosTH

Facebook: @WaltDisneyStudiosTH

Hashtag: #ElementalTH #เมืองอลวนธาตุอลเวง

 


อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก

ไมโล รวมพลังครอบครัวยุคใหม่ รักษ์โลก ไปด้วยกัน กับกิจกรรมปล่อยเต่าสู่ทะเล

event

ไมโล ต่อยอดความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
รวมพลังครอบครัวยุคใหม่ รักษ์โลก ไปด้วยกัน กับกิจกรรมปล่อยเต่าสู่ทะเล

ปัญหาโลกร้อนยังไม่หมดไป ถ้าไม่เริ่ม รักษ์โลก ตั้งแต่วันนี้ ในอนาคตอาจร้ายแรงกว่าเดิมก็ได้ ไมโล จึงมีโครงการดีๆ ที่ให้ทั้งคุณพ่อคุณแม่ และลูก มาช่วยกัน รักษ์โลก อย่างถูกวิธีไปด้วยกัน

ไมโล เครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์ ที่ถูกใจเด็กๆ หลายคน จัดงาน ไมโล รวมพลัง หลอด รักษ์โลก  จับมือครอบครัวผู้โชคดีจากกิจกรรม แตะ ช่วย เต่า! กับไมโลหลอดกระดาษ ร่วมกันปล่อยเต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติ ณ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศใต้ท้องทะเล ซึ่งในโอกาสนี้ ไมโลได้ส่งมอบอุปกรณ์การแพทย์และกระชังอนุบาลเต่าทะเลรวมมูลค่ากว่า 650,000 บาท ให้กับศูนย์อนุรักษ์ฯ เพื่อต่อยอดการเพาะพันธุ์และอนุบาลเต่าทะเล รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้เต่าทะเลสามารถกลับคืนสู่ระบบนิเวศได้โดยสมบูรณ์

นายไชยงค์ สกุลบริรักษ์ ผู้อำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์นมและโภชนาการสำหรับผู้ใหญ่ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด  กล่าวถึงแนวคิดเบื้องหลังในการจัดงานครั้งนี้ว่า กิจกรรม ไมโลรวมพลังหลอดรักษ์โลก’ ถูกจัดขึ้นเพื่อต่อ ยอดความตั้งใจของไมโลในการดำเนินธุรกิจภายใต้ความมุ่งมั่น รวมพลังทำดีเปลี่ยนโลกได้ ที่นอกจากเราจะเดินหน้าส่งมอบโภชนาการที่ครบถ้วนสมวัยให้แก่ผู้บริโภคแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ไปพร้อม ๆ กับการปลูกจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมร่วมกับผู้คนในสังคม โดยเฉพาะครอบครัวยุคใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในพลังสำคัญของการสร้างอนาคตที่ดีขึ้นให้กับคนรุ่นถัดไป เพราะเราเชื่อว่าพลังเล็ก ๆ เมื่อมารวมกันสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้

 

เนื่องจากไมโลตระหนักถึงปัญหาของขยะพลาสติกในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะ หลอด” ที่ไม่สามารถกำจัดได้โดยสมบูรณ์และมักกลายเป็นขยะไมโครพลาสติกที่สามารถหลุดลอดออกไปสู่แหล่งน้ำได้เสมอ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่สร้างความเสียหายให้กับระบบนิเวศทางทะเล อีกทั้งยังเป็นอันตรายต่อชีวิตของเต่าทะเลรวมถึงสัตว์อื่น ๆ ไมโลจึงได้เปลี่ยนไปใช้หลอดกระดาษรักษ์โลกแทนหลอดพลาสติก ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของเนสท์เล่ระดับโลกในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่สามารถใช้ซ้ำหรือนำไปรีไซเคิลได้ และเป้าหมายลดการใช้พลาสติกผลิตใหม่ลง 1 ใน 3 ภายในปี 2568 เพื่อช่วยลดขยะพลาสติกและรักษาสิ่งแวดล้อม โดยตั้งแต่ปี  2563 เป็นต้นมา ไมโลสามารถลดการใช้หลอดพลาสติกได้แล้วปีละกว่า 600 ล้านหลอด ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งของการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ไมโลและผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมด้วยกัน

 

ซึ่งนอกจากการเปลี่ยนมาใช้หลอดกระดาษรักษ์โลกแล้ว ไมโลยังมุ่งมั่นปลูกจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมร่วมกับผู้บริโภค ที่เป็นพลังสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้กับโลก กิจกรรม “ไมโลรวมพลังหลอดรักษ์โลก” ดังกล่าวจึงถูกจัดขึ้นเพื่อจุดประกายในการเริ่มลงมือรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับทุกคน เริ่มต้นด้วยการพาผู้ร่วมงานไปสำรวจห้องแสดงนิทรรศการและบ่ออนุบาลลูกเต่าทะเล เพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจถึงความสำคัญของเต่าทะเลที่ส่งผลต่อระบบนิเวศใต้ท้องทะเล

ร.อ.หญิง กรกมล กิติกัมรา สัตวแพทย์ประจำศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล หรือ หมอนุ่น เผยถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับเต่าทะเล
คุณติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี ขอเป็นหนึ่งในแรงสนับสนุนให้ทุกคนหันมาปรับพฤติกรรมเพื่อเปลี่ยนโลก

หลังจากได้รับฟังเรื่องราวของเต่าทะเล และรับแรงบันดาลใจในการลงมือทำเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกไปอย่างเต็มเปี่ยม ผู้ร่วมงานยังได้รับความสุขและรอยยิ้มผ่านมินิคอนเสิร์ตจากบอนซ์ ณดล ศิลปินรุ่นใหม่เจ้าของเพลงชื่อดังอย่าง ฉลามชอบงับคุณ ที่มาร่วมสร้างความสดใสภายในงาน ส่งท้ายด้วยกิจกรรมปล่อยเต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติ นำทีมโดยผู้บริหารไมโล, ตัวแทนศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลติ๊ก เจษฎาภรณ์บอนซ์ ณดล และครอบครัวผู้โชคดี ที่มารวมพลังกันเพื่อรักษาความสมดุลของระบบนิเวศภายใต้ท้องทะเล และสานต่อความตั้งใจในการสร้างโลกที่ดีขึ้นเพื่อคนรุ่นต่อไป

บอนซ์ ณดล ศิลปินเจ้าของเพลง ‘ฉลามชอบงับคุณ’
กิจกรรมปล่อยเต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติ นำทีมโดยผู้บริหารไมโล, ตัวแทนศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล, ติ๊ก เจษฎาภรณ์, บอนซ์ ณดล และครอบครัวผู้โชคดี

ถือว่ากิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมครอบครัวที่ทั้งสนุก ได้ความรู้ และได้รักษ์โลกไปพร้อมๆ กันเลยนะคะ ร่วมกันคนละไม้คนละมือ เริ่มปลูกฝังการลดขยะไปพร้อมๆ กันกับลูกๆ และคนในครอบครัว เพื่อที่จะส่งต่อจิตสำนึกความ รักษ์โลก ไปด้วยกันจากรุ่นสู่รุ่นนะคะ

โรงเรียนหิ่งห้อย จาก Homeschool เล็กๆ กลายเป็น ห้องเรียนธรรมชาติ ให้เด็กๆ กว่า 100 ครอบครัว!

event

เราเปรียบเด็กๆ เสมือนหิ่งห้อยที่มีพลังในตัวเอง เพื่อเปล่งแสงส่องสว่างให้กับโลกของเรา แสงเล็กๆ ที่แตกต่างเหล่านี้ เมื่ออยู่รวมกันจะช่วยให้โลกของเราสว่างน่าอยู่และสวยงามขึ้น โรงเรียนป่าของหิ่งห้อยเป็นสถานที่ที่ทำให้พวกเขาค้นพบและเชื่อมั่นในพลังของตัวเอง คำนิยามชื่อโรงเรียนจากคุณจูนวรัญญา สุนทรแต ผู้ก่อตั้ง โรงเรียนหิ่งห้อย

Firefly Forest School โรงเรียนหิ่งห้อย
The Nature Study room

เรารู้จักคุณจูนผ่านทางเฟสบุ๊คเมื่อหลายปีก่อน คุณจูนเป็นคุณแม่ที่ทำ Homeschool ให้กับน้อง ”กานติ” ลูกชายที่แสนน่ารัก เธอจุดประกายให้แม่ๆ Homeschool ที่มีความสนใจในเรื่องการเรียนการสอนลูกแบบเดียวกัน ได้มาเจอ มาพูดคุย พาลูกๆมาเล่นสนุกและเดินสำรวจธรรมชาติด้วยกันที่สวนรถไฟ Playgroup ครั้งนั้นประสบความสำเร็จมาก จนทำให้มีครอบครัวสนใจเข้าทำกิจกรรมเกือบ 100 ครอบครัว ภายในเวลาไม่กี่ปี ความสำเร็จครั้งนั้นทำให้คุณจูนเริ่มปรับเปลี่ยนบ้านเก่าของตนเองให้กลายเป็นโรงเรียนหิ่งห้อย จนปัจจุบันได้ย้ายและขยับขยายพื้นที่โรงเรียนเป็นกว่า 1 ไร่ แล้ว โรงเรียนนี้มีดีอะไรและน่าสนใจอย่างไรมาลองดูไปพร้อมๆ กันค่ะ

สนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ มีทั้งบ่อทราย แทมโปลีน ชิงช้า ให้เด็กๆวิ่งเล่นปล่อยพลังได้อย่างเต็มที่
โรงเรียนหิ่งห้อย
อาคารเรียนบรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้านทำให้เด็กๆรู้สึกปลอดภัย เหมือนเป็นบ้านหลังที่ 2

โรงเรียนหิ่งห้อย กับ คลาสเรียนแสนเพลิน

โรงเรียนหิ่งห้อย ใช้หลักสูตรจากต่างประเทศมาปรับใช้ โดยมีแกนหลักของ “Charlotte M. Mason” นักปฏิวัติบ้านเรียนรุ่นบุกเบิก ใช้การสอนแบบ Forest School การเรียนรู้ผ่านธรรมชาติ มีคลาสเรียนที่หลากหลายมากๆ เน้นให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆได้ลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเอง คลาสเรียนที่น่าสนใจ เช่น

  • Arts &Craft สอนเด็กๆเย็บปักถักร้อยและออกแบบเครื่องแต่งกาย เด็กๆจะได้ใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กและดีไซน์งานด้วยตัวเอง
  • Secret Garden วิชาที่ให้เด็กๆได้ลงมือปลูกผัก เรียนรู้เรื่องดินและแมลงต่างๆ
  • Environment &Sustainability เด็กๆจะรู้จักการแยกขยะและการทำปุ๋ยหมัก สอนโดยทีมงานมืออาชีพอย่าง คุณอาร์ม เพจหมักง่าย
  • Life Skills วิชาการใช้ชีวิตและเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ต่างๆ สอนโดยพ่อหนูจาก FROG Team
  • Journal Time วิชาบันทึกต่างๆ เป็นวิชาที่ทำให้เด็กๆไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังหัดเขียนหนังสืออยู่ เค้าจะอยากรู้และค่อยๆถามว่าคำนี้สะกดอย่างไร
  • Creative Drama วิชาที่จะทำให้เด็กกล้าพูด กล้ายอมรับกับความรู้สึกตัวเอง รู้จักอารมณ์และความรู้สึกของตนเอง โดยการเล่นละคร บทบาทสมมุติให้เค้าเชื่อมโยงความรู้สึกตัวเองกับสิ่งนั้น
โรงเรียนหิ่งห้อย
ด้านหลังอาคารเรียน ทำสวนขนาดใหญ่ ให้เด็กๆ เรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านกิจกรรมในสวน เช่น เอาเศษใบไม้มาทำปุ๋ยหมัก ในสวนมีแมลงอะไรบ้าง ให้เด็กมาปลูกต้นไม้แล้วบันทึกว่าใครปลูกต้นอะไรบ้าง หรือ ต้นไม้โตด้วยอะไรบ้าง ดิน น้ำ แสงแดดเด็กก็จะค่อยๆซึมซับธรรมชาติไปในตัว มีช่วงหนึ่งที่เด็กๆอยากปลูกสตรอว์เบอรี่มาก ทางโรงเรียนก็ให้เด็กๆได้ทดลองปลูกจริงๆ ผลปรากฏว่าต้นไม้ตาย เขาก็จะได้เรียนรู้ว่า บางอย่างก็ทำไม่ได้ ด้วยดินด้วยสภาพอากาศหลายๆอย่างๆ

 

โรงเรียนหิ่งห้อย

โรงเรียนหิ่งห้อย
ช่วงเช้าไปเก็บไข่ในสวน จะให้เด็กๆหัดนับเลขจากจำนวนไข่ที่ได้ ฝึกคณิตศาสตร์ไปในตัว

 

นอกจากวิชาสนุกๆเหล่านี้แล้ว ยังมีคลาสเรียนที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยจะมีครูพิเศษอีก 7-10 คน ที่เชี่ยวชาญเรื่องนั้นๆมาสอนโดยตรงทั้ง ฟุตบอล บัลเลต์ เต้น หรือทำอาหาร และที่ชอบที่สุดคือ Nature Walk การเรียนรู้นอกห้องเรียน เด็กๆจะได้ไปสำรวจธรรมชาติที่สวนรถไฟกันทุกอาทิตย์ หรือออกเดินทางไปกับครอบครัวเพื่อแคมปิ้งในป่า ส่วนวิชาที่เป็นวิชาการเด็กๆก็จะได้เรียนตามวัยของตนเองอย่างเหมาะสม

สำหรับบ้านไหนที่ทำ Homeschool ทางโรงเรียนมีหลักสูตร FFS2 : Kindergarten Homeschool Curriculum community สามารถสมัครสมาชิกรายเดือนและร่วมใช้หลักสูตรของ Firefly Forest School ไปด้วยกัน และยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆของโรงเรียน โดยได้รับสิทธิ์ส่วนลด10% ในทุกกิจกรรม

โรงเรียนหิ่งห้อย

โรงเรียนหิ่งห้อย
ชวนเด็กๆร้องเพลง เต้นรำ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กๆผ่อนคลายมากขึ้น

5 สิ่งพิเศษที่ทำให้เด็กอยากมา โรงเรียนหิ่งห้อย ทุกวัน 

1. โรงเรียนนี้เปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ของเด็กๆ เด็กๆจะได้มาตามหาตัวตนของตัวเอง ได้ใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบ

2. ที่โรงเรียนหิ่งห้อย มีการสำรวจและมีการผจญภัยด้วยกันทุกวัน เด็กจะเหมือนมาเที่ยวเล่นสนุกสนานไม่เหมือนมาโรงเรียน

3. โรงเรียนไม่ได้ประเมินเด็กด้วยตัวเลข หรือเกรดเฉลี่ย แต่ประเมินด้วยพัฒนาการและเป้าหมายที่วางร่วมกันกับผู้ปกครอง ทำให้เด็กไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับคนอื่น

4. เด็กๆจะเจอเพื่อนที่ดี มีจิตใจที่ละเอียดอ่อนมีความเป็นมนุษย์สูง และได้เจอครูที่ดีที่เข้าใจเด็กๆและมี Passion ที่อยากจะสอน

5. โรงเรียนให้อิสระทางความคิดของเด็ก ไม่ตีกรอบ ทำให้เด็กเล่นได้อย่างอิสระและรู้สึกปลอดภัย

บรรยากาศห้องเรียนที่น่ารักอบอุ่นเหมือนบ้าน มีอุปกรณ์จัดวางของเล่นต่างๆตามแบบการสอนของมอนเตสซอรี่
เพื่อฝึกประสาททั้ง 5

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

– สถานที่น่ารักอบอุ่นเหมือนบ้าน ไม่รู้สึกว่ากำลังมาโรงเรียน ชั้นล่างมีมุมทำงานให้ผู้ปกครองนั่งทำงานกันแบบสบายๆ ระหว่างรอรับลูกด้วย
– วิชาเรียนที่นี่น่าสนใจมากๆ โดยเฉพาะวิชา Life Skills ที่ให้เด็กๆเรียน CPR หรือ ทักษะการเอาตัวรอดต่างๆเช่น ฝึกลอยตัวในน้ำหากเรือล่ม จากผู้เชี่ยวชาญจริงๆอย่าง พ่อหนู หัวหน้า FROG Team เป็นวิชาที่สำคัญในการใช้ชีวิตจริงๆ
– สำหรับเด็กบ้านเรียน หรือ Homeschool สามารถนำหลักสูตรไปสอนลูกด้วยตนเองที่บ้านได้ด้วย
– โรงเรียนนี้เข้าเรียน 10 โมง เพื่อให้ทุกครอบครัวไม่ต้องฝ่ารถติด แถมเด็กๆก็ไม่ต้องรีบตื่นนอน มีพลังเต็มเปี่ยมพร้อมเรียนทันทีที่มาถึง
-ปลูกฝังให้เด็กๆรู้จักรักษ์โลกรักธรรมชาติ เช่น ดื่มนมเสร็จเด็กๆจะนำไปล้างและเก็บไว้ทำของเล่นด้วยตนเอง
 
โรงเรียนหิ่งห้อย
กิจกรรมเล่านิทานฝึกการฟังทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

โรงเรียนหิ่งห้อย

โรงเรียนหิ่งห้อย
ห้องเรียนคลาสเต้นต่างๆ เห็นหน้าเด็กๆก็รู้ว่าสนุกแค่ไหน

 

