ภาพคลอดลูก

15 ภาพคลอดลูก ที่บรรยายความงดงามของการให้กำเนิดได้ดีที่สุด

Alternative Textaccount_circle
event
ภาพคลอดลูก
ภาพคลอดลูก

การคลอดลูก แม้จะเจ็บปวดสักแค่ไหน แต่นับเป็นช่วงเวลาสุดประทับใจครั้งหนึ่งในชีวิต ที่คุณแม่ในต่างประเทศนิยมให้ตากล้องมืออาชีพบันทึก ภาพคลอดลูก เก็บเอาไว้

(more…)

กรดไหลย้อน

กรดไหลย้อน ทารกป่วยง่าย อันตรายกว่าที่คิด

Alternative Textaccount_circle
event
กรดไหลย้อน
กรดไหลย้อน

คุณพ่อ คุณแม่หลายคนคงคุ้นชื่อ กรดไหลย้อน เพราะมักเป็นอาการของผู้ใหญ่ หรืออาจเคยได้ยินจากในโฆษณา ทราบหรือไม่ว่าโรคนี้เด็กทารกก็เป็นได้ และยังพบว่าเด็กทารกมีอาการนี้กว่า 50% เรามาทำความรู้จักกับโรคกรดไหลย้อนในเด็กกันค่ะ ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร และรักษาลูกน้อยอย่างไรบ้าง

(more…)

พารีโชไวรัส

พารีโชไวรัส ไวรัสใหม่ ทำลายสมองทารก

Alternative Textaccount_circle
event
พารีโชไวรัส
ฟ้าทะลายโจร คนท้อง

ฟ้าทะลายโจร คนท้อง กินได้ไหม? ต้านโควิดได้จริงหรือ?

Alternative Textaccount_circle
event
ฟ้าทะลายโจร คนท้อง
ฟ้าทะลายโจร คนท้อง

ไขข้อสงสัย ฟ้าทะลายโจร คนท้อง กินได้ไหม? ยานี้ ใช้ต้าน หรือ ป้องกัน โควิดได้จริงหรือ? อ่านข้อเท็จจริงยาฟ้าทะลายโจรกับโควิด-19 พร้อมสรรพคุณ วิธีทาน ปริมาณ และข้อห้าม สำหรับคนท้องได้ที่นี่

ฟ้าทะลายโจร คนท้อง กินได้ไหม? ต้านโควิดได้จริงหรือ?

อาการเจ็บป่วยแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ บางครั้งอาการเจ็บป่วยก็เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ปวดหัว ตัวร้อน เป็นหวัด ไอเจ็บคอเบา ๆ ซึ่งไม่ว่าอาการเจ็บป่วยนั้นจะมากหรือน้อย สิ่งหนึ่งที่คนท้องมักกังวลคือสามารถทานยาเพื่อรักษา หรือบรรเทาอาการให้หายและดีขึ้นได้หรือไม่ การใช้ยาจะปลอดภัยกับลูกในครรภ์หรือเปล่า และแน่นอนว่าแม่ท้องส่วนมากเลี่ยงที่จะทานยาแผนปัจจุบัน แล้วหันไปทานยาสมุนไพร เพราะเชื่อว่าน่าจะปลอดภัยกับสุขภาพตอนท้อง

สำหรับยาสมุนไพรไทยที่ใช้ทานเพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ ที่เรามักจะได้ยินกันบ่อย ๆ ก็คือ ฟ้าทะลายโจร ซึ่งในปัจจุบัน สมุนไพรชนิดนี้ เป็นที่ร่ำลือกันว่าสามารถต้านและป้องกันโรคโควิด-19 ที่กำลังระบาดในทั่วทุกวัย ไม่เว้นแม้แต่กับเด็กและคนท้อง!! ดังนั้น ทีมแม่ ABK ขอรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ฟ้าทะลายโจร คนท้อง กินได้หรือไม่? มาฝากกันค่ะ

ทำความรู้จัก ยาฟ้าทะลายโจร

ตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย “ฟ้าทะลายโจร” จัดเป็นสมุนไพรที่มีรสขม อยู่ในกลุ่มยาเย็น มีสรรพคุณทางการแพทย์แผนไทย ใช้บรรเทาอาการไข้หวัด แก้ไอและเจ็บคอ เป็นสมุนไพรที่ได้ถูกบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (บัญชียาจากสมุนไพร) กระทรวงสาธารณสุข ในรูปแบบยาเดี่ยว

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวสมุนไพรฟ้าทะลายโจรกันอย่างแพร่หลาย มีข้อมูลสนับสนุนจากงานวิจัยทางคลินิก พบว่า สมุนไพรฟ้าทะลายโจรมีส่วนช่วยรักษาอาการของโรคติดเชื้อเฉียบพลันของระบบทางเดินหายใจ (acute respiratory tract infection) เช่น อาการไอ อาการเจ็บคอได้ดี ในปี พ.ศ.2555 ได้มีข้อมูลงานวิจัย จากผู้ป่วยจำนวน 807 คน พบว่าผลิตภัณฑ์สารสกัดจากฟ้าทะลายโจรร่วมกับสมุนไพรอื่น ๆ ขนาดรับประทาน 31.5-200 มิลลิกรัม/วัน รับประทานเป็นเวลา 3-10 วัน มีผลช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการไอเนื่องจากไข้หวัด (common cold) และอาการอักเสบของระบบทางเดินหายใจส่วนบนได้

ในมุมมองการเกิดโรคหรืออาการตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยนั้น อาการไข้ ไอ เจ็บคอ เป็นอิทธิพลของธาตุไฟที่เพิ่มปริมาณสูงขึ้น ทำให้เกิดอาการดังกล่าว เราจึงสามารถใช้สมุนไพรฤทธิ์เย็น (สมุนไพรฟ้าทะลายโจร) เพื่อใช้ในการรักษาอาการที่ส่งผลมาจากอิทธิพลของไฟที่เพิ่มขึ้นได้ พูดง่าย ๆ คือ ใช้ความเย็น ปรับหรือลดปริมาณความร้อนในร่างกายให้สมดุลนั่นเอง แต่หากใช้ในปริมาณเกินความจำเป็นก็อาจส่งผลทำให้ ร่างกายมีปริมาณความเย็นเกินไป ส่งผลทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ตามมาได้ เช่น อาการชาต่างร่างกาย แขน-ขาอ่อนแรง ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องเสีย หรือผื่นแพ้ตามร่างกาย เป็นต้น

ฟ้าทะลายโจร
ฟ้าทะลายโจร

สรรพคุณของฟ้าทะลายโจร

ฟ้าทะลายโจรมีสรรพคุณเป็นยา  โดยสรรพคุณหลักๆ ของฟ้าทะลายโจรสามารถแยกได้ 4 สรรพคุณเด่น ดังนี้…

