“มุ่งพัฒนา” จัดงาน “Based on Mom’s Stories” สร้างพื้นที่ปลอดภัยเพื่อแบ่งปันเรื่องราวของแม่แห่งยุคสมัยพร้อมเปิดตัวหนังสือ  “The Book for All Moms” ส่งต่อความรู้ เพื่อแม่ทุกคน

event

          ในยุคที่คำว่า “แม่” กว้างและหลากหลายกว่าที่เคย บริษัท มุ่งพัฒนา  อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ มุ่งพัฒนา ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็ก จัดงาน “Based on Mom’s Stories” สร้างพื้นที่ปลอดภัยเพื่อแบ่งปันเรื่องราว จากชีวิตจริงของแม่แห่งยุคสมัย ที่จะช่วยให้แม่ทุกคนเข้าใจว่าความยาก หรือ ความท้าทายในการเป็นแม่นั้นเป็นเรื่องปกติ
สร้างคุณค่า และความประทับใจในคำว่าแม่ พร้อมเปิดตัวหนังสือ “The Book for All Moms” หนังสือที่เป็นคลังความรู้ และส่งเสริม ความเท่าเทียมสำหรับแม่ทุกคนในยุค Diversity & Inclusion ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลองที่ประเทศไทยได้ประกาศ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมเป็นประเทศแรกในอาเซียน

        นายเมธิน  เลอสุมิตรกุล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มุ่งพัฒนา อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบัน นิยามความเป็นแม่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแม่โดยบทบาท แม่โดยสถานะ แม่โดยกฎหมาย หรือ แม่โดยหัวใจ ซึ่งทุกคนล้วนมีความเป็นแม่เหมือนกัน และมีจุดร่วมเดียวกันคือพร้อมที่จะดูแลและส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูก อีกทั้งการที่ประเทศไทยเพิ่งประกาศ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม ชี้ให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ ให้ความสำคัญกับ Diversity & Inclusion มากขึ้น ดังนั้นมุ่งพัฒนาจึงอยากสร้างโอกาสในการเข้าถึงความรู้ของแม่ทุกคน จึงได้จัดงาน “Based on Mom’s Stories” เพื่อเล่าเรื่องราว บทเรียนและความรู้จากแม่สู่แม่ในยุคที่ขอบเขตความเป็นแม่นั้นกว้างและหลากหลาย ผ่านแม่ 4 คนที่มีเรื่องราว และมีชีวิต แตกต่างกัน เป็นความรู้จากแม่ส่งถึงแม่ รวมถึงได้มีการสร้าง “คลังความรู้” ผ่านหนังสือ “The Book for All Moms” เพื่อเพิ่มโอกาส การเข้าถึงความรู้ให้กับแม่ทุกแบบ สะท้อนความมุ่งมั่นในแนวคิดว่าเราไม่ได้เป็นแค่บริษัท Health&Wellness แต่เรายึดมั่นในแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยหัวใจแบบ HEART-MADE WELL-BEING COMPANY หรือการทำทุกอย่างที่ไม่ใช่เพียงเพื่อผลกำไร แต่เรามุ่งจะเป็นผู้นำที่ขับเคลื่อนคุณภาพที่ดีของทุกครอบครัว

หลากหลายเรื่องราวจากแม่สู่แม่   

          งาน “Base on Mom’s Stories” นำเสนอเรื่องราวจาก 4 ตัวแทนคุณแม่ที่สะท้อนความหลากหลายของบทบาทและความรู้สึก ตั้งแต่คุณแม่มือใหม่จนถึงแม่ที่ทลายทุกขอบเขตของทุกบทบาท

1.แม่แพรว เพชรแพรว พรพิพัทวัฒนกุล  แม่เลี้ยงเดี่ยวกับบทบาทเสาหลักของครอบครัว ผ่านการพูดคุย ในหัวข้อ Dear mom, ผู้เป็นนักสู้ของลูก
“แม่ที่ไม่มีความสุขไม่สามารถส่งต่อให้ลูกมีความสุขได้ ดังนั้นต้องสื่อสารให้ลูกเข้าใจว่า การหย่าร้าง ไม่ใช่การแยกย้าย แต่เป็นการเว้นระยะห่างและสร้างพื้นที่ส่วนกลางเพื่อลูก เพราะฉะนั้นการหักดิบจึงไม่ใช่ทางออก แต่ต้องทำ ‘การทดลอง’ ว่าทำอย่างไรจึงจะบอบช้ำน้อยที่สุด”

2. แม่ฟ้า อาภาณี มิตรทอง แม่พิการที่ตัดสินใจมีลูกแม้ต้องเลี้ยงบนรถเข็น ในหัวข้อ Dear mom, ผู้เอาชนะทุกข้อจำกัด

“คนชอบพูดว่ามีลูกเมื่อพร้อม แต่ต้องพร้อมแค่ไหนถึงจะสามารถมีลูกได้ มีผู้พิการอีกหลายๆ คนที่อยากมีลูก แต่ไม่กล้าเพราะประโยคนี้ เมื่อโลกคนพิการในภาพฝัน ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด สังคมรอบข้างไม่ได้รู้จักเรา 100% ถึงจะยังมีพลังงานลบ แต่การจัดการความรู้สึกเราดีขึ้น เราเลยมีทางออกที่ดี และพยายามเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า ข้อบกพร่องต่าง ๆ ไม่ได้เป็นข้อจำกัด ต่อสถานะแม่”

3. แม่แบล็ค โสมนัส และ แม่จอย รจนีย์ หนุ่มสวย สาวหล่อ ที่ตั้งใจส่งต่อความรักให้ลูกน้อยอย่างไร้กำแพงทางเพศ ผ่านหัวข้อDear mom, ผู้ข้ามผ่านมาตรฐานแบบเก่า

“เพศ บทบาท และวิถี เป็นองค์ประกอบที่แยกออกจากกันโดยสิ้นเชิงในความเป็นพ่อและแม่ เราไม่ได้ใช้เพศในการเลี้ยงลูก เราต้องใช้หัวใจในการเลี้ยงลูกแล้วลูกจะมีภูมิต้านทานในการใช้ชีวิต มองคนทุกคนเท่ากัน โดยไม่มีปัญหาเรื่องเพศมาวุ่นวาย”

4.แม่แพท วงเคลียร์ รัณนภันต์ ยั่งยืนพูนชัย ศิลปินสาวกับครั้งแรกของประสบการณ์การเป็นแม่ ผ่านการพูดคุยในหัวข้อ
Dear mom, ผู้กำลังเผชิญกับการเรียนรู้

“การเลี้ยงลูกไม่ได้มีแค่มาตรฐานเดียว ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เหมาะสมกับตัวแม่และแต่ละครอบครัว รวมถึงแม่ไม่จำเป็นต้อง สวมหมวกแค่ใบเดียว ยังมีหมวกของการเป็นภรรยา การเป็นเพื่อน คนที่มีความฝัน หรือคนทำงาน”

ดำเนินรายการโดยพิธีกรที่เข้าใจหัวอกความเป็นแม่ อย่าง แม่ปุ้ย ภัทร จินตนะกุล บรรณาธิการข่าวต่างประเทศ TNN

“ในทุกๆ ประสบการณ์ชีวิต เราสามารถแบ่งปันให้คุณแม่ท่านอื่นได้ด้วยเพราะทุกๆเรื่องคือการเรียนรู้
และการเป็นแม่ไม่มีสูตรตายตัว ไม่มีใครเลี้ยงลูกตามทฤษฎีได้ 100% จึงอยากชวนคุณแม่ทุกๆท่านมาร่วมกันแบ่งปันประสบการณ์ความเป็นแม่”

HEART-MADE” ที่ไม่ใช่การทำแค่เพื่อผลกำไร  

หัวใจของงานนี้คือการแบ่งปันความรู้และความรักจากแม่สู่แม่ พร้อมเปิดตัว “The Book for All Moms” หนังสือที่รวบรวมองค์ความรู้จากประสบการณ์กว่า 40 ปีของมุ่งพัฒนาถ่ายทอดผ่านบทเรียน ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับแม่ และลูกตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงวัย 3 ปี พร้อมช่องทางการการเข้าถึงที่หลากหลาย ไม่ว่าจะในรูปแบบของ หนังสือเล่ม หนังสือเสียง อักษรเบรลล์ และ E-Book เพื่อให้แม่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ นำไปสู่คุณภาพที่ดีของทุกครอบครัว

สำหรับผู้ที่สนใจหนังสือ “The Book for All Moms” สามารถอ่านออนไลน์ได้ที่
เวอร์ชั่น หนังสืออนไลน์ https://online.fliphtml5.com/lzpeo/tgbr/
เวอร์ชั่นหนังสือเสียง https://bit.ly/thebookforallmomsvoice

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมของ มุ่งพัฒนาฯ สามารถติดตามข่าวสาร ได้ที่ https://www.moongpattana.com/th

#มุ่งพัฒนา #moongpattana #TheBookForAllMoms #BaseOnMomsStories

โรงเรียนปลาดาว

โรงเรียนปลาดาว Top 3 ด้านนวัตกรรมโลก มุ่งสร้างนวัตกรน้อย เพราะการเรียนรู้ ต้องเริ่มจากความสนุก

event
โรงเรียนปลาดาว
โรงเรียนปลาดาว

เมื่อผมนั่งดูกำหนดการที่ได้วางแผนเอาไว้ โรงเรียนปลาดาว จะเป็นโรงเรียนถัดไปที่ผมได้รับโอกาสให้เข้าไปเยี่ยมชมและทำคอลัมน์ School Visit  ชื่อ “ปลาดาว” ผมนึกคลับคล้ายคลับคลา เมื่อย้อนกลับไปในความทรงจำสมัยวัยรุ่น
(และยังไม่มีลูก ฮ่า) โรงเรียนปลาดาวปรากฏตามหน้านิตยสารที่เคยหยิบจับมาอ่าน เค้าลางคือ เป็นโรงเรียนใน จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอแม่แตง ที่อยู่ห่างออกไปไกลจากตัวเมือง และเป็นโรงเรียนที่เปิดโอกาสสำหรับเด็กใน พื้นที่ห่างไกล ให้ได้เข้ารับการศึกษาในแบบเรียนฟรี ! และไม่มีค่าใช้จ่าย

หนังสือ  The Star Thrower ของ Loren Eiseley  

ความสงสัยในคำว่าปลาดาวของผมนั้นเอง นำพาไปพบซึ่งคำตอบกับ หนังสือ ” The Star Thrower ” ของ Loren Eiseley เป็นเรื่องราวของชายผู้หนึ่งที่ เดินไปตามฝั่งของชายหาด แล้วบังเอิญเจอเข้ากับเด็กชายที่กำลังช่วยชีวิตปลาดาว ที่มาเกยฝั่ง โดยการพาปลาดาวกลับลงสู่ทะเลทีละตัว ๆ  ชายผู้นั้นรู้สึกว่าช่างเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ แต่เด็กชายตอบกลับมาเพียงว่า“อย่างน้อยก็ช่วยตัวนี้ได้” หนังสือเล่มนี้เองเป็นเสมือนที่มาและแรงบันดาลใจให้ เกิดการมูลนิธิโรงเรียนสตาร์ฟิชคันทรีโฮม โดย ดร.ริชาร์ด พี ฮ็อกแลนด์ (Dr. Richard P. Haugland)  นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ที่ปลุกปั้นมูลนิธิขึ้นในปี พ.ศ. 2548 และเปิดเป็นโรงเรียนอนุบาลในปีถัดมา จัดเป็นประเภทเอกชนศึกษาสงเคราะห์ โดยเกณฑ์ของโรงเรียนคือ เด็ก ๆ ในกลุ่มชาติพันธุ์ , รายได้น้อย, ขาดโอกาสทางการศึกษา, ขาดพ่อหรือแม่ในการดูแล ในอัตราส่วน 80% ต่อ เด็ก ๆ ในพื้นที่ใกล้โรงเรียน 20%

คุณโยโกะ เตรูย่า รองประธานมูลนิธิสตาร์ฟิชเอ็ดดูเคชั่น

           “เด็กทุกคนทำได้ดีถ้าเขาได้รับโอกาส และหัวใจสำหรับของโรงเรียนคือครูที่มีหัวใจของการเป็นครู ” คุณโยโกะ เตรูย่า รองประธานมูลนิธิสตาร์ฟิชเอ็ดดูเคชั่นเล่าให้เราฟังถึงแกนหลักของโรงเรียน เพราะนอกจากเป็นองค์กรที่ ไม่แสวงหาผลกำไร พยายามลดช่องว่างทางการศึกษาแล้ว ช่วยเหลือเด็ก ๆ ในกลุ่มเปราะบางแล้ว โรงเรียนปลาดาวยังคงเป็นโรงเรียนต้นแบบที่โดดเด่น ด้านนวัตกรรมการศึกษา ได้รับคัดเลือกให้ติด 1 ใน 3 โรงเรียนที่ดีที่สุดในโลก ประเภทนวัตกรรม World’s Best School Prize for Innovation และมีการเรียนการสอนผ่านรูปแบบโครงงาน (Project-Based Learning – PBL) โดยรับเด็ก ๆ ตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 ปัจจุบันมีเด็ก ๆ ที่กำลังศึกษาทั้งหมดประมาณ 200 คนเลยทีเดียว

นวัตกรรมทางการศึกษาติดอันดับ  1 ใน 3 World’s Best School Prize for Innovation ในปี 2024

ช่วงเวลาที่ผมได้เข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศภายในอาคารเรียนที่แบ่งเป็นห้อง Maker Space ต่าง ๆ มีกลุ่มศึกษาดูงานเดินอย่างขวักไขว่หลากหลาย คุณโยโกะเล่าว่าต่อปี มีหน่วยงานขอเข้าชมมากถึง 2,000 แห่ง ซึ่งทางโรงเรียนพยายามผลักดัน ส่งต่อ ถ่ายทอดนวัตกรรมที่มีอย่างสามารถเข้าถึงได้ง่ายและทำได้จริง นวัตกรรมของโรงเรียนปลาดาวแบ่งหลัก ๆ ได้เป็น 2 สิ่งคือ

1. นวัตกรรม 3R อ่าน, เขียน และคณิตศาสตร์

ดร.ริชาร์ด เป็นผู้คิดค้นนวัตกรรม 3R ด้วยเป็นแนวคิดที่เน้นพัฒนาทักษะพื้นฐานให้เด็ก ๆ อ่านออก เขียนได้ และคิดเลขเป็น โดยปรับปรุงวิธีการสอนให้เหมาะสมกับตัวนักเรียน ยกตัวอย่างเช่นพยัญชนะภาษาไทย ที่เริ่มต้นเรียนค่อนข้างยาก และใช้การจดจำค่อนข้างเยอะ สำหรับเด็ก ๆ ที่ไม่ได้ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาแม่ โดยใช้ชุดพยัญชนะต้น 12 ตัว ที่เกี่ยวกับสัตว์เพราะจดจำง่าย สนุก สามารถเชื่อมโยงผ่านประสบการณ์ของเด็ก ๆ มาผสมกับสระ ทำให้เกิดคำที่ง่ายต่อการอ่านออกเสียง

2.Maker Space พื้นที่สำหรับการสร้างสรรค์และนวัตกรตัวจิ๋ว

Maker Space เป็นนวัตกรรมที่ ดร.แพร นรรธพร จันทร์เฉลี่ย เสริบุตร ประธานมูลนิธิฯ คิดค้นและต่อยอดมาจากแนวทาง Design Thinking เพื่อเปิดพื้นที่ให้เด็ก ๆ ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการประดิษฐ์ ทดลอง และพัฒนาไอเดีย ตามความสนใจของตัวเองในหมวดต่าง ๆ นั่นคือ ห้องสตูดิโอ, ห้องศิลปะ, ห้องช่าง, ห้องอาหาร, ห้องผ้า, ห้องเกษตร และห้องทดลอง โดยใช้แนวคิด STEAM ปรับมาใช้ให้สอดคล้องกับ Project-Based Learning

ในห้องอาหารเด็ก ๆ ทดลองทำบัวลอยจากกลีบดอกกุหลาบ
ห้องปฎิบัติการเทคโนโลยี เด็ก ๆ กำลังโต้ตอบกับไดโนเสาร์ที่เป็นAI
ห้องช่างที่นักประดิษฐตัวน้อยกำลังสร้างสรรค์รถจากกระดาษลัง

“ตั้งคำถาม—จินตนาการ—วางแผน—สร้างสรรค์—สะท้อนผลลัพธ์และออกแบบใหม่”
ทั้งหมดนี้คือกระบวนการตามขั้นต่าง ๆ ของทักษะ STEAM  เป็นแนวคิด การศึกษาที่เน้นบูรณาการ 5 วิชาหลักเข้าด้วยกัน เพื่อทักษะที่จำเป็นในการเรียนรู้ ภายใต้ศตวรรษที่ 21 และผนวกเข้ากับการทำ Maker Space หมวดที่เด็กแต่ละคนสนใจ
โดย STEAM จะเน้นการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกัน พร้อมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ สร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ในโลกจริง