โรงเรียนหิ่งห้อย

โรงเรียนหิ่งห้อย
ห้องเรียนคลาสเต้นต่างๆ เห็นหน้าเด็กๆก็รู้ว่าสนุกแค่ไหน

เกณฑ์การรับสมัคร โรงเรียนหิ่งห้อย

เด็กอายุ 3-6 ปี

อัตราค่าเล่าเรียน

  • FFS เรียน 5 วัน : ค่าเทอม 98,000 บาท / เทอม
  • FFH เรียน 3 วัน : ค่าเทอม 69,000 บาท / เทอม

**ฟรีค่าแรกเข้า 5,000บาท (ราคาเต็ม15,000 บาท)

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ

1.ค่าบำรุงการศึกษา

FFS 5 วัน : ราคา 10,000 บาท / ปี

FFH 3 วัน : ราคา 6,000 บาท / ปี

2.ค่าเครื่องแบบ

ราคา 2,000 บาท / ชุด

3.ค่าอาหาร

FFS 5 วัน : ราคา 10,000 บาท / เทอม

FFH 3 วัน : ราคา 8,000 บาท / เทอม

* หมายเหตุ ทั้งนี้ทางโรงเรียนไม่บังคับให้นักเรียนทุกคนชำระค่าอาหารโรงเรียน หากผู้ปกครองท่านใดไม่สะดวกที่จะชำระในส่วนนี้ สามารถเตรียมอาหารมาให้น้องๆได้ค่ะ

ที่อยู่โรงเรียนหิ่งห้อย

79/2 ลาดพร้าวซอย 35, แขวงจันทร์เกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

FB: https://www.facebook.com/FireflyForestSchoolTH

เว็บไซต์ : http://firefly-forest-school.com

 

Editor : แม่เลม่อน
ภาพ : กรานต์ชนก บุญบำรุง


อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก

Studio Ghibli

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนมาไทย! ท่องโลก Studio Ghibli ทั้งครอบครัว สร้างรอยยิ้ม + รวมหัวใจพ่อแม่ลูก เป็นหนึ่งเดียว

event
Studio Ghibli
Studio Ghibli

พิพิธภัณฑ์ Studio Ghibli ในโตเกียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ตั้งอยู่ใน Mitaka ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการผลิตภาพยนตร์อันเป็นที่รัก เช่น “My Neighbor Totoro,” “Spirited Away,” “Princess Mononoke” และอื่นๆ อีกมากมาย เป็นสถานที่มหัศจรรย์ที่เหมาะสำหรับครอบครัว ในฐานะแฟนภาพยนตร์ของ Studio Ghibli การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์จะรู้สึกเหมือนได้ก้าวเข้าสู่โลกอันน่าหลงใหลที่สร้างขึ้นโดย Hayao Miyazaki และทีมงานของเขา

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนมาไทย ท่องโลก Studio Ghibli ทั้งครอบครัว

ตัวพิพิธภัณฑ์เองเป็นเสมือนงานศิลปะชิ้นโบว์แดงอีกชิ้นหนึ่ง ด้วยการออกแบบที่มีเสน่ห์และแปลกตาซึ่งสะท้อนถึงจิตวิญญาณและแนวคิด พร้อมมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครและดื่มด่ำในโลกของ Studio Ghibli ให้แก่ผู้เข้าชม ที่กล้าพูดได้เลยว่า คิดและออกแบบมาเป็นอย่างดีเยี่ยม จากภาพยนตร์แอนนิเมชั่นStudio Ghibli ตั้งแต่วินาทีที่คุณเข้ามา คุณจะได้รับการต้อนรับจากตัวละครที่คุ้นเคยและได้ชื่อว่า เป็นตัวการ์ตูนยอดนิยมก็ว่าได้ อย่าง โทโทโร่ และการตกแต่งที่มีดีไซน์ในทุกๆรายละเอียดซึ่งสร้างรอยยิ้มให้กับทุกคน โดยเฉพาะเด็กๆ และแฟนๆของ สตูดิโอจิบลิกันเลย

ภายในพิพิธภัณฑ์ เราได้พบกับนิทรรศการและการจัดแสดงมากมาย โดยแบ่งออกเป็นห้องๆ ทำให้ง่ายต่อการเข้าชม และอินได้ถึงฟีลสุดๆ โดยทุกๆห้องมีเรื่องราวมากมาย ที่แสดงถึงกระบวนการสร้างสรรค์เบื้องหลังภาพยนตร์ของStudio Ghibli มีชุดของจิ๋วที่มีรายละเอียด งานศิลปะต้นฉบับ และการจัดแสดงแบบอินเทอร์แอกทีฟที่ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับเวทมนตร์โดยตรง นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์ คือ ทางพิพิธภัณฑ์ยังมีโรงละครที่ฉายภาพยนตร์สั้นที่มีเฉพาะในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น นอกจากลายเส้นที่บ่งบอกถึงความเป็นสตูดิโอจิบลิแล้ว ความสร้างสรรค์ในฤการนำเสนอชิ้นงาน ได้มีความสนุกและน่าติดตามในแบบฉบับของสตูดิโอจิบลิที่เอ็กซ์คลูซีฟจริงๆ เพื่อมอบประสบการณ์การชมภาพยนตร์ที่ไม่เหมือนใครและน่าจดจำ

ผู้เข้าชมยังสามารถเพลิดเพลินกับการจัดแสดงแบบอินเทอร์แอคทีฟมากมาย แลหนึ่งในไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์คือห้อง Catbus ที่ซึ่งเด็ก (และผู้ใหญ่ด้วย!) สามารถปีนขึ้นไปบน Catbus จำลองขนาดเท่าตัวจริงจากเรื่อง “My Neighbor Totoro” เป็นโอกาสในการถ่ายภาพที่น่าทึ่งและสนุกสนานมากสำหรับเด็ก ๆ ในการสำรวจและเล่นอย่างสนุกพัฒนากล้ามเนื้อทั้งมัดเล็กมัดใหญ่ อีกทั้งยังรู้จักการเข้าสังคมเล่นกับผู้อื่นอีกด้วย

พิพิธภัณฑ์ยังมีสวนบนชั้นดาดฟ้า ที่ประดับประดาด้วยหุ่นยนต์ยักษ์จากภาพยนตร์เรื่อง “Castle in the Sky” ซึ่งเป็นสวนโอเอซิสอันเงียบสงบท่ามกลางเมืองที่จอแจ เป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยมในการพักผ่อน เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ และชมสถาปัตยกรรมที่สวยงามของพิพิธภัณฑ์ อีกทั้งยังมีห้องสมุด ร้านกิฟต์ช็อปที่มีสินค้าสุดพิเศษจาก Studio Ghibli และคาเฟ่ที่คุณสามารถผ่อนคลายและเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มตามธีมต่างๆ

และการเยี่ยมชมครั้งนี้ เราได้มีโอกาสเข้าพูดคุยแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับ คุณโนนากะ Vice President of Studio Ghibli  ถึงการจัดนิทรรศการในเมืองไทย ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยแฟนๆชาวไทย เฝ้ารอกันอย่างล้นหลาม โดยคุณโนนากะ ได้เล่าถึง ความแตกต่างระหว่างมิวเซียมสตูดิโอจิบลิที่ญี่ปุ่น และ มิวเซียมทั่วๆไปในญี่ปุ่นนั้นคือ รูปแบบของการเดินชมนิทรรศการ ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นทิศทางที่แต่ละสถานที่กำหนด ที่ต้องมีขั้นตอนเป็น Step by Step แต่ในขณะที่ ของทางสตูดิโอจิบลินั้น เราสามารถเข้าไปแล้วเหมือเข้าไปสู่โลกของสตูดิโอจิบลิเลย โดยไม่มีกฎเกณฑ์บังคับการเดิน ซึ่งเสน่ห์ก็คือ ทำให้ประสบการณ์ของแต่ละคน มีความแตกต่างกันโดยสมบูรณ์แบบในตัวเอง

จุดที่ทำให้สตูดิโอจิบลิ รวมถึงผลงานมากมาย เข้าถึงทุกช่วงวัยนั้น เนื่องจากทุกชิ้นงานนั้นเป็นงานเฮนด์เมดที่สร้างด้วยใจ มีดีเทลที่น่าสนใจ โดยจะสะท้อนผ่านผลงานที่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงสตอรี่เรื่องราวที่เขียนและเบื้องหลังต่างๆในทุกชิ้นจะมีธีม ที่ทำให้เกิดหลากหลายมุมมอง ซึ่งเป็นเสน่ห์อีกอย่างของความเป็นสตูดิโอจิบลิ ทำให้การสะท้อนจินตนาการของแต่ละคน เกิดความตีความได้หลากหลายมุมมอง โดยเฉพาะ จะเห็นได้ชัดในการตีความในเรื่องเดียวกันแต่หลากหลายช่วงวัย ก็ได้แนวคิดและมุมมองที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ เรื่องราวต่างๆ ของจิบลิในแต่ละเรื่อง จะมีข้อมูลที่ทำให้เราได้คิดที่มากขึ้น

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ความเป็นจิบลิมีความชัดเจน ที่ว่าสามารถเข้าถึงคนได้ทุกเพศ ทุกภาษา และ ทุกช่วงวัย และเมื่อความเป็นครอบครัว ได้กลับมานั่งคุยกันในเรื่องๆเดียวกัน ผ่านหลากหลายมุมมอง มันคือภาพสะท้อนของจิตนาการ และนี่แหละ คือสิ่งที่ทำให้ความเป็นครอบครัวสมบูรณ์ขึ้นอีกด้วยผ่านการที่พ่อ แม่ ลูก ได้พูดคุยกัน

สตูดิโอจิบลิตื่นเต้นที่จะได้เข้าพบแฟนๆชาวไทย และดีใจที่ได้ยินว่าชาวไทยตั้งตารอ จึงอยากฝากแฟนๆชาวไทย ว่าทางสตูดิโอจิบลิตั้งใจจัดนิทรรศการที่ประเทศไทยอย่างมาก จึงได้มีการประสานกับทางไลฟ์เนชั่นเทโร มาเป็นเวลานาน และได้มีโอกาสที่จะได้จัดงานที่ประเทศไทยครั้งนี้ ซึ่งมีกิมมิกมากมายเพื่อที่จะสร้างประสบการอันน่าประทับใจให้แก่แฟนๆจิบลิ โดยในมิทรรศกาลที่จะมาประเทศไทยนั้น ไม่ได้นำมาเพียงผลงาน และ ภาพวาดเท่านั้น แต่จะมี ทริกอาร์ทต่างๆ ที่เป็นภาพลวงตาที่มีมิติ พร้อมสามารถสัมผัสได้ เล่นได้ รวมถึง อินเตอร์แอคทีฟต่างๆ และที่สำคัญ Cat Bus หรือ Neko Bus ที่เป็นอีกหนึ่งภาพจำของจิบลิ ก็ได้มีการนำมาอย่างแน่นอนที่ประเทศไทย อีกทั้งยังนำพาเหล่าของที่ระลึก ที่ไม่เคยมีขายที่ประเทศไทย จะสามารถมาชอปปิ้งได้ในนิทรรศการนี้เท่านั้นด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ การเข้าร่วมชมนิทรรศการในรูปแบบครอบครัว แน่นอนว่า จะเป็นช่วงเวลาที่สร้างความประทับใจให้แก่ทุกคนในครอบครัวอย่างแน่นอน

โดยรวมแล้วทั้ง พิพิธภัณฑ์ที่ญี่ปุ่น และ นิทรรศการStudio Ghibli ที่กำลังจะมาที่ประเทศไทย  จะเป็นสถานที่ที่แฟนๆ  Ghibli ไม่ควรพลาด ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ เป็นสถานที่ที่จุดประกายจินตนาการ ความพิศวง และความคิดถึง ความใส่ใจในรายละเอียด ความรักในการเล่าเรื่อง และบรรยากาศอันน่ามหัศจรรย์ ที่จะทำให้ที่นี่เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับทั้งครอบครัว

ซึ่งการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Ghibli นั้น  จะต้องซื้อบัตรเข้าชมล่วงหน้าเท่านั้น ซึ่งตั๋วที่จองไว้ จะระบุวันที่นัดหมายการจอง สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์พิพิธภัณฑ์ >> https://www.ghibli-museum.jp/en/tickets/

โดยการจำหน่ายบัตรเข้าชม สามารถสั่งซื้อบัตรเข้าชมทางช่องทางออนไลน์ได้ที่ https://l-tike.com/st1/ghibli-en/Tt/Ttg010agreement/index

 

ทั้งนี้สำหรับนิทรรศการ STUDIO GHIBLI จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ก.ค. – 30 ก.ย. 66 นี้ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ไลฟ์ ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์

1. บัตร Early Bird

  • 🎫 ราคา 490 บาท
  • 🗓️ วันที่ 2-31 พ.ค. 66 (*จำนวนจำกัดต่อวัน)

2. บัตรปกติ

  • 🎫 ราคา 590 บาท
  • 🗓️ วันที่ 1-30 มิ.ย. 66

3. บัตรหน้างาน

  • 🎫 ราคา 650 บาท
  • 🗓️ วันที่ 1 ก.ค. – 30 ก.ย. 66

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม รอติดตามพร้อมกันที่เพจเฟซบุ๊ก Thaiticketmajor หรือ Live Nation Tero หรือ 📞 โทรศัพท์ 02-262-3838


DID YOU KNOW : รู้หรือไม่ว่า จริงๆแล้วในเรื่องโทโทโร่ เดิมแล้วเนื้อเรื่องต้นฉบับ จะมีเพียงเด็กสาวน้อยคนเดียว กับ ภูตโทโทโร่เท่านั้นจะเห็นได้จาก คีย์โปสเตอร์ ที่มีเด็กหญิงคนเดียว ที่เป็นคาแรคเตอร์ 2 พี่น้องใน คนเดียวกัน แต่ในขณะนั้น มีแอนนิเมชั่นอีกเรื่องที่จะออกฉายพร้อมกัน แต่เมื่อเริ่มสร้างตั้งไว้ที่เป็นแอนนิเมชั่น 60 นาที แต่เมื่อเขียนเรื่องไปเรื่อยๆ จะขยายเวลาไปที่80 นาที จึงทำให้เป็นที่มาของการเพิ่มตัวละครผู้หญิงเพิ่มอีกหนึ่งคน เพื่อให้การร้อยเรียงของเรื่องสมูธมากขึ้น
DID YOU KNOW : Did you know that In fact, in Totoro Originally, the original story There will be only one little girl with Totoro only, can be seen from the key poster with a single girl. which is a character of two girls in the same person, but at that time there was another animation that would be released at the same time But when starting to create, it was set to be an animation of 60 minutes, but when writing the story continuously It will be extended to 80 minutes, thus making it the source of adding one more girl character. to make the composition of the story more smooth

รีวิวเจาะลึก ครีมอาบน้ำเด็ก สระผมได้ สีม่วงดึงดูดใจแม่

event

แม่ๆ คนไหนเห็นสีม่วงแล้วต้องพุ่งเข้าหาเหมือนแม่ไข่มุกบ้างคะ? ทีมแม่ ABK เอา ครีมอาบน้ำเด็ก หรือ ผลิตภัณฑ์อาบสระ (head to toe) มารีวิวเจาะลึก ตั้งแต่กลิ่น ราคาต่อมิลลิตร การให้ฟอง ล้างออกง่ายมั้ย? ให้แม่ๆ ดูกันค่ะว่า head to toe แบรนด์ใด สูตรไหนที่เหมาะกับลูกเรา หรือตัวที่แม่สนใจอยากลอง ก็ตามไปจิ้มได้เลย!!

