Page 9 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

โรงเรียน ณ ดรุณ โรงเรียนไทยแนวใหม่ ภาษาโดดเด่น เน้นความสุขของผู้เรียนอย่างแท้จริง

บ้านไหนกำลังมองหาโรงเรียนที่ลูก ๆ สามารถเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ วิชาการก็ดี ภาษาเด่น เน้นความคิดสร้างสรรค์.. School Visit ขอพามารู้จัก โรงเรียน ณ ดรุณ โรงเรียนไทยแนวใหม่ที่บรรยากาศภายในสดชื่นร่มรื่น จนเหมือนไม่ได้อยู่ในใจกลางเมือง โรงเรียน ณ ดรุณ เข้าใจถึงความหลากหลายของนักเรียน จึงเน้นการพัฒนาศักยภาพเป็นรายบุคคล ไม่ตีกรอบความคิด ทำให้ชีวิตในรั้วโรงเรียนของเด็กๆมีความสุข มีทัศนคติที่ดีจนกลายเป็นรักการเรียนรู้ ทำไมนักเรียนโรงเรียน ณ ดรุณ ถึงชอบมาโรงเรียน ? มาหาคำตอบกันค่ะ

ป้ายทางเข้าโรงเรียน

เครื่องเล่นกลางแจ้งสำหรับเด็กเล็ก

สนามหญ้าขนาดใหญ่

เตรียมพร้อมกีฬาสี เซ็ตนี้เป็นเชียร์ลีดเดอร์นะคะ (แต่ก็ต้องไปแข่งกีฬาด้วย)

ให้ ณ ดรุณ เป็น บ้านหลังที่สอง

เพราะเด็กเล็ก หรือ เด็กปฐมวัย ต้องใช้เวลาในการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่.. เมื่อเด็ก ๆ เกิด “ไว้ใจ” และเกิด “ความมั่นคงทางจิตใจ” คราวนี้ก็จะถึง step “กล้าที่จะเรียนรู้”

คุณครูมักใช้เวลาร่วมกับเด็ก ๆ ตลอดเวลา เพื่อสร้างความคุ้นเคย สังเกต และกระตุ้นให้คิด+ให้เด็ก ๆ แสดงความคิดเห็น – ผลคือเด็ก ๆ เกิดการเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ จากบทสนทนา – การปฏิสัมพันธ์ เป็นความรู้จากเกิดจากการเรียนรู้เองจริงๆ ซึ่งจะติดตัวไปตลอดชีวิตเลยค่ะ

ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องแปลกใจที่เด็กๆอยากมาและอยู่ที่โรงเรียนนาน ๆ ก็เพราะรู้สึกสบายใจเหมือนอยู่ที่บ้าน

สอนให้สนุก เรียนจึงสนุก

ภายใต้หน้ากาก เด็ก ๆ ยิ้มตาเป็นสระอิเลย

เด็กน้อยอารมณ์ดี

กว่าจะเป็นชิ้นผลงาน ทุกอย่างต้องผ่านการคิด

พื้นฐานดีๆ ..สร้างได้

สมองและความจำของเด็ก ๆ คือที่สุด! ลองนึกถึงภาพ “ฟองน้ำ” กันค่ะ มันจะสามารถดูดซับ + อุ้มน้ำได้มากและก็ใช้งานได้ดีเมื่อมีความชุ่มชื้น สมองของเด็ก ๆ ก็เช่นกัน..สามารถเรียนรู้และมีความจุมาก..ความรู้จะเก็บเป็นคลัง รอคอยวันที่จะหยิบออกมาใช้

ที่ ณ ดรุณ จัดการเรียนรู้สอดคล้องกับ 1. พัฒนาการตามช่วงวัย และ 2. กระตุ้นให้เหมาะสมของนักเรียนแต่ละคน (ผ่านการสังเกตของคุณครู) ตามแนวคิดแบบ Reggio Emilia

Reggio Emilia เชื่อมั่นว่า เด็กมีศักยภาพและมีความสามารถติดตัวมาตั้งแต่เกิด และศักยภาพเหล่านั้นจะถูกส่งเสริมด้วยสิ่งต่าง ๆ รอบตัวของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น สถานที่ ชุมชน สังคม และวัฒนธรรม นั่นหมายความว่า พ่อแม่ ผู้ปกครอง คุณครู และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาตัวตนของเด็ก และส่งเสริมให้พวกเขาแสดงศักยภาพเหล่านั้นออกมา

การเรียนรู้ที่แท้จริงต้องเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ 1. สงสัย – ซักถาม 2. ลองผิด ลองถูก ไม่กลัวผิดพลาด ล้มลุกคลุกคลาน 3. ให้เวลาเด็ก ๆ ในการสังเกต เพราะแต่ละคนใช้เวลา “เข้าใจ” ไม่เท่ากัน 4. สรุปเป็น พรีเซนต์ได้ 5. รับฟังความคิดเห็นผู้อื่น 6. คุณครูทำหน้าที่เป็น facilitator (ผู้ชี้นำ) เด็ก ๆ จึงจะเป็นเจ้าของการเรียนรู้อย่างแท้จริงที่โรงเรียน ณ ดรุณ

สนับสนุนทุกการสร้างสรรค์

ณ ดรุณ จัดการเรียนรู้แบบปฐมวัยอย่างไรนะ?

ชั้นอนุบาล 1 เรามาเตรียมความพร้อมกันนะเด็ก ๆ! เป็นการเรียนรู้ผ่านการใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ตา-หู-จมูก-ปาก-มือ

เพื่อฝึกการทำงานให้สอดประสานกัน – ผ่านกิจกรรม ผ่านงานต่างๆ

เพื่อให้คุ้นชินกับรูปร่างและเสียงพยัญชนะ ทั้งไทย และ English (เตรียมพร้อมด้าน Literacy)

เพื่อให้รู้จักสัญลักษณ์ของตัวเลขและจำนวน 0-10 สังเกต เปรียบเทียบ มากกว่า-น้อยกว่า สั้น-ยาว สูง-ตำ ใหญ่-เล็ก หนัก-เบา ลำดับเพิ่ม-ลด ปริมาตรมาก-น้อย อย่างเป็นรูปธรรม (เตรียมความพร้อมด้านคณิตศาสตร์)

การเรียนรู้ที่นี่จึง “เข้าใจง่าย สนุกสนานและทำให้เด็กประสบความสำเร็จในการเรียนรู้” ค่ะ

ชั้นอนุบาล 2 วัยช่างถาม สงสัย วัยเลียนแบบ ..มาเรียนรู้และสำรวจโลกกว้างกัน

เด็ก ๆ มีความพร้อมที่จะเรียนรู้ภาษาและตัวเลข คุณครูจะจัดกิจกรรมและสอดแทรกงานวิชาการที่มากขึ้นแต่ยังคงความสนุกและสร้างสรรค์ไว้จนเด็กๆไม่รู้ตัวเลยว่า “เข้มข้นขึ้นอีกขั้น” แล้วนะ

ทุกๆ เช้าที่เด็กเข้ามาในห้องเรียนจะเริ่มด้วย Morning Meeting หรือกิจกรรมคุยกัน

หลังจากนั้นเด็กๆ จะไปตามมุมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะภาษา โต๊ะตัวเลข โต๊ะไฟ มุมห้องครัว มุมอ่านหนังสือ มุม message

ทักษะภาษาไทย – ภาคเรียนที่ 1 เด็กๆจะเรียนรู้พยัญชนะไทยทั้ง 44 ตัว ภาคเรียนที่ 2 เด็ก ๆ รู้จักสระเดี่ยว เริ่มประสมเสียงและอ่านคำง่าย ๆ ได้

เพราะคณิตมีอยู่ในชีวิตประจำวัน น้องอนุบาล 2 จะเริ่มบันทึกอากาศ อ่านปฏิทิน ดูเวลา นับวันที่มาโรงเรียน ทำให้เด็ก ๆ ได้ซึมซับความรู้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ทีละเล็กละน้อย + รู้จักค่าของ 0-20 จากการนับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว + จำแนก (sorting) + จัดหมวดหมู่ (Classifying) + สำรวจหาลวดลายในธรรมชาติ และแบบรูป (อนุกรม) ในสิ่งต่าง ๆ รอบตัว (searching for patterns)

English ฟัง พูด อ่าน เขียน ทำกิจกรรมทั้งงานฝีมือ ร้องเพลง ฟังนิทาน เล่นบทบาทสมมุติ โปรเจคเดี่ยว โปรเจคกลุ่ม ในหัวข้อ Farm/wild animals, insects, nature, transportation, fruits & vegetables, about me-feelings & emotions, occupations.

วิทย์แสนสนุก เด็กๆชอบที่สุดเลยค่ะ (เด็กทุกคนมีจิตวิญญาณนักวิทยาศาสตร์ตามวัยอยู่ในตัว)

มุม Water Play เด็กเล็กค่ะ

ชั้นอนุบาล 3 เข้มข้นแต่ไม่เคร่งเครียด

เด็ก ๆ มีความพร้อมมากขึ้น รู้จักคิดและแก้ปัญหา ในชั้นนี้จะมีพัฒนาการทางภาษาที่รวดเร็ว

Morning Meeting คงเดิม+เพิ่มเติมเรื่องการให้ความสำคัญกับการเล่น (ทักษะทางสังคม) เด็ก ๆ จะได้ฝึกและเรียนรู้กฎกติกามารยาทในการอยู่ร่วมกัน การแบ่งปัน อดทนรอคอย การปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน ทั้งตอนเล่นอิสระ หรือ เล่นเกมที่มีกฎกติกา

ภาษาไทยและคณิตศาสตร์ : ต่อยอดไม่ยากเลยค่ะ เด็กๆเตรียมพร้อมมาอย่างดีตั้งแต่ชั้นก่อนหน้า เพราะทุกคนเรียน 1. อย่างมีความสุข 2. อย่างมี Growth Mindset ไม่ย่อท้อ ส่งผลให้นักเรียนโรงเรียน ณ ดรุณ มีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ (อันนี้เคล็ดไม่ลับนะคะ)

English : เน้นกิจกรรม interactive ค่ะ ภาษาอังกฤษ “ต้องกล้า – ต้องใช้งานถึงจะคล่อง”

สิ่งนี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับเด็กขี้อายเพราะคุณครูใช้กิจกรรมทั้งร้อง เล่น เต้น ศิลปะ ชั้นอนุบาล 3 ได้เรียนภาษาอังกฤษทุกวัน+เพิ่มเติมด้วย phonics class สัปดาห์ละ 2 วัน เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการสะกดคำ (ภาษาอังกฤษคือจุดแข็งของ ณ ดรุณ!)

และวิทยาศาสตร์ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ (ก็วัยอยากรู้ อยากเห็นนี่นา)

ประถม เรียนคิด สนุกค้น

หลักสูตรประถมศึกษาของทางโรงเรียนยึดตามหลักสูตรแกนกลางของกระทรวงศึกษาธิการจัดเป็นสาระการเรียนรู้กลุ่มต่างๆ ผสมผสานหลักสูตรจากต่างประเทศ

เน้นการเรียนแบบความคิดรวบยอด (Concept) ไม่เน้นท่องจำ + วิธีการสอนที่หลากหลาย/จัดทำแบบเรียนที่เปิดโอกาสให้เด็กๆได้คิด – ค้นคว้า

Thinking Tools สื่อการเรียนรู้ ผ่านการใช้หนังสือภาพ เครื่องมือหลากหลายรูปแบบ ทำให้การเรียน..ไม่จำเจค่ะ

สาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ (แน่นเหมือนโรงเรียน 2 ภาษา) พิเศษเลยค่ะ! นักเรียนจะได้เรียน Social Studies (สังคม) Science (วิทยาศาสตร์) Math (คณิตศาสตร์) เป็นภาษาอังกฤษซึ่งบทเรียนไม่ซ้ำกับที่เรียนเป็นภาษาไทยนะคะ นักเรียนจึงมีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นเป็นเท่าตัว คลังคำศัพท์เฉพาะทางก็จะแน่นขึ้นเช่นกัน

ส่งเสริมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนจินตนาการให้มากที่สุด

ทุกกิจกรรม คือ การเรียนรู้ตลอดชีวิต ( Lifelong learning )

จัดกิจกรรมโครงการทุกปี ( Project approach ) เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม

Multi-library ที่เด็ก ๆ ได้ค้นคว้า เรียนรู้ และสร้างเสริมประสบการณ์ที่หลากหลาย

กิจกรรม ณ ดรุณ

วันไหว้ครู – สัปดาห์ ณ ดรุณ ชวนอ่าน – วันภาษาไทยแห่งชาติ – ละครประจำปี

วันกีฬาสี – วันลอยกระทง – การแสดงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ – วันเด็ก – Science Expo

นิทรรศการศิลปะ – วันเฉลิมฉลองโปรเจค

กิจกรรมที่ถูกใจทีมแม่ ABK อย่างหนึ่งคือ Wax Museum เด็ก ๆ จะเลือกบุคคลสำคัญของโลกจากวงการต่างๆมา cover ค่ะ 1. ศึกษาประวัติ 2. จัดทำดิสเพลย์ 3. แต่งตัว cover ประหนึ่งหุ่นขี้ผึ้งในพิพิธภัณฑ์ 4. พรีเซนต์ให้ผู้เข้าชม ..เป็นการเปิดโลกและสร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ เลยนะคะ ปีการศึกษาก่อน ๆ มีแต่งตาม Frida Kahlo จิตรกรหญิงชาว Mexican – Henry Ford ผู้ก่อตั้ง Ford Motor เป็นต้นค่ะ

 ในวันกีฬาสีทุกคนจะได้แข่งกีฬา 2-3 ประเภท

เติบโตเป็นอย่างดีที่ ณ ดรุณ

รู้จักตัวเอง ทุกคนมีตัวตนและความสามารถที่แตกต่างกัน ณ ดรุณ เชื่อว่านักเรียนทุกคน “ฉายแสงได้” หากมีการกระตุ้นและส่งเสริมที่เหมาะสมค่ะ

เชื่อมโยงสิ่งที่เรียนกับตนเอง ให้แสดงความคิดเห็น – ตัดสินใจบ่อยๆ

ทำงานเป็นกลุ่ม

สร้าง Growth Mindset ให้นักเรียนเรียนรู้จากความผิดพลาด >> กล้าเผชิญปัญหา กล้าท้าทายตัวเอง

ปลูกฝัง Grit ความอดทน และความเพียรพยายามในการทำสิ่งหนึ่งอย่างเต็มที่ในระยะยาว

พื้นที่การเรียนรู้และใช้ชีวิต

ภายนอก – โอบล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ สนามหญ้า ที่เด็กๆสามารถสังเกตวัฏจักร – ความเป็นไปของโลกใบนี้

สนามเด็กเล่น ลานเล่นน้ำ (Water Play ทุกวันศุกร์สำหรับเด็กเล็ก) สนามฟุตบอล เรียบง่ายแต่มีฟังก์ชั่น – แหล่งเสริมสร้างทักษะทางสังคมชั้นเลิศ

ภายในห้องเรียน – ห้องเรียน Free form ในระดับชั้นอนุบาล สามารถปรับ ขยับ ขยาย ได้ตามกิจกรรมที่คุณครูเซ็ตไว้ให้ในแต่ละวัน ในขณะที่พี่ๆประถมจะนั่งกันเป็นกรุ๊ป 4 คน

และในทุกห้องเรียนจะมีมุมกิจกรรมหลากหลายให้เด็ก ๆ เลือกทำ

เด็ก ๆ มีสมาธิ

อาหารกลางวัน ..นักเรียนมีส่วนร่วมในการช่วยเสนอเมนูนะคะ

ใกล้ถึงวันกีฬาที่ทุกคนรอคอยแล้วค่ะ

งานใหญ่ของพี่ ป.6 “ละครเวที” ที่พี่ ๆ จะต้องทำเองทุกขั้นตอน จัดแสดงถึง 3 รอบเลย ปีนี้เป็นเรื่อง “มโนราห์”

Mommy Love This! ถูกใจแม่

ภาษาอังกฤษของเด็ก ๆ พัฒนาเป็นอย่างดี ราวกับโรงเรียน 2 ภาษา ในขณะเดียวกันภาษาไทย – วัฒนธรรมไทยก็ไม่ขาดตกบกพร่อง

ลูก ๆ มีความอดทน พยายาม และไม่ย่อท้อต่อสิ่งต่าง ๆ – เป็นประโยชน์มากต่อการใช้ชีวิตตอนโตเลยนะคะ

“กิจกรรมการเรียนจัดว่าเยี่ยม” เพราะมีทั้งวัน ทุกคลาส หลากหลายแบบและสร้างสรรค์ ไม่เบื่อ

“ความเท่าเทียมกัน” ทั้งด้านการเรียน กิจกรรม โอกาส การดูแลจากโรงเรียน ไม่มีใครได้มากกว่ากัน หรือ ถูกทอดทิ้งอยู่เบื้องหลัง

“การสะท้อนคิด” หรือ การ Feedback หนึ่งเสียงของนักเรียนมีความสำคัญ ที่โรงเรียน “ฟังและได้ยิน”

ค่าเล่าเรียนต่อเทอม ( 1 ปีการศึกษามี 2 เทอม)

ระดับชั้นอนุบาล – ประถมศึกษา เทอมละ 62,000 บาท

ไม่รวมค่าแรกเข้าและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อสอบถามโรงเรียนโดยตรง

โรงเรียน ณ ดรุณ

518/22 ซ.สหการประมูล ถ.ประชาอุทิศ

แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง,

กรุงเทพฯ, 10310

โทร. 02-4708315

เว็บไซต์ : https://e-school.kmutt.ac.th/dsil/

Facebook : https://www.facebook.com/dsil.kmutt

Line OA : @dsil >>https://lin.ee/uTz8x86

รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO

รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO คอกกั้นเด็ก ซิปปลอดภัย ใส่ใจทุกรายละเอียด

เตรียมบ้านต้อนรับสมาชิกใหม่ สร้างพื้นที่ส่วนตัวด้วย คอกกั้นเด็ก เพื่อมอบความปลอดภัยให้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างอิสระ หมดกังวลเรื่องความปลอดภัยให้ลูกน้อยได้ตั้งแต่แรกเกิด ไม่ว่าจะเป็นให้นม เปลี่ยนผ้าอ้อม หรือตอนที่ลูกน้อยหัดนั่ง คลายหรือเดิน

หากคุณแม่กำลังมองหาคอกกั้นเด็กที่ได้มาตรฐาน เพื่อใช้เป็นพื้นที่เรียนรู้อย่างปลอดภัยให้ลูกน้อยแล้วละก็ HOYO เป็นหนึ่งในแบรนด์อันดับต้นๆ ที่คุณแม่ต่างนึกถึงและยอมรับในเรื่องคุณภาพ ความใส่ใจในการตัดเย็บ ที่สร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับคุณแม่และลูกน้อย ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ขอมา รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO ให้กับคุณแม่ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจค่ะ

ทำไมต้องเลือก คอกกั้นเด็ก HOYO

คอกกั้นเด็กไม่ได้เหมือนกันหมด สำหรับคอกกั้นเด็ก HOYO ใส่ใจทุกรายละเอียดของการตัดเย็บ ทุกส่วนต้องประณีต และความปลอดภัยที่ HOYO ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก

  • HOYO ใช้ซิปและตีนตุ๊กแกไม่คม เพื่อระวังลูกน้อยไม่ให้ได้รับอันตรายเวลาอยู่ในคอก HOYO เลือกใช้ซิป Nylon ถักจาก YKK ที่รับน้ำหนักได้ถึง 90 กิโลกรัมต่อ 1 คู่ และตีนตุ๊กแกจาก YKK คุณภาพสูง แต่ปลอดภัย ไม่บาดผิวลูกน้อย

รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO

  • ซิปและตีนตุ๊กแก ของ HOYO ผ่านมาตรฐานระดับโลก Standard 100 by Oeko-Tek : Product class 1 คุณแม่จึงมั่นใจได้ในมาตรฐานของ HOYO

รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO

  • การตัดเย็บที่ใส่ใจ HOYO ซ่อนขอบตีนตุ๊กแก เพื่อซ่อนมุมแหลมที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อย ทั้งยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ตีนตุ๊กแกอีกระดับ

รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO

  • เก็บขอบมุมของตีนตุ๊กแกให้เรียบเนียนกริบ ด้วยเทคนิคการตัดเย็บแบบพิเศษของ HOYO จนได้คอกกั้นเด็กคุณภาพระดับพรีเมียม
  • HOYO ให้สัมผัสที่เรียบเนียนกว่า ด้วยการตัดเย็บซ่อนหัวซิปมิดชิด ไม่มีสะดุดเมื่อสัมผัส
  • สุดยอดคอกกั้นเด็ก งานเย็บประณีต HOYO ตัดเย็บด้วยเทคนิคพิเศษ ไม่มีลิ้นผ้า ทำให้คอกมีความสวยงามทุกชิ้นส่วน

