ดรุณสิกขาลัย

ดรุณสิกขาลัย โรงเรียนนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้ หลักสูตรบูรณาการ ตอบโจทย์ทั้งปัจจุบันและอนาคต

event
ดรุณสิกขาลัย
ดรุณสิกขาลัย

ดรุณสิกขาลัย โรงเรียนนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้ ที่พัฒนาเด็กไทยให้ สมบูรณ์ด้วยความคิด เป็นกัลยาณมิตรอย่างมีความสุข

เพราะเด็กแต่ละคนมีศักยภาพที่แตกต่างกัน การสอนให้เด็กทำตาม ๆ กันไปในยุคนี้ อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับโลกในอนาคต วันนี้ทีมงาน School Visit จะพาไปเยี่ยมชม “โรงเรียนดรุณสิกขาลัย” โรงเรียนที่ตอบโจทย์ทั้งในยุคปัจจุบันและอนาคต โรงเรียนที่จะสร้างเด็กให้มีความเป็นผู้นำ มีความคิดเป็นของตนเอง บูรณาการด้วยวิชาการ เทคโนโลยี ภาษาอังกฤษ และควบคู่ไปกับการหล่อหลอมความเป็นไทย คุณธรรม จริยธรรม และสังคมสีเขียว  ช่วยพัฒนาเด็กไทยให้เป็นคนดีและเก่ง เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ของประเทศและของโลกกันค่ะ

โรงเรียน ดรุณสิกขาลัย ก่อตั้งโดย คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ผู้อำนวยการใหญ่ เมื่อปี พ.ศ.2543 โดยมีแนวความคิดอยากให้เด็กไทย คิดเป็นทำเป็น และอยากพัฒนาคนไทยให้เป็นพลเมืองโลก แต่รูปแบบการเรียนการสอนในยุคนั้นยังเป็นรูปแบบท่องจำและไม่พัฒนาเด็กเท่าที่ควร  เมื่อเข้าสู่วัยเกษียณอายุจึงได้อุทิศตนทำงาน ทำประโยชน์และพัฒนาประเทศชาติ โดยนำเอาการเรียนรู้แบบ Constructionism  จาก MIT Media Lab ประเทศสหรัฐอเมริกา

มาสร้างโรงเรียนต้นแบบ เพื่อพัฒนาเด็กไทยให้เป็นคนดีและเก่ง เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ของประเทศและของโลก และสามารถสู้ได้ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กว่า 24 ปี จากโรงเรียนเล็ก ๆ มีนักเรียนเพียงไม่กี่คน ก็ประสบความสำเร็จขยายผลจนเป็นดรุณสิกขาลัยในปัจจุบัน

โรงเรียนดรุณสิกขาลัย ดำเนินการสอนแบบ 2 ภาษา ( ไทยและอังกฤษ ) โดยเป็นโครงการนำร่องที่ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือระหว่าง MIT Media Lab มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มูลนิธิศึกษาพัฒน์ และมูลนิธิไทยคม มีวิสัยทัศน์ที่จะมุ่งพัฒนาเด็กไทยให้เป็นพลเมืองโลกและพลเมืองไทยในคนๆ เดียวกันที่รักษาความเป็นไทยไว้ได้ ด้วยวิธีการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้แบบ Constructionism ซึ่งคิดค้นจากผลงานการวิจัยโดย Professor Seymour Papert แห่ง MIT Media Lab และการบริหารจัดการองค์กรตามหลักการ Learning Organization ซึ่งคิดค้นจากผลงานการวิจัยโดย Peter M. Senge แห่ง MIT Sloan School of Management

ดรุณสิกขาลัย ดรุณสิกขาลัย ดรุณสิกขาลัย

บรรยากาศโรงเรียน

 

วัยประถมพัฒนารอบด้าน

จุดเด่นของเด็กประถมที่ ดรุณสิกขาลัย  คือ การเรียนที่จะช่วยพัฒนาเด็กอย่างรอบด้าน ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ โดยพัฒนา 3 ฐาน คือ ร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา จุดเริ่มต้นให้เด็กเห็นคุณค่าและเชื่อมั่นในตัวเอง เปิดกว้างและเข้าใจผู้อื่น ด้วยการสร้างพื้นภูมิที่ปลอดภัย ให้เด็ก ๆ ได้แสดงความคิดเห็น ความนึกคิดของตนเองและมี Self-awareness ตระหนักรู้ตนเองผ่านการสะท้อนย้อนคิด Reflection เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้หลาย ๆ ศาสตร์ โรงเรียนจะนำการบูรณาการเอาศาสตร์ต่าง ๆ มาทำเป็นธีมในการสอน สำหรับเด็กเล็กจะได้เรียนรู้จากเรื่องใกล้ตัว เรื่องเกี่ยวกับตนเองและค่อย ๆ ขยายการเรียนรู้ไปรอบ ๆ ตัว เพื่อเชื่อมโยงตัวเองกับครอบครัว สังคมและสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ  ดรุณสิกขาลัยเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง โดยนำทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ด้วยปัญญา (Constructionism)  มาปรับใช้ เด็ก ๆ จะได้คิดโปรเจคขึ้นมาตามความสนใจของตนเอง (Project-based Learning) และนำเอาเรื่องที่ตนเองได้เรียนรู้มาตลอดทั้งเทอม มาเชื่อมโยงกัน และนำเสนอ โดยแสดงความคิดเห็นบนเวทีแลกเปลี่ยนกับเพื่อน ๆ และผู้ปกครอง เมื่อเด็กขึ้นประถมปลายก็จะทำให้เด็กรู้จักตัวเองมากขึ้น เพราะได้ผ่านการทดลองทำหลาย ๆ อย่าง การเรียนในรูปแบบนี้จะช่วยปูทางการรู้จักตนเองมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ชั้นมัธยม

ดรุณสิกขาลัย ดรุณสิกขาลัย ดรุณสิกขาลัย

ห้องเรียนเด็กชั้นประถม

ดรุณสิกขาลัย ดรุณสิกขาลัย

คลาสเรียนดนตรี

 

วัดผลรอบด้าน ตามความเป็นจริง Formative assessment

โรงเรียนวัดผลเพื่อพัฒนาเด็กในระหว่างทางด้วย ไม่เน้นแค่การสอบเท่านั้น รวมไปถึงมองเด็กในหลากหลายมิติ คุณครูจะสังเกตพัฒนาการของเด็กอยู่เสมอ  โดยมีเครื่องมือการเรียนรู้สำคัญ เช่น  Agenda ที่เด็กจะได้ฝึกวางแผนความรับผิดชอบ ว่าในหนึ่งวันต้องทำอะไรบ้างตามลำดับ หรือ การคิดจะทำโปรเจค เด็ก ๆ ก็จะต้องหัดวางแผน ทั้งแบบรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือนสำหรับเด็กประถมปลาย นอกจากนี้ยังมี Journal บันทึกการเรียนรู้ เครื่องมือสำคัญที่คุณครูจะใช้สังเกตนักเรียนได้ดี โดยให้เด็กบันทึกในแต่ละวัน สำหรับเด็กเล็กที่ยังเขียนหนังสือไม่คล่อง ก็จะบันทึกเป็นภาพ ว่าตนอยากสื่อสารเรื่องอะไร สำหรับเด็กโตก็จะหัดบันทึกเป็นตัวอักษร

ดรุณสิกขาลัย ดรุณสิกขาลัย ดรุณสิกขาลัย

 เด็กประถมล้างกล่องนมเพื่อนำไปบริจาค ยังศูนย์ต่าง ๆ

กระบวนการ 3 ขั้นตอน กระบวนการเรียนรู้Think – Make – Reflection

ขั้นตอนที่ 1 คิดและออกแบบด้วยตนเอง (Thinking or Designing) เพื่อฝึกฝนการคิดและจินตนาการ การคิดอย่างมีเป้าหมายเป็นรูปธรรม และการคิดในเชิงเหตุผล

ขั้นตอนที่ 2 นักเรียนจะต้องเป็นผู้ที่ลงมือทำด้วยตนเอง ( Making and Doing ) มีความเป็นเจ้าของในสิ่งที่ตนเองสร้างอย่างเต็มที่ โดยอาจเริ่มเรียนรู้จากสิ่งที่ผู้เรียนมีความสนใจ หรือจากปัญหาที่นักเรียนมีความสนใจเป็นพิเศษที่จะค้นหาวิธีแก้ โดยมี facilitator หรือผู้อำนวยการเรียนรู้ เป็นผู้คอยชี้แนะ ให้คำแนะนำและร่วมเรียนรู้ไปกับนักเรียน

ขั้นตอนที่ 3 กระบวนการสะท้อนความคิด (Reflecting or Contemplating) นักเรียนจะได้ฝึกฝนสะท้อนความคิด ระลึกถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านไป ทำให้เกิดความตระหนักในสิ่งที่ได้เรียนรู้ ได้เห็นปัญหาและหัดแก้ไขปัญหาต่าง ๆ การสะท้อนความคิดนี้จะช่วยฝึกฝนกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองของนักเรียน ที่จะค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์จากการคิดทบทวนสิ่งที่ตนเองได้ทำ หรือรับฟังมุมมองความคิดเห็นที่แตกต่างจากเพื่อน ครู และสังคม

ดรุณสิกขาลัย ดรุณสิกขาลัย

 เด็ก ๆ ได้หัดช่วยเหลือตนเองและได้หัดช่วยเหลือผู้อื่น

 

มัธยมศึกษา มุ่งเน้นการหาตัวตน

สำหรับพี่ ๆ ชั้นมัธยม ใช้หลักสูตรในรูปแบบ  Career Based Learning เป็นการเรียนรู้ที่บูรณาการความรู้ ประสบการณ์ทั้งจากภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ การเรียนรู้ที่จะสร้างนวัตกรที่มีหัวใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เพราะนวัตกร ต้องไม่ใช่แค่คิดเก่ง หรือแค่ทำสิ่งใหม่ แต่สิ่งใหม่ที่คิดควรจะก่อประโยชน์ให้กับโลกและสังคม ซึ่งเป็นหัวใจหลักของโรงเรียน การสอนเน้นเจาะลึกไปที่เรื่องอาชีพ ไม่ว่าเด็กอยากจะเติบโตไปเป็นใคร ทำอาชีพอะไร ก็จะเจริญงอกงามและมีความสุขกับอาชีพนั้น โดยหลักสูตรจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน

  1. กลุ่มวิชาพื้นฐาน (Core)

วิชาเรียนอาจจะเหมือนโรงเรียนทั่วไป แต่จุดแตกต่างคือทางโรงเรียนใช้กระบวนการ Constructionism หรือการเรียนรู้ที่เด็ก ๆ ต้องลงมือปฏิบัติจนสังเคราะห์เป็นองค์ความรู้ของตนเอง ออกแบบบนพื้นฐานของ Active Learning และมีการบูรณาการข้ามวิชา เพื่อเชื่อมโยงใหม่ ไม่ใช่การเรียนเพื่อจำไปสอบ แต่เรียนเพื่อให้รู้ว่ามันมีความสำคัญและเชื่อมโยงกับตัวเด็กอย่างไร

  1. วิชาโครงงาน ( Project  )  หรือบ้านเรียน

เด็ก ๆ จะได้เรียนวิชาพื้นฐานจำนวน 3 วันต่อสัปดาห์ คือวันจันทร์ – พุธ และวัน พฤหัสบดี- ศุกร์ จะได้เรียนโครงงาน ให้เด็กเลือกเรียนตามความสนใจ มีทั้งแบบรายบุคคล และแบบกลุ่ม  เป็นห้องเรียนแบบคละชั้น เรียนรวมกันตั้งแต่ ม.1-ม.6 บ้านเรียน ( Project House ) คือ กลุ่มของครูและเด็ก ๆ ที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน  มีใจรักเรื่องเดียวกัน คล้ายกับคณะในมหาวิทยาลัย เรียนรู้จากพี่จากน้อง เรียนรู้ที่จะช่วยเหลือกัน อยู่ร่วมกันแบบมีความสุข เด็กจะวางแผนโครงงานว่าจะทำอะไร วัดผลตัวเองอย่างไร โรงเรียนจะมีเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เด็กได้หัดวางแผนตัวเอง คุณครูจะคอยช่วยเหลือ เป็นโค้ชมากกว่าเป็นครูผู้สอนและยังต้องทำงานวิจัย 5 บท  ที่มีลักษณะคล้าย ๆ Thesis เด็กจะได้ฝึกทำบ่อย ภายในระยะเวลา 3 เดือน ต้องทำวิจัย 1 เล่ม เด็ก ๆ จะสามารถนำวิจัยในส่วนนี้มาใส่ Portfolio เพื่อใช้ยื่นสำหรับเรียนต่อยังมหาวิทยาลัยได้ด้วย

  1. กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน

โรงเรียนมุ่งเน้นให้เด็กมีสุนทรียภาพ และอยากสร้างโรงเรียนให้เป็นโรงเรียน Well Being School นอกจากรายวิชาพื้นฐาน (Core) และวิชาโครงงาน (Project) แล้วยังมีกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งมีจุดมุ่งหมายสำคัญคือ “การพัฒนาทักษะชีวิต” ซึ่งในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนนี้จะมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่ส่งเสริมประสบการณ์การเรียนของผู้เรียนอย่างรอบด้าน เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ ชมรม วิชาแนะแนว ซึ่งเป็นกลุ่มวิชาที่จะช่วยพัฒนาทักษะชีวิตให้กับเด็ก ๆ เพื่อให้เด็ก ๆ เติบโตอย่างมีความสุขและเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ดรุณสิกขาลัยดรุณสิกขาลัย ดรุณสิกขาลัย

ห้อง Lab ขนาดใหญ่ พร้อมอุปกรณ์ครบครัน

ดรุณสิกขาลัย โรงเรียนผลิตนวัตกรที่มีหัวใจ

เด็กมัธยมที่โรงเรียนดรุณสิกขาลัย จะได้ทำงานกับหน่วยงานภายนอกจำนวนมาก  ทางโรงเรียนจะหาโจทย์จริง และประสบการ์ณจริง ๆ มาให้เด็กได้ลองแก้ เช่น ยกตัวอย่างเช่น โปรเจคที่ทำร่วมกับศูนย์หลอดเลือดในสมอง ของโรงพยาบาลศิริราช ที่ทางโรงพยาบาลพยายามลดจำนวนผู้ป่วยโรค Stroke ให้กับประเทศ เมื่อเด็ก ๆ ได้โจทย์มาก็จะช่วยกันรีเสิร์ชและช่วยกันแก้ปัญหา จนพบว่าในต่างจังหวัดผู้ป่วยโรค Stroke มักจะเป็นผู้สูงอายุ ที่อยู่กับเด็กวัยเล็ก  ๆ เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่ต้องไปทำงาน หากเด็กเล็กสามารถสังเกตอาการของคนเป็นโรค Stroke ได้ และสามารถขอความช่วยเหลือที่เบอร์ 1669 ได้อย่างรวดเร็ว ก็จะทำให้อัตราความสูญเสียน้อยลง จึงเกิดเป็นคอนเซ็ปต์ เด็กโตทำ เด็กเล็กใช้ ผู้ใหญ่รอด และสร้าง Education Toys หรือของเล่นเพื่อการเรียนรู้ ที่จะทำให้เด็กเล็กทราบถึงอาการบ่งชี้ของคนเป็นโรค Stroke โดยมีทั้งนิทานภาพ อุปกรณ์จำลอง บอร์ดเกมส์ต่าง ๆ ซึ่งงานเหล่านี้จะถูกตรวจสอบความถูกต้องทั้งเนื้อหาทางด้านวิชาการและถูกนำมาทดลองใช้จริง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนได้เป็นชิ้นงานออกมา ซึ่งปัจจุบันผลงานต่าง ๆ ของโรงเรียนจะปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ของโรงพยาบาลศิริราช และปัจจุบันเด็ก ๆ ยังได้ทำงานร่วมกับหลาย ๆ หน่วยงานเพื่อช่วยเหลือองค์กรต่าง ๆ อีกมากมาย ทั้ง หน่วยงานเอกชน โรงพยาบาลและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศอีกด้วย

ดรุณสิกขาลัย ดรุณสิกขาลัย

บรรยากาศห้องเรียนชั้นมัธยม

 

สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งมุมผ่อนคลาย มุมเล่นบอร์ดเกมส์ และห้องสมุด

DSIL FabLearn Lab@School

โรงเรียนดรุณสิกขาลัย มี FabLearn Lab ซึ่งเป็น Lab แห่งแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชีย ที่สร้างขึ้นเพื่อปูพื้นฐานงานประดิษฐ์ให้กับเด็ก และพัฒนา Skill ต่าง ๆ ตามความสนใจ เป็นโครงการนวัตกรรมด้านการเรียนรู้ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และ Stanford University ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสร้างสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมโดยใช้เครื่องมือดิจิตอลในการสร้าง Rapid Prototype ได้แก่ เครื่องพิมพ์เลเซอร์คัทเตอร์ เครื่องพิมพ์สามมิติ เครื่องพิมพ์ ไวนิล (Vinyl) และอุปกรณ์การประดิษฐ์อื่นๆ อาทิ อุปกรณ์ช่าง งานไม้ และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ Coding ,AI ,Robotic ,Design Thinking  ฯลฯ ทำให้เด็กนักเรียนที่โรงเรียนดรุณสิกขาลัยมี Skill ที่หลากหลาย ทั้งทางด้านดีไซน์ คอมพิวเตอร์กราฟฟิก และอีกหลาย ๆ ด้านผสมผสานกัน

FabLearn Lab จัดเต็มด้วยอุปกรณ์สำหรับการเรียนรู้ ทั้งเครื่องพิมพ์เลเซอร์คัทเตอร์ เครื่องพิมพ์สามมิติ เครื่องพิมพ์ ไวนิล อุปกรณ์ช่าง งานไม้ และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ และอื่น ๆ อีกมากมาย

ดรุณสิกขาลัย

 บ้านเรียน  ห้องเรียน ที่เปิดให้เด็ก ๆ ได้เลือกเรียนตามความสนใจ ทั้งบ้านเรียนวิศวะ บ้านเรียนศิลปะ บ้านเรียนฟิล์ม และอื่น ๆ อีกมากมาย

 

พัฒนาบุคลากรอย่างสม่ำเสมอ

พนักงานขององค์กรเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร ” มิใช่โรงงาน เครื่องจักร เครื่องมือ อาคารสถานที่ หรือคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยที่สุด และมีความเชื่อว่า “เด็กไทยเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดของประเทศไทย” คุณ พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ผู้อำนวยการใหญ่โรงเรียนดรุณสิกขาลัย

คุณพารณ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรทุกคน ทางโรงเรียนมีงบประมาณเพื่อพัฒนาครูโดยเฉพาะ มีการอบรมบุคลากร ทั้งครูและเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ เป็นประจำ โรงเรียนจะจัดหาวิทยากรมาอบรมอย่างสม่ำเสมอ เพราะเชื่อมั่นว่าหากจะพัฒนาเด็ก ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพัฒนาคุณครูไปพร้อม ๆ กัน

 

มุมอื่นๆ ภายในโรงเรียน

ดรุณสิกขาลัย

คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ผู้อำนวยการใหญ่

 

