Page 10 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

โรงเรียนอนันตา สุดยอดโรงเรียนแนวมอนเตสซอรี่ และ Child – Friendly School

โรงเรียนอนันตา สุดยอดโรงเรียนแนวมอนเตสซอรี่ และ Child – Friendly School ที่ทุกการหยิบจับของเด็ก ๆ คือ การเรียนรู้และการพัฒนา EF อย่างยั่งยืน

วันนี้ทีมแม่ ABK ขอพาทุกครอบครัวมาสูดอากาศสดชื่นที่ “ โรงเรียนอนันตา ” เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร โรงเรียนทางเลือกวิถีไทยแนวผสมผสาน ที่เน้นคุณภาพของผู้เรียนด้วยระบบ “มอนเตสซอรี่” และ “การเรียนรู้แบบบูรณาการ”

โรงเรียนที่จะสร้างเด็กให้เติบโตอย่างงดงามตามศักยภาพของตน รู้จักตัวเอง เคารพผู้อื่น เป็นผู้ให้ มีนิสัยใฝ่รู้ สร้างสรรค์ บากบั่น ไม่ย่อท้อ เพราะการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีนั้น..ต้องใช้เวลา

วันนี้คุณพ่อคุณแม่จะได้ทราบถึงการจัดการเรียนรู้ที่จะทำให้เด็ก ๆ สนุกและมีสมาธิไปพร้อมกัน การเชื่อมโยงการเล่นกับวิชาการ..ความรู้ที่จับต้องได้ นิสัย วินัย พัฒนาการที่สร้างได้ และความสำคัญและความสัมพันธ์สุดพิเศษระหว่างบ้านและโรงเรียน

โรงเรียนอนันตา เป็นโรงเรียนนำร่องหลักสูตรฐานสมรรถนะ นวัตกรรม และยังเป็นโรงเรียนเพื่อเด็ก ( Child – Friendly School ) ที่มุ่งหวังให้นักเรียนทุกคนเรียนรู้อย่างมีความสุข รักการเรียนรู้ มีคุณธรรม จริยธรรม ในบรรยากาศการเรียนการสอนแบบ “สังคมแห่งการเรียน + ร่วม”

น้องเล็กเตรียมอนุบาลและงานของเค้า
นักเรียนชั้นอนุบาลกำลังทำกิจกรรมที่ตนเองวางแผนไว้
ชั้นเรียนคละอายุของ ป.ต้น เมื่อวางตารางเรียนหน่วยเดียวกัน ก็จะมารวมกลุ่มกัน แต่ชิ้นงานจะแตกต่างกันค่ะ
พี่ ป.ปลาย จะใช้อุปกรณ์ที่เป็นรูปธรรมน้อยลงมาก อุปกรณ์ก็จะเรียบง่ายขึ้น เพราะตามพัฒนาการสามารถเชื่อมโยงและเข้าใจ Concept นามธรรมได้ดีขึ้นมาก

Montessori ที่แท้จริง ( การจัดการเรียนรู้แบบมอนเตสซอรี่ และ การเชื่อมโยงการเล่นกับวิชาการ )

  • FREEDOM WITHIN LIMIT อิสระภายใต้กฎเกณฑ์ เด็ก ๆ สามารถเลือกกิจกรรมได้ตามใจ แต่ต้องไม่รบกวนผู้อื่นขณะทำงาน เล่นเสร็จแล้วต้องเก็บอย่างเรียบร้อย ( พร้อมให้คนอื่นใช้งานต่อ ) เป็นต้น
  • กิจกรรมถือเป็นส่วนสำคัญ ที่เด็กเล็กจะเรียนด้วยร่างกายทั้งหมด โดยเน้นทางด้านการฝึกฝนทางประสาทสัมผัส กิจกรรม หรืองานที่เด็กทำจะต้องมีความหมาย
  • เด็กจะได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง จากการใช้สื่อและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยให้เด็กเข้าใจง่ายค่ะ
  • เรียนรู้ผ่าน “มือ” เพราะเด็ก ๆ จะสามารถเรียนรู้ทุกอย่างผ่านมือของตัวเอง โดยมีคุณพ่อคุณแม่และครูเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้และทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
  • เด็กจะรู้สึกมีอิสระในการหยิบจับอุปกรณ์ที่เขาสนใจมาทำ- หากทำไม่ได้ เด็กจะนำไปเก็บและหยิบอุปกรณ์ชิ้นอื่นมาแทน ( เป็นไปตามพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็ก )
  • คุณครูต้องเข้าใจอุปกรณ์มอนเตสซอรี่อย่างทะลุปรุโปร่งจึงจะถ่ายทอดให้เด็ก ๆ ลงมือทำ ( จนเกิดเป็นความรู้ ) เพราะของเล่น คือ “ความรู้” (พัฒนา concept จากรูปธรรม ไปสู่นามธรรม)
  • มอนเตสซอรี่ต้องสอนเป็นรายบุคคล ( เป็นกลุ่มเฉพาะบางเรื่อง )
  • คุณครูจะต้องนำเสนอบทเรียนอย่างละเอียดก่อนทุกครั้ง
  • เด็ก ๆ จะ “ นิ่งกับงาน รู้จักการลำดับก่อนหลัง ”
  • ชั้นเรียนคละอายุ ให้ช่วงอายุห่างกันประมาณ 3 ปี มีทั้งเด็กที่อายุมากกว่า เท่ากัน และน้อยกว่า เรียนอยู่ในกลุ่มเดียวกัน จุดประสงค์เพื่อให้เด็กๆช่วยเหลือกัน ไม่มีการแข่งขันกันในห้องเรียน
  • พี่สอนน้อง – พี่ ๆจะมีเป้าหมาย + วางแผน develop ไปสู่ภาวะความเป็นผู้นำเพราะ “นำตัวเองได้ก่อน”
น้องอนุบาลมีสมาธิ กับงาน
มอนเตสซอรี่ต้องสอนเป็นรายบุคคล
วางแผนการเรียนรู้ด้วยตนเอง
ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
คุณครูประจำอยู่ในห้องตลอด ถ้าติดขัด ยกมือได้!

นักเรียนอนันตาเรียนรู้อะไรบ้าง (การเชื่อมโยงการเล่นกับวิชาการ..ความรู้ที่จับต้องได้)

  • หมวด Practical Life = ชีวิตประจำวันเหมือนที่บ้านเพื่อการพึ่งพาตนเอง
  • หมวด Sensorial = ประสาทรับรู้ 5 ประเภท ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น สัมผัส เป็นหมวดงานที่เป็นพื้นฐาน ของสติปัญญา ที่จริงเป็นนามธรรมแต่ทำเป็นรูปธรรม – ให้เด็กๆสัมผัสได้ ( เรียนรู้ได้ ) เป็นหมวดงานที่เป็นระบบระเบียบ ว่าด้วยเรื่องของลำดับและขั้นตอน ดังนั้นการจัดวางอุปกรณ์สำคัญนะคะ ต้องลำดับ บน – ลง – ล่าง และ ง่าย – ไป – ยาก
  • หมวดภาษา ( Language ) ประกอบด้วย 3 หมวดงานคือ ภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษาอ่าน โดยเด็กสามารถจำสัญลักษณ์และเสียงได้ โดยมีเทคนิค 3 ขั้นตอน คือ 1. ขั้นแนะนำ 2. ฝึกหัดปฏิบัติ 3. ให้เด็กพูด
  • หมวดคณิตศาสตร์ สัญลักษณ 0-9 และปริมาณ 1-10 | การนับต่อเนื่อง 1-1000 รู้ปริมาณและคุณภาพ | การนับรูปร่างรูปทรง การนับตู้โซ่ | การจำขึ้นใจ โดยจำผลขององค์ประกอบตัวเลขที่สำคัญของผลบวก ผลลบ ผลคูณ ผลหาร | หนทางสู่นามธรรม
  • Life Skills “ต้องฝึก และ coaching โดยคุณครู ทำซ้ำทำบ่อย จึงจะเกิดทักษะชีวิต
หมวดชีวิตประจำวัน
หมวดประสาทรับรู้
หมวดภาษา
หมวดคณิตศาสตร์
การทำการเกษตร คือการเรียนรู้ที่จะปลูก – สร้าง – ศึกษาวัฏจักร – รักษาสิ่งแวดล้อม รักษ์โลก

เด็กปฐมวัย

2-3 ปี Nursery หรือ เตรียมอนุบาล เพราะเด็กๆยังมีทักษะน้อยจึงเน้น “ส่งเสริมภาษาเพื่อให้สื่อสารได้” และการเตรียมความพร้อมด้วยการฝึก Practical Life ผ่านการเคลื่อนไหวทั้งวัน

  • การเล่น = การเรียนรู้ คือการฝึกประสบการณ์และพัฒนา EF ในคราวเดียวกันด้วย (ยับยั้งชั่งใจ ตอนรอคอยทำกิจกรรม)
  • ลำดับการเรียนรู้ : สอนให้เด็กๆรู้จัก 1. ของจริง 2. ของจำลอง 3. ของเสมือนจริง เพื่อสะสมคำศัพท์ให้เด็กๆ
  • นิทานสลับสับเปลี่ยนเป็นประจำ – เพิ่มคลังคำให้กว้างขึ้นเรื่อยๆ
  • เน้นการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก : หมวดมือกับตา หมวดเตรียมอาหาร หมวดสิ่งแวดล้อม หมวดศิลปะ = เพื่อเตรียมความพร้อมในการใช้นิ้วมือ

3-6 ปี ชั้นอนุบาล กิจกรรมของเด็กๆ เน้นไปที่ Practical Life ชีวิตประจำวันเหมือนที่บ้าน คือการพึ่งพาตัวเอง ผ่านการตัก – เท – เคลื่อนไหว – นิ้วมือประสาน

  • ของเล่น / อุปกรณ์ คือความรู้
นักเรียนกำลังหากิจกรรมที่ตัวเองต้องการค่ะ
ฝึกเขียนเลขอารบิก
ห้องอนุบาลห้องนี้มีนักเรียน 55 คน แต่ไม่มีความวุ่นวายเลยนะคะ
มุมรักษาสิ่งแวดล้อม ให้อาหารปลาและรดน้ำต้นไม้
ระเบิดพลังเวลาพัก

ชั้นประถมศึกษา

  • การเรียนรู้แบ่งเป็นหมวด คณิตศาสตร์ | เลขาคณิต | ชีววิทยา + วิทยาศาสตร์ | ประวัติศาสตร์ + สังคม | ภาษา
  • หน่วยการเรียนรู้จะไม่ “ทับซ้อน” กัน ถ้าเรียนรู้ไปแล้ว เด็กๆจะไปทำงานอื่นแทน เช่น การเรียนรู้ที่ออกแนวลงมือทำ ปฏิบัติ จะเรียนในวิชา กพอ. (การงานพื้นฐานอาชีพ) หรือ บทเรียนที่เกี่ยวข้องกับนามธรรม – ก็จะเรียนรู้ในหน่วยวิทยาศาสตร์
  • ป.ต้น – อุปกรณ์เยอะกว่า ยังต้องใช้ความเป็นรูปธรรมเพื่อเชื่อมโยงกับนามธรรม – มีมุมสืบค้น มุมหนังสือ
  • ป.ปลาย – อุปกรณ์จะน้อยลง เรียนรู้รูปแบบนามธรรมมากขึ้น
  • วิชา “สังคม” มีความปราบเซียนระดับหนึ่ง แต่ไม่เป็นปัญหาที่โรงเรียนอนันตาเลยค่ะ เพราะ ครูจะทำ “สื่อ” เพื่อให้เด็กๆเข้าใจยิ่งขึ้น จากการถาม background ต่าง ๆ ชวนเด็ก ๆ พูดคุยก่อน
  • ครูวางแผนการเรียนรู้ “เป็นรายปี” ตามหลักสูตรแกนกลาง และทำออกมาเป็นแผนการสอน (Planning)
  • วันจันทร์เช้าครู Homeroom ว่าสัปดาห์นี้มีกิจกรรมอะไรที่ต้องเรียนรู้ – เด็ก ๆ เลือกเรียนอย่างไรก็ได้ “ ให้ครบ ” แล้วมาสรุปกันค่ะ
  • ตอนเช้ามาวางแผนกันทุกวัน (วางเอง) และช่วงบ่าย เด็ก ๆ จะรู้แล้วว่าตัวเองขาดกิจกรรมอะไร
  • ทุกเย็นมารีวิวกันว่าวันนี้ทำอะไรไปแล้วบ้าง ครบ ไม่ครบ ทุกอย่างอาจไม่เป็นไปตามแผน ( เรื่องปกติ – critical thinking หาวิธีจัดการ )
  • ป.1,2,3 เขียนบันทึกการเรียนรู้ด้วยนะคะ ว่าเรียนรู้อะไรแล้วบ้าง ( ได้เปรียบเพราะโรงเรียนสอนประสมคำตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วค่ะ )
  • นักเรียนเช็ค ครู double check คอยเช็คด้วยว่า งานนั้นทำหรือยัง มาทำมั้ย?

จะสังเกตได้ว่าพี่ ๆ ชั้นประถมจะเรียนกันเป็นกลุ่มส่วนใหญ่ แม้จะเป็นวิชาเดียวกันแต่ระดับความยากง่ายของงานแตกต่างกันนะคะ

Brain Based Learning ยิ่งคิด ยิ่งสนุก

  • STEAM (Science ,Technology, Engineering, Art , Mathematics ) สอดแทรกอยู่มอนเตสซอรี่โดยปริยายอยู่แล้ว เพราะในแต่ละกิจกรรมหรืองานที่เด็ก ๆ ทำ เป็นการบูรณาการหลายศาสตร์ในคราวเดียวกัน
  • Climate change เป็นอีก 1 วิชาที่เรียนในช่วงปิดเทอม เพราะทุกวันนี้เราต่างรู้ดีว่าโลกของธรรมชาติกำลังนับถอยหลัง เด็กควรได้รับการปลูกฝังเรื่องการรักษาและคงอยู่ของธรรมชาติเพื่อประโยชน์ของการดำเนินชีวิตในอนาคต – มีการจัดทำ theme ขึ้นมา ให้เด็ก ๆ ช่วยกันวิเคราะห์ ผลคือ เด็ก ๆ คิดได้หลากหลายมาก ว้าวจนผู้ใหญ่ทึ่ง!

ตัวอย่างกิจกรรมสนุก ๆ

  • ตลาดนัดนักเรียน – ฝึกเป็นผู้ประกอบการ บัญชีรายรับรายจ่าย
  • นักสืบสายน้ำ – เรียนรู้นวัตกรรมชุมชน “คลองแสนแสบ” + เชื่อมโยงวิชาอื่น ๆ ด้วย ( เด็กเล็ก : เรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์น้ำ สิ่งมีชีวิต เด็กโต : เรียนรู้เกี่ยวกับแหล่งกำเนิดต้นน้ำและลงลึกไปถึงชีววิทยา )

Project Approach

เริ่มจาก

  • สำรวจความสนใจทั้งชั้นก่อน
  • ครูจัดกลุ่มความสนใจแล้วมา vote กัน
  • เมื่อได้หัวข้อแล้วเด็ก ๆ จะเริ่มต้นค้นคว้าหาข้อมูล เช่น เด็กเล็กพูดคุยกับผู้ปกครอง เด็กโตสืบค้นจาก internet หรืออ่านหนังสือ ได้หมดค่ะ
  • ไปทัศนศึกษา
  • กลับมาแล้วค้นคว้าทั้งที่บ้านและโรงเรียน ( ถ้าไม่มีการจัดทัศนศึกษาจะเปลี่ยนเป็นการจัดกิจกรรมอื่น ๆ และค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมกันเอง)
  • ตัวอย่างโครงงานของพี่ประถม : ไดโนเสาร์ หมู่จันทร์ ดวงดาว อาหารสัตว์ อิตาลี กีฬา ( เด็กโต )
  • การ present โครงงาน (ช่วงเช้า – ผู้ปกครองเข้าชมและรับฟัง ช่วงบ่าย – นำเสนอเพื่อน ๆ พี่ๆ น้องๆ ) เด็ก ๆ จะได้ฝึกเรียบเรียงความรู้ เตรียมตัว และฝึกการนำเสนอ
  • เด็กเล็กห้องเดียวกัน ทำ theme เดียวกันช่วยกันประดิษฐ์ (นักเรียน ครู ผู้ปกครอง) เด็กโต : เป็นกลุ่มก็ได้ หรือจะเดี่ยวก็ได้
  • โครงงาน + ทัศนศึกษา เทอมละ 1 ครั้ง
ความสมบูรณ์ของธรรมชาติเอาไปเลยค่ะ เต็ม 100%
โครงงานและผลงานของนักเรียน

นิสัย วินัย + พัฒนาการที่สร้างได้ (จากการสังเกตและบันทึกอย่างละเอียดของคุณครู)

แผนการสอนของคุณครูจะมีวัตถุประสงค์ในการเรียนรู้อย่างชัดเจน เช่น บทเรียน – เตรียมอาหาร ที่ประกอบไปด้วยกิจกรรม ปอกเปลือกไข่, บดเปลือกไข่ การทาเนยขนมปัง คั้นน้ำส้ม ทำเส้นพาสต้า ล้างจาน ฯลฯ จะมีจุดประสงค์เพื่อให้เด็ก ๆ รู้จักชื่ออุปกรณ์ วัตถุดิบและขั้นตอนในการเตรียมอาหาร เด็ก ๆ สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีสมาธิในการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ดูแลตนเอง ผู้อื่น สิ่งแวดล้อม + เรียนรู้มรรยาทในการรับประทานอาหาร

  • ระหว่างนักเรียนทำกิจกรรม จะมีคุณครูคอยให้บทเรียน 1 คน และคุณครู observe 1 คน สลับหน้าที่กัน
  • คุณครูสอนเพื่อให้ประสบการณ์ก่อนทุกอย่าง ( How to ) อย่างละเอียดเป็นรายคน
  • คุณครูประจำอยู่ในห้องตลอดเวลา หากเด็ก ๆ ติดขัด ทำไม่ได้ จะยกมือหรือไปหาคุณครู และ
  • แต่ถ้าหากคุณครู observe อยู่ เด็ก ๆ จะทราบว่าเวลานี้จะยังเรียกไม่ได้ ( เรียนรู้การยับยั้งชั่งใจ อดทนรอคอย )
  • คุณครูจะสังเกตและจดบันทึกอย่างละเอียด – เพื่อดูและประเมินพัฒนาการของนักเรียนในระยะยาว ( บุคลิก นิสัยและความก้าวหน้าในการเรียนรู้ )
  • แม้นักเรียนสามารถเลือกวางแผนการทำงานก่อนหลังเองได้ แต่สุดท้ายต้องทำให้ครบทุกกิจกรรมคุณครูกำหนดไว้ คุณครูจะคอยเช็คและคอยเตือนอยู่เสมอ

คุณครูที่โรงเรียนอนันตาจึงรู้จัก และเข้าใจนักเรียนของตนเองเป็นอย่างดีว่าจุดไหนต้องปรับ เสริม หรือสนับสนุน นักเรียนแต่ละคนมีความแตกต่าง คุณครูจึงต้องเรียนรู้ไว ปรับตัวเอง สร้างสรรค์และมีวิธีที่หลากหลายในการ approach เด็ก ๆ เช่นกัน

ดร.มัณฑริกา วิฑูรชาติ ผู้อำนวยการโรงเรียน

บ้านและโรงเรียน (ความสำคัญและความสัมพันธ์สุดพิเศษ)

การปฐมนิเทศที่ไม่เหมือนใคร และได้ประโยชน์ ! ที่โรงเรียนอนันตาไม่มีหรอกค่ะที่จะให้ผู้ปกครองนั่ง passive การประชุมผู้ปกครองของ แต่ละบ้านต้องจับกลุ่ม เรียนรู้กันกลุ่มละ 1 เรื่อง และขึ้นมานำเสนอให้บ้านอื่นๆฟัง ( แต่ละกลุ่มก็จะ expert ในเรื่องที่ตัวเองศึกษา ) สนุกแน่นอน ได้ความรู้แน่นกระเป๋า ( โรงเรียนจะจัดเอกสารสรุปการเรียนรู้ให้ผู้ปกครองกลับบ้านด้วยเช่นกันค่ะ )

Private Meeting การพูดคุยกันระหว่างบ้านและโรงเรียนในเรื่องความก้าวหน้าของเด็ก ๆ เป็นรายบุคคล ( จุดที่พ่อแม่เห็น vs. ครูเห็น)

โปรแกรม “จากกันไม่มีน้ำตา” No cry, Bye bye tears ให้ผู้ปกครองของน้องเล็กมาทำกิจกรรมร่วมกัน 3 วัน ก่อนที่เด็ก ๆ จะเข้าชั้นเรียน

Project Approach ของนักเรียน ทางโรงเรียนได้เชิญผู้ปกครองมาชมผลงานด้วย (ช่วงครึ่งเช้า)

มีกิจกรรมจำนวนมากที่ออกแบบมาให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วม ไม่ใช่แค่เด็ก ๆ เป็นผู้เรียนรู้ แต่ทุกคนสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ และคุณพ่อคุณแม่ก็จะได้เห็นบุคลิกใหม่ ๆ ของลูกที่ทำให้อดยิ้มตามไม่ได้

Mommy Love This! ถูกใจแม่

  • โรงเรียนอนันตามีชื่อเสียงด้านการจัดการเรียนรู้แบบ Child-Centered และพัฒนาศักยภาพของนักเรียนในระดับสากล เป็นสถานที่ศึกษาดูงานจากคณะโรงเรียนต่างๆทั่วประเทศไทย (และต่างประเทศด้วยเช่นกัน)
  • เป็นโรงเรียนแนวมอนเตสซอรี่ที่ด้านวิชาการยอดเยี่ยม ( เด็ก ๆ มี Passion ที่อยากเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ )
  • บุคลิก นิสัย และพัฒนาการ ก้าวหน้าขึ้นพร้อมกัน เด็กมีสมาธิมากเวลาทำงานหรือกิจกรรม และมีความอดทน พยายาม ไม่ย่อท้อ
  • สภาพแวดล้อมและสิ่งแวดล้อมดี : ต้นไม้ อากาศ ท้องนา ท้องฟ้า ที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร
  • เด็ก ๆ สามารถวางแผนได้ด้วยกันเอง สามารถเลือกได้ว่าอยากจะทำอะไรก่อนหรือหลัง
  • มีคุณครู Support อยู่เสมอ เมื่อติดขัดหรือทำไม่ได้ เด็ก ๆ สามารถยกมือขอความช่วยเหลือจากคุณครูได้ ทำให้เด็ก ๆ กล้าที่จะเรียนรู้

ค่าเล่าเรียนต่อปี ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ (1 ปีการศึกษามี 2 เทอม)

  • เตรียมอนุบาล ประมาณ 60,000 บาท ต่อปี
  • อนุบาล ประมาณ 75,000 บาท ต่อปี
  • ประถมศึกษา ประมาณ 80,000 บาท ต่อปี

รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อโรงเรียนอนันตาโดยตรง

โรงเรียนอนันตา ซอยเลียบวารี 79 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก จังหวัดกรุงเทพมหานคร

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

    ประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2024 หมวด Best for Cleanser

    ประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2024
    หมวด Best for Cleanser

    ประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2024 หมวด Best for Cleanser สำหรับหมวดนี้ประกอบด้วย 9 สาขา มาดูกันเลยค่ะ ว่าสินค้าที่ได้รับรางวัล หมวดผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและความสะอาดลูกน้อย จาก AMARIN BABY & KIDS AWARDS ในปีนี้ จะมีอะไร ยี่ห้อใดบ้าง

     

    น้ำยาซักผ้าเด็ก

    MOMMY’S CHOICE : BEST BABY LAUNDRY DETERGENT

    D-nee Newborn น้ำยาซักผ้าเด็กกลิ่น Aloe Vera หอมสดชื่น ที่แม่ๆ พร้อมใจกันเลือก มีส่วนผสมที่เป็นกลาง ไม่มีสารตกค้างระคายเคืองผิว ปลอดภัยต่อลูกน้อย ช่วยถนอมเส้นใยผ้า ป้องกันคราบสกปรกไหลย้อนกลับ ผสมสารลดแรงตึงผิว และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ

    น้ำยาซักผ้าเด็กสูตรส่วนผสมธรรมชาติและออร์แกนิก

    MOMMY’S CHOICE : BEST NATURAL & ORGANIC BABY LAUNDRY DETERGENT

    น้ำยาซักผ้าเด็กแรกเกิด โคโดโม ออร์แกนิค โอลีฟ ออยล์ Organic Olive Oil สูตรอ่อนโยนที่โดนใจแม่ๆ  ทั่วประเทศ ช่วยขจัดคราบได้อย่างสะอาดมั่นใจ อ่อนโยนต่อผิวที่บอบบาง ไม่มีสารตกค้าง ที่ทำให้ระคายเคืองผิว พร้อมกลิ่นหอมสะอาด อ่อนละมุน

    น้ำยาปรับผ้านุ่ม

    MOMMY’S CHOICE : BEST LIQUID SOFTENER

    COMFORT Pure ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม สูตรเข้มข้นพิเศษ กลิ่นแป้งเด็กอ่อนโยน หอมสะอาดสดชื่น ถูกใจแม่ สูตรอ่อนโยนแม้ผิวบอบบาง ผ่านการทดสอบการระคายเคืองโดยสถาบันแพทย์ผิวหนัง ให้ผ้าคุณนุ่มกว่าถึง 3 เท่า

    น้ำยาล้างขวดนม

    MOMMY’S CHOICE : BEST BABY BOTTLE & NIPPLE LIQUID CLEANSER

    Babi Mild เบบี้ มายด์ ผลิตภัณฑ์น้ำยาล้างขวดนม สำหรับทำความสะอาดขวดนม จุกนม ภาชนะสำหรับทารกโดยเฉพาะ รวมถึงของเล่นเด็ก อ่อนโยนจากธรรมชาติ 2 เท่า ผสมผสานคุณค่าเอสเซ้นส์ออร์แกนิคคาโมมายล์ และออร์แกนิคจากดอกฮันนี่ซัคเคิล สารทำความสะอาดสังเคราะห์จากพืชธรรมชาติ 4 ชนิด ได้แก่ ข้าวโพด มะพร้าว ผลปาล์ม และข้าวสาลี ผ่านการทดสอบการระคายเคือง สามารถขจัดคราบไขมันนมและกลิ่นตกค้างบนขวดได้อย่างสะอาดหมดจด

     

    ผลิตภัณฑ์ล้างมือสำหรับเด็ก

    MOMMY’S CHOICE : BEST HAND WASH FOR KIDS

    Kirei Kirei โฟมล้างมือที่แม่ๆ เทใจให้ เหมาะสำหรับเด็ก เพราะอ่อนโยนต่อผิว และมีสูตรปกป้องจากแบคทีเรีย เพื่อมือสะอาดอย่างมีอนามัย เนื้อครีมโฟมอ่อนนุ่ม กระจายการทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง ล้างออกง่าย อุดมสารทำความสะอาดจากพืชธรรมชาติ มาพร้อมกลิ่นหอม สะอาด สดชื่น

     

    ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อสำหรับเด็ก

    MOMMY’S CHOICE : BEST HOUSEHOLD DISINFECTANT CLEANER

    Babi Mild เบบี้มายด์ เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือแบบไม่ใช้น้ำ สะอาดอ่อนโยน เหมาะสำหรับเด็ก และทุกคนในครอบครัว ลดการสะสมของเชื้อโรคต่างๆ และ แบคทีเรีย มีแอลกอฮอล์ ความเข้มข้น 70% V/V ซึ่งเป็นความเข้มข้นสามารถลดการสะสมเชื้อโรค เช่น แบคทีเรีย ที่สำคัญยังสามารถใช้ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ เพราะมี เอสเซ้นส์ออร์แกนิกอโลเวร่า มาตรฐาน ECOCERT® จึงมั่นใจได้ว่า นอกจากปกป้องผิวให้สะอาดแล้ว ยังอ่อนโยนต่อผิวบอบบางของลูกน้อย ไม่ทำให้ผิวแห้งกร้านเพราะล้างมือบ่อย ๆ อีกด้วย

     

    น้ำยาซักผ้าเด็กสูตรส่วนผสมธรรมชาติและออร์แกนิก

    EDITOR’S CHOICE :  BEST NATURAL & ORGANIC BABY LAUNDRY DETERGENT

    KODOMO น้ำยาซักผ้าเด็กแรกเกิด เทคโนโลยี Natural 5 Complex คัดสรรสารทำความสะอาดจากพืชธรรมชาติ 5 ชนิดลดสาเหตุการเกิดผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ช่วยขจัดคราบได้อย่างสะอาดมั่นใจ อ่อนโยนต่อผิวที่บอบบาง กลิ่นหอมละมุน ผ่านการทดสอบความไม่ระคายเคืองต่อผิว (Dermatology Test)

    น้ำยาล้างขวดนม

    EDITOR’S CHOICE : BEST BABY BOTTLE & NIPPLE LIQUID CLEANSER

    Pureen Baby น้ำยาล้างขวดนม สูตรออร์แกนิค ผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของออร์แกนิคโคโค่นัทออยล์ (USDA) มีคุณสมบัติช่วยขจัดคราบโปรตีนและไขมันนมที่ติดอยู่บนขวดนม, จุกนม และภาชนะอื่นๆ โดยไม่ทิ้งกลิ่นไม่พึงประสงค์บนขวดนม, จุกนม,ภาชนะ สารทำความสะอาดจากพืชธรรมชาติทั้งหมด เป็น Plant-Based ปราศจาก SLS, สี, ลาโนลิน, MIT และน้ำหอม ผ่านการทดสอบว่าไม่ระคายเคืองผิว(Dermatologically Tested) แม้ผิวที่แพ้ง่าย

    ติดตามอ่านรางวัลหมวดอื่นตามลิงค์นี้

    Best for Bath & Care

    Best for Pregnancy & New Mom

    Best for Cleanser

    Best for Learning

    Best for Travel & Safety

    Best for Feeding

    Popular Vote

     

      Tags

      ประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2024 หมวด Best for Feeding

      ประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2024
      หมวด Best for Feeding

      ประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2024 หมวด Best for Feeding สำหรับหมวดนี้ประกอบด้วย 17  สาขามาดูกันเลยว่าสินค้าที่ได้รับรางวัลในปีนี้ จะมีอะไร ยี่ห้อใดบ้างค่ะ

      ขวดนมและจุกนม

      MOMMY’S CHOICE : BEST BABY BOTTLE & NIPPLE PRODUCT

      Natur ขวดนมและจุกนมแบรนด์ที่มีมากว่า 59 ปี การันตีโดยผลโหวตที่แม่ๆ ต่างเทใจให้ วัสดุขวดนมผลิตจากโพลิโพรพิลิน (PP) ขวดใส พลาสติกเกรดสัมผัสอาหาร  และจุกนมนิ่มหลายรู เสมือนดูดจากอกแม่ ลูกน้อยควบคุมการไหลของน้ำนมได้ด้วยตัวเองที่ผลิตจากซิลิโคนเกรดพรีเมี่ยม นิ่มพิเศษ ยืดหยุ่นสูง ปลอดสาร BPA ทนความร้อน

      นม UHT สำหรับเด็ก

      MOMMY’S CHOICE : BEST UHT MILK AWARD

      ไฮคิว 1 พลัส ซูเปอร์โกลด์ ยูเอชที นมกล่องยูเอชที สำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปและทุกคน ผสมใยอาหารที่ละลายน้ำได้ GOS/lcFOS ในสัดส่วนที่เป็นเอกสิทธิเฉพาะ 9:1 มีดีเอชเอ 27 มก./หนึ่งหน่วยบริโภค มีสังกะสี แคลเซียมและมีฟอสฟอรัส นมกล่องยูเอชทีที่แม่เลือกให้เป็น

      นมผงสำหรับเด็ก (สูตร 3)

      MOMMY’S CHOICE : BEST GROWING-UP MILK

      ผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับเด็กสูตร 3  ที่แม่ๆ เลือกให้เป็น เอนฟาโกร เอพลัส มายด์โปร สูตร 3 มีสารอาหารสำคัญสำหรับร่างกายและสมอง ช่วยเสริมโภชนาการให้เด็กพร้อมเรียนรู้สมวัย คิดค้นมาเพื่อให้เป็นนมสำหรับเด็ก และทุกคนในครอบครัวช

      เครื่องปั๊มนมมัลติฟังก์ชั่น

      MOMMY’S CHOICE : BEST MULTI FUNCTION BREAST PUMP

      เครื่องปั๊มนมตอบโจทย์แม่ยุคใหม่ เทใจให้ Attitude mom Galaxy III เครื่องปั๊มนมกรวยซิลิโคน ที่ครอบคลุมทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน ช่วยให้แม่ชีวิตง่ายขึ้น ไม่ว่าจะนั่งเอนหลังปั๊มหรือนอนปั๊ม ก็ทำได้หมด

      อุปกรณ์กินอาหารสำหรับเด็ก

      MOMMY’S CHOICE : BEST FEEDING PRODUCT FOR WEANING

      ตอบโจทย์คุณพ่อคุณแม่ สาย BLW หัดให้ลูกกินอาหารได้ด้วยตัวเอง กับอุปกรณ์กินอาหารสำหรับเด็ก จาก Miniware แบรนด์ดังจากประเทศสหรัฐอเมริกา ออกแบบมาสำหรับเด็ก 6 ขวบขึ้นไป ที่กำลังหัดหยิบจับอาหาร วัสดุปลอดภัยที่แม่มั่นใจ มีทัั้งจาน ชาม ช้น ส้อม และ แก้วน้ำฝึกดื่ม

      เครื่องฆ่าเชื้อขวดนม

      MOMMY’S CHOICE : BEST BABY BOTTLE STERILIZER

      ขวดนมที่สะอาด ปลอดเชื้อ เพื่อสุขภาพของลูกน้อย แม่เลือก เครื่องอบยูวี UV Smart Tech แบรนด์ Prince & Princess​ นวัตกรรมใหม่ฆ่าเชื้อด้วย UV-C LED 9 ดวง พร้อมอบแห้งได้รวดเร็ว นอกจากอบเพื่อฆ่าเชื้อขวดนมลูกแล้ว ยังสามารถอบฆ่าเชื้อด้วยแสงยูวีกับอุปกรณ์ได้หลากหลายชนิด เช่น ของเล่น อุปกรณ์ปั๊มนม ภาชนะใส่อาหาร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

      ผลิตภัณฑ์เสริมโภชนาการด้านใยอาหารสำหรับเด็ก

      MOMMY’S CHOICE : BEST KIDS FIBER DIETARY SUPPLEMENT

      ตัวช่วยสำหรับลูกท้องผูก เพราะทานผักน้อย แม่เทใจให้ Infolife Fiber ไฟเบอร์ ใยอาหารพรีไบโอติกจากธรรมชาติที่ละลายได้ง่าย ทัั้งในน้ำร้อนและเย็น ช่วยเพิ่มจำนวนแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ และเพิ่มกากใยอาหารและช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ

      ผลิตภัณฑ์เสริมโภชนาการเด็กแบบชง

      MOMMY’S CHOICE : BEST KIDS POWDER DIETARY SUPPLEMENT

      มาสเตอร์แรบบิท ไอรอน วิท โฟลิค พลัส วิตดี วิตามินเสริมธาตุเหล็กสำหรับเด็ก เหมาะกับเด็กวัยเจริญเติบโต มีส่วนผสมของ “zinc” ที่มีส่วนช่วยในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน สร้างเนื้อเยื่อ และคอลลาเจน ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเด็ก ๆ ในทุกช่วงวัย

      ผลิตภัณฑ์เสริมโภชนาการเด็กแบบน้ำ

      MOMMY’S CHOICE : BEST KIDS LIQUID DIETARY SUPPLEMENT

      ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็ก Mamarine เสริมวิตามินซี ที่แม่โหวตให้ในปีนี้ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กวัยเรียนรู้และมีสารอาหารอื่นที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อย รูปแบบน้ำช่วยให้ดื่มง่าย รสผลไม้ที่เด็กๆ ชอบ

      ขวดนมและจุกนม

      EDITOR’S CHOICE : BEST BABY BOTTLE & NIPPLE PRODUCT

      Philips Avent ขวดนมที่ช่วยให้สลับการดูดนมจากเต้านมแม่ และขวดนมได้ง่าย จุกนมแบบตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติจะมีนมไหลออกมาเฉพาะตอนที่ลูกน้อยออกแรงดูดเท่านั้น พร้อมรูปทรงขวดนมที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้จับถือได้ง่าย

      นม UHT สำหรับเด็ก

      EDITOR’S CHOICE : BEST UHT MILK AWARD

      โฟร์โมสต์โอเมก้าสมาร์ทโกลด์ นมยูเอชทีที่ตอบโจทย์ในด้านคุณค่าสารอาหารให้ลูกวัยเรียนรู้ได้ในทุกๆ วัน มีดีเอชเอ สูง และวิตามินบี 12 ช่วยในการทำงานตามปกติของระบบสมอง พร้อมใยอาหาร และแคลเซียม ช่วยในการเจริญเติบโต

      สุดยอดนวัตกรรมนมที่แม่ผ่าคลอดแนะนำ

      EDITOR’S CHOICE : BEST INNOVATIVE GROWING-UP MILK THAT C SEC MOM RECOMMEND

      เอนฟาโกร เอพลัส ซี-ไบโอม สูตร 3 มีสารอาหารที่ครบทุกความต้องการสำหรับลูก 1 ขวบขึ้นไปและทุกคนในครอบครัว เป็นสูตรเฉพาะที่มี MFGM (Milk Fat Globule Membrane) เยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในนม ซึ่งมีองค์ประกอบหลักคือโปรตีนและไขมันหลายชนิดรวมกัน, DHA, ใยอาหาร 2′-FL และมีวิตามินบี 12 ที่มีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาท และสมอง

      เครื่องปั๊มนมมัลติฟังก์ชั่น

      EDITOR’S CHOICE : BEST MULTI FUNCTION BREAST PUMP

      เครื่องปั๊มนมสเปคตร้า Spectra Dual Compact ดีไซน์สวยหรู พกพาสะดวก ตอบโจทย์แม่ที่ต้องมาทำงานนอกบ้าน ระบบ 2 มอเตอร์ น้ำหนักเพียง 670 กรัม มีรอบดูดมากกว่า 100 ครั้ง/นาที กระตุ้นน้ำนมให้มาเร็วยิ่งขึ้น และยังสามารถปรับแรงดูดสูงสุดได้ 12 ระดับ แยกการทำงานซ้ายขวา มีโหมดเคลียร์เต้าน้ำนม ดูดลึก ดึงน้ำนมออกมาได้มากยิ่งขึ้นตัวเครื่องฯมาพร้อมแบตเตอรี่ พกพาไปไหนมาไหนได้ ให้ชีวิตแม่ยุคใหม่ง่ายขึ้น

      นวัตกรรมเครื่องปั๊มนม

      EDITOR’S CHOICE : BEST INNOVATIVE BREAST PUMP

      เครื่องปั๊มนมที่ครอบคลุมทุกฟังก์ชั่นการใช้งานสำหรับแม่ยุคใหม่ ออกแบบมาให้สามารถปั๊มนมในท่าเอนหลังพักผ่อน หรือนอนราบ 180 องศา ตอบโจทย์แม่หลังคลอดที่ต้องการพักผักผ่อนหลังจากดูแลลูกน้อยได้เป็นอย่างดี

      เครื่องฆ่าเชื้อขวดนม

      EDITOR’S CHOICE : BEST BABY BOTTLE STERILIZER

      SAKER เครื่องอบและฆ่าเชื้อขวดนมด้วย ตู้อบ UV ช่วยฆ่าเชื้อไวรัส และ แบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ กลิ่นอับ ลดกลิ่นบูด วัสดุปลอดสารก่อมะเร็ง (BPA FREE) ไม่มีสารพิษ (NON-TOXIC) วัสดุภายในเป้นสแตนเลสฟู้ดเกรด สัมผัสอาหารได้ นอกจากอบฆ่าเชื้อขวดนมแล้ว ยังสามารถอบฆ่าเชื้ออุปกรณ์อาหาร, อุปกรณ์เครื่องปั๊มนม, ของเล่น, แปรงแต่งหน้า, อาหาร น้ำ ชา,กาแฟ อื่นๆ ให้งานได้หลากหลาย จัดว่าคุ้มค่า เป็นไอเทมติดบ้านที่ต้องมีจริงๆ

      ผลิตภัณฑ์เสริมโภชนาการด้านใยอาหารสำหรับเด็ก

      EDITOR’S CHOICE : BEST KIDS FIBER DIETARY SUPPLEMENT

      Infolife Fiber ใยอาหารพรีไบโอติก ช่วยเสริมใยอาหารให้กับลูกน้อยในทุกวัน เพื่อป้องกันท้องผูก ไม่มีรส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่ข้นหนืด ไม่พองตัว สามารถผสมในเครื่องดื่มโปรดของลูกได้ ช่วยแก้ปัญหาท้องผูกของลูกน้อย ให้ขับถ่ายได้เป็นประจำแล้วยังช่วยให้อุจจาระนิ่มและขับถ่ายได้ง่าย

      ผลิตภัณฑ์เสริมโภชนาการเด็กแบบชง

      EDITOR’S CHOICE : BEST KIDS POWDER DIETARY SUPPLEMENT

      มาสเตอร์แรบบิท ไอรอน วิท โฟลิค พลัส วิตดี วิตามินเสริมธาตุเหล็กสำหรับเด็ก เหมาะกับเด็กที่ไม่ชอบทานผักและเนื้อสัตว์ และยังมีส่วนผสมของ “zinc” ที่มีส่วนช่วยในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน สร้างเนื้อเยื่อ และคอลลาเจน ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเด็ก ๆ ในทุกช่วงวัย มี วิตามินซี ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก และที่สำคัญมี “กรดโฟลิก” ที่ช่วยในการเจริญเติบโต โดยเฉพาะกับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ อีกทั้งยังมีส่วนผสมของวิตามินดีต่างๆที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ชงดื่มง่าย ไร้สี กลิ่น น้ำตาล ละ รสชาติ ไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร

      ติดตามอ่านรางวัลหมวดอื่นตามลิงค์นี้

      Best for Bath & CareBest for Pregnancy & New Mom
      Best for CleanserBest for Learning
      Best for Travel & SafetyBest for Feeding
      Popular Vote
        ศูนย์การเรียนประถมภูมิธรรม

        ศูนย์การเรียนรู้ประถมภูมิธรรม ผสมผสานวิชาการให้เข้ากับธรรมชาติ ฝึกให้เด็กมีทักษะชีวิต

        ศูนย์การเรียนประถมภูมิธรรม เรียนรู้ความจริงของธรรมดา พัฒนาตนบนฐานแห่งธรรมชาติ สู่ศานติ์สุขสมบูรณ์ของชีวิตภูมิธรรม

        School Visit ยินดีต้อนรับทุกคนสู่ ศูนย์การเรียนรู้ประถมภูมิธรรม ศูนย์การเรียนที่เชื่อมั่นว่าเด็กทุกคนสามารถพัฒนาตัวเองได้ เป็นโรงเรียนที่ฝึกให้เด็กมีทักษะชีวิต พึ่งพาตนเองด้วยการงานที่เป็นประโยชน์และพัฒนามนุษย์อย่างเป็นองค์รวม

        ศูนย์การเรียนประถมภูมิธรรม เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ภายใต้สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น ประถม 1 – 6  มีทุกอย่างครบครันเหมือนโรงเรียนทั่วไปตามนโยบายเรื่องการศึกษา สอนทั้งรายวิชาพื้นฐานทั่วไปและรายวิชาเพิ่มเติม ซึ่งเป็นหลักสูตรที่โรงเรียนออกแบบขึ้นเอง มีความยืดหยุ่นและเน้นกระบวนการมากกว่าเนื้อหา ที่สำคัญคือเป็นหลักสูตรที่ทำให้เด็กมีความสุขในการเรียน

        บนพื้นที่กว่า  2 ไร่ ย่านศาลาธรรมสพน์ เป็นที่ตั้งของ โรงเรียนอนุบาลบ้านพลอยภูมิและศูนย์การเรียนประถมภูมิธรรมในพื้นที่เดียวกัน ก่อตั้งโดย  ครูอ๊อบ- สโลพร ตรีพงษ์พันธ์  หลังจากเปิดโรงเรียนอนุบาลพลอยภูมิมาได้ 15 ปี และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ครูอ๊อบก็อยากท้าทายและทำตามความฝันของตนเอง ด้วยการเปิดศูนย์การเรียนชั้นประถม เพื่อดูแลเด็ก ๆ ให้ต่อเนื่อง เพราะเชื่อมั่นว่าหากจะปั้นเด็กขึ้นมาสักคนหนึ่งให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต ช่วง 10 ปีแรกของเด็ก ๆ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ปัจจุบันศูนย์การเรียนประถมภูมิธรรมเปิดมาแล้วกว่า 9 ปี ยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างเด็กให้รู้จักการบาลานซ์ชีวิต การเรียนรู้ทักษะชีวิต ได้ลงมือทำ และผสมผสานวิชาการให้เข้ากับธรรมชาติของเด็กให้มากที่สุด

        สถาปัตยกรรมของโรงเรียน สวยงามด้วยโทนสีธรรมชาติและเส้นสายที่โค้งมน ออกแบบโดยบริษัท Volume Matrix Studio ได้รับรางวัล ชนะเลิศ  สาขา Public Service Architecture โดย Asia Pacific Property Awards 2024-2025 จาก London , ประเทศอังกฤษ

         

        วิถีชีวิตของเด็ก ๆ ที่ภูมิธรรม

        ที่ภูมิธรรมสอนให้เด็กมีความแข็งแกร่งในเรื่องทักษะชีวิต จุดเด่นของโรงเรียน คือ การสร้างเด็ก ให้เป็นเด็กธรรมดา ที่มีความสุขได้ ซึ่งเป็นแก่นแท้ของชีวิต เรียนรู้ความจริงของความเป็นธรรมดาบนพื้นฐานของธรรมชาติ  เด็ก ๆ จะได้ฝึกดูแลตนเองและดูแลผู้อื่น รู้จักตนเอง ชอบ รัก หวัง และอยากเป็นสิ่งใด รู้ศักยภาพและเป้าหมายของตนเอง มีความมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งนั้น ๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้เด็กรักตัวเอง และมีความพยายามที่จะพัฒนาตนเอง  ไม่เพียงแค่เรียนรู้ที่จะผ่านการทดสอบเท่านั้น แต่ยังเรียนรู้ที่จะเข้าใจความหมายที่แท้จริงของทุกอย่าง ทำงานอย่างไรและทำไม เพื่อทำความเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาสัมผัส เพื่อนำความเข้าใจนี้ไปใช้ในสถานการณ์จริง

        บันไดขึ้นอาคารใช้งานได้อเนกประสงค์ ใช้เป็นที่นั่งชมการแสดง ในวันงานของโรงเรียนได้ด้วย

        Homeroom ในช่วงเช้า

        บูรณาการเป็นแกนหลัก

        ที่ภูมิธรรม เชื่อว่าเด็ก ๆ ควรมีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับทุกสิ่งในชีวิต หลักสูตรของโรงเรียนจึงใช้บูรณาการเป็นแกนหลัก สำหรับชั้นประถม 1-2 จะได้เรียนบูรณาการ เรื่อง ดิน น้ำ ลม ไฟ สอนให้นักเรียนเข้าใจถึงชีวิต ธรรมชาติ ชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยใช้ความรู้ทางวิชาการเป็นเครื่องมือนำไปสู่ความจริงเหล่านั้น เริ่มต้นจากสิ่งที่เด็ก ๆ พบเจอในชีวิตประจำวัน  หัดตั้งคำถามและค้นหาคำตอบด้วยการลงมือทำและสอบถามผู้รู้ เด็ก ๆ จะได้ทักษะมากมายทั้งการสังเกตุ การสื่อสาร คิดวิเคราะห์ เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับสิ่งแวดล้อม โดยทำงานเป็นกลุ่ม ช่วยกันระดมความคิด ออกแบบ วางแผนออกเป็นชิ้นงาน เช่น เรียนเรื่องดิน ก็จะได้ทราบว่าดินหรือน้ำสัมพันธ์กับตัวเราอย่างไร สัมพันธ์กับธรรมชาติอย่างไรในมิติต่าง ผ่านการทดลองและลงมือทำ ในรูปแบบวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังได้ไปตามแหล่งเรียนรู้จริง เช่น  เรียนรู้เรื่องน้ำเสียเกิดได้อย่างไร เด็ก ๆ ก็จะได้ลงพื้นที่เพื่อหัดวัดคุณภาพน้ำ สังเกตุสี ความขุ่น การวัดออกซิเจน และอื่น ๆ โดยศึกษาจากคลองใกล้ ๆ โรงเรียน ได้ไปศึกษาแหล่งต้นน้ำ เช่น ที่ห้วยขาแข้ง ศึกษาเส้นทางน้ำกับสัตว์เล็กน้ำจืด ว่าแตกต่างกับคลองใกล้โรงเรียนอย่างไร คุณภาพน้ำแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน

        นอกจากนี้ยังมีรายวิชาอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น รายวิชาสุนทรีย เรียนดนตรีไทย ดนตรีสากล ขลุ่ยและเครื่องดนตรีในรูปแบบ คาร์ล ออร์ฟ พัฒนาศักยภาพผ่านทางดนตรีและการเคลื่อนไหว กิจกรรม การเล่นอย่างมีความสุข

         

        วันนี้น้อง ๆ อนุบาล มาเรียนดนตรีไทยที่ตึกพี่ประถม

         

        เรียน Juggling ช่วยเรื่องในการเรียนได้ด้วย  ฝึกประสาทสัมผัส ฝึกข้อมือ ฝึกสมาธิ พัฒนาสมองสองซีก

        ผลงานศิลปะของเด็ก ๆ ที่ภูมิธรรม

        วันนี้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เรื่องเพื่อนสัตว์โลก ได้เรียนรู้เรื่องอวัยวะ ขี่ อาบน้ำ และช่วยดูแลม้า

          การลงมือทำช่วยให้เด็ก ๆจดจำได้ดีกว่าการท่องจำ

         

        ธนาคารขยะ เมื่อเด็ก ๆ หัดแยกขยะแล้วก็สามารถนำขยะมาขายที่โรงเรียนได้ด้วย

         

        เรียนรู้นอกห้องเรียน

        การเรียนรู้นอกห้องเรียนหรือแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เป็นสิ่งที่โรงเรียนให้ความสำคัญมาก เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้นอกห้องเรียนที่สวนผลิใบ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแคมปัสของโรงเรียนอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก  เป็นที่ที่จะได้เรียนศิลปะ ปั้นดิน ปั้นเซรามิค เรียนช่างไม้ เรียนดนตรีสากล ปลูกผัก เลี้ยงไส้เดือน กับครูผู้เชี่ยวชาญมากมาย รวมไปถึงการได้ออกค่ายต่างจังหวัดตามแหล่งธรรมชาติ เช่น เขาใหญ่ ห้วยขาแข้ง บ้านไร่ลุงคริส เขื่อนแม่วงศ์ หรือค่ายเรือใบ ของเด็ก ป. 4 – 5 และอื่น ๆ อีกมากมาย เมื่อได้ใช้ชีวิตกับธรรมชาติและอยู่เอาต์ดอร์มากขึ้น ก็ช่วยสร้างเด็กให้แข็งแรงขึ้น และยังซึมซับว่าป่าและธรรมชาติมีคุณค่าอย่างไร

        กิจกรรมมากมายให้เด็กได้เรียนรู้และลงมือทำ

        รายวิชาพื้นฐาน

        โรงเรียนให้ความสำคัญกับรายวิชาทักษะชีวิตแต่ก็ไม่ทิ้งรายวิชาสามัญทั่วไป เช่น

        วิชาคณิตศาสตร์  เด็ก ๆ จะได้รับความรู้ในเชิงคณิตศาสตร์เพื่อนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งในบริบทเชิงวิชาการและทัศนคติที่ดีของวิชาคณิตศาสตร์ เน้นกิจกรรมและเครื่องมือการสอนที่หลากหลาย ให้นักเรียนมีส่วนร่วมและลงมือทำด้วยตนเอง ได้ทักษะครบทั้งในเชิงวิชาการณ์แก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ รวมไปถึง การเรียนรู้เพื่อที่จะรู้ถึงความสัมพันธ์ของสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ และสามารถนำความรู้นี้ไปใช้ประโยชน์และเรียนรู้อย่างมีความสุข

        วิชาภาษาไทย โรงเรียนเน้นความสุขของผู้เรียนเป็นหลัก เมื่อนักเรียนมีความสุข ทักษะต่าง ๆ ก็จะมีประสิทธิภาพ ทั้งการพูด ฟัง อ่านและเขียน เชื่อมโยงเรื่องราวต่าง ๆ เรียนภาษาไทยได้อย่างรู้คุณค่า รู้ความหมาย และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ และเพราะเด็กแต่ละคนมีความถนัดที่แตกต่างกัน โรงเรียนจึงจัดกิจกรรมการสอนที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองผู้เรียนที่มีความต่างกัน

        ภาษาอังกฤษ  สอนโดยครูต่างชาติและครูไทย มุ่งเน้นให้เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์ในการใช้ภาษาอังกฤษ ทั้งภายในชั้นเรียนและนอกห้องเรียน สร้างบรรยากาศที่มีความเป็นมิตร เป็นกันเอง สร้างทัศนคติที่ดีให้กับนักเรียน ให้รู้สึกสนุกกับการเรียน มีสื่อมากมายในการสอน  ได้มีโอกาสลงมือทำและเรียนรู้ด้วยตนเอง ผ่านกิจกรรมที่หลากหลายและสนุกสนาน นำไปสู่การสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ  และยังเสริมชมรมต่าง ๆ ที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อสอดแทรกภาษาให้กับเด็ก ๆ นอกเนื้อจากคาบเรียนปกติ