ภายในคอกกั้นเด็ก HOYO เด็ก ๆ จึงได้รับการดูแลไม่ต่างจากอ้อมกอดจากคุณแม่ ที่พร้อมซัพพอร์ทในทุกก้าวย่างของพัฒนาการตามวัย ช่วยให้ลูกรู้สึกปลอดภัย มั่นใจ และพร้อมจะเริ่มทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการคว่ำ นั่ง คลาน เกาะยืน หรือหัดเดิม โดยที่คุณแม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันอยู่ใกล้ๆ ไปพร้อมกันได้

Amarin Baby & Kids คัดเลือกให้คอกกั้นเด็ก HOYO
ได้รับรางวัล Editor’s Choice
สาขา BEST BABY SOFT PLAYPEN
จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

 

ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ก็ทำให้เห็นว่า HOYO เป็นตัวแทนความรักจากแม่ ด้วยการลงทุนที่คุ้มค่า สำหรับลูกทุกวัย อบอุ่น ปลอดภัย ใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยอย่างแท้จริง ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้คอกกั้นเด็ก HOYO ได้รับรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2023 รางวัล Editor’s Choice  สาขา BEST BABY SOFT PLAYPEN

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดีๆ ของคอกกั้นเด็ก HOYO สามารถติดตามได้ที่ www.hoyosoftandsafe.com
Line@ : https://lin.ee/lUNLtvZ2

ฉายแสงฯ จัดกิจกรรมทอล์ก “ เติบโตอย่างมีความสุขกับ โต๊ะโตะจัง ” พร้อมเปิดรอบชวนซึ้ง เรียกน้ำตาผู้ชม ก่อนฉายจริง

ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ รวมพลทุกครอบครัวที่รัก โต๊ะโตะจัง มาร่วมซึบซับความประทับใจและเสียน้ำตา ชมภาพยนตร์ก่อนใคร ไม่มีค่าใช้จ่าย ในกิจกรรมรอบพิเศษชม โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง (Totto-Chan: The Little Girl at the Window) วรรณกรรมเยาวชนชั้นเยี่ยมจากสำนักพิมพ์ ผีเสื้อญี่ปุ่น ที่ถูกถ่ายทอดมาเป็นภาพยนตร์อนิเมะ ภายใต้โปรเจกต์ เมะ เรื่องราวของเด็กหญิงแสนซน ที่เรียกน้ำตาคนทั้งเอเชีย ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก ชัยวัฒน์ มิ่งไม้ ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ จำกัด, สุชาดา เทพหินลัพ บรรณาธิการรักลูก พร้อมกิจกรรมท้ายรอบ ร่วมพูดคุยหัวข้อ เติบโตอย่างมีความสุขกับ โต๊ะโตะจัง โดยมี คุณหมอวิน ผศ.นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ กุมารแพทย์ทั่วไป ผู้ก่อตั้งแฟนเพจ “เลี้ยงลูกตามใจหมอ”, ตุ๊กตา พนิดา เอี่ยมศิรินพกุล (เพจเที่ยวรอบลูก) ร่วมงาน ณ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน

ชัยวัฒน์ มิ่งไม้ ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ จำกัด กล่าวว่า โต๊ะโตะจัง ภาพยนตร์แอนิเมชันที่มีความพิเศษ ครั้งแรกที่เราจะได้เห็นบนจอภาพยนตร์ โดยมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับครอบครัว และยังได้ ชินโนะสุเกะ ยาคุวะ รับหน้าที่กำกับ  (ผลงาน “Doraemon series) สร้างจากนิยายที่ขายดีของญี่ปุ่นและถูกแปลเป็นหลายภาษาทั่วโลกกว่า 35 ภาษา ตัวลายเส้น การ์ตูน ความพิเศษของเนื้อหา และทุกบริบทที่ถูกตีความเป็นภาพยนตร์ มันสวยงามจริง ๆ เหมาะกับการรับชมในโรงภาพยนตร์

นอกจากชมหนังสนุกแล้ว เพื่อเป็นการส่งเสริมสถาบันครอบครัว การจัดงานในวันนี้ มีแขกรับเชิญพิเศษที่มาแลกเปลี่ยนความรู้ ในหัวข้อเติบโตอย่างไรให้มีความสุขกับโต๊ะโตะจัง” ได้รับเกียรติจาก คุณหมอวิน ผู้ก่อตั้งแฟนเพจ “เลี้ยงลูกตามใจหมอ” ด้วยจำนวนที่มีผู้ติดตามเยอะ และจากข้อมูลต่างๆ ในเพจล้วนเป็นประโยชน์ สามารถนำเอาแง่มุมต่างๆ กลับไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ ส่วนคุณตุ๊กตา พนิดา (เพจเที่ยวรอบลูก) ก็ได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์การเลี้ยงลูกในยุคปัจจุบันร่วมกัน

ตุ๊กตา พนิดา เอี่ยมศิรินพกุล (เพจเที่ยวรอบลูก) เผยว่า หัวข้อวันนี้ในกิจกรรม เติบโตอย่างไรให้มีความสุขกับโต๊ะโตะจัง” มีโอกาสได้เจอกับคุณหมอวิน เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ เป็นโอกาสที่ดีมาก คุณหมอมีคำแนะนำ ครบจบมากๆ คือตั้งแต่แรกเกิดจนถึงเด็กโต หรือว่าในคำแนะนำสำหรับคุณพ่อคุณแม่เองด้วย สามารถเอาไปปฏิบัติได้จริง แม้แต่ในคำถามของคุณแม่ท่านอื่นที่ได้ถามในวันนี้ เป็นประโยชน์สำหรับทุกๆ คนที่ได้มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ค่ะ

สำหรับภาพยนตร์ โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง รู้สึกประทับใจมาก มีความละเมียดละไม จากวรรณกรรมมาสู่จอใหญ่ เหมือนพาเราย้อนกลับไปสู่วันที่เราได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ซาบซึ้ง มันทำให้เรารู้สึกยิ่งประทับใจ ได้รู้สึกย้อนไปสู่บรรยากาศของความเป็นเด็ก ไปเข้าใจธรรมชาติของความเป็นเด็กอีกครั้ง อยากจะขอฝากไปชมภาพยนตร์ โต๊ะโตะจัง กันค่ะ

 

 

“Totto-Chan: The Little Girl at the Window โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง”
19 กันยายน ในโรงภาพยนตร์

รับชมตัวอย่าง www.youtube.com/watch?v=6LdU9v3UCzs ,
www.youtube.com/watch?v=SCu56vdBEwI 

ติดตามข่าวสาร ภาพยนตร์ “Totto-Chan: The Little Girl at the Window โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง”

ผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้

Facebook : www.facebook.com/shinesaengad.venture , www.facebook.com/MEOfficialTH

Youtube :   www.youtube.com/@shinesaengad.venture

Instagram www.instagram.com/shinesaengad.venture, www.instagram.com/meofficialth

Tiktok : www.tiktok.com/@shinesaengadventure

X : https://x.com/ShinesaengAd, https://x.com/meofficialth

 

#TottoChanTH #โต๊ะโตะจังเด็กหญิงข้างหน้าต่าง

#Shinesaengadventure #MeOfficial #ShinesaengxME #ฉายแสงแอดเวนเจอร์ #เมะ

โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ โรงเรียนหญิงล้วน โดดเด่นด้านภาษา พัฒนาเด็กรอบด้าน 

ถ้าจะพูดถึง โรงเรียนหญิงล้วน ที่เปิดทำการเรียนการสอนมายาวนานและมีชื่อเสียงในบ้านเรา โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ ต้องเป็นหนึ่งในลิสต์รายชื่อแน่นอน ทุกคนทราบไหมคะว่า โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 100 ประวัติและชื่อเสียงที่ยาวนาน ทำให้ทีมงานอยากพาทุกคนมาเยี่ยมชมหลักสูตรและแนวทางการสอน ของโรงเรียน ที่บอกได้เลยว่า ยังคงเต็มไปด้วยคุณภาพและพัฒนาเด็ก ๆ อย่างรอบด้านจริง ๆ

 

ทำความรู้จัก โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์

โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ เป็นโรงเรียนลำดับที่ 4 ของโรงเรียนในเครือคณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2468 โดยคุณพ่อบรัวซาต์ (Broizat) เจ้าอาวาสวัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ สามเสน ผู้มีความประสงค์ให้คณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร เข้ามาจัดการศึกษาให้กับกุลธิดา เด็กกำพร้า และเด็กยากจนที่อยู่ในชุมชนเขตวัดสามเสนและชุมชนใกล้เคียง เพื่อจะได้มีความรู้ มีวิชาชีพติดตัวและเป็นพลเมืองดีของสังคม

ปัจจุบันโรงเรียน มีเนื้อที่กว่า 5 ไร่ เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย รับเฉพาะนักเรียนหญิง ดำเนินกิจการในรูปมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาคณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร โดยมีเซอร์มารี หลุยส์ นิภา พรฤกษ์งาม เป็นผู้แทนผู้รับใบอนุญาตและผู้อำนวยการ เป้าหมายหลักของโรงเรียน คือ การพัฒนาเด็กให้มีตัวตนเชิงบวก รักการเรียนรู้ รักการอ่าน เป็นมนุษย์ที่มีคุณภาพ คือ มีความรู้ควบคู่คุณธรรม เป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ จะได้ใช้ทั้ง 3 ภาษา คือ ไทย จีน อังกฤษ อย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ เพราะภาษาป็นสิ่งสำคัญและเป็นกุญแจสู่โลกกว้าง

คุณครูดูแลและใส่ใจเด็ก ๆ เป็นอย่างดี

โซนเด็กอนุบาล

กิจกรรมสนุกปลุกพัฒนาการปฐมวัย

สำหรับเด็กอนุบาลหรือปฐมวัย โรงเรียนจัดการเรียนการสอน ตามหลักสูตรการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ปลูกฝังพัฒนาการให้ครบทั้ง 4 ด้าน คือ ร่างกาย อารมณ์ จิตใจและสติปัญญา ควบคู่ไปกับการบูรณาการ 6 กิจกรรม แสนสนุก ได้แก่

กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ ช่วยพัฒนาการด้านร่างกายและกล้ามเนื้อผ่านเสียงเพลงหรือดนตรี

กิจกรรมเสริมประสบการณ์ เด็กจะได้พัฒนาด้านการฟัง การพูด การคิดและรู้จักแก้ปัญหา ผ่านกิจกรรมที่มีความหลากหลายเหมาะสมกับวัย

กิจกรรมสร้างสรรค์ พัฒนาการทางด้านอารมณ์ ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ที่หลากหลาย เช่น วาดภาพ ระบายสี การปั้น

กิจกรรมเสรี คุณครูจะเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้เล่นมุมต่าง ๆ ตามความสนใจของตัวเอง ส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และจิตนาการ

กิจกรรมกลางแจ้ง เด็ก ๆ จะได้เล่นกีฬา ได้เล่นที่สนามเด็กเล่น กระโดด ปีนป่าย เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อทุกส่วน และประสาทสัมผัสของอวัยวะต่าง ๆ

กิจกรรมเกมศึกษา ช่วยพัฒนากระบวนการคิดผ่านการเล่น ด้วยสื่อการสอนในรูปแบบต่าง ๆ เรียนรู้กฎ กติกาง่าย ๆ

ซึ่งแต่ละกิจกรรมจะช่วยส่งเสริมและพัฒนาเด็ก ๆ ครบทุกด้าน ที่สำคัญ การเรียนรู้ผ่านการเล่น ช่วยสร้างแรงจูงใจให้เด็ก ๆ อยากเรียนรู้ และมีความสุขที่ได้มาโรงเรียน

ห้องเรียนเด็กอนุบาล

ทักษะด้านภาษา ไม่เป็นรองใคร

โรงเรียนให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ภาษา เสริมจุดเน้นด้านการอ่าน การเขียน โดยจัดให้มีการเรียนการสอนในรูปแบบ Special English Program (SEP) ซึ่งเป็นหลักสูตร สำหรับเด็ก ๆ ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยม 3 เพื่อพัฒนาด้านการพูด ฟัง อ่านและเขียนภาษาอังกฤษ โดยมีครูต่างชาติเป็นผู้สอนและเป็นครูคู่ชั้น ได้เรียนภาษาอังกฤษทุก ๆ วัน ในรายวิชาหลักอย่าง Science, Mathematics, Social Studies, Basic English, English Phonics สอนภาษาอังกฤษโดยครูชาวต่างชาติ ที่จบตรงในสายวิชานั้น ๆ โดยมีวิชา Phonics ให้เด็กฝึกการออกเสียง และฝึกพูดให้ดียิ่งขึ้น ไม่ผิดเพี้ยนไปจากเจ้าของภาษา เด็ก ๆ ได้ใช้ภาษาทุกวันขนาดนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปเรียนเสริมเพิ่มเติมแล้วค่ะ นอกจากนี้เด็ก ๆ ชั้นอนุบาลจะได้เรียนภาษาจีนตั้งแต่เล็กๆ อีกด้วยนะคะ

เรียนภาษาอังกฤษกันทุกวัน

 

ศูนย์พัฒนาศักยภาพระดับปฐมวัย

ตอกย้ำกันให้ชัดว่าโรงเรียนให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษมาก ด้วยศูนย์พัฒนาศักยภาพระดับปฐมวัย

ห้องแห่งการเรียนรู้ที่เด็ก ๆ จะได้เพิ่มพูนทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ และได้เข้าฐานกิจกรรมแสนสนุก 5 ฐาน โดยสอนเป็นภาษาอังกฤษทุกฐาน

ฐานนกแก้วช่างเจรจา – เรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษ

ฐานกระต่ายน้อยนักคิด – ฝึกทักษะด้านคณิตศาสตร์

ฐานเจ้าเสือนักทดลอง – ฝึกทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์

ฐานม้าลายผู้สร้างสรรค์ – ฝึกทักษะด้านศิลปะ

ฐานสิงโตเจ้าปัญญา – ฝึกทักษะการคิดและแก้ปัญหา

เด็ก ๆ จะได้เรียนฐานละ 15-20 นาที และเรียนที่ห้องนี้สัปดาห์ละ 1 วัน เป็นวิชาที่เด็ก ๆ รอคอยที่จะได้เรียนจริง ๆ ค่ะ เพราะสนุกและน่าสนใจ

ฐานกิจกรรมต่าง ๆ ในศูนย์พัฒนาศักยภาพระดับปฐมวัย

 

บูรณาการเสริมทักษะ เรียนรู้อย่างสร้างสรรค์

สำหรับเด็กอนุบาลหรือปฐมวัยจะได้เรียนรู้แบบบูรณาการผสมผสานกับการละเล่นไทย โดยนำมาประยุกต์กับวิชาพละ เช่น นำม้าก้านกล้วยมาให้เด็กใช้ร่วมกับการฝึกกระโดดข้ามสิ่งของ เพื่อปลูกฝังให้เด็กรักความเป็นไทยตั้งแต่เล็ก ๆ

ส่วนรายวิชาสำหรับเด็กในยุคศตวรรษ 21 อย่าง Coding ที่นี่ก็เรียนกันตั้งแต่ระดับอนุบาล ในรูปแบบ Unplug Coding ซึ่งเป็นสื่อการสอน Coding ที่ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ โดยให้เด็ก ๆ หัดวางแผนการใช้ทิศทาง ผ่านเกมส์สนุก ๆ เมื่อขึ้นสู่อนุบาล 3 จะได้เรียนรู้โปรแกรมง่าย ๆ ซึ่งความยากง่ายก็จะแตกต่างกันในแต่ละระดับชั้น

นอกจากนี้เด็ก ๆ ชั้นอนุบาลยังได้ทำกิจกรรม Project Approach เพื่อเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจ เน้นให้เด็ก ๆ ได้ลงมือทำด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะต่าง ๆ ทั้งการใช้กระบวนการคิดในการวิเคราะห์และแก้ปัญหา

เรียนรู้แบบบูรณาการผสมผสานกับการละเล่นไทย

เรียนรู้ Coding กันตั้งแต่อนุบาล

วิชา Learning To Play สำหรับเด็กอนุบาล ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก การร้อย การปั้น การระบายสี หัดร้อยเชือกรองเท้า

ประถมศึกษา บูรณาการเสริมทักษะที่ครบด้าน

เด็ก ๆ ชั้น ประถม 1 – 6 ใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะ (Competency) เป็นแกนหลักในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning โดยมีจุดเน้นทางด้านภาษา และจัดการเรียนแบบ Special English Program (SEP) เชื่อมโยงต่อเนื่องจากระดับปฐมวัย ในรายวิชา Mathematics, Science, Social Studies,

Basic English, Phonics และสอนภาษาจีนเป็นภาษาที่ 3 นอกจากนี้ยังมีศูนย์พัฒนาศักยภาพ เพื่อปลูกฝังทักษะและพัฒนาความสามารถของนักเรียนในระดับชั้นประถมให้ดียิ่งขึ้น ดังนี้

– โลกนักอ่าน ส่งเสริมเด็กๆ ให้รักการอ่าน ด้วยวรรณกรรมและกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์

– ลานนักประดิษฐ์, ห้อง Little Chef และแปลงเกษตร ส่งเสริมทักษะการทำงานเชิงสร้างสรรค์ในรายวิชาการ

งานอาชีพ งานประดิษฐ์ การทำอาหาร และงานเกษตร ในรูปแบบกลุ่มย่อยสลับกันเรียนรู้ แบบไพรเวทกรุ๊ป

และคุณครูสามารถดูแลนักเรียนทุกคนได้อย่างทั่วถึง

– บ้านนักคิด จัดไว้สำหรับเด็กๆ ที่ชอบการคิด การแก้ปัญหา ประกอบด้วยเกมคณิตศาสตร์จำนวนมากไว้

ให้บริการสำหรับนักเรียนทุกระดับชั้นที่ต้องการใช้เวลาว่างช่วงพักกลางวัน และใช้เป็นห้องเรียนในรายวิชา

คณิตศาสตร์ และ Mathematics

– Cooking Studio เป็นห้องครัวของพี่ ๆ มัธยม เครื่องครัวครบครัน ใช้งานได้จริง

– ห้องทวีปัญญา คือห้องสมุดที่ให้เด็กๆ เข้ามาอ่านหนังสือ ค้นคว้าหาความรู้

รายวิชาที่เสริมพัฒนาการต่าง ๆ อย่าง กิจกรรมในลานนักประดิษฐ์, Little Chef และวิชาเกษตร แบ่งเป็นกรุ๊ปย่อย เพื่อเรียนแต่ละรายวิชาสลับกันไป

ห้องเรียนชั้นประถม

โลกนักอ่าน วิชาที่จะช่วยส่งเสริมให้เด็ก ๆ รักการอ่าน ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์

ห้องทวีปัญญา (ห้องสมุด) เป็นอีกห้องที่เด็ก ๆ ชื่นชอบ

ส่วนกิจกรรมเสริมทักษะต่าง ๆ ในแต่ละภาคเรียน โดยในภาคเรียนที่ 1 ยังมี กิจกรรม Story Telling ของนักเรียนประถม 1-3 และกิจกรรม Play on Stage ของนักเรียนประถม 4-6 อยู่ภายใต้โครงการ Literature Based Learning เป็นการเชื่อมโยง ผ่านการบูรณาในรายวิชาสังคมศึกษาฯ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษเป็นแกนหลัก ส่งเสริมให้เด็กกล้าแสดงออก ในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ และรู้จักทำงานร่วมกับผู้อื่น

นอกจากนี้น้อง ๆ ชั้นประถม ยังได้เรียนรู้ STEM โดยบูรณาการในรายวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีเป็นแกนหลัก ในการสรรค์สร้างชิ้นงาน เพื่อช่วยเหลือสังคมและปลูกจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมให้กับเด็ก ๆ อีกด้วย

 

ทักษะด้านดนตรี และคอมพิวเตอร์

โรงเรียนให้ความสำคัญกับวิชาดนตรี น้อง ๆ ชั้นอนุบาล จะได้เรียนเบล เพื่อหัดฟังและเขย่าเสียงตามโน้ต รวมไปถึงระนาดออร์ฟ เรียนตัวโน้ตง่าย ๆ ซึ่งระนาดชนิดนี้ สามารถนำโน้ตบางตัวออกได้ เหมาะสำหรับเด็กเล็ก ๆ ที่เพิ่งฝึก สำหรับเด็กประถม 1 จนถึงประถม 6 เด็กจะเลือกเครื่องดนตรีที่อยากเรียน ได้ 1 ชิ้น คือ ขิมหรือคีย์บอร์ด ส่วนพี่มัธยมต้นจะเรียนอูคูเลเล่ และฟอร์มวงดนตรีในระดับมัธยมปลาย นอกจากนี้เด็ก ๆ ยังสามารถเลือกเครื่องดนตรีที่สนใจ มาร่วมกันเล่นในช่วงเวลาพักกลางวันได้อีกด้วย