Mommy’s Love This ! ถูกใจแม่

  1. การเรียนที่นี่ใช้แอปพลิเคชั่นเพื่อให้เด็ก ๆ สนุกกับการเรียน รับรองว่าเด็ก ๆ ไม่เบื่อแน่นอน
  2. เด็ก ๆ ทุกคนสามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น สนามฟุตบอล ห้องสมุด ห้อง LAB ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้อีกด้วย
  3. ในห้องเรียนทุกห้องจะมีมุมพักผ่อนของนักเรียน ให้เด็ก ๆ ได้ผ่อนคลายจากการเรียน
  4. โรงเรียนดรุณสิกขาลัย เป็นโรงเรียนที่ไม่แสวงหากำไร รายได้จึงถูกนำมาพัฒนาคนและโรงเรียน 100 % เด็ก ๆ ได้ผลประโยชน์เต็ม ๆ
  5. โรงเรียนมีนักจิตวิทยาประจำโรงเรียน เด็ก ๆ คุณครู และผู้ปกครอง สามารถสอบถามและขอคำแนะนำจากนักจิตวิทยาได้ทุกคน
  6. โรงเรียนทำงานร่วมกันกับผู้ปกครอง คุณพ่อคุณแม่จะได้รับทราบข้อมูลการเรียนการสอนในแต่ละเทอม ว่าเด็ก ๆ จะได้เรียนรู้และพัฒนาเรื่องอะไรบ้าง และได้รับการอัพเดทจากคุณครูเกี่ยวกับพัฒนาการต่าง ๆ อยู่เสมอ เพื่อหาแนวทางร่วมกันระหว่างบ้านและโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่สามารถที่จะแนะนำเพิ่มเติมการเรียนรู้ต่าง ๆ ให้กับคุณครูได้ด้วย
  7. โรงเรียนมีบัตรแสกนหน้าเด็ก ๆ ทั้งขาเข้าและขาออก เพื่อให้ผู้ปกครองทราบการเข้าออก สำหรับเด็กเล็กจะมีคุณครูคอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ต้องกังวล
  8. โรงเรียนสอนแบบ 2 ภาษา เด็ก ๆ จะได้เรียนภาษาอังกฤษกับครู Native กันตั้งแต่ชั้นประถม และหัด Present ผลงานเป็นภาษาอังกฤษ ในวิชาโครงงานอีกด้วย

 

อัตราค่าเล่าเรียน

ประถมศึกษา 334,800 บาท / ปี

มัธยมศึกษา 368,200 บาท / ปี

( แบ่งจ่าย 3 เทอม ราคารวมทุกอย่างแล้วยกเว้น เครื่องแต่งกาย )

 

ที่อยู่ ดรุณสิกขาลัย

126 ถ. ประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร 10140

โทร. 02- 470- 8000

เว็บไซต์  : https://e-school.kmutt.ac.th/dsil/
Facebook : https://www.facebook.com/-dsil.kmutt

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  ธนายุต วิลาทัน


อ่านต่อบทความน่าสนใจ  

รีวิว นมที่ แม่ผ่าคลอด เลือก

รีวิวนมที่ แม่ผ่าคลอด เลือกแบรนด์ไหนที่ใช่ มาพร้อมสมอง และภูมิคุ้มกัน

event
รีวิว นมที่ แม่ผ่าคลอด เลือก
รีวิว นมที่ แม่ผ่าคลอด เลือก

เด็กผ่าคลอดจะถูกนำตัวออกมาผ่านทางหน้าท้องของแม่ จึงทำให้ลูกไม่ได้รับจุลินทรีย์ที่ดีผ่านทางช่องคลอดของแม่ ซึ่งจุลินทรีย์ที่ดีเหล่านี้ถือเป็นภูมิคุ้มกันแรกของลูกหลังจากลูกลืมตาดูโลก แม่ผ่าคลอด จึงต้องใส่ใจกับการเลือกสารอาหารให้ลูก เพราะไม่ว่าคุณแม่คนไหนก็ต้องอยากให้ลูกรักของเราเติบโตมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีพัฒนาการที่ดีสมวัยด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นสิ่งที่คุณแม่จะเลือกให้ลูก จึงต้องพิจารณามาอย่างดีแล้วว่าเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์ และช่วยส่งเสริมสุขภาพ และพัฒนาการในทุก ๆ ด้านของลูกได้อย่างแน่นอน

ปัจจัยด้านโภชนาการ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยวางรากฐานสุขภาพของลูกได้ตั้งแต่วันนี้เพื่ออนาคตที่ดีในวันข้างหน้า คุณแม่สามารถให้โภชนาการที่ดีแก่ลูกได้ตั้งแต่แรกเกิด ด้วยการให้ลูกกินนมแม่ ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารมีประโยชน์ จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต เพียงพอต่อความต้องการของลูก ทั้งยังมีภูมิคุ้มกันที่ดีที่สามารถส่งต่อไปยังลูกน้อยได้อีกด้วย เมื่อลูกเติบโตขึ้น ร่างกายของลูกก็ต้องการสารอาหารที่สำคัญเพื่อนำไปใช้ในการเจริญเติบโตของร่างกายและสมองมากขึ้น สารอาหารที่ช่วยเสริมการทำงานของสมองและภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงจึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณ แม่ผ่าคลอด ควรต้องคำนึงถึงเป็นอันดับต้น ๆ เช่น

  • สฟิงโกไมอีลิน (Sphingomyelin) เป็นไขมันชนิดหนึ่งที่พบมากในนมแม่ มีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างไมอีลินในสมอง ช่วยทำให้สมองเชื่อมโยงอย่างรวดเร็วมากขึ้น มีผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้คิดเร็ว เรียนรู้ไวยิ่งขึ้น
  • แกงกลิโอไซต์ (GA) เป็นสารอาหารที่มีในน้ำนมแม่ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเซลล์สมองในบริเวณเส้นใยประสาทและจุดเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง มีส่วนช่วยทำให้การเรียนรู้จดจำเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
  • ดีเอชเอ (DHA) เป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จึงจำเป็นต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น โดยดีเอชเอมีส่วนสำคัญในการพัฒนาการทำงานของสมองและจอประสาทตา ช่วยให้สมองจำได้ดี
  • แอลฟา แล็คตัลบูมิน (Alpha-lactalbumin) เป็นโปรตีนที่พบมากในนมแม่ มีส่วนสำคัญในการช่วยเสริมการทำงานของระบบประสาทและสมอง
  • โพรไบโอติก บี แล็กทิส (B. lactis) จุลินทรีย์บิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) หนึ่งในโพรไบโอติกส์ ที่พบในนมแม่และลำไส้ของเด็กที่คลอดธรรมชาติ เป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ช่วยปรับสมดุลในลำไส้ และช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  • โอเมก้า 3, 6, 9 ช่วยเสริมการทำงานของสมองและประสาท ซึ่งร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถสร้างดีเอชเอขึ้นเองได้ จึงต้องรับสารอาหารจากอาหารภายนอก ได้แก่ ไข่แดง ธัญพืช น้ำมันพืชที่มีไขมันไม่อิ่มตัว ผักโขม ผลิตภัณฑ์จากนมวัว เป็นต้น
  • วิตามินบี 12 มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง พบได้ในอาหารจำพวกเนื้อ ไข่ ปลา ตับ นมวัว เป็นต้น 
  • 2’ เอฟแอล (2’FL หรือ 2’-Fucosyllactose) เป็นสารอาหารที่พบในนมแม่ มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

เด็กที่ได้รับสารอาหารเหล่านี้อย่างครบถ้วน เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตดี สุขภาพแข็งแรง มีพัฒนาการที่เติบโตสมวัย และมีสมองที่พร้อมเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวช่วยอย่างหนึ่งที่ช่วยเสริมโภชนาการให้เด็กผ่าคลอดเติบโตแข็งแรง คือ นมผงที่ประกอบด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อความต้องการของลูก

กองบรรณาธิการ ABK เลือกนม 3 ยี่ห้อ ได้แก่ S-26 GOLD PRO-C 3, Enfagrow A+ Mind Pro C-Biome 3 และ HI-Q Super Gold Plus C 3 ที่คัดสรรมาแล้วว่ามีคุณค่าทางโภชนาการและสารอาหารที่เหมาะสำหรับเด็กผ่าคลอด มาดูตารางสารอาหารเปรียบเทียบกันว่านมผงที่แม่ผ่าคลอดเลือก มีแบรนด์อะไรที่ตอบโจทย์บ้าง

นมที่ แม่ผ่าคลอด เลือก

  • นมผง S-26 GOLD PRO-C3  โดดเด่นเรื่องสารอาหารจำเป็นที่มีอย่างครบครัน ทั้งสารอาหารที่ช่วยเรื่องสมอง อย่างสฟิงโกไมอีลิน แกงกลิโอไซต์ ดีเอชเอ แอลฟา – แล็คตัลบูมิน โอเมก้า 3, 6, 9 และวิตามินบี 12 รวมไปถึงสารอาหารที่ช่วยเรื่องภูมิคุ้มกันอย่าง 2’ เอฟแอล และ โพรไบโอติก บี แล็กทิส ซึ่งจำเป็นมากสำหรับเด็กผ่าคลอด 
  • นมผง Enfagrow A+ Mind Pro C-Biome สูตร 3 มีจุดเด่นเรื่องปริมาณใยอาหาร 2’FL และมีสารอาหารอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูก เช่น MFGM, ดีเอชเอ เป็นต้น
  • นมผง HI-Q Super Gold Plus C สูตร 3 มีซินไบโอติก, โพรไบโอติกบีเบรเว, 2’FL, ดีเอชเอ เป็นต้น

นมแต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป คุณพ่อคุณแม่จึงควรพิจารณาเลือกสารอาหารที่เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการของเด็กแต่ละคน สำหรับเด็กผ่าคลอดที่ต้องการสารอาหารที่ครบถ้วนเป็นพิเศษ เพื่อการเจริญเติบโตทางร่างกายและสมองที่แข็งแรงสมบูรณ์ และช่วยเสริมจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ให้กับร่างกาย นมผง S-26 Gold Pro C 3 เป็นนมผงที่มีสารอาหารครบถ้วน มีส่วนช่วยในด้านพัฒนาการ และภูมิคุ้มกันของลูกน้อย ด้วยสารอาหารที่เหนือกว่า ที่แม่ผ่าคลอดเลือก คุณพ่อคุณแม่สามารถเตรียมสมองลูกน้อยให้พร้อมได้ตั้งแต่เกิด เพื่อให้ลูกเติบโต แข็งแรง สมวัย พร้อมก้าวต่อไปในอนาคตค่ะ

นมผง เจนอัลฟ่า

เปิดกล่องนมผง เจนอัลฟ่า กล่องไหนที่ใช่สำหรับลูกคุณ

event
นมผง เจนอัลฟ่า
นมผง เจนอัลฟ่า

เด็กเจนอัลฟ่า (Alpha Generation)  คือเด็ก ๆ ที่เกิดตั้งแต่ ค.ศ.2010 -2025 ซึ่งธรรมชาติของเด็กเจนนี้จะเป็นเด็กที่ค่อนข้างโตเร็ว ทั้งทางร่างกายและความคิด เนื่องจากเด็ก เจนอัลฟ่า เติบโตมาท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีครบครัน แตกต่างจากยุคของคุณพ่อคุณแม่ที่เทคโนโลยียังเป็นเรื่องใหม่ และไม่ก้าวหน้าเท่าในปัจจุบัน ดังนั้นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรต้องเตรียมพร้อมให้ลูกน้อยเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง มั่นใจ มีพัฒนาการที่ดีสมวัย และพร้อมเรียนรู้ไว เพื่อให้สามารถเติบโตก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบันและอนาคตได้ คุณพ่อคุณแม่จึงต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกรัก ตัวช่วยอย่างหนึ่งที่ช่วยเสริมโภชนาการให้ลูกรักของเราเติบโตแข็งแรง คือ นมผงที่ประกอบด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อความต้องการของลูก

เปิดกล่องนมผง เจนอัลฟ่า กล่องไหนที่ใช่สำหรับลูกคุณ

กองบรรณาธิการ ABK เลือกนม 3 ยี่ห้อ ได้แก่ S-26 GOLD 3, Hi-Q1Plus SUPER GOLD C-Synbio ProteQ 3 และ Enfagrow A+ MINDPRO 3 ที่คัดสรรมาแล้วว่ามีคุณค่าทางโภชนาการและสารอาหารที่เหมาะสำหรับเด็กวัย 1 ขวบขึ้นไป โดยสารอาหารหลัก ๆ ที่น่าสนใจและมีส่วนช่วยในกระบวนการเติบโตของลูกน้อย มีดังนี้ค่ะ

สฟิงโกไมอีลิน (Sphingomyelin) เป็นไขมันชนิดหนึ่งที่พบมากในนมแม่ มีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างไมอีลินในสมอง ช่วยทำให้สมองเชื่อมโยงอย่างรวดเร็วมากขึ้น มีผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้คิดเร็ว เรียนรู้ไวยิ่งขึ้น

แอลฟา – แล็คตัลบูมิน (Alpha-lactalbumin) เป็นโปรตีนที่พบมากในนมแม่ มีส่วนสำคัญในการช่วยเสริมการทำงานของระบบประสาทและสมอง

แกงกลิโอไซต์ (GAs) เป็นสารอาหารที่มีในน้ำนมแม่ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเซลล์สมองในบริเวณเส้นใยประสาทและจุดเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง มีส่วนช่วยทำให้การเรียนรู้จดจำเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ดีเอชเอ (DHA) เป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น เช่น นมแม่ ปลาทะเลน้ำลึก ปลาน้ำจืด สาหร่ายทะเล เป็นต้น ดีเอชเอมีส่วนสำคัญในการพัฒนาการทำงานของสมองและจอประสาทตา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรับส่งข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาท ช่วยให้สมองจำได้ดี

2’ เอฟแอล (2’FL) เป็นสารอาหารที่พบในนมแม่ มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

กอส/แอลซีฟอส (Gos lcFOS) อาหารของจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ ช่วยทำให้จุลินทรีย์ที่ดีเติบโต เกิดสมดุลในลำไส้ ช่วยเสริมให้ภูมิคุ้มกันในลำไส้แข็งแรง

เด็ก ๆ ที่ได้รับสารอาหารเหล่านี้อย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะช่วยให้เด็กเจริญเติบโตดี มีสุขภาพแข็งแรง มีพัฒนาการที่เติบโตสมวัย และมีสมองที่พร้อมเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ

เปรียบเทียบนมผงสำหรับ เจนอัลฟ่า

S26 Gold Pro

S-26 GOLD 3 โดดเด่นเรื่องความครบถ้วนของสารอาหารสำคัญ โดยเฉพาะ สฟิงโกไมอีลิน แกงกลิโอไซด์  แอลฟา-แล็คตาบูมิน   ลูทีน และนิวคลีโอไทด์ 5 ชนิด ซึ่งหาได้ยากในนมยี่ห้ออื่น

เจนอัลฟ่า

Hi-Q1 Plus SUPER GOLD PLUS C-Synbio ProteQ 3 เป็นนมอีกหนึ่งยี่ห้อที่มีสารอาหารหลากหลาย โดยเฉพาะกอส / แอลซีฟอส และยังมาในปริมาณมากถึง 550 กรัม

เจนอัลฟ่า

Enfagrow A+ MINDPRO 3 มีสารอาหารเฉพาะคือ MFGM

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหานมสำหรับลูกรักเจนอัลฟ่า กองบรรณาธิการ ABK คัดสรรนมผงสูตร 3 มาเปรียบเทียบสารอาหารและคุณประโยชน์ดูกันถึง 3 ยี่ห้อ เพราะพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ที่ดีตั้งแต่ในวัยเด็ก สามารถส่งผลต่อสติปัญญา ความฉลาด และการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ใหม่ ๆ ในวัยเรียนและวัยผู้ใหญ่

คุณพ่อคุณแม่สามารถเตรียมสมองลูกน้อยให้พร้อมได้ตั้งแต่ลูกอายุ 1 ขวบ ด้วยการเสริม S-26 GOLD 3 ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์สำหรับลูกน้อยทั้งสฟิงโกไมอีลิน แกงกลิโอไซด์  แอลฟา-แล็คตาบูมิน  ลูทีน และนิวคลีโอไทด์ 5 ชนิด ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยให้ลูกเจนอัลฟ่าเติบโตแข็งแรง สมวัย พร้อมก้าวต่อไปในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาค่ะ

พัฒนาการไม่สมวัย

พ่อแม่ต้องรู้ทัน! 2 ภาวะ พัฒนาการไม่สมวัย ของลูก รีบแก้ไขก่อนรุนแรง

event
พัฒนาการไม่สมวัย
พัฒนาการไม่สมวัย

พัฒนาการไม่สมวัย ด้านร่างกายของเด็ก ไม่ว่าจะเป็น การเจริบเติบโตช้า เด็กมีภาวะเตี้ย หรือ ภาวะเป็นหนุ่มสาวก่อนวัย ที่ทำให้เด็กเติบโตก่อนวัยสมควร สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย

โดยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการทำงานของต่อมใต้สมองผิดปกติ ทำให้สร้างฮอรโมนออกมามากหรือน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้จะส่งผลกระทบต่อเด็กได้ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม ฉะนั้นควรได้รับการวินิจฉัยที่รวดเร็ว และได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสมตั้งแต่เนิ่นๆ

พัฒนาการเด็กด้านร่างกายเหมาะสมตามวัยเป็นอย่างไร

พัฒนาการเด็กด้านร่างกายที่เหมาะสมตามวัย หมายถึง การเจริญเติบโตด้านร่างกายที่มีความเปลี่ยนแปลงด้านขนาด รูปร่าง ทรวดทรง ความสูง และด้านอื่น ๆ ของระบบร่างกายและโครงสร้างของร่างกาย เช่น การเปลี่ยนแปลงขนาด รูปร่าง การขยายของทรวงอก หรือการเพิ่มประสิทธิภาพของหน้าที่ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับร่างกาย ที่เป็นไปตามช่วงวัยของเด็ก หากเมื่อไหร่ที่ร่างกายของเด็กมีความผิดปกติเกิดขึ้น หรือคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองสังเกตเห็นว่าลูกไม่ได้เจริญเติบโตอย่างที่ควรเป็น หรือเติบโตเกินวัย พึงทราบว่าอาจมีสาเหตุอยู่เบื้องหลัง

ภาวะที่ทำให้ พัฒนาการไม่สมวัย ด้านร่างกายของเด็ก

พัฒนาการเด็กด้านร่างกายไม่สมวัย หมายถึง เด็กที่มีพัฒนาการไม่สมวัยเมื่อเทียบกับเด็กปกติ มีภาวะทางสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อความสูง การเปลี่ยนแปลงทางสรีระร่างกายที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว อาจเกิดจากภาวะต่างๆ ดังนี้

1. ภาวะเด็กเตี้ย

พัฒนาการไม่สมวัย เด็กที่มีความสูงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของเด็กที่เพศและอายุเดียวกันมากกว่า 2 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation; SD) ซึ่งสามารถทราบได้โดยดูจากกราฟแสดงการเจริญเติบโต (growth chart)

ปัจจัยที่มีผลทำให้เด็กโตช้าหรือเตี้ยกว่าปกติ นอกจากเรื่องของกรรมพันธุ์ การขาดสารอาหาร การนอนหลับพักผ่อน และออกกำลังกายไม่เพียงพอแล้ว อาจเกิดจากภาวะฮอร์โมนผิดปกติ เช่น ขาดฮอร์โมนการเจริญเติบโต (growth hormone) ขาดฮอร์โมนไทรอยด์ (thyroid hormone) ความผิดปกติของฮอร์โมนคอร์ติซอล (cortisol) และ ภาวะเป็นหนุ่มสาวก่อนวัย เป็นต้น

 

2. ภาวะเป็นหนุ่มสาวก่อนวัย

พัฒนาการไม่สมวัย ที่เกิดเร็วกว่าวัยอันควร คือ การที่เด็กผู้หญิงเริ่มมีการพัฒนาของเต้านมก่อนอายุ 8 ปี หรือมีประจำเดือนครั้งแรกก่อนอายุ 9 ปี ส่วนเด็กผู้ชายมีขนาดอัณฑะโต มีอวัยวะเพศใหญ่ขึ้น มีขนหัวหน่าว หรือมีลักษณะอื่น ๆ เช่น เสียงแหบห้าว มีกลิ่นตัว ปรากฏให้เห็นก่อนอายุ 9 ปี

