ฝึกลูกให้ คิดเป็น วางแผนชีวิต รู้เวลา

ฝึกลูกให้คิดเป็น ด้วยเทคนิค ตามใจลูกอย่างถูกวิธี

Alternative Textaccount_circle
event
ฝึกลูกให้ คิดเป็น วางแผนชีวิต รู้เวลา
ฝึกลูกให้ คิดเป็น วางแผนชีวิต รู้เวลา

พ่อแม่ทุกคนล้วนอยากให้ลูกเป็นเด็กดี เลี้ยงง่าย เชื่อฟัง แต่ในความจริงอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด คุณพ่อคุณแม่หลายท่านต้องเคยมีคำถามนี้ผุดขึ้นมาในใจ ทำไมลูกเราถึงสอนไม่จำ ต้องให้คอยบอก คอยเตือนทุกวัน จนปากเปียกปากแฉะหมดแล้ว! หรือเคยแอบบ่นใส่ลูกบ้างว่า เพิ่งพูดไปหยกๆ ทำไมทำอีกแล้ว! นั่นน่ะสิคะ!! เพราะลูกพูดยาก…หรือเพราะเราไปขัดใจลูก? หากไม่อยากพร่ำบ่น พ่อแม่ต้อง ฝึกลูกให้คิดเป็น ด้วยเทคนิค ตามใจลูกอย่างถูกวิธี

มาลองทบทวนกันค่ะหากว่าพ่อแม่เตือนลูกแปลว่าใครกันที่เป็นคนจำได้…พ่อแม่หรือลูก? คำตอบที่ถูกต้องก็น่าจะเป็นพ่อแม่ เพราะถ้าลูกจำได้ลูกก็ไม่ต้องรอให้พ่อแม่เตือนจริงไหมคะ แต่เอแล้วพ่อแม่จะทราบได้อย่างไรว่าที่ลูกยังไม่ทำ เพราะจำไม่ได้จริงๆ หรือจำได้แต่ยังไม่ทันทำ พ่อแม่ก็มาชิงเตือนตัดหน้าไปเสียก่อน!?!? 

ฝึกลูกให้ คิดเป็น วางแผนชีวิต รู้เวลา

ลองนึกภาพตามนะคะ หากเราตั้งนาฬิกาปลุกไว้ 8 โมง แต่ยังไม่ทัน 6 โมงก็มีคนมาปลุกให้ตื่นไปทำงาน เราจะรู้สึกอย่างไร…ขอบคุณที่ปลุกตั้งแต่ 6 โมง หรือแอบขัดใจนิดหน่อย แล้วถ้าเราบอกเขาไปแล้วว่า “เดี๋ยวจะตื่นเอง ไม่ต้องปลุก” แต่เขาก็ยังปลุกเราทุก 15 นาที ตอนนี้เราจะรู้สึกอย่างไร…ขอบคุณในความหวังดีหรือรู้สึกไม่พอใจ? แน่นอนว่าเราย่อมรู้สึกรำคาญและไม่พอใจถึงแม้ว่าคนนั้นจะปลุกเราด้วยความหวังดีก็ตาม!

ทีนี้เริ่มเข้าใจหรือยังคะ ว่าทำไมเวลาเอ่ยปากเตือน ลูกถึงอารมณ์ไม่ดี และทำไมพอตามเตือนตามบอก ลูกถึงชอบต่อต้านและลงท้ายด้วยการทะเลาะกับลูกทุกที

(อ่านเพิ่มเติม คำพูดยอดแย่ ที่พ่อแม่มักใช้ตีตรา และทำร้ายจิตใจลูก)

ฝึกลูกให้คิดเป็น ด้วยเทคนิค ตามใจลูกอย่างถูกวิธี

คำถามต่อไปคือ หากพ่อแม่คอยตามบอกตามเตือนลูกทุกวัน วันละหลาย ๆ รอบตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้ายันเข้านอนตอนกลางคืน ลูกยังจำเป็นต้องจำอยู่ไหมคะ

ลองนึกภาพตามอีกทีว่า ตั้งแต่เราบันทึกเบอร์โทรศัพท์ไว้ในโทรศัพท์มือถือ สมองของเราก็เรียนรู้ไปแล้วว่า ข้อมูลนี้ไม่ต้องจำ จะใช้ค่อยเปิดหาดู เราก็เลยกลายเป็นคนที่จำเบอร์โทรศัพท์ไม่ได้ เด็กๆ ก็เช่นกัน หากว่าพ่อแม่คอยบอกคอยเตือนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เขาก็จะไม่จำเป็นต้องจำ รอพ่อแม่บอกเมื่อไหร่ค่อยทำ!

ฝึกลูกให้ คิดเป็น วางแผนชีวิต รู้เวลา

ดังนั้นแทนที่พ่อแม่จะตามบอกตามสอน ลองเปลี่ยนวิธีเป็นการตามใจแบบการสร้างวินัยเชิงบวกกันดีกว่าค่ะ  เพียงบอกหน้าที่รับผิดชอบของลูกว่ามีอะไรบ้าง แล้วตามใจ  ให้เขาตัดสินใจเองว่าจะทำอะไรก่อนหรือหลังเช่น “พรุ่งนี้เช้าสิ่งที่หนูต้องทำคือ อาบน้ำแต่งตัว กินข้าว และหนูจะทำอะไรก่อนก็ได้ พอ 7 โมงครึ่งเราจะขึ้นรถไปโรงเรียนกันค่ะ” หรือ “พอไปถึงบ้านคุณยาย หลังจากสวัสดีคุณยายแล้ว สิ่งที่หนูต้องทำคือ เข้าห้องน้ำ ล้างมือ เล่น ช่วยเก็บผลไม้เข้าตู้เย็น หนูจะทำอะไรก่อนก็ได้ พอ 6 โมงเย็น เราจะกินข้าวด้วยกัน และกลับบ้านตอน 2 ทุ่มค่ะ”

(อ่านเพิ่มเติม คำพูดเชิงบวก ที่ควรใช้พูดกับลูก 64 คำ)