ที่โรงเรียนมีห้องคอมพิวเตอร์แบ่งเป็น 3 Lab และมีห้อง iPad Studio ให้เด็ก ๆ ได้ฝึกใช้เทคโนโลยีกันอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีโซน Showcase ด้านล่างอาคาร ที่เด็ก ๆ สามารถมาชมผลงาน Animation ของรุ่นพี่ ที่เคยได้รับรางวัลการประกวดจากที่ต่าง ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับตนเองอีกด้วย

ชั่วโมงดนตรี

Showcase ด้านล่างอาคาร

ห้องคอมพิวเตอร์

Cooking Studio ของพี่ ๆ มัธยม เครื่องครัวครบครัน ใช้งานได้จริง

 

Mommy Love This! ถูกใจแม่

โรงเรียนแบ่งนักเรียนเป็นกรุ๊ปย่อย เพื่อให้เด็กทุกคนได้เรียนรู้กับคุณครูแบบใกล้ชิด ทำให้การเรียนการสอน เข้าถึงเด็ก ๆ ทุกคน

เด็ก ๆ ที่โรงเรียนนี้ไม่กลัวชาวต่างชาติ เพราะได้พูดคุยและเรียนรู้ภาษาอังกฤษทุกวันตั้งแต่เล็ก ๆ

โรงเรียนอนุญาตให้เด็ก ๆ ใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่อยู่ในการควบคุม เพื่อใช้ในการเรียนรู้เป็นหลัก

โรงเรียนมีกิจกรรมน่ารัก ๆ สำหรับพี่มัธยมปลาย คือให้พี่ ๆ คอยช่วยเหลือดูแลน้อง ๆ และช่วยสอนวิชาภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ทำให้สายใยพี่น้องในโรงเรียนแน่นแฟ้น

ห้องเรียนสำหรับเด็กอนุบาล เป็นห้องแอร์ทุกห้องพร้อมเครื่องฟอกอากาศ แถมคุณครูยังวัดไข้ทุกเช้าและบ่าย คุณพ่อคุณแม่จึงสบายใจได้

โรงเรียนจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning การลงมือทำช่วยทำให้เด็กจดจำเนื้อหาการเรียนต่าง ๆ ได้ดีกว่า การท่องจำ

โรงเรียนใช้ระบบการเติมเงินผ่านการ์ด ไม่ใช้เงินสด เด็กทุกคนจะมีบัตรสำหรับสแกนเข้าเรียน สแกนเพื่อซื้ออาหารหรือขนม สามารถตรวจดูได้ว่ามีเงินในบัตรเท่าไหร่ หรือมาสายกี่ครั้ง สะดวกมาก ๆ ค่ะ

 

 

อัตราค่าเรียน

นักเรียนใหม่

อนุบาล 1-3 : 64,000 บาท / ปี

ประถมศึกษาปีที่ 1 : 75,000 บาท / ปี

ประถมศึกษาปีที่ 2-4 : 77,000 บาท / ปี

ประถมศึกษาปีที่ 5-6 : 71,000 บาท / ปี

 

นักเรียนเก่า

อนุบาล 2-3 : 53,000 บาท / ปี

ประถมศึกษาปีที่ 1 : 70,000 บาท / ปี

ประถมศึกษาปีที่ 2-4 : 59,000 บาท / ปี

ประถมศึกษาปีที่ 5-6 : 53,000 บาท / ปี

 

ที่อยู่

โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์

92 ซอยมิตตคาม ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300

อีเมล : [email protected]

โทรศัพท์ : 02-2412604-5

https:// www.sf.ac.th/

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ : ณัฐพล โสภาน้อย

Babymime ชวนเด็กๆ สัมผัสความมหัศจรรย์ครั้งแรก! กับค่าย Magic & Mime Camp 2024 หนุกหนานกับมายากล ซุกซนกับละครใบ้

ครั้งแรกในประเทศไทย! Babymime กลุ่มศิลปินละครใบ้ที่ครองใจทั้งไทยและต่างประเทศ จัดค่ายฝึกอบรมสุดสร้างสรรค์ Magic & Mime Camp 2024″ หนุกหนานกับมายากล ซุกซนกับละครใบ้ ที่จะปลดล็อกจินตนาการและสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ไม่เหมือนใครให้กับน้องๆ อายุ 7-11 ปี กับการก้าวเข้าสู่โลกเวทมนตร์และศิลปะการแสดง ไม่ว่าจะเป็นมายากลสุดทึ่ง หรือการแสดงละครใบ้สุดซุกซน ห้ามพลาด! เปิดรับจำนวนจำกัดเพียง 8 ที่นั่งเท่านั้นเพื่อการดูแลสุดเอ็กซ์คลูซีฟ

Magic & Mime Camp 2024 พร้อมพัฒนาทักษะสําคัญทั้งความคิดสร้างสรรค์ การฝึกสมาธิ การทำงานเป็นทีม การสื่อสารแบบไม่ใช้คำพูด และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งหมดนี้จัดเต็มในระยะเวลา 30 ชั่วโมงของการเรียนรู้แบบสนุกสนาน น้องๆ จะได้ลงมือฝึกฝนจริงกับทีมวิทยากรชั้นนำจากวงการมายากลและละครใบ้สมาธิ

ค่ายนี้นำทีมโดย พี่งิ่ง-รัชชัย รุจิวิพัฒน์ และพี่เกลือ-ทองเกลือ ทองแท้ จาก Babymime ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปีในการสร้างรอยยิ้มทั่วทั้งเอเชียและยุโรป และ พี่สาม-พิทวัส นิลไพรัชจากรายการ Magic Wars นักมายากลระดับแถวหน้าของไทยที่การันตีความสามารถจากเวทีระดับโลก อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านมายากลอย่าง Kelvin Chen ผู้อยู่เบื้องหลังรายการมายากลดังระดับโลก มาร่วมเสริมทัพความสนุกในครั้งนี้อีกด้วย!


อย่าพลาด! ค่าย
Magic & Mime Camp 2024 จะจัดขึ้นในวันที่ 14-18 ตุลาคม 2024 ตั้งแต่เวลา 09:00-16:00 น. ณ BabyMimeStudio (บางบอน 3) รับจำนวนจำกัดเพียง 8 คนเท่านั้น! เพื่อการดูแลอย่างใกล้ชิดแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ค่าลงทะเบียนเพียง 8,560 บาท (รวม VAT)โดยน้องๆ ทุกคนจะได้รับอุปกรณ์มายากลครบชุดฟรี! พร้อมอาหารกลางวันและของว่าง พร้อมรับ ประกาศนียบัตร เมื่อจบการอบรม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนได้ทางFacebook: Babymime Show หรือโทร 080-5398965  

#magicmimecamp #magicwars #babymimeshow #ละครใบ้

########

Tags

โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ชวนเข้าสู่ดินแดนสุขภาพดี “HealthTopia” Heart Of Care Health Fair 2024

โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ขอเชิญชวนทุกท่านเข้าสู่ดินแดนสุขภาพดี “HealthTopia”  Heart Of Care Health Fair 2024 งานมหกรรมคนรักสุขภาพ  เพื่อเป็นการขอบคุณในทุกความไว้วางใจที่ให้เราดูแลตลอดเวลาที่ผ่านมา
ภายใต้ Concept… Happy / Healthy / Helpful

  • Happy “ส่งมอบความสุข”​ ไปกับเสียงดนตรี หลากหลายกิจกรรม​สุดสนุก ลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษและของสมนาคุณอีกมากมาย
  • Healthy “ส่งมอบสุขภาพดี”​ ไปกับสาระความรู้หลากหลายหัวข้อโดยแพทย์เฉพาะทาง และยังมีบริการตรวจสุขภาพ​เบื้องต้นไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกช็อปหลากหลายแพ็กเกจสุดคุ้ม ในราคาสบายกระเป๋า
  • Helpful “ส่งมอบความห่วงใย”​ ไปกับ “บางปะกอกบอกรัก…ปันรักสู่ชุมชน” ซึ่งจะเป็นการนำรายได้ส่วนหนึ่ง นำไปสร้างประโยชน์คืนสู่สังคม ​

ภายในงานสามารถเลือกช็อปแพ็กเกจสุดคุ้มราคาสบายกระเป๋า ลดสูงสุดมากกว่า 70%  ยิ่งซื้อยิ่งคุ้ม
นอกจากนี้ยังมีบริการตรวจสุขภาพเบื้องต้นโดยไม่มีค่าใช้จ่าย (จำนวนจำกัด) หลากหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น

  • การตรวจวัดความดัน
  • ตรวจน้ำตาลปลายนิ้ว
  • วัดค่าสายตาด้วยเครื่องอัตโนมัติ (Auto Refraction)
  • ตรวจองค์ประกอบร่างกาย (Body Composition)
  • ตรวจสแกนฟัน ด้วยระบบ iTero (จำนวนจำกัด)
  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) สำหรับผู้มีอายุ 35 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีความเสี่ยง (จำนวนจำกัด)
  • ตรวจภาวะไขมันพอกตับ (Fibroscan) ผู้รับบริการต้องงดน้ำ งดอาหาร 3-4 ชั่วโมง (จำนวนจำกัด)

เป็นต้น

*ให้บริการเฉพาะภายในงานเท่านั้น (1,2,3,4,5,6,7)

**สำหรับผู้รับบริการที่ตรงตามเงื่อนไขเท่านั้น

เจ้าหน้าที่ติดต่อเพื่อยืนยันสิทธิ์ก่อนเข้ารับบริการเนื่องจากสิทธิ์มีจำนวนจำกัด (5,6,7)

***สำหรับผู้ที่ความร่วมมือกดไลก์ กดแชร์ และเพิ่มเพื่อน ตามช่องทางโซเชียลมีเดียของโรงพยาบาล พร้อมแสดงหลักฐานก่อนรับสิทธิ์เข้ารับบริการกับเจ้าหน้าที่ (1,2,3,4,5,6,7)

นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลฯ ยกทัพแพทย์เฉพาะทางหลากหลายสาขาสลับหมุนเวียนมาแบ่งปันความรู้ ให้คำแนะนำเรื่องสุขภาพในแต่ละวัน, กิจกรรม Workshop  ที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของตนเองและคนรอบข้างได้ อีกทั้งยังเลือกช็อปหลากหลายแพ็กเกจสุขภาพในราคาสบายกระเป๋าได้ภายในงาน

รับชมได้ผ่านทางไลฟ์ Facebook Page : Bangpakok 9 International Hospital โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล https://www.facebook.com/BPK9internationalhospital 

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านที่มาร่วมงานจะได้รับความสุข ความสนุก และสาระความรู้กลับบ้านไป ไม่ว่าจะวัยไหน เพศอะไร
มาจอยกันนะคะ ! แล้วชวนคนใกล้ตัวมาเที่ยวกันได้เลยที่ดินแดนสุขภาพดี “HealthTopia”  Heart Of Care Health Fair 2024 มหกรรมคนรักสุขภาพ ตั้งแต่วันที่ 5 – 9 กันยายน 2567 เวลา 11.00 – 20.00 น. ณ ลานลิฟต์แก้ว ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพระราม 2

สามารถติดตามข่าวประชาสัมพันธ์รายละเอียดของงานเพิ่มเติมได้ที่ช่องทาง Online และ Offline ของโรงพยาบาลฯ เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆนะคะ แล้วมากันให้ได้ล่ะ!

 

สอบถามโทร Call center 1745
หรือพูดคุยกับโรงพยาบาล : m.me/198502720283929

#BPK9 #BPK9HOSPITAL #Healthtopia #HeartOfCareHealthFair2024 #BPK9xNadech #nadechactivity #HCF2024 #Healthtopiaดินแดนสุขภาพดี #มหกรรมคนรักสุขภาพ #HealthFair #แบร์รี่ #barrynadech #ณเดชน์คูกิมิยะ #NadechKugimiya #kugimiyas #mclizasadler #Lisa   #ลิซ่าอาลิซาเบธ #lizasadler #CentralRama2  #โรงพยาบาลบางปะกอก9อินเตอร์เนชั่นแนล

Tags

10 น้ำเกลือล้างจมูก น่าใช้ ปี 2024 ปลอดภัย ใช้ได้กับเด็ก

เมื่อลูกน้อยเริ่มเป็นหวัด คัดจมูก หายใจไม่ออก ทำให้นอนหลับไม่สนิท และเกิดอาการงอแงบ่อย ๆ การล้างจมูกเป็นหนึ่งในวิธีบรรเทาอาการคัดจมูกที่สามารถช่วยได้ แต่ก่อนอื่น คุณพ่อคุณแม่ต้องเลือกน้ำเกลือล้างจมูกที่เหมาะสม น้ำเกลือที่ใช้สำหรับล้างจมูก ต้องเป็นนอร์มอลซาไลน์ (normal saline) 0.9% และต้องเป็นยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ มีวันผลิต และวันหมดอายุบนฉลากที่ชัดเจน

น้ำเกลือล้างจมูก มีแบบไหนบ้าง

น้ำเกลือใช้ล้างจมูก สามารถแบ่งตามความเข้มข้นและที่มาได้ 3 แบบ คือ

  1. น้ำเกลือชนิดเข้มข้นปกติ (isotonic normal saline solution)  เป็นสารประกอบของน้ำและเกลือโซเดียมคลอไรด์ มีความเข้มข้น 0.9% w/v หรือเรียกว่านอร์มัลซาไลน์ (normal saline solution; NSS) ซึ่งมีความเข้มข้นเท่ากับสารละลายภายในเซลล์ร่างกาย หากเกิดบาดแผลบนผิวหนังแล้วมีการชำระล้างลงที่บาดแผลจะทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกระคายเคืองหรือแสบบริเวณที่เกิดบาดแผล อีกทั้งน้ำเกลือยังไม่ทำลายเนื้อเยื่อเหมือนอย่างการล้างแผลด้วยแอลกอฮอล์ จึงทำให้เหมาะสำหรับการนำมาใช้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการล้างจมูก ซึ่งสามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด ไปจนถึงผู้ใหญ่ โดยหลังจากเปิดใช้แล้วน้ำเกลือจะมีอายุได้นาน 30 วัน หากยังไม่เปิดใช้จะมีอายุเท่าที่แจ้งในฉลากบรรจุภัณฑ์
  2. น้ำเกลือชนิดเข้มข้นสูง (hypertonic saline solution) เป็นสารประกอบของน้ำและเกลือโซเดียม คลอไรด์ มีความเข้มข้นของเกลือสูงกว่า 0.9% w/v แต่ไม่ควรเกิน 3% w/v โดยความเข้มข้นของเกลือที่สูงมีผลให้ความเข้มข้นของสารที่อยู่ในสารละลาย (osmolarity) สูงกว่าเซลล์เยื่อบุจมูก จึงมีผลต่อการช่วยดึงน้ำออกนอกเซลล์เยื่อบุจมูก ทำให้สามารถช่วยลดอาการบวมของเซลล์และบรรเทาอาการคัดจมูกได้ดี โดยน้ำเกลือประเภทนี้มักจะใช้ในปริมาตรน้อยกว่า 5 มิลลิลิตรต่อการพ่นจมูก อย่างไรก็ตาม ด้วยความเข้มข้นในระดับที่สูงกว่าเซลล์เยื่อบุจมูก ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคือง และแสบจมูกได้ 
  3. น้ำเกลือจากทะเล (seawater) มีทั้งที่เป็นน้ำเกลือชนิดความเข้มข้นปกติ (isotonic saline solution) และน้ำเกลือชนิดความเข้มข้นสูง (hypertonic saline solution) โดยน้ำเกลือจากทะเล เป็นผลิตภัณฑ์ที่เตรียมจากการเจือจางน้ำทะเลด้วยน้ำให้ได้ความเข้มข้นของเกลือตามที่ต้องการ โดยในน้ำทะเลยังประกอบไปด้วยแร่ธาตุอื่น ๆ หลายชนิดที่มีคุณสมบัติในการช่วยการทำงานของจมูก นอกจากนี้ การที่น้ำทะเลมีค่า pH 8.1-8.2 ซึ่งอยู่ในภาวะค่อนข้างเป็นด่าง ยังสามารถช่วยลดความเหนียวข้นของ น้ำมูกในโพรงจมูก และเพิ่มการพัดโบกของเซลล์ขนกวัด (cilia) ทำให้กำจัดสิ่งแปลกปลอมได้ดียิ่งขึ้น

 

น้ำเกลือล้างจมูก สำหรับเด็ก แม่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้ ทั้งน้ำเกลือ อุปกรณ์สำหรับการล้างจมูก

สำหรับแบรนด์น้ำเกลือที่ ทีมแม่ ABK เลือกมาพูดถึงในบทความนี้ จะมีทั้งแบบ น้ำเกลือชนิดเข้มข้นปกติ และน้ำเกลือจากทะเลชนิดความเข้มข้นปกติ เพื่อให้แม่ ๆ อ่านประกอบการตัดสินใจก่อนจะเลือกใช้กันค่ะ

ซึ่ง 10 แบรนด์น้ำเกลือล้างจมูกสำหรับลูกที่น่าใช้ ปี 2024 มีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ

 

1. น้ำเกลือ GHP Normal Saline Solution จากแบรนด์ GHP

แบรนด์ GHP เป็นแบรนด์ที่อยู่คู่กับชาวไทยมาอย่างยาวนานกว่า 55 ปี โดยน้ำเกลือ GHP Normal Saline Solution มีส่วนผสมของเกลือคุณภาพสูงจากแหล่งผลิตเกลือจากประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งสามารถมั่นใจในคุณภาพได้อย่างแท้จริง เพราะ น้ำเกลือ GHP Normal Saline Solution ได้รับความไว้วางใจจากโรงพยาบาลมากกว่า 70% ในประเทศไทยเลือกใช้

นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองระบบมาตรฐาน HALAL ทำให้ผู้ที่เป็นมุสลิมสามารถ ใช้ประโยชน์ได้ ที่สำคัญน้ำเกลือ GHP Normal Saline Solution มีการบรรจุในขวดใส ปากขวดใหญ่ รองรับการใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้ล้างจมูก ล้างแผล หรือเช็ดทำความสะอาดใบหน้าก็สามารถทำได้อย่างอ่อนโยน

สำหรับการล้างจมูกนั้นจะไม่ยุ่งยากอีกต่อไป เพราะมีขวดล้างจมูก GHP Nasicare Nasal Washer ผลิตจากวัสดุ Medical Grade (เกรดวัสดุทางการแพทย์) เป็นวัสดุที่ปลอดภัยต่อร่างกายเมื่อนำมาใช้งาน  สามารถเปลี่ยนหัวจุกสำหรับล้างจมูกให้เหมาะสำหรับการใช้งานได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เพื่อช่วยทำให้การล้างจมูกเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน 

สั่งซื้อได้ที่ : SHOPEE / LAZADA     

 

2. LP Saline

บางคนอาจจะคิดว่าเป็นน้ำเกลือแบรนด์ใหม่ แต่ถ้าบอกว่า “ตราเสือดาว” แม่คงจะร้อง อ๋อ! เพราะเป็นน้ำเกลือสารพัดประโยชน์ ที่ใช้ได้ทั้งล้างจมูก เช็ดหน้า และบ้วนปาก โดยเกลือนำเข้าจากประเทศเดนมาร์ค มั่นใจได้ในมาตรฐานการผลิต และเรื่องความสะอาด ด้วย GMP มาตรฐานระดับสากล 

สั่งซื้อได้ที่ : LAZADA

 

 

ขอบคุณภาพจาก : LAZADA

3. SOFCLENS HH 

น้ำเกลือปราศจากเชื้อ โดยเกลือจากประเทศนิวซีแลนด์ ที่มีส่วนประกอบของโซเดียมคลอไรด์ 0.9% อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองบริเวณผิวหนัง เหมาะสำหรับใช้ล้างคอนแทคเลนส์ ทำความสะอาดดวงตา ล้างจมูกได้โดยไม่แสบ ขวดใส มองเห็นน้ำเกลือด้านใน บรรจุภัณฑ์แน่นหนา ป้องกันการปนเปื้อน สามารถมั่นใจได้ในเรื่องความสะอาด ก่อนถึงมือแม่

สั่งซื้อได้ที่ :  LAZADA

 

