เริ่มแล้ว เปิดพิกัดไฮไลท์ รวมทุกความสนุก ต้อนรับวันเด็ก 2568 ที่เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์

event

กรุงเทพ – 9 มกราคม : เดอะมอลล์ กรุ๊ป DESTINATION แห่งความสุขสำหรับทุกคนในครอบครั    ฉลองเทศกาลวันเด็กแห่งชาติ 2568 เนรมิตศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา ให้กลายเป็นโลกแห่งการสำรวจและเรียนรู้ จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ของเด็กยุคใหม่ เสริมสร้างทักษะและมอบประสบการณ์แห่งการเรียนรู้รอบด้านในทุกมิติให้กับเด็ก พร้อมเพิ่ม QUALITY TIME สร้างความทรงจำที่ดีให้กับทุกครอบครัว กับงาน THE MALL LIFESTORE KIDS FUNTASIA ผจญภัยโลกกว้าง สร้างแรงบันดาลใจในทุกก้าว ระหว่างวันที่ 9 – 12 มกราคม 2568 ที่ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา และเดอะมอลล์ โคราช

ผจญภัยในดินแดนมหัศจรรย์ของกระต่ายปุกปุย ภายใต้คอนเซ็ปต์RABBIT CASTLE อัศวินปุกปุย ตะลุยปราสาทแห่งความลับ ชวนเหล่าเจ้าหญิงและเจ้าชายตัวน้อย มาท่องดินแดนมหัศจรรย์ไปกับอัศวินปุกปุย พบความน่ารักของกระต่าย 10 สายพันธุ์ รวมกว่า 300 ตัว อาทิ กระต่ายฮอลล์แลนด์ล็อป, เนเธอร์แลนด์, ไลอ้อนเฮด, มินิเร็ก, เฟลมมิสไจแอ้นท์, เป็นต้น พร้อมสนุกสนานและป้อนอาหารกระต่ายน้อยแบบใกล้ชิดใน RABBIT CASTLE, เวิร์คอปทำ RABBIT HEADBAND, พร้อมใกล้ชิดกับ CELEB ขนปุยสุดน่ารักน้องทัมเปอร์และน้องตามจำ”  ระหว่างวันที่ 9 – 12  มกราคม 2568 ที่ เอ็ม ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น จี เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ

เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค ร่วมกับ ภาควิชากีฏวิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ PLAN FOR KIDS ชวนเหล่าหนูน้อยนักสำรวจ มาสนุกสนานไปกับ BUTTERFLY KINGDOM มหัศจรรย์อาณาจักรแห่งผีเสื้อ แมลง รวมกว่า 1,000 ชีวิต และนกสายพันธุ์ต่างๆ เพลิดเพลินกับการให้อาหารนกแก้วซันคอนัวอย่างใกล้ชิด พร้อมเรียนรู้ไปกับนิทรรศการแมลงสตฟ์นานาชนิด และแมลงหายากใกล้สูญพันธุ์ อาทิ ผีเสื้อหางยาวตาเคียวปีกลายหยัก , ถุงทองบรู๊ค , ไกเซอร์ , แมลงทับนางพญาใหม่ , นางพญาระนอง , ด้วงคีมยีราฟ , กว่างสามเขาใหญ่กิจกรรม และจำหน่ายหนังสือนิทานจาก PLAN FOR KIDS  ระหว่างวันที่ 9 – 12  มกราคม 2568 ที่ เอ็ม แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น จี    เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค

ตื่นตาตื่นใจกับลูกโป่งแฟนตาซีหลากสีสันสดใส กับ “BOZO BALLOON VILLAGE” ผจญภัยโลกกว้าง ตะลุยดินแดนลูกโป่งมหัศจรรย์ พบกับลูกโป่งโบโซ่สูงกว่า 4 เมตร  และกองทัพมาสคอตสุดน่ารัก และกิจกรรมตื่นตาตื่นใจอีกมากมาย ระหว่างวันที่ 9 – 12  มกราคม 2568 ที่ เอ็ม ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น 1 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน

เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ  ร่วมกับ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และสถาบันวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ชวนน้อง ๆ มาสัมผัสและเรียนรู้ชีวิตสัตว์ทะเล ค้นพบกับความมหัศจรรย์แห่งโลกใต้ท้องทะเลเสมือนจริง ภายใต้คอนเซ็ปต์“UNDERWATER LIFE” ชื่นชมความสวยงามของสัตว์ทะเลนานาชนิด ตื่นตาตื่นใจไปกับอุโมงค์จำลองโลกใต้ท้องทะเล และแมงกระพรุนเรืองแสง ท่องโลกแห่งทะเลอย่างสร้างสรรค์กับนิทรรศการสัตว์ทะเล เช่น       ปลาการ์ตูน, ฉลามกบ, ปลาสิงโต, ปลาปักเป้ากล่องเหลือง, ปลาแมนดาริน, ปลาผีเสื้อไคลน์ ,ปลาสินสมุทรจิ๋ว,กระดุมทะเล, ปลานกขุนทองหางจุด, ปลาตั๊กแตนหิน, ม้าน้ำดำ,ปลิงทะเลหนวดกิ่งไม้,ดาวทะเล, กุ้งเปปเปอร์มินต์, เม่นทะเลวแหวนขาว สัตว์สตั๊ฟฟ์ ปลาดองใส ที่รวบรวมมาแสดงกว่า 1,000 ตัว สนุกสนานและได้ความรู้จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญที่จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับโลกใต้ท้องทะเลตลอดงาน นอกจากนี้พบกับกิจกรรมความสนุกสุดสร้างสรรค์มากมาย อาทิิจกรรม “TOUCH POOL” เปิดประสบการณ์ให้น้องๆ ได้สัมผัสตัวสัตว์ทะเลสุดน่ารักอย่างใกล้ชิด อาทิ ดาวทะเล ฉลามกบ แมงดาจานปูเสฉวน และตื่นตาตื่นใจกับโชว์ฟองอากาศยักษ์ เสมือนอยู่ใต้ท้องทะเล , นิทานประกอบดนตรี  ,และแฟชั่นโชว์สุดน่ารัก ระหว่างวันที่ 9 -11 มกราคม 2568 ที่ เอ็ม แกรนด์ฮอลล์ ชั้น จี เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์  บางกะปิ

ปิดท้าย กับความสนุกกับฐานเกมส์ที่ THE MALL KORAT KIDS FUNTASIA พบกับ FANTASY  ADVENTURE  ให้น้องๆได้ระเบิดพลังกับเหล่าเครื่องเล่น อาทิ บ้านบอล GIANT SLIDER & BALL POOL, อุโมงค์เลเซอร์ (LASER MAZE), ART & CRAFT รวมถึงกิจกรรมความสนุกสนานอีกมากมาย ระหว่างวันที่ 11-12 มกราคม 2568 ที่ เอ็มซีซี ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์ โคราช

นอกจากนี้สมาชิก M JUNIOR  CLUB สนุกกับการสะสม STAMP ผ่าน KIDS PASSPORT สะสมแสตมป์ครบ 4 ดวงแลกรับของรางวัลมากมาย พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ ที่เด็กๆพลาดไม่ได้ พิเศษ เฉพาะเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค และบางกะปิ ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม – 9 กุมภาพันธ์ 2568 พบกับกิจกรรมสุดพิเศษสุขได้ทั้งครอบครัว เพียงตามล่าหา 3 แก๊งป่วน ไม่ว่าจะเป็นน้องผีเสื้อ หรือน้องนีโม่ พร้อม MASCOT สุดน่ารักจากแบรนด์ชั้นนำ อาทิ DAIRY QUEEN (น้องดี) , SIZZLER (น้องชีสโทสต์) เก็บครบ 3 แก๊งป่วน รับทันทีโค้ดส่วนลด 100 บาท* ใช้ได้ที่ร้าน DAIRY QUEEN, SIZZLER, SWENSEN’S  

พิเศษ! รับสิทธิพิเศษสำหรับวันเด็กเพื่อความสุขและการเรียนรู้ชั้นนำ อาทิ บัตรเด็กโซนฮาร์เบอร์แลนด์ลด 50%, KIDS CINEMA โรงภาพยนตร์สำหรับเด็กและครอบครัว, JOYLIDAY แหล่งรวมเครื่องเล่นในศูนย์การค้า , พร้อมส่วนลดสูงสุด50%และทดลองเรียนฟรีจากสถาบันชั้นนำ อาทิ โรงเรียนสอนดนตรี YAMAHA MUSIC SCHOOL, GLOBAL ART โรงเรียนศิลปะเพื่อการพัฒนาเด็กที่ดีที่สุด, KPN MUSIC ACADEMY สถาบันดนตรี เคพีเอ็น เป็นต้น เที่ยววันเด็กเสริมจินตนาการ สุขได้ทั้งครอบครัว ในงาน THE MALL LIFESTORE KIDS FUNTASIA ระหว่างวันที่ 9 -12 มกราคม 2568  ที่  เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา และ เดอะมอลล์ โคราช

**************************************

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : ฝ่ายประชาสัมพันธ์องค์กร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด  

พัชรพร กิจพยัคฆ์  ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายประชาสัมพันธ์องค์กร

ยุคลธร (ยุ้ย)    โทร.097-235-8265 / อัญชลี   (ปลาน้อย)  โทร.083-519-1651  ชัยพล ยะถิ่น (โก้)  โทร. 096-193-5824

กิจกรรมวันเด็ก 2568

ชี้พิกัด! ที่เที่ยววันเด็ก กิจกรรมวันเด็ก 2568 พาลูกเปิดโลกความรู้สุดสนุก

event
กิจกรรมวันเด็ก 2568
กิจกรรมวันเด็ก 2568

รวม ที่เที่ยววันเด็ก กิจกรรมวันเด็ก 2568 จะไปไหนดี ที่ไหนจัดกิจกรรมอะไรบ้าง ทีมแม่ ABK รวบรวมไว้ให้ที่นี่ เพื่อตัดสินใจพาลูกไปร่วม กิจกรรมวันเด็ก ที่มีเพียงปีละครั้ง!!

“ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง” คำขวัญวันเด็ก ประจำปี 2568 เมื่อได้ยินคำขวัญวันเด็ก นั่นแสดงว่าถึงช่วงเวลาที่เด็ก ๆ รอคอยตลอดทั้งปีกันแล้ว วันเด็กแห่งชาติ วันสำคัญที่เด็ก ๆ ชื่นชอบ ปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 วันเสาร์ที่สองของเดือนแรกของปี คือการเริ่มต้นของเทศกาลวันเด็กแห่งชาติ ปีนี้ขอบอกว่าแต่ละที่จัดเต็ม ให้เด็กๆ ได้สนุกสนานไปกับ โชว์การแสดงต่างๆ กิจกรรมวันเด็ก เสริมพัฒนาการ พัฒนาทักษะ เพิ่มความรู้ ที่เที่ยวครอบครัว ได้สนุกกันครบๆ ทั้งบ้านไปเลย เชิญชวนคุณพ่อคุณแม่มาลองเช็กที่นี่ได้เลยว่า งานวันเด็กจะมีที่ไหนบ้าง กิจกรรมอะไรที่น่าสนใจ น่าพาลูกไปร่วม ต้องเช็กให้ดี จะได้ไม่พลาด เพราะหนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียว

วันเด็กปีนี้ ชวนน้อง ๆ จูงมือผู้ปกครองมาร่วมสนุกกับกิจกรรม Little Gaia Workshop “Hand-Eye Coordination : เล่น เรียนรู้อย่างมีคุณภาพ”

>> ครั้งนี้พบกับ Nature Play Series วันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 กิจกรรม Little Storyteller
DIY Botanical Art Card มาฝึกสมาธิกับกิจกรรมศิลปะบำบัดด้วยดอกไม้ธรรมชาติ ถ่ายทอดผ่านงาน Eco print ในกระดาษอาร์ต พร้อมใส่กรอบเป็นที่ระลึก

>> วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2568 กิจกรรม Little Carpenter
Easy Carpentry Projects : Automata Miniature Art Toy เรียนรู้ธรรมชาติจากต้นไม้ ผสมผสานกับจิตนาการของน้อง ๆ ให้กลายเป็นของเล่นศิลปะจิ๋วสุดสร้างสรรค์

  • เวลา 14.00 – 15.30 น.
  • ค่าเข้าร่วมกิจกรรมเพียง 890 บาท (รวมค่าเข้าผู้ปกครอง 1 ท่าน / ท่านถัดไปมีค่าบริการ 100 บาท)
  • รับจำนวนจำกัด เพียง 20 ท่าน เท่านั้น!
  • ติดต่อเพื่อลงทะเบียนสำรองที่นั่งได้ทาง FB inbox เพจ Little Gaia

หมายเหตุ : กรุณามาถึงก่อนเวลาเริ่มกิจกรรม 30 นาที เพื่อตรวจสอบรายชื่อและลงทะเบียนที่หน้างาน

**กรุณานำถุงเท้ากันลื่นมาด้วย หรือซื้อที่จุดจำหน่ายหน้างานคู่ละ 60 บาท

พิเศษ! สำหรับน้อง ๆ ที่มาร่วมกิจกรรมในวันเด็ก นอกจากสนุกไปกับเวิร์กชอปสุดสร้างสรรค์แล้ว เรายังมีขนมอร่อย ๆ และเครื่องดื่มเย็น ๆ พร้อมเสิร์ฟให้น้อง ๆ ได้เพลิดเพลินอีกด้วย!
เตรียมตัวให้พร้อม! แล้วพบกันที่ Little Gaia @ ชั้น 4 Parade at One Bangkok
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ เพจ Little Gaia : https://www.facebook.com/LittleGaiaThailand


ข่าวดีสำหรับ น้อง ๆ หนู ๆ นักบินอวกาศตัวน้อย 200 คนแรก เข้าชมฟรี วันเสาร์นี้! นิทรรศการ “Space Journey Bangkok” ตะลุยอวกาศไปพร้อม ๆ กับเรียนรู้ชิ้นส่วนอวกาศหายาก แบบจำลองทางเดินบนสถานีอวกาศ และเครื่องเล่น VR ฝึกสำหรับนักบินอวกาศฝึกหัดมากมาย! 

สำหรับใครที่ไม่ทัน 200 คนแรก รับไปเลย! โปรโมชั่นวันเด็กสุดพิเศษ บัตรเข้าชมราคา 350 บาท!  จากปกติราคา 550 บาท

  • อย่ารอช้า! วันเดียวเท่านั้น
  • โปรโมชั่นวันเด็ก 11 มกราคม 2568 (จำหน่ายบัตรโปรโมชั่นเฉพาะหน้างาน)
  • ไบเทคบุรี ฮอลล์ ES97
  • ซื้อบัตรสำหรับวันทำการปกติ ที่ www.icvticket.com
  • ดูรายละเอียดเพิ่มเติม >> Space Journey BKK : https://www.facebook.com/spacejourneybkk

WOW Playground : Let’s play more เล็กเปลี่ยนโลก
สมาคมสถาปนิกสยามฯ และพันธมิตร ร่วมส่งมอบของขวัญวันเด็กปีนี้

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ยังไม่รู้จะพาลูกไปเที่ยวสนุกให้สุขใจเชิงสร้างสรรค์ ปลดปล่อยพลังแห่งจินตนาการ ในวันเด็กแห่งชาติที่จะถึงนี้ ที่ไหน เราชวนเด็กๆมางาน ASAWOW 2025 festival กันค่ะ
เจอกันที่โซน “WOW Playground Let’s play more เล็กเปลี่ยนโลก” มาใน concept

  • พื้นที่ “Free Play เล่นอิสระ” (บ่มเพาะ)
  • พื้นที่ “Structure Play เล่นแบบมีกระบวนการ” (ส่งต่อ)
  • พื้นที่ “Role Play ให้ความรู้การดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่” knowledge sharing (ดูแล)

ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้สัมผัสความสนุกจากกระบวนการการออกแบบ สัมผัสบทบาทของ “สถาปนิกตัวน้อย” ปลดปล่อยจินตนาการ พร้อมเติมพลังความคิดสร้างสรรค์การออกแบบเมืองในฝันของหนูที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน ผ่านการเล่นอิสระ และการเล่นแบบมีกระบวนการ โดยกระบวนกรผู้เชี่ยวชาญของเครือข่าย Let’s play more (องค์กรอิสระที่ส่งเสริมการเล่นอิสระของเด็ก (Free play)ในประเทศไทย “ให้เด็กทุกคนได้เล่น”)

สามารถติดตามกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่งาน WOW อัศจรรย์เมืองน่าอยู่ ระหว่างวันที่ 11-19 มกราคม 2568  เวลา 13.00-19.30 น.  ณ อาคารพิพิธภัณฑ์ สวนป่าเบญจกิติ และสวนเบญจกิติ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> WOW อัศจรรย์เมืองน่าอยู่ : https://www.facebook.com/ASAWOW/


สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ฉลองวันเด็กแห่งชาติ พบกับแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม “ทรงอย่างแบด” ของวง Paper Planes เด็กและผู้สูงอายุ 60 ปี เที่ยวฟรี!!

โดยนายณรงวิทย์ ชดช้อย ผู้อำนวยการสวนสัตว์เปิดเขาเขียว เผยว่า “วันเด็กแห่งชาติ” ปีนี้ตรงกับวันเสาร์ ที่ 11 มกราคม 2568 สวนสัตว์เปิดเขาเขียว เปิดให้เด็กๆ (อายุไม่เกิน 12 ปี หรือ ความสูงไม่เกิน 135 ซม.) และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เข้าชมสวนสัตว์ฟรี! โดยมีกิจกรรมการแสดงบนเวทีของน้อง ๆ หนูๆ มากความสามารถ “ร้อง เล่น เต้นโชว์, ชมมินิคอนเสิร์ต แก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนมร้อง “ทรงอย่างแบด” จากศิลปินวง Paper Planes, ชมโชว์มาสคอตสัตว์ป่าแดนซิ่ง, สนุกกับซุ้มเกมส์ และบูธถ่ายภาพพร้อมรับของขวัญมากมาย ชมไลฟ์สดกิจกรรมตลอดงานและร่วมบริจาคอุปถัมภ์สัตว์ป่า พร้อมร่วมสนุกโดยการถ่ายทอดผ่านระบบออนไลน์ ทาง Facebook Fan page สวนสัตว์เปิดเขาเขียว

นอกจากนี้ สวนสัตว์เปิดเขาเขียวยังขอเชิญน้องๆ หนูๆ สัมผัสความน่ารัก แสนซน “ลูกฮิปโปโปเตมัสแคระ” เพศเมีย ซุปตาร์ตัวน้อยแห่งเขาเขียว “น้องหมูเด้ง” ได้อย่างใกล้ชิด สัมผัสความน่ารักของช้างว่ายน้ำ ชื่อพลายเขาเขียว โชว์ทักษะว่ายน้ำด้วยลีลาที่น่าทึ่ง ทั้งดำผุดดำว่ายและเดินสองขา ผ่านกระจกใสอย่างใกล้ชิด พลาดไม่ได้กับ พาเหรดเพนกวิน กว่า 60 ตัว เดินอุ้ยอ้ายอวดโฉมน่ารักน่าชัง เยี่ยมชมครอบครัวฮิปโปโปเตมัส หมูหวาน หมูตุ๋น คุณแฟลช สลอตสองนิ้ว อีกทั้งสามารถให้อาหารฝูงละมั่ง ลีเมอร์หางแหวน ยีราฟ แรดขาว และหนูยักษ์คาปิบาร่า กลุ่มสัตว์ฟันแทะตระกูลหนูขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พลาดไม่ได้กับกิจกรรมส่องสัตว์เวลากลางคืน Khao Kheow Night Zoo พบกับอีกหนึ่งมุมมองของชีวิตสัตว์ที่ต่างไปจากในเวลากลางวัน


#วันเด็กแห่งชาติ ปีนี้ ชวนมาเที่ยวที่งาน Thai PBS คิดส์เดย์ 2568 ตอน มหัศจรรย์เด็กไทย พบกับกิจกรรมสุดสนุก!

  • สวมบทบาทเป็นผู้ประกาศข่าว ฝึกอ่านข่าวกับผู้ประกาศข่าวตัวจริง เสียงจริง และฝึกเป็น YouTuber ตัวจิ๋ว
  • Kids Stage เวทีโชว์ความสามารถของเด็กไทย
  • ทำของเล่นวันวาน สร้างสรรค์ของเล่นโบราณ นำกลับบ้านได้เลย
  • เปิดโลกดิจิทัล และทดลองจัด Podcast ในสตูดิโอของจริง
  • เกษตรกรตัวน้อย เรียนรู้วิถีชาวนาไทย สัมผัสประสบการณ์ดำนา
  • สร้างเครื่องบินจำลองกับ หนูน้อยจ้าวเวหา พร้อมเรียนรู้ทักษะการบินโดรน
  • อิ่มอร่อยกับป๊อปคอร์น ดูหนังเพลินกับ #VIPA
  • การละเล่นไทยแบบใหม่ ที่เล่นสนุก และเรียนรู้ได้ทั้งครอบครัว
  • เกมร่วมสนุกจากรายการเด็กไทยพีบีเอส และ #ALTV

แล้วเจอกันวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 ตั้งแต่เวลา 07.00 – 15.00 น. ณ ไทยพีบีเอส ถนนวิภาวดีรังสิต

ลงทะเบียนร่วมงานฟรี! ทาง LINE @ThaiPBS หรือ www.thaipbs.or.th/AddLINE และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.thaipbs.or.th/KidsDay

กิจกรรมไม่มีค่าใช้จ่าย แล้วอย่าลืม! ใส่ชุดแบบไทยสไตล์ของตัวเองมาเล่นกัน

เที่ยววันเด็กที่ไทยพีบีเอส มาเล่นกันเถอะ สนุกแน่นอน!!


เตรียมตัวให้พร้อมก่อนมาสนุกกับ “Kids รอด ปลอดภัย”

11 ม.ค. นี้ วันเด็กแห่งชาติ ตั้งแต่ 10.00-17.00 น. TK Park ชวนเด็กๆ มาสนุกกับกิจกรรมเติมทักษะการเอาตัวรอดจากอุบัติเหตุ ภัยพิบัติ เหตุการณ์ไม่คาดฝัน อาจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ!!!!! สนุกกับกิจกรรมพร้อมรับรางวัลพิเศษมากมายจากผู้ใหญ่ใจดี อย่าลืมเตรียมถุง หิ้วกระเป๋ามาใส่ของรางวัลกันด้วยนะ

การเข้าออก TK Park

  • พิเศษ!!! น้องๆ ที่มีอายุไม่เกิน 14 ปี พร้อมผู้ปกครอง 1 ท่าน เข้าฟรี
  • บุคคลทั่วไป : ค่าเข้า 20 บาทต่อคน
  • สมาชิก eMembers : ดาวน์โหลดแอป MyTK รับสิทธิ์เข้าฟรี 3 ครั้งแรก ภายใน 1 ปี
  • สมาชิก TK Park : เข้า-ออก พื้นที่ฟรี ตลอด 1 ปี

การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว

  • สามารถจอดรถได้ทีจอดรถของ centralwOrld
  • TK Park ไม่มีการบริการประทับตราจอดรถฟรี
  • สำหรับผู้ปกครองที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว โปรดชำระค่าจอดรถตามอัตราของทางเซ็นทรัลเวิลด์
    • ฟรี 2 ชั่วโมงแรก ชั่วโมงที่ 3-4 : 20 บาท/ชั่วโมง ชั่วโมงที่ 5 เป็นด้นไป : 50 บาท/ชั่วโมง
    • ซื้อสินค้าและบริการ 800 บาท ขึ้นไป จอดฟรี 4 ชั่วโมงแรก
    • ซื้อสินค้าและบริการ 2,000 บาท ขึ้นไป จอดฟรี 6 ชั่วโมงแรก
    • ซื้อสินค้าและบริการ 5,000 บาท ขึ้นไป จอดฟรี 8 ชั่วโมงแรก

การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า

  • ลงสถานีสยาม ทางออก 6
  • ลงสถานีชิดลม ทางออก 6
  • เดินตาม Skywalk เข้า centralwOrld ขึ้นบันไดเลื่อนหรือลิฟต์แก้วมาชั้น 7
  • จากนั้นเดินมาทาง Central Food Hall ขึ้นบันไดเลื่อนที่อยู่ข้างร้าน The Baker มา TK Park ชั้น 8

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> TK Park อุทยานการเรียนรู้ : https://www.facebook.com/tkparkclub


พิพิธภัณฑ์ศิริราชขอชวนน้องๆร่วมกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ “คิด(ส์)เดย์ คิด(ส์)ดี รอบรู้เรื่องไทยๆ”

ในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ.2568 ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00น. ณ พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน

พบกับฐานกิจกรรมอาทิเช่น :

  • บ้านห๊อม…หอมชื่นใจกับสมุนไพรใกล้ตัว
  • เอี้ยวซ้ายเอี้ยวขวา สนุกกับท่าฤๅษีดัดตน
  • ส๊วย…สวยกระเป๋าดินสอ by your idea
  • อร๊อย…อร่อยขนมเรไร ขนมไทย 200 ปี
  • ฐานตักไข่หรรษาและกิจกรรมหน้าเวที

ภายในงานมีขนมและเครื่องดื่มให้บริการ ตั้งแต่ เวลา 10.30 น.
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ หน่วยพิพิธภัณฑ์ศิริราช
โทร. 02-414-1458 พิพิธภัณฑ์ศิริราชขอเชิญชวนน้องๆแต่งชุดไทยเพื่อเรียนรู้เรื่องราวแบบไทยๆไปพร้อมกัน อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันเยอะๆนะคะ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> Siriraj Museum – พิพิธภัณฑ์ศิริราช : https://www.facebook.com/siriraj.museum


วันเด็กประจำปี 2568 นี้ !!! ขอเชิญชวนน้อง ๆ หนู ๆ ร่วมสนุกกับกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ 2568 ในธีม “Into the Spaceship” ที่จะพาน้อง ๆ เรียนรู้เรื่องราวน่าทึ่งเกี่ยวกับ “อวกาศ” พร้อมลุ้นของรางวัลอีกมากมาย

วันเสาร์ ที่ 11 มกราคม 2568 ตั้งแต่เวลา 08:00 – 16:00 น.

