ตรวจสุขภาพฟรี

5 ธันวาคมนี้ ตรวจสุขภาพฟรี รำลึกถึง ร.9

เนื่องในวันที่ 5 ธันวาคมที่จะถึงนี้ เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทางโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึง คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา จึงจัดโครงการ ตรวจสุขภาพฟรี ขึ้น

Continue reading “5 ธันวาคมนี้ ตรวจสุขภาพฟรี รำลึกถึง ร.9”

    ปอดบวมในเด็ก

    โรคปอดบวมในเด็ก รู้ทันอาการ ป้องกันลูกเสียชีวิตได้ !!

    โรคปอดบวมในเด็ก เวลาที่เด็กเล็กเจ็บป่วยขึ้นมา บางครั้งพ่อแม่แทบจะไม่รู้เลยว่าลูกเจ็บ ลูกปวดตรงไหน เพราะเขายังสื่อสารไม่ได้ ทำให้เวลาที่ไม่สบายลูกจึงยังบอกไม่ได้ว่าเขาเป็นอะไร ดังนั้นสิ่งที่พ่อแม่จะทำได้คือควรสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับลูกวัยทารก ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีโรคที่เกิดขึ้นในเด็กและเสี่ยงเสียชีวิตได้ง่าย กับ โรคปอดบวมในเด็ก มาฝากกันค่ะ

    โรคปอดบวมในเด็ก โรคนี้น่ากลัวกว่าที่คิด !!

    จากข้อมูลของหน่วยระบบหายใจและไอซียู  สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ทำให้ทราบว่า โรคปอดบวมคือโรคที่อยู่ในกลุ่มอาการไข้หวัด และปอดบวม แลสำหรับโรคปอดบวมมักจะเกิดขึ้นตามหลังอาการไข้หวัด ที่เรียกว่าหวัดลงปอด สามารถพบได้บ่อยกับเด็กในช่วงอายุ 3 เดือน – 2 ขวบ

    Good to know… “อาการของโรคปอดบวม ()อยู่ในภาวะป่วยหนักหรือรุนแรง จะมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้คือ ลูกไม่ยอมกินนมหรือน้ำ ซึมมาก ปลุกตื่นยาก หายใจมีเสียง หายใจแรงจนชายโครงบุ๋ม ซึ่งถือว่าเป็นภาวะป่วยหนักควรรับการรักษาทันที”1

     

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

     

    โรคปอดบวมในเด็ก
    โรคปอดบวมในเด็ก รู้ทันอาการ ป้องกันลูกเสียชีวิตได้ !!

    อะไรคือสาเหตุปัจจัยเสี่ยงของโรคปอดบวมในเด็ก ?

    สำหรับปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคปอดบวมในเด็กนั้น สามารแบ่งออกเป็นสาเหตุ 32 คือ…

    1. สาเหตุจากตัวเด็ก

    – อายุน้อยตั้งแต่แรกคลอด – 5 ปี

    – มีความผิดปกติทางเดินหายใจ

    – มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำเช่น โรคเอดส์ กินยาสเตียรอยด์

    – เด็กไม่ได้กินนมแม่

    – เด็กไม่ได้รับการฉีดวัคซีนหรือฉีดไม่ครบ เช่น วัคซีนโรคไอกรน วัคซีนโรคหัด วัคซีนโรคฮิบ (HIB, Haemophillus influenzae type B, โรคติดเชื้อแบคทีเรียชื่อ ฮีโมฟิลุส อินพลูเอนเซ ซึ่งทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้) วัคซีนโรคไอพีดี (IPD, Invasive pneumococcal disease, โรคติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มักรุนแรง) วัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น

    2. สาเหตุจากสิ่งแวดล้อม

    – การถ่ายเทอากาศไม่ดี

    – ฝุ่นละออง ควันบุหรี่ภายในบ้าน เป็นต้น

    3. สาเหตุจากเชื้อโรค

    – มีการระบาดของเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่

    – เชื้อโรคดื้อยา (เชื้อดื้อยา)2

     

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

     

    หากเด็กมีอาการของปอดอักเสบ ปอดบวม จะเป็นอย่างไร ?

    คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตอาการที่เกิดขึ้นกับลูกได้ดังนี้
    1. ลูกจะมีอาการเริ่มต้นด้วยการเป็นไข้ ที่มีอาการคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ ร่วมกับมีการไอ

    2. หลังจากที่ลูกมีอาการไข้คล้ายไข้หวัดใหญ่ ก็จะมีอาการของปอดอักเสบ ที่พบว่ามักจะมีไข้ขึ้นสูง ไอหนักมาก และลูกเริ่มมีอาการหอบเหนื่อย เพลีย ซึม ทานอะไรไม่ได้ ซึ่งหากพบว่าลูกมีอาการเหล่านี้ ให้คุณพ่อคุณแม่รีบพาลูกส่งโรงพยาบาลทันที

    Good to know… “โรคปอดบวม (Pneumonia) เกิดจากการอักเสบของเนื้อปอด สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และพยาธิ โดยเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของโรคปอดบวมที่พบบ่อยในเด็ก ได้แก่ เชื้อนิวโมคอคคัส เชื้อฮีโมฟิลุส เชื้อไมโคร พลาสม่า ส่วนเชื้อไวรัสที่พบบ่อย ได้แก่ เชื้ออาร์เอสวี เชื้อไข้หวัดใหญ่3

     

    เมื่อเป็นปอดอักเสบ ปอดบวม รักษาอย่างไร ?

    1. การรักษาตามอาการและประคับประคองเช่น ยาแก้ไข้ ยาแก้ไอ หากมีอาการหอบเหนื่อยต้องให้ออกซิเจน หากอาการรุนแรงมากอาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
    2. การรักษาจำเพาะต่อเชื้อโรค เช่น ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ (ยาทามิฟลู/Tamiflu) หรือ ยาปฏิชีวนะตามความเหมาะสมต่อเชื้อโรคต้นเหตุของโรคปอดอักเสบปอดบวมนั้นๆ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาชนิดของยาต่างๆรวมทั้งชนิดของยาปฏิชีวนะ ขนาดยา วิธีการให้ยา (เช่น กิน หรือฉีดเข้าเส้น) และระยะเวลาของการใช้ยาอย่างเหมาะสม และไม่ควรซื้อยามาทานเอง4

    อ่านต่อ >> “7 ท่าระบายเสมหะให้ปอด ป้องกันโรคปอดบวม” คลิกหน้า 2 

     

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

     

      พัฒนาการของทารกในครรภ์ ตั้งแต่ปฏิสนธิ จนกระทั่งเกิด (มีคลิป)

      พัฒนาการของทารกในครรภ์ ตั้งแต่ 1 – 9 เดือน นับ เป็นสิ่งที่น่าทึ่งและมหัศจรรย์มาก ๆ หากอยากรู้ว่าคนเรานั้นกว่าจะเกิดมาได้ต้องฝ่าฟันอะไรมาบ้าง ตามไปดูคลิปวีดีโอ กับพัฒนาการของทารก ตั้งแต่ปฏิสนธิ จนกระทั่งเกิด กันค่ะ