เทคนิคนี้เป็นการตามใจลูกที่นอกจากจะสอนวินัยและความรับผิดชอบได้แล้ว ยังทำให้ลูกอยากให้ความร่วมมือมากขึ้นและไม่รำคาญเราอีกด้วย เพราะการให้อิสระในการเลือก เป็นการให้โอกาสให้ลูกได้ฝึกฝนลงมือคิด บริหารเวลา วางแผน เรียงลำดับความสำคัญ ควบคุมความต้องการของตนเอง และกำกับตนเองให้รับผิดชอบจนเสร็จทุกหน้าที่

ฟังเสวนา อ.ปนัดดา

ขอเชิญคุณแม่ตั้งครรภ์ และมีลูกวัย 0-6 ปี ร่วมฟังเสวนาฟรี! “เลี้ยงลูกเชิงบวก กระตุ้นทักษะสมอง พิชิตความสำเร็จ” โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร ในวันที่ 31 ตุลาคม 2563 สมัครด่วนจำนวนจำกัด!! อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งล่วงหน้า ได้ที่ https://bit.ly/2Sek03w

อ่านต่อ “5 เคล็ดลับเสริมให้ลูกคิดเป็น วางแผนได้ ลำดับความสำคัญถูก” คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

พฤติกรรมเด็ก

มาดูความน่ารักของเด็กๆ ที่ชอบทำอะไรแปลกๆ ซ้ำ

Alternative Textaccount_circle
event
พฤติกรรมเด็ก
พฤติกรรมเด็ก

พฤติกรรมซ้ำๆ หรือการเล่นอะไรซ้ำๆ ทั้งที่เพิ่งเล่นไปแล้วไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เป็นพฤติกรรมปกติของเด็กในวัยนี้ ไม่แปลกที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเจออาการซ้ำๆ หรือคำพูดเดิมๆ จนหลายครั้งอาจรู้สึกไม่แน่ใจว่า ลูกกำลังแกล้งคุณอยู่หรือเปล่า เช่น ทิ้งช้อนตกลงพื้นอีกครั้งทั้งที่คุณเพิ่งเก็บไปล้างแล้วเอามาให้ใหม่แท้ๆ หรือคุณอาจต้องฟังคำพูดฮิตติดปากที่เจ้าตัวพูดซ้ำไปซ้ำมาอยู่นั่นแล้ว

เข้าใจ พฤติกรรมซ้ำๆ ของเด็ก

สำหรับเด็กวัยนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่เป็นการเรียนรู้ที่แปลกใหม่การได้ลองคิด ลองทำ ลองเล่นสิ่งใหม่ๆ และพูดคำใหม่ๆ เป็นการเรียนรู้ทางตรงที่ดีเยี่ยมสำหรับลูก และที่ลูกแสดงอาการเหมือนติดใจและลองทำใหม่ทำซ้ำอยู่อย่างนั้น ก็เพื่อความแน่ใจและจดจ่อรอคอยผลลัพธ์ที่จะตามมานั่นเอง

พฤติกรรมซ้ำๆ ของเด็ก

 พฤติกรรมซ้ำๆ
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเรียนรู้และเตรียมรับมือกับ พฤติกรรมซ้ำๆŽ ของลูกวัยนี้ก็คือ…

เรียนรู้เหตุและผลจากการทำซ้ำ การทำอะไรซ้ำๆ กัน อย่างการทิ้งช้อนลงพื้น ในครั้งแรกคุณอาจเป็นคนเก็บให้เขา แต่เมื่อมีครั้งที่สอง สาม และสี่ ตามมา ก็ต้องฝึกให้เขาเรียนรู้แล้วละว่าคุณจะไม่เก็บให้เขาอีกแล้ว เขาต้องเก็บช้อนที่ทิ้งไปนั้นขึ้นมาเอง เป็นการฝึกลูกให้รู้เหตุและผลของการกระทำต่างๆ ของตัวเอง

Kids (12)
แม่ยังอยู่ หนูมั่นใจ บางครั้งการเล่นอะไรซ้ำๆ อย่างการเล่นจ๊ะเอ๋กับคุณแม่ สำหรับลูกในวัยนี้คือการเรียนรู้ว่า ทุกครั้งที่เขาปิดตา เมื่อผายมือออกและลืมตามอง ก็จะมีแม่คอยส่งยิ้มหวานอยู่ตรงหน้าเขาเสมอ ทำให้ลูกเรียนรู้ว่าแม่จะอยู่ตรงนั้นแม้ว่าเขามองไม่เห็น และมีความมั่นใจในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ต่อไป

คุณเองก็ได้เรียนรู้ไปพร้อมกับลูกเช่นกัน การที่คุณต้องหาวิธีหลอกล่อเจ้าตัวน้อยซึ่งคอยเล่นอะไรซ้ำไปซ้ำมาจนน่าเบื่อนั้น เท่ากับคุณก็ได้ฝึกตัวเองให้เรียนรู้และเข้าใจลูก พร้อมหาเทคนิคใหม่ๆ มาเสริมพัฒนาการ แถมแก้อาการเบื่อของตัวเองด้วย อย่าลืมว่าลูกน่ะต้องการคุณมากที่สุดนะ

รวมภาพ พฤติกรรมแปลกๆ ของเด็ก


บทความโดย: กองบรรณาธิการนิตยสาร AMARIN Baby & Kids
ภาพ : ShutterStock

ความผูกพัน เรื่องที่คุณแม่ต้องเข้าใจเพราะ คือจุดเริ่มต้นให้เด็กเชื่อมั่นใจตัวเองตั้งแต่แรกเกิด

Alternative Textaccount_circle
event

 