ณ พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร (จตุจักร)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่ 1 (จตุจักร) : https://www.facebook.com/bkkchildrensmuseum


วันเสาร์ที่ 11 มกราคมนี้ เวลา 8.00 – 15.45 น. ขอชวนน้อง ๆ มาสนุกกับวันเด็กปี 2568 “Fin.Land Green Saving Adventure ตะลุยออม…รักษ์โลก” ที่ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ

พบกับของรางวัลสุดว้าว กิจกรรมสุดสนุก เพลินกับการแสดงนิทานการออม และอิ่มอร่อยกับอาหาร – เครื่องดื่ม ฟรี! ตลอดงาน
พิเศษกว่าที่เคย!!! ชวนมาลุ้นรางวัล Lucky Draw สุดว้าว

  • Samsung Galaxy Tab A9 LTE 8.7″
  • ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่
  • สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
  • จักรยานขาไถ
  • เลโก้
  • กล่องสุ่มอาร์ตทอย

และของรางวัลภายในงานอีกมากมาย วันเด็กปีนี้มาพบกันที่ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาตินะคะ

การเดินทาง

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ – BOTLC : https://www.facebook.com/BOTLearningCenter


วันเด็กปีนี้ !! มิวเซียมสยาม x RELEARN FESTIVAL 2025 สร้างประสบการณ์วันเด็กสุดพิเศษให้ยาวไปจนถึง 20.00 น.

PLAYEUM = PLAY + MUSEUM

ชวนเชื่อมรากผ่านรุ่นด้วยการเล่นไปกับมิวเซียมสยาม

1) เล่นที่มิวเซียม เล่นและเรียนรู้ในฐานะแหล่งเรียนรู้นอกระบบที่ส่งเสริมความเพลิดเพลิน ความสนุกสนาน และความคิดสร้างสรรค์

2) เล่นที่ยอดเยี่ยม การเล่นที่สามารถพัฒนาทักษะและบ่มเพาะให้เด็กมีความสามารถตามทักษะสำคัญของพลเมืองโลกตามศตวรรษที่ 21

3) เล่นพร้อมการเยี่ยมพิพิธภัณฑ์ การเล่นที่ใช้กระบวนการพิพิธภัณฑ์แบบ Discovery Museum มาเป็นหัวใจของวิธีการเรียนรู้

ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้มากมาย อาทิ

  • หอกลอง สนามไชย จังหวะเป๊ะ เวลาปัง
  • ท่าเตียน ฮาเตียน ตำนานยักษ์ นิทานสนุก
  • สราญรมย์ ชะชะช่า 
  • พาหุรัด จัดจ้าน ปรุงจานเด็ด ลิตเติ้ลอินเดีย
  • ปากคลอง ประลองใจ ช่อดอกไหน ใครส่งไวสุด
  • “BEM เติมฝันวันเด็ก: มหัศจรรย์สีสันแห่งปากคลอง”
  • เล่นเห็นย่าน ล่าขุมทรัพย์เกาะรัตนโกสินทร์
  • Play Forward ส่งต่อของเล่น หมุนเวียนความสุขแบ่งปัน เรียนรู้การให้
  • Play Stage เวทีปล่อยพลัง การแสดงจากโรงเรียนดนตรียามาฮ่า, ปังปอนด์ และเล่นเกมลุ้นรับของรางวัล

งานแถลงข่าวความร่วมมือเทศกาลสร้างสรรค์สำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว RELEARN FESTIVAL 2025

ครั้งแรกในประเทศไทย โดยความร่วมมือจากพื้นที่ใจดี พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ มิวเซียมสยาม, สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว (สำนัก 4) สสส, กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ), กทม., BANGKOK DESIGN WEEK 2025, และ MAPPA

  • การแสดงดนตรีโดยศิลปินเด็ก String Quartet จากโรงเรียนสอนดนตรีเอื้อมอารีย์
  • การแสดงดนตรีโดย พิงกี้ ผู้ชนะรางวัล The Golden Singer
  • เสวนา Learning Together: Growing Together in the Modern World

เรียนรู้ด้วยกัน: เติบโตไปพร้อมกันในโลกยุคใหม่ โดย

  • คุณน้อย กฤษฎา สุโกศล แคลปป์
  • คุณนินา ญารินดา บุญนาค
  • คุณป๊อปปี้ ภาณุ จิระคุณ

การแสดง Mini Mime: Intergeneration โดย TALENT SHOW (ทา เล่น โชว์)

การแสดง Mini Concert วงดนตรีร็อคตัวเล็ก แต่หัวใจไม่เล็ก ANT BAND และไปแสดงดนตรีมาแล้วให้กับผู้ชมถึงแคลิฟอร์เนีย

พบกัน! ที่นี่ ที่มิวเซียมสยาม ได้เลย!

*กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลสร้างสรรค์สำหรับเด็กและครอบครัว Relearn Festival 2025

โดยความร่วมมือของ MAPPA, มิวเซียมสยาม, สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน ครอบครัว (สำนัก 4) สสส., กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.), กรุงเทพมหานคร และ Bangkok Design Week 2025*

จัดขึ้นทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ยาว 1 เดือนเต็ม

  • วันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568: PLAYEUM Children Festival และงานแถลงข่าว
  • วันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2568: EQUITY DAY: สร้าง safe space พื้นที่ปลอดภัยให้เด็กทุกคน
  • วันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2568: คีตนิพนธ์ เทศกาลดนตรีกรุงเทพมหานคร
  • วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568: INTERGEN BEAT PLAY โดย LittleLot
  • วันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2568: RELEARN FESTIVAL

ลงทะเบียนเข้างานกันได้เลยทาง

https://forms.gle/Uavk4KSPp7do4FDT7

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> Museum Siam : https://www.facebook.com/museumsiamfan


เตรียมตัวให้พร้อม! เด็ก ๆ จ๋า หอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร ขอชวนทุกคนมาสนุกกับกิจกรรมสุดพิเศษในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 #สนุกKIDSวิทยาศาสตร์ 

สนุกกับฐานกิจกรรม 5 ฐาน พร้อมรับของรางวัลทุกฐาน

จับของรางวัลพิเศษสำหรับเด็ก ๆ ที่ลงทะเบียนและอยู่ในงานเท่านั้น ในเวลา 11.30 และ 14.00 น. จัดเต็ม ทั้งเกมสนุก ๆ ของรางวัลเพียบ เสริมสร้างความรู้ คู่ความสนุกสนาน มาสร้างความทรงจำดี ๆ ด้วยกัน!

ห้ามพลาด!! วันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 ที่หอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร เข้าฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายนะคะ : )

– – – – – – – – – –

#กติกาในการร่วมสนุก

1. ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต้องมีอายุไม่เกิน 15 ปี

2. ลงทะเบียนร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่ 8.30-14.30 น. เวลาร่วมกิจกรรม 9.00-15.00 น.

3. จับฉลากรางวัลพิเศษ 2 รอบ เวลา 11.30 น. และ 14.00 น. (ผู้ได้รับรางวัลต้องอยู่ในงานเท่านั้น)

4. 500 ท่านแรกที่ร่วมกิจกรรมครบ 5 ฐาน จับฉลากของรางวัลเพิ่ม 1 ชิ้น

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> หอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร Bangkok City Library : https://www.facebook.com/bangkokcitylibrary


วันเด็ก 2568 นี้! #สภากาชาดไทย ขอชวนน้อง ๆ หนู ๆ มาสัมผัสความสุขสนุกร่วมกันในงาน “วันเด็กแห่งชาติ” ปี 2568 ภายใต้แนวคิด “เด็กไทยหัวใจ volunteer” พบกับกิจกรรมพิเศษทั้งบนเวทีและบูธกิจกรรม รับรองจัดเต็มไม่แพ้ใครในย่านนี้

พลาดไม่ได้กับการให้บริการ #ตรวจสุขภาพฟัน ฟรี!!! ให้น้อง ๆ ได้ยิ้มสวย รับปีใหม่

  • โชว์พิเศษจากสุนัขตำรวจ K9
  • หมุนวงล้อหรรษา รับของที่ระลึก
  • แต่งหน้าแฟนซี สุดน่ารัก
  • และพบกับบูธกิจกรรมของหน่วยงานภายในสภากาชาดไทยที่ขนของรางวัลและความรู้มาเพียบ!!!

รับฟรี!! ของที่ระลึก พบกัน ตั้งเเต่เวลา 09.00-15.00 น.

นำถุงผ้ามาใส่ของรางวัลด้วยนะคะ

บริเวณโถงอาคารสิรินธรานุสรณ์ 60 พรรษา สถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย ถ.อังรีดูนังต์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> สภากาชาดไทย Thai Red Cross Society : https://www.facebook.com/ThaiRedCrossSociety


กองทัพจัดกิจกรรมวันเด็ก 2568 มีที่ไหนบ้าง?

.

การจัดกิจกรรมวันเด็กปีนี้ ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่11 ม.ค. ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น. ในส่วนของ 3 เหล่าทัพ กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ และหน่วยในสังกัดต่างทั่วประเทศร่วม ขนอาวุธยุทโธปกรณ์จัดแสดง มีกิจกรรมและของขวัญให้คุณหนูๆมากมายทั่วประเทศดังต่อไปนี้

[กองทัพไทย]

จัดที่ กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ มี กิจกรรมความรู้คู่บันเทิง (Edutainment) สนุกสร้างสรรค์ การแนะนำความรู้เกี่ยวกับโรงเรียนในสังกัดกระทรวงกลาโหม พร้อมการแสดงยานพาหนะและยุทโธปกรณ์พร้อมเครื่องมือในการสนับสนุนการพัฒนาประเทศและบรรเทาสาธารณภัย การแสดงของเหล่าทัพและการแสดงอื่นๆ การจัดแสดงเพื่อให้ความตระหนักรู้ด้านไซเบอร์ และพื้นที่ฝึกหัดขับรถจักรยานยนต์ที่ถูกต้องตามกฎระเบียบ ร่วมเล่นเกม รับรางวัลมากมาย สนุกสนานกับกิจกรรมสุดล้ำ รับชมการแสดงดนตรี สาธิตการปฏิบัติทางทหาร รวมทั้ง การให้บริการอาหารและน้ำดื่มฟรีตลอดงาน

.

[กองทัพบก]

จัดขึ้นที่ กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนินกลาง เขตพระนคร ประกอบด้วย การจัดแสดงนิทรรศการของหน่วยทหาร, การเปิดอาคารพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ การจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร และการบรรเทาสาธารณภัย อาทิ รถถังสไตล์กเกอร์ รถหุ้มเกราะVN-1 เครื่องยิงลูกระเบิด ปืนต่อสู้อากาศยาน รถกู้ภัยอเนกประสงค์ รถครัวสนาม รถฮัมวี การแสดงยิงปืนฉับพลัน, การรำมวยไทย, การแสดงของสุนัขทหาร, การออกบูทกิจกรรมและแจกของรางวัลมากมาย

.

นอกจากนี้ หน่วยทหารในส่วนภูมิภาคของกองทัพบก ยังได้จัดกิจกรรมวันเด็กในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ อย่างพร้อมเพรียงกันด้วย อาทิ กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา, กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จ.พิษณุโลก, กองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธ จ.นครศรีธรรมราช, หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ, ศูนย์การทหารปืนใหญ่ และศูนย์การบินทหารบก ในพื้นที่ จ.ลพบุรี, กรมการทหารช่าง จ.ราชบุรี เป็นต้น

.

[กองทัพเรือ] มีไฮไลท์สำคัญในปีนี้ กองเรือยุทธการ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เปิดให้หนูๆเข้าชมเรือรบ 4 ลำ ประกอบด้วย เรือหลวงจักรีนฤเบศร์ เรือหลวงภูมิพล เรือหลวงสิมิลัน และเรือหลวงช้าง ซึ่งเป็นปีแรกที่เปิดให้ชม โดยเรือรบทั้ง4 ลำจอดที่ท่าเรือจุกเสม็ด

.

ส่วน โรงเรียนนายเรือ จ.สมุทรปราการ เปิดให้เยี่ยมชมเรือรบ อากาศยาน การจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ และชุดปฏิบัติการของ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ

.

การจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ของ ทหารนาวิกโยธิน อาทิ ยานรบสะเทินน้ำสะเทินบกแบบ AAV P-7 รถหุ้มเกราะคอมมานโด แบบ V-150 รถฮัมวี่ติดอาวุธปล่อยนำวิถีโทว์ ปืนใหญ่ขนาด 105 มิลลิเมตร การจัดแสดงพลซุ่มยิงพร้อมอาวุธประจำกาย การแสดงนิทรรศการการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อุทกศาสตร์เครื่องมือการเดินเรือ

.

นอกจากนั้นในพื้นที่ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ มีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การเยี่ยมชมเรือหลวง การแสดงดนตรี เกมส์ กิจกรรม ภายในอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า ในขณะที่บริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า มีกิจกรรมที่น่าสนใจคือการแสดงดนตรีจากวงดุริยางค์ทหารเรือ การแสดงทหารกองเกียรติยศ การเข้าชมปืนเสือหมอบ และนิทรรศการพิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลอง อุทยานประวัติศาสตร์ทหารเรือ

.

[กองทัพอากาศ]

จัดที่ ฝูงบิน 601 กองบิน 6 พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ สนามบินเล็กทุ่งสีกัน และกองบินต่างจังหวัดทั่วประเทศ 12 กองบิน โดยจะมีการแสดงการบิน การแสดงยุทโธปกรณ์ทางทหาร การแสดงทางอากาศ กิจกรรมบนเวที และกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย

.

โดยพื้นที่หลักจัดที่ กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร โดยในงานมีการจัดตั้งแสดงอากาศยานบริเวณภาคพื้นร่วม 20 แบบ และมีการแสดงการบินภาคเช้า และ บ่าย เพื่อแสดงสมรรถนะของเครื่องบินขับไล่โจมตี gripen จากกองบิน7 และ F-16 กองบิน 1 AT-6 กองบิน 41 เชียงใหม่ โดยจะมีการปิดน่านฟ้าเป็นห้วงเวลา ครั้งละประมาณ 15 นาทีเท่านั้น เพื่อไม่ให้กระทบต่อเที่ยวบินสายการบินพาณิชย์ โดยได้มีการประสานงานกับทางการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.)และบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทยจำกัด (บวท.) แล้ว

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> สนามไชย2 : https://www.facebook.com/sanamchai2

ที่มาข้อมูล :

– ไทยโพสต์ https://www.thaipost.net/general-news/718929/

– ไทยรัฐ https://www.thairath.co.th/news/politic/2834734


เด็ก ๆ เตรียมตัวให้พร้อม แปลนทอยส์เปิดป่าในเมืองให้มาปล่อยพลังสร้างสรรค์กันได้ที่งาน Forest in the City 

แปลนทอยส์ เจริญกรุง 69 วันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568

ติดตามรายละเอียดได้ที่หน้าเพจ >> PlanToys Thailand >> https://www.facebook.com/PlanToysTH

 


สิรีพาร์ค ขอเชิญชวนเด็ก เยาวชน ผู้ปกครอง บุคลากรและนักศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล บุคคลทั่วไปเข้าร่วมงาน “วันเด็กแห่งชาติ ปีที่ 6” ภายใต้แนวคิด : (ร่วมงานฟรี)

เชิญพบกับกิจกรรมสุดพิเศษในงาน “วันเด็กแห่งชาติ ปีที่ 6 : : ที่อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ ()

วันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568
เวลา 08.30 – 12.00 น.
ณ อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
มาร่วมสนุกกับกิจกรรมที่จะทำให้วันเด็กปีนี้น่าตื่นเต้นไม่เหมือนใคร! พบกับการผจญภัยในโลกธรรมชาติที่มีทั้งความรู้และความสนุก!

กิจกรรมภายในงาน 
09.00 น. พิธีเปิดงานวันเด็กอย่างยิ่งใหญ่โดยอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมลุ้นรับ ของขวัญสุดพิเศษ จากการจับฉลาก สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนเข้างานในช่วงเวลา 8:30 – 8:50 น. เท่านั้น!
09.30 – 12.00 น. เพลิดเพลินไปกับการแสดงดนตรีสดจากนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล และฐานกิจกรรมสุดสนุก จาก Sireepark, B2S, บอร์ดเกม และอื่นๆ อีกมากมาย!
น้องๆ และผู้ปกครองจะได้รับ ของที่ระลึกกลับบ้านจากการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน!
ตลาดนัดสินค้าจากร้านวิสาหกิจชุมชน ร้านค้านักศึกษา และผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่น่าสนใจ พร้อมของใช้และผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก!
พบกับความตื่นตาตื่นใจและการเรียนรู้ธรรมชาติในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน และสร้างความทรงจำดีๆ ให้กับเด็กๆ ทุกคน!
————
เข้าร่วมงานฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

ติดตามรายละเอียดได้ที่หน้าเพจ >> Sireepark

 



กิจกรรม Bird Walk เพื่อการอนุรักษ์นกและสิ่งแวดล้อม 

วันที่ 12 มกราคม
สถานที่ : สวนรถไฟ

กิจกรรม Bird Walk นี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง สถานทูตอเมริกาในประเทศไทย และ สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย (Bird Conservation Society of Thailand: BCST) เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพและการอนุรักษ์นก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศ

นกไม่เพียงแต่เป็นตัวบ่งชี้ถึงความสมดุลของธรรมชาติ แต่ยังมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ เช่น การช่วยกระจายเมล็ดพันธุ์ และควบคุมแมลงศัตรูพืช การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมและอนุรักษ์พวกมันจึงเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญสู่ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม

กำหนดการกิจกรรม

07:00 น. ลงทะเบียน
07:15 น. ถ่ายรูปรวม
07:30 น. แนะนำอุปกรณ์ การใช้กล้อง และการดูนกเบื้องต้น โดยผู้เชี่ยวชาญจาก BCST
07:45 น. เริ่มเดินดูนก สำรวจความหลากหลายของนกในพื้นที่สวนรถไฟ
10:30 น. สรุปกิจกรรม

กิจกรรมนี้เปิดรับน้องระดับชั้นมัธยมศึกษาที่สนใจ โดยผู้ปกครองสามารถติดตามมาได้

ติดตามรายละเอียดได้ที่หน้าเพจ >> U.S. Embassy Bangkok 

 

ผ้าหอม นุ่ม ซักสะอาด ใส่สบาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แม่ยุคใหม่

event

เซฟดี รางวัล Rising Star สาขา BEST BABY LIQUID FABRIC WASH WITH SOFTENER จาก Amarin Baby & Kids Awards 2024

งานซักผ้าสำหรับเด็กไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่ว่าจะเป็นคุณแม่บ้านไหนก็อยากให้ลูกของเราได้ใช้ผ้าหอมสะอาดอยู่เสมอ ยิ่งเด็กเล็กหรือเด็กแบเบาะที่ยังบอบบาง ยิ่งต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ความสะอาดคือเรื่องที่สำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ผ้าของลูกทุกชิ้นต้องสะอาดอยู่เสมอ แม้ว่าจะเลอะเทอะเพียงนิดเดียว หรือเพิ่งหยิบใช้งานเพียงแค่ครู่เดียว ก็ควรนำไปซักทำความสะอาดทันทีหลังใช้เสร็จ ไม่ควรใช้ซ้ำจนหมักหมมสิ่งสกปรก เมื่อผ้าของลูกต้องได้รับการทำความสะอาดเป็นพิเศษขนาดนี้ งานซักผ้าจึงเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่กินเวลาของคุณแม่ในแต่ละวันอย่างมาก ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่ผสมปรับผ้านุ่มมาในตัวจึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่มากค่ะ

ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสำหรับเด็กผสมปรับผ้านุ่ม หรือผลิตภัณฑ์ซักผ้าแบบ 2 in 1 เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มรวมอยู่ด้วยกัน ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว แค่ฉีกซอง ผสมน้ำ แล้วนำไปซักผ้าให้สะอาด ล้างน้ำเปล่าจนเกลี้ยง เพียงเท่านี้ก็ได้ผ้าที่สะอาด หอม นุ่ม ปลอดภัยสำหรับลูกน้อยแล้วค่ะ ช่วยลดขั้นตอนการซักผ้าและการปรับผ้าให้นุ่มลงเหลือเพียงขั้นตอนเดียว ช่วยให้คุณแม่ประหยัดเวลาในการซักผ้าได้มากยิ่งขึ้น

สำหรับคุณแม่ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ซักผ้าผสมปรับผ้านุ่มที่เหมาะสำหรับเด็ก ทีมแม่ ABK ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ซักผ้าสำหรับเด็กผสมปรับผ้านุ่มเซฟดี ที่มาพร้อมแพ็คเกจแบบถุง หยิบใช้ง่าย สามารถนำไปเติมเป็นรีฟิลลงในบรรจุภัณฑ์อื่นได้สะดวก ช่วยลดขยะให้กับโลกของเรา

Amarin Baby & Kids ยกให้  “เซฟดี” เป็นผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กผสมปรับผ้านุ่ม ที่ได้รับรางวัล Rising Star สาขา BEST BABY LIQUID FABRIC WASH WITH SOFTENER จาก Amarin Baby & Kids Awards 2024

บรรจุภัณฑ์ของแบรนด์นี้ออกแบบมาน่ารักมากค่ะ ถุงสีขาวชมพูดูสะอาดตา มาพร้อมตัวการ์ตูนรูปช้างกำลังอาบน้ำ เห็นแล้วรู้เลยว่าเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กแน่นอน ใครที่เคยเจอปัญหาฉีกถุงน้ำยาซักผ้าหรือน้ำยาปรับผ้านุ่มแล้วน้ำยาด้านในไหลหกเลอะเทอะ หรือเทแล้วกะปริมาณยาก เผลอเทออกมามากเกินกว่าที่ต้องการใช้จริง เซฟดีจึงออกแบบรูปทรงถุงให้มีส่วนแหลมยื่นออกมา เพื่อเทผลิตภัณฑ์ออกมาได้ง่าย ไม่ไปหกเลอะเทอะสิ้นเปลือง เรียกได้ว่าแก้ปัญหาได้ตรงจุดจริง ๆ

ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสำหรับเด็กผสมปรับผ้านุ่มเซฟดีโดดเด่นเรื่อง Organic pH Balanced จึงทำให้ผลิตภัณฑ์มีความอ่อนโยน สามารถซักมือได้อย่างปลอดภัย ถนอมผิวของคุณแม่ ผลิตภัณฑ์นี้จึงสามารถใช้งานได้หลากหลายทั้งการซักมือและซักเครื่อง ตอบโจทย์คุณแม่ทุกบ้าน และยังอ่อนโยนต่อผิวลูก เหมาะสำหรับเด็กทุกช่วงวัย สามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดอีกด้วย

ตัวผลิตภัณฑ์ออกแบบกลิ่นชื่อ Sweet dream ให้ความหอมที่กำลังดี ช่วยให้ผ้านุ่มเนียน น่าสัมผัส ไม่บาดผิวลูก ลูกใช้เครื่องนอนที่ซักด้วยผลิตภัณฑ์นี้แล้วหลับสบายฝันหวาน

ผิวของลูกยังบอบบางและระคายเคืองง่าย จึงต้องการการดูเป็นพิเศษ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสำหรับเด็กผสมปรับผ้านุ่มเซฟดีจึงเลือกใช้สารที่ได้รับการศึกษาและวิจัยให้มีความปลอดภัยสำหรับเด็ก ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดความระคายเคือง จึงมั่นใจว่าจะไม่มีสารตกค้างที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อย

นอกจากนี้ยังผลิตจากโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน จึงมั่นใจได้ในคุณภาพของการผลิต และความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ คุณแม่มั่นใจได้ว่าสินค้าทุกล็อตจะมีคุณภาพและได้รับมาตรฐาน

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้เซฟดีได้รับรางวัล Rising Star สาขา BEST BABY LIQUID FABRIC WASH WITH SOFTENER จาก Amarin Baby & Kids Awards 2024

วางแผนการเงิน

การวางแผนการเงินสำคัญอย่างไร? ทำความเข้าใจเพื่อเป้าหมายในอนาคต

event
วางแผนการเงิน
วางแผนการเงิน

การวางแผนการเงินเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถจัดการเงินได้อย่างมีระเบียบและมีเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการออมเงินเพื่ออนาคต การลงทุน หรือการเตรียมตัวสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด การวางแผนการเงินไม่เพียงแต่ช่วยให้การใช้จ่ายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยลดความเครียดจากปัญหาหนี้สิน และเพิ่มโอกาสในการบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว

การวางแผนการเงินส่วนบุคคลที่ดีต้องมีการประเมินสถานะการเงินปัจจุบัน ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และการจัดทำงบประมาณที่เหมาะสม รวมถึงลงทุนอย่างมีความรู้และการปรับแผนตามสถานการณ์จะช่วยให้การวางแผนการเงินประสบผลสำเร็จในที่สุด

ความสำคัญของวางแผนการเงินคืออะไร?