ภาวะหนุ่มสาวก่อนวัยนั้นอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ปัจจัยทางพันธุกรรม พ่อแม่ที่มีประวัติเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัยลูกก็มีโอกาสเป็นภาวะนี้สูง การรับประทานอาหารที่มีแคลอรีสูง หรือเกิดจากสมองและต่อมใต้สมองทำงานผิดปกติ ทำให้มีการหลั่งฮอร์โมนเพศเร็วกว่าวัยอันควร โดยกรณีนี้ฮอร์โมนเพศมีผลทำให้เด็กสูงเร็วในช่วงแรก หลังจากเมื่อเข้าภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วก็จะหยุดสูงในทันที

พัฒนาการไม่สมวัย

พัฒนาการเด็กด้านร่างกายไม่สมวัย รู้ได้อย่างไร

พัฒนาการเด็กด้านร่างกายไม่สมวัยจะรู้ได้ด้วยการตรวจวินิจฉัยโดยกุมารแพทย์ ได้แก่

  1. การซักประวัติของเด็กและครอบครัว ได้แก่ ประวัติการตั้งครรภ์ของมารดาการคลอดน้ำหนักและความยาวแรกเกิด การเจ็บป่วยของเด็ก อาหารที่ได้รับ พัฒนาการของเด็ก ความสูงและการเข้าสู่วัยหนุ่มสาวของบิดามารดาและพี่น้อง
  2. การตรวจร่างกาย เช่น ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูงหรือความยาวในเด็ก และบันทึกในกราฟเพื่อดูรูปแบบการเจริญเติบโตของเด็ก
  3. การตรวจอายุกระดูก โดยการเอกซเรย์ฝ่ามือและข้อมือ เพื่อประเมินดูการเจริญเติบโตของกระดูก
  4. การตรวจอื่นๆ ทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจเลือดวัดระดับของฮอร์โมน หรือ การทดสอบทางด้านฮอร์โมน เป็นต้น ในเด็กที่สงสัยว่าจะมีความผิดปกติของฮอร์โมน
  5. ในผู้ป่วยบางรายที่มีข้อบ่งชี้ อาจตรวจ MRI สมองเพื่อหาสาเหตุของโรคเป็นหนุ่มสาวเร็ว
  6. อัลตราซาวด์ช่องท้อง เพื่อหาสาเหตุและประเมินขนาดมดลูกและรังไข่ในเด็กหญิง

 

การรักษาพัฒนาการเด็กด้านร่างกายไม่สมวัย

ภาวะเด็กเตี้ย การรักษาตามสาเหตุของแต่ละบุคคล ขึ้นกับว่าสาเหตุที่ทำให้เตี้ยนั้นเกิดจากอะไร ได้แก่

  • สาเหตุจากโรคเรื้อรัง ให้รักษาอาการและควบคุมโรคประจำตัวให้คงที่
  • กรณีฮอร์โมนร่างกายผิดปกติ จะรักษาด้วยการให้ฮอร์โมนทดแทนหรือยับยั้ง เช่น การให้ยาฮอร์โมนการเจริญเติบโต (growth hormone) การให้ไทรอยด์ฮอร์โมน การให้ยาหยุดความเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย เป็นต้น
  • การรับประทานอาหารให้ครบหมู่ และมีความหลากหลาย ให้ได้สารอาหารครบถ้วน
  • รับประทานนม แคลเซียม วิตามินดี ฟอสฟอรัส เหล็ก สังกะสี ในปริมาณที่เหมาะสม โดยควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์
  • ปรับพฤติกรรมการบริโภค
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพิ่มความแข็งแรงของกระดูก กล้ามเนื้อ และระบบหัวใจและหลอดเลือด

ภาวะเป็นหนุ่มสาวก่อนวัย การรักษาขึ้นกับสาเหตุ ได้แก่

  • กรณีพบความผิดปกติในสมอง เนื้องอกที่รังไข่ ต้องรักษาตามสาเหตุ เช่น รักษาด้วยการผ่าตัด อาจจำเป็นต้องตามด้วยการฉายแสงหรือเคมีบำบัดแล้วแต่กรณี
  • กรณีไม่พบสาเหตุ การรักษานั้นจำทำด้วยการให้ยาฮอร์โมนสังเคราะห์ GnRH-analogue เป็นฮอร์โมนที่ยับยั้งการหลั่งของฮอร์โมนโกนาโดโทรปินส์จากต่อมใต้สมอง มีผลทำให้รังไข่ในเด็กหญิงและอัณฑะในเด็กชายสร้างฮอร์โมนเพศลดลง โดยจะให้ในรูปแบบการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ

 

อย่างไรก็ตามการรักษา พัฒนาการไม่สมวัย ด้านร่างกายของเด็กนั้น จะต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ โดยเฉพาะการรักษาด้วยการฉีดฮอร์โมนการเจริญเติบโตจำเป็นต้องมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์เท่านั้น หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับพัฒนาการเด็กด้านร่างกาย หรือการเจริญเติบโตให้ปรึกษากุมารแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมที่สุด

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลนครธน

ฉีด PRP

ฉีด PRP หนทางช่วยปลูกผมได้ดีจริงไหม มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร?

event
ฉีด PRP
ฉีด PRP

สำหรับผู้มีปัญหาผมบาง ผมร่วง ผมขึ้นเป็นหย่อม ที่กำลังหาวิธีช่วยแก้ปัญหาที่น่ากวนใจเหล่านี้ให้หมดไป รู้หรือไม่ว่าการฉีด PRP ที่หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินว่าเป็นการฉีดเกล็ดเลือดหน้าใสช่วยฟื้นฟูผิวหน้า แต่ที่จริงแล้ว PRP ก็เป็นหนึ่งในวิธีการกระตุ้นให้ผมขึ้นที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก 

 

ในปัจจุบันมีผู้รักษาปัญหาผมด้วย PRP เพิ่มขึ้น เพราะการฉีด PRP สามารถทดแทนข้อจำกัดบางประการของการปลูกผมด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น FUE และ FUT ได้ อีกทั้งยังช่วยทำให้ศีรษะมีผมเส้นสวยขึ้นอีกครั้งได้อย่างปลอดภัย ใช้เวลารักษาไม่นาน 

ทำความรู้จักกับการฉีด PRP คืออะไร?

การฉีด PRP (PRP Hair Therapy) คือ การฉีดเกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นสูง (Platelet Rich Plasma) เข้าสู่บริเวณหนังศีรษะที่มีปัญหาเพื่อไปกระตุ้นให้เซลล์รากผมทำงาน โดยเกล็ดเลือดที่นำมาฉีดนั้นจะมาจากการปั่นเลือดของผู้เข้ารับการรักษาเอง ซึ่งจะเห็นได้ว่าหลังฉีด PRP ผมที่บาง ร่วง หรือผมร่วงเป็นหย่อมก็จะมีผมกลับมางอกขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง

ฉีด PRP ปลูกผมมีขั้นตอนอย่างไร

PRP ฉีด

 

PRP มีขั้นตอนฉีดอย่างไร? ในระหว่างฉีด PRP เพื่อรักษาปัญหาผมบาง ผมร่วง จะมีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการดังต่อไปนี้

  1. เจาะเลือดของผู้เข้ารับการรักษาออกมาประมาณ 10-13 มิลลิลิตร
  2. นำเลือดที่เจาะออกมาใส่หลอดที่มีสารต้านการแข็งตัวของเลือด ก่อนนำเข้าเครื่องเหวี่ยงสาร
  3. ฉีดยาชาบริเวณที่ต้องการปลูกผมระหว่างรอเลือดแยกชั้นตัว
  4. เมื่อเลือดแยกตัวเป็นชั้นแล้ว จะแยกส่วนที่เป็นเกล็ดเลือดไว้รอฉีด
  5. เมื่อยาชาออกฤทธิ์แล้ว จะนำเกล็ดเลือดฉีดเข้าไปบริเวณหนังศีรษะที่ต้องการรักษา
  6. หลังฉีด PRP เสร็จแล้ว จะฉายแสงเลเซอร์เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ เพื่อให้ผลลัพธ์จากการฉีด PRP มีประสิทธิภาพสูง ควรเตรียมตัวทั้งก่อนและหลังฉีด PRP ผม ดังนี้

 

การเตรียมตัวก่อนฉีด PRP

  • งดใช้ยาบางชนิด เช่น NSAIDs หรือ Aspirin และงดทานอาหารเสริม วิตามิน อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • งดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์
  • พักผ่อนให้เพียงพอ 
  • ดื่มน้ำให้มาก
  • สระผมในวันที่ฉีด PRP

 

การปฏิบัติตัวหลังฉีด PRP

  • งดสระผม 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีดปลูกผม
  • งดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 วัน
  • งดใช้ยาบางชนิด เช่น NSAIDs หรือ Aspirin อย่างน้อย 3 วัน
  • ใช้ยาสระผมสูตรอ่อนโยน และสระผมเบา ๆ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • นอนหมอนสูง และประคบเย็นหากมีอาการบวมช้ำ

ข้อดีของการฉีด PRP มีอะไรบ้าง?

หลังจากเห็นขั้นตอนการฉีด PRP แล้ว เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงจะสนใจวิธีรักษาปัญหาผมบาง ผมร่วง ผมขึ้นเป็นหย่อมด้วยวิธีนี้มากขึ้น เพราะขั้นตอนการรักษาไม่ได้มีความซับซ้อน อีกทั้งยังมีข้อดีอื่น ๆ ของการฉีด PRP ที่ทำให้มีผู้รักษาด้วยวิธีนี้เพิ่มขึ้น ดังนี้

  • ภายในเกล็ดเลือดมี Growth Factor ซึ่งมีส่วนช่วยชะลอไม่ให้เส้นผมร่วงเร็ว ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผลิตเส้นผม และช่วยให้รากผมแข็งแรง
  • ใช้เวลารักษาไม่นาน ไม่เสียเวลาพักฟื้น เพราะเป็นการฉีดเกล็ดเลือดเข้าไป ไม่ได้ใช้มีดผ่าเปิดแผลระหว่างรักษา 
  • ไม่มีรอยแผลเป็นที่เห็นชัด เพราะใช้เข็มฉีดเกล็ดเลือดขนาดเล็ก
  • มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อยมาก เพราะการฉีด PRP จะนำเลือดของตนเองมาใช้รักษา
  • PRP สามารถฉีดควบคู่กับการรักษาผมอื่น ๆ ได้

ใครบ้างที่เหมาะกับวิธีฉีด PRP เพื่อรักษาปัญหาผม

แม้ว่าการฉีด PRP จะมีข้อดีอยู่มากมายที่เหมาะกับการรักษาปัญหาผม แต่ก็จะมีข้อจำกัดบางประการที่ทำให้ผู้ป่วยบางกลุ่มไม่สามารถปลูกผมด้วยการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นได้ ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกวิธี PRP ปลูกผม สามารถตรวจสอบผู้ที่เหมาะกับการรักษาได้ ดังนี้

  • ผู้ที่มีปัญหาผมบาง ผมร่วง ศีรษะล้านในระดับไม่รุนแรงมากนัก
  • ผู้ที่กลัวการผ่าตัด กลัวใบมีด กลัวอาการเจ็บ
  • ผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้นหรือมีเวลารักษาไม่เยอะมาก
  • ผู้ที่เคยรักษาปัญหาผมบาง, ผมร่วง, ผมขึ้นเป็นหย่อม หรือศีรษะล้านด้วยวิธีอื่น เช่น FUE หรือ FUT แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม การฉีด PRP จะมีข้อเสียบางประการ เช่น ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่มีรากผม มีประวัติเกล็ดเลือดผิดปกติหรือเลือดจาง รวมถึงผู้ที่เป็นโรคมะเร็ง กำลังให้ยาเคมีบำบัดอยู่ คนท้อง หรือให้นมบุตร และอื่น ๆ ดังนั้นก่อนเข้ารับการรักษาจึงควรแจ้งประวัติโรคประจำตัวและยาที่ใช้กับแพทย์อย่างละเอียด เพื่อพิจารณารักษาปัญหาผมบางตามความเหมาะสมต่อไป

แนะนำปลูกผม PRP กับแพทย์จาก Dr.Tarinee Hair Clinic

ฉีด PRP ราคา

แม้ว่าการฉีด PRP จะมีความปลอดภัยต่อร่างกายสูง เพราะเลือดที่นำมาใช้นั้นเป็นเลือดของผู้เข้ารับการรักษาเอง แต่ในระหว่างที่รักษานั้น การนำอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ไม่ผ่านมาตรฐานมาใช้ หรือหากภายในคลินิกไม่สะอาด ก็อาจพบผลข้างเคียงอย่างการติดเชื้อได้ ดังนั้นจึงควรเลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยตลอดการรักษา

 

สำหรับผู้ที่สนใจบริการฉีด PRP ในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ Dr.Tarinee Hair Clinic เป็นหนึ่งในคลินิกที่เราขอแนะนำ เพราะทางคลินิกจะดำเนินการฉีด PRP ให้กับผู้เข้ารับการรักษาปัญหาผมบาง ผมร่วม ผมขึ้นเป็นหย่อม โดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ และใช้เครื่องมือที่มีมาตรฐานเท่านั้น

สรุปการฉีด PRP ช่วยให้เส้นผมกลับมางอกใหม่ได้ปลอดภัย ไม่เห็นรอยแผล

การฉีด PRP เป็นหนึ่งในวิธีรักษาปัญหาผมบาง, ผมร่วง, ผมขึ้นเป็นหย่อม และศีรษะล้าน ที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเปิดแผล และมีปลอดภัยสูงเพราะใช้เกล็ดเลือดของตนเอง หลังฉีด PRP ผมจะงอกขึ้นมาใหม่ได้โดยที่มีรากฐานแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่ายในระยะยาว

Virtual Jungle Thailand ชวนน้องๆ ร่วมภารกิจพิทักษ์สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ผ่านเทคโนโลยี AR และ XR

event

Virtual Jungle Thailand โครงการดิจิทัลล้ำสมัยที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยให้การสนับสนุน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่า และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ในประเทศไทย Virtual Jungle Thailand ได้ผสานโลกจริงกับโลกดิจิทัลเข้าด้วยกันผ่านการใช้เทคโนโลยี Extended Reality (XR) และ Augmented Reality (AR) เพื่อนำเสนอการดำเนินงานของสหรัฐฯ และไทยในฐานะหุ้นส่วนด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่า ในโครงการนี้มีการจัดกิจกรรมเวิร์กช็อปให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยปกป้องสัตว์ป่า ตลอดจนสร้างความตระหนักรู้ว่าทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการพิทักษ์สัตว์ป่าได้ โดยโครงการนี้มีจุดประสงค์ที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับสัตว์ป่า Virtual Jungle Thailand ไม่ใช่แค่แอปพลิเคชัน แต่เป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตที่สดใสของสิ่งมีชีวิตสุดพิเศษเหล่านี้ เรามุ่งมั่นให้ความรู้และสนับสนุนให้ผู้ใช้งานรู้จักสัตว์ป่าผ่านหน้าจอ เพื่อลดจำนวนผู้เข้าชมสวนสัตว์เปิดและสวนเสือที่สัตว์ป่าต่างถูกด้อยค่าเพราะการแสวงหาผลกำไรจากการท่องเที่ยว

Virtual Jungle Thailand เปิดตัวเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ที่ FabCafe Bangkok อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก กรุงเทพมหานคร โดยมีเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค และ คาร์เมน จี. แคนเทอร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการหมู่เกาะและต่างประเทศ เป็นผู้กล่าวเปิดงาน 

นอกจากนี้ยังมี Workshop ENDANGERED SPECIES LAB โดยคุณกัลยา โกวิทวิสิทธิ์ และทีมงาน FabCafe Bangkok ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เทคโนโลยี Extended Reality (XR) และเพื่อให้ทุกคนเข้าใจปัญหา และสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับปัจจัยที่เร่งการสูญพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น การลักลอบค้าสัตว์ป่า ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยภารกิจอนุรักษ์สัตว์ป่า และสัตว์ทะเลใกล้สูญพันธุ์ของประเทศไทยผ่านเทคโนโลยี XR กับหน่วยงานอนุรักษ์สัตว์ป่า นอกจากจะมีการจัด workshop ที่กรุงเทพฯ แล้ว ยังมีการขยายไปให้ความรู้กับน้องๆ ที่สนใจ ถึงภาคใต้ และภาคตะวันตก อีกด้วย

สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ สนับสนุนความพยายามในการหยุดยั้งการลักลอบค้าสัตว์ป่าในไทย
สหรัฐฯ เป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนใกล้ชิดของไทยมาตลอด 2 ศตวรรษในความร่วมมือหลากหลายด้าน รวมถึงการอนุรักษ์สัตว์ป่า หน่วยงานต่าง ๆ เช่น สำนักงานกิจการปลาและสัตว์ป่าของสหรัฐฯ (FWS) ฝ่ายความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและยาเสพติด (INL) และองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) ร่วมมือกับภาคีชาวไทยเพื่อต่อสู้กับการลักลอบค้าสัตว์ป่าในไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ในปี 2567 สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญออนไลน์ “Virtual Jungle Thailand” เพื่อส่งเสริมความพยายามของสหรัฐฯ และไทยในการอนุรักษ์สัตว์ป่าและสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ในประเทศไทย
ความพยายามเหล่านี้ปกป้องสัตว์สายพันธุ์ต่าง ๆ จากการถูกแสวงประโยชน์ สหรัฐฯ มอบเงินสนับสนุนจำนวนมากในการดำเนินงานอนุรักษ์สัตว์ป่าในประเทศไทย โดยมอบเงินกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับการดำเนินงานอนุรักษ์เสือ และตั้งแต่ปี 2549  เป็นต้นมา ได้มอบเงินอีก 1.1 ล้านเหรียญเพื่อสนับสนุนการปกป้องถิ่นที่อยู่ การปราบปรามการลักลอบล่า การติดตามประชากร และการอนุรักษ์สัตว์ที่ถูกล่า นอกจากนี้ เรายังมีส่วนร่วมในการพูดคุยประเด็นกฎหมาย ตลอดจนให้เงินทุนแก่เครือข่ายเฝ้าระวังระดับโลกอย่าง TRAFFIC ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการยุติการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย
สำนักงานกิจการปลาและสัตว์ป่าของสหรัฐฯ ร่วมมือกับองค์กรอนุรักษ์ในประเทศไทยเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์หมีหมา โดยการให้ทุนสนับสนุนการปกป้องถิ่นที่อยู่ โครงการปราบปรามการลักลอบล่าสัตว์ป่า และการให้ความรู้กับชุมชน ความร่วมมือระหว่างสำนักงานกิจการปลาและสัตว์ป่าของสหรัฐฯ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำไปสู่ความสำเร็จในการสกัดกั้นปฏิบัติการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย โดยยึดเกล็ดนิ่มหนัก 1.4 ตันได้ในปี 2566 และล่าสุดในเดือนพฤษภาคม 2567 การปฏิบัติการร่วมของหน่วยงานทั้งสองช่วยลีเมอร์จำนวน 48 ตัวและเต่า 1,076 ตัวในจังหวัดชุมพร และในเดือนมิถุนายน 2567 ช่วยลูกเสือโคร่งได้ 1 ตัวในจังหวัดบึงกาฬ ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศในการอนุรักษ์สัตว์ป่า
สำนักงานกิจการปลาและสัตว์ป่าของสหรัฐฯ ยังทำงานร่วมกับหน่วยงานภาคีในประเทศเจ้าบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในโครงการฝึกอบรมและสร้างศักยภาพให้แก่เจ้าหน้าที่และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สัตว์ป่าและกฎข้อบังคับต่าง ๆ นอกจากนี้ สำนักงานกิจการปลาและสัตว์ป่าของสหรัฐฯ ยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน การสนับสนุนด้านข่าวกรอง การสนับสนุนด้านวิชาการ ความร่วมมือในการดำเนินคดี การสนับสนุนด้านอุปกรณ์และการใช้เทคนิคการสืบสวนจากการฝึกอบรม ซึ่งล้วนจำเป็นต่อการต่อสู้กับการลักลอบค้าสัตว์ป่า
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความพยายามอย่างต่อเนื่องของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในการต่อสู้กับการลักลอบค้าสัตว์ป่า สามารถเข้าไปที่: https://th.usembassy.gov/wildlife