ขอบคุณภาพจาก : LAZADA

4. Salinex

สเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูก จากเกลือธรรมชาติประเทศนิวซีแลนด์ เหมาะสำหรับล้างจมูกให้เด็กเล็กโดยเฉพาะ เนื่องจากสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในโพรงจมูก และลดอาการคัดจมูกของลูกน้อย มาในรูปแบบกระป๋องจับถนัดมือ บรรจุน้ำเกลือ 80 มล. พร้อมด้วยหัวฉีดแรงดันต่ำ เพื่อการใช้งานที่สะดวกสำหรับแม่ที่มีลูกเล็ก

สั่งซื้อได้ที่ : LAZADA 

 

ขอบคุณภาพจาก : Facebook

5. KLEAN & KARE

น้ำเกลือปราศจากเชื้อ โดยเกลือนำเข้าจากประเทศนิวซีแลนด์ สามารถนำมาใช้ล้างจมูก และใช้กับส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ โดยไม่ระคายเคือง ไม่ว่าจะเป็นการ ล้างแผล เช็ดทำความสะอาดใบหน้า หรือล้างคอนแทคเลนส์ บรรจุในขวดพลาสติกที่มีฝาล็อกคเป็นเอกลักษณ์ เพิ่มความมั่นใจในความสะอาดก่อนเปิดใช้งาน

สั่งซื้อได้ที่ : LAZADA

 

 

6. Marimer Baby Isotonic Spray

สเปรย์น้ำทะเล ที่ผ่านกรรมวิธีปลอดเชื้อเพื่อให้เหมาะสำหรับใช้ล้างจมูก ด้วยส่วนประกอบของสารละลายน้ำทะเลเจือจางปราศจากเชื้อ แบบไอโซโทนิก (Isotonic) เทียบเท่ากับความเข้มข้นของเกลือ 9 กรัม/ลิตร มาในรูปแบบกระป๋องสเปรย์ที่มีแรงดันต่ำ เหมาะสำหรับเด็กเล็ก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นในโพรงจมูก และช่วยให้น้ำมูกนิ่มขึ้น เพื่อลดอาการคัดจมูกของลูกน้อย

สั่งซื้อได้ที่ : LAZADA

 

ขอบคุณภาพจาก LAZADA

7. Hashi Plus

ชุดอุปกรณ์ล้างจมูกโดยเฉพาะ สะดวกสำหรับพกพา ด้วยซองผงเกลือล้างจมูกสูตรอ่อนโยนของ Hashi เมื่อต้องการใช้งานเพียงผสมน้ำสะอาด 180 มล. ก็จะได้น้ำเกลือสูตร isotonic ที่มีความเข้มข้น 0.9% NaCl ซึ่งเป็นค่าที่เหมาะสมสำหรับการใช้ล้างจมูก ที่สำคัญมาพร้อมกับอุปกรณ์ล้างจมูก ขนาดกระทัดรัด จับถนัดมือ

สั่งซื้อได้ที่ : LAZADA


8. Aqua Maris

สเปรย์ล้างจมูกสำหรับเด็กเล็ก จากน้ำทะเลธรรมชาติ เป็นสารละลายน้ำทะเลที่มีความเข้มข้นเท่ากับความเข้มข้นภายในเซลล์ของร่างกาย (Isotonic Seawater) และผ่านกรรมวิธีปลอดเชื้อ ให้เหมาะกับการใช้กับร่างกาย โดยหัวพ่นสเปรย์ถูกออกแบบมาให้มีความดันเหมาะสำหรับใช้กับเด็ก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเยื่อบุโพรงจมูก ทำให้หายใจโล่งขึ้น และสามารถถอดล้างหัวสเปรย์ได้ด้วย

 สั่งซื้อได้ที่ : LAZADA 

 

9. Mar Baby Nose

สเปรย์ล้างจมูกสำหรับเด็ก ด้วยน้ำเกลือจากน้ำทะเลประเทศฝรั่งเศส ผ่านกระบวนการเพื่อความสะอาด และปรับให้มีความเข้มข้นสมดุลกับของเหลวในร่างกาย(ไอโซโทนิก) ทำให้ไม่ระคายเคืองเยื่อบุโพรงจมูก หัวสเปรย์มีแรงดันเหมาะสม ละอองฝอยอ่อนโยน เหมาะสำหรับทำความสะอาดจมูกเด็กเล็ก

สั่งซื้อได้ที่ : LAZADA 

 

ขอบคุณภาพจาก : LAZADA

10. Claricare

สเปรย์น้ำเกลือ จากน้ำทะเลธรรมชาติประเทศฝรั่งเศส ปราศจากการเติมสารกันเสียและสารเคมี มาในรูปแบบกระป๋อง 100 มล. พร้อมหัวสเปรย์เพื่อการใช้งานที่สะดวกมากขึ้น ตอบโจทย์การใช้สำหรับพ่นทำความสะอาดโพรงจมูก และให้ความชุ่มชื้นในเยื่อบุโพรงจมูกอย่างอ่อนโยน 

 สั่งซื้อได้ที่ : LAZADA

 

จะเห็นได้ว่า น้ำเกลือล้างจมูกตามท้องตลาดมีหลากหลายแบรนด์ให้เลือกใช้งาน ซึ่งมีทั้งแบบน้ำเกลือสำหรับใช้กับอุปกรณ์ล้างจมูก, แบบหัวสเปรย์ที่พ่นเข้าไปในจมูกโดยตรง และแบบผงผสมน้ำ โดยคุณแม่ ๆ ก็สามารถเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสมกับความต้องการ ซึ่งวิธีการใช้ก็อาจแตกต่างกันไป หากไม่มั่นใจในความถูกต้อง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือเภสัชกร เพื่อให้ได้คำแนะนำที่ถูกต้องในการล้างจมูก ก่อนนำมาใช้กับลูกน้อยนะคะ

 

ข้อมูลอ้างอิงจาก

https://www.lazada.co.th/

https://plan.fda.moph.go.th/media.php?id=587798509319757824&name=Binder19328.pdf

https://www.ghp.co.th/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%A5-normal-saline-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0/

Tags

หลุมรัก HOYO…คอกกั้นเด็ก อันดับ 1 ที่ทำคุณแม่ตกหลุมรักกันแล้วนับไม่ถ้วน

คอกกั้นเด็ก HOYO คอกกั้นคุณภาพที่แม่ๆ ตกหลุมรักและไว้วางใจให้ลูกได้ฝึกหัดคลาน เล่น และทำกิจกรรมในพื้นที่ปลอดภัย โดยใช้วัสดุผ้าหนัง PU จากเกาหลี  🇰🇷  ซึ่งมีความดีงามดังนี้ค่ะ

– ผ้าหนัง PU จากเกาหลี ถูกเคลือบด้วย Hydrolysis Resistance ทำให้ทนทานและยืดอายุการใช้งานให้นานกว่าผ้าหนัง PU ทั่วไป ไม่ว่าจะขีดด้วยของแหลมหรือกุญแจก็ไม่ขาดไม่เป็นรอย
– ผ้าหนัง PU จากเกาหลี ทนทานต่อเล็บของน้องหมาน้องแมว ไม่เป็นรอยง่าย (Pet friendly)
– ผ้าหนัง PU จากเกาหลี ลบรอยปากกาได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะปากกาแบบไหนก็เอาอยู่ ไม่เหลือคราบสะอาดหมดจด
– ผ้าหนัง PU จากเกาหลี กันน้ำ ไม่ว่าจะ นมหรือฉี่เบบี๋ก็เช็ดได้ ทำความสะอาดง่ายมาก
– ผ้าหนัง PU จากเกาหลี NON-TOXIC ปลอดภัยจากสารอันตรายกว่า 30 ชนิดและผ่านการรับรองมาตรฐานจากทั้งยุโรปและอเมริกา

การันตีจากคุณพ่อคุณแม่กว่า 10,000 รีวิวจากผู้ใช้งานจริงที่ตกหลุมรัก นอกจากนี้ยังมี รางวัลอีกเพียบ….
✨ 10 รางวัลการันตี Best baby playpen 4 ปีซ้อน 2020-2023 และ Most Innovation Playpen ✨
🏆 รางวัล Innovation Award From KIND + JUGEND สาขา Kids furniture 2023
🏆 รางวัล Most Innovation Playpen 2022 จาก The Asianparent Awards
🏆 รางวัล Mommy’s Choice ด้วยผลโหวตจากคุณแม่ทั่วประเทศไทยกว่า 10,000 คน! โหวตให้ HOYO ได้คะแนนสูงสุด จนเป็นสินค้าหนึ่งในดวงใจ
🏆 รางวัล Editor’s Choice สุดยอดสินค้าที่บรรณาธิการเลือกให้เป็นผู้ชนะมีประโยชน์และใช้ได้จริง ทำคุณแม่ตกหลุมรักกันแล้วทั่วประเทศไทย

 

สามารถชมสินค้าจริงได้ที่
📍 Showroom พระราม 3 (appointment only)
📍 ร้าน LOULOU The Taste Thonglor ซอย 11
📍 Index Living Mall สาขาเดอะวอล์ค เกษตร-นวมินทร์
📍The Little Store เอกมัย ซอย 4

🔍 กว่า 10,000 รีวิวจากผู้ใช้งานจริงที่ตกหลุมรัก HOYO  #HOYOREVIEW
#คอกกั้น #คอกกั้นเด็ก #คอกกั้นเด็กHOYO #HOYOหลุมรักที่พ่อแม่ไว้วางใจ #หลุมรักที่เหนือกว่า5ประการ #อุ่นใจในsafezone #ใครๆก็ใช้คอกกั้นHOYO #HOYOไข่ตกไม่แตก #เพราะลูกจึงต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด #คอกกั้นเด็กเสริมพัฒนาการ #คอกกั้นเด็กปลอดสาร #nontoxicbabyproduct #ของแท้ต้องHOYO #thailand

Tags

โรงเรียนปัญโญทัย

โรงเรียนปัญโญทัย สุดยอดโรงเรียนทางเลือกหลักสูตรวอลดอร์ฟ พัฒนาการเติบโตควบคู่คุณธรรม

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราจะพบว่า “ปัญญาประดิษฐ์ (AI)” ได้รับการพัฒนาและถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ในความสะดวกสบายนั้น..ที่ทุกอย่างง่ายเพียงแค่ปลายนิ้วคลิก..อาจจะเปลี่ยนชีวิตลูกหลานเราไปตลอดกาล

วันนี้ ทีมแม่ ABK จะพาคุณพ่อคุณแม่มาสำรวจ โรงเรียนปัญโญทัย หนึ่งในเครือข่าย “โรงเรียนวอลดอร์ฟ” นับ 1,000 แห่งจาก 60 ประเทศทั่วโลก  ที่ยึดมั่นในหลักการของรูดอล์ฟ สไตเนอร์ โดยปรับให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมและเยาวชนไทย มุ่งหมายให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้รอบด้าน balance ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา เพื่อให้เด็ก ๆ เติบโตและพรั่งพร้อมไปด้วยคุณสมบัติที่ดีของมนุษย์ตามแบบฉบับของแต่ละคน

ก่อนที่จะพาลูก ๆ หลาน ๆ ของเราเขย่ง – ก้าว – กระโดดไปนั้น เราควรสอนให้เด็ก ๆ หัดคลาน – เดิน – วิ่งอย่างมั่นคงก่อน เด็ก ๆ ควรเติบโตอย่างเรียบง่าย ตามพัฒนาการที่สมวัย ได้เล่น ได้เรียน ได้ลงมือทำ รู้จักผิดพลาดและเรียนรู้ที่จะแก้ไข ท่ามกลางบรรยากาศ – ธรรมชาติที่ “ปรุงแต่ง” น้อย เมื่อรากแก้วแข็งแรงแล้ว การต่อยอดเข้าไปในโลกยุคใหม่จะทำให้เด็ก ๆ ไม่สั่นคลอนหรือแกว่งไปตามกระแส และสามารถคงไว้ซึ่งคุณค่าและความงดงามของ “การเป็นมนุษย์”

โรงเรียนปัญโญทัย

เวลาพักกลางวัน เด็ก ๆ ก็สนุกกันเต็มที่

 โรงเรียนปัญโญทัย

 เด็ก ๆ เหลาไม้นิตติ้งกันเองนะคะ

โรงเรียนปัญโญทัย

วิชาจักสานเรียนตั้งแต่ชั้นประถม จนถึง ม.3

โรงเรียนปัญโญทัย

เดี่ยวไวโอลิน

โรงเรียนปัญโญทัย

ชั่วโมงงานไม้ของพี่ ม.5 กำลังทำของเล่นให้น้องๆอยู่ค่ะ

วอลดอร์ฟแตกต่างจากหลักสูตรอื่น ๆ อย่างไร ?

  • เน้นการปลุกอัตตาหรือตัวตนภายในของมนุษย์ให้รู้จักตัวเองอย่างแท้จริง = ความอิสระและความรับผิดชอบ ไม่ได้เน้นการอัดความรู้เพื่อสอบแข่งขัน
  • เป็นการศึกษาเพื่อสังคม ที่มองว่าการแข่งขันไม่ใช่ปัจจัยสำคัญต่อความเจริญก้าวหน้าและความสำเร็จ แต่ความร่วมมือต่างหากที่เป็นปัจจัยหลักของความสำเร็จอย่างแท้จริง
  • ให้ความสำคัญ ( อย่างมาก ) กับพัฒนาการตามช่วงวัย

วัย 7 – 14 ปี : เรียนรู้จากความประทับใจ

วัย 14 – 21 ปี : เรียนรู้จากการคิด

  • กล่อมเกลาด้วยศิลปะ เพราะศิลปะจะช่วยสนับสนุนและเพิ่มมิติอื่น ๆ ให้กับบทเรียนหลักเพื่อสร้างการเรียนรู้ที่มีชีวิตชีวา ผสมผสานการคิดด้วยความรู้สึกและสุนทรียภาพและส่งไปยังหัวใจและมือก่อนถึงสมอง ศิลปะที่เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ ได้แก่ การวาดภาพ การร้องเพลง การเครื่องดนตรี งานหัตถกรรมน้อยใหญ่ต่าง ๆ
  • เล่น ของเล่นที่ไม่ซับซ้อน ของเล่นที่ไม่สำเร็จรูป วัตถุดิบจากธรรมชาติธาตุทั้ง 4 จะช่วยต่อยอดสร้างจินตนาการให้กับเด็ก ๆ
  • เรียน ผ่านการลงมือปฏิบัติให้เป็นทักษะชีวิตอย่างแท้จริง โดยที่เด็กๆจะไม่รู้เลยว่าแต่ละงานที่ทำอยู่นั้นคือ ทักษะของแต่ละรายวิชา
  • ใช้ชีวิต ใกล้ชิดธรรมชาติตามพื้นฐานปัจจัยสี่ของมนุษย์ อาหาร ยา เครื่องนุ่งห่ม ที่พักอาศัย วัตถุยิ่งน้อยเด็ก ๆ ยิ่งเรียนรู้มาก ลง-ลึก-ซึ้ง-ตั้งใจ-อดทน

โรงเรียนปัญโญทัย

การทำงานสาน ไม่ได้ใช้แค่ความตั้งใจ แต่ใช้ทักษะคณิตศาสตร์ด้วย

โรงเรียนปัญโญทัย

ก่อนแกะสลัก ก็ต้องลงมือร่างแบบก่อน

โรงเรียนปัญโญทัย

อุปกรณ์จะค่อยๆซับซ้อนขึ้นตามช่วงอายุ น้องเล็กๆจะต้องเริ่มจากอุปกรณ์พื้นฐานก่อน

โรงเรียนปัญโญทัย

เครื่องมือและอุปกรณ์ในการเรียนที่ปัญโญทัยเยอะและหลากหลายมาก

โรงเรียนปัญโญทัย

เพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม

 

ที่ปัญโญทัยเรียนอย่างไรกันนะ ?

วัย 7 – 14 ปี : เรียนรู้จากความประทับใจ

นักเรียนชั้น ป.1 – ม.2 วัยเรียนรู้โลก เรียนรู้ตนเอง  ช่วง 2 ชั่วโมงแรกในแต่ละวัน ของระดับชั้นประถมและมัธยมจะเป็นการเรียนวิชาใดวิชาหนึ่ง เช่น มนุษยศาสตร์ คณิตศาสตร์ ต่อเนื่องกันไปทุกวันเป็นเวลา 3-6 สัปดาห์ ซึ่งไม่ได้สร้างเพียงสมาธิ สติปัญญา แต่ยังสอดประสานศิลปะและการเคลื่อนไหวเท่ากับการเรียนรู้รอบด้าน

หลังจากวิชาหลัก 2 ชั่วโมงแรกจะเป็นรายวิชาประจำซึ่งต้องเรียนอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ดนตรี งานไม้ หัตถกรรม  รูปแบบการเรียนรู้ไม่ได้เป็นไปโดยนักเรียนนั่งฟังและจดเท่านั้น แต่ยังผ่านการเคลื่อนไหว การปฏิบัติ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการถ่ายทอดผ่านศิลปะ ซึ่งหลักสูตรของทุกระดับชั้นจะสอดคล้องต่อเนื่องกันตรงตามพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย  รายละเอียดด้านล่างเป็นเพียง “บางส่วน” ของหลักสูตรที่แสดงถึงแผนการเรียนรู้ที่เรียงร้อยไล่ไปตามพัฒนาการ

โรงเรียนปัญโญทัย โรงเรียนปัญโญทัย โรงเรียนปัญโญทัย

บรรยากาศ “indoor” ของชั้นประถมศึกษา

โรงเรียนปัญโญทัย

ป.3 ป.4 มีวิชาทำนา

โรงเรียนปัญโญทัย

บรรยากาศ “outdoor” ศาลานี้นักเรียนเป็นผู้สร้างนะคะ

 

  • ชั้น ป.1 – .2 : เป็นรอยต่อของ “วัยอนุบาล หรือวัยช่างฝัน” เด็กๆจึงเรียนเกี่ยวกับ Fairy Tales นิทานอีสป

ช่วงเช้า – กิจกรรมที่เน้นประสบการณ์ ช่วงบ่าย – นอนกลางวัน

วิชา Extra-work = ปลูกต้นไม้ นอกจากจะเป็นเรียนรู้ผ่านการทำงานเพื่อสร้างทักษะต่าง ๆ แล้วเด็ก ๆ ยังได้รู้จัก “รากเหง้า” ของสิ่งต่าง ๆ

  • ชั้นป.3 – .4 : วัย 9 – 10 ปี เป็นตะเข็บของวัยที่สำคัญเพราะเด็ก ๆ กำลังจะก้าวไปสู่ “วัยรุ่น – แรกเริ่ม” พัฒนาการทางอารมณ์และสังคมจะเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ดังนั้นหลักสูตรจึงเน้นไปที่ DOWN TO EARTH การอยู่ในโลกของความเป็นจริง เด็กๆจะเรียนรู้เกี่ยวกับกำเนิดของโลก การทำนา การทำปศุสัตว์ นิทานเกี่ยวกับข้าว นิทานโบราณเกี่ยวกับกำเนิดโลก (Jewish)
  • ชั้น .4 เด็ก ๆ จะได้เรียน “เศษส่วน” ซึ่งสอดคล้องกับ “ช่วงวัยแยกตัว” พอดิบพอดี เรียนเรื่อง “มนุษย์กับสัตว์”

ส่วนกีฬา.. เด็ก ๆ เรียน Rollerblade ค่ะ

  • ชั้น ป.5 เด็ก ๆ ย้อนกลับไปเรียน “อารยธรรมโบราณ” เช่น อารยธรรมเมโสโปเตเมีย อารยธรรมอินเดีย ดนตรีสากล รวมกันกับดนตรีไทย และได้เล่น “วิ่งขาโถกเถก” ด้วยนะคะ
  • ชั้นป.6 และ ม.1- .2 เน้นวิทยาศาสตร์ โดยนักเรียนชั้น ป.6 เรียนเรื่องเล่าโลกที่ยุคสมัยและวิทยาการค่อย ๆ เจริญขึ้น และกีฬาก็คือ จั๊กกลิ้ง (Juggling 3 Balls) เด็ก ๆ จะได้เรียนตัดเย็บโดยใช้จักรถีบด้วยนะคะ.. เพราะจักรถีบเป็นสิ่งประดิษฐ์สำคัญในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมค่ะ (Renaissance)
  • Trip .2 มีการออกทริปจักรยานค้างแรม เริ่มต้นที่ จ.สมุทรสาคร – จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีการจัดแผนการเดินทางและที่พักอย่างรัดกุมและปลอดภัย เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันในสถานการณ์แห่งความเป็นจริงนอกรั้วปัญโญทัยค่ะ ทริปจักรยานประสบความสำเร็จและเต็มไปด้วยความประทับใจมาหลายต่อหลายปี

โรงเรียนปัญโญทัย

จักรถีบ Renaissance iconic

โรงเรียนปัญโญทัย

เรื่องจักรยานเราจริงจังนะคะ

 

