InterCare

เริ่มต้นความพร้อมในวันนี้ เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าในทุกด้าน กับงาน “InterCare Asia 2023”

event
InterCare
InterCare

หากคุณคือผู้ใส่ใจในสุขภาพและความงาม หรือผู้สูงอายุที่กำลังมองหาความสมบูรณ์แบบ ความมั่นใจและอิสระในการใช้ชีวิต อย่าพลาด! งานสำคัญประจำปี “ InterCare Asia 2023 ” – งานแสดงสินค้าและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่สำหรับทุกวัยครบวงจร ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 2 กันยายนนี้ ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

พบกับการรวมตัวของผู้ประกอบการชั้นนำกว่า 150 บริษัทจากธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง อุปกรณ์สำหรับผู้สูงอายุ สถานบริการ คลินิกสุขภาพ บริการท่องเที่ยว สินค้าแฟชั่น ฯลฯ ที่พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการในการเตรียมความพร้อมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าสำหรับทุกวัย

  • พบกับกลุ่มสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารออกแกนนิกส์ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและชะลอวัย
  • คลินิกเฉพาะด้าน ศูนย์บริการสุขภาพและกายภาพ
  • ที่พักสำหรับผู้สูงอายุสมัยใหม่
  • อุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือในการใช้ชีวิตประจำวัน

InterCare InterCare

สุขภาพทางการเงิน

  • กองทุนเพื่อการเกษียณ
  • บริการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย

สุขภาพใจ

  • ที่พักและการท่องเที่ยวสำหรับผู้สูงอายุ
  • คอร์สกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุ
  • แพ็คเกจการท่องเที่ยวจากโรงแรมและ Wellness ชั้นนำ ในโซน Wellness and Travel Fair

พร้อมกิจกรรมพิเศษตลอดทั้ง 3 วันของการจัดงาน เปิดประสบการณ์ประทับใจที่สุดสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ

InterCare InterCare

พบกับสถานประกอบการธุรกิจดูแลผู้สูงอายุคุณภาพแห่งปี 2566 ในการมอบรางวัล “Excellent Senior Service Award 2023”  โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสมาคมการค้าและการบริการสุขภาพผู้สูงอายุไทย ในวันศุกร์ที่ 1 กันยายนนี้

งาน ” InterCare Asia 2023″ จับมือ “O-lunla” นิตยสารชั้นนำสำหรับผู้สูงวัย จัดเต็มนวัตกรรมสินค้าและบริการเพื่อผู้ใส่ใจสุขภาพสำหรับทุกวัย

อย่างที่หลาย ๆ คนพูดว่า “เมื่อป่วยหนึ่งคน ก็เหมือนป่วยด้วยกันทั้งบ้าน” และเราจะผ่านช่วงเวลานั้นอย่างไร? ดังนั้น ในปีนี้ งาน “InterCare Asia” จึงเปิดพื้นที่พิเศษสำหรับ “โอ-ลั้นลา” ได้มาแบ่งปันความห่วงใย และร่วมแบ่งปันกำลังใจ ในโซน “Share & Care แค่รักยังไม่พอ”

Real Experience

ฟังชีวิต พิชิตทุกข์ เข้าใจ ยอมรับ ตระหนักรู้ เพื่อเดินต่อไปข้างหน้าจากผู้ (เคย) ป่วย และผู้ (เคย) ดูแลผู้ป่วย

Workshop & Activity

‘สนุก’ คลุก ‘ความรู้’  กิจกรรมและคลาสเวิร์กชอป เพื่อให้คนป่วยมีพลัง และคนดูแลผู้ป่วยก็ต้องยิ่งมีพลัง

 

Health Rally ร่วมสนุกกับกิจกรรมสะสมแต้มสุขภาพรับของรางวัล

InterCare InterCare

ร่วมเต็มอิ่มกับสัมมนาที่หลากหลาย พร้อมคำแนะนำ และตอบทุกคำถาม เพื่อความอิสระอย่างสมบูรณ์แบบ

 

หัวข้อสัมมนา วันที่ เวลา
“ฟังความข้างคุณหมอ” โดยผู้เชี่ยวชาญจากนิตยสาร O-lunla 31 สิงหาคมนี้ 13.30-14.15 น.
“การออมและการลงทุนเพื่อตัวเองและครอบครัวที่เรารัก” โดยคุณเสกสรร โตวิวัฒน์ กองทุนบัวหลวง 31 สิงหาคมนี้ 16.30-17.15 น.
“ปรับบ้านปลอดภัย สูงวัยไม่ล้ม” (Friendly Design) โดย รศ. ไตรรัตน์ จารุทัศน์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคหการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ 1 กันยายนนี้ 12.30-13.15 น.
“รับมือกับ Loneliness (ความเหงา) โดย ดร. ศุภลักษณ์ เข็มทอง คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล 2 กันยายนนี้ 11.30-12.15 น.
“สูงวัยกาย-ใจ ต้องพร้อม โดยผู้เชี่ยวชาญจาก Prompt Care Academy 2 กันยายนนี้ 13.30-14.15 น.

 

เวิร์คชอป วันที่ เวลา
ลูกบีบกุ๊กไก่” เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อนิ้วมือ 31 สิงหาคมนี้ 12.30-13.15 น.
อาหารเล่าเรื่อง” โภชนาการที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ 1 กันยายนนี้ 10.30-11.15 น.
วัยเก๋าทันสมัย” เสริมสร้างความเข้าใจในการใช้ Application Form 2 กันยายนนี้ 15.30-16.15 น.

 

พิเศษกว่าครั้งไหน! ครบครันกว่าใคร! งาน ” InterCare Asia 2023 ” ผนึกกำลังงาน “Wellness & Travel Fair 2023″ เตรียมพร้อมนำเสนอแพ็กเกจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพครบวงจร

 

ในปีนี้งาน ” InterCare Asia 2023 ” มอบที่สุดของความครบครันด้านการดูแลสุขภาพกายและใจ โดยจัดพร้อมกับงาน “Wellness & Travel Fair” โดยสมาคมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพไทย ซึ่งเป็นเวทีรวบรวมแพ็กเกจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โรงพยาบาล อาหารสุขภาพ สินค้าที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ตลอดจนกิจกรรมจับคู่ธุรกิจด้าน Wellness สัมมนา “Wellness Trend Talk” โดยวิทยากรระดับประเทศ และกิจกรรมน่าสนใจอีกมากมาย เพื่อให้คุณได้เต็มอิ่มแบบคุ้มค่าและครบครันในที่เดียว

InterCare InterCare

งานนี้เหมาะสำหรับ

  • ผู้ที่กำลังวางแผนเตรียมความพร้อมเพื่อชีวิตวัยเกษียณ อิสรภาพทางการเงินและสุขภาพ
  • ผู้ที่มีผู้สูงอายุในความดูแล

 

เหตุผลสำคัญที่คุณไม่ควรพลาดงานนี้

  • เพื่อศึกษาและเตรียมความพร้อมเพื่อชีวิตอิสระ
  • ซื้อสินค้าและเพื่อการดูแลสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ที่ได้มาตรฐาน ในราคาพิเศษ
  • วางแผนและหา Solution ในการดูแลผู้สูงอายุอย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับภาระหน้าที่ในชีวิตประจำวัน ทั้งในรูปแบบของการดูแลด้วยตนเองและการใช้บริการ

 

ร่วมสร้างชีวิตอิสระ สำหรับสุขภาพกายและสุขภาพทางการเงิน ต้องเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้! ที่งาน “ InterCare Asia 2023 ” วันที่ 31 สิงหาคม – 2 กันยายนนี้ ณ ฮอลล์ 6-7 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์… 3 วันเท่านั้น กับคำตอบเพื่อความพร้อมที่ดีกว่า!

 

SCAN เพื่อลงทะเบียนเข้าชมงาน

InterCare

ผู้สูงอายุสามารถลงทะเบียนได้ที่ LINE @intercare-asia
พร้อมส่งข้อความ ชื่อ-นามสกุล / อายุ / หมายเลขโทรศัพท์มือถือ  เพื่อให้เราอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียน

อัสสัมชัญธนบุรี กับแนวคิดที่เชื่อว่า เด็กมีความชอบและความถนัดที่แตกต่างกัน

event

School visit วันนี้ พาคุณพ่อคุณแม่มาเยี่ยมชม โรงเรียน อัสสัมชัญธนบุรี โรงเรียนเอกชนชื่อดังย่านธนบุรี หนึ่งในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงและมีความพร้อมในการส่งเสริมการเรียนรู้ทุกด้าน

 

ด้วยเนื้อที่กว่า 80 ไร่ ความสวยงามของสถานที่และบรรยากศที่น่าเรียนประกอบไปด้วยอาคารเรียนมากมาย เช่น ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ ห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ ศูนย์กีฬา ศูนย์ดนตรี รวมถึงห้องจัดกิจกรรมและแหล่งเรียนรู้ เช่น สวนพฤกษศาสตร์ สวนสัตว์ สนามเด็กเล่น ที่ล้วนออกแบบมาเพื่อพัฒนาเด็กให้ค้นพบความถนัดและความสนใจของตัวเองจากการเรียนรู้และกิจกรรมทั้งหมดที่มี

 

ด้วยแนวคิดที่เชื่อว่าเด็กทุกคนนั้นมีความถนัดและความสนใจที่ไม่เหมือนกัน ทางโรงเรียนจึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้เด็กได้ค้นพบตัวตน จึงออกแบบและพัฒนาหลักสูตรการเรียนที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความชอบของนักเรียนที่แตกต่างกัน ไม่ได้เพียงแต่เน้นพัฒนาทางด้านวิชาการ แต่ยังเน้นพัฒนาทักษะการใช้ชีวิต การคิดวิเคราะห์ รวมถึงทางด้านสุนทรียภาพอีกด้วย เช่น แผนการเรียนสำหรับคนที่ชอบวิทยาศาสตร์ คนที่ชอบภาษา ดนตรีหรือกีฬา โดยยึดหลักให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้สามารถเลือกเรียนได้ตามความชอบและความสนใจเพื่อให้เด็กเป็นนักเรียนรู้ที่มีความสุข

 

สิ่งพิเศษที่ทำให้ อัสสัมชัญธนบุรี โดดเด่น

 หลักสูตรที่หลากหลาย

ด้วยรูปแบบการศึกษาเน้นความสำคัญที่ผู้เรียน ที่เชื่อว่านักเรียนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ตามความสามารถและความสนใจนั้นจึงได้พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาให้มีแผนการเรียนที่หลากหลายและน่าสนใจ ดังนี้

 

  1. แผนการเรียน English Program (EP)

แผนการเรียนการสอนภาษาอังกฤษอย่างเข้มข้น เด็กๆจะได้เสริมสร้างทักษะด้านภาษาอังกฤษโดยคุณครูที่มีความเชี่ยวชาญ ได้รับความร่วมมือกับ Bell Education Services Limited ประเทศอังกฤษ และในรายวิชาต่างๆเช่น วิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ การงานอาชีพ สุขศึกษาและพลศึกษา เรียนเป็นภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติ การเรียนการสอน กิจกรรมและบรรยากาศล้วนแต่เอื้อต่อการเรียนรู้ ส่งเสริมทักษะด้านภาษาที่ทำให้เกิดกระบวนการคิดสร้างสรรค์และเกิดความมั่นใจในการสื่อสารภาษาอังกฤษและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังมีการประเมินผลทักษะด้านภาษาอังกฤษจาก Cambridge English Language Assessment โดยผลการสอบสามารถนำไปวัดระดับทางภาษาตามมาตราฐานระดับสากลได้อีกด้วย

 

  1. แผนการเรียนห้องเรียนวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์

หากเป็นเด็กที่ชอบด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ต้องอยากเรียนแผนการนี้แน่นอน เพราะที่นี่มีรายวิชา Advance Math และ Advance Science ที่ส่งเสริมกระบวนทางวิทยาศาสตร์ เช่น  Lab  วิทยาศาสตร์ และ  Lab คณิตศาสตร์ ในส่วนของกิจกรรมเสริมหลักสูตรมีกิจกรรมที่ทำให้เด็กได้สนุกไปกับการเรียน เช่น กิจกรรมค่ายพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ กิจกรรม Day trip กิจกรรมศึกษาดูงานด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งกิจกรรมต่างๆเหล่านี้ทำให้เกิดการพัฒนาทักษะการคิด การตั้งคำถาม การแก้ปัญหา การค้นคว้าหาข้อมูล เด็กๆสามารถนำข้อค้นพบใหม่นี้ไปสร้างเป็นนวัตกรรมและนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์นี้ได้รับความร่วมมือจากสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่ส่งเสริมนักเรียนให้เรียนรู้ในรูปแบบ STEM Education ที่ช่วยดูแลหลักสูตรการสอนรวมถึงห้องเรียนและอุปกรณ์ต่างๆเพื่อให้ได้มาตราฐานและเหมาะสมกับการเรียนการสอน

 

  1. แผนการเรียน STEM-BELL

เป็นหลักสูตรที่เรียกว่าครบ สำหรับเด็กที่ชอบด้านวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์และด้านภาษา การเรียนการสอนมุ่งเน้นทั้งด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ นักเรียนได้พัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหา การคิดสร้างสรรค์ผ่านกิจกรรมที่ได้เรียนอย่างมีความสุข นำสิ่งที่ค้นพบไปปรับใช้ในชีวิตประจำอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งคล้ายกับแผนการเรียนวิทยาศาตร์-คณิตศาสตร์ แต่ได้เพิ่มและเน้นส่งเสริมในส่วนของการเรียนภาษาเข้ามาตามหลักสูตรภาษาอังกฤษและสอนโดยครูต่างชาติที่มีความเชี่ยวชาญด้านการสอนภาษาอังกฤษโดยตรงของศูนย์ BELL Education Trust,England ที่เด็กๆจะได้เรียนครบทุกด้านอย่างการฟัง พูด อ่านและเขียน รวมถึงมีวัดการประเมินผลด้านภาษาอังกฤษตามมาตราฐาน Cambridge University  เป็นอย่างไรคะหลักสูตรนี้น่าเรียนมากๆเลยใช่ไหมคะ ถ้าเด็กๆสนใจและชื่นชอบการเรียนที่ได้คิดวิเคราะห์และชอบภาษาด้วยต้องถูกใจอย่างแน่นอน

 

  1. แผนการเรียนBELL

โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีได้ร่วมกับ  Bell Education Services ประเทศอังกฤษ ออกแบบการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษตามมาตราฐานเดียวกับประเทศอังกฤษ โดยครูต่างชาติที่เชี่ยวชาญด้านการสอนภาษา การจัดการเรียนการสอนเน้นพัฒนาภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ Listening / Speaking / Reading / Writing ผ่านกิจกรรม เกมหรือสถานการณ์จำลองเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกการใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อนำไปสู่ความมั่นใจในการใช้ภาษาและสามารถสื่อสารได้ในชีวิตประจำวัน มีการสอบวัดระดับตามมาตราฐานของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ (Cambridge Young Learners English Test) โดยที่การเรียนนั้นแบ่งนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่มย่อย ทำให้จำนวนนักเรียนที่เรียนต่อกลุ่มไม่มาก ครูผู้สอนเข้าถึงนักเรียนได้ครบและทั่วถึงทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีรายวิชาเสริมที่เด็กๆจะได้จากครูต่างชาติ เช่น วิชา Science  Math และ Social เรียกได้ว่า อัดแน่นด้านภาษากันเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็รับรองได้ว่าเด็กๆจะได้เรียนอย่างสนุก มีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนภาษาอังกฤษ มีความมั่นใจและพร้อมนำภาษาอังกฤษไปใช้ในชีวิตประจำวัน

 

  1. แผนการเรียน IEP (Interactive English Program)

เป็นหลักสูตรส่งเสริมทักษะการเรียนด้านภาษาอังกฤษใน 4 วิชาหลัก ได้แก่ ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และสังคมศึกษา ความเข้มข้นของเนื้อหาและรูปแบบการเรียนการสอนด้านภาษาที่หลากหลาย เพื่อให้เกิดทักษะในการเรียนและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ผ่านกิจกรรม  Outdoor Activities และโครงงาน ที่ส่งเสริมบรรยากาศการเรียนให้น่าสนใจ เด็กๆจะรู้สึกสนุกและมีความสุขในการเรียนทำให้เกิดการอยากเรียนรู้ยิ่งขึ้น การกล้าแสดงออก มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษ

 

การเรียนรู้ที่ครบทุกมิติ

มาสเตอร์ยุทธพงษ์ วงศ์เมืองสรรค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ ได้เล่าให้เราฟังว่า โลกทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โรงเรียนได้เล็งเห็นและให้ความสำคัญในเรื่องของทักษะ (Skills) ซึ่งเด็กยุคใหม่ควรมี ทั้ง Hard Skills และ Soft skills เช่น ทักษะการอ่านเขียน คิดคำนวณ ทักษะชีวิต การคิดสร้างสรรค์ หรือแม้กระทั้งทักษะการเป็นผู้นำ

โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีมีแผนการแผนการเรียนที่ครบทุกด้าน การพัฒนาความรู้ความสามารถเพื่อให้ครบทุกมิตินั้น ไม่ใช่แค่ด้านวิชาการอย่างเดียว โรงเรียนพัฒนานักเรียนเพื่อให้มีความสุขและมีทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคตคือ

  1. ความคิดเชิงสร้างสรรค์
  2. ความอยากรู้อยากเห็น
  3. ความสามารถทางกายภาพ การแก้ปัญหา การสื่อสาร
  4. การอ่านออกเขียนได้
  5. ความเข้าใจและการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล

อีกทั้งโรงเรียนมุ่งเน้นส่งเสริมและฝึกฝนนักเรียนให้มีทักษะต่างๆ ผ่านการเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน มีการออกแบบและจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความแตกต่างของนักเรียนด้วยแผนการเรียนที่หลากหลาย เปิดโอกาสให้นักเรียนมีอิสระในการเลือกเรียนสิ่งที่ตัวเองชอบ ทำให้เด็กมีมุมมองที่กว้างไกล มีความพร้อมทุกมิติในการพัฒนาทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และสังคม ซึ่งทักษะเหล่านี้ล้วนแต่เป็นรากฐานสำคัญต่อการเรียนรู้ต่อไปในวันข้างหน้า รวมถึงการเปิดแผนการเรียนใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์โลกยุคปัจจุบัน เช่น แผนการเรียนนวัตกรรมอัจฉริยะ (Innovative Intelligence) แผนการเรียนวิทยาการดิจิทัล (Digital Science)

 

ความพร้อมของสถานที่

การส่งเสริมเด็กให้ค้นพบความชอบและความถนัดของตนเองได้นั้น ความพร้อมของสถานที่ อุปกรณ์ และครูผู้สอนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและขาดไม่ได้ ที่นี่จึงโดดเด่นไปด้วยห้องเรียนที่พร้อมให้เด็กได้เรียนรู้ทั้งทางด้านวิชาการและสุนทรียภาพ นักเรียนจะได้เรียนรู้จาการค้นคว้าทดลอง ได้ลงมือปฏิบัติด้วยความพร้อมของอุปกรณ์และสถานที่ เช่น การประดิษฐ์หุ่นยนตน์ ฝึกฝนทักษะการวางแผนผ่านเกมส์ Minecraft เห็นเด็กๆเรียนไปยิ้มกันไปแบบนี้ต้องสนุกกันมากแน่นอน เห็นแบบนี้ ทีมแม่ ABK อยากเป็นเด็กกลับไปเรียนผ่านเกมส์บ้างเลยใช่ไหมคะ

 

อัสสัมชัญธนบุรี อัสสัมชัญธนบุรี

บรรยากาศห้องเรียนแผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์

อัสสัมชัญธนบุรี อัสสัมชัญธนบุรี

เรียนรู้ผ่านการทดลองและปฏิบัติจริง

อัสสัมชัญธนบุรี อัสสัมชัญธนบุรี

เด็กๆกำลังเรียนรู้การคิดและวางแผนผ่านเกมส์ Minecraft

 

สำหรับนักเรียนที่ชอบดนตรีและกีฬา ต้องบอกว่าที่นี่จัดเต็มและพร้อมมาก ไม่ว่าจะเป็นสนามฟุตบอล สนามบาส ปีนผา สระว่ายน้ำ สนามเทนนิสและกีฬาอื่นๆอีกมากมาย ที่ศูนย์กีฬานั้นพร้อมด้วยครูผู้สอนที่เชี่ยวชาญ สถานที่ บรรยากาศและอุปกรณ์ ทำให้เด็กๆได้สนุกและเรียนรู้อย่างจริงจังแบบมืออาชีพ

ศูนย์กีฬาที่ให้นักเรียนเลือกเรียนกีฬาและกิจกรรมได้ตามความสนใจ อย่างเช่นวิชาพละในแต่ละเทอมนั้นจะมีกีฬาให้นักเรียนเลือกได้มากกว่า 5 ประเภทกีฬา เด็กๆสามารถเลือกได้ตามความชอบและปรับเปลี่ยนได้ในทุกเทอม อาทิเช่น กอล์ฟ เทควันโด เต้น ปีนหน้าผา แบตมินตัน ด้วยความหลากหลายนี้จึงทำให้เด็กทดลองเรียนและได้ค้นพบว่าเขาชอบอะไรและมีความสุขกับอะไร

ศูนย์ดนตรี มีเครื่องดนตรีที่หลากหลายชนิดทั้งไทยและสากล ห้องซ้อมที่ทันสมัยและเรียนจากครูผู้สอนอย่างมืออาชีพทั้งในเวลาเรียนหรือหลังเลิกเรียนก็ได้ มีห้องเรียนแบบส่วนตัวหรือคลาสที่จำนวนนักเรียนไม่มาก เช่น ขิม ระนาด กีตาร์ กลอง เปียโน กลองชุด เป็นต้น เรียกได้ว่าครบและพร้อมสำหรับทุกความชอบของนักเรียน ถ้าคุณพ่อคุณแม่ได้มาเยี่ยมชมต้องร้องว้าวแน่นอน

และอีกหนึ่งสถานที่สุดโปรดของเด็กๆเลยก็คือศูนย์การเรียนรู้ ACT Learning Space ด้วยการออกแบบที่ใช้สีสันที่สดใสกระตุ้นให้บรรยากาศดูสนุกไปพร้อมกับการได้เรียนรู้ มีห้องสำหรับการเรียนรู้ด้วยตนเองด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย การจัดการเรียนการสอนด้วยจอ Active board   มุมเบอร์ดเกมส์ มุมอ่านหนังสือ หรือห้องสำหรับการประชมหรือการทำงานกลุ่ม เห็นแล้วต้องบอกว่าน่านั่งทำงานและเล่นอยู่กับเพื่อนได้ทั้งวันเลยทีเดียว