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และวิธีเกี่ยวกับ “VirtualJungleThailand” ไปที่: https://th.usembassy.gov/wildlife/virtualjunglethailand/
ภาพบรรยากาศ เปิดตัว Virtual Jungle Thailand และ Workshop ENDANGERED SPECIES LAB

โรงเรียนนานาชาติสาธิตคริสเตียนนนทบุรี (ICSN) โรงเรียนนานาชาติหลักสูตรอเมริกัน เตรียมนักเรียนให้พร้อมสู่ยุค 5.0

event

โรงเรียนนานาชาติสาธิตคริสเตียนนนทบุรี (ICSN) โรงเรียนนานาชาติหลักสูตรอเมริกัน เตรียมนักเรียนให้พร้อมสู่ยุค 5.0 เน้นทักษะชีวิต ฉลาดคิด สุนทรียศิลป์ และเป็นคนดีมีจริยธรรม

สุภาษิตอังกฤษกล่าวไว้ว่า “You have brains in your head and feet in your shoes. You can steer yourself to any directions you choose” นั้น..ไม่เกินจริง เส้นทางแรกที่คุณพ่อคุณแม่เลือกในตอนต้น..อาจจะไม่ใช่เส้นทางที่ลูกไป  สิ่งที่สำคัญที่ต้องจำขึ้นใจก็คือ การเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับลูก  ครอบครัว และกับอีก 20 – 30 ปีข้างหน้า (อนาคตของลูก) การเลือก “โรงเรียนแรก” จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น

และถ้าหากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาโรงเรียนนานาชาติอยู่ วันนี้ School Visit จะพาไปทัวร์ โรงเรียนนานาชาติสาธิตคริสเตียนนนทบุรี หรือ International Christian School Nonthaburi (ICSN) โรงเรียนนานาชาติหลักสูตรของ ICSN ใช้ American Common Core ( หลักสูตรยอดนิยมอันดับ 1 ใน U.S.A.) ผสมผสาน START-UP Concept และหลักคำสอนของศาสนาคริสต์ จุดประสงค์เพื่อสร้างคนดี ที่เก่ง และมีความสุข

เป็นหลักสูตรอเมริกันที่เน้นการ “เตรียมพร้อม” นักเรียนสำหรับโลกยุค 5G ภาษาเด่น เก่งเหนือ AI คู่ไปกับการหล่อหลอมคุณธรรม จริยธรรม ความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ตามคำสอนในคริสตศาสนา เพราะการสร้างรากฐานที่ดีจะทำให้เด็กๆเติบโตอย่างมั่งคง แข็งแกร่ง ..ถึงไม่ใช่คริสเตียนก็เรียนได้ค่ะ

 

สำหรับเด็กเล็ก ยิ่งเล่นมากยิ่งมีสมาธิในชั้นเรียน

กิจกรรม Hands on ของแท้เลยค่ะ

พี่มัธยมเรียนแบบจับกลุ่ม สนุกกว่านั่งเดี่ยว ๆ เยอะค่ะ

ปล่อยพลังระหว่างวัน

 

INTERACTIVE LEARNING : จับต้องก่อน แล้วจึงต่อยอด

  • Hands-on ทุกคนต้องลงมือทำงานเพื่อสร้างประสบการณ์ ทั้งกิจกรรมเดี่ยว กลุ่ม เป็นการกระตุ้นให้เด็ก ๆ คิด IDEA ใหม่ ๆ ตอบโจทย์ด้านการคิดวิเคราะห์ Collaboration และการสร้าง Connection ให้แก่เด็ก ๆ
  • การแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ การนำเสนอผลงาน กล้าพูดและแสดงออก = การเสริมทักษะด้านภาษา Self – esteem และการรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
  • อุปกรณ์และสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัย + จับต้องได้ = การเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัส เด็ก ๆ จะได้ทั้งความสนุกสนานและสร้างพัฒนาการที่สมวัย ทำให้เข้าใจสิ่งที่เรียนและจดจำได้ง่ายกว่าท่องจำค่ะ

 

KNOWLEDGE MANAGEMENT : บริหารความรู้และข้อมูล

สมัยนี้เราจำเป็นที่จะต้องคุยกับ AI ให้รู้เรื่อง เพราะ BIG DATA จำนวนมหาศาลจุอยู่ใน AI ..การนำไป “ใช้ให้เป็น” จึงสำคัญไม่น้อยเลยนะคะ ดังนั้นที่ ICSN จึงสอนให้บริหารจัดการความรู้และข้อมูลตั้งแต่ชั้นอนุบาลโดยเริ่มจากสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเด็ก หรือในห้องเรียนแบบที่จับต้องได้ก่อน เพื่อให้เห็นภาพ เด็ก ๆ จะ “รวบรวมข้อมูล” ก่อนเป็นอันดับแรกจากนั้น “แยกแยะ” ให้เป็นประเภท และสุดท้ายคัดเลือกสิ่งที่จะใช้ ฝึกกันตั้งแต่เล็ก ๆ เมื่อเติบโตขึ้นเด็ก ๆ จะจัดการกับข้อมูลและความรู้ที่ซับซ้อนมากขึ้น ข่าวสารที่ล้นหลาม ในโลกยุค 5G ได้เป็นอย่างดี

 

START-UP Concept : สร้างคนคุณภาพ

แนวคิดแบบสตาร์ทอัพ คือการเรียนรู้ที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จ  ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และการทดลองสิ่งใหม่ ๆ เท่ากับการสร้าง Innovation นอกจากนี้การทำงานเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ยังทำให้เด็ก ๆ ได้เห็นการทำงานของเพื่อนร่วมทีมว่าทำอะไร อย่างไร ทำให้ได้เรียนรู้ตลอดกระบวนการการทำงานโดยตรง เด็ก ๆ จะได้ทักษะและประสบการณ์หลายด้านมาก ๆ (Multi-skills) นอกจากนี้ นักเรียน ICSN ได้เรียนรู้ Entrepreneurship (เป็นผู้ประกอบการ) ด้วยนะคะ สุดปัง!


 กิจกรรมของเด็ก ๆ

 

Robot ที่นักเรียนล้มลุกคลุกคลานประดิษฐ์ขึ้นมาจนสำเร็จและสนามแข่งภายใน Robot Lab (เปลี่ยนทุกปี ตามทีมที่ฟอร์มขึ้นใหม่)

 

ROBOT PROJECT : มากกว่าผลงานคือการจัดการกับปัญหา

เพราะการสร้างผลงาน Robot ไม่ใช่แค่การประกอบ แต่คือการคิด การวางแผน การลงมือสร้าง และการแก้ปัญหา อย่างเป็นระบบ ที่ ICSN คุณครูจะชี้แนะ แนะนำ หลังจากนั้นเด็ก ๆ จะล้มลุกคลุกคลานทำ Project ด้วยตนเองค่ะ  ปัญหายิ่งมาก ยิ่งดี เพราะกว่าจะสำเร็จนักเรียนจะใช้ความอดทน ความพยายาม เพื่อให้ Project เสร็จลุล่วง เด็ก ๆ จะได้ลงมือทำ Engineering notebook เป็นขั้นตอน สอดคล้องกับ Knowledge Management ที่โรงเรียนเน้นย้ำ สนุกเข้าไปอีก เด็ก ๆ ชอบทุกคนเลยค่ะ

 

PREPARED FOR UNIVERSITY : เข้มข้นแต่ไม่เคร่งเครียด

การเตรียมพร้อมพี่ ๆ ม.ปลายเข้ามหาวิทยาลัย (ทั้งในและนอกประเทศ) จะได้รับการดูแลและแนะนำอย่างเลิศจาก in-house counselor

  • เตรียมเด็ก ๆ สอบ IELTS
  • แนะแนวทาง- มา sit down and talk เพื่อดู requirement ของแต่ละสาขาที่แต่ละคนสนใจซึ่งสนับสนุนให้ยื่นสมัครมหาวิทยาลัยมากกว่า 1 ที่
  • ช่วยทำ portfolio
  • ICSN PET เคล็ดลับ 5 สิ่งที่จะทำให้เด็ก ๆ สอบติดมหาวิทยาลัยที่ต้องการ ( ลับเฉพาะนักเรียน ICSN เท่านั้นนะคะ! )
  • มี IELTS Summer Course และที่นี่เป็นศูนย์สอบ SAT และ IELTS ด้วยค่ะ

เรียนรู้ในแบบที่ใช่กับ Teacher ที่เข้าใจและใส่ใจสุดๆ

  • คุณครูเข้าถึงเด็ก ๆ ด้วยหลัก 3 ประการ ENGAGE , INVOLVE และ CHALLENGE โดยจะไม่มีนักเรียนคนไหนถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
  • เด็ก ๆ จะได้ค้นหาตัวเองด้วยจากทั้ง Enrichment และ Elective Class (วิชาหลัก – วิชาเลือก)
  • ลองให้เป็นประสบการณ์ “อย่างอิสระ” ชอบหรือไม่ ใช่หรือเปล่า โดยคุณครูจะเป็นผู้ประเมินจากองค์ประกอบต่างๆ (การทำ Project การบ้าน และคะแนนสอบ)
  • หลักสูตร AP
  • เพื่อนำทางไปสู่ THE RIGHT PATHWAY PROGRAM ที่ถูกใจและถูกต้องของแต่ละคน

เด็ก ๆ ทุกคนชอบฟังนิทาน

เด็กกับแทรมโบลีนเป็นของคู่กัน

ตั้งแต่ G1 ขึ้นไปอาหารกลางวันเป็นรยายภาพ เดมีที่ได้เข้าร่วม แบบบุฟเฟ่ต์ค่ะ

HAPPY LIFE AT ICSN

ดนตรีศิลปะกีฬา ทั้งในคลาสและหลังเลิกเรียน

  • Senses and skills ต่าง ๆ ด้านสุนทรียศาสตร์ การเคลื่อนไหว เป็นสิ่งที่เติมเต็มความเป็นมนุษย์ ICSN ให้ความสำคัญมากเช่นกัน จึงเกิดเป็นชั้นเรียนวิชา Orchestra , คลาสงานปั้นดินเผา, Jazz Dance/ Hip hop dance/ Ballet
  • และยังมี Sport Center อยู่นอกโรงเรียน (Outdoor และ Indoor) สำหรับ Soccer, Tae Kwon Do เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ระเบิดพลังกันได้อย่างเต็มที่
  • หรือจะ Homework Help พี่สอนน้องช่วยทำการบ้าน , คลาสภาษาจีน

 

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษที่นักเรียนรอคอย ที่ทำให้เด็ก ๆ ถึงขั้นตั้งตารอคอยกันเลยทีเดียว ไม่วาจะเป็น Game Day, Spirit Week, แต่งตัวตามธีม, Panda day (การเก็บสะสมแต้มเพื่อแลกรางวัล) ฯลฯ

มุมต่าง ๆ ในโรงเรียน

 

เทเบิลเทนนิส กีฬายอดฮิตของนักเรียน

 

Mommy’s Love This ! ถูกใจแม่

  1. โรงเรียนสอนทักษะ Knowledge Management เป็นทักษะเพื่ออนาคต รู้ก่อน เป็นก่อน ได้เปรียบกว่า
  2. ICSN ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการพัฒนานักเรียน ที่สำคัญเป็นโรงเรียนที่ความคิดทันสมัยและก็ยังใฝ่รู้ในการพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง ..อยากให้นักเรียนมีความ Creative โรงเรียนก็ต้องแสดงความ Creative ให้เด็ก ๆ เห็นเช่นกันค่ะ
  3. Catering อาหารกลางวันสุดพิเศษจาก Epicure Catering เมนูสดใหม่ หลากหลาย อร่อย เติมได้ไม่อั้น
  4. การเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล จนถึง G12 (ม.6) คือการวิ่งมาราธอน 15 ปี เป็นการวิ่งให้ถึงเป้าหมาย หากเราเร่ง speed ตอนเล็ก จะทำให้เหนื่อยจนเกินไปตอนโต เด็กควรเติบโตตามวัย ตามความพร้อม อย่างมีความสุข เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่แค่ academic แต่คือการเป็นคนดีที่มีคุณภาพ” สิ่งนี้คือสิ่งที่ผู้บริหารโรงเรียนเชื่อมั่น  ได้รับฟังแล้วใจฟูมากๆเลยค่ะ
  5. วิชาจริยธรรมคริสเตียน ที่เน้นเรื่องความรักและความเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ เสริมสร้างคุณธรรม ทำให้นักเรียนทุกเชื้อชาติและศาสนาเป็นนักเรียนที่น่ารัก อยู่ร่วมกันในโรงเรียนอย่างมีความสุข
  6. ช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างบ้านและโรงเรียนแสนสะดวก ชั้นอนุบาล – เกรด 5 สามารถพูดคุยกันผ่าน Class Dojo ระดับ เกรด 6 เป็นต้นไป สามารถพูดคุยผ่าน Google Chat ส่วน Line Official จะแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์เท่านั้น และผู้ปกครองและบุคคลภายนอกที่สนใจสามารถติดตามกิจกรรมและข่าวสารผ่าน Facebook Fanpage ได้เช่นเดียวกัน
  7. กิจกรรมหลังเลิกเรียนสุดว้าว ทั้ง Little Coder , Soccer, Singapore Math, Taekwondo, Brain Memory Gym, Gymnastics, 3D Pen Lab ..กลายเป็นไม่อยากกลับบ้านไปเลย

ห้องเรียนของชั้นอนุบาล – ประถม จะมีขนาดใหญ่มีทั้งมุมเรียนรู้และมุมพักผ่อน

เด็ก ๆ เล่นกลางแจ้งกันบ่อย การรักษาความสะอาดจึงสำคัญสุด ๆ

การเรียนรู้ไม่ได้จำกัดแค่ในห้องเรียน ระหว่างทางเดินก็เช่นกัน

 

อาหารกลางวันคุณภาพแน่นพร้อมเสิร์ฟ

 

ค่าธรรมเนียมการศึกษาและทุนการศึกษา ปีการศึกษา 2567

  • K1-K3 ทุนการศึกษารายปี = 45,000 บาท

ค่าเล่าเรียนต่อปี (2 ภาค) หลังหักทุนการศึกษา = 368,400 บาท

  • G1-G2 ทุนการศึกษารายปี = 40,000 บาท

ค่าเล่าเรียนต่อปี (2 ภาค) หลังหักทุนการศึกษา 408,600 บาท

  • G3-G5 ทุนการศึกษารายปี = 40,000 บาท

ค่าเล่าเรียนต่อปี (2 ภาค) หลังหักทุนการศึกษา 409,800 บาท

  • G6 ทุนการศึกษารายปี = 40,000 บาท

ค่าเล่าเรียนต่อปี (2 ภาค) หลังหักทุนการศึกษา 417,000 บาท

  • G7-G9 ทุนการศึกษารายปี = 40,000 บาท

ค่าเล่าเรียนต่อปี (2 ภาค) หลังหักทุนการศึกษา 438,400 บาท

  • G10-G12 ทุนการศึกษารายปี = 60,000 บาท

ค่าเล่าเรียนต่อปี (2 ภาค) หลังหักทุนการศึกษา 469,200 บาท

 

**รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อสอบถามโรงเรียนโดยตรง

 

ที่อยู่ โรงเรียนนานาชาติสาธิตคริสเตียนนนทบุรี

145/1 ถนนประชาราษฎร์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี 11000

โทร : 02-5251302 097-2761302

Email : [email protected]

เว็บไซต์ : www.icsn.ac.th

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

โรงเรียนนานาชาติ

เลือก โรงเรียนนานาชาติ ที่ไหนดี? ทำไมถึงต้องเข้าโรงเรียนอินเตอร์?

event
โรงเรียนนานาชาติ
โรงเรียนนานาชาติ

การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญและเป็นบันไดขั้นแรก ๆ ของการประสบความสำเร็จในชีวิต ดังนั้นการคัดเลือกโรงเรียกสักแห่งให้ลูกหลานได้เข้าไปศึกษาเล่าเรียนจึงจำเป็นต้องเลือกอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ลูกหลานได้รับการศึกษาที่เหมาะสมและดีที่สุด ซึ่งในปัจจุบันนี้โรงเรียนนานาชาติได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะในยุคสมัยนี้ไม่ว่าจะเป็นการประกอบอาชีพ, ทำธุรกิจประเภทต่าง ๆ หรือการพบปะแวดวงสังคม ล้วนแต่ต้องเจอกับชาวต่างชาติทั้งสิ้นไม่มากก็น้อยนั่นเอง

โรงเรียนนานาชาติ สร้างโอกาสที่จะได้รับอะไรบ้าง?