การวางแผนการเงินเป็นขั้นตอนสำคัญในการบริหารการเงินส่วนบุคคล เพื่อให้มีการใช้จ่ายที่เหมาะสมและมีเป้าหมายในการออมเงิน นอกจากนี้ การวางแผนการเงินยังสามารถช่วยให้เราสามารถควบคุมรายรับและรายจ่ายได้อย่างมีระเบียบ และเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในอนาคตได้อีกด้วย

ขั้นตอนในการวางแผนการเงิน

การวางแผนการเงินเป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่ต้องการ โดยมีขั้นตอนการวางแผนทางการเงินที่สำคัญดังนี้

1. ประเมินสถานะการเงินปัจจุบัน

ขั้นแรกในการวางแผนการเงินคือการประเมินสถานะการเงินของตัวเอง โดยการตรวจสอบรายได้ที่เข้ามาทุกเดือน และการคำนวณรายจ่ายประจำวัน เช่น ค่าครองชีพ ค่าผ่อนบ้านหรือรถยนต์ รวมถึงหนี้สินที่มีอยู่ เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์การเงินปัจจุบันและทราบว่าเงินเหลือเท่าไรหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว

2. ตั้งเป้าหมายทางการเงิน

กำหนดเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน เช่น การออมเงินสำหรับเกษียณ การซื้อบ้าน หรือการศึกษาต่อ เป้าหมายเหล่านี้ควรเป็นเป้าหมายที่สามารถวัดผลได้และตั้งเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถติดตามความก้าวหน้าและปรับแผนการเงินได้

3. จัดทำงบประมาณการเงิน

หลังจากประเมินสถานะการเงินแล้ว ควรจัดทำงบประมาณการเงินที่เหมาะสม โดยการแบ่งรายได้ออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เช่น ออมเงิน การใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน การลงทุน และการชำระหนี้ งบประมาณจะช่วยให้เราไม่ใช้จ่ายเกินตัว และสามารถติดตามการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. ออมและลงทุน

การวางแผนการเงินที่ดีต้องรวมถึงการออมเงินและการลงทุนเพื่อให้เงินทำงานแทนเรา ควรเลือกแผนการออมที่เหมาะสมกับเป้าหมาย เช่น บัญชีออมทรัพย์ระยะยาว หรือการลงทุนในกองทุนรวม ตลอดจนการศึกษาการลงทุนในหุ้น หรืออสังหาริมทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในอนาคต

5. ทบทวนและปรับแผนการเงิน

การทบทวนแผนการเงินอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากสถานการณ์ทางการเงินอาจเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาหรือเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การเพิ่มขึ้นของรายได้ หรือลดลงของค่าใช้จ่าย การปรับแผนตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะช่วยให้แผนการเงินของเรายังคงมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายได้

ข้อดีของการวางแผนการเงิน

การวางแผนการเงินเป็นขั้นตอนสำคัญในการบริหารการเงินส่วนบุคคลที่ช่วยให้เราสามารถจัดการรายรับและรายจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่มีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น การวางแผนการเงินที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้ชีวิตทางการเงินมีระเบียบ แต่ยังทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้ตามที่ตั้งใจไว้

  • ช่วยควบคุมการใช้จ่าย

การวางแผนการเงินจะทำให้เรามีงบประมาณที่ชัดเจนในการใช้จ่ายแต่ละเดือน การมีงบประมาณช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายเกินตัวหรือการทำให้เงินหมดเร็วโดยไม่รู้ตัว ซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาหนี้สินและให้เราสามารถจัดสรรเงินไปใช้ในเรื่องสำคัญๆ ได้ดียิ่งขึ้น

  • ช่วยในการออมและลงทุนเพื่ออนาคต

การวางแผนการเงินทำให้เรามีวินัยในการออมเงิน เพื่อเตรียมตัวสำหรับอนาคต เช่น การออมเงินเพื่อการศึกษาของบุตร การซื้อบ้าน หรือการเกษียณ การมีแผนการออมที่ดีจะช่วยให้เรามีเงินทุนสำรองเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน และเพิ่มโอกาสในการลงทุนเพื่อให้เงินทำงานแทนเรา

  • ช่วยลดความเครียดจากปัญหาทางการเงิน

การจัดการการเงินอย่างเป็นระเบียบช่วยลดความเครียดจากปัญหาการเงินที่อาจเกิดขึ้น เช่น ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการจ่ายหนี้ หรือการไม่สามารถเก็บเงินออมได้ การมีแผนการเงินจะช่วยให้เรามีความมั่นใจในการใช้จ่ายและการจัดการเงินมากขึ้น

  • ช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางการเงิน

การวางแผนการเงินช่วยให้เราเข้าใจว่าเงินแต่ละบาทที่ใช้ไปจะมีผลต่อเป้าหมายทางการเงินในอนาคต การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและมีแผนการเงินที่เหมาะสมจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน การเริ่มต้นธุรกิจ หรือการออมเงินสำหรับการเกษียณ

  • เพิ่มความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

การวางแผนการเงินที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้เราควบคุมการใช้จ่ายได้ในระยะสั้น แต่ยังช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว หากเรามีการวางแผนด้านการออมและลงทุนที่ดี เราจะสามารถเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การเจ็บป่วย หรือการเปลี่ยนแปลงในชีวิตการทำงานได้ดียิ่งขึ้น

สรุปเรื่องการวางแผนการเงิน

การวางแผนการเงินเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราควบคุมการใช้จ่ายได้ดีขึ้นและมีเป้าหมายในการออมและลงทุน การทำตามขั้นตอนการวางแผนการเงินที่ชัดเจนจะทำให้เรามีฐานะการเงินที่มั่นคงและพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอนาคต

สำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องมือในการช่วยวางแผนการเงินให้ง่ายขึ้น แอป MAKE by KBank เป็นแอปที่ช่วยให้การบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคลเป็นเรื่องง่าย โดยสามารถติดตามรายรับ-รายจ่าย แบ่งกระเป๋าได้หลายใบเพื่อแบ่งเงินเก็บและเงินใช้ออกจากกัน รวมถึงจัดการเงินได้อย่างสะดวกสบาย ช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายทางการเงินในอนาคตได้อย่างมั่นคง

WOW Playground Let’s play more

WOW Playground Let’s play more เล็กเปลี่ยนโลก

event
WOW Playground Let’s play more
WOW Playground Let’s play more

ตามคำเรียกร้อง เอาใจ ทั้งน้องๆ และคุณพ่อคุณแม่ เสียงตอบรับ จากงานมหกรรม “Let’s play festival เทศกาลเล่นอิสระ” ปี 2 ที่ผ่านมา ของเครือข่ายเล่นเปลี่ยนโลก ร่วมกับ สสส. สานพลัง กทม. ที่ได้เปิดพื้นที่กลางเมือง 22-24 พ.ย. 67 ไปนั้น ว่าอยากให้เครือข่ายเล่นเปลี่ยนโลก จัดกิจกรรม “เล่นอิสระ” บ่อยขึ้น หรือเป็นประจำ

วันเด็กปีที่จะถึงนี้ ไม่ควรพลาด เรายกทัพมาสร้างความสนุก สร้างความสัมพันธ์ของครอบครัว เช่นเคย เพิ่มเติมเกมส์ใหม่ๆ เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้สัมผัสความสนุกจากกระบวนการการออกแบบ สัมผัสบทบาทของ “สถาปนิกตัวน้อย” ปลดปล่อยจินตนาการ พร้อมเติมพลังความคิดสร้างสรรค์การออกแบบเมืองในฝันของหนูที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน ผ่านทั้งการเล่นอิสระ และการเล่นแบบมีกระบวนการ โดยกระบวนกรผู้เชี่ยวชาญของเครือข่าย Let’s play more (องค์กรอิสระที่ส่งเสริมการเล่นอิสระของเด็ก (Free play)ในประเทศไทย “ให้เด็กทุกคนได้เล่น”) 

เรามี 3 โซนด้วยกัน มาเริ่มกันที่ 

พื้นที่ “Free Play เล่นอิสระ” (บ่มเพาะ) ส่งเสริมการเล่นอิสระของเด็ก (Free play) ด้วยเครื่องเล่นมากกว่า 10 ชิ้น ดูแลโดยพี่ๆ  “กลุ่มไม้ขีดไฟ” 

พื้นที่ “Structure Play เล่นแบบมีกระบวนการ”  (ส่งต่อ) พัฒนากระบวนความคิดสร้างสรรค์ ด้วยการฝึกทักษะการสังเกต การตั้งคำถาม การค้นหาคำตอบ จนถึงการประยุกต์ใช้งานที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตประจำวันได้ ค้นหาตัวเอง เด็ก ๆ จะได้สร้างเมืองของตัวเองในอนาคตที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติ ได้ด้วยนะ 

สิ่งที่เด็กๆจะได้เรียนรู้ และลงมือทำ

1.ได้เรียนรู้ และฝึกทักษะพื้นฐานของการเป็นนักออกแบบ (รู้จักสังเกต การตั้งคำถาม การค้นหาคำตอบ จนถึงการประยุกต์ใช้)

2.เรียนรู้ ได้ทำความรู้จักบริบทพื้นที่ที่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีของเด็ก คุณสมบัติของโครงสร้างทางธรรมชาติและองค์ประกอบของการออกแบบเมือง

3.เล่นสนุกกับธรรมชาติอย่างสร้างสรรค์

4.ได้ทำงานเป็นทีม แบ่งปันความคิดเห็น ส่งเสริมทักษะการสื่อสารและการแก้ปัญหา

กิจกรรมนี้มุ่งเน้นการสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ผ่านการออกแบบระบบนิเวศของตัวเองที่ความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ พร้อมทั้งพัฒนาทักษะที่สำคัญในด้านความคิด การทำงานร่วมกัน และการรักษ์สิ่งแวดล้อม

ดูแลกิจกรรมโดยพี่ๆ ทีม “บ้านทอฝัน nature place” 

มาในชื่อ กิจกรรม : Arch play with nature 

และโซนสุดท้ายของโซนเรา 

พื้นที่ “Role Play ให้ความรู้การดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่” knowledge sharing (ดูแล) อัดกิจกรรม  -เซ็คสุขภาพต้นไม้  -วิธี protection ต้นไม้ และมีรุกขกรปีนต้นไม้โชว์ด้วยค่ะ

ดูแลกิจกรรมโดยพี่ๆ ทีม  “Big Trees” 

พบกัน บนพื้นที่ใจกลางเมืองอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เราจัดที่งาน WOW Festival 2025 ในวันที่ 11- 19 มกราคม 2568 ที่สวนเบญกิติ และห้องผังเมืองกรุงเทพฯ ภายในอาคารยาสูบ  โซน WOW Playground Let’s play more เล็กเปลี่ยนโลก แล้วพบกันนะคะ

Wow PLAYGROUND 

 Let’s play more เล็กเปลี่ยนโลก  

1.พื้นที่ “Free Play เล่นอิสระ” (บ่มเพาะ)

2.พื้นที่ “Structure Play เล่นแบบมีกระบวนการ”  (ส่งต่อ)

3.พื้นที่ “Role Play ให้ความรู้การดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่” knowledge sharing (ดูแล)

กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้สัมผัสความสนุกจากกระบวนการการออกแบบ สัมผัสบทบาทของ “สถาปนิกตัวน้อย” ปลดปล่อยจินตนาการ พร้อมเติมพลังความคิดสร้างสรรค์การออกแบบเมืองในฝันของหนูที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน ผ่านการเล่นอิสระ และการเล่นแบบมีกระบวนการ โดยกระบวนกรผู้เชี่ยวชาญของเครือข่าย Let’s play more (องค์กรอิสระที่ส่งเสริมการเล่นอิสระของเด็ก (Free play)ในประเทศไทย “ให้เด็กทุกคนได้เล่น”) 

กลุ่มเป้าหมาย 

เด็ก และสมาชิกครอบครัว 

โดยเราจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วนที่เชื่อมโยงกันด้วยกลยุทธ์ “บ่มเพาะ ส่งต่อ ดูแล”  ด้วยกัน ดังนี้

1.พื้นที่ “เล่นอิสระ” (บ่มเพาะ)

เป้าหมาย: ส่งเสริมการเล่นอิสระของเด็ก (Free play) ด้วยเครื่องเล่นมากกว่า 10 ชิ้น 

–ดูแลโดย “กลุ่มไม้ขีดไฟ” 

–กลุ่มเป้าหมาย เด็กทุกช่วงวัย และผู้ปกครอง

–เครื่องเล่น  

1.1 เดินวิบาก ป่ายปีน

1.2 ตาข่ายเด้ง ขนา 6×6 เมตร

1.3 ตาข่ายปีนข้าม

1.4 เล่นน้ำ

1.5 เล่นทราย

1.6 บล๊อกไม้

1.7 วาดภาพบนพื้น

1.8 ศิลปะวาดภาพ

1.9 ลากกระเป๋า DIY

1.10 รถเข็น 

1.11 และฐานอื่นๆ เปลี่ยน ทุกๆ 3 วัน

-แฟชั่น แต่งกาย

-เล่นเสียง

-เล่นต่อจิกซ์ซอร์

-เล่นลังกระดาษ

-ครัว เป็นต้น 

–กำหนดการ วันและเวลา 

วันที่ 11-19 มกราคม เริ่มเล่นได้ตั้งแต่ 13.00-20.00 น. 

2.พื้นที่เล่น “แบบมีกระบวนการพาเล่น”  (ส่งต่อ)

เป้าหมาย: พัฒนากระบวนความคิดสร้างสรรค์ ด้วยการฝึกทักษะการสังเกต การตั้งคำถาม การค้นหาคำตอบ จนถึงการประยุกต์ใช้งานที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตประจำวันได้  ภาพ output ตัวสรุปกิจกรรม เด็กสร้างเมืองของตัวเองในอนาคต

สิ่งที่เด็กๆจะได้เรียนรู้ และลงมือทำ

1.ได้เรียนรู้ และฝึกทักษะพื้นฐานของการเป็นนักออกแบบ (รู้จักสังเกต การตั้งคำถาม การค้นหาคำตอบ จนถึงการประยุกต์ใช้)

2.เรียนรู้ ได้ทำความรู้จักบริบทพื้นที่ที่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีของเด็ก คุณสมบัติของโครงสร้างทางธรรมชาติและองค์ประกอบของการออกแบบเมือง

3.เล่นสนุกกับธรรมชาติอย่างสร้างสรรค์

4.ได้ทำงานเป็นทีม แบ่งปันความคิดเห็น ส่งเสริมทักษะการสื่อสารและการแก้ปัญหา

กิจกรรมนี้มุ่งเน้นการสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ผ่านการออกแบบระบบนิเวศของตัวเองที่ความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ พร้อมทั้งพัฒนาทักษะที่สำคัญในด้านความคิด การทำงานร่วมกัน และการรักษ์สิ่งแวดล้อม

ดูแลกิจกรรมโดย “บ้านทอฝัน nature place” 

ตารางกิจกรรม : Arch Play with nature 

กลุ่มเป้าหมาย : เด็กอายุ 8-14 ปี 

ระยะเวลา 1.30 ชม. ต่อรอบ 

กิจกรรมเฉพาะวันเสาร์ และอาทิตย์ : 11-12 มกราคม และ 18-19 มกราคม 2568 จำนวน 4 วัน 

กิจกรรมเริ่ม : 13.00-19.30 น.

จำนวนรอบต่อวัน : 3 รอบ ทั้งหมด 12 รอบ 

จำนวนเด็กต่อรอบ : 30 คน ทั้งหมด 360 คน 

สถานที่ : โซนห้องสมุดต้นไม้ (สวนขวามือด้านนอกอาคารยาสูบ)  และห้องแสดงผังเมืองกรุงเทพ 

3.พื้นที่ให้ความรู้ (knowledge sharing) การดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่

ดูแลกิจกรรมโดย “Big Tree” 

กลุ่มเป้าหมาย : กลุ่มวิชาชีพภูมิสถาปนิก, Developer, นักพฤษศาสตร์ 

กิจกรรม 

-เซ็คสุขภาพต้นไม้ 

-วิธี protection ต้นไม้ 

-มีรุกขกรปีนต้นไม้โชว์

ตารางกิจกรรม จัดแสดงโชว์ทุกวัน 

11-19 มกราคม 2568 ตั้งแต่เวลา 13.00-20.00 น. 

โปรแกรมคลอดเหมาจ่าย ที่ โรงพยาบาล บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ ได้อะไรบ้างมาดูกัน

event
  • คลอดธรรมชาติเหมาจ่าย 39,900 บาท (ห้องเดี่ยว นอน รพ. 3 วัน 2 คืน)
  • ผ่าตัดคลอดเหมาจ่าย 49,900 บาท (ห้องเดี่ยว นอน รพ. 4 วัน 3 คืน)

พร้อมสิทธิประโยชน์สำหรับคุณแม่และคุณลูกลูกอีกมากมากมาย เช่น

  • Gift Set ของสมนาคุณ
  • รับสิทธิ์ปรึกษาคลินิกมแม่ 1 ครั้ง
  • คอร์สกิจกรรมอบรม “คุณแม่คุณภาพ” ตลอดปี
  • วัดซีนทารกแรกเกิด ได้แก่ วัดชีนป้องกันวัณโรค (BCG), วัดชีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี (เข็มแรก) และวิตามินเค
  • ชุดสำหรับหารกแรกเกิด, รูปภาพลูกน้อย
  • บริการจัดทำสูติบัตร
  • ตรวจคัดกรองโรคแรกเกิด
  • สมุดบันทึกสุขภาพและการรับวัดซีน
  • E-Voucher ตรวจประเมินพัฒนาการเด็ก
  • บัตรสมาชิก B.Care Gold Card มูลค่า 900 บาท เป็นต้น

โรงพยาบาล บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ ดูแลทุกชีวิตที่เกิดใหม่อย่างมีคุณภาพ ด้วยประสบการณ์และความชำนาญของทีมสูตินรีแพทย์ และกุมารแพทย์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดต่อนัดหมาย ศูนย์สุขภาพสตรี ชั้น 1 อาคารปานปีติ
เปิดให้บริการทุกวัน 07.00 – 20.00 น.
โทร. 02 532 4444 ต่อ 2103, 2104

โรงเรียน เอกบูรพา วิเทศศึกษา

โรงเรียน เอกบูรพา วิเทศศึกษา โรงเรียน EP ที่เรียนรู้แบบนานาชาติ

event
โรงเรียน เอกบูรพา วิเทศศึกษา
โรงเรียน เอกบูรพา วิเทศศึกษา

คุณพ่อคุณแม่ท่านไหนกำลังมองหาโรงเรียน English Program ให้ลูก วันนี้ทีมแม่ ABK มีโรงเรียนดี ๆ ย่านมีนบุรีมาฝากกันค่ะ กับ โรงเรียนเอกบูรพา วิเทศศึกษา  โรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่ที่มีหลักสูตรโดดเด่นไม่แพ้โรงเรียนนานาชาติ และยังคงไม่ละทิ้งความเป็นไทย ทั้งวัฒนธรรมและมารยาทต่าง ๆ ถือเป็นอีกหนึ่งสุดยอดโรงเรียนที่พัฒนาเพื่อเด็ก Gen ใหม่อย่างแท้จริง   

โรงเรียน เอกบูรพา วิเทศศึกษา เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น อนุบาล 1- ประถม 6 ก่อตั้งมาราว 20 ปี เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ กว่า 26 ไร่ และถือว่าเป็นโรงเรียน English Program แรก ๆ ในเขตมีนบุรีอีกด้วย เป้าหมายหลักของโรงเรียนคือการใช้ภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว และพัฒนานักเรียนให้เป็นพลเมืองของโลกอย่างสมบูรณ์ เด็กนักเรียนที่นี่จะได้เรียนทั้งในและนอกห้องเรียน ได้ทำกิจกรรมนอกหลักสูตรที่หลากหลาย เพื่อเสริมสร้าง Life Skills และทักษะเพิ่มเติมมากมาย

อาคารเรียนของโรงเรียน

หลักสูตร Oxford International Curriculum ควบคู่ไปกับ Soft Skills

แนวคิดของโรงเรียน เน้นพัฒนาให้นักเรียนมีความเป็นนานาชาติ มุ่งเน้นภาษาอังกฤษ โดยมีคุณครูสอนภาษาเป็น Native Speakers ( ซึ่งไม่ใช่ข้อกำหนดของ EP ) เด็ก ๆ จะได้เรียนภาษาอังกฤษกันตั้งแต่ระดับชั้น อนุบาล 1 – ป.6 แบบ English Program ด้วยหลักสูตร Oxford International Curriculum (OIC) ที่สะท้อน British National Curriculum จากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เน้น Joy of Learning และ Wellbeing เพราะโรงเรียนเชื่อว่า การมีความสุขในการเรียน จะส่งผลบวกกับการเรียนรู้  เมื่อผนวกกับหลักสูตรแกนกลางจากกระทรวงศึกษาธิการประเทศไทยแล้ว จะสามารถเตรียมความพร้อมนักเรียนสำหรับการศึกษาต่ออย่างรอบด้านไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ โดยโรงเรียนออกแบบการเรียนการสอนให้ทั้งสองหลักสูตรเกื้อหนุนกันและลดการทับซ้อน เพื่อให้นักเรียนเรียนอย่างราบรื่นและสมดุลที่สุด

น้อง ๆ อนุบาลจะได้เรียนแบบ Play-based Learning คือการเรียนรู้ผ่านการเล่น เป็นฐานกิจกรรมต่าง ๆ ส่วนพี่ประถมจะเรียนในรูปแบบ Inquiry-based Learning การเรียนรู้แบบเชิงรุก เปิดโอกาสให้เด็กได้ตั้งคำถาม ได้สำรวจปัญหาต่าง ๆ  มองหาสิ่งรอบตัวที่เด็ก ๆ สนใจและต้องการเรียนรู้ ศึกษาค้นคว้าเพื่อสร้างองค์ความรู้ของตนเอง เป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของกระบวนการเรียนรู้

และนอกจากจะเน้นภาษาอังกฤษแล้ว เทคโนโลยีต่าง ๆ โรงเรียนก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน มีทั้งห้องทดลอง, iPad Lab, Computer Lab และรายวิชาเปิดใหม่ต่าง ๆ เช่น Artificial Intelligence (AI), Chinese, หรือ Wellbeing เป็นต้น เด็ก ๆ จะได้รับการฝึกทักษะต่าง ๆ ที่สำคัญสำหรับโลกในยุคศตวรรษที่ 21 วิชาเพื่อพัฒนาทักษะให้เท่าทันโลก ควบคู่ไปกับ Soft Skills ต่างๆ  ทั้ง Leadership , Curiosity, Global Mindset , Empathy เพื่อเตรียมความพร้อมเป็นผู้นำในอนาคต เพื่อให้นักเรียนได้ทั้ง Hard Skill และ Soft Skill อย่างสมบูรณ์

ห้อง iPad Lab

Career Compass Activities

นอกจากวิชาพื้นฐานทั่วไปแล้ว โรงเรียนยังมีกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ทางอาชีพให้นักเรียน ไม่ว่าจะเป็น นักทดลอง นักประดิษฐ์ เชฟ ผู้ประกาศข่าว นักการเมือง ในบรรยากาศที่เหมาะสมกับการเรียนรู้และลองผิดลองถูก เพื่อค้นหา Passion และตัวตนของตัวเองให้เจอ เพื่อปูพื้นฐานและเตรียมความพร้อมให้กับเด็ก ๆ ได้สนุกและได้ความรู้ควบคู่กันไป

Field Trips and Camps

การเรียนรู้นอกห้องเรียนก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน โรงเรียนมีจัดทัศนศึกษาและการเข้าค่ายต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียนได้สัมผัสองค์ความรู้ใหม่ ๆ นอกโรงเรียน และเพิ่มประสบการณ์ที่หลากหลาย เพื่อให้นำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ และพัฒนา Soft Skill ให้ครบครัน เพราะการได้ออกไปเห็นโลกภายนอกจะทำให้เด็กได้ฝึกทักษะผ่านการลงมือทำ ซึ่งเป็นสิ่งที่สอนในห้องไม่ได้

สำหรับพี่ ๆ ประถมศึกษาตอนปลายจะได้เข้าค่ายพักแรมต่างจังหวัด เพื่อฝึกการอยู่ร่วมกันและการทำงานเป็นกลุ่ม การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า Leadership, Decision Making, และ Social Awareness ผ่านกิจกรรมสนุกๆ มากมาย ที่ท้าทายทั้งร่างกายและจิตใจ

ใส่ใจสภาพแวดล้อม

เด็กจะมีความสุขได้ สภาพแวดล้อมก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่น้อย โรงเรียนจึงให้ความสำคัญกับการออกแบบห้องเรียนและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ  บนพื้นที่กว่า 26 ไร่ ถูกโอบล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียวกว่า 70% ทำให้โรงเรียนมีบรรยากาศร่มรื่น ผ่อนคลาย เด็ก ๆ มีสนามวิ่งเล่น สนามฟุตบอล และสนามกอล์ฟส่วนตัวทั้ง Driving Range, Putting Green, and Sand Bunker ให้ได้เรียนรู้ครบครัน  ส่วนพื้นที่สวนรอบสนามไดรฟ์กอล์ฟ ใช้สำหรับศึกษาธรรมชาติทั้งชั้นอนุบาลและประถมศึกษา

อาคารเรียนต่าง ๆ  แบ่งโซนอย่างชัดเจน ทั้ง Kindergarten Building, Elementary Building, และ K.3 Building ส่วนการออกแบบห้องเรียนเน้นความจำเพาะ ชั้นอนุบาลระดับเล็กจะมีห้องน้ำในตัว เพื่อความสะดวกและปลอดภัย เฟอร์นิเจอร์ออกแบบมาเพื่อเด็ก ๆ โดยเฉพาะและมีขนาดเหมาะสมกับสรีระของนักเรียน และโรงเรียนยังมี Multi-campus แหล่งเรียนรู้นอกสถานที่ทั้งอยุธยาและชลบุรีให้นักเรียนไปเยี่ยมชมและเเรียนรู้จากของจริงอีกด้วย  เช่น ที่จังหวัดอยุธยา เด็ก ๆ จะได้ดูวิถีชีวิตไทยเดิม การปลูกข้าว หรือการใช้โดรน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการทำเกษตรในปัจจุบัน

สระว่ายน้ำแยกโซนเด็กเล็กเด็กโต เพื่อความปลอดภัย
Multi-campus ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โซนสีเขียวของโรงเรียน ที่เด็ก ๆ ชื่นชอบ

Mommy Loves This! ถูกใจแม่

  1. EP ของที่นี่ สอนโดย Native Speakers ด้วยหลักสูตร Oxford International Curriculum  เปิดโอกาสให้นักเรียนไปต่อได้ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ บรรยากาศการเรียนรู้แบบโรงเรียนนานาชาติเลยค่ะ
  2. เด็ก ๆ ที่นี่เรียนกอล์ฟกันตั้งแต่อนุบาลนะคะ เพราะโรงเรียนมีสนามพัตต์กอล์ฟและสนามไดรฟ์กอล์ฟมาตรฐานส่วนตัวภายในโรงเรียน Private golf course และยังมีโปรกอล์ฟเข้ามาสอน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม จึงไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนเสริมที่อื่น ถูกใจแม่มาก
  3. ทุกห้องเรียนมีกล้องวงจรปิดและเทคโนโลยีครบครันภายใน และมีตำรวจท้องถิ่นมาดูแลความปลอดภัยตามกำหนดปลอดภัย หายห่วง
  4. โรงเรียนมีกิจกรรมมากมายเพื่อส่งเสริมวิชาที่สำคัญนอกห้องเรียน ทั้งเรื่อง การเงิน AI และกิจกรรมต่าง ๆ ที่เสริมสร้างทักษะชีวิต การช่วยเหลือตัวเอง จำลองสถานการณ์อาชีพต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยเด็กในพื้นที่ปลอดภัย เช่น จำลองเป็นนักการเมือง ไปดูการทำงานของศาล ผู้ประกาศข่าว เชฟ ฯลฯ
  5. ที่โรงเรียนมีรถตู้รับส่งนักเรียนที่สะอาดปลอดภัย พ่นยาฆ่าเชื้อสม่ำเสมอ และตรวจสอบเด็กทุกครั้งหลังส่งเสร็จตามมาตรการ 3 – ขั้นตอน  มีถังดับเพลิงและค้อนทุบทุกคัน  รวมไปถึงมีการตรวจสภาพรถเป็นประจำด้วยค่ะ
  6. การประเมินผล โรงเรียนจะประเมินเด็กเท่าที่จำเป็นเพื่อไม่ให้เด็กเครียด โดยประเมินแบบผสมผสานระหว่างแบบประจักษ์และแบบทดสอบ บางรายวิชาที่เป็นทักษะติดตัว เช่น Soft Skills, Life Skills, หรือกิจกรรมพัฒนาการด้านอื่น ๆ จะเน้นพัฒนาสมรรถนะมากกว่าการประเมินเพื่อเก็บคะแนน
รถตู้รับส่งนักเรียน สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน

อัตราค่าเล่าเรียน ( ปีละ 3 ครั้ง )

อนุบาล 1 – 3

ราคาปกติ ครั้งละ :  40,600 บาท

ราคาพิเศษ เฉพาะปีการศึกษา 68 ครั้งละ :   35,400 บาท

ประถมศึกษาปีที่ 1 – 6

ราคาปกติ ครั้งละ : 42,000 บาท

ราคาพิเศษ เฉพาะปีการศึกษา 68 ครั้งละ : 36,500 บาท

ที่อยู่

18 ถ.สามวา (ตรงข้ามโลตัส มีนบุรี) แขวงมีนบุรี

เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ 10510

โทร.02-509-9595

Website : https://www.ekburapa.ac.th

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  ภาพประชาสัมพันธ์

โรงเรียนยินดีวิทย์

โรงเรียนยินดีวิทย์ โรงเรียนแห่งการคิดและเรียนรู้อย่างมีความสุข

event
โรงเรียนยินดีวิทย์
โรงเรียนยินดีวิทย์

วันนี้ทีมแม่ ABK จะพามาเยี่ยมชมโรงเรียนดี ๆ ย่านสมุทรปราการกันค่ะ ที่โรงเรียนนี้เด็ก ๆ ทุกคนจะได้ฝึกคิดอย่างเป็นระบบ เรียนรู้ผ่านการลงมือทำและปฏิบัติจริง ได้รับการดูแลให้เติบโตงดงามในแบบของตัวเอง โดยใช้หลักสูตรคุณภาพอย่าง Oxford International Curriculum ( OIC ) มาบูรณาการเป็นภาษาอังกฤษ เป็นโรงเรียนที่ภาษาอังกฤษโดดเด่นไม่แพ้โรงเรียนนานาชาติ ในราคาสุดว้าวที่คุณเอื้อมถึง และที่นี่คือ โรงเรียนยินดีวิทย์ ค่ะ

โรงเรียนยินดีวิทย์ เป็นโรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2529  เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาลจนถึง ประถมศึกษาปีที่ 6 ตั้งอยู่บนถนนเทพารักษ์ ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ มีพื้นที่กว่า 8 ไร่

ตลอดระยะเวลากว่า 38 ปี โรงเรียนไม่เคยหยุดนิ่งและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันสมัยตามความเปลี่ยนแปลงของโลก โดยมุ่งหวังให้โรงเรียน เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้อย่างมีความสุข ผ่านกระบวนความคิดอย่างมีระบบ ซึ่งการสร้างกระบวนความคิดให้เด็ก ๆ ถือเป็นจุดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียนเลยค่ะ

เรียนอย่างไร ในยินดีวิทย์

 โรงเรียนใช้หลักสูตรของ Oxford International Curriculum (OIC ) ซึ่งเป็นหลักสูตรจากประเทศอังกฤษ ที่เน้นให้เด็กมีความสุขกับการเรียน Joy of Learning และ Wellbeing เพราะเมื่อเด็ก ๆ มีความสุขในการเรียนก็จะส่งผลบวกกับการเรียนรู้  โดยนำมาผสมผสานกับหลักสูตรไทยของกระทรวงศึกษาธิการ  เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ ( Learning by Doing ) และปลูกฝังความเป็นผู้นำที่ดี หรือ The Leader in Me เพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิต สร้างระเบียบวินัย  เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถรับมือกับโลกในอนาคต  โดยเรียนรู้จาก The 7 Habits of Effective People ซึ่งถือเป็นทักษะที่สำคัญในการใช้ชีวิต  และเป็นกระบวนการที่ประสานความสัมพันธ์ตั้งแต่ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อให้เกิดเป็นโรงเรียนแห่งผู้นำที่ยั่งยืน

  • เตรียมอนุบาล ( Nursery)

เป็นวัยเตรียมความพร้อม เน้นเรียนรู้ผ่านการเล่นเพื่อสร้างประสบการณ์ เด็ก ๆ จะได้เรียน 3 ภาษาแสนสนุก ทั้งภาษาไทยกับครูไทย ภาษาจีนกับเหล่าซือสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เรียนภาษาอังกฤษ กับ Teacher ชาวต่างชาติสัปดาห์ละ 3 ครั้ง โดยใช้กิจกรรมพัฒนา สมอง EF เน้นรูปแบบการเรียนภาษา แนวธรรมชาติ ( Whole Language ) เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับครูและเพื่อน ทําให้ได้รับประสบการณ์จากการเล่นและเกิดความคิดรวบยอด โดยมีครูไทย 1 คน เป็นครูประจำชั้นและมีครูพี่เลี้ยง 2 คน ต่อจํานวนนักเรียน 25 คน

  • G Kids ( Genius Kids )

หลักสูตรเด่นของโรงเรียน ที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรพลาด เปิดสอนระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1-2  กิจกรรมการเรียนการสอน ใช้กิจกรรมพัฒนาสมอง EF ใช้หลักสูตรและหนังสือ Oxford International Curriculum เรียนในรูปแบบบูรณาการตามธีมเป็นภาษาอังกฤษทุกวิชา ยกเว้นวิชาภาษาไทยและว่ายนํ้า Teacher ชาวต่างชาติจะพูดคุยและอยู่กับเด็ก ๆ ทั้งวันเลยค่ะ ทำให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษตลอดทั้งวัน  เด็ก ๆจะได้ซึมซับภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อปูพื้นฐานไปยังชั้นประถม นอกจากครูต่างชาติแล้ว ยังมีครูไทย 1 คน และ Nanny 1 คน จำนวนนักเรียนต่อห้องไม่เกิน 25 คน

  • MEP ( Mini English Programme )

หลักสูตร 2 ภาษาสำหรับ ระดับชั้นอนุบาล 1 – ประถมศึกษาปีที่ 6 เรียนรู้แบบบูรณาการเป็นภาษาอังกฤษ ผสมผสานกับแนวคิด Thinking School (สำหรับเด็กประถม ) โดยเรียนภาษาอังกฤษ กับ Teacher ชาวต่างชาติ ยึดหลักการเรียนรู้ตามทฤษฎีการเรียนภาษาแบบธรรมชาติ (Whole Language) เน้นการเรียนเนื้อหาภาษาอังกฤษควบคู่ไปกับเนื้อหา ภาษาไทย ในวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และ Phonics สัดสวนการเรียนภาษาอังกฤษ 35%

  • AEP ( Advanced English Programme )

สำหรับระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 จัดการเรียนการสอนโดยใช้หลักสูตร Oxford International Curriculum เรียนในรูปแบบบูรณาการ ใช้ภาษาอังกฤษ ทุกวิชา ยกเว้นวิชาภาษาไทย ว่ายนํ้า ภาษาจีน สอนโดยครูชาวต่างชาติ เน้นให้นักเรียนมีทักษะการนําเสนอโดยใช้ ภาษาอังกฤษเป็นหลัก นักเรียนในหลักสูตร AEP จะได้รับ Oxford Online Resource Center ( คลังหนังสือออนไลน์จาก Oxford ) และมีสัดส่วนการเรียน ภาษาอังกฤษ 65%

หลักสูตร Oxford International Curriculum ที่เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของโรงเรียน 

Thinking School โรงเรียนแห่งการคิด

เด็กประถมที่ยินดีวิทย์ จะได้เรียนรู้ในรูปแบบ Active Learning ผ่านกระบวนการ Thinking Tools ซึ่งเป็นทฤษฏีการคิดจากประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อผลิตนักคิดแห่งอนาคต เพราะโรงเรียนเชื่อว่านักเรียนสามารถที่จะเรียนรู้ได้ทุกคน และคนที่จะประสบความสำเร็จ ขึ้นอยู่กับความคิด ของแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ  โดยใช้เครื่องมือในการคิด 10 แบบ มาประกอบใช้กับทุก ๆ วิชา ไม่ว่าจะเป็น การหาเหตุและผล  ( Cause & Effect ) Mind Map, ความเหมือนและต่าง ( Compare & Contrast )หรือ การจัดลำดับ ( Ranking ) เป็นต้น การเรียนการสอนในรูปแบบนี้ จะทำให้นักเรียนมีทักษะหรือความสามารถในการคิดวิเคราะห์  ฝึกหาสาเหตุและผลที่เกิดขึ้น อะไรที่เด็กรู้แล้ว และอะไรที่เด็กอยากรู้ เป็นการกระตุ้นความคิดผ่านเครื่องมือ ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น แถมยังสนุกในการเรียนอีกด้วย ในแต่ละชั่วโมงเด็ก ๆ จะได้ทำชิ้นงานทุกครั้ง แทนการจดในสมุดหรือทำแบบฝึกหัดต่าง ๆ

ตัวอย่าง Mind Map ของนักเรียน ในวิชาภาษาไทย 
ฝึกเขียนภาษาจีนกันค่ะ
ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ Gakken หลักสูตรจากประเทศญี่ปุ่น
ห้องเรียนรู้โลกในอวกาศ

Facilities ครบครัน

ห้องเรียนที่นี่มีขนาดใหญ่และติดแอร์ทุกห้องค่ะ ส่วนพื้นที่โรงเรียนก็กว้างขวาง มีสนามหญ้าเทียมขนาดใหญ่ให้เด็ก ๆ ได้วิ่งเล่นกันเต็มที่ และรองรับกิจกรรมต่าง ๆ ของนักเรียน นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่นเสริมพัฒนาการมากมาย รวมไปถึงสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ขนาด 25×25 เมตร  แยกโซนสำหรับนักเรียนอนุบาลและประถม และโซนสำหรับนักกีฬาเพื่อฝึกซ้อมอีกด้วย และห้องที่เด็ก ๆ ชื่นชอบมากที่สุดอย่าง ห้องสมุด ก็มีขนาดใหญ่ กว่า 300 ตร.ม. และมีหนังสือมากมายให้เด็ก ๆ นั่งอ่านที่โรงเรียนหรือยืมกลับไปอ่านที่บ้าน

รถตู้รับส่งนักเรียน สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน
ดร.อตินุช สุขสด ผู้อำนวยการโรงเรียน

Mommy Love This! ถูกใจแม่

  1. ค่าเทอมไม่แพงแถมยังมีโปรแกรมแบ่งชำระรายเดือนอีกด้วย ชอบมาก ๆ เลยค่ะ          
  2. รถตู้รับส่งนักเรียน  จะมีตำรวจจราจรมาคอยการตรวจสอบความปลอดภัยของรถและคนขับอยู่เสมอ คุณพ่อคุณแม่วางใจได้เลยค่ะ
  3. โรงเรียนมี Application School Bright  เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้ปกครองและเด็ก ๆ ทั้งสำหรับแสกนบัตร เข้า-ออก แสดงผลการเรียน จ่ายค่าเทอม ลาหยุด และยืมหนังสือในห้องสมุด หรือเติมเงินเพื่อซื้อของในโรงเรียน ทำทุกอย่างผ่าน App สะดวกมาก ๆ ค่ะ
  4. โรงเรียนมีฝ่ายโภชนาการ และใส่ใจกับเด็กที่แพ้อาหารด้วยนะคะ จะมีบอร์ดแจ้งว่าเด็กคนไหนแพ้อาหาร น้อง ๆ จะได้ทานอาหารที่ปลอดภัยและถูกหลักอนามัยแน่นอน
  5. สำหรับเด็กประถมศึกษาปีที่ 6 จะได้รับการติวเข้มทางด้านวิชาการในคาบเรียนปกติ เพื่อเตรียมสอบเข้าโรงเรียนมัธยมด้วยนะคะ
  6. ค่าแรกเข้าของที่นี่ จะรวมค่าหนังสือ ค่าเอกสารประกอบการเรียน ค่าที่นอนสำหรับเด็กเล็ก ค่าประกันอุบัติเหตุ ค่าเครื่องแบบ กระเป๋า ชุดกีฬา ชุดว่ายน้ำ และค่าบัตรนักเรียนไว้หมดแล้ว ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มอีก คุ้มมากๆ ค่ะ

ค่าธรรมเนียมการศึกษา ( ปีละ 2 เทอม )

  • เตรียมอนุบาล  : 18,500 บาท ต่อเทอม

Entrance Fee นักเรียนใหม่ :  5,000 บาท

  • Genius Kids  (G Kids)ชั้นอนุบาล 1 – 2  :  35,000 บาท ต่อเทอม

Entrance Fee นักเรียนใหม่ :  9,000 บาท

  • Advance English Programme  ( AEP ) : 37,900 บาท ต่อเทอม

Entrance Fee นักเรียนใหม่ :  12,000 บาท

  • Mini English Programme ( MEP )  ชั้นอนุบาล 1-3  : 20,500 บาท

Entrance Fee นักเรียนใหม่ :  10,000 บาท

  • ชั้นประถมศึกษา 1-6 : 20,500 บาท

Entrance Fee นักเรียนใหม่ :  12,000 บาท

ติดต่อ

201 หมู่ 1 ถนนเทพารักษ์ ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ 10540.

โทรศัพท์. 0-2704-0014-5

LINE : @YINDEEWIT

FACEBOOK : ยินดีวิทย์

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  กรานต์ชนก   บุญบำรุง , ณัฐวรรธน์ ไทยเสน

ลูกท้องเสีย ต้องทำอย่างไร มาหาคำตอบ พร้อมวิธีรักษาลำไส้ลูกน้อยให้แข็งแรงและสุขภาพดี

event

อาการท้องเสียในลูกน้อยเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่คงกังวลอยู่ไม่น้อย ในงาน  Amarin Baby & Kids Fair ที่ผ่านมา พญ.ศิวพร ฌานโสภณกุล กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินอาหาร หรือคุณหมอกิ๊ฟ รพ.ชลบุรี มาให้มาให้ความรู้และคำปรึกษาเกี่ยวกับอาการท้องเสีย และรักษาสมดุลลำไส้ในเด็ก ให้กับคุณพ่อคุณแม่ แบบเคลียร์ทุกประเด็นที่สงสัย กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงได้นำสาระความรู้ที่คุณหมอเล่าให้ฟังมาฝากกันค่ะ

พญ.ศิวพร ฌานโสภณกุล กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินอาหาร หรือคุณหมอกิ๊ฟ รพ.ชลบุรี

อุจจาระที่ปกติในแต่ละช่วงอายุ

การสังเกตว่าลูกของเรามีอุจจาระที่ผิดปกติหรือไม่ ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ต้องรู้จักอุจจาระแบบปกติของลูกเสียก่อนว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร ถ้าเห็นความเปลี่ยนแปลง หรือเห็นสิ่งที่ผิดปกติ คุณพ่อคุณแม่จะได้สามารถรักษาลูกได้อย่างทันท่วงที

อุจจาระของเด็กที่ปกติจะมีลักษณะนิ่มและเหลวกว่าอุจจาระของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ยังอยู่กินนมแม่เพียงอย่างเดียว อุจจาระจะนิ่มเหลว มีลักษณะเป็นครีม คล้ายเนยถั่ว ไม่ถ่ายเหลวเป็นน้ำ และก็ไม่เป็นก้อนแข็งเกินไป อาจมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวได้ เมื่อลูกมีอายุมากกว่า 6 เดือน ลูกเริ่มรับประทานอาหารอย่างอื่นนอกจากนมแม่ อุจจาระก็จะมีความแข็งและเหนียวมากขึ้น มีกลิ่นแรงมากขึ้น เป็นก้อนนิ่มตั้งแต่ต้นจนถึงปลาย ไม่มีมูกเลือดปนโดยอุจจาระที่ปกติอาจมีหลายสี ไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง เหลืองเข้ม เหลืองฟักทอง หรือน้ำตาล เป็นต้น 

สาเหตุของอาการท้องเสียในเด็ก

ท้องเสียในเด็กเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุหลักที่พบได้บ่อยคือการติดเชื้อ เช่น เชื้อไวรัส แบคทีเรีย ผ่านทางปากของลูก ไม่ว่าจะมาจากอาหาร นม น้ำ ภาชนะ มือ หรือของเล่นที่นำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายของลูก นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น แพ้โปรตีนวัว แพ้อาหารบางอย่าง หรือเกิดจากอาการข้างเคียงจากยาที่กินอยู่ เป็นต้น

รู้ได้อย่างไรว่าลูกท้องเสีย

หากลูกมีจำนวนครั้งของการขับถ่ายมากกว่าสามครั้งต่อวัน อุจจาระของลูกมีลักษณะหน้าตาที่ผิดปกติ เช่น มีความเหลวมากขึ้นกว่าปกติ ในอุจจาระของลูกมีน้ำปริมาณมาก มีสีเขียว มีมูกเลือดปน มีกลิ่นเหม็นเน่า หรือเหม็นคาว อาการเช่นนี้ บ่งบอกถึงความผิดปกติที่คุณพ่อคุณแม่ควรต้องใส่ใจ จึงอาจทำให้ลูกมีอาการร่วมที่เกิดขึ้นพร้อมกับการขับถ่ายที่ไม่ปกติ เช่น มีไข้ ปวดท้อง อาเจียน ซึม เบื่ออาหาร กินอาหารไม่ลง คุณพ่อคุณแม่จึงควรสังเกตลูกอยู่เสมอ หากพบอาการผิดปกติ ควรรีบรักษาทันที

หากพบว่าลูกมีไข้สูง ไม่ว่าจะเช็ดตัวอย่างไรไข้ก็ไม่ลด ลูกอุจจาระมีมูกเลือดปน มีอาการขาดน้ำ เช่น อาเจียนมาก ถ่ายท้องมาก ซึม อ่อนเพลีย ไม่เล่นเหมือนเดิม ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษา 

ขาดสารน้ำปริมาณมาก เลือดไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญไม่เต็มที่ ฉี่น้อยลง กินอาหารไม่ลง เบื่ออาหาร ซึม ความดันตกหรือช็อค น่ากลัวกว่าผู้ใหญ่เพราะเด็กยังสื่อสารไม่ได้ บอกอาการไม่ชัดเจน ควรสังเกตอาการ

วิธีรับมือและดูแลรักษาเบื้องต้น

หากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกกำลังมีอาการท้องเสีย คุณพ่อคุณแม่สามารถรักษาเบื้องต้นที่บ้านได้หลายวิธีดังนี้

เติมเกลือแร่และสารน้ำ

เมื่อเด็กมีอาการท้องเสีย ขับถ่ายหลายครั้ง จะทำให้เด็กเริ่มมีการสูญเสียสารน้ำ และเกลือแร่ออกไปจากร่างกาย หัวใจหลักของการรักษาจึงควรเริ่มจากการทดแทนสารน้ำที่ลูกสูญเสียไปด้วยการให้ลูกดื่มสารละลายเกลือแร่ หรือ โออาร์เอส ซึ่งมีวางจำหน่ายทั่วไป คุณพ่อคุณแม่สามารถชงด้วยตัวเองได้ตามวิธีการข้างซอง ผสมน้ำต้มสุก โดยควรให้ลูกค่อย ๆ จิบทีละน้อย บ่อยครั้ง ไม่ควรชงใส่ขวดนมแล้วให้ลูกดื่มรวดเดียวหมด เนื่องจากในช่วงเวลาที่ลูกกำลังท้องเสีย ลำไส้ของลูกจะเริ่มมีปัญหาเรื่องการดูดซึม ลำไส้กำลังได้รับบาดเจ็บ ดูดซึมไม่ดี ถ้าให้ลูกดื่มสารละลายเกลือแร่ปริมารรมากรวดเดียวจนหมด อาจทำให้ลูกอาเจียนออกมาหมด หรือถ่ายออกหมดทันที จนทำให้ร่างกายของลูกไม่ทันได้ดูดซึมเกลือแร่เหล่านั้นเลย คุณพ่อคุณแม่จึงควรชงสารละลายเกลือแร่ใส่แก้ว แล้วใช้ช้อนหรือไซริงจ์ป้อนลูกทุก 3-5 นาที ตลอดทั้งวัน

ไม่ควรให้น้ำหวานหรือน้ำแดงแทนสารละลายเกลือแร่ เพราะน้ำหวานหรือน้ำแดงมีปริมาณน้ำตาลมากเกินกว่าที่ร่างกายของลูกต้องการ คุณพ่อคุณแม่จึงควรมีเกลือแร่ติดบ้านเอาไว้ในยามฉุกเฉินอยู่เสมอ และไม่ควรใช้คาร์บอนเพื่อรักษาอาการท้องเสีย ถ้ามีไข้ ควรให้ยาแก้ไข้ และเช็ดตัวลดไข้ 

อาการท้องเสียส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ บางครั้งลูกจึงอาจมีอาการตัวร้อน มีไข้ ไม่สบาย ควบคู่ไปกับอาการถ่ายเหลว ถ้าลูกมีไข้ คุณพ่อคุณแม่ควรให้ยาลดไข้ในปริมาณที่เหมาะสมตามที่แพทย์แนะนำ และหมั่นเช็ดตัวเพื่อลดไข้ให้ลูก ไม่ควรปล่อยให้ลูกตัวร้อนสูงเป็นเวลานาน จนอาจเกิดภาวะช็อกตามมาได้

เสริมโพรไบโอติกส์ยีสต์เพื่อปรับสมดุลเชื้อจุลินทรีย์

คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกกินโพรไบโอติกส์ยีสต์ควบคู่ไปกับการกินอาหารตามวัยตามปกติที่ได้รับการปรุงสุกสะอาด และจิบสารละลายเกลือแร่ เพื่อเป็นตัวช่วยให้อาการท้องเสียหายเร็วขึ้น ปรับสมดุลของจุลินทรีย์ที่ดี ใช้ได้ตั้งแต่เด็กวัยสองเดือนขึ้นไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ โดยมีให้เลือกทั้งรูปแบบผงและแคปซูล ให้เลือกรับประทานได้ตามที่สะดวก สำหรับเด็กที่ยังรับประทานยาเม็ดไม่ได้ สามารถเลือกใช้เป็นโพรไบโอติกส์ยีสต์รูปแบบผงละลายน้ำ สามารถใช้โรยในน้ำ ข้าว น้ำนม หรือเทใส่ปากรับประทานโดยตรงเลยก็ได้ ควรรับประทานหนึ่งซองหรือหนึ่งแคปซูลหลังอาหารเช้า และเย็น ต่อเนื่องเป็นประจำประมาณหนึ่งถึงสองสัปดาห์ เพื่อเพิ่มเชื้อจุลินทรีย์ตัวดี เพิ่มความแข็งแรงของผนังลำไส้ เพิ่มสารอาหารและวิตามิน ลดโอกาสเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยจากการเสียสมดุลของเชื้อจุลินทรีย์ที่ดีและไม่ดี โดยไม่กระทบกับการกินยาชนิดอื่น เช่น ยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะ ซึ่งทำหน้าที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แต่โพรไบโอติกส์ยีสต์เป็นยีสต์จึงสามารถกินร่วมกันได้อย่างปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่สามารถหาซื้อโพรไบโอติกส์ยีสต์ได้ที่ร้านขายยาใกล้บ้าน โดยควรปรึกษาเภสัชกรก่อนซื้อยาทุกครั้ง

รับประทานอาหารตามปกติ 

ควรให้ลูกรับประทานอาหารตามเดิมหรือตามปกติ ไม่ควรให้ลูกเปลี่ยนอาหารใหม่ในช่วงที่กำลังมีอาการท้องเสีย เพราะอาจยิ่งทำให้ถ่ายผิดปกติมากขึ้นอีก

วิธีป้องกันโรคท้องเสียในเด็ก

ความสะอาดสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง

สาเหตุของท้องเสียในเด็กส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ คุณพ่อคุณแม่จึงควรใส่ใจเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษ ไม่ให้ลูกติดเชื้อจากมือของผู้เลี้ยงดู มือของเด็กเอง อาหาร ภาชนะ ขวดนม ขวดน้ำ และของเล่น เป็นต้น

ค้นหาสาเหตุที่ทำให้ลูกท้องเสีย

คุณพ่อคุณแม่ควรค้นหาสาเหตุที่ทำให้ลูกท้องเสีย เพื่อที่จะสามารถป้องกันและแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เช่น ถ้าลูกแพ้นมวัว หรือไม่สามารถย่อยแลคโตสในนมได้ ควรให้ลูกกินนมที่ไม่มีแลคโตส หรือถ้าลูกยังอยู่ในวัยที่กินนมแม่อย่างเดียว ช่วงที่ลูกกำลังท้องเสีย ควรให้ลูกกินนมแม่ส่วนปลาย ประมาณสามถึงห้าวันจนกว่าลูกจะมีอาการที่ดีขึ้นหรือหายเป็นปกติ

ปรับสมดุลจุลินทรีย์ด้วยโพรไบโอติกส์

ดูแลสุขภาพของลูกจากภายในด้วยการให้ลูกกินโพรไบโอติกส์เพื่อเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ชนิดดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

ท้องเสียในเด็กเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ในเด็กทุกเพศทุกวัย และสามารถเป็นได้ในทุกฤดูกาลตลอดทั้งปี คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยดูแลสุขอนามัย และป้องกันไม่ให้ลูกเจ็บป่วยจากการอาการท้องเสียได้ง่าย ๆ เพียงแค่ดูแลความสะอาด ดูแลสุขภาพของลูก รวมไปถึงการเลี้ยงดูลูกอย่างใส่ใจ หมั่นสังเกตลูกรักของเราอยู่เสมอ เพียงเท่านี้ลูกก็แข็งแรงปลอดภัยแล้วค่ะ