 Mommy’s Love This

ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นทั้งสายวิชาการหรือสายกิจกรรม ที่อยากให้ลูกของเราได้เรียนรู้และสนุกครบทุกด้าน บอกเลยว่าต้องชอบที่นี่ค่ะ ด้วยมาตราฐานของหลักสูตรและครูผู้สอน รวมถึงสถานที่ที่กว้างขวาง สวยงามน่าเรียน อุปกรณ์การเรียนที่ครบครัน รวมถึงวิสัยทัศน์และแนวคิดของโรงเรียนที่เล็งเห็นความสำคัญของรูปแบบการเรียนการสอนที่ไม่หยุดนิ่งและต้องพัฒนาให้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา ทำให้ลูกๆของเราได้เรียนในสิ่งที่จำเป็นมีความแหมาะสมและเกิดประสิทธิผลต่อนักเรียนมากที่สุด และด้วยแผนการเรียนที่หลากหลาย แนวทางการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นพัฒนาให้นักเรียนเป็นคนเก่ง คนดี มีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 นั้น ล้วนแต่ส่งเสริมให้ลูกของเราได้ค้นพบความถนัดความชอบและพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม หากคุณพ่อคุณแม่ชอบแนวทางการเรียนการสอนที่ใส่ใจในตัวตนของนักเรียนเช่นนี้ โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่อยากแนะนำค่ะ

 

การรับสมัครนักเรียน

สามารถติดต่อเยี่ยมชมโรงเรียนและเข้าร่วมกิจกรรม open house ได้แล้ววันนี้

อัตราค่าธรรมเนียมการตลอดปีการศึกษา 2566

แผนการเรียน IEP 84,672 บาท

แผนการเรียน BELL  99,672 บาท

แผนการเรียน Gifted/Stem kids 104,672 บาท

แผนการเรียน Stem Bell 119,672 บาท

แผนการเรียน EP 177,100 บาท

ติดต่อ

โรงเรียน อัสสัมชัญธนบุรี 92 ถนนอัสสัมชัญ แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร 10160

โทร 02- 807- 9555-63

เว็บไซต์ : https://www.act.ac.th

 

Editor : แม่กุ๊ก

ภาพ :  ธนายุต วิลาทัน ,ธวัชชัย ทิพย์โยธา

อัสสัมชัญธนบุรี อัสสัมชัญธนบุรี อัสสัมชัญธนบุรี อัสสัมชัญธนบุรี อัสสัมชัญธนบุรี อัสสัมชัญธนบุรี


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

โรงพยาบาลบางปะกอก 9

โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล เชิญร่วมฟัง Talk “Mother’s Class 2023 สร้างสกิล แบบฉบับตัว Mom! ให้สุขภาพครรภ์ และลูกน้อยสมบูรณ์”

event
โรงพยาบาลบางปะกอก 9
โรงพยาบาลบางปะกอก 9

โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ขอเชิญร่วมฟัง Talk “Mother’s Class 2023 สร้างสกิล แบบฉบับตัว Mom!
ให้สุขภาพครรภ์ และลูกน้อยสมบูรณ์

หัวข้อ : การเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์และปฏิบัติตัวหลังคลอด แบบฉบับตัว Mom!
โดย พญ.กมลพร เชาว์วิวัฒน์กุล แพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งนรีเวช

หัวข้อ : พัฒนาการ และการดูแลเด็กแรกเกิดที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้
โดย พญ.วิจิตร งามขจรวิวัฒน์ แพทย์เฉพาะทางกุมารเวชศาสตร์และเวชศาสตร์ครอบครัว

พร้อมพบกับกิจกรรม Workshop ดังนี้

  • การเตรียมความพร้อมในการให้นมบุตร และประโยชน์ของนมแม่
  • สาธิตการอาบน้ำลูกน้อยสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่
  • สาธิตการออกกำลังกายสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
  • สาธิตการทำอาหาร / เครื่องดื่ม บำรุงคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์
    สาธิตการทำอาหารกระตุ้นน้ำนม สำหรับคุณแม่หลังคลอด

โรงพยาบาลบางปะกอก 9

 

นอกจากนี้คุณแม่ที่ร่วมกิจกรรมยังได้รับสิทธิ์ Workshop แบบ Exclusive Class กับทีมนักกายภาพบำบัดที่เหล่าคุณแม่สามารถซักถาม ปรึกษา แลกเปลี่ยนกับนักกายภาพของโรงพยาบาลฯได้โดยตรง

ร่วมสนุกกับกิจกรรม “ถามมาตอบไป” ในหัวข้อ “การเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์และปฏิบัติตัวหลังคลอด” หรือ “พัฒนาการ และการดูแลเด็กแรกเกิด” ลุ้นรับรางวัลจากทางโรงพยาบาล ฯ จำนวน 10 รางวัล

กติกามีดังนี้
1. กด Like กด Share โพสต์กิจกรรมนี้ไปที่ Facebook ส่วนตัวแบบเปิดสาธารณะ
2. พิมพ์คำถามของคุณมาที่ใต้โพสต์นี้
3. ร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ – 6 สิงหาคม 2566
4. คำถามที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับการติดต่อกลับจากทางโรงพยาบาล ฯ

สิทธิพิเศษสำหรับผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมล่วงหน้าทางออนไลน์และร่วมกิจกรรมภายในงาน

  • รับ Gift Set สำหรับแม่และเด็ก *จำกัด 20 ท่านแรก เท่านั้น!
  • ลุ้นรับรางวัล Lucky Draw

 

ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ – 6 สิงหาคม 2566
คลิก
https://shorturl.asia/euUzV

พบกันวันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2566

ณ ลาน OPD ชั้น 1 โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล

สามารถรับชม Talk ภายในงาน หรือทาง Facebook Live ได้ตั้งแต่เวลา 09.30 – 12.00น.

 

“Heart of Care ดูแลด้วยหัวใจ” ขอขอบคุณที่ให้เราดูแลคุณ

โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล

สอบถาม, นัดหมาย Call center 1745

พูดคุยกับโรงพยาบาล : m.me/198502720283929

ช่องทางการติดตาม

Website :http://bit.ly/3V4jp3e

Line :http://bit.ly/3EXG2AD

Youtube :http://bit.ly/3GHfm8r

Tiktok :http://bit.ly/3tUaCVt

Instagram : https://bit.ly/instagrambpk9

 

#BPK9HOSPITAL #HeartofCare #Health #BPK9 #ศูนย์พัฒนาการเด็ก #bSmart #Workshop #Mother #Mom #MothersDay #แม่ #แม่และเด็ก #แม่และลูก #อาหารบำรุงแม่ตั้งครรภ์ #อาหารกระตุ้นน้ำนม

Little Tree

ชวนเด็กๆ เข้าค่ายเรียนรู้ธรรมชาติ เล่นกับดอกไม้ใบไม้ @ Little Tree

event
Little Tree
Little Tree

School Visit ครั้งนี้ เราจะพาไปเข้าค่าย เล่นกับดอกไม้ใบไม้และธรรมชาติ ในสวนสวยๆ ที่รายล้อมด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ที่ Little Tree กัน บ้านไหนลูกปิดเทอมหรือว่างๆ อยู่ ลองพาน้องๆ มาเข้าค่ายทำกิจกรรมกันดีกว่าค่ะ

ชวนเด็กๆ เข้าค่าย เล่นกับดอกไม้ใบไม้

ค่ายดอกไม้ใบไม้ เป็นค่ายที่ส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ และทำกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับสวนสวยๆ ที่ Little Tree Garden โดยมี ครูปิ๋ม ศิริลักษณ์ ริ้วบำรุง และครูผู้ช่วยคอยดูแลเด็กๆ โดยกิจกรรมนี้มีทั้งหมด 3 วัน ช่วงเวลา 9.00 – 14.30 น. ทางค่ายไม่อนุญาตให้ผู้ปกครองเข้าร่วมกิจกรรมด้วย

ข้อดี คือ เราจะได้ปล่อยให้เด็กๆ ทำกิจกรรมทุกอย่างด้วยตัวเองจริงๆ  โดยช่วงเช้า เด็กๆ จะได้เดินเล่นในสวนเพื่อสำรวจธรรมชาติรอบทาง เก็บดอกไม้ เก็บไข่เป็ดสดๆ ในฟาร์ม มาทำอาหารกลางวัน หัดทำเส้นก๋วยเตี๋ยว ทำส้มตำ นึ่งข้าวเหนียวด้วยตัวเอง หรือทำของเล่นต่างๆ ที่ได้จากธรรมชาติ เช่น ของเล่นจากก้านมะละกอ

นอกจากนี้เด็กๆ จะได้ตามหาสีสวยๆ จากดอกไม้มาทำงานศิลปะ จะได้เรียนรู้ว่า “สี” ไม่จำเป็นต้องซื้อเสมอไป เราสามารถทำเองได้ด้วยนะ

ไฮไลท์ของกิจกรรมคือวันที่ 3 เด็กๆ ทุกคนจะได้ทำขนมและน้ำไซรัปจากดอกไม้แล้วนำมาขาย โดยใช้ใบไม้แทนเงิน ได้หัดบวกลบตัวเลขและสวมบทบาทเป็นพ่อค้าแม่ค้าตัวจิ๋วกันอย่างสนุกสนาน  เป็นค่าย 3 วัน ที่กิจกรรมแน่นไม่ซ้ำกัน รับรองว่าเด็กๆได้อะไรมากกว่าความสนุกแน่นอน ใครสนใจสามารถดูตารางวันเข้าค่ายได้ที่ https://www.facebook.com/littletreelearning

 

รายละเอียดการสมัคร

  • เหมาะกับเด็กอายุ 5-9 ปี
  • ค่าใช้จ่ายสำหรับค่าย 3 วัน  : ราคา 2,500 บาท 
  • รับจำนวนจำกัด 15 คน

สถานที่ : Little Tree Garden อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม

ติดต่อ Facebook : https://www.facebook.com/littletreelearning

 

ตัวอย่างกิจกรรม ของ Little Tree ค่าย เล่นกับดอกไม้ใบไม้
(ช่วงเวลา 9:00-14:30 น.)
Day1
: ตามหาสีในสวนมาทำสีธรรมชาติ ไว้บันทึกใน nature journal
: เก็บผัก / เก็บไข่
: ทำก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่
: เด็กๆทำอาหารกลางวันทานเอง
: เล่นในสวน
: ทำ flower syrup
Day 2
: morning walk
: เก็บมะละกอ/ก้านมะละกอ และผักอื่นๆ
: ทำของเล่น ลูกโป่งก้านมะละกอ
: เด็กๆทำส้มตำ นึ่งข้าวเหนียว สำหรับอาหารกลางวัน
: เล่น – วาดรูป- picnic ในสวนดอกไม้
: เพาะเมล็ดดอกไม้ในกระถาง
Day 3 little leaf market
: เตรียมขนมและเครื่องดื่มไว้ขายในตลาด
: ขนมด้วง – เค้กมะพร้าวอ่อน – เครื่องดื่มจาก flower syrup

 

สิ่งที่ต้องนำมาในค่าย

  1. หมวกกันแดด
  2. เสื้อผ้าสำรองติดกระเป๋ามาทุกวัน 1 ชุด
  3. กระติกน้ำ
  4. รองเท้าบู๊ต หรือรองเท้าที่เหมาะสำหรับเดินในสวน

สิ่งที่ไม่ควรนำมาในค่าย

  1. มือถือ
  2. เกมส์
  3. หนังสือ
  4. ของเล่น
  5. ขนมต่างๆ ขนมขบเคี้ยว หรือลูกอม

วิธีการสมัครค่ายจังหวะแห่งชีวิต

  1. ระบุช่วงค่ายที่จะสมัคร
  2. ส่งชื่อจริงนามสกุลจริงของน้อง ชื่อเล่น อายุโรงเรียน ชื่อคุณแม่คุณพ่อ เบอร์โทรสำหรับติดต่อ มาทาง inbox ค่ะ
  3. คุณครูรับ massage และส่งเลขบัญชีให้
  4. หลังได้รับแจ้งโอนเงินแล้ว (ภายใน 3 วัน หลังสมัคร มิเช่นนั้นต้องส่งข้อความสมัคร มาใหม่ หรือแจ้งวันที่พร้อมโอน) คุณครูส่ง message กลับไปหานะคะ

หมายเหตุสำคัญ

  1. สมัครรบกวนอ่านรายละเอียดทั้งหมดก่อน
  2. ค่ายนี้เป็นค่ายของเด็กๆ จึงขอความกรุณาพ่อคุณแม่ไม่ตามถ่ายรูปในระหว่างค่าย
  3. เรานัดกันที่ร้านลิตเติ้ลทรี คุณครูจะไปรอรับเด็กๆมาที่ค่ายค่ะ
  4. คุณพ่อคุณแม่จอดรถที่ร้านลิตเติ้ลทรีทั้งเวลารับและส่ง
  5. คุณครูจะพาเด็กๆ ไปรอที่ร้านตอนจบค่ายแต่ละวัน

***หมายเหตุ

  • อาหารและวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารและขนมเป็น วัตถุดิบอินทรีย์ทั้งหมด
  • กิจกรรมอาจมีการปรับหรือเปลี่ยนแปลงตามเหตุและปัจจัย แต่จะชดเชยด้วยกิจกรรมที่ใกล้เคียงกัน

Little Tree Little Tree

เดินสำรวจป่าไผ่ และสวนดอกไม้ข้างทาง

 

Little Tree Little Tree

เรียนรู้เรื่องดอกไม้ และต้นไม้ต่างๆในสวน เก็บดอกไม้มาทำงานศิลปะ

 

Little Tree

เด็กๆได้เก็บไข่เป็ด สดๆใหม่ๆด้วยตนเอง

Little Tree Little Tree

เด็กๆช่วยกันทำเส้นก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน  ได้รู้จักการ ชั่ง ตวง วัดปริมาณของส่วนผสมต่างๆ

 

ดอกไม้ต่างๆที่เด็กๆช่วยกันเก็บมา จะถูกนำมาบดให้ละเอียดจนกลายเป็นน้ำแล้วผสมกับสื่อผสมสีน้ำ จนได้เฉดสีที่ชัดเจนขึ้น เด็กๆจะได้เรียนรู้ว่าดอกไม้แต่ละชนิดให้สีสันอย่างไร

Little Tree Little Tree

เก็บก้านมะละกอ มาทำเป็นที่เป่าฟองสบู่

Little Tree

เด็กๆกำลังจุดเตาถ่านเตรียมทำอาหารกลางวัน

Little Tree

ช่วยกันทำขนมเล็บมือนางกันอย่างสนุกสนาน

Little Tree

ช่วยกันทำเค้กมะพร้าวอ่อน เตรียมขายในตลาด

Little Tree Little Tree

วันสุดท้ายเด็กๆจะนำขนมและน้ำมาขายโดยใช้ใบไม้แทนเงิน

 

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  กรานต์ชนก  บุญบำรุง


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

Colgate Brand of The Day ลดทั้งร้าน ฉลองเปิดตัวแปรงสีฟันไฟฟ้า

event

ทีมแม่ ABK มีโปรดีมาบอกต่อ ให้ทั้งพ่อและแม่เป็นครอบครัวฟันดี ต้องลองแปรงสีฟันไฟฟ้า คอลเกต ตัวนี้เลย

แปรงสีฟันไฟฟ้า คอลเกต พัลส์

อัพเลเวลการแปรงฟัน สัมผัสประสบการ์ณแปรงฟันที่เหนือชั้น และง่ายดายยิ่งกว่า ด้วย คอลเกต พัลส์ ขจัดคราบพลัคได้มากกว่า 5 เท่า* ด้วยเทคโนโลยีโซนิค แปรงฟันด้วยแรงสั่น 37,000 รอบแปรง/นาที มี 3 โหมดให้เลือกโดนใจ และมาพร้อมระบบ สมาร์ท โค้ชชิ่ง ช่วยให้แปรงฟันอย่างทั่วถึงในเวลาที่เหมาะสม

อัพเลเวลด้วยคอลเกต พัลส์ ให้คุณเริ่มต้นวันใหม่อย่างสะอาดมั่นใจ!

  • ขจัดคราบพลัคได้มากกว่า 5 เท่า*
  • เทคโนโลยีโซนิค แปรงสั่น 37,000 รอบแปรง/นาที
  • มี 3 โหมดให้เลือก : สะอาดล้ำลึก, ฟันขาว, อ่อนโยน
  • แบตเตอรี่ ชาร์จ 1 ครั้งใช้ได้นาน 60 วัน
  • ระบบสมาร์ทโคชชิ่ง เตือนทุก 30 วิ.ให้เปลี่ยนจุดแปรงฟัน และ จับเวลา 2 นาที
*เมื่อเทียบกับแปรงสีฟันแบบธรรมดา

 

ใหม่! แปรงสีฟันไฟฟ้าคอลเกต พัลส์ (สีเขียว)

ราคาพิเศษ 1,040.- จาก 2,499.-

30 ก.ค. 66 วันเดียวเท่านั้น

ลดทั้งร้านสูงสุด 77% + โค้ดลดสูงสุด 2,500.-

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่: https://shopee.co.th/colgatepalmolive_official

ให้ของขวัญปีนี้คือสุขภาพที่ดีของแม่ แพ็กเกจตรวจสุขภาพ “Dear all moms” ที่ โรงพยาบาลธนบุรี ทวีวัฒนา

event

วันแม่นี้ มีของขวัญให้คุณแม่กันหรือยังคะ? ทีมแม่ ABK มีโปรดีมาบอก!!

แพ็กเกจตรวจสุขภาพ “Dear all moms” ราคาพิเศษ 2,990.- บาท

ตรวจสุขภาพ 19 รายการดังนี้

  • ตรวจร่างกายทั่วไปโดยแพทย์ Physical Examination
  • เอกซเรย์ทรวงอก Chest X-ray
  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG
  • ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด CBC
  • ตรวจปัสสาวะ UA ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด FBS
  • ตรวจหาค่าน้ำตาลสะสมในเม็ดเลือดแดง HbA1C
  • ตรวจระดับไขมันในเลือด Cholesterol
  • ตรวจระดับไขมันในเลือด Triglyceride
  • ตรวจระดับไขมันในเลือด HDL
  • ตรวจระดับไขมันในเลือด LDL
  • ตรวจการทำงานของไต BUN
  • ตรวจการทำงานของไต Creatinine
  • ตรวจการทำงานของไต eGFR
  • ตรวจการทำงานของตับ SGOT
  • ตรวจการทำงานของตับ SGPT
  • ตรวจการทำงานของตับ Alkaline phosphatase
  • ตรวจระดับกรดยูริคในเลือดโรคเกาฑ์ Uric Acid
  • ตรวจวัดระดับแคลเซียม Calcium
  • คูปองอาหารว่าง Food Coupon
  • ค่าบริการโรงพยาบาล Hospital Service

นอกจากนี้ เฉพาะผู้ซื้อแพคเกจ Dear all Mom ยังมีรายการตรวจเพิ่มเติม ลด ถึง 50% 

 

สิทธิพิเศษเพิ่มเติม

 

ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2566

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่โรงพยาบาลกำหนด

สนใจซื้อแพคเกจ สแกนเลย!!