      พัฒนาการของทารกในครรภ์

       

      กว่าจะกลายเป็นทารกน้อยในครรภ์ จนกระทั่งผู้เป็นแม่คลอดออกมา กลายเป็นมนุษย์เดินดินได้นั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องต่อสู้ และใช้เวลาเดินทางมาเป็นระยะเวลากว่า 9 เดือนด้วยกัน หรือบางคนอาจน้อยกว่านั้น ซึ่งในกระบวนการก่อนจะเป็นทารกนี้เรียกว่า การปฏิสนธิ นั้นเอง ซึ่งสภาวะที่ทำให้เกิดการปฏิสนธิขึ้นได้มีดังนี้

      • เพศหญิงและเพศชายมีเซลล์สืบพันธุ์ที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้ว
      • ประมาณวันที่ 14 ของการมีรอบเดือน ที่ตัวอสุจิผ่านเข้าไปในโพรงมดลูก อาจเป็นก่อนหรือหลังวันที่ 14 ประมาณ 5 วันก็ได้
      • โดยปกติแล้ว ตัวอสุจิจะไม่สามารถทนต่อสภาวะความเป็นกรดได้ ดังนั้น การทำให้ตัวอสุจิมีชีวิตอยู่และสามารถเคลื่อนผ่านไปได้ สตรีจะต้องมีสภาพความเป็นกรดด่างของช่องคลอดและปากมดลูกที่เหมาะสม
      Must read : พัฒนาการของทารกในครรภ์

      ซึ่งในการปฏิสนธิ ผู้ชายจะปล่อยตัวอสุจิประกอบด้วยอสุจิเป็นจำนวนมากถึง 4 – 5 ร้อยล้านตัว บรรดาอสุจิเหล่านี้มีทั้งแข็งแรงและไม่แข็งแรง พวกที่แข็งแรงก็สามารถแหวกว่ายเข้าไปในมดลูก และเลยเข้าไปยังปีกมดลูกเพื่อจะได้ผสมพันธุ์กับไข่ ตามปกติอสุจิตัวที่แข็งแรงที่สุดตัวเดียวเท่านั้นจะไปพบกับไข่ได้ก่อน

      พัฒนาการของทารกในครรภ์

      และเนื่องจากอสุจิจะมีสารซึ่งสามารถละลายผนังที่ห่อหุ้มปกป้องไข่ออกได้ อสุจิจึงเจาะผ่านเปลือกของไข่ เพื่อเข้าไปรวมตัวกับนิวเคลียสภายในไข่ได้ หลังจากนั้นอสุจิตัวอื่นๆ ก็จะไม่สามารถเข้าไปได้อีก ส่วนอสุจิตัวที่เข้าไปในไข่แล้วจะสลัดหางทิ้ง และส่วนหัวที่เข้าไปในไข่จะเริ่มพองขึ้นและหลอมรวมกันกับไข่เป็นเซลล์เดียวกันในที่สุด

      การแบ่งตัวของเซลล์หลังการปฏิสนธินั้น แทบจะเกิดขึ้นในทันทีหลังจากการปฏิสนธิเกิดขึ้น โดยเซลล์จะเริ่มแบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และเคลื่อนตัวผ่านท่อนำไข่มาสู่โพรงมดลูก ในระยะเวลาประมาณ 4 วัน หลังจากเกิดการปฏิสนธิ ไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว (Fertilized ovum) ในช่วงนี้ไข่จะมีลักษณะเป็นลูกกลม ประกอบด้วยเซลล์ประมาณ 100 เซลล์ ภายในลูกกลมนี้จะเป็นโพรงที่บรรจุของเหลว ซึ่งขนาดของไข่นี้จะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

      ไข่จะใช้เวลาอีกประมาณ 2 – 3 วัน ลอยอยู่ในโพรงมดลูกนี้หลังจากที่ไข่ลอยอยู่ในโพรงมดลูกชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก็จะเข้าสู่ระยะการฝังตัว โดยประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ไข่ที่ผสมแล้วจะเคลื่อนตัวลงมาตามปีกมดลูก เมื่อมาถึงมดลูกแล้วไข่ก็จะเกาะติด และฝังตัวลงในเยื่อบุมดลูกที่มีลักษณะหนาและนุ่ม ซึ่งมีโลหิตมาคั่งเพื่อเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเกาะยึดกันมั่นคงดีแล้ว ก็อาจถือได้ว่า การปฏิสนธิได้ดำเนินไปอย่างเรียบร้อยและสมบูรณ์ ไข่ที่ผสมแล้วในระยะนี้เรียกว่า เอ็มบริโอ (Embryo)

      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

       

      จากที่กล่าวมาข้างต้น คือขั้นตอนการปฏิสนธิของเชื้ออสุจิจากฝ่ายชาย ซึ่งเดินทางมาผสมกันในรังไข่ของฝ่ายหญิง ทั้งนี้หากใครยังมองภาพไม่ออก ตามไป >> ชมคลิปวีดีโอพัฒนาการของทารกในครรภ์ ตั้งแต่ปฏิสนธิ จนกระทั่งเกิด คลิกหน้า 2

        ลูกอาละวาด

        ลูกอาละวาด พ่อแม่จะรับมืออย่างไรดี ?

        ลูกอาละวาด เมื่อลูกอยู่ในช่วงวัย 1-3 ปี มักเริ่มที่จะมีพฤติกรรมต่อต้านพ่อแม่ หรือผู้เลี้ยงดูอยู่บ้าง วัยนี้ห้ามอะไรไม่ค่อยจะฟัง เพราะเด็กเริ่มมีความคิดเป็นของตนเอง และบางครั้งถ้าไม่ทำหรือไม่ได้ดั่งใจ ก็จะโกรธ โมโห แล้วก็อาละวาดออกมาในที่สุด ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีวิธีรับมือเมื่อ ลูกอาละวาด ที่ได้ผลมาฝากกันค่ะ

         

        ลูกอาละวาด เพราะอะไร ?

