การนอกใจ

บาปที่เกิดจาก การนอกใจ น่ากลัวขนาดไหน ควรอ่านให้ดี!

การนอกใจ ต้นเหตุใหญ่ที่ทำให้ชีวิตคู่และครอบครัวต้องสั่นคลอน บาปนั้นจะน่ากลัวขนาดไหน ไปดูพร้อม ๆ กัน

 

 

“กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี” การเว้นจากการประพฤติผิดในกามทั้งหลาย ศีลข้อ 3 ที่ถูกบัญญัติขึ้น ด้วยหวังปลูกความสามัคคี สร้างความเป็นปึกแผ่น ป้องกันความแตกร้าวในหมู่มนุษย์ และทำให้วางใจกันและกัน ชายกับหญิงแม้ไม่ได้เป็นญาติกัน ก็ยังมีความรักใคร่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ ด้วยอำนาจความปฏิพัทธ์ในทางกาม สิกขาบทข้อนี้ แปลว่า เว้นจากการประพฤติผิดในกามทั้งหลาย คำว่า “กามทั้งหลาย” ในที่นี้ได้แก่ กิริยาที่รักใคร่กันทางประเวณี การประพฤติผิดในกาม

การประพฤติผิดในกาม มักมาก คือสิ่งที่คนเราต้องรู้จักพอเพียงให้ดี ไม่ใช่พอเห็นอะไร ก็อยากได้ อยากมี เป็นของตัวเอง เพราะเบื่อของเก่าที่อยู่ที่บ้าน ของเก่าที่กลิ่นเดิม ๆ ไม่มีความเร้าใจ จะไปเทียบอะไรกับเด็กสาว ๆ สวย ๆ ได้ และนี่ละ คือต้นเหตุที่นำไปสู่การแตกของครอบครัว ที่คนทำหารู้ไม่ว่านั่นคือ การสร้างเวรกรรมที่น่ากลัวให้กับตัวเอง!

อะไรคือสาเหตุของพฤติกรรม อ่านต่อ คลิก!

    ทูน่ากระป๋อง

    รีวิว “ทูน่ากระป๋อง” ในน้ำเกลือ น้ำแร่ และน้ำมัน เลือกแบบไหน? ให้ลูกได้ประโยชน์สูงสุด!

    ทูน่ากระป๋อง …เหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่มีเวลา! เป็นหนึ่งทางเลือกที่นอกจากจะหาซื้อได้ง่ายแล้ว ยังนำไปปรุงเป็นเมนูต่างๆ ได้หลากหลาย และใช้เวลาเตรียมวัตถุดิบไม่นาน เพียงเปิดกระป๋องเนื้อปลาที่อุดมไปด้วยโปรตีน โอเมก้า 3 วิตามิน และเกลือแร่ ก็พร้อมปรุงทันที!!!

    Continue reading “รีวิว “ทูน่ากระป๋อง” ในน้ำเกลือ น้ำแร่ และน้ำมัน เลือกแบบไหน? ให้ลูกได้ประโยชน์สูงสุด!”

      6 โรคระบาดหน้าหนาว ที่พ่อแม่ควรระวัง!

      ใกล้หน้าหนาวเข้ามาทุกที กรมควบคุมโรคเตือน ระวัง 6 โรคระบาดหน้าหนาว เอาไว้ให้ดี

       

       

      คุณพ่อคุณแม่สังเกตกันไหมคะว่า ช่วงนี้ตอนเช้าอากาศเริ่มเย็นลงและฟ้ามืดไวขึ้น นั่นแสดงว่าประเทศของเรากำลังเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวกันแล้วละค่ะ แน่นอนว่า หน้าหนาวก็เป็นอีกหน้าหนึ่งที่ทำให้เราพบเห็นโรคระบาดต่าง ๆ มากมายด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก ๆ

      และในวันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids จะขอนำเสนอ 6 โรคระบาดที่ชอบมาพร้อมกับหน้าหนาวให้คุณพ่อคุณแม่ได้รับทราบกันค่ะ ซึ่งจะมีโรคอะไรบ้างนั้น กรมควบคุมโรคได้รวบรวมเอาไว้แล้ว ดังต่อไปนี้

      โรคที่ชอบระบาดหน้าหนาวมีอะไรบ้าง อยากรู้คลิกเลย!

        สอนให้ลูกใจเย็น

        3 เทคนิคดี สอนลูกให้ใจเย็น รู้จักอดทน รอคอยเป็น ในยุค 5G

        สอนลูกให้ใจเย็น อย่างไร? ในยุคสมัยที่สังคมปัจจุบันนี้ต่างก็เร่งรีบไปหมด หรือประเภทที่ยิ่งเร็วยิ่งดี ยิ่งเร็วยิ่งเก่ง วงจรของความเร็วก็เลยต้องทำให้พ่อแม่ลูก และผู้คนต้องคิดเร็ว ทำเร็ว ใจเร็ว ได้เร็ว เปลี่ยนเร็ว

        เทคนิค สอนลูกให้ใจเย็น อยู่นิ่ง รู้จักรอคอย ในสังคมยุค 5G

        ความเร็วในที่นี้ ไม่ว่าจะเริ่มตั้งแต่ตื่นเช้ามาก็รีบอาบน้ำ รีบแต่งตัวส่งลูกไปโรงเรียน และรีบไปทำงานเพื่อให้ทันเวลา รีบกินอาหารแต่ละมื้อ เวลาขับรถก็เร่งรีบอยากให้ถึงที่หมายปลายทางโดยเร็ว ใครขับรถช้าก็หงุดหงิด ใครทำอะไรชักช้าก็รำคาญ ยิ่งถ้าเป็นลูกหลานของตัวเองทำอะไรช้าก็มักต่อว่าแล้วจะทำมาหากินอะไรได้ทัน หรือก็ประมาณว่าไม่ทันคน

        และยิ่งในปัจจุบันนี้เป็นโลกแห่งเทคโนโลยี ทำให้เกือบทุกครอบครัวเน้นในเรื่องของความเร็วของวิถีชีวิต เพราะทั้งพ่อแม่ และเด็กๆ ต่างก็ถูกปลูกฝังให้สามารถเข้าถึงข้อมูลด้วยความรวดเร็วเพียงใช้ปลายนิ้วมือในเวลาไม่กี่นาที โดยมีเจ้าความเร็วนี่แหละที่ทำให้สังคมมีปัญหา!