โรงเรียนโพธิสารพิทยากร

พาส่อง โรงเรียนโพธิสารพิทยากร โรงเรียนมัธยม ที่น่าเรียนที่สุดแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ

event
โรงเรียนโพธิสารพิทยากร
โรงเรียนโพธิสารพิทยากร

School Visit วันนี้ ทีมแม่ ABK พาคุณพ่อคุณทุกคนไปเยี่ยมชม โรงเรียนมัธยม ที่น่าเรียนที่สุดแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ กัน โรงเรียนโพธิสารพิทยากร ตั้งอยู่แขวงบางละมาด เขตตลิ่งชัน บนเนื้อที่กว่า 13 ไร่  กับ 6 อาคารเรียน  เป็นโรงเรียนรัฐบาลที่มีแนวคิดการบริหารแบบเอกชน การเรียนการสอนทันสมัย เพียบพร้อมไปด้วยห้องแห่งการเรียนรู้และทำกิจกรรมสำหรับนักเรียน  มีหลักสูตรให้เลือกถึง  4 หลักสูตร ด้วยกัน  โดยทุกหลักสูตรจะเน้นเรื่องการหาตัวตนของนักเรียนและวิชาชีพเป็นหลัก เพื่อปูทางเข้าสู่มหาวิทยาลัย ในแบบที่นักเรียนชอบ

4 หลักสูตรคุณภาพ ของ โรงเรียนโพธิสารพิทยากร

  1. GP (General Program ห้องเรียนปกติ) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ และ หลักสูตรของโรงเรียน ระดับชั้นเรียน  ม.1- ม.6 ห้องเรียนละ 40 คน
  2. IEP (Intensive English Program) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ และ หลักสูตรของโรงเรียน แต่เน้นเฉพาะวิชา ภาษาอังกฤษที่เรียนกับครูชาวต่างชาติ ระดับชั้นเรียน  ม.1- ม.6 ห้องเรียนละ 40 คน
  3. EP (English Program) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ และ หลักสูตรของโรงเรียน สอนเป็น ภาษาอังกฤษ ระดับชั้นเรียน  ม.1- ม.6 ห้องเรียนละ 30 คน
  4. Inter (International Program) หลักสูตรบูรณาการ Integrated Curriculum ระหว่างหลักสูตรแกนกลางของกระทรวงศึกษาธิการ กับหลักสูตรมาตรฐานนานาชาติของ South Australian Government Schools Department for Education โดยมีระดับชั้นเรียน G7-G9 ห้องเรียนละ 25 คนและจะเพิ่มชั้นเรียนอีกในอนาคต  หลักสูตร ผสมผสานระหว่างหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการและหลักสูตรเพิ่มเติม เน้นเรื่องอาชีพ และการทำโปรเจ็กต์เป็นหลัก  การประเมินผลเด็กจะเป็นแบบอินเตอร์ คือ เน้นคิด การบรรยายและ พรีเซ้นต์งาน ส่วนการเปิดเทอมปิดเทอมของเด็กที่เรียนหลักสูตร อินเตอร์จะเหมือนกับโรงเรียนไทยทั่วไป ทำให้เด็กๆสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศได้สะดวกมากกว่า
โรงเรียนโพธิสารพิทยากร
โรงเรียนโพธิสารพิทยากร
บรรยากาศห้องเรียน อินเตอร์

Career-Based Learning

นักเรียน ม.1- ม.3 จะเน้นการเรียนการสอนที่ช่วยค้นหาความชอบของตัวเอง ผ่านวิชาเลือกอาชีพ 8กลุ่ม ที่เป็นทักษะในการประกอบอาชีพต่างๆที่แตกย่อยออกไปกว่า  200 วิชา นักเรียนสามารถเปลี่ยนวิชาเรียน ไปเรื่อยๆ  เด็กๆจะได้เรียนรู้หลายอย่าง เพื่อสำรวจตัวเอง ว่าฉันอยากเป็นอะไรกันแน่  นอกจากเรียนในห้องเรียนปกติแล้ว ทางโรงเรียนยังพาเด็กนักเรียนไปตามสถานที่ประกอบอาชีพต่างๆ เพื่อดูการทำงานที่แท้จริง รวมไปถึงการ เชิญอัยการ ผู้พิพากษา ผู้กำกับภาพยนตร์ และผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายอาชีพ เข้ามาเป็นวิทยากรให้ความรู้ในโรงเรียนอีกด้วย

นอกจากนี้ทาง โรงเรียนโพธิสารพิทยากร ยังมี ซอฟแวร์ ที่จะสแกนนิสัยของเด็กแต่ละคนว่ามีความถนัดความสนใจอะไร เพื่อนำไปสู่อาชีพที่เด็กอย่างเรียน โดยเอาคะแนนจากคำถามมาทำนาย  เป็นข้อมูลของเด็กแต่ละคน เพื่อวางแผนในการเรียน เด็ก ม.ปลาย จะเน้นเรียนวิชาที่จะใช้สอบเข้ามหาวิทยาลัย ลดกระบวนการวิชาที่เด็กไม่ใช้สอบ เช่น วิชาพละ ก็ปรับเปลี่ยนเป็นเรียนออนไลน์ สามารถเข้าเรียนช่วงเวลาที่นักเรียนว่างได้  เพื่อนำเวลาเรียนในโรงเรียน ไปเน้นวิชาที่ใช้สอบจริงๆ  รวมไปถึงพาไปฝึกงานจริงตามสายอาชีพ ทำให้เด็กม.ปลายที่โรงเรียนโพธิสารพิทยากรมีพอร์ต การเรียนวิชาชีพต่างๆ การฝึกงาน การศึกษางาน เพื่อปูทางให้กับในการเข้ามหาวิทยาลัย

ห้องเรียนวิชาชีพ

ห้องเรียนแบ่งไปตามวิชาชีพต่างๆ ตามความสนใจของเด็กๆ อย่าง ห้องเรียนหุ่นยนต์ , ห้องเรียนนิติ-รัฐศาสตร์  ศึกษาเรื่องกฎหมาย ,ห้องเรียนนิเทศศาสตร์ ผลิตสื่อ งานโสตทัศนศึกษา หรือทำสกู๊ปข่าว จัดรายการวิทยุ รวมไปถึงตัดต่อคลิปวีดีโอ ต่างๆ ห้องเรียนสถาปัตยกรรม  ห้องเรียนทัศนศิลป์   ห้องเรียนแพทย์  ที่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ครบครัน ห้องเรียนภาษาต่างๆ ศูนย์ภาษาจีน ห้องสมุด ห้องเรียนบัลเลต์ ห้องเรียนคอมพิวเตอร์ที่ให้คอมพิวเตอร์แบบ 1:1 ที่สำคัญ! ที่นี่ห้องเรียนติดแอร์ทุกห้อง ไม่ว่าจะหลักสูตรไหน รับรองว่าเด็กๆเรียนสบายๆไม่ร้อนแน่นอน

ห้องเรียนวิชาชีพต่างๆ  ทั้ง ห้องเรียนนิติ-รัฐศาสตร์ ห้องเรียนภาษาญี่ปุ่น ห้องเรียนนิเทศศาสตร์ ผลิตสื่อ และห้องงานช่างต่างๆ

โรงเรียนโพธิสารพิทยากร กับ โรงอาหารสุดล้ำ

โรงอาหารดีไซน์ทันสมัย ติดแอร์เย็นสบายเหมือนในห้างสรรพสินค้า  มีร้านอาหารหลากหลายให้เด็ก ๆ ได้เลือกทาน ทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง อาหารญี่ปุ่น  ขนมต่างๆ และเบเกอรี่ ใช้บัตรสำหรับซื้ออาหาร โดยการเติมเงินเข้าบัตร สะดวกสบายสุด ๆ เร็ว ๆ นี้ ทางโรงเรียนจะขยายจำนวนร้านอาหารและที่นั่งเพิ่มเติม เพื่อให้เพียงพอกับจำนวนนักเรียนอีกด้วย

โรงอาหาร บรรยากาศเหมือนห้างสรรพสินค้า ดีไซน์ทันสมัยเอาใจเด็กๆ

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

  1. ผู้ปกครองสามารถเช็คผลการเรียนของลูกแบบออนไลน์ รวมไปถึงเช็คได้ว่าลูกเข้าเรียนกี่โมง เลิกเรียนกี่โมงผ่าน Application ของโรงเรียน ไม่ต้องคอยกังวลว่าลูกถึงโรงเรียนหรือยัง ปลอดภัยกับลูกและสะดวกแม่มาก ๆ
  2. โรงอาหารติดแอร์เย็นฉ่ำ มีเพลงให้ฟัง มีปลั๊กให้เด็ก ๆ ชาร์จไฟมือถือหรือไอแพด ทันสมัยด้วยการใช้บัตรสำหรับซื้ออาหาร โดยการเติมเงินเข้าบัตร ทำให้ผู้ปกครองสามารถเช็คได้ว่าเด็ก ๆ ใช้เงินไปเท่าไหร่ในแต่ละวัน หรือทานอาหารประเภทไหน
  3. เด็กผู้ชาย สามารถตัดผมทรงที่ชอบได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นรองทรงเหมือนโรงเรียนทั่วไป (แต่ผมต้องไม่ยาวเกินปกคอเสื้อ)
  4. ห้องน้ำสะอาด มีแม่บ้านคอยทำความสะอาดตลอดเวลา
  5. โรงเรียนโพธิสารพิทยากร ไม่มีการทำโทษโดยวิธีตีเด็ก แต่ใช้วิธีการทำโทษโดยการตัดเกรดแทน ที่โรงเรียน มีกล้องวงจรปิดทั่วโรงเรียน พ่อ ๆ แม่ ๆ สบายใจได้เลย
โรงเรียนโพธิสารพิทยากร
ห้องเรียนนาฏศิลป์
โรงเรียนโพธิสารพิทยากร
ห้องสมุด เต็มไปด้วยหนังสือมากมาย
โรงเรียนโพธิสารพิทยากร
โรงเรียนโพธิสารพิทยากร
สนามบาสเก็ตบอล มีทั้งชั้นล่างและชั้นบนอาคาร เพื่อให้เด็กใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

5 สิ่งพิเศษที่ โพธิสารพิทยากร

  1. ครูที่โรงเรียนนี้เข้าใจนักเรียน สอนสิ่งที่เด็กอยากรู้ มากกว่าสิ่งที่ครูอยากสอน
  2. หลักสูตร ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งที่โรงเรียนโพธิสารพิทยากรปรับทุกปี เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย
  3. วิธีการสอนไม่ล้าสมัยเน้นปฏิบัติจริงเป็นหลัก เพื่อให้เกิดการเรียนรู้
  4. สภาพแวดล้อมของโรงเรียน สะอาดเป็นระเบียบ
  5. วิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่คำนึงถึงนักเรียนเป็นหลัก ทำให้นักเรียนได้รับประโยชน์เต็มที่ คุ้มค่าเรียน
โรงเรียนโพธิสารพิทยากร
ดร.ภูมิสิฐ สุคนธวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน

โรงเรียนโพธิสารพิทยากร ค่าเทอม

GP (General Program ห้องเรียนปกติ)

ระดับชั้น ม.1

  • ค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนละ 5,600 บาท
  • ค่าใช้จ่ายสำหรับกลุ่มสนใจวิทยาศาสตร์หุ่นยนต์ (ตามความสมัครใจและเกณฑ์คะแนน) ภาคเรียนละ : 5,000 บาท
  • ค่าสมาชิกสมาคมผู้ปกครองและครู ภาคเรียนละ : 300 บาท
  • ค่าบัตรประจำตัวนักเรียน ( Smart Card ) ภาคเรียนละ : 200 บาท
  • ค่าใช้จ่ายโครงการยกระดับด้านวิชาการและอบรมปฏิบัติการเฉพาะก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 : 1,000 บาท

ระดับชั้น ม.4

  • ค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนละ 5,600 บาท
  • ค่าใช้จ่ายตามแผนการเรียนเตรียม 10 แผนการเรียน ( ราคา 3,500 – 5,000บาท )
  • ค่าสมาชิกสมาคมผู้ปกครองและครู ภาคเรียนละ : 300 บาท
  • ค่าบัตรประจำตัวนักเรียน ( Smart Card ) ภาคเรียนละ : 200 บาท
  • ค่าใช้จ่ายโครงการยกระดับด้านวิชาการ เฉพาะก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 : 1,000 บาท

IEP (Intensive English Program)

ระดับชั้น ม.1

  • ค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนละ 8,750 บาท
  • ค่าใช้จ่ายตามแผนการเรียนเตรียม 10 แผนการเรียน ( ราคา 3,500 – 5,000บาท )
  • ค่าหนังสือภาษาอังกฤษวิชาต่างๆ ปีการศึกษาละ 1,200 บาท
  • ค่าสมาชิกสมาคมผู้ปกครองและครู ภาคเรียนละ : 300 บาท
  • ค่าบัตรประจำตัวนักเรียน ( Smart Card ) ภาคเรียนละ : 200 บาท
  • ค่าใช้จ่ายโครงการยกระดับด้านวิชาการและอบรมปฏิบัติการเฉพาะก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 : 1,000 บาท

ระดับชั้น ม.4

  • ค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนละ 10,000 บาท
  • ค่าใช้จ่ายตามแผนการเรียนเตรียม 10 แผนการเรียน ( ราคา 3,500 – 5,000บาท )
  • ค่าหนังสือภาษาอังกฤษวิชาต่างๆ ปีการศึกษาละ 2,000 บาท
  • ค่าสมาชิกสมาคมผู้ปกครองและครู ภาคเรียนละ : 300 บาท
  • ค่าบัตรประจำตัวนักเรียน ( Smart Card ) ภาคเรียนละ : 200 บาท
  • ค่าใช้จ่ายโครงการยกระดับด้านวิชาการและอบรมปฏิบัติการเฉพาะก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 : 1,000 บาท
  • ค่าใช้จ่ายพัฒนาห้องเรียนพิเศษสำหรับ 3 ปีการศึกษา 11,000 บาท

EP (English Program)

ระดับชั้น ม.1

  • ค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนละ 35,000 บาท
  • ค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนและพัฒนาโครงการพิเศษสำหรับ 3 ปีการศึกษา 15,000 บาท
  • ค่าใช้จ่ายสำหรับกลุ่มสนใจวิทยาศาสตร์หุ่นยนต์ (ตามความสมัครใจและเกณฑ์คะแนน) ภาคเรียนละ : 5,000 บาท
  • ค่าหนังสือภาษาอังกฤษวิชาต่างๆ ปีการศึกษาละ 2,500 บาท
  • ค่าสมาชิกสมาคมผู้ปกครองและครู ภาคเรียนละ : 300 บาท
  • ค่าบัตรประจำตัวนักเรียน ( Smart Card ) ภาคเรียนละ : 200 บาท

Inter (International Program)

ระดับชั้น G7

  • ค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนละ 80,000 บาท
  • ค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนและพัฒนาโครงการพิเศษสำหรับ 3 ปีการศึกษา 30,000 บาท
  • ค่าใช้จ่ายสำหรับกลุ่มสนใจวิทยาศาสตร์หุ่นยนต์ (ตามความสมัครใจและเกณฑ์คะแนน) ภาคเรียนละ : 5,000 บาท
  • ค่าหนังสือภาษาอังกฤษวิชาต่างๆ ปีการศึกษาละ 4,000 บาท
  • ค่าสมาชิกสมาคมผู้ปกครองและครู ภาคเรียนละ : 300 บาท
  • ค่าบัตรประจำตัวนักเรียน ( Smart Card ) ภาคเรียนละ : 200 บาท

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ของ โรงเรียนโพธิสารพิทยากร

กลุ่มบริหารวิชาการ โทร.02-448-6130 ต่อ 117

เว็บไซต์ : www.ps.ac.th

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  ฤทธิรงค์ จันทองสุข ,ภาพประชาสัมพันธ์

ผู้ช่วยช่างภาพ : ธวัชชัย ทิพย์โยธา


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

ผลวิจัยล่าสุด MFGM สุดยอดสารอาหารในน้ำนมแม่ เพื่อ IQ /EQ ที่เหนือกว่าของลูกน้อยในวัย 5 ขวบ

event

รู้ไหมคะว่า พัฒนาการการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ และพัฒนาการสมองการเรียนรู้ที่ดีสมวัย ตั้งต้นมาจากการได้รับโภชนาการที่ดีมีประโยชน์ตั้งแต่ที่ลูกอยู่ในครรภ์ของคุณแม่และต่อเนื่องมาจนถึง 1,000 วันแรกของชีวิต ซึ่งโภชนาการหลังคลอดที่ดีที่สุดกับลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิดนั่นก็คือ น้ำนมแม่ ในนมแม่จะมี MFGM ที่เป็นหนึ่งในสารอาหารสำคัญจำเป็นที่ลูกควรได้รับอย่างต่อเนื่อง กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จะพาไปทำความรู้จักกับMFGM สารอาหารในน้ำนมแม่กันค่ะ

การที่ลูกน้อยได้รับประทานนมแม่ โดยเฉพาะช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต ที่มีคำแนะนำจากคุณหมอ และองค์การอนามัยโลกก็ส่งเสริมให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวให้ได้อย่างน้อย 6 เดือน นมแม่เป็นอาหารที่ดีและเหมาะกับลูกน้อยที่สุด เด็กที่ได้ทานนมแม่จะได้รับสารอาหาร พลังงาน วิตามิน แร่ธาตุต่าง ๆ อย่างครบถ้วนรวมถึงสารอาหารที่เรียกว่า Bioactive Compounds ที่มีความจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย และมีผลต่อการทำงานของระบบประสาท และพัฒนาการของลูกน้อยค่ะ ซึ่งสารอาหาร Bioactive Compounds ก็เช่นMFGM  และ DHA

MFGM สารอาหารในน้ำนมแม่ คืออะไร?

สำหรับMFGM หรือ Milk Fat Globule Membrane เป็นเยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในน้ำนม ประกอบด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด อย่างสฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟลิฟิด แกงกลิโอไซด์ เป็นต้น ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างเส้นใยประสาท (Myelin Sheath) และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาทเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเรียนรู้และจดจำได้ดียิ่งขึ้น

ผลวิจัยล่าสุด MFGM  เสริมสร้าง IQ และ EQ ที่เหนือกว่าของลูกน้อยในวัย 5 ขวบ

มีผลวิจัยรองรับว่าช่วยเสริมสร้าง IQ และ EQ ของลูกน้อยให้เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก เด็กที่รับประทานนมแม่ที่มีMFGM ตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิตจะส่งผลดีต่อพัฒนาการสมองในระยะยาวของเด็กไปจนถึงวัย5 ขวบ หรือวัยเข้าเรียน ผลวิจัยพบว่าเด็กที่ได้รับประทานนมแม่ที่มีMFGM จะมี IQ และ EQ สูงกว่าเด็ก ที่ไม่ได้รับนมแม่ที่มีMFGM *

และเหตุผลอย่างหนึ่งที่ไม่อยากให้คุณแม่พลาดช่วงเวลาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไป นั่นก็เพราะว่าMFGM ที่พบในน้ำนมแม่ยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของทารกให้แข็งแรง และยังเป็นโภชนาการที่เหมาะสมกับระบบขับถ่ายของลูกน้อยให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติด้วยค่ะ

 

และหากคุณแม่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างต่อเนื่อง  หรือถ้าอยู่ในช่วงที่ลูกใกล้วัยขวบกำลังปรับเปลี่ยนจากนมแม่มารับประทานนมเสริมสำหรับเด็ก แนะนำให้คุณแม่เลือกนมที่มีสารอาหารสำคัญอย่างMFGM เพราะด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการผลิตนมผงในปัจจุบัน ซึ่งในอดีตมีการสูญเสีย MFGM ไปในระหว่างกระบวนการผลิตนมผงสูตรสำหรับเด็ก ทำให้สามารถเติมMFGM จากน้ำนมวัวลงในนมผงสูตรสำหรับเด็กได้ นับเป็นทางเลือกที่ดีให้คุณแม่ได้ค่ะ

อย่างไรก็ตามแนะนำว่า นมเสริมสำหรับเด็ก ควรเลือกให้เหมาะกับร่างกายความต้องการของลูก เนื่องจากในเด็กบางคนยังมีระบบย่อยอาหารที่ยังไม่สมบูรณ์ มักจะมีอาการไม่สบายท้อง ท้องอืด ท้องผูก ร้องงอแง ร้องกวน คุณแม่อาจเลือกนมเสริมสำหรับเด็ก ที่เป็นสูตรย่อยง่าย และมีสารอาหารทั้ง MFGM และมี PHP (Partially Hydrolyzed Protein) โปรตีนที่ย่อยมาแล้วบางส่วน จะทำให้ดูดซึมง่าย ช่วยให้ลูกสบายท้องค่ะ การที่ลูกมีระบบย่อยอาหารที่ดีจะทำให้เขาพร้อมเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวทั้งจากที่บ้าน และนอกบ้านได้อย่างไม่มีสะดุด และนั่นก็จะส่งผลในเชิงบวกทำให้เด็ก ๆ มีพัฒนาการที่ก้าวล้ำยิ่งขึ้นค่ะ

หากหากคุณพ่อคุณแม่สนใจศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับMFGM และโภชนาการของลูก กดที่ลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ https://bit.ly/3q5gxJ6

กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้สำเร็จ และมีนมเสริมที่เหมาะกับร่างกายของลูกน้อย ให้ได้รับสารอาหารสำคัญอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะต้องมี MFGM และ PHP ด้วยนะคะ

 

อ้างอิง

*AlThuneyyan DA, AlGhamdi FF, AlZain RN, AlDhawyan ZS, Alhmly HF, Purayidathil TS, AlGindan YY, Abdullah AA. The Effect of Breastfeeding on Intelligence Quotient and Social Intelligence Among Seven- to Nine-Year-Old Girls: A Pilot Study. Front Nutr. 2022Feb 18;9:726042. doi: 10.3389/fnut.2022.726042. PMID: 35252287; PMCID: PMC8894195.

 

*Amiel Castro, R., Glover, V., Ehlert, U. et al. Breastfeeding, prenatal depression and children’s IQ and behaviour: a test of a moderation model. BMC Pregnancy Childbirth 21, 62 (2021). https://doi.org/10.1186/s12884-020-03520-8

 

เคล็ดไม่ลับ สำหรับ แม่มือใหม่ 5 วิธีดูแลลูกน้อยให้อารมณ์ดี แฮปปี้ ทั้งวัน

event

คุณแม่มือใหม่ อยากให้ลูกพัฒนาการดี พร้อมเรียนรู้ในทุกๆ วัน ก่อนอื่นต้องสังเกตลูกให้มากๆ ว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้ลูกไม่สบายตัวบ้าง ถึงแม้ว่าการร้องไห้งอแงมักเป็นเรื่องปกติของเด็กๆ อาจเกิดจากความหิว ไม่สบายตัว ยุงกัดแล้วคัน หรือผ้าอ้อมเปียกชื้น แต่ด้วยความที่เด็กๆ ไม่สามารถสื่อสารได้ จึงแสดงออกเป็นการร้องไห้นั่นเอง

เมื่อสังเกตสาเหตุการร้องไห้ของลูกแล้ว แม่ๆ ก็จะได้หาวิธีรับมือที่ถูกต้อง โดยทีมแม่ ABK มีเคล็ดไม่ลับ 5 วิธีดูแลลูกน้อยให้อารมณ์ดี แฮปปี้ทั้งวันมาแชร์ให้อ่านกันดังนี้ค่ะ

1. เล่นกับลูก ด้วยการสังเกตพัฒนาการตามวัย 

เด็กแต่ละช่วงวัยมีพัฒนาการที่ค่อยเป็นค่อยไปต่างกัน แม่ๆ สามารถศึกษา ไปพร้อมกับสังเกตว่าลูกของเราที่โตขึ้นมาในแต่ละวันทำอะไรได้บ้าง ดังนี้ค่ะ

  • แรกเกิด – 2 ขวบ เป็นช่วงเวลาทองของคุณแม่ที่สามารถ ค่อยๆ สร้างพัฒนาการของลูกได้ ช่วง 7 เดือนแรก เด็กๆ จะมีพัฒนาการด้านร่างกาย และการรับรู้ ใช้ของเล่นมีสีสัน และเสียงเป็นตัวกระตุ้นให้ลูกมองตาม เกมง่ายๆ ที่ทุกบ้านเล่นกันอย่าง จ๊ะเอ๋! ก็ช่วยให้ลูกอารมณ์ดี เกิดพัฒนาการด้านอารมณ์ได้เช่นกัน ช่วง 8 เดือน -1 ขวบ ลูกเริ่มตั้งไข่ยืนขึ้นได้แล้ว แม่อาจจะใช้ของเล่นที่ลูกชอบ ร้องเพลงกระตุ้น เพื่อเป็นตัวหลอกล่อให้ลูกหัดเดิน และเคลื่อนไหวเยอะขึ้น 
  • 2-3 ขวบ เป็นวัยที่เริ่มมีความตื่นเต้นในการสำรวจและเป็นตัวของตัวเอง และชอบเข้าสังคม แม่อาจหาของเล่นที่เสริมสร้างจินตนาการ และประสบการณ์ให้กับลูก พร้อมกับการพัฒนากล้ามเนื้อมือ เช่น การวาดรูป ระบายสี เล่นดินน้ำมัน แป้งโด อาจพาไปเข้าคอร์สสั้นๆ ให้ลูกได้พบปะเพื่อนๆ เพื่อรู้จักการแบ่งปัน และความมีระเบียบวินัย
  • 3-4 ขวบขึ้นไป ช่วงนี้เด็กเริ่มมีพัฒนาการที่แข็งแรงขึ้น ต้องเน้นกิจกรรมที่ใช้พลังงาน เช่นการเล่นกีฬานอกบ้าน หรือเกมที่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย โดยลองหาเกมที่คุณพ่อคุณแม่เล่นด้วยกันกับลูกได้ด้วย เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว เล่น ตีแบดมินตัน ปั่นจักรยาน หรือโยน รับ ลูกบอล