  1. องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รับรองว่า ฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการหวัดได้ เนื่องจากมีฤทธิ์ในการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ในคนที่เป็นหวัด หรือมักมีอาการร้อนในบ่อยๆ หากรับประทานฟ้าทะลายโจร จะสามารถช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้น อาการหวัด และอาการร้อนในก็บรรเทาลง
  2. ระงับอาการอักเสบ เช่น อาการไอ เจ็บคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิล หลอดลมอักเสบ ขับเสมหะ รักษาโรคผิวหนังฝี ฯลฯ
  3. แก้อาการติดเชื้อ เช่น ท้องเสีย กระเพาะ หรือลำไส้อักเสบ
  4. ช่วยให้เจริญอาหาร ใครที่ทานข้าวได้น้อย รู้สึกเบื่ออาหาร ทานอะไรไม่ค่อยลง หากทานฟ้าทะลายโจรจะช่วยให้ทานข้าวได้มากขึ้น เหตุที่ฟ้าทะลายโจรช่วยให้เจริญอาหารก็เพราะมีฤทธิ์เป็นยาขม

ขนาดและวิธีใช้

  • รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม – 2 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน

ข้อห้ามใช้

  • ห้ามใช้ ในผู้ที่มีอาการแพ้ ฟ้าทะลายโจร
  • ห้ามใช้ ในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
  • ควรระวังการใช้ร่วมกับสารกันเลือดเป็นลิ่ม (anticoagulants) และยาต้านการจับตัวของเกล็ดเลือด (antiplatelets)
  • ควรระวังการใช้ร่วมกับยาลดความดันเลือดเพราะอาจเสริมฤทธิ์กันได้
  • ห้ามใช้กับผู้ที่เป็นโรคตับ โรคไต
  • ควรระวังการใช้ร่วมกับยาที่กระบวนการเมแทบอลิซึม ผ่านเอนไซม์ Cytochrome P450 (CYP) เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ CYP1A2, CYP2C9 และCYP3A4
Good to know… “หากทานยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรติดต่อกัน 3 วัน แล้วไม่หาย หรือมีอาการรุนแรงขึ้นระหว่างใช้ยา ควรหยุดการใช้ยา และไปพบแพทย์ทันที”

ทำไม ฟ้าทะลายโจร คนท้อง ห้ามกิน!!

หากสังเกตดูให้ดีเวลาที่ซื้อยาสมุนไพรมาใช้ เรามักจะพบว่าที่ข้างกล่องจะระบุเสมอว่ายาชนิดนั้น ๆ ใครทานได้ และใครไม่ควรทาน รวมทั้งวิธีการทานยาเพื่อรักษาโรคตามอายุ ตามขนาดยา ซึ่งยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรจะระบุไว้ข้างกล่องเลยว่าสตรีมาครรภ์ห้ามรับประทาน สงสัยกันไหมคะว่าทำไมคนท้องห้ามทาน ทั้งๆ ที่ก็เป็นยาสมุนไพร นั่นก็เพราะว่า มีการศึกษาในหนูทดลองพบว่าน้ำต้มฟ้าทะลายโจรมีผลทำให้หนูแท้งได้  และห้ามใช้ในการบรรเทาอาการไข้หรือเจ็บคอจาการติดเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus group A  ซึ่งมีอาการรุนแรง การติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มนี้อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา เช่น  ไข้รูห์มาติค  โรคหัวใจรูห์มาติค และไตอักเสบ จึงห้ามใช้ยาสมุนไพรในสตรีตั้งครรภ์และให้นมบุตร 

อ้างอิงจาก นพ.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวถึงผู้ใช้ยาฟ้าทะลายโจรแล้วทำให้เกิดอาการข้างเคียงจากการใช้ยา อาทิ ภาวะช็อก (Anaphylactic Shock) ผื่นภูมิแพ้ (Anaphylactic Reaction) ภาวะตอบสนองของภูมิคุ้มกันไวเกิน (Hypersensitivity) ที่พบว่าเกิดขึ้นค่อนข้างรุนแรงต่อเนื่องกัน  ซึ่งคุณนพ.ณัฐวุฒิ ไม่แนะนำให้คนท้องทานยาฟ้าทะลายโจร

คนท้อง สมุนไพร
คนท้อง สมุนไพร

ข้อเท็จจริง ฟ้าทะลายโจร ใช้ต้านโควิดได้จริงหรือ?

พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงกรณีประเด็นฟ้าทะลายโจรป้องกันโควิด19 หรือรักษาผู้ป่วยโควิดได้หรือไม่ ว่า จริง ๆ เรื่องนี้มีการศึกษาในระดับนานาชาติ ทั้งจีน อินเดีย พบว่า ฟ้าทะลายโจรมีสารสำคัญแอนโดรกราโฟไลด์(Andrographolide) ซึ่งในหลอดทดลองมีฤทธิ์ต้านไวรัสได้อย่างน่าสนใจ โดยปีที่ผ่านมาทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ทำการทดลองว่า เมื่อมาอยู่ในเซลล์ร่างกายจะป้องกันโคโรนาไวรัสได้หรือไม่ ปรากฏว่า ไม่สามารถป้องกันไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนโควิด และต้องมีมาตรการป้องกันโรคเช่นเดิม

เมื่อป้องกันไม่ได้จะทำอย่างไรในแง่ของการศึกษาฟ้าทะลายโจรนั้น พบว่า สารแอนโดรกราโฟไลด์ในฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ฆ่าไวรัสในหลอดทดลอง และยังฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางตัว อีกทั้ง ฟ้าทะลายโจรยังเป็นยาลดไข้ที่ดี โดยได้ใช้เป็นยาในบัญชียาหลักในการลดไข้ตั้งแต่ปี 2559 นอกจากนี้ ยังค้นพบว่า ในโควิด19 มีภาวการณ์อักเสบ จึงพบว่าฟ้าทะลายโจรลดการอักเสบ และส่งเสริมภูมิคุ้มกันได้ ดังนั้น กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้รับความร่วมมือจากหลายรพ.ในการศึกษาวิจัย 9 รพ. มีผู้ป่วยจำนวน 304 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยอาการน้อยให้รับประทานยาฟ้าทะลายโจรในขนาด 180 มิลลิกรัมต่อวัน วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน ซึ่งพบว่าผู้ป่วยอาการดีขึ้น โดยไม่พบผลข้างเคียงรุนแรง อาจมีเวียนศีรษะ หน้ามืด หรือถ่ายเหลว แต่ไม่มาก จึงคิดว่าน่าจะเป็นทางเลือกในการใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ขณะเดียวกันได้ขยายการใช้ยานี้ในรพ.สนาม โดยรพ.ธรรมศาสตร์ได้นำไปใช้ เมื่อมีความก้าวหน้าจะเผยแพร่ต่อไป

พญ.อัมพร กล่าวถึงการใช้ฟ้าทะลายโจรเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ว่า เป็นข้อแนะนำได้ในระดับหนึ่ง แต่ต้องรับประทานฟ้าทะลายโจรประมาณ 20 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกันไม่เกิน 5 วัน หยุด 2 วัน ต่อเนื่องไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งข้อแนะนำนี้เกิดจากการศึกษาที่ประเทศชิลี โดยมีการติดตามผลผู้รับประทานฟ้าทะลายโจรเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันพบว่า เกิดติดเชื้อไข้หวัดน้อยลงอย่างชัดเจน ซึ่งก็ต้องมีการศึกษาต่อไป อย่างไรก็ตาม ด้วยระดับยาที่ใช้ระดับนี้หากไม่มีข้อห้ามก็จะเป็นประโยชน์ได้

แม้ฟ้าทะลายโจร จะเป็นยาที่มีประโยชน์ต่อการเสริมภูมิคุ้มกัน รักษาอาการหวัด เจ็บคอได้ แต่ ฟ้าทะลายโจร คนท้อง ห้ามกินเด็ดขาดนะคะ!! เพราะจะกระทบต่อลูกในท้องได้ค่ะ

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

คนท้องติดโควิด รักษาอย่างไร? กระทบลูกในท้องหรือไม่?