        สอนลูกให้ใจเย็น

        อีกทั้งความเร็วยังส่งผลให้เด็ก ๆ มักจะขาดแรงจูงใจในการเรียนรู้ เบื่อง่าย หงุดหงิด ไม่มีสมาธิ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเทคโนโลยีและชีวิตที่ทันสมัย สะดวกสบาย รวดเร็วทันใจ เวลาพ่อแม่มอบหมายงานให้ทำ ก็ไม่สามารถอดทนทำให้สำเร็จได้ ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการเลี้ยงดูที่ตามใจมากจนเกินไป หรือขัดใจมากจนเกินไป ทำให้เด็กมีพฤติกรรมที่ต้องการจะเอาชนะ กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเอง บางคนก็ร้องอาละวาดเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม คุณพ่อคุณแม่จึงควรฝึกให้ลูกรู้จักการรอคอย เพราะถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการเข้าสังคมของเด็กในอนาคต

        เรียกได้ว่าสื่อเหล่านี้หากใช้อย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์จะเป็นภัยร้ายสำหรับลูกน้อย ทำให้สมองของลูกถดถอยลงได้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ไม่อาจปฏิเสธเทคโนโลยีได้ แต่ก็ไม่ควรไม่เห็นด้วยกับความเร็วในทุกเรื่อง เพราะเจ้าความเร็วที่ว่าทำให้ชีวิตมนุษย์ทุกวันนี้กำลังจะกลายเป็นหุ่นยนต์กันไปหมด โดยไม่สนใจเรื่องจิตใจและจิตวิญญาณ

        สอนลูกให้ใจเย็น ต้นเหตุอาการสมาธิสั้น จากสังคมยุค 5G

        ในวงการแพทย์มีจำนวนเด็กป่วย ที่พ่อแม่ส่งไปทำการรักษาด้วยอาการสมาธิสั้นก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งพ่อแม่หลายคนต่างก็พากันตั้งคำถามจากพฤติกรรมของลูกเพิ่มมากขึ้น เช่น “ทำไมลูกไม่สามารถทำสิ่งใดนานๆ ติดต่อกันได้” ,“ลูกอารมณ์ร้อน เอาแต่ใจตัวเอง , “ลูกซนมาก อยู่ไม่นิ่ง” ซึ่งต้นเหตุของความเร็วเร่งรีบนั้นไม่ได้มาจากสังคม หรือคนอื่นเลย แต่แท้จริง ล้วนมาจากตัวของพ่อแม่นั่นเอง ที่นำความเร่งรีบยัดเข้าไปสู่ตัวลูกโดยอัตโนมัติ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จะทำอย่างไรให้ลูกสงบ รู้จักนิ่ง และอดทนรอคอย ไม่ลื่นไหลตามความเร็วของสังคม ตามไปดูกันเลยค่ะ

        “เคล็ดลับการสอนลูกให้รู้จักอดทนรอคอยตั้งแต่วัย 1-3 ปี” 

        สอนลูกให้ใจเย็น อดทนและรอคอย ทำได้ตั้งแต่วัยเตาะแตะเลยจริงหรือ?
        แล้วเด็กที่อดทนและรอคอยเป็น ได้เปรียบอย่างไรล่ะ?

        เชื่อหรือไม่ว่า วัยเตาะแตะที่ได้เรียนรู้การอดทน รอคอย หรือการควบคุมตนเองได้นั้น อาจจะส่งผลให้พวกเขามีสุขภาพและความมั่นคงในชีวิตที่ดีในอนาคตค่ะ

        ว่าแต่อะไรคือ “การควบคุมตัวเอง” ในความหมายของเด็กวัยเตาะแตะล่ะ?

        คุณหมอมอฟฟิทบอกว่า ไม่ใช่แค่การควบคุมอารมณ์ไม่ให้โวยวาย ร้องกรี๊ดเท่านั้น แต่เป็นทักษะจำเป็นต่อการใช้ชีวิตในตอนโต ทักษะในการอยู่ร่วมกับคนอื่นและรู้จักรอคอยในสิ่งที่ดีที่ควร ซึ่งวิธีการสอนลูกให้อดทน เริ่มง่ายๆ ได้ด้วยแนวทางที่ทีมแม่ ABK เอามาฝาก ดังนี้

        1. ให้โอกาสลูกได้เรียนรู้

        หากจะสอนลูกให้อดทน ควรให้ลูกได้เรียนรู้การควบคุมตนเอง เมื่ออาการป่วนของลูกไม่ได้เป็นการเล่นสนุก แต่เป็นการสำแดงฤทธิ์เมื่อไม่ได้ดั่งใจ และเป็นกับทุกคน (พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย พี่เลี้ยง เป็นต้น) และเกิดขึ้นบ่อยเหลือเกิน

        สอนลูกให้ใจเย็น

        2. สำรวจข้อจำกัดของลูก

        เมื่อจะให้ลูกเรียนรู้ คุณก็ควรได้รู้ว่าลูกมีข้อจำกัดอะไร และอะไรคือความเหมาะสมกับเด็กวัยนี้ จะให้เด็กสองขวบ รอแม่คุยโทรศัพท์ 10 นาทีโดยไม่ปีนป่ายเรียกร้องความสนใจใด ก็คงเป็นไปได้ยาก

        3. ให้โอกาสลูกได้ตัดสินใจบ้าง

        เช่น แทนที่จะออกคำสั่งว่า “หยุดวิ่งในบ้านเดี๋ยวนี้” แต่เปลี่ยนเป็นบอกว่า “ถ้าหนูวิ่งเหมือนลิงหลุดกรงแบบนี้ แม่ว่าต้องมีของแตกสักชิ้นแน่ๆ” ลูกจะได้รู้จักคิดทบทวนการกระทำของตัวเองบ้าง แทนการสอนลูกให้อดทนแบบตรงๆ เพราะเด็กวัยนี้มักต่อต้านสิ่งที่เขาตัดสินว่าเป็น “คำสั่ง” จากผู้ใหญ่

        เทคนิคเพื่อลูกวัยเรียน
        สอนลูกให้ใจเย็น รอเป็น โดยไม่ต้องเสียน้ำตา

        และเมื่อถึงวัยเข้าโรงเรียน เด็กที่มีความอดทนมักจะเป็นที่รักของเพื่อนมากกว่า เพราะเขารู้จักผลัดกันเล่นกับคนอื่น และนี่คือเทคนิคที่จะช่วยให้ลูกรู้จักรอ (โดยไม่ต้องเสียน้ำตาและร้องโวยวาย)

        1. อธิบายตรงไปตรงมา

        หากลูกอยากให้คุณใส่ถ่านให้รถไฟโทมัสขณะที่คุณวุ่นกับการทำอาหารอยู่ บอกเขาว่า “แม่ยังทำให้ตอนนี้ไม่ได้ รอก่อนนะจ๊ะ” ซึ่งจะค่อยๆ ปลูกฝังว่าเขาไม่จำเป็นต้องได้อะไรในทันทีทุกครั้งไป

        2. ชื่นชม

        เมื่อลูกรู้จักรอคอย เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เขาทำในครั้งต่อไป