 

2. พาลูกไปเดินเล่นนอกบ้าน รับแสงแดดอ่อนๆ และบรรยากาศนอกบ้านบ้าง

แดดอ่อนๆ ยามเช้า และยามเย็น เป็นช่วงเวลาที่น่าพาลูกออกไปเดินเล่นรับแสงแดดบริเวณบ้าน และยังทำให้แม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายไปด้วยกัน เพราะแม่ที่ต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูกตลอดเวลาอาจเกิดความเครียดได้ การปรับสภาพแวดล้อมวันละนิดสำหรับทั้งแม่ลูกจะช่วยให้บรรยากาศการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันดีขึ้น แม่อารมณ์ดี มีความสุขในการเลี้ยงลูก ก็ทำให้ลูกมีความสุขไปด้วย ทั้งนี้ แม่ควรเลือกสถานที่ไปเดินเล่นที่อากาศปลอดโปร่ง ถ่ายเทสะดวก คนไม่พลุกพล่าน เพื่อป้องกันการติดเชื้อสู่ลูกน้อย

 

3. ร้องเพลง และอ่านนิทานให้ลูกฟัง

การอ่านนิทานจะช่วยเสริมพัฒนาการและสติปัญญาให้กับลูก ซึ่งแม่สามารถอ่านให้ฟังได้ตั้งแต่ช่วง 0-6 เดือน อาจใช้หนังสือนิทานผ้าที่แม่สามารถเปิดภาพ มีเสียง และเล่านิทานไปด้วย เพื่อให้ลูกได้สัมผัสกับพื้นผิว และรูปภาพในหนังสือ เมื่อลูกเริ่มนั่งทรงตัวได้ อาจเปลี่ยนเป็นนิทานบอร์ดบุ๊คที่ให้ลูกสัมผัส และสังเกตภาพระหว่างเล่านิทาน และการร้องเพลงก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการ การรับรู้ การจดจำเสียง ซึ่งแม่อาจสอดแทรกบทเพลงเข้าไปในนิทานก็ได้ เป็นกิจกรรมระหว่างแม่ลูกที่ทำให้เกิดความเพลิดเพลิน แฮปปี้ไปด้วยกัน

 

4. นอนให้พอทั้งกลางวัน และกลางคืน เตรียมที่นอนให้หลับสบาย

การนอนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ลูกน้อยไม่งอแงระหว่างวัน โดยปกติแล้ว ช่วงแรกเกิด – 4 เดือน จะมีภาวะหลับ-ตื่น สลับกันไปทั้งวัน จะยังไม่สามารถนอนได้ยาว เพราะต้องตื่นมาทานนมและขับถ่าย แต่เมื่ออายุได้ประมาณ 4 เดือน ก็จะเริ่มหลับกลางคืนได้ยาวขึ้น และเมื่ออายุ 6 เดือน จะสามารถหลับยาวตลอดคืนได้ประมาณ 8-12 ชั่วโมง 

แม่ต้องฝึกให้นอนเป็นเวลา และจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการนอน ที่นอนตอนกลางคืนควรมืด เงียบ และอุณหภูมิเหมาะสม ส่วนการนอนกลางวัน ไม่จำเป็นต้องทำให้ห้องมืดเหมือนเวลากลางคืน เพราะเราต้องการให้ลูกนอนกลางวันเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ และนอนยาวในช่วงกลางคืน ดังนั้น ต้องสร้างสภาพแวดล้อมกลางวันและกลางคืนให้แตกต่างกัน เพื่อให้ลูกได้รู้ว่าช่วงไหนควรนอนยาว เลือกเสื้อผ้าที่สบายตัว ที่นอนไม่ระคายเคือง ป้องกันแมลง และยุงไม่ให้เข้ามารบกวนลูกเวลานอน เปลี่ยนผ้าอ้อมให้แห้งสบายก่อนนอน นอกจากนี้การเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน ทำให้ลูกผ่อนคลายพร้อมที่จะนอนหลับอีกด้วย 

 

5. ทำให้ลูกน้อยสบายตัวอยู่เสมอ ด้วย แป้งเด็กแคร์ ช่วยปกป้องลูกจากความเปียกชื้นเหนือชั้น

ปกป้องความเปียกชื้นในผ้าอ้อมระหว่างวัน สาเหตุของผดผื่น ด้วยตัวช่วยที่แม่ๆ ไว้วางใจ แป้งเด็กแคร์ สูตรไฮโป-อัลเลอร์เจนิก ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ผิวหนังแล้วว่าอ่อนโยน ไม่ระคายเคือง ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ปลอดภัยต่อผิวบอบบาง ปกป้องผิวลูกน้อยจากความเปียกชื้นอย่างเหนือชั้น  พร้อมช่วยลดผดผื่น มีส่วนผสมจากธรรมชาติ 95% ปราศจากพาราเบน ซิลิโคน และสีสังเคราะห์ และผ่าน 3 การทดสอบควบคุมคุณภาพ  ทำให้แม่ๆ มั่นใจในความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

แป้งเด็กแคร์ มีให้แม่ๆ เลือกใช้ถึง 7 สูตรด้วยกัน

  • แคร์ คลาสสิค ผสานสารสกัดจากขมิ้น ช่วยลดผดผื่น
  • แคร์ พิงค์ ซอฟท์ กลิ่นหอมละมุนจากดอกไม้นานาพันธุ์
  • แคร์ กลิ่นซากุระ กลิ่นหอมอ่อนโยน ด้วยแรงบันดาลใจจากญี่ปุ่น
  • แคร์ จัสมิน คอตต้อน กลิ่นหอมบริสุทธิ์ดั่งรักของแม่
  • แคร์ ลาเวนเดอร์ แอนด์ โอ๊ตมิลค์ กลิ่นหอมผ่อนคลายจากลาเวนเดอร์
  • แคร์ พีโอนี แอนด์ พีช กลิ่นหอมละมุนอ่อนโยน 
  • แคร์ ไรซ์มิลค์ แอนด์ ฟรีเซีย ผสานสารสกัดน้ำนมข้าว บำรุงผิวเนียนนุ่ม พร้อมกลิ่นหอมสดชื่นของดอกฟรีเซีย

สามารถติดตามอ่านรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่

https://www.care.co.th/baby-talcum-powder

เคล็ดไม่ลับเหล่านี้ จะช่วยให้ทั้งแม่ลูกแฮปปี้ อารมณ์ดี มีความสุข พร้อมเรียนรู้ไปด้วยกันในทุกๆ วัน เพราะความสุขของลูก ก็คือความสุขของแม่ยังไงล่ะ

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง
https://www.amarinbabyandkids.com/pregnancy/birth/how-to-be-effective-parenting/
https://www.amarinbabyandkids.com/parenting/baby-sleep-routine/
https://www.bangkokpattayahospital.com/th/healthcare-services/pediatric-center-th/child-articles-th/item/1122-the-great-lie-of-the-ball-th.html

 

Balcony Courtyard

พาทัวร์ Balcony Courtyard @ศรีราชา โรงแรมสำหรับครอบครัว สุขสนุกทั้ง พ่อแม่ลูก

event
Balcony Courtyard
Balcony Courtyard

เที่ยวกับลูก มาแล้วจ้า! ห่างหายไปนาน วันนี้ ทีมแม่ ABK จะพาไปเที่ยวแบบสบายๆ เดินทางสะดวกไม่ไกลจาก กรุงเทพฯ  อย่าง อำเภอศรีราชากัน กับ Balcony Courtyard Sriracha โรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ สำหรับครอบครัว ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่และธรรมชาติ เขียวขจี กับคอนเซปต์  The Luxury Family Escape in Sriracha บอกเลยว่าที่นี่มีกิจกรรมสำหรับเด็กๆเยอะมาก  ถ้าพร้อมแล้วก็มาเช็คอินกันเลย

Balcony Courtyard Sriracha
Hotel & Serviced Apartments

Balcony Courtyard

Balcony Courtyard
ลอบบี้โรงแรม ตกแต่ง สไตล์ Vintage & Retro กระจกใสบานใหญ่มองเห็นต้นไม้รายล้อม สดชื่นสุดๆ

 

มาถึงโรงแรมก็แวะมานั่งพักที่ล็อบบี้เพื่อรอเช็คอิน สังเกตได้ว่ามีต้นไม้ใหญ่รอบอาคารเยอะมากๆ แม่เลยได้โอกาสสอนลูกเรื่องพรรณไม้ต่างๆ ไปในตัว ทริปนี้เรามากัน 3 คน พ่อแม่ลูก พักห้อง Luxury Suite 1 Bedroom ด้านในกว้างขวาง เตียงใหญ่นุ่มสบาย แบ่งพื้นที่ห้องนอนและห้องนั่งเล่นด้วยผนังกระจกใส สะดวกสบายสุดๆ มีโต๊ะทานอาหารขนาดใหญ่ มีตู้เย็น ไมโครเวฟ และครัวพร้อมจานชามให้ใช้แบบจัดเต็ม ส่วนในห้องน้ำก็มีอ่างอาบน้ำด้วยนะ ใครจะมาอย่าลืมซื้อบาธบอมมาเล่นด้วยล่ะ

Balcony Courtyard

Balcony Courtyard
ห้องพักแบบ Luxury Suite 1 Bedroom ขนาด 40 ตารางเมตร ตกแต่งสไตล์ Vintage โทนสีขาวน้ำตาล ดูหรูหราและผ่อนคลายมากๆ

 

Balcony Courtyard
ห้องครัว มีอุปกรณ์พร้อมทุกอย่าง ทั้งมีด จาน ชาม ถ้วยต่างๆ และ ซิงค์ล้างจาน  สะดวกมากๆ

 

Balcony Courtyard

Balcony Courtyard
วิวสระว่ายน้ำบนอาคาร ที่เด็กๆมองได้จากหน้าต่างในห้องพัก ช่วยกระตุ้นให้เด็กๆอยากรีบไปว่ายน้ำ

 

อาคารกิจกรรม สูง 4 ชั้น ตั้งอยู่ตรงกลางพื้นที่ มีอาคารห้องพักล้อมรอบ ทำให้ทุกห้องมองเห็นสระว่ายน้ำบนอาคารและต้นไม้ เขียวขจีได้  ไปดูกันว่าอาคารนี้มีกิจกรรมอะไรให้เล่นสนุกบ้าง

 

Balcony Courtyard

Balcony Courtyard
โซน Mini Harbor Island และสระว่ายน้ำสำหรับผู้ใหญ่

 

เริ่มกันที่ชั้นบนสุด ของ Balcony Courtyard เป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้ง มี Mini Harbor Island สวนน้ำและเครื่องเล่นแสนสนุกสำหรับเด็กๆ ทั้งสไลเดอร์และอุโมงค์น้ำต่างๆ เด็กๆที่จะเล่นโซนนี้เขามีรองเท้ากันลื่นให้ใส่ด้วยนะ เพื่อความปลอดภัย

โซน mini Harbor Island สวนน้ำแบบเอาต์ดอร์  มีสไลเดอร์  น้ำพุ และอุโมงค์น้ำให้เด็กๆเล่น  มาช่วงเย็นแดดไม่ร้อนเล่นกันเพลินเลยจ้า

 

มาต่อกันที่ ชั้น 3 กับ mini HarborLand สวนสนุกที่เด็กๆ โปรดปราน สามารถเข้าเล่นได้ฟรี! แบบไม่จำกัดรอบ จะมาเล่นกี่ครั้งก็ได้ รับรองสะใจเด็กๆ แน่นอน  ใครมีถุงเท้ากันลื่นของ HarborLand อย่าลืมเอาถุงเท้ามาด้วยนะ แต่ถ้าใครยังไม่มีก็สามารถซื้อที่เคาเตอร์ได้ ราคาคู่ละ 60 บาท

 

mini HarborLand สวนสนุกในร่ม ที่สามารถเล่นได้ทั้งเด็กเล็กเด็กโต แบบไม่จำกัดครั้ง

 

ใครชอบออกกำลังกาย ทางโรงแรม Balcony Courtyard ก็มีฟิตเนสไว้บริการด้วย จะแอบมาวิ่งตอนเช้าก่อนลูกตื่น เพื่อปั้นหุ่นเฟิร์มกันก่อนก็ได้  ส่วนช่วงเย็นๆก็สามารถไปแช่น้ำร้อนที่ Ofuro บ่อน้ำร้อน และห้องซาวน่า ห้องอบไอน้ำ กันได้ ผ่อนคลายร่างกายกันแบบสบายๆ ไปเลย ส่วนคนรักกอล์ฟก็มี Golf Simulator ให้เล่นกันด้วย สายกอล์ฟ ไม่ควรพลาดเลย แต่อย่าลืมนำอุปกรณ์มาเองนะคะเพราะทางโรงแรมไม่มีให้ค่า

 

Balcony Courtyard
ฟิตเนสขนาดย่อม เรียกเหงื่อเบาๆได้เป็นอย่างดี

Balcony Courtyard Balcony Courtyard

Ofuro บ่อน้ำร้อน ห้องซาวน่า ห้องอบไอน้ำ แยกชาย-หญิง บรรยากาศแบบญี่ปุ่นจริงๆ

 

อีกกิจกรรมหนึ่งที่ไม่ควรพลาดสำหรับเด็กสูง 100 เซนติเมตร ก็คือ เกมยิงปืนเลเซอร์ หรือ Laser Wars ที่บริเวณชั้น 2 เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เรียกเสียงหัวเราะและเหงื่อได้แบบมหาศาล สนุกสะใจแน่นอน  ยิ่งเล่นหลายคนยิ่งสนุก สามารถเล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

Balcony Courtyard Balcony Courtyard Balcony Courtyard

Laser Wars อีกหนึ่งกิจกรรมที่เด็กๆไม่ควรพลาด

 

ชั้นล่างสุดของอาคารอย่าลืมแวะไปเยี่ยมชม  เพราะมี 2 จุดที่น่าสนใจ ห้องแรกเป็นห้องซอสพริก ภายในมีมุมการ์ตูนและทำกิจกรรมสำหรับเด็กๆ ทั้งพับกระดาษ ระบายสี เกมต่างๆให้เล่นสนุกๆมากมาย ส่วนอีกห้องเป็น Social Lounge  เลาจน์ขนาดใหญ่ ที่มีทั้งมุมพักผ่อน มุมขนมเครื่องดื่มและ ชา-กาแฟฟรี  มุมอ่านหนังสือและการ์ตูนญี่ปุ่นมากมาย  เช่น วันพีช มีทั้งแบบภาษาไทยและภาษาญี่ปุ่น พ่อๆแม่ๆคนไหนสายการ์ตูนญี่ปุ่น แวะมาห้องนี้รับรองไม่ผิดหวัง

Balcony Courtyard Balcony Courtyard Balcony Courtyard

ห้องซอสพริก ห้องกิจกรรมสำหรับเด็กๆได้มาฝึกทักษะและสร้างสรรค์จินตนาการ

 

Balcony Courtyard Balcony Courtyard Balcony Courtyard

บรรยากาศ Social Lounge  หรูหรามากๆแวะมาอ่านหนังสือพร้อมจิบกาแฟสักแก้วกันได้ตลอดวัน

 

เช้าวันที่ 2 ก่อนเริ่มต้นกิจกรรม เราแวะมารองท้องกันที่ห้องอาหาร “กองข้าว” บริเวณชั้น 2 ตึกกิจกรรม ใครชอบอาหารญี่ปุ่นบอกเลยว่าต้องถูกใจแน่นอน เพราะมีทั้งอุด้ง ราเมน ทงคัตซึ และอีกหลายหลายเมนูให้เลือก นอกจากนี้ยังมีอาหารไทยและอาหารฝรั่งด้วย ส่วนโซนขนมปังและเบเกอรี่ก็จัดเต็มทั้ง ครัวซองต์ วาฟเฟิล แพนเค้ก พร้อมท็อปปิ้งมากมาย เด็กๆชอบแน่นอน ที่สำคัญที่นี่มีไอศครีมด้วยนะ มาแล้วอย่าลืมมาชิมด้วยล่ะ

Balcony Courtyard Balcony Courtyard Balcony Courtyard

Balcony Courtyard Balcony Courtyard

บรรยากาศห้องอาหาร “กองข้าว” บุฟเฟต์อาหารเช้า สุดอลังที่อาคารกิจกรรมชั้น 1

 

อิ่มแล้วก็พร้อมเล่นกันต่อ  ชวนเด็กๆไปสลายพลังงานกันที่สนามเด็กเล่นกลางแจ้ง Joy Jungle  สนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ที่มีครบหมดทุกอย่าง ทั้งสไลเดอร์  ,หน้าผาจำลอง ,ชิงช้าและสนามหญ้ากว้าง ๆให้เด็กวิ่งเล่นกันเต็มที่ พร้อมโซนใหม่ น่าเล่นสุดๆกับ Zipzap Racer รถแข่งทะลุมิติและ Mini Viking ไวกิ้งขนาดย่อมให้เด็กๆเล่นสนุกกัน

 

Balcony Courtyard Balcony Courtyard Balcony Courtyard Balcony Courtyard

Joy Jungle  สนามเด็กเล่นกลางแจ้ง จะตั้งอยู่ด้านหน้าอาคารใกล้กับที่จอดรถ

 

Balcony Courtyard Balcony Courtyard

โซนใหม่ ของ Balcony Courtyard สำหรับเด็กๆ Zipzap Racer รถแข่งทะลุมิติและ Mini Viking

 

สุดท้ายกับห้อง Game Room ที่อาคาร 4 ห้องนี้ มีเกมส์ต่างๆไว้ให้เล่นสนุกกันทั้งครอบครัว พร้อมแอร์เย็นฉ่ำ ทั้งโต๊ะโกล์ โต๊ะพูล เกมส์ชู๊ตลูกบาส ฯลฯ  ใครอยากออกไปช็อปปิ้งห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ ทางโรงแรม มีรถตู้บริการรับส่งไปตามจุดสำคัญต่างๆ ทั้ง โรบินสัน ,เซ็นทรัลและ MaxValue ฟรีด้วยนะ ครอบครัวไหนขับรถไฟฟ้าก็ไม่ต้องกังวลเพราะ ที่นี่ มีบริการ EV Station จุดชาร์ตรถไฟฟ้า EV คิดค่าบริการตามยูนิต (ยูนิตละ 10 บาท)

บรรยากาศดีกิจกรรมแน่นแบบนี้  แม่ให้ 10 เต็ม 10 ไปเลย เป็น 3 วัน 2 คืนที่คุ้มค่าสุดๆ ใครที่กำลังมองหาที่พักผ่อนสำหรับครอบครัว ใกล้กรุงเทพฯ รับรองว่ามาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน เสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดยาวนี้รีบจองห้องพักกันด่วนเลยน้า

 

Balcony Courtyard Balcony Courtyard Balcony Courtyard

 ห้อง Game Room ของ Balcony Courtyard Sriracha

 

ติดต่อ  Balcony Courtyard Sriracha

บัลโคนี คอร์ทยาร์ด ศรีราชา : ที่อยู่ 111/181 หมู่ 2 ถ.ศรีราชา – หนองยายบู่ ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 20110

เว็บไซต์ : https://balconythailand.com/courtyard/

LINE Official Account : @balconythailand

Facebook : https://www.facebook.com/BalconyThailand/

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  แม่เลม่อน


อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก ⇓

โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

อมรินทร์ อาสา ช่วยเหลือเด็กทารกที่ป่วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ในโครงการ หนึ่งหัวใจ สู่ชีวิตใหม่

event
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

“อมรินทร์ อาสา” ร่วมกับพันธมิตร ช่วยเหลือเด็กทารกที่ป่วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดขั้นวิกฤต ในโครงการ “หนึ่งหัวใจ สู่ชีวิตใหม่” โดยมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี

หากคุณอยากรู้ว่าหัวใจของคุณมีขนาดเท่าใด ให้ลองกำมือ นั่นแหละ! หัวใจเรามีขนาดเท่ากับกำปั้นของตัวเอง หัวใจของเด็กจึงมีขนาดเล็กเท่ากับกำปั้นน้อยๆ ของเขาเท่านั้น โดยเฉพาะทารกแรกเกิดที่มีปัญหาภาวะโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด หัวใจของเขายิ่งเล็กและอ่อนแอ การได้รับการรักษาและดูแลอย่างรวดเร็วที่สุด จึงเป็นสิ่งที่คุณหมอและครอบครัวของเด็กอยากให้เกิดขึ้นเร็วที่สุดด้วยเช่นกัน

บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ทำโครงการเพื่อสังคม “อมรินทร์ อาสา” จับมือพันธมิตร บริษัท ซีเจเวิร์ค จำกัด (CJ WORX) และค่ายเพลง WHAT THE DUCK ทำความดี ช่วยเหลือสังคม กับ โครงการ “หนึ่งหัวใจ สู่ชีวิตใหม่” ใน มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ร่วมกันระดมทุน เพื่อช่วยเหลือเด็กทารกที่ป่วยด้วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดขั้นวิกฤต ให้หัวใจดวงน้อยๆ ได้ไปต่อ

ลูก คือแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ และคงไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น การเกิดโรคหัวใจในเด็กนั้นไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด อาจจะมาจากคุณแม่กินยาที่มีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ หรือถ้าแม่เป็นโรคเบาหวาน เด็กในครรภ์ก็จะเป็นด้วย และทำให้กล้ามเนื้อของเด็กหนาขึ้น รวมถึงกล้ามเนื้อหัวใจส่งผลให้เด็กมีภาวะเป็นโรคหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด หรือเด็กที่มีสารพันธุกรรมผิดปกติแต่กำเนิด เช่น ดาวน์ซินโดรม ก็จะมีภาวะโรคหัวใจแฝงอยู่ด้วยเช่นกัน ยิ่งคุณแม่มีประวัติการเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิดลูกก็มีสิทธิเป็น โดยเฉพาะถ้าเป็นทั้งคุณพ่อคุณแม่ ก็ให้ตั้งข้อสังเกตไว้เลยว่าลูกก็อาจจะเป็นโรคหัวใจ ที่ทำได้คือควรปรึกษาคุณหมอ และตรวจครรภ์ตามกำหนด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นโรคนี้ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร

โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

“อัตราเฉลี่ยของเด็กที่เกิดมาบนโลกนี้ ทุก 1,000 คน จะมีภาวะโรคหัวใจ 8 คนโดยประมาณ ทั้งในไทยและในต่างประเทศเฉลี่ยกันทั่วโลก ดังนั้นถ้าในไทยมีเด็กเกิด 500,000 คน ก็จะมีเด็กที่เป็นโรคนี้ประมาณ 5,000 คนโดยเฉลี่ย คือ 10 เปอร์เซ็นต์ และประมาณ  500คน ก็จะเป็นคนไข้ที่เป็นโรคชนิดรุนแรง แต่ถามว่าอัตราการเกิดโรคนี้ลดน้อยลงไหม ตอบว่าน้อยลง ไม่ใช่เพราะโรคเกิดน้อยลงนะครับ แต่เป็นเพราะอัตราการเกิดที่ลดลง” นพ.วรการ พรหมพันธุ์ หัวหน้าศูนย์โรคหัวใจ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีกล่าวถึงสถานการณ์ของเด็กๆ ที่เป็น โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ในปัจจุบัน

โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

“เปรียบเหมือนการข้ามถนนนะครับ ทุกคนเดินข้ามถนน ไม่มีใครตั้งใจจะถูกรถชนหรอกใช่ไหมครับ ทุกคนก็อยากจะเดินข้ามไปถึงอีกฝั่งอย่างปลอดภัย แต่ถ้าบังเอิญมันเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้ว เราก็ต้องรักษาให้ดีที่สุด และที่สำคัญคือรวดเร็วที่สุด เพื่อให้ชีวิตของเด็กได้ไปต่อ” นพ.วรการ พรหมพันธุ์  กล่าวต่อ

โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

ซึ่งค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดหัวใจแต่ละครั้ง มีมูลค่าสูงมาก แค่ชิ้นส่วนเล็กๆ สำหรับอุดรูรั่วหัวใจก็มีมูลค่าประมาณ 50,000 บาทแล้ว ยังไม่รวมค่าห้องผ่าตัดและการใช้อปกรณ์ต่างๆ จึงอาจจะทำให้บางครอบครัวที่ไม่พร้อมเรื่องค่าใช้จ่าย หมดกำลังใจในการช่วยชีวิตน้อยๆ ของครอบครัว

ช่วยเด็ก 1 คน ไม่ได้ช่วยแค่เด็กนะครับ ช่วยครอบครัวเค้าด้วย พ่อแม่ได้กลับไปทำงานได้ไว เลี้ยงดูครอบครัว ลดภาระ การเดินทางดูแลลูก ได้มีเวลาดูแลครอบครัว สร้างครอบครัว เป็นรากฐานของสังคม  ช่วยเด็กโรคหัวใจ ไม่ได้ช่วยแต่เด็ก แต่ช่วยครอบครัวเค้าด้วย โดยภาพรวมก็ช่วยประเทศด้วยนั่นเอง ถ้าสนใจทำบุญตรงนี้ไม่เสียหาย และเป็นประโยชน์มากๆครับ” นพ.วรการ พรหมพันธุ์ กล่าวถึงประโยชน์ในการร่วมบริจาคในครั้งนี้

สำหรับผู้ที่สนใจร่วมบริจาคเข้าร่วมโครงการ 1 หัวใจ หนึ่งชีวิตใหม่ สามารถร่วมบริจาคได้ที่มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 051-3-00051-5 หรือธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 661-0-55841-8
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม >> มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก

 

 

เรื่อง : มัณฑนา ชอุ่มผล

ภาพ: กรานต์ชนก บุญบำรุง


อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก ⇓

เพียวรีน

เพียวรีน เบบี้ไวพส์ ฉลอง 30 ล้านแพค ไอเท็มหนึ่งในใจแม่

event
เพียวรีน
เพียวรีน

เพียวรีน ผลิตภัณฑ์สำหรับลูกน้อยที่ครองใจแม่ๆ มามากกว่า 20 ปี โดยเฉพาะเบบี้ไวพ์ ที่แม่ๆ เลิฟ ลูกๆ รัก เป็นไอเท็มที่ต้องมีติดตัวกันทุกบ้าน เพราะสะดวก ประหยัดเวลา คุ้มค่า และราคาสบายกระเป๋า

 เพียวรีน เบบี้ไวพส์ ฉลอง 30 ล้านแพค ไอเท็มหนึ่งในใจแม่

เพราะแม่ๆ เชื่อมั่นในคุณภาพ และเป็นหนึ่งในใจมายาวนาน ตอนนี้ เบบี้ไวพ์ของเพียวรีนมียอดขายแล้วกว่า 30 ล้านแพคแล้วนะ! ถือว่าเป็นการเดินทางอันยาวนานทีเดียว เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับการตอบรับที่ดีเสมอมา เพียวรีนจึงได้ส่งต่อความอ่อนโยนโดยการมอบผลิตภัณฑ์ให้แก่มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก  สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติ มหาราชินี มูลค่า 150,000 บาท

เพียวรีน
เพียวรีน ส่งต่อความอ่อนโยนให้แก่มูลนิธิโรงพยายาบาลเด็ก ด้วยการมอบผลิตภัณฑ์มูลค่า 150,000 บาท

ที่เพียวรีนสามารถครองใจแม่ๆ ได้ถึงขนาดนี้ เพราะความอ่อนโยน ปราศจากพาราเบน และแอลกอฮอล์ สารที่ทำให้ระคายเคืองผิวอันบอบบางของลูกน้อย

มีถึง 5 สูตร ให้แม่เลือกใช้ได้ตามความสะดวก

เพียวรีน

  • Pureen Baby Wipes เพียวรีนเบบี้ไวพส์ สูตรเซนซิทีฟ (สีชมพู)
    เนื้อผ้าหนานุ่ม มีส่วนผสมของคาโมมายล์ช่วยลดการระคายเคือง
  • Pureen Baby Wipes เพียวรีนเบบี้ไวพส์ สูตรเพียวแอนด์มายด์ (สีฟ้า)
    บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นด้วยอโลเวร่า และวิตามิน อี
  • Pureen Baby Wipes เพียวรีนเบบี้ไวพส์ สูตรแอนตีแบคทีเรียล (สีแดง)

ผ่านการทดสอบแล้วว่าสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้

  • Pureen Baby Wipes เพียวรีนเบบี้ไวพส์ สูตรเนเชอรัล (สีเขียว)
    อ่อนโยนด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ
  • Pureen Baby Wipes เพียวรีนเบบี้ไวพส์ สูตรเดลี่แคร์ (สีฟ้า)
    คุ้มค่าและอ่อนโยนต่อผิวลูกน้อย

นอกจากนี้เพียวรีนยังมีแคมเปญขอบคุณแม่ๆ ที่ไว้วางใจให้เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลลูกน้อยและครอบครัว ด้วยโปรโมชั่นเด็ด ที่แม่ๆ สามารถติดตามกันได้ที่ ที่ห้างสรรพสินค่า แผนกเด็ก, ชูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านค้าชั้นนำทั่วไปตลอดเดือน เม.ย. – มิ.ย. เลยจ้า

เปิดบ้าน “ไตรพัฒน์” โรงเรียนแนววอลดอร์ฟ ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กๆ

event

School Visit คราวนี้ เรามีโอกาสได้ไปเยี่ยมชม โรงเรียนไตรพัฒน์ ในวันที่แปลงนาเปียกชุ่ม เด็กๆ ตัวเลอะโคลนตั้งแต่หัวจรดเท้า จับกบมาอวดโฉม แล้วแบ่งปันผลไม้ให้เรากิน เป็นหนึ่งวันที่สะท้อนการเรียนการสอนตลอด 1 ปีการศึกษา หรืออาจจะสะท้อนให้เห็นชีวิตวัยเด็กของคนๆ หนึ่ง ที่กว้างใหญ่และเรียนรู้อะไรได้มากมายด้วยพลังของเขาเอง

เปิดบ้าน “ไตรพัฒน์” โรงเรียนวอลดอร์ฟ
ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กๆ

โรงเรียนไตรพัฒน์
เด็กประถมกำลังเข้าเรียนวิชาเกษตร คุณครูจะอธิบายเกี่ยวกับบทเรียนในแต่ละครั้งเล็กน้อย และปล่อยให้เด็กลงมือทำด้วยตัวเอง

หัวใจของการศึกษา วอลดอร์ฟ

โรงเรียนไตรพัฒน์ คือ โรงเรียนทางเลือก ที่มีการจัดการเรียนการสอนแนว วอลดอร์ฟ ก่อนอื่นเราจึงอยากแนะนำการศึกษาแนววอลดอร์ฟสั้นๆ เพื่อทำความรู้จักกับแนวคิดพื้นฐาน

วอลดอร์ฟ คือ การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ของเด็กในแต่ละช่วงวัยเพื่อเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ แบ่งเป็น

    • วัยอนุบาล (0-7 ปี) วัยแห่งการลงมือทำ (Willing) ซึ่งเป็นวัยที่มีพลังเจตจำนงที่อยากลงมือทำอะไรให้สำเร็จอยู่ในตัวเอง พลังนี้จะเป็นรากฐานที่สำคัญของการใช้ชีวิตเมื่อโตขึ้น โรงเรียนไตรพัฒน์จะสร้างสภาพแวดล้อมที่อุ่นใจให้กับเด็กๆ ส่งเสริมให้เล่นอย่างอิสระด้วยวัสดุธรรมชาติเพื่อใช้จินตนาการอย่างเต็มที่

โรงเรียนไตรพัฒน์
น้องๆ อนุบาลกำลังเล่นอิสระด้วยเครื่องเล่นที่สร้างจากวัสดุธรรมชาติ

    • วัยประถม (8-14ปี) วัยที่ความรู้สึก (Feeling) เข้ามามีอิทธิพล เด็กๆ จะเรียนรู้ผ่านความรู้สึก จึงเน้นการเรียนที่สร้างสุนทรียภาพ ความประทับใจในความงาม การเรียนที่สนุกและเพลิดเพลินในบรรยากาศที่สร้างความรู้สึกเคารพและไว้วางใจกัน คุณครูชั้นประถมจะอยู่ร่วมกับนักเรียนต่อเนื่องหลายปี เพื่อให้เด็กเกิดความั่นคงและช่วยให้ครูเข้าใจเด็กแต่ละคนอย่างลึกซึ้ง
    • วัยมัธยม (15 ปี หรือ ม.3 ขึ้นไป)  วัยที่ระบบการคิด (Thinking) จะทำงานอย่างเต็มที่ เด็กจะมีการคิดที่เป็นตรรกะและมีวิจารณญาณ เด็กๆ จะได้เรียนรู้ทักษะต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญและค้นหาตัวตนอย่างอิสระ

โรงเรียนไตรพัฒน์
เด็กมัธยมทำกิจกรรมร่วมกัน

5 สิ่งพิเศษ ที่ทำให้เด็กๆ อยากมา โรงเรียนไตรพัฒน์ ทุกวัน

1 การเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง

การเรียนการสอนของที่นี่เน้นให้เด็กๆ เรียนรู้จากการลงมือทำ ทำให้เขาสามารถปรับใช้กับชีวิตจริงได้ เช่น ในระดับชั้น ป.3 วัยเด็กที่ทุกคนอยากสร้างบ้านของตัวเอง เราอาจเอาผ้ามาคลุมทำบ้าน แต่ที่ โรงเรียนไตรพัฒน์ จะให้เด็กลงมือสร้างบ้านจริงๆ จากความรู้การวัดการคำนวนที่เขาเรียนมา เขาจะได้เลื่อย ได้ตอกไม้ ปีนขึ้นหลังคา ทำให้เด็กเห็นความจริงที่จับต้องได้ เด็กจะได้ลงมือทำอย่างจริงจังเวลาเขามาโรงเรียน ทุกสิ่งทุกอย่างจึงเป็นจริงสำหรับเขา

 

2 พื้นที่ของเด็กๆ ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กๆ

โรงเรียนไตรพัฒน์พยายามทำให้พื้นที่ในโรงเรียนเป็นพื้นที่ของเด็กๆ ที่ปลอดจากผู้ปกครอง เป็นพื้นที่ที่ถ้าเขาอยากหนีออกจากบ้าน อยากหลบจากผู้ใหญ่ เขาแค่มาโรงเรียน เขาก็จะเจอพื้นที่ของเขา

โรงเรียนไตรพัฒน์ โรงเรียนไตรพัฒน์

อุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันของเด็กๆ

3 ความรักจากครู

คุณครูจะทำงานร่วมกันกับผู้ปกครอง ทำความรู้จักกับเด็กๆ ทุกคน ในทุกๆ บริบท ราวกับเป็นพ่อแม่ของเด็กอีกคน พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนทุกอย่าง อนุญาตให้เด็กล้ม ยอมให้เขาทำผิด และให้โอกาสเรียนรู้

โรงเรียนไตรพัฒน์

4 การศึกษาที่ตอบสนองความต้องการของเด็กอย่างลึกซึ้ง

หลักสูตรที่นี่เน้นเด็กเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง มีการศึกษาอย่างลึกซึ้งว่าเด็กๆ แต่ละช่วงวัยต้องการอะไร เขาเรียนรู้ด้วยวิธีไหน เขากำลังพัฒนาอะไร และตอบสนองเขาอย่างเต็มที่ทุกด้าน

 

5 สังคมแห่งความสุข

โรงเรียนไตรพัฒน์ เริ่มต้นจากความร่วมมือของครูและผู้ปกครอง โดยสร้างโรงเรียนจากแรงกาย แรงใจ และการรวบรวมเงินของกลุ่มครูและผู้ปกครอง หาผืนดินและสร้างอาคารเรียนจากความว่างเปล่า ขยายหลักสูตรจากอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพื่อความมั่นใจว่าเด็กจะได้เรียนรู้อย่างครอบคลุมและพัฒนาไปได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งมีการบริหารงานโดยไม่มีใครเป็นเจ้าของโรงเรียนและไม่แสวงหาผลกำไร ที่ไตรพัฒน์จึงเป็นดั่งครอบครัวที่โอบรับเด็กๆ โดยครู ผู้ปกครอง และเด็ก พัฒนาไปในแนวทางเดียวกัน เขาจึงมาเล่นกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนอย่างมีความสุขทุกวัน

 

โรงเรียนไตรพัฒน์ โรงเรียนไตรพัฒน์

 

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

-เน้นเข้าค่ายหลากหลายแสนสนุก

โรงเรียนไตรพัฒน์ ส่งเสริมให้เด็กออกไปเข้าค่ายเพื่อเรียนรู้โลกภายนอกจากผู้เชี่ยวชาญจริงๆ เป็นระยะเวลานาน 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้จริงๆ เช่น ค่ายเรือใบที่เด็กจะได้ฝึกเล่นเรือใบจนเป็นจริงๆ ค่ายเกษตรที่ไปเรียนรู้การทำเกษตรจริงๆ ค่ายประมง ค่ายดูดาว ค่ายชีววิทยาเดินป่า ค่ายจัดการทรัพยากร ค่ายอาสา ฯลฯ ซึ่งการเข้าค่ายแต่ละครั้งจะสอดคล้องกับเนื้อหาบทเรียนและช่วงวัยการเรียนรู้

โรงเรียนไตรพัฒน์ โรงเรียนไตรพัฒน์ บรรยากาศช่วงเวลาอาหารกลางวันกับการช่วยเหลือตัวเองของเด็กๆ

 

-ร่วมกันแสดงละครเวที

เด็กๆ จะมีการแสดงละครใหญ่ 2 ครั้ง คือช่วงชั้น ม.2 และ ม.6 เป็นการแสดงละครจากบทละครจริงๆ โดยเด็กๆ เป็นผู้สร้างสรรเองทั้งหมด ตั้งแต่หางบประมาณ ทำฉาก ทำชุด ซึ่งเด็กจะได้เรียนรู้กระบวนการทำงานร่วมกับผู้อื่น แบ่งหน้าที่กันทำ และเรียนรู้การเข้าใจผู้อื่นผ่านการความความเข้าใจตัวละคร

 

-ทำโครงงานสร้างสรรค์

ช่วงชั้น ม.2 และ ม.6 เป็นช่วงวัยแห่งการเปลี่ยนผ่านตามหลักของวอลดอร์ฟ การทำงานละครจะทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้การทำงานกับผู้อื่น แต่การทำโครงงานคือการทำความเข้าใจตัวเอง ด้วยการค้นหาสิ่งที่ตัวเองสนใจและเรียนรู้การทำงานจนออกมาเป็นผลงาน เช่น ในเด็ก ม. 2 มีเลือกทำ ช็อคโกแลต ทำเครื่องดนตรี ทำหัวโขน ฯลฯ แต่ในชั้น ม.6 เด็กๆ จะได้ทำงานที่เป็นประเด็นใหญ่ขึ้น มีการออกแบบวิธีการทำงาน มีกระบวนการทำงานของตัวเอง และนำมานำเสนอในท้ายที่สุด ซึ่งเด็กต้องใช้เวลาเรียนรู้ตลอดทั้งปี

 

ตั้งแต่เช้าจรดบ่ายที่เราได้พูดคุยกับคุณครูและส่งยิ้มกับเด็กๆ ใน โรงเรียนไตรพัฒน์ ไม่มีเวลาไหนเลยที่โรงเรียนนี้จะปลอดจากเสียงหัวเราะ เราเห็นเด็กๆ ชั้นประถมปีนศาลาและเครื่องเล่นที่เขาและพี่ๆ รุ่นก่อนเป็นคนสร้างขึ้นเอง อีกห้องหนึ่งกำลังเตรียมแปลงนาปลูกข้าว และเล่นน้ำไปพร้อมๆ กัน การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์และการลงมือทำสะท้อนพลังของเด็กๆ ให้เราได้เห็น และอย่างน้อยทำให้เราได้นำไปปรับใช้กับลูกน้อยของเราได้อีกทางหนึ่ง

 

ข้อมูลโรงเรียน

โรงเรียนไตรพัฒน์

ที่อยู่ : 17 หมู่ 16 ตำบลบึงคำพร้อย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12150

ระดับที่เปิดสอน : อนุบาล 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 6 (ชั้นละ 1 ห้อง ห้องละ 25 คน)

อัตตราค่าเล่าเรียน : 46,200-55,900 บาท/เทอม

เว็บไซต์ : http://www.tripatschool.ac.th/

เฟซบุ๊ก : https://www.facebook.com/tripatwaldorf/

 

ภาพบรรยากาศโรงเรียน

โรงเรียนไตรพัฒน์ โรงเรียนไตรพัฒน์ โรงเรียนไตรพัฒน์ โรงเรียนไตรพัฒน์ โรงเรียนไตรพัฒน์ โรงเรียนไตรพัฒน์ โรงเรียนไตรพัฒน์

 

Editor : แม่น้องอลินดา
ภาพ : กรานต์ชนก บุญบำรุง


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

Hotstar

Disney+ Hotstar เปิดบ้านครั้งแรก! จัดเต็มกับอาณาจักรคอนเทนต์สุดตื่นตา ดูสนุกได้ทุกครอบครัว

event
Hotstar
Hotstar

Disney+ Hotstar เปิดบ้านครั้งแรก จัดเต็มกับอาณาจักรคอนเทนต์สุดตื่นตา ในงาน Disney+ Hotstar Open House 13-16 ก.ค. ที่ Parc Paragon

Disney+ Hotstar เปิดความอลังการครั้งยิ่งใหญ่ในงาน “Disney+ Hotstar Open House” เมื่อ ดิสนีย์+ ฮอตสตาร์ เปิดบ้านครั้งแรกให้ผู้ชมชาวไทยมาร่วมค้นหาเรื่องราวในอาณาจักรคอนเทนต์อันหลากหลาย ทั้งคอนเทนต์ที่คุณรักและคอนเทนต์ที่คาดไม่ถึงมากมาย สำหรับผู้ชมทุกวัยจาก เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกประสบการณ์ ให้คุณได้สัมผัสและตื่นตาไปกับกิจกรรมในโซนต่าง ๆ พร้อมมุมถ่ายภาพตามธีมคอนเทนต์สุดเก๋แบบจัดเต็ม โดยงานในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “ยิ่งเติบโต ยิ่งตื่นตา” จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 13  – 16 กรกฎาคม 2566 เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ Parc Paragon  ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน งานนี้เข้าฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย 

Hotstar

Hotstar

ภายในงาน ดิสนีย์+ ฮอตสตาร์ ได้เนรมิตกิจกรรมสนุก ๆ ให้ผู้ร่วมงานสัมผัสประสบการณ์เกินคาดในดินแดนคอนเทนต์อันหลากหลาย เริ่มจาก Hall of Fame ที่ผู้ชมจะได้ตื่นตาไปกับคอนเทนต์จากทั้ง 6 แฟรนไชส์ ได้แก่ Disney, Pixar, Marvel, Star Wars, National Geographic และแบรนด์ใหม่ STAR ที่รวบรวมภาพยนตร์ ซีรีส์ อนิเมะ และรายการต่าง ๆ จากเกาหลี ญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา และไทย จากนั้นจะได้พบกับ 4 โซนกิจกรรมที่ได้แรงบันดาลใจจากคอนเทนต์ต่าง ๆ แบบครบรส ดังนี้

  • Adventure District – ออกผจญภัยและร่วมทดสอบความเร็ว ความแข็งแรง และไหวพริบในดินแดนของเกม arcade ที่ได้แรงบันดาลใจจากคอนเทนต์แนวแอ็กชันและผจญภัย
  • Love Chamber – เฉลิมฉลองความรักของครอบครัว เพื่อน คนรัก และรวมถึงตัวคุณเอง ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของคอนเทนต์ทรงพลังมากมายบน Disney+ Hotstar พร้อมทั้งร่วมค้นหาคำตอบผ่านเครื่อง Magic Love Machine ว่าความรักความสัมพันธ์ของแต่ละคนคล้ายกับตัวละครใด
  • Tunnel of Mystery – ถึงเวลาเผชิญประสบการณ์เขย่าขวัญที่ได้แรงบันดาลใจมาจากคอนเทนต์แนวสยองขวัญ ระทึกขวัญ และอาชญากรรม
  • Fantasy World – ดำดิ่งสู่โลกแฟนตาซีให้ได้ปลดปล่อยพลังแห่งจินตนาการของตัวเองผ่านกำแพงอินเทอร์แอ็กทีฟสุดตื่นตาของทั้ง 3 โลก Underwater Fantasy, Outer Space Journey และ Deep Forest Magic ที่ได้แรงบันดาลใจจากคอนเทนต์แนวไซไฟ และแฟนตาซี

Hotstar Hotstar Hotstar Hotstar

 

โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้รับ Sticker Book สุดน่ารักสำหรับสะสมสติกเกอร์โปสเตอร์จากคอนเทนต์บน Disney+ Hotstar ภายใต้ธีมของแต่ละโซนกิจกรรม เป็นของที่ระลึกกลับบ้านอีกด้วย