โรงเรียนปัญโญทัย

ศิษย์เก่าของโรงเรียนเป็นคุณครูสอนไวโอลินให้น้อง ๆ

โรงเรียนปัญโญทัย

งานคราฟท์ที่แท้จริง

 

วัย 14 – 21 ปี : เรียนรู้จากความคิด

ชั้น ม.3 – .6

  • เน้นการ Discuss กันมากขึ้น คุณครูจะเป็นที่ปรึกษาในลักษณะของ Mentor และจะมีความเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ
  • วิชาดนตรี – เด็กมัธยมจะเรียนวิชาออเคสตร้า
  • กีฬาต่าง ๆ – เด็ก ม.3 เรียนวอลเล่ย์บอล เด็ก ม.4 เรียนยิงธนู เด็ก ม.5 เรียนตะกร้อ
  • งานฝีมือ – การใช้อุปกรณ์จะค่อยๆ advance ตามชั้นปี เริ่มตั้งแต่ ใช้ค่อนกับสิ่ว basic สุดๆ จนถึงพี่ ม.6 โตที่สุดใช้เลื่อยไฟฟ้าค่ะ
  • วิชาจักสาน – จะเรียนถึงชั้น ม.3 ส่วน ม.4 เรียนงานหนัง งานเหล็ก ( ตีมีด ) ม.5 งานไม้ ม.6 งานเฟอร์นิเจอร์
  • โรงเรียนสนับสนุนการทำ Portfolio ผลงานเพื่อยื่นใช้ในมหาวิทยาลัย นักเรียนปัญโญทัยมีความถนัดหลากหลายมากสามารถพูดได้เลยว่า Portfolio แน่นและคุณภาพคับแก้วค่ะ

ข้างต้นเป็นเพียงส่วนย่อยเท่านั้นนะคะ ทุกงาน ทุกกิจกรรม ล้วนเป็นการบูรณาการศาสตร์ทั้งหลายเข้าด้วยกัน

อย่างน้อย 3 ศาสตร์ เช่น

ประวัติศาสตร์ – วิวัฒนาการข้าวของเครื่องใช้จากอดีต – ปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของวิทยาการ

วิทยาศาสตร์ – ทุกสิ่ง ทุกอย่าง จากการกระทำมีความเป็นเหตุและผล

คณิตศาสตร์ – แม้กระทั่งการถักโครเชต์นั้น.. คือหลักการของเลขอนุกรมนะคะ

รูปแบบการเรียนการสอนของปัญโญทัยคือการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง เด็ก ๆ ที่นี่ร่าเริงสดใสสมวัย อดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งในการเรียนและการใช้ชีวิต เป็นภูมิคุ้มกันที่ดีในอนาคต

โรงเรียนปัญโญทัย

ชั้น ม.ปลาย เน้นการอภิปรายกันในชั้นเรียน โต๊ะในห้องจึงจัดเป็นตัว U

โรงเรียนปัญโญทัย โรงเรียนปัญโญทัย โรงเรียนปัญโญทัย โรงเรียนปัญโญทัย

ช่วงบ่ายแทบจะไม่มีเด็ก ๆ อยู่ในชั้นเรียนเพราะเรียนแบบบูรณาการกันนอกห้องเสียส่วนใหญ่เลยค่ะ

 

Feeling นั้นสำคัญฉไน

โรงเรียนปัญโญทัย ให้ความสำคัญในการสอน ปลูกฝังด้านอารมณ์และความรู้สึกให้แก่เด็ก ๆ ผ่านจริยธรรม ศีลธรรม คนเราควรรู้สึกดี กับ สิ่งที่ดี และควรรู้สึกไม่ดี กับ สิ่งที่ไม่ดี เช่น ในชั้น ป.4 เด็ก ๆ เรียนเรื่อง “มนุษย์ กับ สัตว์”  สิ่งที่ทำให้ มนุษย์ แตกต่างจาก สัตว์ ก็คือ กระดูกสันหลัง ขาที่เป็นอิสระ มือที่เป็นอิสระ.. และมือของมนุษย์นี้ที่สามารถหยิบยื่นสิ่งดี ๆ ให้ผู้อื่นได้

เด็กอายุ  7 – 14 ปี จะเรียนรู้จากความประทับใจ ดังนั้น การสอนต้องเน้นให้เด็กรู้สึกถึงความงาม และจำเป็นต้องเรียนรู้ว่าโลกนี้งดงาม 14 – 21 ปี : เรียนรู้จากการคิด ดังนั้น การสอนต้องเน้นให้เด็กคิด จนเกิดปัญญา เห็นสัจธรรม และความจริงในโลก และจำเป็นต้องเรียนรู้ว่าโลกนี้เป็นจริง เรามักให้ความสนใจกับเรื่องความรู้สึก น้อยกว่าความคิดและเหตุผล ทั้งที่ความรู้สึกมีอิทธิพลสำคัญ ทั้งช่วยส่งเสริม และเป็นสิ่งรบกวน ระบบความคิด และการมีเหตุผล

 

Mommy Like This

  1. เด็ก ๆ อยากมาโรงเรียนทุกวัน เพราะมีกิจกรรมหรืองานใหม่ ๆ ให้ได้เรียนรู้กันอยู่ตลอด
  2. เด็ก ๆ มีสมาธิดี โรงเรียนจำกัดการใช้เครื่องมือสื่อสารและอุปกรณ์เทคโนโลยี  ( ยกเว้นนักเรียน ม.ปลาย ที่อนุญาตให้ใช้งานเพื่อสืบค้นและค้นคว้า ) การจำกัดนี้แหละจะทำให้เด็ก ๆ มีสมาธิจดจ่อในการทำงาน ในเวลาเรียน และได้ใช้เวลากับเพื่อน ๆ ได้อย่างเต็มที่
  3. เติบโตสมวัย : เปิดกว้างในการเรียนรู้ให้เด็ก ๆ ได้ค้นพบตัวเอง โดยไม่ได้เร่งรัดให้เรียนเกินวัย แต่เมื่อพื้นฐานของเด็ก ๆ แน่นและพร้อม ทุกคนจะฉายแววอย่างก้าวกระโดดด้วยตนเองเลยค่ะ
  4. ทักษะชีวิต : นอกจาก skills ต่าง ๆ เด็ก ๆ จะมีความอดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค กล้าลอง กล้าล้ม และเริ่มใหม่ เป็นคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่ออนาคตเลยนะคะ
  5. ชุมชนบริเวณโรงเรียนน่าอยู่ ทั้งคาเฟ่ (ของกลุ่มผู้ปกครอง) ร้านขนมปังในละแวก ร้านค้าที่ขายสินค้าเกษตรอินทรีย์ และโรงเรียนเองล้วนพึ่งพาอาศัยกัน พบเจอกันก็มีแต่รอยยิ้ม
  6. ไม่มีการสอบเพื่อวัดผล คุณครูประเมินตามพัฒนาการ ทำให้เด็ก ๆ ไม่ต้องกังวล สามารถเรียนอย่างเป็นตัวเองได้เต็มที่
  7. Team Work – หัวใจหลักของความสำเร็จที่ปลูกฝังกันตั้งแต่เล็ก ๆ เด็ก ๆ ไม่แข่งขันแก่งแย่ง แต่ชอบที่จะร่วมมือกัน ในชั้นเรียนจึงมีแต่ความสนุกสนานเพราะทุก ๆ คนช่วยกันเรียน ช่วยกันเล่นค่ะ

โรงเรียนปัญโญทัยโรงเรียนปัญโญทัย

รอบรั้วปัญโญทัย

โรงเรียนปัญโญทัย

คาเฟ่ที่ทางโรงเรียนสร้างให้กลุ่มผู้ปกครองดำเนินการ ดูร่มรื่นมาก ๆ

โรงเรียนปัญโญทัย

 ให้เด็ก ๆ วิ่งเล่นในธรรมชาติที่ปลอดภัย

โรงเรียนปัญโญทัย

ท้องร่องในกรุงที่โรงเรียนรักษาไว้เป็นแหล่งระบบนิเวศน์

โรงเรียนปัญโญทัย

เรียนดนตรีเครื่องสายกัน

 

รับนักเรียนอายุตั้งแต่: ประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึง มัธยมศึกษาปีที่ 6

ค่าธรรมเนียมการศึกษา โดยประมาณ
ปีการศึกษาละสองภาคเรียน
ป.1-ป.4 : 32,000 ต่อเทอม
ป.5-ม.2 : 33,500 ต่อเทอม
ม.3-ม.6  : 36,000 ต่อเทอม

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อสอบถามโรงเรียนโดยตรง

 

โรงเรียนปัญโญทัย (Panyotai Waldorf School)

ที่อยู่: 199 ถ.สุขาภิบาล 5 ซอย 32 (แยก10) แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. 10220
เบอร์ติดต่อ: 02-792-0670
email: [email protected]|

Editor : แม่พลอยผิง
ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

KIDative

KIDative Design Lab For Kids ห้องทดลองทางการออกแบบ ศูนย์การเรียนรู้สร้างสรรค์สำหรับเด็ก

KIDative Design Lab For Kids  มาเล่นให้เป็นเรื่อง กับ KIDative  ห้องทดลองทางการออกแบบที่จะช่วยให้เด็ก ค้นหาตนเองและความพิเศษเฉพาะ

วันนี้ School Visit จะชวนคุณพ่อคุณแม่พาลูก ๆ มา เล่นให้เป็นเรื่อง กันที่ KIDative Design Lab For Kids  ดีไซน์แลปและศูนย์การเรียนรู้สร้างสรรค์สำหรับเด็ก ที่เปิดพื้นที่ให้เด็ก ๆ ได้มีโอกาสลองถูกลองผิดและหาความชอบของตัวเองให้เจอ เพราะเด็ก ๆ ทุกคนมีความพิเศษที่แตกต่างกัน โดยใช้ Design Thinking For Kids ชวนให้เด็กสามารถสร้าง solution ใหม่ ๆ เพื่อแก้ปัญหาเดิมให้แตกต่าง บอกเล่าผ่านโปรเจ็คออกแแบบในแบบของตัวเขาเอง และกระบวนการการเรียนรู้แบบมืออาชีพ

KIDative ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2557 โดย คุณตอง-นพปฏล เทือกสุบรรณ สถาปนิก มัณฑนากร อาจารย์พิเศษคณะศิลปกรรมศาสตร์ และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และคุณกอล์ฟ-วรุตม์ เหลืองวัฒนากิจ ผู้ทำงานวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด และงานในแวดวงโฆษณา โดยมีจุดเริ่มต้นจากการจัด Workshop เพื่อถ่ายทอดกระบวนการคิดในเชิงออกแบบของสถาปนิกให้กับเด็ก ๆ ที่งาน ASA ให้กับสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์  โดยมีพี่ ๆ น้องๆ นักออกแบบหลายคนมาช่วยกันแลกเปลี่ยนถ่ายทอดมุมมองต่าง ๆ ในการออกแบบให้กับเด็ก ๆ เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กได้มีพื้นที่แสดงออก ทำให้คุณพ่อคุณแม่มีปฎิสัมพันธ์กับลูก และเข้าใจลูกได้มากขึ้น หลังจากจบงานครั้งนั้น  KIDative ได้การตอบรับที่ดีมาก จึงมีแนวความคิดที่จะทำ Workshop แบบ Long term และขยับขยายจนกลายเป็นสตูดิโอของตนเองขึ้นมา

KIDative KIDative KIDative KIDative

    ก่อนเริ่มเรียน เด็ก ๆ ได้เล่นเกมส์ Draw Mino ฝึกวาดภาพต่อกันในเวลาจำกัด เพื่อสร้างเรื่องราวของแต่ละคนให้เชื่อมโยงกัน โดยไม่ต้องกลัวผิดถูก

 

แตกต่างอย่างโดดเด่น

KIDative เชื่อว่า เด็กทุกคนมีความพิเศษในแบบของตนเอง ที่นี่จะให้องค์ความรู้ต่าง ๆ และช่วยให้ความพิเศษนั้นออกมาเป็นผลลัพท์ที่ชัดเจนขึ้น ที่สำคัญคือ KIDative ให้วิธีการคิดเพื่อที่จะสามารถนำไปใช้กับที่บ้านได้ด้วยไม่ใช่แค่ เฉพาะในห้องเรียน เรียกได้ว่า “กิจกรรมจบแต่การเรียนรู้ไม่จบ”

เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้การทำงานจากนักออกแบบมืออาชีพ เพื่อฝึกให้น้อง ๆ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์และกระบวนการคิด ในรูปแบบ Project base  ตั้งแต่เริ่มคิด  Research  วางแผน จนถึง Present ผลงานของตนเอง เด็ก ๆ จะได้รู้เรียนรู้ว่าไอเดียของตนเองจะมีกระบวนการและขั้นตอนอะไรบ้าง ตั้งแต่เริ่มต้นจนผลสรุปในตอนท้าย เมื่อได้เรียนในProject ครั้งต่อไป เด็กจะมีทักษะมากขึ้น ผลลัพท์ที่ได้ก็จะดีขึ้น และยังรู้ว่าไอเดียของตนเองจะถูกไปทำอะไร หรือต่อยอดเป็นอะไรในอนาคต เรียนที่นี่ เด็ก ๆ จะมีความเป็นตัวของตนเอง รู้สึกว่าเข้าถึงได้ และทุกอย่างเริ่มได้ง่าย ๆ ทำให้มีกำลังใจมีความสุขระหว่างเรียนและอยากจะทำต่อ ๆ ไป

KIDative KIDative KIDative

ได้เรียนรู้กับมืออาชีพ และหัดพรีเซนต์ผลงานของตัวเอง

 

โปรเจ็คเรียนที่หลากหลาย

โปรเจ็คหรือโครงงาน ที่ KIDative ค่อนข้างหลากหลายและไม่ตายตัว  เช่น Character Design จาก Picture book ที่ไม่ใช่แค่ให้เด็ก ๆ มาวาดรูปอย่างเดียว แต่ที่ KIDative สอนให้มีความคิดสร้างสรรค์ด้วย โดยการให้เด็ก ๆ เลือกหนังสือภาพหรือนิทานที่ตนเองชอบมา 1 เล่ม และจินตนาการว่า ถ้าหนังสือเรื่องนี้จะมีตัวละครตัวหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในหนังสือ จะเป็นตัวอะไรได้บ้าง เด็ก ๆ จะได้พัฒนาตัวละคร สร้างเรื่องราวเชื่อมโยงระหว่างตัวละครใหม่กับตัวละครเก่า หัดวาดรูปโดยใช้รูปฟอร์มต่าง ๆ มาประกอบกัน และสร้างสถานการณ์ ให้กับตัวละครต่าง ๆ สร้างเอกลักษณ์ (Identity) และที่มาที่ไป (Background) ของตัวละครของตัวเองได้อย่างครบถ้วน

หรือจะเป็น โปรเจ็ค Art toy Proportion  ที่ไม่ใช่แค่วาดแต่จะสอนให้เด็กปั้นชิ้นงาน เพื่อให้เข้าใจสัดส่วนของงาน แบบรอบด้าน  นอกจากนี้ยังมีโปรเจ็คออกแบบสนุก ๆ เช่น โปรเจ็ค “ร้านค้าบนต้นไม้มหัศจรรย์” ที่จะชวนเด็ก ๆ มาเรียนรู้การออกแบบร้านด้วยไอเดียสนุก ๆ ทำความเข้าใจกับสินค้า และความต้องการของลูกค้า พร้อมออกแบบ Window Display สุดสร้างสรรค์

อีกโปรเจ็คที่น่าเรียน กับ House for homeless animal เมื่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ทำให้สัตว์ทั้งหลายไม่สามารถอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมได้ตามที่ควรจะเป็น ไม่ว่าจะเป็น Climate Change หรือการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม เด็ก ๆ จะได้รีเสิร์ชข้อมูลสัตว์แต่ละแบบที่ตนเองสนใจ  ได้ Sketch แบบต่าง ๆ ได้ออกแบบและคิดค้นนวัตกรรมเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาเพื่อให้สัตว์เหล่านี้สามารถดำรงชีวิตต่อได้อย่างมีความสุขและปลอดภัย ช่วยสร้าง Logic และทักษะมากมาย ชวนเด็ก ๆ มาอธิบายความพิเศษของตัวเองให้ผู้ใหญ่ได้เข้าใจ ผ่านการเล่นเป็นนักออกแบบสนุก ๆ ในแบบของแต่ละคนอย่างไม่มีข้อจำกัด

นอกจากนี้ยังมีโปรเจ็ค ออกแบบที่น่าสนใจมากมาย เช่น Boardgame Design ,Dream House, Music Pavilion, Basic Animation  เหมาะกับ น้อง ๆ ที่ต้องการค้นหาตนเอง อยากติดอาวุธให้ตัวเองผ่านการทำงานจริง ๆ ฝึกฝนกระบวนการคิดสร้างสรรค์ หรืออยากสร้าง Portfolio เพื่อใช้ในการศึกษาต่อด้านออกแบบ Architect & Interior ใครสนใจก็สามารถเข้ามีดูรายละเอียดโปรเจ็คเรียนต่าง ๆ ได้ใน Facebook

เด็ก ๆ ได้ หัดแก้ปัญหา และเรียนรู้ผ่านการเล่นเป็นนักออกแบบ

 

Workshop สำหรับพ่อแม่

นอกจากสอนเด็ก ๆ แล้ว KIDative ยังมีโปรเจ็คสำหรับคุณพ่อคุณแม่ เช่น หัวข้อ “ทำอย่างไรที่จะให้ลูก ๆ มีความ Creative Thinking” เพราะการจะทำให้เด็กคนหนึ่งคิดได้ไกล ไปกว่าสิ่งที่ตนเองคุ้นเคยได้ ไม่ใช่แค่การสอนแค่ตัวเด็กอย่างเดียว แต่ครอบครัวคือส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เด็กพัฒนาได้ เป็น Workshop สำหรับพ่อแม่ ที่มองเห็นความพิเศษของลูก ๆ และต้องการสร้างให้ที่บ้านเป็นสภาพแวดล้อมที่จะช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรรค์ของเด็ก ๆ ให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้เทคนิค P.L.A.Y  ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษที่ออกแบบขึ้นมาเอง

นอกจากนี้  KIDative ยังเป็นวิทยากร อบรม Design Thinking สำหรับคุณครูตามโรงเรียนและองค์กรต่าง ๆ อีกด้วย เพราะในมุมมองของ KIDative สิ่งสำคัญที่จะช่วยเติมเต็มและผลักดันเด็ก ๆ ไปจนเติบโต คือสภาพแวดล้อมทั้งหมด ทั้งครอบครัว โรงเรียนและองค์กรต่าง ๆ

KIDative

คุณกอล์ฟ-วรุตม์ เหลืองวัฒนากิจ กับเด็กที่ KIDative

 

ที่อยู่

  • KIDative สาขาโยธินพัฒนา

246/8 ซอย โยธินพัฒนา แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240

โทร.063 879 1449

https://www.facebook.com/KIDative

Line: @kidative

ที่ตั้ง KIDative  สาขาตลิ่งชัน

Kiddy Club Houses ทุ่งมังกร 17 แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม 10170

โทร.063 879 1449

https://www.facebook.com/kidative.talingchan

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  พลวัฒน์ มุงเมือง , ภูมิปกรณ์ ณ บางช้าง

ปลูกผมถาวร

ปลูกผม วิธีรักษาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน มีข้อควรรู้อะไรบ้าง?

ศัลยกรรมปลูกผม ทางเลือกรักษาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านอย่างเป็นธรรมชาติ

ปัจจุบันมีวิธีรักษาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านอยู่หลายวิธี ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ การศัลยกรรม ปลูกผม ที่จะช่วยแก้ปัญหาให้ผมกลับมาขึ้นได้จริงอย่างถาวร สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าการปลูกผมคืออะไร มีแบบไหนบ้าง? มาร่วมไขข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีปลูกผมไปพร้อมกันในบทความนี้!

รู้จักกับวิธีปลูกผม คืออะไร?