        สอนลูกให้ใจเย็น

        3. ทำกิจกรรมด้วยกัน

        ที่ต้องใช้ความอดทน เช่น การปลูกถั่วงอก ซึ่งต้องเริ่มจากเตรียมสำลีชุบน้ำปูในถาด ใส่เมล็ดถั่วเขียว ปิดด้วยผ้าขาวบาง วางไว้ในที่แดดปานกลาง รออีก 2 – 3 วันหนูก็จะได้เห็นเมล็ดงอกออกมาแล้วจ้า! เป็นการ สอนลูกให้รอเป็น ไปในตัว

        4. ใช้นาฬิกาทราย

        ในบางโอกาส เช่น เมื่อน้องกับพี่ผลัดกันเล่นเกมคอมพิวเตอร์ การจับเวลาแบบนี้จะช่วยให้ลูกเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าเขาต้องรออีกนานเท่าไร

        5. ทำตามที่พูด

        อย่าสัญญากับลูกว่าจะพาไปสนามเด็กเล่นหลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จ แต่คุณกลับหันไปง่วนกับการซักผ้าแทน เพราะลูกต้องการการไว้ใจว่าถ้าเขารอ คุณจะให้สิ่งที่เขาต้องการจริงๆ

        อย่างไรก็ดีสำหรับเรื่องนี้ ศาสตราจารย์ นายแพทย์เทอร์รี่ มอฟฟิท อาจารย์ประจำสาขาจิตวิทยาและประสาทวิทยาศาสตร์ อธิบายว่า “จากการศึกษาปัจจัยของการประสบความสำเร็จเมื่อเป็นผู้ใหญ่ พบว่าความสามารถในการควบคุมตัวเองได้ดีเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญพอๆ กับระดับไอคิว และปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจของครอบครัวเลย” เป็นการศึกษาเปรียบเทียบฝาแฝดที่มีไอคิวพอๆ กันแล้วพบว่า แฝดที่อดทนรอคอยได้น้อยมักจะมีนิสัยไม่ดี ไม่เหมาะสมมากกว่ารวมทั้งทำอะไรประสบความสำเร็จในตอนโตน้อยกว่าอีกคนหนึ่ง จึงเป็นการพิสูจน์ได้ว่า การสอนให้ลูกรู้จักใจเย็น อดทนและรอคอย เป็นสิ่งที่สำคัญต่อการดำเนินชีวิตของลูกน้อยเป็นอย่างมาก

        อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!

          Tags

          ลูกเรียนดนตรี

          เทคนิคส่งเสริมความสามารถด้านดนตรีให้ลูก ง่ายๆ (ตั้งแต่ในท้อง-12ปี)

          รู้หรือไม่!? การให้ ลูกเรียนดนตรี ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องในการช่วยให้ลูกเป็นอัจฉริยะได้ แล้วจะมีวิธีใดบ้างที่จะทำให้ลูกมีความสามารถเป็นอัจฉริยะด้านดนตรี Amarin Baby & Kids มีเทคนิคดีๆ มาฝากค่ะ

          Continue reading “เทคนิคส่งเสริมความสามารถด้านดนตรีให้ลูก ง่ายๆ (ตั้งแต่ในท้อง-12ปี)”

            ลูกติดเชื้อแบคทีเรีย

            แม่เล่า! ลูกติดเชื้อแบคทีเรีย เพราะสัมผัสจากคนกินเหล้า-สูบบุหรี่

            เพราะ ลูกติดเชื้อแบคทีเรีย หมอจึงสั่งห้ามเด็ดขาด หลังจากนี้ไป ห้ามคนกินเหล้า สูบบุหรี่ มาสัมผัสน้อง!

             

             

            คุณแม่แนน ได้เผยแพร่เรื่องราวของ น้องมีตังค์ ลูกชายวัยเดือนเศษ ที่ต้องติดเชื้อแบคทีเรียเพราะสัมผัสจากคนที่กินเหล้าและสูบบุหรี่ โดยคุณแม่แนนเล่าผ่านทีมงาน Amarin Baby and Kids ว่า

            ตอนแรกคุณแม่สังเกตเห็นว่าหูข้างซ้ายของน้องบวม คุณแม่ก็นึกว่าน้องโดนมดกัด แต่พอตื่นเช้ามาปรากฎว่าหูซ้ายของน้องบวมอีก คุณแม่ก็ยังไม่คิดอะไร เพราะคิดว่าเดี๋ยวน้องก็คงหาย ด้วยความที่คุณแม่จะต้องไปทำงาน ซึ่งที่ทำงานกับบ้านนั้นไม่ไกลกันมากนัก แต่ทว่ากว่าคุณแม่จะเลิกทำงานก็สี่ทุ่มแล้ว แต่ตลอดเวลาที่ทำงานคุณแม่จะคอยโทรถามพี่เลี้ยงตลอดว่าน้องเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งพี่เลี้ยงก็บอกว่า “น้องโอเคดีขึ้น”

            อ่านต่อ เรื่องราวของคุณแม่ได้ที่หน้าถัดไปค่ะ >>

              ก้างปลาติดคอ

              19 วิธีแก้ ก้างปลาติดคอ ที่ถูกต้องและปลอดภัย

              ก้างปลาติดคอ อุบัติเหตุที่ดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่แฝงไปด้วยความน่ากลัว พบ 19 วิธีแก้ที่ถูกต้อง ปลอดภัยได้ที่นี่!

               

               

              คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองทุกท่านคะ ตั้งแต่เล็กจนโตเวลาที่พวกเราหรือลูกหลานรับประทานปลากัน ประโยคหนึ่งที่เรามักจะได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่พูดกันเป็นอยู่เสมอก็คือ “ระวังก้าง!” กันใช่ไหมคะ เพราะเห็นก้างเล็ก ๆ แบบนี้แค่พิษสงนั้นร้ายแรงเสียเหลือเกินเลยละค่ะ

              โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแก้ไขไม่ทันเวลาหรือถูกวิธีแล้วละก็ จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ ดังนั้นวันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids ก็ได้รวบรวมเอาวิธีแก้ก้างปลาติดคอที่ถูกต้องและปลอดภัยมาฝากกันค่ะ จะมีวิธีใดบ้างนั้น ไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

              ก้างปลาติดคอ

              ก้างติดคอ หรือ เศษกระดูกติดคอ สามารถพบได้ในทุกช่วงอายุ ทุกเพศและทุกวัย และที่จะพบเห็นได้บ่อยก็คือ ก้างปลาทู ที่จัดได้ว่าเป็นที่นิยมบริโภคกันมากกว่าปลาชนิดอื่น ๆ ส่วนปลาอื่น ๆ ก็มีมาให้เห็นบ้างแต่พบได้ไม่บ่อย