Hotstar

ปิดท้ายกันที่โซน Open House Lounge ที่จะพาผู้ที่สำเร็จภารกิจจาก 4 โซนไปรู้จักกับ ดิสนีย์+ ฮอตสตาร์ มากยิ่งขึ้น รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกประสบการณ์ และแวะสร้าง Watchlist ที่โดนใจในแบบเฉพาะตัวและสามารถสมัครแพ็กเกจ Disney+ Hotstar พร้อมรับของพรีเมียมสุดพิเศษได้ภายในงาน (จำนวนจำกัด)

Hotstar

พร้อมกันนี้ยังมีดาราและศิลปินขวัญใจทุกวัยตบเท้าเข้ามาร่วมสนุกกับกิจกรรมภายในงานเปิดตัววันแรกอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น คู่สองพี่น้อง “เกรซ กาญจน์เกล้า –  แกรนด์ กรณ์ภัสสร” ร่วมด้วยครอบครัว “ลิเดีย ศรัณย์รัชต์ – แมทธิว ดีน พร้อมน้องดีแลน – เดมี่” และคู่รัก “ใหม่ ดาวิกา – เต๋อ ฉันทวิชช์” นอกจากนี้ ยังมีหนุ่ม ๆ งานดีจากวง Proxie, เกิร์ลกรุ๊ปเพื่อนซี้ สาว ๆ จากวง 4EVE  และแก๊ง BNK48 ที่มาแจกความสดใสภายในงานอีกด้วย

Hotstar

ร่วมท่องไปในอาณาจักรคอนเทนต์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวความสนุกครบรสในงาน Disney+ Hotstar Open House ได้แล้ววันนี้เพียงลงทะเบียนออนไลน์ล่วงหน้าเพื่อเลือกวันและเวลาที่ต้องการเยี่ยมชมงานบนเว็บไซต์  www.OpenHouseThailand.com และนำรหัส QR code มาแสดงกับเจ้าหน้าที่ที่บริเวณทางเข้างานหรือสามารถมาลงทะเบียนหน้างาน ณ Parc Paragon ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน

สามารถสมัครสมาชิก ดิสนีย์+ ฮอตสตาร์ ได้ทาง https://www.hotstar.com/th/ และสำหรับลูกค้าเอไอเอสสมัครแพ็กเกจ ดิสนีย์+ ฮอตสตาร์ พรีเมียมรายปี ในราคาพิเศษ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.ais.th/play/otherapp.html

#DisneyPlusHotstarOpenHouse #ยิ่งเติบโตยิ่งตื่นตา #DisneyPlusHotstarTH

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ www.hotstar.com/th

###

โซเชียลมีเดีย

Twitter: @DisneyPlusTH

Facebook: @DisneyPlusHotstarTH

Instagram: @DisneyPlusHotstarTH

TikTok: @DisneyPlusTH

Hashtag: #ยิ่งเติบโตยิ่งตื่นตา #DisneyPlusHotstarTH

 

เกี่ยวกับ Disney+ Hotstar
Disney+ Hotstar เป็นบริการสตรีมมิ่งที่นำเสนอภาพยนตร์และรายการจากทั้งดิสนีย์, พิกซาร์, มาร์เวล, สตาร์ วอร์ส, เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก, เดอะ ซิมป์สัน และอื่น ๆ อีกมากมาย Disney+ Hotstar บริการสตรีมมิ่งเซอร์วิสโดยตรงกับผู้บริโภคจาก เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ เป็นส่วนหนึ่งของแผนก ดิสนีย์ มีเดีย แอนด์ เอนเตอร์เทนเมนต์ ดิสทริบิวชัน โดย Disney+ Hotstar นำเสนอคลังเอ็กซ์คลูซีฟออริจินัลคอนเทนต์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ สารคดี ไลฟ์แอ็กชันและแอนิเมชันซีรีส์ และรายการขนาดสั้นอีกมากมาย นอกจากการเข้าถึงคอนเทนต์ที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานของดิสนีย์ ทั้งภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ Disney+Hotstar ยังเป็นแหล่งสตรีมเอ็กซ์คลูซีฟ สำหรับคอนเทนต์ล่าสุดจาก  เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ สตูดิโอส์ อีกด้วย สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้บน www.hotstar.com หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ได้บนอุปกรณ์มือถือที่รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และเชื่อมต่อเข้ากับโทรทัศน์

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก

เล่านิทานให้ลูกฟัง

5 เคล็ดลับเด็ด! เล่านิทานให้ลูกฟัง เข้าใจ ได้สาระ พร้อมเสริมพัฒนาการที่ดี

Alternative Textaccount_circle
event
เล่านิทานให้ลูกฟัง
เล่านิทานให้ลูกฟัง

การ เล่านิทานให้ลูกฟัง คือหนึ่งกิจกรรมที่คุณพ่อคุณแม่น่าทำร่วมกับลูก เพราะนอกจากความสนุกสนาน เพลิดเพลินแล้ว การเล่านิทานให้ลูกฟังยังเป็นการใช้เวลาที่มีคุณภาพร่วมกับลูก ช่วยเสริมจินตนาการ เสริมพัฒนาการ และช่วยกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวอีกด้วย หากคุณพ่อคุณแม่รู้สึกกังวลว่าตัวเองจะเล่านิทานไม่สนุก ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเล่านิทานอย่างไรดี คุณกวิตา พุฒแดง (ครูไนซ์) ผู้ก่อตั้งบ้านกางใจ พื้นที่สำหรับการเรียนรู้สำหรับเด็ก ๆ มี เทคนิคเล่านิทานให้ลูกฟัง มาแบ่งปันกันค่ะ โดยเทคนิคนี้จะช่วยทำให้ลูก ๆ ทั้งสนุก และมีพัฒนาการที่ดี ถ้าพร้อมกันแล้ว มาค้นหากลวิธีที่ดี หรือไขข้อสงสัยในการใช้นิทานเพื่อสื่อสารกับเด็กกันได้เลย

5 เทคนิค เล่านิทานให้ลูกฟัง
โดย ครูไนซ์ – กวิตา พุฒแดง ผู้ก่อตั้งบ้านกางใจ

ความสำคัญของหนังสือนิทาน

หนังสือนิทานมีความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาเด็ก ๆ ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของผู้ปกครอง และสภาพแวดล้อมในการเติบโตของเด็ก การเล่านิทานเป็นวิธีการสื่อสารที่เหมาะสมในการสอน และกระตุ้นจินตนาการของเด็ก ผ่านเรื่องราวที่น่าสนใจ และน่าตื่นเต้น

นิทานช่วยสร้างความรู้สึกและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ การใช้ภาษากาย และการเล่าเรื่องราวช่วยให้เด็กเรียนรู้ และเข้าใจสิ่งรอบตัวได้ดีขึ้น ทั้งนี้จะมีผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์และสังคมของพวกเขา

นอกจากนี้ยังมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการสอนวินัยและบทเรียนที่สำคัญแก่เด็ก การนำเรื่องราวสนุกสนานและทำให้รู้สึกดีใจมาเป็นตัวอย่างให้เด็ก ๆ จะช่วยสร้างความสุขและจินตนาการในเรื่องราว

นิทานเป็นเครื่องมือที่มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้และพัฒนาของเด็ก ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นแนวตลกหรือแนวเรียนรู้ สิ่งสำคัญคือการสร้างความสนุกและความสนใจในการอ่านและเรียนรู้ของเด็ก ๆ ให้เด็ก ๆ ได้มีโอกาสที่จะได้ยินเรื่องราว เรียนรู้จากการตั้งคำถาม และคิดวิเคราะห์ด้วยตัวเอง ดังนั้น ความสำคัญของหนังสือนิทานจึงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก ๆ

เทคนิคเล่านิทานให้ลูกฟัง

บ้านกางใจ พื้นที่ของเด็กและครอบครัว
บ้านกางใจเป็นสถานที่ที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบการเรียนรู้และการจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละคน ที่บ้านกางใจ ครูไนซ์ดำเนินงาน ด้วยความเชื่อที่ว่า ความสุขของเด็กเป็นสิ่งสำคัญในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ดังนั้นจึงสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้าง อบอุ่นใจ และปลอดภัย เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสเรียนรู้และเติบโตอย่างเต็มที่
บ้านกางใจ ทำงานเป็นทีมระหว่างบ้านกางใจและครอบครัว เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีกับเด็ก บ้านกางใจเปิดรับสมาชิกร่วมเรียนรู้ อายุ 2-4 ขวบ และคุณพ่อคุณแม่สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บไซต์ของบ้านกางใจเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกสถานที่เรียนรู้ของลูกได้ที่ www.baankangjai.com 

Must Read >> บ้านกางใจ พื้นที่สำหรับเด็กๆ เล่น เรียนรู้ ตามวัย เติบโตไปอย่างมีความสุข

สิ่งที่ควรให้ความสำคัญในการ เล่านิทานให้ลูกฟัง

การสร้างสมาธิและให้เด็กได้ผ่อนคลายก่อนการอ่านนิทานเป็นสิ่งสำคัญ อาจให้ลูกเล่นเกม หรือวิ่งเล่น ทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานก่อน พอสังเกตว่าเด็กพร้อมทั้งทางกายและจิตใจในการรับฟังเรื่องราวแล้ว จึงใช้เทคนิคอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การเลือกใช้เสียงพูดและน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปตามบทสนทนาของตัวละคร การใช้ภาพตัวละครและฉากต่าง ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจ และความตั้งใจของเด็กในการฟังนิทาน อีกทั้งการเปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมในการเล่านิทานเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยสร้างความสนใจและดึงดูดให้เด็กตั้งใจฟังมากขึ้น 

นอกจากนี้ ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญกับระยะเวลาในการเล่านิทาน ไม่ควรเล่านิทานที่ยาวเกินไป และเรื่องราวที่นำเสนอควรมีความหมายที่ถ่ายทอดไปยังเด็กเพื่อการเรียนรู้ได้ มีความสอดคล้องกับวัย และความสามารถในการทำความเข้าใจของเด็ก 

เทคนิคเล่านิทานให้ลูกฟัง

5 เทคนิค เล่านิทานให้ลูกฟัง ให้สนุกไปพร้อมลูก

  • การใช้เรื่องราวเพื่อสอนและสร้างความเข้าใจ

เด็กมองและรับรู้เรื่องราว อย่างการสังเกตพ่อแม่รับประทานอาหาร พวกเขาเรียนรู้ภาษากาย รวมไปถึงการสังเกตสีหน้าของผู้คน ก่อนที่จะนำข้อมูลที่ได้รับรู้นั้นมาทำความเข้าใจในรูปแบบของตนเอง ตัวอย่างเช่น หากแม่เข้ามาในห้องด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง ขมวดคิ้ว เด็กก็สามารถอนุมานได้อย่างรวดเร็ว หลังสังเกตการณ์หลายครั้งว่า เมื่อเห็นสีหน้าเช่นนั้นของแม่ แม่อาจจะกำลังแสดงความไม่พอใจ หรือมีเรื่องคุยด้วยอย่างจริงจัง

หนังสือนิทานตัวอย่าง คือ แมว 11 ตัว กับยักษ์อุฮิอะฮะ หนังสือเล่มนี้เป็นนิทานตลกสุดฮา ที่โรงเรียนอนุบาลต่าง ๆ เคยพิจารณาว่าต้องมี หนังสือเล่มนี้วางขายมาประมาณ 20 ปีแล้ว  เป็นนิทานที่เน้นให้คิดสร้างสรรค์ มีท้องฟ้าสีชมพูสดใส และแมวเดินสองขา น้องแมว 11 ตัว ใช้สอนเรื่องการนับได้ ขณะที่อุปสรรคต่าง ๆ ในการเดินทางซึ่งจัดเป็นการผจญภัยก็ได้สร้างความเข้าใจเรื่องความรับผิดชอบ และช่วยสอนวินัยในการทำสิ่งที่ถูกต้องให้กับเด็ก  

  • การใช้หนังสือเพื่อดึงดูดความสนใจและสร้างสภาพแวดล้อมทางภาษา

หนังสือเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ในการดึงดูดความสนใจ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กไปสู่ทิศทางที่ผู้ปกครองคาดหวังไว้ได้ ในช่วงเวลาก่อนเด็กเริ่มเข้าโรงเรียน ผู้ปกครองสามารถใช้หนังสือ โดยเฉพาะนิทาน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้เด็กมีความสนใจในการเรียนรู้ โดยเน้นกระบวนการที่สร้างความตื่นเต้นและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่สนุกสนานต่าง ๆ 

การดึงดูดให้ลูกมีพัฒนาด้านภาษา การใช้ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ในสภาพแวดล้อมที่สอนเด็กเป็นเรื่องสำคัญ แต่ควรหลีกเลี่ยงการผสมผสานประโยคของภาษาไทยและอังกฤษเข้าด้วยกัน การใช้ประโยคภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ เล่าให้จบก่อนหนึ่งรอบ และจึงสลับใช้ภาษาไทยจะช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะการแต่งประโยคในภาษาหนึ่ง ๆ ได้ดีกว่า และช่วยให้เด็กเข้าใจเนื้อเรื่องจากในภาษาหนึ่ง และเรียนรู้จากอีกภาษาหนึ่งได้มากขึ้น

การสลับภาษาไปมา อาจทำให้เกิดความสับสนและยากต่อการเข้าใจภาษาอย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างสภาพแวดล้อมทางภาษาที่สอดคล้องกันเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การเล่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฤดูร้อน และมีภาพประกอบสวยงาม หรือผู้ปกครองสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างฉาก และบทสนทนาของตัวละครในเรื่องเล่า โดยใช้ภาษาไทยหรือภาษาอื่นที่เหมาะสมกับเด็ก นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังสามารถใช้วิธีการอื่น ๆ อย่างการเล่นบทบาทเพื่อให้เด็กมีส่วนร่วมและตอบสนองต่อเรื่องราวได้

  • การใช้เรื่องราวเป็นเครื่องมือสื่อสาร

เรื่องราวที่นำมาเล่า เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สำคัญต่อการเรียนการสอน ผู้ปกครองสามารถใช้การ์ดหรือรูปภาพทั้งปกนอกและภายในเล่มนิทานเป็นตัวช่วยในการเล่นโต้ตอบและการสร้างคำถามที่เกี่ยวข้องกับภาพได้ โดยนิทาน 1 เล่ม สามารถใช้เป็นเครื่องมือสร้างการสนทนา สื่อสารให้เด็กคิด ส่งเสริมการอ่าน และการสื่อสารภาษาด้วยความเข้าใจ การใช้เรื่องราวและนิทานในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เรื่องที่เกี่ยวข้องกับธรรมะหรือประวัติศาสตร์ อาจส่งเสริมความสนใจในเรื่ององค์รวมและคุณค่าทางศีลธรรม ทั้งยังอาจสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ให้กับเด็กได้อีกด้วย ดังนั้น การใช้เรื่องราวจึงเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารเชิงบวก ต่อการพัฒนาและการเติบโตของเด็ก

  • การให้เวลา

ให้เวลาเพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและสนุกสนานซึ่งจะสร้างความสนใจในการอ่านหนังสือของเด็ก สร้างปฏิสัมพันธ์และการเรียนรู้ที่ดีในเด็ก ผู้ปกครองควรใช้เวลาในการฝึกเล่านิทาน เพราะอาจมีคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยหรือออกเสียงผิด ซึ่งก็ถือว่าเป็นโอกาสสำหรับผู้ปกครองในการแก้ไขปัญหา และแสดงให้เด็กเห็นว่า เราสามารถจัดการกับความท้าทายดังกล่าวได้ นอกจากนี้ เวลาที่เล่านิทาน คุณพ่อคุณแม่ควรให้เวลากับการมองและสังเกตของเด็ก ๆ ขณะที่พวกเขามองภาพในหนังสือนิทาน เพื่อเป็นการสังเกตลูกด้วย

การวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่า การปลูกฝังความรักในการอ่านให้แก่เด็ก ไม่ใช่เพียงแค่การมีหนังสือจำนวนมากอยู่ในบ้าน แต่ต้องมีแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องเช่นกัน การครอบครองหนังสือจำนวนมากไม่ได้รับประกันว่าลูกจะเติบโตมาเป็นเด็กที่หลงใหลในการอ่าน แต่ถ้าพ่อแม่มีหนังสือวรรณกรรมและนิตยสารให้เลือกมากมาย และใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีในแต่ละวันเพื่ออ่านหนังสือสองสามหน้า ก็จะช่วยสร้างการกระตุ้นให้ลูกพัฒนานิสัยการอ่านได้อย่างอิสระ และมีความสนใจในการอ่านมากขึ้นได้

  • การให้ความสำคัญกับทัศนคติต่อการเล่าเรื่อง

แนวทางที่ดีที่สุดคือ “การนำวิธีการแบบ 180 องศาที่เป็นกลาง” มาใช้ในการเล่าเรื่อง โดยผู้ใหญ่ควรให้ความสำคัญกับประสบการณ์ และการมีส่วนร่วมของเด็ก ควรเล่านิทานด้วยความมั่นใจ สนุกสนาน และเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น หากทำแบบนี้ เด็กจะได้รับประสบการณ์ที่ดี พวกเขาจะไม่รู้สึกกังวลใจเกี่ยวกับการแปลความหรือไม่รู้สึกกังวลว่าจะต้องเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดอย่างสมบูรณ์แบบ แต่จะช่วยพัฒนาทัศนคติที่ดีต่อหนังสือและเรื่องเล่าต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น 

ผู้ปกครองต้องเข้าใจว่า หนังสือนิทานไม่จำเป็นต้องเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องมีรูปภาพประกอบ หนังสือเสียงสำหรับเด็ก หรือหนังสือผ้าที่ให้ประสบการณ์สัมผัส ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

ในส่วนของรูปแบบการเล่า แม้จะมีทฤษฎีที่ออกมาแย้งว่า เวลาเราเล่านิทาน เราไม่ควรทำเสียงสูงต่ำ แต่ควรเล่าด้วยโทนเสียงเดียวเสมอตั้งแต่ประโยคแรกจนถึงประโยคสุดท้าย แต่ทางครูไนซ์ได้เสนอว่า การใช้เสียงสามารถกระตุ้นการเรียนรู้ได้ นอกจากนี้ ครูไนซ์ยังแนะนำว่า ผู้ปกครองอาจจะเล่านิทาน โดยใช้เทคนิคการร้องเพลงประกอบด้วยก็ได้ โดยใช้ตัวอย่างหนังสือหัวผักกาดยักษ์ ประกอบการสาธิต

เทคนิคเล่านิทานให้ลูกฟัง

ตัวอย่างการเล่าเรื่องเพื่อการเรียนรู้ในต่างประเทศ

  • ประเทศออสเตรเลียและอเมริกาเหนือ มีหลักสูตรการศึกษาที่สอนให้เด็กในระดับอนุบาลสามารถใช้บอร์ดเกมหรือหนังสือนิทานเป็นตัวช่วยในการเรียนรู้ และเมื่อเด็กเข้าสู่ระดับประถมศึกษาจะได้เรียนรู้การอ่านแผนภูมิพื้นฐาน เช่น แผนภูมิแท่งหรือแผนภูมิวงกลม เมื่อเด็กเข้าสู่ระดับมัธยมศึกษาจะเป็นการอ่านแผนที่ที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การอ่านแผนที่ที่ใช้ในการเดินทางไกลในอดีต จากนั้นผู้เรียนจะฝึกการอ่านแผนที่ที่ยากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสู่ระดับการศึกษาสูง ๆ และในขั้นตอนสุดท้าย ผู้เรียนจะพัฒนาความรู้มาสร้างอินโฟกราฟฟิกเหมือนที่เห็นในสื่อต่าง ๆ การเล่าเรื่องและให้เรียนรู้เช่นนี้เน้นไปที่ภาพและการมีส่วนร่วมเพื่อความเข้าใจ
  • ประเทศญี่ปุ่น มีการสำรวจพบว่าเด็กญี่ปุ่นส่วนใหญ่สนุกกับการอ่านหนังสือภาพที่เป็นภาพจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย หรือโปสการ์ด มากกว่าภาพนิทานที่วาดขึ้นมา

เทคนิคเล่านิทานให้ลูกฟัง

สรุปสาระ เทคนิค เล่านิทานให้ลูกฟัง

  1. เล่าเรื่องราว เพื่อสอน และสร้างความเข้าใจ 
  2. หนังสือนิทาน เป็นเครื่องมือเพื่อดึงดูดความสนใจ และสร้างสภาพแวดล้อม เพื่อการพัฒนาทักษะทางภาษา ทั้งภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ
  3. เรื่องราวในนิทาน เป็นเครื่องมือสื่อสาร ที่ช่วยในการสร้างปฏิสัมพันธ์ กระตุ้นการอ่าน และการสื่อสารภาษาของเด็ก
  4. การให้เวลา ช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น และสนุกสนาน ผู้ปกครองควรใช้เวลาให้เพียงพอในการฝึกเล่านิทาน และสังเกตการณ์เด็ก เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการสื่อสารด้วย
  5. ทัศนคติต่อการเล่าเรื่อง  ผู้ปกครองควรเล่าเรื่องราวด้วยความมั่นใจ และสนุกสนาน เพื่อสร้างความสนใจ และความตื่นเต้นในการเรียนรู้ของเด็ก

เทคนิค เล่านิทานให้ลูกฟัง นี้สามารถนำไปปรับใช้ได้ในหลายรูปแบบ เพราะการเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้กับลูกน้อยฟังนั้น จริง ๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นหนังสือนิทานเพียงอย่างเดียวก็ได้ คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกเป็นหนังสือภาพต่าง ๆ หรือนำสิ่งที่เห็นอยู่รอบตัวมาพูดคุยกับลูกได้ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่และลูกได้ใช้เวลาร่วมกัน เพื่อสร้างพื้นที่ที่สนุกสนาน เติมเต็มความรู้ และความเข้าใจที่สร้างสรรค์ ส่งผลให้ลูกน้อยพัฒนาทักษะการอ่าน ความคิดสร้างสรรค์ และความสนใจในการเรียนรู้ได้อย่างมาก

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

เทคนิคการ เล่านิทาน ให้สนุก ลูกฟังฟิน อินข้ามวัน

วันนี้คุณ เล่านิทาน ให้ลูกฟังถูกวิธีแล้วหรือยัง?

อยากให้ลูกฝันดีต้อง เล่านิทานให้ลูกฟัง

เหตุผลที่ควรเล่านิทานและเทคนิคการเล่านิทานให้ลูกน้อยเพลิดเพลินและมีความสุข

ถ้าเบื่อการเล่านิทานเรื่องเดิมซ้ำๆ เพราะลูกขอ ทำอย่างไรดี?