        เขียนชื่อนิทานที่เด็ก ๆ ชอบ เป็นภาษาอังกฤษ

        คาบเรียนภาษาไทยและ คณิตศาสตร์แบบ Singapore Math

        ห้องเรียนของเด็ก ๆ และห้องวิทยาศาสตร์

        ห้องเรียนพ่อแม่

        โรงเรียนจัดอบรมให้กับผู้ปกครองและเด็ก ๆ อยู่เป็นประจำ โดยเชิญวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ เช่น หัวข้อการป้องกันตัวเราไม่ให้ถูกล่วงละเมิด หรือการอบรมเรื่องเหตุกราดยิง , ภัยออนไลน์ , การรู้เท่าทันสื่อและอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อให้ผู้ปกครองมีความเข้าใจมากขึ้นในเรื่องของรากฐานการเรียนรู้ของเด็ก เข้าใจในการเลี้ยงดูลูกอย่างมีความสุขร่วมกันและยังมีประชุมผู้ปกครองกับครูประจำชั้นและครูรายวิชา  สำหรับประถม  1 และ 4 เทอมละ 2 ครั้ง และสำหรับชั้นอื่น ๆ เทอมละ 1 ครั้ง

        ห้องสมุดและ Co-Working Space สำหรับเด็ก ๆ

        Mommy Love This! ถูกใจแม่

        1. ที่นี่รับเด็กพิเศษ สามารถเรียนร่วมได้
        2. การบ้านน้อย มีเพื่อให้เด็กได้ทบทวน
        3. โรงเรียนสร้างเด็กให้เท่าทันต่อเทคโนโลยี ไม่เป็นตกเป็นทาสของเทคโนโลยี ใช้สำหรับรีเสริช และเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้มากกว่า และอยู่ในการควบคุมดูแล
        4. การวัดผล ประเมินตามสภาพจริง เด็ก ๆ ได้พรีเซนต์กระบวนการเรียนรู้ของตนเองที่ผ่านมา มีการสอบที่หลากหลาย เช่น เล่าความเข้าใจ เขียนบรรยายเพื่อถ่ายทอดผ่านงานเขียน ไม่ได้เข้มงวด และไม่มีเกรดเฉลี่ย แต่สำหรับเด็กประถมปลายจะมีการทำเกรดเฉลี่ยให้ สำหรับการศึกษาต่อยังชั้นมัธยมศึกษา
        5. โรงเรียนให้คุณค่ากับเรื่องทักษะชีวิตเป็นหลัก เพื่อเตรียมเด็กให้มีความแกร่งทั้งกายและใจ
        6. สิ่งที่เด็ก ๆ จะจดจำโรงเรียนนี้ได้ คือประสบการณ์ในการเรียนที่สนุก การได้เดินป่าตามแหล่งเรียนรู้ ได้เข้าค่ายยังที่ต่าง ๆ

         

        อัตราค่าเล่าเรียน ปีการศึกษา 2567

        • ค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าประกันอุบัติเหตุ 30,000 บาท
        • ค่าธรรมเนียมการเรียนการสอน ภาคเรียนละ 85,000 บาท

        หมายเหตุ : ราคาดังกล่าวยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ และ ค่าธรรมเนียมการเรียนการสอนจะปรับขึ้นประมาณ 5 -10 % ต่อปีการศึกษา

         

        ที่อยู่

        ศูนย์การเรียนประถมภูมิธรรม

        13/2 ม.5 ซอยศาลาธรรมสพน์ 42 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ 10170

        โทร. 02- 889 – 6941, 097–107–5407

        https://www.facebook.com/Phumdham/
        https://www.phumdham.com/

         

        Editor : แม่เลม่อน

        ภาพ :  นันทิยา บุษบงค์

          ส่งความรู้ สร้างความสุข

          อมรินทร์กรุ๊ป และ ไทยเบฟเวอเรจ เปิดโครงการ “ ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5 ” ส่งเสริมเยาวชนไทยรักการอ่าน เครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้ตลอดชีวิต

          อมรินทร์กรุ๊ป โดย บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด ภายใต้การสนับสนุนจาก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และกระทรวงศึกษาธิการ แถลงข่าวพร้อมเปิดโครงการ ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5 เพื่อผลักดันและส่งเสริมให้เด็กไทยทั่วประเทศ เห็นความสำคัญและมีนิสัยรักการอ่าน และพัฒนาห้องสมุดของโรงเรียนให้มีชีวิต ตามแนวคิด การอ่านเป็นรากฐานที่สำคัญของการเรียนรู้และการพัฒนาของเด็ก” โดยมี ดร.วิษณุ ทรัพย์สมบัติ ผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา และรักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษา ด้านมาตรฐานการศึกษา ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ให้เกียรติเป็นประธานงานแถลงข่าว ร่วมด้วย ศิริ บุญพิทักษ์เกศ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทอมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) โสภณ ราชรักษา ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลและสมรรถนะองค์กร บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) รวมถึงกลุ่มโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ร่วมงาน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

          ส่งความรู้ สร้างความสุข

          ดร.วิษณุ ทรัพย์สมบัติ ผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา และรักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษา ด้านมาตรฐานการศึกษา ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ประธานในงานแถลงข่าว โครงการส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5 เผยว่า “กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายการจัดการศึกษา ภายใต้ยุทธศาตร์ชาติเพื่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ในประเด็นการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต ได้แก่ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์ การพัฒนาเด็กตั้งแต่ช่วงการตั้งครรภ์จนถึงปฐมวัย รวมทั้งการพัฒนาช่วงวัยเรียน วัยรุ่น ตลอดจนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 และการพัฒนาพหุปัญญาของมนุษย์

          ส่งความรู้ สร้างความสุข

          โครงการส่งความรู้ สร้างความสุข ที่ดำเนินโครงการโดยอมรินทร์กรุ๊ป จากการสนับสนุนของบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ทางกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ดำเนินงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ภายใต้แนวคิด “เด็กไทยอ่านออก เขียนได้…คุณครูก้าวไกล…ชาติไทยพัฒนา” ซึ่งไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยการพัฒนาทักษะการอ่านของผู้เรียนให้เป็นผู้รู้หนังสือ สามารถอ่านออก เขียนได้ ผ่านกิจกรรมอ่านกัน วันละ 15 นาที แต่ยังช่วยพัฒนาคุณครูผู้รับผิดชอบโครงการ สามารถรวบรวมและเก็บชิ้นงานที่เกิดขึ้นจากการทำกิจกรรมพัฒนาทักษะการอ่าน ที่ทำร่วมกับผู้เรียนนำไปประกอบเป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานจริง ในการขอเลื่อนวิทยฐานะต่อได้”

          ส่งความรู้ สร้างความสุข

          หม่อมหลวงลือศักดิ์ จักรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด กล่าวถึงการดำเนินโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5” ว่า “โครงการส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5 เกิดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านให้กับนักเรียนในโรงเรียนเป้าหมาย โดยสนับสนุนให้เป็นผู้รู้หนังสือ อ่านออก เขียนได้และมีผลสัมฤทธิ์ในรายวิชาโดยเฉพาะวิชาภาษาไทยสูงขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้ครูผู้รับผิดชอบโครงการเพิ่มวิทยฐานะของตนเองจากการลงมือปฏิบัติงานจริงกับผู้เรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม และยังพัฒนาให้โครงการส่งความรู้ สร้างความสุข เป็นต้นแบบโครงการที่สามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ในการพัฒนาคุณภาพการรู้หนังสือของเด็กไทยอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม

          ส่งความรู้ สร้างความสุข

          โครงการส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5 ยังคงสานต่อความมุ่งมั่นผ่านการดำเนินงานโครงการ โดยจัดให้มีกิจกรรมการอ่านวันละ 15 นาที, ก่อตั้งชมรมรักการอ่าน, การลงบันทึกรักการอ่านอย่างสม่ำเสมอ, ต่อยอดกิจกรรม “อ่านดัง  ฟังเพลิน” ให้นักอ่านรุ่นใหม่อ่านแล้วบันทึกคลิปเสียง เพื่อส่งต่อจากผู้ให้สู่ผู้พิการทางสายตา เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนที่เข้าร่วมชมรมรักการอ่านมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีขึ้น

          ส่งความรู้ สร้างความสุข

          ปีนี้ โครงการส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5 มีพันธกิจโรงเรียนเข้าร่วมโครงการ 50 แห่งจาก 22 จังหวัด และมีสมาชิกเข้าชมรมรักการอ่าน 5,000 คน ทำให้ และได้เริ่มดำเนินโครงการดังกล่าวไปแล้วในหลายโรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนวัดมัชฌันติการาม กทม., โรงเรียนทุ่งสองห้อง (คุปตัษเฐียรอุทิศ) กทม., โรงเรียนเสนานิคม กทม., โรงเรียนวัดหนองใหญ่ กทม., โรงเรียนวัดคู้บอน (วัฒนานันท์อุทิศ) กทม., โรงเรียนบ้านบางน้ำจืด จ.สมุทรสาคร, โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน  บ้านนากระเสริม จ.นครพนม, โรงเรียนบ้านเขวา “รัฐประชาวิทยากร” จ.มหาสารคาม, โรงเรียนเทศบาลวัดดอนไก่ดี (สังวรจันทสรราษฎรวิทยา) จ.สมุทรสาคร เป็นต้น

          ส่งความรู้ สร้างความสุข

          ส่งผลให้การดำเนินโครงการส่งความรู้ สร้างความสุข ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน จะมีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 260 แห่งจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ ส่งมอบชั้นวางพร้อมหนังสือกับ 10 หมวดความรู้ให้แก่โรงเรียนต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 285,000 เล่ม และมีนักเรียนที่เข้าชมรมรักการอ่านกว่า 29,000 คน

          ส่งความรู้ สร้างความสุข

          จากการดำเนินโครงการตลอด 4 ปีที่ผ่านมา พบว่านักเรียนที่เข้าร่วมโครงการมีผลสัมฤทิ์ทางการศึกษาดีขึ้น โดยในปีที่ 1 มีผลการเรียนดีขึ้น 64%  ปีที่ 2 เพิ่มขึ้นเป็น 72%  ปีที่ 3 เพิ่มขึ้นเป็น 75% และปีที่ 4 เพิ่มขึ้น 77% จากจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 23,324 คน ถือเป็นการเติบโตด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอย่างต่อเนื่องจากการดำเนินโครงการ

          ส่งความรู้ สร้างความสุข

          โครงการส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5 นี้ ได้วางเป้าหมายความสำเร็จของโครงการคือ นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการมีผลสัมฤทิ์ทางการศึกษาที่ดีขึ้น ด้านผู้บริหารและคุณครูให้ความสำคัญเรื่องการอ่าน ซึ่งเป็นพื้นฐานของการรู้หนังสือของนักเรียน คุณครูเองยังได้พัฒนาด้านการเรียนการสอน และมีโอกาสพัฒนาความก้าวหน้าในวิชาชีพ ส่งเสริมให้โรงเรียนเป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นสื่อประเภทหนังสือ คลิปวิดีโอการเรียนรู้ต่างๆ ที่มีคุณภาพ หลากหลาย เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของผู้เรียน”

          ส่งความรู้ สร้างความสุข

          ทั้งนี้ภายในงานมีการจัดแสดงตัวอย่างหนังสือที่จะมอบให้กับโรงเรียนในโครงการ ซึ่งประกอบไปด้วย หนังสือต่างๆ เช่น พระราชนิพนธ์ สื่อการเรียนการสอน หนังสือนิทาน หนังสือความรู้ทั่วไป การ์ตูน เสริมความรู้ การ์ตูนประวัติศาสตร์ ฯลฯ รวมไปถึงหนังสือสองภาษา

          สามารถติดตามรายละเอียดของโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” รวมทั้งภาพกิจกรรมจากโครงการฯ บทความและเคล็ดลับดีดีเกี่ยวกับการอ่าน ได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ : The Happy Read

            ชี้เป้า 5 ไอเทม เสริมพัฒนาการ ที่แม่ต้องมีติดตัว สำหรับดูแลลูกน้อยให้แข็งแรง สุขภาพดี

            เมื่อลูกเติบโตขึ้นจากวัยทารกเป็นเด็กน้อย คุณพ่อคุณแม่ที่คอยโอบอุ้มเลี้ยงดูมาอย่างดีก็คงปลื้มปริ่มใจ ซึ่งหลังจากเข้าสู่ช่วงวัย 1 ขวบขึ้นไป พัฒนาการของลูกน้อยจะเริ่มก้าวกระโดด และถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องปูพื้นฐานให้สำหรับการเผชิญโลกกว้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ สติปัญญา การเข้าสังคมต่าง ๆ วันนี้กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids มีไอเทมดีๆ มาแนะนำค่ะ! สำหรับให้คุณพ่อคุณแม่ไปตามหา เพื่อนำมาใช้ดูแลเลี้ยงดูเจ้าตัวน้อยและช่วยเสริมพัฒนาการทุกช่วงเวลาการเรียนรู้ เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกเติบโตได้อย่างสมวัยนั่นเองค่ะ

            1. Infolife fiber immunity plus ใยอาหารจากธรรมชาติ สำหรับเด็กท้องผูก

            เด็กบ้านไหนท้องผูกบ่อย หรือมีพฤติกรรมแปลกๆ พยายามกลั้นอุจาระ ยืนเบ่ง ไม่กล้านั่งถ่าย เขย่งเท้า ขาเกร็ง หนีบก้น จนหน้าซีดเหงื่อออก หรือถ้าคุณพ่อคุณแม่พยายามจับลูกให้นั่งถ่ายก็จะร้องไห้ต่อต้าน หากคุณกำลังเจอปัญหาแบบนี้อย่าปล่อยไว้นานนะคะ เพราะหากลูกมีอาการท้องผูกมากๆ มาเป็นเวลานานและปล่อยไว้โดยไม่ทำการรักษา อาจทำให้เกิดผลต่อสุขภาพทั้งร่างกาย จิตใจและอารมณ์ได้ คือ ผลต่อพัฒนาการของร่างกาย เมื่อเด็กท้องผูกมากจะรับประทานอาหารไม่ค่อยได้ อาจส่งผลให้เด็กมีน้ำหนักตัวน้อย ตัวเล็ก และขาดสารอาหารได้

            อินโฟว์ไลฟ ไฟเบอร์ อิมมู พลัส ใยอาหารธรรมชาติสำหรับเด็กท้องผูก เป็นนวัตกรรมที่ช่วยแก้ปัญหาเด็กท้องผูกโดยเฉพาะ สูตรใหม่ ปรับสมดุลลำไส้ กระตุ้นระบบย่อย อึนุ่ม ไม่ปวดบิด มีทั้งโพสไบโอติก พรีไบโอติก และวิตามินรวม 17 ชนิด ช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ได้ดีกว่า บรรเทาอาการท้องอืด-แน่นท้อง ลดอาการท้องผูกหรือท้องเสีย เพิ่มประสิทธิภาพการย่อยอาหาร เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง คุณแม่สามารถพกติดกระเป๋าแบบซองได้สะดวก เหมาะสำหรับลูกวัย 6 เดือนขึ้นไป ไม่คาว ไม่มีรส ไม่มีสี และไม่มีกลิ่น ชงได้ทั้งร้อนและเย็น ผสมได้ทุกเมนูไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่า น้ำผลไม้ นม หรืออาหารอ่อน รับประทาน วันละ 1-2 ซอง

            หากคุณแม่คนไหนสนใจ สามารถสั่งซื้อหรือปรึกษาปัญหาลูกท้องผูกและอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >> https://infolifefiber.com/

             

            2. Magic Dragon น้ำมันหอมแดง

            ในวันที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน เด็กเล็กๆ ที่ยังมีภูมิต้านทานน้อยจึงมักเป็นหวัดได้ง่าย อาการที่พบบ่อย ได้แก่ น้ำมูก หายใจไม่สะดวก ซึ่งพบว่าตอนกลางวันลูกยังร่าเริงเป็นปกติทุกอย่าง แต่พอตกช่วงกลางคืนจะรู้สึกว่าจมูกตัน หายใจครืดคราด คัดแน่นจมูก จะนอนก็นอนไม่ได้ หายใจไม่ออก Magic Dragon น้ำมันหอมแดง เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยคุณแม่ยุคใหม่ที่กำลังมาแรงตอนนี้

            ซึ่งลูกกลิ้งน้ำมันหอมแดง 1 ขวดนี้ อุดมไปด้วยสารสกัดจากสมุนไพรหลายชนิด ทั้งหอมแดง เลมอน มะนาว โรสแมรี่ กานพลู เปปเปอร์มินต์ และยูคาลิปตัส ซึ่งเมื่อสรรพคุณของสมุนไพรทุกตัวมารวมกันแล้วช่วยเสริมประสิทธิภาพในการบรรเทาหวัดได้อย่างดีเยี่ยม ที่สำคัญใช้ง่าย พกพาสะดวก ช่วยให้ลูกน้อย หายใจโล่งสบาย สดชื่น บรรเทาอาการ ลูกเป็นหวัดคัดจมูก ให้ความหอมยาวนานถึง 12 ชั่วโมง และยังปลอดภัยด้วยสารสกัดออร์แกนิคที่ผ่านการรับรองจากสถาบันชั้นนำอีกด้วย

            อีกทั้ง คุณพ่อคุณแม่มั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัย สามารถใช้กับลูกน้อยแรกเกิดได้ รวมถึงเด็กที่เป็น G6PD สามารถใช้ได้ เนื่องจากไม่มีสารกระตุ้น G6PD ทั้งยังช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ไม่คัน ไม่ระคายเคืองผิวลูกน้อย

            ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ของผลิตภัณฑ์ Magic Dragonติดตามได้ที่ >> Facebook : https://www.facebook.com/magicdragonbaby

             

            3. Little bear โลชั่นกันยุงสูตรออร์แกนิค

            เรียกได้เลยว่าไอเทมนี้ต้องมีติดตัวตลอดเวลา เพราะจะช่วยให้คุณแม่หายห่วงจากเจ้ายุงร้ายพาหะนำโรคไข้เลือดออกที่จะมากัดลูกน้อยไปได้เลยค่ะ เราขอแนะนำ โลชั่นกันแดด กันยุง Skin Peace Lotion SPF35 จากแบรนด์ Little Bear กลิ่นหอม น่ารัก ไม่ทำให้เด็กฉุน สามารถใช้ได้กับเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ให้ลูกสามารถวิ่งเล่น เรียนรู้ได้อย่างสนุกไม่ต้องกลัวแดด กับ ส่วนผสมหลัก Jeju Mineral Water น้ำแร่บริสุทธิ์จากแหล่งกำเนิดภูเขาไฟบนเกาะเชจู ช่วยต้านเชื้อโรค แบคทีเรีย พร้อมบำรุงผิวทำไม่เป็นอันตรายต่อผิวบอบบางของเด็ก แถมให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่อุดตันรูขุมขน มีวิตามินอีสูง ช่วยป้องกันความร้อน แสงแดด บรรเทาอาการแสบไหม้ของผิวจากแสงแดด ช่วยทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นลื่นละมุน และป้องกันเซลล์ผิวจากสภาพแวดล้อม

            ที่สำคัญคือสามารถกันยุงได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการผสมผสานของสมุนไพรธรรมชาติ Lavender Essential Oil และ Orange Peel Extract สูตรพิเศษด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ จากลาเวนเดอร์และเปลือกส้ม ซึ่งเป็นกลิ่นที่ยุงเกลียด จึงมีคุณสมบัติไล่ยุงได้เป็นอย่างดี สามารถใช้ได้ทุกวัน และยังผ่านมาตรฐานรับรองสารสกัดที่เป็นออร์แกนิคจากสถาบัน USDA ประเทศสหรัฐอเมริกา และสถาบัน ECOCERT จากประเทศฝรั่งเศส ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอย่างอ่อนโยน โดยปราศสารเคมีที่เป็นอันตราย

            ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ >>  https://www.facebook.com/littlebearorganics/

             

            4. อาหารเสริมสำหรับเด็ก Peachy

            ตัวช่วยเสริมพัฒนาการที่คุณแม่ยุคใหม่สามารถพกติดตัวไปได้ทุกที่อีกหนึ่งอย่างที่อยากแนะนำ คือ อาหารเสริมสำเร็จรูปแบบพร้อมทาน ของ Peachy นั่นเองค่ะ ซึ่งเป็นอาหารเสริมสำหรับเด็ก ที่ออกแบบมาเพื่อเด็กวัยเริ่มอาหารเสริม 6 เดือนขึ้นไป ผลิตภัณฑ์ของ Peachy ใช้ส่วนประกอบจากธรรมชาติที่ได้จากผักผลไม้ 100% ไม่ปรุงแต่ง ไม่เติมน้ำตาลและเกลือ ไม่มีวัตถุกันเสีย ปราศจากสารเคมี ไม่มีส่วนผสมของนมวัวและไข่ ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย. , Halal , GMP และ HACCP อีกทั้งยังเป็นสูตรอาหารที่คิดค้นโดยนักกำหนดอาหารผู้เชี่ยวชาญ และเป็นรสชาติที่เด็กชื่นชอบ มีให้เด็กๆ เลือกอร่อยหลากหลายรสชาติ ทั้งรสแอปเปิ้ลผสมน้ำผักโขมและมันเทศบด, รสฟักทองผสมนมข้าวโพดและมันฝรั่งบด, รสแอปเปิ้ลผสมมะม่วงและกล้วยน้ำว้าบด, รสซุปข้าวโพดไก่ และ รสข้าวกล้องต้มปลาแซลมอน บอกได้เลยว่าทุกสูตรทุกซองเต็มไปด้วยคุณค่าสารอาหารที่มีประโยชน์

            ที่สำคัญอาหารเสริมเด็กพีชชี่ ไม่ได้มีแค่ 5 รสชาติอร่อยนี้เท่านั้นนะคะ แต่ยังมีอีกหลากหลายรสชาติที่เสิร์ฟให้ลูก ๆ ได้อร่อยกันจนถึงวัยขวบเลยค่ะ คุณพ่อคุณแม่หากยังไม่รู้ว่าจะเลือกอาหารเสริมเด็กสำเร็จรูปยี่ห้อไหนให้กับลูกรัก เราขอแนะนำอาหารเสริมเด็กพีชชี่ รับรองไม่ผิดหวังค่ะ

            สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> peachy.co.th

             

            5. ทิชชู่เปียก Dr. penguin

            สุดท้าย ก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่คุณแม่ต้องมีติดกระเป๋า ซึ่งก็คือทิชชู่เปียกนั่นเอง จะเลือกใช้ทั้งที ต้องเลือกที่มีคุณภาพ เพราะเป็นของที่ต้องสัมผัสกับผิวลูกโดยตรง ยิ่งบางทีลูกเอาไปกัด เอาไปอม ยิ่งต้องเลือกแบบที่เป็น Foodgrade 100% ซึ่งทิชชู่เปียก Dr. penguin เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ ทีมแม่ ABK แนะนำให้พกติดตัวเลย เพราะทิชชูเปียกของแบรนด์ Dr. penguin เพราะเค้าเป็นทิชชูเปียก Foodgrade 100% เจ้าแรกและเจ้าเดียว ที่สามารถใช้ได้ครบจบแบบ All In One

            สามารถเช็ดช่องปาก-ลิ้นได้ สามารถเช็ดเครื่องปั๊มนมได้ สามารถเช็ดเต้าก่อนให้ลูกเข้าเต้า เนื้อกระดาษ เหนียว นุ่ม ไม่ขาดง่าย ปลอดภัยกว่าด้วยสูตรน้ำเกลือ Certified Oral care grade 100% มีกลิ่มหอมสดชื่น เพราะใช้ “กลิ่นผสมอาหาร” หรือ “flavouring agent” ซึ่งปลอดภัย 100% ปราศจากแอลกอฮอล์ ปราศจากน้ำหอม และสารอันตราย อีกทั้งยังชุ่มน้ำกว่าทิชชูทั่วไปถึง 40% แถมยังมีว่านหางจระเข้ ช่วยบำรุงผิวไม่แห้งตึง ที่สำคัญเลยคือตอนดึงทิชชูมาใช้ สะดวกมากไม่ติดกัน

            ดูข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Dr.Penguin ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กระดับพรีเมียม

             

            หากอยากให้ลูกมีพัฒนาการดีสมวัย คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องกระตุ้นเสริมพัฒนาการให้ลูกตั้งแต่วัยเริ่ม 1 ขวบ เพื่อที่ลูกจะได้มีพื้นฐานไปสู่อนาคตทีมั่นคง เติบโตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ที่สำคัญอย่าลืมหาซื้อไอเทมทั้ง 5 ชิ้นนี้มาใช้กับลูกนะคะ สามารถตามรอยสินค้าดีนี้ได้ เพราะเค้ามีรางวัล Amarin Baby & Kids Awards การันตี ต้องไม่พลาดไปหาซื้อมาใช้ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ

              ของใช้เด็กแรกเกิด

              4 ไอเทมดี๊ดี ของใช้เด็กแรกเกิด ตัวช่วยคุณแม่ เลี้ยงลูกรักให้ฉลาด มีพัฒนาการดีสมวัย

              เพราะลูกคือแก้วตาดวงใจของคุณพ่อคุณแม่ การเลือกข้าวของเครื่องใช้สำหรับเลี้ยงดูลูกน้อย จึงเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจและพิถีพิถันกันหน่อย เพื่อให้ลูกน้อยของเราเติบโตอย่างสมวัย ฉลาด มีพัฒนาการที่ดี กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ขอแนะนำ ตัวช่วยเลี้ยงลูก ของใช้เด็กแรกเกิด ที่เราคัดสรรมาจากความเห็นคุณแม่ส่วนใหญ่ทั่วประเทศแล้วว่าดีจริง โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่หากกำลังจะคลอดลูก หรือกำลังดูแลลูกน้อยวัยทารกอยู่ ก็สามารถตามไปช็อปกันได้ค่ะ

              1. เครื่องปั้มนม Attiude mom Galaxy lll

              ของใช้เด็กแรกเกิด

              เครื่องปั้มนม ไอเทมสำคัญของคุณแม่หลังคลอดที่อยากเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 100% Attiude mom รุ่น Galaxy lll  เป็นเครื่องปั้มนม 5 โหมดอัจฉริยะ ดูดลึก ดูดนุ่ม เกลี้ยงเต้า ระบายน้ำนมได้ดี 2 มอเตอร์ แยกการทำงานซ้าย-ขวา สามารถปรับโหมดและระดับได้อย่างอิสระ ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี ฉีกทุกกฎในการปั๊มนม ให้คุณแม่นอนปั๊มได้สบายกว่า  ด้วย “Sleep Pump” นวัตกรรมใหม่ล่าสุด นอนปั๊มได้ถึง 180° สะดวก สบายมากยิ่งขึ้น เอกสิทธิ์เฉพาะ Attitude Mom มี Nano Air Pump พัฒนามอเตอร์ขนาดเล็กลง น้ำหนักเบาลง เพียง 385 กรัม และประสิทธิภาพแรงดูดที่ดีกว่าเดิมใกล้เคียงสัมผัสลูกน้อยมากที่สุด นุ่มนวล เกลี้ยงเต้า มีแบตเตอรี่ในตัว 5,200 mAh ปั๊มเดี่ยวได้สูงสุด 13 รอบปั๊ม (รอบละ 30 นาที)  และปั๊มคู่ได้สูงสุด 8 รอบปั๊ม (รอบละ 30 นาที) โดดเด่นด้วยดีไซน์ หน้าจอกระจก ระบบ Touch Screen มาพร้อมไฟ LED แสดงผลชัดเจนแม่อยู่ในที่มืด ไม่รบกวนคนรอบข้าง แถมมีปุ่ม “Pause” หยุดการทำงาน 5 นาที สามารถกดซ้ำเพื่อปั๊มต่อเนื่องได้ทันที ใช้งานง่าย โดนใจแม่มือใหม่แน่นอน

              ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >> Facebook : Attitude Mom Thailand : เครื่องปั๊มนม 5 โหมด อัจฉริยะ กรวยซิลิโคนแท้

               

              2. ขวดนม Philips Avent รุ่น Nature Response

              ของใช้เด็กแรกเกิด

              ขวดนม ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ป้อนอาหารทารกที่ขาดไม่ได้ ทุกบ้านต้องมี! Philips Avent เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กแรกเกิดไปจนถึงวัยหัดเดิน แบรนด์คุณภาพดีที่แม่ๆ ไว้วางใจ ใช้วัสดุปลอดภัยต่อลูกน้อย สำหรับขวดนมและจุกนม Natural Response เป็นดีไซน์ใหม่ล่าสุด หัวจุกนมออกแบบมาให้เสมือนเต้านมของคุณแม่เลย มีความนิ่ม มีรูกันอากาศเข้าเวลาลูกดูด ช่วยลดอาการโคลิคในเด็กทารกได้ ไม่ทำให้ท้องอืด และจุกนมเค้ายังออกแบบมาให้ตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติจะมีนมไหลออกมาเฉพาะตอนที่ลูกน้อยออกแรงดูดเท่านั้น โดยลูกน้อยจะสามารถดูดกลืนและหายใจได้ตามจังหวะธรรมชาติ เสมือนกำลังดูดนมจากเต้านมแม่ ทำให้สลับดูดนมจากเต้านมและขวดนมได้ง่าย ป้องกันลูกสำลักนม จับถือได้ง่าย แม้เป็นมือน้อยๆ ใช้งานง่าย ทำ ความสะอาดง่ายและประกอบได้รวดเร็ว สามารถใช้งานร่วมกับ Philips Avent ได้ทุกรุ่น และตัวขวดนมยังปลอดภัยจากสาร BPA ช่วยให้แม่มั่นใจว่าจะไม่สารตกค้างไปถึงลูกน้อยแน่นอน

              อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับจุกนม Philips Avent ได้ที่นี่ >> https://www.philips.co.th/c-m-mo/baby-bottle-nipples

               

              3. นมผง Enfa เอนฟาโกร เอพลัส ซี-ไบโอม สูตร 3

              ของใช้เด็กแรกเกิด

              นมแม่ดีที่สุดสำหรับทารก แต่มีคุณแม่หลายคน มีเหตุผลบางประการที่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ ทางเลือกสุดท้ายจำเป็นต้องเลือกนมผสม หรือนมผง ทั้งนี้ สำหรับเด็กผ่าคลอดอาจไม่ได้รับจุลินทรีย์ชนิดดีจากช่องคลอดและไม่มีความหลากหลายของจุลินทรีย์ชนิดดีเท่าเด็กคลอดธรรมชาติ ทำให้พัฒนาการสมอง ภูมิคุ้มกัน และสุขภาพลาไส้ อาจมีความแตกต่าง เอนฟาโกร เอพลัส ซีไบโอม สูตร 3 เป็นนมสูตรที่พัฒนาขึ้นเฉพาะ มี MFGM, DHA, 2’-FL เพิ่มสูงขึ้น 60% เสริมสร้างพัฒนาการที่ดีครบ 3 ให้เด็กผ่าคลอด “สมอง ภูมิคุ้มกัน และ ลำไส้”

              สำหรับ MFGM คือเยื่อหุ้มอนุภาคไขมันที่พบในนมแม่ อุดมด้วยไขมันและโปรตีนกว่า 150 ชนิด เช่น สฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟลิปิด แกงกลิโอไซด์ เป็นสุดยอดสารอาหารสมองที่มีงานวิจัยรองรับว่าช่วยให้มี IQ ที่เหนือกว่า ตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก ให้ลูกพร้อมกว่าเมื่อถึงวัยเข้าเรียน พร้อมด้วย 2’-FL เพิ่มสูงขึ้น 60% เป็นใยอาหารธรรมชาติที่พบมากที่สุดในนมแม่ เป็นแหล่งอาหารให้แก่จุลินทรีย์ชนิดดีหลายชนิดในลาไส้ ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อยได้ดีขึ้น และส่งเสริมให้ระบบขับถ่ายและย่อยอาหารทางานได้ดี

              สำหรับคุณแม่ที่มีข้อจำกัดจนทำให้การให้นมแม่กับลูกน้อยเป็นเรื่องยาก การให้นมผงแก่เด็กก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด แต่ควรเตรียมความพร้อมและทำความเข้าใจ เพื่อให้ลูกน้อยมีสุขภาพที่แข็งแรงและเติบโตตามวัยได้อย่างสมบูรณ์

              ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >> https://www.enfababy.com/enfagrow-c-biome

               

              4. ที่นอนกันกรดไหลย้อน OXY Baby Cushion

              ของใช้เด็กแรกเกิด

              ที่นอนสำหรับทารกโดยเฉพาะ เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่จำเป็นมากในด้านสุขภาพของลูกน้อยนะคะ OXY Baby Cushion ตัวนี้เรียกว่าเป็น ที่นอนกันกรดไหลย้อนหายใจผ่านได้ ซึ่งสำคัญมากเพราะที่นอนนี้จะช่วยลดอาการแหวะนมหลังลูกน้อยกินนมอิ่มๆ และยังป้องกันกรดไหลย้อยได้อีกด้วย ตัวเบาะใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากเยอรมัน คงรูปได้ดี สามารถคงความลาดชันที่เหมาะสม ประมาณ  25 องศา ได้ตลอดอายุการใช้งาน ไม่อับชื้น ไม่สะสมความร้อน ผสานนวัตกรรม Tencel 3D Air Mesh ให้สัมผัสที่นุ่มนวล ระบายอากาศได้ทุกทิศทาง  ทำให้ลูกน้อยนอนหลับได้อย่างสบายตัว ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อทารก โดยวัสดุได้การรับรองความปลอดภัย OEKO-TEX Standard 100 และยังถอดซักทำความสะอาดได้ทุกชิ้น ไม่เสียทรงหลังผ่านการซัก และไม่ต้องเอาเข้าเครื่องอบ แตชค่ผึ่งลมหรือแดดอ่อนๆ ก็แห้งไว พร้อมใช้ทันที

              ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >> https://www.oxybabythailand.com/Home

               

              สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่กำลังมองหาไอเทม ของใช้เด็กแรกเกิด ตัวช่วยในการเลี้ยงลูกน้อยก็พอจะได้ไอเดียในการเตรียมซื้อของใช้ไว้ต้อนรับลูกน้อยกันแล้วนะคะ ซึ่งทั้ง 4 ไอเทมที่ ทีมแม่ ABK มาแนะนำให้นี้นอกจากจะจำเป็นในการใช้กับเด็กทารกแรกเกิด เด็กเล็กแล้ว ยังเป็นสินค้าแม่และเด็กที่ถูกโหวตว่าใช้ดี มีคุณภาพจาก Amarin Baby & Kids Awards ประจำปี 2024 อีกด้วยนะคะ อย่าลืมจดไว้ในลิสต์รายการที่ต้องซื้อกันนะคะ

                รู้ก่อนเลือก ยาลดไข้เด็ก แบบไหนที่เหมาะกับลูกน้อย ทานอย่างไรให้ได้ตัวยาครบถ้วน

                รู้ก่อนเลือกยาลดไข้ แบบไหนที่เหมาะกับลูกน้อย ทานอย่างไรให้ได้ตัวยาครบถ้วน

                คุณแม่รู้มั้ยคะว่า ยาลดไข้เด็ก ในท้องตลาดไม่ได้เหมือนกันไปทั้งหมด การให้ยาลดไข้กับลูกนั้นไม่ใช่แค่ต้องคำนึงถึงขนาดยาที่เหมาะสมกับน้ำหนักตัว ยังต้องดูด้วยว่าลูกกินยาได้ครบถ้วนในแต่ละมื้อหรือไม่ ซึ่งอุปสรรคอันดับหนึ่งของแม่คงจะหนีไม่พ้น การพยายามป้อนยาลูกในทุกๆ ครั้งใช่ไหมคะ มาดูกันค่ะว่ายาลดไข้แบบไหนที่เหมาะกับลูก เพื่อให้แม่ได้ป้อนยาลูกได้รับตัวยาที่ครบถ้วน เพื่อให้ลูกไข้ลดลงค่ะ

                ขนาดของการกินยาลดไข้สำหรับเด็ก

                โดยทั่วไปยาลดไข้เด็กจะเป็นพาราเซตามอล โดยขนาดการทาน คือ 10–15 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวเด็ก (กิโลกรัม)

                วิธีคำนวณยาพาราเซตามอลในเด็ก สิ่งที่แม่ต้องรู้ มี 2 อย่าง คือ
                (1) น้ำหนักตัวและอายุลูก (2) ความเข้มข้นของยาใน 1 ช้อนชา (5 ml)

                โดยเป็นสูตรการคำนวณดังนี้
                น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) X ปริมาณยาที่ต้องใช้ (10-15 มิลลิกรัม)

                ทั้งนี้หากยังไม่แน่ใจในขนาดยาที่ต้องป้อนให้ลูก ก่อนใช้ควรอ่านฉลากที่แนบมาในกล่องยา พร้อมทั้งปรึกษาเภสัชกรเพื่อให้ช่วยคำนวณขนาดการตวงยาที่เหมาะสมค่ะ

                เลือก ยาลดไข้เด็ก ให้เหมาะกับช่วงวัยของลูก

                ยาลดไข้เด็ก มีแบบไหนบ้าง

                ยาพาราเซตามอลลดไข้ในท้องตลาดบ้านเรา ปกติแล้วจะมีการแบ่งตามความเข้มข้น เพื่อให้ได้ขนาดที่เหมาะสมกับน้ำหนักตัวเด็ก โดยแบ่งเป็น

                1.ยาลดไข้ชนิดหยด

                เหมาะกับเด็กแรกเกิด – 1 ปี ซึ่งยาแบบหยดจะทำให้ควบคุมปริมาณยาได้ง่าย ได้ปริมาณที่เหมาะสม ทำให้แม่สามารถใช้ในปริมาณที่ถูกต้องและเหมาะกับน้ำหนักตัวลูก

                2.ยาลดไข้ชนิดน้ำ  

                สำหรับเด็กที่พอจะสามารถกลืนยาได้ด้วยตัวเองประมาณ 1-6 ขวบ โดยเป็นปริมาณที่เหมาะกับน้ำหนักของเด็กเช่นกัน ซึ่งยาลดไข้ชนิดน้ำยังสามารถแบ่งออกเป็น

                2.1 ยาลดไข้ชนิดน้ำแขวนตะกอน ยาน้ำชนิดนี้ประกอบด้วย 2 ส่วน คือส่วนน้ำเชื่อมและส่วนของตัวยาที่เป็นตะกอนไม่ละลายน้ำ ก่อนรับประทานทุกครั้งจะต้องเขย่าขวดเพื่อให้ตัวยากระจายเข้ากันกับน้ำเชื่อม ในการใช้ยาชนิดนี้ หากคุณแม่ลืมเขย่าขวดหรือเขย่าแล้วตัวยายังกระจายตัวได้ไม่ดีก่อนให้ลูกกินยา อาจทำให้ลูกได้รับตัวยาไม่ครบถ้วน ถูกต้องตามปริมาณที่เหมาะสมในการรักษา คืออาจได้รับตัวยาน้อยเกินไป เนื่องจากตัวยานอนก้นอยู่ไม่กระจายในน้ำเชื่อม และอาจส่งผลทำให้ไข้ไม่ลดได้ หรือ อาจทำให้ได้รับตัวยามากเกินไปในโดสสุดท้ายของขวดที่มีตัวยาตกตะกอนอยู่ นอกจากนี้ด้วยความที่เป็นยาแขวนตะกอนนี่เอง ทำให้มีลักษณะค่อนข้างข้น และหนืด อาจทำให้ลูกรู้สึกฝืดคอและกลืนยายาก

                2.2 ยาลดไข้ชนิดน้ำเชื่อมใส เป็นยาน้ำใสที่มีตัวยากระจายตัวอยู่ในน้ำเชื่อมอย่างครบถ้วนแล้ว ไม่มีตัวยาที่ตกตะกอนนอนก้น ทำให้ทุกส่วนมีตัวยาสม่ำเสมอเท่ากัน คุณแม่มั่นใจได้ว่าลูกจะได้รับตัวยาที่ครบถ้วนตามปริมาณที่ถูกต้อง และไม่จำเป็นต้องเขย่าขวด นอกจากนี้ยาน้ำเชื่อมใสยังมีสีสันสดใส ทานง่าย ไม่รู้สึกหนืดหรือฝืนคอ ทำให้แม่สามารถป้อนยาลูกได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

                เลือกยาลดไข้เด็กแบบไหนที่เหมาะกับลูก

                หากคุณแม่ยังไม่แน่ใจในการเลือกยาลดไข้แบบไหนดีให้เหมาะกับลูกน้อย #ทีมแม่ABK จึงลอง list มาเป็นข้อๆ ให้ประกอบการตัดสินใจดังนี้ค่ะ

                1. ยาลดไข้เด็กที่เหมาะกับน้ำหนักตัวของลูกในแต่ละช่วงวัย ปัจจุบันในท้องตลาดมียาลดไข้ที่ทำออกมาหลายความเข้มข้น เพื่อให้แม่ป้อนยาลูกได้สะดวกขึ้นสำหรับในแต่ละช่วงอายุ และน้ำหนักตัวของลูก ไม่ว่าจะเป็นแบบหยด สำหรับลูกเล็ก หรือแบบยาน้ำในปริมาณที่เหมาะกับช่วงวัยนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น
                  – ยาพาราเซตามอลแบบหยดสำหรับเด็กแรกเกิด – 1 ปี ความเข้มข้น 100 มก. / 1 มล.
                  – ยาพาราเซตามอลสำหรับเด็ก 1 – 6 ปี ความเข้มข้น 120 มก. / 5 มล.
                  – ยาพาเซตามอลสำหรับเด็ก 6-12 ปี ความเข้มข้น 250 มก. / 5 มล.
                2. ยาลดไข้ที่มีฝาแบบป้องกันเด็กเปิดกินเอง ความปลอดภัยก็ควรเป็นอันดับหนึ่ง การที่ลูกกินยาได้ถือเป็นเรื่องดี แต่หากกินยาเกินขนาด ก็จะได้รับอันตรายทีเดียวค่ะ ทางที่ดีควรเลือกยาที่มีฝาเปิดแบบ Child Proof วิธีการโดยทั่วไปคือกดลงแล้วหมุนฝาเพื่อเปิดล็อค ป้องกันไม่ให้เด็กๆ ที่กำลังอยากรู้อยากเห็น เปิดกินยาเอง เพื่อความปลอดภัยของเด็กเองด้วยค่ะ
                3. ในช่วงที่มีไข้ ลูกอาจจะงอแงเพราะไม่สบายตัว คุณแม่ควรเลือกยาที่มี สีสันสดใส ไม่เหนียวข้น ไม่หนืดคอและกลืนง่าย ทำให้แม่ป้อนยาลูกน้อยได้ง่ายขึ้น ลดการบ้วนยาทิ้ง
                4. เลือกยาลดไข้แบบน้ำเชื่อมใส เพื่อคลายความกังวลในเรื่องของปริมาณตัวยา และทำให้คุณแม่มั่นใจได้ว่า ลูกจะได้รับตัวยาครบถ้วนตามปริมาณที่ถูกต้อง และทำให้ไข้ลดลงได้ดี

                นอกจากนี้ในการตวงยาแต่ละครั้ง ควรใช้ช้อน หรือถ้วยตวงยาที่ได้รับมาตรฐาน ถ้าเป็นหยด หรือซีซี ควรใช้หลอดหยดที่แนบมากับยาในกล่อง คุณแม่สามารถปรึกษาเภสัชกร โดยการแจ้งอายุ และน้ำหนักตัว เพื่อให้ช่วยแนะนำขนาดการกินที่เหมาะสมกับลูกของเรา หากแม่มือใหม่มากๆ ก็สามารถสอบถามให้เภสัชกรแนะนำขีดที่แสดงถึงปริมาณที่ถูกต้องในการตวงยาได้ค่ะ ที่สำคัญถ้าหากอาการของลูกยังไม่ดีขึ้น ควรพาลูกไปหาคุณหมอให้เร็วที่สุดเพื่อทำการรักษาต่อไป ด้วยความปรารถนาดีจาก #ทีมแม่ABK ค่ะ

                ข้อมูลอ้างอิง

                https://ndp.fda.moph.go.th/rational-drug-use/video-psi-8

                https://db.oryor.com/databank/data/printing//521120_Factsheet__%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5_%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2_710.pdf

                 

                สนับสนุนบทความโดย

                Tempra เทมปร้ายาน้ำลดไข้สำหรับเด็ก ยานี้มีพาราเซตามอล
                ชนิดน้ำเชื่อมใส ไม่มีตะกอน ไม่ต้องเขย่าขวด 

                • หมดกังวลเรื่องการได้รับยาไม่ครบถ้วน 
                • ปลอดภัยด้วยฝาแบบ Child-proof Cap ป้องกันเด็กเปิดยากินเอง
                • ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และ ยาแอสไพริน 
                • ใช้สำหรับ ลดไข้ บรรเทาปวด

                มี 3 สูตร 

                1) Tempra Drops มียาพาราเซตามอล 100 mg/ 1 ml สำหรับเด็กแรกเกิดถึง 1 ปี รสองุ่น 

                2) Tempra Kids มียาพาราเซตามอล 120 mg/ 5 ml สำหรับเด็ก 1-6 ปี มีรสส้มและ สตรอเบอรี่ 

                3) Tempra Forte มียาพาราเซตามอล 250 mg/ 5 ml สำหรับเด็ก 6-12 ปี มีรสส้ม และสตรอเบอรี่ 

                ยาลดไข้เด็ก ยาน้ำเชื่อมลดไข้ Tempra 

                Tempra Drops เลขทะเบียน 1C 24/56 

                Tempra Kids ยาน้ำบรรเทา ลดไข้ พาราเซตามอลรสสตรอเบอรี่ เลขทะเบียน 1C  25/56 ยาสามัญประจำบ้าน 

                Tempra Kids ยาน้ำบรรเทา ลดไข้ พาราเซตามอลรสส้ม เลขทะเบียน 1C 29/56  ยาสามัญประจำบ้าน 

                Tempra Forte 1C 26/56 

                Tempra Forte 1C 27/56 

                 

                อ่านคำเตือนในฉลากก่อนใช้ยา ใบอนุญาตโฆษณาเลขที่ ฆท.143/2567 #ยาน้ำเชื่อมใสรับประทานง่ายไม่ต้องshake

                  เด็กๆ ไม่ควรพลาด!! ครั้งแรกของเอเชีย กับ SPACE JOURNEY BANGKOK สุดยอดนิทรรศการด้านอวกาศระดับโลก

                  เปิดประสบการณ์สุดยิ่งใหญ่ ครั้งแรกของเอเชีย กับ “SPACE JOURNEY BANGKOK” สุดยอดนิทรรศการด้านอวกาศระดับโลก ร่วมสร้างแรงบันดาลใจไปพร้อมกัน 16 ธันวาคม 2567 – 16 เมษายน 2568 ที่ไบเทคบุรี

                  “อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ” จับมือ “ภิรัชบุรี กรุ๊ป” เปิดโลกการเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจครั้งใหญ่ ให้กับเยาวชนไทยและผู้ที่สนใจด้านอวกาศ ดึงสุดยอดนิทรรศการด้านอวกาศระดับโลก มาจัดแสดงขึ้นที่ประเทศไทย!! นับเป็นครั้งแรกของเอเชีย ภายใต้ชื่อ “SPACE JOURNEY BANGKOK” พบกับ 10 ห้องนิทรรศการเสมือนจริง เกี่ยวกับอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของการสำรวจอวกาศ ห้องรวบรวมชิ้นส่วนยานอวกาศที่ผ่านการใช้จริงและแบบจำลองที่หาชมยากกว่า 600 ชิ้น จากสหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่  16 ธันวาคม 2567 – 16 เมษายน 2568 ณ Event Space 98 ไบเทคบุรี (ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา)

                  SPACE JOURNEY BANGKOK

                  นายเกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัทอินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ ได้ร่วมกับ  ภิรัชบุรี กรุ๊ป จัด “SPACE JOURNEY BANGKOK” สุดยอดนิทรรศการด้านอวกาศระดับโลก  

                  งานนี้ยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน มาร่วมเปิดมุมมองพร้อมสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านอวกาศของไทยในอนาคต  ไม่ว่าจะเป็น ดร. ปกรณ์ อาภาพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ  ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ และนายกรทอง วิริยะเศวตกุล แฟนพันธุ์แท้ระบบสุริยะ พร้อมด้วย นายดำรง ลี้ไวโรจน์ บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด ในเครือ อมรินทร์ กรุ๊ป

                  ที่ผ่านมา นิทรรศการอวกาศระดับโลกนี้ มีการจัดแสดงไปแล้ว 5 ประเทศในยุโรป ภายใต้ชื่อ “Cosmos Discovery Space Exhibition” ซึ่งมีผู้เข้าชมงานรวมกว่า 1 ล้านคน โดยการจัดแสดงในประเทศไทยครั้งนี้ มีเป้าหมาย ผู้เข้าชมงาน 200,000 คน ในระยะเวลา 4 เดือน

                  “เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านอวกาศ มีความเกี่ยวเนื่องและสัมพันธ์กับชีวิตประจำวันอยู่ตลอด จากที่เคยได้มีโอกาสเข้าชมงานในต่างประเทศ ทำให้ได้เปิดมุมมองใหม่และเกิดแรงบันดาลใจ ได้เห็นถึงความพยายามของมนุษย์ ในการออกไปสู่นอกโลก เป็นสิ่งที่เหนือขีดจำกัดและเกินกว่าจินตนาการ  จึงเกิดความคิดในการจุดประกายอยากให้คนไทยได้เห็น จนนำมาซึ่งการจัดงาน “SPACE JOURNEY BANGKOK”ครั้งแรกที่ประเทศไทย และเป็นครั้งแรกในเอเชีย สมกับความตั้งใจและเป้าหมายเพื่อเปิดโลกแห่งการเรียนรู้ให้กับคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ได้มาจุดประกายความคิดและสร้างแรงบันดาลใจด้านอวกาศ เพื่อนำไปต่อยอดสู่การพัฒนาเทคโนโลยีด้านอวกาศในอนาคต” นายเกรียงกานต์ กล่าว

                  นายปิติภัทร บุรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภิรัชบุรี กรุ๊ป  นักจัดการ สร้างสรรค์ และพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ระดับคุณภาพ อาทิเช่น ไบเทคบุรี  ภิรัช ทาวเวอร์ แอท เอ็มควอเทียร์ กล่าวว่า การศึกษานั้น จริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องในห้องเรียน หรืออ่านหนังสือ หรือค้นคว้าผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งอีกหนึ่งในการเรียนรู้ที่ช่วยส่งเสริมเราได้ คือการได้มีโอกาสเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ที่ดี (Education through Experience) เราได้มีโอกาสไปดูพิพิธภัณฑ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สังเกตว่าพิพิธภัณฑ์ที่ดีต้องทันสมัย เข้าถึงได้ และมากกว่านั้นคือ สามารถนำมาสะท้อนการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้ ซึ่ง “SPACE JOURNEY BANGKOK” เป็นหัวข้อที่ตอบโจทย์นั้น

                  SPACE JOURNEY BANGKOK

                  และเพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่ครบถ้วน ค่าใช้จ่ายในการนำ Space Journey Bangkok เข้ามาจัดแสดงนั้น จึงค่อนข้างสูง รวมถึงค่าลิขสิทธิ์ การนำอุปกรณ์เข้ามา และขนาดของพื้นที่ ที่ต้องใช้ถึง 2,000 ตารางเมตร จึงอยากให้ คนไทยและเพื่อนบ้านในแถบอาเซียนได้มีโอกาสชมงาน Space Journey Bangkok ครั้งนี้ โดยได้พิจารณาให้เปิดเข้าชมถึง 4 เดือน ซึ่งคิดว่าเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ทุกคนสามารถจัดสรรเวลาเข้ามาชมงานได้

                  ในส่วนของการร่วมจัดงานกับ Index Creative Village นั้น เราร่วมงานกันหลายโครงการอยู่แล้ว และได้เห็นความมุ่งมั่น ทุ่มเทของทีมงาน และศักยภาพของ Index Creative Village ในงานระดับโลก จึงเชื่อมั่นและไว้วางใจในการร่วมมือกันครั้งนี้ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับคนไทยต่อไป

                  อย่างไรก็ดี ในพื้นที่ไบเทคบุรี มีการรองรับได้มากกว่า 400 กว่างาน และปีนี้เราคาดการณ์ว่าจะมีถึง 7 ล้านคนที่เข้ามายังสถานที่ของเรา เราได้พัฒนาธุรกิจด้านความบันเทิงอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเชิง Sport Service Entertainment ที่ BEAT Active และ BITEC Live ที่รองรับการจัดคอนเสิร์ตซึ่งเพิ่งเปิดตัวไป โดยมีกลุ่มลูกค้าหลัก 4 กลุ่ม ได้แก่ People & Business, Active Lifestyle, Family, Group of friend นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการจัดงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา โดยในช่วง 4 เดือนนี้ จะมีถึง 8 งานที่จัดขึ้นเพื่อกลุ่มเด็กและนักศึกษา และไบเทคบุรีเล็งเห็นความสำคัญของตลาดกลุ่ม B2C โดยเชื่อมั่นว่าความหลากหลายของกิจกรรมจะช่วยต่อยอดธุรกิจและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในระดับที่สูงขึ้น  

                  การนำ “SPACE JOURNEY BANGKOK” มาจัดในครั้งนี้ ช่วยส่งเสริมกลุ่มการศึกษาให้มากขึ้น  ซึ่งคนไทยหลายๆ คนอาจจะรู้สึกว่าเรื่องที่อยู่นอกโลกมันเป็นเรื่องไกลตัว แต่จริงๆ แล้ว ประเทศไทยของเรามีศักยภาพและความสามารถ ในหลากหลายด้านที่น่าทึ่งกว่าที่หลายคนคาดคิด เช่น อาหารไทยที่ผ่านมาตรฐานระดับสากลจนได้รับเลือกให้เป็นอาหารสำหรับนักบินอวกาศ หรือเทคโนโลยีไมโครชิปและดาวเทียมที่ผลิตโดยคนไทย รวมถึงนักวิชาการไทยที่ร่วมงานกับองค์กรชั้นนำระดับโลกอย่างนาซ่า เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าการเดินทางสู่อวกาศมิใช่เรื่องไกลตัวสำหรับ คนไทยอีกต่อไป 

                  “นิทรรศการครั้งนี้จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้สัมผัสและเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับอวกาศอย่างใกล้ชิด ผ่านการจัดแสดงแบบจำลองและชิ้นส่วนจริงที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจอวกาศจากทั่วโลก เราหวังว่านิทรรศการครั้งนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน ตระหนักถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่นำไปสู่การพัฒนาประเทศ ในอนาคต” นายปิติภัทร กล่าวทิ้งท้าย 