              ก้างปลาหรือเศษกระดูกอาจติดได้ตั้งแต่เพดานอ่อน ต่อมทอนซิล ผนังคอหอย โคนลิ้น ฝาปิดกล่องเสียง หรือติดอยู่ในหลอดอาหารก็ได้ แต่ตำแหน่งที่พบก้างปลาติดบ่อย ๆ เห็นจะเป็นบริเวณข้าง ๆ ต่อมทอนซิล บริเวณโคนลิ้น บริเวณฝาปิดกล่องเสียง บริเวณใกล้หลอดรูเปิดทางเดินอาหาร

              คลิกอ่าน! อาการที่เกิดขึ้นได้ที่หน้าถัดไป >>

                ลูกอาเจียน

                ระวัง! ลูกอาเจียน เสี่ยงเป็น 7 โรคร้าย

                ลูกอาเจียน หรือ ลูกอ๊วก ลูกอ้วก ปวดท้อง มีไข้ บอกให้รู้ว่าลูกไม่สบาย!! แต่อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะอาจเป็นสาเหตุของโรคร้ายต่อลูกน้อยที่คุณคาดไม่ถึง

                คุณพ่อคุณแม่หลายบ้านเคยผ่านประสบการณ์ ลูกอาเจียน มากก่อนมากน้อยแตกต่างกัน ในชุดความคิดเดิมๆที่เราเข้าใจว่า อ้วกแล้วโล่ง ลูกอ้วกแล้วจะสบายตัวขึ้น แต่ความจริงแล้วนี่อาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายที่ซ่อนอยู่ บอกให้รู้ว่าร่างกายเกิดความผิดปกติบางอย่าง เพื่อจะได้เตือนให้รู้และหาทางป้องกัน รักษาได้ทันท่วงที

                ระวัง ลูกอาเจียน ไม่ใช่เรื่องเล็ก เสี่ยงเป็น 7 โรคร้าย

                อาเจียน เป็นปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย สำรอกเอาสิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหารย้อนกลับออกมาทางปากอย่างรวดเร็ว มักเกิดคู่กับอาการคลื่นไส้ รู้สึกพะอืดพะอม อึดอัดมวนท้อง ไม่สบายตัว พบได้บ่อยทั้งในเด็กเล็กและเด็กโต ซึ่งการอาเจียนเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งเกิดจากพฤติกรรมการให้อย่าง “แหวะนม” เพราะลูกน้อยกินนมมากเกินไป (Overfeeding) หรือหลังกินนมไม่ได้จับเรอมากพอ หรือท่าดูดนมไม่ถูกต้อง เช่น ให้นอนดูดนมแทนการอุ้มทำให้มีลมในกระเพาะอาหารมากจนลูกอ๊วกออกมา

                หากลูกอาเจียน 1- 2 ครั้งแล้วหยุดไม่มีอาการแทรกซ้อนอื่นๆไม่ถือว่าเป็นอันตราย อาจเกิดจากเชื้อราในช่องปากโดยมักจะพบฝ้าสีขาวด้วย  แต่ถ้าอาเจียนต่อเนื่องติดต่อกันหลายครั้ง อาจทำให้กล้ามเนื้อหลอดอาหารฉีกขาด มีเลือดออกในช่องท้อง เกิดภาวะขาดน้ำจนภาวะในร่างกายเสียสมดุลหรือหากสำลักเศษอาหารเข้าไปในหลอดลมอาจทำให้ถึงเสียชีวิตได้

                กรณีที่ลูกอ้วก ลูกอาเจียนและมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ปวดหัว ปวดท้อง ท้องเสีย มีไข้ อาจเป็นสัญญาณของโรคอันตรายหลายโรค การอาเจียนนั้นอาจเป็นเพียงอาการนำของโรคอื่นๆ ที่ไม่ใช่จากโรคของระบบทางเดินอาหารเท่านั้นคุณแม่จำเป็นต้องสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากพบความผิดปกติควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที ไม่ควรนิ่งนอนใจเป็นอันขาด

                ลูกอาเจียน

                ลูกอ๊วกมีไข้ ปวดหัว ลูกอาเจียน แบบนี้เสี่ยงเป็นโรคอะไร

                ถ้าลูกอาเจียน พร้อมกับปวดหัว อาจเกิดจากภาวะความดันสูงในสมอง ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาณอันตรายของ โรคไข้สมองอักเสบ ที่พบบ่อยให้เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี โดยจะมาพร้อมกับอาการไข้สูง เบื่ออาหาร กระสับกระส่าย คอแข็งจนรู้สึกปวดึอ ตาไวต่อแสง และซึมลง ต้องพาไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอย่างละเอียด เพราะยิ่งลูกอายุน้อยอาการมักไม่ชัดเจน

                แม้ว่าเด็กไทยทุกคนจะได้รับวัคซีนป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และไม่ค่อยพบผู้ป่วยมากนัก แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้และมีค่อนข้างร้ายแรงเพราะทำให้เกิดความพิการหรือเสียชีวิตได้

                นอกจากนี้อาการที่ลูกอ๊วก มีไข้สูงแต่ไม่ปวดหัวมักเกี่ยวข้องกับภาวะติดเชื้อในเด็กจากโรคที่ไม่อันตรายร้ายแรง เช่น ไข้หวัด ทอนซิลอักเสบหลอดลมอักเสบ บิด กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือโรคที่อันตรายมากและต้องได้รับการรักษาทันที เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปอดอักเสบ โลหิตเป็นพิษ เส้นเลือดในสมองแตก หรือภาวะเลือดออกในสมองจากอุบัติเหตุอีกได้ด้วย

                ลูกอาเจียน

                ลูกอ๊วก ปวดท้อง ท้องเสีย อาการแบบนี้เสี่ยงโรคอะไรบ้าง

                อีกหนึ่งอาการที่มักพบบ่อยคือ ลูกอาเจียน พร้อมกับปวดท้อง อาจมีไข้หรือไม่มีก็ได้  ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับโรคในระบบทางเดินอาหาร สามารถเป็นได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิดไปจนถึงเด็กโต อย่างภาวะ ลำไส้กลืนกัน พบบ่อยในทารกเพศชายอายุน้ำกว่า 6 เดือน และกระเพาะอาหารส่วนปลายตีบตั้งแต่กำเนิด ที่มีอาการในทารกแรกเกิดอายุระหว่าง 2-8 สัปดาห์

                หากเกิดการอุดกั้นบริเวณลำไส้เล็กมักมีอาการปวดเกร็งเป็นระยๆ ลูกอาเจียนพุ่งรุนแรงติดกันหลายครั้ง มักมีนมหรือ น้ำดีสีเขียวๆออกมาด้วย แต่ถ้าลูกปวดท้องรุนแรงอาจเกี่ยวกับการหมุนตัวผิดปกติของลำไส้ ซึ่งพบได้น้อยและมักเป็นมาตั้งแต่กำเนิด ถ้าอาการไม่รุนแรงจะปวดๆหายๆ เป็นระยะ แต่ไม่ควรปล่อยไว้เพราะโรคนี้ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