คุณหมอมาให้ความรู้ได้ครบถ้วนแบบนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่คงคลายกังวลเกี่ยวกับอาการท้องเสียของลูกน้อย และมีวิธีการรับมืออย่างถูกต้องแล้วใช่มั้ยคะ สำหรับโพรไบโอติกส์ยีสต์ที่ช่วยดูแลสมดุลลำไส้ ที่ลูกน้อยรับประทานได้อย่างปลอดภัยเป็นอย่างไร นั้น กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ได้นำเอา check list วิธีการเลือกโพรไบโอติกส์มาฝากค่ะ

  1. โพรไบโอติกส์ที่ให้ลูกน้อยรับประทาน ต้องมีงานวิจัยในเด็กที่น่าเชื่อถือ และมีการติดตามผลระยะยาว โดยโพรไบโอติกส์สูตรผสมส่วนมากที่ขายในตลาดจะไม่มีงานวิจัยของสูตรผสมนั้นโดยตรง แต่จะอ้างอิงงานวิจัยของโพรไบโอติกส์แต่ละชนิดมารวมกัน ซึ่งไม่สามารถมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นปลอดภัย และได้ประโยชน์ในเด็กจริง ดังนั้น จึงควรปรึกษาเภสัชกรให้ดีก่อนซื้อมาให้ลูกกินนะคะ
  2. โพรไบโอติกส์ที่น่าเชื่อถือ จะมีการแนะนำผ่านองค์กรทางแพทย์ที่น่าเชื่อถือระดับโลก เช่น World Gastroenterology Organization (WGO) หรือ ESPGHAN โดยโพรไบโอติกส์ที่มีงานวิจัยในเด็กมากมาย และเป็นที่ยอมรับในระดับสากลได้แก่ โพรไบโอติกยีสต์ Saccharomyces boulardii CNCM-I 745 หรือใช้ชื่อการค้าว่า Bioflor ในประเทศไทย
  3. โพรไบโอติกส์ที่จดทะเบียนเป็นยา จะมั่นใจถึงประสิทธิภาพได้มากกว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมถึงมั่นใจในความปลอดภัย และไม่เป็นอันตราย
  4. มีรูปแบบที่เด็กสามารถทานได้ง่าย เช่น แบบซอง ผสมน้ำ เพื่อให้ง่ายต่อการป้อน

ที่สำคัญ ก่อนที่จะซื้อโพรไบโอติกส์ให้ลูกทาน เพื่อรักษาอาการท้องเสีย ควรปรึกษาเภสัชกรก่อนทุกครั้ง และหากอาการไม่ดีขึ้น ควรพาไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดนะคะ

โรงเรียนเซนต์คาเบรียล

โรงเรียนเซนต์คาเบรียล มุ่งเน้นคุณภาพการศึกษา จริยธรรม ส่งเสริมทักษะและสร้างผู้นำที่พร้อมทุกด้าน

event
โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
โรงเรียนเซนต์คาเบรียล

“จุดมุ่งหมายของชีวิต คือการรู้จักสัจธรรม ความจริง และการเข้าถึงธรรมอันสูงส่งอันเป็นบ่อเกิดของชีวิต มนุษย์ทุกคนต้องทำงาน ความวิริยะ อุตสาหะเป็นหนทางไปสู่ความสำเร็จ”

กว่า 100 ปี ที่โรงเรียนเอกชนชายล้วนแห่งนี้ได้บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ที่แข็งแรง หากเอ่ยชื่อไปเชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักที่นี่อย่างแน่นอนค่ะ ด้วยชื่อเสียงและคุณภาพของการเรียนการสอนนั้น ย่อมเป็นสิ่งการันตีได้ว่าเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำของเมืองไทย และที่นี่คือ…โรงเรียนเซนต์คาเบรียล

School visit  วันนี้เรามีโอกาสได้ไปเยี่ยมชม หนึ่งในโรงเรียนที่ขึ้นชื่อเรื่องของหลักสูตรการเรียนการสอนที่บรรดาผู้ปกครองที่มีลูกชายอยากให้ลูกเข้าเรียนมากเป็นอันดับต้น ๆ เพราะนอกจากชื่อเสียงและผลลัพธ์ของนักเรียนที่จบไปแล้วนั้น ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ว่าเป็นเอกลัษณ์และจุดเด่นของโรงเรียนนี้ คุณพ่อคุณแม่เคยได้ยินคำว่าสุภาพบุรุษเซนต์คาเบรียลไหมคะ ต้องบอกเลยนอกจากการเรียนการสอนแล้วที่นี่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องของคุณธรรม จริยธรรมและความเป็นผู้นำด้วยค่ะ โรงเรียนเซนต์คาเบรียลเป็นสถานศึกษาที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในด้านของคุณภาพการเรียนการสอนและการพัฒนาคุณภาพของนักเรียน โรงเรียนแห่งนี้มีจุดเด่นในหลายด้าน เรามาทำความรู้จักกับจุดเด่นของที่นี่กันค่ะ

สนามฟุตบอลขนาดใหญ่แบบมาตรฐาน
ปรัชญาของโรงเรียน

การเรียนการสอนที่มุ่งเน้นคุณภาพ ครูผู้สอนที่มีความชำนาญ

โรงเรียนเซนต์คาเบรียล (St.Gabriel’s Collage) เป็นโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2424 เป็นโรงเรียนคาทอลิกที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การศึกษาคุณภาพสูงแก่เด็กชายในสังคมไทยสมัยนั้น มีหลักสูตรที่ครอบคลุมทั้งด้านวิชาการและกิจกรรมเสริมทักษะต่างๆที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองครบทุกด้าน โรงเรียนมีหลักสูตรการเรียน 2 ระดับ คือ ระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา ซึ่งในปีการศึกษา 2567 นี้ ทางโรงเรียนได้เปิดหลักสูตรใหม่ที่เรียกว่า SG NEXT ซึ่งเป็นโปรแกรมหลักสูตรอินเตอร์ที่ใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอน โดยจะมีเพียงวิชาภาษาไทยและวิชาประวัติศาสตร์ที่เรียนเป็นภาษาไทย หลักสูตรออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ปกครองที่ต้องการความเข้มข้นของเนื้อหาวิชาการและภาษาอังกฤษด้วย เรียกได้ว่าเป็นมาตราฐานสากลในบริบทไทย

บรรยากาศห้องเรียน SG Next การเรียนการสอนภาคภาษาอังกฤษ
นักเรียนสนุกกับการเรียนวิชาภาษาจีน

และการเป็นโรงเรียนที่ก่อตั้งมายาวนาน เป็นเรื่องจำเป็นมากที่โรงเรียนต้องปรับตัว ปรับวิธีการเรียนการสอนให้เข้ากับยุคสมัย โดยเฉพาะคุณครูที่ต้องเรียนรู้ปรับตัวตามสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยของนักเรียน ครูที่ต้องมีจิตวิทยาพัฒนาการเด็ก เข้าใจเด็กตามพื้นฐานของแต่ละระดับชั้น ทางโรงเรียนเล่าว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไรเพราะครูที่นี่นั้นอยู่กับนักเรียนมาเยอะ ยาวนาน มีความใกล้ชิด และครูก็พัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา จึงเมื่อสัมผัสกับเด็กก็จะมีความเข้าใจได้ไม่ยาก อย่างเช่น เด็กยุคนี้เข้าถึงโซเชียลมีเดียและชอบการทำคอนเทนต์ เพราะฉนั้นการเรียนการสอน จึงมีการใช้โซเชียลมีเดียให้นักเรียนนำเสนอผลงานผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ทำให้นักเรียนมีความสนใจและรู้สึกสนุกในการเรียน ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ มีการเรียนรู้นอกกรอบ

สภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้และการส่งเสริมกิจกรรมนอกห้องเรียน

โรงเรียนเซนต์คาเบรียลให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมที่ต้องเหมาะสมต่อการเรียนรู้ อาคารสถานที่ ห้องเรียนที่ทันสมัย รวมถึงอุปกรณ์การเรียนที่ครบครัน เช่น สนามกีฬา ห้องเรียน รวมถึงการมีพิพิธภัณฑ์เพื่อให้นักเรียนได้ศึกษาหาความรู้ อย่างพิพิภัณฑ์ผีเสื้อเกิดขึ้นจากความชอบของ ภารดาหรือบราเดอร์ ดร.อำนวย ปิ่นรัตน์ อดีตอธิการโรงเรียนเซนต์คาเบรียล โดยบราเดอร์จะใช้เวลาที่ว่างจากการสอนหนังสือกับเพื่อน ออกตระเวนสู่ป่าเขาลำเนาไพรทั่วประเทศ เพื่อเสาะหาผีเสื้อพันธุ์ต่างๆจึงได้ศึกษาและก่อตั้งห้องนี้ขึ้นมา ท่านได้รวบรวมผีเสื้อกว่า 1000 สายพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีพิธิภัณฑ์เรืออีกด้วย

และด้วยการมุ่งเน้นกิจกรรมนอกห้องเรียนนั้นเกิดจากการที่โรงเรียนต้องการให้นักเรียนได้เรียนรู้การเป็น SG Leader ที่ต้องการให้นักเรียนมีความเป็นผู้นำที่โดดเด่นและถูกต้อง ทางโรงเรียนเล่าให้ฟังถึงที่มาว่าเกิดจาก SG Connection คือศิษย์เก่าหรือรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบุคคคลมีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆ ที่ประสบความความสำเร็จและอยากส่งต่อวิธีคิดและวิธีการเรียนรู้ ส่งต่อเส้นทางให้รุ่นน้องได้เดินเพื่อไปถึงเป้าหมาย จึงได้มีส่วนร่วมออกแบบการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมการเป็นผู้นำของนักเรียน จึงทำให้เกิดการเรียนและการเป็น SG Leader ที่แข็งแกร่ง

SG Leader

หมายถึงชื่อโรงเรียนเซนต์คาเบรียลและลีดเดอร์ ที่หมายถึงผู้นำ เป็นแนวคิดที่มุ่งพัฒนานักเรียนให้กลายเป็นผู้นำที่มีคุณภาพในระดับสังคมไทยและระดับสากล โดยการเป็น SG Leader นั้นไม่ได้หมายถึงแค่การเป็นผู้นำทางด้านวิชาการเท่านั้น แต่หมายรวมถึงด้านคุณธรรม จริยธรรมด้วย เพราะทางโรงเรียนมองว่า คำว่าผู้นำนั้นมีหลายรูปแบบ จึงส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้การเป็นผู้นำในแบบที่เหมาะสมและถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเติบโต เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองและสังคม เป็นผู้เห็นคุณค่าในตัวเองและประสบความสำเร็จ

เด็กชายกับการเรียนดนตรีไทยเป็นภาพที่น่ารักมาก
ห้องสมุด ศูนย์รวมความรู้ของเซนต์คาเบรียล

ด้วยกิจกรรมทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียนมากมายที่เป็นพื้นที่ให้เด็กๆ ได้กล้าคิด กล้าแสดงออก กล้าเป็นผู้นำ เช่น กิจกรรมกีฬาสี งานนิทรรศการ รวมถึงค่ายอาสา เป็นสนามจริงที่เด็ก ๆ ได้พัฒนาตรงนี้ สุภาพบุรุษเซนต์คาเบรียล จึงเป็นทั้งปรัชญาและสิ่งที่ปลูกฝังนักเรียนทุกคนให้ได้รับการอบรมให้มีความเป็นสุภาพบุรุษ อ่อนโยน มีคุณธรรมและมีเกียรติ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการศึกษาของคาทอลิกที่ให้ความสำคัญกับพัฒนาด้านจิตใจ โดยมีคุณสมบัติดังนี้

  1. Leadership เป็นเรื่องของความเป็นผู้นำ การเสริมทักษะและบุคลิกภาพการเป็นผู้นำ
  2. Global Citizens เพื่อให้เด็กรู้สึกว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงประชากรของประเทศเท่านั้น แต่เขายังเป็นประชากรของโลกใบนี้ด้วย
  3. Communication Skills การสื่อสารถือว่ามีความสำคัญ ผู้นำทุกคนจะต้องสื่อสารเป็น ไม่ว่าจะเป็นการฟัง พูด อ่าน เขียน แต่ต้องรวมไปถึงการมีบุคลิกภาพที่นำเสนอข้อมูลในที่สาธารณะ การ Presentation กล้าคิด กล้าแสดงออก
  4. Humanity การสอนความเป็นมนุษย์ มีความสุข รู้จักความสมดุลของชีวิต เป็นเหมือนปรัชญาในการดำเนินชีวิต เช่น เรื่องของศาสนา ความเชื่อ คุณธรรม จริยธรรม สิ่งนี้จะสอนให้เด็กเก่ง ดีและมีความสุข และจะต้องรู้จักการแบ่งปันความรักและความสุขให้กับผู้อื่น

ห้องเรียนวอร์ดอฟ

ห้องเรียนวอร์ดอฟ เป็นห้องเรียนที่เป็นเหมือนนักจิตวิทยาประจำโรงเรียนเซนต์คาเบรียล จัดให้มีการช่วยเหลือด้านจิตใจสำหรับนักเรียน โดยเป็นการให้ความรู้และการช่วยเหลือและพัฒนานักเรียน เป็นการดูร่วมกันระหว่างที่บ้านและโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนได้พัฒนาตัวเองทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และมีความพร้อมสำหรับการเรียนรู้ในด้านต่าง ๆ ต่อไป

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

ในฐานะที่มีลูกชายเหมือนกัน รู้สึกดีใจและประทับใจที่ได้เข้ามาเห็นสถานที่จริง ได้สัมผัสบรรยากาศของที่นี่ค่ะ สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยคือบุคลิกความเป็นเซนต์คาเบรียลที่ออกมาจากนักเรียนด้วยรอยยิ้มที่สดใสทักทายทีมงานอย่างเป็นมิตร ความมีชีวิตชีวาที่เต็มไปด้วยความสุภาพ ไม่แปลกใจที่พอได้ฟังถึงแนวคิดของสุภาพบุรุษเซนต์คาเบรียลแล้วทำให้เข้าใจเลยว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่เป็นหลักปรัชญา แต่โรงเรียนได้ปลูกฝังและสอนให้นักเรียนได้เป็นในสิ่งนั้นจริง ๆ

หากโรงเรียนคือบ้านหลังที่สองที่บ่มเพาะคุณภาพของลูก เซนต์คาเบรียลคือสถานที่ที่เราสามารถวางใจได้ว่า ลูกจะได้รับการสอน การดูแลที่ดีมีคุณภาพอย่างที่สุด เพราะในระดับชั้นประถมนั้น โรงเรียนให้ความสำคัญเป็นอย่างมากที่นักเรียนจะค้นหาตัวเองได้ไว ไม่ว่าจะเป็นความชอบ อาชีพหรือสิ่งที่อยากเรียนต่อ เพื่อให้เขาสามารถเดินไปยังเส้นทางในอนาคตได้ตามที่คาดหวัง เพราะเด็กได้เรียนรู้ ลองทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่หลากหลาย เพื่อให้ต่อยอดไปยังมัธยมและมหาวิทยาลัยได้อย่างถูกต้อง นำไปสู่การเลือกแผนการเรียนของระดับมัธยมได้ตรงตามความชอบและความถนัด เช่น ห้องเรียนแพทย์ ห้องเรียนวิศวะ ห้องเรียนเน้นภาษา หรือห้องเรียนสำหรับคนชอบดนตรี และกีฬา การมีค่ายอาสา นิทรรศการศิลปะ ทำให้เด็กได้ปฏิบัติในสนามจริง หรือการมีพื่นที่ให้นักเรียนได้แสดงความสามารถ ยิ่งทำให้นักเรียนได้มองเห็นศักยภาพในตนเอง

การใส่ใจดูแลนักเรียนที่แพ้อาหาร

หากการเลือกโรงเรียนให้ลูกคือการลงทุน โรงเรียนเซนต์คาเบรียลคือการลงทุนสำหรับอนาคตที่คุ้มค่า โรงเรียนที่ให้ความสำคัญทุกมิติ ทั้งด้านการเรียน สุขภาพจิตที่ดี รวมถึงความสัมพันธ์ในครอบคครัว การมีห้องเรียนวอร์ดอร์ฟหรือการสื่อสาร ให้คำปรึกษา ระหว่างคุณครูและผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด ทำให้เรามั่นใจได้ว่านักเรียนจะได้รับการดูและใส่ใจเป็นอย่างดี ดังนั้นการมีหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีคุณภาพสูง การปลูกฝังคุณธรรมและการเป็นผู้นำที่มีคุณภาพ ทำให้ลูกของเราที่ได้รับการอบรมจากสถานศึกษาที่มุ่งเน้นทั้งทางด้านวิชาการและจริยธรรมนั้น เป็นสิ่งยืนยันได้ว่าลูก ๆ ของเราจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความพร้อม มีความสามารถและมีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม มีวิสัยทัศน์ รู้จักการแก้ปัญหา สมดังปรัชญาและบรรลุเป้าหมายของตนเองและโรงเรียน เห็นแล้วต้องบอกเลยว่าสุภาพบุรุษเซนต์คาเบรียลนั้นเท่ห์จริง ๆ นะคะ J

การรับสมัครและค่าเทอม

สมัครเข้าศึกษาโรงเรียนเซนต์คาเบรียล

เข้าเรียนระดับชั้น ป.1 เปิดรับสมัครต้นเดือน เมษายน ของทุกปี

ค่าเทอมระดับชั้น ป.1 โดยเฉลี่ยประมาณ 40,000-50,000 บาทต่อเทอม

ห้องเรียน SG ประมาณ 100,000 บาทต่อเทอม

(งาน Open House จัดในช่วงเดือน มิถุนายน ของทุกปี)

ที่อยู่

565 ถ. สามเสน แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300

โทร. 02-243-0065 ต่อห้องธุรการ (1101 หรือ 1119)

Website : http://www.sg.ac.th

Editor : แม่กุ๊ก
ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

ครีมกันแดดสำหรับเด็กวัยซน ปกป้องผิวแน่น โดนใจลูก ถูกใจแม่

event

เพราะการเลี้ยงลูกวัยคิดส์โตไม่เหมือนวัยเบบี๋ คุณแม่ยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ก่อนเล่นสนุกกลางแจ้ง เพียงเลือก ครีมกันแดดสำหรับเด็กเริ่มโต ที่เหมาะกับผิวอ่อนโยน และปล่อยให้ลูกได้เลือกเอง ก็ช่วยให้ทุกกิจกรรมเป็นเรื่องสุดสนุกแล้ว

ลูกอายุ 3-8 ปีอยู่ในช่วงของเด็กวัยเรียนที่มีพัฒนาการทั้งร่างกายและพฤติกรรมแตกต่างจากวัยเบบี๋โดยสิ้นเชิง พวกเขาทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้มากขึ้น สามารถแยกความแตกต่างของสิ่งของได้มากขึ้น รู้จักใช้เหตุผล และเริ่มตัดสินใจเลือกตามความต้องการของตัวเอง เช่น เลือกกินอาหารที่ชอบ เลือกเสื้อผ้าเอง สังเกตได้ว่า ลูกวัยนี้มักเริ่มปฏิเสธ หรือไม่ว่านอนสอนง่าย แม้จะขัดใจคุณแม่อยู่ไม่น้อย ขณะเดียวกันก็มีความอยากรู้อยากเห็น ชื่นชอบการได้ทำกิจกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะกิจกรรมนอกบ้าน เช่น เล่นกีฬา เที่ยวทะเล กิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ

พบว่าเด็กหลายบ้านไม่ชอบทาครีมกันแดด เพราะรู้สึกทายาก ใช้เวลานาน เหนียวเหนอะหนะ แถมกลิ่นที่ไม่เชิญชวนให้ทา แม้คุณแม่จะพยายามบอกข้อดีแค่ไหน ดูเหมือนว่าลูกน้อยจะพูดต่อรองเอาตัวรอดได้ จนหลายครั้งกลายเป็นการเปิดศึกประจำบ้าน

3 เทคนิคชวนลูกเลือกของใช้ด้วยตัวเอง

แทนที่จะปล่อยให้เรื่องเล็กน้อยมาลดทอนความรักความผูกพันของแม่ลูก คุณแม่สามารถใช้จังหวะนี้ส่งเสริม Self-Esteem หรือความเชื่อมั่นในตัวลูก ด้วยการชวนให้ลูกเลือกของใช้ในชีวิตประจำวันด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ช่วยให้ลูกเป็นคนกล้าตัดสินใจ มีความมั่นใจในตัวเอง มีภาวะผู้นำ เห็นคุณค่าในสิ่งของที่เลือกมา และเติมความสุขเล็กๆในทุกวัน คุณแม่เริ่มหัดให้ลูกเลือกของใช้ด้วยตัวเองได้ ด้วย 5 เทคนิคนี้

1. สอนสังเกตประโยชน์ของสินค้า
ฝึกให้ลูกคิดว่าสินค้าที่จะซื้อตรงกับเป้าหมายหรือความต้องการหรือไม่ อย่าซื้อเพียงเพาะรูปลักษณ์สวยงาม หรือตามความนิยมเพียงอย่างเดียว หากซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ก็เปล่าประโยชน์

2. หัดเปรียบเทียบราคาและคุณภาพ
สอนให้ลูกลองเปลี่ยนเทียบราคา กับส่วนผสมหรือขนาดว่าคุ้มค่าหรือไม่ เพราะสิ่งของหลายอย่างมีคุณภาพดีในราคาที่ไม่แพง เพื่อให้ลูกรู้จักซื้อสินค้าที่คุ้มค่า

3. อ่านฉลากสินค้า
สิ่งนี้จำเป็นสำหรับของใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ ควรชวนให้ลูกอ่านฉลากสินค้าด้วยกันเพื่อสังเกตข้อแตกต่างของสินค้าแต่ละชนิด ถ้าลูกยังอ่านไม่เข้าใจ คุณแม่อาจอธิบายด้วยภาษาง่ายๆ ก็จะช่วยได้มา
สำหรับการเลือกซื้อของใช้ส่วนตัว ส่วนใหญ่เด็ก ๆ มักมีรูปแบบแพ็คเก็จจิ้ง สีสัน กลิ่น หรือรสชาติที่ตัวเองชอบ คุณแม่ยังต้องช่วยเลือกให้เหมาะกับวัยของลูก จริงๆแล้วเด็กชอบเล่นกลางแจ้ง แถมไม่กลัวแดด จึงโดนแดดมากกว่าผู้ใหญ่ สกินแคร์อย่างแรกที่ควรใช้คือ ครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวไม่ให้คล้ำเสีย และระคายเคือง การเลือกครีมกันแดดสำหรับเด็กเริ่มโตควรมีคุณสมบัติดังนี้

  • เป็นครีมกันแดดที่ทำมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ มีการระบุค่า SPF และ PA โดยค่า SPF เป็นการป้องกัน UVB และ PA เป็นตัวบ่งชี้ระดับการป้องกัน UVA ถ้าทำกิจกรรมนอกบ้านควรเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป ส่วนค่า PA 3-4 บวกถือว่ามีประสิทธิภาพการป้องกันค่อนข้างดี
  • ผลิตภัณฑ์ควรทาได้ทั้งใบหน้าและร่างกายอย่าลืมว่าเด็กๆ โดนแดดมากกว่าเรา กันแดดที่ใช้กับใบหน้าต้องไม่ทำให้แสบตา นอกจากหน้าแล้ว แขน ขา และหลังคอก็เป็นจุดที่ควรทากันแดดเพื่อป้องกันอาการผิวไหม้แดงจากแสงแดดเช่นกัน
  • เลือกประเภทครีมกันแดดให้เหมาะกับการใช้งานและความชอบของลูก ถ้าเป็นเนื้อครีมก็ควรจะซึมง่ายซึมไว เพราะเด็กมักไม่ชอบความเหนียวเหนอะหนะ หรือหาเนื้อแบบอื่นเช่นเนื้อโลชั่นน้ำ เป็นทางเลือกให้เด็กๆขี้รำคาญ บรรจุภัณฑ์ก็มีส่วนสำคัญ ถ้าพกพาไปนอกบ้าน ควรจะสะดวกใช้งาน ไม่หกเลอะเทอะง่าย และใช้งานได้รวดเร็ว
  • เป็นสูตรอ่อนโยนกับผิวของเด็ก แม้จะเป็นเด็กโตแต่ผิวหนังของลูกยังบอบบาง เสี่ยงต่อการแพ้ได้ง่าย ครีมกันแดดควรทำจากส่วนผสมจากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีอันตรายหรือ แอลกอฮอล์ หรือสารกันแดดแรงๆที่เป็นอันตรายต่อผิวลูก

PEPPODOPA ผลิตภัณฑ์กันแดด ถูกใจลูกไม่ขัดใจแม่

คุณแม่ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์กันแดดหรือโลชั่นบำรุงผิวเมื่ออกแดดสำหรับลูกวัยเริ่มโต ขอแนะนำให้รู้จักผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก น้องใหม่แบรนด์  PEPPODOPA (เปปโป้โดป้า) ที่สร้างสรรค์มาเพื่อตอบโจทย์แอคทีฟไลฟ์สไตล์แม่ลูก ภายใต้คอนเซ็ปต์ Adventure for Kids, Comfort for Mom ถูกใจลูกไม่ขัดใจแม่ ด้วยการครีเอทผลิตภัณฑ์ให้มีจุดเด่นทั้ง ส่วนผสมอ่อนโยนถูกใจคุณแม่ รูปแบบสดใสน่าใช้ถูกใจเด็กๆ“  เด็กๆ ใช้งานได้สนุก และคุณแม่ไม่กังวลเรื่องความปลอดภัย  

ครีมกันแดดของ PEPPODOPA มีให้เลือก 2 รูปแบบเลือกได้ตามการใช้งาน ได้แก่

ตัวแรกคือ ครีมกันแดดเด็ก สูตร Physical 100% รุ่นฝาคลิ๊กล็อค ขวดสีฟ้าและดีไซน์ฝาคลิ๊กล็อคสีแดงปิดสนิท กดใช้ง่าย ไม่ห่วงเรื่องหกเลอะเทอะ คุณแม่ให้ลูกลองทางครีมเองได้เลย