เปิดรายชื่อ 62 ยาที่คนท้องห้ามกิน อันตรายทั้งแม่และลูก

คนท้อง กินยาพาราเซตามอล เสี่ยงลูกเกิดมาสมาธิสั้น !!

6 ผลไม้แก้ไอ ขับเสมหะ แม่ท้องกินได้ปลอดภัยไม่ต้องใช้ยา

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.dailynews.co.th, www.rspg.or.th, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หน่วยแพทย์ทางเลือก, มูลนิธิภิวัฒน์สาธารณสุขไทย

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

อุทาหรณ์ ลูกน้อยติดมือถือจนถึงขั้น “ลงแดง!!”

Alternative Textaccount_circle
event

โนโมโฟเบีย หรือโรคกลัวขาดมือถือ ต้องถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้ติดตัวตลอดเวลา ทุกวันนี้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่มีอาการเหล่านี้กันมาก ลองสังเกตตัวเองว่าเมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้าคุณทำสิ่งใดเป็นอันดับแรก และทำสิ่งใดอันดับสุดท้ายก่อนนอน สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือเมื่อลูก ติดมือถือจนลงแดง

(more…)

กินอะไรให้ลูกฉลาด

13 สารอาหารสำคัญ กินเพื่อลูกรักฉลาด ตั้งแต่อยู่ในครรภ์

event
กินอะไรให้ลูกฉลาด
กินอะไรให้ลูกฉลาด

กินอะไรให้ลูกฉลาด …แน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกคนต่างก็อยากให้ลูกของตนเองนั้น เกิดมามีสุขภาพที่แข็งแรง น่ารัก และเฉลียวฉลาด แต่ทราบหรือไม่ว่า คุณแม่สามารถบำรุงสมองของลูกให้ฉลาดได้ตั้งแต่ที่ลูกยังเป็นทารกในครรภ์

 

สมอง อวัยวะสำคัญอีก 1 ส่วนที่แม่อยากสร้างให้ลูกมีสมองที่ดีฉลาดล้ำ ซึ่งการที่จะสร้างให้สมบูรณ์แบบได้ นั้น เรื่อง “อาหาร” ก็เป็นสิ่งสำคัญค่ะ แล้วแม่ท้องต้องกินอะไรเพื่อช่วยเสริมสร้างสมองให้ลูกน้อยได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งเป็นพื้นฐานความฉลาดให้ลูกน้อยได้ตั้งแต่ในครรภ์ Amarin Baby & Kids มีคำตอบมาฝากค่ะ

แม่ท้องต้อง กินอะไรให้ลูกฉลาด

ความฉลาดของลูกมาจากไหน?

เด็กแต่ละคนก็ล้วนแต่มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน ความฉลาดของลูกนั้นนอกจากพ่อแม่จะเป็นผู้เติมเต็มให้กับลูกน้อยซึ่งเมื่อเขาออกมาสู่โลกภายนอกแล้ว พ่อแม่ก็ยังสามารถช่วยให้เขามีพัฒนาการที่ดีได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของคุณแม่ ผ่าน สารอาหารที่จำเป็นบางชนิด ซึ่งภาวะที่ขาดแคลนสารอาหาร หรือได้รับสารอาหารบางชนิดไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านสมองของเด็ก (เมื่อคลอดออกมาแล้ว) อย่างชัดเจน

♥ Must read : ลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์ ต้องเริ่มที่แม่มี 7 รหัสนี้ครบ
♥ Must read : นักวิจัยพิสูจน์แล้ว! ลูกจะสืบทอดสติปัญญาจากแม่ได้มากกว่าพ่อ

ทั้งนี้นอกจากสารอาหารที่มีประโยชน์แล้ว การพูดคุย การเล่นกับลูก ก็ส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านสมองของลูกเช่นกัน และยังส่งผลต่อภาวะทางอารมณ์ของลูกอีกด้วย เด็กที่อารมณ์ดีเพราะอยู่ในการดูแลที่ดี ได้รับ อาหารที่มีประโยชน์ เมื่อเติบโตขึ้นจะมีพัฒนาการทางสมอง พัฒนาการทางด้านร่างกาย และมีความฉลาด (ทั้งด้านความคิดและทางอารมณ์) มากกว่าเด็กที่ขาดสารอาหารเมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกัน

♥ Must read :  เทคนิคกระตุ้นสมองลูกให้ฉลาดอย่างถูกวิธี

สารอาหารคือหัวใจสำคัญของความฉลาดของทารกแรกเกิด

การขาดสารอาหารนั้นนอกจากจะทำให้พัฒนาการทางสมองของเด็กไม่ดีเท่าที่ควรแล้ว ยังทำให้อารมณ์ของลูกเปลี่ยนไปด้วย ลูกของเราบางคนเมื่อเราคลอดเขาออกมาแล้วอาจจะเงียบ ดูหงอยเหงา เซื่อง ซึม เนื่อง จากภาวะการขาดสารอาหารในช่วงที่เราตั้งครรภ์นั้นเอง เราสามารถป้องกันและแก้ไขได้โดยการทานอาหารและแร่ธาตุที่ครบถ้วน (ย้ำว่าครบถ้วน อย่ามากเกินไปนะค่ะ) ทั้งตัวคุณแม่เอง (ถ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่) และให้ลูกของ เราทานด้วย (เมื่อเราคลอดลูกของเราออกมาแล้ว)

การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทั้ง 5 หมู่ เป็นเรื่องสำคัญอย่างมากสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เนื่องจากอาหารที่คุณแม่รับประทานเข้าไปจะส่งผลถึงลูกโดยตรง ซึ่งคุณแม่สามารถกระตุ้นการทำงานของสมองลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์ได้ด้วยการรับประทานอาหารเหล่านี้

1. โปรตีน

เพราะโปรตีนมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของสมอง ถ้าลูกได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ จะทำให้สมองมีขนาดเล็ก  โปรตีนพบมากในอาหารประเภทเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ เช่น ปลา นม ไข่ ฯลฯ รวมถึงถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เหมาะสำหรับแม่ท้องทุกช่วงเดือน เนื่องจากโปรตีนเป็นสารอาหารหลักสำหรับร่างกายในการสร้างและเพิ่มขนาดเซลล์ สร้างน้ำนม เพิ่มปริมาตรเลือดสร้างน้ำย่อย สร้างภูมิคุ้มกัน ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ โปรตีนจึงจำเป็นต่อแม่ ท้องและลูกน้อยตั้งแต่แรกปฎิสนธิจนถึงกำหนดคลอดเลยค่ะ