                  SPACE JOURNEY BANGKOK

                  ภายในนิทรรศการจะแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ ที่มีการบอกเล่าตั้งแต่ประวัติศาสตร์การเริ่มต้นขึ้นไปสำรวจอวกาศตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน ห้องให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของการสำรวจอวกาศ ห้องรวบรวมวัตถุจริงและวัตถุหาชมยากกว่า 600 ชิ้น ทั้งจากสหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และอื่นๆ นำมาจัดแสดงใน 10 ห้องนิทรรศการในรูปแบบเสมือนจริง  , โซนโลกจักรวาลแบบ Interactive พร้อมมอบประสบการณ์ชมภาพยนตร์ 3 มิติ และกิจกรรมแห่งความสนุกสนาน ต่างๆ อาทิ  คอสมอส แคมป์ (Cosmos Camp) พบกับศูนย์ฝึกอบรมนักบินอวกาศ การขับขี่ VR รวมถึงเครื่องไจโรสโคป เป็นต้น 

                  SPACE JOURNEY BANGKOK

                  ไฮไลต์ที่น่าสนใจสำหรับนิทรรศการในครั้งนี้ ผู้เข้าชมจะได้พบกับ

                  • ชิ้นส่วนประกอบดั้งเดิมของเครื่องยนต์ F1 ของกระสวยอวกาศ แซทเทิร์น V (Saturn V) ที่กอบกู้มาจากก้นมหาสมุทรแปซิฟิก  โดย Jeff Besos เจ้าของ Amazon ซึ่งเป็นวัตถุที่มีคุณภาพสูง จะเห็นได้ว่าตัววัตถุนี้เองยังสามารถคงรูปร่างได้ดี แม้จะอยู่ในที่ที่อุณหภูมิต่ำในมหาสมุทร หรือผ่านจุดที่อุณหภูมิสูงใกล้ จุดหลอมเหลวมาแล้วก็ตาม
                  • แผงควบคุมต้นฉบับจากศูนย์บัญชาการภารกิจฮูสตัน ที่วิศวกรได้ใช้สื่อสารกับนักบินอวกาศในภารกิจ Apollo และกระสวยอวกาศชุดแรกๆ และที่น่าสนใจคือกระดาษที่มีการคำนวณเส้นทางการบินต่างๆ  ที่เหล่าวิศวกรได้คำนวนด้วยมือ วางไว้อยู่ด้านข้าง  
                  • แบบจำลอง 1:1 ของโมดูลควบคุมยาน Apollo  โมเดลนี้ได้ติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมตามยุคสมัยตลอดระยะเวลาการบิน ซึ่งนักบินอวกาศต้องอยู่ในพื้นที่แคบที่ต้องแบ่งปันพื้นที่กับวัสดุที่เก็บมาด้วย เช่น ชิ้นส่วนหินจากดวงจันทร์
                  • แบบจำลองรถสำรวจดาวอังคาร หุ่นยนต์ที่ทำงานหนักที่สุดนอกโลกจากเดิมมีแผนทำงาน 90 วัน แต่สุดท้ายทำงานถึง 5,498 วัน 
                  • แบบจำลองของยานสำรวจดวงจันทร์ ช่วยนักบินอวกาศไม่ต้องเดินเท้าในภารกิจ Apollo 15, 16 และ 17 
                  • รถสำรวจดวงจันทร์ Lunokhod ของรัสเซีย ส่งขึ้นไปแทนมนุษย์บนยาน Luna ผ่านการควบคุมจาก ศูนย์ควบคุมภาคพื้นดิน  
                  • Collection ของอุกกาบาต รวมหินจากดาวอังคารของสะสมที่มีเอกลักษณ์มูลค่าต่อกรัมสูงกว่าทองคำ 

                  สำหรับผู้สนใจเข้าชมงานสามารถติดต่อซื้อบัตรและติดตามข่าวสารได้ทาง  www.icvticket.com, Facebook : SpaceJourneyBkk หรือ Line: @icvticket 

                    Tree House Montessori Learning Center โรงเรียนอนุบาลนานาชาติ หลักสูตร IEYC ผสาน Montessori  เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ความสนุก และความเข้าใจ

                    เพราะธรรมชาติของเด็กคือการได้เล่น เรียนรู้ และสำรวจสิ่งใหม่ ๆ บนโลกใบนี้ คงจะดีไม่น้อยถ้าเด็ก ๆ รอคอยการไปโรงเรียนทุกวันใช่ไหมคะ วันนี้เราจะพาทุกคนมาเยี่ยมชม โรงเรียนที่ทำให้เด็ก ๆ มีความสุขและอยากมาเรียนทุกวัน กันที่ Tree House Montessori Learning Center โรงเรียนอนุบาลนานาชาติ ที่ตั้งอยู่ในโครงการนิชดา ธานี (ซอยสามัคคี) ด้วยการผสมผสานแนวคิด Montessori และ International Early Year Curriculum (IEYC) อย่างลงตัว ช่วยพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก ๆ เพื่อการเติบโตอย่างมีความสุข

                    บรรยากาศเอื้อต่อการเล่นและเรียนรู้อย่างแท้จริง เด็ก ๆ สูดหายใจให้เต็มปอดเลยค่ะ

                     

                    ทำไมนักเรียน Tree House ถึงพัฒนาอย่างก้าวกระโดด?

                    Tree House ใช้แนวคิด Montessori

                    • การพัฒนาตัวตน ( แต่ละคน ) ที่แตกต่างกันไป + เรียนรู้อย่างมีสมาธิและไม่ย่อท้อ

                    มอนเตสซอรี่เชื่อว่า ความสามารถด้านสติปัญญาขึ้นอยู่กับประสาทสัมผัส การเรียนรู้แบบมอนเตสซอรี่จึงให้ความสำคัญกับสื่อ เน้นอุปกรณ์ที่ช่วยพัฒนาประสาทสัมผัสและคอนเซปต่าง ๆ ให้เด็ก ๆ ใช้มือจับ บิด หมุน เพื่อให้สมองตอบสนอง เน้นการช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด

                    • เด็ก ๆ จะรู้จักควบคุมการทำงาน พัฒนากระบวนการคิด วิเคราะห์ สิ่งต่าง ๆ รอบตัวและเรียนรู้ทั้งความสำเร็จ ความล้มเหลว ตลอดจนการหาทางแก้ไขปัญหาและจดจำบทเรียนได้ในระยะยาว
                    • Hands – on! Hands-on! Hands-on! กิจกรรม = การเรียนรู้ผ่านการเล่นอย่างมีจุดมุ่งหมาย ให้ความรู้ “จับต้องได้และเป็นจริงขึ้นมา” ผ่าน 3 ขั้นตอน
                    1. คุณครูสาธิตหรือแสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมให้เด็กดูเป็นตัวอย่าง และใช้วิธีการสอนที่ “หลากหลาย” เพราะธรรมชาติของแต่ละคนนั้นมีวิธีการเข้าใจแตกต่างกัน
                    2. เด็กเลือกและลงมือทำกิจกรรมเท่ากับตอบโจทย์ Child-centered เพราะเด็ก ๆ มักจะเลือกกิจกรรมที่ตัวเองสนใจ เมื่อเลือกได้แล้วก็จับจองที่นั่งของตัวเองและลงมือ / ทดลองทำ
                    3. เกิดประสบการณ์การเรียนรู้ และการสะท้อนคิด ชอบหรือไม่ชอบ เพราะอะไร เรียนรู้อะไรบ้าง ? มีความเป็นเหตุ เป็นผล

                    กิจกรรม Hands-on ของน้องเล็กกลุ่ม Daisies จะไม่ซับซอนแต่เน้นการฝึกกล้ามเนื้อมัดต่าง ๆ ตอนนี้กำลังเรียนรู้ตัว “S”

                    Hands-on กลุ่ม Poppies จะเริ่มซับซ้อนขึ้น เด็ก ๆ กำลังเรียนคณิตศาสตร์อยู่ค่ะ

                    กลุ่ม Magnolias จะเป็นกิจกรรมที่บูรณาการหลายทักษะ และแน่นอนซับซ้อนกว่ากลุ่มไหน ๆ เลยเพื่อ Challenge!

                     

                    หลักสูตร IEYC จาก UK เน้นพัฒนาการรอบด้าน

                    เพื่อการเติบโตทั้งกาย ใจ สติปัญญา มีเมตตา มีความกล้าแสดงออก

                    หลักสูตรของเด็กเล็กที่ใช้ International Early Year Curriculum (IEYC) ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักสูตรที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กอายุ 2 ถึง 5 ปี

                    เน้นการเรียนรู้แบบองค์รวม และแนะแนวทางการเล่น ที่ครอบคลุมทุกด้าน ( อย่างละเอียดเลยค่ะ )

                    รวมถึงการพัฒนา Personal และ Social Emotions

                    แม้จะเป็นโรงเรียนนานาชาติ แต่การเรียนการสอนนั้นได้ปรับให้สอดคล้องกับบริบทในสังคมไทย เด็กๆจะได้เรียนรู้และปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ ความสงบ และมีความเมตตา

                    กำลังพยายามสร้างตามแบบ (วิชาคณิตศาสตร์)

                    เวลาใช้สมาธิก็จะจริงจังประมาณนี้ค่ะ

                    แม้จะแชร์โต๊ะด้วยกัน แต่ต่างคนต่างโฟกัสกิจกรรมของตัวเองน้า

                    Ratio 1:6 คุณครูดูแลนักเรียนอย่างทั่วถึง

                    บรรยากาศห้องเรียน ช่วยกระตุ้นให้เด็กอยากเรียนรู้

                     

                    Montessori + IEYC = จึงเป็นหลักสูตรสุดสมดุลของ Tree House ที่ตอบโจทย์ Generation “Alpha”

                    เน้นพัฒนาการตามวัย

                    เอื้อต่อการสร้างศักยภาพรายบุคคล

                    เติบโต สมวัย อย่างมีความสุข พร้อม Life Skills + Growth mindset + Empathy

                     

                    จุดเด่นของ Tree House

                    คุณครูทุกคนจบด้าน Montessori โดยตรง เพราะกิจกรรมเน้นไปที่การเรียนรู้ของเด็ก ไม่ใช่การสอนของครู

                    คุณครูจะเป็นผู้ออกแบบ ดัดแปลงสิ่งแวดล้อมให้เข้ากับเด็ก ปรับเปลี่ยนสื่อ สภาพห้องเรียน และบรรยากาศอารมณ์ของห้องให้เข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนไปของเด็กด้วยความเข้าใจ nature ของแต่ละคน มีขอบเขตที่ชัดเจนและปฏิบัติต่อเด็กด้วยความสม่ำเสมอ

                    คุณครู..ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ต้องเชี่ยวชาญในการสังเกตการเรียนรู้และพฤติกรรมของเด็ก

                    ที่สำคัญคุณครูจะคอยจดบันทึกผลการสังเกตเป็นร่องรอยของพัฒนาการ ซึ่งบันทึกนี้จะช่วยชี้นำให้ครูรู้ว่าเมื่อไหร่จึงจะเข้าแทรกการเรียนรู้ด้วยบทเรียนใหม่ ๆ การท้าทายใหม่ ๆ หรือ การเพิ่มเติมกฎระเบียบพื้นฐานในห้องเรียนค่ะ

                    คุณครู Montessori ใช้เวลาในการสังเกตพฤติกรรมและพัฒนาการของเด็ก ๆ ผ่านการทำกิจกรรมและการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เพื่อจดบันทึกและคอยดูว่าจะเสริม จะเพิ่ม หรือลด อะไรหรืออย่างไร

                    Theme-based learning + S.T.E.A.M. approach แสนสนุกสนาน

                    กิจกรรมที่เด็ก ๆ จะทำในแต่ละวันนั้น จะผสมผสานกัน

                    ระหว่างกิจกรรมที่คุณครูผู้สอนออกแบบ (ที่สอดคล้องกับพัฒนาการตามช่วงวัย)

                    และกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตามความสนใจของเด็กๆ (ตาม Theme ต่างๆ)

                    โดยจะเน้นให้เด็กๆได้เรียนรู้ผ่านการเล่นที่จะช่วยเสริมสร้างทักษะและความรู้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การอ่าน+เขียน +ทักษะการเรียนรู้

                    ทุกกิจกรรมและการเรียนรู้เองก็สัมพันธ์กับ S.T.E.A.M ( Science.Technology.Engineering.Art.Mathematics ) ตอบโจทย์ curiosity หรือความอยากรู้อยากเห็นของเด็กๆ การเรียนรู้จึงประสบการณ์ที่แสนสนุก เด็กๆมีความสุขและกล้าที่จะเผชิญกับสิ่งใหม่ๆบนโลกใบนี้

                    วัสดุหลากหลายสามารถนำมาเป็นสื่อการเรียนรู้แบบ Montessori ได้

                    หลังกิจกรรม Hands-on ต้อง wash your hands ด้วยนะคะ

                     

                    Small size group : คุณครู 1 คน ต่อนักเรียน 6 คน

                    Tree House เป็นโรงเรียนที่ให้ความสำคัญต่อคุณภาพในการดูแลนักเรียน

                    ต้องหลากหลาย – เด็ก แม้จะอยู่ในช่วงอายุเดียวกัน แต่ความชอบ ความสามารถ พื้นฐาน และครอบครัวแตกต่างกัน การเข้าถึง กลวิธีการสอน การดูแล ก็ย่อมแตกต่างกันด้วย

                    ต้องลงลึก – เพราะมอนเตสซอรี่คือการเน้นส่งเสริมศักยภาพเป็นรายบุคคลในระยะยาว คุณครูจะต้อง observe นักเรียนเพื่อบันทึกร่องรอยของพัฒนาการและพฤติกรรมอย่างละเอียด

                    ต้องทั่วถึง – การเรียนเองก็เป็นกิจกรรมร่วมกัน เด็ก ๆ เติบโตและพัฒนาร่วมกับเพื่อนๆได้ภายใต้คุณครูผู้คอย facilitate และ entertain เด็กๆในคราวเดียวกัน

                    แล้วก็จะแบ่งออกเป็นกลุ่มๆตามช่วงอายุค่ะ

                    Daisies : กลุ่มอายุ 1.8-3 ปี

                    Poppies : กลุ่มอายุ 3-4 ปี

                    Magnolias : กลุ่มอายุ 5-6 ปี

                     

                    สภาพแวดล้อม

                    สถานที่ : การเดินทางเข้ามาโรงเรียนภายในนิชดาธานี..ชุมชนชาวต่างชาติที่อุดมไปด้วยพืชพันธุ์ไม้เมืองร้อน..ช่วยปรับความรู้สึกคล้ายกับกำลังเดินทางมาพักผ่อน ระบบนิเวศน์ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ทั้งใน/นอกห้องเรียน สายลม แสงแดด กิ่งไม้ ใบหญ้า ก็เป็นตำราเรียนชั้นดีเช่นกัน

                    ความหลากหลาย : นอกจากจะเป็นด้านธรรมชาติที่เด็กๆสามารถออกไปเรียนรู้และสังเกตความเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลและตามวัฏจักร เด็กๆยังมีเพื่อน พี่ น้อง คุณครู หลายเชื้อชาติ วัฒนธรรม และ background ..เห็นและเรียนรู้ว่า “แตกต่างแต่ – อยู่ร่วมกันได้” รู้จักให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกันค่ะ

                    อุปกรณ์การเรียนรู้หลากหลาย เหมาะสมกับวัย

                    ความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม

                     

                    Very closed relationship

                    Students – โรงเรียนจำกัดจำนวนนักเรียนเพื่อการดูแลชนิด deeply in detail

                    คุณครูมอนเตสซอรี่จะรู้จักเด็กแต่ละคนเป็นอย่างดี + มีหลากหลายวิธี handle กับนักเรียน +สามารถ grooming ให้เด็กๆมีพัฒนาการเป็นไปตามวัย และช่วยส่งเสริมให้เด็กๆแสดงศักยภาพของตนออกมาได้อย่างชัดเจน ( Shine )

                    Families – NEW! เด็ก ๆ จะได้เรียนภาษาจีน 3 คาบต่อสัปดาห์ และ ภาษาไทย 2 คาบต่อสัปดาห์

                    เป็นการเรียนที่เน้นเพื่อสื่อสารโดยเฉพาะเลยค่ะ โดยเป็นความต้องการของกลุ่มผู้ปกครองที่อยากให้ได้ ๆ สามารถเข้าใจภาษาไทยได้บ้างเพราะอาศัยอยู่ในประเทศไทย ก็ไม่ยากเลยค่ะ – ทางโรงเรียนจัดให้!

                    Ms.Grace Pocknell (Head Teacher) และ Mr. Siriwat Tonthong (Director)

                    Mommy Love This! ถูกใจแม่

                    เด็กๆมีความสงบขึ้น มีสมาธิ อดทน ไม่ย่อท้อ

                    เด็ก ๆ สื่อสารเก่งขึ้น กล้าพูดและแสดงออก

                    มีความสุขเวลาที่ได้ไปโรงเรียน – สังเกตได้จาก ไม่ร้องไห้ / ร้องไห้น้อยลงค่ะ

                    Open door policy – ผู้ปกครองสามารถ เข้าถึง ปรึกษา เสนอแนะ เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศน์การเรียนรู้ของนักเรียน

                    การดูแลนักเรียนอย่างเอาใจใส่และทั่วถึง

                    คุณครูเข้าใจ ใจดี และรอได้

                     

                     

                    ค่าเล่าเรียนต่อเทอม

                    Daisies (1.8 – 3 years old)

                    Half Day = 135,000 THB/1 semester

                    Full Day = 155,000 THB/1 semester

                    Annual = 310,000 THB/year

                    Poppies (3-4 years old)

                    Half Day = 145,000 THB/1 semester

                    Full Day = 165,000 THB/1 semester

                    Annual = 330,000 THB/year

                    Magnolias (5-6 years old)

                    Full Day = 175,000 THB/1 semester

                    Annual = 350,000 THB/year

                     

                    **ราคาดังกล่าวยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ

                     

                    Tree House Montessori

                    39, 932-933 ถนนนิชดาธานี ตำบาลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120

                    โทร 063 212 0540

                    เวลาทำการ 7.30 – 15.30 น.

                    www.thetreehousemontessori.com

                    FB : Tree House-montessori

                    IG : tree.housemontessori

                     

                    Editor : แม่พลอยผิง

                    ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

                      ทางเลือกของการมีเจ้าตัวน้อย กับเทคโนโลยีที่ช่วยวางแผนให้ขั้นตอน การทำเด็กหลอดแก้ว เป็นไปอย่างราบรื่น

                      ทางเลือกของการมีเจ้าตัวน้อย กับเทคโนโลยีที่ช่วยวางแผนให้ขั้นตอน การทำเด็กหลอดแก้ว เป็นไปอย่างราบรื่น

                      แต่งงานหลายปีแล้ว….ยังไม่มีลูกสักที คุณยังเผชิญความท้าทายกับการขยายครอบครัวให้ใหญ่ขึ้นอยู่หรือเปล่าคะ? สำหรับคู่รักที่พยายามสร้างครอบครัวให้สมบูรณ์ การมีเจ้าตัวน้อยเพื่อเติบโตไปด้วยกัน ก็เป็นอีกหนึ่งความฝันสำหรับหลายๆ คู่ใช่ไหมคะ ไม่ว่าคุณจะพยายามมีลูกคนแรก หรือประสบกับภาวะมีบุตรยาก ซึ่งเมื่อก่อนสามารถตั้งครรภ์ตามธรรมชาติได้ แต่ปัจจุบันดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากที่จะเพิ่มจำนวนสมาชิกในครอบครัว ภาวะมีบุตรยากอาจเป็นปัญหาหลักที่หลายคู่กำลังเผชิญ แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ยุคนี้มีเทคโนโลยีการทำเด็กหลอดแก้วอย่าง IVF ที่ช่วยให้การมีลูกสมปรารถนา

                      โดยทั่วไปแล้ว IVF มักต้องใช้การเก็บไข่และการย้ายตัวอ่อนหลายรอบเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ที่สำเร็จ ปัจจุบันมี ORA™ เทคโนโลยีล้ำสมัยที่ทดสอบช่วงเวลาของการพร้อมรับตัวอ่อนของผู้หญิง โดยกำหนดเวลาที่เหมาะสมที่สุดเพื่อการย้ายตัวอ่อน โดยพิจารณาจากช่วงเวลาการตอบรับของเยื่อบุโพรงมดลูกเฉพาะของสตรี เพิ่มโอกาสของการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยให้กับว่าที่คุณแม่

                      ก่อนที่จะไปพูดถึงเทคโนโลยี ORA™ ลองมาเช็คตัวเองกันก่อนไหมคะว่า มีภาวะที่เป็นผู้มีบุตรยากไหม และ IVF เป็นอย่างไร ไปดูกันค่ะ

                      จะรู้ได้อย่างไรว่าอยู่ในภาวะมีบุตรยาก

                      เมื่อแต่งงานแล้วมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน มาตลอด 1 ปี ไม่ว่าจะนับช่วงเวลาตกไข่ เพื่อทำกิจกรรมในช่วงนั้นๆ หรือแม้กระทั่งดูแลตัวเองเป็นอย่างดีแล้ว ไม่สามารถที่จะตั้งครรภ์ได้ หรือฝ่ายหญิงที่มีอายุเกิน 35 ปีขึ้นไป มีเพศสัมพันธ์ตลอด 6 เดือนโดยไม่ป้องกัน แล้วไม่ตั้งครรภ์ ก็นับว่าเป็นภาวะมีบุตรยากเช่นกันค่ะ ทั้งนี้หากสังเกตด้วยตัวเองแล้วเป็นอย่างข้างต้น จะต้องมีการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์เพื่อค้นหาสาเหตุเพิ่มเติมของการมีบุตรยากอีกทีค่ะ

                      IVF ทางเลือกของผู้มีบุตรยาก

                      IVF (In vitro fertilization) เป็นวิธีการที่นำเอาเชื้ออสุจิที่มีอสุจิหลายตัว ไปผสมกับไข่เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ หลังจากนั้นจะเป็นการนำตัวอ่อนคืนกลับเข้าโพรงมดลูกเพื่อการฝังตัว และเติบโตเป็นตัวอ่อนในครรภ์มารดาต่อไป เป็นวิธีการที่ใช้รักษาผู้มีบุตรยากอันมีสาเหตุจากท่อนำรังไข่ที่ผิดปกติ

                      จะเห็นได้ว่า การทำเด็กหลอดแก้วมีกระบวนการและขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่ไม่ยากเกินกว่าว่าที่คุณพ่อคุณแม่จะอดทนเฝ้ารอใช่มั้ยคะ ต่อไปเรามาทำความรู้จักกับเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้กระบวนการทำเด็กหลอดแก้วหรือ IVF สามารถวางแผนขั้นตอนในการย้ายตัวอ่อนได้ดีขึ้นโดยจะวิเคราะห์เป็นผลเฉพาะบุคคล อย่าง ORA™ กันค่ะ

                      ORA™ คืออะไร

                      ORA™ (Optimal Receptivity Analysis) เป็นการทดสอบทางพันธุกรรมที่ใช้การตรวจเลือดโดย Inti Labs เพื่อประเมินความพร้อมของเยื่อบุโพรงมดลูกในการรับตัวอ่อนสำหรับการฝังตัว ถือเป็นตัวเลือกที่รุกล้ำร่ายกายน้อยสำหรับผู้หญิงที่ต้องการตั้งครรภ์อย่างมีสุขภาพดี ด้วยรอบ IVF ที่น้อยลง มีการพบว่าผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปี มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ผิดปกติ หรือเคยประสบปัญหาการฝังตัวอ่อนล้มเหลว/แท้งบุตรในอดีต มีแนวโน้มที่จะมีช่วงเวลาการฝังตัวที่ผิดพลาด ซึ่งหมายความว่าการย้ายตัวอ่อนเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เยื่อบุโพรงมดลูกยังไม่พร้อม ในระหว่างการทดสอบ ORA™ ตัวอย่างเลือดของผู้ป่วยจะถูกวิเคราะห์อย่างละเอียดเพื่อตรวจสอบกว่า 100 ตัวชี้วัดทางชีวภาพ ซึ่งจะให้ภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับเวลาที่เหมาะสมสำหรับการย้ายตัวอ่อน สิ่งนี้ช่วยให้แน่ใจว่าผู้ป่วยและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์สามารถกำหนดเวลาการย้ายตัวอ่อนได้เมื่อเยื่อบุโพรงมดลูกมีความพร้อมที่สุด ช่วยเพิ่มโอกาสในการฝังตัวและตั้งครรภ์ที่สำเร็จ

                      ORA™ ทำงานอย่างไร

                      การใช้ ORA™ จะใช้ได้กับสองสถานการณ์ สำหรับผู้ป่วยในระยะเริ่มต้นของการทำ IVF จะมีการเก็บตัวอย่างเลือดไว้อย่างปลอดภัยในวันที่ทำการถ่ายโอนตัวอ่อนแช่แข็งตามปกติ เรียกว่า “Vault” หากการฝังตัวล้มเหลวและผู้ป่วยต้องการกำหนด WOI (Window Of Implantation) หรือช่วงระยะเวลาที่มดลูกพร้อมรับตัวอ่อนเต็มที่ ผู้ป่วยสามารถขอการวิเคราะห์ตัวอย่างเลือดที่เก็บรวบรวมไว้ล่วงหน้าได้ โดยผลลัพธ์ของ ORA™ จะช่วยกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการย้ายตัวอ่อนในรอบต่อไปของผู้ป่วย

                      การทำ Vault เหมาะกับใคร?