                สำหรับลูกโตถ้ามีอาการอาเจียนกับปวดท้อง แล้วมีไข้ด้วย ขอให้สงสัยอาการเกี่ยวกับโรคไส้ติ่งอักเสบ หรือเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ใช้มือกดเจ็บบริเวณหน้าท้อง หรือเกิดจากภาวะเครียดจากครอบครัวโรงเรียน การบ้าน หรือกลุ่มเพื่อน ซึ่งต้องอาศัยการพูดคุยเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

                ลูกอาเจียน

                ลูกอาเจียน บอกอะไร อาเจียนแบบไหนต้องไปโรงพยาบาล

                เวลาลูกอาเจียนจะเกิดกระบวนการ 3 อย่างในร่างกาย คือ

                • รู้สึกคลื่นไส้ พะอืดพะอม อาจรู้สึกเวียนหัว
                • เมื่อรู้สึกอยากอาเจียน ระบบประสาทอัตโนมัติจะสั่งให้เกิดความดันลบในช่องอก จากนั้นกล่องเสียงจะปิด กล้ามเนื้อหายใจหดตัว กะบังลมลดต่ำลงมาในช่องท้อง
                • แล้วจึงอาเจียนออกมา โดยนำอาหารที่อยู่ในกระเพาะจะพุ่งออกมาจากทางเดินอาหารก่อนออกมาทางปาก ถ้ารู้สึกคลื่นไส้รุนแรง ลูกจะมีเหงื่อออก ตัวเย็น น้ำลายไหล หรือทำให้ชีพจรช้าลง ความดันเลือดต่ำได้

                การอาเจียนของแต่ละโรคมีอาการไม่เหมือนกัน บางครั้งอาจอาเจียนเพียงเล็กน้อยหรือติดต่อกันเป็นชั่วโมง สิ่งที่ออกมากับอาเจียนเป็นอาหาร สิ่งแปลกปลอม หรือของเหลวในร่างกาย ซึ่งล้วนเป็นตัวบ่งชี้ของโรคภัยไข้เจ็บที่ลูกอาจเป็นได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรสังเกตด้วยว่าลูกอ้วกมีลักษณะเป็นอย่างไร เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้นและให้ข้อมูลคุณหมอได้ละเอียด

                สังเกตสีของอาเจียน

                หากลูกมี “อ้วกสีเขียวหรือสีเหลืองปนเขียว” แสดงว่ามี “น้ำดี”ปนออกมาด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาณของภาวะลำไส้อุดต้น “อ้วกสีแดง” แสดงว่ามีเลือดปนด้วย ซึ่งถือว่าเป็นภาวะอันตราย แสดงว่ามีเลือดออกในทางเดินอาหาร อาจหมายถึงโรคหลอดอาหารอักเสบ กระเพาะอาหารอักเสบ ต้องรีบพาส่งโรงพยาบาลทันทีเพราะเสี่ยงจะเกิดอาการช็อก หมดสติได้

                ความรุนแรงของการอาเจียน

                ความถี่และความรุนแรงเป็นตัวบ่งชี้ถึงความรุนแรงของโรคได้ หากลูกอ้วกถี่ ติดต่อกันหลายครั้งจนเริ่มเหนื่อย แสดงว่ามีอาการของโรคค่อนข้างหนักต้องถึงมือคุณหมอโดยเร็ว ส่วนอาการอ้วกพุ่งแรงและไกล ถ้าเกิดกับทารกวัยก่อน 2 เดือนอาจมาจากความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร เสี่ยงทำให้ลูกได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ

                อาการอื่นๆร่วมเมื่ออาเจียน

                โดยส่วนใหญ่หากลูกป่วย ติดเชื้อหรือมีอาการถึงโรคใดโรคหนึ่ง มักมีอาการอื่นๆร่วมมากับการอาเจียนด้วย เช่น ไข้ น้ำมูก ไอ ท้องเสีย ปวดท้อง ปวดหัว ซึม หน้าซีด ภาวะขาดน้ำ หรือหอบเหนื่อย คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตและจดบันทึกอาการทั้งหมดนี้เพื่อนำไปแจ้งให้คุณหมอทราบ

                สิ่งสำคัญคือแม้ลูกจะหยุดอาการ หรือมีอาการดีขึ้นบ้างแล้ว ก็ไม่ควรละเลยแต่ควรพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ และวิธีรักษาที่ถูกต้อง ไม่ควรซื้อ “ยาแก้อาเจียน” มาให้ลูกกินเองเด็ดขาด เพราะหากกินเกินขนาดจะเป็นอันตรายต่อชีวิตลูกได้

                 

                โดยส่วนใหญ่แพทย์จะให้การวินิจฉัยเบื้องต้นจากลักษณะอาการที่เกิดขึ้น ประวัติความเจ็บป่วยในอดีต โรคประจำตัว การใช้ยาต่างๆ ร่วมกับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด

                การรักษา

                • การรักษาที่เฉพาะเจาะจงขึ้นกับสาเหตุของโรคว่าเป็นจากอะไร หากสาเหตุไม่ร้ายแรงส่วนใหญ่มักไม่เป็นปัญหาในการรักษา อย่างไรก็ตามการทีอาเจียนมากอาจจะทำให้เกิดผลแทรกซ้อนตามมา เช่น ภาวะขาดน้ำ และเสียสมดุลเกลือแร่ หรือที่เรียกว่าอิเลคโทรลัยต์ในร่างกาย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขให้ทันท่วงที
                • สำหรับลูกที่อาเจียนไม่มาก โดยทั่วไปมักจะแนะนำให้กินอาหารที่ย่อยง่ายในปริมาณที่ลดน้อยลง แต่ถ้าอาเจียนมากหรือรุนแรง อาจต้องงดอาหาร และให้สารน้ำทางหลอดเลือดหรือให้น้ำเกลือแทน แต่ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องกระทำทุกรายไป ขึ้นกับความรุนแรงของอาการว่ามากหรือน้อย และพิจารณาสาเหตุที่ทำให้อาเจียนเป็นรายๆ ไป
                • ยาที่มีส่วนช่วยทำให้อาเจียนน้อยลง หรือที่เรียกว่ายาแก้อาเจียน มีทั้งยาที่ออกฤทธิ์ที่ทางเดินอาหาร และยาที่ออกฤทธิ์ในสมอง ยาที่ใช้บ่อยได้แก่ metoclopramide, domperodine, cisapride การใช้ยากลุ่มนี้ควรให้เพื่อป้องกัน ไม่ควรให้หลังจากที่มีอาการอาเจียนแล้ว ในผู้ป่วยที่อาเจียนอยู่ แนะนำให้กินหรือฉีดก่อนรับประทานอาหารประมาณ 20-30 นาที
                • ถ้าลูกอาเจียน ควรให้รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย โดยให้ทีละน้อย บ่อยๆ ให้น้ำเกลือแร่ ORS เพื่อทดแทนเกลือแร่ที่เสียไปกับอาเจียน โดยให้จิบทีละน้อย และบ่อยๆ และให้ยาแก้อาเจียนตามแพทย์สั่ง ควรให้รับประทาน 1/2 ชั่วโมงก่อนมื้ออาหาร
                • เมื่อมีอาเจียนมาก รับประทานอาหารหรือน้ำไม่ได้เลย ซึมลง มีอาการขาดน้ำ กระหม่อมบุ๋ม ปากแห้งมาก ตาโหล ผิวหนังเหี่ยว แพทย์จะพิจารณาให้น้ำเกลือทางเส้นเลือด และรักษาสาเหตุต่อไป