ครีมกันแดดเด็ก สูตร Physical 100% รุ่นฝาคลิ๊กล็อค

ปกป้องผิวบอบบางด้วยสูตร Physical 100% มีคุณสมบัติเคลือบผิว และมีส่วนช่วยป้องกันฝุ่นพิษ PM 2.5 ซึมสู่ร่างกาย พร้อมเติมความชุ่มชื่นด้วยวิตามินอี และสารสกัดจากสาหร่ายสีเขียวในการกักเก็บน้ำในผิว พร้อมทั้งสารสกัดจากนมผึ้ง ช่วยป้องกันการระคายเคือง จัดเต็มการปกป้องด้วย SPF50 PA+++ ให้ลูกพร้อมสนุกสู้แดด เนื้อครีมบางเบา ซึมไว สบายผิว มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไม่มีกลิ่นเหม็นรบกวน ใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย จุดที่เลิฟที่สุดคือทาแล้วไม่แสบตา เป็นครีมกันแดดที่ใช้ได้ตั้งแต่อายุ 1 ขวบขึ้นไป

สเปรย์กันแดดเด็ก สูตรออร์แกนิค (Organic Kids Sunscreen)

ต่อกันด้วยตัวที่สอง สเปรย์กันแดดเด็ก สูตรออร์แกนิค (Organic Kids Sunscreen) ขวดสีเหลือง เหมาะกับการใช้งานได้บ่อยๆ ด้วยการฉีดบนผิวแล้วลูบเบาๆ กันแดดเนื้อน้ำนมจะซึบเข้าผิวได้ทันที ไม่ขัดความสนุก มาพร้อมคุณสมับัติพิเศษในการป้องกันแบคทีเรียได้มากถึง 99% มี SPF40 PA+++ และสารสกัดธรรมชาติในการดูแลผิว ทั้ง สารสกัดน้ำผึ้งธรรมชาติจากฝรั่งเศส สารสกัด Allantoin และสารสกัดเมล็ดเสาวรสลิ้นงู ปราศจากสารเคมีอันตราย ใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย ไม่แสบตา ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวกให้เด็ก ๆ ใช้เองได้ทุกวัน ใช้ได้ตั้งแต่ 1 ขวบขึ้นไป

PEPPODOPA Moisturizing Gel

หลังออกแดด คุณแม่ควรดูแลอย่างต่อเนื่องเพื่อลดอาการแสบแดด และเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวด้วย PEPPODOPA Moisturizing Gel ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเนื้อเจลใส ที่ทาแล้วรู้สึกเย็นสบาย ซึมง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ ในขวดสีน้ำเงินเหลือง สามารถทาได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย แถมยังใช้ได้ทุกฤดูกาล มีส่วนผสมของ NP-CERAPHILIC 1.5 เป็นเซราไมด์ในรูปแบบไลโปโซม ด้วยเทคโนโลยี Encapsulation ที่บรรจุเซราไมด์ 3 หรือ Ceramide NP และ PS-203R (synthetic ceramide) ช่วยให้ผิวนุ่มทันทีหลังทา ไม่ต้องรอนาน พร้อมปกป้องให้ผิว คงความชุ่มชื่นได้ยาวนานถึง 4 ชั่วโมงและลดการสูญเสียน้ำออกจากผิว ลดปัญหาอาการคันจากการขาดเซรามายด์ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมจากธรรมชาติถึง 6 ชนิด ในการลดอักเสบ การระคายเคือง และเสริมสมดุลให้กับผิว ลดการสะสมของเม็ดสีผิวหนึ่ง ในสาเหตุของปัญหาความหมองคล้ำไปพร้อมกันด้วย เรียกว่า รับจบ คุ้มสุดในขวดเดียวจริง ๆ

หากคุณแม่ต้องการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม หรือสนใจสั่งซื้อสามารถติดต่อได้ที่

โรงเรียนนนทบุรีมอนเตสซอรี่

โรงเรียนนนทบุรีมอนเตสซอรี่ มอนเตสซอรี่แสนสุขที่ทุกการเรียนรู้โอบกอดด้วยธรรมชาติ

event
โรงเรียนนนทบุรีมอนเตสซอรี่
โรงเรียนนนทบุรีมอนเตสซอรี่

แม้พื้นที่สีเขียวในอำเภอบางใหญ่จะเริ่มหายไป แต่ในบางใหญ่ซิตี้นั้นยังคงมี ‘ศูนย์การเรียนรู้เชิงเกษตร’ ที่เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้มาเรียนรู้ธรรมชาติผ่านการลงมือทำ  จนในที่สุดก็พัฒนามาเป็น “โรงเรียนนนทบุรีมอนเทสซอรี” โรงเรียนเล็ก ๆ ที่เด็ก ๆ ได้เรียนรู้อย่างยิ่งใหญ่ด้วยสองมือ+หัวใจ อย่างปลอดภัย และใกล้ชิดกับธรรมชาติ

Get to know “Montessori” จริง ๆ แล้วคือเรื่องของวิชาการ

  1. หมวด Practical Life = ชีวิตประจำวันเหมือนที่บ้านเพื่อการพึ่งพาตนเอง
  2. หมวด Sensorial = ประสาทรับรู้ 5 ประเภท ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น สัมผัส เป็นหมวดงานที่เป็นพื้นฐาน ของสติปัญญา ที่จริงเป็นนามธรรมแต่ทำเป็นรูปธรรม – ให้เด็กๆสัมผัสได้ (เรียนรู้ได้) เป็นหมวดงานที่เป็นระบบระเบียบ ว่าด้วยเรื่องของลำดับและขั้นตอน ดังนั้นการจัดวางอุปกรณ์สำคัญนะคะ ต้องลำดับ บน – ลง – ล่าง และ ง่าย – ไป – ยาก
  3. หมวดภาษา (Language) ประกอบด้วย 3 หมวดงานคือ ภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษาอ่าน โดยเด็กสามารถจำสัญลักษณ์และเสียงได้  โดยมีเทคนิค 3 ขั้นตอน  คือ 1. ขั้นแนะนำ 2.  ฝึกหัดปฏิบัติ  3.  ให้เด็กพูด

หมวดคณิตศาสตร์ สัญลักษณ 0-9 และปริมาณ 1-10 | การนับต่อเนื่อง 1-1000 รู้ปริมาณและคุณภาพ | การนับรูปร่างรูปทรง  การนับตู้โซ่ | การจำขึ้นใจ โดยจำผลขององค์ประกอบตัวเลขที่สำคัญของผลบวก  ผลลบ  ผลคูณ  ผลหาร | หนทางสู่นามธรรม

Practical Lif
Sensorial
  • กิจกรรมถือเป็นส่วนสำคัญ ที่เด็กเล็กจะเรียนด้วยร่างกายทั้งหมด โดยเน้นทางด้านการฝึกฝนทางประสาทสัมผัส กิจกรรม ทุกงานที่เด็กทำจะต้องมีความหมาย
  • เด็กจะได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง จากการใช้สื่อและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จับต้องได้ทำให้เด็กๆ เข้าใจ
  • เด็กจะรู้สึกมีอิสระในการหยิบจับอุปกรณ์ที่เขาสนใจมาทำ – หากทำไม่ได้ เด็กจะนำไปเก็บและหยิบอุปกรณ์ชิ้นอื่นมาแทน (เป็นไปตามพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็ก)
  • FREEDOM WITHIN LIMIT อิสระภายใต้กฎเกณฑ์ เด็กๆสามารถเลือกกิจกรรมได้ตามใจ แต่ต้องไม่รบกวนผู้อื่นขณะทำงาน เล่นเสร็จแล้วต้องเก็บอย่างเรียบร้อย (พร้อมให้คนอื่นใช้งานต่อ) เป็นต้น
  • คุณครูต้องเข้าใจอุปกรณ์มอนเตสซอรี่อย่างทะลุปรุโปร่งจึงจะถ่ายทอดให้เด็กๆลงมือทำ (จนเกิดเป็นความรู้) เพราะของเล่น คือ “ความรู้” (พัฒนา concept จากรูปธรรม ไปสู่ นามธรรม) และ คุณครูจะต้องนำเสนอบทเรียนอย่างละเอียดก่อนทุกครั้ง
  • มอนเตสซอรี่ต้องสอนเป็นรายบุคคล (เป็นกลุ่มเฉพาะบางเรื่อง)
  • ชั้นเรียนคละอายุ ให้ช่วงอายุห่างกันประมาณ 3 ปี มีทั้งเด็กที่อายุมากกว่า เท่ากัน และน้อยกว่า เรียนอยู่ในกลุ่มเดียวกัน จุดประสงค์เพื่อให้เด็กๆช่วยเหลือกัน ไม่มีการแข่งขันกันในห้องเรียน
อุปกรณ์จะจัดวางให้นักเรียนเลือกทำงานได้สะดวกและปลอดภัย

Well Growing up เติบโตสมวัยอย่างมีความสุข + บรรลุศักยภาพ

หลังจากช่วงโควิด-19 จะเห็นได้ชัดว่าเด็กๆ เจเนอเรชั่นอัลฟ่า ขาดทักษะการเคลื่อนไหว + สัมผัส และภาษา

ช่วงเช้าก่อนเข้าเรียนเด็กๆ ส่วนใหญ่จะได้เล่นอิสระที่สนาม ซึ่งมีทั้งบ่อทราย ศาลาทรงสวย อุโมงค์ บ้านต้นไม้ให้เด็กๆปีนป่าย กล้ามเนื้อมัดใหญ่ได้ทำงานหนัก จัดเต็มแน่นอน!

  • ยิ่งของเล่นน้อยชิ้น / ไม่สำเร็จรูปมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เด็ก ๆเกิดความคิด + จินตนาการ + พัฒนา sensorial ด้านต่างๆ และยังทำให้เด็กๆมีความอดทนมากขึ้นด้วยนะคะ (EF)
  • โรงเรียน นนทบุรี มอนเตสซอรี่ จัดการเรียนการสอนเป็นรูปแบบ “มอนเตสซอรี่ 100%”
  • คุณครูที่นี่ เรียนจบด้านหลักสูตร Montessori ทั้งหมด (สาขาเฉพาะทาง) และทางโรงเรียนจำกัดจำนวนนักเรียนเพราะ Montessori คือการดูแลนักเรียนเป็นรายบุคคลค่ะ
ดอกไม้เป็นของเล่นของเด็กๆเช่นกันค่ะ
ทุกอย่างสร้างได้ด้วยมือเรา
เรือนสัตว์ปีกค่ะ

3-hour work cycle ของเด็กๆ อายุระหว่าง 3 – 6 ปี

  • เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ฝึกกำกับตัวเอง ควบคุมการเคลื่อนไหว การใช้งาน (มือ และ ตา ประสาน) เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม
  • ทุกกิจกรรม จะได้รับการนำเสนองานอย่างละเอียดก่อนทุกครั้ง และเมื่อเด็กๆชำนาญแล้ว อุปกรณ์ / กิจกรรมเดิม  + จะเพิ่มขั้นตอนให้ซับซ้อนมากขึ้น เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ เรื่องใหม่ วิธีการใหม่ ๆ และคำศัพท์ใหม่ๆ
  • ทุกกิจกรรม “มีจุดมุ่งหมายในการเรียนรู้อย่างชัดเจน” ว่ากิจกรรม อุปกรณ์นี้ จะสอนเรื่องอะไร
  • กิจกรรมมีทั้งสิ้น 4 หมวด ได้แก่ 1. Sensorial + Cultural 2. Languages ( Eng / TH) 3. Practical Life + Arts 4. Math
  • น้องเล็ก มักจะเลือกกิจกรรมในหมวด Practical Life + Languages
  • เด็กโต มักจะเลือกกิจกรรมในหมวด Math + Languages ซึ่งสำหรับเด็กโต จะต้องเลือก 6 กิจกรรมที่ต้องทำให้สำเร็จ / แต่ถ้าทำไม่ได้ – จะมาหาสาเหตุ และ ปรับแก้กันไปค่ะ
  • เด็กๆ จะรู้จักคำศัพท์และอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ใช้งาน
  • คุณครู และ นักเรียน จะใช้ภาษาอังกฤษในห้องเรียนเป็นหลัก + สอนภาษาไทยเสริมด้วยนะคะ ทั้งอ่าน และ เขียน ดังนั้นครอบครัวไหนอยากให้เด็กๆ เรียนต่อโรงเรียนไทยก็ไม่มีปัญหาค่ะ

ระหว่างนี้ เด็ก ๆ จะทราบดีว่าช่วงเวลา snack เริ่มตั้งแต่ 9.00 – 10.30 น. แต่ละคนจะดูแลตนเอง โดยมีข้อตกลงไว้ว่า

1. สลับกันไปทาน
2. เลือกได้เองตามใจชอบ
3. ทานเป็นที่เท่านั้น ห้ามเดิน
4. ทานเสร็จแยกเก็บอุปกรณ์ให้เป็นที่
5. เตรียมพื้นที่ให้พร้อมสำหรับเพื่อนคนต่อไป ..เชื่อไหมคะ เด็กๆ follow the rules กันเองอย่างเป็นธรรมชาติ

Morning เด็กเล็กฝึกการเคลื่อนไหว ทรงตัว movement control ทุกวัน
ของว่างต้องทานเป็นที่
ใกล้เวลาอาหารเที่ยงจะมีเวรจัดโต๊ะอาหาร (สลับกัน)

ชั้นประถมศึกษา

  • เมื่อขยับขึ้นมาเป็นชั้นประถมศึกษา นักเรียนจะเรียนรู้เป็นองค์รวม เป็น COSMIC EDUCATION
  • Cosmic Education หรือ การศึกษาจักรวาล เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับจักรวาลทั้งหมด โลก / สิ่งมีชีวิต / มนุษย์ / ภาษา / คณิตศาสตร์ เกิดมาได้อย่างไร?  เพื่อให้เด็กๆ ได้เห็นการเชื่อมโยงกันของทุกสิ่ง ไม่เรียนวิชาใดวิชาหนึ่งแยกจากกัน เพราะในชีวิตจริงเราไม่สามารถแยกได้ว่าเราจะนำวิชาอะไรไปใช้ในการดำเนินชีวิต แต่เป็นการใช้ความรู้ทั้งหมดที่มีมาบูรณาการร่วมกัน
  • เด็กๆ จะได้ทำ Project approach เพื่อศึกษาและเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งมักจะเป็นเรื่องที่เรียนมาแล้ว แต่ยังมีคำถาม – สงสัย คุณครูจะดึงสิ่งนั้นมาจุดประกาย และให้เด็กๆศึกษา เรียนรู้ และ หาคำตอบค่ะ
  • เด็กๆ จะเลือกทำกิจกรรมประมาณ 9 – 10 งาน ซึ่งทุกคนจะมีตารางเวลา + วางแผนการเรียนรู้ของตัวเองทุกวันจันทร์
  • และมาตรวจสอบกันในแต่ละวันด้วยว่า กิจกรรมนี้ เริ่มเวลา.. เสร็จเวลา.. ข้อมูลนี้คุณครูจะนำมา consult กับนักเรียนในวันศุกร์เป็นรายบุคคลค่ะ
  • สื่อสารกันเป็นภาษาอังกฤษ 100% (ถึงแม้จะคุยกันเองก็ตาม)

การพักเบรคช่วงเช้าของพี่ๆ จะแตกต่างจากน้องๆ นะคะ ของชั้นประถม – เด็กๆจะแบ่งหน้าที่กัน และ มีเวรจัดโต๊ะอาหาร รวมถึง ทานอาหารพร้อมกัน ลุกพร้อมกัน ฝึกมารยาทบนโต๊ะอาหาร การเคลื่อนไหว ควบคุมตนเอง และ ฝึกการอดทนรอคอยค่ะ

Biology
Robot พร้อมมาก

All day activities

ช่วงบ่ายของแต่ละวันก็ยังคงมีกิจกรรมเปิดประสบการณ์เด็กๆ

  • น้องอนุบาล – การนอนกลางวันเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลค่ะ หากคนไหนง่วง / นักเรียนใหม่ต้องการนอนกลางวัน สามารถนอนที่โรงเรียนได้ แต่เด็กๆส่วนใหญ่จะไม่นอนกลางวัน
  • กิจกรรมช่วงบ่ายของน้องอนุบาล Monday – Physical / Tuesday – Cooking / Wednesday – Creative Art / Thursday – Farming / Friday – STEM
  • กิจกรรมช่วงบ่ายของพี่ประถม Monday – ดนตรี (ฝึกซ้อม Band) / Tuesday – ภาษาไทย / Wednesday – Creative Art / Thursday – Coding / Friday – Consult (ให้คำปรึกษารายบุคคล คุณครู – นักเรียน)

พิเศษ วันอังคาร หรือ วันพุธ ช่วงบ่าย หากพี่ๆอยู่ในช่วงทำโปรเจค – จะทำโปรเจค ค่ะ

เหล่านักเกษตรตัวน้อยในสมาร์ทฟาร์ม
Thursday afternoon พี่ ๆ เรียน Coding
ทุกคนมีศิลปะอยู่ในหัวใจ

Mommy Love This! ถูกใจแม่

แม้จะโรงเรียนจะเปิดมาเพียง 1 ปีครึ่ง แต่ก็เป็นที่ “บอกต่อ” กันปากต่อปากจนปัจจุบันมีครอบครัวมาลงทะเบียนต่อคิวเป็น waiting list จำนวนมาก เพราะอะไรหรอคะ?

เพราะการศึกษาที่ดีที่สุด – ไม่ใช่แค่หลักสูตร วิชาการ หรือ approach ต่างๆที่โรงเรียนใช้ – แต่คือ “สมดุลของทุกคน” พ่อแม่ต้อง happy + เด็กๆต้อง happy + โรงเรียนต้อง happy โรงเรียนนนทบุรีมอนเตสซอรี่จึงให้ความสำคัญกับครอบครัวไม่แพ้กับนักเรียนเลยค่ะ

  • Strong Community
    • กิจกรรม – ผู้ปกครอง run ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น งานกีฬาสี วันสงกรานต์ วันฮัลโลวีน International Day โดยโรงเรียนจะแจ้งกิจกรรมให้ผู้ปกครองได้ทราบ และกลุ่มผู้ปกครองจะหารือกันต่อค่ะ
    • Monthly market ตลาดนัดวันจันทร์ (เดือนละครั้ง) ที่ให้เด็กๆ + ผู้ปกครองได้แสดงฝีมือกัน เช่น ทำอาหารขาย / สินค้าแฮนด์เมดต่างๆ (บางครั้งก็มีธีมนะคะ – ทุกชิ้น 20 บาท) เพื่อฝึกการเป็นผู้ประกอบการ คิด วางแผน จัดการ และ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ากัน และโรงเรียนก็ยังนำสินค้าเกษตรออร์แกนิค + ไข่เป็ด cage free มาจำหน่ายด้วยค่ะ

(ขอแอบบอกว่า ผักออร์แกนิคที่นี่สด สะอาด และไม่ขมเลยนะคะ!)

  • ห้องเรียนพ่อแม่ – โรงเรียนเชิญผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆ มาเป็นวิทยากร เพื่อให้ความรู้หรือจัด workshop สุดสร้างสรรค์เพื่อผ่อนคลายและสานความสัมพันธ์บ้านและโรงเรียนร่วมกัน
  • เด็กๆเรียนรู้และเติบโตอย่างมีความสุข 100%
    • เด็กๆอยากมาโรงเรียนทุกวัน (แม้ในวันหยุด) และไม่อยากกลับบ้าน
    • พัฒนาการทุกด้านเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
    • ระบบมอนเตสซอรี่จะทำให้เรารู้จักเด็กๆได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านความถนัด ความชอบ หรือสิ่งที่ต้องพัฒนาเพิ่มเติม เพราะมอนเตสซอรี่เป็น individual curriculum ค่ะ
  • After School ก็มีนะคะ – เป็นคุณครู outsource เพื่อรองรับผู้ปกครองที่ไม่สามารถมารับเด็กๆกลับบ้านหลังเลิกเรียนได้ทันที Monday – Taekwondo / Tuesday – Chinese / Wednesday – Thursday – Creative Art / Friday – Tennis
  • Nature embraced

เนื่องจากที่นี่เป็นพื้นที่ ศูนย์การเรียนรู้เชิงเกษตร มาก่อนจึงโอบล้อมไปด้วยแปลงผักออร์แกนิค สวนเกษตรผสมผสาน คูน้ำ และนาผืนย่อมๆ

  • เด็กๆ จะเติบโตท่ามกลาง “สีเขียว” อย่างแท้จริง หากเราจะปลูกฝังให้เด็กๆรักษาธรรมชาติ ธรรมชาติต้อง “อยู่” ในชีวิตเด็กๆก่อนค่ะ
    • เรื่องอาหาร.. แน่นอนที่สุดค่ะ อาหารของทางโรงเรียนเป็น “ออร์แกนิค” จากสวน 100%
    • เมนูอาหารของโรงเรียนเปลี่ยนทุกเดือนค่ะ เพราะ run ตามรอบปลูก และบางส่วนเด็กๆก็ปลูกกันเอง ดีเลยค่ะเห็นถึง process ว่าผักสีเขียวที่เราทานนั้น – มาได้อย่างไร
    • food ไม่มี waste ที่นี่ เพราะเด็กๆจะแยกเศษอาหาร – นำไปเป็นอาหารสัตว์ ขยะก็นำไปทิ้งเอง ทำความสะอาดห้องกันเอง
  • ระบบแอพพลิเคชั่น Montessori Compass (บันทึกการเรียนรู้ของลูกๆ ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถคลิกเข้าไปดูได้)
    • ทุกวันศุกร์คุณครูจะสรุปว่าเด็กๆ เรียนอะไรไปบ้างแล้ว + comment
    • ตัวอย่างเช่น เด็กๆทำกิจกรรมนี้.. อุปกรณ์ชิ้นนี้มีจุดมุ่งหมายในการเรียนรู้เรื่องอะไร
    • รวมถึงรายงานความก้าวหน้า หรือ พัฒนาการใน ด้านพฤติกรรม / ปัญหา / สิ่งที่โดดเด่น / การทำงานในห้องเรียน / ทักษะสังคม / ความรับผิดชอบ เป็นต้นค่ะ
มุมพักผ่อนน่ารัก ๆ ในโรงเรียน
ฟังบรีฟกันอย่างตั้งใจ

รายละเอียดค่าธรรมเนียมการศึกษา (ปี 2567)
ค่าแรกเข้า One time Payment 30,000 บาท
ค่าเทอม เทอม ละ 56,000 บาท
(3 ภาคเรียน)
ค่าเทอมรายปี 168,000 บาท /ปี
รายละเอียดเพิ่มเติม – กรุณาติดต่อสอบถามโรงเรียนโดยตรงค่ะ

Westgate Montessori
(โรงเรียน นนทบุรี มอนเตสซอรี่)
79/9 Moo.6 Saothonghin
Bangyai Nonthaburi 11140
Tel : +66807737703
Email : [email protected]

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

BABABOO จัดงานเปิดตัวคอกกั้นเด็กที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสำหรับเด็ก 0-8 ปี

event

ร่วมสัมผัสงานดีไซน์ที่หลากหลาย ต่อยอดการเรียนรู้และเสริมสร้างพัฒนาการไม่รู้จบ ณ ใจกลางกรุงเทพมหานคร พร้อมพูดคุยกับ คุณก้อย ญาภัทร สรรพวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮโยยูไนท์กรุ๊ป จำกัด ถึงแนวคิดและการต่อยอดความสำเร็จในครั้งนี้

BABABOO ได้จัดงานเปิดตัวคอกกั้นเด็กที่ปรับเปลี่ยนได้พร้อมเคียงข้างทุกพัฒนาการของลูกน้อย             ด้วยคอนเซปต์​ “Limitless play space for every milestones” ในงาน BABABOO Grand Opening Event พร้อมนำเสนอแนวคิดของการออกแบบคอกกั้นที่ไม่ได้ตอบโจทย์เพียงแค่เรื่องของความปลอดภัยต่อลูกน้อยเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างพัฒนาการและเป็นพื้นที่การเรียนรู้ ที่เต็มไปด้วยความสนุกในทุกก้าวเดินของลูกน้อย กับฟังก์ชันที่ปรับเปลี่ยนได้และใช่สำหรับ “ทุกคนในครอบครัว” โดยงานเปิดตัวครั้งนี้จัดขึ้นในย่านธุรกิจภายใต้บรรยากาศสุดอบอุ่นสำหรับทุกคนในครอบครัว

สำหรับการเปิดตัว BABABOO ในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดความสำเร็จจาก HOYO ซึ่งเป็นแบรนด์แม่ของ BABABOO ที่เคยครองใจคุณพ่อคุณแม่มือใหม่จากทั่วประเทศ ด้วยรางวัลการันตีมากกว่า 10 รางวัล และเป็นคอกกั้นเด็กอันดับ 1 ในใจของหลายๆคน จากความสำเร็จในแบรนด์แม่ ถ่ายทอดสู่แบรนด์ลูกคนใหม่ BABABOO แบรนด์ที่น่าจับตามองที่สุดด้วยรางวัล “Rising Star” จาก Amarin Baby & Kids Award 2024

ด้วยความตั้งใจอยากพัฒนาและยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมสินค้าแม่และเด็กของคนไทย จึงมีแนวคิดอยากสร้างสรรค์สินค้าที่มีความแตกต่างทั้งทางดีไซน์ ฟังก์ชั่นการใช้งาน ความคุ้มค่า จึงเกิดการพัฒนาแบรนด์ BABABOO ขึ้น คอกกั้นเด็ก BABABOO ยังคงมีส่วนต่อการสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่ทั้งสนุกและเสริมสร้างจินตนาการได้ไม่รู้จบ ด้วยการปรับเปลี่ยนการใช้งานได้มากกว่า 10 แบบ รองรับการใช้งานได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 8 ปี คอกกั้นเด็ก BABABOO มาพร้อมจุดเด่นของคอนเซ็ปต์ Limitless Play Space ที่ปรับเปลี่ยนได้อย่างสร้างสรรค์ไร้ขีดจำกัด เสริมสร้างจินตนาการ พร้อม Support Every 1st Milestone ด้วยเบาะที่นุ่มพอดี ช่วยซัพพอร์ทในทุก พัฒนาการให้เด็กได้สนุกอย่างเต็มที่ ล้มได้ไม่ต้องกลัวเจ็บ

นอกจากนี้ทาง BABABOO ยังให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ ด้วย ผ้าหนัง PU เกรดที่ดีที่สุดนำเข้าจากประเทศเกาหลีที่ปลอดสารอันตรายต่อเด็ก พร้อมสัมผัสเนียนนุ่ม ไม่มีกลิ่น และคุณสมบัติกันน้ำที่ช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่าย การันตีด้วยมาตรฐานการตรวจสอบจากยุโรปและอเมริกา EPE FOAM โฟมอัด อากาศที่มีความหนาแน่นสูง ยืนหยุ่น พร้อมชั้นดูดซับแรงกระแทกที่ให้ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า ซิป Nylon ที่เชื่อมในแต่ละจุดมีความทนทาน ปลอดภัย ไม่คม รองรับน้ำหนักได้มากถึง 90 กิโลกรัม และ Velcro Patch วัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน ผ่านการทดสอบด้วยวิธีดึงเข้า-ออกมากกว่า 5,000 ครั้ง ให้ความเหนียวเพื่อการใช้งานในระยะยาว และปลอดภัยตามมาตรฐานระดับโลก การันตีด้วยผลทดสอบจาก Standard 100 by Oeko-Tex : Product class 1

สำหรับงาน BABABOO : Grand Opening Event นอกจากผู้ร่วมงานจะทำความรู้จักและเห็นสินค้าจริงของคอกกั้นเด็กเสริมพัฒนาการของ BABABOO แล้ว ยังมีกิจกรรม Mommy Talk Session ที่ได้พูดคุยกับ คุณก้อย ญาภัทร สรรพวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮโยยูไนท์กรุ๊ป จำกัด และแขกรับเชิญพิเศษ คุณหมอจอย พญ. ลลิต ลีลาทิพย์กุล กุมารแพทย์เชี่ยวชาญฯ จากเพจ momjoychannel และ คุณน้ำหวาน วาวี จากเพจ Happy Mommy Diary รวมถึงการสาธิตวิธีการใช้งาน พร้อมให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสและทดลองใช้สินค้าจริง โดยงานจัดขึ้นในวันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ที่ S31 Sukhumvit Hotel ตั้งแต่เวลา 14.00 – 17.30 น.