                      • ผู้หญิงที่เข้ารับการย้ายตัวอ่อนแช่แข็งแบบมาตรฐาน HRT หรือแบบธรรมชาติ

                      สถานการณ์ที่สองคือ สำหรับผู้ป่วยที่เคยประสบกับการฝังตัวอ่อนไม่สำเร็จมาแล้วหนึ่งครั้ง หรือมากกว่านั้น หรือสำหรับผู้ป่วยครั้งแรกที่ต้องการกำหนดเวลาการฝังตัวตั้งแต่เริ่มต้น ผู้ป่วยจะต้องผ่านการทำ “Mock Cycle” ที่เลียนแบบสภาวะของ IVF ในวันที่ปกติจะมีการย้ายตัวอ่อนแช่แข็ง จะมีการเก็บตัวอย่างเลือดและนำไปวิเคราะห์แทน เพื่อแจ้งให้ผู้ป่วยและแพทย์ทราบระยะเวลาที่เหมาะสมในการฝังตัวของตัวอ่อน ในระหว่างรอบการย้ายตัวอ่อนที่เหมาะสมครั้งต่อไป

                      ORA™ เหมาะกับใคร

                      • คนที่ตัวอ่อนฝังตัวได้ยาก (อย่างน้อยหนึ่งครั้ง)
                      • คนที่มีไข่คุณภาพปริมาณน้อย
                      • คนที่มีค่า BMI ต่ำหรือสูงกว่าเกณฑ์
                      • คนที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
                      • คนที่เคยแท้งลูกมาก่อน

                      ปัจจุบันในประเทศเราก็เริ่มมีคลินิคที่นำเอาเทคโนโลยี ORA™ สำหรับการทำเด็กหลอดแก้วอย่าง IVF เข้ามาใช้แล้วค่ะ หากสนใจ ก็สามารถหาข้อมูลประกอบเพิ่มเติมสำหรับคลินิคที่มีเทคโนโลยี ORA™ ได้ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องด้วยนะคะ

                       

                      ข้อมูลอ้างอิง

                      https://intilabs.com/

                      https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=171

                      https://www.bangkokhospital.com/content/ivf-and-icsi

                      https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/lecturestopics/51146/

                        พาทัวร์ อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้  โรงเรียนอนุบาลที่พัฒนาเด็กครบ ในทุก ๆ ด้าน

                        อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้ โรงเรียนอนุบาลที่พัฒนาเด็กครบ ในทุก ๆ ด้าน พร้อมก้าวเข้าสู่การเรียนรู้ในทุกระดับอย่างมั่นใจ

                        ใครกำลังมองหาโรงเรียนอนุบาลดี ๆ ย่านห้วยขวางและลาดพร้าว วันนี้เรามีโรงเรียนมาแนะนำกันค่ะกับ อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้ โรงเรียนอนุบาลเก่าแก่ที่เปิดดำเนินการมากว่า 40 ปี ประสบการณ์ที่ยาวนานและหลักสูตรที่แตกต่างไม่เหมือนใคร ทำให้โรงเรียนประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบัน ลองไปดูกันค่ะว่าแนวทางการสอนและจุดเด่นของโรงเรียนนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง

                        ” อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้ ” ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2525 โดย ผศ.ดร. ประชุมพร สุวรรณตรา อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยขอนแก่น และอาจารย์โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนเดิมใช้ชื่อว่า “อนุบาลประนันทนิจ เนอสเซอรี่” ซึ่งเป็นชื่อจริงของลูกสาวท่าน เริ่มต้นด้วยนักเรียนเพียง 6-7 คน ด้วยหลักสูตรการสอนที่เน้นการพัฒนาทักษะในด้านการสังเกต คิดวิเคราะห์ และเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ จากงานวิจัยระดับปริญญาเอกของ ผศ.ดร. ประชุมพร ส่งผลให้โรงเรียนเติบโตอย่างรวดเร็ว จนกลายมาเป็น “อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้” ในปัจจุบัน

                        ทางเข้าโรงเรียน
                        ออกกำลังกายกันค่า
                        ได้เรียน ได้เล่น ได้ทำกิจกรรมด้วยตนเองทุกคน

                        หลักสูตรเฉพาะของโรงเรียน การผสมผสานเพื่อพัฒนาเด็กอย่างรอบด้าน

                        หลักสูตรของโรงเรียน “อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้” ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน โดยนำแนวทางการสอนจากอเมริกามาปรับให้เข้ากับบริบทของประเทศไทย ทั้งยังได้รับการอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการ หลักสูตรนี้เน้นการบูรณาการทฤษฎีต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคน ดังนี้

                        Applied Montessori

                        สำหรับเด็กวัยอนุบาล หลักสูตรนี้มุ่งเน้นการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริง โดยใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ เช่น การดู ฟัง ชิม ดม และสัมผัส การเรียนรู้ในรูปแบบนี้ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและการจดจำได้ดีที่สุด เด็ก ๆ ได้รับอิสระในการเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล ห้องเรียนขนาดใหญ่ที่จัดมุมต่าง ๆ ไว้อย่างผสมผสาน ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้จากกันและกัน พัฒนาความอยากรู้อยากเห็น ความมั่นใจ และทักษะต่าง ๆ ที่สำคัญต่อการเติบโต

                        Multiple Intelligence (พหุปัญญา)

                        หลักการของพหุปัญญาเน้นว่าความฉลาดของคนเราไม่ได้มีเพียงแบบเดียว เด็กแต่ละคนมีจุดแข็งและจุดอ่อนที่แตกต่างกัน ซึ่งครูจะนำแนวคิดนี้มาปรับใช้ในการสอน เพื่อให้เด็ก ๆ ได้รับการพัฒนาในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นทักษะการแก้ปัญหา การเล่าเรื่อง การวาดรูป หรือการสำรวจธรรมชาติ ครูจะคอยสังเกตและปรับกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสามารถเฉพาะตัวของเด็กแต่ละคน ทำให้การเรียนรู้ไม่จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียนหรือการสอบ แต่ครอบคลุมถึงการพัฒนาเพื่ออนาคตอย่างแท้จริง

                        Workboard

                        การเรียนรู้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในหนังสือ แต่เด็ก ๆ จะได้สัมผัสประสบการณ์จริงผ่านระบบ Workboard ซึ่งออกแบบมาให้เด็กได้เรียนรู้ในรูปแบบ Hands-On โดยทำกิจกรรมในกลุ่มเล็ก ๆ ทำให้เด็กแต่ละคนได้มีโอกาสลงมือทำและเรียนรู้ด้วยตนเอง ผ่านกิจกรรมที่หลากหลายและสนุกสนาน ระบบนี้เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ช่วยให้ครูสามารถประเมินพัฒนาการของเด็กแต่ละคนได้อย่างละเอียดและใกล้ชิด

                        การเรียนรู้ผ่านสถานีที่หลากหลาย และเป็น การเรียนรู้ที่จับต้องได้จริง

                        ภายในห้องเรียนจะมีมุมสถานีต่าง ๆ ที่จัดเตรียมกิจกรรมมากมาย และเด็ก ๆ จะแยกเป็นกลุ่มย่อย เพื่อฝึกทักษะในด้านต่าง ๆ ตัวอยางเช่น ฐานคณิตศาสตร์ที่เด็ก ๆ ได้สนุกกับการเล่นเกมปริศนาตัวเลข ฐานภาษาไทยที่เสริมทักษะการอ่านเขียนผ่านเกมจับคู่ตัวอักษร หรือฐานศิลปะที่เปิดโอกาสให้เด็กได้ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ผ่านการใช้อุปกรณ์ที่หลากหลายเป็นต้น เด็ก ๆ จะได้จับ ย้าย และจัดการกับวัตถุจริง ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับเด็กเล็ก เพราะช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสหลายด้าน ทำให้การเรียนรู้ไม่น่าเบื่อ แต่กลับสนุกและน่าจดจำ การเรียนรู้แบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาทักษะทางด้านกล้ามเนื้อมัดเล็กและสมอง แต่ยังเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการใช้มือ และทักษะการอ่านเขียน

                        การเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นและใส่ใจความต้องการเฉพาะของเด็กแต่ละคน

                        การเรียนรู้แบบ *Workboard* ให้เด็ก ๆ มีอิสระในการเลือกทำกิจกรรมตามความสนใจและความถนัดของตนเอง เด็กบางคนอาจต้องการเวลาเพิ่มในการทำความเข้าใจ หรืออาจอยากกลับไปทำกิจกรรมเดิมซ้ำจนกว่าจะพอใจ ที่นี่ครูจะคอยสังเกตและปรับการสอนให้เหมาะสมกับการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคน ช่วยให้เด็กทุกคนได้เรียนรู้ในจังหวะที่เหมาะกับตัวเองโดยไม่ต้องเร่งรีบ

                        สถานีกิจกรรมแต่ละจุด กระตุ้นให้เด็กอยากเรียนรู้มาก ๆ
                        เด็ก ๆ ถูกแบ่งเป็นกรุ๊ปย่อย แยกทำกิจกรรมตามมุมต่าง ๆ
                        บรรยากาศห้องเรียน ที่แบ่งเป็นมุมหรือฐานกิจกรรมต่างๆ บรรยากาศน่าเรียนมากค่ะ

                        แตกต่างอย่างลงตัว

                        หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ “อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้” แตกต่างจากโรงเรียนอื่น คือการเรียนการสอนแบบสามภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ และจีน โดยจัดสัดส่วนการเรียนรู้ที่ลงตัวคือ ภาษาไทย 50% ภาษาอังกฤษ 40% และภาษาจีน 10% ซึ่งทำให้เด็ก ๆ ได้เริ่มพัฒนาทักษะทางภาษาตั้งแต่ยังเล็ก พร้อมสำหรับการศึกษาต่อทั้งในระบบการศึกษาไทยและนานาชาติ

                        สร้างรากฐานแห่งการเรียนรู้และการใช้ชีวิต

                        “อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้” ไม่ใช่แค่สถานที่จัดการศึกษาเท่านั้น บ้านต้นไม้ยังมุ่งเน้นพัฒนาทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต ส่งเสริมให้เด็ก ๆ มีความอยากรู้อยากเห็น รู้จักค้นคว้า และปรับตัวเข้ากับสังคมรอบตัวได้อย่างดี ช่วยสร้างรากฐานที่มั่นคงให้เด็ก ๆ เติบโตและพัฒนาทั้งในด้านวิชาการ ทักษะชีวิต และสังคมอย่างสมดุลและมั่นใจ

                        ประเมินผลจากพัฒนาการ

                        ที่ “อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้” การประเมินผลของเด็ก ๆ ไม่ได้จำกัดเพียงคะแนนหรือเกรด แต่เน้นที่การสะท้อนถึงพัฒนาการที่แท้จริง ผ่านการเก็บผลงานใน *Portfolio* ซึ่งรวบรวมกิจกรรมและผลงานต่าง ๆ ที่เด็กได้ลงมือทำตลอดปี การประเมินแบบนี้ช่วยให้ครูเห็นจุดเด่นและจุดที่ต้องพัฒนาของเด็กแต่ละคน โดยเน้นความแตกต่างของเด็กอย่างเข้าใจ

                        นอกจากนี้ โรงเรียนยังใช้วิธีการประเมินตามแนวทาง *มอนเตสซอรี่* ซึ่งให้ความสำคัญกับกระบวนการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง เด็ก ๆ จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้รับการประเมินในแต่ละกิจกรรมและวิชาอย่างละเอียด เพื่อให้เห็นพัฒนาการในทุกมิติอย่างชัดเจน

                        โรงเรียนทำงานร่วมกับผู้ปกครอง

                        ผู้ปกครองมีส่วนร่วมและมีบทบาทสำคัญกับโรงเรียนเป็นอย่างมาก ทั้งการเป็นอาสาสมัครกิจกรรมต่าง ๆ หรือการเข้าร่วมประชุมอบรมสัมนา ทางโรงเรียนมีการจัดการอบรมพัฒนาให้พ่อแม่ได้รู้จักวิธีการสอนและการดูแลเด็ก ๆ เพราะการพัฒนาเด็ก ๆ ครอบครัวเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เด็กพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้โรงเรียนยังมีระบบเปิดรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ จากผู้ปกครอง เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการสอนให้ดีที่สุด

                        เล่มเกมส์แยกสีของลูกบอลช่วยฝึกทักษะหลายๆด้าน
                        โรงอาหารสะอาดสะอ้าน
                        เด็ก ๆ กำลังเรียนคีย์บอร์ด

                        สิ่งแวดล้อมดี ช่วยพัฒนาเด็ก

                        สภาพแวดล้อมในโรงเรียนถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพราะเรารู้ว่าสภาพแวดล้อมมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเด็ก การออกแบบพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกเน้นความปลอดภัยและกระตุ้นการเรียนรู้ในทุกด้านเด็ก ๆ จะได้เรียนรู้และเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาทั้งทางร่างกาย จิตใจ และความคิดสร้างสรรค์

                        ห้องเรียนที่ออกแบบตามหลัก Montessori

                        ภายในห้องเรียนถูกจัดตามหลักการ Montessori เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ อุปกรณ์และของเล่นต่าง ๆ ถูกจัดเรียงในมุมที่เด็ก ๆ สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวก ทั้งมุมอ่านหนังสือและมุมศิลปะ ทุกสิ่งถูกออกแบบมาให้เด็ก ๆ ได้มีอิสระในการเลือกและเรียนรู้ด้วยตัวเอง

                        สภาพแวดล้อมแบบ Waldorf ที่เน้นความเป็นธรรมชาติ

                        ในห้องเรียนและบริเวณต่าง ๆ ของโรงเรียน เราใช้วัสดุธรรมชาติและจัดบรรยากาศที่เปิดโล่ง มีแสงธรรมชาติเข้าถึง เพื่อเสริมสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นถูกออกแบบมาให้เหมาะกับเด็กแต่ละวัย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและการใช้งานที่สะดวกสบายสำหรับเด็ก

                        สนามเด็กเล่นและพื้นที่กลางแจ้งที่เต็มไปด้วยการเรียนรู้

                        นอกจากพื้นที่ในห้องเรียนแล้ว โรงเรียนยังมีสนามเด็กเล่นและลานกิจกรรมกลางแจ้งที่หลากหลาย พร้อมเครื่องเล่นมากมายที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกาย นอกจากนี้ยังมีสวนเล็ก ๆ ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบตัว

                        ห้องเรียน Montessori ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์และของเล่นเสริมทักษะมากมาย
                           บรรยากาศสนามเด็กเล่น ที่เด็ก ๆ ชื่นชอบ
                        ห้องสมุดและห้องเรียนดนตรี

                        Mommy Love This! ถูกใจแม่

                        • ห้องเรียนที่ “อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้” กว้างขวาง เปิดโล่ง และเต็มไปด้วยอุปกรณ์การเรียนรู้และสื่อการสอนที่หลากหลาย ทำให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และสนุกสนานไปพร้อมกัน
                        • ด้วยการจัดกลุ่มเรียนขนาดเล็ก คุณครูสามารถโต้ตอบกับเด็ก ๆ ทั้งแบบกลุ่มและรายบุคคลได้อย่างใกล้ชิด ทำให้สามารถสังเกตพัฒนาการ ความเข้าใจ และความต้องการของเด็กแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ
                        • โรงเรียนมีห้องกิจกรรมพิเศษมากมาย เช่น ห้องดนตรี ห้องสมุด ห้องเรียนมอนเตสที่แยกออกมาเฉพาะ รวมไปถึงสระว่ายน้ำให้เด็กได้เรียนรู้กันอย่างเต็มที่
                        • โรงเรียนมีกล้องวงจรปิดครอบคลุมทั้งภายในห้องเรียนและภายนอกอาคาร และเข้มงวดเรื่องการเข้าออกของบุคคลภายนอก คุณพ่อคุณแม่จึงวางใจได้ว่าลูกจะปลอดภัยตลอดเวลาที่อยู่ในโรงเรียน
                        • โรงเรียนมีการจัดเมนูอาหารกลางวันที่คำนึงถึงโภชนาการอย่างเหมาะสม ออกแบบเมนูโดยครูที่จบด้านโภชนการโดยเฉพาะ ส่วนเด็กคนไหนแพ้อาหารก็ไม่ต้องห่วง โรงเรียนติดป้ายแจ้งที่โรงครัวและมีคุณครูคอยเชคมื้ออาหารให้ทุกครั้ง
                        • โรงเรียนใส่ใจในเรื่องการออกแบบห้อง และการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ แม้แต่ขั้นบันไดภายในอาคารก็ออกแบบให้เหมาะสมกับเด็กอีกด้วย เพื่อความปลอดภัยของเด็ก ๆ
                        • ด้วยสิ่งแวดล้อมและการดูแลอย่างพิถีพิถันเช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงหลงรักโรงเรียนนี้ “อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้” ไม่ใช่แค่สถานที่เรียน แต่เป็นที่ที่เด็ก ๆ จะได้เติบโตอย่างสมดุลและมีความสุขทุกวัน!

                        อัตราค่าเล่าเรียน

                        • Toddler และ Pre – Kindergarten
                          • ค่าเล่าเรียนรวมต่อปีการศึกษา : 130,000 บาท
                        • Kindergarten 1-3
                          • ค่าเล่าเรียนรวมต่อปีการศึกษา : 136,000 บาท

                        ที่อยู่

                        อนุบาล 3 ภาษา บ้านต้นไม้ 973/2 ซอยพิบูลย์อุปถัมภ์ ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310

                        https://www.baantonmai.ac.th/

                        https://www.facebook.com/baantonmaikindergarten

                        Editor : แม่เลม่อน

                        ภาพ : เนาวพจน์ โพธิเกษม

                          อันตรายจากการใช้สายตาที่มากเกินไป

                          โรคต้อกระจก โรคต้อหิน โรคต้อเนื้อ  โรคต้อลม โรคจอประสาทตา โรคความผิดปกติทางสายตาเหล่านี้ คือโรคอันดับต้นๆ ที่มักพบได้บ่อยในคนไทย เป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียการมองเห็น และสายตาเลือนลาง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพฤติกรรมการใช้สายตาที่ไม่ถูกต้อง มีเด็กๆ และคุณพ่อคุณแม่หลายคนที่อยู่กับจอและมีการจ้องหน้าจอเป็นเวลานานๆ ทั้งยังต้องรับความเสี่ยงจากแสงแดดตามธรรมชาติและจากแหล่งกำเนิดอื่นๆ  หรือสาเหตุอาจเกิดจากภาวะเสี่ยงของโรคตาบางชนิดที่ไม่แสดงอาการ บางรายมีอาการค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น อย่าเสียโอกาส หากสามารถดูแลดวงตาของคุณได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

                          โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล มีวิธีการสำรวจพฤติกรรมเสี่ยงของดวงตาเบื้องต้นด้วยตัวเอง มาแนะนำ หากมีความเสี่ยงหรือพบความผิดปกติ จะได้สามารถหาทางดูแลรักษาอย่างทันท่วงทีนั่นเอง

                          เช็กด่วน…พฤติกรรมของคุณ ทำร้ายดวงตาหรือไม่ ?

                          • จ้องจอเป็นเวลานานๆ
                            ความสว่างของหน้าจอที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นจากการจ้องจอโทรศัพท์ หรือจอมอนิเตอร์เป็นระยะเวลานาน จะทำให้ผู้ใช้ต้องมีการเพ่งสายตามากขึ้น ส่งผลต่อความผิดปกติของค่าสายตาได้ และยังทำให้เกิดการปวดตา เมื่อยล้า ตามัวได้
                          • ออกกลางแจ้ง ไม่สวมแว่นกันแดด
                            รังสียูวีจากแสงแดด ส่งผลต่อจอประสาทตาได้โดยตรง และยังทำให้เกิดทั้งต้อลมและต้อเนื้อได้
                          • ทำงานในอุตสาหกรรมที่มีการใช้แสง
                            อาจเสี่ยงต่ออาการต่างๆ เช่น จอประสาทตาเสียหายหรือเกิดการไหม้ กระจกตาถลอกจากแสงจ้ามากๆ อาการปวดตาเรื้อรัง น้ำตาไหลตลอดเวลา ปวดกระบอกตา

                          อาการฟ้อง…ดวงตากำลังถูกทำร้าย !
                          • ตาล้า ปวดเบ้าตา
                          • ตามัวเฉียบพลัน
                          • เคืองตา รู้สึกตาแห้ง หรือมีน้ำตาไหลมากขึ้น
                          • ค่าสายตาคลาดเคลื่อนมาก หรือมีระดับสายตาที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
                          • มีความดันตาสูงผิดปกติ ซึ่งเป็นความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อหิน
                          • อาการเห็นจุดดำตรงกลาง หรือมีเงามืดในลานสายตา
                          • เห็นแสงวาบเหมือนฟ้าแลบ หรือเห็นจุดดำลอยไปมาเวลากลอกตา

                          หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบจักษุแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นได้ นอกจากนี้ควรให้ความสำคัญของการตรวจตาอยู่เสมอ ดูแลถนอมตาให้เป็นปกติได้นานมากที่สุด และแนะนำให้พบจักษุแพทย์ปีละ 1 ครั้ง เพื่อตรวจค้นหาโรคทางตา โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางตาสูงกว่าคนทั่วไป 5 – 7 เท่า

                          การตรวจคัดกรองดวงตาไม่เพียงช่วยให้ค้นพบความผิดปกติของดวงตาในระยะเริ่มแรก แต่ยังช่วยให้ค้นพบโรคเกี่ยวกับดวงตาในขณะที่ยังไม่แสดงอาการ ทั้งนี้การตรวจคัดกรองดวงตาจะช่วยให้ทำการรักษาได้ทันท่วงทีก่อนที่อาการจะรุนแรง หากพบและรักษาทันท่วงทีจะสามารถช่วยลดการสูญเสียการมองเห็นได้

                          สนับสนุนข้อมูลทางการแพทย์โดย : นพ.พิชชาทร จิตต์นิลวงศ์ จักษุแพทย์เฉพาะทาง โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล

                            SX 2024 มหกรรมด้านความยั่งยืน ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน รวมพลังเพื่อโลกที่ดีกว่า เพราะความยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน

                            มาร่วมกันพลิกวิฤติโลกเดือด สู่โลกอนาคตที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน ในทศวรรษแห่งการลงมือทำ และ  พลังแห่งความร่วมมือเพื่อความอยู่รอดของมนุษยชาติใน “ยุคโลกเดือด” กับการรวมตัวของภาคีเครือข่ายที่เป็นองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนระดับโลกทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ที่พร้อมขับเคลื่อน แนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนทุกมิติ ในงาน Sustainability Expo 2024 (SX 2024) มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ที่จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ที่จะชวนให้ทุกคนมาแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และค้นหาคำตอบเพื่อร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้โลกใบนี้ไปด้วยกัน ผ่านกิจกรรม สุดยอดนวัตกรรม และเทคโนโลยีมากมาย ที่พร้อมตอบโจทย์ให้กับคนทุกกลุ่มวัยได้ไขรหัสคำตอบของการกอบกู้โลกอย่างยั่งยืน เพื่อให้เกิดความสมดุลในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเพื่อ “สมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีกว่า” (Good Balance, Better World) ภายใต้แนวคิดหลักของการจัดงาน “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” (Sufficiency for Sustainability)

                            เกี่ยวกับการจัดแถลงข่าวครั้งนี้ นางต้องใจ ธนะชานันท์ ผู้อำนวยการคณะจัดงาน Sustainability Expo 2024 (SX 2024) ให้ข้อมูลว่า “งาน Sustainability Expo จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ถือเป็นแพลตฟอร์มความร่วมมือด้านความยั่งยืนที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วนในระดับภูมิภาค นำเสนอองค์ความรู้ ไอเดีย เทรนด์นวัตกรรม และเทคโนโลยี ผลักดันการลงมือทำ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง โดยน้อมนำพระปฐมบรมราชโองการตามพระราชปณิธานในการสืบสาน รักษา ต่อยอด ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรมาเป็นแนวทางการจัดงาน สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDGs) ในทศวรรษแห่งการลงมือทำ ที่จะสร้างผลลัพธ์ให้เกิดเป็นรูปธรรมได้อย่างแท้จริง และยั่งยืนโดยการจัดงาน 4 ครั้งที่ผ่านมาเราได้สร้างการเรียนรู้ และสร้างแรงกระตุ้นให้เกิดการปรับตัว ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าความยากที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการได้ลงมือปฏิบัติ ดังนั้นเป้าหมายเราคือต้องทำให้รู้ว่าความยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน โดยงาน SX2024 ได้รวบรวมวิทยากร และผู้เชี่ยวชาญกว่า 600 รายทั่วโลก เครือข่ายธุรกิจยั่งยืนจากบริษัท และองค์กรชั้นนำของไทยและต่างประเทศกว่า 270 แห่ง ที่จะมาให้ความรู้หลากหลายด้าน แนวคิดที่น่าสนใจ รวมถึงเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ให้โลกเกิดความสมดุล

                            Sustainability Expo เป็นการผนึกกำลังขององค์กรภาคีเครือข่ายที่กลายเป็นแพลตฟอร์มความร่วมมือในการจัดงานมหกรรมด้านความยั่งยืนระดับภูมิภาค นำเสนอผ่านแนวทางที่เรียกว่า B2C2B (Business-to-Consumer-to-Business) ซึ่งยึดผู้บริโภคเป็นแกนกลางในการดำเนินการเพื่อความยั่งยืน โดยเชื่อมโยงระหว่างองค์กรธุรกิจกับผู้บริโภค และผู้บริโภคจะเชื่อมโยงกลับสู่ภาคธุรกิจ ซึ่งปีนี้เราได้ขยายเครือข่ายพันธมิตรจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม สถานทูต ตลอดจนองค์กรระหว่างประเทศที่มารวมพลังเป็นหนึ่งเดียวกันเพราะ “ความยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน” ต้องขอขอบคุณผู้ร่วมก่อตั้ง (Co-Founders) ที่นำโดย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เอสซีจี บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พร้อมทั้ง เครือข่าย TSCN (Thailand Supply Chain Network ) และผู้สนับสนุนการจัดงานทุกภาคส่วน ที่ตระหนักถึงความสำคัญ และมาร่วมกันลงมือทำอย่างจริงจัง เพื่อสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับโลกใบนี้ และมีความยั่งยืนไปจนถึงรุ่นลูกหลานของเราต่อไปในอนาคตข้างหน้า

                            นอกจากนี้ยังมี Mr.Martin Venzky-Stalling ร่วมด้วย ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์  และ คุณเจรมัย พิทักษ์วงศ์ ร่วมสนทนา และให้แนวความคิด  และมุมมองด้านความยั่งยืนในมิติต่างๆ ร่วมด้วยพันธมิตรองค์กรธุรกิจต้นแบบด้านความยั่งยืน 

                            จากซ้ายไปขวา 1. คุณจารุวรรณ งาพานิชวัฒน์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาดธุรกิจค้าปลีก Frasers บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 2. คุณณัฐวุฒิ อินทรส ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาอย่างยั่งยืน เอสซีจี 3. Mrs. Vibeke Lyssand Leirvåg, Chairperson, Foreign Chamber of Commerce in Thailan 4. Mr.Martin Venzky-Stalling, Sustainable Development Committee, Chaiman, JFCCT 5. คุณพลภัทร สุวรรณศร ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Advisor to GCEO 6.คุณต้องใจ ธนะชานันท์ ผู้อำนวยการคณะจัดงาน Sustainability Expo 7. ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 8. คุณเจรมัย พิทักษ์วงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด ในเครืออมรินทร์ กรุ๊ป 9. คุณปราชญ์ เกิดไพโรจน์ ผู้อำนวยการด้านความยั่งยืน ภูมิภาคเอเชีย บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

                            สำหรับกิจกรรมไฮไลท์ตลอด 10 วัน ของงาน SX 2024 ผู้เข้าชมงานจะได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ อัพเดทเทรนด์ ไอเดีย เทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงต้นแบบในการพัฒนาเมือง ชุนชนที่ยั่งยืน ผ่านการบรรยาย  เสวนา เวิร์คช็อป นิทรรศการ ศิลปะ ตลอดจนอาหารแห่งอนาคต พบกับ 10 โซนหลัก คือ 

                            โซนนิทรรศการชั้น G จำนวน 5 โซน

                            1) โซน SEP INSPIRATION พบกับองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนที่น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้จนประสบความสำเร็จ อาทิ มูลนิธิชัยพัฒนา และสัมผัสประสบการณ์ Immersive Experience ในนิทรรศการ Prologue ที่จะทำให้คุณรู้สึกถึงพลังของทุกการกระทำของเรา และผลกระทบที่ส่งตรงมาถึงเราทุกคน!  พร้อมเรียนรู้จากผู้บุกเบิกและผู้ปฏิบัติงานตัวจริงทั้งในวาระระดับประเทศและนานาชาติ และยังมีการจัดแสดงผลงานศิลปะที่ ‘Story from Plateau’ หรือ ‘เรื่องราวจากที่ราบสูง โดย อาจารย์บุญโปน โพทิสาน ศิลปิน Bangkok Art Biennale (BAB) 2024 ซึ่งเป็นผลงานที่จะสื่อถึงปัญหาระเบิดในประเทศลาวสงคราม เป็นการสะท้อนว่าสงครามไม่ได้ส่งผลดีต่อใครเลย