                คุณพ่อคุณแม่ควรพึงระลึกไว้เสมอว่า ลูกอาเจียน เป็นอาการแต่ไม่ใช่โรค ดังนั้นการรักษามิใช่เพียงให้ยาแก้อาเจียน แต่ต้องวินิจฉัยค้นหาสาเหตุ เพราะสาเหตุบางอย่างจะมีอันตรายถึงชีวิต เช่น อาเจียนจากโรคลำไส้อุดตัน หรืออาเจียนจากภาวะความดันในสมองสูง เป็นต้น สำหรับอาการอาเจียนที่เกิดจากยารักษามะเร็งหรือเคมีบำบัดนั้น ต้องได้รับการบำบัดรักษาเป็นกรณีพิเศษ

                อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!


                ขอบคุณข้อมูลจาก : www.bangkokhealth.com=  www.healthcarethai.com

                  ทารกถูกทิ้ง

                  สลด! ทารกถูกทิ้ง มดกัด หนอนไต่ เต็มตัว

                  พบ ทารกถูกทิ้ง มดกัด หนอนไต่ เต็มตัว ตอนนี้อาการยังเข้าขั้นวิกฤติ!!

                   

                   

                  เกิดเป็นคำถามมากมายในโลกโซเชียล “ไม่รู้หัวใจแม่ทำด้วยอะไร” ทำไมถึงทิ้งเด็กตาดำ ๆ ที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ลงคอ! ภายหลังจากที่สมาชิกเฟซบุ๊คนามว่า “ภัทรวดี คงบุญวาส” ได้โพสต์ภาพของเด็กทารกน้อยคนหนึ่ง ซึ่งถูกนำมาทิ้ง พร้อมระบุว่า

                  พบเด็กทารกแรกเกิด เพศหญิง อายุประมาณ 1 สัปดาห์ น้ำหนักประมาณ 4,000 กรัม ยังมีชีวิตอยู่ ถูกนำมาทิ้งไว้บริเวณถนนวาริน-พิบูล เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยที่มีมดไต่และกัดตามลำตัวตั้งแตช่วงเอวลงไป รวมถึงมีหนอนไชตามตัวเต็มไปหมด และยังพบแผลอักเสบบริเวณเท้าซ้ายและหลัง จากนั้นจึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลสรรพสิทธิ

                  พอถึงมือคุณหมอ ๆ ก็ได้รีบทำการช่วยเหลือและรักษาทันที พร้อมกับคีบเอาตัวหนอนออกมากจากตัวของเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูหู โดยหอผู้ป่วย NICU2 ตึก 2 ชั้น 1 และไม่สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจได้ เนื่องจากอาการยังวิกฤต เพราะยังแผลติดเชื้อจากการถูกมดกัดและติดเชื้อจากหนอนแมลงวัน

                  อ่านต่อความคืบหน้าอาการของน้องได้ที่หน้าถัดไปค่ะ >>

                    โรคปอดบวมในเด็ก

                    โรคปอดบวมในเด็ก หาหมอช้าอาจสูญเสียอวัยวะบางส่วนได้

                    โรคปอดบวมในเด็ก อันตรายมาก หากหาหมอช้า! เสี่ยงภาวะติดเชื้อและเกิดอาการช็อกได้!

                     

                     

                    คุณพ่อคุณแม่คะ โรคปอดบวมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็กนั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะคะ องค์การอนามัยโลก ได้ระบุว่า ปอดบวม เป็นโรคติดเชื้อเฉียบพลันของระบบหายใจในเด็กที่รุนแรงและมีปัญหามากที่สุด โดยในแต่ละปี มีเด็กทั่วโลกโดยเฉพาะเด็กเล็ก เสียชีวิตจากโรคปอดบวมปีละประมาณกว่า 2 ล้านคน โดยทุก ๆ นาทีจะมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เสียชีวิตจากโรคปอดบวมอย่างน้อย 1 คน ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เตือนให้ทุกประเทศเฝ้าระวังสถานการณ์โรคปอดบวมอย่างจริงจังแล้ว เพื่อเป็นการลดอัตราการเสียชีวิตของเด็กทั่วโลก

                    สำหรับประเทศไทยเองนั้น โรคปอดบวม ก็จัดได้ว่าเป็นโรคที่อยู่ในลำดับ 1 ใน 8 โรคที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาว

                    ความน่ากลัวของโรคนั้นมีมากเสียเหลือเกินค่ะ ดังเช่น เรื่องราวที่ทีมงาน Amarin Baby and Kids จะมานำเสนอในวันนี้นั้น เป็นเรื่องราวของหนูน้อยชาวอินเดีย ที่มีอายุได้เพียงหนึ่งปี และป่วยเป็นโรคดังกล่าวจนถึงขั้นที่เกือบจะต้องสูญเสียขาข้างนึงไป

                    เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น อ่านต่อได้ที่หน้าถัดไปเลยค่ะ >>

                      ลูกหูหนวก

                      วิธีสังเกตและทดสอบว่า ลูกหูหนวก หรือไม่ (ตั้งแต่แรกเกิด- 2ปี)

                      เปิดคลิปเรียกน้ำตา ของคุณแม่ที่มีลูกหูหนวก กับการที่หนูน้อยได้ยินเสียงแม่บอกรักเป็นครั้งแรกหลังใส่เครื่องช่วยฟัง ตามไปดูปฏิกิริยาของหนูน้อยกันเลยค่ะว่าจะซึ้งขนาดไหน

                      Continue reading “วิธีสังเกตและทดสอบว่า ลูกหูหนวก หรือไม่ (ตั้งแต่แรกเกิด- 2ปี)”

                        วิธีทอดไข่ดาว

                        9 วิธีทอดไข่ดาว ให้อร่อยไม่รู้ลืม

                        พบกับ 9 วิธีทอดไข่ดาว ให้อร่อยถูกปาก ถูกใจ สมาชิกทุกคนในครอบครัว!

