เด็กหลอดแก้ว

การทำเด็กหลอดแก้วมีราคาเท่าไหร่? รวมข้อมูลแพ็กเกจที่ต้องรู้

เด็กหลอดแก้ว ราคาเท่าไหร่ ซื้อเป็นแพ็กเกจราคาแพงไหม?

การทำเด็กหลอดแก้ว หรือ IVF (In Vitro Fertilization) เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่ช่วยให้คู่รักที่มีปัญหาในการมีบุตรยากสามารถตั้งครรภ์ได้ โดยมีความซับซ้อนและต้องใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สมัย ทำให้การทำเด็กหลอดแก้วมีราคาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งใครที่กำลังหาข้อมูลว่าการทำเด็กหลอดแก้วราคาเท่าไหร่ มีรายละเอียดในการทำอย่างไรบ้าง หรือเลือกซื้อเป็นแบบแพ็กเกจคุ้มกว่าไหม? สามารถหาคำตอบได้ในบทความนี้


เด็กหลอดแก้วคืออะไร มีขั้นตอนอย่างไร?

ก่อนที่จะสำรวจว่าจริง ๆ แล้วเด็กหลอดแก้วราคาเท่าไหร่ ลองมาทำความรู้จักกับการทำเด็กหลอดแก้วกันก่อนว่าคืออะไร ซึ่งการทำเด็กหลอดแก้ว หรือ IVF (In-Vitro Fertilization) คือ การเพิ่มโอกาสในการมีบุตรด้วยการนำไข่ของฝ่ายหญิงและอสุจิของฝ่ายชายมาปฏิสนธิกันภายในหลอดแก้วทดลอง จากนั้นเมื่อมีการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนจนถึงวันที่เหมาะสมแล้ว ตัวอ่อนที่มีคุณภาพนั้นจะถูกนำไปฝังในมดลูกของฝ่ายหญิงและทำให้เกิดการตั้งครรภ์ในที่สุด โดยขั้นตอนของการทำเด็กหลอดแก้ว มีดังนี้

  • ฝ่ายหญิงและฝ่ายชายเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ผู้ชำนาญการด้านภาวะมีบุตรยากเพื่อรับทราบถึงขั้นตอนการเตรียมตัวเบื้องต้น เช่น ควรพักผ่อนให้เพียง ควรเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฝ่ายชายควรงดหลั่งอสุจิอย่างน้อย 5-7 วันก่อนพบแพทย์
  • หลังจากฝ่ายหญิงเข้ารับการตรวจร่างกาย ตรวจวัดระดับฮอร์โมน ตรวจอัลตราซาวนด์แล้ว แพทย์จะทำการฉีดฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นไข่ และให้ทางฝ่ายหญิงนำยาไปฉีดด้วยตัวเองต่อเนื่องนาน 8-12 วัน เพื่อเพิ่มจำนวนการตกไข่
  • เมื่อได้ขนาดไข่ที่ต้องการแล้ว แพทย์จะทำการเจาะเก็บโดยใช้เข็มเจาะดูดผ่านทางช่องคลอด ขณะเดียวกันฝ่ายชายจะต้องไปเก็บอสุจิเพื่อนำอสุจิที่สมบูรณ์มาคัดแยกและผสมกับไข่ในหลอดทดลอง
  • ในช่วงระยะเวลาเลี้ยงตัวอ่อนเมื่อเข้าสู่ระยะที่แข็งแรงเพียงพอแล้ว แพทย์จะทำการย้ายตัวอ่อนในหลอดทดลองมาฝังในโพรงมดลูกของฝ่ายหญิงเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ซึ่งจะทราบผลภายใน 14 วัน

นอกจากขั้นตอนข้างต้น ราคาในการทำเด็กหลอดแก้วอาจเพิ่มขึ้นได้ ในกรณีที่มีขั้นตอนการทำอิ๊กซี่ (ICSI: Intra Cytoplasmic Sperm Injection) หรือการคัดแยกเซลล์อสุจิที่ดีที่สุดเพียง 1 ตัวในการเพิ่มอัตราความสำเร็จในการปฏิสนธิ ซึ่งหากไม่มั่นใจว่าเราเหมาะกับการทำอิ๊กซี่หรือไม่ ควรพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาก่อนตัดสินใจ


เด็กหลอดแก้วราคาเท่าไหร่ แพ็กเกจมีอะไรบ้าง?

สำหรับการทำเด็กหลอดแก้วนั้น ค่าใช้จ่ายจะค่อนข้างสูง ซึ่งมีราคาที่แตกต่างกันไปในแต่ละสถานพยาบาลและแพ็กเกจที่เลือกทำ แต่โดยทั่วไปแล้วการทำเด็กหลอดแก้วจะมีราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 100,000-200,000 บาท ที่อาจรวมเพียงแค่ค่าบริการทางการแพทย์เบื้องต้นเท่านั้น เช่น ค่าแพทย์, ค่าตรวจเลือด, ค่าตรวจอัลตราซาวนด์, ค่าวัดระดับฮอร์โมนร่างกาย ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย

ทั้งนี้ ในการทำเด็กหลอดแก้วอาจมีบริการเสริมอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ค่ายากระตุ้นไข่, ค่าฝากน้ำเชื้อแช่แข็ง, ค่าฝากตัวอ่อนแช่แข็ง, หัตถการในการเก็บไข่หรือย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก หรือแม้แต่ค่าบริการในกระบวนการทำอิ๊กซี่เพื่อให้ผลลัพธ์การทำเด็กหลอดแก้วมีอัตราการสำเร็จมากขึ้น


เด็กหลอดแก้ว

ใครเหมาะกับการทำเด็กหลอดแก้วบ้าง?