                            2)โซน Better Me ชวนคุณปรับเปลี่ยนเพื่อไปสู่วิถีชีวิตแบบยั่งยืนเป็นเรื่องง่ายที่เริ่มต้นได้ด้วยตัวเราเมื่อเข้าสู่ระยะสูงวัย สุขภาพกาย สุขภาพใจย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นการเตรียมตัวเข้าสู่ความสูงวัย ที่ต้องเริ่มดูแลตั้งแต่สุขภาพอาหาร สุขภาพใจเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว โดยในปีนี้มีนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น Mr. Muse หุ่นยนต์โรโบเทสเปียน ฮิวมานอยด์อัจฉริยะ รวมทั้งอัพเดทเทรนด์อาหารแห่งยุคเพื่อเตรียมตัวสูงวัยอย่างมีคุณภาพและความสุข

                            3) โซน Better Living เรียนรู้เรื่องการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมไปถึงนวัตกรรมและไอเดียการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เพื่อสร้างความเข้าใจ ตระหนักถึงผลกระทบ และกระตุ้นให้เกิดการลงมือทำ เพื่อกอบกู้ฟื้นฟูสภาพภูมิอากาศ สู่บรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero) เรียนรู้การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน และตัวอย่างจากองค์กรชั้นนำที่ดำเนินการเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่การลดการปล่อยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปจนถึงเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน

                            4) โซน Better Community  “BUILDING INCLUSIVE COMMUNITY” ส่วนนิทรรศการและกิจกรรมที่นำเสนอการสร้างชุมชน-กลุ่มคนที่ร่วมกันสร้างคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิดการพัฒนาทั้งคนและเมือง โดยเน้นหน่วยงานที่มีผลงานอย่างต่อเนื่อง และสร้างผลสำเร็จทั้งในมิติสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจชุมชนกว่า 50 แห่

                            5) โซน Better World “ศิลปะสร้างค่า สู่สมดุลโลก” รวบรวมงานศิลป์สะท้อนมุมมองความยั่งยืนในหลากหลายรูปแบบ อาทิ ผลงานภาพถ่ายจากโครงการประกวด Follow the River โดย National Geographic Thailand, ห้องภาพฉายานิติกร, สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย และผลงานจากการแข่งขัน SX Trash to Treasure ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 นอกจากนี้เผยแพร่เรื่องราวของบุคคลสำคัญที่ได้ลงมือทำงานด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนและสร้างผลงานอย่างเป็นรูปธรรมในวงกว้าง ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม จนได้รับรางวัล SX Shaper Award

                            โซนกิจกรรมให้คุณได้ลงมือทำเพื่อโลก ชั้น LG จำนวน 4 โซน

                            1) โซน SX Food Festival มหกรรมอาหารยั่งยืนแห่งปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ภายใต้ธีม Back to The Future พร้อมพาทุกคนย้อนเวลาไปสู่อนาคตไปพบกับอาหารที่ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายในงานพบกับเชฟชื่อดังจากรายการ Master Chef, Top Chef, Iron Chef, และ Hell’s Kitchen ที่จะมาโชว์ฝีมือรังสรรค์เมนูแห่งอนาคต รวมถึงผู้ประกอบที่สร้างสรรค์เมนูอาหารที่ช่วยสร้างสมดุลที่ดีต่อโลกและดีต่อคุณ ผ่าน 7 โซน 7 ประสบการณ์สุดล้ำ

                            2) โซน Kids Zone พื้นที่ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งอนาคต ผ่านการ ‘เล่น –ทดลอง–เรียนรู้’ กับนิทรรศการ และกิจกรรมสร้างสรรค์ สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน อาทิ นิทรรศการ ‘มหัศจรรย์ความหลากหลายทางชีวภาพ’ ที่ให้เด็กๆได้รู้จักกับธรรมชาติสัตว์และถิ่นที่อยู่ผ่านป่าดิบชื้นจำลอง สัตว์สตัฟฟ์ และวิดิทัศน์บนจอยักษ์ โดยความร่วมมือของ อพวช., Fab Cafe และ U.S Embassy นิทรรศการ ‘เก็บกลับ-  รีไซเคิล’ เรียนรู้วิธี และประโยชน์ของการแยกขยะ โดย Thai Beverage Recycle กิจกรรมสอนสร้างงานศิลป์ หลากแขนง กิจกรรมชวน ช็อปร้านจากนักขายรุ่นเยาว์ โดย Amarin Baby & Kids และ Win Win WAR OTOP Junior ร่วมด้วยเสวนา สาธิต และเวิร์คชอปสนุก ปลุกแรงบันดาลใจ

                            3) โซน SX MARKETPLACE ตลาดนัดสินค้ายั่งยืนใจกลางเมือง! ท่ามกลางบรรยากาศสวนกลางเมือง แบ่งโซนให้สายกรีน สายคราฟ และสายช้อป มาร่วมสนับสนุนผู้ประกอบการไทยกว่า 280 ร้านค้า ที่มุ่งเน้นการผลิตสินค้าอย่างยั่งยืน พบกับสินค้าที่คัดสรรมาเพื่อคุณ ทั้งอาหารออร์แกนิก สินค้าทำมือจากธรรมชาติ และของใช้ในบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช็อปเพลิน ๆ ไปพร้อมกับการสร้างโลกที่ดีกว่าเดิม!

                            4) SX REPARTMENTSTORE “รวมทิ้ง รวมแบ่งปันของนอกสายตา..ทิ้งแบบไหนดีต่อโลก” พื้นที่สำหรับเปลี่ยนของนอกสายตา หรือสิ่งของในบ้านที่ไม่ใช้แล้วแต่ยังมีประโยชน์และใช้งานได้ นำมาส่งต่อและมอบคุณค่าให้แก่ผู้อื่น สังคม สร้างคุณค่าใหม่ได้อีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีร้านค้าจำหน่ายสินค้ามือสองคุณภาพดี ร่วมกับโครงการจ้างวานข้า มูลนิธิกระจกเงา และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ Beta Young นำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายไปมอบให้การกุศล นอกจากนี้ยังมีจุด drop off บรรจุภัณฑ์ใช้แล้วและขยะอื่น ๆ เพื่อนำไปบริหารจัดการอย่างถูกวิธีหรือนำกลับสร้างคุณค่าใหม่ได้อีกครั้ง

                            และโซน B2B Event บริเวณชั้น 2 ซึ่งรวบรวมงานสัมมนาและเครือข่ายธุรกิจ เพื่อความยั่งยืนที่เจาะลึกแนวทางธุรกิจยั่งยืนตอบโจทย์ทั้งสังคม และสิ่งแวดล้อม ร่วมเจาะลึกแนวทางธุรกิจยั่งยืนไปกับงานสัมมนาจากเครือข่ายธุรกิจด้านความยั่งยืนชั้นนำในภูมิภาค! พบกับ Sustainable Society and Solution Summit โดย Nikkei BP, Chief Sustainability Officers (CSO) Forum, ASEAN Circular Economy Forum, SE Forum และ Australian Green Economy Mission to Sustainability Expo Thailand โดย Australian Trade ที่จะพาคุณเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ พร้อมพลิกโฉมธุรกิจของคุณไปสู่ความยั่งยืน

                            “เพราะความยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน” ที่จะมาร่วมกันเปลี่ยนโลกใบนี้ให้น่าอยู่อย่างยั่งยืนผ่านกิจกรรมมากมาย พร้อมแลกเปลี่ยนแนวคิด และไอเดียสุดเจ๋งด้านความยั่งยืนกับวิทยากรชื่อดัง ศิลปิน และเหล่าไอดอลจากทุกแวดวง ตื่นเต้นไปกับสุดยอดนวัตกรรมกอบกู้โลกให้คุณได้เรียนรู้ และพร้อมปรับตัว เพื่อความอยู่รอดในวิถีชีวิตประจำวันยุคโลกเดือดได้อย่างมีความสมดุล ในงาน Sustainability Expo (SX2024) ได้ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน- 6 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) 

                             

                            ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของ SX ได้ทาง Facebook Page : Sustainability Expo, www.sustainabilityexpo.com และแอดไลน์ @sxofficial
                            เตรียมพบกับมุมมองดีๆ และต้นแบบสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างยั่งยืน ตลอดจนร่วมกิจกรรมมากมายเพื่อโลก ด้วยกันที่ Sustainability Expo 2024: Good Balance, Better World #good balancebetter world  

                              โรงเรียน ณ ดรุณ โรงเรียนไทยแนวใหม่ ภาษาโดดเด่น เน้นความสุขของผู้เรียนอย่างแท้จริง

                              บ้านไหนกำลังมองหาโรงเรียนที่ลูก ๆ สามารถเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ วิชาการก็ดี ภาษาเด่น เน้นความคิดสร้างสรรค์.. School Visit ขอพามารู้จัก โรงเรียน ณ ดรุณ โรงเรียนไทยแนวใหม่ที่บรรยากาศภายในสดชื่นร่มรื่น จนเหมือนไม่ได้อยู่ในใจกลางเมือง โรงเรียน ณ ดรุณ เข้าใจถึงความหลากหลายของนักเรียน จึงเน้นการพัฒนาศักยภาพเป็นรายบุคคล ไม่ตีกรอบความคิด ทำให้ชีวิตในรั้วโรงเรียนของเด็กๆมีความสุข มีทัศนคติที่ดีจนกลายเป็นรักการเรียนรู้ ทำไมนักเรียนโรงเรียน ณ ดรุณ ถึงชอบมาโรงเรียน ? มาหาคำตอบกันค่ะ

                              ป้ายทางเข้าโรงเรียน

                              เครื่องเล่นกลางแจ้งสำหรับเด็กเล็ก

                              สนามหญ้าขนาดใหญ่

                              เตรียมพร้อมกีฬาสี เซ็ตนี้เป็นเชียร์ลีดเดอร์นะคะ (แต่ก็ต้องไปแข่งกีฬาด้วย)

                              ให้ ณ ดรุณ เป็น บ้านหลังที่สอง

                              เพราะเด็กเล็ก หรือ เด็กปฐมวัย ต้องใช้เวลาในการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่.. เมื่อเด็ก ๆ เกิด “ไว้ใจ” และเกิด “ความมั่นคงทางจิตใจ” คราวนี้ก็จะถึง step “กล้าที่จะเรียนรู้”

                              คุณครูมักใช้เวลาร่วมกับเด็ก ๆ ตลอดเวลา เพื่อสร้างความคุ้นเคย สังเกต และกระตุ้นให้คิด+ให้เด็ก ๆ แสดงความคิดเห็น – ผลคือเด็ก ๆ เกิดการเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ จากบทสนทนา – การปฏิสัมพันธ์ เป็นความรู้จากเกิดจากการเรียนรู้เองจริงๆ ซึ่งจะติดตัวไปตลอดชีวิตเลยค่ะ

                              ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องแปลกใจที่เด็กๆอยากมาและอยู่ที่โรงเรียนนาน ๆ ก็เพราะรู้สึกสบายใจเหมือนอยู่ที่บ้าน

                              สอนให้สนุก เรียนจึงสนุก

                              ภายใต้หน้ากาก เด็ก ๆ ยิ้มตาเป็นสระอิเลย

                              เด็กน้อยอารมณ์ดี

                              กว่าจะเป็นชิ้นผลงาน ทุกอย่างต้องผ่านการคิด

                              พื้นฐานดีๆ ..สร้างได้

                              สมองและความจำของเด็ก ๆ คือที่สุด! ลองนึกถึงภาพ “ฟองน้ำ” กันค่ะ มันจะสามารถดูดซับ + อุ้มน้ำได้มากและก็ใช้งานได้ดีเมื่อมีความชุ่มชื้น สมองของเด็ก ๆ ก็เช่นกัน..สามารถเรียนรู้และมีความจุมาก..ความรู้จะเก็บเป็นคลัง รอคอยวันที่จะหยิบออกมาใช้

                              ที่ ณ ดรุณ จัดการเรียนรู้สอดคล้องกับ 1. พัฒนาการตามช่วงวัย และ 2. กระตุ้นให้เหมาะสมของนักเรียนแต่ละคน (ผ่านการสังเกตของคุณครู) ตามแนวคิดแบบ Reggio Emilia

                              Reggio Emilia เชื่อมั่นว่า เด็กมีศักยภาพและมีความสามารถติดตัวมาตั้งแต่เกิด และศักยภาพเหล่านั้นจะถูกส่งเสริมด้วยสิ่งต่าง ๆ รอบตัวของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น สถานที่ ชุมชน สังคม และวัฒนธรรม นั่นหมายความว่า พ่อแม่ ผู้ปกครอง คุณครู และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาตัวตนของเด็ก และส่งเสริมให้พวกเขาแสดงศักยภาพเหล่านั้นออกมา

                              การเรียนรู้ที่แท้จริงต้องเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ 1. สงสัย – ซักถาม 2. ลองผิด ลองถูก ไม่กลัวผิดพลาด ล้มลุกคลุกคลาน 3. ให้เวลาเด็ก ๆ ในการสังเกต เพราะแต่ละคนใช้เวลา “เข้าใจ” ไม่เท่ากัน 4. สรุปเป็น พรีเซนต์ได้ 5. รับฟังความคิดเห็นผู้อื่น 6. คุณครูทำหน้าที่เป็น facilitator (ผู้ชี้นำ) เด็ก ๆ จึงจะเป็นเจ้าของการเรียนรู้อย่างแท้จริงที่โรงเรียน ณ ดรุณ

                              สนับสนุนทุกการสร้างสรรค์

                              ณ ดรุณ จัดการเรียนรู้แบบปฐมวัยอย่างไรนะ?

                              ชั้นอนุบาล 1 เรามาเตรียมความพร้อมกันนะเด็ก ๆ! เป็นการเรียนรู้ผ่านการใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ตา-หู-จมูก-ปาก-มือ

                              เพื่อฝึกการทำงานให้สอดประสานกัน – ผ่านกิจกรรม ผ่านงานต่างๆ

                              เพื่อให้คุ้นชินกับรูปร่างและเสียงพยัญชนะ ทั้งไทย และ English (เตรียมพร้อมด้าน Literacy)

                              เพื่อให้รู้จักสัญลักษณ์ของตัวเลขและจำนวน 0-10 สังเกต เปรียบเทียบ มากกว่า-น้อยกว่า สั้น-ยาว สูง-ตำ ใหญ่-เล็ก หนัก-เบา ลำดับเพิ่ม-ลด ปริมาตรมาก-น้อย อย่างเป็นรูปธรรม (เตรียมความพร้อมด้านคณิตศาสตร์)

                              การเรียนรู้ที่นี่จึง “เข้าใจง่าย สนุกสนานและทำให้เด็กประสบความสำเร็จในการเรียนรู้” ค่ะ

                              ชั้นอนุบาล 2 วัยช่างถาม สงสัย วัยเลียนแบบ ..มาเรียนรู้และสำรวจโลกกว้างกัน

                              เด็ก ๆ มีความพร้อมที่จะเรียนรู้ภาษาและตัวเลข คุณครูจะจัดกิจกรรมและสอดแทรกงานวิชาการที่มากขึ้นแต่ยังคงความสนุกและสร้างสรรค์ไว้จนเด็กๆไม่รู้ตัวเลยว่า “เข้มข้นขึ้นอีกขั้น” แล้วนะ

                              ทุกๆ เช้าที่เด็กเข้ามาในห้องเรียนจะเริ่มด้วย Morning Meeting หรือกิจกรรมคุยกัน

                              หลังจากนั้นเด็กๆ จะไปตามมุมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะภาษา โต๊ะตัวเลข โต๊ะไฟ มุมห้องครัว มุมอ่านหนังสือ มุม message

                              ทักษะภาษาไทย – ภาคเรียนที่ 1 เด็กๆจะเรียนรู้พยัญชนะไทยทั้ง 44 ตัว ภาคเรียนที่ 2 เด็ก ๆ รู้จักสระเดี่ยว เริ่มประสมเสียงและอ่านคำง่าย ๆ ได้

                              เพราะคณิตมีอยู่ในชีวิตประจำวัน น้องอนุบาล 2 จะเริ่มบันทึกอากาศ อ่านปฏิทิน ดูเวลา นับวันที่มาโรงเรียน ทำให้เด็ก ๆ ได้ซึมซับความรู้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ทีละเล็กละน้อย + รู้จักค่าของ 0-20 จากการนับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว + จำแนก (sorting) + จัดหมวดหมู่ (Classifying) + สำรวจหาลวดลายในธรรมชาติ และแบบรูป (อนุกรม) ในสิ่งต่าง ๆ รอบตัว (searching for patterns)

                              English ฟัง พูด อ่าน เขียน ทำกิจกรรมทั้งงานฝีมือ ร้องเพลง ฟังนิทาน เล่นบทบาทสมมุติ โปรเจคเดี่ยว โปรเจคกลุ่ม ในหัวข้อ Farm/wild animals, insects, nature, transportation, fruits & vegetables, about me-feelings & emotions, occupations.

                              วิทย์แสนสนุก เด็กๆชอบที่สุดเลยค่ะ (เด็กทุกคนมีจิตวิญญาณนักวิทยาศาสตร์ตามวัยอยู่ในตัว)

                              มุม Water Play เด็กเล็กค่ะ

                              ชั้นอนุบาล 3 เข้มข้นแต่ไม่เคร่งเครียด

                              เด็ก ๆ มีความพร้อมมากขึ้น รู้จักคิดและแก้ปัญหา ในชั้นนี้จะมีพัฒนาการทางภาษาที่รวดเร็ว

                              Morning Meeting คงเดิม+เพิ่มเติมเรื่องการให้ความสำคัญกับการเล่น (ทักษะทางสังคม) เด็ก ๆ จะได้ฝึกและเรียนรู้กฎกติกามารยาทในการอยู่ร่วมกัน การแบ่งปัน อดทนรอคอย การปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน ทั้งตอนเล่นอิสระ หรือ เล่นเกมที่มีกฎกติกา

                              ภาษาไทยและคณิตศาสตร์ : ต่อยอดไม่ยากเลยค่ะ เด็กๆเตรียมพร้อมมาอย่างดีตั้งแต่ชั้นก่อนหน้า เพราะทุกคนเรียน 1. อย่างมีความสุข 2. อย่างมี Growth Mindset ไม่ย่อท้อ ส่งผลให้นักเรียนโรงเรียน ณ ดรุณ มีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ (อันนี้เคล็ดไม่ลับนะคะ)

                              English : เน้นกิจกรรม interactive ค่ะ ภาษาอังกฤษ “ต้องกล้า – ต้องใช้งานถึงจะคล่อง”

                              สิ่งนี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับเด็กขี้อายเพราะคุณครูใช้กิจกรรมทั้งร้อง เล่น เต้น ศิลปะ ชั้นอนุบาล 3 ได้เรียนภาษาอังกฤษทุกวัน+เพิ่มเติมด้วย phonics class สัปดาห์ละ 2 วัน เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการสะกดคำ (ภาษาอังกฤษคือจุดแข็งของ ณ ดรุณ!)

                              และวิทยาศาสตร์ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ (ก็วัยอยากรู้ อยากเห็นนี่นา)

                              ประถม เรียนคิด สนุกค้น

                              หลักสูตรประถมศึกษาของทางโรงเรียนยึดตามหลักสูตรแกนกลางของกระทรวงศึกษาธิการจัดเป็นสาระการเรียนรู้กลุ่มต่างๆ ผสมผสานหลักสูตรจากต่างประเทศ

                              เน้นการเรียนแบบความคิดรวบยอด (Concept) ไม่เน้นท่องจำ + วิธีการสอนที่หลากหลาย/จัดทำแบบเรียนที่เปิดโอกาสให้เด็กๆได้คิด – ค้นคว้า

                              Thinking Tools สื่อการเรียนรู้ ผ่านการใช้หนังสือภาพ เครื่องมือหลากหลายรูปแบบ ทำให้การเรียน..ไม่จำเจค่ะ

                              สาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ (แน่นเหมือนโรงเรียน 2 ภาษา) พิเศษเลยค่ะ! นักเรียนจะได้เรียน Social Studies (สังคม) Science (วิทยาศาสตร์) Math (คณิตศาสตร์) เป็นภาษาอังกฤษซึ่งบทเรียนไม่ซ้ำกับที่เรียนเป็นภาษาไทยนะคะ นักเรียนจึงมีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นเป็นเท่าตัว คลังคำศัพท์เฉพาะทางก็จะแน่นขึ้นเช่นกัน

                              ส่งเสริมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนจินตนาการให้มากที่สุด

                              ทุกกิจกรรม คือ การเรียนรู้ตลอดชีวิต ( Lifelong learning )

                              จัดกิจกรรมโครงการทุกปี ( Project approach ) เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม

                              Multi-library ที่เด็ก ๆ ได้ค้นคว้า เรียนรู้ และสร้างเสริมประสบการณ์ที่หลากหลาย

                              กิจกรรม ณ ดรุณ

                              วันไหว้ครู – สัปดาห์ ณ ดรุณ ชวนอ่าน – วันภาษาไทยแห่งชาติ – ละครประจำปี

                              วันกีฬาสี – วันลอยกระทง – การแสดงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ – วันเด็ก – Science Expo

                              นิทรรศการศิลปะ – วันเฉลิมฉลองโปรเจค

                              กิจกรรมที่ถูกใจทีมแม่ ABK อย่างหนึ่งคือ Wax Museum เด็ก ๆ จะเลือกบุคคลสำคัญของโลกจากวงการต่างๆมา cover ค่ะ 1. ศึกษาประวัติ 2. จัดทำดิสเพลย์ 3. แต่งตัว cover ประหนึ่งหุ่นขี้ผึ้งในพิพิธภัณฑ์ 4. พรีเซนต์ให้ผู้เข้าชม ..เป็นการเปิดโลกและสร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ เลยนะคะ ปีการศึกษาก่อน ๆ มีแต่งตาม Frida Kahlo จิตรกรหญิงชาว Mexican – Henry Ford ผู้ก่อตั้ง Ford Motor เป็นต้นค่ะ

                               ในวันกีฬาสีทุกคนจะได้แข่งกีฬา 2-3 ประเภท

                              เติบโตเป็นอย่างดีที่ ณ ดรุณ

                              รู้จักตัวเอง ทุกคนมีตัวตนและความสามารถที่แตกต่างกัน ณ ดรุณ เชื่อว่านักเรียนทุกคน “ฉายแสงได้” หากมีการกระตุ้นและส่งเสริมที่เหมาะสมค่ะ

                              เชื่อมโยงสิ่งที่เรียนกับตนเอง ให้แสดงความคิดเห็น – ตัดสินใจบ่อยๆ

                              ทำงานเป็นกลุ่ม

                              สร้าง Growth Mindset ให้นักเรียนเรียนรู้จากความผิดพลาด >> กล้าเผชิญปัญหา กล้าท้าทายตัวเอง

                              ปลูกฝัง Grit ความอดทน และความเพียรพยายามในการทำสิ่งหนึ่งอย่างเต็มที่ในระยะยาว

                              พื้นที่การเรียนรู้และใช้ชีวิต

                              ภายนอก – โอบล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ สนามหญ้า ที่เด็กๆสามารถสังเกตวัฏจักร – ความเป็นไปของโลกใบนี้

                              สนามเด็กเล่น ลานเล่นน้ำ (Water Play ทุกวันศุกร์สำหรับเด็กเล็ก) สนามฟุตบอล เรียบง่ายแต่มีฟังก์ชั่น – แหล่งเสริมสร้างทักษะทางสังคมชั้นเลิศ

                              ภายในห้องเรียน – ห้องเรียน Free form ในระดับชั้นอนุบาล สามารถปรับ ขยับ ขยาย ได้ตามกิจกรรมที่คุณครูเซ็ตไว้ให้ในแต่ละวัน ในขณะที่พี่ๆประถมจะนั่งกันเป็นกรุ๊ป 4 คน

                              และในทุกห้องเรียนจะมีมุมกิจกรรมหลากหลายให้เด็ก ๆ เลือกทำ

                              เด็ก ๆ มีสมาธิ

                              อาหารกลางวัน ..นักเรียนมีส่วนร่วมในการช่วยเสนอเมนูนะคะ

                              ใกล้ถึงวันกีฬาที่ทุกคนรอคอยแล้วค่ะ

                              งานใหญ่ของพี่ ป.6 “ละครเวที” ที่พี่ ๆ จะต้องทำเองทุกขั้นตอน จัดแสดงถึง 3 รอบเลย ปีนี้เป็นเรื่อง “มโนราห์”

                              Mommy Love This! ถูกใจแม่

                              ภาษาอังกฤษของเด็ก ๆ พัฒนาเป็นอย่างดี ราวกับโรงเรียน 2 ภาษา ในขณะเดียวกันภาษาไทย – วัฒนธรรมไทยก็ไม่ขาดตกบกพร่อง

                              ลูก ๆ มีความอดทน พยายาม และไม่ย่อท้อต่อสิ่งต่าง ๆ – เป็นประโยชน์มากต่อการใช้ชีวิตตอนโตเลยนะคะ

                              “กิจกรรมการเรียนจัดว่าเยี่ยม” เพราะมีทั้งวัน ทุกคลาส หลากหลายแบบและสร้างสรรค์ ไม่เบื่อ

                              “ความเท่าเทียมกัน” ทั้งด้านการเรียน กิจกรรม โอกาส การดูแลจากโรงเรียน ไม่มีใครได้มากกว่ากัน หรือ ถูกทอดทิ้งอยู่เบื้องหลัง

                              “การสะท้อนคิด” หรือ การ Feedback หนึ่งเสียงของนักเรียนมีความสำคัญ ที่โรงเรียน “ฟังและได้ยิน”

                              ค่าเล่าเรียนต่อเทอม ( 1 ปีการศึกษามี 2 เทอม)

                              ระดับชั้นอนุบาล – ประถมศึกษา เทอมละ 62,000 บาท

                              ไม่รวมค่าแรกเข้าและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อสอบถามโรงเรียนโดยตรง

                              โรงเรียน ณ ดรุณ

                              518/22 ซ.สหการประมูล ถ.ประชาอุทิศ

                              แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง,

                              กรุงเทพฯ, 10310

                              โทร. 02-4708315

                              เว็บไซต์ : https://e-school.kmutt.ac.th/dsil/

                              Facebook : https://www.facebook.com/dsil.kmutt

                              Line OA : @dsil >>https://lin.ee/uTz8x86

                                รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO

                                รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO คอกกั้นเด็ก ซิปปลอดภัย ใส่ใจทุกรายละเอียด

                                เตรียมบ้านต้อนรับสมาชิกใหม่ สร้างพื้นที่ส่วนตัวด้วย คอกกั้นเด็ก เพื่อมอบความปลอดภัยให้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างอิสระ หมดกังวลเรื่องความปลอดภัยให้ลูกน้อยได้ตั้งแต่แรกเกิด ไม่ว่าจะเป็นให้นม เปลี่ยนผ้าอ้อม หรือตอนที่ลูกน้อยหัดนั่ง คลายหรือเดิน

                                หากคุณแม่กำลังมองหาคอกกั้นเด็กที่ได้มาตรฐาน เพื่อใช้เป็นพื้นที่เรียนรู้อย่างปลอดภัยให้ลูกน้อยแล้วละก็ HOYO เป็นหนึ่งในแบรนด์อันดับต้นๆ ที่คุณแม่ต่างนึกถึงและยอมรับในเรื่องคุณภาพ ความใส่ใจในการตัดเย็บ ที่สร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับคุณแม่และลูกน้อย ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ขอมา รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO ให้กับคุณแม่ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจค่ะ