ปลูกผม คือ

ศัลยกรรมปลูกผม (Hair Transplant) คือ การนำเซลล์รากผมจากบริเวณท้ายทอย ที่มีความแข็งแรงและไม่มีผลต่อฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ไปปลูกบนศีรษะในบริเวณที่ต้องการแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือศีรษะล้าน ซึ่งผมที่ขึ้นใหม่จากการผ่าตัดปลูกผมนี้สามารถอยู่ได้อย่างคงทนถาวร มีความสวยงามและกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจปลูกผม มีอะไรบ้าง

ผู้ที่ต้องการรักษาผมร่วง ผมบางด้วยการปลูกผมถาวร ควรศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนตัดสินใจเข้ารับการปลูกผม โดยข้อควรรู้เกี่ยวกับการปลูกผมมีดังนี้

การปลูกผมมีหลายเทคนิควิธี

การปลูกผมสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 เทคนิค ได้แก่ ปลูกผม FUT และ ปลูกผม FUE โดยวิธีปลูกผม FUT (Follicular Unit Transplantation) แพทย์จะตัดเซลล์จากหนังศีรษะบางส่วนออกมา จากนั้นนำไปส่องกล้องจุลทรรศน์ เพื่อแยกเอากราฟผมไปใช้ปลูกเส้นผมบริเวณที่ต้องการ ซึ่งเทคนิคนี้จะได้กราฟผมมีสภาพสมบูรณ์ที่สุด แต่อาจทำให้มองเห็นแผลผ่าตัดยาวบริเวณท้ายทอยได้ 

ส่วนเทคนิคปลูกผม FUE (Follicular Unit Excision) แพทย์จะใช้เครื่องมือทางการแพทย์อย่างคีมคีบ (Forceps) หรือ DHI Implanter มานำเอากราฟผมไปปลูกกลับบริเวณที่ต้องการ วิธีนี้เป็นการปลูกผมที่ไม่ต้องผ่าตัดศีรษะออกมาเหมือนกับเทคนิค FUT จึงทำให้รอยแผลหลังทำมีขนาดเล็กมาก

ไม่ใช่ทุกคนที่มีผมร่วง ผมบางจะปลูกผมได้ 

การปลูกผมไม่เหมาะกับผู้ที่มีผมร่วงเป็นหย่อมหรือผมบางทั่วศีรษะ ผู้ที่มีผมบริเวณท้ายทอยไม่เพียงพอต่อการปลูก รวมถึงผู้ที่มีโรคทางเส้นผมและหนังศีรษะที่ส่งผลต่อการงอกของเส้นผม เนื่องจากการปลูกผมอาจต้องใช้เซลล์รากผมที่แข็งแรงจำนวนมาก ดังนั้นก่อนเข้ารับการรักษาจึงควรปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการประเมินก่อนว่าคุณมีผมเพียงพอต่อการนำมาปลูกหรือไม่ 

ปลูกผมรักษาผมร่วง ผมบาง มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าวิธีอื่น

เมื่อเทียบกับการรักษาปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือศีรษะล้านด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การใช้ยาปลูกผม การฉีด PRP หรือการเลเซอร์ LLLT การปลูกผมถาวรนับว่ามีราคาที่สูงกว่าพอสมควร โดยจะอยู่ที่ประมาณ 80-350 บาทต่อกราฟผม ขึ้นอยู่กับเทคนิคปลูกผม จำนวนกราฟผมที่ต้องใช้ และประสบการณ์ของแพทย์ผู้รักษา

เลือกคลินิกปลูกผมที่มีคุณภาพ เพิ่มโอกาสได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ

หลายคนยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกคลินิกปลูกผมที่ไหนดี เนื่องจากปัจจุบันมีคลินิกที่ให้บริการปลูกผมอยู่มากมาย เพื่อให้การปลูกผมมีประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพึงพอใจ คุณอาจพิจารณาจากประสบการณ์ของแพทย์, ตัวเลือกในการปลูกผมที่หลากหลาย, มาตรฐานของคลินิก หรือความคุ้มค่าของราคากับการให้บริการ โดยสามารถดูจากรีวิวปลูกผมของผู้ใช้บริการจริงได้เช่นกัน 

ปลูกผม มีขั้นตอนอย่างไร

ขั้นตอนหลักในการปลูกผมถาวรเพื่อรักษาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน มีดังนี้ 

  1. แพทย์ออกแบบแนวผมตามที่ตกลงกันไว้ โดยทำการประเมินแนวผม คำนวณปริมาณกราฟผมที่ต้องใช้ และเริ่มวาดแนวผมที่ต้องการปลูก
  2. แพทย์ทำการโกนหรือตัดผมบริเวณที่ต้องการนำรากผมไปปลูก
  3. แพทย์ฉีดยาชาบริเวณที่ต้องการเก็บรากผมออกมา หรือให้ยานอนหลับอ่อน ๆ และรอจนยาออกฤทธิ์
  4. แพทย์นำรากผมออกมา โดยขั้นตอนนี้จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับเทคนิคปลูกผมที่เลือกใช้
  5. แพทย์ทำการปลูกกลับผมไปยังบริเวณที่ต้องการรักษาผมร่วง ผมบาง ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ที่ปลูกผม

ไขข้อสงสัย ปลูกผมเจ็บหรือไม่? 

การปลูกผมถือเป็นการศัลยกรรมผ่าตัดประเภทหนึ่ง หลายคนจึงอาจสงสัยว่าปลูกผมเจ็บไหม? ซึ่งการทำศัลยกรรมปลูกผมนั้นเป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก ก่อนการผ่าตัดแพทย์จะให้ยาชาหรือยานอนหลับอ่อน ๆ แก่คนไข้ ดังนั้นระหว่างผ่าตัด คุณอาจจะรู้สึกเจ็บได้น้อยมาก ทั้งนี้หลังปลูกผมเสร็จเรียบร้อย เมื่อยาชาหมดฤทธิ์ความรู้สึกเจ็บอาจเพิ่มขึ้น แต่อยู่ในระดับที่คุณทนได้แน่นอน อีกทั้งแพทย์จะมีการให้ยาแก้ปวดบรรเทาอาการ คุณจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความเจ็บมากเกินไปนัก 

ปลูกผมถาวร แก้ไขปัญหาผมอย่างมีประสิทธิภาพ 

การปลูกผมเป็นหนึ่งในวิธีรักษาผมร่วง ผมบาง หนังศีรษะล้านที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ผมที่งอกใหม่เหมือนกับเส้นผมปกติทุกประการ ผู้ที่ต้องการปลูกผมควรศึกษาและทำความเข้าใจข้อควรรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับการปลูกผมให้ดีก่อนตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการปลูกผมที่เหมาะสม ค่าใช้จ่าย หรือการเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน รวมถึงควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อประเมินความพร้อมและเลือกวิธีปลูกผมที่เหมาะสมกับตนเองด้วย 

สำหรับใครที่อยากปลูกผมแต่ไม่รู้จะเลือกคลินิกไหนดี ขอแนะนำ Dr.Tarinee Hair Clinic คลินิกปลูกผมถาวร ครบวงจร มาตรฐานระดับโลก ให้บริการรักษาผมร่วง โดยแพทย์ผู้ชำนาญการจากโรงพยาบาลศิริราช ประสบการณ์การทำงานมากกว่า 15 ปี ต้องการปรึกษาปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่: 

  • Website : Dr.Tarinee Hair Clinic
  • Line : @drtarinee 
  • Facebook : Dr.Tarinee Hair Clinic ปลูกผม รักษา ผมร่วง ผมบาง
โรงเรียนดรุณพัฒน์

ส่องหลักสูตร โรงเรียนดรุณพัฒน์ โรงเรียนที่มีแนวคิดทันสมัย พัฒนาให้นักเรียนเป็นผู้นำที่ดี มีทักษะชีวิต

โรงเรียนดรุณพัฒน์ โรงเรียนที่มุ่งมั่นพัฒนาให้นักเรียนเป็นผู้นำที่ดี มีทักษะชีวิต หล่อหลอมให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์

วันนี้ School Visit จะพามาชมโรงเรียนดี ๆ ที่ทีมแม่ ABK ต้องรีบบอกต่อ อย่าง โรงเรียนดรุณพัฒน์ โรงเรียนที่มีแนวคิดทันสมัย คิดนอกกรอบและไม่ได้เป็นเพียงแค่โรงเรียน แต่เป็นเสมือนบ้านอีกหลังของเด็ก ๆ ที่อบอุ่นและทำให้เด็กมีความสุขในการมาเรียน

โรงเรียนดรุณพัฒน์ เป็นโรงเรียนเอกชน ก่อตั้งใน ปี พ.ศ. 2547 มีพื้นที่กว่า 5 ไร่ ตั้งอยู่ย่าน ลาดยาว จตุจักร เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 3 จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6  จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเป็นภาษาอังกฤษ (English Program) เดิมทีเป็นโรงเรียนไทยโปลีเทคนิคกรุงเทพ ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2524 โดยอาจารย์พยอม พงษ์เจริญ เปิดทำการสอนเป็นเวลากว่า 21 ปี หลังจากปิดตัวลง ท่านได้มอบพื้นที่ให้บุตรคนแรก คือ ดร.นันทิวัฒน์ พงษ์เจริญ รับงานบริหารจัดการ โดยกำหนดไว้ว่าที่ดินผืนนี้ต้องเป็นสถานที่สำหรับการศึกษาเท่านั้น  ด้วยวิสัยทัศน์ของ ดร.นันทิวัฒน์ พงษ์เจริญ เล็งเห็นว่าโรงเรียนระบบสองภาษา (English Program) ตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ จะช่วยให้นักเรียนมีความรู้ ความสามารถ เหมาะกับยุคสมัยปัจจุบัน จึงได้ก่อตั้งโรงเรียนดรุณพัฒน์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

โรงเรียนดรุณพัฒน์ โรงเรียนดรุณพัฒน์

บรรยากาศทางเข้าโรงเรียนและอาคารต่าง ๆ

    โรงเรียนดรุณพัฒน์ โรงเรียนดรุณพัฒน์

มีสนามหญ้าขนาดใหญ่และบ่อทรายให้เด็ก ๆ เล่นอย่างเต็มที่

ปูพื้นฐานด้านภาษา

หลักสูตรของโรงเรียน ใช้ตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ  โดยผสมผสานการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและภาษาไทยในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างทักษะด้านภาษาและพัฒนาศักยภาพของเด็กอย่างรอบด้าน มุ่งเน้นปลูกฝังนักเรียนให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยใช้ประสบการณ์การเรียนรู้แบบ Active Learning ควบคู่ไปกับการสอนในห้องเรียน เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

โดยมีครูต่างชาติ สอนในวิชาต่างๆ ได้แก่ English ,Math, Science ,Computer, Health Geography โดยครูที่เป็น Native Teacher สอนในวิชาภาษาอังกฤษเพื่อจะทำให้นักเรียนได้สำเนียงที่ดี การฟังที่ดี เป็นการปูพื้นฐานเรื่องภาษาให้กับเด็ก ๆ  ส่วนสาระการเรียนรู้อื่น สอนโดยครูไทย รวมทั้งมีการสอนภาษาจีนด้วย เพื่อให้เด็ก ๆ พร้อมก้าวสู่โลกกว้างด้วยศักยภาพที่โดดเด่นในหลากหลายด้าน

โรงเรียนดรุณพัฒน์ โรงเรียนดรุณพัฒน์

ปูพื้นฐานแน่นทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ

หลักสูตรเฉพาะของโรงเรียน

หลักสูตรพิเศษของดรุณพัฒน์ จะเป็นวิชาเลือกในระดับชั้นมัธยมศึกษา เพราะเชื่อว่า กิจกรรม คือ การเรียนรู้อย่างหนึ่ง ทางผู้บริหารให้อิสระเพื่อคิดและคัดเลือกวิชาเลือกที่หลากหลาย ซึ่งไม่เชิงเป็นหลักสูตร  แต่เป็นกิจกรรมที่ดีไซน์ขึ้นเองมากกว่า อย่างเช่น ชั้นมัธยม เด็ก ๆ ต้องตามโลกให้ทัน โรงเรียนก็จะมีวิชาเลือก เช่น การเรียนรู้ Money Management , การเข้าถึงสื่อออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ การทำหนังหรือถ่ายรูป เพื่อให้เด็กมีความพร้อมในทุกด้าน

โรงเรียนดรุณพัฒน์ โรงเรียนดรุณพัฒน์

Exhibition ของ Club ถ่ายภาพ หนึ่งในวิชาเลือกของโรงเรียน

 

โรงเรียนดรุณพัฒน์ โรงเรียนดรุณพัฒน์ โรงเรียนดรุณพัฒน์

เด็ก ๆ เรียนสนุก และมีความสุขในการมาโรงเรียน

 

คิดนอกกรอบ ทำให้เรียนสนุกมากขึ้น

ที่โรงเรียนดรุณพัฒน์ คุณครูจะเป็น Facilitator คือ วิทยากรกระบวนการ มีหน้าที่ในการฝึกอบรมหรือเป็นผู้จัดให้เกิดการเรียนรู้ ช่วยพัฒนาคุณลักษณะของผู้เรียน ควบคู่ไปกับการพัฒนาความรู้ ทางโรงเรียนเลือกคุณครูโดยไม่ได้ยึดว่าบุคลากรจะต้องจบครูเท่านั้น ครูบางท่านจบบริหาร เพราะเชื่อว่าครูที่หลากหลายจะสามารถคิดกิจกรรมนอกกรอบให้หลากหลายขึ้นด้วย และไม่ได้เน้นกิจกรรมในโรงเรียนเพียงอย่างเดียว อะไรที่ต้องเรียนเราก็จะเรียน อะไรที่เรียนรู้ผ่านกิจกรรมแล้วดีกว่า ก็จะเรียนรู้ผ่านกิจกรรม

คุณครูแต่ละวิชามีอิสระมากที่จะออกแบบวิธีการสอนของตัวเอง ยกตัวอย่าง เช่น Teacher เป็นครูชาวอเมริกันที่ไปอยู่ญี่ปุ่นมานาน เธอเป็นคนชอบการ์ตูนมังงะมาก จึงออกแบบการสอนภาษาอังกฤษผ่านการ์ตูนมังงะ

ซึ่งตรงกับความสนใจของเด็ก ๆ เพราะในระยะหลังเด็ก ๆ รักการอ่านน้อยลง ก็ต้องคิดหาวิธีให้นักเรียนอยากอ่านมากขึ้น เมื่อเขาเจอว่า Teacher อ่านการ์ตูนเรื่องเดียวกันกับเขา ยิ่งทำให้เด็กรู้สึกเข้าถึงได้

โรงเรียนให้อิสระในการสอน ตราบใดที่ไม่ผิดศีลธรรมก็สามารถทำได้ ถ้าเราอยากได้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ ครูเองก็ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ ผู้บริหารเองก็มีความคิดนอกกรอบ เรามีเป้าหมายกำหนดไว้ แต่เรามีหลายหนทางที่จะไปถึงเป้าหมาย อาจจะออกนอกกรอบบ้าง วกเข้ามาแล้วก็ตรงไปก็ได้

ทางโรงเรียนมีการประเมินตัวเองเช่นกัน ว่าวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบนี้ให้ผลสัมฤทธิ์อย่างไร  ปรากฏว่า ผลสอบการเข้าโรงเรียนอื่น ๆ เพื่อเรียนต่อได้รับผลดี ทั้งระดับมัธยมและมหาวิทยาลัย เป็นการเรียนที่ทำให้เด็กเรียนรู้อย่างอารมณ์ดี และผลสัมฤทธิ์ก็ไม่ได้เสียหายอะไร   โรงเรียนดรุณพัฒน์ โรงเรียนดรุณพัฒน์ โรงเรียนดรุณพัฒน์

อุปกรณ์การเรียนครบครัน ทั้งห้องคอมพิวเตอร์ ห้องดนตรี

ค้นหาตัวตน มุ่งตามเป้าหมาย

เด็กมัธยมที่นี่จะได้ค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร แล้วสิ่งที่เด็กชอบ กับสิ่งที่เด็กถนัดไปด้วยกันได้หรือไม่ ทางโรงเรียนมีระบบ Support เมื่อขึ้นระดับ G7 จะต้องทำกิจกรรมค้นหาตัวตนอย่างไร เรามีแผนสำหรับเด็ก ๆ รองรับ หรือเมื่อขึ้น G9 ก็จะคุยกับเด็ก ๆ เรื่องมหาวิทยาลัย เรื่องอาชีพ การทำพอร์ตต้องทำอย่างไร เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับเด็ก ๆ

โดยเฉลี่ยเด็กที่ดรุณพัฒน์ จะรู้ตัวเองว่าจะเรียนต่อที่ไหน ตั้งแต่ G8-G9 เขาจะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เราเน้นว่าเด็ก ๆ ต้องการอะไร ทุกคนมีเป้าหมายของตัวเอง เพราะฉะนั้นเด็กที่นี่จะเลือกตามที่ตัวเองอยากเรียน ไม่เอาชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยมาเป็นตัวตั้ง เขาจะใช้วิธีเลือกด้วยการตั้งว่า เขาอยากเรียนคณะอะไร แล้วค่อยมาดูกันว่ามีที่ไหนบ้าง โรงเรียนจะมีครูที่ปรึกษา คอยแนะแนวแบบตัวต่อตัว  ช่วงปีสุดท้ายที่จะต้องเข้ามหาวิทยาลัย เราก็จะจัดวิชาเรียนให้เขามีเวลาว่างมาก ๆ เด็ก ๆ สามารถขอลาครึ่งวันได้ เพื่อที่เขาจะไปไหนตามที่เขาต้องการ เช่น Open house ไปทดสอบต่าง ๆ โดยที่ผู้ปกครองต้องรับทราบด้วย

โรงเรียนดรุณพัฒน์ โรงเรียนดรุณพัฒน์ โรงเรียนดรุณพัฒน์

นักเรียนได้ลงมือทำกิจกรรมด้วยตนเอง โดยมีครู เป็น Facilitator คือ วิทยากรกระบวนการ

 

โรงเรียนนี้ไม่มีการจัดอันดับ

โรงเรียนมีการสอบประเมินผลแต่ไม่มีการจัดอันดับ ไม่มีการประกาศว่าใครเรียนได้อันดับ 1 หรืออันดับสุดท้าย การจัดอันดับอาจจะทำให้เด็กบางคนรู้สึกดี แต่ก็จะทำให้มีบางคนรู้สึกแย่ ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไร โรงเรียนจึงเน้นให้เด็กแข่งขันกับตัวเอง ว่าเขาดีขึ้นไหม พัฒนาการเป็นอย่างไร การแข่งขันกับคนอื่นอาจทำให้คนเห็นแก่ตัว ซึ่ง เด็ก ๆ อาจจะมีการคุยกันเองว่าใครได้คะแนนเท่าไหร่ แต่เราไม่มีการเชิดชู แต่จะให้เกียรติและชื่นชมเมื่อเด็กไปชนะการประกวดอะไรมาเท่านั้น

 

สิ่งแวดล้อมที่ดี อบอุ่นเหมือนบ้าน

การจัดการพื้นที่ โรงเรียนจัดสรรให้มีพื้นที่เอ้าท์ดอร์มากกว่าในตึก โดยมองว่าพัฒนาการของเด็กไม่ใช่เรื่องของสมองเพียงอย่างเดียว ต้องมีอย่างอื่นประกอบด้วย เด็กจะต้องได้พักผ่อน เด็กต้องได้เล่น เมื่อไหร่ที่ถึงเวลาพัก เด็กต้องอยู่ 2 ที่เท่านั้น คือ Outdoor หรือห้องสมุด ไม่มีการอยู่ในห้องเรียน ไม่ให้ขึ้นตึก เป็นวัฒนธรรมของโรงเรียน  ยกเว้นวันที่มี PM 2.5 เพราะฉะนั้นเด็ก ๆ จะเล่นกันสุดมาก พวกเขาจะมีความสุข เด็กเล็กและเด็กโตสามารถเล่นด้วยกันได้ สนามหญ้าก็เลือกใช้หญ้าจริงเพื่อให้เด็กได้สัมผัสกับธรรมชาติ ให้เด็กได้เหยียบ ได้ปีนต้นไม้ได้เล่นทรายต้องเป็นเรื่องปกติ

    โรงเรียนดรุณพัฒน์ โรงเรียนดรุณพัฒน์ โรงเรียนดรุณพัฒน์

โรงเรียนจัดสรรพื้นที่โซนเอาต์ดอร์ที่หลากหลายเพื่อให้เด็ก ๆ ได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ

       โรงเรียนดรุณพัฒน์ โรงเรียนดรุณพัฒน์ โรงเรียนดรุณพัฒน์

ห้องสมุดเต็มไปด้วยหนังสือจากทุกสำนักพิมพ์

โรงเรียนดรุณพัฒน์

สระว่ายน้ำในร่ม

โรงเรียนดรุณพัฒน์

ครูอารีย์ วิทวิยะรุจ ประธานฝ่ายบริหารโรงเรียน

 