กินอะไรให้ลูกฉลาด

2. คาร์โบไฮเดรต

อาหารประเภทแป้ง จะเปลี่ยนเป็นกลูโคสหรือน้ำตาลที่มีขนาดเล็กที่สุด เพื่อเป็นแหล่งพลังงานให้แก่ร่างกาย และเป็นอาหารที่จำเป็นของสมองของลูก คาร์โบไฮเดรตพบในข้าว ขนมปัง ธัญพืช น้ำตาล และน้ำผลไม้สด เหมาะสำหรับ : แม่ท้องไตรมาสที่ 1 เพราะหากคุณแม่มีอาการแพ้จากการตั้ง ครรภ์เนื่องจากฮอร์โมนไม่สมดุล คาร์โบไฮเดรตจะเป็นสารอาหารที่กินง่ายย่อยง่าย และช่วยเสริมสร้างพลังให้คุณแม่ได้เป็นอย่างดี

อ่านต่อ >> “สารอาหารสำคัญเพื่อลูกรักฉลาดตั้งแต่อยู่ในครรภ์” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

สร้างวินัยให้ลูก เหมือนเด็กญี่ปุ่น พ่อแม่ทำได้!

event

คำว่าวินัยกับเด็กดูเป็นอะไรที่ห่างไกลกัน ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนจึงได้ปล่อยปละละเลยไป เพราะคิดว่า สร้างวินัยให้ลูก เหมือนเด็กญี่ปุ่น ไปนั้นอย่างไรลูกก็ยังเป็นเด็กคงไม่รู้เรื่อง แต่การปลูกฝังวินัยให้กับเด็กเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ซึ่งตัวอย่างที่เราสามารถเห็นได้ชัดเจนมากที่สุด คือ วินัยของประเทศญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นจะมีการปลูกฝังเรื่องวินัยให้กับเด็กตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งไม่ใช่เป็นการไปโรงเรียนกวดวิชา หรือการเรียนพิเศษอย่างหนัก แต่สิ่งที่เขาสอนเด็กของเขาคือการแบ่งงานในบ้านให้รับผิดชอบ หรือการสอนให้เด็กทำงานบ้านนั่นเอง

สร้างวินัยให้ลูก เหมือนเด็กญี่ปุ่น เริ่มฝึกกันตั้งแต่ที่โรงเรียน

โรงเรียนในประเทศญี่ปุ่น เด็กชั้นประถม 1 – 6 ส่วนใหญ่มักจะเดินไปโรงเรียน โดยจะมีการรวมตัวกันตามจุดต่างๆ เดินแถวไปโรงเรียน โดยจะมี “ซิลเวอร์ซัง” ซึ่งเป็นผู้สูงอายุในชุมชนที่เกษียณอายุแล้ว จะมาคอยทำหน้าที่ดูแลและรักษาความปลอดภัยให้เด็กนักเรียน ทั้งขาไปและขากลับ

ซึ่งเด็กๆ จะใส่หมวกสีเหลือง เพราะเป็นสีที่เห็นได้ชัดเจน เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง โดยผู้ใหญ่จะสังเกตได้ง่าย และสามารถให้ความช่วยเหลือได้ โดยเด็กนักเรียนโรงเรียนรัฐบาล จะไม่ใส่ชุดนักเรียน เพื่อให้เด็กรู้จักสร้างสรรค์ แสดงออกในการแต่งกายที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตประจำวัน และเป็นการบ่งชี้เอกลักษณ์ของเด็กคนนั้นๆ แต่ก็มีการแต่ชุดเครื่องแบบในโรงเรียนเอกชน
ในตอนเช้าก่อนเข้าห้องเรียน เด็กจะเปลี่ยนรองเท้าเป็นแบบเดียวกันและเก็บให้เป็นระเบียบ เพื่อความสะอาดของห้องเรียน และไม่ต้องการให้มีความแตกต่างของรองเท้าที่อาจจะมีทั้งราคาถูก และราคาแพง อีกทั้งเด็กนักเรียน จะไม่มีการพกเงินไปโรงเรียน เพราะที่โรงเรียนจะไม่มีร้านขายของ ไม่ตู้ขายอัตโนมัติ
ทุกเช้าก่อนเริ่มเรียน จะมีการตรวจเช็คว่า นักเรียนพกผ้าเช็ดหน้าและกระดาษทิชชูมาหรือไม่ เพื่อการรักษาความสะอาดและสุขอนามัย ถ้าลืมจะถูกหักคะแนน และมีผ้าเช็ดหน้าสำรองให้ยืม และจะมีการซักถามว่า มีใครไม่สบายหรือไม่ ถ้ามีก็ต้องใช้ผ้าปิดปาก ดูแลตัวเอง ไม่ให้แพร่ไปยังเพื่อน และทุกคนก็จะมีการติดป้ายชื่อนักเรียน ที่หลังห้องเรียน จะมีกระดาษเขียนเป้าหมายของเด็กๆ ปิดไว้เพื่อเตือนให้ปฏิบัติตนตามเป้าหมายที่ให้ไว้ เช่น ผมจะไม่มีสายอีก หนูจะยกมือตอบคำถามให้บ่อยขึ้น
สร้างวินัยให้ลูก เหมือนเด็กญี่ปุ่น
เด็กนักเรียนจะมีการเปลี่ยนที่นั่งกันทุก 1 เดือน หรือ ทุก 3 เดือน โดยให้เด็กผู้ชายอกไปยืนรอนอกห้อง แล้วให้เด็กผู้หญิงจัดโต๊ะและเลือกที่นั่งก่อน แล้วจึงให้เด็กผู้ชายเขามาเลือกที่นั่ง โดยไม่รู้ว่าจะได้นั่งคู่กับใคร เป็นการทำความรู้จักกัน เรียนรู้ ปรับตัว สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและความสามัคคีกับเพื่อนนักเรียน
อ่านต่อ >> “เทคนิคการสร้างวินัยให้ลูกเหมือนเด็กญี่ปุ่น เริ่มจากโรงเรียน” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

น้ำคร่ำอุดตันในกระแสเลือด

น้ำคร่ำอุดตันในกระแสเลือด “เพชฌฆาตเงียบ” ของแม่ท้อง

Alternative Textaccount_circle
event
น้ำคร่ำอุดตันในกระแสเลือด
น้ำคร่ำอุดตันในกระแสเลือด

ภาวะแทรกซ้อนของคุณแม่ตั้งครรภ์อย่างหนึ่งที่ถูกขนานนามว่า “ฝันร้ายทางการแพทย์” เป็นภาวะที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างฉับพลันระหว่างเจ็บครรภ์คลอด ระหว่างคลอด หรือหลังคลอดไม่นาน นั่นคือภาวะ น้ำคร่ำอุดตันในกระแสเลือด (more…)

สำเนาถูกต้อง เซ็นยังไงไม่ให้ถูกโกง?