        เด็กในวัย 1-3 ปี ที่มักจะร้องอาละวาดเวลาที่ไม่ได้ดั่งใจ หรือถูกห้าม ถูกดุมากๆ ก็มักจะแสดงออกมาทางสีหน้า อารมณ์ว่าไม่พอใจ แล้วก็แผดเสียงดังๆ ออกมา ที่เรียกว่าการอาละวาดของเด็กนั่นแหละค่ะ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการอาละวาดก็เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการเด็ก ในการเรียนรู้ที่จะควบคุมตนเอง การอาละวาดของเด็กมักเกิดขึ้นกับเด็กเกือบทุกคน ทั้งนี้ต้องอาศัยพ่อแม่ ผู้เลี้ยงดูในการอบรม สั่งสอนเพื่อให้เด็กได้รู้จักควบคุมและจัดการกับอารรมณ์ของตัวเองได้ ที่ควรต้องเริ่มตั้งแต่ตอนเป็นเด็กเล็กๆ และจะได้ติดตัวเป็นนิสัยที่ดีต่อไปเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า

        อ่านต่อ >> “พ่อแม่เข้าใจพฤติกรรมลูกวัย 1-3 ขวบมากแค่ไหน ?” คลิกหน้า 2

         

         

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

         

          แทรมโพลีนมรณะ ยิ่งโดด ยิ่งสนุก ยิ่งสูง ยิ่งตาย

          แทรมโพลีน เป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายชนิดหนึ่ง ที่มีผืนผ้าใบขึงตึง ยึดด้วยเหล็ก และสปริง เป็นเหมือนเครื่องเล่น และเครื่องออกกำลังกาย วัสดุที่ใช้สามารถยึดหยุ่นได้ พลัง และกำลังในการเด้งมาจากสปริงที่ยึดติดกับเฟรมเหล็ก ใช้สำหรับกระโดด เพิ่มทักษะ และเสริมพัฒนาการเด็ก

          Continue reading “แทรมโพลีนมรณะ ยิ่งโดด ยิ่งสนุก ยิ่งสูง ยิ่งตาย”

            วิธีต้มมะระไม่ให้ขม

            ช่วยลูกน้อยเจริญอาหาร ด้วยสูตรแกงจืดมะระยัดไส้ แบบไม่ขม

            ขึ้นชื่อว่า มะระ หลายคนอาจขยาดเรื่องความขม แต่ความขมมะระนี่เองที่เป็นหนึ่งในสรรพคุณไม่ควรมองข้าม นั่นคือ สารเคมีที่ชื่อว่า “โมโมดิซิน” (Momodicine) ในมะระมีสรรพคุณช่วยกระตุ้นความรู้สึกอยากอาหาร ทำให้กินเก่งขึ้น เพราะอย่างนี้ หากเราสามารถทำให้ลูกน้อยกินมะระได้ง่ายขึ้นก็คงจะดี Amarin Baby & Kids จึงได้นำเคล็ดลับ สูตรมะระยัดไส้ ไม่ขม เพื่อลูกน้อยเจริญอาหาร มาฝากคุณแม่ทุกท่าน Continue reading “ช่วยลูกน้อยเจริญอาหาร ด้วยสูตรแกงจืดมะระยัดไส้ แบบไม่ขม”

              ทิชชูเปียก

              ทิชชูเปียก เสี่ยงติดเชื้อในกระแสเลือดจริงหรือ?

              กรมวิทยาศาสตร์ตรวจพบ ทิชชูเปียก ไม่ผ่านมาตรฐาน 4% มีเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ รา คาดว่าน่าจะผลิตไม่ถูกสุขลักษณะ เมื่อเช็ดรอบดวงตาแล้วผิวอักเสบ มีแผล เสี่ยงติดเชื้อในกระแสเลือด จึงแนะนำว่าถ้ามีอาการแพ้ ต้องหยุดใช้ทันที แล้วรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา

              ทิชชูเปียก อันตราย?

              นพ.สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดชนิดเปียก ซึ่งมีทั้งแบบผ้า และทิชชู ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยนิยมใช้กัน เพราะสามารถใช้เช็ดทำความสะอาดได้ดี และมีความสะดวก จึงมีการผลิตและจัดจำหน่ายเป็นจำนวนมาก จัดเป็นเครื่องสำอางควบคุม

              มีข้อมูลจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (USFDA) ว่า มีการเรียกเก็บผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดบางยี่ห้อคืน เพราะพบจุลินทรีย์ในกลุ่ม Pseudomonas ปนเปื้อน

              ทางกรมวิทยาศาสตร์ จึงสำรวจคุณภาพของตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด โดยการสุ่มเก็บตัวอย่างยี่ห้อต่างๆ จากแหล่งผลิตทั้งภายใน และต่างประเทศ จำนวน 44 ตัวอย่าง 254 รายการ

              ทิชชูเปียก

              ผลการตรวจพบว่า ทุกตัวอย่างไม่พบการปนเปื้อน แต่พบว่าบางตัวอย่างไม่ผ่านมาตรฐานด้านจุลชีววิทยา 2 ตัวอย่าง ประมาณ 4.5% เพราะมีจำนวนแบคทีเรีย ยีสต์ รา ที่เจริญเติบโตโดยใช้อากาศมากกว่า 1,000 cfu/g อาจเกิดจากกระบวนการผลิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะ หน่วยงานภาครัฐเฝ้าระวังตรวจสอบต่อเนื่อง

              การเลือกซื้อที่เช็ดทำความสะอาดชนิดเปียกนั้น ผู้ซื้อควรเลือกซื้อ ดังนี้

              1.มีฉลากระบุชื่อ ส่วนผสม วิธีใช้ ที่ตั้งผู้ผลิต หรือผู้นำเข้า และวันเดือนปีที่หมดอายุชัดเจน

              2.ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่หมดอายุ หรือมีลักษณะผิดปกติ เช่น มีกลิ่นผิดปกติ สีเปลี่ยน มีรอยด่างดำ เป็นต้น

              3.สังเกตส่วนประกอบที่ฉลากให้ละเอียด ถ้ามีประวัติการแพ้ส่วนผสมในทิชชูเปียกก็ควรหลีกเลี่ยง

              4.เก็บผลิตภัณฑ์เอาไว้ในที่แห้งและเย็น ไม่ใช้ทิชชูเปียกที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะจะทำให้เกิดอันตราย

              5.เมื่อให้เด็กใช้ หรือทาบริเวณผิวบอบบาง เช่น รอบดวงตา ผิวที่มีการอักเสบ มีสิว หรือมีบาดแผล อาจเสี่ยงถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือดได้ ถ้าพบอาการผิดปกติควรหยุดใช้ทันที และรีบพบแพทย์

               


              เครดิต: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

               

              อ่านเพิ่มเติม คลิก!!