รีวิวเจาะลึก ครีมอาบน้ำเด็ก สระผมได้ สีม่วงดึงดูดใจแม่
สูตรไหนที่เหมาะกับลูกเรา

ครีมอาบน้ำเด็ก Pureen Baby Yogurt

สบู่เหลวที่ใช้ได้ทั้งอาบและสระ เหมาะสำหรับเด็กตั้งแต่แรกเกิด สูตรโยเกิร์ต และวิตามินอี ที่ช่วยให้คงความชุ่มชื้นของผิวได้ยาวนาน ส่วนผสมที่อ่อนโยน ไม่ทำให้แสบตา ปราศจากสารกันเสีย พาราเบน และ SLS ที่ทำให้ระคายเคือง

จุดเด่น : กลิ่นแป้งเด็ก หอมละมุนติดผิว แบบที่ทำให้แม่ๆ อยากหอมลูกน้อยทั้งวัน และให้ความรู้สึกนวลเนียนหลังล้างออก

ครีมอาบน้ำเพียวรีน

 

สบู่เหลวอาบน้ำสระผมเด็ก KODOMO X DEMON SLAYER HEAD TO TOE KIDS MAGIC PURPLE

สบู่เหลวสำหรับเด็ก 6 ขวบขึ้นไปที่ชื่นชอบการ์ตูน Demon Slayer สารสกัดจาก Grape Seed Oil Extract ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย ช่วยให้ผิวสะอาดมีสุขภาพดี สูตร pH Balance เหมาะกับผิวของเด็ก มีมอยซ์เจอไรเซอร์ ช่วยบำรุงผิวและเส้นผมให้นุ่มน่าสัมผัส

จุดเด่น : เนื้อเจลสีม่วงสดใสถูกใจเด็กๆ กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ และให้ฟองค่อนข้างดี ล้างออกง่าย

 

 

แม่ไข่มุกสังเกตว่า ช่วงนี้ครีมอาบน้ำเด็ก สระผมได้ ขวดสีม่วงที่เน้นกลิ่นผ่อนคลาย สบายตัว ช่วยให้ลูกน้อยอารมณ์ดี หลับสบาย ออกมาให้เลือกเยอะเลยค่ะ แม่ไข่มุกจึงเลือกมา 3 แบรนด์มารีวิวให้ชมกันค่ะ

เจลอาบน้ำเด็ก D-nee Organic Sweet Dream

สบู่เหลวอาบน้ำสระผมที่มีส่วนผสมของ Organic Tea Three Oil ช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกอย่างอ่อนโยน ปราศจาก กลูเตน, พาราเบน, SLS, ซิลิโคน, แอลกอฮอล์ และสี ไม่แสบตา สารสกัดจากออร์แกนิคส์ ลาเวนเดอร์ ทำให้ผิวชุ่มชื้น หอมละมุน รู้สึกผ่อนคลาย

จุดเด่น : ให้ความชุ่มชื้นดี หอมละมุน ผ่อนคลาย ความรู้สึกหลังล้างมีความเคลือบผิวเล็กน้อย

เจลอาบน้ำเด็ก Babi Mild Relaxing Lavender

ผลิตภัณฑ์อาบน้ำและสระผม อ่อนโยน หอมผ่อนคลาย สบายผิวก่อนเข้านอน ด้วยเทคโนโลยีน้ำหอม DREAMSCENTZ™ และสารสกัด ออร์แกนิคส์ ลาเวนเดอร์ ปราศจากสารเคมีที่เป็นสาเหตุของการระคายเคือง 10 ชนิด

จุดเด่น : ให้กลิ่นหอม ผ่อนคลาย ระหว่างอาบน้ำ กลิ่นติดผิว รู้สึกชุ่มชื้นหลังล้างออก

เจลอาบน้ำเด็ก Johnson’s Bedtime Baby Bath

เจลอาบน้ำสำหรับเด็ก กลิ่นหอมสูตร Natural Calm อโรม่า จากดอกมะลิและลิลลี่ ให้กลิ่นที่ชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ ช่วยปลอบประโลมผิวให้ผ่อนคลายระหว่างอาบน้ำ ผ่านการทดสอบการระคายเคือง ไฮโปอัลเลอเจนิก

จุดเด่น : ให้กลิ่นหอมชัดเจน ล้างออกง่าย แต่ไม่รู้สึกแห้งตึง

 

สรุปข้อมูลเปรียบเทียบ

แม่ไข่มุกลองทดสอบ ครีมอาบน้ำเด็ก แต่ละยี่ห้อ ด้วยการขยี้ฟอง และทดสอบความล้างออกง่ายโดยใช้เกณฑ์ดังนี้ค่ะ

  • ครีมอาบน้ำเด็ก 1 ช้อนชา
  • น้ำทดสอบฟอง 1 ช้อนโต๊ะ / ขยี้ให้เกิดฟองโดยถูมือ 3 ครั้ง
  • น้ำล้างออก 300 มล.
การให้ดาวจากความรู้สึกส่วนตัว เรียงลำดับจากน้อยไปมาก

ในส่วนของราคา แม่ๆ ลองดูโปรโมชั่นอีกทีช่วงที่จะกดซื้อนะคะ เพราะว่าหลายๆ แบรนด์มีโปรเด็ดๆ ให้ซื้อตุนกันบ่อยมากเลยค่ะ ^^

ติดตามข้อมูลสาระความรู้ดีๆ เรื่องแม่และเด็ก จากแม่สู่แม่ได้ที่ >> Facebook: www.facebook.com/AmarinBabyAndKids

วิธีบรรเทาอาการไอของลูกน้อย ด้วยสมุนไพรใกล้ตัว

event

ช่วงนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยจนน่าเป็นห่วง อาจเกิดอาการป่วยได้ง่าย จนทำให้ไอมีเสมหะ  มาดูกันว่า วิธี บรรเทาอาการไอ ของลูกน้อย ด้วย สมุนไพร ใกล้ตัว หาได้ง่ายในบ้านของเรา มีอะไรบ้างค่ะ
ก่อนอื่น คุณพ่อคุณแม่ มาเช็คสาเหตุของการไอมีเสมหะกันก่อน

  • โรคหวัด โรคไซนัสอักเสบ ทำให้น้ำมูกไหลลงคอ กลายเป็นเสมหะ
  • โรคต่อมทอนซิลและคอหอยอักเสบ โรคหลอดลมอักเสบโรคปอดอักเสบ ทำให้มีเสมหะที่เกิดจากการระคายเคืองบริเวณเยื่อบุช่องคอ เยื่อบุหลอดลม เยื่อบุถุงลม
  • โรควัณโรค มักมีอาการไอเรื้อรัง ไข้ต่ำๆ เบื่ออาหาร เจริญเติบโตช้า หากสงสัยว่าเป็นโรคนี้ทดสอบได้ด้วยการเอกซเรย์ปอดและทดสอบผิวหนัง
  • โรคภูมิแพ้ เช่น แพ้นมวัว แพ้อาหาร แก้ไขโดย หยุดกินอาหารที่แพ้ แพ้สารกระตุ้นภูมิแพ้ที่เกิดจากการสูดดม เช่นฝุ่น ไรฝุ่น ละอองเกสร ซากแมลงสาบ รังแค ขนสุนัข-แมว
  • สิ่งแปลกปลอมอยู่ในระบบทางเดินหายใจ เช่น สำลักชิ้นส่วนของเล่นหรือเศษอาหาร
  • โรคกรดไหลย้อน เนื่องจากภาวะอ่อนแรงของกล้ามเนื้อหูรูดที่กั้นระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะ ทำให้มีอาหารหรือกรดไหลย้อนขึ้นมาระคายเยื่อบุทางเดินหายใจ จึงไอเรื้อรัง
หากไอมีเสมหะ เบื้องต้นที่คุณพ่อคุณแม่พอจะช่วยได้ ลองมาดูวิธีบรรเทาอาการไอของลูกน้อย จากสมุนไพรที่หาได้ง่ายๆ กันก่อนที่จะพาไปพบคุณหมอนะคะ
  • น้ำอุ่นผสมมะนาวและน้ำผึ้ง

    เชื่อว่าทุกบ้านคงจะมีมะนาว และน้ำผึ้งติดตู้เย็นกันอยู่แล้ว วิธีผสมคือใช้น้ำอุ่นประมาณครึ่งแก้ว + น้ำมะนาวครึ่งซีก + น้ำผึ้งเล็กน้อย ลองชิมก่อนนะคะว่าน้ำอุ่นพอที่ลูกจะจิบได้มั้ย สามารถให้ลูกจิบได้เรื่อยๆ เมื่อไอมีเสมหะค่ะ

น้ำผึ้ง มะนาว ผสมน้ำอุ่น

  • น้ำขิงอุ่น

    ไม่ว่าจะน้ำขิงที่ชงจากผงสำเร็จรูป หรือน้ำขิงจากร้านขายน้ำเต้าหู้ก็ช่วยให้ชุ่มคอได้ค่ะ ลองชิมรสชาติของน้ำขิงก่อนนะคะ ถ้าเผ็ดร้อนเกินไป อาจปรุงเพิ่มเติมด้วยน้ำผึ้งเพื่อเพิ่มความหวาน ทำให้รับประทานง่ายขึ้นค่ะ

น้ำขิงอุ่นๆ

  • ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น สับปะรด มะยม ระกำ

    ผลไม้รสเปรี้ยวจะช่วยให้ชุ่มคอ และขับเสมหะ รสชาติทานง่ายสำหรับเด็กๆ สำหรับผลไม้ที่มีเมล็ด คุณพ่อคุณแม่อาจจะช่วยคว้านเมล็ดออกก่อนที่จะให้ลูกทานนะคะ

ผลไม้รสเปรี้ยว

 

  • สมุนไพรแก้ไอสำหรับเด็ก

    สารสกัดจากสมุนไพรก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยบรรเทาอาการสำหรับเด็กที่คุณพ่อคุณแม่เลือกใช้ได้ แต่ต้องดูว่าไม่มีแอลกอฮอล์ หรือมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้

สารสกัดจากใบไอวี่ (Ivy Leaft Extract)

ใบไอวี่ จัดเป็นสมุนไพร ที่ระบุไว้ในตำรับยาสมุนไพรยุโรป ซึ่งทางองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) นั้นได้รองรับบทบาทความเป็นสมุนไพรที่ใช้ในการบรรเทาอาการได้  โดยมีสารสำคัญในการออกฤทธิ์นั้น มีสรรพคุณทางยา โดยผ่านการศึกษาด้านคลีนิกของประสิทธิภาพสมุนไพร จาก (ESCOP) จึงทำให้เป็นที่ยอมรับและนิยมใช้กันมากในยุโป และมีความปลอดภัย ซึ่งผ่านการประเมินด้านความปลอดภัยจาก Commission E

ESCOP : European Scientific Cooperative on Phytotherapy 
EMA : European Medicines Agency

Eugica Ivy เป็นสมุนไพรแก้ไอที่ปลอดภัยกับเด็กเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งผู้ใหญ่ก็สามารถใช้ดี จึงเหมาะกับทุกคนในครอบครัว เพราะไม่มีแอลกอฮอล์ สารแต่งสี และน้ำตาล มีรสน้ำผึ้ง ทานง่ายสำหรับเด็ก มีส่วนช่วยแก้ไอขับเสมหะที่บรรเทาอาการได้ดี

 

ในการรักษาอาการไอที่ดีและถูกต้องที่สุดคือการรักษาที่ต้นเหตุ ยาแก้ไอนั้นเป็นเพียง วิธีบรรเทาอาการไอของลูกน้อย เบื้องต้น เวลาจะใช้ยาก็ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และที่สำคัญที่สุด ไม่ควรใช้ยาที่มีฤทธิ์กดอาการไอ ได้แก่ DEXTROMETROPHAN, CODEINE โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก และในรายที่ไอแบบมีเสมหะ เพราะจะทำให้เสมหะไม่สามารถถูกขับออกมา เกิดคั่งค้างอยู่ในระบบทางเดินระบบหายใจ หรือในปอด ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนเป็นอันตรายในภายหลังได้ ทางที่ดีจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนนะคะ

 

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

5 สิ่งสุดว้าว ที่ทำให้เด็กๆ อยากมา โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี ทุกวัน!

event
โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี
โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี โรงเรียนทางเลือกขนาดกลาง ที่คุณครูรู้จักนักเรียนทุกคน!!! ใช้หลักสูตรสามัญ แต่เท่าทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน สร้างสมดุลในการใช้ชีวิตของนักเรียน สามารถต่อยอดกับสิ่งที่พบเจอในชีวิตจริง อย่างเกื้อกูล ไม่ใช่การแข่งขัน

สำหรับ โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี มีสโลแกนของโรงเรียนที่น่าสนใจ คือ  A Multi Intelligent Child is Developed Here. มุ่งเน้นพัฒนานักเรียนเป็นรายบุคคล ใส่ใจลงรายละเอียด ด้วยนโยบายการจัดการศึกษาที่ตอบโจทย์ Multiple Intelligences และ Competency ของนักเรียน ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Innovative Boutique School ทำให้พ่อแม่ยิ้มอย่างเบาใจได้ว่า เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มที่ตามศักยภาพของแต่ละคน

ซึ่งโรงเรียนแห่งพหุปัญญาแห่งนี้ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2527 บนพื้นที่ประมาณ 3 ไร่กว่า  มีการจัดระเบียบ แบ่งเวลาและการออกแบบพื้นที่ให้สอดคล้องกับกิจกรรมของเด็กๆ เราสัมผัสได้ถึงความเรียบง่ายแต่ตั้งใจ ด้วยประสบการณ์ทางด้านการศึกษาของโรงเรียนที่ยาวนานถึง 39 ปี ได้บ่มเพาะความเฉพาะตัวในรูปแบบการสอนของตัวเอง ภายใต้บริบทของเด็กไทยที่มีคุณภาพ

การเรียนของที่นี่จัดการศึกษาแบบองค์รวม (Holistic Education) เพื่อการเรียนรู้ที่ควบคู่กันไปเพื่อพัฒนา อารมณ์ สังคม จริยธรรมและวิชาการ ผ่านกิจกรรมที่สนุกสนานได้ลงมือทำจริง ทั้งหมดนี้เพื่อพัฒนาศักยภาพทางสมอง ให้เด็กๆได้ใช้ทั้งพลังกายและพลังสมองไปควบคู่กัน

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

 

5 สิ่งพิเศษ ที่ทำให้เด็กๆ อยากมา โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี ทุกวัน

 

1.คลาสเรียนแบบเฉพาะตัว

ในสายตาแม่อย่างเรา มีแววตาประกายและแทบจะร้องว้าว!! ออกมาตั้งแต่ห้องแรกที่คุณครูพาชม นอกจากการเรียนในห้อง จะได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง เริ่มจากในชั้นแรกของอาคาร ซึ่งเป็นส่วนของเด็กเล็ก อนุบาล1-3 เป็นห้อง activities Club ,Cooking Club ส่วนชั้นสองเป็นพี่ๆเด็กโตระดับประถมและมัธยม จะเป็นห้อง O-miles ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์และห้องกลไกต่างๆซึ่งจะมีอุปกรณ์เอาไว้ให้พร้อม นักเรียนสามารถลงมือปฏิบัติหรือเรียนเป็นกลุ่มได้เลย  ห้อง Math Lab ห้องเรียนคณิตที่ต่างออกไป ผ่านการเล่นได้จับรูปทรงเรขาคณิต ได้ฝึกคิดและสนุกกับตัวเลข ส่วนชั้นที่สาม มีห้องเรียนดนตรีแสนสนุกที่เด็กๆสามารถเลือกเครื่องดนตรีได้ตามที่ตัวเองสนใจ ในเด็กโตมีกิจกรรม ชมรมแต่งเพลง เล่นดนตรี ตัดต่อ แบบการทำงานเป็นทีม จนจบเป็นเพลงด้วยตัวเอง ที่ว้าวอีกสิ่งหนึ่งคือ ห้อง i-Mac ห้องเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ที่เด็กๆสามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้แบบหนึ่งคนหนึ่งเครื่อง สามารถตัดต่อเพลงที่ตัวเองแต่งไว้ หรือทักษะการทำโปรแกรม 3D เมื่อเสร็จแล้วสามารถปริ้นท์ผลงานออกมาได้เลย พราะมีเครื่องปริ้นท์ 3D เตรียมไว้ให้ครบหมดแล้ว   ส่วนช่วงเย็นเด็กๆสามารถเลือกเรียนได้ตามความชอบ เพราะที่นี่มีคลาสเรียนสนุกๆให้หลังเลิกเรียน ไม่เน้นวิชาการ เช่น วิชาดราม่า หรือศิลปะการละครสำหรับเด็ก เทนนิส บัลเลต์ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ทำอาหาร และอื่นๆ

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี
โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

Activities Club ห้องกิจกรรมการเรียนรู้นอกตำราเรียน ที่ทั้งสนุกและสามารถสร้างพื้นฐานอารมณ์ ความคิดและจิตใจที่ดีให้กับเด็กๆ เช่น การเล่นต่อบล๊อก กิจกรรม Drama for kids ศิลปะการละครสำหรับเด็ก ส่งเสริมให้เด็กกล้าแสดงออก สร้างบุคลิกภาพที่ดี และเด็กๆได้ฝึกเรียนรู้อารมณ์ตัวเองอีกด้วย

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

Cooking Club   ลงมือทำครัวกันอย่างจริงจัง เรียนรู้การใช้ชีวิต การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ช่วยเหลือแบ่งเบาในครอบครัว ความรู้พื้นฐานของชีวิตที่จะติดตัวเด็กๆไปตลอดชีวิต ให้เอาตัวรอดได้ในทุกๆที่ รวมถึงคำศัพท์ต่างๆที่ใช้ในชีวิตประจำวัน คุณครูจะจดคำศัพท์ที่เกิดขึ้นขณะทำกิจกรรม แล้วมาย้ำสอนในคลาสเด็กเล็กวัยอนุบาลอีกครั้ง เพื่อให้ได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆในทุกวัน

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

Math lab เรียนวิชาคณิตให้สนุกขึ้นด้วยการเรียนคณิตศาสตร์จากโจทย์ในกระดาษสู่การทดลองซึ่งเด็ก ๆ จะได้ลงมือปฏิบัติแบบ Hands On เข้าใจและแก้ปัญหาเป็น ผ่านหลักสูตรที่ถูกออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

ห้อง O-miles   เด็กๆจะได้ลงมือปฏิบัติและฝึกการเรียนรู้กลไกต่างๆด้วยตัวเอง คิดค้นและฝึกใช้ความคิดวางแผนตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ฝึกฝนได้ทั้งเด็กชายและเด็กหญิง

 

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

ห้อง i-Mac ไม่ต้องนับแล้วว่าแม่ว้าวไปกี่ว้าวแล้ว เพราะห้องคอมพิวเตอร์ที่มีเครื่อง Mac ให้ใช้หนึ่งคนหนึ่งเครื่องนั้น  เป็นเครื่องมือชั้นดี ที่ช่วยต่อยอดจินตนาการเด็กๆให้ไปได้ไกลยิ่งขึ้น

 

2. อาหารจากความใส่ใจ และเด็กๆช่วยคิดเมนูเองได้

โรงอาหารปลอดภัย Q Canteen ที่คล้ายจะเป็นโรงอาหารในฝันของแม่ๆ เพราะที่นี่มีข้อกำหนดของการจัดการร้านอาหารไว้อย่างดี โรงอาหารที่นี่มีอยู่สองร้าน แต่เป็นสองร้านที่มีคุณภาพ เพราะวัตถุดิบของแต่ละร้านผ่านการคัดสรรมาอย่างดี โดยทางโรงเรียนจะระบุแหล่งซื้อวัตถุดิบที่ปลอดภัยปลอดสารให้กับทางร้าน เมนูที่เด็กๆได้ช่วยกันสร้างสรร และคิดเมนูที่อยากทานเองกับแม่ครัว ช่วยให้เด็กๆมีช่วงเวลาความสุขกับอาหารกลางวันที่โรงเรียน รวมถึงที่นี่สอนให้เด็กๆเข้าใจถึงที่มาของอาหาร อย่างในเด็กอนุบาลได้ลงมือและเรียนรู้การปลูกข้าวจนจบกระบวนการเป็นข้าวให้พวกเขาได้รับประทานกัน