ความผูกพันจากบุคลิกภาพของแม่ที่อบอุ่น เยือกเย็น อารมณ์ดี เป็นมิตร ยิ้มแย้มแจ่มใส ปรับตัวง่าย สังคมดี ไม่มีปัญหาทางจิตใจ คือไม่ขี้กังวลหรือมีอารมณ์ซึมเศร้า จะเลี้ยงดูเด็กให้เกิดความรัก ความผูกพันได้ง่าย ในทางตรงข้าม แม่ที่เครียด เศร้าโศก วิตกกังวล จะไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกได้เหมาะสม ส่งผลทำให้เด็กเฉื่อยชา ซึมเศร้า มีความกังวลและส่งผลกระทบต่อระบบการกิน การนอน ทำให้พัฒนาการล่าช้าไปได้

ความผูกพันจากท่าอุ้มคือจุดเริ่มต้นทักษะการติดต่อสื่อสารกับผู้คนในด้านภาษาและการพูด

shutterstock_104324327
ในท่าที่แม่อุ้มลูกอยู่ในอ้อมแขน ทำให้ทารกมีโอกาสที่จะได้เห็นหน้าของแม่อย่างใกล้ชิด เด็กจะจ้องมองตา มองปากที่แม่พูด พยายามที่จะขยับปาก จะส่งเสียงออกมาเลียนแบบพฤติกรรมที่แม่คุยด้วย เริ่มที่จะเล่นน้ำลาย รู้จักส่งเสียงอยู่ในคอเวลาที่ตนพอใจ ยิ้มรับแม่ พยายามที่จะ “คุย” กับผู้คน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการที่เด็กพยายามจะสื่อสารกับคนอื่น

ดังนั้นเราควรพูดคุยกับลูกอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะกำลังอาบน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อม ให้นม ควรร้องเพลงให้ลูกฟังด้วยโทนเสียงที่นุ่มนวลสูงๆ ต่ำๆ จะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางภาษาที่เร็วขึ้น
เมื่อเด็กอายุ 4-5 เดือนเด็กจะชอบเล่นน้ำลายและเริ่มส่งเสียงคล้ายเสียงพูดมีเสียงสูงๆต่ำๆโต้ตอบกับเรา ส่งเสียงแหลมรัวแสดงความดีใจ ส่งเสียงอ้อแอ้ในลำคอได้นานขึ้น และเริ่มหันหาเสียงได้ เมื่อเด็กอายุ 5-6 เดือนเด็กจะเริ่มออกเสียงพยัญชนะแบบสั้นๆได้ ชอบที่จะจ้องมองปากเวลาคนพูดด้วยและพยายามส่งเสียงตามเสียงพูด การหันหาเสียงจะหันแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น

shutterstock_125008100
เด็กอายุ6-8 เดือนจะออกเสียงพยัญชนะและสระได้ เช่น บา ดา กา ต่อมาเด็กจะออกเสียงพยัญชนะและสระแบบซ้ำๆได้ เช่น บาบา กากา เมื่ออายุ8-9เดือน เมื่ออายุ1 ขวบขึ้นไป เด็กจะพูดคำที่มีความหมายแบบเฉพาะเจาะจงได้ เช่น ปาป๊ะ มาม้ะ

อ่านเรื่อง “ความผูกพัน เรื่องที่คุณแม่ต้องเข้าใจเพราะ คือจุดเริ่มต้นให้เด็กเชื่อมั่นใจตัวเองตั้งแต่แรกเกิด” คลิกหน้า 2

ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย เด็ก 2 ภาษาฉลาดกว่า

Alternative Textaccount_circle
event

การต้อนรับประเทศไทยสู่อาเซียน ด้วยการสอนลูกให้พูด ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ให้เป็นเด็ก 2 ภาษา เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ เพราะในปัจจุบันมีการสื่อสาร และติดต่อกับประเทศต่างๆ เมื่อไม่นานมานี้มีบทความในนิตยสาร New York Times ระบุงานวิจัยพบว่าเด็ก 2 ภาษาฉลาดกว่า

(more…)

ให้คุณแม่ตั้งครรภ์เป็นส่วนหนึ่งของมิวสิควิดีโอสุดพิเศษ!

Alternative Textaccount_circle
event
  กติกาง่ายๆ เพียง…  
  1. ต้องเป็นคุณแม่ตั้งครรภ์ อายุครรภ์ระหว่าง 4-7 เดือน
  2. ส่งรูปถ่ายภาพเดี่ยว ครึ่งตัวและเต็มตัว หรือ คลิปแนะนำตัวเองสั้นๆ พร้อมเขียนคำบรรยายว่า
    “คุณแม่อยากบอกอะไรกับลูกในครรภ์ตอนนี้”
พร้อมชื่อ-นามสกุล อายุครรภ์ เบอร์ติดต่อ ส่งมาที่ Inbox Enfa Smart Club Facebook
**ตั้งแต่วันนี้ – 11 กันยายน 2559 เท่านั้น
รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก! http://goo.gl/J24ti4

ไข้เลือดออก และไวรัสซิการะบาดช่วงหน้าฝน

Alternative Textaccount_circle
event

พบไวรัสซิการะบาดในช่วงหน้าฝน คนเป็น ไข้เลือดออก โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยปลัดมหาดไทย ส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการหลายจังหวัด เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา หลังจากที่พบสถานการณ์อยู่ในระดับสีแดง และมีการแพร่กระจายของโรคมากเป็นพิเศษช่วงสิงหาคมนี้

(more…)

สอนลูกชายให้เป็นสุภาพบุรุษ

14 วิธี ” สอนลูกชายให้เป็นสุภาพบุรุษ “ที่สังคมต้องการ

Alternative Textaccount_circle
event
สอนลูกชายให้เป็นสุภาพบุรุษ
สอนลูกชายให้เป็นสุภาพบุรุษ

สอนลูกชายให้เป็นสุภาพบุรุษ พฤติกรรมที่ดีที่สังคมต้องการ ไม่ใช่เรื่องยากเลยหากคุณพ่อคุณแม่ปลูกฝังลูกได้แต่เด็ก สุภาพบุรุษตัวน้อยอยู่ที่นี่แล้ว