              Save

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                สีน้ำนมแม่ น้ำนมส่วนหน้า น้ำนมส่วนหลัง

                สีน้ำนมแม่ น้ำนมส่วนหน้า น้ำนมส่วนหลัง มีประโยชน์อย่างไร

                สีน้ำนมแม่ น้ำนมส่วนหน้า น้ำนมส่วนหลัง ใครๆ ก็รู้ว่าน้ำนมแม่คืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกตั้งแต่แรกเกิด  น้ำนมแม่เต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายลูก  …ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำถามที่คุณแม่ให้นมลูกสงสัยกันมากว่า น้ำนมแม่ทำไมสีถึงต่างกัน เราจึงได้หาคำตอบในเรื่องนี้มาให้คุณแม่ได้ทราบกันค่ะ

                 

                สีน้ำนมแม่ น้ำนมส่วนหน้า น้ำนมส่วนหลัง

                จากคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (World Health Organozation, WHO) กล่าวว่า การให้อาหารทารกแรกเกิดที่ถูกต้อง คือให้ลูกดูดนมแมตั้งแต่ชั่วโมงแรกหลังคลอด และควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพียงอย่างเดียวเป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยไม่ให้อาหารชนิดอื่น แม้แต่น้ำ หลังจากนั้นให้นมแม่ควบคู่กับอาหารเสริมไปจนลูกอายุอย่างน้อย 2 ปี1

                 

                Good to know… “จากการศึกษาพบว่าเด็กที่ได้ทานนมแม่มาตั้งแต่แรกเกิด จะลดความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง (ท่อลม และปอด) ในเด็กขวบปีแรกลดลง 72% และหากเด็กที่กินนมแม่อย่างเดียวนานกว่า 6 เดือน จะมีโอกาสเป็นปอดบวมน้อยกว่าเด็กที่กินนมแม่อย่างเดียวน้อยกว่า 6 เดือน 4 เท่า2

                อ่านต่อ >> “นมแม่มีประโยชน์อย่างไรต่อลูกน้อย” คลิกหน้า 2 

                 

                 

                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                 

                  โจ๊ก อาหารยอดนิยม ที่อาจทำให้ลูกขาดอาหาร

                  มีบทความน่าสนใจจากเพจคลินิกหมอสังคม ที่กล่าวถึงประโยชน์ของ โจ๊ก อาหารที่คุณพ่อ คุณแม่นิยมใช้ป้อนลูกน้อย หลังจากที่สามารถรับประทานอาหารเสริมอื่นๆ นอกจากนมแม่ได้แล้ว เมื่ออายุครบ 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งระบุว่า อาจทำให้ลูกขาดอาหาร และเลี้ยงไม่โตได้

                  Continue reading “โจ๊ก อาหารยอดนิยม ที่อาจทำให้ลูกขาดอาหาร”

                    ประคบร้อน

                    คลอดลูกแล้วประคบร้อนทันที เสี่ยงตกเลือด?

                    คุณแม่ได้มีคำถามเข้ามาว่า เมื่อหลังคลอดแล้วสามารถประคบร้อนได้หรือไม่  เนื่องจากก่อนออกจากโรงพยาบาล  คุณหมอได้แนะนำว่าห้ามประคบร้อน เป็นเพราะว่าอาจทำให้เสี่ยงเกิดอาการตกเลือด  ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำตอบในเรื่องนี้มาฝากกันค่ะ

                     

                    Continue reading “คลอดลูกแล้วประคบร้อนทันที เสี่ยงตกเลือด?”

                      อาการใกล้คลอด

                      อาการใกล้คลอด 6 สัญญาณที่แม่ต้องสังเกต

                      เมื่อเข้าสู่ระยะสุดท้ายของการตั้งครรภ์  คุณแม่อาจสงสัยว่า จะรู้ได้ยังไงว่าใกล้คลอด ทั้งนี้ให้คุณแม่คอยสังเกตและเฝ้าดู อาการใกล้คลอด ต่างๆ ที่บ่งบอกว่า คุณแม่ใกล้จะได้พบหน้าเจ้าตัวน้อยที่เฝ้ารอแล้ว Continue reading “อาการใกล้คลอด 6 สัญญาณที่แม่ต้องสังเกต”

                        20 วิธีสานสายใยความผูกพันกับลูกน้อยก่อนเข้านอน

                        การ สร้างความผูกพันกับลูก …เพราะพ่อแม่มีเวลาอยู่กับวัยเด็กของลูกได้เพียงไม่กี่ปี ก่อนที่ลูกจะโตขึ้นและใช้เวลาของเขาทำกิจกรรมด้วยตัวเอง ซึ่งการสร้างความรู้สึกผูกพันนี้ทำให้ลูกน้อยรับรู้ได้ว่าเขาเป็นที่รัก เขามีคุณค่าพอที่จะได้รับความรัก ความรู้สึกเหล่านี้มีความหมายต่อการมีชีวิตในอนาคตของลูกเมื่อลูกโตขึ้น และยังเป็นพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่งของพัฒนาการทุกๆ อย่างของลูกในก้าวต่อไปอีกด้วย

                        การ สร้างความผูกพันกับลูก

                        ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเพียงมอบความรักและสัมผัสที่ชิดใกล้ สายใยความผูกพันระหว่างแม่ลูกก็เกิดแล้ว ทั้งนี้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการสานสายใยความผูกพันกับลูก คือ ช่วงก่อนที่ลูกจะหลับ หรือใกล้เคลิ้มเข้าสู่ห้วงนิทราในยามค่ำคืน ถือเป็นช่วงสำคัญที่คุณแม่จะต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงของการรับรู้เข้าไปถึงจิตใต้สำนึกของลูก และสามารถปลูกฝังลูกได้ตั้งแต่วัยทารกค่ะ

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                         

                        เพราะช่วงสภาวะก่อนหลับ ถือเป็นภาวะที่คลื่นสมองผ่อนคลายพิเศษ จิตใต้สำนึกจะเปิดกว้างออกอย่างเต็มที่และดูดซับรับเอาข้อมูลสิ่งต่างๆ ในช่วงเวลานั้นเข้าไปอย่างชนิดที่คุณพ่อคุณแม่คาดไปไม่ถึงเลยทีเดียว อีกเรื่องหนึ่ง คือ สิ่งที่สร้างความทรงจำที่แสนจะประทับใจไม่รู้ลืมให้ลูกได้ตั้งแต่วัยเยาว์ คือ คำพูด พฤติกรรมและการกระทำดีๆ ของพ่อแม่ที่มีต่อลูก ซึ่งจะประทับเข้าไปอยู่ในความทรงจำที่ฝังลึกเข้าไปถึงจิตใต้สำนึกว่าพ่อแม่รักลูกแล้วลูกก็จะจดจำได้ไปตลอดชีวิต ดังนั้นถ้าคิดจะปลูกฝังลูกเรื่องใดๆ อย่าได้พลาดช่วงสำคัญนี้ไปเชียว

                        การให้เวลากับลูกอย่างเต็มที่ พยายามใช้เวลาอยู่กับลูกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้เวลาคุณภาพกับลูกหลังจากที่ได้จัดสรร  ปันเวลาของการทำภารกิจต่างๆ ของคุณแม่ อยู่กับลูกในนานที่สุดในเวลาก่อนเข้านอนตามที่กล่าวมาข้างต้น

                        ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันกับเขาที่จะส่งเสริมศักยภาพ นอกจากจะสร้างความผูกพันแม่ลูกให้แน่นแฟ้นแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างพัฒนาการด้านต่างๆ ที่ดีให้แก่ลูกในช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันอีกด้วย เพราะช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วอยู่เสมอ ดังนั้นจึงควรรีบฉกฉวยโอกาสจากเวลาที่มีอยู่ให้กับลูกอย่างเต็มที่ แล้วดื่มด่ำไปกับความช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นกับลูกให้เต็มอิ่ม