 

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

 

3. ระเบียบวินัยที่สร้างได้จริง

การสร้างระเบียบวินัยของเด็กๆในโรงเรียนนี้ มีทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน ในห้องเรียนจะใช้วางระบบ Classroom Management มีการหมุนเวียนนักเรียนให้พอดีกับกิจกรรม หรือภาษามือที่สร้างความเข้าใจเดียวกัน ครูผู้สอนจะรับทราบได้ว่าเด็กต้องการอะไรโดยไม่ต้องมีการตะโกนหรือส่งเสียงดังข้ามไปมา และไม่มีการเคาะโต๊ะ ให้นักเรียนเงียบ ส่วนวินัยนอกห้องเรียนคือ วินัยส่วนรวมในสถานที่ส่วนกลางของทุกคน จะมีการฝึกให้กิน เล่น เก็บอย่างมีระบบ เป็นต้น

 

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

1.สนามเด็กเล่นของพี่ๆชั้นประถม ทางโรงเรียนจะจัดสรรเวลาในช่วงพัก 10 โมงและช่วงเที่ยง ให้เด็กๆได้มาออกกำลังและได้ลงมาผ่อนคลายกัน ทางโรงเรียนปักธงไว้ บอกเรื่องค่าฝุ่นPM 2.5 ให้เด็กดูสีจากธง เด็กๆจะรู้ได้เองว่าสามารถลงมาเล่นได้หรือไม่

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

2. ส่วนของน้องๆอนุบาล 1- 3 จะมีส่วนสนามพัฒนาสมอง จัดสรรเวลาเล่น สลับกันในแต่ละระดับชั้น พื้นฐานจากการคิดกิจกรรมที่สอดคล้องกับการสอน อย่างช่วงนี้จะมีการสอนเรื่อง “กล้วย” ใช้จุดเริ่มต้นมาจากสิ่งที่มีอยู่ในโรงเรียนอยู่แล้ว จึงออกแบบทางเดินไปยังสนามทรายละเอียดเพื่อทำความรู้จักกับต้นกล้วยไปในตัว ปิดท้ายด้วยความสนุกของสนามเด็กเล่น

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

3. กิจกรรมและการสร้างวินัยอื่นๆที่เด็กๆจะได้เรียนรู้ เช่น หลังรับประทานอาหารควรล้างและเก็บตรงไหน เด็กๆจะมีกล่องข้าวเป็นของตัวเอง เพื่อฝึกความรับผิดชอบตัวเอง ต้องล้างและจัดการกล่องข้าวของตัวเอง การทิ้งเศษอาหารหรือการแยกขยะประเภทต่างๆ ที่หากสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ คุณครูก็จะต่อยอดเป็นกิจกรรมการสอนในห้องเรียนด้วย รวมถึงการสอนความรู้พื้นฐาน แบบลงมือปฏิบัติจริง เพิ่มการรับรู้และการสังเกตในเด็กเล็ก อย่างการปลูกข้าวที่จะรู้กระบวนการตั้งแต่เริ่มต้น จนจบที่บนจานอาหาร

 

4. นักจิตวิทยาประจำโรงเรียน

หากเกิดการทะเลาะกันในโรงเรียน  เด็กที่มีพฤติกรรม อารมณ์ที่แตกต่างออกไป รวมถึงปัญหาในการเรียน  ทางโรงเรียนจะไม่ตัดสินเด็กในทันที  จะสอบถามกับทางนักเรียนและผู้ปกครอง รวมถึงมีการประชุมครูในแต่ละระดับชั้นเป็นประจำ หากนักเรียนคนไหนประสบปัญหาที่มีความซับซ้อนเกินกว่าที่คุณครูประจำชั้นประเมินไว้ ทางโรงเรียนจะปรึกษาร่วมกัน ระหว่างคุณครู นักจิตวิทยาประจำโรงเรียน และผู้ปกครอง โดยมีนักจิตวิทยาเป็นตัวกลาง ช่วยปรับเด็กให้ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาและช่วยให้นักเรียนมีความสบายใจและมีความสุขในการเรียนด้วย

5.  ความปลอดภัยที่พ่อแม่อุ่นใจได้

ผู้ปกครองหรือผู้ที่มารับ-ส่ง เด็กๆสามารถมาส่งได้แค่หน้าห้องธุรการ ซึ่งเป็นส่วนด้านหน้าสุดของโรงเรียนเท่านั้น ใครก็ตามที่จะมารับต้องแจ้งกับทางโรงเรียนก่อน โดยที่นี่มีการจัดการผ่านระบบ เป็นแอปพลิเคชั่นของทางโรงเรียน ว่าจะมารับนักเรียนแล้ว หากเปลี่ยนแปลงผู้มารับส่งจะต้องแจ้งทางโรงเรียนให้ทราบก่อน ซึ่งทางโรงเรียนจะแจ้งทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ครูทุกคนไปจนถึงรปภ.ด้านหน้ารับทราบร่วมกัน เรียกได้ว่าเกื้อกูลและช่วยเหลือดูแลกันเหมือนเป็นลูกของตัวเอง

 

 

♥ Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

– โรงเรียนนี้ไม่มีการบ้าน!  ใช้วิธีวัดผลการเรียนแบบเข้าถึง ไม่มีการจัดลำดับที่ ประเมินระหว่างทางการสอน คุณครูมีเช็คลิสต์ในการเรียนแต่ละวัน

-ไม่มีการเคาะโต๊ะ ให้นักเรียนเงียบ กำหนดภาษามือที่สร้างความเข้าใจเดียวกัน เด็กๆก็ใช้ระบบเดียวกันกับเพื่อนด้วย ครูไม่ต้องตะโกนสั่ง สอนวิธีการเงียบ และสร้างวินัยแบบเป็นระบบ

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

-โต๊ะเรียนปรับระดับได้ ตามความสูงของนักเรียน   เช่น ในเด็กที่สายตาสั้น ให้นักเรียนช่วยกันดู สามารถเปลี่ยนสลับที่นั่งกันได้

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

-เรียนแบบชิลๆ ทั้งบรรยากาศและอารมณ์ของผู้คน โรงเรียนนี้สร้างความรู้สึกไม่กดดัน ไม่ต้องใส่ชุดนักเรียนทุกวัน ใส่ชุดไปรเวทสองวันต่อสัปดาห์ หรือที่คุณครูวางแผนไว้ในเทอมหน้า หากหน้าฝนไม่ต้องใส่รองเท้านักเรียนมา ใส่รองเท้าแตะแบบสุภาพ เพื่อให้เด็กๆรู้สึกสบายตัวสบายใจ และอยากมาโรงเรียน

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

-โรงเรียนสร้างนักคิด ผ่านกิจกรรมคำถาม ที่ดึงศักยภาพของเด็กๆออกมาผ่านการถามคำถาม ไม่ตัดสินเด็กว่าถูกหรือผิด เน้นให้เด็กๆกล้าที่แสดงความคิดเห็นและมีความคิดอย่างเป็นระบบ

 

♣ ที่อยู่ : โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

14/7 หมู่ 3 ถ.บางกรวย -ไทรน้อย ตำบล บางสีทอง อำเภอ บางกรวย จังหวัด นนทบุรี

โทร. 080-065-5596

♣ ระดับที่เปิดสอน : ระดับชั้นอนุบาล 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 3

♣ อัตราค่าเล่าเรียน : ประมาณ 35,000 บาท/เทอม

♣ เว็บไซต์ : https://prasartvidnon.ac.th/

♣ FBhttps://www.facebook.com/Prasartvidnonschool

 

 

โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี
ครูทับทิม -คุณ จิตสุภา โตตาบ
รองผู้อำนวยการและ หัวหน้าฝ่ายบริหารงานบุคคล
ครูที่มีความชำนาญเฉพาะทาง อย่างด้านภาษา ครูทับทิมจจบการศึกษาปริญญาตรี อักษรศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ปริญญาโท ด้านการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ MEd inTESOL, University of Exeter, UK และด้านการเรียนการสอนเด็กเล็ก Distinction in the Kindergarten Teacher Examination, University of Greenwich, UK– TKT (Teaching Knowledge Test), Cambridge Assessment English.
เรียกได้ว่าเป็นครูรุ่นใหม่ที่นำความรู้ บวกกับประสบการณ์ในการสอน มาปรับใช้และพัฒนาเด็กๆในทุกๆด้าน ให้เท่าทันสถานการณ์ปัจจุบันรวมถึงเป็นผู้นำทีมคุณครูรุ่นใหม่ๆ สร้างเป็นทีมเวิร์คที่ดี มีการปรึกษากันในการทำงานอยู่เสมอ จึงเกิดการเรียนการสอนและการดูแลเด็กที่มีคุณภาพ

 

Editor : แม่พีท-พริม
ภาพ : กรานต์ชนก บุญบำรุง + ภาพจากรร.


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

ปัญหาหลังคลอด

แม่ซึมเศร้า ลูกร้องไห้ สารพัด ปัญหาหลังคลอด ที่แม่มือใหม่ต้องเจอ กับหมอวิน เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ

Alternative Textaccount_circle
event
ปัญหาหลังคลอด
ปัญหาหลังคลอด

ปัญหาหลังคลอด คือ อาการที่เกิดขึ้นกับคุณแม่หลังคลอดบุตร มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย และทางด้านจิตใจ เนื่องจากฮอร์โมนฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรนลดลง ดังนั้นคุณแม่ควรทำความเข้าใจ และเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ

ไขข้อสงสัย ปัญหาหลังคลอด ที่แม่มือใหม่ต้องเจอ
กับหมอวิน เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ

สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ และคุณพ่อมือใหม่ที่กำลังรอวันที่ลูกรักลืมตาดูโลก นอกจากการจัดเตรียมบ้าน จัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้เด็กอ่อนสำหรับต้อนรับสมาชิกใหม่ในครอบครัว ยังมี ปัญหาหลังคลอด ที่น่ากังวลใจ และอาจเกิดความเข้าใจผิดตามมาอีกหลายอย่างที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจและเตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อม เพื่อเตรียมรับมือและจัดการกับ ปัญหาลูกรัก ต่าง ๆ ได้อย่างรอบคอบ สบายใจ และสามารถเลี้ยงลูกรักให้เติบโตอย่างมีความสุขและแข็งแรง วันนี้ ทีมแม่ ABK มีความรู้ดี ๆ จาก ผศ.นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ (หมอวิน) เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ มาฝากคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ทุกคนกัน

ปัญหาหลังคลอด
ศ.นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ (หมอวิน) เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ

ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด ปัญหาหลังคลอด – ภัยเงียบที่คุณแม่ส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว!

อาการอย่างหนึ่งที่พบเห็นได้บ่อยหลังจากคลอดลูก นั่นคือ “ซึมเศร้า” ซึ่งอาการซึมเศร้านี้มีหลายระดับ แบ่งเป็น

  • ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (Maternity Blues หรือ Postpartum Blues)

คุณแม่หลายคนอาจจะคิดว่าตัวเองคงไม่มีภาวะซึมเศร้าหลังคลอด เพราะก่อนคลอดลูก คุณแม่ก็มีความสุขดี ปกติดีทุกอย่าง แต่เมื่อคุณแม่คลอดลูกแล้ว อาจเกิดภาวะซึมเศร้าตามมาได้โดยไม่ได้ตั้งตัว จากการศึกษา พบว่า คุณแม่ร้อยละ 65-80 เคยผ่านการเป็นภาวะซึมเศร้าหลังคลอด โดยภาวะซึมเศร้าหลังคลอดมักเกิดขึ้นกับคุณแม่ ตั้งแต่ 2-3 วันแรก ไปจนถึง 2 สัปดาห์หลังคลอด อาการที่พบเห็นได้ทั่วไปคือ ไม่มีความสุข รู้สึกวิตกกังวล ไม่มั่นคงทางอารมณ์ รู้สึกไม่สบายใจ เศร้าใจ เสียใจ

แม่ซึมเศร้า ลูกร้องไห้: สารพัด ปัญหาลูกรัก ที่คุณแม่มือใหม่ต้องเจอ กับหมอวิน เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ

หากคุณแม่เริ่มมีอาการที่หนักมากยิ่งขึ้น และอาการเหล่านั้นมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตมากขึ้น คุณแม่อาจกำลังเป็น “โรคซึมเศร้าหลังคลอด” ซึ่งมีความรุนแรงของอาการมากกว่า “ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด” โดยสามารถเกิดอาหารตั้งแต่ 2-3 เดือนแรก ไปจนถึง 1 ปี หลังคลอด หากไม่ได้รับการรักษาให้ถูกวิธีและทันท่วงที อาจเกิดอาการทางจิตตามมาได้ เป็น “จิตเภทหลังคลอด” ซึ่งจะมีอาการที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น เช่น ได้ยินเสียงแว่ว เกิดภาพหลอน แม้ว่าจะมีอาการที่รุนแรง แต่จิตเภทประเภทนี้เป็นจิตเภทที่พบได้ไม่บ่อยนัก

อาการของโรคซึมเศร้าหลังคลอด ที่คุณแม่และคนรอบข้างสามารถสังเกตเห็นได้ มักจะเป็นความรู้สึกเศร้าขึ้นมาเอง เป็นอาการของจิตใจและอารมณ์ที่กระทบกับการใช้ชีวิต เช่น การกิน การนอน รู้สึกง่วงผิดปกติตลอดเวลา ถึงจะนอนพักผ่อนเยอะแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกง่วงมาก หรือคุณแม่บางคนอาจมีอาการนอนไม่หลับ บางคนกินอาหารไม่ได้ กินอาหารไม่หยุดจนผิดปกติ งานอดิเรกที่เคยชื่นชอบ ก็ทำแล้วไม่รู้สึกมีความสุขอย่างเคย เช่น ซีรีส์ที่เคยดูแล้วสนุก ตอนนี้ก็ดูแล้วไม่สนุกแล้ว ส่งผลกระทบต่อการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม รู้สึกอยากปลีกตัว รู้สึกแปลกแยกจากสังคม มีความคิดร้าย ๆ ความคิดในแง่ลบเกี่ยวกับตัวเอง ลูก และคนรอบข้าง เช่น รู้สึกอยากทำร้ายตัวเอง รู้สึกไม่อยากตื่นขึ้นมาอีก รู้สึกอยากจะทิ้งลูก คิดลบกับตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอ เป็นแม่ที่ไม่ดี จิตใจอ่อนแอ เป็นแม่ที่ไม่ดีพอ เป็นแม่ที่ใช้ไม่ได้ เป็นต้น

หากมีอาการเช่นนี้ ควรรับการรักษาทันที จากประสบการณ์ของคุณหมอวิน เวลาที่คุณแม่พาลูกมาตรวจสุขภาพหลังคลอด นอกจากการถามถึงสุขภาพของลูกแล้ว คุณหมอจะถามถึงความรู้สึกและความเป็นอยู่ของคุณแม่ด้วย เพื่อเป็นการทดสอบว่า คุณแม่กำลังมีอาการที่เสี่ยงภาวะซึมเศร้าหรือไม่ เช่น คุณหมอจะถามว่า คุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง เหนื่อยไหม ยังไหวอยู่ไหม ซึ่งคุณแม่บางคนได้ยินคำถามแล้วร้องไห้ทันทีเหมือนถูกปลดล็อก หรือคุณแม่บางคนก็มีท่าทีนิ่งเฉยแบบดูไม่มีอารมณ์ร่วม หากมีอาการเช่นนี้ คุณหมอจะได้ให้การรักษาได้อย่างทันท่วงที

ภาวะและโรคซึมเศร้าหลังคลอดนั้นสามารถรักษาได้ โดยยาที่รักษาภาวะซึมเศร้าและโรคซึมเศร้าหลังคลอดนั้นมีหลายชนิด มียาหลายชนิดที่สามารถรับประทานไปพร้อมกับให้นมลูกได้ตามปกติ ซึ่งหากรับการรักษาแล้วมีความจำเป็นต้องใช้ยาที่ต้องงดนมแม่ คุณหมอก็จะแจ้งกับคุณแม่ เพื่องดการให้นมในช่วงที่ต้องรับการรักษา และหานมทางเลือกอื่นมาทดแทนนมแม่ เพราะถึงแม้ว่า นมแม่จะเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ทำให้ลูกแข็งแรง แต่สิ่งที่ลูกต้องการมากที่สุดคือ “แม่” มากกว่าต้องการนมแม่ คุณแม่จึงต้องรักษาสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรงก่อน ลูกจึงจะแข็งแรงตามไปด้วย

จากการศึกษาพบว่า การออกกำลังกาย การออกไปเจอแสงแดด การเปิดโอกาสให้ร่างกายได้รับวิตามินดีบ้าง สำคัญสำหรับจิตใจและอารมณ์ โดยสารอาหารที่คุณแม่มักจะขาดคือ “โปรตีน” ถ้ารู้สึกว่าตัวเองรู้สึกดาวน์ ควรลดปริมาณอาหารที่มีคาเฟอีนลง จะช่วยให้สภาพจิตใจดีขึ้น นอกจากนี้ควรฝึกการให้นมลูกท่านอน จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกสบายตัวมากขึ้น ลดภาระในการให้นมลูกลงบ้าง ไม่ต้องนั่งหลังขดหลังแข็ง ลดความเหนื่อยล้า ให้คุณแม่ได้นอนหลับไปพร้อมกับลูก