ในการทำเด็กหลอดแก้ว ราคาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญในการพิจารณา ขณะเดียวกันควรสำรวจด้วยว่าตัวเองเหมาะกับการทำกระบวนการนี้หรือไม่ ซึ่งกลุ่มคนที่เหมาะกับการทำเด็กหลอดแก้วมีดังนี้

  • คู่สมรสที่ผ่านการแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธีอื่น ๆ มาแล้วแต่ไม่เห็นผล
  • ฝ่ายหญิงที่มีปัญหาในการผลิตไข่หรือมีภาวะไข่ไม่สมบูรณ์
  • ฝ่ายหญิงที่มีปัญหาทางกายภาพ เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) ท่อนำไข่เสียหาย ท่อนำไข่ตีบตัน ปากมดลูกตีบแคบ มดลูกผิดรูป ที่ไม่เพียงแต่จะส่งผลให้เกิดภาวะมีบุตรยากแล้วยังทำให้การทำเด็กหลอดแก้วมีราคาสูงขึ้นได้อีกด้วย
  • ฝ่ายหญิงมีระดับฮอร์โมนที่ผิดปกติ หรือมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เช่น กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) ภาวะรังไข่ล้มเหลวก่อนวัยอันควร (POF)
  • ฝ่ายหญิงที่ผ่านการทำหมันด้วยการผูกหรือตัดท่อนำไข่ และฝ่ายชายที่ผ่านการทำหมันด้วยการผูกท่อน้ำอสุจิมาแล้ว แต่ต้องการมีบุตร
  • ฝ่ายหญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป ที่ประสบปัญหาโอกาสการตั้งครรภ์ลดลง
  • ฝ่ายชายที่มีปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพน้ำอสุจิ เช่น จำนวนอสุจิต่ำ อสุจิเคลื่อนไหวได้ไม่ดี ซึ่งส่วนนี้ในขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้วอาจมีราคาเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องตรวจสอบความสมบูรณ์หรือคุณภาพของอสุจิให้ได้มากที่สุด

การทำเด็กหลอดแก้วมีอัตราความสำเร็จสูงไหม?

การทำเด็กหลอดแก้วมีราคาค่อนข้างสูง เพราะต้องอาศัยเทคโนโลยีและความชำนาญการของแพทย์ในการรักษา แต่ในเวลาเดียวกันก็มีอัตราความสำเร็จที่ค่อนข้างสูงกว่าการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธีอื่น ๆ

ทั้งนี้ อัตราความสำเร็จในการทำเด็กหลอดแก้วขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ที่เหมาะสม เช่น อายุของฝ่ายหญิงที่ยิ่งอายุเยอะ โอกาสที่จะตั้งครรภ์จะลดลง, สาเหตุของภาวะมีบุตรยากของฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย, คุณภาพของไข่และอสุจิ, พฤติกรรมการใช้ชีวิต รวมถึงคุณภาพของตัวอ่อนที่เกิดขึ้นหลังจากการปฏิสนธิภายในหลอดทดลอง


เด็กหลอดแก้วราคาเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดแพงไหม?

การทำเด็กหลอดแก้วเป็นทางเลือกที่มีประโยชน์สำหรับคู่รักที่มีปัญหาการมีบุตร โดยเฉพาะในกรณีที่มีปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อความสามารถในการตั้งครรภ์ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถช่วยให้เข้าใจถึงความเหมาะสมและทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละคนได้อย่างชัดเจน รวมถึงการพิจารณาเด็กหลอดแก้ว ราคาเพื่อให้เหมาะสมกับงบประมาณที่มีอยู่

สนใจปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำเด็กหลอดแก้ว ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ มีขั้นตอนอย่างไร หรือมีข้อควรรู้อะไรบ้างก่อนตัดสินใจทำ สามารถปรึกษา Beyond IVF ได้ที่ช่องทางการติดต่อด้านล่างนี้


    Tags

    CAMPUS ROADSHOW 2025 โรงเรียนราชินี

    💖 มาแล้วจ้า ! ภาพบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกและรอยยิ้มของเด็ก ๆ ในงาน Amarin Baby & Kids CAMPUS ROADSHOW 2025 ร่วมกับ โรงเรียนราชินี #Shoolvisit วันที่ 31 ก.ค.68

    ✨ กับกิจกรรม “ปล่อยพลัง สร้างจินตนาการ และรู้จักการเอาตัวรอด” ผ่านฐานความสนุกต่าง ๆ ทั้งFirst Aid & Survival Skills Workshop