                        สร้างความผูกพันกับลูก

                        วิธีสร้างความผูกพันกับลูกก่อนนอน

                        การสานสัมพันธ์กับลูกน้อยเป็นกระบวนการทางธรรมชาติซึ่งแท้ที่จริงแล้วมีอะไรอีกมากมายที่มากกว่าการประสานสานสายตากันระหว่างคุณแม่และลูกน้อย การมีส่วนร่วมและมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าตัวน้อยผ่านสัมผัสทั้งห้าตั้งแต่แรกเกิดเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาของลูก ฮอร์โมนที่หลั่งออกมาพร้อมกับการดูแลเอาใจใส่ช่วยสร้างสายใยระหว่างแม่และลูกน้อย ทั้งนี้หากคุณต้องการสานสายใยความผูกพันอย่างต่อเนื่องกับลูกน้อยให้ยาวนานที่สุด Amarin Baby & Kids มีเทคนิคดีๆ มาแนะนำดังต่อไปนี้

                        1. ลดละเลิกเล่นหรือสนใจอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด สิ่งสำคัญในการสร้างความกับลูกก่อนนอน อาจใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงคุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจลูกและให้ความสนใจกับลูกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

                        Must readแม่ไม่สนใจมัวแต่เล่นมือถือ ลูกสาวจึงเอ่ยปากพูดประโยคนึงแม่ถึงกับไม่กล้าเล่นมือถืออีกเลย

                        2. สอนการบ้านลูก การสอนการบ้าน จะช่วยให้ลูกสนใจการเรียน และการไปโรงเรียน อีกทั้งการไปห้องสมุดร่วมกับลูก ก็เป็นการใช้เวลากับลูกที่สนุกสนานร่วมกัน

                        Must readเทคนิคช่วยลูกทำการบ้านให้ประสบความสำเร็จ!

                        3. อาบน้ำด้วยกัน นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาคุณภาพของ เพราะเป็นเวลาที่ผ่อนคลาย ลูกจะรู้สึกสบายตัวและยิ่งได้รับสัมผัสที่อ่อนโยนจากแม่ จะยิ่งสร้างความรู้สึกผูกพันได้เป็นอย่างดี

                        อ่านต่อ >> วิธีสร้างความผูกพันกับลูกก่อนนอน” คลิกหน้า 2

                          ภรรยา-7-ประเภท-ในสมัยพุทธกาล

                          ภรรยา 7 ประเภท ในสมัยพุทธกาล

                          ภรรยา 7 ประเภท  ในสมัยพุทธกาล ในฐานะคู่สามีภรรยาที่อยู่ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันจนมีลูก มีหลานเป็นสักขีพยานแห่งรักที่มั่นคงแล้วนั้น เชื่อว่าทุกครอบครัวคงไม่อยากมีปัญหาในชีวิตคู่  ทีมงาน Amarin Baby & Kids มี ภรรยา 7 ประเภท ที่ได้รับการเผยแพร่จากเพจสะพานธรรมะ @SaphanDhamma (อ้างจาก ภริยาสูตร ส. อํ. (60) ตบ. 23 : 93-95 ตท. 23 : 87-88 ตอ. G.S. IV : 57-58) ตามไปศึกษาพร้อมกันว่า ภรรยา 7 ประเภท มีอะไรบ้าง แล้วในฐานะภรรยาคุณเป็นภรรยาประเภทไหนของสามี

                           

                          ภรรยา 7 ประเภท ในสมัยพุทธกาล

                          ในสมัยพุทธกาลมีเรื่องราวของ นางสุชาดา ลูกสะใภ้เศรษฐีผู้เอาแต่ใจตัวเอง สำคัญตนว่าเป็นลูกสาวของตระกูลใหญ่ จึงไม่ยอมก้มหัวให้คนในครอบครัวสามีแม้กระทั่งปู่และย่า  ชอบดุด่าเฆี่ยนตีทาสรับใช้ในเรือนของสามีอยู่เป็นประจำ  ต่อมาวันหนึ่ง พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ เข้าไปฉันที่บ้านของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ขณะที่กำลังแสดงธรรมอยู่นั่นเอง ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย จึงตรัสถามท่านเศรษฐี เมื่อเศรษฐีกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว พระองค์จึงรับสั่งให้เรียกนางสุชาดามาเข้าเฝ้า และตรัสถามนางว่า “สุชาดา ภรรยามี 7 จำพวก เธอเป็นภรรยาจำพวกไหน?”1

                          ไปศึกษาพร้อมกันว่าที่พระพุทธองค์ได้ถามนางสุชาดา นั้นมีข้อคิดแฝงไว้ให้คิดเตือนในเรื่องใดได้บ้าง…

                          อ่านต่อ >> “ภรรยา 7 ประเภท ในสมัยพุทธกาล” คลิกหน้า 2 

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                           

                            ผัก ผลไม้ บำรุงสมอง

                            ผัก ผลไม้ บํารุงสมอง ป้องกัน อัลไซเมอร์

                            ผัก ผลไม้ บํารุงสมอง ป้องกัน อัลไซเมอร์ การมีชีวิตที่ยืนยาวเพื่ออยู่ดูแลลูกๆ ไปจนพวกเขาเติบโตขึ้น และเห็นลูกได้ประสบความสำเร็จในชีวิต นั่นคือสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนปรารถนา  ดังนั้นในระหว่างทางเราในฐานะพ่อแม่จำเป็นต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา ทีมงาน Amarin Baby & Kids มี ผัก ผลไม้ บำรุงสมอง ป้องกัน อัลไซเมอร์ มาฝากกันค่ะ  

                             

                            ผัก ผลไม้ บำรุงสมอง ป้องกัน อัลไซเมอร์

                            โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) เป็นโรคสมองเสื่อมที่พบได้บ่อยที่สุด  ผู้ป่วยโรคนี้จะมีอาการสำคัญ คือ ความจำเสื่อม หลงลืม มีพฤติกรรมและนิสัยเปลี่ยนไป อาการจะดำเนินไปอย่างช้าๆ แต่ค่อยๆ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และเสีย ชีวิตในที่สุด ไม่มีวิธีป้องกันหรือวิธีสำหรับรักษาให้หายได้1

                            ผัก ผลไม้ บำรุงสมอง

                            อาการ 4 ระยะของโรคอัลไซเมอร์ ที่ควรรู้  มีอะไรบ้าง ?