S-T-E-A-M คือหัวใจของการเรียนรู้ จาก 5 วิชาหลัก

1.S = Science (วิทยาศาสตร์)
ส่งเสริมความเข้าใจในกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การสังเกต การทดลอง และการค้นคว้า

เครื่องฟักไข่ภายในห้องทดลอง เด็กๆเคยฟักลูกเจี้ยบน้อยออกมาเป็นตัวกันแล้ว

2.T = Technology (เทคโนโลยี)
พัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยี ความเข้าใจในเครื่องมือดิจิทัลเพื่อใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน

โครงการปั้นดินที่เด็ก ๆ นำดินจากพื้นที่แถวบ้านของแต่ละคน  มาสร้างสรรค์และศึกษาชนิดของดินที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่

3.E = Engineering (วิศวกรรมศาสตร์)
สอนการคิดเชิงออกแบบ Design Thinking และการแก้ปัญหาโดยใช้หลักการทางวิศวกรรม

4.A = Arts (ศิลปะ)
เพิ่มความคิดสร้างสรรค์และการแสดงออกผ่านศิลปะ เช่น ดนตรี ภาพวาด การแสดง หรือการออกแบบ

5. M = Mathematics ( คณิตศาสตร์ )
พัฒนาทักษะการคิดเชิงตรรกะ การแก้ปัญหาทางตัวเลข และการวิเคราะห์ข้อมูล

กระดานวางแผนสำหรับเตรียมอุปกรณ์ ก่อนลงมือสร้างสรรค์และทดลอง

โรงเรียนที่เป็นทั้งพื้นที่ปลอดภัย สนุกสนาน และเป็นมิตร สำหรับเด็ก ครู และผู้ปกครอง

ตึกเรียนหลักตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในบรรยากาศช่วงพักกลางวัน

คุณโยโกะเล่าให้เราฟังว่า “ พื้นที่ที่คนไม่ค่อยพูดถึงนั้นคือพื้นที่ทางจิตวิทยาหรือพื้นที่ที่ทุกคน
อยู่ร่วมกัน สิ่งหนึ่งที่เด็กได้รับคือพื้นที่ปลอดภัย เราให้อิสระกับเด็ก ๆ ในการคิด การพูด การทำงาน และการออกแบบการเรียนรู้สำหรับตัวเอง เขาจะรู้สึกมั่นใจ ปลอดภัย เป็นอิสระ  และสองคือโรงเรียนมีหลักการคือใช้สิทธิเด็กคุ้มครองเด็ก เจ้าหน้าที่หรือครูทุกคนต้องเซ็นต์นโยบายคุ้มครองเด็ก ส่วนพื้นที่สำหรับใช้งาน โรงเรียนออกแบบให้ดูเป็นมิตร ปลอดภัย ให้อิสระกับเด็ก ๆ มากที่สุดค่ะ

และนอกจากพื้นที่ทางใจ พื้นที่ในโรงเรียนสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ แล้ว โรงเรียนยังสร้างชุมชนปลาดาวให้แข็งแรงมากขึ้นด้วย การเข้าถึงกันแบบออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น https://www.starfishlabz.com/ หรือ Starfish Labz Channel ผ่านช่องทาง Youtube ที่จะมีคอร์สวิชาต่าง ๆ ข่าว บทความ ด้านนวัตกรรมและการศึกษาเพื่อเด็ก ผู้ปกครองและคุณครู และชุมชนออนไลน์ไว้ติดต่อสื่อสารกันได้ และไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถเข้าไปศึกษาได้ฟรีพร้อมรับใบเกียรติบัตรเมื่อทำเวิร์กช้อปจนจบคอร์ส
นอกจากนี้ยังมี Starfish Learning Hub  ที่พร้อมรับเด็ก ๆ และผู้ปกครองที่สนใจมาเรียนรู้ไปด้วยกันโดยไม่จำเป็นต้องเป็นนักเรียนของโรงเรียนปลาดาว 

Dad Thumbs up ! พ่อยกนิ้วให้

1.บรรยากาศในโรงเรียนเป็นมิตรและสนุกสนาน
2.ต่อยอดและสร้างแรงบันดาลใจ สำหรับการเลี้ยงลูกที่บ้านชวนกันมาเป็นMaker
3.อาคาร สถานที่โอบรับและใกล้ชิดธรรมชาติ ร่มรื่น อบอุ่น
4.เด็ก ๆ สามารถเลือกและออกแบบกำหนดการเรียนรู้และลงมือทำในสิ่งที่สนใจได้เอง
5.มีพื้นที่ออนไลน์  Starfish Labz เพื่อให้แต่ละบุคคลได้พัฒนาตนเอง
6. อาหารกลางวันสำหรับเด็ก ๆ น่ารับประทานมากครับ


ที่อยู่ : 278 หมู่10 ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง เชียงใหม่ 50150
โทร : 053-857-635, 053-857-457
E-mail : [email protected]
เว็บไซต์ : https://www.starfishedu.org/school
https://www.facebook.com/StarfishSchool/
https://www.starfishlabz.com/


รายการใหม่ห้ามพลาด! “หนูทดลอง Little Explorers” วันอาทิตย์ที่ 2 มี.ค.68 เวลา 9.00 – 9.30 น. ช่อง Amarin TV 34

event

เตรียมพบกับ! ความสนุกของนักทดลองรุ่นจิ๋ว รายการใหม่ห้ามพลาด! “หนูทดลอง Little Explorers”

เมื่อความสัมพันธ์ของจินตนาการและการลงมือทำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเด็ก การทดลองเล่น ทดลองเรียน ทดลองเป็น ทดลองไป เป็นประสบการณ์ใหม่ที่จะทำให้เด็กมีแรงบันดาลใจ มีพลัง และกล้าที่จะก้าวข้ามผ่านความกลัว พร้อมเตรียมตัวสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพในอนาคต

รายการนี้จะช่วยจุดประกายจินตนาการ และการเรียนรู้ใหม่ๆ สถานที่ใหม่ ผ่านมุมมองของเด็ก โดยมีครอบครัวเป็นเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วยกัน และเติมเต็มความคิดสร้างสรรค์ให้กับน้องๆ ทุกคน! 💡✨📺 เตรียมตัวเฝ้าหน้าจอกันเลย!

วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม 2568 เวลา 9.00 – 9.30 น. ช่อง Amarin TV 34 📌

พบกับ 2 ช่วงสนุกที่ต้องติดตาม!

⭐️ ช่วง เด็กฝึกงานมาดูน้องชาบู พิธีกรสุดน่ารัก 🤩 พาเพื่อนๆ ไปสัมผัสอาชีพในฝันแบบใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็น คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ช่างไม้ เจ้าของร้าน หรือศิลปิน!มาลองเล่น ลองเรียน แล้วมาดูกันว่าอาชีพไหนจะเป็น “อาชีพในฝัน” ของน้องๆ กัน!

⭐️ ช่วง เด็กพาเที่ยวเปิดโลกไปกับน้องชาบู ที่จะพาไปเที่ยวสนุกนอกสถานที่แบบที่ทุกคนในครอบครัวต้องชอบ! 🌍พบกับมุมมองใหม่ๆ ของเด็กๆ พร้อมแนะนำที่เที่ยวสุดว้าว ✨ และกิจกรรมน่าสนใจ ที่ทั้งเด็กๆ และคุณพ่อคุณแม่ต้องอยากออกเดินทางไปด้วยกัน!

📺 อย่าลืมติดตามชม “หนูทดลอง Little Explorers”พบกันทุกวันอาทิตย์ เวลา 9.00-9.30ออนแอร์ครั้งแรก! วันที่ 2 มีนาคม 2568ทาง Amarin TV ช่อง 34 แล้วเจอกันนะคะ!

#หนูทดลองLittleExplorers #หนูทดลอง #LittleExplorers #AmarinTV #AmarinBabyAndKids

Nex Gen Commerce

ช้อปสะดวก รับใบเสร็จสบาย ใช้ลดหย่อนภาษีได้ที่ Nex Gen Commerce !

event
Nex Gen Commerce
Nex Gen Commerce

คุณพ่อคุณแม่สายช้อปเชิญทางนี้…บอกเลยต้องห้ามพลาด!!

แหล่งรวมสินค้า & วิสาหกิจชุมชน มาแล้วววววว
ใครที่กำลังตามหาสินค้าไปลดหย่อนภาษีในช่วงโครงการ Easy E-Receipt 2.0 ปี (16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568)
รวมไว้ให้แล้วววว
.
* ❝สะดวกกว่า❞ รวมสินค้า และวิสาหกิจชุมชนไว้ในที่เดียว
* ❝สบายกว่า❞ ไม่ต้องติดตาม e-tax & e-Receipt เพราะได้รับทันที
* ❝คุ้มค่ากว่า❞ ด้วยโค้ดส่วนลดค่าส่งในช่วงโครงการกว่า , โค้ด
—>กดเลย : EASY2025

Nex Gen Commerce

ใน มีทั้ง
* ร้านค้าที่จด VAT ออก e-Tax Invoice ได้ ใช้ลดหย่อนได้สูงสุด , บาท
* ร้านค้า OTOP, วิสาหกิจชุมชน และวิสาหกิจเพื่อสังคม ออก e-Receipt ใช้ลดหย่อนได้สูงสุด , บาท

* พบกับสินค้า , วิสาหกิจชุมชน และวิสาหกิจเพื่อสังคม กว่า 300 รายการ ได้แล้ววันนี้ที่ https://nexgencommerce.one.th/link/qrcode-app

* สำหรับผู้สนใจเปิดร้านใน Nex Gen Commerce พร้อมขึ้นทะเบียน E-Tax Invoice (จด VAT) หรือ E-Recipt (ไม่จด VAT) สามารถลงทะเบียนได้ที่ : https://forms.gle/aCoazfLE6qaTY1Fq8

* ช้อปสะดวก รับใบเสร็จสบาย ใช้ลดหย่อนภาษีได้ที่ !

#NexGenCommerce #แพลตฟอร์มไทยส่งเสริมธุรกิจไทย #EasyeReceipt #eTaxInvoice #eReceipt #ลดหย่อนภาษี #ใบกำกับภาษี #OTOP #สินค้าOTOP #โอทอป #วิสาหกิจชุมชน #ช้อปลดหย่อนภาษี68

โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ

โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ โรงเรียนอนุบาลแห่งแรกของรัฐ และต้นแบบแห่งการเรียนรู้

event
โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ
โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ

ถ้าจะเอ่ยชื่อโรงเรียนในประเทศที่โดดเด่นเรื่องการเรียนสอนของเด็กปฐมวัย “ โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ ” น่าจะเป็นโรงเรียนอันดับต้น ๆ ที่หลาย ๆ คนนึกถึง เพราะเป็นโรงเรียนที่มีประวัติและชื่อเสียงมาอย่างยาวนานกว่า 80 ปี วันนี้ School Visit จะพาทุกคนมาเจาะลึกถึงแนวทางการเรียนการสอนของที่นี่กันค่ะ ว่าอะไรที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ไว้วางใจและเชื่อมั่นในโรงเรียนนี้กันมาตลอด  วันนี้เรามาหาคำตอบกันค่ะ

โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ ตั้งอยู่ย่านเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เป็นโรงเรียนที่มีประวัติและชื่อเสียงมายาวนาน  คุณพ่อคุณแม่ทราบกันไหมคะว่า โรงเรียนสาธิตละอออุทิศยังถือเป็นโรงเรียนอนุบาลแห่งแรกของรัฐอีกด้วย จัดตั้งโรงเรียนอนุบาลเต็มรูปแบบด้วยเงินบริจาคของ นางสาวละออ หลิมเซ่งไถ่ เมื่อปี พ.ศ. 2483  โดยยึดแนวปรัชญาวิถีดำเนินการเรียนการสอน ตามวิถีทางแห่งการพัฒนาเด็กปฐมวัยและมุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมและส่งเสริมการพัฒนาการเด็กเป็นสำคัญ เป็นโรงเรียนแบบบูรณาการที่ส่งเสริมให้ผู้เรียน เรียนรู้ตามศักยภาพอย่างมีความสุขและยังคงพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนให้เข้ากับสภาพสังคม เพื่อวางรากฐานให้กับเด็ก ๆ ได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ ปัจจุบันสาธิตละอออุทิศเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาลจนถึงประถมศึกษาและมีนักเรียนรวมกันมากกว่า 1,000 คน

อัตลักษณ์หนึ่งของ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

โรงเรียนสาธิตละอออุทิศเป็นเสมือนแหล่งทดลอง ค้นคว้า วิจัยและพัฒนาความรู้ทางด้านการศึกษาปฐมวัย โรงเรียนไม่เคยหยุดนิ่งและพัฒนาตลอดมาโดยตลอด  จนเป็นต้นแบบของการจัดการศึกษาในระดับปฐมวัยและเป็นอัตลักษณ์หนึ่งของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ที่สำคัญโรงเรียนยังเป็นแหล่งฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูให้แก่นักศึกษาหลักสูตรศึกษาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยและยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้มาสังเกต มีส่วนร่วมในการสอนและฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูเต็มรูป ทั้งนักศึกษาหลักสูตรศึกษาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยของ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต และหน่วยงานอื่น ๆ หรือบุคลากรที่ทำงานกับเด็กปฐมวัย ทั้งจากมูลนิธิ โรงเรียนอนุบาลเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ รวมทั้งเป็นแหล่งให้ความร่วมมือสนับสนุนการวิจัยของ ต่าง ๆ ทั้งของรัฐบาลและเอกชนค่ะ

เรียนแบบไหน ใน ละอออุทิศ

  • บ้านหนูน้อยและบ้านสาธิต ( Nursery )

บ้านหนูน้อย รับเด็กอายุตั้งแต่ 1.3 ปี  , บ้านสาธิต รับเด็กอายุ 2 ปี

วัยนี้เป็นวัยเตรียมความพร้อม โรงเรียนจะพัฒนาเด็กรอบด้านทั้ง ร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา โดยนำแนวคิดการพัฒนาเด็กเล็กจากประเทศอังกฤษ Early Years Foundation Stage Statutory Framework ( EYFS ) เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ ค้นพบและสำรวจสิ่งต่าง ๆ ในสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นและความคิดสร้างสรรค์ ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อเด็กเล็ก โดยมีครูที่มีความเชี่ยวชาญคอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ  ผ่านทฤษฎีบริบท ( Contextualism) บูรณาการศาสตร์ต่าง ๆ ร่วมกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการและยังเสริมทักษะทางด้านภาษาอังกฤษให้กับเด็ก ๆ ตั้งแต่เล็ก  รวมไปถึงฝึกให้เด็ก ๆ ได้รู้จักดูแลตนเองแบบง่ายๆ เช่น หัดใส่เสื้อผ้าเอง ดูแลของ ๆ ตนเอง  ติดกระดุม เลิกแพมเพิส เป็นต้น 

นอกจากนี้ เด็ก ๆ วัยเนอสเซอรี่หรือบ้านสาธิตจะได้เรียนในห้องเรียนมอนเตสเซอรี่อีกด้วย เพื่อฝึกความมีระเบียบ สามารถทำงานจนจบครบวงจร ตามขั้นตอนและกระบวนการ โดยใช้สื่ออุปกรณ์มอนเตสเซอรี่เป็นตัวช่วย เด็ก ๆ มีโอกาสเลือกเล่นของเล่นที่ตนเองสนใจ แม้ว่าจะหยิบของเล่นเดิมมาเล่นซ้ำ แต่กระบวนการจัดการและความคิดของเด็กจะเปลี่ยนไป และละเอียดมากขึ้น คุณครูจะมีเกณฑ์และเป้าหมายตั้งเอาไว้และทำสื่อการสอนต่างๆ ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และพัฒนาตามมาตรฐานที่ควรได้

  • อนุบาล 1-3  

        เพราะโรงเรียนคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลของเด็ก เด็กแต่ละคนมีความต้องการและความสนใจเฉพาะของตนเอง ซึ่งครูต้องพยายาม จัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความสนใจดังกล่าว กิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวัน สิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็กให้เหมาะสมวัยพัฒนาการของเด็ก สำหรับระดับปฐมวัย ได้นำแนวคิดกรอบโครงสร้างการพัฒนาเด็กเล็กของประเทศอังกฤษ Early Years Foundation Stage (EYFS) statutory framework  ร่วมกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย ผ่านทฤษฎีบริบท ( Contextualism ) เช่นเดียวกับน้อง ๆ เนอสเซอรี่ โดยมีหลักคิดว่า การเรียนรู้ ประกอบไปด้วยหลายส่วนทั้งบริบทภายในและภายนอก สภาพแวดล้อม และการเรียนรู้เกิดขึ้นได้ต่อเมื่อผู้เรียนนำความรู้ที่ได้มาใหม่ผนวกกับความรู้เดิม  เชื่อมโยงและประกอบกันเป็นองค์ความรู้ และเกิดความเข้าใจ