โอกาสจาก โรงเรียนนานาชาติ

โรงเรียนมีอยู่มากมายหลายประเภท ซึ่งโรงเรียนแต่ละประเภทก็จะมีความแตกต่างกันไปทั้งในด้านหลักสูตรการเรียนการสอน, สภาพแวดล้อมภายในโรงเรียน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษา ถึงแม้ว่าโรงเรียนนานาชาติส่วนใหญ่นั้นจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าโรงเรียนประเภทอื่น ๆ แต่ก็มีจุดเด่นและสิ่งที่ผู้เรียนจะได้รับอยู่ไม่น้อยที่ทำให้ผู้ปกครองหลาย ๆ คนตัดสินใจส่งลูกหลานเข้าไปศึกษาเล่าเรียนในโรงเรียนอินเตอร์ โดยโอกาสหรือสิ่งต่าง ๆ ที่จะได้รับจากการเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติ มีดังต่อไปนี้

สภาพแวดล้อมดีเยี่ยมเหมาะแก่การเรียน

ราคาค่าใช้จ่ายสำหรับการเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติไม่ได้เกี่ยวข้องกับหลักสูตรและครูผู้สอนเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ภายในโรงเรียนด้วยเช่นกัน ซึ่งโรงเรียนนานาชาติมักมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนทั้งภายในโรงเรียนและภายในห้องเรียน เช่น การมีเครื่องปรับอากาศภายในห้องเรียน, มีพื้นที่สำหรับสันทนาการที่เหมาะสม หรือมีสนามที่ร่มรื่น เป็นต้น

ใช้ภาษาอังกฤษ (และอื่น ๆ) ในการเรียนและสื่อสาร

ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างครูผู้สอนและผู้เรียน รวมไปถึงภาษาที่ใช้ในการเรียนการสอนของโรงเรียนนานาชาตินั้นจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก หรือในโรงเรียนนานาชาติบางแห่งก็อาจเลือกใช้ภาษาอื่น ๆ ตามแต่ที่โรงเรียนนานาชาติแห่งนั้นได้กำหนดเอาไว้ ซึ่งการใช้ภาษาต่างประเทศเป็นหลักจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ภาษาได้เร็วและคุ้นชินกับการใช้ภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารในอนาคตมากยิ่งขึ้น

หลักสูตรเป็นสากลและได้การยอมรับจากนานาชาติ

หลักสูตรการเรียนการสอนที่โรงเรียนนานาชาติเลือกใช้นั้นจะเป็นหลักสูตรสากล ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรอเมริกัน, หลักสูตรสหราชอาณาจักร หรือระบบนานาชาติ โดยหลักสูตรที่แยกย่อยออกมานี้จะแตกต่างกันที่รูปแบบการเรียนการสอน เช่น เน้นเรียนมากกว่าการทำกิจกรรม หรือเน้นสร้างความรู้ผ่านการทำกิจกรรม เป็นต้น

ให้มากกว่าการเรียนเชิงวิชาการ

การเลือกเข้าเรียนที่โรงเรียนนานาชาติจะทำให้ผู้เรียนได้รับมากกว่าความรู้ตามหลักสูตร เนื่องจากโรงเรียนนานาชาติมักมีกิจกรรมนอกหลักสูตรหลากหลายรูปแบบให้ผู้เรียนได้เลือกทำตามความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ, กีฬา หรือการเล่นดนตรี โดยกิจกรรมนอกหลักสูตรเหล่านี้จะช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ตามความสนใจของตัวเอง ทั้งยังช่วยเพิ่มทักษะความเป็นผู้นำและการทำงานร่วมกันกับผู้อื่นอีกด้วย

เทคโนโลยีทันสมัยส่งเสริมการเรียนรู้ที่มากขึ้น

เทคโนโลยีหรือสื่อการเรียนการสอนภายในโรงเรียนนานาชาตินั้นจะมีความทันสมัยและเท่าทันโลกในปัจจุบันอยู่เสมอ ซึ่งการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาเป็นสื่อประกอบการเรียนการสอนจะทำให้ผู้เรียนมีประสบการณ์การเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น

คอนเนคชั่นกว้างขวาง

ผู้เรียนภายในโรงเรียนนานาชาตินั้นค่อนข้างมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นด้านเชื้อชาติ, วัฒนธรรม รวมไปถึงแหล่งที่มาด้วยความหลากหลายเหล่านี้เองจึงทำให้ผู้เรียนมีโอกาสสร้างคอนเนคชั่นได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งการมีคอนเนคชั่นกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลกจะช่วยในด้านการหางานหรือการขอคำแนะนำ

โรงเรียนนานาชาติควรเลือกยังไงให้เหมาะกับผู้เรียน

การจะคัดเลือกรร.นานาชาติสักแห่งไว้ให้ลูกหลานได้เข้าเรียนนั้น ผู้ปกครองจำเป็นต้องพิจารณาด้านต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วน เพื่อให้ได้เจอกับโรงเรียนนานาชาติที่เหมาะสมกับผู้เรียนมากที่สุด โดยหลักการคัดเลือกโรงเรียนนานาชาติให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการมีดังต่อไปนี้

 

หลักสูตรการศึกษาและรูปแบบการสอน

สิ่งที่สำคัญมากที่สุดสำหรับการคัดเลือกโรงเรียนนานาชาติก็คือการพิจารณาหลักสูตรและรูปแบบการสอนที่ทางโรงเรียนนานาชาติแต่ละแห่งได้กำหนดเอาไว้ โดยหลักสูตรการเรียนของโรงเรียนนานาชาติจะมีอยู่ด้วยกันหลัก ๆ คือ โรงเรียนนานาชาติหลักสูตรอเมริกัน, โรงเรียนนานาชาติหลักสูตรสหราชอาณาจักร และระบบนานาชาติ เป็นต้น

ประสิทธิภาพของครูผู้สอน

คุณภาพการสอนของคุณครูในโรงเรียนนานาชาติเองก็คือสิ่งที่ต้องพิจารณาร่วมด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากภาษาที่ใช้ในการเรียนและการสื่อสารของโรงเรียนนานาชาติมักจะเป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้นถ้าหากคุณครูผู้สอนภายในโรงเรียนนานาชาติแห่งใดว่าจ้างผู้ที่เป็นเจ้าของภาษา คุณก็สามารถมั่นใจได้ว่าผู้เรียนจะมีการออกเสียงหรือใช้ภาษาต่างประเทศได้อย่างถูกต้อง

ความสะดวกในการเดินทาง

การเลือกเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากบ้านไม่เพียงแค่ทำให้เสียเวลามากเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้เรียนเกิดอาการอ่อนเพลียจากการเดินทางด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงควรเลือกเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่นัก เพื่อให้ผู้เรียนมีช่วงเวลาพักผ่อนยาวนานยาวยิ่งขึ้น รวมถึงมีสภาพร่างกายที่พร้อมสำหรับการเรียนรู้

สภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนและห้องเรียน

สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ภายในโรงเรียนเองก็สัมพันธ์กับประสิทธิภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงควรเลือกโรงเรียนนานาชาติที่มีสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนเหมาะสมกับผู้เรียนมากที่สุด

 

เลือกโรงเรียนนานาชาติที่ไหนดี?

 โรงเรียนนานาชาติ ที่ไหนดี

ในปัจจุบันนี้มมีโรงเรียนนานาชาติก่อตั้งขึ้นมากมายจนทำให้ใครหลายคนสับสนและไม่รู้ว่าควรเลือกโรงเรียนนานาชาติที่ไหนดี ดังนั้นถ้าหากใครที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ เราขอแนะนำโรงเรียนนานาชาติรีเจ้นท์กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติที่ใช้หลักสูตรสหราชอาณาจักร ที่สำคัญโรงเรียนนานาชาติรีเจ้นท์ยังเป็นโรงเรียนนานาชาติแห่งเดียวในระดับภูมิภาคที่อยู่ภายใต้เครือข่ายองค์กรระดับโลกอย่าง Round Square อีกด้วย

 

โรงเรียนนานาชาติ การศึกษาที่ได้การยอมรับระดับสากล

โรงเรียนนานาชาติหรือโรงเรียนอินเตอร์นับเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งของสถานศึกษาที่ผู้คนในปัจจุบันนี้ให้ความสนใจกันไม่น้อย เพราะนอกจากทำให้ผู้เรียนได้พบเจอเพื่อนต่างเชื้อชาติหลากหลายวัฒนธรรมแล้ว หลักสูตรการศึกษาที่รร.นานาชาติหรือรร.อินเตอร์เลือกใช้ยังเป็นหลักสูตรสากลที่มีการยอมรับระดับโลกอีกด้วย ซึ่งสิ่งนี้เปรียบเสมือนศรนำทางที่จะนำพาโอกาสประสบความสำเร็จในต่างประเทศมาให้แก่ผู้เรียนนั่นเอง

 

หากว่าใครที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเรียนต่อที่ต่างประเทศ หรือใครที่กำลังมองหาโรงเรียนนานาชาติให้กับลูกหลาน เราขอแนะนำโรงเรียนนานาชาติรีเจ้นท์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นโรงเรียนนานาชาติที่ไม่ได้เป็นเพียงสถานศึกษาที่ให้ความรู้ทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยกิจกรรมนอกหลักสูตรที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้ค้นพบตนเองและพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ โดยมีลานกว้างอเนกประสงค์และสิ่งอำนวยความสะดวกสุดทันสมัยมากมายไว้คอยรับรองการทำกิจกรรมหรือการพักผ่อน

 

Little CAS Art Space พื้นที่แห่งการเรียนรู้ ด้านศิลปะ เพื่อค้นหาตัวเองและสร้างแรงบันดาลใจสำหรับเด็ก

event

เด็ก ๆ โตขึ้นอยากเป็นอะไรคะ สมัยเด็ก ๆ เราคงเคยได้ยินคำถามนี้กันบ่อย ๆ แต่กว่าที่เด็กคนหนึ่งจะโตขึ้นและรู้ว่าตัวเองสนใจและอยากทำอาชีพอะไร ก็อาจจะใช้เวลาค้นหากันเนิ่นนาน  ถ้าเด็ก ๆ ได้มีโอกาสทดลองเรียนรู้อาชีพต่าง ๆ ตั้งแต่เล็ก ๆ ก็น่าจะช่วยเพิ่มประสบการณ์ชีวิตให้มากขึ้น และช่วยให้เด็กค้นหาตัวตนและมุ่งสู่เป้าหมายของตนเองได้ง่ายขึ้น วันนี้ทีมงาน School Visit จึงอยากจะพาทุกคนมาพูดคุยและเยี่ยมชมโรงเรียนเล็ก ๆ อย่าง Little CAS Art Space : Learning Space for Kids พื้นที่แห่งการเรียนรู้ทางด้านศิลปะ ในรูปแบบอาชีพต่าง ๆ ที่จะช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และทักษะต่าง ๆ ให้กับเด็ก ๆ

Little CAS Art Space เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้สำหรับเด็กทางด้านการออกแบบ ศิลปะ และการค้นหาตัวเองที่เปิดสอนมากว่า 3 ปีแล้ว ทีมงานและครูผู้สอนของ Little CAS Art Space เรียนจบด้านศิลปะโดยตรง และมีแนวคิดอยากจะนำอาชีพต่าง ๆ ทางด้านศิลปะ มาแบ่งปันประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจให้กับน้อง ๆ จากจุดเริ่มต้นในการสอนคลาสผู้ใหญ่ที่ The CAS Art Space และการทำค่ายแนะแนวอาชีพสำหรับน้องมัธยมปลาย ถูกต่อยอดเป็นคลาสเรียนศิลปะสำหรับเด็ก ๆ เพราะปัจจุบันวัยนี้เป็นวัยที่กำลังอยากรู้ อยากเห็นและอยากทดลองอะไรใหม่ ๆ เป็นโอกาสที่ดีที่น้อง ๆ จะได้เรียนรู้ว่าตนเองชอบไม่ชอบอะไรกันตั้งแต่เล็ก ๆ โดยเริ่มจากทดลองทำคลาสแฟชั่นสำหรับเด็ก ๆ ซึ่งได้ผลตอบรับดีมาก จนทำให้ปัจจุบัน Little CAS Art Space มีคลาสสำหรับเด็ก ๆ มากมาย ทั้งออกแบบแฟชั่น ออกแบบภายใน และออกแบบเครื่องประดับ เป็นต้น

คุณครูคอยดูแลใส่ใจทุกขั้นตอน

 

Junior Fashion Designer

ที่นี่จะสอนกันตั้งแต่ขั้นพื้นฐานหรือเบสิค ทั้งการคิดแบบ ฝึกให้เด็ก ๆ ได้ออกความคิดเห็นและใช้จินตนาการเช่น วันนี้เราจะทำชุดไปเที่ยวที่ไหนกันดี หรือธีมเจ้าหญิงต่าง ๆ เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้การวางแพทเทิร์นในกระดาษแบบง่าย ๆ ได้ทำความรู้จักและสัมผัสวัสดุ เรียนรู้ว่าแฟชั่นคืออะไร เริ่มต้นอย่างไรและพัฒนาการของแฟชั่นเป็นอย่างไร และสุดท้ายมาลองทำชุดจริง ๆ ด้วยกัน เด็ก ๆ จะได้ลงมือทำทุกขั้นตอนทั้งการหัดเย็บกระดุม หรือหัดใช้จักรเย็บผ้า  เมื่อผลงานเสร็จแล้ว เด็ก ๆ จะได้เดินแบบโชว์ผลงาน ชุดแฟชั่นฝีมือตนเอง โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถเข้าร่วมชมได้อีกด้วย

           คลาส  Junior Fashion Designer

 

Junior Interior Designer

มาทำความรู้จักกับสายอาชีพอินทีเรีย หรือการออกแบบภายในขั้นต้น  ได้สนุกกับการวางผังห้องต่าง ๆ

เช่น พิพิธภัณฑ์จำลอง บ้านพักอาศัย หรือห้องในฝันของน้อง ๆ  ได้หัดคิด หัดออกแบบ และลงมือทำผลงานด้วยตัวเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคิดคอนเซปต์ การ ทำ Mood Board คอลลาจรูปภาพ ทำโมเดล ทั้งยังได้ลองวัดพื้นที่จริง ๆ  และพรีเซ้นท์ผลงานอีกด้วย ช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ความกล้าแสดงออก รวมถึงการสื่อสารและการอยู่ร่วมกับผู้อื่น เรียกได้ว่าได้ความรู้และทักษะครบถ้วน

 

คลาส Junior Interior Designer

บรรยากาศห้องเรียน สบาย ๆ เป็นกันเอง

 

นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังมีคลาสศิลปะอีกมากมาย เช่น  คลาส Jewelry มาออกแบบและทำเครื่องประดับสวย ๆ กัน , คลาส Junior Business Owner , คลาส Young Painting Artist , คลาส Procreate Art on I-PAD Age   CRAFT DREAMCATCHER-3D, CLAY ART,  POMPOM DOLL คลาสวาดรูป ทำตุ๊กตาหรืองานปั้นต่าง ๆ และยังมีคลาสไพรเวท สำหรับกลุ่มเด็ก และ Art Camp สำหรับ โรงเรียนต่าง ๆ อีกด้วย ใครสนใจก็สามารถสอบถามรายละเอียดคลาสต่าง ๆ ได้จาก Facebook : Little CAS Art Space รับรองว่าสนุกและได้ความรู้แน่นอน

 

รายละเอียดคลาส

  • Junior Fashion Designer อายุ 6-10/10-15 ปี

เรียนตั้งแต่ 10.00 -15.00 น. ราคา 3,800 บาท

  • Junior Interior Designer อายุ 6-10/10-15 ปี

เรียนตั้งแต่ 10.00 -15.00 น. ราคา 3,800 บาท

 

คลาสอื่น ๆ สอบถามรายละเอียดได้ที่

Facebook : Little CAS Art Space

IG : Littlecas.artspace

Line : @thecasartspace

โทร.097-049-1937

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  ฤทธิรงค์ จันทองสุข

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เปิดตัวการ์ตูน แอนิเมชัน แฟนตาซี ส่งเสริมคุณธรรมเรื่อง “คาร์นิมอลเวิลด์ 4 ล้อไล่ล่าทะลุฝัน”

event

10 กรกฎาคม 2567 กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (Thai Media Fund) เปิดตัวการ์ตูน แอนิเมชัน แฟนตาซีส่งเสริมคุณธรรมขั้นพื้นฐาน สำหรับเด็กและเยาวชนเรื่อง “คาร์นิมอลเวิลด์ 4 ล้อ ไล่ล่าทะลุฝัน” (KARniMAl World 4 ล้อไล่ล่าทะลุฝัน)

ณ ห้องประชุมอเนกประสงค์ ชั้น1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร บริษัท อีโนว่า จำกัด ได้รับทุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ประจำปี 2566 ประเภทเปิดรับทั่วไป กลุ่มเด็กและเยาวชน โดยได้ผลิตการ์ตูนแอนิเมชันคาร์นิมอลเวิลด์ 4 ล้อไล่ล่าทะลุฝัน ทั้งสิ้น 26 ตอน ตอนละ 10 นาที  โดยมีเรื่องราวที่สร้างขึ้นตามหัวข้อหลักธรรม พละ 5  กรรมและผลของกรรม  มงคล 38 ประการ อิทธิบาท 4 พรหมวิหาร 4 กัลยาณมิตร และ โยนิโสมนสิการ เป็นต้น

“คาร์นิมอลเวิลด์ 4 ล้อ ไล่ล่าทะลุฝัน”  มีตัวเอกของการ์ตูนฯ ชื่อว่า “วี”  เป็นคำย่อมาจากคำว่า วิริยะ คือความเพียร มุ่งมั่น ใจสู้ สู้ไม่ถอย จนกว่าจะประสบความสำเร็จ หรือในภาษาอังกฤษคือ Victory (V) เป็นคำเดียวกัน เมื่อมีพลังและความคิดที่ถูกต้อง ก็จะส่งผลให้การกระทำถูกต้อง หรือเรียกว่าทำกรรม แบบการคิดดี ทำดี โดยทางพุทธศาสนากล่าวไว้ว่า ทำกรรม กรรมเป็นเจตนา เจตนาที่เกิดจากพลังที่ดี พลังที่สร้างสรรค์ พลังที่มีคุณธรรม ก็จะทำให้เกิดการกระทำในสิ่งที่ดี  ตัวการ์ตูน “วี” เป็นต้นแบบของผู้ที่มีความเพียร ที่ฝ่าฟันอุปสรรค และมีความฝันที่อยากเป็นนักแข่งความเร็วเหมือนกับพี่ชายของเขา นอกจากนั้นยังมีตัวละครอื่นๆ อาทิ “ชีส” หนูน้อยอัจฉริยะผู้ชื่นชอบสิ่งประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ “ลุงเคน” เจ้าของอู่ซ่อมรถ “คอปเตอร์” ลิงน้อยผู้เชื่อมั่นในการทำความดี “แคท”แมวน้อยผู้เฉลียวฉลาดและรอบรู้ในทุกๆเรื่อง “บิงซู” มิสเตอร์เพอร์เฟ็คดัค (Mr. Perfect Duck) และตัวละครที่สำคัญอีกหนึ่งตัวคือ “แองกรีซ” นกน้อยขี้โมโหซึ่งเป็นนักแข่งแนวหน้าของการแข่งขัน

โดยในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2567 ที่ผ่านมานี้ ทางโครงการฯ ได้จัดกิจกรรมนำร่อง School Visit เพื่อประชาสัมพันธ์การ์ตูนให้กับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา โดยจัดกิจกรรมตามโรงเรียนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 10 โรงเรียน และมีผลตอบรับในทางที่ดีจากเด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา โดยส่วนใหญ่ชอบเนื้อหาการ์ตูนและชอบคาแรกเตอร์ของการ์ตูนที่ได้รับชม ทำให้เด็กๆสามารถระบุถึงคุณธรรมพื้นฐานที่ได้รับชมไป อาทิ การมีน้ำใจ มิตรภาพที่ดี ความพยายาม ความมุ่งมั่นตั้งใจ ผ่านทางพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในการ์ตูนและมีความคิดที่จะนำมาเป็นแบบอย่างในการพัฒนาตนเอง

ในช่วงท้ายได้รับเกียรติจากคุณครูตัวแทนที่เข้าร่วมกิจกรรมจาก 3 ใน 10 โรงเรียน นำร่องเข้าร่วมงาน เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวและเหตุการณ์ในวันที่ผู้จัดงานได้ไปทำกิจกรรมที่โรงเรียนของพวกเขา และโชว์การแสดงสุดพิเศษ ได้แก่ ร้องเพลงประกอบการ์ตูนแอนิเมชัน และ เปิดตัวมาสคอท “วี”

ร่วมติดตามวีและผองเพื่อนพร้อมหัวข้อคุณธรรมที่มีอยู่ในเนื้อหาการ์ตูนแอนิเมชัน “คาร์นิมอลเวิลด์ 4 ล้อไล่ล่าทะลุฝัน” (KARniMAl World 4 ล้อไล่ล่าทะลุฝัน) ที่เด็กๆ จะได้เรียนรู้ผ่านสื่อด้วยความบันเทิง เพื่อให้เกิดประโยชน์และสร้างเสริมให้เกิดสังคมที่ดีผ่านช่องทาง

YouTube:  Karnimal World 4 ล้อไล่ล่าทะลุฝัน
Facebook:      Karnimal World 4 ล้อไล่ล่าทะลุฝัน

 

โรงเรียนนานาชาตินีวาอเมริกัน โรงเรียนอินเตอร์เก่าแก่ พื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่อิสระและปลอดภัย

event

NIVA American International School โรงเรียนนานาชาตินีวาอเมริกัน โรงเรียนอินเตอร์เก่าแก่ พื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่อิสระและปลอดภัย บูรณาการรอบด้าน ให้เด็กๆเติบโตอย่างมีคุณภาพทั้งกายและใจ

หากจะกล่าวถึงโรงเรียนนานาชาติเก่าแก่ในกรุงเทพมหานคร  1ใน 7 แห่งนั้นต้องมี NIVA American International School  โรงเรียนนานาชาติหลักสูตรอเมริกันชื่อดังย่านลาดพร้าว – นวมินทร์ แม้จะก่อตั้งมากว่า 30 ปีแล้ว แต่ด้านวิชาการยังคงเข้มข้น ทันสมัย ทักษะชีวิตของนักเรียนก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จน ทีมแม่ ABK และ ทีมงาน School Visit ต้องแอบลัดเลาะรอบรั้วมาดูกันเลยทีเดียว

กิจกรรม Hands-on ในชีวิตประจำวันทุกอย่างคือการเรียนรู้

สนามกีฬาต่าง ๆ ในโรงเรียน

NIVA American International School ปัจจุบันเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาลจนถึงมัธยม  แต่ละห้องเรียนจะมีนักเรียนเพียง 15 ถึง 26 คน โดยที่อัตราส่วนนักเรียนต่อครูจะอยู่ระหว่าง 13:1 ถึง 20:1 ทำให้เด็ก ๆ ได้รับการดูแลที่ทั่วถึง โดยมี คุณครู คอยดูแลเอาใจใส่อย่างอบอุ่นเสมือนครอบครัว  เราจะเป็นแรงบันดาลใจให้นักเรียนทุกคนตั้งเป้าหมายให้สูงและใช้ชีวิตที่ประสบความสําเร็จตามนิยามความสำเร็จของตน

Holistic Education : เรียนรู้เพื่อพัฒนาการรอบด้าน

ในส่วนของหลักสูตรนั้น NIVA ยึดตาม American Common Core ซึ่งเป็นหลักสูตรยอดนิยมอันดับ 1 ใน U.S.A.