                            1. ระยะก่อนสมองเสื่อม

                            อาการป่วยในระยะเริ่มแรกก่อนสมองเสื่อม สำหรับคนป่วยโรคอัลไซเมอร์ ที่จะมีความบกพร่องทางการเรียนรู้เล็กน้อย (Mild cog nitive impairment) มักจะมีปัญหาในเรื่องการจดจำข้อมูลที่เพิ่งเรียนรู้มาไม่นาน  หรือไม่สามารถรับข้อ มูลใหม่ๆได้

                            2. สมองเสื่อมระยะแรก

                            ในเวลาต่อมาคนป่วยจะมีปัญหาเกี่ยวความของสมองในระยะที่เรียกว่า สมองเสื่อมระยะแรก  ซึ่งจะมีการสูญเสียความจำในระยะสั้น ความจำใหม่ หรือความจำที่เพิ่งเรียนรู้มา เช่น ลืมว่าเก็บกุญแจบ้าน กุญแจรถไว้ที่ไหนไม่ได้  และมักจะถามซ้ำ พูดซ้ำ

                            3. สมองเสื่อมระยะปานกลาง

                            คนป่วยอัลไซเมอร์จะเริ่มมีปัญหาในการจำที่มากขึ้น เช่น จำหน้าญาติ จำหน้าเพื่อนไม่ได้  รวมทั้งไม่สามารถจำชื่อคนรู้จัก หรือใครคนอื่นๆ ได้เลย

                            4. สมองเสื่อมระยะสุดท้าย

                            คนที่ป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์หากพบว่าป่วยระยะสุดท้าย จะมีการใช้สมองส่วความทรงจำที่ร้ายแรงที่สุด เพราะจะไม่สามารถจำอะไรได้เลย แม้กระทั่งว่าการทานข้าวต้องใช้ช้อนตักข้าวอย่างไรไม่รู้ว่าหิวต้องทำยังไง ความจำทุกอย่างจะสูญเสียไปทั้งหมด

                             

                            สำหรับโรคอัลไซเมอร์นั้นถือเป็นโรคที่รุนแรง ที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ และสุดท้ายคนที่ป่วยด้วยโรคนี้ก็จะเสียชีวิตลงในที่สุด และถึงแม้ว่าอาการของอัลไซเมอร์จะรุนแรงและไม่สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ แต่เราก็สามารถที่จะป้องกันสมองไม่ให้เกิดอาการอัลไซเมอร์ได้ หากรู้จักบริหารสมองให้ได้ใช้งานอยู่ตลอดเวลา อย่างในผู้ที่เริ่มมีอายุมากขึ้น ก็มักจะแนะนำให้ทำกิจกรรมที่มีการกระตุ้นให้สมองได้คิด ได้สร้างความจำเรียนรู้ นั่นคือ การคิดเลข การเล่นต่อคำภาษาอังกฤษ การเล่นหมากฮอส หมากรุก หรือจะเล่นเกมเศรษฐีเพื่อผ่อนคลายสมองก็ได้เช่นกัน ฯลฯ ซึ่งกิจกรรมที่ช่วยทำให้สมองได้คิด ได้คำนวณเหล่านี้ จะกระตุ้นการทำงานของสมองให้เกิดการเรียนรู้ ได้คิด ได้จำอยู่ตลอดเวลา  สำหรับคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้สูงอายุทั่วไปควรจะได้มีการบริหารสมองด้วยกิจกรรมอะไรก็ได้ ที่ดีต่อสมอง

                            อ่านต่อ >> “ผัก ผลไม้ บำรุงสมอง ป้องกัน อัลไซเมอร์” คลิกหน้า 2 

                             

                             

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                             

                              แม่ท้องฟังเพลง คลาสสิค-โมสาร์ท ช่วยให้ทารกฉลาดขึ้นจริงหรือ?

                              เพลงสำหรับแม่ท้องให้ลูกในท้องฟัง  …ระบบประสาทการรับฟังของลูกน้อยในครรภ์จะเริ่มทำงานตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 5 เดือน การใช้เสียงกระตุ้นจะทำให้เครือข่ายใยประสาทที่ทำงานเกี่ยวกับการได้ยินของลูกมีพัฒนาการดีขึ้น เสียงที่ดีที่ควรใช้ในการกระตุ้นก็คือ เสียงเพลง 

                              โดยเฉพาะเพลงที่มีความไพเราะและคุณแม่ชอบฟัง ไม่จำเป็นต้องเป็นเพลงคลาสสิคอะไรที่ฟังไม่รู้เรื่องหรอกครับ เพราะบางเพลงถ้าฟังไม่ดีอาจจะประสาทรับประทานก็ได้ครับ  เวลาคุณแม่ฟังเพลง ควรจะเปิดเสียงเพลงให้อยู่ห่างจากหน้าท้องประมาณ 1 ฟุต และเปิดเสียงดังพอประมาณเพื่อลูกในครรภ์จะได้ฟังเสียงเพลงไปด้วย การที่ลูกในครรภ์ได้รับฟังเสียงเพลงคลื่นเสียงจะไปกระตุ้นให้ระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินมีการพัฒนาระบบการทำงานได้เร็วขึ้น ทำให้เมื่อลูกคลอดออกมา มีความสามารถในการจัดลำดับความคิดในสมอง รู้สึกผ่อนคลาย และจดจำสิ่งต่างๆได้ดี

                              เพลงสำหรับแม่ท้องให้ลูกในท้องฟัง

                              เพลงสำหรับแม่ท้องให้ลูกในท้องฟัง

                              เพลงสำหรับกระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์ จะช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อลูกได้ยินเสียงเพลง ได้ยินจังหวะของเพลงเขาจะขยับตัวหรือดิ้นไปตามเสียงเพลง เช่น ถ้าเป็นเพลงช้าฟังสบาย เขาจะขยับตัวช้าๆ เหมือนกำลังว่ายน้ำอยู่ในท้องแม่อย่างสบายใจ หากเพลงมีจังหวะเร็วเขาอาจจะขยับตัวบ่อยหรือดิ้นแรงขึ้นเหมือนเต้นตาม ซึ่งการขยับตัวของทารกในครรภ์ตามเสียงเพลงหรือเสียงที่ได้ยินก็เป็นสัญญาณบอกถึงพัฒนาการทารกในครรภ์ที่ยอดเยี่ยมนั่นเองค่ะ