 น้อง ๆ วัยอนุบาล ยังได้เรียนรู้แบบโครงการ (Project Approach) และมอนเตสเซอรี่ (Montessori) ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ โดยครูประจำชั้นจะเป็นผู้ออกแบบการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับการเรียนรู้ของเด็ก เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการคิด กระตุ้นให้เด็กเกิดกระบวนการคิด เพื่อให้เด็กมีความรู้ความสามารถ คิดเป็นแก้ปัญหาเป็น และอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

  • ประถมศึกษา

ระดับประถมศึกษา จัดการเรียนการสอนในรูปแบบบูรณาการเช่นกัน  เพื่อให้หลักสูตรในระดับชั้นอนุบาลและชั้นประถมศึกษามีความเชื่อมโยงและต่อเนื่องกัน โดยบูรณาการศาสตร์ต่าง ๆ ร่วมกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานและมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดฯ  หลักสูตรต่าง ๆ จะเชื่อมโยงสาระสำคัญของวิชาที่สัมพันธ์กันมาผสมผสาน จนเกิดเป็นเนื้อหาใหม่ที่เป็นองค์รวมและสอดคล้องกับสภาพจริง  กิจกรรมต่าง ๆ ในการเรียนการสอนจะครอบคลุมเนื้อหาครบถ้วน และสัมพันธ์กับการดำเนินชีวิต ช่วยให้นักเรียนมีประสบการณ์ที่ต่อเนื่อง และเตรียมความพร้อมในการศึกษาต่อในระดับชั้นมัถยม เด็ก ๆ จะได้รับการส่งเสริมให้เรียนรู้เต็มศักยภาพของตนเอง ในทักษะด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน การเขียน การฟัง การพูด การได้ลงมือปฏิบัติในวิชาต่าง ๆ หัดค้นคว้าและหาคำตอบด้วยตนเอง เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่ยั่งยืน

ภาษาอังกฤษเด่น ไม่เป็นรองใคร

โรงเรียนเน้นพัฒนาให้เด็กเกิดกระบวนการคิดและใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร โดยจัดสภาพแวดล้อมให้เด็กได้เรียนรู้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติ ส่งเสริมให้เด็กกล้าแสดงออกและฝึกใช้ภาษาอังกฤษ เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ผ่านการเล่น ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย โดยมี Teacher ทั้งฟิลิปปินส์และครู Native  มาสอนร่วมกับครูไทย เพื่อให้เด็กฝึกใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและคุ้นเคย กล้าพูดคุยกับ Teacher ปูรากฐานกันตั้งแต่เล็ก ๆ เมื่อก้าวขึ้นสู่ชั้นประถมเด็ก ๆ จะสามารถใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่วเลยทีเดียวค่ะ และนอกจากพัฒนาเด็ก ๆ แล้ว โรงเรียนยังพัฒนาครูและบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษอีกด้วย

สภาพแวดล้อมส่งเสริมการเรียนรู้

เพราะเด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดในสิ่งแวดล้อมที่เน้นเด็กเป็นสำคัญและมีความปลอดภัยสูง โรงเรียนจัดบรรยากาศห้องเรียนเพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้เด็ก ๆ เกิดการเรียนรู้ โดยใช้เทคโนโลยีเป็นสื่อการสอน เช่น  iPad และ Apple TV  เทคโนโลยีต่าง ๆ  ที่นี่มีห้องเรียนคอมพิวเตอร์ IMAC และ IPAD แบบ 1ต่อ 1 เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ได้เต็มที่ รวมไปถึงห้องวิทยาศาสตร์ ห้องเรียนทำอาหารที่มีอุปกรณ์ครบครัน ห้องเรียนมอนเตสเซอรี่ และห้องเรียนภาษาจีนด้วยค่ะ

นอกจากนี้ยังมี Learning Space มากมาย และศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ ต่าง ๆ อีกด้วย  เพื่อให้นักเรียนสามารถแสดงศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่  โรงเรียนพยายามออกแบบกิจกรรมที่ไม่ใช่นั่งฟังเพียงอย่างเดียว แต่อยากให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม  ร้อง เล่น เต้น ทำให้เด็ก ๆ ไม่เบื่อและมีความสุขในการเรียนทุก ๆ วัน

สนามกีฬาเอาต์ดอร์
ห้องอัดเสียง
ห้องเรียนทำอาหาร
ดร.สิทธิพร เอี่ยมเสน ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตละอออุทิศ

Mommy Love This! ถูกใจแม่

  1. อาหารของเด็ก ๆ จะมีนักโภชนาการและนักการอาหารคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ให้ความสำคัญกับรสชาติอาหารและความสะอาด บริหารจัดการโดยโครงการอาหาร กลางวัน ๑ หรือครัวสวนดุสิต อร่อยและถูกหลักอนามัยแน่นอน
  2. กิจกรรมหลังเลิกเรียน หรือ After School ที่นี่ มีทั้งแบบฟรี และเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และในส่วนที่โรงเรียนจัดเพิ่มเติมให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ได้แก่ Kid’s Club ,Kid’s Dance, Cooking Class, Ballet, IT for Kids, English Playtime และอื่น ๆ อีกมากมาย
  3. ทุก ๆ กิจกรรมของสาธิตละอออุทิศ สามารถร่วมกับมหาวิทยาลัยสวนดุสิตได้ ทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ อาคารสถานที่ จะมีการช่วยเหลือจากนักศึกษาและอาจาร์ยในมหาวิทยาลัย
  4. ที่โรงเรียนมีศูนย์การศึกษาพิเศษ สำหรับเด็กพิเศษ สามารถประเมินพัฒนาการและให้คำปรึกษา สำหรับเด็กที่มีภาวะเสี่ยงและเด็กที่มีความต้องการพิเศษ รวมไปถึงนักเรียนที่สามารถเรียนร่วมได้ในระดับระดับชั้นอนุบาล และชั้นประถมศึกษา เพื่อพัฒนาเด็กทุกกลุ่มให้สามารถเรียนรู้ได้อย่างมีความสุขใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้
  5. มหาวิทยาลัยสวนดุสิต คือแหล่งเรียนรู้ของเด็ก ๆ ชั้นดี เด็ก ๆ ได้เดินสำรวจต้นไม้ และใช้สถานที่เพื่อทำกิจกรรมมากมายโดยไม่ต้องออกนอกโรงเรียน
  6. มีเครื่องฟอกกอากาศทุกห้อง และเครื่องอบโอโซนเมื่อห้องเรียนถูกใช้งาน

ค่าเทอม
• ระดับบ้านหนูน้อยและบ้านสาธิต
มีค่าธรรมเนียมเป็นรายปี จำนวน 89,000-
• ระดับอนุบาล 1-3
มีค่าธรรมเนียมแบ่งเป็น 2 ภาคเรียน
ภาคเรียนที่ 1 จำนวน 43,500-
ภาคเรียนที่ 2 จำนวน 35,000-
• ระดับประถมศึกษาปีที่ 1-3
มีค่าธรรมเนียมแบ่งเป็น 2 ภาคเรียน
ภาคเรียนที่ 1 จำนวน 41,900-
ภาคเรียนที่ 2 จำนวน 36,500-
• ระดับประถมศึกษาปีที่ 4-6
มีค่าธรรมเนียมแบ่งเป็น 2 ภาคเรียน
ภาคเรียนที่ 1 จำนวน 42,800-
ภาคเรียนที่ 2 จำนวน 37,500-

โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ
295 ถ. ราชสีมา แขวงวชิระ เขตดุสิต กทม. 10300
โทรศัพท์ 0-2241-4656, 0-2244-5590
E-mail Address : [email protected]
เว็บไซต์ : www.la-orutis.dusit.ac.th

Editor : แม่เลม่อน
ภาพ :  ฤทธิรงค์ จันทองสุข

Pop Up Booth! English Corner เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า สอนอังกฤษ โฟนิกส์ คณิต ศิลปะ ทักษะจำเป็น

event

น้องๆ บ้านใกล้เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ใครพร้อมไปสู่อนาคตอันสดใสกับพี่ทิโม่ยกมือขึ้น🙋‍♀️🙋🙋‍♂️

📢พบกันวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 English Corner เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า สอนอังกฤษ โฟนิกส์ คณิต ศิลปะ ทักษะจำเป็น 🥳 ที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้าชั้น 5 ทางเข้าอาคาร B


Pop Up Booth!
🎉 ลุ้นรับ Gift Voucher กับพี่ทิโม่!
🎉 รับสิทธิ์ทดลองเรียนฟรี! กับเจ้าของภาษา
กิจกรรมสนุก ๆ และเซอร์ไพรส์มากมายรอคุณอยู่!
มาเจอกันนะ แล้วเราจะสนุกไปด้วยกัน


โทร📱 081 549 9552
ไลน์ @ecpinklao
โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ คณิต ศิลปะ และทักษะจำเป็นสำหรับเด็ก


🔸 english corner 🔸 phonics corner 🔸 math corner 🔸 art corner


อยากให้ลูกเก่งอังกฤษตลอดชีวิต มาหาเราได้ที่ English Corner 🏫 📚


🌟 หลักสูตร English ครบทุกทักษะ สื่อสาร อ่านออกเขียนได้ โดยไม่ต้องท่องจำ ใช้ได้จริงตลอดชีวิต!
🌟 หลักสูตร Phonics พูดชัด อ่านออกเสียงชัด เหมือนเจ้าของภาษา
🌟 หลักสูตร Math คิดเห็นภาพ พัฒนาตรรกะ การคิดวิเคราะห์ เปลี่ยนคณิตศาสตร์ให้เป็นเรื่องง่าย แก้โจทย์ได้ทุกปัญหา!
🌟 หลักสูตร Art ส่งเสริมการเรียนรู้แบบ STEAM ปั้น วาด ระบาย พัฒนาทักษะทั้งสมองและกล้ามเนื้อมือให้แข็งแรง

Earl Montessori จัดงาน Townhall ประจำปี พร้อมประกาศเป้าหมายในปี 2025

event

เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา Earl Montessori ได้จัดงาน Townhall ประจำปี เพื่อสื่อสารถึงความสำเร็จที่สำคัญในปีที่ผ่านมา และประกาศทิศทาง รวมถึงเป้าหมายหลักขององค์กรในปี 2025 

ในงานนี้ เรามีการประกาศรางวัลเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนในการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ 🔥
🏆 รางวัล Exemplary Teacher Award 2024 : สาขาสุขุมวิท 26
🏆 รางวัล Branch of theYear 2024 : สาขาหัวหมาก
🏆 รางวัล Top Sale Award 2024 : สาขาพระราม 2

ผู้บริหารระดับสูงได้กล่าวถึงความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือของทุกฝ่าย และได้แชร์วิสัยทัศน์ ทิศทางการเติบโต รวมถึงเป้าหมายด้านผลประกอบการขององค์กรในปี 2025 

งาน Townhall ครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของ Earl Montessori ในการเป็น แบรนด์อันดับ 1 ด้านการศึกษา พร้อมสร้างอนาคตที่ดีกว่าร่วมกัน!

พิพิธภัณฑ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

นิทรรศการ Beauty and the Beast เรียนรู้เรื่องผีเสื้อและแมลงสาบ ที่ Chula Museum

event
พิพิธภัณฑ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พิพิธภัณฑ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

มาดูผีเสื้อที่บ้านเราไหม? ถ้าชวนแบบนี้ใคร ๆ ก็อยากไปใช่ไหมคะ แล้วถ้าเปลี่ยนเป็น มาดูแมลงสาบที่บ้านเราไหม? จะมีใครอยากดูบ้างหรือเปล่านะ  พูดถึงแมลงสาบหลาย ๆ คน คงอยากจะวิ่งหนีไปไกล ๆ แต่รู้ไหมคะแมลงสาบก็น่าสนใจไม่แพ้ผีเสื้อเลยทีเดียว School Visit วันนี้จึงอยากจะพาเด็ก ๆ และทุกคนมาเรียนรู้เรื่องผีเสื้อและแมลงสาบกันแบบฟรี ๆ ไม่ใกล้ไม่ไกลค่ะ ที่ Chula Museum จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Chula Museum หรือ พิพิธภัณฑ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดมา 9 ปี แล้วค่ะ ช่วงแรก ๆ ที่นี่จะเปิดให้นักศึกษาและคณาจาร์ยใช้งานเป็นหลักและปรับเพื่อให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาและช่วงนี้มีนิทรรศการดี ๆ คือ “ Beauty and the Beast ” ทูตแห่งการปรับตัวกับผู้รอดที่แข็งแกร่ง จัดโดย สำนักบริหารศิลปวัฒนธรรม ร่วมกับ พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยาแห่งจุฬาฯ คณะวิทยาศาสตร์ และสาขาวิชานิทรรศการศิลป์ ภาควิชานฤมิตศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์

นิทรรศการนี้ เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ถึงความแตกต่างของรูปลักษณ์ที่มักถูกตัดสินว่า ผีเสื้อสวยงาม ในขณะที่ แมลงสาบนั้นน่าเกลียด และแม้ว่าจะเป็นแมลงเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันหลาย ๆ ด้าน  และทั้งคู่ก็เป็นผู้สนับสนุนเบื้องหลังความสมดุลของโลกและมีความสำคัญในระบบนิเวศน์ เท่า ๆ กันเลยนะ

Beauty : Butterflies

ภายในนิทรรศการ เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับผีเสื้อ ครอบคลุมหลากหลายหัวข้อเลยค่ะ  เช่น ลักษณะพิเศษทางกายภาพของผีเสื้อ อายุขัย วิวัฒนาการ วงจรชีวิตและการขยายพันธุ์ และบทบาทในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ  ต่าง ๆ ของผีเสื้อ ที่สำคัญความสวยงามของผีเสื้อและลวดลายต่าง ๆ บนปีกของมัน ก็ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานศิลปะให้กับศิลปินหลาย ๆ คน อีกด้วย นอกจากข้อมูลทางวิชาการที่น่าสนใจแล้วยังมี โปรเจกชันแมปปิง ผลงานจาก อ.จนัธ เที่ยงสุรินทร์,ศป .ด. อาจารย์ประจำภาควิชานฤมิตศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้เด็ก ๆ ได้ถ่ายรูปเล่นอีกด้วย หรือใครอยากวาดลวดลายปีกของผีเสื้อ ก็มีมุมระบายสีให้แสดงผลงานกันด้วย

The Beast : Cockroaches

แค่พูดชื่อแมลงสาบหลายคนก็ต้องร้องอี๋ แต่รู้ไหมคะว่าแมลงสาบคือนักเอาตัวรอดที่แข็งแกร่ง แถมยังเป็นฟอสซิลเดินได้ เพราะแมลงสาบมีการปรับเปลี่ยนร่างกายน้อยมาก ๆ ตลอดหลายล้านปีที่ผ่านมา ภายในนิทรรศการเด็ก ๆ ก็จะได้เรียนรู้ความเหมือนและแตกต่างระหว่างผีเสื้อและแมลงสาบ ระบบการหายใจและคุณสมบัติของแมลงสาบหลาย ๆ อย่าง ที่ไม่เคยรู้มาก่อน เช่น แมลงสาบสามารถกลั้นหายใจได้นาน ถึง 40 นาที หรือการขยายพันธ์อันรวดเร็วที่น่าขนลุก วงจรชีวิต และเรื่องน่ารู้ต่าง ๆ อีกมากมาย รวมไปถึงได้เห็นแมลงสาบสตัฟฟ์ตัวจริงและงานศิลปะแมลงสาบยักษ์ที่เหมือนจริงมาก ๆ ให้ถ่ายรูปเล่นอีกด้วยนะ

คุณพ่อคุณแม่คนไหนอยากพาเด็ก ๆ มาเยี่ยมชมต้องรีบหน่อยน้า เพราะนิทรรศการนี้เปิดให้ชมถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 นี้เท่านั้นค่ะ

มีแมลงสาบสตัฟฟ์ไว้ให้เด็ก ๆ ดูด้วยนะ
เกมส์ Cockroach Simulator  มาสวมบทบาทเป็นแมลงสาบกันเด็ก ๆ ดูซิเราจะเอาตัวรอดได้ไหม
 
วีดีโอแสดงความสามารถของแมลงสาบ ที่ไม่ว่าจะเหลือพื้นที่น้อยแค่ไหน เจ้าแมลงสาบก็สามารถทำตัวแบนลีบลอดผ่านไปได้ สุดยอดมาก

Mommy Loves This ถูกใจแม่!