Alternative Textaccount_circle
event

คุณพ่อ คุณแม่ คงเคยทำธุรกรรมต่างๆ ที่ต้องใช้สำเนาบัตรประชาชน แต่สำเนาบัตรประชาชนนั้นสามารถนำมาดัดแปลง แก้ไข หรือถ้าตกไปอยู่ในมือของพวกมิจฉาชีพ คุณพ่อ คุณแม่อาจเดือดร้อน เป็นหนี้เป็นสินไม่รู้ตัว Amarin Baby & Kids จึงมีวิธีเซ็น สำเนาถูกต้อง มาฝากกันค่ะ

(more…)

ส้มโอผลไม้เพื่อคนท้อง

5 คุณประโยชน์มหัศจรรย์ของ “ส้มโอ” สำหรับคนท้อง

Alternative Textaccount_circle
event
ส้มโอผลไม้เพื่อคนท้อง
ส้มโอผลไม้เพื่อคนท้อง

ก่อนท้องใครเคยเป็นแบบนี้บ้าง เวลาหลังมื้ออาหารมักจะกินขนมหวานตบท้ายมากกว่าผลไม้ หรือระหว่างวันก็มักจะกินเบเกอรี่มากกว่าจะกินผลไม้ แต่ถ้าคุณกำลังตั้งท้องอยู่ล่ะก็ ขอบอกว่าเลยว่าขนมหวานๆ คุณแทบจะไม่อยากเตะเลย  ยิ่งถ้าเป็นช่วงตั้งท้องอ่อนๆ แต่คุณจะหันมาหาผลไม้ที่ให้รสชาติเปรี้ยวอมหวานนิดๆ ซึ่งผลไม้ตระกูลส้มมักจะเป็นผลไม้ที่คนท้องส่วนใหญ่นึกที่จะอยากกินกันมากที่สุด ทีมงาน Amarin baby & kids ขอนำเสนอ 5 ประโยชน์ของส้มโอ ที่บอกเลยว่าแม่ท้องต้องกิน

 

แต่ก่อนที่เราจะไปล้วงลึกประโยชน์ของส้มโอ ก็มีบ้างที่แม่ท้องบางท่านเกิดความสงสัยว่า ส้มโอ คนท้อง จะกินได้ไหม หมายถึงถ้ากินส้มโอมากไปจะส่งผลต่อสุขภาพช่วงตั้งครรภ์หรือเปล่า  ฉะนั้นหากอยากรู้ว่าส้มโอจะมีผลเสียหรือผลดีต่อสุขภาพ ขอให้อ่านบทความนี้ให้จบแล้วคุณแม่ท้องจะพบคำตอบที่ต้องการค่ะ

 

ประโยชน์ของส้มโอ : มารู้จัก “ส้มโอ” กันดีกว่า

ส้มโอเป็นผลไม้ตระกูลส้มชนิดหนึ่ง มีต้นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันหาทานได้จากแทบทุกที่ทั่วโลก ส้มโอมีเปลือกสีเขียว หรือเหลือง เนื้อสีขาว ส้ม ชมพู หรือแดง รสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อส้มโอสีขาวจะมีรสชาติอ่อนกว่าส้มโอสีชมพู แต่ถ้าจะให้เลือกกินส้มเขียวหวาน หรือส้มสายน้ำผึ้ง ส้มบางมด กับกินส้มโอ เชื่อว่าทุกคนก็จะเลือกกินส้มทั่วไปมากกว่าจะกินส้มโอกันใช่ไหมคะ ที่ส้มสายพันธุ์ทั่วไปอาจได้รับความนิยมนำมาบริโภคมากกว่าส้มโอ้ อาจเป็นเพราะเปลือกปอกง่ายกว่า และหาทานได้ง่ายกว่า แต่ขอบอกว่าไม่ใช่แค่แม่ท้องนะคะที่ควรกินส้มโอ เพราะคนไม่ท้อง เด็ก หรือผู้ใหญ่ควรหันมากินส้มโอกันให้มาก เพราะส้มโอให้คุณค่าทางสารอาหารสูงไม่แพ้ส้มผลเล็กๆ เลยละค่ะ

ส้มโอ คนท้อง

เครดิตภาพ : shutterstock


ประโยชน์ของส้มโอ ที่แม่ท้องจะได้รับมีอะไรบ้าง
?

ผลไม้ตระกูลส้มส่วนใหญ่จะมีคุณค่าทางอาหารคล้ายๆ กัน จะแตกต่างกันแค่ปริมาณวิตามินเท่านั้นเองค่ะ  ดังนั้นไม่ว่าส้มเขียวหวาน ส้มเช้ง หรือส้มโอ ก็ให้ประโยชน์ต่อร่างกายคล้ายๆ กัน แต่อาจมีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ชนิดของส้ม สำหรับส้มโอนั้น มีคุณประโยชน์สำคัญที่จำเป็นต่อคนท้องดังนี้ค่ะ

  1. ส้มโอ มีกรดโฟลิกสูง กรดโฟลิกจำเป็นสำหรับคนท้องมาก ถ้าขาดไป มีโอกาสเสี่ยงลูกคลอดออกมาไม่สมบูรณ์
  2. ส้มโอ เป็นแหล่งวิตามิน C ชั้นเยี่ยม แม่ท้องต้องการวิตามิน C อย่างน้อยวันละ 85 มิลลิกรัม วิตามิน C มีประโยชน์มากมาย เช่น เสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย ป้องกันหวัด และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายอีกด้วย
  3. ส้มโอ มีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ ด้วย เช่น ไลโคปีน ซึ่งพบในส้มโอเนื้อสีชมพู หรือเนื้อสีแดง
  4. ส้มโอ มีใยอาหารสูง ถ้าทานเป็นประจำจะช่วยป้องกันปัญหายอดฮิตของคนท้องอย่างอาการท้องผูกได้ดีมากๆ เลยค่ะ ฉะนั้นแม่ท้องที่มีปัญหาท้องผูก ถ่ายยาก แนะนำให้เพื่อใยอาหารให้ร่างกายด้วยการกินส้มโอให้มากหน่อยๆ
  5. ส้มโอ มีโพแทสเซียม และแคลเซียมสูง โพแทสเซียมบำรุงกล้ามเนื้อและประสาทให้แข็งแรง ควบคุมความดันเลือดให้ปกติ ส่วนแคลเซียมเป็นธาตุอาหารที่คนท้องต้องการอย่างมากเพื่อใช้เสริมสร้างกระดูกของทั้งคุณแม่และลูกในท้อง

 

เห็นถึงประโยชน์ของส้มโอแล้วใช่ไหมคะว่าดีกับสุขภาพร่างกายของคนท้องยังไง คุณแม่ท้องคนไหนที่ยังไม่เคยทานส้มโอ ต้องหามาทานกันบ้างแล้วค่ะ ขอบอกว่าตอนผู้เขียนท้องก็มีส้มโอติดบ้านไว้เลยค่ะ เวลารู้สึกคลื่นไส้ จะอาเจียนเพราะอาการแพ้ท้อง ก็ได้ส้มโอนี่แหละค่ะช่วยชีวิตได้มากเลย ^_^

 

อ่านต่อ “คนท้องกินส้มโอมากๆ ปลอดภัยหรือไม่ ?” คลิกหน้า 2 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

แต่งห้องนอนลูก ตามหลักฮวงจุ้ย! เสริมพลังด้านความฉลาด และหลับได้อย่างสบาย

event

เพราะร่างกายของคนเรามักมีพลังชีวิตแฝงอยู่ สำหรับพลังงานและพัฒนาการระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก และการจัด แต่งห้องนอนลูก หากคุณพ่อคุณแม่สามารถจัดได้ตามหลักฮวงจุ้ยที่ถูกต้องได้ด้วยแล้ว ก็จะช่วยเพิ่มพลังด้านดีๆ ให้กับลูกรักของคุณได้เช่นกัน