                              แม่ตั้งครรภ์ควรฟังเพลงเพื่อพัฒนาการทารกในครรภ์ที่ยอดเยี่ยมด้วยวิธีต่อไปนี้

                              • เพลงสำหรับทารกในครรภ์ควรเป็นเพลงฟังสบาย จะเป็นเพลงช้าหรือเร็วก็ได้ หรือแม้แต่เพลงร็อคก็ฟังได้ และเน้นให้ลูกได้ยินเสียงและรู้สึกถึงจังหวะเพื่อไปกระตุ้นพัฒนาการทางการได้ยิน การเคลื่อนไหวในท้อง และความรู้สึกผ่อนคลายในท้องแม่เป็นหลัก
                              • ควรใช้หูฟังแบบครอบศีรษะ หรือหูฟังเพลงสำหรับทารกในครรภ์ เพราะเสียงและจังหวะของเพลงจะดังไปถึงลูกในท้องได้ดี หูฟังชนิดใส่ในรูหูจะมีความดังไม่มากพอให้ลูกในท้องได้ยินเสียงเพลงนะคะ
                              • ไม่ควรเปิดเสียงเพลงดังเกินไป เพราะลูกในท้องอาจตกใจและดิ้นแรงกว่าปกติได้ ระดับเสียงที่พอดีอาจวัดจากคุณแม่ลองใส่หูฟังฟังเองก่อน แล้วปรับความดังในระดับที่หากคุณพ่อมาคุยด้วยก็ยังพอได้ยินเสียงแบบพอจับใจความได้ หรือเรียกแล้วยังได้ยินนั่นเองค่ะ
                              • ทารกในครรภ์จะได้ยินเสียงเพลงได้ดีเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 5 เดือน เนื่องจากมีการพัฒนาระบบประสาทการได้ยินแล้ว แต่แม่ท้องสามารถให้ลูกในท้องฟังเพลงได้ตั้งแต่รู้ว่าท้องค่ะ เพราะตัวแม่เองก็จะรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด ส่งผลไปถึงความสบายของลูกในท้องด้วย
                              • ทารกในครรภ์จะตื่นตัวดีในช่วงบ่ายเป็นต้นไป แม่ท้องจึงควรให้ทารกในครรภ์ฟังเพลงช่วงบ่าย และใช้เวลาฟังเพลงประมาณ 1 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ลูกในท้องได้พักผ่อนด้วย
                              Must read12 วิธีเพิ่ม IQ ให้ลูกฉลาดตั้งแต่อยู่ในท้อง

                              สำหรับแม่ท้องที่เข้าใจว่าฟังเพลงคลาสสิกแล้วจะทำให้ลูกฉลาด ลองเปลี่ยนความคิดกันใหม่นะคะ เพลงคลาสสิกไม่ได้ช่วยให้ลูกฉลาดตั้งแต่ในท้อง เพราะความฉลาดมีปัจจัยหลักมาจากพันธุกรรมของพ่อแม่ สภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ การส่งเสริม และอาหาร แต่การให้ทารกในครรภ์ฟังเพลงจะเป็นการทำให้ลูกผ่อนคลาย กระตุ้นพัฒนาการทางการได้ยินและพัฒนาการทางร่างกายตั้งแต่ในท้องด้วยการขยับตัวและดิ้นไปตามจังหวะเพลงที่ได้ยิน ซึ่งเมื่อคลอดออกมา เขาจะมีความพร้อมทั้งทางร่างกายและอารมณ์ที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวด้วยความคล่องแคล่ว คล่องตัว และอารมณ์ดีค่ะ

                              อ่านต่อ >> “เปิดเพลงคลาสสิคให้ทารกในครรภ์ฟังลูกจะฉลาดขึ้นจริงหรือ”
                              คลิกหน้า 2

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                               

                                โรคภูมิแพ้-จัดบ้าน-จัดห้องนอน

                                ดูแลลูกน้อยให้ห่างไกลจาก โรคภูมิแพ้ จัดบ้าน จัดห้องนอน แบบไหนดี ?

                                โรคภูมิแพ้ จัดบ้าน จัดห้องนอน ในปัจจุบันนี้พบว่ามีคนเป็นภูมิแพ้อากาศมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งอาการแพ้อากาศนั้นถือว่าเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่ง ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำแนะนำสำหรับการจัดบ้าน จัดห้อง สำหรับคนเป็นโรคภูมิแพ้ และป้องกันลูกน้อยให้ห่างไกลจากภูมิแพ้มาฝากกันค่ะ

                                 

                                โรคภูมิแพ้ จัดบ้าน จัดห้องนอน

                                อาการแพ้อากาศ คือ การที่เยื่อบุจมูกอักเสบและบวมทำให้เกิดอาการ จาม คัดจมูก คันจมูก น้ำมูกไหล และอาจมีอาการทางเยื่อบุตาอักเสบ  ไซนัสอักเสบ หรือคออักเสบ สำหรับสาเหตุของเยื่อบุจมูกอักเสบพบว่าเกิดจากโรคภูมิแพ้เป็นส่วนใหญ่1

                                อ่านต่อ >> “จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นอาการของโรคภูมิแพ้ ?” คลิกหน้า 2

                                 

                                 

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                 

                                  หยุด “โรคแพ้ไม่เป็น” โรคร้ายของเด็กรุ่นใหม่ ในยุคการแข่งขันสูง

                                  เด็กรุ่นใหม่ต้องเติบโตท่ามกลางสังคมที่มีการแข่งขันสูง ต้องติวกันตั้งแต่อนุบาล เพื่อให้ได้เข้าโรงเรียนที่มีชื่อเสียง และจบการศึกษาจากสถาบันอันดับต้นๆ ของประเทศ พ่อแม่จึงมุ่งเน้นให้ลูกเก่ง เรียนได้เกรดสูง มีงานดีๆ ทำ มีรายได้เยอะๆ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในสังคม ทำให้คนรุ่นใหม่เป็นโรค “แพ้ไม่เป็น” มีความต้านทานความพ่ายแพ้ต่ำ เมื่อเกิดความผิดหวังมักทนไม่ได้และอาจหนักถึงขึ้นฆ่าตัวตาย ในฐานะพ่อแม่ เราจะมีวิธีอย่างไรที่จะป้องกัน โรคแพ้ไม่เป็น นี้ได้ Continue reading “หยุด “โรคแพ้ไม่เป็น” โรคร้ายของเด็กรุ่นใหม่ ในยุคการแข่งขันสูง”

                                    สุดยอด! วิธีสยบอาการไอของลูกน้อยให้อยู่หมัด

                                     … ช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้ ทำให้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ซึ่งสำหรับเด็กน้อยเมื่อเจออากาศแบบนี้ก็อาจทำให้หลายคนป่วยเป็นไข้หวัดได้

                                    ลูกไอเป็นภาวะที่พ่อแม่ทุกคนไม่อยากให้ลูกเป็น เพราะบางครั้งทำให้ลูกทุกข์ทรมาน เด็กบางคนไอมากจนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ไอมากจนอาเจียนหรือไอมากจนไม่ได้หลับนอน หรือในบางครั้งถึงลูกจะมีอาการไอไม่รุนแรง แต่ก็ทำให้เกิดความรำคาญได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นอาการแบบไหนเสียงไอของลูกน้อยก็เป็นเสียงที่ทรมานใจ สำหรับคุณพ่อคุณแม่เช่นกันและมาพร้อมกับความวิตกกังวลว่าอาการไอของลูกคือสัญญาณเตือนปัญหาอะไรหรือเปล่า!