  1. นิทรรศการออกแบบมาเพื่อให้คนทั่วไป เข้าใจง่าย คุณพ่อคุณแม่สามารถอธิบายให้เด็ก ๆ ฟังได้ไม่ยากเลยค่ะ
  2. ที่นี่เน้นนำเอาศิลปะมาผสมสานกับข้อมูลความรู้ เมื่อมีงานศิลปะที่ทำให้เด็ก ๆ จับต้องได้ ก็ยิ่งทำให้เด็ก ๆ สนุกในการเรียนรู้
  3. มีมุมเกมส์ มุมศิลปะให้ทดลองเล่นทดลองทำ นอกจากได้ความรู้ยังสนุกอีกด้วย
  4. หากมาเป็นหมู่คณะ สามารถมาชมนิทรรศการวันเสาร์และอาทิตย์ได้ค่ะ แค่โทรแจ้งพิพิธภัณฑ์ล่วงหน้า

ที่อยู่ พิพิธภัณฑ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
254 ถ.พญาไท แขวงวังใหม่ กรุงเทพฯ
โทร.02 218 3645
เวลา: 9.00 -16.30 น.
(สามารถเข้าชมงานได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09:00 น. ถึง 16:30 น. ****ปิด วันเสาร์ – วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
Facebook : https://www.facebook.com/chulamuseum

Editor : แม่เลม่อน
ภาพ :  ฤทธิรงค์ จันทองสุข

Kensington International School โรงเรียนนานาชาติหลักสูตรอังกฤษ ที่เน้นการเรียนรู้อย่างมีความสุข

event

หากให้ตามหาโรงเรียนนานาชาติเปี่ยมคุณภาพย่านราชพฤกษ์สักแห่ง Kensington International School น่าจะติดอันดับต้นๆ มาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา หลายๆ คนอาจจะติดภาพจำความเป็น Kindergarten ของเด็กปฐมวัยที่เน้น Play-based learning กับพื้นที่เอ้าท์ดอร์ดีไซน์สวยของโรงเรียน แต่ปัจจุบัน Kensington International School ได้เปิดการเรียนการสอนระดับ Primary พร้อมอาคารรูปทรงอิสระ ที่พิถีพิถันทุกการออกแบบเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กในช่วงวัยประถมศึกษาในทุกๆ ด้าน

ชวนเยี่ยมชมอาคาร Primary Building ที่เปิดใหม่ล่าสุดของ Kensington International School

แม้เราจะทราบมาก่อนแล้วว่า Kensington โดดเด่นเรื่องการออกแบบพื้นที่และสภาพแวดล้อมที่สวยงามและใช้งานได้จริง แต่พอ School Visit ได้มาเยี่ยมชมอาคารใหม่ของโรงเรียน ก็ยังอดประทับใจไม่ได้ เมื่อผู้บริหารของโรงเรียนพาเยี่ยมชมและชี้ให้เห็นถึงความตั้งใจในการออกแบบ ตั้งแต่แสงไฟ ทางเดิน ห้องเรียน เฟอร์นิเจอร์ ร่วมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ล้วนออกแบบมาเพื่อเด็กๆ โดยแท้จริง เช่น ห้องสมุดแบบ Open Space ที่เชิญชวนให้เด็ก ๆ เดินเข้าหาหนังสืออย่างเป็นธรรมชาติ, ห้องประชุมที่กลายเป็นโถงกลางเปิดโล่งที่ใช้งานได้ตั้งแต่เรื่องจริงจังไปจนถึงเป็นที่นั่งคุยนอนคุยของเด็กๆ, ทางเดินกว้างขวางที่พร้อมปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมหลากหลาย, และยังใส่ใจในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการใช้โต๊ะปรับระดับความสูงได้เพื่อให้เหมาะสมกับเด็กในแต่ละชั้นเรียน

โถงประชุมที่ตั้งอยู่กลางอาคารเชื่อมต่อระหว่างชั้น 1-2 กลายเป็นพื้นที่เชื่อมโยงที่ทำให้ คุณครู ผู้ปกครอง และเด็กๆ ได้มาเจอกัน
การออกแบบแสงจากธรรมชาติและไฟส่องสว่างที่กลมกลืนช่วงส่งเสริมอารมณ์ความรู้สึกอบอุ่นให้กับเด็กๆ

จาก Early Years สู่ Primary การเติบโตที่เข้มแข็ง

ก่อนหน้านี้ Kensington International School เปิดเฉพาะระดับ Early Years โดยใช้หลักสูตร Early Years Foundation Stage (EYFS) ส่งเสริมให้ที่มีการเรียนรู้อย่างอิสระผ่านการเล่น (play-based curriculum) เมื่อเริ่มเติบโตขึ้น จึงได้มีการเปิดสอนระดับชั้น Key Stage 1 (Year 1-2) มาตั้งแต่ปี 2558 จนเปิดอาคารใหม่เพื่อรองรับระดับ Primary เต็มรูปแบบในปีที่ผ่านมา โดยใช้หลักสูตร British National Curriculum มีวิธีการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการผ่าน Project-Based Learning ซึ่งเป็นหลักสูตรการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงการเรียนรู้ของเด็กแต่ละช่วงวัยให้เขายังคงสนุกกับกระบวนการค้นหาความถนัดของตัวเองอย่างอิสระ การใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการผ่าน Project-Based Learning จะช่วยให้เด็ก ๆ ไม่สูญเสียทักษะที่เขาได้รับจากช่วงปฐมวัยที่เรียน Play-Based มา เช่น ลักษณะของเด็กที่รักการเรียนรู้ ชอบสำรวจ มีความกระตือรือร้น มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นอิสระ แต่ทำงานเป็นทีมได้ ทักษะพวกนี้จะยังคงนำมาใช้ในการเรียนในระดับที่โตขึ้นและพัฒนาไปสู่การสังเกต คิดวิเคราะห์ ทดลอง และการประเมิน ผ่าน Project-Based

KLS : Learning Space ที่ช่วยส่งเสริมทักษะเฉพาะทาง

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Kensington International School ไม่เหมือนใครคือการที่มี Learning Space เป็นของตัวเอง (สถาบันสอนพิเศษรายวิชา ตั้งอยู่ในพื้นที่ติดกัน ) ซึ่งทำให้มีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาพร้อมดูแลเด็กๆ เช่น ชั้นเรียน Forest School ที่นักเรียนของโรงเรียนจะได้เรียนด้วย ซึ่งจะเรียนในพื้นที่ที่เป็นธรรมชาติจริง ๆ โดยครูที่จบมาทางด้านนี้โดยตรง คุณครูจะสอนเกี่ยวกับธรรมชาติ ใบไม้ ต้นไม้ สัตว์ การก่อไฟ การใช้อุปกรณ์ที่ปลอดภัย การใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติอย่างปลอดภัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การตระหนักรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมและการดูแลโลก

เด็ก ๆ ชั้น Preschool ออกเดินสำรวจพื้นที่ธรรมชาติซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับ Forest School

5 ข้อที่ทำให้เด็กๆ ของ Kensington International School อยากมาโรงเรียนทุกวัน

  1. Space and Environment พื้นที่และสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ไม่มีขอบจำกัด ทำให้เด็กๆ รู้สึกปลอดภัยและกล้าที่จะสำรวจสิ่งใหม่ๆ
  2. Teachers คุณครูที่มีความเป็นมืออาชีพ และทุกคนมี Qualifica-ons ในการสอน โดยตรงทุกระดับชั้นตั้งแต่ EY – Primary อีกทั้งยังใส่ใจและดูแลเด็กๆ อย่างใกล้ชิด เข้าใจเด็กๆ ทุกคน มีจิตวิทยาที่ดีในการเข้าหาเด็ก
  3. Community ด้วยขนาดของโรงเรียนที่ไม่ใหญ่เกินไปทำให้โรงเรียนกลายเป็นสังคมที่ใกล้ชิดและดูแลทั่วถึง ตั้งแต่ผู้บริหาร ทีมงาน คุณครู ผู้ปกครองและเด็ก สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้เสมอ
  4. Food อาหารเพื่อสุขภาพที่แสนอร่อย ทำจากวัตถุดิบที่ปลอดภัย มีให้เลือกหลากหลาย หน้าตาน่ารับประทาน เด็กๆ สามารถเรียนรู้แม้แต่ตอนที่กำลังทานอาหารอย่างมีความสุข
  5. Fun การเรียนรู้ที่สนุก ทำให้เด็กมีความสุข ได้ลงมือทำในสิ่งที่อยากทำ โรงเรียนเปรียบเสมือนพื้นที่ของเขา เป็นพื้นที่ที่เขาอยู่แล้วมีความสุขตลอดทั้งวัน
ผู้บริหารโรงเรียน Miss Tracey Thurlby, คุณนิติพันธ์ พันธุ์วิโรจน์, คุณวราภรณ์ กาญจนวัฒน์ พันธุ์วิโรจน์

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

  • มี Parents Workshop สม่ำเสมอ อย่างตอนที่ทีมงานไปเยี่ยมชม เป็นวันที่มี Workshop ช่วยเด็กๆ จากอาหารติดหลอดลม การ Workshop นี้ นอกจากจะได้ความรู้แล้ว ยังช่วยให้ผู้ปกครองได้พบปะกันด้วย
  • ทางโรงเรียนมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นของเด็กๆ และผู้ปกครองอย่างสม่ำเสมอ
  • แบ่งเสื้อตามระบบบ้านต่าง ๆ ในโรงเรียน (House System) ซึ่งตั้งชื่อตามธาตุทั้ง 4 ออกมาได้น่ารักมาก สีเหลือง = EARTH สีแดง = FIRE สีฟ้า = WATER สีเขียว = AIR
  • มีเรียนวิชาภาษาไทยซึ่งจะสอนวัฒนธรรมไทยและประวัติศาสตร์ไทยควบคู่ไปด้วย
  • Theme ของ Project-Based Learning แต่ละภาคเรียน คุณครูจะมีการเทรนนิ่งกันก่อน มีการประชุมระหว่างแผนร่วมกันโดยมีหลักสูตรเป็นแกนกลาง แล้วเลือกหัวข้อที่มีความหลากหลายน่าสนใจสำหรับเด็ก ๆ

อัตราค่าเล่าเรียน

ค่าแรกเข้า 100,000 บาท

PreSchool – Creche 465,300 บาท/ปี

Toddlers 504,000 บาท/ปี

Nursery 555,800 บาท/ปี

Reception 562,500 บาท/ปี

Year 1-2 618,500 บาท/ปี

Year 3 – Year 4 624,700 บาท/ปี

ข้อมูลติดต่อ Kensington International School

88 Bangprom 16, Ratchapruek Rd., Talingchan Bangkok 10170

TEL: +66 (02) 864 – 9977 , +66 (080) 533 – 9977

EMAIL: [email protected]

Facebook: https://www.facebook.com/kensingtonschoolbangkok/

Web: https://kensington.ac.th/

Editor : แม่น้องอลินดา

ภาพ : กรานต์ชนก บุญบำรุง ,จันทิมา ชื่นคุ้ม

ผ้าหอมสะอาด นุ่มละมุน ไม่ทำร้ายผิวลูก ด้วยน้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยน

event

ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสำหรับเด็กคือหนึ่งในไอเท็มชิ้นสำคัญที่คุณแม่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะลูกยังเล็ก ผิวจึงบอบบาง ระคายเคืองง่าย จึงต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เสื้อผ้าต่าง ๆ จะต้องสัมผัสกับผิวของลูกโดยตรง บางครั้งลูกก็อาจจะหยิบผ้าเข้าปาก ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดผ้าของลูกจึงต้องมั่นใจว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัยสำหรับลูกจริง ๆ ทีมแม่ ABK ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ซักผ้าสำหรับเด็ก “ Kodomo Baby Liquid Detergent ” ที่ลองใช้ดูแล้วดีจริง จนอยากให้คุณแม่ได้ลองใช้

Amarin Baby & Kids ยกให้  “Kodomo Baby Liquid Detergent” เป็นผลิตภัณฑ์ซักผ้าสำหรับเด็ก ที่ได้รับรางวัล Editor’s Choice BEST NATURAL & ORGANIC BABY LAUNDRY DETERGENT จาก Amarin Baby & Kids Awards 2024

แค่ได้ยินชื่อแบรนด์โคโดโม ก็มั่นใจในคุณภาพได้แล้ว เพราะโคโดโมเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่อยู่คู่เมืองไทยมานาน เชื่อว่าที่บ้านของหลายคนต้องเติบโตมากับผลิตภัณฑ์ของโคโดโม และมีผลิตภัณฑ์ของโคโดโมติดบ้านอยู่เสมอ การันตีคุณภาพด้วยรางวัลและผลงานวิจัยมากมาย จนกลายเป็นแบรนด์ในดวงใจของคุณแม่หลาย ๆ คน

ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก โคโดโม ออร์แกนิค เป็นน้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยนที่มีสารสกัดจาก Natural Essential Oil จึงเหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดอายุ 0 ปีขึ้นไป มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือน้ำยาซักผ้าเด็ก ออร์แกนิค โอลีฟ ออยล์ (สูตรสีฟ้า) ที่มี Organic Olive Oil มีคุณสมบัติลดการระคายเคือง และน้ำยาซักผ้าเด็ก นิวบอร์น สูตรลดกลิ่นอับ (สูตรสีชมพู) ที่มี Organic Argan Oil มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวอีกด้วยค่ะ

แค่เปิดฝาออกมาเราก็จะได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ละมุน เหมาะสำหรับเด็ก ซึ่งกลิ่นหอมนี้สามารถติดผ้าได้ยาวนานสูงสุดถึง 30 วันเลย และสามารถลดกลิ่นอับแม้ซักตอนกลางคืน หรือตากในที่ร่มได้อีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก โคโดโม ออร์แกนิคประกอบด้วยสารทำความสะอาดและเอนไซม์ธรรมชาติ เมื่อลองนำไปซักเสื้อผ้าและเครื่องนอนของลูก พบว่าสามารถขจัดคราบฝังลึก เช่น คราบน้ำนม น้ำผลไม้ และซอสต่าง ๆ ได้ดีเลยค่ะ แถมยังล้างฟองออกง่าย ไม่ต้องขยี้ให้เมื่อยมือ และไม่ทิ้งคราบผลิตภัณฑ์บนเสื้อผ้าของลูก จึงช่วยประหยัดเวลา ประหยัดแรง สะดวก ปลอดภัยตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ที่อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก

สำหรับคุณแม่ที่กังวลเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก โคโดโม ออร์แกนิค ผ่านการทดสอบว่าไม่ระคายเคืองต่อผิว (Dermatology Test) และปราศจากสารเติมแต่งที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น SLS, Paraben, Formaldehyde, Triclosan, Fluorescent, Bleaching, Colourant คุณแม่จึงนำมาซักผ้าของลูกได้อย่างมั่นใจ 

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ Kodomo Baby Liquid Detergent ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา BEST NATURAL & ORGANIC BABY LAUNDRY DETERGENT จาก Amarin Baby & Kids Awards 2024

และนอกจากนี้ Kodomo ยังมียังมีผลิตภัณฑ์ซักผ้า 2 สูตรใหม่ล่าสุด!! ที่น่าสนใจมาแนะนำอีกด้วยค่ะ

Kodomo Premium Organic Aloe vera
ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตร Nature Clean สารทำความสะอาดที่มีต้นกำเนิดจากธรรมชาติ พร้อมพลังความหอมที่มีส่วนผสมมาจากธรรมชาติ 100% อ่อนโยนต่อผิวสัมผัสที่บอบบางของลูกน้อย และยังมี Organic Aloe vera ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว

Kodomo Natural Micellar
ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรเข้มข้นด้วย Double Nature Clean Technology และสารทำความสะอาดที่มาจากธรรมชาติ ลดกลิ่นอับ ขจัดคราบติดแน่นที่ทิ้งไว้นาน เช่น คราบซอส คราบน้ำหวาน คราบแยม และคราบชีส ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีส่วนผสมจากธรรมชาติของ Organic Jojoba Oil ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว มีผลทดสอบว่า ไม่ระคายเคืองต่อผิวแพ้ง่าย

สำหรับคุณแม่ที่สนใจ สามารถติดตามได้ในช่องทางของ KODOMO ดังนี้
Facebook : Kodomo Club 
Line https://bit.ly/2VmJM6W
Website https://bit.ly/3eiW5d6
Shopee https://shorturl.asia/Ayr0c
Lazada https://bit.ly/3fdPZj8