สำหรับการแต่งห้องนอนลูกโดยเฉพาะลูกน้อยวัยกำลังเติบโต คุณพ่อคุณแม่ควรเน้นจัดห้องที่ให้พลังงานหยางเป็นหลัก เพราะพลังงานดังกล่าวมีส่วนช่วยให้ลูกของคุณเกิดความสดชื่น กระตือรือร้น พร้อมเปิดรับการเรียนรู้ทุกมุมมองได้อย่างเบิกบานแจ่มใส แต่ในทางตรงกันข้ามหากคุณแม่จัดห้องนอนให้ลูก ที่มีบรรยากาศสะท้อนความรูสึกอันแสนเศร้าหม่นหมอง อึมครึม พลังงานความตึงเครียดที่สะท้อนออกมาจะกลายเป็นพลังงานด้านลบที่ฝังลึกในจิตใจและจิตใต้สำนึกของลูกไปจนตลอดชีวิตแน่นอน เพราะฉะนั้นแล้วจะแต่งห้องนอนลูก ให้ช่วยเสริมพลัง ด้านดีต่างๆ ให้ลูกฉลาดและสบายได้อย่างไร เรามีเทคนิคดีๆ เกี่ยวกับการจัดห้องนอนของลูกโดยยึดหลักฮวงจุ้ยที่ถูกต้องเหมาะสม มาฝาก ดังนี้ค่ะ

เทคนิคการ แต่งห้องนอนลูก

1.สีห้องที่แสนสดใส

แต่งห้องนอนลูก

การตกแต่งห้องนอนของลูกน้อยด้วยสีสันที่สดใส จะเป็นการเพิ่มพลังในการเรียนรู้มากกว่า และเมื่อลูกโตขึ้น คุณพ่อคุณแม่ก็ลองปล่อยให้เขา ได้เลือกสีในการตกแต่งห้องด้วยตัวเอง เพราะจะทำให้เขารู้สึกว่า ได้เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว และจะเกิดความภูมิใจที่ได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง

สีเหลือง = เป็นสีของความสนุกสนาน สดใส

สีส้ม = เป็นสีของความคิดสร้างสรรค์และความกระตือรือร้น

สีเขียว = ทำให้ผ่อนคลาย ร่มเย็น ช่วยให้หายเหนื่อยได้

สีฟ้า = ได้รับการยอมรับว่าเป็นสีที่ทำให้หลับลึกที่สุด อาจจะใช้กับสีห้อง ข้าวของเครื่องใช้ หรือเสื้อผ้า

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

2. สิ่งของต้องห้ามที่ไม่ควรมีในห้องนอน

แต่งห้องนอนลูก

หลีกเลี่ยงการตกแต่งภาพฝาผนังและภาพส่วนอื่นๆ ที่สะท้อนความรู้สึกตื่นเต้นน่ากลัว นอกจากนี้ เพื่อความปลอดภัยของลูก ในส่วนของเล่นลูกน้อยก็ไม่ควรนำของเล่นประเภทกระบี่ ดาบหรือของมีคมต่างๆ มาไว้ภายในห้องนอน รวมทั้งของตกแต่งต่างๆ ที่น่ากลัว และไม่ควรมีคอมพิวเตอร์เครื่องวีดีโอเกม หรือโทรทัศน์ เพราะสิ่งเหล่านี้จะยิ่งเร้าอารมณ์ให้ลูกน้อยนอนหลับยากมากกว่าเดิม

 

3. หลีกเลี่ยงเตียงนอน 2 ชั้น

แต่งห้องนอนลูก

เตียง 2 ชั้น จะทำให้เด็กที่นอนอยู่ด้านล่างมีพลังชี่กดทับอยู่ ซึ่งส่งผลให้พัฒนาการและการเจริญเติบโตเป็นไปได้อย่างไม่เต็มที่ ส่วนเด็กที่นอนอยู่ด้านบนก็อาจจะอึดอัด หากฝ้าเพดานไม่สูงพอ ขอแนะนำควรเลือกเตียงนอนแบบชั้นเดียวทั่วไปจะดีกว่า

อ่านต่อ >> “เทคนิคการ แต่งห้องนอนลูก ตามหลักฮวงจุ้ยที่ดี” คลิกหน้า 2

16 ภาพทั้งฮาและน่ารัก ของเด็กๆ ก่อน VS หลัง ไปโรงเรียนวันแรก

event

เมื่อเข้าสู่วัยเรียนของเด็กๆ การที่ ลูกไปโรงเรียนวันแรก  มีพ่อแม่หลายคนตื่นเต้นไม่น้อย แต่ก็คงไม่เท่ากับเจ้าตัวเด็กๆ เองเป็นแน่ ซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่ยังจำความรู้สึกในวัยเด็กได้!? ความรู้สึกที่ต้องไปโรงเรียนครั้งแรก มันช่างเป็นอะไรที่น่าดีใจมาก หรือไม่ก็คงทรมานสุดๆ เลย แต่หากคุณจำความรู้สึกและบรรยากาศเหล่านั้นไม่ได้ล่ะก็ ลองไปดูภาพของเด็กๆ เหล่านี้กันหน่อยว่าจะเป็นอย่างไร ในวันที่ต้องไปโรงเรียนวันแรก และหลังจากกลับมาถึงบ้าน

ลูกไปโรงเรียนวันแรก

แน่นอนว่าการไปโรงเรียนในวันแรกนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายสุดๆ สำหรับเหล่าเด็กน้อยทั้งหลาย เพราะต้องไปพบเจอกับเพื่อนใหม่ ๆ สังคม และสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ รวมถึงวิชาเรียนใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน เด็กหลายคนอาจจะตื่นเต้นสนุกสนาน และดีใจที่ได้เล่นกับเพื่อนใหม่ หรือบางคนร้องไห้งอแงไม่อยากไป ก็มีอยู่มากมาย

เมื่อ ลูกไปโรงเรียนวันแรก ก็มีบรรดาพ่อแม่ได้ถ่ายรูป ก่อน VS หลัง ของลูกน้อยตัวเองไว้ เพื่อดูว่าจะมีปฏิกิริยาออกมาเป็นอย่างไร ว่าแล้วก็ไปชมสภาพของเด็กๆ กันดีกว่าว่าจะออกมาดูแตกต่างกันแค่ไหน

16 ภาพสุดฮาปนน่ารัก ลูกไปโรงเรียนวันแรก ก่อน VS หลังกลับจากโรงเรียน

1. เหมือนอะไรบางอย่าง ค้างอยู่ในใจ

ลูกไปโรงเรีนวันแรก

2. ถึงกับ เหวอ! ไปเลยค่ะ

ลูกไปโรงเรีนวันแรก

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

3. ขาแทบไม่มีแรง!

ลูกไปโรงเรียนวันแรก

4. วันที่ 2 แล้ว ไม่ไปได้มั๊ยครับ -.-

ลูกไปโรงเรียนวันแรก

คลิกชม >> ” ภาพก่อน VS หลัง ไปโรงเรียนวันแรก ทั้งฮาและน่ารักของเด็กๆ” คลิกหน้า 2

 

ทารกกินน้ำ

ทารกแรกเกิด-6 เดือน ต้องกินน้ำหรือไม่ ?