14 วิธี ” สอนลูกชายให้เป็นสุภาพบุรุษ “ที่สังคมต้องการ

สอนลูกชายให้เป็นสุภาพบุรุษ นับเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่ง และสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณพ่อคุณแม่พยายามปลูกฝังลูกตั้งแต่เขายังเล็กๆ ซึ่งอาจจะต้องใช้ความอดทน การเสียสละและเวลา แต่ผลที่ได้มาเป็นสิ่งที่คุ้มค่า เพราะคุณก็จะได้ลูกชายที่เป็นคนมีคุณภาพและเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีในอนาคต และยังเป็นชายหนุ่มที่มีสาวๆ แอบหลงปลื้มกันอยู่ก็เป็นได้ เพราะสมัยนี้หากพูดถึงความเป็นสุภาพบุรุษในตัวลูกผู้ชาย ถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่สังคมในปัจจุบันกำลังถามหา เพราะท่ามกลางยุคสมัยที่ เร่งด่วน เร่งรีบอาจทำให้มีความเห็นแก่ตัวเกิดขึ้นมากมาย นำไปสู่ปัญหาที่ขาดความรับผิดชอบต่างๆ ตามมา โดยเฉพาะการไม่ให้เกียรติกันทั้งทางร่างกาย และจิตใจ ซึ่งผู้ชาย จึงตกเป็นจำเลยคนสำคัญที่ถูกจับตามอง

 

สอนลูกชายให้เป็นสุภาพบุรุษ
สอนลูกชายให้เป็นสุภาพบุรุษ

สุภาพบุรุษตัวน้อย เริ่มได้ตั้งแต่ยังเล็ก !!

การเลี้ยงลูกให้เป็นสุภาพบุรุษควรเริ่มตั้งแต่ยังเด็ก โดยคุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยกับลูกชายให้บ่อย ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเพราะเมื่อโตขึ้นลูกจะไว้วางใจเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง คุณจะได้ร่วมแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ กับปัญหาที่ลูกต้องเจอในตอนโตค่ะ รวมถึงมอบความรัก ความอบอุ่นให้ลูกอย่างสม่ำเสมอ เพราะการแสดงความรักกับลูกที่ทำมาจากใจ ลูกจะสามารถสัมผัสได้และลูกจะเป็นคนอ่อนโยนไม่ก้าวร้าว  และจะแสดงความรักออกมาอย่างเต็มที่…เมื่อปรับจิตใจของลูกชายให้พร้อมรับการเรียนรู้แล้ว ภารกิจการกระตุกต่อมสุภาพบุรุษให้ลูกชาย เรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควร สอนลูกชายให้เป็นสุภาพบุรุษ มีดังนี้

1. สอนลูกชายให้มีมรรยาทที่ดี

กฎข้อแรกสุดของการเป็นสุภาพบุรุษ คือ ความสุภาพ มีมรรยาทที่ดี มีคำพูดง่ายๆ ที่ติดปากเสมอ คือ ขอบคุณ ขอโทษ เริ่มต้นอย่างง่ายๆ คือ การรับประทานอาหารอย่างสุภาพ เวลาเข้าห้องน้ำปิดฝาชักโครก ถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน และควรเริ่มฝึกเมื่อลูกยังเล็ก เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลาและต้องได้รับการปลูกฝังและทำให้เป็นนิสัย

2. สอนลูกชายให้มีทัศนคติที่ดี คิดในแง่บวก

ทัศนคติเป็นสิ่งที่สำคัญในการสร้างสุภาพบุรุษตัวน้อยเพื่อที่จะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างดี โดยคุณพ่อทำให้ลูกชายดูเป็นตัวอย่าง สอนและปฏิบัติให้ดูจนลูกติดเป็นนิสัย ตั้งแต่ยังเล็ก จะทำให้ติดตัวไปในอนาคต

3. สอนลูกชายให้คิดถึงใจคนอื่น ไม่เห็นแก่ตัว

เช่น เปิดประตูให้ผู้หญิงและเด็กเข้าก่อน เราจะเห็นป้ายที่ติดบนรถประจำทางหรือรถไฟฟ้าว่ากรุณาให้ที่นั่งแก่เด็กและสตรีมีครรภ์ แต่ในปัจจุบันอาจมีตัวอย่างที่ไม่ดีของผู้ชายอยู่มากมาย พ่อแม่ต้องพยายามปลูกฝังและเสริมแรงให้ลูกมีนิสัยคิดถึงใจของคนอื่นตั้งแต่เด็กๆ

4. สอนลูกชายเรื่องการใช้ภาษา

อาจเป็นเรื่องยากในฐานะที่เป็นคุณพ่อคุณแม่ เพราะลูกต้องใช้ชีวิตกับเพื่อนและสิ่งแวดล้อมนอกบ้าน อาจทำให้ลูกติดคำพูดหยาบคายมาจากกลุ่มเพื่อน และยิ่งคุณพ่อคุณแม่ติดคำพูดที่หยาบคาย จนเป็นนิสัยก็จะทำให้เป็นการยากที่จะแก้ไขไม่ให้ลูกติดพูดหยาบคายได้ นอกจากนี้ ควรสอนให้ลูกพูดชัดถ้อยชัดคำ สามารถอธิบายความพูดออกให้ชัดเจนกับความรู้สึกก็เป็นสิ่งที่สำคัญด้วย

สอนลูกชายให้เป็นสุภาพบุรุษ ทำอย่างไร
สอนลูกชายให้เป็นสุภาพบุรุษ ทำอย่างไร

5. สอนลูกชายให้รู้จักการแต่งกายที่ถูกกาลเทศะ

คุณพ่อคุณแม่ควรสอนลูกชายให้แต่งตัวสะอาด เรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องผูกเนกไท ใส่สูททุกวัน แต่เมื่อออกนอกบ้านหัดให้ลูกใส่เสื้อผ้าที่นอกเหนือจากเสื้อยืด กางเกงยีนบ้าง การแต่งตัวที่ดีจะช่วยเสริมการมีบุคลิกภาพที่ดี และจะติดตัวลูกไปจนโต จะช่วยลูกเป็นคนที่แต่งตัวเป็นถูกต้องตามกาลเทศะ สร้างความประทับใจในการพบปะกับผู้อื่นในครั้งแรกและต่อๆ ไป