                                ทำไมต้องเลือก คอกกั้นเด็ก HOYO

                                คอกกั้นเด็กไม่ได้เหมือนกันหมด สำหรับคอกกั้นเด็ก HOYO ใส่ใจทุกรายละเอียดของการตัดเย็บ ทุกส่วนต้องประณีต และความปลอดภัยที่ HOYO ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก

                                • HOYO ใช้ซิปและตีนตุ๊กแกไม่คม เพื่อระวังลูกน้อยไม่ให้ได้รับอันตรายเวลาอยู่ในคอก HOYO เลือกใช้ซิป Nylon ถักจาก YKK ที่รับน้ำหนักได้ถึง 90 กิโลกรัมต่อ 1 คู่ และตีนตุ๊กแกจาก YKK คุณภาพสูง แต่ปลอดภัย ไม่บาดผิวลูกน้อย

                                รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO

                                • ซิปและตีนตุ๊กแก ของ HOYO ผ่านมาตรฐานระดับโลก Standard 100 by Oeko-Tek : Product class 1 คุณแม่จึงมั่นใจได้ในมาตรฐานของ HOYO

                                รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO

                                • การตัดเย็บที่ใส่ใจ HOYO ซ่อนขอบตีนตุ๊กแก เพื่อซ่อนมุมแหลมที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อย ทั้งยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ตีนตุ๊กแกอีกระดับ

                                รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO

                                • เก็บขอบมุมของตีนตุ๊กแกให้เรียบเนียนกริบ ด้วยเทคนิคการตัดเย็บแบบพิเศษของ HOYO จนได้คอกกั้นเด็กคุณภาพระดับพรีเมียม
                                • HOYO ให้สัมผัสที่เรียบเนียนกว่า ด้วยการตัดเย็บซ่อนหัวซิปมิดชิด ไม่มีสะดุดเมื่อสัมผัส
                                • สุดยอดคอกกั้นเด็ก งานเย็บประณีต HOYO ตัดเย็บด้วยเทคนิคพิเศษ ไม่มีลิ้นผ้า ทำให้คอกมีความสวยงามทุกชิ้นส่วน

                                ภายในคอกกั้นเด็ก HOYO เด็ก ๆ จึงได้รับการดูแลไม่ต่างจากอ้อมกอดจากคุณแม่ ที่พร้อมซัพพอร์ทในทุกก้าวย่างของพัฒนาการตามวัย ช่วยให้ลูกรู้สึกปลอดภัย มั่นใจ และพร้อมจะเริ่มทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการคว่ำ นั่ง คลาน เกาะยืน หรือหัดเดิม โดยที่คุณแม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันอยู่ใกล้ๆ ไปพร้อมกันได้

                                Amarin Baby & Kids คัดเลือกให้คอกกั้นเด็ก HOYO
                                ได้รับรางวัล Editor’s Choice
                                สาขา BEST BABY SOFT PLAYPEN
                                จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

                                 

                                ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ก็ทำให้เห็นว่า HOYO เป็นตัวแทนความรักจากแม่ ด้วยการลงทุนที่คุ้มค่า สำหรับลูกทุกวัย อบอุ่น ปลอดภัย ใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยอย่างแท้จริง ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้คอกกั้นเด็ก HOYO ได้รับรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2023 รางวัล Editor’s Choice  สาขา BEST BABY SOFT PLAYPEN

                                 

                                สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดีๆ ของคอกกั้นเด็ก HOYO สามารถติดตามได้ที่ www.hoyosoftandsafe.com
                                Line@ : https://lin.ee/lUNLtvZ2

                                  ฉายแสงฯ จัดกิจกรรมทอล์ก “ เติบโตอย่างมีความสุขกับ โต๊ะโตะจัง ” พร้อมเปิดรอบชวนซึ้ง เรียกน้ำตาผู้ชม ก่อนฉายจริง

                                  ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ รวมพลทุกครอบครัวที่รัก โต๊ะโตะจัง มาร่วมซึบซับความประทับใจและเสียน้ำตา ชมภาพยนตร์ก่อนใคร ไม่มีค่าใช้จ่าย ในกิจกรรมรอบพิเศษชม โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง (Totto-Chan: The Little Girl at the Window) วรรณกรรมเยาวชนชั้นเยี่ยมจากสำนักพิมพ์ ผีเสื้อญี่ปุ่น ที่ถูกถ่ายทอดมาเป็นภาพยนตร์อนิเมะ ภายใต้โปรเจกต์ เมะ เรื่องราวของเด็กหญิงแสนซน ที่เรียกน้ำตาคนทั้งเอเชีย ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก ชัยวัฒน์ มิ่งไม้ ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ จำกัด, สุชาดา เทพหินลัพ บรรณาธิการรักลูก พร้อมกิจกรรมท้ายรอบ ร่วมพูดคุยหัวข้อ เติบโตอย่างมีความสุขกับ โต๊ะโตะจัง โดยมี คุณหมอวิน ผศ.นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ กุมารแพทย์ทั่วไป ผู้ก่อตั้งแฟนเพจ “เลี้ยงลูกตามใจหมอ”, ตุ๊กตา พนิดา เอี่ยมศิรินพกุล (เพจเที่ยวรอบลูก) ร่วมงาน ณ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน

                                  ชัยวัฒน์ มิ่งไม้ ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ จำกัด กล่าวว่า โต๊ะโตะจัง ภาพยนตร์แอนิเมชันที่มีความพิเศษ ครั้งแรกที่เราจะได้เห็นบนจอภาพยนตร์ โดยมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับครอบครัว และยังได้ ชินโนะสุเกะ ยาคุวะ รับหน้าที่กำกับ  (ผลงาน “Doraemon series) สร้างจากนิยายที่ขายดีของญี่ปุ่นและถูกแปลเป็นหลายภาษาทั่วโลกกว่า 35 ภาษา ตัวลายเส้น การ์ตูน ความพิเศษของเนื้อหา และทุกบริบทที่ถูกตีความเป็นภาพยนตร์ มันสวยงามจริง ๆ เหมาะกับการรับชมในโรงภาพยนตร์

                                  นอกจากชมหนังสนุกแล้ว เพื่อเป็นการส่งเสริมสถาบันครอบครัว การจัดงานในวันนี้ มีแขกรับเชิญพิเศษที่มาแลกเปลี่ยนความรู้ ในหัวข้อเติบโตอย่างไรให้มีความสุขกับโต๊ะโตะจัง” ได้รับเกียรติจาก คุณหมอวิน ผู้ก่อตั้งแฟนเพจ “เลี้ยงลูกตามใจหมอ” ด้วยจำนวนที่มีผู้ติดตามเยอะ และจากข้อมูลต่างๆ ในเพจล้วนเป็นประโยชน์ สามารถนำเอาแง่มุมต่างๆ กลับไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ ส่วนคุณตุ๊กตา พนิดา (เพจเที่ยวรอบลูก) ก็ได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์การเลี้ยงลูกในยุคปัจจุบันร่วมกัน

                                  ตุ๊กตา พนิดา เอี่ยมศิรินพกุล (เพจเที่ยวรอบลูก) เผยว่า หัวข้อวันนี้ในกิจกรรม เติบโตอย่างไรให้มีความสุขกับโต๊ะโตะจัง” มีโอกาสได้เจอกับคุณหมอวิน เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ เป็นโอกาสที่ดีมาก คุณหมอมีคำแนะนำ ครบจบมากๆ คือตั้งแต่แรกเกิดจนถึงเด็กโต หรือว่าในคำแนะนำสำหรับคุณพ่อคุณแม่เองด้วย สามารถเอาไปปฏิบัติได้จริง แม้แต่ในคำถามของคุณแม่ท่านอื่นที่ได้ถามในวันนี้ เป็นประโยชน์สำหรับทุกๆ คนที่ได้มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ค่ะ

                                  สำหรับภาพยนตร์ โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง รู้สึกประทับใจมาก มีความละเมียดละไม จากวรรณกรรมมาสู่จอใหญ่ เหมือนพาเราย้อนกลับไปสู่วันที่เราได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ซาบซึ้ง มันทำให้เรารู้สึกยิ่งประทับใจ ได้รู้สึกย้อนไปสู่บรรยากาศของความเป็นเด็ก ไปเข้าใจธรรมชาติของความเป็นเด็กอีกครั้ง อยากจะขอฝากไปชมภาพยนตร์ โต๊ะโตะจัง กันค่ะ

                                   

                                   

                                  “Totto-Chan: The Little Girl at the Window โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง”
                                  19 กันยายน ในโรงภาพยนตร์

                                  รับชมตัวอย่าง www.youtube.com/watch?v=6LdU9v3UCzs ,
                                  www.youtube.com/watch?v=SCu56vdBEwI 

                                  ติดตามข่าวสาร ภาพยนตร์ “Totto-Chan: The Little Girl at the Window โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง”

                                  ผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้

                                  Facebook : www.facebook.com/shinesaengad.venture , www.facebook.com/MEOfficialTH

                                  Youtube :   www.youtube.com/@shinesaengad.venture

                                  Instagram www.instagram.com/shinesaengad.venture, www.instagram.com/meofficialth

                                  Tiktok : www.tiktok.com/@shinesaengadventure

                                  X : https://x.com/ShinesaengAd, https://x.com/meofficialth

                                   

                                  #TottoChanTH #โต๊ะโตะจังเด็กหญิงข้างหน้าต่าง

                                  #Shinesaengadventure #MeOfficial #ShinesaengxME #ฉายแสงแอดเวนเจอร์ #เมะ

                                    โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ โรงเรียนหญิงล้วน โดดเด่นด้านภาษา พัฒนาเด็กรอบด้าน 

                                    ถ้าจะพูดถึง โรงเรียนหญิงล้วน ที่เปิดทำการเรียนการสอนมายาวนานและมีชื่อเสียงในบ้านเรา โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ ต้องเป็นหนึ่งในลิสต์รายชื่อแน่นอน ทุกคนทราบไหมคะว่า โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 100 ประวัติและชื่อเสียงที่ยาวนาน ทำให้ทีมงานอยากพาทุกคนมาเยี่ยมชมหลักสูตรและแนวทางการสอน ของโรงเรียน ที่บอกได้เลยว่า ยังคงเต็มไปด้วยคุณภาพและพัฒนาเด็ก ๆ อย่างรอบด้านจริง ๆ

                                     

                                    ทำความรู้จัก โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์

                                    โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ เป็นโรงเรียนลำดับที่ 4 ของโรงเรียนในเครือคณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2468 โดยคุณพ่อบรัวซาต์ (Broizat) เจ้าอาวาสวัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ สามเสน ผู้มีความประสงค์ให้คณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร เข้ามาจัดการศึกษาให้กับกุลธิดา เด็กกำพร้า และเด็กยากจนที่อยู่ในชุมชนเขตวัดสามเสนและชุมชนใกล้เคียง เพื่อจะได้มีความรู้ มีวิชาชีพติดตัวและเป็นพลเมืองดีของสังคม

                                    ปัจจุบันโรงเรียน มีเนื้อที่กว่า 5 ไร่ เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย รับเฉพาะนักเรียนหญิง ดำเนินกิจการในรูปมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาคณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร โดยมีเซอร์มารี หลุยส์ นิภา พรฤกษ์งาม เป็นผู้แทนผู้รับใบอนุญาตและผู้อำนวยการ เป้าหมายหลักของโรงเรียน คือ การพัฒนาเด็กให้มีตัวตนเชิงบวก รักการเรียนรู้ รักการอ่าน เป็นมนุษย์ที่มีคุณภาพ คือ มีความรู้ควบคู่คุณธรรม เป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ จะได้ใช้ทั้ง 3 ภาษา คือ ไทย จีน อังกฤษ อย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ เพราะภาษาป็นสิ่งสำคัญและเป็นกุญแจสู่โลกกว้าง

                                    คุณครูดูแลและใส่ใจเด็ก ๆ เป็นอย่างดี

                                    โซนเด็กอนุบาล

                                    กิจกรรมสนุกปลุกพัฒนาการปฐมวัย

                                    สำหรับเด็กอนุบาลหรือปฐมวัย โรงเรียนจัดการเรียนการสอน ตามหลักสูตรการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ปลูกฝังพัฒนาการให้ครบทั้ง 4 ด้าน คือ ร่างกาย อารมณ์ จิตใจและสติปัญญา ควบคู่ไปกับการบูรณาการ 6 กิจกรรม แสนสนุก ได้แก่

                                    กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ ช่วยพัฒนาการด้านร่างกายและกล้ามเนื้อผ่านเสียงเพลงหรือดนตรี

                                    กิจกรรมเสริมประสบการณ์ เด็กจะได้พัฒนาด้านการฟัง การพูด การคิดและรู้จักแก้ปัญหา ผ่านกิจกรรมที่มีความหลากหลายเหมาะสมกับวัย

                                    กิจกรรมสร้างสรรค์ พัฒนาการทางด้านอารมณ์ ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ที่หลากหลาย เช่น วาดภาพ ระบายสี การปั้น

                                    กิจกรรมเสรี คุณครูจะเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้เล่นมุมต่าง ๆ ตามความสนใจของตัวเอง ส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และจิตนาการ

                                    กิจกรรมกลางแจ้ง เด็ก ๆ จะได้เล่นกีฬา ได้เล่นที่สนามเด็กเล่น กระโดด ปีนป่าย เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อทุกส่วน และประสาทสัมผัสของอวัยวะต่าง ๆ

                                    กิจกรรมเกมศึกษา ช่วยพัฒนากระบวนการคิดผ่านการเล่น ด้วยสื่อการสอนในรูปแบบต่าง ๆ เรียนรู้กฎ กติกาง่าย ๆ

                                    ซึ่งแต่ละกิจกรรมจะช่วยส่งเสริมและพัฒนาเด็ก ๆ ครบทุกด้าน ที่สำคัญ การเรียนรู้ผ่านการเล่น ช่วยสร้างแรงจูงใจให้เด็ก ๆ อยากเรียนรู้ และมีความสุขที่ได้มาโรงเรียน

                                    ห้องเรียนเด็กอนุบาล

                                    ทักษะด้านภาษา ไม่เป็นรองใคร

                                    โรงเรียนให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ภาษา เสริมจุดเน้นด้านการอ่าน การเขียน โดยจัดให้มีการเรียนการสอนในรูปแบบ Special English Program (SEP) ซึ่งเป็นหลักสูตร สำหรับเด็ก ๆ ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยม 3 เพื่อพัฒนาด้านการพูด ฟัง อ่านและเขียนภาษาอังกฤษ โดยมีครูต่างชาติเป็นผู้สอนและเป็นครูคู่ชั้น ได้เรียนภาษาอังกฤษทุก ๆ วัน ในรายวิชาหลักอย่าง Science, Mathematics, Social Studies, Basic English, English Phonics สอนภาษาอังกฤษโดยครูชาวต่างชาติ ที่จบตรงในสายวิชานั้น ๆ โดยมีวิชา Phonics ให้เด็กฝึกการออกเสียง และฝึกพูดให้ดียิ่งขึ้น ไม่ผิดเพี้ยนไปจากเจ้าของภาษา เด็ก ๆ ได้ใช้ภาษาทุกวันขนาดนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปเรียนเสริมเพิ่มเติมแล้วค่ะ นอกจากนี้เด็ก ๆ ชั้นอนุบาลจะได้เรียนภาษาจีนตั้งแต่เล็กๆ อีกด้วยนะคะ

                                    เรียนภาษาอังกฤษกันทุกวัน

                                     

                                    ศูนย์พัฒนาศักยภาพระดับปฐมวัย

                                    ตอกย้ำกันให้ชัดว่าโรงเรียนให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษมาก ด้วยศูนย์พัฒนาศักยภาพระดับปฐมวัย

                                    ห้องแห่งการเรียนรู้ที่เด็ก ๆ จะได้เพิ่มพูนทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ และได้เข้าฐานกิจกรรมแสนสนุก 5 ฐาน โดยสอนเป็นภาษาอังกฤษทุกฐาน

                                    ฐานนกแก้วช่างเจรจา – เรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษ

                                    ฐานกระต่ายน้อยนักคิด – ฝึกทักษะด้านคณิตศาสตร์

                                    ฐานเจ้าเสือนักทดลอง – ฝึกทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์

                                    ฐานม้าลายผู้สร้างสรรค์ – ฝึกทักษะด้านศิลปะ

                                    ฐานสิงโตเจ้าปัญญา – ฝึกทักษะการคิดและแก้ปัญหา

                                    เด็ก ๆ จะได้เรียนฐานละ 15-20 นาที และเรียนที่ห้องนี้สัปดาห์ละ 1 วัน เป็นวิชาที่เด็ก ๆ รอคอยที่จะได้เรียนจริง ๆ ค่ะ เพราะสนุกและน่าสนใจ

                                    ฐานกิจกรรมต่าง ๆ ในศูนย์พัฒนาศักยภาพระดับปฐมวัย

                                     

                                    บูรณาการเสริมทักษะ เรียนรู้อย่างสร้างสรรค์

                                    สำหรับเด็กอนุบาลหรือปฐมวัยจะได้เรียนรู้แบบบูรณาการผสมผสานกับการละเล่นไทย โดยนำมาประยุกต์กับวิชาพละ เช่น นำม้าก้านกล้วยมาให้เด็กใช้ร่วมกับการฝึกกระโดดข้ามสิ่งของ เพื่อปลูกฝังให้เด็กรักความเป็นไทยตั้งแต่เล็ก ๆ

                                    ส่วนรายวิชาสำหรับเด็กในยุคศตวรรษ 21 อย่าง Coding ที่นี่ก็เรียนกันตั้งแต่ระดับอนุบาล ในรูปแบบ Unplug Coding ซึ่งเป็นสื่อการสอน Coding ที่ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ โดยให้เด็ก ๆ หัดวางแผนการใช้ทิศทาง ผ่านเกมส์สนุก ๆ เมื่อขึ้นสู่อนุบาล 3 จะได้เรียนรู้โปรแกรมง่าย ๆ ซึ่งความยากง่ายก็จะแตกต่างกันในแต่ละระดับชั้น

                                    นอกจากนี้เด็ก ๆ ชั้นอนุบาลยังได้ทำกิจกรรม Project Approach เพื่อเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจ เน้นให้เด็ก ๆ ได้ลงมือทำด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะต่าง ๆ ทั้งการใช้กระบวนการคิดในการวิเคราะห์และแก้ปัญหา

                                    เรียนรู้แบบบูรณาการผสมผสานกับการละเล่นไทย

                                    เรียนรู้ Coding กันตั้งแต่อนุบาล

                                    วิชา Learning To Play สำหรับเด็กอนุบาล ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก การร้อย การปั้น การระบายสี หัดร้อยเชือกรองเท้า

                                    ประถมศึกษา บูรณาการเสริมทักษะที่ครบด้าน

                                    เด็ก ๆ ชั้น ประถม 1 – 6 ใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะ (Competency) เป็นแกนหลักในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning โดยมีจุดเน้นทางด้านภาษา และจัดการเรียนแบบ Special English Program (SEP) เชื่อมโยงต่อเนื่องจากระดับปฐมวัย ในรายวิชา Mathematics, Science, Social Studies,

                                    Basic English, Phonics และสอนภาษาจีนเป็นภาษาที่ 3 นอกจากนี้ยังมีศูนย์พัฒนาศักยภาพ เพื่อปลูกฝังทักษะและพัฒนาความสามารถของนักเรียนในระดับชั้นประถมให้ดียิ่งขึ้น ดังนี้

                                    – โลกนักอ่าน ส่งเสริมเด็กๆ ให้รักการอ่าน ด้วยวรรณกรรมและกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์

                                    – ลานนักประดิษฐ์, ห้อง Little Chef และแปลงเกษตร ส่งเสริมทักษะการทำงานเชิงสร้างสรรค์ในรายวิชาการ

                                    งานอาชีพ งานประดิษฐ์ การทำอาหาร และงานเกษตร ในรูปแบบกลุ่มย่อยสลับกันเรียนรู้ แบบไพรเวทกรุ๊ป

                                    และคุณครูสามารถดูแลนักเรียนทุกคนได้อย่างทั่วถึง

                                    – บ้านนักคิด จัดไว้สำหรับเด็กๆ ที่ชอบการคิด การแก้ปัญหา ประกอบด้วยเกมคณิตศาสตร์จำนวนมากไว้

                                    ให้บริการสำหรับนักเรียนทุกระดับชั้นที่ต้องการใช้เวลาว่างช่วงพักกลางวัน และใช้เป็นห้องเรียนในรายวิชา

                                    คณิตศาสตร์ และ Mathematics

                                    – Cooking Studio เป็นห้องครัวของพี่ ๆ มัธยม เครื่องครัวครบครัน ใช้งานได้จริง

                                    – ห้องทวีปัญญา คือห้องสมุดที่ให้เด็กๆ เข้ามาอ่านหนังสือ ค้นคว้าหาความรู้

                                    รายวิชาที่เสริมพัฒนาการต่าง ๆ อย่าง กิจกรรมในลานนักประดิษฐ์, Little Chef และวิชาเกษตร แบ่งเป็นกรุ๊ปย่อย เพื่อเรียนแต่ละรายวิชาสลับกันไป

                                    ห้องเรียนชั้นประถม

                                    โลกนักอ่าน วิชาที่จะช่วยส่งเสริมให้เด็ก ๆ รักการอ่าน ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์

                                    ห้องทวีปัญญา (ห้องสมุด) เป็นอีกห้องที่เด็ก ๆ ชื่นชอบ

                                    ส่วนกิจกรรมเสริมทักษะต่าง ๆ ในแต่ละภาคเรียน โดยในภาคเรียนที่ 1 ยังมี กิจกรรม Story Telling ของนักเรียนประถม 1-3 และกิจกรรม Play on Stage ของนักเรียนประถม 4-6 อยู่ภายใต้โครงการ Literature Based Learning เป็นการเชื่อมโยง ผ่านการบูรณาในรายวิชาสังคมศึกษาฯ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษเป็นแกนหลัก ส่งเสริมให้เด็กกล้าแสดงออก ในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ และรู้จักทำงานร่วมกับผู้อื่น

                                    นอกจากนี้น้อง ๆ ชั้นประถม ยังได้เรียนรู้ STEM โดยบูรณาการในรายวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีเป็นแกนหลัก ในการสรรค์สร้างชิ้นงาน เพื่อช่วยเหลือสังคมและปลูกจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมให้กับเด็ก ๆ อีกด้วย

                                     

                                    ทักษะด้านดนตรี และคอมพิวเตอร์

                                    โรงเรียนให้ความสำคัญกับวิชาดนตรี น้อง ๆ ชั้นอนุบาล จะได้เรียนเบล เพื่อหัดฟังและเขย่าเสียงตามโน้ต รวมไปถึงระนาดออร์ฟ เรียนตัวโน้ตง่าย ๆ ซึ่งระนาดชนิดนี้ สามารถนำโน้ตบางตัวออกได้ เหมาะสำหรับเด็กเล็ก ๆ ที่เพิ่งฝึก สำหรับเด็กประถม 1 จนถึงประถม 6 เด็กจะเลือกเครื่องดนตรีที่อยากเรียน ได้ 1 ชิ้น คือ ขิมหรือคีย์บอร์ด ส่วนพี่มัธยมต้นจะเรียนอูคูเลเล่ และฟอร์มวงดนตรีในระดับมัธยมปลาย นอกจากนี้เด็ก ๆ ยังสามารถเลือกเครื่องดนตรีที่สนใจ มาร่วมกันเล่นในช่วงเวลาพักกลางวันได้อีกด้วย

                                    ที่โรงเรียนมีห้องคอมพิวเตอร์แบ่งเป็น 3 Lab และมีห้อง iPad Studio ให้เด็ก ๆ ได้ฝึกใช้เทคโนโลยีกันอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีโซน Showcase ด้านล่างอาคาร ที่เด็ก ๆ สามารถมาชมผลงาน Animation ของรุ่นพี่ ที่เคยได้รับรางวัลการประกวดจากที่ต่าง ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับตนเองอีกด้วย

                                    ชั่วโมงดนตรี

                                    Showcase ด้านล่างอาคาร

                                    ห้องคอมพิวเตอร์

                                    Cooking Studio ของพี่ ๆ มัธยม เครื่องครัวครบครัน ใช้งานได้จริง

                                     

                                    Mommy Love This! ถูกใจแม่

                                    โรงเรียนแบ่งนักเรียนเป็นกรุ๊ปย่อย เพื่อให้เด็กทุกคนได้เรียนรู้กับคุณครูแบบใกล้ชิด ทำให้การเรียนการสอน เข้าถึงเด็ก ๆ ทุกคน

                                    เด็ก ๆ ที่โรงเรียนนี้ไม่กลัวชาวต่างชาติ เพราะได้พูดคุยและเรียนรู้ภาษาอังกฤษทุกวันตั้งแต่เล็ก ๆ

                                    โรงเรียนอนุญาตให้เด็ก ๆ ใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่อยู่ในการควบคุม เพื่อใช้ในการเรียนรู้เป็นหลัก

                                    โรงเรียนมีกิจกรรมน่ารัก ๆ สำหรับพี่มัธยมปลาย คือให้พี่ ๆ คอยช่วยเหลือดูแลน้อง ๆ และช่วยสอนวิชาภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ทำให้สายใยพี่น้องในโรงเรียนแน่นแฟ้น

                                    ห้องเรียนสำหรับเด็กอนุบาล เป็นห้องแอร์ทุกห้องพร้อมเครื่องฟอกอากาศ แถมคุณครูยังวัดไข้ทุกเช้าและบ่าย คุณพ่อคุณแม่จึงสบายใจได้

                                    โรงเรียนจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning การลงมือทำช่วยทำให้เด็กจดจำเนื้อหาการเรียนต่าง ๆ ได้ดีกว่า การท่องจำ

                                    โรงเรียนใช้ระบบการเติมเงินผ่านการ์ด ไม่ใช้เงินสด เด็กทุกคนจะมีบัตรสำหรับสแกนเข้าเรียน สแกนเพื่อซื้ออาหารหรือขนม สามารถตรวจดูได้ว่ามีเงินในบัตรเท่าไหร่ หรือมาสายกี่ครั้ง สะดวกมาก ๆ ค่ะ

                                     

                                     

                                    อัตราค่าเรียน

                                    นักเรียนใหม่

                                    อนุบาล 1-3 : 64,000 บาท / ปี

                                    ประถมศึกษาปีที่ 1 : 75,000 บาท / ปี

                                    ประถมศึกษาปีที่ 2-4 : 77,000 บาท / ปี

                                    ประถมศึกษาปีที่ 5-6 : 71,000 บาท / ปี

                                     

                                    นักเรียนเก่า

                                    อนุบาล 2-3 : 53,000 บาท / ปี

                                    ประถมศึกษาปีที่ 1 : 70,000 บาท / ปี

                                    ประถมศึกษาปีที่ 2-4 : 59,000 บาท / ปี

                                    ประถมศึกษาปีที่ 5-6 : 53,000 บาท / ปี

                                     

                                    ที่อยู่

                                    โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์

                                    92 ซอยมิตตคาม ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300

                                    อีเมล : [email protected]

                                    โทรศัพท์ : 02-2412604-5

                                    https:// www.sf.ac.th/

                                     

                                    Editor : แม่เลม่อน

                                    ภาพ : ณัฐพล โสภาน้อย