                         

                         

                        เวลาจะทอดไข่ดาว คุณแม่เคยปวดหัวกับความต้องการของสมาชิกในบ้านแต่ละคนกันบ้างไหมคะ คุณสามีจะเอาไข่ดาวสุก ๆ คุณลูกจะเอาไข่ดาวไม่สุกแต่ต้องกรอบ ๆ หรือตัวคุณแม่เองอาจจะกำลังลดน้ำหนักไม่อยากทานน้ำมัน เลยอยากจะได้ไข่ดาวที่ทอดด้วยน้ำแทน เรียกได้ว่ากว่าจะทำครบตามโจทย์ที่ได้มาไม่ใช่เรื่องยากเลย … แต่อย่างว่าละค่ะ ทอดไข่ดาวใคร ๆ ก็ทำได้ แต่จะทอดให้อร่อยนี่สิ! อาจจะลำบากนิดนึง

                        วันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids ได้รวบรวมเอา 9 วิธีทอดไข่ดาว ให้ออกมาสวยสมหวังดังใจสมาชิกทุกคนมาฝากกันค่ะ จะมีวิธีแบบไหน และทอดอย่างไรนั้น ไปชมพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

                        อ่านต่อ >> วิธีทอด “ไข่ดาว” แต่ละแบบให้ตรงใจสมาชิกในบ้าน

                          สอนให้พี่น้องรักกัน

                          สอนให้พี่น้องรักกัน ด้วย 7 วิธีง่ายๆ ในการ “ปลูกฝังที่พี่คนโต”

                          ไม่รู้ว่าคุณพ่อคุณแม่สอนให้พี่น้องรักกัน มาอย่างไร จึงเกิดภาพน่าประทับใจและสุดซึ้ง ของสองพี่น้อง น้องภูและน้องเภา นี้ เรียกได้ว่าน่าปลื้มใจแทนคุณแม่เอ๋ พรทิพย์ และพ่อป๋อ ณัฐวุฒิ เลยทีเดียว

                          Continue reading “สอนให้พี่น้องรักกัน ด้วย 7 วิธีง่ายๆ ในการ “ปลูกฝังที่พี่คนโต””

                            โรคติดเชื้อในเด็ก

                            หมอจุฬาฯ เตือน! 4 โรคติดเชื้อในเด็ก ที่ลูกมักติดจากเพื่อนๆ ในโรงเรียน

                            โรคติดเชื้อในเด็ก สามารถเกิดขึ้นได้โดยเฉพาะที่โรงเรียน เพราะการที่เด็กๆ อยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ทำให้มีโอกาสสัมผัสกับน้ำมูกหรือน้ำลายของเพื่อนที่เจ็บป่วย อีกทั้งมีโอกาสเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดหรือใช้สิ่งของร่วมกันง่ายขึ้นด้วย คุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นต้องทราบถึงข้อมูลอาการของโรคเหล่านี้พร้อมวิธีรับมือป้องกันกับโรคติดต่อ เพื่อไม่ให้ลูกน้อยของเราป่วยจากโรคเหล่านี้ได้

                            แพทย์เตือน! 4 โรคติดเชื้อในเด็ก
                            ที่ลูกมักติดจากเพื่อน ๆ ในโรงเรียน

                            เด็กในวัยเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไปมักมีสุขภาพที่แข็งแรง ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีในระดับเพียงพอที่สามารถป้องกันโรคติดเชื้อต่างๆ ได้ ซึ่งแตกต่างจากเด็กในวัยสองขวบปีแรกที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายยังไม่แข็งแรงนัก ส่งผลให้เด็กในวัย 2 ขวบปีแรก เจ็บป่วยได้บ่อยจาก โรคติดเชื้อในเด็ก เช่น โรคติดเชื้อทางระบบหายใจและระบบทางเดินอาหาร

                            อย่างไรก็ตามแม้ว่าสภาพร่างกายของเด็กในวัยเรียนจะดูแข็งแรง แต่สิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็กมักส่งผลให้เด็กที่ฝากเลี้ยงในสถานรับเลี้ยงเด็กและเด็กที่เข้าเรียนในชั้นอนุบาลมีอาการเจ็บป่วยได้บ่อยๆ โดยเฉพาะจาก 4 โรคติดเชื้อในเด็ก ที่ลูกมักติดจากเพื่อนๆ ในโรงเรียน ที่มีการแพร่ระบาดได้ง่ายจากเพื่อนๆ เช่น ไข้หวัด เมื่อสภาพร่างกายของเด็กและภูมิคุ้มกันของเด็กแข็งแรงขึ้น อาการเจ็บป่วยของเด็กจะค่อยๆ ห่างออกและเจ็บป่วยเพียงไม่กี่ครั้งใน 1 ปีเหมือนกับที่พบได้ในผู้ใหญ่ ดังจะเห็นได้ว่าเด็กตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ขึ้นไปจะเจ็บป่วยน้อยกว่าเด็กในวัยเตรียมอนุบาลและวัยอนุบาลอย่างชัดเจน

                            ดังนั้นแล้ว โรคติดเชื้อในเด็ก ที่พบบ่อยและมีความสำคัญเนื่องจากอาการของโรคมีความรุนแรงและแพร่ระบาดได้ง่ายในโรงเรียน จะมี 4 โรค ด้วยกัน คือ โรคอีสุกอีใส โรคไข้หวัดใหญ่ โรคมือเท้าปาก และโรคไข้เลือดออก

                            โรคติดเชื้อ

                            โรคอีสุกอีใส 

                            เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอีสุกอีใส เด็กที่เคยป่วยเป็นโรคอีสุกอีใส เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ และมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เชื้อไวรัสที่ซ่อนตัวอยู่ในร่างกายอาจทำให้เกิดโรคงูสวัดตามมาได้ โรคอีสุกอีใสสามารถแพร่ระบาดได้บ่อยในเด็กวัยอนุบาลและวัยประถม

                            อาการ

                            เด็กที่ป่วยเป็นโรคอีสุกอีใสจะมีอาการไข้และผื่น ผื่นมักเป็นบริเวณลำตัว โดยเริ่มจากตุ่มแดง และเปลี่ยนเป็นตุ่มใส ตุ่มหนอง แตกออกและเป็นสะเก็ดในที่สุด มักพบตุ่มหลายลักษณะในเวลาเดียวกัน

                            การรักษา

                            เด็กที่ป่วยเป็นโรคอีสุกอีใสควรเช็ดตัวและกินยาลดไข้พาราเซตามอล ห้ามกินยาลดไข้ในกลุ่มแอสไพริน รักษาความสะอาดของผิวหนังบริเวณผิวหนังเพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
                            เด็กที่ป่วยเป็นโรคอีสุกอีใสที่มีไข้สูงนาน มีตุ่มจำนวนมาก สงสัยว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง มีอาการไอมากหรือหอบเหนื่อย ควรพบแพทย์