Spectra Dual Compact ไอเทมคู่ใจแม่ยุคใหม่ ปั๊มนุ่ม ดูดลึก เกลี้ยงเต้า ถนอมหัวนม

event

ในปัจจุบัน เครื่องปั๊มนมกลายเป็นตัวช่วยสำคัญของคุณแม่ยุคใหม่ที่ต้องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายในท้องตลาด การเลือกเครื่องปั๊มนมที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ Amarin Baby & Kids ขอแนะนำ Spectra Dual Compact เครื่องปั๊มนมระบบ 2 มอเตอร์ที่ได้รับความนิยม ด้วยคุณสมบัติเด่นที่ปั๊มนุ่ม ดูดลึก เกลี้ยงเต้า และถนอมหัวนมคุณแม่ พร้อมรายละเอียดต่างๆ ที่จะช่วยให้คุณแม่ตัดสินใจเลือกเครื่องปั๊มนมได้อย่างมั่นใจกันค่ะ

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิด เพราะในน้ำนมแม่มีสารอาหารครบถ้วนและภูมิคุ้มกันที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูก ซึ่งเคล็ดลับสำคัญในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้สำเร็จ

  1. ให้ลูกดูดนมเร็วที่สุดหลังคลอด การให้ลูกดูดนมหลังคลอดได้เร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนมของคุณแม่ และยังช่วยให้ลูกได้รับน้ำนมเหลือง (Colostrum) ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
  2. ให้ลูกดูดนมบ่อยๆ การให้ลูกดูดนมบ่อยจะช่วยกระตุ้นร่างกายของคุณแม่ให้ผลิตน้ำนมอย่างต่อเนื่อง ควรให้ลูกดูดนมทุก 2-3 ชั่วโมง หรือเมื่อลูกแสดงอาการหิว เช่น เอามือเข้าปาก หรือหันหน้าหาเต้านม
  3. ให้ลูกดูดนมอย่างถูกวิธี การให้ลูกดูดนมอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ลูกได้รับน้ำนมอย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันปัญหาหัวนมแตกเจ็บ ควรให้ลูกอมหัวนมให้ลึกถึงลานนม โดยให้ปากลูกแนบสนิทกับเต้านม
  4. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับคุณแม่ที่ให้นมบุตร เพราะอาหารที่คุณแม่รับประทานในทุกมื้อจะส่งผลต่อคุณภาพและปริมาณของน้ำนม ซึ่งเป็นแหล่งอาหารสำคัญให้กับลูกน้อย
  5. ปั๊มนมสม่ำเสมอ การปั๊มนมจะช่วยกระตุ้นร่างกายให้ผลิตน้ำนมอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีน้ำนมเพียงพอสำหรับลูกน้อย และยังช่วยให้คุณแม่มีความยืดหยุ่นในการให้นมลูกมากขึ้น สามารถเก็บสต๊อกสำรองน้ำนมไว้ ในกรณีที่คุณแม่ต้องกลับไปทำงาน
Spectra Dual Compact เครื่องปั๊มนมระบบ 2 มอเตอร์

Spectra Dual Compact เป็นเครื่องปั๊มนมไฟฟ้าแบบคู่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา BEST MULTI FUNCTION BREAST PUMP จาก Amarin Baby & Kids Awards 2024 ซึ่งเป็นการการันตีถึงคุณภาพและฟังก์ชันที่หลากหลาย เหมาะสำหรับคุณแม่นักปั๊มยุคใหม่

คุณสมบัติเด่นของ Spectra Dual Compact

Spectra Dual Compact เป็นเครื่องปั๊มนมไฟฟ้าแบบปั๊มคู่ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นและตอบโจทย์การใช้งาน ทำให้คุณแม่หลายท่านประทับใจและบอกต่อกันถึงประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม

  1. ระบบ 2 มอเตอร์ หัวใจสำคัญของ Spectra Dual Compact คือระบบมอเตอร์คู่ที่แยกการทำงานของเต้านมแต่ละข้างอย่างอิสระ ทำให้สามารถปรับแรงดูดและจังหวะการปั๊มแยกกันได้ตามความเหมาะสมและความรู้สึกสบายของแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากเมื่อเทียบกับเครื่องปั๊มนมแบบมอเตอร์เดียว
  2. ขนาดเล็กและพกพาสะดวก ด้วยน้ำหนักเพียง 670 กรัม ทำให้ Spectra Dual Compact มีขนาดกะทัดรัดและพกพาได้ง่าย เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ต้องเดินทางหรือต้องการปั๊มนมนอกบ้าน
  3. กระตุ้นน้ำนมอย่างมีประสิทธิภาพ รอบดูดที่มากกว่า 100 ครั้งต่อนาที ช่วยกระตุ้นการไหลของน้ำนมได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้คุณแม่มีน้ำนมเพียงพอสำหรับลูกน้อย
  4. ปรับแรงดูดได้หลากหลาย สามารถปรับแรงดูดได้ถึง 12 ระดับ และยังแยกปรับแรงดูดซ้ายขวาได้อีกด้วย ทำให้คุณแม่สามารถเลือกแรงดูดที่เหมาะสมกับตัวเองได้อย่างละเอียดและแม่นยำ
  5. โหมดเคลียร์เต้า โหมดพิเศษนี้ช่วยดูดน้ำนมที่ค้างอยู่ในเต้าได้อย่างล้ำลึก ทำให้เต้านมเกลี้ยงและลดโอกาสการเกิดท่อน้ำนมอุดตัน
  6. ดีไซน์สวยงามและมีแบตเตอรี่ในตัว ตัวเครื่องออกแบบมาอย่างเรียบหรูทันสมัย พร้อมแบตเตอรี่ในตัว ทำให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องหาปลั๊กไฟ

ทำไมแม่ยุคใหม่ต้องเลือก Spectra Dual Compact? สุดยอดเครื่องปั๊มนมเพื่อชีวิตที่ลงตัว

ในยุคที่ชีวิตเร่งรีบ คุณแม่ยุคใหม่ต้องการตัวช่วยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่กระฉับกระเฉง และ Spectra Dual Compact คือคำตอบนั้น ด้วยดีไซน์ที่เรียบหรู ฟังก์ชันครบครัน และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้การปั๊มนมเป็นเรื่องง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพ

  • ปั๊มนุ่ม ดูดลึก: ลักษณะการดูดที่นุ่มนวลแต่มีประสิทธิภาพ รีดน้ำนมได้หมดจด เกลี้ยงเต้า
  • Battery (แบตเตอรี่ทนทาน): ใช้งานได้ยาวนานถึง 3 ชั่วโมง ให้คุณแม่ปั๊มนมได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่
  • Easy to Operate (ใช้งานง่าย): โหมดการทำงานที่ไม่ซับซ้อน ใช้งานง่าย แม้จะเป็นคุณแม่มือใหม่
  • Massage Mode (โหมดนวดกระตุ้นน้ำนม): รอบดูดมากกว่า 100 ครั้ง/นาที ช่วยกระตุ้นน้ำนมให้มาเร็วและไหลออกได้ดียิ่งขึ้น
  • Expression Mode (โหมดปั๊ม): ปรับระดับความแรงได้มากถึง 12 ระดับ/ข้าง ให้คุณแม่เลือกความแรงที่เหมาะสมกับตัวเอง
  • ถนอมหัวนม: เลียนแบบการดูดของทารกตามธรรมชาติ (ดูด ปล่อย และพัก) จึงอ่อนโยนต่อหัวนม
  • Mute Function (ระบบปิดเสียง): ปิดเสียงปุ่มกดเพื่อความเงียบ ไม่รบกวนลูกน้อย
  • LCD Display (หน้าจอ LCD): แสดงโหมดการทำงานและระยะเวลาในการปั๊มนม
  • Memory Function (ระบบจดจำ): ตัดอัตโนมัติเมื่อใช้งานครบ 30 นาที และจดจำการทำงานครั้งสุดท้าย
  • มาตรฐานระดับโลก: ได้รับการรับรองจากสถาบันชั้นนำ เช่น CE, FDA, ISO13485 และ GMP
  • ปลอดภัยสำหรับคุณแม่และลูกน้อย: ได้รับการตรวจสอบและรับรองจาก อย. ไทย
  • รับประกันศูนย์ไทย: รับประกันตัวเครื่อง 1 ปี รับประกันหลังคลอด
  • อุปกรณ์น้อยชิ้น: ใช้งานง่าย สะดวกสบาย
  • เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะ: Patented Technology “Spectra BackFlow Protection” เพื่อความนุ่มนวลและความสะอาดปลอดภัยสูงสุด

Spectra Dual Compact จึงเป็นมากกว่าเครื่องปั๊มนม แต่เป็นเพื่อนคู่คิดของคุณแม่ยุคใหม่ ที่ช่วยให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นเรื่องง่ายและมีความสุขยิ่งขึ้น Spectra Dual Compact เป็นเครื่องปั๊มนมที่มีคุณภาพและฟังก์ชันที่หลากหลาย เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ต้องการเครื่องปั๊มนมที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้งานง่าย และพกพาสะดวก การได้รับรางวัลจาก Amarin Baby & Kids Awards 2024 ยิ่งเป็นการยืนยันถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดีค่ะ

คุณแม่ที่กำลังมองหาเครื่องปั๊มนมคุณภาพเยี่ยมสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คลิก https://spectrathailand.com/dual-compact/

Facebook: https://www.facebook.com/spectrababythailand  

IG: https://www.instagram.com/spectrathailand/

Tik Tok: https://www.tiktok.com/@spectrathailand

LINE@: https://bit.ly/2UgDG9o

สอบถามข้อมูลและสั่งซื้อเครื่องปั๊มนม Spectra Dual Compact  https://linktr.ee/spectrathailand

Earl Montessori

Earl Montessori and Creativity Centre เรียนรู้ผ่านการเล่น เน้นพัฒนาการรอบด้าน ในรูปแบบมอนเตสซอรี่

event
Earl Montessori
Earl Montessori

เพราะธรรมชาติของเด็กคือการได้เล่น และเรียนรู้ ยิ่งได้ลงมือทำ ก็ยิ่งทำให้เด็กเรียนรู้มากขึ้น School Visit วันนี้ เราจะพาทุกคนเยี่ยมชมโรงเรียนที่เด็ก ๆ จะได้ลงมือทำด้วยตนเอง ที่นี่คือ Earl Montessori and Creativity Centre โรงเรียนที่มุ่งมั่นในการส่งเสริมและพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ให้กับเด็ก ๆ  กับหลักสูตรมอนเตสซอรี เพื่อให้เด็ก ๆ เติบโตอย่าง สมบูรณ์ทั้งในด้านการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะชีวิต

Earl Montessori and Creativity Centre ริเริ่มโดยคุณออย – รฐิติ โตโพธิ์ไทย นักธุรกิจและนักลงทุน ที่ผันตัว มาเป็นคุณแม่ มีความต้องการที่จะหาสิ่งดี ๆ และสิ่งที่สามารถเสริมสร้างการเจริญเติบโตที่เหมาะสมให้กับลูก ๆ  จึงได้ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลการเรียนรู้และการสอนลูกฉบับคุณแม่จากหลากหลายแห่ง คุณออยเริ่มสนใจหลักสูตร Montessori และได้เกิดแรงบันดาลใจที่จะต้องการนำเสนอสิ่งดี ๆ และสิ่งที่คุณแม่ต้องการมอบให้แก่บุตร จึงหันมาริเริ่มก่อตั้งสถาบันเสริมสร้างพัฒนาการการเรียนรู้ Montessori ที่มีชื่อว่า “EarlMontessori Creativity Centre” โดยเปิดให้บริการสาขาแรก ในซอยทองหล่อ ใจกลางกรุงเทพ ฯ และได้รับผลตอบรับที่ดีจากคุณพ่อและคุณแม่มากมาย ปัจจุบัน EarlMontessori Creativity Centre มีมากกว่า 9 สาขา แล้วค่ะ

ทำไมต้องเป็น มอนเตสซอรี่ ?

 การศึกษาในรูปแบบ มอนเตสซอรี่ ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการที่ครบถ้วนทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ เด็กจะมีอิสระในการเลือกเรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจ  ผ่านการสัมผัสและการทำกิจกรรมจริง เน้นการช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด  กล้าคิด กล้าแสดงออก นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างทักษะในการแก้ปัญหา การคิดเชิงวิพากษ์ ความรับผิดชอบ และการทำงานร่วมกับผู้อื่น  และเพราะเด็กแต่ละคนมีวิธีการเรียนรู้และพัฒนาที่ไม่เหมือนกัน การเร่งหรือบังคับให้เด็กเรียนรู้ตามแบบที่กำหนด อาจทำให้พวกเขาเครียด หรือไม่ได้เข้าใจเรื่องนั้นอย่างแท้จริง ในระบบมอนเตสเซอรีเด็กจะได้เรียนรู้ตามจังหวะของตัวเอง ผ่านการทำสิ่งที่สนใจและมีแรงบันดาลใจ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกทักษะพื้นฐาน การหาคำตอบ หรือการลองทำสิ่งใหม่ ๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นในแบบที่เหมาะสมกับตัวเด็กเอง

เรียนอย่างไรใน  Earl Montessori and Creativity Centre

โรงเรียนมีความมุ่งหวังที่จะเลี้ยงดูเด็กเล็กให้เติบโตขึ้นเป็นคนที่มีความมั่นใจ มีอิสระทางความคิดและมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และมุ่งมั่นที่จะมอบการศึกษา ที่ส่งเสริมความรักที่จะเรียนรู้ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะการคิดอย่างมี ผ่านการเรียนรู้ ที่ลงมือทำ ด้วยตนเอง  และเรียนรู้เป็นภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติที่มีประสบการณ์เฉพาะด้าน  เพื่อเสริมสร้างทักษะด้านภาษาอังกฤษให้กับเด็กตั้งแต่เล็ก ๆ และเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับเด็ก ๆ ด้วยค่ะ

โดยหลักสูตร จะเน้นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ที่จับต้องได้ ( Hands-on Learning ) เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ เช่น ภาษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ทักษะชีวิตประจำวัน และศิลปะ ผ่านกิจกรรมที่เสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจในทุก ๆ ด้าน การดรียนรู้ในรูปแบบนี้จะทำให้เกิดประสบการณ์การเรียนรู้ และการสะท้อนคิด ว่าชอบหรือไม่ชอบทำอะไร เพราะอะไร โดยการเรียนรู้จะเกิดขึ้นตามจังหวะที่เหมาะสมของเด็กแต่ละคน

โรงเรียนไม่เพียงมุ่งหวังที่จะเลี้ยงดูเด็กเล็กให้เติบโตอย่างมั่นใจและอิสระทางความคิด แต่ยังเสริมสร้างความเห็นอกเห็นใจและการเข้าใจอารมณ์ของตนเองด้วยหลักสูตรพิเศษที่ผสมผสานแนวคิด Mindfulness and Meditation ซึ่งเหมาะสมสำหรับเด็กในทุกช่วงวัย

กิจกรรม Mindfulness and Meditation ที่นี่มีความพิเศษอย่างไร?