6. สอนลูกชายให้ลูกหัดมอบของขวัญเล็กๆน้อยๆ

เมื่อลูกเขียนการ์ด ให้ของขวัญเล็กน้อยหรือเอาดอกไม้มาให้คุณแม่ ให้คุณแม่แสดงความดีใจ และกล่าวชมเชยด้วยความภาคภูมิใจทันที เพราะเป็นการเสริมแรงที่ถูกต้อง เพื่อลูกจะติดเป็นนิสัยในการปฏิบัติต่อผู้อื่น หรือต่อผู้หญิงที่จะเป็นภรรยาในอนาคต เพราะผู้หญิงจะชอบอะไรที่ผู้ชายให้แม้จะเป็นของเล็กๆ น้อยๆ

7. สอนลูกชายให้รู้จักเรื่องการใช้เงิน การประหยัด อดออม

สุภาพบุรุษควรเป็นผู้ที่รู้จักสร้างครอบครัวในอนาคต คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักการอดออม ประหยัด รู้จักใช้เงินและเลือกซื้อของในสิ่งที่จำเป็น เลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เพื่อลูกจะรู้จักคุณค่าของเงินและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

อ่านต่อ >> วิธีสอนลูกชายให้เป็นสุภาพบุรุษแบบแม่คนดัง ” คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

วัคซีนไข้หวัดใหญ่

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ กับเรื่องที่คุณพ่อ คุณแม่ควรรู้

Alternative Textaccount_circle
event
วัคซีนไข้หวัดใหญ่
วัคซีนไข้หวัดใหญ่

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นวัคซีนที่สามารถฉีดได้ทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็ก 6 เดือนขึ้นไปจนถึงผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ คุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่ให้นมลูก โดยไม่จำเป็นต้องเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อน และสามารถฉีดได้ทุกปี แม่แต่คนที่มีปัญหาสุขภาพ ก็ควรจะฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำ

(more…)

มีลูกมาก

มีลูกหลายคน เรื่องราวของแม่อายุ 22 ปี ท้อง 4 ครั้ง ลูก 6 คน

Alternative Textaccount_circle
event
มีลูกมาก
มีลูกมาก

มีลูกหลายคน เป็นเรื่องยากของคนในยุคนี้ มาดูภาพความน่ารักของครอบครัวชาวออสเตรเลียครอบครัวหนึ่ง ที่มีลูกถึง 6 คน  โดยได้ลูกแฝด 3 มาเพิ่มเติมสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้พบเห็น 

chloe (6)

chloe (5)

Chloe Dastan คุณแม่วัย 22 ปี ต้องตัดสินใจว่าจะระงับการตั้งครรภ์ 28 สัปดาห์หรือไม่? เนื่องจากการท้องแฝด 3 อาจส่งผลเสียกับสุขภาพคุณแม่มาก  และนอกจากนี้เธอยังมีลูกชายอยู่แล้วอีก 3 คน  มีความเสี่ยงสูงที่จะมีปัญหากับสุขภาพของคุณแม่ และการเลี้ยงดู  แต่สุดท้ายทั้งเธอและสามีก็เลือกที่จะรักษาลูกๆ ไว้

chloe (14)

chloe (16)

ในภาพบอกว่าลูกๆ ทั้ง 3 คนแรกนั้น  อายุห่างกันแค่คนละปี (คนโต 4 ขวบ คนรอง 3 ขวบ คนเล็ก 2 ขวบ) และในเวลาต่อมาคุณแม่ก็สร้างเซอร์ไพรซ์ด้วยน้องแฝดอีก 3 คน รวมแล้วครอบครัวนี้มีลูกถึง 6 คน

chloe (2)

chloe (3)

chloe (1)

ภาพความน่ารักของครอบครัวเผยแพร่ในอินสตาแกรมชื่อ Chloenandbean มียอดผู้ติดตามกว่า 3 แสนคน  ซึ่งความน่ารักของลูกแฝดกับพี่ๆ นั้นสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็น และมาด้วยคำถามว่าจะเลี้ยงไหวหรือ? แต่นี่คือความสุขที่ครอบครัว Chloenandbean นำมาแบ่งปันกันว่าการมีลูกนั้นคือความสุข

chloe (7)

อ่านเรื่อง “มีลูกหลายคน ทำให้แม่มีอันตรายหรือไม่?” คลิกหน้า 2

ติด QR Code หมอ ให้พ่อแม่ตรวจสอบได้!!

Alternative Textaccount_circle
event

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ปรับระบบคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ ติด QR Code ใบอนุญาตโรงพยาบาล คลินิก สำหรับหมอ เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบว่าจริงหรือปลอม และใช้ไลน์ในการส่งข้อมูลความรู้สุขภาพ และพร้อมเปิดระบบในเดือนตุลาคม 2559 ที่จะถึงนี้

(more…)

ลูก 9 เดือนร้องกรี๊ดเอาแต่ใจได้แล้ว เลี้ยงลูกไม่ให้เอาแต่ใจ เริ่มเมื่อไร อย่างไรดี?

Alternative Textaccount_circle
event

เด็ก 9 เดือน กรี๊ดเอาแต่ใจได้แล้วจริงหรือ? เป็นพัฒนาการทารกหรือเปล่า? มาดูเคสจริงจากคุณแม่กันค่ะ

Q: ลูกชายอายุ 9 เดือน ชอบส่งเสียงกรี๊ด หรือโวยวาย บางทีก็เหมือนเรียกคุณแม่แต่บางทีก็รู้สึกว่าเขาร้องกรี๊ดเพื่อเอาแต่ใจ อยากทราบว่าลูกวัยนี้เขาร้องกรี๊ดเพื่อเอาแต่ใจได้แล้วหรือคะ แล้วแม่ควรทำอย่างไรดี?