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Facebook : Bababoo

Danone

ดานอน ประเทศไทย รวมพลังรณรงค์ต่อต้าน ภาวะโลหิตจาง จากการขาดธาตุเหล็ก ในงานแถลงข่าว “เด็กไทยฉลาด ต้องไม่ขาดธาตุเหล็ก”

event
Danone
Danone

เผยข้อมูลเชิงลึกระบุ เด็กไทยมากกว่า 1 ใน 3 เสี่ยงต่อภาวะโลหิตจาง
ย้ำเด็กไทยมีความเสี่ยงในทุกพื้นที่ ทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด

กรุงเทพมหานคร. 6 ธันวาคม 2567 – ดานอน ประเทศไทย ผู้นำระดับโลกด้านอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพ จัดงานแถลงข่าวในวันรณรงค์ภาวะขาดธาตุเหล็กโลก และเปิดตัวงาน “เด็กไทยฉลาด ต้องไม่ขาดธาตุเหล็ก” เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (IDA) และเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนของการตรวจพบภาวะโลหิตจางตั้งแต่เนิ่นๆ รวมถึงการดูแลด้านโภชนาการในเชิงรุกเพื่อลดความเสี่ยงภาวะดังกล่าว ที่ผ่านมาดานอนได้ร่วมมือกับบุคลากรทางการแพทย์และชุมชน และยังคงเดินหน้าเพื่อพัฒนางานด้านสุขภาพและโภชนาการทั่วประเทศผ่านการส่งเสริมการตรวจคัดกรองความเสี่ยงภาวะดังกล่าวตั้งแต่เนิ่นๆ และการสนับสนุนโภชนาการเสริมอาหาร ซึ่งสะท้อนถึงพันธกิจของดานอนในการส่งมอบสุขภาพที่ดีด้วยอาหารให้กับผู้คนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  ดานอนสนับสนุนให้การตรวจคัดกรองภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กเป็นการตรวจภาคบังคับเพื่อให้สามารถรักษาได้เร็วและได้ผลดียิ่งขึ้น โดยงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการรณรงค์ของดานอนเพื่อต่อสู้กับภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กในเด็ก และได้รับเกียรติจาก แพทย์หญิงดวงพร ปิณจีเสคิกุล รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และ นางสาว ประพิมพ์พรรณ สุวรรณกูฏ ผู้อำนวยการกลุ่มการพัฒนาเด็กปฐมวัย กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานเปิดงาน ภายในงานมีการเสวนาโดยกุมารแพทย์ นักโภชนาการจากดานอน ประเทศไทย และตัวแทนคุณแม่เซเลบริตี้ มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับผลการศึกษาล่าสุดเกี่ยวกับภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ความสำคัญของการตรวจคัดกรองตั้งแต่เนิ่นๆ และการเสริมธาตุเหล็กผ่านอาหารที่รับประทานในแต่ละวัน

รศ. นพ. พงศ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ จากคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล ย้ำว่า “ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กสามารถส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต พัฒนาการทางร่างกาย และพัฒนาการทางสมอง รวมถึงการทำงานของร่างกายและสมองที่หากการขาดมีความรุนแรงหรือขาดอยู่ในระยะเวลานาน อาจะส่งผลเสียอย่างถาวรได้ ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก อาจไม่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า ดังนั้นการตรวจคัดกรองแต่เนิ่นๆ จึงมีความสำคัญอย่างมากในการตรวจพบและจัดการกับภาวะนี้ตั้งแต่ระยะแรกๆ”  นายธีรชัย ว่องเมทินี หัวหน้าฝ่ายออกแบบโภชนาการภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากดานอน ประเทศไทย เสริมว่า “ในการต่อสู้กับภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก เราจำเป็นต้องเพิ่มอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อสัตว์ ตับ ไข่ ผักใบเขียว หรืออาหารเสริมธาตุเหล็ก เช่น นมเสริมธาตุเหล็กและธัญพืชเข้าไปในอาหารประจำวันของเด็กๆ และจับคู่อาหารเหล่านี้เข้ากับอาหารที่มีวิตามินซีสูงจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุเหล็กของร่างกายได้อย่างมาก”

ดานอน ประเทศไทย ยืนยันความมุ่งมั่นในการดำเนินงานระยะยาวเพื่อแก้ไขปัญหาภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก โดยนอกจากการตรวจคัดกรองความเสี่ยงภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กแบบไม่ต้องเจาะเลือดที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนรังสิตภายใต้การดูแลของกรมกิจการเด็กและเยาวชนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 และการมอบเครื่องมือสำหรับตรวจคัดกรองความเสี่ยงภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กแบบไม่ต้องเจาะเลือดให้แก่สำนักอนามัย กรุงเทพมหานครเมื่อเดือนตุลาคม 2567 เพื่อใช้ตรวจเด็กๆ ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข 6 แห่งในกรุงเทพมหานครด้วยเป้าหมาย 3,000 คนแล้ว

ดานอน ประเทศไทยยังมีแผนขยายโครงการสร้างความตระหนักรู้และการตรวจคัดกรองความเสี่ยงภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กไปยังสถานสงเคราะห์อื่นๆ ภายใต้กรมกิจการเด็กและเยาวชน รวมทั้งศูนย์บริการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานคร พร้อมผนึกกำลังกับพันธมิตรในกลุ่มค้าปลีก เช่น บิ๊กซี ซีเจ และ พี.วาย.กิจศิริ จำกัด เพื่อจัดบริการตรวจคัดกรองความเสี่ยงภาวะดังกล่าวด้วยเครื่องมือแบบไม่มีการเจาะเลือด เพื่อให้เด็กในจังหวัดหลักทั่วประเทศสามารถเข้าถึงบริการได้สะดวกยิ่งขึ้น ด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรเหล่านี้ ดานอนตั้งเป้าขยายการเข้าถึงการตรวจคัดกรองความเสี่ยงภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสุขภาพเด็กทั่วประเทศ

ภายในงาน แพทริเซีย รังสีสิงห์พิพัฒน์ เซเลบริตี้ชื่อดังที่กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง กล่าวว่า “ความตั้งใจของคุณแม่ทุกคนคือดูแลเรื่องโภชนาการของลูกให้ดีที่สุด แต่บางครั้งเราก็ต้องการความรู้เพิ่มเติมค่ะ” นอกจากนี้ แพทริเซียยังได้แบ่งปันเคล็ดลับการเพิ่มอาหารที่มีธาตุเหล็กในมื้ออาหารของเด็ก เช่น เนื้อแดง ถั่ว ผักโขม และการรับประทานคู่กับอาหารที่มีวิตามินซีเพื่อช่วยการดูดซึมธาตุเหล็ก หรือการดื่มนมเสริมธาตุเหล็กเพื่อให้ได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอ “เด็กๆ บางครั้งเขาก็เลือกรับประทาน การรับประทานอาหารที่เสริมธาตุเหล็กอย่างการดื่มนมเสริมธาตุเหล็กเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้แน่ใจว่าเราได้รับโภชนาการที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายของเขาค่ะ”

เภสัชกรหญิง วิรัชดา สุทธยาคม  ผู้อำนวยการด้านโภชนาการเพื่อสุขภาพ ดานอน ประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  กล่าวว่า “ดานอนได้สนับสนุนการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก โดยเริ่มจากการสนับสนุนการศึกษาวิจัยความชุกของภาวะความเสี่ยงต่อโรคโลหิตจางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ให้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะดังกล่าวกับบุคลากรทางการแพทย์นับจนวันนี้ได้รวมแล้วกว่า 9,000 คน และสนับสนุนการตรวจคัดกรองแต่เนิ่นๆ  นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงความทุ่มเทของดานอนในการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกรอบการทำงานเพื่อความยั่งยืนที่เรียกว่า Danone Impact Journey ซึ่งหัวข้อด้านสุขภาพเป็นหนึ่งในนั้น โดยมีใจความหลักคือโครงการ 1,000 วันแรกที่ดานอนสนับสนุนการให้ความสำคัญแก่โภชนาการของเด็กตั้งแต่อยู่ในท้องแม่จนถึงอายุครบ 2 ปีที่ลืมตาดูโลก เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสุขภาพและพัฒนาการของเด็ก สอดคล้องกับพันธกิจในการสร้างอนาคตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้นให้กับครอบครัวไทย”

นอกจากนี้ ดานอน ยังได้ร่วมมือกับเครือข่ายโภชนาการช่วงแรกของชีวิต…ประเทศไทย (Early Life Nutrition Network) จัดงานประชุมวิชาการขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron Deficiency Anemia, IDA) ให้บุคลากรทางการแพทย์ผู้ที่เกี่ยวข้องในการดูแลหญิงตั้งครรภ์ ทารก และเด็กเล็ก ได้ตระหนักถึงความสำคัญของภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ผลกระทบต่อสุขภาพ แนวทางการป้องกัน และการให้คำแนะนำการดูแลด้านโภชนาการที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดธาตุเหล็ก การรวมตัวของผู้เชี่ยวชาญและผู้ปฏิบัติงานในครั้งนี้จะนำไปสู่ความร่วมมือ การแลกเปลี่ยนผลการวิจัยล่าสุด และการพัฒนากลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหาภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก เพื่อยกระดับผลลัพธ์ทางสุขภาพของแม่และเด็ก โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ 4 ท่าน ได้แก่ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์วิทยา ถิฐาพันธ์ ประธานเครือข่ายโภชนาการช่วงแรกของชีวิต…ประเทศไทย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ กรมสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อดีตผู้อำนวยการฝ่ายอาหารและโภชนาการของ FAO แห่งองค์การสหประชาชาติ และอดีตสมาชิกวุฒิสภาประเทศไทย รศ.พญ.สุชาอร แสงนิพันธ์กูล สาขาวิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ รศ.พญ. สุชยา ลือวรรณ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

SBS โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต รร.ทวิภาษา “วิชาการ” ก้าวหน้าไปพร้อมกับ “สุขภาวะ”

event

วันนี้ทีมแม่ ABK จะมาแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่รู้จักกับ สุดยอดโรงเรียนทวิภาษาในย่านรังสิต Satit Bilingual School of Rangsit University (SBS) หรือ  โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต จุดเริ่มต้นของการสร้างมนุษย์ที่สมบูรณ์ สมดุลไปด้วยความสามารถ สติปัญญา ความฉลาดทางอารมณ์ ที่ให้ความสำคัญกับ Well being

K3 กำลังต่อชิ้นส่วนให้เป็นหุ่นยนต์ตาม Prototype ของ Teacher ค่ะ

ปีนป่ายเป็นเรื่องธรรมดา

เด็ก ๆ กำลังเรียนคณิตศาสตร์และกำลังทำให้ค่าของตัวเลขจับต้องได้ขึ้นมา

Teacher ปรับระดับลงมาให้เท่ากับความสูงของนักเรียน จะทำให้เด็ก ๆ รู้สึกอบอุ่นขึ้น

ปล่อยพลังในแบบ Tiger cubs

 

Learning Cultivation

หลักสูตรระดับ World class : IB + Cambridge | หลักสูตรแกนกลางกระทรวงศึกษาธิการ

IB “เพราะการถามคำถามที่ถูกต้องนั้นสำคัญพอ ๆ กับการค้นหาคำตอบ”

นักเรียน SBS อายุระหว่าง 3-12 ปี ใช้หลักสูตร International Baccalaureate Primary Years Programme (IBPYP) ที่เน้นการบ่มเพาะและพัฒนาเด็ก ๆ ให้เป็นผู้ที่มีความห่วงใยผู้อื่น + ใฝ่เรียนรู้ไปตลอดชีวิต

โดยเด็ก ๆ จะได้รับการสอนให้มีความคิดริเริ่ม มีความรับผิดชอบและเป็นเจ้าของการเรียนรู้ของตัวเอง

SBS จัดการเรียนรู้รูปแบบ Activity-based learning ซึ่งเด็ก ๆ จะลงมือปฏิบัติ สำรวจ ทดลอง = เกิดเป็นประสบการณ์ตรง

แต่ละคนจะมีความรู้ ความเข้าใจในแบบของตนเอง ( ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าการท่องจำ! )

ก่อน – ระหว่าง – หลัง การทำกิจกรรมคุณครูจะมีการตั้งคำถาม เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนสงสัย ให้คิดและแสดงความคิดเห็น

เพื่อนำไปสู่การร่วมกันค้นหาคำตอบ ตอบข้อสงสัย ข้อสันนิษฐานที่พวกเราเองนี่แหละได้ตั้งกันไว้

การตั้งคำถามคือหัวใจหลักของ IB

เด็ก ๆ สามารถตั้งคำถามได้อย่างอิสระ จัดเป็นสิทธิและเสรีภาพทางความคิด

ในขณะเดียวกันเด็ก ๆ ก็ได้เรียนรู้และซึมซับวิธีการตั้งคำถามที่ถูกต้องจากคุณครูอยู่ตลอดเวลา และยังได้เห็นและฟังคำถามที่หลากหลายจากเพื่อนร่วมชั้นอีกด้วย ( ฝึกการเป็นผู้พูด – ผู้ฟังที่ดี )

กิจกรรมไม่ได้จบเพียงแค่การค้นหาคำตอบนะคะ ในทุก ๆ วันเด็ก ๆ จะได้เขียน “ Creative Reflection” หรือการสะท้อนคิดเชิงสร้างสรรค์

คุณครูจะกระตุ้นนักเรียนให้สะท้อนคิดด้วยวิธีที่หลากหลาย เช่น การใช้คำถาม ( power questions) ตลอดจนไปถึงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อให้นักเรียนได้ทบทวนความคิดตัวเอง สะท้อนคิดเพื่อเชื่อมโยง เพื่อให้นักเรียนได้นำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน

Activity-based learning พัฒนาทั้งตัวเองและสังคม เรียนรู้การทำงานคนเดียวและเป็นทีม

Teacher จะ assign งานที่เป็น handwriting และทบทวนเป็นเกมส์ใน seesaw

นักเรียน SBS กล้าแสดงออก แสดงความคิดเห็น ไม่หวั่นแม้จะต้องมาแก้โจทย์หน้าชั้นเรียน

 

สามารถกล่าวได้ว่า หลักสูตร IB PYP จะพัฒนาให้เด็ก ๆ

รู้ลึก – ในด้านที่ตนเองสนใจ

รู้รอบ – ในด้านอื่นๆที่สำคัญกับชีวิต

มีทักษะ Critical thinking (รู้จักคิด วิเคราะห์ มีวิจารณญาน)

มีทักษะในการค้นคว้าวิจัย

เรียนรู้ผ่านการลงมือทำกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดี (Activity) และเพื่อเสริมสร้างการช่วยเหลือสังคม (Service)

 

Bilingual Programme

SBS เป็นโรงเรียนทวิภาษาแห่งเดียวในประเทศไทยที่ใช้หลักสูตร IB สำหรับนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 3-12 ปี

ได้มาตรฐานการศึกษาทั้งในประเทศและในระดับ international

ทุกชั้นเรียนจะมีคุณครูไทย และ คุณครูต่างชาติคู่ชั้นกัน ตั้งแต่ preschool เลยนะคะ

ในคลาส ใช้ทั้งภาษาอังกฤษ และ ภาษาไทย “ ที่ไม่ใช่การแปลจากภาษาหนึ่ง ไปยังอีกภาษาหนึ่ง ” แต่เป็นการนำเสนอบทเรียนที่สอดคล้อง – ควบคู่กันไป

ดังนั้นการที่มีคุณครูประจำชั้น 2 ภาษา จะทำให้ เด็ก ๆ คุ้นเคยกับบทสนทนา การใช้ภาษาในบริบทต่างๆ + ความแตกต่างทางวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมเหล่านี้เองค่ะที่ทำให้เด็กๆ คุ้นชิน สนใจ และอยากเรียน – อยากรู้ กับ “ความหลากหลาย” และสามารถ switch ภาษาสลับไปมาได้ทันทีทันใด

ในด้านของสมอง การเรียน 2 ภาษา ไปพร้อมกันเลยตั้งแต่เล็ก ๆ จะทำให้เด็ก ๆ มีคลังคำศัพท์ที่มากขึ้นหลายเท่าตัว ใช้เยอะ ใช้บ่อยเท่าไหร่ – สมองก็ยิ่งแตกกิ่งก้านสาขาไปมากขึ้นเท่านั้น

ทุกชั้นเรียนจะมีครูไทยและครูต่างชาติเสมอ อบอุ่นแน่นอน

 

เมื่อพื้นฐานของเด็กๆ “แน่นไปด้วยความพร้อม”

การต่อยอดด้านวิชาการในระดับมัธยมศึกษาด้วย “Cambridge International Programme และ SBS Bilingual Programme” จึงเป็นเรื่องไม่ยาก เพราะนักเรียน SBS มีคาแรคเตอร์ พร้อมและอยากที่จะเรียนรู้ รักที่จะ challenge ตนเอง

Cambridge – Secondary School Programme

เตรียมก่อน พร้อมก่อน – เตรียมความพร้อมในการเลือกเส้นทางชีวิต / หนทางสู่มหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศ

นักเรียนอายุระหว่าง 11-14 ปี จะโฟกัสที่ Cambridge English Language / Cambridge Mathematics / Cambridge Computer Science / Cambridge Combined Sciences เป็นหลัก

จากนั้นจะเริ่ม Cambridge IGCSE course ไปจนจบ ม.ปลาย

Student-centered learning และ Hands-on Activity ยังคงเป็น approach หลักของนักเรียน

ไม่ว่าด้านวิชาการจะเข้มข้นแค่ไหนก็ตาม เพราะการให้นักเรียนเป็นผู้นำการเรียนรู้ + โดยใช้การลงมือทำ = นักเรียนจะเป็นเจ้าของการเรียนรู้อย่างแท้จริง

เมื่อนักเรียนจบ ม.ปลาย ทั้งหมดจะ complete Cambridge IGCSE / PSAT / Cambridge AS-Levels / SAT / IELTS exam โดยจะเรียนไล่ลำดับขึ้นมาเรื่อยๆ มีการทดสอบ ประเมินระหว่างทาง และยังมีการศึกษาดูงานในสถานที่จริง รวมถึง internship ของพี่ ม.6 เพื่อสำรวจความชอบและสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ไปในตัวด้วยค่ะ

Secondary school ระดับชั้นมัธยมจะมีความแตกต่างจากประถมอย่างชัดเจน SBS characters ยังคงเหมือนเดิมแต่เติบโตขึ้นและเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น

 

Well being in your area / learn and live well โตมาอย่างดี ก็จะมีความสุขอย่างนั้น

เด็ก ๆ จะเติบโตได้สมบูรณ์ครบทุกด้านนั้น ทุกสถาบัน ( บ้านและโรงเรียน ) ต้องให้ความสำคัญกับ Well being ไม่น้อยไปกว่าวิชาการและสติปัญญานะคะ เพราะ well being คือ การสร้างคน

Well being 5 ด้านที่ SBS ใช้ดูแลทุกคนใน community (นักเรียน – ครอบครัว – บุคลากร) ได้แก่

Physical & Mental Wellbeing

Emotional Wellbeing

Social Wellbeing Spiritual Wellbeing

Spiritual Wellbeing

Cognitive Wellbeing

 

ร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา เป็นพัฒนาการหลัก – คุณพ่อคุณแม่จะได้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างชัดเจนเมื่อลูกๆได้เข้ามาอยู่ในรั้วของ SBS

แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ “การสร้างทักษะทางด้านอารมณ์และอุปนิสัย” ซึ่งสิ่งจำเป็นในศตวรรษที่ 21

ทักษะนี้จะทำให้เด็กเรียนรู้ ปรับตัว แก้ไข หรืออยู่ร่วมกับความไม่แน่นอนที่คนเราต้องเจอ

No child left behind – SBS ใส่ใจในการพัฒนานักเรียนเป็นรายบุคคล ไม่ใช่เฉพาะด้านวิชาการ แต่รวมถึงสุขภาพจิตและชีวิตความเป็นอยู่ด้วยนะคะ เพราะแต่ละคนมีพื้นฐานแตกต่างกัน และทุกคนมีศักยภาพในแบบของตัวเอง

Healthy community นักเรียน คุณครู บุคลากร ครอบครัว คือชุมชนที่ทุกคนต้องพึ่งพาอาศัยกัน ดังนั้นการอยู่ดี มีความสุขไม่ได้จำกัดอยู่แค่นักเรียนแต่ครอบคลุมไปถึงชุมชนด้วยเช่นกัน

สะท้อนออกมาเป็นกิจกรรม การจัดอบรม แทรกซึมอยู่ในบทเรียน บูรณาการอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันเพื่อให้กลายเป็น routine ของทุกคนในด้านเหล่านี้ค่ะ Safeguarding / Curriculum Provision / Curriculum Integration / Behaviour Management / Health and Nutrition / Support Services / Parent Partnership

ช่วงเวลาพักกลางวันจะพักไม่ตรงกัน เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ก็จะสนุกเบอร์นี้เลยค่ะ

 

Mommy Love This ! ถูกใจแม่

  1. Student Support Services ครอบครัวนักเรียนไทยหลายครอบครัวกังวลใจว่า “ที่บ้านไม่พูดภาษาอังกฤษ จะเป็นปัญหาต่อการเรียน 2 ภาษาของลูกหรือไม่คะ?” ที่ SBS ปัญหาด้านการใช้ภาษาจะหมดไปเพราะ Student Support Services เป็น department ที่เต็มไปด้วยทีมงานคุณภาพ มากประสบการณ์ ที่คอย support นักเรียนทั้งทางด้านการเรียนและภาษา English as an Additional Language หรือ EAL สำหรับนักเรียนไทย และ Thai as an Additional Language หรือ TAL สำหรับนักเรียนต่างชาติ เพื่อลดอุปสรรคด้านภาษาในการเรียนและการอยู่ร่วมกันในสังคมให้ได้มากที่สุดค่ะ
  2. หลักสูตรและมาตรฐานระดับ Worldclass ที่พัฒนาศักยภาพนักเรียนได้อย่างแท้จริง
    • IB PYP + Bilingual Programme และหลักสูตรแกนกลาง สำหรับเด็กปฐมวัยและประถมศึกษา ที่เน้นการสร้าง longlife learner มากกว่าการเรียนเพื่อไปสอบ
    • Cambridge International Programme + Biligual Programme และหลักสูตรแกนกลาง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ที่เน้นเตรียมความพร้อมระดับสากล ไม่ว่าเด็กๆจะเลือกมหาวิทยาลัยในหรือต่างประเทศก็ไม่เป็นปัญหา
    • Innovation นวัตกรรมการเรียนรู้ เทคโนโลยี การจัดการเรียนรู้ที่เน้นการทดลองทำ + ลักษณะนิสัยในการช่างซักถามของนักเรียน จะหล่อหลอมให้นักเรียนเป็น “innovator” ที่ไม่ได้แค่คิดค้นสิ่งใหม่ๆ แต่ยังคิดหาวิธีที่จะช่วยให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้น
  3. Well being สิ่งแวดล้อมที่ดี คือ ทั้งชุมชนที่อยู่ดี มีความสุข ดูแลทั้งร่างกาย สภาวะจิตใจ SBS จัดอบรม จัดกิจกรรม จัดงาน จัดการเรียนการสอน ให้นักเรียน reflect หรือสะท้อนคิดการเรียนรู้ รวมถึงมีระบบที่คอย monitor  ทั้งหมดนี้เพื่อให้ทุกคน “ตระหนัก” ถึงความสำคัญของ well being อยู่ตลอดเวลา เพราะสิ่งใดที่หล่อหลอมมาเป็นระยะเวลานาน เราจะกลายเป็นสิ่งนั้นค่ะ
  4. Happy learners คุณครูและบุคลากรให้ความสำคัญกับความแตกต่างของนักเรียนแต่ละคน ทำให้นักเรียนกล้าเรียนรู้ สนุกสนาน และกล้าแสดงตัวตน Activity-based learning ตอบโจทย์การเรียนรู้ที่ทรงพลังที่สุด
  5. Family on board ครอบครัวคืออีกส่วนของการเรียนรู้เพราะเด็กๆสามารถเรียนรู้ได้ในทุกๆที่ SBS และ ครอบครัว เรียนรู้ร่วมกัน ทำงานร่วมกัน พึ่งพาอาศัยกัน เฝ้าดูเด็กๆพัฒนาไปด้วยกัน มีการจัดสัมมนา จัดอบรม จัด workshop ได้รับเชิญมาร่วมกิจกรรม และ event ต่างๆ ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน SBS มีระบบ security ที่เข้มงวด ทำให้ผู้ปกครองวางใจในความปลอดภัยของบุตรหลานได้