ลดความน่าเบื่อในการเล่านิทาน

 

โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ โรงเรียนเล็กๆ ย่านท่าอิฐ กับหลักสูตรสุดว้าว! Project Approach

event

โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์  “Children must be taught how to think, not what to think.” – Margaret Mead เด็กๆ ควรได้รับการปลูกฝังว่าควรคิดอย่างไร ไม่ใช่ควรคิดอะไร

โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์
กับหลักสูตรสุดว้าว! Project Approach
ให้เด็กๆ
เลือกเอง เรียนเอง ค้นหาตัวเอง

บรรยากาศทางเข้าโรงเรียน

 

และนี่เป็นการสำรวจโรงเรียนเล็กๆ ที่น่าทึ่ง!

School Visit วันนี้ ทีมแม่ ABK พาคุณพ่อคุณแม่ทุกคนมาเยี่ยมชม โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ ย่านนนทบุรีกันค่ะ ซึ่งเป็นโรงเรียนในเครือของ โรงเรียนนวพัฒน์วิทยา … อีกหนึ่งโรงเรียนอนุบาล ดีๆ ที่ต้องบอกต่อ!!

ถ้านึกถึงโรงเรียน.. เราอาจนึกภาพอาคารขนาดใหญ่ที่จอแจด้วยห้องเรียนจำนวนนับไม่ถ้วน โถงทางเดินที่มีเสียงดัง และกลุ่มนักเรียนจำนวนมาก กลับกันที่ โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ ทุกอย่างแตกต่างออกไป

โรงเรียนเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ที่อำเภอท่าอิฐ จังหวัดนนทบุรี ห่างไกลใจกลางเมืองอันวุ่นวายอย่างกรุงเทพมหานครฯ ในระหว่างการเดินทางมาที่ โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ เหมือนเป็นการปรับอารมณ์ให้เงียบสงบและเรียบง่ายมากขึ้น จากเมืองสู่ชุมชนชานเมืองที่แวดล้อมไปด้วยสีเขียวของต้นไม้มีให้รู้สึกสบายตาตลอดทาง และเมื่อมาถึงเราจะพบอาคารชั้นเดียวสีขาวสะอาดตาสไตล์สแกนดิเนเวียน เพดานสูง โล่ง หายใจได้สะดวก แสงแดดสามารถสาดส่องเข้ามาได้ทุกมุม พร้อมเครื่องเล่น ฐานกิจกรรมสีสันสดใส หลากหลายวัสดุ มากมายหลายฐาน สำหรับผู้ใหญ่แค่เห็นก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว หากเป็นเด็กๆ เราคงคว้าตัวไว้ไม่ทันแน่ … มาดูกันดีกว่าว่าอะไรทำให้โรงเรียนเล็กๆ แห่งนี้มีความพิเศษ!

แสงสว่างส่องลงมาทั่วทุกบริเวณ ทำให้โรงเรียนดูสดใส พร้อมพี่กระต่าย 3 ตัว มาคอยต้อนรับ (สื่อถึงความสดใสของเด็กชั้นอนุบาล 1,2 และ3)

รูปปั้นกระต่ายสีสันสดใส คอยต้อนรับเด็กๆทุกวัน

 

ลานกิจกรรมสั่งทำพิเศษสำหรับนักสำรวจตัวน้อย พร้อมเล่น พร้อมกระโดด และเรียนรู้กฏจราจรไปในตัว

 

ทุกมุมจะมีเครื่องเล่นให้เด็กหมุนเวียน สับเปลี่ยนกันเล่น ยามว่าง

 

เพราะการเลี้ยงดูในวัยเด็กมีบทบาทสำคัญในการสร้างการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก

ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและมั่นคง ส่งเสริมการควบคุมอารมณ์ และสร้างรากฐานสำหรับความสัมพันธ์ที่ดีตลอดชีวิต นี่คือสิ่งที่ “คุณกุ่ย พิตรา” ทายาทรุ่นที่ 3 และคุณครูประจำโรงเรียนนวพัฒน์พิทยา (ประชาชื่น) และ โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ เชื่อมั่น!!!

และนอกเหนือจากเป็นผู้บริหารและคุณครูแล้ว คุณกุ่ยยังเป็นคุณแม่ลูกแฝด 3 ซึ่งทั้งสามก็เป็นนักเรียนชั้นอนุบาล 3 (หลักสูตร Mini English Program) อยู่ที่นี่อีกด้วย

เรียนเหมือนเล่น เล่นแล้วได้เรียน เพราะเชื่อว่า ยิ่งเล่นยิ่งโต

เด็กๆกำลังเรียนรู้กฏจราจรจากถนนจำลอง

เหยียบรอยเท้าที่ทำจากวัสดุนานาชนิด กิจกรรมพัฒนาประสาททางสายตา สัมผัสทางผิวหนัง การทรงตัว และการควบคุมกล้ามเนื้อมัดใหญ่ผ่านการเดินหรือกระโดด

น้องอนุบาล 1 เพลิดเพลินกับการเรียนรู้ตัวพยัญชนะภาษาอังกฤษ จับคู่ตัวอักษร-สี และออกเสียง ไปพร้อมกัน

 

สิ่งที่ไม่ทักไม่ได้เลย

เมื่อมาถึงที่ โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ คือ ฐานกิจกรรม (ซึ่งมีเยอะมาก) คุณกุ่ย เล่าว่าที่นวพัฒน์เด็กๆ จะเคลื่อนไหวในการทำกิจกรรมอยู่ตลอดเวลา เพราะ Sensory & Motor Skill มีความสำคัญต่อเด็กเล็กเนื่องจากส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการโดยรวมผ่านการสัมผัส รูป รส กลิ่น เสียง และการเคลื่อนไหว ซึ่งเกี่ยวข้องกับการประสานงานระหว่างกล้ามเนื้อ เส้นประสาท และสมอง ในเด็กเล็ก ทักษะทางประสาทสัมผัสมีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตทางพัฒนาการของเด็กและการทำงานในชีวิตประจำวันซึ่งทำได้ง่ายๆ แต่มีประสิทธิภาพ

ฐานกิจกรรมที่เด็กๆ ทุกระดับชั้นจะเวียนกันมาทำ เด็กๆชอบอะไร หรือ ไม่ชอบอะไรนั้น จะสังเกตได้ผ่านการทำกิจกรรม

กิจกรรมเหยียบสี สร้างความเป็นนักคิดให้กับเด็กๆ เพราะเด็กๆสงสัยว่า ทำไมสีจึงไม่เลอะติดเท้ากันนะ?

การเรียนรู้ผ่านการเล่นจะช่วยสร้างประสบการณ์ให้กับเด็กๆ และส่งเสริมทักษะการประมวลผลทางประสาทสัมผัสในเด็กเพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่สมวัย

 

เด็กๆกำลังจ่ายตลาดจำลอง ฝึกการทำตามคำสั่งผ่านกิจกรรมที่สนุกสนาน เพราะเด็กๆทุกคนชอบรถเข็น!

 

  1. การพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหว: ประสาทสัมผัสช่วยพัฒนากล้ามเนื้อเป็นทักษะที่ช่วยในการเคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวัน ทักษะการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก (Fine Motor Skill) เป็นทักษะที่ต้องการควบคุมและแม่นยำ ใช้เพื่อควบคุมทิศทางของสิ่งของ เช่น การเขียน ส่วนทักษะการพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ (Gross Motor Skill) จะช่วยให้เด็ก ๆ รู้จักการทรงตัว สร้างสมดุลให้กับร่างกายได้ มีความแข็งแรง มีความทะมัดทะแมง ความไวในการเปลี่ยนท่าทาง มีทักษะที่ดีในการเล่นกีฬา

การตักข้าวหรือเมล็ดถั่วใส่ขวดช่วยพัฒนาการควบคุมกล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็กๆและการทำงานที่เชื่อมโยงระหว่าง ตาและนิ้วมือ

  1. พัฒนาการทางอารมณ์: รูป รส กลิ่น เสียง อาจส่งผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็ก เด็กที่ได้รับประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสที่พวกเขาชอบมักจะรู้สึกมีความสุข ผ่อนคลาย และสงบ

วัสดุจากธรรมชาติหลากรูปทรง หลายสัมผัส นอกเหนือจากจะได้หยิบจับแล้ว เด็กๆยังได้เรียนรู้ว่าสิ่งไหนไว้ใช้ทำอะไร

  1. การแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์: เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และได้ฝึกทักษะการแก้ปัญหา (Problem solving skill) เริ่มจากการฝึก

กระตุ้นพัฒนาการและทักษะสำคัญตามวัยอย่างเหมาะสม ร่วมกับสอนให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ และการหาแนวทางแก้ปัญหาผ่านฐานกิจกรรมต่าง ๆ และกิจวัตรในชีวิตประจำวัน

 

กิจกรรมจับคู่ตัวเลขสำเร็จลุล่วงได้ไวขึ้นเมื่อเด็กๆมาช่วยกัน

 

 

  1. ภาษาและการพัฒนาความรู้ความเข้าใจ: ประสาทสัมผัสกระตุ้นพัฒนาการทางภาษาและความรู้ความเข้าใจ ผ่านการสัมผัส การได้ยิน การเห็น และการดมกลิ่นวัตถุต่างๆ ช่วยสร้างคำศัพท์และประสบการณ์ใหม่ๆ
  2. การควบคุมตนเอง: กิจกรรมช่วยให้เด็กเรียนรู้วิธีควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมของตนเอง เรียนรู้เรื่องกฏระเบียบและการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นในสังคม

 

Mini English Program และ ENGLISH PROGRAM ที่ โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ ก็มีนะ!!

คุณครูชาวต่างชาติผู้สร้างเสียงหัวเราะและความสนุกสนานให้กับน้องๆอนุบาล 1 จนเด็กๆไม่เกร็งหรือกังวล และมีส่วนร่วมในกิจกรรมกันอย่างสุดเหวี่ยง

 

ที่ โรงเรียนนวพัฒน์พิทยา และ โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ ใช้หลักสูตร National Curriculum ของประเทศอังกฤษมาประยุกต์กับการเรียนการสอนแบบไทย จึงออกมาเป็นหลักสูตร Hybrid Curriculum (การผสมกันระหว่างสองหลักสูตร) โดยจัดการเรียนการสอนเป็นรูปแบบภาษาอังกฤษ ทั้งคุณครูและตำราเรียนจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่จะมีบางวิชาที่ยกเว้น เช่น วิชาภาษาไทย วิชาสังคมศาสตร์

คุณครูชาวต่างชาติกำลังเล่านิทานหุ่นมือให้น้องๆชั้นเตรียมอนุบาลฟัง

การเรียนการสอนของอังกฤษจะแตกต่างจากหลักสูตรของไทยตรงที่มีเรื่อง Understanding of the world ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเด็กๆ ก็จะมีความใฝ่รู้ใฝ่เรียน ค้นหาตัวตนของตัวเองได้จากกิจกรรมและการเรียนรู้ที่โรงเรียน มุ่งเน้นให้เด็กๆได้สำรวจ เรียนรู้ ลงมือทำ ค้นคว้าด้วยตัวเอง โดยการใช้ “Project Approach” (เริ่มตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาล) ซึ่งแต่ละสัปดาห์จะมีหัวข้อแตกต่างกันไป (เด็กๆไม่เบื่อแน่นอน) ผ่านการทำกิจกรรมที่ Sensory Station ที่จะแทรกเนื้อหาสาระโดยเด็กๆแทบจะไม่รู้ตัว (เหมือนแอบผสมผักเข้าไปในอาหาร)

 

เลือกเอง เรียนเอง ค้นหาตัวเอง

เด็กๆ ได้ลงมือปลูกและดูแลผลผลิต ในสถานที่จริง เป็นสร้างประสบการณ์และความภาคภูมิใจให้ตนเอง

การกำหนดกิจกรรมของเด็กๆ นั้นไม่ได้มาจากไหนเลย เด็กๆเป็นผู้กำหนดเองว่าอยากเรียนรู้เรื่องอะไร กระบวนการสอนแบบ “Project Approach” เด็กๆมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ ตัดสินใจและเลือกเส้นทางการเรียนรู้ของตนเอง เริ่มจากความชอบของเด็กๆ ให้เด็กๆเรียนรู้ด้วยตนเอง ค้นหาตนเอง ในแบบของตนเอง โดย

  • คุณครูจะถามประสบการณ์ของเด็กๆก่อน เพื่อเตรียมคลังความรู้
  • คุณครูจะนำข้อมูลมาบูรณาการ (ประยุกต์)
  • พาเด็กๆไปทัศนศึกษา
  • หลังจากนั้นให้เด็กๆกลับมาสร้างผลงานของตัวเอง
  • สุดท้ายจัดแสดงผลงานของเด็ก โดยเชิญผู้ปกครองมาชมด้วย ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันประสบความสำเร็จมากการเรียนรู้จะผ่าน 4 สาระการเรียนรู้ได้แก่ ตัวเรา ธรรมชาติรอบตัว บุคคลและสิ่งแวดล้อม พร้อมกับเชื่อมโยงทักษะด้านวิชาการด้านต่างๆ คือ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เชาวน์ปัญญา ศิลปะ และวิทยาศาสตร์ เพื่อกระตุ้นความสนใจของเด็กๆให้เกิดการเรียนรู้และแสวงหาความรู้อย่างยั่งยืนหรือที่เรียกว่า Lifelong Learning ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็จะเป็นผู้ใฝ่รู้สนใจอยากค้นคว้าสิ่งต่างๆรอบตัว การเรียนการเป็น หน่วยการเรียนรู้ แกต่างไปตามอาทิตย์ โดยการเลือกหัวข้อคุณครูจะอิงกับหลักสูตรประถมวัย

ทำไมแต่ละขวดจึงมีเสียงที่แตกต่างกัน? กิจกรรมจะกระตุ้นให้เด็กๆสงสัย สร้างความอยากรู้ อยากเห็น

หล่อหลอมพฤติกรรมคุณภาพ

การเรียนรู้ผ่านกระบวนการ Project Approach ไม่ได้แค่เพียงทำให้เด็กๆรู้สึกสนุกเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการปลูกฝังพฤติกรรมคุณภาพผ่านการลงมือทำ เด็กๆที่นวพัฒน์จะเรียนรู้สิ่งเหล่านี้นี้ตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1

  1. การทำงานร่วมกัน: คุณครูและเด็กๆทำงานร่วมกันเพื่อออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบร่วมมือซึ่งแต่ละคนมีหน้าที่รับผิดชอบในการเรียนรู้ของตนเอง
  2. ความยืดหยุ่น: กิจกรรมการเรียนรู้และกลยุทธ์การสอนได้รับการปรับและปรับแต่งตามความต้องการและความสนใจของเด็กๆ สร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีส่วนร่วมและมีความหมายมากขึ้น
  3. การคิดอย่างมีวิจารณญาณ: ส่งเสริมการคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหา และความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง มากกว่าการท่องจำ
  4. เครื่องมือ: คุณครูและเด็กๆใช้สื่อและกิจกรรมเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบโต้ตอบและมีส่วนร่วมมากขึ้น

 

นอกเหนือจากที่เด็กๆจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงแล้ว เด็กๆยังได้เรียนกับผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆตามหัวข้อที่เด็กๆสนใจ เป็นเรื่องจริงที่ว่า สิ่งใดก็ตามที่ทำเป็นประจำสิ่งนั้นย่อมปลูกฝังและเป็นนิสัย

เด็กช่วยกันจับคู่ไม้ไอศครีมให้เสร็จและสำเร็จไปด้วยกัน เป็นการฝึกการทำงานร่วมกันไปในตัว

เด็กๆ พูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วและมั่นใจ

ภาษาอังกฤษของเด็กๆที่โรงเรียนนวพัฒน์จัดได้ว่าเป็นจุดขายของโรงเรียนเลยก็ว่าได้ … เพราะที่นวพัฒน์เป็นการสอนภาษาอังกฤษแบบที่ไม่ใช่ท่องจำนั่นก็คือ โฟนิคส์ (Phonics) เป็นการเรียนภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยให้เด็กๆออกเสียงได้ถูกต้อง ทำให้เด็กๆสื่อสารภาษาอังกฤษได้ชัดเจนและสามารถอ่าน เขียน ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะสามารถสะกดคำศัพท์ต่างๆได้ด้วยตัวเองจากการรู้จักเสียงของตัวอักษรและเข้าใจหลักการผสมเสียง ซึ่งการอ่านเขียนแบบโฟนิคส์จะสามารถเรียนภาษาอังกฤษได้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่านักเรียนทั่วไปและมีความแตกฉานทางภาษา รักการอ่าน การค้นคว้าหาความรู้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับตัวเด็กๆเองในอนาคต

น้องๆ อนุบาล1 เรียนภาษาอังกฤษกับคุณครูอย่างสนุกสนาน

ฟุตฟิตฟอไฟ ไม่ทิ้งภาษาไทย

หลักสูตรอิงตามกระทรวงศึกษาธิการของไทย แต่การเรียนการสอนวิธีการแบบอังกฤษ

ทีเชอร์สายวิชาการเป็นผู้บริหารที่มีประสบการณ์สูง จบหลักสูตรครุศาสตร์ จากประเทศอังกฤษ ดูแลและออกแบบการจัดการเรียนการสอน ใช้หนังสือและตำรานำเข้าจากต่างประเทศซึ่งเหมือนกับหลักสูตรในโรงเรียนนานาชาติ จึงทำให้เด็กๆนวพัฒน์อ่าน เขียน พูดภาษาอังกฤษราวกับ native speaker ในขณะที่วิชาไทยก็ใช้บทเรียนภาษาไทย เนื้อหาหลักสูตรไทย เด็กๆจึงได้เรียนรู้ 2 ภาษาแน่นๆไปพร้อมๆกันแน่นอน

การวัดผล ผ่านการเก็บคะแนนตามที่คุณครูกำหนด (ยกเลิกการสอบมิดเทอม) และมีสอบปลายภาคแค่ครั้งเดียว

เด็กๆจะได้ไปสอบวัดผล National Test (NT) เพื่อประเมินคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการสอบ Ordinary National Education Test (O-NET) เพราะช่วง ป.4,5,6 เด็กๆจะต้องไปต่อชั้นมัธยม … ซึ่งเด็กๆนวพัฒน์สามารถสอบเข้ามัธยมโรงเรียนรัฐบาลที่มีชื่อเสียงได้เป็นจำนวนมาก

ชั้นเรียนกับคุณครูไทย ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

หนูน้อยรักการอ่าน

ห้องสมุด สีหวาน พร้อมพี่ยีราฟตัวใหญ่ แล้วทำไมเด็กๆจะไม่อยากเข้าไปล่ะ!

เด็กๆ นวพัฒน์จะมีวิชา Literature วิชาที่ว่าด้วยการอ่านวรรณกรรม ปลูกฝังให้เด็กๆรักการอ่านเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต ยิ่งได้รับการส่งเสริม ให้รู้จักหนังสือและการอ่านเร็วเท่าไหร่ เด็กก็มีแนวโน้มที่จะมีพัฒนาการที่ดีและมีความพร้อมในการเรียนรู้เร็วยิ่งขึ้น เพิ่มความคิด เพิ่มจินตนาการ

น้องเตรียมอนุบาล 1 นั่งฟังคุณครูเล่านิทานอย่างอบอุ่น

Project Approach เมื่อเด็กๆเลือกหัวข้อ “สัตว์ทะเล”

5 สิ่งพิเศษที่ทำให้เด็กอยากมา โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ ทุกวัน

  1. เลือก เรียน ได้

Project Approach ทำให้เด็กๆได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองเลือกซึ่งจะทำให้เด็กสนใจและมีแรงจูงใจในการเรียนรู้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

  1. เรียน เหมือน เล่น

มาโรงเรียนแต่มาเหมือนเล่น! ที่นวพัฒน์เน้นการเรียนรู้ผ่านกิจกรรม หยิบ จับ ขยับ สังเกต เด็กๆจะมีส่วนร่วมและปฏิบัติกิจกรรมทั้งในและนอกห้องเรียนไปตามฐานกิจกรรม หมุนเวียนกันทั้งวัน เคลื่อนที่จนเด็กๆไม่รู้สึกเบื่อ

  1. เล่น สร้าง เพื่อน

เวลาทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ให้กับเด็กๆอย่างเป็นธรรมชาติ เด็กๆจะเรียนรู้การเข้าสังคม เปิดโอกาสให้เด็กๆได้สื่อสาร ร่วมมือ และเล่นกับเพื่อนๆอย่างสนุกสนาน

  1. คุณครูและความผูกพัน

เพราะคุณครูไม่ได้สอนหน้าชั้นเรียน และเรียกตอบคำถามถูกหรือผิด แต่คุณครูเป็นสนับสนุนและสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ เมื่อเด็กๆเป็นผู้เลือกหัวข้อที่ในการเรียนรู้ คุณครูก็จะออกแบบและวางแผนกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กๆ อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการประสานงานระหว่างคุณครูและนักเรียน ซึ่งทำให้เด็กๆและคุณครูผูกพันกันมาก

  1. ความแอดวานซ์และว้าว

นอกเหนือจากกิจกรรม เด็กๆยังได้เรียนรู้กับวิทยากรภายนอกหรือผู้เชี่ยวชาญที่ทางโรงเรียนได้เชิญมาอีกด้วย

และในทุกๆหน่วยกิจกรรม ทางโรงเรียนจะพาเด็กๆไปทัศนศึกษาข้างนอก! เด็กๆจะตื่นตาตื่นใจ! เมื่อได้เห็นสิ่งที่เด็กๆสนใจหรือได้เรียนมาอยู่ตรงหน้า กลับจากทัศนศึกษาเด็กๆจะได้สร้างผลงานตามแบบฉบับของตนเอง และทุกผลงานจะได้รับการจัดแสดง

กลุ่มกิจกรรมสวนไดโนเสาร์ เด็กๆมีสมาธิและเล่นได้นานมากอยู่ในฐานที่มั่น

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

  1. ลูกได้เลือกเรียน

คุณแม่ยุคใหม่กดไลค์แน่นอน เมื่อเด็กๆสามารถเลือกเรียนได้ เด็กๆจะไม่รู้สึกว่าการไปโรงเรียนคือการบังคับและเด็กๆก็จะสามารถค้นหาความชอบของตัวเองเจอ