เด็ก 9 เดือน ควรเริ่มสอนให้ลูกพึ่งตัวเอง ไม่กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ

ลูกเอาแต่ใจ ชอบกรี๊ด ทำไงดีวัย 9 เดือน ลูกเริ่มรู้ได้ว่าการโวยวายเป็นอาวุธที่ดีในการนำมาซึ่งสิ่งที่ต้องการจากผู้อื่น และวัยนี้ก็เป็นเวลาสำคัญในการสอนให้ลูกเรียนรู้การพึ่งพาตัวเอง รู้จักเล่นคนเดียวเป็น อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างดี การเรียนรู้ว่าคนอื่นก็มีความต้องการหรือมีหน้าที่ต้องทำนอกเหนือจากการดูแลลูก หากพ่อแม่ไม่สอนลูกในเรื่องเหล่านี้ลูกจะคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของบ้าน เป็นศูนย์กลางของสังคม กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเอง ดังนั้นพ่อแม่จะต้องฝึกให้ลูกได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ค่ะ

อ่านต่อ “ฝึกให้ลูกรู้ว่า แม่ไปแล้วเดี๋ยวก็กลับมา ทำอย่างไร” คลิกหน้า 2

อุบัติเหตุ

อุบัติเหตุ รถชน จากความประมาทของผู้ปกครอง

Alternative Textaccount_circle
event
อุบัติเหตุ
อุบัติเหตุ

2 เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ให้คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครองของเด็กระมัดระวัง เมื่อเกิด อุบัติเหตุ ที่น่าตกใจขึ้น คุณพ่อของเด็กน้อย 2 คน ลงจากรถมอเตอร์ไซค์แล้วไม่ดับเครื่องยนต์ ปล่อยให้ลูกนั่งบนรถ เด็กน้อยเผลอเอามือไปกดปุ่มใดปุ่มหนึ่งบนหน้าปัดรถมอเตอร์ไซค์เข้า รถจึงพุ่งตัวออกไปทันที

(more…)

ไอเดียสุดเจ๋ง! พับตุ๊กตาหมีด้วยผ้าขนหนูผืนเดียว (มีคลิป) เสริมพัฒนาการ 4 ด้านให้ลูกรัก

Alternative Textaccount_circle
event

พับผ้าขนหนูผืนเดียว …เวลาที่คุณพ่อคุณแม่เลือกของเล่นที่เป็นตุ๊กตาสักชิ้นให้ลูกๆ เชื่อได้ว่าส่วนใหญ่คงจะเลือก ตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์ หรือตุ๊กตาสัตว์เลี้ยงน่ารัก เช่น สุนัข แมว หรือหมู เจ้าตุ๊กตาสัตว์เหล่านี้เป็นของเล่นที่มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเด็กอย่างมาก นอกจากความน่ารักและความนุ่มนิ่มของมันแล้ว มันยังสร้างประโยชน์ได้หลายประการทีเดียว

ไอเดียเจ๋ง! พับผ้าขนหนูผืนเดียว เป็นตุ๊กตาสุดน่ารัก

พับผ้าขนหนูผืนเดียว

ประโยชน์ของของเล่นตุ๊กตาสัตว์

1. การเรียนรู้จากการสัมผัส

เด็กแรกเกิด 0-2 ปี หรือช่วงวัยหัดเดิน ชื่นชอบกับการสัมผัสของเล่นและสิ่งต่างๆ รอบตัวอย่างมาก พวกเขาจะเรียนรู้ความรู้สึกต่างๆ ผ่านการสัมผัสขนอันนุ่มนิ่มของตุ๊กตาสัตว์ หรือเม็ดดวงตา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยให้เด็กๆ เชื่อมโยงความรู้สึกจากมือไปสู่สมองเพื่อจดจำลักษณะผิวต่างๆ นอกจากนี้ตุ๊กตายังเป็นการฝึกฝนการหยิบ จับถือ สิ่งของให้กับเด็กๆ อีกด้วย

2. เรียนรู้เรื่องความรักและการเอาใจใส่

เด็กวัยหัดเดินจะเริ่มเรียนรู้เรื่องความรักและการเอาใจใส่ ซึ่งของเล่นตุ๊กตาสัตว์เหล่านี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการปลูกฝังให้เด็กๆ รักสัตว์และรักธรรมชาติ เริ่มต้นให้เด็กๆ มีเพื่อนตุ๊กตาสัตว์เป็นของเล่น จากนั้นส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ ผ่านหนังสือ หรือการพาไปสวนสัตว์ มันจะทำให้เด็กมีความเข้าใจ มีความรัก มีความเมตตาต่อสัตว์ และสร้างพื้นฐานจิตใจที่อ่อนโยน

3. เรียนรู้ทักษะทางภาษา

ชื่อเรียกของตุ๊กตาสัตว์เหล่านี้ เป็นสิ่งช่วยเพิ่มเติมการเรียนรู้ทางด้านภาษาได้อย่าง การออกเสียงเรียก เช่น น้องหมา น้องแมว พี่หมี ทำให้เด็กๆ ได้ฝึกคำศัพท์ต่างๆ ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถเสริมความรู้เกี่ยวกับสัตว์เพิ่มเติมได้ เช่น เสียงร้อง นิสัยของสัตว์ต่างๆ หรืออาหารของชอบของมัน รวมทั้งการตั้งชื่อเรียกเฉพาะให้กับตุ๊กตาก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะเด็กๆ จะมีความรู้สึกใกล้ชิดและไว้วางใจตุ๊กตาของเล่นเหล่านี้ ซึ่งมันเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ของเด็กๆ ได้อย่างง่ายดายทีเดียว