โรงเรียนมีทางเข้าออกสำหรับระดับชั้นต่างๆ เพื่อลดปัญหาความวุ่นวายและการจราจร

ส่วนหนึ่งของสนามเด็กเล่นกลางแจ้งที่มีมากมาย

outdoor area ก็เป็นพื้นที่การเรียนรู้อย่างดี

SBS community center ที่สร้างเพื่อรองรับผู้ปกครอง

Mr. Mark Gilheaney, Head of school

ค่าเล่าเรียน

(ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ – โปรดติดต่อโรงเรียนโดยตรง)

SBS Tiger cubs (อายุ 12 เดือน – 2 ปี)

Full Day (8 am – 14.30 pm) 108,150 บาทต่อเทอม

Half-Day (9 am – 12.30 pm) 93,600 บาทต่อเทอม

Toddler – Year 1 ประมาณ 254,700 บาทต่อปี (ค่าเทอม + ค่าอาหาร + Campus Development)

Year 2 ประมาณ 295,100 บาทต่อปี (ค่าเทอม + ค่าอาหาร + Campus Development)

Year 3-4 ประมาณ 306,100 บาทต่อปี (ค่าเทอม + ค่าอาหาร + Campus Development)

Year 5-6 ประมาณ 339,400 บาทต่อปี (ค่าเทอม + ค่าอาหาร + Campus Development)

Year 7 ประมาณ 326,700 บาทต่อปี (ค่าเทอม + ค่าอาหาร + Campus Development)

Year 8-10 ประมาณ 358,300 บาทต่อปี (ค่าเทอม + ค่าอาหาร + Campus Development)

Year 11-13 ประมาณ 388,500 บาทต่อปี (ค่าเทอม + ค่าอาหาร + Campus Development)

Satit Bilingual School of Rangsit University

52/347 เมืองเอก ถ.พหลโยธิน หลักหก

อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี 12000

โทร : 02 792 7504

มือถือ : 083-842-1632

มือถือ : 083-842-1640

ไลน์ : @sbsbangkok

สอบถามข้อมูลทั่วไป : [email protected]

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

 

PlanToys PLAY Week 2024

PlanToys Play Week 2024 เทศกาลการเรียนรู้ผ่านการเล่นประจําปี 2567 วันที่ 30 พ.ย. – 8 ธ.ค. 2567 ที่แปลนทอยส เจริญกรุง 69

event
PlanToys PLAY Week 2024
PlanToys PLAY Week 2024

แปลนทอยส์ จัดกิจกรรมส่งท้ายปีเพื่อมอบประสบการณ์ด้านการเล่นในหลากหลายรูปแบบให้กับลูกค้าในฐานะที่เรา เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบการเล่นมากว่า 43 ปี พร้อมทั้งคืนกําไรให้ลูกค้าด้วยการขายสินค้าราคาพิเศษกว่า  400 รายการที่เราตั้งใจให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่าที่สุดในรอบปี นอกจากนี้ เรายังจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการเล่นเพื่อให้ เด็ก ๆ และครอบครัวได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมกัน โดยแบ่งเป็นแต่ละโซน ดังนี้

โซนกิจกรรม 

  • เราออกแบบโต๊ะเกม และจัดเป็นมุมเล่นไว้ให้เด็ก ๆ สนุกกับการใช้ความคิด และเสริมทักษะการแก้ปัญหา
  • คลับนักประดิษฐ์ ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ทําของเล่นตามจินตนาการที่มีชิ้นเดียวในโลกจากชิ้นส่วนของเล่น แปลนทอยส์และนํากลับบ้านไปเป็นของที่ระลึกได้
  • มุมเวทีกิจกรรม เราจัดกิจกรรมหมุนเวียนทุกวันในเวลา 10.30-11.00 น. ทั้งการเล่านิทาน กิจกรรมการเล่น   รวมถึงการจัดเสวนาให้ความรู้เรื่องพัฒนาการเด็กจากผู้เชี่ยวชาญของแปลนทอยส์และแขกรับเชิญพิเศษในวัน  เสาร์-อาทิตย์ โดยมีรายละเอียดดังนี้

เสวนากับผูเชี่ยวชาญ

โซนขายสินค้า

เราเพิ่มความสะดวกในการค้นหาสินค้าโดยแบ่งตามช่วงอายุ และกลุ่มราคาตามเปอร์เซ็นต์การลดราคา พร้อมทั้ง
จัดโปรโมชั่นเพื่อคืนกำไรให้ลูกค้าตามยอดซื้อ

📍 พบกันที่งาน PlanToys PLAY Week 2024 เจริญกรุง 69 (จอดรถจำนวนจำกัดภายในงาน และจุดจอดรถบริเวณใกล้เคียง) https://maps.app.goo.gl/mMtuRJVqGScC5a717📆 30 พฤศจิกายน – 8 ธันวาคมนี้ (9.00 – 17.00 น. ทุกวัน).ลงทะเบียนล่วงหน้าที่นี่ https://bit.ly/3O9bHmI เพื่อรับของขวัญพิเศษหน้างาน.#PlanToys#SustainablePlay#PlanToysPlayWeek2024#Shopping#Playing#Learning

คุณแม่ตั้งครรภ์ควรตรวจ Ultrasound ตามช่วงอายุครรภ์ เพื่อติดตามการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์

event

การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง หรือ Ultrasound เป็นการตรวจที่สำคัญสำหรับหญิงตั้งครรภ์ โดยมีวัตถุประสงค์ในการตรวจที่แตกต่างกันไปในแต่ละอายุครรภ์ เช่น การตรวจเพื่อกำหนดอายุครรภ์ คัดกรองความผิดปกติของทารกในครรภ์ คัดกรองโรคบางชนิด ติดตามการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ หรือเพื่อการทำหัตถการ เป็นต้น

การ ultrasound สามารถทำได้บ่อยครั้งตามความต้องการ มีความปลอดภัยสูง การตรวจแต่ละครั้งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 20-30 นาที โดยทั่วไปหญิงตั้งครรภ์จะได้รับการตรวจ ultrasound อย่างน้อยไตรมาสละหนึ่งครั้ง อันได้แก่ ช่วงอายุครรภ์ 11-14 สัปดาห์ , 18-22 สัปดาห์ และ 28-32 สัปดาห์

ไตรมาสที่ 1 : ช่วงอายุครรภ์ 11-13 +6 สัปดาห์
สามารถทำเพื่อกำหนดอายุครรภ์ โดยช่วงอายุครรภ์นี้เป็นช่วงที่แม่นยำที่สุดในการกำหนดอายุครรภ์ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจคัดกรองทารกกลุ่มอาการดาวน์ โดยการวัดความหนาของต้นคอทารก ดูกระดูกจมูก ลิ้นหัวใจรั่ว ร่วมกับการเจาะเลือดมารดาเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตรวจให้มากขึ้น สามารถดูความผิดปกติทางโครงสร้างร่างกายที่มีขนาดใหญ่ของทารกได้ เช่น ทารกไม่มีกะโหลกศีรษะ ทารกบวมน้ำ เป็นต้น
ตรวจคัดกรองภาวะครรภ์เป็นพิษ โดยการตรวจวัดอัลตราซาวด์ดอพเพอร์เส้นเลือดแดงที่มาเลี้ยงมดลูกร่วมกับการซักประวัติปัจจัยเสี่ยงการวัดค่าเฉลี่ยของความดันโลหิตมารดา และการเจาะสารชีวเคมีในเลือดมารดา จากนั้นคำนวณความเสี่ยงจากปัจจัยทั้งหมดโดยใช้สูตรคำนวณ โดยค่าความเสี่ยงที่มากกว่า 1:100 ถือว่ามีความเสี่ยงสูงในการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ ซึ่งการตรวจพบจะสามารถป้องกันการเกิดภาวะดังกล่าวได้โดยการใช้ยา low-dose aspirin ซึ่งจ่ายโดยแพทย์เฉพาะทาง สามารถดูเพศของทารกได้หากทารกอยู่ในท่าที่เหมาะสม

ไตรมาสที่ 2 : ช่วงอายุครรภ์ 18-22 สัปดาห์
ใช้กำหนดอายุครรภ์ในกรณีที่มาฝากครรภ์ช้าและไม่เคยกำหนดอายุครรภ์มาก่อนตรวจคัดกรองความผิดปกติทางโครงสร้างร่ายกายของทารกในครรภ์ โดยดูอย่างละเอียดในแต่ละอวัยวะ ได้แก่ กะโหลกศีรษะ เนื้อสมอง ใบหน้า กระดูกสันหลัง แขนขา หัวใจ ลำไส้ ปอด ตับ ไต ตำแหน่งรก น้ำคร่ำ เพศของทารก เป็นต้น ตรวจคัดกรองความเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนดโดยอัลตราซาวด์ทางช่องคลอดเพื่อวัดความยาวปากมดลูก

ไตรมาสที่ 3 : ช่วงอายุครรภ์ 28-32 สัปดาห์
ตรวจคัดกรองความผิดปกติทางโครงสร้างร่ายกายของทารกในครรภ์ซ้ำอีกครั้งเนื่องจากความผิดปกติของทารกบางชนิดสามารถเกิดขึ้นภายหลัง เช่นโรคหัวใจ โรคไต โรคของระบบทางเดินอาหารบางชนิด ดังนั้น การตรวจซ้ำเพื่อให้การคัดกรองมีความแม่นยำมากขึ้นและสามารถวางแผนการดูแลหลังคลอดได้ดียิ่งขึ้น ประเมินภาวะรกเกาะต่ำ ซึ่งเป็นสาเหตุเลือดออกผิดปกติระหว่างตั้งครรภ์ ตรวจอัตราการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ หากพบว่าทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์จะมีการตรวจดอพเพลอร์เส้นเลือดสายสะดือเพิ่มเติมเพื่อประเมินความรุนแรงของภาวะโตช้า
เพื่อให้การรักษาอย่างทันท่วงที

ตรวจประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์ในกรณีหญิงตั้งครรภ์ความเสี่ยงสูง

ควรมีการประเมินสุขภาพทารกอย่างใกล้ชิดตามข้อบ่งชี้ โดยดูน้ำคร่ำ การหายใจ การเคลื่อนไหว ร่วมกับการติดเครื่องดูสุขภาพทารก (NST)ถึงแม้ว่าการตรวจอัลตราซาวด์จะสามารถคัดกรองโรคได้หลายชนิด แต่โรคบางชนิดสามารถเกิดขึ้นภายหลังได้ดังนั้นการตรวจอัลตราซาวด์ จึงไม่สามารถบอกความผิดปกติในครรภ์ได้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้เกิดความผิดพลาดในการวินิจฉัยได้ เช่น ทารกอยู่ในท่าที่บดบังการมองเห็น มารดามีผนังหน้าท้องหน้า
ความผิดปกติมีขนาดเล็กมาก อวัยวะบางอย่างมีขนาดเล็กมาก เป็นต้น ในกรณีตั้งครรภ์ความเสี่ยงสูง เช่น ทารกมีความผิดปกติของอวัยวะ มีภาวะโตช้าในครรภ์ ตั้งครรภ์แฝด หรือมารดามีโรคประจำตัวบางอย่าง ความถี่ในการตรวจอัลตราซาวด์จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์

บทความโดย พญ. ณิชชาณัท ชัยพงศ์พันธุ์
สูตินรีแพทย์ เฉพาะทางเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์
รพ.พญาไท 1

ศูนย์การเรียนปฐมธรรม บูรณาการเด่น เล่นและเรียนรู้ตามวัย 

event

วันนี้ School Visit จะพาทุกคนมาเยี่ยมชมศูนย์การเรียนปฐมธรรม โรงเรียนบูรณาการอย่างแท้จริงที่ไม่เร่งเรียนหรือท่องจำ โรงเรียนที่สอนเด็กให้เรียนรู้และมีความสุขตามวัย เน้นที่กระบวนการคิด วิเคราะห์ และลงมือปฏิบัติ

ศูนย์การเรียนปฐมธรรม ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2550 เปิดทำการมาแล้วกว่า 17 ปี จุดเริ่มต้นเกิดจากการรวมตัวของคุณพ่อคุณแม่กลุ่มหนึ่งที่อยากให้ลูกได้เรียนในโรงเรียนที่เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ตามวัย โดยเริ่มต้นจากการจัดการเรียนการสอนแบบ Homeschool ของกลุ่มเด็กประถมเพียงไม่กี่คน โดยมีแม่เปิ้ล – ณิษา เมธาวิศาล หนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่มบ้านเรียนปฐมธรรม ขึ้นมา ช่วงแรก ๆ ใช้ห้องเรียนของโรงเรียนอนุบาลบ้านพลอยภูมิเป็นที่จัดการเรียนการสอนของเด็ก ๆ เมื่อเปิดมาได้ 3 ปี ครอบครัวแม่อ้อ – สุทธิพร สายเพ็ชร์ และพ่อโก้ -พงศกร สายเพ็ชร์ ( ผู้บริหารโรงเรียนปัจจุบัน ) ได้พาลูก ๆ เข้ามาเรียนร่วมด้วย และในปี พ.ศ. 2560 ก็ทำการขยับขยายและสร้างอาคารเรียนขึ้นมา เพื่อรองรับกลุ่มนักเรียนที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

บรรยากาศโรงเรียน เหมือนบ้านหลังใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้

 

เรียนแบบไหน ในปฐมธรรม

หลักสูตรของที่นี่อิงกับหลังสูตรแกนกลาง ยึดเป็นจุดประสงค์เพื่อให้เด็กมีพื้นฐาน เพราะโรงเรียนมองเห็นว่าสุดท้ายแล้วเด็ก ๆ ก็ต้องไปสอบและเรียนต่อชั้นมัธยมที่อื่น โรงเรียนจึงมีหน้าที่เตรียมพร้อมในเชิงวิชาการให้กับเด็ก ๆ วิชาพื้นฐานจะเรียน คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ โดยแยกเรียนตามระดับชั้น สำหรับภาษาอังกฤษ เรียนเกือบทุกวัน สอนโดยครูต่างชาติ สำเนียงอเมริกัน

นอกจากวิชาการพื้นฐานแล้ว เด็ก ๆ จะได้เรียนตามวัยและตามพัฒนาการและวิชาบูรณาการมากมายที่เชื่อมโยงกับวิชาพื้นฐาน และเรียนรู้ผ่านโครงงานตามหัวข้อบูรณาการ เพื่อให้เด็ก ๆ หัดทำงานกลุ่ม หัดพรีเซนต์ผลงาน โดยจะมีทั้งหมด 12 ธีม 12 หัวข้อ แบ่งเป็นประถมต้น 12 หัวข้อ และประถมปลาย 12 หัวข้อ ใน 1 ปี เด็ก ๆ จะได้เรียน 4 หัวข้อต่อปี เช่น หัวข้อเรื่องบ้าน เด็กเล็กจะได้เรียนรู้เรื่องบ้านคืออะไร ส่วนเด็กโตจะต้องรวมกลุ่มสร้างบ้าน 1 หลังเล็ก เรียนรู้เรื่องวัสดุต่าง ๆ ทิศทางลม ทิศทางของแดด มีผลอย่างไรกับบ้าน เมื่อเด็กได้ลงมือทำงานแล้วเจอปัญหา ก็เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหา

เด็ก ๆ พรีเซนต์โครงงานของตนเอง

ห้องสมุดเล็ก ๆ แต่อัดแน่นไปด้วยหนังสือ

นักเรียนจำนวนน้อย คุณครูดูแลทั่วถึง 

เอกลักษณ์หรือจุดเด่นของศูนย์การเรียนปฐมธรรม คือ การสอนแบบบูรณาการอย่างแท้จริง เนื่องจากจำนวนนักเรียนน้อย เพียงห้องละ 5-6 คน ทำให้เด็กมีโอกาสซักถามได้บ่อยครั้งหากสงสัยหรือไม่เข้าใจ ได้ลงมือปฏิบัติงานครบทุกคน ได้ทำโครงงานซ้ำ ๆ จนทำให้เกิดทักษะมากมายติดตัวเด็กไปจนโต เกิดกระบวนการความคิดและช่วยทำให้เด็กมี Logic ที่ดี และนอกจากจะเรียนแยกตามระดับชั้นแล้ว เด็ก ๆ ก็จะได้เรียนรวมกันเป็นกลุ่มสำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การทดลองวิทยาศาสตร์ ดนตรี ศิลปะ โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ ระดับชั้น ป. 1-3 และ ป.4- 6 เพื่อเรียนรู้จากรุ่นพี่และรุ่นน้อง

ห้องเรียนจะจัดวางโต๊ะเรียนตามกิจกรรมที่คุณครูได้วางไว้ บางวันเด็ก ๆ จะได้นั่งเขียนบนพื้น บางวันแบบเรียงแถวหน้ากระดาน

พี่ประถมปลายมีเรียนคอมพิวเตอร์ด้วยนะ

เด็ก ๆ มีความสุขกับการมาโรงเรียน

วิทยาศาสตร์แสนสนุกกับพ่อโก้

จุดประสงค์ของการเรียนรู้ก็คือเพื่อสร้างกระบวนความคิดอย่างเป็นระบบ หัดให้นักเรียนตั้งคำถามหรือเดากับทุกสิ่งที่เห็น มองเห็นอะไร สังเกต ถกเถียงกันว่าเกิดได้อย่างไร เรียนรู้และสรุปในตอนสุดท้าย ซึ่งเด็กจะเกิดกระบวนความคิดอย่างเป็นระบบได้ จะต้องเรียนรู้ผ่าน 2 วิชา คือ คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ซึ่งวิชาวิทยาศาสตร์จะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนแรกคือการทดลอง ส่วนที่ 2 คือ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ส่วนที่ 3 คือ วิทยาศาสตร์เสริม

ในส่วนวิทยาศาสตร์การทดลองจะสอนโดย พ่อโก้ -พงศกร สายเพ็ชร์ โดยมีจุดเริ่มต้นจากการไปเป็นคุณพ่ออาสาสอนวิทยาศาสตร์ในห้องเรียนของลูก และกลายเป็นคุณครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์และผู้บริหารที่ปฐมธรรมในปัจจุบัน พ่อโก้เป็นดอกเตอร์ทางฟิสิกส์ที่เชื่อว่า การศึกษานั้นขอให้มีความสนใจใคร่รู้ก็จะเรียนรู้ได้หมด การสอนวิทยาศาสตร์ของพ่อโก้ มีจุดมุ่งหมายที่จะปลูกฝังความรักและความสนุกในวิทยาศาสตร์ให้กับเด็ก ๆ ดังนั้นเด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ ตั้งข้อสังเกต ตั้งคำถาม ทดลอง ลองผิดลองถูกและสรุป และสนุกไปกับการทดลอง จุดประกายความสงสัยของเด็ก ๆ ใครอยากรู้ว่าเด็ก ๆ เรียนวิทยาศาสตร์แล้วสนุกอย่างไร ลองไปติดตามได้ที่บล็อกของพ่อโก้ค่ะ >> http://www.witpoko.com/

ทดลองวิทยศาสตร์กับพ่อโก้กันค่ะ

ค่ายและกิจกรรมแน่นตลอดปี

ที่นี่จัดค่ายให้เด็ก ๆ บ่อยครั้ง เพราะเชื่อมั่นว่า ถ้าเด็ก ๆ ได้เจอโลกภายนอกบ่อย ๆ โดยที่ไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วย เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้การจัดการตนเอง เรียนรู้เรื่องความอดทนและฝึกฝนทักษะมากมาย โดยมีค่ายธรรมชาติ 2 ค่าย เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้นอกห้องเรียน นำโดยอาจาร์ยผู้สอนวิชาธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีค่ายลูกเสือ และค่ายเรียนรู้ร่วมระหว่างเด็กเล็กกับผู้ปกครอง เพื่อให้ผู้ปกครองได้เห็นว่าเด็ก ๆ ทำอะไรบ้างระหว่างไปค่ายด้วย

ที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ ค่ายเรือใบ ซึ่งจัดขึ้นที่สมาคมเรือใบแห่งประเทศไทย อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นค่ายสำหรับพี่ประถมปลาย เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ทักษะในการเล่นเรือใบและช่วยฝึกความอดทน หัดแก้ปัญหา หัดตัดสินใจด้วยตนเอง และเรียนรู้กติกาสังคมที่ใหญ่ขึ้น

สำหรับการทัศนศึกษา เด็ก ๆ จะได้ออกไปเรียนรู้นอกห้องเรียน มากถึงปีละ 16 ครั้ง เพราะการที่เด็ก ๆ ได้ไปสัมผัสของจริง มีประสบการณ์ตรง ได้คุยกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่างๆ จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ และกระตุ้นความอยากรู้ของ เด็ก ๆ และได้ฝึกทักษะมากมายทั้งการสังเกต ตั้งคำถาม บันทึก และการสรุปความรู้ที่ได้มาเป็นองค์ความรู้ของตัวเอง เพราะนั่นเป็นทักษะที่จะต้องใช้ในชีวิตจริง เรียนที่นี่เด็ก ๆ ได้ทำกิจกรรมหลากหลายเป็นประสบการณ์ชีวิตที่จะติดตัวเด็กไปจนโตเลยค่ะ

  ค่ายธรรมชาติ

ค่ายเรือใบ

เรียนรู้นอกโรงเรียน

 

ทุกอย่าง จบ ที่โรงเรียน

ที่ปฐมธรรม เด็ก ๆ ไม่จำเป็นต้องเรียนพิเศษตอนเย็นหรือวันเสาร์-อาทิตย์ เลยนะคะ เพราะโรงเรียนมีครบแทบทุกอย่างให้เด็ก ๆ ในชั่วโมงเรียนแล้ว ทั้งดนตรีไทย ดนตรีสากล ส่วนกีฬาก็จะมีทั้งแบบเดี่ยวและแบบทีม เช่น ว่ายน้ำ บาสเก็ตบอล ปิงปอง ฟุตบอล แบดมินตัน เรือใบ และอื่น ๆ อีกมากมาย เด็ก ๆ จะได้ เล่นกีฬาอาทิตย์ละ 2 วัน โดยจะเรียนกีฬานอกสถานที่กันที่ Musketeer Sport Club และมหาวิทยาลัยมหิดล รับส่งโดยทีมคุณพ่อคุณแม่อาสา ซึ่งเป็นผู้ปกครองของเด็ก ๆ ที่โรงเรียน

เรียนดนตรีกันค่ะ

มีกีฬาให้เด็ก ๆ เล่นมากมาย ทั้ง แชร์บอล ว่ายน้ำ ปิงปอง

แม่อ้อ – สุทธิพร สายเพ็ชร์ , พ่อโก้ -พงศกร สายเพ็ชร์, แม่เปิ้ล – ณิษา เมธาวิศาล ผู้บริหารโรงเรียน

 

 

Mommy Love This! ถูกใจแม่

จำนวนนักเรียนต่อห้องน้อยมาก เพียง 5-6 คนเท่านั้น คุณครูจึงสามารถเอาใจใส่นักเรียนได้เต็มที่

ครู Connect กับเด็ก ได้ดีและมี Passion ในการสอน เต็มไปด้วยพลังงานและโฟกัสกับเด็ก ๆ ได้เต็มที่ เพราะที่นี่คุณครูผู้สอนไม่ต้องทำงานเอกสารเลยค่ะ มีหน้าที่สอนและทำสื่อการสอนให้เด็ก ๆ เท่านั้น

เด็ก ๆ ได้เรียนร่วมหลายวิชาเลยค่ะ ทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้มากมาย ได้หัดดูแลกันและกัน พี่คอยดูแลน้อง และน้องทำตามอย่างพี่

เด็ก ๆ ที่จบจากที่นี่จะเป็นเด็กที่มี Multi Skill สามารถเป็นผู้นำกลุ่มและเป็นนักกิจกรรมควบคู่ไปกับการเรียน เพราะสิ่งที่โรงเรียนส่งเสริมและปลูกฝังให้เด็ก ๆ คือ การเล่นกีฬา เล่นดนตรี และการทำโครงงานบ่อย ๆ นั่นเอง

เครื่องแบบนักเรียนที่นี่ผ่านการคิดมาอย่างดี เพราะใส่สบาย ไม่ร้อน ดีกับเด็ก ๆ แถมยังดีกับพ่อแม่เพราะไม่ต้องรีด ข้อนี้แม่ชอบมาก

เนื่องจากโรงเรียนมีเด็กนักเรียนจำนวนน้อย การรับส่งนักเรียน เช่น ไปเรียนกีฬาหรือทัศนศึกษา จะรับส่งโดยอาสาสมัครที่เป็นผู้ปกครองของโรงเรียน จึงปลอดภัยมาก ๆ เพราะไม่ต้องจ้างคนขับรถนอก

เด็กมีโอกาสทำกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อได้ทดลองทำทุก ๆ อย่าง เป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากค่ะ

โรงเรียนสอนทักษะการพรีเซนต์ให้กับเด็ก ๆ ตั้งแต่ ประถม 1 เด็ก ๆ จะมีทักษะในการพูดและกล้าแสดงออกกันตั้งแต่เล็ก ๆ เลยค่ะ

ที่ปฐมธรรมจะประเมินเด็กด้วยการทำโครงงานและแบ่งเป็นคะแนนสอบบางส่วน เพื่อให้เด็กรู้ว่าการทำข้อสอบคืออะไร และช่วงปลายปี โรงเรียนก็จะพาเด็ก ๆ ไป ประเมินพร้อมร่องรอยการเรียนรู้ตลอดปีการศึกษา ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( สพฐ )

 

 

 

อัตราค่าเล่าเรียน

เทอมละ 76,000 บาท ( ปีละ 2 เทอม )

ค่าแรกเข้า 60,000 บาท

 

ที่อยู่

181 ซ.ศาลาธรรมสพน์ 41

ถ.ศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพ 10170

[email protected]

http://www.facebook.com/baanpathomtham

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ : นันทิยา บุศบงค์ ,ภาพประชาสัมพันธ์จากศูนย์การเรียนปฐมธรรม

 

keyboard_arrow_up