 

#คุณพ่อ : บุคคลสำคัญที่ช่วยคุณแม่ก้าวข้ามความเศร้า

คุณพ่อคือตัวช่วยสำคัญที่ช่วยให้คุณแม่หลังคลอด สามารถก้าวข้ามผ่านภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้ โดยการสังเกตอาการของคุณแม่ ว่ามีพฤติกรรม และลักษณะนิสัยที่แตกต่างไปหลังจากคลอดหรือไม่ เปลี่ยนแปลงไปจนผิดปกติหรือไม่ เพราะคุณแม่ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดลบอยู่ คุณพ่อจึงต้องเป็นคนที่คอยสังเกตว่า คุณแม่มีอาการเป็นอย่างไรบ้าง  คุณพ่อสามารถช่วยลดอาการเหล่านี้ได้ด้วยการพูดคุยกับคุณแม่อยู่เสมอ คอยให้กำลังใจ สร้างความมั่นใจ รวมไปถึงช่วยทำงานบ้าน โดยเฉพาะในเดือนแรก เพราะคุณแม่เพิ่งผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมา ทั้งการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ความเจ็บป่วยทางกายและทางใจ

ตัวอย่างที่คุณพ่อช่วยทำได้ ได้แก่

  • ช่วยอุ้มลูก กล่อมลูก
  • ล้างอุปกรณ์ต่าง ๆ
  • เตรียมอาหาร
  • ช่วยเยียวยาจิตใจ เพราะการรับประทานอาหารที่ดี สลับกับอาหารที่ชอบ ก็จะช่วยให้คุณแม่มีความสุขได้

 

สุขภาพหัวนม ปัญหาหลังคลอด สำคัญไม่แพ้นมแม่

ยิ่งใกล้ถึงกำหนดคลอด คุณแม่ก็มักจะใส่ใจกับการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น อวัยวะส่วนหนึ่งที่คุณแม่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ “หัวนม” และ “ลานนม” โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายก่อนคลอด ควรสังเกตดูหัวนมและลานนมของตนเองว่ามีลักษณะเป็นอย่างไรบ้าง เช่น หัวนมบอด ลานนมแข็ง เป็นต้น เพื่อที่จะได้แจ้งแพทย์ให้ดูแลบริเวณนี้เป็นพิเศษ

นอกจากนี้คุณแม่ไม่ควรยุ่งกับหัวนมหรือลานนมมากเกินไป คุณแม่บางคนต้องการให้ลูกรับประทานน้ำนมเหลือง จึงเริ่มเก็บน้ำนมตั้งแต่ก่อนคลอด ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ไม่ถูกต้อง ไม่ควรทำ เพราะการยุ่งกับหัวนมและลานนมก่อนเวลาอันควรอาจเป็นการกระตุ้นให้คลอดก่อนกำหนดได้ อาจทำให้หัวนมลานนมแตก ทำให้รู้สึกเจ็บทรมานตามมาได้

อย่ารีบซื้อเครื่องปั๊มนมเร็วเกินไป หัวนมและลานนมเป็นอวัยวะที่มีการเปลี่ยนขนาดอยู่ตลอดการตั้งครรภ์ จึงควรเลือกซื้อเครื่องปั๊มนมช่วงใกล้คลอดหรือหลังคลอด เพราะขนาดของหัวนมคุณแม่อาจเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ทำให้เครื่องที่ซื้อมาล่วงหน้ามีขนาดไม่พอดี ไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ควรให้นมแม่ด้วยการเข้าเต้าก่อน คุณแม่หลายคนมีปัญหาเรื่องน้ำนมน้อย น้ำนมไม่ไหล จึงกังวลว่าตนเองจะไม่มีนมให้ลูกกิน รู้สึกวิตกกังวลจนอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้ คุณหมอวินยืนยันว่า น้ำนมเหลืองหรือน้ำนมแม่นั้นอยู่ในหน้าอกแม่ แต่อาจจะยังไม่เห็นในช่วงแรก บีบไม่ออก ถ้าคุณแม่พาลูกเข้าเต้า ลูกก็จะได้รับนมที่มีคุณค่าทางอาหารอย่างแน่นอน คุณแม่จึงควรเอาลูกเข้าเต้าสม่ำเสมอ และควรฝึกวิธีการเอาลูกเข้าเต้าตั้งแต่ที่โรงพยาบาลก่อนกลับบ้าน โดยช่วงเวลาคุณแม่พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล คือช่วงเวลาที่เหมาสำหรับการเรียนรู้วิธีการให้นมแม่ที่ถูกต้อง

 

ท่าให้นมที่คุณแม่ควรฝึก

  • การให้นมท่านั่ง มือจับประคองหัวลูกเข้าเต้า ข้อสะโพกต้องงอขึ้นเล็กน้อย จึงควรหาอะไรหนุนเท้าให้สูงขึ้น เพื่อให้หน้าขางอเข้าหาตัวเล็กน้อย ป้องกันอาการเกร็ง ปวดเมื่อย ตะคริวกิน คุณแม่สามารถปล่อยมือจากลูกได้ โดยที่ลูกไม่พลิกออกจากเต้านม
  • การให้นมท่านอน

 

3 เทคนิคการให้ลูกดูดนมแม่หลังคลอด

  • ดูดเร็ว ควรให้ลูกดูดนมแม่ให้เร็วที่สุด ภายในในชั่วโมงแรกหลังคลอด
  • ดูดถูก ควรฝึกวิธีการจับประคองลูกดูดนมจากเต้าให้ถูกท่า ถูกวิธี โดยท่าที่ถูกต้องคือปากของลุกต้องครอบลานนม ปากลูกบานออกเป็นปากเป็ด คางจมเต้า จมูกชิดเต้า เพื่อให้เกิดสุญญากาศในช่องปาก ทำให้ลูกสามารถดูดน้ำนมออกมาได้อย่างถูกวิธี ช่วยให้น้ำนมแม่ไหลดี ถ้าลูกดูดผิดวิธี จะมีเสียงจั๊บ ๆ มี่เกิดจากการที่ปากของลูกไม่ชิดเต้านมแม่ ทำให้ไม่เกิดสุญญากาศภายในปากของลูก ทำให้ลูกดูดนมได้ไม่ดี น้ำนมไหลไม่สม่ำเสมอ น้ำนมไหลน้อย ทำให้ลูกรู้สึกหงุดหงิด หรืออาจทำให้ลูกเคี้ยวหัวนมเพื่อให้น้ำนมไหลออกมา ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้หัวนมและลานนมแตก บาดเจ็บได้
  • ดูดสม่ำเสมอ คุณแม่ควรพาลูกเข้าเต้าเพื่อกินนมเป็นประจำสม่ำเสมอ ตามความหิวและความอิ่มของลูก ต่อให้ไม่มีน้ำนม หรือมีน้ำนมน้อย คุณแม่ก็ควรพาลูกเข้าเต้าสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการกระตุ้นการผลิตน้ำนมแม่

 

อ่านต่อ..ไขข้อสงสัย ปัญหาหลังคลอด ที่แม่มือใหม่ต้องเจอ
กับหมอวิน เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ
ที่คุณแม่มือใหม่ต้องเจอ กับหมอวิน เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ ..ที่หน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เมนูคะน้าฮ่องกง

เชฟแม่..แชร์สูตรเด็ด เมนูคะน้าฮ่องกง ราดน้ำมันหอย เขียวด้วย..อร่อยดี (มีคลิป)

event
เมนูคะน้าฮ่องกง
เมนูคะน้าฮ่องกง

เมนูคะน้าฮ่องกง ทำไมต้องผักคะน้า (Brassica oleracea var. alboglabra)

ผักคะน้า มีทั้งของไทยและของฮ่องกง แต่สำหรับเด็กแล้ว คุณแม่ปอมแนะนำให้เริ่มจากใช้ ผักคะน้าฮ่องกง ก่อนเพราะ จุดขายของเราก็คือความกรุบกรอบของก้าน ซึ่งคะน้าไทยมักจะมีก้านเล็ก(แต่หากหาชนิดก้านใหญ่ได้ก็ใช้ได้เช่นกัน)  บางครั้งจะเหนียวทั้งก้านและทั้งใบ ซึ่งจะพาลให้เหล่าวัยกระเตาะไม่ซื้อแถมขยาดไปตามๆ กัน

จริงๆ แล้ว คะน้า ถูกจัดอยู่ในวงศ์กะหล่ำ (Cruciferous Vegetable) เช่นเดียวกับ บร็อคโคลี่ ฝรั่งถึงเรียกคะน้าว่า Chinese Broccoli หรือ Gai Lan 芥蓝 แบบแคนโตนิส ผักประเภทนี้ค่อนข้างท้าท้ายแก๊งฟันน้ำนม โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพันธุกรรมต่อมรับรู้รสที่ไวต่อรสขมเป็นอย่างมาก  ถือเป็นกลุ่มผักที่ท้าทาย แต่คุ้มค่ามากถ้าเด็ก ๆ จะหลงรักมัน ไว้มีโอกาสจะกลับมาพูดเรื่องผักวงศ์นี้อีก

แจกสูตร..ลูกซัดหมดจาน
เมนูคะน้าฮ่องกง ราดน้ำมันหอย เขียวด้วยอร่อยดี

(เหมาะสำหับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป เนื่องจากมีส่วนผสมของซอสปรุงรส)
เมนูจาก Rima’s Recipes โดย รัตมา พงศ์พนรัตน์ พรชำนิ

 

พี่คะน้าอุดมไปด้วยวิตามินเอ และวิตามินซี ซึ่งทั้งสองตัวเกี่ยวพัน กับระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง ยังสามารถลดการอักเสบ และลดเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย ทั้งฝุ่น ทั้งโรคระบาดอีกด้วย สำหรับวัยที่ติดจอ คะน้าเป็นอาหารต้นทางมีลูตีนสูง เชื่อว่าแม่ๆหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับวิตามินนี้ในการใช้บำรุงดูแลดวงตา ส่วนลูกบ้านไหนมีปัญหาขับถ่าย

อีกทั้ง ผักคะน้า ยังมีไฟเบอร์สูงสามารถช่วยในการขับถ่ายได้ดี นี่ก็เป็นเหตุผลหลักว่าทำไมลูกเราควรมีพี่คะน้าไว้ในอ้อมใจ ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกอย่างในโลกนี้มักมีสองด้านเสมอ การเลือกซื้อคะน้าเป็นสิ่งสำคัญ เราควรต้องสอบถามต้นทางการผลิตให้แน่ใจ เพราะไม่ใช่แค่คะน้าแต่ผักในวงศ์นี้สามารถกักเก็บสารเคมีไว้ได้เยอะเช่นกัน การทำความสะอาจก่อนรับประทานจึงเป็นสิ่งสำคัญของพืชวงศ์นี้

เมนูคะน้าฮ่องกง

เครื่องปรุง เมนูคะน้าฮ่องกง ราดน้ำมันหอย

  • คะน้าฮ่องกง 250 กรัม
  • น้ำมันกระทียม 3 ช้อนชา หรือ1 ช้อนโต๊ะ
  • กระทียมสดสับ 1 ช้อนชา
  • น้ำมันหอย 2  ช้อนชา (จะใส่หรือๆไม่ใส่ก็ได้)
  • น้ำปลา 1 ช้อนชา

https://www.tiktok.com/@amarinbabyandkids/video/7239892627854724358

 

@amarinbabyandkids คะน้าฮ่องกงราดน้ำมันหอย เมนูง่ายๆ ชวนเด็กๆ มาทานผักกันเถอะ ☺️🥬 #เมนูง่ายๆ #เมนูอาหาร #เมนูลูกรัก #ทำอาหาร #เข้าครัวทํากับข้าว #ทีมแม่abk #fyp #foryoupage ♬ original sound – AmarinBabyAndKids

 

เคล็ดลับการปรุงอาหาร เมนูคะน้าฮ่องกง ราดน้ำมันหอย

1. เวลาล้างผักทุกครั้งไม่ว่าจะนำไปปรุงด้วยวิธีใดก็ตาม แนะนำให้สลัดน้ำออกจากผักหรือซับให้แห้งสนิท เพราะน้ำที่ค้างอยู่ในตัวผักอาจทำให้ผักเละได้

2. การลวกจะช่วยลดความขมที่มาจากเจ้า glucosinolates ในผักหลักการในการลวก ที่ร่ำเรียนมาตั้งแต่แม่อยู่ประถม คือ น้ำน้อยไฟแรง และใช้เวลาสั้น ยังคงเชื่อได้อยู่ แต่แม่ขอเพิ่มเกลือลงไปนิดตอนน้ำเดือด ที่เรียนรู้มาจากคุณชวด โดยใช้เวลาลวกเพียง 20 -30 วินาที (ขึ้นอยู่กับความใหญ่ของก้าน) จากนั้นนำผักใส่ในน้ำเย็นจัด เพื่อให้ผักมีสีเขียวสดใสน่ารับประทานยิ่งขึ้น และซับให้แห้งอีกครั้งก่อนเสิร์ฟ

3. เนื่องจากเป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน คุณแม่เลยใช้เทคนิคการทำซอสจากน้ำมันร้อนๆผสมกับน้ำปลาและน้ำมันหอยนิดหน่อย แล้วราดลงบนกระทียมสดสับและคะน้าที่ลวกแล้ว เพราะน้ำมันร้อนๆจะทำให้ดึงรสชาติกระเทียมสดที่ใส่ลงไปให้หอมอบอวลมากขึ้น พี่ผักคะน้าของเราก็จะขึ้นเงา เปล่งเฉดเขียวสดให้ดูน่ารับประทานมากขึ้น พอดีลูกสาวช่วงนี้ชอบรับประทานกระเทียมเจียว ส่วนตัวเลยอยากทดลองว่าถ้าเป็นกระทียมสดที่ราดน้ำมันร้อนๆนี้จะดึงดูดสาวเจ้าได้หรือไม่

รสชาติและรสสัมผัสที่จะทำให้จานนี้ซื้อใจเจ้าตัวน้อย

ก้านต้องสุกพอดี หวานปะแล่ม รสสัมผัสกรุบกรอบ ผักใบต้องสวยไม่เละ แหย่ะปาก และที่สำคัญต้องทำให้รสขมเจือจางลง เพิ่มรสความกลมกล่อมอุมามิ ไม่เค็มจัดจนเกินพอดี และไม่จำเป็นต้องเพิ่มน้ำตาล เพราะความหวานได้จากผักอยู่แล้ว


ขอบคุณข้อมูลจาก : Rima’s Recipes

 

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!

 

สร้างวินัยเชิงบวก

เทคนิค สร้างวินัยเชิงบวก และ ทักษะชีวิตให้ลูก โดย ครูหม่อม – ปนัดดา ธนเศรษฐกร

Alternative Textaccount_circle
event
สร้างวินัยเชิงบวก
สร้างวินัยเชิงบวก

ครูหม่อม – ปนัดดา ธนเศรษฐกร แนะนำเทคนิค สร้างวินัยเชิงบวก ทั้งเรื่องการกิน นอน เล่น ตั้งแต่ยังเล็กๆ เพื่อเป็นทักษะชีวิตที่ดีให้ลูก เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ พ่อแม่ควรทำอย่างไร ฝึกตัวเอง หรือ สอนลูกแบบไหน ตามดูกันค่ะ

ครูหม่อม แนะเทคนิค! สร้างวินัยเชิงบวก และ ทักษะชีวิตให้ลูก
เชื่อฟังพ่อแม่
เติบโตเป็นคนดี

คุณพ่อคุณแม่หลายคน น่าจะเคยเผชิญกับสถานการณ์หรือเหตุการณ์น่าปวดหัว ที่ลูกรักสรรหามาให้ในแต่ละวัน จนบางครั้ง คุณพ่อคุณแม่ผู้แสนใจดี ก็ต้องแปลงร่างกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาลูกบ้าง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่แสนเหน็ดเหนื่อย อย่างเวลาที่กินข้าว เวลาที่ลูกเล่นของเล่น เวลาที่เก็บของเล่น และเวลาที่ลูกนอน เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เป็นไม้เบื่อไม้เมา คุณพอ่คุณแม่ต้องเคยเจออย่างแน่นอน แล้วคุณพ่อคุณแม่จะมีวิธีอย่างไร ในการสอนลูกให้เชื่อฟัง ให้ลูกยอมทำตาม ให้ลูกเติบโตมาเป็นเด็กดี โดยที่ไม่ทำร้ายความรู้สึกของลูกและไม่ทำลายความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ครูหม่อม – ปนัดดา ธนเศรษฐกร มีเทคนิคการสร้างวินัยและ ทักษะชีวิตให้ลูก มาฝากคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ

สร้างวินัยเชิงบวก
ครูหม่อม – ผศ.ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร ผู้เชี่ยวชาญด้าน EF และการเลี้ยงลูกเชิงบวกสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล

สร้างวินัยเชิงบวก กิน เล่น นอน: ช่วงเวลาปวดหัวที่พ่อแม่ต้องเจอ

เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่พ่อแม่จะต้องรบกับลูกเป็นประจำ เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนจะต้องนึกถึงช่วงเวลา “การกิน” “การเล่น” และ “การนอน” อย่างแน่นอน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ลูกมักจะดื้อ และงอแงที่สุด ครูหม่อมแนะนำว่า สื่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำ ไม่ใช่การอดทน ไม่ใช่การพยายามใจเย็น แต่ต้องรู้จัก “ทำใจให้เป็น”