  • ฝึกสมาธิผ่านเกมและการเล่านิทาน
    เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ผ่านเกมที่ช่วยกระตุ้นการจดจ่อ เช่น การฟังเสียงนาฬิกาเดิน การเรียงลูกปัดตามลำดับ หรือการตอบคำถามหลังการเล่านิทานเรื่องสั้น ซึ่งช่วยให้พวกเขาเรียนรู้การโฟกัสในสิ่งที่ทำตรงหน้า
  • การหายใจเพื่อผ่อนคลาย
    คุณครูจะสอนเด็ก ๆ ให้หัดหายใจเข้าลึก ๆ และหายใจออกช้า ๆ พร้อมกับการใช้ของเล่น เช่น บอลลูนสีสันสดใส หรือขนนกที่เด็ก ๆ สามารถเป่าให้เคลื่อนไหว เพื่อฝึกการควบคุมลมหายใจและจะช่วยทำให้เด็กผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
  • โยคะสำหรับเด็ก
    การเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ผ่านโยคะง่าย ๆ เช่น ท่าแมว-วัว หรือท่าต้นไม้ ไม่เพียงช่วยพัฒนากล้ามเนื้อและการทรงตัว แต่ยังฝึกให้เด็กเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างร่างกายและจิตใจ
เด็ก ๆ ฝึกโยคะและหายใจในห้องเรียนที่ตกแต่งอย่างอบอุ่น

จุดเด่นของ Earl Montessori and Creativity Centre

จุดเด่นของโรงเรียนคือการเรียนรู้ที่เน้นความเป็นอิสระของเด็ก ๆ โดยให้เด็กมีบทบาทในการตัดสินใจเลือกสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ และทำกิจกรรมตามความสนใจและความสามารถของตัวเอง นอกจากนี้การจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและวัสดุการเรียนรู้ที่ออกแบบมาเฉพาะยังช่วยให้เด็กพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนให้เด็ก ๆ สามารถที่จะเข้าถึงศักยภาพของตนเอง และต้องการที่จะมอบประสบการณ์การศึกษาที่เสริมสร้างและเสริมศักยภาพให้กับเด็กเล็ก เรามุ่งมั่นที่จะนำหลักสูตรมอนเตสเตอรีไปใช้และชี้แนะเด็ก ๆ ในการเรียนรู้ของแต่ละคน มีคุณครูและเจ้าหน้าที่ที่ทุ่มเทเอาใจใส่เด็ก ๆ และ มุ่งมั่นที่จะปลูกฝังความรักในการเรียนรู้  ปลูกฝังความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคมที่แข็งแกร่ง ส่งเสริมการเติบโตแบบองค์รวมเตรียมเด็ก ๆ ให้พร้อมกลายเป็นบุคคลที่มีความมั่นใจและรอบรู้ ในโลกปัจจุบันและอนาคต

หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้โรงเรียนแตกต่าง คือการผสมผสาน Mindfulness and Meditation ในกิจกรรมประจำวันของเด็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเริ่มต้นวันใหม่ ช่วงพักกลางวัน หรือช่วงปิดท้ายวัน เพื่อช่วยให้เด็ก ๆ มีสมาธิพร้อมเรียนรู้และผ่อนคลายความตึงเครียด

ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน:

  • เด็ก ๆ มีความสงบมากขึ้น และพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีสติ
  • เสริมสร้างความสามารถในการควบคุมอารมณ์ เช่น การจัดการกับความหงุดหงิด ความโกรธ หรือความไม่พอใจ
  • พัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหา ซึ่งช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ในด้านวิชาการ

สภาพแวดล้อมแบบมอนเตสซอรี่

การออกแบบสถานที่ ใน Earl Montessori and Creativity Centre ทุก ๆ สาขาจะคำนึงถึงความสะดวกสบายและความปลอดภัยของเด็ก โดยจะจัดสภาพแวดล้อมให้เป็นที่ที่เด็กสามารถสำรวจและเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เช่น ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสมกับขนาดตัวเด็ก ใช้วัสดุการเรียนรู้ที่ทนทานและปลอดภัย รวมถึงมีพื้นที่สำหรับการทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเพียงพอ  มีบรรยากาศที่เอื้อต่อการเล่นและเรียนรู้อย่างแท้จริง ทำให้เด็ก ๆ ผ่อนคลายและสนุกในการเรียนรู้มาก ๆ ค่ะ

โรงเรียนทำงานร่วมกับผู้ปกครอง

โรงเรียนเชื่อในการสร้างความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างครูและผู้ปกครองเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีที่สุดให้กับเด็ก

ๆ โดยมีการสื่อสารอย่างสม่ำเสมอหลังจบคลาส และมีการประเมินพัฒนาการ (Denver II) เพื่อติดตามความก้าวหน้าของเด็กในแต่ละสัปดาห์ซึ่งช่วยให้ทั้งครูและผู้ปกครองสามารถร่วมมือกันในการสนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็กอย่างมีประสิทธิภาพ และยังพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากผู้ปกครองเพื่อพัฒนา ปรับปรุงและแก้ไขให้ดีขึ้น

Mommy Loves This ถูกใจแม่ !

  1. เรียนที่ Earl Montessori จะทำให้เด็กเข้าสังคมเก่งขึ้น มั่นใจมากขึ้น  เพราะการเรียนรู้ที่ดีเริ่มจากการพัฒนาทักษะชีวิตและอารมณ์ ซึ่งที่นี่เน้นมาก ๆ เลยค่ะ
  2. จัดเตรียมอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและสมดุล จากวัตถุดิบธรรมชาติ เพื่อเสริมสร้างร่างกายที่แข็งแรงพร้อมทั้งให้เด็กมีโอกาสเรียนรู้การเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การเรียนรู้เหล่านี้ไม่เพียงช่วยพัฒนาร่างกาย แต่ยังส่งเสริมทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่นและการดูแลตัวเองอย่างมีความรับผิดชอบด้วยค่ะ
  3. สาขาเยอะมาก คุณพ่อคุณแม่สะดวกที่ไหน พาลูกไปเรียนที่นั่นได้เลย

ที่อยู่ Earl Montessori
สาขา สุขุมวิท 26

เลขที่ 59/70 สุขุมวิท 26 ซ.ท่านหญิงพวงรัตน์ประไพ ถนนสุขุมวิท คลองเตย กรุงเทพมหานคร เบอร์ติดต่อสาขา 096-896-9936

สาขาหัวหมาก

เลขที่ 64 หัวหมาก ซ.8, ถนนรามคำแหง บางกะปิ กรุงเทพมหานคร เบอร์ติดต่อสาขา 063-662-6562

สาขาราชพฤกษ์The Crystal SB Ratchapruek นนทบุรี เบอร์ติดต่อสาขา 065-226-2549

สาขาพระราม 2

Hong Tower ชั้น 3 ถนนเทียนทะเล บางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร เบอร์ติดต่อสาขา 062-534-9246

สาขาสุขุมวิท 68

70, 4 ซ.สุขุมวิท 68 บางนาเหนือ บางนา กรุงเทพมหานคร เบอร์ติดต่อสาขา 080-069-2390

สาขาหาดใหญ่

538 Kanjanavanich Rd, Kho Hong, Hat Yai District, Songkhla เบอร์ติดต่อสาขา 065-238-3854

สาขาบางนา

1 ซ.แบริ่ง11 บางนาใต้ บางนา กรุงเทพมหานคร เบอร์ติดต่อสาขา 065-441-6399

สาขา นครปฐม

เลขที่ 62/47 หมู่บ้านนิรติ ถ.เพชรเกษม ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม เบอร์ติดต่อสาขา 081-224-5656

สาขาเชียงใหม่

353 ยางเนิ้ง อำเภอสารภี เชียงใหม่ เบอร์ติดต่อสาขา 082-256-2636

สาขาติวานนท์ และ สาขาภูเก็ต ( เร็ว ๆ นี้ )

Editor : แม่เลม่อน
ภาพ : ภาพข่าวประชาสัมพันธ์

ผ้าอ้อมเด็กราคาดี ใหม่! เบบี้เลิฟ เพลย์แพ้นท์ พรีเมียม ซึมซับไว นุ่มสุดในรุ่น

event

หมดปัญหากวนใจคุณแม่ กับการตามหาผ้าอ้อมคุณภาพเริ่ด สวมใส่ง่าย สบายผิว ที่สำคัญต้องซึมซับได้ยาวนาน แห้งสนิทไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย ต้องนี่เลย เบบี้เลิฟ เพลย์แพ้นท์ พรีเมียม ผ้าอ้อมเด็กราคาดี สบายกระเป๋า จะคุ้มค่าไหนชวนมาเช็กกันเลย

เมื่อลูกน้อยเริ่มคลานเก่ง ขยับแขน ขยับขาตลอดวัน จะให้ใส่ผ้าอ้อมแบบเดิม ๆ แบบเบบี๋แรกเกิดคงไม่ไหว เพราะนอกจากจะต้องเปลี่ยนบ่อยแถมเปลี่ยนยากแล้ว ผ้าอ้อมแบบเทปกาวไม่เหมาะกับพัฒนาการของลูกที่ต้องการเคลื่อนไหวตลอดเวลา เพราะเมื่อเสียดสีกับผิวจนเกิดอาการระคายเคือง หรือเป็นผื่นผ้าอ้อมได้ง่าย

การเลือกซื้อผ้าอ้อมที่ตรงใจ ตอบโจทย์ลูกน้อย แถมช่วยเซฟเงินในกระเป๋าน่าจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณแม่ยุคนี้ต้องการมากที่สุด ผ้าอ้อมเด็ก เบบี้เลิฟ เพลย์แพ้นท์ พรีเมียมมีครบทุกเช็กลิสต์ที่คุณแม่ตามหา โดดเด่นด้วยคุณสมบัติซูเปอร์ ดราย ไดมอนด์ ชีท ที่ช่วยให้ซึมซับไวขึ้น 150% ลูกจึงรู้สึกแห้งสบายทันที แถมยังซึมซับได้ยาวนาน ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย

ผ้าอ้อมเด็กในดวงใจคุณแม่ ครองแชมป์ 3 สมัย

ผ้าอ้อมแบบกางเกงของเบบี้เลิฟรุ่นนี้ได้รับการออกแบบให้กระชับตัวและล็อกขอบขา ช่วยเพิ่มการป้องกัน 2 ระดับทั้งการรั่วซึม และของเหลวไม่ไหลย้อนกลับ เนื้อผ้าอ้อมผลิตจากวัถตุดิบคุณภาพเยี่ยม ผ่านการทดสอบไฮโป-อัลเลอร์เจนิก และเดอร์มาโทลอจิคอล จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่ก่อใหเกิดการแพ้และระคายเคืองผิว ใส่แล้วสบาย และนุ่มละมุนที่สุดในรุ่นของผ้าอ้อมเบบี้เลิฟ

และอีกหนึ่งกิมมิคเด็ดที่ช่วยให้การเปลี่ยนผ้าอ้อมเป็นช่วงเวลาแสนสนุก คือการเพิ่มลวดลายสุดน่ารักบนผ้าอ้อมมากถึง 12 ลายใหม่ ให้คุณแม่เลือกอย่างจุใจ ผลัดเปลี่ยนใช้ไม่ซ้ำ พร้อมกับขนาดผ้าอ้อมที่หลากหลาย คุณแม่สามารถเลือกให้เหมาะกับน้ำหนักตัวของลูกได้ง่าย ๆ  

ผ้าอ้อมเด็กเบบี้เลิฟ เพลย์แพ้นท์ พรีเมียม ผ่านกระบวนการผลิตมาตรฐานสากล GMP และพัฒนาสินค้าให้สอดรับกับเทรนด์ของคุณแม่ยุคใหม่ “ห่วงใยลูกและห่วงใยโลก” ไปพร้อมกัน ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นถุงผ้าอ้อมที่สามารถรีไซเคิลได้ จนได้รับการรับรอง Environmental Protection ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลก

ด้วยความพิเศษและคุณภาพยอดเยี่ยมเสมอมา ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ ผ้าอ้อมเบบี้เลิฟ เพลย์แพ้นท์ พรีเมียม ได้รับรางวัล BEST DISPOSABLE DIAPERS สาขา Editor’s Choice จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2024”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ของผลิตภัณฑ์ ผ้าอ้อมเบบี้เลิฟ สามารถติดตามได้ที่ www.babylove.co.th

Kidzooona Safari

Kidzooona Safari เล่น เรียนรู้ และผจญภัยครั้งใหม่ในดินแดนแห่งป่าลึก

event
Kidzooona Safari
Kidzooona Safari

เพราะการเล่นคือการเรียนรู้ที่ดีสำหรับเด็ก ๆ  วันนี้ School Visit จะพาเด็ก ๆ มาเล่นสนุกกันให้เต็มที่พร้อมเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์ป่ามากมายในดินแดนแห่งป่าลึก ที่ Kidzooona Safari สนามเด็กเล่นในร่มขนาดใหญ่ ที่มีต้นแบบจากประเทศญี่ปุ่น แหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ที่จะช่วยเสริมทักษะต่าง ๆ ให้เด็ก ๆ ผ่านเครื่องเล่นและกิจกรรมหลากหลาย บนพื้นที่กว่า 1,545 ตร.ม  ที่ชั้น 6 เซ็นทรัลปิ่นเกล้า

Locker เก็บรองเท้าและของใช้ต่าง ๆ หมดกังวลจะได้เล่นได้อย่างคล่องตัว

กระตุ้นสมองด้วยการออกกำลังกาย

ที่ Kidzooona Safari เด็ก ๆ จะได้พัฒนาทักษะต่าง ๆ อย่างเต็มที่ ตั้งแต่การปีนป่าย การทรงตัว ได้ออกกำลังกายกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่และได้พัฒนาสมองไปในตัว ผ่านเครื่องเล่นและกิจกรรมที่ถูกออกแบบมาอย่างดีและยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์ป่าและธรรมชาติในบรรยากาศที่เสริมสร้างจินตนาการ สนุกสนานไปกับการผจญภัยในโซนต่าง ๆ เช่น

  • Hippo Trampoline  ชวนเด็ก ๆ มากระโดดไปมา บนแทรมโปลีนอัดลมขนาดใหญ่ ที่ล้อมรอบด้วยทะเลบอล ช่วยปรับการทรงตัว กระตุ้นการสร้างเซลล์กระดูกและยังช่วยคลายเครียด ทำให้ร่างกายรู้สึกกระปี้กระเปร่า สนุกและได้ประโยชน์มากๆ
  • Ball Pool กระโดดลงไปในบ่อบอลขนาดใหญ่และฝึกการทรงตัวกับจระเข้โยกเยก ใครจะเป็นผู้พิชิตเจ้าตัวร้าย ต้องมาวัดฝีมือกัน!
  • Snake Jungle  ฝึกทักษะด้านการปีนป่ายและผจญภัยในป่าซาฟารีกับกรงขนาดใหญ่ ที่ยาวล้อมรอบสนามเด็กเล่น งานนี้ได้ใช้ทักษะหลายอย่างทั้งสายตา การทรงตัวและพละกำลัง ได้ใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนแน่นอน
  • Waterfall Slide  มาประลองความกล้าและวัดใจกับสไลเดอร์สูง 6 เมตร ที่จะทำให้เด็ก ๆ ตื่นเต้นขั้นสุด พร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด
สไลเดอร์สูง 6 เมตร ที่ต้องใช้ความกล้าในการเล่น

กิจกรรมเสริมสร้างจินตนาการ

นอกจากเด็ก ๆ จะได้ออกกำลังกายกันอย่างเต็มที่แล้ว ที่ Kidzooona Safari  ยังมีโซนพัฒนาทักษะอื่น ๆ ทั้ง ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ กล้ามเนื้อมัดเล็ก ด้วยอุปกรณ์และของเล่นที่คัดสรรมาจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อเสริมพัฒนาการมากมายไม่ว่าจะเป็น โซนวาดรูประบายสี โซนต่อบล็อคต่าง ๆ รวมไปถึงโซนเล่นบทบาทสมมุติ ฝึกเป็นนักขายมืออาชีพในร้านค้าต่าง ๆ ทั้งร้านดอกไม้ ร้านขายไอศครีม และ Supermarket และโซน Event ที่เด็กๆ สามารถสนุกไปกับกิจกรรมพิเศษประจำวันที่ให้เด็ก ๆ ร่วมสนุกอย่างสร้างสรรค์อีกด้วย

โซนต่อบล๊อคแม่เหล็ก สำหรับเด็กเล็ก ฝึกการวางแผนและการเข้าสังคมเมื่อต้องเล่นร่วมกับเด็กคนอื่น รู้จักรอคอยและแบ่งปัน 
Wao Talk  มาพูดคุยกันกับพี่วาโอะ ฟังนิทานและร่วมถามตอบ แบบ Real-time กัน
คาเฟ่ตกแต่งสไตล์ซาฟารี มีทั้งอาหารและเครื่องดื่มบริการ

Mommy Loves This ถูกใจแม่!