  • เน้น “การลงมือทำ” ทั้งกิจกรรมเดี่ยว , กลุ่ม , ทำโครงงาน หรือการนำเสนอผลงาน ที่รู้จักกันในนาม Project-Based Learning นั่นเอง
  • หลักสูตรจะมีเนื้อหาที่ยืดหยุ่นและกว้าง ไม่ได้เน้นแค่วิชาหลัก เช่น Mathematic, Science หรือภาษา แต่ให้ความสำคัญกับวิชารอง เช่น สังคมศาสตร์ ศิลปะ และวิชาเลือกที่หลากหลายมากมายด้วยเช่นกัน
  • เป็นหลักสูตรที่ไม่ทอดทิ้งศาสตร์ไหนไว้เบื้องหลังเลยค่ะ แถมยังส่งเสริมความชอบและความถนัดส่วนบุคคลของเด็ก ๆ ได้ตรงจุด ชัดเจน ถูกใจผู้เรียนแน่นอน

 บรรยากาศห้องเรียนต่าง ๆ

Kindergarten : นักสำรวจที่ NIVA

วัยอนุบาล คือ วัยแห่งการสำรวจ ทดลอง และค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ดังนั้นการกระตุ้นให้เด็ก ๆ อยากเรียนรู้ให้เหมาะสมตามวัยจะสร้างพัฒนาการได้อย่างก้าวกระโดดเลยค่ะ เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ในรูปแบบ Theme-based ที่เชื่อมโยงวิชาและหัวข้อต่าง ๆ ผ่านธีมหรือแนวคิดเดียวกัน สนุกสนานตื่นเต้นไปกับกิจกรรม Hands-on activity และกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการพัฒนารอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น คุณธรรม จริยธรรม ทักษะ(ความสามารถ หรือ สมรรถนะ) รู้จักเล่น รู้จักแบ่งปัน ที่สำคัญคือ School Safety คุณครู สถานที่ และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ในโรงเรียน “ปลอดภัย” เพื่อให้เด็ก ๆ ไว้วางใจและกล้าที่จะเรียนรู้ไปในโลกกว้างค่ะ

Elementary : วัยแห่งความตื่นเต้นที่ NIVA

เด็ก ๆ ในวัยนี้จะเริ่มเรียนรู้โลกกว้างมากขึ้น ชอบความตื่นเต้นในสิ่งแปลกใหม่ จะหันเหไปสู่การเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากสิ่งแวดล้อมนอกบ้าน เช่น เรียนรู้เกี่ยวกับเพื่อน ครู การเรียน การเล่นกับเพื่อน เด็ก ๆ จะใฝ่เรียนรู้และพยายามทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้เห็นว่า “I can do it” และอยากให้ผู้อื่นยอมรับในความสามารถของตนเอง และสร้างประสบการณ์เรียนรู้ด้วยกิจกรรมต่าง ๆ  หรือที่เรียกว่า Discovery-based learning  เพื่อสร้าง + กระตุ้น + เติมเต็ม ความคิดสร้างสรรค์ การคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ การแก้ปัญหา คุณครูจะคอยบ่มเพาะให้เด็ก ๆ มีความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าคิด กล้าพูด กล้าแสดงออก โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักตามแบบฉบับโรงเรียนนานาชาติ นอกจากนี้ยังมีคาบเรียนภาษาไทย และภาษาจีน 3-4 คลาสต่อสัปดาห์อีกด้วย

ชั้นอนุบาลมีรูปแบบการเรียนที่หลากหลาย

ชั้นเรียนภาษาจีนของประถมศึกษา

ช่วงพักเบรค ออกมายืดเส้นยืดสายกันเถอะ

Middle School : วัยรุ่นเต็มตัวที่ NIVA

วัยนี้มักเป็นวัยที่มีคำถามเกี่ยวกับตัวเขาเองมากมาย ร่างกายและสภาพอารมณ์มีความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โกรธ – รัก – กลัว ยังคงเป็นพื้นฐานทางอารมณ์ของจิตใจวัยรุ่น ดังนั้นที่ NIVA จึงให้ความสำคัญกับการปลูกฝังความมีวินัย การทำงานร่วมกัน การสร้างภาวะผู้นำ โดยดูแลทั้งร่างกายและจิตใจ  เพื่อให้พร้อมกับความท้าทายในช่วง High school และอนาคตต่อไป

การเรียนจะเป็นแบบ Skill-based learning, hands -on and project based approach เน้นทักษะภาคปฎิบัติที่จำเป็นในชีวิตจริง การเรียนจะมีทั้งแบบรวมกลุ่มเพื่อทำงาน และแบบเดี่ยว ส่งเสริมให้เด็ก ๆ แสดงความเป็นตัวตน กล้าคิด กล้าพูด กล้าแสดงออก อย่างมีกาละเทศะ  นอกจากนี้ยังมี Personalized Learning ใน Extra-curricular Activities หรือวิชาเลือก เช่น กีฬาประเภทต่างๆ ศิลปะ , Codementum , Film Studies ,Theatre, ภาษา ,Geometry & Statistics , Life skills & values เป็นต้น จากกว่า 25 วิชาที่เปิดให้ลงทะเบียนค่ะ

High School : วัยพี่ใหญ่ที่ NIVA

เป็นวัยแห่งการวางเป้าหมายและการเตรียมตัวตาม Pathway ที่เลือกจากทั้งหมด 4 เส้นทางได้แก่ Medical , Business , Communication , Engineering & General

  • การเลือกแผนการเรียนที่ NIVA จะเริ่มตั้งแต่เกรด 8 เลยค่ะ ใน Pathway Meeting อันเป็นการประชุมกันระหว่าง ผู้ปกครอง + นักเรียน + Counselor โดยจะอ้างอิงจาก พอร์ท, เกรด ,ความต้องการ และ Requirement ของมหาวิทยาลัย เพื่อแนะนำว่าเด็ก ๆ ควรเรียนอะไร และจะสนับสนุนให้เด็ก ๆ เลือก Pathway ที่ใช่ จริง ๆ
  • ในด้านการเรียนเป็นรูปแบบ Mastery-based learning ลงลึก เข้มข้น เข้าไปถึงแก่น – เน้นความเข้าใจกระจ่างแจ้งที่ไม่ใช่จากการท่องจำ!
  • Personalized and flexible แม้จะเป็นการเตรียมพร้อมที่เข้มข้นแต่ก็เป็นไป ”ตามจังหวะ“ ของเด็ก ๆ แต่ละคน ไม่เปรียบเทียบระหว่างใครกับใคร เพราะทุกคนมีทางเดินของตัวเองค่ะ
  • มี AP subjects และ วิชาเลือกที่มากมาย เฉพาะทางมากกว่าเก่าและตอบโจทย์กับคุณลักษณะที่จำเป็นต่อมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 ทั้งนั้นเลยค่ะ

ชั้นมัธยมจะเน้นการทำงานเป็นกลุ่ม (Collaboration)

รายวิชา STEM เป็นหนึ่งในจุดเด่นของโรงเรียนที่นักเรียนกวาดรางวัลมาแล้วทุกๆปี

STEM : หนึ่งในจุดแข็งของ NIVA

STEM คือการเติมเต็มจินตนาการ และ Learning by mistakes เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้จากความผิดพลาด ความล้มเหลว ความผิดหวัง อันจะเป็นการสร้างความมุมานะ ความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ผ่านประสบการณ์ ( แบบนี้จัดว่าได้ผล 2 เด้งไปเลยค่ะ )

โดยเริ่มเรียน STEM กันตั้งแต่ G.3 กันเลยทีเดียว โดยจะเรียกว่า Mini Stem Project

เน้นการทำงานร่วมกัน (Collaborative Work) เพราะ 1 กลุ่มมี 4 คน มีหน้ารับผิดชอบแตกต่างกันไป ได้แก่

  • Student 1 : Science (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ)
  • Student 2 : Technology (IT)
  • Student 3 : Engineering (งานสร้าง)
  • Student 4 : Math (shape, การคำนวณ)

โรงเรียนจะเก็บผลงาน โครงงานของเด็ก ๆ ไว้ เพื่อเป็นต้นแบบให้น้อง ๆ รุ่นถัดไป  โดยนำมาสร้างและปรับปรุงใหม่ และยังมีสัปดาห์ STEM EXPO จัดแสดงผลงานของทุกชั้นปี ( ตั้งแต่ G.3 ) ด้วยค่ะ เด็ก ๆ ภูมิใจที่สุด

และยังมีกิจกรรม STEM field trip  เช่น พาไปเยี่ยมชมโรงงานอลูมินั่มที่ผลิตชิ้นส่วนของหุ่นยนต์  เพื่อให้เด็กได้ลงพื้นที่จริงและเห็นการทำงานทั้งระบบ

ห้องสมุด ของโรงเรียน

มุมต่าง ๆ ภายในโรงเรียน

Character Building

  • Life skills + Soft skills จะปลูกฝังตั้งแต่ยังเล็กในชีวิตประจำวันของเด็ก ๆ เช่น เราจะเข้าหาเพื่อนๆอย่างไรนะ? เราจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดีนะ?
  • Reteach Routine คุณลักษณะและพฤติกรรมที่เหมาะสมจะต้องได้รับการสอนทุกวัน แทรกซึมเข้าไปทุกวัน จนกลายเป็นนิสัย ผ่านแบบอย่างที่ดี (ใช้เวลานะคะ แต่ผลลัพธ์คุ้มค่าที่สุด)
  • ส่งผลให้เด็ก ๆ ที่ NIVA เป็นเด็กที่ใจดี มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือ เห็นได้ชัดเจนเวลาจัดกิจกรรม Fun Fair และอื่น ๆ เพราะเด็กจะช่วยเหลือกันและช่วยแก้ปัญหากัน
  • NIVA เน้นย้ำ เรื่อง Understanding Emotions – การอนุญาตและยอมรับอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็น สุข เศร้า โกรธ เสียใจ ใดๆก็ตาม NIVA สอนให้เด็กๆรู้จักการรับมือกับอารมณ์ต่างๆของตนเอง ต้องสื่อสาร และคุณครูจะต้องปฏิบัติต่อนักเรียนอย่าง healthy เพราะเรื่องจิตใจและอารมณ์เป็นหนึ่งใน School Safety ที่โรงเรียนให้ความสำคัญมากเช่นกันค่ะ

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

  1. กิจกรรมแน่น ทำให้เด็กๆอยากมาโรงเรียนทุกวัน ( จนไม่อยากกลับบ้าน )
  • กีฬา : หลายประเภทมากๆ มีทั้งแข่งกันภายในและภายนอกโรงเรียน สร้างประสบการณ์ชีวิตได้เป็นอย่างดี
  • Club : ต่าง ๆ ที่คุณครูตั้ง นักเรียนตั้ง หรือที่ผู้ปกครองแนะนำ
  • Field trip : G.6-G.12 เดินทางด้วยกัน หรือที่เรียก Bonding Camp (7 คืน) สร้างความสัมพันธ์และเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เรียนรู้การใช้ชีวิต – เรียนผ่านกิจกรรมสุดมันส์ เนื้อหาสอดคล้องกับสิ่งที่กำลังเรียน
  1. STEM ที่เป็นจุดแข็งของโรงเรียน

ในส่วนของ Coding – เด็ก ๆ เรียน Python Coding และที่สำคัญ STEMที่ NIVA ไม่ได้โดดเด่นแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังออกไปแข่งและได้รับเรียนในระดับ International มาแล้วค่ะ ซึ่งในปีนี้นักเรียน ผู้ปกครอง และคณะครูจะเดินทางไปแข่งขันที่ประเทศเยอรมนีด้วยกัน ( นักเรียน 8 คน ) ซึ่งมีแค่ NIVA โรงเรียนเดียวในประเทศไทยที่เข้าร่วม

  1. EVENT สุดมันส์สานสัมพันธ์
  • FUN RUN (การกุศล)  : วิ่งไป – เล่นไป มีฐานกิจกรรมมากมายที่นักเรียน ผู้ปกครอง และครู ต้องวิ่งวนไป สนุกมาก กระแสตอบรับดีอย่างล้นหลามค่ะ
  • FUN FAIR  : กิจกรรมใน Business Class ที่เด็กๆต้องเรียนรู้การ “จัดงาน” ด้วยตัวเอง จัดสถานที่ การออกร้าน Agenda ต่างๆในกิจกรรม เป็นการตั้งร้านขายของที่ทุกคนมีส่วนร่วม มารู้จักกัน ทำกิจกรรมด้วยกัน และกิจกรรมวันสำคัญต่าง ๆ : ของไทยและสากล .. อีเวนท์เองก็แน่นทั้งปีเช่นกันค่ะ
  1. School Safety – Mental Health

เพราะสุขภาพกายและสุขภาพจิตสำคัญต่อการเจริญเติบโต NIVA’s School Safety เป็นอีกหนึ่งจุดแข็ง เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับการฝึกและปฏิบัติได้ในระดับที่ยอดเยี่ยม ไม่ใช่แค่การดูแลภายนอกแต่รวมถึงการเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กๆตลอดเวลาเพื่อให้เด็กๆเรียนรู้และซึมซับไปค่ะ

  1. เข้าถึงได้

NIVA จัดตั้งเพื่อมอบการศึกษาที่ดีที่สุดให้แก่เด็ก ๆ ในขณะที่ผู้ปกครองที่ต้องการให้บุตรหลานเรียนโรงเรียนนานาชาติสามารถ afford ค่าเล่าเรียนได้ นอกจากนั้นการติดต่อสื่อสารกับคุณครู หรือ โรงเรียน สามารถพูดคุยผ่าน Google Chat หรือทำนัดหมายเพื่อเข้ามาพูดคุยที่โรงเรียนได้สบายมากเลยค่ะ

เด็ก ๆ เรียนอย่างสนุกสนานในบรรยากาศที่แสนสบาย

ค่าเล่าเรียนต่อปีโดยประมาณ

  • Nursery and Kindergarten
    • Nursery – K.3 ประมาณ 255,000 บาท – 306,000 บาท (ต่อปี)
  • Elementary
    • G.1-5 ประมาณ 337,000 – 359,000 บาท (ต่อปี)
  • Secondary
    • G.6-12 ประมาณ 375,000 – 397,000 บาท (ต่อปี)

NIVA AMERICAN INTERNATIONAL SCHOOL
18 ซอยโพธิ์แก้ว 3 แยก 11 ถ. ลาดพร้าว 101คลองจั่น บางกะปิ กรุงเทพ 10240

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

ขอเชิญชมการแสดง “ พญาคันคาก ” : Story, Music and Movement ณ ห้องสังคีตวัฒนา สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา

event
วันที่ 3 สิงหาคม 2567
ห้องสังคีตวัฒนา สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา
ระยะเวลาการแสดง 45-60 นาที
รอบที่ 1 เวลา  11:00 น.
รอบที่ 2 เวลา  16:00 น.
 การแสดง “พญาคันคาก“ ได้รับแรงบันดาลใจจาก ตำนานพื้นบ้านชาวอีสานที่เล่าขานการกำเนิดบุญบั้งไฟ ซึ่งเป็นการนำเสนอด้วยศิลปะการเคลื่อนไหวกับดนตรี และภาษา (Eurhythmy) อันริเริ่มด้วยนักปราชญ์ชาวเยอรมัน รูดอร์ฟ ชไตเนอร์ (Rudolf Steiner)
 ยูริธมี่ เป็นศิลปะการเคลื่อนไหวร่างกายที่ประสาน ความคิด ความรู้สึก และการกระทำ ออกมาเป็นท่วงท่าต่างๆ ที่สอดคล้องกับดนตรี และภาษาของเรื่องที่เล่า
 ในครั้งนี้การแสดง ”พญาคันคาก“ จึงได้ผสมผสานกลิ่นอายดนตรี และนิทานพื้นบ้าน โดยการสร้างสรรค์ เรียบเรียงเรื่องเล่า การเคลื่อนไหว และดนตรี โดยอาจารย์ ดร.พงษ์เทพ จิตดวงเปรมและนักศึกษา สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา ร่วมกับหลักสูตรอบรมยูริธมี่แห่งประเทศไทย และ ศิลปินอิสระรับเชิญ แอน-มณีรันต์ สิงหนาท, จารุวรรณ ด้วงคำจันทร์, พชรมน บัณฑุวนิช, สุนทร เพ็งหิรัญ
 โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Musique de la Vie ของสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนาที่มุ่งเน้นพัฒนาดนตรีแห่งชีวิต ซึ่งก่อให้เกิดการบูรณาการดนตรีในชีวิตประจำวันสร้างเสริมประสบการณ์สุนทรียะสู่ผู้คนทุกเพศทุกวัย
สำรองที่นั่งฟรี : https://www.ticketmelon.com/pgvimusic/พญาคันคาก
หมายเหตุ  :
– การแสดงนี้เหมาะสำหรับเด็กชั้นประถมศึกษาขึ้นไป
– กรุณามาก่อนการแสดง 15 นาที
 

สมาร์ทผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรเข้มข้น ไฮจีนิค คลีน เปิดตัวพรีเซนเตอร์คู่แม่ลูกสุดน่ารัก “กุ๊บกิ๊บ” สุมณทิพย์ และ “น้องเป่าเปา”

event

 สมาร์ทผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรเข้มข้น ไฮจีนิค คลีน  ร่วมสร้างมาตรฐานใหม่แห่งวงการซักผ้า ด้วย 3 สูตรใหม่ ฆ่าเชื้อโรค ขจัดฝุ่นและมลภาวะ สยบกลิ่นอับชื้นจากเหงื่อ เพื่อผ้าสะอาดขั้นกว่า 

เปิดมิติใหม่ของการซักผ้าที่บอกลาทุกปัญหากวนใจ ทั้งฆ่าเชื้อโรค ขจัดฝุ่นและมลภาวะ สยบกลิ่นอับชื้นจากเหงื่อ ด้วย สมาร์ท (Smart) ผลิตภัณฑ์ซักผ้ามาตรฐานสากล แบรนด์แรกในไทยที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรเข้มข้น  ที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัส 99.9%* หนึ่งในแบรนด์สินค้าคุณภาพ ภายใต้บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) พร้อมเผยโฉมพรีเซนเตอร์ใหม่คู่แม่ลูกสุดน่ารัก “กุ๊บกิ๊บ” สุมณทิพย์ ชี และลูกสาว “น้องเป่าเปา” ที่จะมาแนะนำมาตรฐานใหม่ของการซักผ้ากับผลิตภัณฑ์ล่าสุด สมาร์ทผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรเข้มข้น ไฮจีนิค คลีน ขจัดคราบ ฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย 99.9%* รวมไปถึง สมาร์ทผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรเข้มข้น เพรสทีจ โกลด์  ขจัดคราบและฝุ่นลงลึกถึงเส้นใย และสมาร์ทผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรเข้มข้น เพรซเชียส พิงค์ ขจัดคราบ สยบกลิ่นอับจากเหงื่อ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม ในงานเปิดตัวพรีเซนเตอร์คนล่าสุด ท่ามกลางบรรยากาศสุดคึกคักของเหล่าคุณพ่อบ้าน แม่บ้านนักช้อปตัวจริง ณ โลตัส บางใหญ่ ในวันที่ 2 กรกฎาคมนี้ 