4. ฝึกจินตนาการ

ตุ๊กตาสัตว์เป็นของเล่นที่ไม่ได้ถูกจำกัดบทบาท หรือวิธีการเล่นที่เฉพาะ ดังนั้น เจ้าหมีเท็ดดี้แบร์ของหนู ๆ สามารถแปลงร่างเป็นอะไรก็ได้สุดแต่ที่เด็กๆ จะจินตนาการ อาจจะเป็นเจ้าชาย คุณหมอ คุณครู หรือเป็นแค่เท็ดดี้แบร์เท่านั้น โดยส่วนใหญ่แล้วเด็กๆ จะพกพาเพื่อนตุ๊กตาเหล่านี้ทำกิจกรรมตลอดวัน รวมทั้งแชร์แบ่งปันความรู้สึกต่างๆ กับมัน บางครั้งเด็กอาจจะแสดงพฤติกรรมงอแง เอาแต่ใจบ้าง ซึ่งเป็นวิธีการแสดงออกของพวกเขา ดังนั้นพ่อแม่ต้องใจเย็นๆ และใช้ตุ๊กตาเหล่านี้เป็นตัวช่วยในการจัดการกับอารมณ์ของเด็ก ทำให้พวกเขาสงบลง

ของเล่นตุ๊กตาสัตว์มีประโยชน์หลากหลาย ทั้งช่วยสร้างบุคลิกภาพ สอนเรื่องต่างๆ เช่น เรื่องเพศ อวัยวะ สี รวมถึงช่วยฝึกฝนและพัฒนาอารมณ์ความรู้สึกของเด็ก จากการขว้างปา กอด บิด ตี หรือจูบ แต่กระนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกซื้อของเล่นตุ๊กตาสัตว์ที่ใช้วัสดุที่ดี มีคุณภาพ และทำความสะอาดได้ง่าย และปลอดภัยสำหรับเด็ก

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!

>> ชมคลิป “วิธีพับตุ๊ตาหมีง่ายๆ ด้วยผ้าขนหนูผืนเดียว” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อย่าปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียว อันตรายไม่รู้ตัว

Alternative Textaccount_circle
event

เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เป็นอุทาหรณ์ให้พ่อแม่ได้ดี เมื่อมีหนูน้อยคนหนึ่ง กำลังกวาดพื้นบริเวณด้านหน้าของอาคาร อยู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินผ่านมา แล้วเข้ามาทำร้ายเด็กน้อยโดยไม่ทันตั้งตัว สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนที่พบ อย่าปล่อยให้ลูกน้อยอยู่คนเดียว ป้องกันอันตรายให้ลูกน้อย

(more…)

ยาที่แม่ท้องต้องระวังเพื่อความปลอดภัยของคุณแม่ลูกในครรภ์

Alternative Textaccount_circle
event

ขณะตั้งครรภ์ สิ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก ก็คือการใช้ยา เพราะการใช้ยาที่แรงเกินไป ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการสร้างอวัยวะของตัวอ่อนในครรภ์

(more…)

ห้องน้ำ โรงเรียนไม่สะอาด ลูกสาวไม่ยอม “ฉี่” และ “ถ่าย”

Alternative Textaccount_circle
event

ห้องน้ำ โรงเรียนไม่สะอาด ลูกจึงกลั้นตลอดทั้งวัน  และเราจะทราบได้อย่างไรว่าลูกมีการ “อั้น” ที่โรงเรียนหรือเปล่า กับลูกชายมักไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ แต่กับลูกสาวนี่ สกปรกนิดนึงเธอก็ไม่ยอมเข้า เรื่องเล็กน้อยนี้อาจส่งผลเสียต่อระบบทางเดินปัสสาวะ และระบบขับถ่ายของลูก

ปัญหาห้องน้ำสกปรกนั้นมาจากสุขอนามัยของเด็กๆ ซึ่งทางโรงเรียนควรปลูกฝังให้เด็กๆ รักษาความสะอาด และควรใช้สารเคมี จำพวกน้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสม  ทำความสะอาดทุกวัน  เพราะโรงเรียนมีเด็กจำนวนมาก และห้องน้ำถือเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคชั้นดี หากไม่รักษาความสะอาด ทำให้เกิดผลเสียกับร่างกายอีกหลายอย่าง มาดูกันค่ะว่าควรแก้ไขอย่างไร

4 วิธีปลอบใจลูก เมื่อต้องเข้า ห้องน้ำ ที่โรงเรียน

  • ทำเข้าใจความรู้สึกของลูก

เมื่อลูกบอกว่า ไม่ชอบห้องน้ำที่โรงเรียน  เพราะว่าไม่เหมือนห้องน้ำที่บ้าน  คุณอาจจะบอกกับลูกว่า ลูกไม่ได้เป็นคนเดียวหรอกนะ “ห้องน้ำที่โรงเรียนอาจจะไม่เหมือนห้องน้ำที่บ้าน ลูกเคยแต่นั่งชักโครก พอต้องนั่งยองๆ เลยรู้สึกแปลกๆ ลูกอาจต้องใช้เวลาบ้าง แม่ก็เคยเป็นแบบหนู แต่พอกลั้นนานๆ เข้ากลายเป็นไม่ยอมถ่าย หลายๆ วันยิ่งอึดอัดไม่สบาย แม่ก็เลยคิดว่าทำไมต้องทรมานตัวเองด้วย”

ออกแบบ ห้องน้ำ

  • ช่วยกันหาเหตุดีกว่า

ลูกไม่อยากเข้าห้องน้ำโรงเรียน เพราะอะไรหนอ เช่น ล็อกที่ห้องน้ำไม่ดี กลอนไม่แน่น ปิดไม่สนิท เป็นทุกห้องเลยหรือลูก หรือลูกอาย เพื่อนเยอะเลย ถ้าเผลอทำเสียงแปลกๆ ออกไปละก็ แย่แน่ๆ ถูกล้อแหงๆ ถ้าเป็นกรณีนี้ก็ใช้วิธีนี้สิลูก “กดชักโครกหรือราดน้ำ ไปพร้อมๆ กับเวลาทำภารกิจก็ได้”

  • เข้าห้องน้ำปลดทุกข์เรื่องธรรมดา

อย่างไรเสีย การบอกและทำให้ลูกเห็นว่า “การปลดทุกข์นอกบ้านเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็ทำกันได้” ก็เป็นสิ่งจำเป็น