วิธีการทำใจให้เป็น เริ่มต้นจากการมองย้อนไปที่ตัวเรา สมัยที่ยังเป็นเด็ก ว่าเราเคยดื้อเวลากินข้าว เล่น และนอนบ้างหรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนต้องเคยเป็นแบบนี้มาก่อน ในวันนี้ที่เราเป็นพ่อแม่เสียเอง เราก็กำลังเผชิญกับเหตุการณ์เช่นเดียวกับที่พ่อแม่ของเราเคยเจอเราแผลงฤทธิ์มาก่อน เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เมื่อเราทำใจว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ เราจะสามารถก้าวไปยังสเต็ปต่อไปได้

ครูหม่อมเล่าว่า เด็กไทย 80% ต้องเคยกินข้าวพร้อมน้ำตามาก่อน เพราะพ่อแม่มักจะบังคับให้ลูกกินข้าว ซึ่งปัญหาที่เจอบ่อยที่สุดคือ ลูกมักจะกินข้าวแค่นิดเดียว แล้วก็ไม่ยอมกินต่อแล้ว เมื่อคุณพ่อคุณแม่บอกให้ลูกกินต่อ บางครั้งลูกก็อาจงอแงไม่ยอมกินแล้ว หรืออาจบอกว่า อิ่มแล้ว ไม่อยากกิน ไม่ชอบกิน

การสอนลูกให้มีวินัย สร้างวินัยเชิงบวก ในการกินจึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนลูก เมื่อลูกทำได้ ลูกก็จะมี “ทักษะการตัดสินใจ” ซึ่งทักษะนี้สามารถนำไปใช้ได้ ทั้งกับการกิน การซื้อของเล่น การเก็บของเล่น และการนอน โดยการเปิดโอกาสให้ลูกได้มีทางเลือก และรู้จักการตัดสินใจด้วยตัวเอง เมื่อคุณพ่อคุณแม่อนุญาตให้ลูกตัดสินใจ ก็จะทำให้ลูกมีวินัยในการกิน การซื้อของเล่น การเล่นของเล่น และการนอนที่ดีขึ้น เพราะลูกได้มีส่วนร่วมตัดสินใจในเรื่องเหล่านี้

 

กลไกปกป้องตัวเองของเด็ก

เวลาที่ลูกดื้อ งอแงไม่ยอมกินข้าว ไม่ยอมเก็บของเล่น ไม่ยอมนอน สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่บางคนมักจะทำ คือการดุลูก บังคับลูก ให้ลูกต้องทำตามความต้องการของตนเอง

ตัวอย่างเหตุการณ์:

เมื่อลูกกินข้าวไปแค่ไม่กี่คำแล้วหยุดกิน แม้ว่าพ่อกับแม่จะพยายามอธิบายว่า ถ้าไม่กินข้าวให้หมดเดี๋ยวจะหิวนะ แต่ลูกก็ยังยืนยันที่จะไม่กินข้าว พอเวลาผ่านไปสักพัก ลูกก็รู้สึกหิวก่อนจะถึงเวลาอาหารมื้อต่อไป บทสนทนาที่มักเกิดขึ้น มี 2 รูปแบบ ดังนี้

  • ตำหนิลูก ด้วยคำพูดว่า “แม่บอกแล้วใช่ไหม ทำไมไม่ฟัง” การพูดแบบนี้ทำให้ลูกเสียใจ ร้องไห้ เพราะรู้สึกว่าแม่ไม่เป็นพวกเดียวกับตัวเอง แม่ไม่เข้าข้าง เมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในอนาคต ลูกก็จะไม่อยากเล่าให้แม่ฟัง เพราะกลัวว่าจะถูกตำหนิ กลัวว่าแม่จะไม่เป็นพวกเดียวกัน
  • ตามใจลูก ด้วยการหาอาหารให้ลูกกินทันที การทำเช่นนี้ จะทำให้ลูกเรียนรู้ว่า เดี๋ยวแม่ก็หาอาหารมาให้ ไม่จำเป็นต้องกินให้อิ่มก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงเวลามื้อต่อไป ยังไงก็ได้กินอยู่ดี ลูกก็จะยิ่งดื้อมากขึ้นในครั้งต่อ ๆ ไป

ซึ่งการทำแบบนี้ทำให้ลูกรู้สึกว่าถูกบังคับ รู้สึกว่าชีวิตของตัวเองไม่ทางเลือก ไม่สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ รู้สึกสูญเสียความมั่นใจ จนเกิดกลไกการปกป้องตัวเองขึ้นใน 2 ลักษณะ ได้แก่

  • ปกป้องตัวเองด้วยการสู้ เถียง เอาชนะ พยายามแสดงอำนาจเหนือผู้ใหญ่
  • ปกป้องตัวเองด้วยการถอยหนี ไม่สู้ ไม่เถียง ไม่ทำ ไม่ฟัง ไม่หืออือ หรือแอบทำอะไรบางอย่าง โกหก และโทษคนอื่น

ซึ่งการที่เด็กต้องปกป้องตัวเอง เป็นเพราะเด็กรู้สึกไม่ปลอดภัย วินัยจึงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ และคุณพ่อคุณแม่จะไม่ใช่เซฟโซนของลูกอีกต่อไป

 

วิธีแก้ไข สร้างวินัยเชิงบวก ไม่ให้ลูกสูญเสียความมั่นใจ

แก้ได้ด้วยการแสดงความเข้าใจ เชื่อใจ แสดงให้ลูกเห็นและรู้สึก ว่าลูกเป็นคนที่มีความสามารถ ตัดสินใจในเลือกต่างๆ เองได้ และมีทางเลือกให้เลือก

ทุกการตัดสินใจมีผลตามมาเสมอ ผลที่ตามมาคือการเรียนรู้ ในกรณีที่ลูกไม่ยอมกินข้าว หรือกินข้าวไปแค่นิดเดียว ถ้าคุณพ่อคุณแม่บอกลูกว่า ถ้าไม่กินข้าว เดี๋ยวจะหิวนะ ลูกจะนึกไม่ออกว่าความหิวเป็นอย่างไร ทำไมต้องกังวลเรื่องความหิวด้วย เพราะลูกยังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้ จึงเริ่มเกิดการทะเลาะ และเกิดภาพจำของอารมณ์ที่ไม่ดี ทำให้รู้สึกไม่อยากกินข้าวกับพ่อแม่อีก ทั้ง ๆ ที่ช่วงเวลากินข้าวควรจะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข และได้รับความสำคัญ

เมื่อลูกกินข้าวไปนิดเดียว แล้วบอกว่าอิ่มแล้ว ไม่อยากกินแล้ว ถามลูกให้แน่ใจอีกครั้งว่า อิ่มจริงหรือไม่ ถ้าลูกยืนยันว่าอิ่มแล้ว สิ่งที่ตามมา ลูกต้องรับผิดชอบ เมื่อลูกรู้สึกหิวก่อนเวลา คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรตำหนิลูก และไม่ควรตามใจลูก แต่ใช้วิธี “แสดงความเข้าใจ” ให้ลูกเห็นว่า คุณพ่อคุณแม่เข้าใจ และจะอยู่ข้างลูก ด้วยการบอกลูกว่า “แม่เข้าใจว่าหนูหิว แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาอาหาร ไม่เป็นไรลูก ครั้งนี้เราตัดสินใจพลาด เอาไว้เดี๋ยวลองใหม่ครั้งหน้านะ ถ้าหนูหิว เดี๋ยวแม่จะนั่งเป็นเพื่อนหนูจนกว่าจะถึงเวลาอาหารมื้อต่อไป”

การทำแบบนี้ จะทำให้ลูกรู้สึกว่า พ่อแม่กำลังเข้าใจเขา และพ่อแม่พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเขาเมื่อเกิดปัญหาหรือข้อผิดพลาดต่าง ๆ ขึ้น ลูกจะกล้าที่จะผิดพลาด และเมื่อเจอปัญหาในชีวิต ลูกก็กล้าที่จะมาเล่าให้พ่อแม่ฟัง เพราะรู้ว่าพ่อแม่จะอยู่ข้างเขา

 

การแสดงออกของลูก

ในทุกสถานการณ์ เมื่อลูกงอแง จะเกิดการแสดงออกพร้อมกัน 2 อย่าง คือ

  • อารมณ์
  • พฤติกรรม

คุณพ่อคุณแม่มักจะมุ่งความสนใจไปที่พฤติกรรมของลูก เช่น ลูกร้องไห้ ลูกกรีดร้อง ลูกลงไปนอนดิ้นบนพื้น แต่ที่จริงแล้ว พ่อแม่ควรมุ่งความสนใจไปที่อารมณ์ของลูกมากกว่าพฤติกรรม และแสดงให้ลูกเห็นว่าพ่อแม่เข้าใจ และพร้อมจะรับฟัง วันหนึ่งที่ลูกออกไปเผชิญโลกภายนอก แล้วโดนบูลลี่ ลูกก็รู้ว่าสามารถกลับมาเล่าให้พ่อแม่ฟังได้ พ่อแม่จะเข้าใจและอยู่ข้างลูก วิธีการนี้ สามารถเริ่มได้ตั้งแต่ลูกยังอายุหลักหลักเดือน สื่อสารกับลูกด้วย อวจนภาษา (non vobal) เพื่อทำให้ลูกเข้าใจภาษาเหล่านี้ได้ ต่อให้เริ่มสอนเมื่อลูกโตมาแล้ว ก็ยังสามารถทำได้ แต่ต้องใช้เวลาให้ลูกค่อย ๆ เรียนรู้ และปรับตัวเข้ากับวิธีการสื่อสารของพ่อแม่

พฤติกรรมเป็นผลของอารมณ์ มุ่งเน้นการปรับอารมณ์ เมื่อลูกไว้ใจพ่อแม่ พฤติกรรมของลูกก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย

ถ้าลูกอารมณ์ไม่ปกติควรปรับอารมณ์ลูกก่อน รอจนลูกและพ่อแม่อารมณ์ปกติ จึงค่อยสอนด้วยขั้นตอนดังนี้

  1. ตั้งเป้าหมาย ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้
  2. ตั้งเป็นคำถาม ถ้าครั้งหน้าลูกโกรธ โมโหอีก จะทำยังไงได้บ้างที่ไม่ใช่ตีเพื่อน ให้ลูกคิดเอง เพื่อให้ลูกเกิดการเรียนรู้

สร้างวินัยเชิงบวก

♥ หัวใจของการเลี้ยงลูกเชิงบวก

หากพ่อแม่อยาก สร้างวินัยเชิงบวก ให้ลูก การทำให้ลูกรู้สึกว่า

  • มีตัวตน
  • เป็นคนสำคัญ
  • มีความสามารถ

 

ทักษะในการรู้ใจตัวเอง เห็นใจผู้อื่น

การที่ลูกบอกว่าตัวเองต้องการหรือไม่ต้องการทำอะไรนั้น ถือเป็นพัฒนาการของเด็กในการสร้างตัวตนของตัวเอง ทำให้ลูกมีตัวตน เป็นการสร้างทักษะอารมณ์และสังคม เมื่อพ่อแม่แสดงความเข้าใจลูก ทำให้ลูกสร้างทักษะในการ “รู้ใจตัวเอง เห็นใจผู้อื่น” และสามารถที่จะสร้าง “คำศัพท์ทางอารมณ์” ของตัวเองขึ้นมา ซึ่งคำศัพท์ทางอารมณ์นี้เกิดจาก “ความรู้สึก” บวกกับ “สถานการณ์ที่เป็นนามธรรม” จนกลายเป็น “รูปธรรม” ออกมา ซึ่งคำศัพท์ทางอารมณ์นี้คือสิ่งที่ทำให้ลูกรู้จักและเข้าใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เช่น รู้ว่านี่แหละคือความหิว นี่แหละคือความเสียใจ เมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นในอนาคต ลูกจะรู้วิธีในการสื่อสารกับคนรอบข้าง ว่าตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไร

พ่อแม่จึงต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางจิตใจของลูก อย่าซ้ำเติมและทับถม แต่ต้องเข้าใจ และอยู่เคียงข้างลูก

 

ทักษะการให้ลูกทำด้วยตัวเอง

การให้ลูกทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเองเป็นการช่วยเสริมทักษะให้ลูก เช่น ให้ลูกตักอาหารกินเอง เด็กที่กินน้อยจะกินเยอะขึ้นเมื่อลูกรู้จักการทำด้วยตัวเอง รู้จักการพึ่งพาตัวเอง และตระหนักรู้ในตัวตน ว่าตอนนี้กำลังหิวหรือกำลังอิ่ม ลูกสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ บริหารจัดการตัวเองได้ ถ้าผลออกมาไม่ดีอย่างที่คิด คุณพ่อคุณแม่ก็แสดงความเห็นใจ ถ้าผลออกมาดี คุณพ่อคุณแม่ก็ชื่นชม

 

อ่านต่อ.. เทคนิคการสร้างวินัยและ ทักษะชีวิตให้ลูก
โดยครูหม่อม – ปนัดดา ธนเศรษฐกร ..ที่หน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

The CREAM Bangkok คลับมหัศจรรย์ แห่งการเรียนรู้

event

หลังเลิกเรียน วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือช่วงปิดเทอมยาวๆ เป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อสำหรับเด็กหลายๆคน เพราะต้องอยู่บ้านโดยไม่มีกิจกรรมสนุกๆให้ทำแถมไม่ได้เจอเพื่อนอีกด้วย ถ้าเด็กๆได้มีพื้นที่แสดงออกถึงความคิด ได้เล่นและสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองบ้างก็คงจะดี ถ้าแม่ๆกำลังมองหาพื้นที่แบบนี้ให้ลูกอยู่ วันนี้เราจะชวนแม่ๆมาเป็นแขกพิเศษที่โรงแรม The CREAM Bangkok กัน

CREAM” คือ พื้นที่แห่งการเรียนรู้นอกห้องเรียน ที่พร้อมต้อนรับแขกมหัศจรรย์ตัวน้อยทุกเวลา เป็นพื้นที่ที่ช่วยเติมฝันและจินตนาการให้กับเด็กๆ ได้ เล่าเรื่อง เล่าความคิด ผ่านการวาดขีดเขียนหรือรูปแบบอื่นๆที่เด็กถนัด ตามจินตนาการได้อย่างเต็มที่ ก่อตั้งโดย ครูใบปอ อ้อมขวัญ เวชยชัย เธออยากมีพื้นที่ๆทำขึ้นเพื่อเป็น แล็บทดลองของตนเอง เป็นพื้นที่ๆเข้มข้นในเรื่องอ่านเขียน เรียนรู้ และทดลองเล่นสนุกทุกอย่างโดยมีพื้นฐานมาจากการขีดเขียนของเด็กๆ เธออยากจุดประกายให้เด็กๆได้แสดงออกทางความคิดอย่างเต็มที่ พื้นที่นี้เหมือนเป็นที่พื้นที่สมมุติ เป็นโรงแรมมหัศจรรย์ ที่สร้างจินตนาการให้กับของแขกตัวน้อยที่มาเยือน เด็กๆจะได้เล่นสนุก ทดลอง สำรวจ,ค้นหาและทำตามจินตนาการของตัวเองที่นี่ ซึ่งมุมของโรงแรมครีมจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามธีมที่เธอวางเอา เธอจะพยายามปรับและทดลองอยู่ตลอด แบบนั้นได้ไหม แบบนี้ได้ไหม เพื่อพัฒนา CREAM ให้เป็นพื้นที่ๆเด็กๆรู้สึกตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ในโรงแรมทุกครั้งที่มา เช่น เดือนมิถุนายนนี้เป็น ธีมจากนิทานคุณไปรษณีย์กระรอกบิน เด็กๆก็จะได้เรียนรู้บทบาทการเป็นบุรุษไปรษณีย์ เรียนรู้การทำพัสดุจิ๋ว พับกระดาษ แสตมป์แฮนด์เมด หรือเขียนจดหมายด้วยตนเอง กิจกรรมน่าสนุกและน่าสนใจจน เรารู้สึกอยากย้อนกลับไปเป็นเด็กด้วยจัง

ประตูโรงแรมครีมที่เปิดต้อนรับแขกตัวน้อย
เข้ามาภายในแล้วต้องให้เด็กๆ เช็คอิน ที่ เคานต์เตอร์ กันก่อนน้า

พาไปเช็คอินและสำรวจพื้นที่ The CREAM Bangkok กันหน่อย

เมื่อเข้ามาภายใน Cream ก็จะพบจุดต้อนรับและเช็คอิน สร้างบรรยากาศให้เด็กๆได้รู้สึกเหมือนมาพักผ่อนและท่องเที่ยว ชั้นล่างจะมีมุมนั่งเล่นและชั้นวางนิทาน ที่เด็กๆสามารถเลือกอ่านได้ตามใจชอบ ส่วนชั้นสองเป็นพื้นที่ๆเด็กๆจะสร้างสรรค์จินตนาการและสำรวจมุมต่างๆได้อย่างเต็มที่ มีทั้งมุมศิลปะ งานประดิษฐ์และทดลองวิทยาศาสตร์ โซนนี้ครูใบปอ อยากให้มีแสงสว่างและมีลมผ่านมากๆ สังเกตว่าแม้ว่าจะไม่มีเครื่องปรับอากาศ เราก็ยังรู้สึกสบายไม่ร้อนเลย ส่วนชั้นบนสุดเป็นห้องสมุดในห้องใต้หลังคา เป็นห้องในฝันที่ใครๆก็อยากมี โซนนี้ใช้ทั้งอ่านนิทานและทำกิจกรรมต่างๆ มีเก้าอี้ตัวน้อยและนิทานวางเรียงรายอยู่บนชั้นมากมาย นี่มันสวรรค์ชัดๆใช่ไหมเด็กๆ