ศิริสุภา อาจสัญจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  จากการพัฒนาสูตรตลอด 3 ปีที่ผ่านมา  สมาร์ทตั้งใจส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ด้านประสิทธิภาพแก้ปัญหาให้ผู้บริโภคได้ตรงจุด เช่น ฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย 99.9%* ขจัดฝุ่นและมลภาวะ และลดกลิ่นอับชื้นจากเหงื่อ เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ใหม่ในการเป็นผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรเข้มข้นที่มีคุณสมบัติแตกต่างกับผลิตภัณฑ์ซักผ้าในตลาด ซึ่งนอกจากขจัดคราบและความหอมแล้ว สมาร์ทยังเป็นแบรนด์แรกในไทยที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ซักผ้าแบบน้ำที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ถึง 99.9%*  เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่มีความกังวลเรื่องความสะอาดของเสื้อผ้าเป็นพิเศษ”     

นอกจากนี้ศิริสุภา ยังเผยถึงการเลือก “กุ๊บกิ๊บ” สุมณทิพย์ และลูกสาว “น้องเป่าเปา” เป็นพรีเซนเตอร์คู่ล่าสุด รวมถึงสิ่งที่สมาร์ทต้องการสะท้อนผ่านคาแรกเตอร์ของพรีเซนเตอร์  ซึ่งเป็นคุณแม่ที่ดูแลลูกด้วยตัวเอง รวมทั้งเลี้ยงลูกโดยไม่ปิดกั้นความคิดและพัฒนาการ แต่ก็ยังคงดูแลและปกป้องลูกอยู่เสมอ เหมือนกับสมาร์ทที่ช่วยดูแลเสื้อผ้าให้สะอาดปลอดภัยในทุกกิจกรรม

“ด้วยคาแรกเตอร์ของกุ๊บกิ๊บเป็นคุณแม่ยุคใหม่ที่นอกจากต้องทำงานนอกบ้านแล้วยังต้องดูแลคนในครอบครัว ทั้งยังเป็นคุณแม่ช่างเลือกที่คัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก ๆ และน้องเป่าเปา ซึ่งเป็นเด็กวัยเรียนรู้มีกิจกรรมหลังเลิกเรียนมากมาย ทำให้อาจมีสิ่งสกปรกที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าติดอยู่บนเสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็น เชื้อโรค ฝุ่นจากมลภาวะรอบตัว หรือกลิ่นอับชื้นจากเหงื่อ ซึ่งผลิตภัณฑ์ซักผ้าสมาร์ทจะเข้ามาตอบโจทย์ได้ครบทุกปัญหา เพื่อคลายความกังวลใจให้กับทุกคนที่ต้องการดูแลเสื้อผ้าให้สะอาด ไร้กลิ่นอับชื้น” 

 สำหรับแคมเปญการตลาดของผลิตภัณฑ์ซักผ้าสมาร์ทในปีนี้ จะเน้นกิจกรรมที่ทำให้นึกถึงความสำคัญของการทำความสะอาดเสื้อผ้า นอกจากขจัดคราบ ยังช่วยขจัดสิ่งสกปรกอื่น ๆ บนเสื้อผ้าที่นึกไม่ถึง เพื่อสุขอนามัยที่ดีของทั้งครอบครัว ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยสื่อสารผ่าน Online Clip ของทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ ได้แก่  

สมาร์ทผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรเข้มข้น ไฮจีนิค คลีน (Smart Concentrated Laundry Detergent Hygienic Clean “Anti-Virus”) ซักสะอาด พร้อมฆ่าเชื้อไวรัส SAR-CoV-2 และเชื้อแบคทีเรีย 99.9%*  ช่วยขจัดคราบ และลดกลิ่นอับชื้นที่เกิดจากแบคทีเรีย พร้อมกลิ่นหอมสะอาด  เพื่ออนามัยที่ดี ใช้ได้ทั้งผ้าสีและผ้าขาว ขนาด 700 มล. ราคา 89 บาท 

สมาร์ทผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรเข้มข้น เพรสทีจ โกลด์  (Smart Concentrated Laundry Detergent Prestige Gold “Anti-Pollution”) ซักสะอาด พร้อมช่วยขจัดคราบฝุ่น และมลภาวะได้ลงลึกถึงเส้นใย มอบผ้าสะอาดหอม ช่วยลดกลิ่นอับชื้น ใช้ได้ทั้งผ้าขาวและผ้าสี ขนาด 700 มล. ราคา 89 บาท 

สมาร์ทผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรเข้มข้น เพรซเชียส พิงค์ (Smart Concentrated Liquid Detergent Precious Pink “Anti-Odor”) ซักสะอาด พร้อมสยบกลิ่นอับชื้นจากเหงื่อ ด้วยเทคโนโลยี ODOR CONTROL  ให้กลิ่นหอมสะอาด ใช้ได้ทั้งผ้าสีและผ้าขาว ขนาด 700 มล. ราคา 89 บาท 

เพื่อเสื้อผ้าสะอาด ปราศจากเชื้อโรค ขจัดฝุ่นและมลภาวะ สยบกลิ่นอับชื้นจากเหงื่อ ด้วยมาตรฐานใหม่แห่งการซักผ้าที่สะอาดยิ่งกว่ากับ 3 สูตรใหม่ของ “สมาร์ท” ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรเข้มข้นไฮจีนิค คลีน, เพรสทีจ โกลด์ และเพรซเชียส พิงค์ พร้อมวางจำหน่ายแล้ว ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์ททั่วประเทศ ร้านค้าออนไลน์ Lazada: NeodealDD เพียงคลิกลิงค์นี้ https://bit.ly/3xaNvLG  Shopee: D-nee Official และ LINE @NEOdealDD   

# # # # 

 

*ผลการทดสอบในห้องปฎิบัติการด้วยเชื้อไวรัส SAR-CoV-2, เชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus และ Klebsiella pneumoniae

พาทัวร์ International Montessori Center (IMC) โรงเรียนอนุบาลหลักสูตรมอนเตสซอรี่ รูปแบบนานาชาติแห่งแรกในประเทศไทย

event

ภายในหมู่บ้านสัมมากร เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องตลาดและร้านอาหารแล้วยังมีโรงเรียนอนุบาลนานาชาติที่ ทีมแม่ ABK แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ปักหมุดตัวโต ๆ อีกแห่งหนึ่งเลยค่ะ โรงเรียนนี้มีชื่อว่า International Montessori Center (IMC) โรงเรียนที่เรียนรู้ผ่านการเล่น เน้นพัฒนาการที่สมดุล และฝึกความตระหนักรู้ในหน้าที่ สร้างนิสัยดีงาม

สนามเด็กเล่นของโรงเรียน

บรรยากาศในคลาสเรียน

 

IMC แตกต่างจากโรงเรียนมอนเตสซอรี่แห่งอื่นอย่างไร

International Montessori Center (IMC) เปิดสอนตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาล – อนุบาล 3 (Pre-K – K3) จากชื่อก็ชัดเจนแล้วว่า..การเรียนการสอนเป็นรูปแบบ Montessori แต่ที่ว้าวมากกว่านั้นคือ การผสมผสานจริยธรรม วัฒนธรรมที่ดีงาม และปรัชญา Waldorf จึงทำให้โรงเรียนแห่งนี้เป็นสถานที่บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมอีกแห่งหนึ่ง เพราะไม่ได้เน้นแค่พัฒนาการในเด็ก ๆ เท่านั้น แต่มุ่งมั่นถึงการพัฒนาศักยภาพแห่ง “ความเป็นมนุษย์”

มอนเตสซอรี่ เชื่อว่า “มือ” คือครูที่สำคัญ เมื่อเด็ก ๆ ได้หยิบจับ สัมผัส เด็กจะจดจำและเกิด “ประสบการณ์” สื่อและอุปกรณ์ที่จับต้อได้จะช่วยให้เด็กๆเกิดความคิดและเกิดความเข้าใจได้ในที่สุด จุดเด่นของการศึกษามอนเตสซอรี่ที่ IMC คือ “ความยืดหยุ่น” ทั้งตัวปรัชญาและแนวทางในการปฏิบัติสามารถนำมาผสมผสานให้เข้ากับ Tradition and Culture ของไทยได้อย่างลงตัว ในขณะเดียวกันเด็ก ๆ ต่างก็มีอิสระในการคิด ในการเลือก อย่างมีกาลเทศะและเคารพกฎเกณฑ์

 

Montessori + Waldorf ผสานมอนเตสซอรี่และมนุษยปรัชญา

ในมุมมองของมนุษยปรัชญา หรือ ปรัชญาวอลดอร์ฟ “12 Senses” เป็นปรัชญาการเติบโตของมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนเป็นผู้ใหญ่

Senses ทั้ง 12 ไม่ได้พัฒนาไปพร้อมๆ กันทีเดียว แต่ละ Sense ต่างก็มีขั้นตอน การพัฒนา และ จุดเน้นแตกต่างกันไป ทำให้เราเข้าใจธรรมชาติของการเติบโตของมนุษย์ ที่ IMC ได้มีการนำ ผัสสะของเด็กปฐมวัยมาปรับใช้ในหลักสูตรด้วย อันได้แก่

sense of touch การรับรู้สัมผัส

sense of life ผัสสะเกี่ยวกับพลังชีวิต

sense of movement ผัสสะการเคลื่อนไหว

sense of balance ผัสสะการทรงตัว

ทั้ง 4 senses เป็นผัสสะทาง “กาย” ที่จะบูรณาการผ่านการเล่น การเคลื่อนไหว และการรับสัมผัสจริงตามธรรมชาติ

ทั้ง 4 senses เชื่อมโยงกับแนวคิดมอนเตสซอรี่ที่เน้นการใช้มือ เน้นการหยิบ จับ ขยับ ทดลองอยู่แล้ว

 

การบูรณาการทั้ง มอนเตสซอรี่ และ วอลดอร์ฟ จะทำให้เด็ก ๆ ใช้ชีวิตและดูแลตัวเองได้ สามารถแก้ไขปัญหา ลองผิดลองถูก สำรวจโลกกว้างอย่างเหมาะสมตามช่วงวัย

กิจกรรมหลากหลาย นั่งโต๊ะ นั่งพื้น indoor outdoor สับเปลี่ยนกันไป

เด็ก ๆ มอนเตสซอรี่สามารถดูแลตนเองได้

การแสดงชิ้นผลงานคือการสร้างความภาคภูมิใจให้เด็กๆ

 

เด็ก ๆ มาเรียนรู้อะไรกันบ้าง ?

Mathematics – ปูพื้นฐานวิชาคณิตศาสตร์อย่าง “จับต้องได้” ด้วยวัสดุ อุปกรณ์ ที่ค่อย ๆ เพิ่มระดับความท้าทายซึ่งถูกใจเด็ก ๆ ทุกคน ไม่ว่าจะเป็น ทักษะด้านการนับ เรียงลำดับ จับคู่ รู้จักรูปทรง เตรียมพร้อมที่จะต่อยอดไปสู่คณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนมากขึ้นในอนาคต

Sensorial Development & Music Enrichment – สัมผัส เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเด็ก ๆ

คือการสร้างประสบการณ์จากสิ่งรอบตัวผ่านกิจกรรม โดยการกระตุ้น “สัมผัสต่างๆ” ให้มากที่สุด หรือที่เรียกว่า sensory motor

การให้เด็ก ๆ เล่น สำรวจ จับ เคลื่อนไหว ทดสอบ สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว อย่างอิสระส่งผลดีต่อพัฒนาการทางร่างกาย กล้ามเนื้อทุกมัด และสมอง

Language Arts – เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ Phonics และ Grammar

Phonics เองนั้นเป็นพื้นฐานการเรียนภาษา โดยจะเริ่มตั้งแต่การแยกเสียงต่าง ๆ ตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาล สอน ending sound – short sound CVC (การผสมคำ) – long sound – นำคำต่างๆมารวมกันเพื่อสร้างความสนุกสนานในการเรียนภาษา สื่อการสอนจับต้องได้ เล่นได้ จึงพูดได้ว่าภาษาอังกฤษของเด็ก ๆ IMC เป๊ะตั้งแต่เล็ก ๆ เลยค่ะ

Culture & Science – จะแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่

Zoology : ว่าด้วยเรื่องของสัตว์ต่าง ๆ เช่น สัตว์ในการปศุสัตว์ สัตว์ป่า หรือแม้กระทั่ง ขนของสัตว์มีไว้เพื่ออะไร ประโยชน์ในด้านต่างๆ

Botany : พฤกษศาสตร์..ว่าด้วยเรื่องของต้นไม้ เติบโตอย่างไร สร้างอาหารอย่างไร ส่วนประกอบต่าง ๆ และเด็กมีโอกาสลงมือปลูกต้นไม้ด้วยตนเองด้วยนะคะ

Geography : ภูมิศาสตร์..ว่าด้วยเรื่องโลกกลม โลกของเรา ประเทศ ทวีป มหาสมุทร ฤดูต่าง ๆ เป็นต้น

Science : ทดลองวิทยาศาสตร์ งานประดิษฐ์ต่าง ๆ

History : ประวัติความเป็นมาของสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้

Practical Life Skills : ทักษะการใช้ชีวิตประจำวัน ตามหัวข้อ Self – care | Environment – care | Body movement | Courtesy (กริยา มารยาท กาละเทศะ)

จุดมุ่งหมายคือ เด็ก ๆ สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เช่น การเดินเข้าโรงเรียนเอง ทานอาหาร เข้าห้องน้ำ ดูแลความสะอาด เก็บของเล่น – ของใช้

คลาสดนตรี

อุปกรณ์ยิมเสริมพัฒนาการทางร่างกายแบบจริง ๆ จัง ๆ

ทุกการสื่อสารคือพัฒนาการด้านภาษา แม้จะไม่วิชา Language Arts ก็ตาม

Montessori Activity และ ชีวิตใน 1 วันของเด็กๆ

ทุกที่จะมี Montessori Line เป็นเส้นตรงบาง วงกลม วงรี สี่เหลี่ยม และอื่น ๆ จุดประสงค์เพื่อควบคุมกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เมื่อเด็ก ๆ เห็นเส้นเหล่านี้จะเป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่บอกว่า slow down เป็นการฝึก Focus คิด ก่อน กระทำ

 

ในห้องเรียน จะมี Activity Corners เน้นให้เด็กทำงานด้วยสมาธิ ( mindfulness สร้างสติในทุกการกระทำ )

Stamping : ฝึกการโฟกัส และ ควบคุมการใช้ตาให้ประสานกับมือ

Cutting : ตัดกระดาษเป็นรูปทรง ควบคุมทิศทางการทำงานและสร้างความแข็งแรงให้นิ้วมือ

Pricking : การใช้ปากกาหัวเข็มประตามรอยให้เกิดรูป – ฝึกการใช้น้ำหนัก ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเขียน

Ball Making Corner : การปั้นลูกบอลด้วยกระดาษสร้างชิ้นงานศิลปะ และก็เป็นพื้นฐานของการหัดเขียนหนังสือเช่นกันค่ะ

เด็ก ๆ ทุกคนจะหมุนเวียนเปลี่ยนกันทำทุกกิจกรรม เมื่อเสร็จแล้วเด็ก ๆ “ต้องจัดการเก็บและเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมอย่างเรียบร้อย” เพื่อให้เพื่อน ๆ ชุดต่อพร้อมทำกิจกรรมต่อได้ …ซึ่งเป็นจุดเด่นของเด็กมอนเตสซอรี่เลยค่ะ

Stamping Corner และ Ball Making Corner ฝึกพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็ก พื้นฐานของการหัดเขียน

Box of forgiveness มีอะไรในใจอยากจะบอกใครๆสามารถเขียนมาใส่ในช่องได้เลย

ความเป็นระเบียบเรียบร้อยนี้ เด็ก ๆ เป็นผู้ดูแลค่ะ

ทุกผลงานคือความภูมิใจ

 

คุณครู

ในช่วงเปิดเทอม เด็ก ๆ จะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่โรงเรียน ดังนั้นคุณครูจะทำหน้าที่เป็น “แม่คนที่ 2” อย่างแท้จริงในการดูแลเด็ก ๆอย่างใกล้ชิด คุณครูต้องทำทุกอย่างได้ เด็ก ๆ จึงจะไว้ใจ รู้สึกปลอดภัย และมีความกล้าที่จะเรียนรู้โลกกว้าง ระหว่างกิจกรรม คุณครูจะ observe เด็ก ๆ แต่ละคนตลอดเวลาอย่างละเอียด เพื่อติดตามพัฒนาการตั้งแต่การจัดการกิจวัตรประจำวัน กิจกรรมที่นักเรียนเลือกทำ (ก่อน/หลัง) ระยะเวลาที่ใช้ทำกิจกรรม การสะท้อนคิดของเด็ก และเพราะเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งในด้านอารมณ์ สังคม ความสามารถด้านการเรียนรู้ ดังนั้นเด็ก ๆ จะมี worksheet เป็นของตัวเอง ( individually ) นอกจากนี้ คุณครูจะฝึกให้เด็ก ๆ เรียนรู้มารยาทที่ดีงาม ไม่ว่าจะเป็น การพูดขอบคุณ ขอโทษ การให้อภัยซึ่งกันและกัน โดยคุณครูจะประพฤติเป็นแบบอย่าง เพราะเด็ก ๆ วัยนี้เป็นวัย “เลียนแบบ” สิ่งใดที่เราอยากให้เค้าทำ สิ่งนั้นจะต้องทำให้เค้าเห็น

เมื่อเด็กๆเห็น montessori line ทุกคนจะทราบว่าต้องชะลอความเร็วค่ะ

เตรียมตัวเปลี่ยนกิจกรรม

ปล่อยพลังกันอย่างเต็มที่

ด้านหน้าโรงเรียนอนุบาลนานาชาติ มอนเตสซอรี่

 

Mommy Love This! ถูกใจแม่

Gross and Fine Motor Skills ได้รับการพัฒนาตลอดเวลาเรียนจนทำให้เด็ก ๆ หมดแรงในทุก ๆ วันที่กลับบ้าน

Screen – Free ไม่มีการใช้โทรทัศน์หรือจอมอนิเตอร์ต่าง ๆ ในการเรียนการสอน

โรงเรียนมีการแนะแนวผู้ปกครอง ในการเลี้ยงดูลูกให้เหมาะสมตามวัย เป็นการเลี้ยงลูกแบบ independent (อิสระอย่างมีกฎเกณฑ์) – การหาโรงเรียนเพื่อศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา

สภาพแวดล้อมดีเยี่ยม เด็ก ๆ ได้อยู่ในชุมชนที่บรรยากาศสดชื่น สงบ มีต้นไม้และทะเลสาบใกล้ ๆ เป็นระบบนิเวศน์ที่ดีต่อการเรียนรู้

การดูแลเด็ก ๆ เยี่ยมยอด เพราะทางโรงเรียนใช้แนวคิด “แม่คนที่ 2” ในการดูแล ส่งผลให้เด็ก ๆ มี attitude ดีและมีความสุข

เด็ก ๆ ได้รับการปฏิบัติ c]tให้เกียรติ เฉกเช่นผู้ใหญ่ โรงเรียนมองว่าหากเราต้องการให้เด็ก ๆ เติบโตมาอย่างดี เราก็ต้องปฎิบัติและเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็ก ๆ

Reflection ทุกห้องเรียนจะมี Evaluation Chart ค่ะ เพื่อสะท้อนความรู้สึกของเด็ก ๆที่มีต่อกิจกรรม ชอบ..เพราะอะไร ไม่ชอบ..เพราะอะไร Reflection นี้คือการสะท้อนตัวตนของเด็ก ๆ ผ่านกิจกรรม สำคัญมาก ๆ เลยนะคะ

 

 

ค่าเล่าเรียนต่อ 1 ปีการศึกษา (โดยประมาณ – 1 ปีการศึกษามี 3 เทอม)