ออกแบบ ห้องน้ำ

  • ฝึกฝนให้เข้าห้องน้ำเป็นเวลา

เด็กบางคนอาจต้องใช้เวลากับเรื่องนี้ บางทีโรงเรียนอาจจะให้เวลาพักน้อยเกินไป เพราะฉะนั้นมาฝึกลูกถ่ายให้เป็นเวลาน่าจะดีกว่า เวลาที่ดีที่สุดคือเวลาเช้า ถ้าหากนั่งทุกวันเป็นประจำ ระบบขับถ่ายก็จะจำและทำงานอย่างเป็นระบบ ทำให้ลูกขับถ่ายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ อย่าลืมเสริมการทำงานของลำไส้ด้วยผักผลไม้สด เช่น มะละกอสุก ลูกพรุน ก็ยิ่งดี

hockley_1420

นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยลูกแจ้งกับคุณครูประจำชั้นได้ว่า “ลูกบอกว่าห้องน้ำโรงเรียนล็อกไม่ค่อยได้ ทางโรงเรียนควรดำเนินการซ่อมนะคะ” หรือเมื่อสำรวจแล้ว ห้องน้ำที่โรงเรียนไม่สะอาดจริงๆ ก็ควรจะช่วยกันแก้ไข ดูแลรักษาค่ะ

บทความโดย:  กองบรรณาธิการ AMARIN Baby & Kids

 

ปลุกลูกตื่นเช้า ด้วย 3 เทคนิค เพราะร่างกายลูก 7 – 12 ขวบมักขี้เซา

Alternative Textaccount_circle
event

ปลุกลูกตื่นเช้า นั้นเป็นภารกิจสำคัญของพ่อแม่ทุกบ้าน ที่กว่าจะยื้อตัวลูกขึ้นมาจากเตียงได้ เหมือนก่อสงคราม ที่ดร.โฮเวิร์ด สปีวัค ศาสตราจารย์ด้านกุมารเวชสุขภาพชุมชน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Tufts ในบอสตันให้คำอธิบายว่า เด็กก่อนวัยรุ่นมีธรรมชาติของการนอนหลับ ที่แตกต่างจากทั้งผู้ใหญ่และเด็ก นาฬิกาในตัว ของพวกเขามักเตือนให้นอนหลับมากๆ สุดท้ายเด็กวัยนี้ก็เลยตื่นสายเป็นประจำ

ปลุกลูกตื่นเช้า ด้วย 3 เทคนิค

แต่ถึงนาฬิกาในตัวจะเป็นอย่างนั้น นาฬิกาที่โรงเรียนก็ไม่คอยท่าไปด้วยนี่นา มาหาวิธีจัดการให้สงครามยามเช้าเป็นเรื่องง่ายขึ้นกันเถอะ

ปลุกลูกตื่นเช้า

1. เปลี่ยนเสียงนาฬิกาปลุก

เช้าสดใสแบบสบ๊ายสบาย ถ้าเสียงกรีดร้องของนาฬิกาปลุกหมายถึงฝันร้าย ลองเปลี่ยนเสียงปลุกเป็นเสียงดนตรีเบาๆ อาจตั้งระบบเครื่องเล่นซีดีในห้องลูกให้เล่นเพลงก่อนเวลาตื่นสัก 15 นาทีการเริ่มต้นวันใหม่แบบสงบอาจลดอาการงอแงของเขาได้

วิธีปลุกลูกตื่นเช้า

2. หาข้อดีของการตื่นเช้า

โจ๊กหมูเมนูโปรด หรือข้อเสนอแวะรับเพื่อนซี้ไปโรงเรียนด้วยกัน อาจทำให้ลูกตั้งหน้าตั้งตารอเวลาตื่นโดยไม่ต้องบังคับ

ปลุกลูก

3. ปล่อยให้เป็นหน้าที่ลูก

อธิบายให้เด็กๆ เข้าใจว่า คุณคิดว่าเขาโตพอจะตื่นนอนเองได้แล้ว เพราะฉะนั้นแม่จะปลุกแค่ครั้งเดียวถ้ายังไม่ตื่นอีกก็เป็นเรื่องของเขาละนะ วิธีนี้จะทำให้เด็กส่วนหนึ่งภูมิใจที่ได้ควบคุมตารางชีวิตของตนเอง ขณะที่อีกส่วนพบว่าน่าอายแค่ไหนที่ไปโรงเรียนสาย (เสมอ)…ผลลัพธ์ก็คือ พรุ่งนี้เขาต้องตื่นให้ทันเวลานั่นเอง

เคล็ดลับดีๆ อย่างนี้ส่งผลดีต่อวินัยเชิงบวกของลูกน้อยแน่นอน  อนาคตเขาจะเป็นเด็กที่รับผิดชอบตัวเองได้ทุกเช้า และตื่นง่าย สบายพ่อแม่ไปทีเดียว นอกจากเทคนิค ปลุกลูกตื่นเช้าแล้ว อย่าลืมกลับมาพบกับเทคนิคดีๆ ในเว็บไซต์ amarinbabyandkids.com ทุกวันนะคะ

บทความโดย: กองบรรณาธิการ AMARIN Baby & Kids
ภาพ : ShutterStock

อยากได้ลูกชาย อยากได้ลูกสาว

สูตร (ไม่) ลับ ทำอย่างไร แบบไหน ถึงจะได้ลูกชาย หรือลูกสาว

Alternative Textaccount_circle
event
อยากได้ลูกชาย อยากได้ลูกสาว
อยากได้ลูกชาย อยากได้ลูกสาว

หลังแต่งงานคู่รักมักจะวางแผนอยากจะมีลูกน้อยกัน บางคน อยากได้ลูกชาย อยากได้ลูกสาว Amarin Baby & Kids จึงมีวิธีแบบธรรมชาติที่จะช่วยให้คู่รักได้ลูกเพศสมใจกันค่ะ (more…)

keyboard_arrow_up