Mommy Love This! ถูกใจแม่

  1. คุณครูที่ดรุณพัฒน์ ได้รับการอบรมเรื่อง Empathic Listening ก่อนและนำมาบูรณาการในการสอนกับนักเรียน เช่น วิธีการพูดกับคนอื่น ต้องเป็นการเข้าใจคนอื่นจริง ๆ
  2. ครูกับเด็กรวมถึงผู้บริหารไม่มีช่องว่างระหว่างกัน เวลาเจอเด็กจะเข้ามากอด หรือจูงมือไป เขาสามารถจะเข้าหาครูได้ทุก ๆ เรื่อง บอกความต้องการของตัวเองได้ ที่นี่เหมือนกับบ้านหลังที่ 2 ผู้ใหญ่ที่นี่ทุกคนรับฟังเด็ก เมื่อครูเชื่อมั่นในตัวเด็ก เด็กก็มาโรงเรียนอย่างมีความสุข
  3. เด็กที่นี่ มีอิสระ แต่ก็มีความรับผิดชอบ เช่น เด็กมัธยมเป็นวัยรุ่นอยากมี Space ของตัวเอง อยากให้คุณครูอยู่ห่าง ๆ โรงเรียนก็จัดทำห้องเลาจน์ให้เขาพักผ่อน ( คล้าย ๆ ห้องนั่งเล่น) เด็ก ๆ จะขึ้นไปตอนไหนก็ได้ ดูแลตัวเอง พี่ดูแลน้อง ซึ่งทางโรงเรียนมีกล้องวงจรปิดไว้คอยดูแลความปลอดภัย
  4. เด็ก ๆ มีส่วนร่วมทุกอย่างในโรงเรียน ได้ช่วยต้อนรับเพื่อนใหม่ ได้ช่วยทดสอบครูใหม่ ได้ช่วย Comment รสชาติอาหาร เวลาจัดงานอะไร เช่น ฟันแฟร์หรืองานประจำปีของเรา เด็กจะต้องมีส่วนร่วม 100% ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดแม้จะเป็น Back Stage ก็ตาม โรงเรียนเห็นความสำคัญกับการที่เด็กจะต้องมีส่วนร่วมมาก ๆ
  5. ที่โรงเรียนจะเรียนลูกเสือแบบบูรณาการ ไม่มีใส่เครื่องแบบ และปรับเป็นวิชา Survivor Skills โดยที่ยังมีเนื้อหาของลูกเสือที่มีประโยชน์ต่าง ๆ เช่นการปฐมพยาบาล เงื่อนเชือก ทำอาหาร เข็มทิศ โดยเชิญตำรวจหรือผู้เชี่ยวชาญ มาเป็นวิทยากร
  6. โรงเรียนบริหารงานโดยมีการปรึกษาพูดคุยกับผู้ปกครองตลอด อย่างใกล้ชิด เช่น เรื่องปริมาณการบ้าน หรือความถนัดของเด็ก ๆ และปรับทุกอย่างให้อยู่ในความเหมาะสมของทุก ๆ ฝ่าย
  7. โรงเรียนยอมเปิดชั้นมัธยมศึกษา แม้นักเรียนจำนวนน้อยลงมาก เพื่อให้เด็กทุกคนที่ต้องการจะเรียนต่อก็ยังได้เรียนในโรงเรียนนี้
  8. เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของโรงเรียน คือ การมีพี่ดูแลน้อง เด็กโตจะคอยดูแลน้อง ๆ เมื่อน้อง ๆ เติบโตขึ้นมาก็จะซึบซับวัฒนธรรมนี้ต่อไป

 

อัตราค่าเล่าเรียน / ต่อปี

เตรียมประถม / Pre G1 : 122,950 บาท

ประถมศึกษา      G1-3 : 163,450 บาท

G 4 : 170,650 บาท

G 5 : 172,150  บาท

G 6 : 172,850  บาท

มัธยมต้น              G 7-9  : 182,450 บาท

มัธยมปลาย          G 10 -12  : 181,950  บาท

 

 

ที่อยู่ โรงเรียนดรุณพัฒน์

8/3 ถ.ประชานิเวศน์ 1 ลาดยาว จตุจักร กรุงเทพฯ 10900

โทร.0-2589-6560-2

FacebookDaroonpat School

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  นันทิยา บุษบงค์

บางจากจัดงาน “Bangchak GreenMiles RelationSHIFT X Billkin ความสัมพันธ์แบบใหม่ครอบครัวบางจากกรีนไมลส์ ได้รับและให้ไม่สิ้นสุด” 

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดงาน “Bangchak GreenMiles RelationSHIFT X Billkin  ความสัมพันธ์แบบใหม่ครอบครัวบางจากกรีนไมลส์ ได้รับและให้ไม่สิ้นสุด”  

โดยมี คุณเสรี อนุพันธนันท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นประธาน และ Presenter สุดฮอต “บิวกิ้น – พุฒิพงศ์” ที่มาทำให้ผู้ร่วมงานทุกคนได้รับและให้ความสุขแก่กันได้ไม่สิ้นสุด ด้วยสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายและครบครันจากการเป็นสมาชิกบางจากกรีนไมลส์ ที่สร้างความแตกต่างด้วยการยกระดับความสัมพันธ์ของสมาชิกด้วยแนวคิด RelationSHIFT ความสัมพันธ์แบบใหม่ที่ได้ทั้งรับและให้อย่างไม่สิ้นสุด ซึ่งสมาชิกบางจากกรีนไมลส์สามารถเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับได้ในคราวเดียว ทั้งการสะสมพอยท์, แลกพอยท์, ใช้พอยท์แทนเงินสด, โอนพอยท์ให้เพื่อนสมาชิก, โอนพอยท์ระหว่างพันธมิตร, บริจาคพอยท์ให้มูลนิธิต่างๆ อีกทั้งยังเป็นปั๊มเดียวที่กล้าให้ น้ำมันขึ้นไม่ต้องรีบไปเติมวันก่อนปรับราคา เมื่อสมาชิกเติมน้ำมันในวันแรกที่ปรับราคาขึ้น รับส่วนต่างราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นคืนเป็นคะแนนพิเศษเพิ่ม Top up ขึ้นไปอีกจากคะแนนที่ได้ปกติอยู่แล้ว เพื่อร่วมสร้างความสุขให้สมาชิกและแบ่งปันความสุขให้สังคมรอบข้างไปพร้อมๆ กัน เป็นต้น  

ในงานยังมีการเชิญ Lucky Fan 50 คนที่เป็นผู้โชคดีจากกิจกรรม “Friend Gives Friend กับ Bangchak GreenMiles X Billkin” ได้รับสิทธิ์ Exclusive Seat เข้าร่วมงานและชมความสนุกแบบติดขอบชิดเวที และได้สิทธิ์ลุ้นร่วมกิจกรรมบนเวทีกับบิวกิ้น อีกทั้งยังได้รับฟังเพลงเพราะ ๆ จากพรีเซนเตอร์เทพบุตรสุดฮอตแบบสด ๆ อีกด้วย ซึ่งตลอดทั้งงานก็มีแต่บรรยากาศแห่งความสุข รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของผู้ร่วมงาน และผู้ชมโดยรอบ 

. 

👉สมัครสมาชิกบางจากกรีนไมลส์ เพื่อรับความพิเศษของสิทธิประโยชน์มากมายได้ที่ ปั๊มบางจาก หรือ Application Bangchak ดาวน์โหลดที่ 

IOS / Android : https://bit.ly/3YZxWQu

Huawei : https://bit.ly/3vnUSvF   

. 

👉ติดตามความเคลื่อนไหว และรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/bangchakmemberclub  

  

#BangchakGreenMilesxBillkin #BangchakGreenMiles #Bbillkin #Shiftความสัมพันธ์กับบิวกิ้น #บางจาก #Bangchak  

How to เลือกใช้สินค้า Eco-friendly แบบไหน? ดีต่อสุขภาพลูก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การเลือกซื้อของใช้ให้ลูกน้อย โดยเฉพาะพ่อแม่มือใหม่ไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ ซึ่งสิ่งแรกที่คุณพ่อคุณแม่ควรคำนึงถึง คือเรื่องความปลอดภัยต่อลูกน้อย รวมถึงเพื่อความคุ้มค่าในการใช้จ่ายและความเหมาะสมต่อการใช้งาน ทั้งนี้เพื่อให้ลูกน้อยของเราเติบโตอย่างแข็งแรงสมบูรณ์ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างของใช้สิ้นเปลืองที่ต้องใช้บ่อยๆ เช่น ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ทิชชู่เปียก น้ำซักผ้า หรือรวมไปถึงเสื้อผ้า ก็เป็นสิ่งที่ใช้บ่อย เปลี่ยนบ่อย ทิ้งบ่อย ก็เป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ควรตระหนัก เพราะปัจจุบันนี้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นพิษทวีความรุนแรงมากขึ้น

โดยมีงานวิจัยพบว่าสารสังเคราะห์ที่ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคหลายชนิดเป็นอันตรายกับสุขภาพ ยิ่งเป็นเด็กเล็กก็ยิ่งมีผลกระทบรุนแรง จึงมีหลายครอบครัวในยุคนี้ที่มีแนวความคิดในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้การรับรองว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ ที่เรียกว่า Eco-friendly products

อย่างไรก็ตาม พ่อแม่หลายคนอาจคิดว่า อะไรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มักจับต้องได้ยาก มีราคาแพง และมีประเภทของผลิตภัณฑ์ที่ไม่หลากหลาย แต่ความจริงแล้วในปัจจุบัน สินค้า Eco-friendly แบบนี้ มีให้เลือกซื้อมากมายหลายแบบ หลายยี่ห้อ และราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิด พูดง่ายๆ ว่า มีความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป เพราะได้ทั้งสุขภาพที่ดีของลูกและได้รักษ์โลกอีกด้วย

หลักการเลือกใช้สินค้า Eco-friendly
แล้วคุณพ่อคุณแม่จะรู้ได้อย่างไรว่า สินค้าไหน แบบใด คือ Eco-friendly ที่แท้จริง ตามมาดูหลักการง่ายๆ ในการพิจารณากันค่ะ

1. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนกับเด็ก ไร้สารเคมีอันตราย ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกาย (เช่น พาราเบน SLES SLS กลิ่นหอม แอลกอฮอล์ และซิลิโคน) ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ไม่เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายกับเด็ก ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายและสุขภาพเด็ก, อาหาร ผลิตภัณฑ์และเครื่องดื่ม, เครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์

 

2. BPA Free เป็นผลิตภัณฑ์หรือภาชนะที่ปราศจากสาร BPA หรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช้สารประกอบอินทรีย์ Bisphenol A ในการสร้าง ทั้งในของเล่น ขวดนม และเสื้อผ้า เพราะลูกมีสิทธิ์เอาเข้าปากได้ตลอดเวลา BPA เป็นสารอันตรายต่อฮอร์โมนทำให้เกิดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ

3. ลดการใช้พลาสติก ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ อย่างของใช้ที่ทำจากเยื่อไผ่ เช่น ทิชชู่เปียกที่ทำจากเยื่อไผ่ ผ้าอ้อมแบบซักได้เพื่อลดการใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก เป็นต้น

4. เลือกของเล่นที่ทำจากธรรมชาติ อย่างของเล่นไม้ เพราะเป็นของเล่นประเภทไม่ใช้แบตเตอรี่ ซึ่งมีโลหะหนักปนเปื้อน การใช้สีและกาวจากวัสดุธรรมชาติ

5. มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สินค้าที่ Eco-friendly ต้องไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ยากำจัดวัชพืช รวมถึงใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อประหยัดพลังงานและลดปริมาณของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิต และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

6. มองหามาตรฐานและการรับรองคุณภาพโดยใช้สัญลักษณ์ Eco Logo ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงการผลิตของเล่นที่ใส่ใจธรรมชาติ นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้คุณพ่อคุณแม่ในการเลือกซื้อของเล่นที่ได้มาตรฐานและไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

ขอบคุณข้อมูลจาก : สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ

มาตรการรักษ์โลกเพื่อลูก จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

ที่มา : “Eco Mom รักษ์โลกเพื่อลูก?” นิตยสารโมเดิร์น ฉบับเดือนเมษายน 2556

 

ทั้งนี้การปลูกฝังค่านิยมที่ดีให้กับลูกๆ ในวันนี้ย่อมเป็นผลดีในวันข้างหน้า และถ้าจะให้ดีที่สุดคุณก็ควรต้องเป็นแบบอย่างของการกระทำนั้นให้ลูกๆดูเป็นตัวอย่างที่ดีได้เสียก่อน เพราะการใส่ใจตั้งแต่วันนี้ทำให้ลูกๆของคุณอยู่ในโลกที่ดีในวันข้างหน้า ใส่ใจสิ่งแวดล้อมในวันนี้ เพื่อให้ลูกๆ ได้อยู่บนโลกที่ดีในวันข้างหน้านะคะ

 

และในปีนี้ Amarin Baby & Kids Awards 2024 รางวัลสุดยอดแบรนด์สินค้าและไลฟ์สไตล์แม่ลูกอันดับ 1 ในใจคนไทย ได้เน้นเรื่อง การสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของครอบครัว หรือ FAMILY Well- Being  ที่หมายรวมถึงการปลูกฝังพื้นฐาน “ความเป็นอยู่ที่ดี” ของทั้งครอบครัว สายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และลูก ช่วยสร้างความเข้มแข็งภายในใจ ส่งผลต่อให้ร่างกายแข็งแรงและมีสุขลักษณะที่ดี กินอาหารถูกโภชนาการ มีบ้านที่ปลอดภัยและสภาพแวดล้อมดี หรือส่งเสริมการเรียนรู้และทักษะชีวิตให้กับเด็กซึ่งก็มีการมอบรางวัลในสาขา Health Living and Eco-Friendly product เพื่อมอบให้กับผลิตภัณฑ์ที่สร้างครอบครัวมีสุขภาพใจกายที่ดี ในธีม FAMILY Well- Being  ซึ่งเป็นการสร้างพื้นฐาน “ความเป็นอยู่ที่ดี” ของทั้งครอบครัว สายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และลูก ช่วยสร้างความเข้มแข็งภายในใจ ส่งผลต่อให้ร่างกายแข็งแรงและมีสุขลักษณะที่ดี เช่น การรับประทานอาหารที่ถูกโภชนาการ มีบ้านที่ปลอดภัยและสภาพแวดล้อมดี หรือส่งเสริมการเรียนรู้และทักษะชีวิตให้กับเด็ก รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของโลกใบนี้

ทีมแม่ ABK จึงอยากจะเชิญชวนคุณพ่อคุณแม่ทุกคนที่ร่วมโหวต Amarin Baby & Kids Awards เพื่อเฟ้นหาสุดยอดแบรนด์สินค้าและไลฟ์สไตล์ที่แม่คัดสรรและเลือกใช้

แถมมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัล Magic Box กล่องสุ่มสุดว้าว มากถึง 100 รางวัล ที่คัดสรรมาให้เฉพาะแม่ๆ  สามารถร่วมโหวตได้ทั้งสองรอบผ่านช่องทางเว็บไซต์นี้เลย >>  https://cooll.ink/ABKawards2024-FB/

ระยะเวลาการโหวต : ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม – 29 สิงหาคม 2567

 

ติดตามดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.amarinbabyandkids.com

Facebook : Amarin Baby & Kids

Tiktok : Amarin Baby & Kids

Line : @amarinbabyandkids

อย่าลืมนะคะ “สินค้าแม่และเด็ก” ที่ใช้ดี มีประโยชน์ ถูกใจแม่ ปีนี้จะมีอะไรบ้าง
มาร่วมโหวตกันค่ะ … คลิกตรงนี้เลย ⇓
https://cooll.ink/ABKawards2024-FB/

 

เปิดรั้ว โรงเรียนอนุบาลผลิตปัญญา ส่องหลักสูตรบูรณาการ เน้นพัฒนา EF สร้างสรรค์ตัวตนเชิงบวก

โรงเรียนอนุบาลผลิตปัญญา หลักสูตรบูรณาการ เน้นพัฒนาความพร้อมและทักษะสมอง (EF) ภาษาอังกฤษดีเยี่ยม เรียนรู้ผ่านกิจกรรม สร้างสรรค์ตัวตนเชิงบวก

จุดหมายปลายทางของทีมแม่ ABK และ School Visit ในวันนี้คือ โรงเรียนอนุบาลผลิตปัญญา ที่ตั้งอยู่ภายในซอยรัชดา 32 สะดวกสบายเพราะสามารถมาได้หลายเส้นทาง โรงเรียนมีรั้วรอบขอบชิด อาคารสีเหลืองสดใสเห็นชัดเจนแต่ไกล ใครกำลังมองหาโรงเรียนให้ลูกย่านนี้อยู่ แวะมาชมมาอ่านกันได้เลยค่ะ

วัดพลัง (เช็คอุณหภูมิ) กันก่อน

ระบบ security 2 ชั้นแน่นหนา

บรรยากาศสดใสภายในอาคาร

Passion – Education Facts

โรงเรียนอนุบาลผลิตปัญญา เป็น “ผลผลิต” จาก บริษัท ผลิตปัญญา จำกัด (Make a Wit) ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางหลักสูตรและจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ( วิชาต่างๆ ) เป็นภาษาอังกฤษให้แก่ โรงเรียนและองค์กรต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยประสบการณ์กว่า 14 ปีในด้านการศึกษา ทำให้ทีมผู้ก่อตั้งเห็นถึงปัญหาการศึกษาของเด็กไทย และนำ pain point เหล่านั้นมาแก้ไข จนออกมาเป็นหลักสูตรที่ตอบโจทย์ “สร้างประสบการณ์ในการเรียนรู้” แทนการท่องจำ และเน้น “การสร้าง Executive Function” ให้เด็ก ๆ ตั้งแต่ชั้นอนุบาล

เป้าหมายหลักคือการพัฒนาเด็กให้มีตัวตนเชิงบวก รักการเรียนรู้ สามารถเผชิญสถานการณ์ยากลำบาก การเปลี่ยนแปลงของโลกไปได้โดยที่ยังมีสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตที่ดี (Well-Being) โรงเรียนอนุบาลผลิตปัญญาจึงเป็นโรงเรียนแนวบูรณาการที่ใช้รูปแบบการเรียนรู้ผ่านการเล่น (play-based learning) โดยคุณครูเป็นคนไทย 100% เพราะ 1. เข้าใจเด็กไทย 2. เข้าใจเนื้อหา (วัฒนธรรม)

บรรยากาศการเรียนรู้ กิจกรรม และการสร้างสรรค์ผลงาน

 

MAKE A WIT : วิชาการ – ต้องสนุก

“ เรียนรู้ผ่านการเล่น ” จะทำให้เด็ก ๆ สนุกและอยู่กับกิจกรรมได้นานขึ้น วัยนี้เป็นวัยช่างซักถาม ช่างสงสัย อยู่แล้วซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาเกี่ยวกับกิจกรรมที่ทำอยู่

บทสนทนา – คือการใช้ภาษาระหว่างคุณครูและนักเรียนที่ผลัดกัน ถาม – ตอบ คุณครูจะกระตุ้นเด็ก ๆ ให้คิดตามหรือสงสัยมากขึ้นเพื่อดึงให้เข้าสู่สาระที่ต้องการให้เด็ก ๆ เรียนรู้ (เรียนเป็นภาษาอังกฤษล้วนนะคะ)

สาระการเรียนรู้ของเด็กๆ ได้แก่ ภาษา , การคิดและจำนวน , ธรรมชาติและสิ่งรอบตัว ,การอ่านออก – เขียนได้, ประสมคำได้ , ทักษะที่จำเป็นอื่น ๆ

มี Project Approach หรือ กระบวนการวิจัยของวัยจิ๋ว ที่เด็ก ๆ จะได้ช่วยกันเลือกหัวข้อ ระดมความคิด ตั้งคำถาม และ หาคำตอบ

Support เด็ก ๆ ด้านการเตรียมตัวเข้าชั้น ป.1 โดยการนำข้อสอบโรงเรียนต่าง ๆ “มาย่อย” แล้วจัดกิจกรรมให้เด็ก ๆ

ประเมินผลโดยใช้ฐานกิจกรรมเพื่อวัดว่าเด็ก ๆ เกิดการเรียนรู้หรือไม่ คุณครูจะไม่ตัดสินนักเรียนจาก รู้ ไม่รู้ หรือเพียงแค่การทำไม่ได้ในครั้งเดียว เพราะบางครั้งนักเรียนยังขาดประสบการณ์..ก็ต้องเสริม เพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดค่ะ

บรรยากาศการเรียนรู้ กิจกรรม และการสร้างสรรค์ผลงาน

ทักษะภาษาอังกฤษ

การจะทำให้เด็กสื่อสาร อ่าน เขียน ในภาษาอื่นเพิ่มเติมได้ มักจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กได้เรียนรู้ภาษาจากการสร้างความสัมพันธ์ในสังคม การมีเพื่อน การได้เรียนกับคุณครู เท่ากับต้องใช้ในชีวิตประจำวัน จึงจะเกิดทักษะการกำกับตนเอง ความอยากรู้อยากเห็น กล้าถาม เป็นทักษะที่ถ่ายทอดไปใช้ในทักษะอื่นได้ ( Transferable Skill ) ซึ่งทำให้เด็ก ๆ ผลิตปัญญาใช้ภาษาอังกฤษได้ดีคล่องแคล่วเหมาะกับวัย

 

ชีวิตคือการเรียนรู้

ในขณะที่ชั้น K3 เน้นทางด้านวิชาการ – ใช้สถานการณ์จำลอง และ จัดประสบการณ์ให้อย่างเข้มข้น

นักเรียนชั้น Pre K – K2 จะเน้นด้านการเตรียมความพร้อม เช่น ทักษะชีวิต | การแก้ไขปัญหา – การวางแผน การเอาตัวรอด – การช่วยเหลือตัวเอง | ระเบียบวินัย | ทักษะสังคม | การจัดการอารมณ์ ซึ่งทั้งหมดรวมกันเรียกว่า EF หรือ Executive Function ค่ะ

 

เพราะการสร้าง EF คือสิ่งสำคัญ

คนที่มี EF ดี ชีวิตจะมีความสุข..