Alternative Textaccount_circle
event
ทารกกินน้ำ
ทารกกินน้ำ

องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าน้ำนมแม่ในช่วง 6 เดือนแรกมีประโยชน์ต่อลูกมากที่สุด น้ำนมแม่มีสารอาหารที่ครบถ้วน และยังมีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 90% เด็กที่ได้กินนมแม่อย่างเดียวในช่วงหกเดือนแรก จะได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตโดยที่ไม่จำเป็นต้องทานอาหารเสริม และดื่มน้ำหลังกินนมแม่อิ่มแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ยังจะเกิดคำถามกับแม่มือใหม่อยู่เสมอว่า ทารกกินน้ำ ได้ไหม ?  ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำตอบในเรื่องนี้มาฝากกันค่ะ

แต่ก่อนอื่นที่เราจะไปพบคำตอบว่าควรให้เด็กทารกกินน้ำได้หรือไม่ อยากให้คุณแม่ทุกคนที่กำลังตั้งใจจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ได้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของน้ำนมแม่ สุดยอดอาหารสำหรับลูกน้อยกันก่อนค่ะ  สิ่งดีๆ ที่อยู่ในน้ำนมแม่ 5 ประการ จากการไม่ให้ทารกกินน้ำ

  1. ในน้ำนมแม่มีสารอาหารที่ลูกต้องการอย่างครบถ้วน พอเหมาะและพอเพียง
  2. นมแม่มีวัคซีนหยดแรกของชีวิตที่จะสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูก
  3. น้ำนมแม่มีสารควบคุมการเจริญเติบโตให้ลูกเติบโตขึ้นอย่างสมวัย
  4. น้ำนมแม่จะมีสารแห่งความรัก ที่เรียกว่า “Prolactin” และ “Oxytocin” ซึ่งสารสองตัวนี้มีเฉพาะในน้ำนมแม่เท่านั้น ถ้าเด็กที่ได้กินน้ำแม่ก็จะได้รับสารแห่งความรักสองตัวนี้ด้วย ซึ่งไปจะกระตุ้นให้ลูกรักแม่ และมีความผูกพันกับแม่มากๆ
  5. การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำให้แม่ลูกได้โอบกอดกันอยู่แนบอก ก่อเกิดเป็นสายใยรักและความผูกพันกันอย่างที่ใครก็แทนที่ไม่ได้

อ่านต่อ >> “ทารกกินนมแม่นาน 6 เดือน จะขาดน้ำหรือไม่” หน้า 2

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

วิธีทำคอกกั้นลูกน้อย

วิธีทำคอกกั้นลูกน้อย ดี ง่าย และราคาถูก

Alternative Textaccount_circle
event
วิธีทำคอกกั้นลูกน้อย
วิธีทำคอกกั้นลูกน้อย

คุณพ่อ คุณแม่ที่มีลูกน้อยที่กำลังเข้าสู่ในช่วงวัยหัดคลาน หรือหัดเดิน อาจเกิดความกังวลว่าลูกน้อยจอมซน จะเดินไปสะดุดหกล้มตรงบริเวณที่เป็นอันตราย เช่น หกล้มชนหม้อน้ำร้อน หรือหกล้มตรงบันได เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ Amarin Baby & Kids มี วิธีทำคอกกั้นลูกน้อย มาฝากค่ะ

(more…)

ห่อตัวลูก

ห่อตัวลูก อย่างไร? ให้ถูกวิธี อบอุ่น และปลอดภัย

event
ห่อตัวลูก
ห่อตัวลูก

การ ห่อตัวลูก เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พ่อแม่มือใหม่ควรรู้ เพราะผ้าห่อตัวจะช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกอบอุ่นคล้ายยังอยู่ในท้องแม่ที่คุ้นเคย อีกทั้งยังเป็นเสมือนการปลอบโยนและช่วยกล่อมให้ลูกหลับได้ในคราวเดียวกัน

ทำไมต้อง ห่อตัวลูก

เชื่อว่ามีคุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายคน ต้องเคยสงสัยว่า… ทำไมต้องใช้ผ้าห่อตัวเด็กด้วย ซึ่งเหตุผลของการห่อตัวเด็กก็เพราะตลอดระยะเวลา 9 เดือนที่ลูกอยู่ในท้องโดยได้รับการปกป้องดูแลอย่างดีภายในร่างกายของคุณแม่ พร้อมมีการพัฒนาและเจริญเติบโต ลอยตัวอยู่ในถุงน้ำคร่ำ ซึ่งอุณหภูมิในนั้นจะอุ่นๆ ทำให้ลูกน้อยรู้สึกสบายและปลอดภัย  เมื่อคลอดออกมาสู่โลกภายนอก ลูกน้อยจะยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาวะแวดล้อมและอุณหภูมิที่เปลี่ยนไปได้ ทำให้เกิดความระแวงหรือหวาดกลัว โดยแสดงออกด้วยการร้องไห้

การห่อตัว สามารถช่วยกระชับแขนขาของลูกน้อยให้แนบแน่นกับลำตัวไม่เคว้งคว้างจะทำให้ลูกรู้สึกเสมือนว่ากำลังนอนคู้ตัวอยู่ในครรภ์ ช่วยลดอาการสะดุ้งตกใจ (จากเสียงดังรอบข้าง) ซึ่งการห่อตัวยังช่วยลูกเกิดความอบอุ่น ทั้งยังรักษาอุณหภูมิในร่างกายของลูก ทำให้ลูกน้อยรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเหมือนตอนที่อยู่ในท้องแม่นั้นเอง

ห่อตัวลูก

ประโยชน์ของผ้าห่อตัวทารก

  • ผ้าห่อตัวสามารถช่วยกระชับแขนขาของทารกให้แนบแน่นกับลำตัวไม่ให้เคว้งคว้างทำให้ทารกรู้สึกเสมือนว่ากำลังนอนคู้ตัวอยู่ในท้องแม่
  • ช่วยลดอาการสะดุ้งตกใจจากเสียงดังรอบข้าง
  • ช่วยให้เกิดความอบอุ่น รักษาอุณหภูมิของร่างกายทารก ทำให้ไม่รู้สึกหนาวเย็น
  • ช่วยพยุงตัวทารก เนื่องจากเด็กแรกเกิดตัวยังอ่อน คอยังไม่แข็งทำให้อุ้มยาก การห่อตัวจะช่วยเพิ่มแรงพยุงและอุ้มง่ายขึ้น เวลาจะเปลี่ยนให้อีกคนอุ้มก็จะง่ายขึ้นด้วย
  • ช่วยเรื่องการพัฒนาระบบประสาทโดยเฉพาะเด็กเล็กคลอดก่อนกำหนด หรือเด็กที่มีน้ำหนักตัวน้อยมากๆ การห่อตัวจะช่วยลดปฏิกิริยาที่ไวมากต่อการกระตุ้นจากการถูกสัมผัสครั้งแรก ช่วยให้เด็กปรับตัวกับการถูกสัมผัสได้ดีขึ้น

เพราะเหตุใดการห่อตัวทารกแรกคลอดอาจเสี่ยงต่อโรคไหลตาย ?