โถงชั้นล่างบรรยากาศผ่อนคลาย เหมือนได้เข้าพักที่โรงแรมจริงๆ
มุมนี้เด็กๆสามารถนั่งเล่นเกมต่างๆหรืออ่านนิทานก็ได้

ที่ The CREAM Bangkok เปิดรับแขกตัวน้อยหลากหลายวัย ตั้งแต่เด็กเล็กจิ๋ว 1-4 ขวบ ไปจนถึงพี่โตชั้นประถม โดยมี Workshop ที่เหมาะสมกับช่วงวัยของเด็กๆมารองรับ ลองไปดูกันหน่อยว่ามี Workshop แบบไหนกันบ้าง

MINICREAM

เปิดพื้นที่โรงแรมเพื่อต้อนรับเด็กน้อย วัยประมาณ 1-4 ขวบ เป็นกิจกรรมที่ให้น้องเล็กมาใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มที่ ทั้งสำรวจมุมต่างๆภายใน CREAM หรืออ่านนิทานที่มีอยู่มากมายก็ได้ นอกจากนี้ยังมีมุมวาดรูป ระบายสี เล่นแป้งโด ต่อบล็อกไม้ เล่นน้ำ หรือบทบาทสมมุติต่างๆ อีกด้วย เด็กๆจะได้เข้ามาเล่นและทำกิจกรรมร่วมกับคุณพ่อคุณแม่เป็นหลัก โดยมีทีมงาน CREAM คอยช่วยเหลือและแนะนำอยู่ใกล้ๆ

รายละเอียดกิจกรรม

ตารางกิจกรรมเดือนมิถุนายน

วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน 2566 / วันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม 2566

เวลา 10.00-12.00 น. /ราคา 500 บาท (ผู้ใหญ่ที่มากับเด็กๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ )

บริเวณชั้น 2 อุปกรณ์และกิจกรรมต่างๆจะถูกปรับเปลี่ยนไปในแต่ละเดือนตาม ธีม ต่างๆ

เด็กๆสามารถสำรวจและเล่นได้ตามใจชอบ

CREAM Afterschool Club

เปิดช่วงเวลาแสนพิเศษหลังเลิกเรียน ให้กับเด็กๆ ตั้งแต่วัยอนุบาลไปจนถึงพี่ชั้นประถม ให้เข้ามาสำรวจโรงแรมด้วยกัน เด็กๆจะได้ขีดเขียน เล่นเกมต่างๆหรืออ่านนิทานตามที่เด็กๆสนใจ เป็น co-working space ที่เด็กๆ สามารถใช้พื้นที่เพื่อเลือกการเรียนรู้ตามความสนใจของตนเอง ไม่ว่าจะอ่าน เขียน หรือ เล่าเรื่องในรูปแบบต่างๆ โดยมีพนักงานโรงแรมคอยดูแลและเป็นเพื่อนร่วมเล่นและเรียนรู้ไปด้วยกัน หรือมาพักผ่อนพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์กันได้

รายละเอียดกิจกรรม

วันธรรมดา : เวลา 15.00-18.00 น. /ราคา 300 บาท

วันเสาร์ : เวลา 13.00-17.00 น. /ราคา 400 บาท

(ผู้ใหญ่ที่มากับเด็กๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ )

มุมเล่นน้ำ ที่ช่วยฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กและประสาทสัมผัสต่างๆได้เป็นอย่างดี

Homemade Marble Run

Workshop สำหรับพี่ๆชั้นประถม ที่จะอยู่ทำกิจกรรมด้วย 3-4 วัน ในการสร้างเส้นทาง marble run และ ball run ให้เจ้าลูกกลมๆ กลิ้งไปตามเส้นทางที่เด็กๆ ช่วยกันสร้าง ประดิษฐ์ คิดค้น และช่วยกันแก้ปัญหา โดยมีอุปกรณ์ต่างๆมากมายให้เด็กๆเลือกใช้ทั้งท่อกระดาษ กล่อง หนังสือต่างๆ และอีกสารพัดในโรงแรม CREAM ซึ่ง marble run นี้น่าสนใจตรงช่วยดึงเอาพลังความสงสัย อยากรู้ อยากทดลอง ของเด็กๆออกมา เด็กๆจะได้เรียนรู้เรื่อง ความลาด ความชัน น้ำหนัก แรงโน้มถ่วง เรียนรู้และสร้างทฤษฎีใหม่ๆ ไปในตัวแบบเป็นธรรมชาติผ่านการเล่นสนุก รับรองว่าผู้ใหญ่อย่างเราเห็นแล้วก็ยังนึกสนุกและอยากเล่นกับเด็กๆด้วย

รายละเอียดกิจกรรม

ตารางกิจกรรมเดือนมิถุนายน :

กลุ่มที่ 1

วันที่ 21 – 23 มิถุนายน 2566 : เวลา 09:00 – 15:00 น.

กิจกรรม 3 วัน / ราคา 4,350 บาท

 

กลุ่มที่ 2

วันที่ 25 –28 กรกฎาคม 2566 : เวลา 09:00 – 15:00 น.

กิจกรรม 4 วัน / ราคา 5,700 บาท

กิจกรรม MiniCream ของเด็กน้อย ทั้งตัดกระดาษ และปั้นแป้งโด

ทดลองกับสีน้ำ เช่น หยดน้ำลงไป ลองเล่นกับปริมาณ แนววิทยาศาสตร์

 

CREAM Board Game Club

เด็กๆ ที่ชอบเล่นเกม ทั้งบอร์ดเกมและการ์ดเกมต่างๆต้อง Workshop นี้เลยค่า คลับนี้ชวนพี่โตชั้นประถม มาออกแบบและเล่นเกมในแบบฉบับที่เป็นตัวเรา โดยถ่ายทอดออกมาด้วยฝีมือวาด หรือประดิษฐ์ ในแบบของเด็กๆเอง เด็กๆจะได้ฝึกคิดและวางแผนต่างๆทั้งในตอนระหว่างคิดและตอนเล่นเกมนี้ จะมีอะไรสนุกไปมากกว่าการได้เล่นเกมกับเพื่อนๆที่ชอบในแบบเดียวกัน ได้ฝึกสมองและเล่นไปพร้อมๆกันแบบนี้ ต้องรีบพาลูกๆมาสมัครแล้วน้า

รายละเอียดกิจกรรม

กลุ่มที่ 1

วันที่11–14 กรกฎาคม 2566 / เวลา 09:00 – 15:00 น. / ราคา 5700 บาท

กลุ่มที่ 2

วันที่15 – 18 สิงหาคม 2566 / เวลา 09:00 – 15:00 น. / ราคา 5700 บาท

มุมนี้จัดตาม ธีมนิทานคุณไปรษณีย์กระรอกบิน เด็กๆก็จะได้เรียนรู้บทบาทการเป็นบุรุษไปรษณีย์ เรียนรู้การทำพัสดุจิ๋ว พับกระดาษ แสตมป์ หรือเขียนจดหมายด้วยตนเอง
เด็กๆจะได้ส่งจดหมายผ่านคุณกระรอกน้อย ด้วยการชักรอกไปมา

ห้องใต้หลังตาที่เต็มไปด้วยนิทาน และของเล่นต่างๆ

Workshop Marble Run ที่เด็กๆได้ทดลองสร้างเส้นทางให้ลูกกลมๆวิ่งไปมา
Workshop Board แสนสนุกที่เด็กๆช่วยกันคิดช่วยกันสร้างด้วยตัวเอง

 

นอกจากนี้ยังมี Workshop อีกมากมาย ทีปรับเปลี่ยนกันไปในแต่ละเดือน เช่น CREAM HOLIDAY WORKSHOP Playing with Food ตอน Dots Lines Shapes ชวนเด็กๆ เล่นสนุกกับองค์ประกอบพื้นฐานของศิลปะอย่าง จุด เส้น และรูปร่างรูปทรงที่หลากหลาย หรือ Wild & Free Poetry Club คลับสำหรับนักเขียนบทกวีที่ wild และ free ตามชื่อ คือไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ มากำหนดเรื่องเล่าทั้งนั้น เลือกสื่อสารสิ่งที่คิดแล้วรู้สึกได้นับร้อยนับพันหนทาง มาทำให้ poetry เป็นเรื่องสนุกสนานและท้าทายการเล่าเรื่องราว และอีกเยอะแยะมากมาย แม่ๆคนไหนสนใจแวะเข้าไปเยี่ยมชมตารางกิจกรรมแต่ละเดือนได้ใน Facebook ของ CREAM ที่ด้านล่างนี้นะคะ

 

ที่อยู่

FB : https://www.facebook.com/creambangkok

IG : CREAMBANGKOK

59/20 ถ.บรมราชชนนี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม.10170

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/sufeLVywccXJTGGj7?g_st=il

โทร. 063-421-6929

 

Editor :  แม่เลม่อน

ภาพ :  แม่เลม่อน


อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ

บ้านกางใจ พื้นที่สำหรับเด็กๆ เล่น เรียนรู้ ตามวัย เติบโตไปอย่างมีความสุข

ห้องสมุดเต่าทอง ห้องสมุดกลางสวน แหล่งเรียนรู้ในกรุงเทพ ที่เด็กๆ ต้องห้ามพลาด!

 

ประกาศรายชื่อ ผู้มีสิทธิ์ผ่านเข้ารอบ การประกวด MOM INFLUENCER CONTEST SEASON 3 รอบคัดเลือก

event

ประกาศรายชื่อ ผู้มีสิทธิ์ผ่านเข้ารอบ การประกวด MOM INFLUENCER CONTEST SEASON 3 กับ การประกวดคุณแม่นักรีวิวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทย มาเป็นหนึ่งในทีมคุณแม่ Influencer มืออาชีพกับ Amarin Baby & Kids และชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 300,000 บาท พร้อมโอกาสเป็น Influencer มืออาชีพ กับ Amarin Baby & Kids

 

ใครจะมีสิทธิ์ได้ร่วมประกวดกันบ้าง…เช็กรายชื่อได้ที่นี่!!

กรุงเทพมหานครฯ

กมลฉัตร โสมประยูร

กวินณดา งามบุษบงโสภี

กอบกุล กาญจนมุกดา

กัลยานิษฐ์  สิริธีรนนท์

กุลธิดา ดีชัยยะ

เจนจิรา ตันติภาสน์

จิตติพร ตั้งจิตรเที่ยง

จิตรกานต์ ภักดี

จินห์จุฑา ประกายแก้วสกุล

ชไมพร เกิดสุทธิ

ชณุตพร ศรีจำลอง

ชนนิกานต์​  ชัยสาธิตพร

ชรินทร์ทิพย์ ทองสุกโชติ

ชริศา ศรีศุภทรากิต

ฐายิกา อัศวบุญโชคสกุล

ณวัสนนท์ พงศ์เกษมฐิรกุล

ณัชชา พงศ์พิสุทธิ์วณิช

ณัฏฐ์กฤตา วงษ์กิตติวัฒน์

ณัฐฏิยา อุษาวัฒนากุล

ณัฐธิดา ดียิ่ง

ณัฐมล ว็อล์ช

ณัฐหทัย กรรณสูต

ณิชา ยมสมิต

ณิฐชมนต์ สวัสดิวัตนดล

ธนวรรณ เดชชุษณะนาถ

เปรม​ยุ​ดา​ กฤษณ​จินดา​

บุศรินทร์ งามกร

นุศรา สุภาษร

นนท์ชยลักษณ์ พรรณาผลากูล

นวมนรัศมิ์ วชิระธนานนท์

น้องเจลีน่า สัมฤทธิ์นอก

นัฐยา ปานรักษ์

เสาวลักษณ์  จรัสพันธ์

ธนารีย์  แซ่เติน

โบลีน่า สัมฤทธิ์นอก

ปณิชา นพจิระเดช

ประกายทิพย์ ทองเหลือ

ปุณยวีร์ ปาละ

ผกามาศ ไชยวิสุทธิกุล

แพรวเพ็ญ พิณพิพัฒน์

พกุล เสริฐสุวรรณกุล

พธพร รัตนสิโรจน์กุล

พรพรรณ โชติมโนธรรม

พรพรรณ สรรพนุเคราะห์

พรรณวิภา ศุภสมุทร

พวงเพชร ศรีวรรณวิทย์

พิมพร​ โรจน​วิ​ภาต​

พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล

พิมพ์วิภา วงศ์ไทย

ภัคกร นุติทวัฒน์

ภัสราวดี เผ่าจินดา

ภัสวริญชญ์ โรจหิรัญวงศ์

เมย์ วังพัฒนมงคล

มชณต วงศาโรจน์

มนัสนันท์ เศรษฐ์ศุภคุณ

มัณฑนา โชคศิริวัฒนาวาณิช

มัลลิกา ทะนารัมย์

มานิตา ชะนะวิวัฒน์

รวีวรรณ อุไรสกุล

รุ่งจอมขวัญ สวัสดิ์วัฒนดล

แววมณี เผือกสกนธ์

วรณิชชา แสงสุพรรณ

วราลักษณ์ อาตวงษ์

วิภาวัณย์ อรรณพพรชัย

ศริญา สุดทางธรรม

ศศิภา ตีรบุลกุล

ศิริเพ็ญ บุญเพิ่ม

เสาวภาคย์ พงศ์ศศิธร

สลิลดา บานแย้ม

สุจิรา นวลแก้ว

สุทธิภา โมฬี

สุทธิลักษณ์ สกุลไทย

สุธีรา จันทร์ฉิม

สุนิสา ไกรวงศ์

สุภัทรา จักร์แก้ว

สุวธินันท์ เอี่ยมมี

สุวรรณา ไชยสนาม

หทัยชนก จุฑาเจริญสุข

ไอรฎา มะทา

อนุสรา เชาว์ไว

อภัสนันท์  ศรีสกุล

อรชพร​ สวัสดี

อรอนงค์ จินตาไชยวิชญ์

อริสรา ติรณสวัสดิ์

อลิษา เหมือนวงศ์ทำ

อัญชิษฐา อาขวเมธากุล

อาทิตยา เมตตาประสพกิจ

phatwarinthara wongchatthong

 

ภาคกลาง

กนกวรรณ ทับทิมทอง

กนกวรรณ ประสิทธิ์

กัณฐมณี  โสอุดร

กัณนิกา  ปาระมี

กานต์พิชชา ธนาดิลก

จินตมัย วงศ์ปิยชน

จิรภา อุ่นเรือน

จิรัชญาณิช เบญจสกุล

จุฑามาศ ขำชนะ

ชัญญา งิมสันเทียะ

ซามีน่า ดีมาลย์

ญดา วัฒนาศิริพานิช

ญาณิกา อินทิแสง

ญาณินตา เคลลี่

ฐานิตย์รดา สาโรจน์วงศ์

ฐาปนี สุทธิสน

ฐิติยา นิ้มสุวรรณ

ณัฐธนภัทร์  แสงอุทัย

ณัฐวดี สินสวัสดิ์

ดวงนภา สมสุขเจริญ

ธนัญญา ทวินันท์

ธัญลักษณ์ แมคกี

นงเยาว์ รัชตผดุง

นฤมล เอี่ยมธีระกุล

นัทชา โสภณ

นันท์ชนก ไพฑูรย์มงคล

ปณัสยา ท้วมทอง

ปริตา สุรคุณารักษ์

ปานรดา ศรีสันติสุข

ปิ่นฤทัย อัครฐานพันธ์

พัทธ์ธีรา โลหะกิจจา

รมิดา โฆษิตวราสิน

วรรณวิศา เรืองเดช

วรันธร สุวัตถิกุล

วรางคณา วีระเศรษฐ์ศิริ

วิภาวัลย์ เจริญสุข

วิภาวี ชมิดท์

วิภาสิริ อุตตะกะ

วิมลสิริ เจริญมิตร

วิริญจ์ โต๊ะสกุล

ศรศมน​ หวัง​เพิ่ม​พิทยา​

ศิริวรรณ สาพรม

สรารัตน์ ศรีชาลี

สาวิตรี เจติยานุวัตร

สิรินทรา ตันติวุฒิไกร

สิริภา  ยิ่งรัตน์

สิวิภรณ์ โสภณสิริวัฒน์

สุธิณี เกตุเจริญ

สุภัสรา พารักษา

สุภัสสรร โพธิ์เปี่ยม

หทัยชนกก์ แสงภู่

หทัยรัตน์ เหมือนดี

อมิตตา เพ็งสว่าง

อรชพร​ เวช​ฌ​ณ​ะ​พาณิช​

อลิษา ศรนารายณ์

อาทิตยา แย้มบางยาง

อุษา วันชัยนาวิน

 

ภาคเหนือ

กนกพร จุระเพ็ชร

กรรณิการ์  สารกูมาร

กรวิกรานต์ เสรีสันติวงศ์

กันต์กนิษฐ์ สังข์สุนทร

กัลญ์วิกา เยี่ยมแสง

กุลญาดา คำเขื่อน

เจนจิรา ระบิล

จิณณ์ณิตา แก้วมา

จีรภัส อยู่ยืน

ชนนิกานต์​  ชัยสาธิตพร

ณัฐธิดา อยู่ลือชา

ณิชนันท์ ชุ่มเย็น

ธิติกานต์ นวสุขารมย์

นิจจารีย์ เฉลิมทรัพย์

นิภาวรรณ นามวงศ์

นิลาวัลย์ ใจ ลาด

บุญธิดา ทองดี

ปรัชญ์ริชา กฤตย์สกลวัฒน์

ปิยะฉัตร ช่วยไทย

ไพลิน ธิติสรณ์กุล

พรรณิกา ศิริ

พรรษา เครือแปง

พวงผกา สะเสริม

พัทธนันท์ เรือนสุภา

เมวิกา มาตรมูล

ศศิวิมล รัตนนรเศรษฐ

ศันสนีย์ จันทร์ดวง

ศิวิมล พานิชย์วิไล

สุกัญญา ณัฎฐาชาติ

สุดาทิพย์ กล้าโชติชัย

สุทิศา โองาวะ

ไอลัดดา ทองจูด

เอกอัปสร จันทรวิลักษณ์

อมรรัตน์ ชุมภู

อังศุลิน ตั้งใจ

อัฐฐภิรมย์ ธนัตถ์ธำรงกุล

Kankanit Sungsoontorn

 