  1. นอกจากเด็ก ๆ จะได้พัฒนากล้ามเนื้อและสมองแล้ว ยังได้ฝึกทักษะการเข้าสังคมด้วยนะคะ เพราะการเล่นร่วมกับคนอื่นจะช่วยให้เด็กฝึกการรอคอย การแบ่งปัน ได้อีกด้วย
  2. คุณพ่อคุณแม่สามารถเล่นไปพร้อมกับเด็ก ๆ ได้ อุปกรณ์ต่าง ๆ แข็งแรง รองรับน้ำหนักผู้ใหญ่ได้ค่ะ ช่วยสานสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว
  3. มีเรทราคาแบบเล่นทั้งวัน สามารถเข้าออกกี่ครั้งก็ได้  สะดวกสบายมาก ๆ

ค่าเข้า
เด็ก
2 ชั่วโมง 390 บาท
ทั้งวัน 590 บาท
ผู้ใหญ่
2 ชั่วโมง 190 บาท
ทั้งวัน 190 บาท

ที่อยู่ KIDZOOONA SAFARI
ชั้น 6 เซ็นทรัลปิ่นเกล้า
ถ. บรมราชชนนี แขวงอรุณอมรินทร์
เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
โทร.063 -023-8967

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  อภินัยน์ ทรรศโนภาส

ลูกขาดธาตุเหล็ก เหนื่อยง่าย ป่วยบ่อย เสริมด้วย Master Rabbit Iron with Folic & Vit D

ลูกขาดธาตุเหล็ก เหนื่อยง่าย ป่วยบ่อย เสริมด้วย  Master Rabbit Iron with Folic & Vit D

event
ลูกขาดธาตุเหล็ก เหนื่อยง่าย ป่วยบ่อย เสริมด้วย Master Rabbit Iron with Folic & Vit D
ลูกขาดธาตุเหล็ก เหนื่อยง่าย ป่วยบ่อย เสริมด้วย Master Rabbit Iron with Folic & Vit D

ลูกป่วยบ่อย เหนื่อยง่าย ซึมหงอย ไม่ร่าเริงแจ่มใส นี่คือสัญญาณของ ลูกขาดธาตุเหล็ก ภาวะผิดปกติที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น และไม่แสดงอาการป่วยเหมือนโรคทั่วไป อย่างไอจาม มีไข้ หรือน้ำมูก แต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพลูกในอนาคต

ภาวะซีดในเด็กเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก สารอาหารสำคัญที่มีส่วนในการสร้างและพัฒนาสมองของลูกน้อยตั้งแต่ในครรภ์ พบได้บ่อยในเด็กอายุ 6 เดือน -5 ปี ในช่วงแรกๆอาจยังไม่พบอาการตัวเหลือง หน้าเหลือง แต่ลูกน้อยที่เคยแข็งแรงจะเริ่มป่วยบ่อย ทำกิจกรรมนิดหน่อยมักเหนื่อยง่าย ค่อนข้างซึม ในบางคนอาจมีพฤติกรรมการกินเปลี่ยนไป เช่น กินน้อยลง อยากกินดิน  แป้ง หรือสี เป็นต้น นอกจากนี้เมื่อลูกขาดธาตุเหล็ก ยังส่งผลให้ระดับไอคิวต่ำลง  ความจำไม่ดี และขาดสมาธิในการเรียน ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีเด็กไทยในวัยเรียนเกือบ 40 % ยังขาดธาตุเหล็ก 

กินข้าวหมดจาน ยังขาดธาตุเหล็กได้ 

เชื่อว่าคุณแม่หลายคนประสบปัญหา ลูกไม่ยอมกินข้าว กินน้อย ซึ่งแน่นอนว่านั่นเป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ลูกได้รับสารอาหารไม่เต็มที่ ขณะเดียวกันเด็ก ๆ ที่กินเก่ง กินข้าวหมดจานก็มีโอกาสเกิดภาวะซีดได้  ถ้าไม่ได้รับธาตุเหล็กจากอาหารในประเภท ไข่แดง นม ผักใบเขียว ปลา และเนื้อสัตว์  ให้เพียงพอ เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้

ฉะนั้นคุณแม่จึงจำเป็นต้องมองหาตัวช่วยดีๆ ในการเสริมธาตุเหล็กให้ลูกน้อยอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าเลือกผลิตภัณฑ์ไหนดี ทีมแม่ ABK ขอแนะนำวิตามินเสริมธาตุเหล็กที่คิดค้นมาเพื่อเด็กๆ โดยเฉพาะ ตัวนี้เลย Master Rabbit Iron with Folic & Vit D ผลิตภัณฑ์น้องใหม่จากแบรนด์ Master Rabbit ที่คุณแม่หลายคนไว้วางใจ

Amarin Baby & Kids เลือกให้ ผลิตภัณฑ์เสริมโภชนาการ Master Rabbit Iron with Folic & Vit D ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา BEST KIDS POWDER DIETARY SUPPLEMENT จาก Amarin Baby & Kids Awards 2024

แค่ฉีกซอง ก็พร้อมเติมธาตุเหล็กได้ทุกวัน

สิ่งแรกที่ประทับใจใน Master Rabbit Iron with Folic & Vit D ตรงที่เป็นวิตามินชนิดผง สามารถละลายกับนม น้ำเปล่า หรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ไร้สี กลิ่น และรสชาติ จึงทานง่ายมาก  ชงให้ลูกดื่ม หรือโรยบนอาหารให้กินแบบเนียน ๆ ไม่ต้องบังคับป้อนอีกต่อไป แถมยังไม่มีน้ำตาลผสมให้ต้องห่วงเรื่องฟันผุอีกด้วย 

ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ผ่านการวิจัยแล้วว่า มีประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุเหล็กพร้อมกับนมได้ดี หากผสมกับนมจะยังดูดซึมได้ถึง 9 – 10 มิลลิกรัม ขณะที่การชงเข้ากับเครื่องดื่มอื่นๆ จะดูดซึมได้เต็มที่ถึง 14 – 16 มิลลิกรัมทีเดียว (ชงกับน้ำเปล่าจะให้ประสิทธิภาพสูงสุด) ไม่ว่าจะให้ลูกกินด้วยวิธีใดก็ยังได้รับสารอาหารเต็มที่แน่นอน

ในซองเล็กๆ 1 ซองของ Master Rabbit Iron with Folic & Vit D อุดมด้วยสารอาหารสำคัญ 3 ตัวคือ  ไอรอน อะมิโน แอซิต คีเลต 20% กรดโฟลิก 100 % วิตามินดี และสารอาหารจำเป็นต่อร่างกายอีกหลายตัวได้แก่ 

  • ผงดินิเมอไรซ์เวย์ 
  • กรดแอสคอร์บิก (วิตามินซี 100%)
  • ซิงก์อมิโนแอซิดคีเลต 20 %
  • ฟรุคโตโอลิโกแซคคาไรด์ 95 %
  • ไซยาโนโคบาลามิน (วิตามิน บี12 0.1%)
  • ไพริดอกซีน ไฮโดรคลอไรด์ (วิตามิน บี6 100%)

คุณแม่เพียงให้ลูกน้อยกินวันละ 1 ซอง อย่างสม่ำเสมอ โดยสามารถให้กินได้ตั้งแต่ลูกน้อยอายุ 3 เดือนขึ้นไป ก็จะช่วยเสริมธาตุเหล็กและสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกาย เพื่อเสริมสร้างการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงให้กับลูกน้อยได้แล้ว 

นอกจากนี้รูปลักษณ์ที่เฟรนลี่ คล้ายกับห่อขนมสวยๆ ยังทำให้ Master Rabbit Iron with Folic & Vit D ดึงดูดใจเด็กๆ ได้อีกด้วย ใน 1 กล่องจะบรรจุทั้งหมด 30 ซอง นอกจากลูกน้อยแล้ว ทุกคนในครอบครัวก็สามารถกินได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่ให้นม ผู้หญิงระหว่างมีประจำเดือน ผู้บริจาคโลหิต หรือเด็กๆที่ไม่ชอบกินเนื้อสัตว์หรือผักใบเขียว เรียกได้ว่าคุ้มค่า คุ้มราคาทีเดียว

ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ทางทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ ผลิตภัณฑ์เสริมโภชนาการ Master Rabbit Iron with Folic & Vit D ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา BEST KIDS POWDER DIETARY SUPPLEMENT จาก Amarin Baby & Kids Awards 2024

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดีๆ ของผลิตภัณฑ์แบรนด์ Master Rabbit สามารถติดตามได้ ตามช่องทางดังนี้ 

คาลาไมน์ Master Rabbit

ชี้เป้าโลชั่น คาลาไมน์ Master Rabbit Cala Allantoin Soothing Cream แก้ผิวคัน คืนผิวนุ่มให้ลูกรัก 

event
คาลาไมน์ Master Rabbit
คาลาไมน์ Master Rabbit

ลืมวิธีแก้ผดผื่นคันแบบเดิมๆ ทิ้งไป มาลองใช้โลชั่น คาลาไมน์  Master Rabbit Cala Allantoin Soothing Cream ทาง่าย ซึมซาบไว ไม่เปื้อนเลอะเทอะ แถมยังบำรุงผิวลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิด

ผิวบอบบางของทารกแรกเกิดต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากโครงสร้างผิวยังไม่แข็งแรงพอ เมื่อสัมผัสกับอากาศร้อน เย็นเกินไป รวมถึงมลพิษรอบตัว อาจทำให้ระคายเคืองผิว เกิดเป็นผดผื่น ผื่นแดง หรือหากปล่อยไว้ก็จะทำให้ผิวเป็นขุย แสบแดง และเป็นแผลได้ 

หลังทำความสะอาดหรืออาบน้ำ คุณแม่จำเป็นต้องบำรุงผิวให้ชุ่มชื่นอยู่เสมอ แต่การจะเลือกผลิตภัณฑ์ผิวที่สามารถใช้กับลูกวัยแรกเกิดอาจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่สามารถนำผลิตภัณฑ์บำรุงของผู้ใหญ่ หรือแม้แต่สำหรับวัยเด็กมาใช้กับทารกได้ เพราะอาจมีส่วนผสมที่ไวต่อการเกิดการแพ้ ฉะนั้นคุณแม่ต้องศึกษาข้อมูลเรื่องนี้ได้ดี

เวลาที่ลูกน้อยมีอาการคัน ผลิตภัณฑ์ติดบ้านที่คนส่วนใหญ่นึกถึงก็คือ “คาลาไมน์” แป้งน้ำสีชมพู ซึ่งมีส่วนผสมของ
ซิงค์ออกไซด์ หรือซิงค์คาร์บอเนต  มีฤทธิ์เย็น ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองผิว แก้ผิวอักเสบได้ดี ซึ่งวันนี้ทีมแม่ ABK ขอนำเสนออีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคุณแม่ยุคใหม่ นั่นก็คือ โลชั่นคาลาไมน์ Cala Allantoin Soothing Cream จากแบรนด์ Master Rabbit ที่อ่อนโยน จนสามารถใช้ได้กับเด็กแรกเกิด

Master Rabbit Cala Allantoin Soothing Cream  เป็นการผสานกับโลชั่นเนื้อครีมเข้ากับส่วนผสมของคาลาไมน์ จึงช่วยบำรุงผิวไปพร้อมกับบรรเทาอาการคันจากผดผื่นคันของลูกน้อยได้อย่างอ่อนโยน ที่สำคัญครีม Cala นั้นถูกคิดค้นขึ้นเพื่อให้ใช้ได้อย่างอ่อนโยน สามารถใช้ดูแลผิวลูกน้อยได้ตั้งแต่แรกเกิด ด้วยการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว ได้แก่

  • วิตามินอี
  • ซิงค์
  • โจโจบาออยล์
  • โคโคนัทออยล์
  • และสารสกัดธรรมชาติหลายชนิด

พร้อมเพิ่มความปกป้องอีกขั้นด้วยการหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่เสี่ยงจะก่อให้เกิดการแพ้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น พาราเบน ส่วนผสมเมนทอล ปราศจากน้ำหอม มิเนอรัลออยล์ สีสังเคราะห์ และสารกันเสีย คุณแม่จึงมั่นใจได้ว่าทุกครั้งที่ทาครีมให้ลูกจะปลอดภัยไร้กังวล

เนื้อครีมค่อนข้างเข้มข้น เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวได้เต็มที่ แต่ทาง่ายไม่เหนียวเหนอะหนะ เพียงคุณแม่บีบครีมบนฝ่ามือ แล้วทาเบาๆบริเวณที่ต้องการ จากนั้นนวดจนกว่าครีมซึมลงผิวจนหมด เพียงเท่านี้ลูกน้อยก็มีผิวนุ่มนวล สุขภาพดี ไร้ผดผื่นคันกวนใจแล้ว 

อีกหนึ่งความพิเศษของ Master Rabbit Cala Allantoin Soothing Cream   สามารถใช้ฟื้นฟูผิวของเด็กทุกวัย  โดยเฉพาะหลังลูกโดนยุงกัด มักมีตุ่มบวม รอยแดง และทำให้รู้สึกคันมากเป็นพิเศษ ก่อนที่จะปล่อยให้ลูกเผลอเกาจนเป็นแผล คุณแม่สามารถใช้โลชั่นคาลาไมน์ตัวนี้ทาบาง ๆ ก็จะช่วยบรรเทาอาการข้างต้นเหล่านี้ได้ดีเช่นกัน

ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ทางทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ โลชั่นคาลาไมน์ Master Rabbit Cala Allantoin Soothing Cream   ได้รับรางวัล Rising Star สาขา  BEST SKINCARE FOR KIDS จาก Amarin Baby & Kids Awards 2024

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดีๆ ของผลิตภัณฑ์แบรนด์ Master Rabbit สามารถติดตามได้ ตามช่องทางดังนี้ 

เครื่องปั๊มนม Galaxy III ตัวช่วยคุณแม่ยุคใหม่ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

event

ครั้งแรกกับสุดยอดนวัตกรรมที่คุณแม่ทุกคนรอคอย ของเครื่องปั๊มนม Galaxy III (กาแล็คซี ทรี) ที่พัฒนาอีกขั้นเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคุณแม่ ด้วยฟังก์ชั่นพิเศษที่ให้คุณแม่ยังสามารถปั๊มนมต่อเนื่องขณะอยู่ในท่าเอนนอน 180 องศา  ปั๊มนมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ว้าวไหมล่ะคะ

เชื่อว่าคุณแม่หลายคนรู้จักเครื่องปั๊มนมจาก Attitude Mom แบรนด์ไทยที่ยึดมั่นและพัฒนาเครื่องปั๊มนมอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลิตภัณฑ์มากมายเพื่อรองรับความต้องการของคุณแม่และสนับสนุนให้คุณแม่ยังคงให้นมกับลูกน้อยได้นานที่สุด 

หนึ่งในเครื่องปั๊มนมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คือ รุ่น Galaxy III ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นตัวท็อปสุดในรุ่น เพราะผ่านการคิดค้น พัฒนาและออกแบบให้ครบถ้วนทั้งรูปลักษณ์สวยหรู และคุณสมบัติรอบด้านที่ช่วยให้การปั๊มนมไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก แม้จะดีแล้วแต่ Attitude Mom ยังทำคงพัฒนาไม่หยุดยั้ง จนมาถึงวันนี้ที่ เครื่องปั๊มนม Galaxy III ให้คุณแม่นอนปั๊มนมได้พร้อมกรวยนอนปั๊มนมรุ่นอัพเกรด ให้การนอนปั๊มนมมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในช่วงเวลาที่คุณแม่เหนื่อยล้า หรือตื่นมาปั๊มนมช่วงกลางดึก การได้เอนหลังสักนิดก็ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าได้ไม่น้อย เครื่องปั๊มนม Galaxy III จึงออกแบบกรวยสำหรับ “Sleep Pump” ซึ่งจะช่วยในการนอนปั๊มนมได้ 180 องศา สามารถหลับพักสายตาระหว่างปั๊ม เมื่อร่างกายผ่อนคลาย น้ำนมก็ยิ่งไหลได้ดีขึ้นด้วย

Galaxy III กับ 5 โหมดการทำงานที่ตอบโจทย์คุณแม่สายปั๊ม

  • Massage Mode (Level 1-5) ช่วยนวดกระตุ้น เพิ่มปริมาณน้ำนม
  • Expression Mode (Level 1-7) ดูดน้ำนม ช่วยระบายน้ำนม     
  • 2 in 1 Mode (Level 1 – 7) นวดกระตุ้น 8 ครั้ง ดูดน้ำนม 1 ครั้ง ช่วยในการเพิ่มการไหลของน้ำนมและช่วยบรรเทาอาการ นมคัดตึง ช่วยให้ระบายน้ำนมได้ดี
  • Double Frequency Mode (Level 1-7) ช่วยรีดน้ำนมให้เกลี้ยงเต้ามากขึ้น ป้องกันเต้านมอักเสบเหมาะสำหรับคุณแม่ที่ทิ้งน้ำนมค้างเต้าไว้หลายชั่วโมง
  • Spin Mode (Level 1-3) นวดกระตุ้นเต้านมด้วยแรงดูดต่ำ โดยการดูดถี่ ๆ อย่างรวดเร็ว (เปรียบเสมือนการปั่นหัวนม) เพื่อกระตุ้นต่อมน้ำนมให้เกิดการผลิตน้ำนมและการไหลเวียนของน้ำนมได้ดียิ่งขึ้น