  1. ภาษาอังกฤษเป็นเลิศ

คุณแม่ไม่ต้องเสริมคอร์ส ภาษาอังกฤษแบบ Phonics เพิ่มเติม เพราะที่นวพัฒน์เป็นการสอนแบบโฟนิคส์อยู่แล้ว  เริ่มตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาลไปเลย หลักสูตรภาษาอังกฤษของที่นวพัฒน์จะทำให้เด็กๆสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ราวกับเจ้าของภาษา

  1. เด็กๆกล้าแสดงออก

กิจกรรมเป็นเครื่องมือการเรียนการสอนหลักของโรงเรียนนวพัฒน์ การสร้างกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กทุกคนได้แสดงออกบ่อยๆ จะช่วยให้เด็กมีพฤติกรรมที่การกล้าแสดงออกมากขึ้น ช่วยลดอาการประหม่า และเพิ่มพูนความมั่นใจ คุณครูจะเป็นผู้ช่วยส่งเสริมให้เด็กๆมีความกล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม

  1. กิจกรรมทั้งวันให้ปล่อยพลังล้นๆ

เด็กจะได้ปล่อยพลังทั้งวัน คุณแม่ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกไม่หิว ลูกไม่ง่วง เวลากลับบ้าน

  1. ความปลอดภัยแน่นหนา

บุคคลากรครูดูแลอย่างทั่วถึง รั้วรอบโรงเรียนรอบขอบชิด ประตูหน้าโรงเรียนปิดระหว่างชั่วโมงการเรียนการสอน บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าภายในโรงเรียนได้

เวลาเปลี่ยนกิจกรรม คุณครูจะคอยดูแลให้เด็กเตรียมตัวอย่างเหมาะสม เดินเรียงกันเป็นรถไฟไปทำกิจกรรมใหม่ เด็กๆจะเรียนรู้การรอคอยและการทำงานเป็นทีม

 

ก่อนและหลังกิจกรรม ล้างมือคือสิ่งสำคัญ เด็กๆจะเรียงแถวไม่แซงไปล้างมือกัน

 

การรับสมัครนักเรียน

เตรียมอนุบาล อายุ 2 ปีเป็นต้นไป สามารถเข้าเมื่อไหร่ก็ได้

ชั้นอนุบาล 1 เปิดรับสมัครช่วงพฤศจิกายน – ธันวาคม ของทุกๆปี เพื่อเข้าเรียนในปีถัดไป

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เปิดรับสมัครช่วง มกราคม – มีนาคม ของปีการศึกษานั้นๆ

ชั้นประถมศึกษาสามารถเข้าเรียนกลางคันได้ แต่จะมีการทดสอบวัดระดับความรู้พื้นฐานของเด็กๆ

สามารถจองเข้าเรียนล่วงหน้าโดยตรงกับทางโรงเรียน ซึ่งที่นวพัฒน์จำกัดจำนวนนักเรียนเพียง 20 คนต่อ1ห้อง และไม่รับเพิ่ม เพื่อคุณครูจะได้ดูแลได้อย่างทั่วถึง

 

โรงเรียนนวพัฒน์วิทยา ประชาชื่น

  • ค่าธรรมเนียมการเรียนระดับชั้นเตรียมอนุบาล 35,000 บาท ต่อเทอม
  • ค่าธรรมเนียมการเรียนระดับชั้นอนุบาล 1-3 หลักสูตรภาษาไทย 30,000 บาท ต่อเทอม
  • ค่าธรรมเนียมการเรียนระดับชั้นอนุบาล 1-3 หลักสูตร Mini English Program 40,000 บาท ต่อเทอม
  • ค่าธรรมเนียมการเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 หลักสูตรภาษาไทย 30,000 บาท ต่อเทอม
  • ค่าธรรมเนียมการเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 หลักสูตร English Program 42,000 บาท ต่อเทอม

 

โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ (ท่าอิฐ)

ค่าธรรมเนียมการเรียนระดับชั้นเตรียมอนุบาล – อนุบาล 3 = 58,000 บาท ต่อเทอม

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 097-2890670

https://www.facebook.com/nawaphatkindy

https://www.facebook.com/nawaphat.school

 

Editor : แม่พลอย
ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

น้ำนมเหลือง วัคซีนธรรมชาติจากแม่สู่ลูก ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้ตั้งแต่แรกเกิด

event

นมแม่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย เพราะเต็มไปด้วยสารอาหารสำคัญ โดยน้ำนมของแม่จะมี 3 ระยะคือ ระยะหัวน้ำนม (หรือน้ำนมเหลือง), ระยะน้ำนมปรับเปลี่ยน และระยะน้ำนมแม่ ซึ่งน้ำนมแม่ทั้งสามระยะนี้ มีคุณค่าทางสารอาหารที่แตกต่างกัน  โดยส่วนที่สำคัญและเปรียบเสมือน วัคซีนธรรมชาติจากอกแม่สู่ลูกน้อย คือระยะหัวน้ำนม (colostrum) หรือที่เรียกว่า น้ำนมเหลือง

น้ำนมเหลืองของแม่ ที่จะมีเพียง 3 วันแรกหลังคลอดเท่านั้น

ลักษณะของน้ำนมเหลือง

น้ำนมเหลืองจะมีสีเหลืองข้น โดยร่ายกายของแม่จะสร้างและหลั่งน้ำนมเหลืองออกมาเพียง 3 วันแรก หลังคลอดเท่านั้น หลังจากนั้นจะเปลี่ยนเป็น Mature Milk หรือนมที่เป็นสีขาวในที่สุด

น้ำนมเหลือง เปรียบเสมือนวัคซีนธรรมชาติจากอกแม่สู่ลูกน้อย

  • น้ำนมเหลืองประกอบไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นมากมาย โดยเฉพาะ “แลคโตเฟอร์ริน” ปริมาณสูง เปรียบเสมือนวัคซีนธรรมชาติชั้นดี เพราะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยแข็งแรง ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อในทารกแรกเกิด จึงลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย
  • ช่วยทำให้ผนังลำไส้แข็งแรงขึ้น กระตุ้นการเพิ่มแล็กโตบาซิลลัส ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ในลำไส้ของเด็ก และลดปริมาณแบคทีเรียอีโคไลซึ่งมีอันตรายต่อทารกให้น้อยลงได้
  • นอกจากนี้ น้ำนมเหลืองยังมีสารอาหารสำคัญหลากหลายชนิด เช่น MFGM, DHA ที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสมอง รวมถึงพัฒนาการอื่นๆ ของลูกน้อยอย่างรอบด้าน

 

แลคโตเฟอร์ริน (Lactoferrin) สารอาหารสำคัญในน้ำนมเหลือง 

แลคโตเฟอร์ริน คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบมากในนมแม่ โดยเฉพาะน้ำนมเหลือง ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 15-20% ของโปรตีนทั้งหมดในนมแม่ ถือเป็นสารอาหารที่สำคัญมากที่ลูกควรได้รับ ซึ่งมีผลวิจัยรองรับว่า แลคโตเฟอร์ริน ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย นอกจากนี้ แลคโตเฟอรินยังช่วย

  • ต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา
  • กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ลดโอกาสการติดเชื้อต่างๆ โดยเฉพาะการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ
  • ส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร ด้วยการเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์สุขภาพ และทำให้ผนังลำไส้แข็งแรง ลดโอกาสการเกิดท้องเสีย

 

 

การให้ลูกน้อยได้รับน้ำนมเหลืองตั้งแต่แรกเกิด จะเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี โดยเฉพาะเด็กผ่าคลอดที่อาจมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ เพราะไม่ได้รับจุลินทรีย์ชนิดดีที่อยู่ในช่องคลอดของแม่ ซึ่งตัวช่วยหรือหนึ่งในสารอาหารสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันก็คือ แลคโตเฟอร์ริน ที่พบมากในน้ำนมเหลืองของแม่

ผสานพลังสารอาหารในน้ำนมเหลืองเพื่อพัฒนาการครบรอบด้าน

น้ำนมเหลืองนั้น นอกจากจะมีแลคโตเฟอร์รินในปริมาณที่สูงแล้ว ยังอุดมด้วยสารอาหารสำคัญอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

  • MFGM เยื่อหุ้มอนุภาคไขมันที่พบในนมแม่ มีองค์ประกอบเป็นโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด เช่น สฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟลิปิด และแกงกลิโอไซด์ มีงานวิจัยรองรับว่านมแม่ซึ่งมี MFGM ส่งผลดีต่อพัฒนาการสมองในระยะยาวของเด็กเล็กไปจนถึงวัยเข้าเรียน เด็กที่ได้รับ MFGM อย่างเพียงพอในช่วงแรกของชีวิต จะมี IQ และ EQ ที่เหนือกว่าเด็กที่ไม่ได้รับ MFGM
  • DHA กรดไขมันจำเป็นในตระกูลโอเมก้า 3 ที่เป็นโครงสร้างของเซลล์สมองและจอประสาทตา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรับส่งข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาท เพิ่มจุดเชื่อมต่อของเซลล์สมอง การเรียนรู้ของเด็กจึงดีขึ้นไปด้วย
  • ใยอาหารหรือพรีไบโอติกส์ อาทิเช่น 2’-FL ใยอาหารธรรมชาติชนิดที่พบได้มากที่สุดในนมแม่ ช่วยเพิ่มจุลินทรีย์สุขภาพชนิดดีในลำไส้ ป้องกันการติดเชื้อของลำไส้ และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ลดโอกาสในการเจ็บป่วย

สารอาหารในน้ำนมเหลืองเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น แลคโตเฟอร์ริน, MFGM, DHA หรือใยอาหาร 2’-FL ไม่เพียงแค่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกแข็งแรง แต่ยังช่วยส่งเสริมพัฒนาการที่ครบรอบด้านให้ลูกน้อย ทั้งพัฒนาการสมอง ภูมิคุ้มกัน และระบบทางเดินอาหาร ดังนั้น ยิ่งลูกได้รับสารอาหารในน้ำนมเหลืองเหล่านี้ได้นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีประโยชน์และส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการ ในกรณีที่คุณแม่ไม่มีน้ำนมเหลือง อาจลองปรึกษาแพทย์ให้แนะนำนมสูตรที่มีสารอาหารที่พบในน้ำนมเหลือง โดยเฉพาะ “แลคโตเฟอร์ริน”

ค้นพบมหัศจรรย์น้ำนมเหลืองที่มี “แลคโตเฟอร์ริน” เพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3NPA8Gb

MOM INFLUENCER CONTEST SEASON 3

ประกาศรายชื่อ ผู้ผ่านเข้ารอบ รอบที่ 1 MOM INFLUENCER CONTEST SEASON 3

event
MOM INFLUENCER CONTEST SEASON 3
MOM INFLUENCER CONTEST SEASON 3

ประกาศรายชื่อ ผู้ผ่านเข้ารอบ รอบที่ 1 MOM INFLUENCER CONTEST SEASON 3 กับการประกวดคุณแม่นักรีวิวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทย มาเป็นหนึ่งในทีมคุณแม่ Influencer มืออาชีพกับ Amarin Baby & Kids และชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 300,000 บาท พร้อมโอกาสเป็น Influencer มืออาชีพ กับ Amarin Baby & Kids

ใครจะมีสิทธิ์ได้ร่วมประกวดกันบ้าง…เช็กรายชื่อได้ที่นี่!!

กรุงเทพมหานครฯ

กนกวรรณ แต่งอักษร

กมลฉัตร โสมประยูร

กลิ่นสุคนธ์ วันหมัด

กอบกุล กาญจนมุกดา

กัลยานิษฐ์  สิริธีรนนท์

กุลธิดา ดีชัยยะ

จิตติพร ตั้งจิตรเที่ยง

จินห์จุฑา ประกายแก้วสกุล

ชไมพร เกิดสุทธิ

ชณุตพร ศรีจำลอง

ชรินทร์ทิพย์ ทองสุกโชติ

ญดา วัฒนาศิริพานิช

ณวัสนนท์ พงศ์เกษมฐิรกุล

ณัชชา พงศ์พิสุทธิ์วณิช

ณัฐธิดา ดียิ่ง

ณัฐมล ว็อล์ช

ณัฐหทัย กรรณสูต

ณิชา ยมสมิต

ธนวรรณ เดชชุษณะนาถ

ธนารีย์  แซ่เติน

นนท์ชยลักษณ์ พรรณาผลากูล

นวมนรัศมิ์ วชิระธนานนท์

นัฐยา ปานรักษ์

นุศรา สุภาษร

นุสรา สุขเทียบ

บุศรินทร์ งามกร

เปรม​ยุ​ดา​ กฤษณ​จินดา​

ปุณยวีร์ ปาละ

ผกามาศ ไชยวิสุทธิกุล

แพรวเพ็ญ พิณพิพัฒน์

พกุล เสริฐสุวรรณกุล

พธพร รัตนสิโรจน์กุล

พัชต์วรินทรา วงศ์ฉัตรทอง

พิมพร  โรจนวิภาต

พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล

พิมพ์วิภา วงศ์ไทย

ภัสราวดี เผ่าจินดา

เมย์ วังพัฒนมงคล

เมวิกา เพ่งผล

มัณฑนา โชคศิริวัฒนาวาณิช

มานิตา ชะนะวิวัฒน์

รุ่งจอมขวัญ สวัสดิ์วัฒนดล

แววมณี เผือกสกนธ์

วรณิชชา แสงสุพรรณ

วราลักษณ์ อาตวงษ์

วิภาวัณย์ อรรณพพรชัย

สลิลดา บานแย้ม

สุทธิภา โมฬี

สุทธิลักษณ์ สกุลไทย

สุนิสา ไกรวงศ์

สุภัทรา จักร์แก้ว

หทัยชนก จุฑาเจริญสุข

อนิสา ทองทา

อนุสรา เชาว์ไว

อภัสนันท์ ศรีสกุล

อรชพร​ สวัสดี

อรอนงค์ จินตาไชยวิชญ์

อริสรา ติรณสวัสดิ์

อลิษา เหมือนวงศ์ทำ

ไอรฎา มะทา

May Wangpatanamongkol

Phatwarinthara wongchatthong

 

ภาคกลาง

กนกวรรณ ทับทิมทอง

กนกวรรณ ประสิทธิ์

กัณนิกา  ปาระมี

กานต์พิชชา ธนาดิลก

จิตรกานต์ ภักดี

จิรัชญาณิช เบญจสกุล

ชมพูนุช ฐิติปุญญา

ชัญญา งิมสันเทียะ

ฐานิตย์รดา สาโรจน์วงศ์

ฐาปนี สุทธิสน

ฐิติยา นิ้มสุวรรณ

ณัฐธนภัทร์  แสงอุทัย

ดวงนภา สมสุขเจริญ

ธนัญญา สัตระ

ธัญลักษณ์ แมคกี

นริศรา ศรีมะปรางค์

นัทชา โสภณ

นันท์ชนก ไพฑูรย์มงคล

ปณัสยา ท้วมทอง

ปณิชา นพจิระเดช

ประกายรัตน์ เอื้อนุกูล

ปริตา สุรคุณารักษ์

ปลายลาณี ทัดทรัพย์ฤทธิ์

พรพรรณ โชติมโนธรรม

มชณต วงศา​โรจน์​

รมิดา โฆษิตวราสิน

วรรณวิศา เรืองเดช

วรันธร สุวัตถิกุล

วรางคณา วีระเศรษฐ์ศิริ

วิภาวัลย์ เจริญสุข

วิภาวี ชมิดท์

วิภาสิริ อุตตะกะ

วิมลสิริ เจริญมิตร

ศรศมน​ หวัง​เพิ่ม​พิทยา​

ศิริวรรณ สาพรม

ศุภนิมิต ปิ่นดี

สรารัตน์ ศรีชาลี

สิรินทรา ตันติวุฒิไกร

สิริภา  ยิ่งรัตน์

สิวิภรณ์ โสภณสิริวัฒน์

สุธิณี เกตุเจริญ

สุภัสรา พารักษา

สุภัสสรา โพธิ์เปี่ยม

หทัยชนกก์ แสงภู่

หทัยรัตน์ เหมือนดี

อรชพร​ เวช​ฌ​ณ​ะ​พาณิช​

อาทิตยา เมตตาประสพกิจ

อาทิตยา แย้มบางยาง

ภาคเหนือ

กนกพร จุระเพ็ชร

กรรณิการ์  สารกูมาร

กรวิกรานต์ เสรีสันติวงศ์

กัลญ์วิกา เยี่ยมแสง

กุลญาดา คำเขื่อน

เจนจิรา ระบิล

จิณณ์ณิตา แก้วมา

จีรภัส อยู่ยืน

ชนนิกานต์​  ชัยสาธิตพร

ณัฐธิดา อยู่ลือชา

ณิชนันท์ ชุ่มเย็น

ธิติกานต์ นวสุขารมย์

นิจจารีย์ เฉลิมทรัพย์

นิภาวรรณ นามวงศ์

นิลาวัลย์ ใจฉลาด

บุญธิดา ทองดี

ปิยะฉัตร ช่วยไทย

พรรณิกา ศิริ

พรรษา เครือแปง

พวงผกา สะเสริม

พัทธนันท์ เรือนสุภา

ไพลิน ธิติสรณ์กุล

ศิวิมล พานิชย์วิไล

สุกัญญา ณัฎฐาชาติ

สุดาทิพย์ กล้าโชติชัย

สุทิศา โองาวะ

อมรรัตน์ ชุมภู

อังศุลิน ตั้งใจ

อัฐฐภิรมย์ ธนัตถ์ธำรงกุล

เอกอัปสร จันทรวิลักษณ์

 

ภาคอีสาน

กัณตินันท์  เกินขุนทด

กาญจนาภรณ์ เสือสา

ชนมน​ สันติ​ธรรมา​กร​

ธนารีย์  แซ่เติน

ธัญวลัย แลม

พรชนิตว์  อินทะบุญศรี

พรนิภา​ เสน่ห์จันทร์

พรภัส เพชรตระกูลเจริญ

มณีรัตน์ ศิริสวัสดิ์พิพัฒน์

วาฐินี กะการดี

วารุณี ผิวงาม

วิภาดา​ ขัน​โคก​กรวด​

สายสกุล เบี้ยทอง

สุกัญญา  สารเศวก

สุธาศินี ทำจำปา

สุวรรณี สมศรี

 

ภาคใต้

กรวิกรานต์ เสรีสันติวงศ์

กฤษดี โทนุสิน

กาญจณี โนนุช

เจียระไน สุรัตน์วิมล

จิตราภรณ์ วงดา

จุฑาภรณ์ ปีนะกาตาโพธิ์

ญาดา ประเสริฐสม

ฐานิตย์รดา สาโรจน์วงศ์

ฐิตาภรณ์ อันสนั่น

ณัฐพร จิรศักยกุล

ทัชชมัย อนุรักษ์กมลกุล

นวพร  รัตนทิพย์

นันทิชา พานิชชีวะกุล

นาถลัดดา เลอวิศิษฎ์

พรสุภา ปิ่นแก้ว

มนัสชนก เรืองธารา

รัชนีกร รองเลื่อน

รัชภร สิทธิเดช

วิยะดา หวันหม๊ะ

ศศิวิมล รัตนนรเศรษฐ

เสาวลักษณ์ จรัสพันธ์

โสภิดา  สุภาจักร์

สาธิตา พุ่มอยู่

สุลาวัณย์ สราวุธรัตนานนท์

อัญชนา สุวรรณ์พุ่ม

อัญชศา ทองแกมแก้ว

อาภาพรรณ ศิริชาติ

 

♦ กติกาการประกวดคัดรอบที่ 1
MOM INFLUENCER CONTEST SEASON 

รายละเอียดการทำรีวิว แบบ  Photo Series

  • ผู้ผ่านเข้ารอบจะได้รับกล่อง “Mommy Box” สำหรับการเขียนรีวิวสินค้าและถ่ายภาพจำนวน 5 ภาพ(จัดส่งถึงบ้านโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย)
  • โพสต์ลงใน Facebook ส่วนตัว หรือ Fanpage ตั้งเป็น “สาธารณะ” พร้อมใส่ #MomInfluencerContestSS3 #AmarinBabyAndKids และ #แบรนด์สินค้า โดยโพสต์ได้ 1 คน ต่อ 1 ครั้งเท่านั้น ตั้งแต่วันนี้ – 4 สิงหาคม 2566
  • ส่ง Link รีวิว มาที่ Google Form https://bit.ly/SubmitMICSS3 แนบลิ้งค์ส่งประกวดรอบ ที่ 1
  • ผู้เข้าประกวดสามารถแชร์โพสต์รีวิวสินค้าไปยังแพลตฟอร์มโซเชียลอื่นๆเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ตามความเหมาะสม

ประกาศชื่อผู้ผ่านเข้ารอบวันที่ 19 สิงหาคม 2566
ผ่านช่องทาง Facebook Amarin Baby & Kids

 เกณฑ์การตัดสิน ประกวด รอบที่ 1

พิจารณาคุณภาพของ Content รีวิว ตั้งแต่วันนี้ – 4 สิงหาคม 2566 โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน (100 คะแนน) ดังนี้

  • การเรียบเรียงเนื้อหา เต็ม 15 คะแนน
  • ความโดดเด่นของสินค้า (ภาพถ่าย) เต็ม 30 คะแนน
  • สื่อสาร Key message ครบถ้วนตามโจทย์ที่กำหนด เต็ม 25 คะแนน
  • สไตล์การเขียนรีวิว และ ความรู้ แรงบัลดาลใจ วิธีการเลี้ยงลูก เต็ม 30 คะแนน

 

*เงื่อนไข การประกวดคัดเลือก

  • ห้ามคัดลอก ลอกเลียน หรือดัดแปลงงานเขียนรีวิวของผู้อื่นเป็นอันขาด หากพบว่ากระทำการดังกล่าวจะถือว่าตัดสิทธิ์ในการแข่งขัน
  • ข้อความรีวิว ภาพถ่ายและคลิปถือเป็นลิขสิทธิ์ของ บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ, พันธมิตร และคู่ค้ารวมถึงสปอนเซอร์ผู้สนับสนุนกิจกรรมในอนาคต สามารถทำการปรับปรุงแก้ไขได้ตามความเหมาะสมกับรูปแบบการใช้งาน นอกจากนี้ สิทธิ์ใดๆ อันเกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวเนื่องกับข้อความรีวิว ภาพถ่ายและคลิป
  • ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

หมายเหตุ

  • วันและเวลาของกำหนดการต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
  • การดำเนินงาน และการตัดสินอยู่ในดุลยพินิจจากคณะกรรมการ และการตัดสินจากคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด
*หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามเข้าไปทาง inbox Facebook : Amarin Baby & Kids โดยพิมพ์คำว่า MIC3 พร้อมคำถามที่ต้องการสอบถาม
keyboard_arrow_up