ภาคอีสาน

กัณฐิกา สิงหอำพล

กัณตินันท์  เกินขุนทด

กาญจนาภรณ์ เสือสา

คุณามาศ ประพิณ

ชนมน​ สันติ​ธรรมา​กร​

ฐิตยานันท์ สุ่มมาตย์

ธนารีย์  แซ่เติน

ธัญวลัย แลม

นริศรา ศรีสะปรางค์

นวรัตน์ ไทยเจริญ

นารีรัตน์ รักไทย

นิลาวรรณ ร่มเกษ

พรชนิตว์  อินทะบุญศรี

พรนิภา​ เสน่ห์จันทร์

พรภัส เพชรตระกูลเจริญ

มณีรัตน์ ศิริสวัสดิ์พิพัฒน์

ลภินรัสม์ ปรีชาจารย์

วาฐินี กะการดี

วิภาดา​ ขัน​โคก​กรวด​

ศรัญญา ศรีบุตรดา

สายสกุล เบี้ยทอง

สุกัญญา  สารเศวก

สุธาศินี ทำจำปา

สุวรรณี สมศรี

 

ภาคใต้

กนกวรรณ แต่งอักษร

กรวิกรานต์ เสรีสันติวงศ์

กฤษดี โทนุสิน

กาญจณี โนนุช

เจียระไน สุรัตน์วิมล

จิตราภรณ์ วงดา

จุฑาภรณ์ ปีนะกาตาโพธิ์

ฐานิตย์รดา สาโรจน์วงศ์

ฐิตาภรณ์ อันสนั่น

ณัฐพร จิรศักยกุล

ทัชชมัย อนุรักษ์กมลกุล

นวพร  รัตนทิพย์

นันทิชา พานิชชีวะกุล

โบลีน่า จันทะนะสิน

บุณยานุช กลับวุ่น

ปภัชญา ธรพาณิชย์

พรสุภา ปิ่นแก้ว

เมวิกา เพ่งผล

มนัสชนก เรืองธารา

รัชนีกร รองเลื่อน

รัชภร สิทธิเดช

วนิดา โพธิสิทธิ์

วาสุรีย์ ดูเบ

วิยะดา หวันหม๊ะ

โสภิดา  สุภาจักร์

เสาวลักษณ์ จรัสพันธ์

สาธิตา พุ่มอยู่

สุลาวัณย์ สราวุธรัตนานนท์

อนิสา ทองทา

อัญชนา รสีสวัสดิ์

อัญชนา สุวรรณ์พุ่ม

อัญชศา ทองแกมแก้ว

อาภาพรรณ ศิริชาติ

 

 

กติกาการประกวดรอบคัดเลือก

รายละเอียดการถ่าย Photo Series

  • ผู้ผ่านเข้ารอบจะได้รับกล่อง “Mommy Box” สำหรับการเขียนรีวิวสินค้าและถ่ายภาพ จำนวน 3 ภาพ บรีฟสินค้าจะแนบไปให้ใน Mommy Box (จัดส่งถึงบ้านโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
  • โพสต์ลงใน Facebook ส่วนตัว หรือ Fanpage ตั้งเป็น “สาธารณะ” พร้อมใส่ #MomInfluencerContestSS3 #AmarinBabyAndKids และ #แบรนด์สินค้า โดยโพสต์ได้ 1 คน ต่อ 1 ครั้งเท่านั้น ภายในวันที่ 12 – 26 มิถุนายน  2566
  • ส่ง Link รีวิว มาที่ Google Form https://bit.ly/SubmitMICSS3 แนบลิ้งค์ส่งประกวดคัดเลือกรอบ
  • ผู้เข้าประกวดสามารถแชร์โพสต์รีวิวสินค้าไปยังแพลตฟอร์มโซเชียลอื่นๆเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ตามความเหมาะสม
  • สามารถให้ลูกมีส่วนร่วมในการรีวิวได้

ประกาศชื่อผู้ผ่านเข้ารอบวันที่ 7 กรกฎาคม 2566
ผ่านช่องทาง Facebook Amarin Baby & Kids

 

เกณฑ์การตัดสิน ประกวดคัดเลือก

พิจารณาคุณภาพของ Content รีวิวตั้งแต่วันที่ 12 – 26 มิถุนายน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน (100 คะแนน) ดังนี้

  • การเรียบเรียงเนื้อหา เต็ม 15 คะแนน
  • ความโดดเด่นของสินค้า (ภาพถ่าย) เต็ม 30 คะแนน
  • สื่อสาร Key message ครบถ้วนตามโจทย์ที่กำหนด เต็ม 25 คะแนน
  • สไตล์การเขียนรีวิว และ ความรู้ แรงบัลดาลใจ วิธีการเลี้ยงลูก เต็ม 30 คะแนน

 

เงื่อนไข การประกวดคัดเลือก

  • ห้ามคัดลอก ลอกเลียน หรือดัดแปลงงานเขียนรีวิวของผู้อื่นเป็นอันขาด หากพบว่ากระทำการดังกล่าวจะถือว่าตัดสิทธิ์ในการแข่งขัน
  • ข้อความรีวิว ภาพถ่ายและคลิปถือเป็นลิขสิทธิ์ของ บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ, พันธมิตร และคู่ค้ารวมถึงสปอนเซอร์ผู้สนับสนุนกิจกรรมในอนาคต สามารถทำการปรับปรุงแก้ไขได้ตามความเหมาะสมกับรูปแบบการใช้งาน นอกจากนี้ สิทธิ์ใดๆ อันเกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวเนื่องกับข้อความรีวิว ภาพถ่ายและคลิป
  • ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

หมายเหตุ

  • วันและเวลาของกำหนดการต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
  • การดำเนินงาน และการตัดสินอยู่ในดุลยพินิจจากคณะกรรมการ และการตัดสินจากคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด
  • *หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามเข้าไปทาง inbox Facebook : Amarin Baby & Kids โดยพิมพ์คำว่า MIC3 พร้อมคำถามที่ต้องการสอบถาม

ดีนี่ แบรนด์ผู้นำผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เปิดตัว “พุฒ” พุฒิชัย “จุ๋ย” วรัทยา และน้องพีร์เจ พรีเซนเตอร์ครอบครัวใหม่ล่าสุดของดีนี่ พร้อมแนะนำ สินค้าใหม่ “ดีนี่ สไมล์บูสเตอร์ ซีรีส์” ชวนบูสต์รอยยิ้มสดใสได้ทั้งบ้าน ในงาน “ D-nee Smile Booster ”

event

ปักธงเป็นแบรนด์ที่หนึ่งในดวงใจของคุณพ่อคุณแม่สายออร์แกนิคตัวจริง ล่าสุด ดีนี่ (D-nee) ผู้นำผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดเพื่อลูกน้อย หนึ่งในความภูมิใจของ นีโอ คอร์ปอเรท บริษัทชั้นนำด้านสินค้าอุปโภคคุณภาพระดับมาตรฐานสากล เปิดตัวคุณพ่อคุณแม่ป้ายแดง “พุฒ” พุฒิชัย เกษตรสิน “จุ๋ย” วรัทยา นิลคูหา และ “น้องพีร์เจ” พิชญ์ศราพงศ์ เกษตรสิน ขึ้นแท่นพรีเซนเตอร์ครอบครัวล่าสุด พร้อมแนะนำผลิตภัณฑ์เด็กซีรีส์ใหม่ ดีนี่ ออร์แกนิค สวีทดรีม สไมล์บูสเตอร์ ซีรีส์ สูตรใหม่ อ่อนโยนจากธรรมชาติ ในงาน D-nee Smile Booster #บูสต์รอยยิ้มได้ทั้งบ้าน ” ท่ามกลางบรรยากาศงานสุดอบอุ่น ในวันพุธที่ 31 พฤษภาคมนี้ ที่แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน

ศิริสุภา อาจสัญจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด กล่าวถึงแนวคิดหลักของแบรนด์ดีนี่ ในปี 2023 ที่มุ่งมั่นในการรักษาตำแหน่งแบรนด์อันดับ 1 ในใจของทุกคนในครอบครัว ว่า “เพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับลูกน้อยที่ได้รับการไว้วางใจจากคุณแม่ และยืนยันความเป็นเบอร์หนึ่งของวงการผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคในตลาด โดยการันตีความสำเร็จจากรางวัลต่าง ๆ ที่ ดีนี่ ออร์แกนิค ซีรีส์ ได้รับในปีที่ผ่านมากว่า 10 รางวัล ในปีนี้เราจึงมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ซีรีส์ใหม่ สไมล์บูสเตอร์ ซีรีส์ ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของแม่ ๆ ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ออกผลิตภัณฑ์ซีรีส์ใหม่ครบทุกสินค้า ทั้งสบู่เหลวอาบและสระ, ซักผ้า, ปรับผ้านุ่ม, โลชั่น และเบบี้ออยล์ จุดเด่นอยู่ที่แนวกลิ่นหอม  ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Sweet Dream Tech ช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกผ่อนคลาย  หลับสบาย อารมณ์ดี พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มีพัฒนาการที่ดี และบรรจุภัณฑ์ดีไซน์น่ารักทันสมัย มี 4 ลายให้สะสม  ตอบโจทย์ครอบครัวที่ชอบความแปลกใหม่ทันสมัย”

โดยในปีนี้แบรนด์ได้ คุณพ่อ “พุฒ” พุฒิชัย เกษตรสิน, คุณแม่ “จุ๋ย” วรัทยา นิลคูหา และ  “น้องพีร์เจ” มาเป็นพรีเซนเตอร์ล่าสุดของครอบครัวดีนี่  ตัวแทนของครอบครัวยุคใหม่ที่เลี้ยงลูกเอง และมีคาแรกเตอร์ที่เต็มไปด้วยความสดใสร่าเริง มีความใกล้ชิดกับลูกน้อย  และเข้าใจการพัฒนาการลูกได้เป็นอย่างดี ทั้งยังใส่ใจในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ดีนี่

คุณพ่อ “พุฒ” พุฒิชัย และคุณแม่ “จุ๋ย” วรัทยา บอกเล่าประสบการณ์ในการดูแลลูกน้อย ของพ่อแม่ป้ายแดง และการมีลูกมาเติมเต็มครอบครัว ว่า “เราสองคนมีความตั้งใจอยากจะมีเบบี๋ และดีใจมากตั้งแต่ที่รู้ว่าน้องพีร์เจกำลังจะเกิดมาเติมเต็มครอบครัวของเราให้สมบูรณ์ ทำให้ชีวิตมีความสุขยิ่งขึ้น และได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ให้เราเฝ้าคอยดูการเติบโต และพัฒนาการ ของเขาในทุกวัน”

“ตั้งแต่แรกคลอดจนถึง 2 เดือนแรก เราเลี้ยงลูกกันเองตลอด 24 ชม. ความที่เป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ก็ต้องหาความรู้จากสื่อต่าง ๆ ทั้งบทความในอินเตอร์เน็ต หรือตำราต่าง ๆ แต่การเลี้ยงลูกไม่ได้เหมือนตามทฤษฎี หรือเหมือนในตำราร้อยเปอร์เซนต์ เราก็ต้องคอยสังเกต และปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมของลูกด้วย แต่โชคดีที่น้องพีร์เจเป็นเด็กเลี้ยงง่าย หลับเป็นเวลา ไม่ค่อยร้องไห้โยเย จะร้องไห้เวลาที่เขาต้องการอะไรจริง ๆ เช่น ง่วง หิวนม ไม่สบายตัวแค่นั้นเอง”

คุณพ่อคุณแม่ป้ายแดง ยังแชร์ประสบการณ์และแนวคิดการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับลูกน้อยว่า “ทั้งจุ๋ยและพุฒเลือกของใช้ทุกอย่างให้ลูกเองทั้งหมด รวมทั้งพิถีพิถันในการเลือกผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่ต้องสัมผัสกับผิวของลูกเป็นพิเศษ โดยเน้นในเรื่องของความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ อ่อนโยน เหมาะสำหรับผิวเด็กที่มีความบอบบาง รวมทั้งมีความน่าเชื่อถือมาเป็นอันดับ 1 ซึ่งดีนี่ถือเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้ใจ และมีชื่อเสียงเป็นที่ไว้วางใจของคุณแม่ในวงการ รวมทั้งแม่ ๆ รอบตัวที่เลือกใช้ แล้วบอกต่อกันมา และเมื่อได้ลองใช้ก็ประทับใจมาก ๆ เพราะน้องพีร์เจไม่แพ้หรือระคายเคืองเลย”

พร้อมกันนี้ คุณแม่จุ๋ย ได้เผยความรู้สึกที่ได้เข้ามาเป็นครอบครัวดีนี่ รวมทั้งความสนุกในการถ่ายโฆษณาครั้งแรกกับดีนี่ ว่า “ยินดีมาก ๆ ที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของดีนี่ หลังจากเป็นแฟนคลับและติดตามดีนี่มานานแล้ว เพราะชอบในเรื่องความอ่อนโยนของแบรนด์ดีนี่ รวมถึงกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ทุกครั้งที่ใช้ผลิตภัณฑ์ดีนี่ น้องพีร์เจก็ชอบมาก ๆ ไม่งอแงเลย และที่ตื่นเต้นไปกว่านั้นคือ วันที่ไปถ่ายโฆษณากับ   ดีนี่ ตอนแรกก็มีความกังวลเพราะเป็นงานแรกของน้องพีร์เจ แต่ทุกอย่างก็ผ่านมาได้อย่างราบรื่น น้องให้ความร่วมมือดีมาก ๆ เวลาอยู่ในกองถ่าย น้องพีร์เจ ไม่ร้องไห้โยเย จะร้องก็แค่เวลาง่วง พอได้หลับเต็มตื่น ก็อารมณ์ดี ทำให้ได้ภาพน่ารัก ๆ ที่เรียกรอยยิ้ม อยากชวนทุกคนติดตามชมด้วยนะคะ”

ผลิตภัณฑ์เด็กซีรีส์ใหม่ ดีนี่ ออร์แกนิค สวีทดรีม สไมล์บูสเตอร์ ซีรีส์ ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของแม่ ๆ พร้อมพลังความหอมจากเทคโนโลยีใหม่ Sweet Dream Tech มอบกลิ่นหอมผ่อนคลาย ช่วยให้ลูกน้อยหลับสบาย ผ่านการทดสอบ Hypoallergenic Tested  ไม่ทำให้แพ้หรือระคายเคือง ครบครันทุกผลิตภัณฑ์ทั้ง สบู่เหลวอาบและสระ สูตรปรับปรุงใหม่ เพิ่มความนุ่มชุ่มชื่นให้ผิวและผม, ซักผ้า ขจัดคราบฝังลึกด้วยเอ็นไซม์สกัดจากธรรมชาติ, ปรับผ้านุ่ม ช่วยให้ผ้าหอมนุ่ม ลดกลิ่นอับชื้น มีส่วนผสมของสารให้ความนุ่มจากธรรมชาติ ช่วยถนอมเส้นใย ยืดอายุการสวมใส่, โลชั่น ล็อคผิวให้ชุ่มชื้นได้อย่างยาวนาน เนื้อซึมไวไม่เหนียวเหนอะหนะ  และเบบี้ออยล์ เนื้อออยล์ใสบริสุทธิ์  ซึมซาบไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ

“ดีนี่ ออร์แกนิค ซีรีส์” การันตีความสำเร็จในการเป็นแบรนด์ในดวงใจของคุณพ่อคุณแม่ ด้วยการคว้ารางวัลมากมายจากสื่อชั้นนำตลอดปี 2022 ได้แก่ 6 รางวัลใหญ่จาก theAsianparent Awards 2022  ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์สบู่เหลวอาบและสระ, เบบี้โลชั่น, ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มเด็ก ซึ่งถือเป็นแบรนด์ที่ได้รับรางวัลมากที่สุดในปีนี้ด้วย รวมทั้ง 4 รางวัลใหญ่จาก Amarin Baby & Kids Awards 2022  โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กที่ได้รับโหวตเป็นที่ 1 ในดวงใจต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ตอกย้ำการเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มออร์แกนิคที่คุณพ่อคุณแม่วางใจในคุณภาพอย่างแท้จริง

ให้หนูน้อยหลับฝันดี พร้อมเต็มที่กับทุก ๆ กิจกรรม ด้วย ดีนี่ ออร์แกนิค สวีทดรีม สไมล์บูสเตอร์  ซีรีส์ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ดีนี่ที่คุณแม่นับล้านวางใจได้ที่ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์ททั่วประเทศ ร้านค้าออนไลน์ และ LINE @dneethailand  พร้อมติดตามกิจกรรมสนุก ๆ และเคล็ดลับดี ๆ ในการดูแลลูก หรือสมัครสมาชิก D-nee club เพื่อรับข่าวสาร สิทธิประโยชน์ และร่วมกิจกรรมสนุก ๆ ได้ทาง เฟซบุ๊ก www.facebook/Dneethailand

#DneeThailand #DneeSmileBooster #บูสต์รอยยิ้มได้ทั้งบ้าน

keyboard_arrow_up