แม้ว่าการห่อตัวทารกน้อยจะเป็นวิธีที่ช่วยให้ทารกนอนหลับได้ดีขึ้น แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไหลตายได้ สาเหตุพื้นฐานที่สามารถอธิบายได้คือ เมื่อทารกน้อยเริ่มพลิกตัวนอนคว่ำในขณะได้รับการห่อตัวอาจทำให้ขาดอากาศหายใจเนื่องจากการคว่ำหน้าลงบนวัสดุรองนอน ทารกน้อยจะไม่สามารถพลิกตัวกลับมานอนหงายได้เอง เนื่องจากแขนขาถูกห่อไว้ นอกจากนี้การศึกษาในต่างประเทศพบว่าทารกที่ได้รับการห่อตัวในขณะหลับจะมีอัตราการเต้นของหัวใจสูงกว่าทารกที่ไม่ได้รับการห่อตัวหลังได้รับการกระตุ้นด้วยเสียงดัง ถ้าหากทารกน้อยมีความบกพร่องในการควบคุมการทำงานของหัวใจและไม่สามารถปลุกให้ตื่นจากการนอนหลับ อาจนำไปสู่การลดการตอบสนองของหัวใจและระบบไหลเวียนเลือด ซึ่งเป็นกลไกหลักที่ก่อให้เกิดโรคไหลตายในทารกหรือ sudden infant death syndrome (SIDS) นอกเหนือจากภาวะเสี่ยงต่อโรคไหลตายในทารกแล้ว การห่อตัวทารกอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดการเจริญพัฒนาของสะโพกที่ผิดปกติ อุณหภูมิร่างกายสูงเกิน ปอดบวม หรืออาจเกิดการติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบน

อ่านต่อ >> ห่อตัวลูกน้อยอย่างไรให้ปลอดภัยในช่วงเวลานอน” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

หม้อหุงข้าวลวกมือลูก

ลูกโดนฝาหม้อหุงข้าวลวกมือ แม่ใจแทบสลาย

Alternative Textaccount_circle
event
หม้อหุงข้าวลวกมือลูก
หม้อหุงข้าวลวกมือลูก

มีคุณแม่ท่านหนึ่งโพสต์ระบายความในใจผ่านทางเฟสบุ๊ค ถึงสามี เมื่อคุณแม่ฝากลูกเอาไว้กับสามี เพื่อที่จะไปส่งของ หาเงินมาเลี้ยงลูกน้อย แต่ต้องกลับมาพบกับความเจ็บของลูก เมื่อผู้เป็นพ่อเล่าว่า ลูกคลานไปโดนฝาหม้อหุงข้าวที่กำลังเดือด แม่ใจแทบสลายเมื่อ หม้อหุงข้าวลวกมือลูก

(more…)

รถหัดเดิน อันตราย

รถหัดเดิน อันตราย ! ลูกเดินเขย่งจนต้องทำกายภาพ

Alternative Textaccount_circle
event
รถหัดเดิน อันตราย
รถหัดเดิน อันตราย

คุณแม่น้องเตอร์ได้แชร์ประสบการณ์ผ่านเพจ “HerKid รวมพลคนเห่อลูก ถึงการใช้ รถหัดเดิน อันตราย ทำให้ลูกเดินเขย่งปลายเท้ามาตลอด จนในที่สุด ลูกต้องทำกายภาพเพราะรถหัดเดิน โดยคุณแม่ได้เล่าไว้ ดังนี้ (more…)

เต้านมคัด

เต้านมคัด ปวดมาก แก้ไขอย่างไรดี ?

Alternative Textaccount_circle
event
เต้านมคัด
เต้านมคัด

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ควรจะเป็นเรื่องสวยงามของผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นแม่และได้ทำหน้าที่อันหน้าภาคภูมิใจในการได้ให้อาหารที่วิเศษสุดกับลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิด แต่เชื่อไหมคะว่าระหว่างทางเดินอันสวยงาม คุณแม่ที่ให้นมลูกมักต้องพบกับปัญหาหนักหน่วงทรมานร่างกาย ด้วยอาการเต้านมคัด ในคุณแม่บางรายที่ต้องให้นมลูกไปด้วยทั้งน้ำตา เหตุเพราะ เต้านมคัด และปวดมาก

 

อาการเต้านมคัดจะเกิดขึ้นกับเต้านมทั้ง 2 ข้าง เนื่องด้วยกระบวนการสร้างน้ำนมแม่ที่มากจนน้ำนมระบายออกไม่ทัน จึงทำให้เกิดอาการคัด บวม ลานนมตึงแข็งและ เต้านมคัด จนร้อน บางครั้งเต้านมคัด ปวดจนไข้ขึ้นเลยก็มี ซึ่งทีมงาน Amarin Baby & Kids ก็มีวิธีแก้ไขหากคุณแม่มีอาการ เต้านมคัด มาฝากกันค่ะ

 

Good to know…. “ทารกแรกเกิดช่วงเดือนแรกจะกินนมแม่ 8-12 ครั้งต่อวัน และหลังจากนั้นจะกินนมแม่ 6-10 ครั้งต่อวัน”

 

เต้านมคัด เต้านมเต็ม คืออะไร ?

เต้านมคัดหรืออาจเรียกว่าเต้านมเต็มก็ได้ คือการที่เต้านมมีอาการร้อน หนัก แข็ง จนมีน้ำนมหยด วิธีแก้ไขเบื้องต้นเมื่อเกิดอาการเต้านมคัด นั่นคือให้ลูกดูดนมบ่อยๆ พอเต้านมนิ่มลง คุณแม่ที่ให้นมลูกจะรู้สึกสบายตัวขึ้น และเมื่อให้ลูกดูดนมต่อไปอีก 2-3 วัน อาการร้อนและหนักที่เต้านมก็จะหายดีขึ้นจนเป็นปกติ

 

อาการเต้านมคัด มีสาเหตุมาจากปัจจัยใดได้บ้าง ?

    1. เต้านมคัดมักมาจากกระบวนการสร้างน้ำนมในแต่ละวันเต้านมสร้างน้ำนมมากเกินไป แต่ไม่สมดุลกับการระบายน้ำนมออกจากเต้า
    2. มีแม่ให้นมลูกจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้ให้ลูกดูดนมบ่อยตามที่ควรจะให้ดูด และมักจะทิ้งช่วงการให้ลูกกินนม (ควรให้ลูกดูดนมวันละ 8-12 ครั้งต่อวัน) จึงทำให้เต้านมมีน้ำนมสะสมในเต้ามากจนเต้านมคัด
    3. แม่มือใหม่ส่วนใหญ่ไม่รู้วิธีการให้นมลูก บางครั้งจึงให้ลูกดูดนมไม่ถูกวิธี การดูดนมไม่ถูกวิธีเป็นผลให้น้ำนมที่ผลิตออกมาระบายได้ไม่ดี
    4. บางครั้งแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ก็อาจเกิดมีความเครียด ร่างกายอ่อนเพลีย ก็ส่งผลให้เต้านมคัดขึ้นได้เช่นกัน
    5. เต้านมมีความผิดปกติ เช่น หัวนมเป็นแผล หัวนมสั้น หัวนมบอด ฯลฯ จนแม่ไม่สามารถให้ลูกดูดนมได้ ปัจจัยเหล่านี้เป็นเหตุให้เต้านมคัดบวมได้
    6. คุณแม่มือใหม่บางคนมักชอบให้ลูกดูดจุกหลอกบ่อยเกินไป จนลูกติดจุกนมหลอกทำให้ปฏิเสธเต้านมแม่ พอลูกไม่ดูดนมมากๆ เข้า ก็ทำให้เต้านมคัด

 อ่านต่อ “เต้านมคัดปวดมาก แก้ไขอย่างไร?”

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

keyboard_arrow_up