ชั้น Pre-K และ K1 ค่าเล่าเรียนประมาณ 156,000 บาทต่อปี

ชั้น K2 และ K3 ค่าเล่าเรียนประมาณ 162,000 บาทต่อปี

ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ (ค่าลงทะเบียน เครื่องแบบนักเรียน ประกันอุบัติเหตุ After School Class)

ข้อมูลเพิ่มเติม – กรุณาติดต่อสอบถามโรงเรียนโดยตรง

 

 

ที่อยู่

International Montessori Center (IMC)

251/183 หมู่บ้านสัมมากรซอย 58 ถนนรามคำแหง (ซอย 112) แขวงและเขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร 10240

โทร : 02-3721633 02-3720111

อีเมล : [email protected]

เว็ปไซต์ : www.imc.ac.th

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ธนายุต วิลาทัน

คอร์ส IELTS

คอร์ส IELTS ช่วยคุณเก่งขึ้นรอบด้าน พร้อมพิชิตคะแนนตามเป้าหมายสำเร็จ

event
คอร์ส IELTS
คอร์ส IELTS

เริ่มต้นเส้นทางสู่ความสำเร็จ กับคอร์ส IELTS ที่จะเป็นตัวช่วยให้คุณได้คะแนนตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งการทบทวนรากฐานความรู้ภาษาอังกฤษ แบบทดสอบเสมือนจริง และคุณครูผู้สอนที่มีประสบการณ์ มาเตรียมความพร้อมกับคอร์ส IELTS ลงมือทำทุกพาร์ทของข้อสอบ IELTS อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็น Listening, Reading, Writing และ Speaking

IELTS คือข้อสอบประเภทใด วัดระดับทักษะใดบ้าง

คอร์สติว IELTS
ก่อนจะไปสมัครคอร์ส IELTS หรือติวสอบ IELTS เรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าว่า IELTS ที่เราจะไปสอบกันนั้นคืออะไร มีรายละเอียดที่ต้องรู้อย่างไรบ้าง 

อย่างแรกเลยคือ IELTS ย่อมาจาก International English Language Testing System เป็นข้อสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษครบทั้ง 4 ทักษะ คือ ฟัง พูด อ่าน และเขียน 

ข้อสอบ IELTS ออกข้อสอบโดย มหาวิทยาลัย Cambridge (Cambridge Assessment English) และมี British Council กับ IDP Education เป็นผู้จัดสอบ ซึ่งคะแนนจากการสอบ IELTS ได้รับการยอมรับจากสถาบันการศึกษา และองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก ในการนำมาใช้เป็นเกณฑ์วัดระดับภาษาอังกฤษ

IELTS ข้อสอบยากจริงไหม 

IELTS จะยากหรือง่ายขึ้นอยู่กับความพร้อมในการเตรียมตัวสอบของแต่ละคน รวมถึงมีอีกหลายปัจจัย เช่น ระดับภาษาอังกฤษ พื้นฐานการเตรียมตัว และความคุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบ โดยทั่วไปแล้ว ผู้เข้าสอบหลายคนมักรู้สึกว่าการสอบยาก สาเหตุหลัก ๆ มาจาก รูปแบบข้อสอบที่มีความซับซ้อน การวัดผลที่เน้นทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ และเวลาที่จำกัดสำหรับการทำข้อสอบ

อย่างไรก็ตาม หากคุณมีความตั้งใจจริง มีเป้าหมายอย่างแน่วแน่ การสอบ IELTS ก็จะไม่ยากเกินความสามารถของคุณ เพียงแค่มีการเตรียมตัวที่ดี  ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ใช้กลยุทธ์การทำข้อสอบที่เหมาะสม และมีตัวช่วยอย่างคอร์ส IELTS ล้วนเพิ่มโอกาสในการสอบให้ได้คะแนนดีตามที่หวังไว้

IELTS สามารถนำคะแนนไปยื่นอะไรได้บ้าง

คะแนน IELTS ยื่นอะไรได้บ้าง

IELTS เป็นข้อสอบได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วโลก ให้ผู้สอบทุกท่านสามารถนำคะแนนไปยื่นสำหรับการศึกษา การทำงาน การย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ และอื่น ๆ เช่น

  • ช่วยประกอบการพิจารณา เข้ารับทุนการศึกษา
  • มหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก มีการกำหนดคะแนน IELTS ขั้นต่ำ เพื่อรับนักศึกษาต่างชาติเข้าศึกษาต่อ
  • บริษัทหรือองค์กรหลายแห่ง กำหนดคะแนน IELTS ขั้นต่ำสำหรับผู้สมัครงาน
  • ผู้ที่ต้องการขอวีซ่าเพื่อย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศนิวซีแลนด์ แคนาดา ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร ต้องสอบ IELTS ให้ได้คะแนนขั้นต่ำตามที่กำหนดไว้

คอร์สเรียน IELTS ที่ EngSnack เปิดรับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการสอบเพื่อใช้คะแนนในการสมัครเรียนต่อ หรือบุคคลทั่วไปที่ต้องการสอบเพื่อการทำงานหรือการย้ายถิ่นฐาน

เพื่อคะแนนที่ดี ตรงตามเป้าหมาย คอร์สติว IELTS ช่วยคุณได้!

คอร์สติว IELTS (IELTS Academic) ของ EngSnack เนื้อหาหลักสูตรครอบคลุมการเตรียมตัวสอบ ตั้งแต่การฟัง การอ่าน การเขียน จนถึงการพูด ผู้ที่ไม่เคยมีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาก่อนหรือผู้ที่ยังได้คะแนน IELTS ไม่ถึง 7.0 + สามารถเรียนคอร์สนี้ได้ 

โดยจุดเด่นของคอร์ส IELTS คือ เน้นการสอนที่เข้าใจง่าย เข้มข้น เป็นระบบ ตั้งแต่พื้นฐานแบบ Step by step  ครอบคลุมทุกทักษะ และที่สำคัญผู้เรียนจะได้ฝึกทำข้อสอบจำลอง (Mock Test) และได้รับคำแนะนำ เทคนิคดี ๆ จากผู้สอนเพื่อปรับปรุงและพัฒนาทักษะ สร้างความมั่นใจให้คุณพร้อมลุยทุกพาร์ทอย่างเต็มที่

คอร์ส IELTS พัฒนาทุกทักษะ ไปสอบอย่างมั่นใจ

คอร์ส IELTS เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับคนที่ไม่อยากอ่านหนังสือเอง หรือผู้ที่อยากได้คะแนนที่ดีขึ้น เพราะคอร์สติวไอเอลออกแบบมาเพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้และความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับข้อสอบ รวบรวมเทคนิคที่ไม่เคยรู้มาก่อน จากผู้สอนที่มีความเชี่ยวชาญในการสอน IELTS และมีประสบการณ์สอนยาวนาน

เรียน IELTS ที่ไหนดีนั้น? ที่ EngSnack มี คอร์ส IELTS ทั้งแบบออนไลน์ผ่าน Zoom และสามารถเข้ามาเรียนที่สถาบัน โดยจะเป็นคอร์สแบบกลุ่มไม่เกิน 8 คน ระยะเวลาของหลักสูตรจะอยู่ที่ประมาณ 3 เดือน โดยจะมีตารางเรียนกำหนดวันที่เข้าเรียนอย่างชัดเจน  

ติดต่อสอบถามคอร์สเรียน IELTS รายละเอียดและราคาได้ที่

Line: @englishsnack

Instagram: @engsnack

กรุงเทพประกันชีวิต ยกทัพแบบประกันและโปรโมชันโดนใจเพื่อทุกครอบครัว ในงาน Amarin Baby & Kids Fair 2024

กรุงเทพประกันชีวิต ยกทัพแบบประกันและโปรโมชันโดนใจเพื่อทุกครอบครัว ในงาน Amarin Baby & Kids Fair 2024

event
กรุงเทพประกันชีวิต ยกทัพแบบประกันและโปรโมชันโดนใจเพื่อทุกครอบครัว ในงาน Amarin Baby & Kids Fair 2024
กรุงเทพประกันชีวิต ยกทัพแบบประกันและโปรโมชันโดนใจเพื่อทุกครอบครัว ในงาน Amarin Baby & Kids Fair 2024

กลับมาอีกครั้งกับงาน Amarin Baby & Kids Fair 2024  ระหว่างวันที่ 4 – 7 กรกฎาคม 2567 พบกับบูท กรุงเทพประกันชีวิต  ที่มาพร้อมแบบประกันดี ๆ ที่ถูกออกแบบมาด้วยความใส่ใจ เพื่อตอบโจทย์ทุกคนในครอบครัว ทั้งแผนความคุ้มครองที่เตรียมพร้อมด้านสุขภาพ ค่ารักษาพยาบาล และการออมเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูกรัก  สนุกกับกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของลูกน้อยภายใต้แนวคิด Learning by Playing” และรับฟังสาระดีๆ กับเวทีเสวนาห้องเรียนพ่อแม่พร้อม Workshop ในวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม เวลา 13.30 น. หัวข้อ “การเลี้ยงลูกด้วยวินัยเชิงบวก” โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการสร้างวินัยเชิงบวกและการส่งเสริมทักษะสมอง EF สถาบันแห่งชาติเพื่อพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมผู้เชี่ยวชาญจากกรุงเทพประกันชีวิตที่จะมาแนะนำการวางแผนการเงินเพื่ออนาคตลูก

พิเศษ !  เพียงแสกนคิวอาร์โค้ด ภายในงาน รับสิทธิประกันอุบัติเหตุ “บีแอลเอ ปกป้อง” ฟรี สูงสุด 200,000 บาท

พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษหลายรายการ อาทิ  เมื่อซื้อประกันชีวิตแบบใดก็ได้ ยกเว้นแบบประกันยูนิต ลิงค์ โดยชำระเบี้ยประกันภัยปีแรกแบบรายปี ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป รับ Care Bears Coin Wallet รุ่น Bedtime Bear ทันทีภายในงาน  พร้อมรับสิทธิ์ลุ้นรางวัลแคมเปญใหญ่ “ใส่ใจ 73 ปี แจกหนัก 73 รางวัล” สูงสุดรับทองคำแท่งหนัก 5 บาท  และสำหรับผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัยทุกๆ 50,000 บาท รับบัตรกำนัลโลตัส 500 บาท นอกจากนี้ สำหรับลูกค้ากรุงเทพประกันชีวิตที่ซื้อแบบประกันผ่านช่องทางตัวแทนตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงินในเดือนเกิดหรือเดือนถัดไปของเดือนเกิด รับของขวัญพิเศษ บัตรกำนัลเซ็นทรัลสูงสุด 2,000 บาท และสำหรับลูกค้าที่มีสถานะ Indigo ทุกระดับ ที่ชำระเบี้ยประกันภัยปีแรกต่อกรมธรรม์ 100,000 บาทขึ้นไป รับของขวัญพิเศษ PTT Privilege Card มูลค่า 4,000 บาท โดยทุกโปรโมชัน ลูกค้าเพียงดาวน์โหลด ลงทะเบียน และเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน BLA Happy Life ภายในระยะเวลาที่กำหนด

พบกับบูทกรุงเทพประกันชีวิตพร้อมของรางวัลและกิจกรรม เกมต่าง ๆ มากมายได้ในงาน Amarin Baby & Kids Fair 2024  บูท K1-2 และ K12-13 ระหว่าง 10.00 – 20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมไบเทค บางนา ฮอลล์ 98-99 และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมแบบประกันต่างๆ ได้ที่

เว็บไซต์กรุงเทพประกันชีวิต www.bangkoklife.com หรือติดต่อ Call Center โทร. 02-777-8888

 

ไอเดียแต่งห้องเด็ก

บ้าน พื้นที่แรกแห่งการเรียนรู้ : Home is where the learning starts

event
ไอเดียแต่งห้องเด็ก
ไอเดียแต่งห้องเด็ก

พื้นที่แรกที่เด็กใช้เวลาในชีวิตมากที่สุดคือ “บ้าน” เพราะครอบครัว คือพื้นฐานของชีวิต รากฐานของครอบครัวที่ดีเริ่มต้นได้ที่บ้าน ดังนั้นการจัดพื้นที่ในบ้านให้เกิดประโยชน์ในทุกช่วงเวลาชีวิตของลูกจึงมีความสำคัญ การจัดระเบียบบ้านให้ก่อเกิดการเรียนรู้ และสร้างสุขภาวะ หรือภาวะสบายให้กับแม่และคนในครอบครัว จึงควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรก และนี่คือ ไอเดียแต่งห้องเด็ก ไอเดียจัดห้องให้พร้อมรับกับทุกสถานการณ์

ไอเดียแต่งห้องเด็ก Bedroom and Baby: ห้องนอนใหญ่ พร้อมขยาย

จากวันที่เคยเป็นห้องของสองเรา มีการขยับเพิ่มสมาชิกคนสำคัญการจัดระเบียบห้องใหม่จึงเป็นสิ่งจำเป็น ควรจัดเตรียมไว้ให้พร้อม เพื่อแบ่งพื้นที่ให้ใช้งานได้สะดวกทั้งพ่อแม่มือใหม่และลูกน้อย

– มุมเปลี่ยนผ้าอ้อม มองหาตู้ลิ้นชักที่เก็บรวมของใช้ลูกน้อยไว้ได้ทั้งหมด หรือเลือกโต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อมที่มีการจัดเก็บในตัว เพื่อเตรียมของไว้ให้พร้อม ทั้งผ้าอ้อม เสื้อผ้า ของใช้ทำความสะอาดและยาสามัญประจำตู้สำหรับเด็ก ทั้งยาใช้ภายนอกและยารับประทาน แยกไว้ให้เป็นหมวดหมู่ ก็จะมองหาและหยิบใช้งานได้ง่าย

– เตียงเด็กที่ปรับเปลี่ยนให้ติดกับเตียงผู้ใหญ่ ให้ลูกอยู่ใกล้ สะดวกในการให้นมในท่านอน ไม่ต้องกังวลใจและลูกอยู่ในสายตาแม่เสมอ นอกจากนี้ยังเป็นการฝึกให้ลูกนอนได้เองแบบที่ตัวไม่ต้องติดอยู่กับแม่ ลูกได้มีพื้นที่เป็นของตัวเอง ได้นอนหลับอย่างเต็มที่

ไอเดียแต่งห้องเด็ก PLAY AREA:  พื้นที่ปล่อยใจ ปล่อยจอยในบ้าน

มุมที่นับว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับลูก กิจกรรมที่ผู้ปกครองสามารรถปล่อยเด็กๆไว้กับมุมนี้ได้เลย พื้นที่กิจกรรมสำหรับลูกที่แม่และพ่อสามารถออกแบบให้เหมาะกับแต่ละครอบครัวได้เอง สังเกตได้จากความชอบของลูก แล้วเอามาขยายให้เป็นมุมใหญ่ เป็นมุมใหม่ๆที่ลูกและทั้งครอบครัวได้สนุกและใช้เวลาร่วมกัน เช่น มุมงานประดิษฐ์ งานปั้นดิน หรืองานศิลปะ จัดวางเก้าอี้เตี้ยให้นั่งทำงานได้สบาย วางลิ้นชักจัดเก็บให้เป็นระเบียบสวยงาม ได้ฝึกวินัยในการจัดเก็บไปในตัว

 

ไอเดียแต่งห้องเด็ก READING AREA :  

การอ่านหนังสือมีข้อดีเพราะเป็นรากฐานสำคัญของพัฒนาการด้านวิชาการ ทำให้เด็กเกิดความคุ้นชินกับหนังสือ เป็นความเคยชินที่จะทำให้พวกเขารักในการอ่าน ซึ่งเป็นพื้นฐานของความเข้าใจในการเรียนรู้ มุมอ่านหนังสือจึงเป็นมุมสำคัญของบ้าน  ออกแบบเป็นชั้นจัดเก็บ จัดวางแบบให้หยิบเลือกได้ง่าย มองเห็นปกหนังสือให้ดึงดูดเด็กๆเพื่อไปเลือกหยิบหามาอ่าน การอ่านหนังสือกับลูกคือการได้ใช้เวลาดีๆร่วมกัน ได้ฟังเสียงของแม่ เสียงหัวเราะของลูก ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านการฟัง ได้เรียนรู้รูปแบบภาษา สร้างสมาธิและฝึกการสังเกต ที่สำคัญการอ่านให้ลูกยังเป็นโอกาสที่จะได้พักและผ่อนคลายและสังเกตความรู้สึกของลูกไปร่วมกัน

 

 

และทั้ง 3 มุมนี้ เป็น ไอเดียแต่งห้องเด็ก โซนใหม่ ABK Kids Room Ideas ไอเดียจัดมุมห้องต่างๆ สำหรับครอบครัวที่เตรียมมีสมาชิกใหม่ หรือจะมีสมาชิกตัวน้อยที่กำลังเติบโต การจัดพื้นที่ในบ้านให้เกิดประโยชน์ในทุกช่วงเวลาชีวิตของลูกมีความสำคัญ สร้างสุขภาวะ ให้กับทุกคนในครอบครัว โดย #ทีมแม่ABK ได้คัดสรรมาให้คุณพ่อคุณแม่เป็นไอเดีย เพิ่มพื้นที่ความสุขในบ้าน
 ตามมาสัมผัสประสบการณ์กับพื้นที่ไซส์ห้องตัวอย่าง พร้อมกิจกรรมสนุกๆ ช็อปของลูกโปรเด็ดๆ ได้ที่ & สินค้าเพื่อแม่ – ลูก จัดเต็ม จัดหนัก ช๊อปรัวๆ 4 วันรวด
.
❤ ลงทะเบียนล่วงหน้า รับฟรี!! 2 ต่อ
คลิกเลย https://cooll.ink/abkgrow2024/
ต่อที่ 1 : รับฟรี! ชาม ABK+ ผลิตภัณฑ์แม่ลูก + ABK คูปองสิทธิพิเศษ
ต่อที่ 2 : ลุ้นรับ ฟรี! รางวัลมูลค่ากว่า 30,000 บ.
.
ช็อปกันให้มันส์
️ 4-7 ก.ค. 67
จัดเต็ม 2 ฮอลล์ ไบเทค บางนา
โทร ! 085-661-4629
Editor :  อัจฉรา  จีนคร้าม
แป้งเด็กแคร์ โซเพียว

ใหม่! แป้งเด็กแคร์ โซเพียว ผสานสารสกัดออร์แกนิก เพื่อความแห้งสบายผิวอย่างเหนือชั้น

event
แป้งเด็กแคร์ โซเพียว
แป้งเด็กแคร์ โซเพียว

แคร์ เปิดตัว ใหม่! แป้งเด็กแคร์ โซเพียว
ผสานสารสกัดออร์แกนิก* มาพร้อมเทคโนโลยี DryLock แห้งสบายผิวอย่างเหนือชั้น^
ช่วยปลอบประโลมผิว ช่วยลดผดผื่นที่เกิดจากความเปียกชื้น พร้อมมอบกลิ่นหอมอ่อนๆจากธรรมชาติ

– รู้สึกอ่อนโยนต่อผิว
– สารสกัดคาเลนดูลาออร์แกนิกจากธรรมชาติ 100%
– ปราศจากสารเคมี 6 ชนิด

  • พาราเบน
  • สีสังเคราะห์
  • ซิลิโคน
  • แอลกอฮอล์
  • พาทาเลต
  • ส่วนผสมที่ได้จากสัตว์

    *สารสกัดคาเลนดูลาออร์แกนิกจากธรรมชาติ 100%

แห้งสบายผิวเหนือชั้นจากการปกป้องความเปียกชื่น เมื่อเปรียบเทียบกับแป้งฝุ่นโรยตัวของผู้ผลิต
โปรโมชั่นเปิดตัวซื้อ 2 แถม 1 ในราคาเพียง 109.-
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ https://shopee.co.th/colgatepalmolive_official

 

keyboard_arrow_up