เครื่องปั๊มนม Attitude Mom รุ่น Galaxy III ระบบ 2 มอเตอร์ พร้อมระบบสัมผัสหน้าจอดิจิตอลสุดทันสมัย น้ำหนักเบา พร้อมแบตเตอรี่ ความจุมากถึง 5,200 mAh จึงปั๊มได้ต่อเนื่อง ไม่ต้องเสียบชาร์จบ่อย คุณแม่สามารถเลือกได้ว่าเต้าแต่ละข้างจะปั๊มโหมดไหน ที่ Level เท่าไหร่ เพียงแค่กดเลือกเมนูได้จากหน้าจอ เลิศไม่เหมือนใคร ถ้าเลือกปั๊มเดี่ยว1 มอเตอร์ ได้สูงสุด 13 รอบปั๊ม (รอบละ 30 นาที) ส่วนการใช้งาน 2 มอเตอร์ สามารถปั๊มได้สูงสุด 8 รอบปั๊ม อุปกรณ์ทุกชิ้นของ Attitude Mom เครื่องปั๊มนมคุณภาพได้รับการรับรองมากมายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ และยังได้รับรางวัลมาจากหลายเวที

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ เครื่องปั๊มนม Attitude Mom รุ่น Galaxy III ได้รับรางวัล
Mommy’s Choice สาขา BEST MULTI FUNCTION BREAST PUMP และ
Editor’s Choice สาขา BEST INNOVATIVE BREAST PUMP จาก Amarin Baby & Kids Awards 2024

ข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดี ๆ ของเครื่องปั๊มนม Attitude Mom สามารถติดตามได้ที่

Facebook: Attitude Mom Thailand
Instagram: attitudemom_thailand
Line: @attitudemom
Website: www.attitudemombreastpump.com 
Youtube: Attitude mom Thailand Official
Tiktok: attitudemom_thailand

โรงเรียนอันวิดา โรงเรียนสุดคูล หลักสูตร Finland ที่ทุกการเรียนรู้คือย่างก้าวแห่งความสุข

event

School Visit วันนี้เราจะพาทุกคนมาเยี่ยมชม Anvida School หรือ โรงเรียนอันวิดา ย่านปากเกร็ด นนทบุรี ที่ไม่ได้โดดเด่นแต่รูปลักษณ์ภายนอก แต่หลักสูตรใหม่ หรือ International Program (IP) ก็คือที่สุดเช่นกันค่ะ เพราะเป็นหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากประเทศฟินแลนด์ (ที่ขึ้นชื่อว่าระบบการศึกษาดีที่สุด) เน้นการเรียนรู้ให้เกิดประสบการณ์ “อย่างมีความสุข” ผ่านการเล่น การเคลื่อนไหว อิสระและจินตนาการ ผสานการเรียนรู้แบบองค์รวม

โรงเรียนอันวิดาปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ สถาปัตยกรรมใหม่เพื่อให้ “การเล่น” เป็นสื่อการสอนหลักอย่างแท้จริง

Get to know Anvida School

มาทำความรู้จักกับ 3 หลักสูตรสุดว้าวของโรงเรียนอันวิดากัน

  1. สำหรับทางโรงเรียน – การพัฒนาด้านหลักสูตรและการศึกษาอย่างไม่หยุดยั้ง คือ ความท้าทายที่ผลักดันให้โรงเรียนอันวิดาปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียน
  2. หลักสูตรของโรงเรียนอันวิดา ได้แก่ International Program (อนุบาล+ประถม) English Program (อนุบาล) Triligual Program (ประถม) ขึ้นอยู่กับ Focus ของแต่ละครอบครัว
  3. แต่ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรไหน กิจกรรม HANDS ON ก็ถือเป็นส่วนสำคัญ เด็ก ๆ จะเริ่มเรียนรู้จาก “รูปธรรม – สิ่งที่มองเห็น – สัมผัสจับต้องได้” ก่อนเสมอเพื่อสร้างให้เกิดประสบการณ์ค่ะ

สำหรับ International Program (IP)

เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการให้เด็ก ๆ สามารถใช้ภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งพูด อ่าน เขียน และเน้นการเรียนที่ให้อิสระในการคิดวิเคราะห์

  • จะใช้หลักสูตรปฐมวัยของ FINLAND ที่จัดการเรียนรู้เป็นแบบ Play-Based หรือ การเรียนรู้ผ่านการเล่นนั่นเองค่ะ
  • หลักสูตรฟินแลนด์เน้นพัฒนาเด็กในช่วง 7 ปีแรก เป็นการศึกษาแบบองค์รวม หรือ การให้เด็ก ๆ มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ เช่น การเลือกกิจกรรมด้วยตนเอง การตั้งคำถาม – ตอบคำถาม เด็ก ๆ จะได้ใช้เวลาสร้างประสบการณ์อย่างเต็มที่ โดยไม่ถูกจำกัดการเรียนรู้ หรือ มีลำดับขั้นตอนมากจนเกินไปค่ะ
  • รูปแบบกิจกรรมของ IP 1. เดินเรียนทุกวิชา! ซึ่งแต่ละวิชาก็จะมีห้องเป็นของตัวเอง 2. กิจกรรมในทุก ๆ วัน (โดยเฉพาะการเล่น) จะต้องมีทั้ง Indoor และ Outdoor เพื่อให้เด็ก ๆ มีสุขภาพที่แข็งแรง ผ่านการเล่น + การเคลื่อนไหวค่ะ พูดได้เลยว่าเด็กไม่มีเบื่อเพราะได้เปลี่ยนบรรยากาศทั้งวัน
  • ภายในห้องเรียนจะเน้น Space หรือที่ว่างมาก ๆ เพื่อการเล่น เรียนรู้ ทำกิจกรรมด้วยกัน ภายใต้การตกแต่งให้อบอุ่นเหมือนบ้าน แสงแดดธรรมชาติส่องถึง
  • มี “เวลาเล่น” บรรจุอยู่ในตารางเรียน! หรือที่เรียกกันว่า Play Time Class วันละ 1 คาบ
  • สำหรับหลักสูตร IP จะเรียนภาษาไทยสัปดาห์ละ 1 คาบ ( Play-Based เช่นกัน)
  • คุณครูประจำชั้น 3 ท่าน ( Native speaker 1 ท่าน , คุณครูชาวฟิลิปปินส์ 1 ท่าน และ คุณครูชาวไทย 1 ท่าน)
  • คุณครูและผู้ช่วยทุกท่านจบการศึกษาด้าน Education โดยตรง

ในส่วนของ English Program (EP)

เหมาะสมกับครอบครัวที่มีความต้องการให้ลูกๆ สามารถไปสอบหรือศึกษาต่อในโรงเรียนอื่นๆได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนแนววิชาการ – โรงเรียนสองภาษา – โรงเรียนทางเลือก

  • หลักสูตร EP จะมีสัดส่วนที่เป็นวิชาการเข้มข้นกว่า IP แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการจัดการเรียนรู้ยังคงเป็นรูปแบบ HANDS ON ACTIVITIES สุดสนุกสนานตามสไตล์โรงเรียนอันวิดาค่ะ
  • สัดส่วนการใช้ภาษาแบ่งเป็น ภาษาอังกฤษ 50% ภาษาไทย 50%
  • คุณครู Native speaker เข้ามาสอนเป็นคาบ
  • มี Play Time Class อยู่ในตารางเรียนเช่นเดียวกับ IP ค่ะ
  • คุณครูประจำชั้น 2 ท่านเป็นชาวไทย

ระดับชั้นประถมศึกษามี 2 หลักสูตรได้แก่ International Program (IP) และ Trilingual Program ค่ะหลักสูตร IP (Finland)

  • รับรองหลักสูตรโดยหน่วยงานจากประเทศฟินแลนด์
  • เรียนทุกวิชาเป็นภาษาอังกฤษ ( English, Math, Science, Social Study, P.E., Art และเรียนภาษาไทยวันละ 1 คาบ)

หลักสูตร Trilingual

  • หลักสูตรที่รังสรรค์โดยโรงเรียนอันวิดา ผนวกกับหลักสูตรแกนกลางของกระทรวงศึกษาธิการค่ะ ซึ่งถ้านักเรียนจบชั้น G.6 จากทางโรงเรียนก็สามารถไปต่อหลักสูตร EP หรือ โรงเรียนสายวิชาการอื่น ๆ ได้อย่างไร้กังวล
  • หลักสูตร 3 ภาษานี้ นักเรียนจะใช้ภาษาไทย 50% และ ภาษาต่างประเทศ ( อังกฤษ + จีน ) 50% คู่ขนานกันไป เด็ก ๆ จะเข้าใจและสลับภาษาไปมา ได้อย่างคล่องแคล่ว
  • วิชาที่เรียนเป็นภาษาอังกฤษ 100% ได้แก่ English – Math – Science – Physical Education + วิชาบูรณาการอื่น ๆ

ACTIVITIES AND PLAY – CREATE – CHARACTERS

โรงเรียนอันวิดาให้ความสำคัญกับการสร้าง Character เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นตัวนักเรียนเองหรือคุณครู จึงสะท้อนออกมาเป็น กิจกรรมที่หลากหลาย อุปกรณ์ประกอบการเรียนรู้ที่พร้อมสุดๆ จัดเวลาให้ทุกคนได้เล่นอย่างจุก ๆ ผลคือการพัฒนาตัวตนเด่นชัดและที่สำคัญคือ ทุกคนที่นี่ “อารมณ์ดี”

น้อง ๆ วัยอนุบาล

Play time หรือ ช่วงเวลาแห่งการเล่นอิสระที่บรรจุอยู่ในตารางเรียนของเด็กๆ หากเป็น Outdoor Play Time มักจะเป็นกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การทำความสะอาด จัดโต๊ะอาหาร งานช่าง ฯลฯ หากเด็กๆใช้เวลากับกิจกรรมไหนได้นาน มีแนวโน้มว่าเด็กๆจะค้นพบความชอบ ความถนัดส่วนบุคคลเข้าแล้วละค่ะ ส่วน Indoor Playtime เด็ก ๆ จะหมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนเวียนใช้พื้นที่ตามห้องกิจกรรมต่าง ๆ อาธิ เช่น

  • Build a bear room ฝึกบทบาทสมมุติการแต่งตัวให้เจ้าตุ๊กตาหมี ที่นี่เป็นแหล่งกำเนิด Fashionista ตัวน้อยด้วยนะคะBoard Game Room พี่ ๆ K.3 จะเข้ามาเล่นทุกวัน การเล่น
  • Board Game เป็นการสร้าง Life Skills ชั้นยอดเลยนะคะ เพราะจะมีกระบวนการต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่น การตัดสินใจ เกิดทักษะและมารยาททางสังคม ( ชวนเพื่อนเล่น + การรอคอย ) ฝึกการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หลายครั้งได้เกมส์ใหม่ขึ้นมา
  • Wooden Workshop ที่บูรณาการองค์ความรู้หลายศาสตร์เข้าด้วยกันโดยเฉพาะ STEM เด็ก ๆ จะได้หยิบจับและลงมือสร้างสรรค์ผลงานที่ทำจากไม้ด้วยตัวเอง
  • Shopping Room เป็นอีกห้องที่ใช้เล่นบทบาทสมมุติเช่นกัน เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเงิน การหัดใช้เงิน และหัดคิดเงิน โดยคุณครูจะสลับดึงเด็กๆออกมาเป็นกลุ่มย่อยมาเรียนรู้แบบ Focus ค่ะ
  • นอกจากนี้ยังมี Library Room 2 แห่ง ( English Version และ Thai Version) | Playroom , Play & Learn Room , Together Room
ห้อง Board game
ห้องศิลปะ

พี่ประถม

  • เน้นกิจกรรมรูปแบบ START UP และ การใช้งาน Technology รูปแบบต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21
  • ฝึกการเป็นผู้ประกอบการในสถานการณ์จริง!
  • เริ่มต้นตั้งแต่ คิด – ระดมทุนออกร้าน – โปรโมท – ทำบัญชีรายรับรายจ่าย – ออกร้านหน้างานจริง ลูกค้าจริง ขายไม่หมดจริง ๆ เด็ก ๆ ต้อง Challenge ด้วยการคิดแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
  • ประสบการณ์นี้..หาซื้อไม่ได้แน่นอนค่ะ
  • และในบางงานอาจจะต้องทำการ Pitching โปรเจคนำเสนอต่อผู้บริหารเพื่อขอเงินทุนด้วย
  • ว่าด้วยเรื่อง Technology
  • G.1-3 เรียนวิชา Coding
  • G.4 เป็นต้นไปจะเข้าใช้งาน APPLE LAB เพื่อเรียนรู้และฝึกการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้อง ฝึกทำ Google Sheet เพื่อใช้ทำกิจกรรม Observe หรือ Research ต่างๆ และในเทอมนี้มีการออกแบบ Smart Home ด้วยนะคะ
  • G.5 เรียนรู้การเป็น Game Developer
  • ตัวอย่างผลงานที่สร้างสรรค์ใน APPLE LAB ได้แก่ สร้างเกมส์ – ออกแบบผลิตภัณฑ์ – ประดิษฐ์ ART TOY – เครื่องประดับโดย ใช้ 3D Printer เพราะทุกงานเป็นการบูรณาการทุกศาสตร์ เด็ก ๆ จะได้คิด วางแผน แก้ปัญหา และนำเสนอผลงาน เป็นการสะท้อนความคิดและตัวตนออกมาได้อย่างชัดเจน
  • FYI ทางโรงเรียนได้ร่วมมือกับทาง APPLE THAILAND ในการนำเทคโนโลยีและโปรแกรมมาใช้ในการเรียนการสอน โดยคุณครูจะต้องผ่านการอบรมจาก APPLE THAILAND
  • ที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับโรงเรียนที่เน้น hands on activity อย่างโรงเรียนอันวิดา พี่ประถมจะมีการทำโปรเจค เดี่ยว / คู่ / กลุ่ม
  • ที่นี่มีห้องปฏิบัติการเยอะมาก | ห้องเรียนพิเศษ (Private classroom เพื่อเรียน Robot coding) ,Science Lab , ห้อง Art ,ห้องกระจายเสียง (broadcast) , ห้อง Little chef หรือ แม้กระทั่ง Anvida Hall โรงละครขนาดย่อม ก็จัดว่าเป็นห้องปฏิบัติการเช่นกัน เด็กๆจะมาฝึกเป็นเบื้องหน้า – เบื้องหลัง หน้าฉาก หลังม่าน คุมแสง กันที่นี่ค่ะ
โซนพี่ ๆ ชั้นประถมศึกษา

Mommy Loves This ถูกใจแม่!

  1. สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาล “จะไม่มีการประกวด การแข่งขัน หรือการจัดลำดับ เกิดการเปรียบเทียบ” เพื่อให้เด็กๆได้เติบโตอย่างเป็นตัวของตัวเอง และที่สำคัญโรงเรียนเชื่อว่าเด็ก ๆ ทุกคนมีความเก่งที่แตกต่างกัน
  2. ปลูกฝังให้เด็ก ๆ เห็นคุณค่าของความหลากหลาย ไม่ด้อยค่าใครหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และนั่นคือการ Respect ค่ะ
  3. กิจกรรมพี่ช่วยน้อง – รุ่นพี่จะเป็นผู้พารุ่นน้องไปส่งที่ห้องเรียน หรือ ห้องอาหาร เด็กๆจะรู้จักกันเองทุกคน สร้างความสัมพันธ์ฉันพี่น้องผองเพื่อน และสร้าง Character ความเป็นผู้นำ – ผู้ตามด้วย เยี่ยมไปเลย!
  4. พื้นที่ภายในติดตั้งเครื่องฟอกอากาศมาตรฐานโรงพยาบาล หากค่า PM เกินค่าที่กำหนด เด็กๆจะเรียน P.E. หรือ เล่น playground ภายในอาคารแทน โดยจะมีการวัดค่า PM ในช่วงเช้าเพื่อประเมินว่าวันนี้ควรทำกิจกรรมนอก ภายในอาคารมากกว่ากัน
  5. คุณครูทำหน้าที่แนะนำ + ถ่ายทอดความรู้ + ดูแลเด็กๆอย่างเดียว งานนอกเหนือจากการสอนนั้นจะเป็นหน้าที่ของฝ่ายวิชาการ คุณครูจึงสามารถโฟกัสและใส่พลังได้อย่างเต็มที่
  6. โรงเรียนและคุณครู จะฟังเสียงสะท้อนคิดจากผู้ปกครองเสมอเพื่อช่วยกันพัฒนาโรงเรียนให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
คุณพ่อ คุณแม่รับส่งเด็ก ๆได้ถึงแค่บริเวณหน้าโถงกลางเท่านั้น – เข้าออกทางเดียวเพื่อความปลอดภัย

รับสมัครนักเรียนอายุระหว่าง 2 – 12 ปีรายละเอียดค่าเล่าเรียน : กรุณาติดต่อสอบถามทางโรงเรียนโดยตรง

ที่อยู่ Anvida School

59/843 Mu Ban Mueang Thong Thani Khrongkan 1 Sai A Rd, Khlong KlueaPak Kret District, Nonthaburi 11120Tel. 02-574-5091Line : @anvidaschool ( มีเครื่องหมาย @)

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

keyboard_arrow_up