EF ไม่ใช่สิ่งที่ติดตัวเรามาแต่กำเนิดแต่เป็นสิ่งที่สมองพัฒนาขึ้นได้ ซึ่งในวัยเด็กจะเป็นช่วงที่สมองพัฒนา EF มากสุด โดยเฉพาะช่วงอายุ 3-5 ปี สิ่งที่กระตุ้นให้สมองพัฒนา EF คือ ประสบการณ์ชีวิตที่ได้รับในช่วงวัยเด็ก การมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง การได้มีโอกาสเรียนรู้ เล่น หรือทดลองสิ่งต่าง ๆ

EF มีผลต่อด้านการเรียนเพราะ 1. เด็กๆจะใช้มันเพื่อจดจำเนื้อหาที่เรียน 2. ทำตามคำสั่งได้ต่อเนื่อง 3. มีสมาธิ 4. ปรับตัวเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกฏระเบียบ 5. แก้ปัญหาต่างๆ ได้เหมาะสม 6. ทำงานที่ได้รับมอบหมายเป็นเวลายาวนานได้ ที่โรงเรียนจึงเน้นการจัดกิจกรรมเพื่อให้เด็ก ๆ เกิดประสบการณ์และเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด โดยบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการโดยเฉพาะ (อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง)

เด็กๆได้รับการปลูกฝังเรื่องการรักษาความสะอาด การเว้นระยะห่าง

กำลังทำแว่นตา3มิติอยู่ค่ะ

Movie theme พูดถึงโรงหนังก็ต้องนึกถึงป็อปคอร์น วันนี้ทุกคนได้ลองทำป็อปคอร์นค่ะ

Environment ระบบนิเวศน์รอบตัวเด็กๆ

เด็กจะอบอุ่นและมีความสุขถ้าเห็นคนที่เขารักและแคร์มีความสัมพันธ์ที่ดี การสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง ผู้ปกครอง ครู โรงเรียน จึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างระบบนิเวศน์รอบตัวเด็ก ๆ ให้แข็งแรง

ผู้ปกครอง

ผู้ปกครองจะได้รับการรายงานผลทุกวัน ทั้งภาพกิจกรรมในแต่ละวันและสรุปทั้งสัปดาห์ ( พัฒนาการ การกินอาหาร ดื่มน้ำ ฯลฯ ..ครบถ้วนเหมือนคุณพ่อคุณแม่ดูแลด้วยตัวเองเลยค่ะ )

OPEN DOOR POLICY สามารถพูดคุย สื่อสาร ปรึกษา หรือ ช่วยกันแก้ปัญหากับกับโรงเรียนได้โดยตรง

โรงเรียนเชิญ Guest speaker มาให้ความรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เป็นผู้เชี่ยวชาญบ้าง ผู้ปกครองกันเองบ้าง

โรงเรียน

โรงเรียนคัดสรรคุณครูคุณภาพ และหลักสูตรที่ดีทำให้เด็ก ๆ ไปได้ไกล

Well-trained และ อบรมคุณครูอย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูแลเด็ก ๆ ในแนวทางเดียวกัน

คุณครูรับผิดชอบงานสอนและดูแลพัฒนาการของนักเรียนอย่างเดียว (FOCUS)

สามารถดูแลสุขภาพ คัดกรอง และว่องไวในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ เช่น นักเรียนเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บระหว่างวัน จะประเมินการอาการเบื้องต้น หากเร่งด่วน – จะพานักเรียนไปโรงพยาบาลทันทีค่ะ

ครูประชุมทีมกันทุกวัน มีหัวข้อในการประชุมในแต่ละวัน สลับกันมานำเสนอ คุณครูเรียนรู้จากเด็ก ๆ และจากกันและกัน

โรงเรียนรับฟัง feedback จากผู้ปกครอง เพื่อช่วยกันปรับปรุงและพัฒนาไปพร้อม ๆ กัน

เหล่านักเรียนรู้ตั้งใจดูสาธิตการทำป็อปคอร์นตาไม่กะพริบกันเลยค่ะ

ห้องเรียนและศูนย์การเล่น

Lunch time .. เด็กๆเติมอาหารกันบ่อยเลย

การสร้างประสบการณ์ในการเรียนรู้ที่ดี เด็กๆจะมีทัศนคติเชิงบวกต่อการเรียนรู้ค่ะ

 

Miscellaneous

Friday Activities ศุกร์ สุข สนุก

โรงเรียนมีจัดกิจกรรมรวมกลุ่มทุกวันศุกร์ค่ะ เด็กทุกระดับชั้น ทุกช่วงอายุจะมาทำกิจกรรมตาม Theme ด้วยกัน เด็ก ๆ จะได้พัฒนาบุคลิกในการเข้าสังคมไปด้วยในตัว และทุกครั้งจะมีผลงานกลับไปฝากคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านด้วย เด็ก ๆ ว้าวกับกิจกรรมนี้มาก ๆ เลยค่ะ ..ในสัปดาห์ที่ทีมแม่ ABK ไปเยือน เป็นสัปดาห์ Movie theme สนุกมาก ๆ

Indoor playground

ศูนย์การเล่นภายในอาคารที่ผ่านการคิดเพื่อตอบโจทย์ทั้งการพัฒนา EF และ พัฒนาการพื้นฐานของเด็ก ๆ เป็นเครื่องเล่นชนิดเอนกประสงค์ที่เด็ก ๆ เล่นและใช้งานได้หลายรูปแบบ ที่สำคัญคือเด็ก ๆ ชอบมาก สะอาดและ safety

เมนูคุณหนู

เชื่อไหมคะว่าเด็ก ๆ ไม่มีปัญหาเรื่องการทานอาหารที่โรงเรียนเลย ( การทานผักก็กลายเป็นเรื่องง่าย ) แถมเดินไปเติมอาหารกันอยู่เรื่อย ๆ อร่อยเด็ดจนทางบ้านต้องขอสูตร ทุกเมนูใช้วัตถุดิบคุณภาพ ควบคุมการปรุงอย่างพิถีพิถัน มีคุณครูมอนิเตอร์เรื่องการทานของเด็ก ๆ ด้วยนะคะ ปริมาณที่ทาน ประเภทอาหาร น้ำดื่ม ทั้งหมดนี้จะรายงานให้ผู้ปกครองรับทราบด้วย

 

Mommy Love This! ถูกใจแม่

เด็ก ๆ ไว้ใจและรู้สึกปลอดภัยที่โรงเรียน เป็นตัวแปรสำคัญในการเรียนรู้เลยนะคะ เพราะถ้าเด็ก ๆ feel safe แล้วจึงจะกล้าเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เป็นลำดับต่อไป ( แล้วก็จะอยากมาโรงเรียนด้วยค่ะ )

พัฒนาการดีแบบก้าวกระโดดจนคุณแม่ต้องปลื้ม เพราะการเข้าสังคมที่ถูกต้อง (เจอเพื่อน พี่ น้อง วัยไล่กัน) เด็ก ๆ จะเรียนรู้ซึ่งกันและกันเอง

ไม่มีการบ้านใด ๆ ทั้งนั้น คุณพ่อคุณแม่คุณลูก สามารถใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่

พัฒนาการทางอารมณ์เติบโตเข้มแข็ง (สอนวิชาการไม่ยากเท่าสอนเรื่องอารมณ์นะคะ)

ทักษะภาษาอังกฤษของเด็ก ๆ ดีและเด็กก็มีความสุขมาก

อาหารอร่อย จนต้องอ้อนให้คุณแม่มาขอสูตรเลยทีเดียว

ซน ซ่าส์ กล้าแสดงออก ได้เต็มที่ Self esteem มาเต็ม อยากเรียนหรือทำอะไร บอกคุณครูได้เลย

คุณแซลลี่ (ผู้อำนวยการโรงเรียน) และ คุณวสันต์ ( ผู้ก่อตั้งโรงเรียนและสถาบัน Make a Wit )

 

ค่าเล่าเรียน ( ไม่รวมค่าแรกเข้า )

1 ปีการศึกษามี 2 เทอม

เตรียมอนุบาล ( 2 ปีครึ่ง – 3 ปี ) : 36,000 บาท

อนุบาล ( 3 -6 ปี ) : 75,000 บาท

รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามโรงเรียนได้โดยตรง

– – –

โรงเรียนอนุบาลผลิตปัญญา

PALIT PANYA Kindergarten

เลขที่ 99/279 ซอยรัชดาภิเษก 32

แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900

โทร 088 131 9900

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

Little Nose Patch ตัวช่วยหายใจโล่ง

Little Nose Patch ตัวช่วยหลับง่าย หายใจโล่ง เมื่อลูกน้อยคัดจมูก

ลูกคัดจมูก น้ำมูกไหล ปัญหาที่แม่ต้องเจอบ่อยๆ ในช่วงฝนตก แดดออก และอากาศเปลี่ยน อาการคัดจมูกของลูกน้อยเกิดขึ้นด้วยหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น การติดเชื้อ เป็นหวัด หรือโรคภูมิแพ้ ซึ่งทำให้ลูกมีน้ำมูกไหล หายใจไม่สะดวก ซึ่งการที่น้ำมูกไปอุดกั้นทางเดินหายใจของลูกนั่นเอง ที่ทำให้เมื่อถึงเวลานอน ก็รู้สึกไม่สบายตัว นอนหลับไม่เต็มอิ่ม เมื่อต้องใช้ชีวิตในช่วงตื่นนอน ก็ส่งผลให้ลูกน้อยงอแงระหว่างวัน เนื่องจากพักผ่อนไม่เพียงพอ ในช่วงที่ลูกมีอาการไม่สบายตัวแบบนี้ แม่เองก็ต้องสังเกตอาการเพื่อดูแลลูกให้ถูกต้องด้วยนะคะ

สำหรับการดูแลอาการคัดจมูกของลูกน้อยในเบื้องต้น แม่ๆ เองก็สามารถทำได้ โดยการ ดูดน้ำมูก โดยเฉพาะกับเด็กเล็กที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และการล้างจมูก ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยเคลียร์สิ่งสกปรกในโพรงจมูก ช่วยให้น้ำมูกที่ข้นเหนียวอ่อนตัวลง เพื่อให้น้ำมูกที่ค้างอยู่สามารถระบายออกได้ง่าย ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกของลูกน้อย ทำให้หายใจโล่งขึ้น ระหว่างนี้หากลูกอาการไม่ดีขึ้น ต้องรีบพาไปหาคุณหมอนะคะ

อีกหนึ่งในตัวช่วยให้ลูกหายใจโล่งสบาย ในระหว่างวันและตอนเข้านอน คือน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อเด็กๆ และที่สำคัญ ต้องใช้ง่าย หาซื้อง่าย อย่าง Little Nose Patch แผ่นแปะ จากน้ำมันหอมแดงเข้มข้น ช่วยให้หายใจสดชื่น กลิ่นหอม ไม่มีกลิ่นฉุน ให้ลูกน้อยผ่อนคลาย หลับสบาย

สำหรับวิธีใช้งานก็ง่ายมากๆ ไม่ต้องทาให้เลอะเทอะ แถมพกพาสะดวก แค่ลอกสติ๊กเกอร์แล้วแปะลงบนเสื้อลูกบริเวณหน้าอก หรือจะแปะบนหมอน ตุ๊กตา ใกล้บริเวณที่ลูกน้อยหายใจ เพื่อสูดเอาน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติหลากชนิด ไม่ว่าจะเป็น

  • Thai Shallot Essential Oil (น้ำมันหอมแดงไทย จากจังหวัดลำพูน) ช่วยบรรเทาอาการหวัด คัดจมูก ลดน้ำมูก รวมไปถึงลดการอัดการอักเสบ ลดเชื้อแบคทีเรีย จึงช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้บริเวณโพรงจมูกได้ดี
  • Peppermint Essential Oil (น้ำมันเปเปอร์มิ้นต์) ช่วยบรรเทาอาการหวัด ไซนัส ไอ หืดหอบ กระตุ้นให้ร่างกายสดชื่น
  • Eucalyptus Essential OiI (น้ำมันยูคาลิปตัส) ช่วยบรรรเทาอาการอักเสบ ลดเชื้อแบคทีเรีย บรรเทาหวัด ลดน้ำมูกไหล ลดอาการปวดศรีษะ
  • Lemon Essential Oil (น้ำมันเลมอน) ช่วยให้สดชื่น ผ่อนคลาย ลดเชื้อแบคทีเรีย
  • Lavender Essential Oil (น้ำมันลาเวนเดอร์) สารสกัดจากลาเวนเดอร์ ช่วยให้สงบ และผ่อนคลาย ลดความเครียด

นอกจาก “Little Nose Patch” กล่องสีชมพู รูปพี่หมีอารมณ์ดีที่เหมาะกับการใช้งานในระหว่างวันแล้ว ยังมีตัวช่วยให้หอมผ่อนคลาย หายใจโล่ง ลูกน้อยหลับสบายตลอดคืน กับ “แผ่นหอมวาฬ” แผ่นหอมจากน้ำมันหอมแดงที่มีส่วนผสมเพิ่มของน้ำมันลาเวนเดอร์และน้ำมันโรสแมรี่ ใช้งานง่าย ไม่สัมผัสผิว แค่แกะแปะก็หอมกระจาย สบายจมูก ที่สำคัญไม่ทิ้งคราบกาวไว้บนเสื้อของลูกอีกด้วย

สะดวก ใช้ง่าย แถมช่วยให้หายใจโล่งสบาย น่าใช้ขนาดนี้ แม่ๆ ลองไปหาซื้อกันได้เลยที่ ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส เซเว่นใกล้บ้าน ร้านขายยาชั้นนำทุกจังหวัด หรือจะเป็นช่องทางออนไลน์ก็สะดวกสุดๆ เลยค่ะ

Tags

กรุงเทพประกันชีวิต ใส่ใจครอบครัว มอบช่วงเวลาอบอุ่นผ่านกิจกรรมฉลองเทศกาลวันแม่ “Cooking with Love ใส่มากกว่าใจ ยังไงก็อร่อย”

กรุงเทพประกันชีวิต ตอกย้ำ The Most Caring Insurance Brand แบรนด์ประกันที่ดูแล ใส่ใจ พร้อมส่งมอบความสุขให้ลูกค้าในทุกวัน เลือกสรรกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Cooking with Love ใส่มากกว่าใจ ยังไงก็อร่อย” คลาสทำอาหารแบบส่วนตัว ชวนพ่อแม่ลูกร่วมสนุกกับการสร้างสรรค์เมนูความอร่อย ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นและสนุกสนาน ณ A Little Something Cooking Studio สุขุมวิท 49

  นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรม “Cooking with Love ใส่มากกว่าใจ ยังไงก็อร่อย” ถือเป็นส่วนหนึ่งของสิทธิประโยชน์ที่กรุงเทพประกันชีวิตมอบให้กับสมาชิก BLA Happy Life Club โดยกิจกรรมดังกล่าวมุ่งส่งเสริมความสัมพันธ์ภายในครอบครัว  ภายใต้เป้าหมายที่มุ่งมั่นจะเป็น The Most Caring Insurance Brand ด้วยแนวคิดของการบริษัทประกันไม่ได้ดูแลได้แค่เรื่องความมั่นคงทางการเงิน เท่านั้น แต่ยังดูแล ใส่ใจ ส่งมอบความสุขให้ลูกค้าได้ในทุก ๆ วัน

กิจกรรม “Cooking with Love ใส่มากกว่าใจ ยังไงก็อร่อย” จัดขึ้น ณ A Little Something Cooking Studio สตูดิโอทำอาหารสำหรับเด็กและครอบครัว โดยมีคุณพ่อคุณแม่และคุณลูกร่วมกิจกรรม 16 คู่ ภายใต้การดูแลโดยเชฟมืออาชีพ ด้วยแนวคิด Learning by Cooking ทำให้เด็กๆได้เรียนรู้การทำอาหารจากประสบการณ์จริงผ่านการลงมือทำอย่างเป็นธรรมชาติ ได้รู้จักอาหารและวัตถุดิบใหม่ๆ เรียนรู้การจัดการเวลา และการได้ร่วมกิจกรรมกับคุณพ่อคุณแม่ยังส่งเสริมให้เด็กรู้จักการทำงานร่วมกันเป็นทีม และเสริมสร้างความมั่นใจจากการปฏิบัติจริงในห้องครัว

“เรามีความเชื่อว่า เด็ก ๆ จะสามารถเติบโตมาเป็นเด็กที่แข็งแรงได้ทั้งกายและใจนั้น ย่อมมีพื้นฐานมาจากครอบครัวที่อบอุ่น ซึ่งจุดเริ่มต้นที่สำคัญคือ การได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน โดยกรุงเทพประกันชีวิตขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเวลาแห่งความสุขในช่วงเทศกาลวันแม่ ให้กับคุณแม่ คุณพ่อ และลูก ๆ ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งนอกจากจะได้ทั้งความสนุก ความอบอุ่นแล้ว ยังส่งเสริมให้เกิดจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ ช่วยฝึกสมาธิ ทักษะ และพัฒนาการให้กับเด็ก ๆ ในหลายด้านด้วย” นางสาวอรนาฎ กล่าว
ลูกค้ากรุงเทพประกันชีวิต สามารถติดตามสิทธิประโยชน์ดีๆ ที่จะมีขึ้นอีกหลายกิจกรรมตลอดทั้งปี ผ่าน Facebook กรุงเทพประกันชีวิต หรือใน BLA Happy Life Application

Tags

สร้างรอยยิ้มให้น้อง Colgate Care Day

คณะผู้บริหาร บริษัท คอลเกต- ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย Mr.Rauf Gurbuz SVP & GM – CP Greater IndoChina Hub พร้อมพนักงานบริษัทฯ ร่วมกับ ทีมทันตแพทย์จากศูนย์บริการสาธารณสุขที่ 55 เตชะสัมพันธ์ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร เข้าจัดกิจกรรม “สร้างรอยยิ้มให้น้อง Colgate Care Day” ให้ความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน การล้างมือที่ถูกวิธี และกิจกรรมสนุนสนานมากมาย พร้อมทั้งส่งมอบอ่างล้างมือ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน และ ปรับปรุงห้องพยาบาล เพื่อสุขลักษณะที่ดี รวมทั้งบริการเคลือบฟลูโอไรด์โดยทันตบุคลากร ณ โรงเรียนประถมนนทรี ในวันที่ 11 กรกฏาคม 2567

โครงการ ฟ.ฟันสวย ยิ้มใส ของคอลเกต (Bright Smiles Bright Futures : BSBF) เป็นโครงการรณรงค์เพื่ออนาคตเด็กไทยที่ไม่มีฟันผุ มาเป็นระยะเวลากว่า 26 ปี โดยเราเชื่อว่าเด็กทุกคนและครอบครัวของพวกเขามีสิทธิที่จะมีรอยยิ้มที่ดีต่อสุขภาพไปตลอดชีวิต นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องสนับสนุนอนาคตที่ไม่มีฟันผุสำหรับเด็กกว่า 24 ล้านคนทั่วประเทศไทย โดยในภารกิจของเรา คือการพยายามยุติปัญหาสุขภาพเรื้อรังที่แพร่หลายมากที่สุดในโลกนั่นก็คือ ฟันผุ เพราะปัญหาฟันผุ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดความเจ็บปวดและไม่สบายตัว ส่งผลต่อการเข้าเรียนและคุณภาพชีวิตด้วย การเชื่อมโยงผู้คนให้เข้าถึงความรู้ความเข้าใจด้านสุขภาพช่องปาก การคัดกรองฟันฟรีและการส่งต่อการรักษา ร่วมกันสร้างโลกแห่งรอยยิ้มและอนาคตที่สดใสยิ่งขึ้น

เรียนรู้เพิ่มเติม ได้ที่ https://www.colgate.com/th-th/oral-health-education

Tags