                            บทความแนะนำ การเช็ดตัวลดไข้ให้ลูกอย่างถูกวิธี

                            การป้องกัน

                            โรคสุกใสในเด็กปกติอาการมักไม่รุนแรง และหลังหายจากโรคจะมีภูมิคุ้มกันจากโรคสุกใสไปตลอดชีวิตถ้าลูกยังไม่เคยเป็นโรคนี้ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยที่เป็นสุกใส หรือให้วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสก็จะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ แต่ราคาค่อนข้างแพงและไม่สามารุป้องกันโรคได้ 100% ควรพิจารณาถึงความจำเป็นหลัก

                            ส่วนการลดการแพร่เชื้อให้ผู้อื่นนั้นทำได้โดยให้เด็กที่ป่วยหยุดเรียนจนกว่าผื่นจะแห้งตกสะเก็ดหมด ซึ่งปกติใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ และหลีกเลี่ยงที่จะอยู่ร่วมกันกับบุคคลที่ยังไม่เคยเป็นโรคหรือยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้

                             

                            อ่านต่อ >> “อีก 3 โรคติดเชื้อ ที่ลูกมักติดจากเพื่อนๆ ในโรงเรียน” คลิกหน้า 2

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                             

                              สีตกใส่เสื้อขาว

                              แม่ไม่ต้องกลุ้ม! สีตกใส่เสื้อขาว แก้ไขได้ด้วย 4 วิธีนี้!

                              ไม่ต้องกลุ้มใจอีกต่อไป สีตกใส่เสื้อขาว แก้ไขได้ง่ายนิดเดียว! จะมีวิธีอะไรบ้างนั้น ไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

                               

                               

                              แม่ ๆ จ๋า เคยประสบกับปัญหา สีตกใส่เสื้อผ้าลูกกับคุณสามีกันบ้างหรือเปล่าเอ่ย … หากกำลังเผชิญปัญหานี้อยู่ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ เพราะ Amarin Baby and Kids ได้รวบรวมเอาเคล็ดลับที่ไม่ลับ ที่สามารถแก้ไขให้เสื้อขาวกลับมาขาวใสปราศจากสีตกใส่ไว้ที่นี่แล้วละค่ะ ซึ่งแต่ละวิธีนั้น ก็ง่ายแสนง่ายเลย และไม่ใช่แค่นั้นนะคะ ทีมงานยังได้ทิ้งท้ายวิธีทำให้เสื้อผ้าขาว ๆ ใหม่เหมือนเดิมอีกด้วยละค่ะ

                              4 วิธีแก้ สีตกใส่เสื้อขาว

                               

                              • แก้ไขด้วยไฮเตอร์ ก่อนอื่นเลยให้คุณแม่หาซื้อไฮเตอร์สำหรับสูตรผ้าขาวมาเตรียมไว้เลยค่ะ หลังจากนั้นให้นำมาเทลงไปในน้ำค่ะ ละลายให้เข้ากันแล้วก็เติมน้ำส้มสายชูลงไป คนให้เข้ากันจนเกิดฟอง หลังจากนั้นให้นำเสื้อคุณสามีและคุณลูกที่สีตกใส่มาแช่ไวประมาณ 10 – 15 นาที พอครบเวลาแล้วก็ให้คุณแม่ใช้มือขยี้บริเวณที่เลอะดูค่ะ ถ้ายังไม่ออกดีแนะนำให้ทำซ้ำอีกครั้งนะคะ ที่สำคัญ! อย่าลืมใส่ถุงมือกันด้วยนะคะ ไฮเตอร์จะได้ไม่กัดมือ

                              อ่านต่อ>> วิธีแก้เสื้อผ้าลูกและคุณสามีสีตกใส่ ได้ที่หน้าถัดไป

                                ลูกไม่เชื่อฟัง

                                สอนลูกให้เชื่อฟัง ด้วย 5 หลักการจากคัมภีร์ไบเบิล

                                ลูกไม่เชื่อฟัง เป็นพฤติกรรมการปฏิเสธ ต่อต้าน หรือไม่ยอมทำตามข้อตกลง คำสั่ง กฎกติกา หรือสิ่งที่พ่อแม่มอบหมาย หากคุณอยากให้ลูกเชื่อฟังลองดูสิ่งที่ต้องทำ 5 ข้อนี้ซึ่งเป็นหลักการที่อ้างอิงจากคัมภีร์ไบเบิล

                                Continue reading “สอนลูกให้เชื่อฟัง ด้วย 5 หลักการจากคัมภีร์ไบเบิล”

                                  กิจกรรมปิดเทอม

                                  10 กิจกรรมไม่เที่ยวก็สนุกได้ แก้เบื่อ +สร้างสรรค์ แถมช่วยพัฒนาสมองลูก!

                                  กิจกรรมปิดเทอม เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถจัดเตรียมไว้ให้ลูกได้ นอกเหนือจากการพาไปเที่ยว หรือปล่อยให้ลูกไปเที่ยวเล่นเกมคอมพิวเตอร์ เล่นมือถือ ซึ่งอาจเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

                                  Continue reading “10 กิจกรรมไม่เที่ยวก็สนุกได้ แก้เบื่อ +สร้างสรรค์ แถมช่วยพัฒนาสมองลูก!”

                                    ทำโทษลูก

                                    เพราะดื่มนมไม่หมดพ่อจึง ทำโทษลูก ให้อยู่นอกบ้านลำพัง

                                    พ่อบุญธรรม ทำโทษลูก ด้วยการให้ยืนนอกบ้านลำพังตอนตี 3 สุดท้ายกลายเป็นศพ!

                                     

                                    สำนักข่าว The Sun รายงานว่าพบศพ หนูน้อยเชอริน แมททิวส์ วัย 3 ขวบที่หายตัวไปแล้ว หลังจากถูกพ่อลงโทษให้ยืนออกนอกบ้านลำพังในช่วงเวลาตีสาม ด้วยสาเหตุเพียงเพราะ ดื่มนมไม่หมด เท่านั้น!!

                                    ย้อนกลับไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน (วันที่ 7 ตุลาคม) ได้มีคดีสะเทือนขวัญเกิดขึ้นในเมืองดัลลัส ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังพบว่ามีหนูน้อยวัย 3 ปีหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ข่าวนี้กลายเป็นข่าวที่โด่งดังไปทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอินเดีย ผู้คนต่างพากันช่วยกันตามหา แต่ก็ไม่มีใครพบหนูน้อยเลย ล่าสุดวันนี้ (วันที่ 23 ตุลาคม) ตำรวจได้พบศพของหนูน้อยเรียบแล้ว

                                    อ่านต่อ >> เนื้อหาข่าวเพิ่มเติม คลิก!