                                    ยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก

                                    อาการไอ เป็นกลไกที่สำคัญของร่างกายในการกำจัดสิ่งระคายเคือง หรือสิ่งแปลกปลอมในระบบทางเดินหายใจของร่างกาย ซึ่งสาเหตุบอกอาการไอส่วนใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ที่มักพบบ่อย คือโรคหวัด ทำให้เด็กมีไข้ น้ำมูกไหล ซึ่งอาการคันและระคายคอ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กไอ

                                    ฉะนั้นเวลาลูก เป็นหวัดธรรมดาแล้วไอออกมาจึงไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วง แต่ถ้ามีอาการไอผิดปกติขึ้นมาก็ต้องมาดูถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการไอโดยเฉพาะถ้าเกิดกับเด็กเล็ก จึงจำเป็นอย่างยิ่งคุณพ่อคุณแม่จะต้องรู้ทันอาการไอของลูกน้อย พร้อมวิธีรับมือดูแลรักษาอาการไอของลูกให้อยู่หมัดแล้วจะต้องทำอย่างไรบ้าง Amarin Baby & Kids มีคำตอบมาฝากค่ะ

                                    ลักษณะอาการไอ

                                    ยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก

                                    • ไอแบบฉับพลัน หลังทานอาหาร อาจเกิดจากอาการติดคอ หรือเด็กนำของเล่นกลืนเข้าไปแล้วติดคอ ควรพบแพทย์เพื่อนำวัตถุแปลกปลอมออกไป เพราะอาจเกิดอันตรายได้
                                    • ไอแห้ง ๆ ไม่มีเสมหะ อาจเกิดจากระคายเคืองในระบบหายใจ เยื่อจมูกบวม อาจต้องล้างจมูกเพื่อให้สะอาด และดื่มน้ำมาก ๆ
                                    • ไอแบบมีเสมหะหรือเสมหะข้นขุ่น อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือภูมิแพ้ ให้ระวังมีไข้จากภาวะอักเสบ รักษาโดยการให้ยาลดไข้ เช็ดตัว หากจำเป็นใช้ยาลดเสมหะเพื่อให้บรรเทาอาการและควรพบแพทย์
                                    • ไอเรื้อรัง เป็นง่าย หายยาก อาจเกิดจากเชื้อไวรัส หอบหืด ไอกรน และวัณโรค ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธี
                                    • ไอเบา ๆ และตามาด้วยเสียงหัวเราะ อาจเป็นการไอจากความซนของลูกน้อย ที่เลียนแบบผู้ใหญ่ที่ได้ยินเสียงไอ

                                    วิธีรับมือและป้องกันเมื่อลูกมีอาการไอ

                                    ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตดูอาการไอของลูกจากลักษณะอาการไอข้างต้น แล้วพิจารณาว่าอาการนั้นรุนแรงหรือไม่ ถ้าหากมีอาการรุนแรงหรือมีอาการอื่นร่วมด้วย ควรรีบพาลูกไปปรึกษาแพทย์ และควรปฏิบัติเพื่อรักษาอาการไอของลูกน้อย ดังนี้

                                    • ดื่มน้ำบ่อยๆเพราะน้ำ ถือเป็นยาแก้ไอที่ดีที่สุด หากเด็กมีอาการไอ ควรดื่มน้ำให้มากขึ้น และควรเป็นน้ำอุ่น หรือน้ำในอุณหภูมิปกติ หลีกเลี่ยงน้ำเย็น น้ำแข็ง ที่อาจทำให้ไอเพิ่มมากขึ้น
                                    • กินอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย เพื่อลดการอาเจียนที่อาจเกิดร่วม สำหรับเด็กโตที่สามารถรับประทานอาหารทั่วไปได้ ควรงดอาหารประเภททอดทุกชนิด เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้อาการระคายคอมีเพิ่มมากขึ้น
                                    • หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝุ่นควันเพราะบริเวณที่มีฝุ่นควันอาจทำให้เด็กรับเชื้อเพิ่มมากขึ้นและกระตุ้นอาการไอ อาจส่งผลให้เด็กไอเรื้อรังและเกิดอาการอักเสบได้
                                    • สวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ในหน้าหนาวหากเป็นหน้าหนาว คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูก ๆ สวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น เพราะอากาศที่เย็นจะยิ่งกระตุ้นให้หลอดลมหดตัวทำให้มีอาการไอมากขึ้น
                                    • รับประทานยาเพื่อรักษาและบรรเทาอาการไอสำหรับการใช้ยาแก้ไอนั้นไม่ควรใช้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 – 2ขวบ เพราะยาอาจตกค้างและส่งผลเสียต่อร่างกายของเด็ก หากคุณพ่อคุณแม่ปฏิบัติตามคำแนะนำที่ให้ไว้แล้วอาการไอของลูกน้อยยังไม่ทุเลา ควรปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับลูกน้อยได้

                                    ยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก ที่คุณแม่ไว้ใจได้!

                                    b4fc9c32-e84f-1a86-247f-57a2a3e66416

                                    ยาน้ำแก้ไอเด็ก ตรามิสเตอร์เฮิร์บ เจ้าของเดียวกับ ยาน้ำเขากุย ตราอ้วยอันโอสถ มีสรรพคุณแก้ไอ และขับเสมหะเป็นสูตรยาน้ำที่ได้พัฒนาขึ้นมา สำหรับเด็กโดยเฉพาะโดยปราศจากสารเคมี แอลกอฮอล์ และกลิ่นสังเคราะห์ ผลิตจากสมุนไพรธรรมชาติ รสชาติอร่อย ทานง่าย หาซื้อได้ตาม 7-11 Family Mart และร้านขายยาทั่วไป เหมาะกับคุณพ่อคุณแม่สมัยใหม่ที่ใส่ใจในส่วนผสมและความปลอดภัยของยาซึ่งคุณแม่เมย์ เฟื่องอารมณ์ ของน้องมายู และคุณจูน กษมา ของทั้งเด็กน้อยทั้ง 4 ออ ก็ยังเลือกใช้ ยาน้ำแก้ไอเด็ก ตรามิสเตอร์เฮิร์บเรียกได้ว่าคุณพ่อคุณแม่สามารถไว้วางใจได้อย่างแน่นอนค่ะ

                                    14643063_1118005474974367_1380780305_n

                                    ส่วนประกอบหลักของยาคือ มะขามป้อม (Phyllanthusemblica Linn.) ผลมะขามป้อมสดใช้รับประทานเป็นผลไม้ แก้กระหายน้ำได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมะขามป้อมยังถือเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการช่วยเสริมภูมิต้านทานให้เราได้เช่นเดียวกัน เพราะเป็นผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูงมากกว่าบรรดาผลไม้ไทยทุกชนิด นอกจากนั้นยังเป็นยาบำรุงแก้หวัด แก้ไอ ละลายเสมหะมีส่วนประกอบที่สำคัญ ประกอบด้วยมะขามป้อม ผลมะแว้งเครือ ส้มจี๊ด น้ำผึ้ง และตัวยาอื่นๆ

                                    14628249_1118005391641042_1523354249_n-horz

                                    √ วิธีรับประทาน

                                    เด็กอายุ 2 – 6 ขวบ    1 ช้อนชา หลังอาหารและก่อนนอน (5 ml)

                                    เด็กอายุ 6 – 12 ขวบ   2 ช้อนชา หลังอาหารและก่อนนอน (10 ml)

                                    >> สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2cSsial

                                    ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้ คือ ก่อนซื้อหรือเลือกใช้ยา เพื่อความปลอดภัยในสุขภาพของลูกน้อย ควรปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากเภสัชกรหรือคุณหมอทุกครั้งนะ