    👫กิจกรรมเรียนรู้ทักษะการเอาตัวรอด ที่นอกจากช่วยให้เด็กๆปลอดภัยในยามคับขัน

    👩‍🎤Self-Regulation Training เรียนรู้การฝึกทักษะในการควบคุมตนเองและสร้างความมั่นใจ ความกล้าควบคู่ไปกับการเล่น Story time

    🧚‍♀️นิทานมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภาษาและการรับรู้ สร้างเสริมจินตนาการ พัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กในหลาย ๆ ด้าน

    และพิเศษสุด! ครั้งนี้เรามี ผู้สนับสนุนใจดีอย่าง Foremost Omega, NARAK , SAKER ,แอนมัม และKODOMO มาร่วมเติมเต็มความสุข พร้อมแจกของที่ระลึกมากมาย วันนี้เด็ก ๆ ได้สนุก ได้เรียนรู้และได้ใช้จินตนาการผ่านกิจกรรมต่าง ๆ กันเต็มที่

    Amarin Baby & Kids ต้องขอบคุณน้อง ๆ และคุณครูจากโรงเรียนราชินีทุกท่านที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้า ที่โรงเรียนเพลินพัฒนา วันที่ 2 ส.ค. 68 โรงเรียนนวพัฒน์วิทยา วันที่ 4 ส.ค. 68 โรงเรียนบีคอนเฮาส์ แย้มสอาด ลาดพร้าว วันที่ 4 ส.ค. 68 และโรงเรียนทอสี วันที่ 6 ส.ค. 68 นี้ค่า

    #AmarinBabyandKidsCAMPUSROADSHOW2025 #Schoolvisit #ForemostOmegaSmartGold #NARAK #SAKER #แอนมัม #KODOMO #หนูทดลองLittleExplorers

      Tags

      โรงเรียนอนุบาลเทพารักษ์ เรียนเล่นสมวัย ชีวิตก้าวไกล เพราะเริ่มต้นดี

      ย่านสมุทรปราการ มีโรงเรียนอนุบาลคุณภาพดี ที่ทีมแม่ ABK อยากแนะนำให้รู้จักค่ะ เป็นโรงเรียนขนาดย่อมที่มีบรรยากาศน่ารัก อบอุ่น ใส่ใจและคิดถึงเด็ก ๆ ก่อนเสมอ และมีหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อเด็ก ๆ โดยเฉพาะอีกด้วย โรงเรียนนี้คือ “โรงเรียนอนุบาลเทพารักษ์

      โรงเรียนอนุบาลเทพารักษ์ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2528 เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาล – อนุบาล 3 บริหารโรงเรียนโดยทีมผู้บริหารรุ่นใหม่ อย่าง ครูไหม – ศุลีพร ทรัพย์ประเสริฐ ผู้อำนวยการ ,ครูเพลง – ต้องตา จิตดี ผู้จัดการ และ Learning Visionary, และครูโน๊ต – คณณัฐ ประเสริฐวิทย์ ครูวิชา Outdoor Skill จุดเริ่มต้นหรือแรงบัลดาลใจในการก่อตั้งโรงเรียนต้องย้อนไปเมื่อ 40 ปีก่อนค่ะ

      สมัยก่อน โรงเรียนย่านสมุทรปรการค่อนข้างน้อย คุณย่าทวดของครูเพลง (คุณมณเฑียร ไหลมา) ท่านเห็นความสำคัญของการศึกษาและอยากให้มีโรงเรียนอนุบาลดี ๆ ในย่านนี้ จึงชวนคุณแม่ของครูเพลง (คุณต้องจิตต์ จิตดี) มาช่วยกันทำโรงเรียน

      โดยมีญาติหลาย ๆ คนมาช่วยกันซัพพอร์ท ซึ่งหนึ่งในที่ปรึกษาของโรงเรียนคือ “ครูหวาน” ธิดา พิทักษ์สินสุข นายกสมคมอนุบาล บ้านหลังน้อยและสวนมะม่วงขนาดย่อมแห่งนี้ ก็ถูกปรับปรุงให้กลายเป็นโรงเรียนอนุบาลน่ารัก ๆ ที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้และพื้นที่สีเขียว โดยใช้หลักสูตรบูรณาการมาตั้งแต่เริ่มแรก เพื่อให้เด็กได้ เรียน เล่น สมวัย มีชีวิตก้าวไกล เพราะเริ่มต้นดี ตามคำขวัญของโรงเรียน

      เรียนรู้แบบบูรณาการ

      เด็ก ๆ ที่นี่จะได้เรียนเป็นหน่วยการเรียนรู้ต่าง ๆ ค่ะ โดยไม่แยกเป็นวิชา ทางโรงเรียนนำเอาหลักสูตรแกนกลางของกระทรวงศึกษาธิการมาเป็นตัวตั้งในการทำหน่วยเรียนรู้ต่าง ๆ ซึ่งในหนึ่งหน่วยการเรียนรู้ก็สามารถแตกออกเป็นกิจกรรม ที่แทรกความรู้และวิชาต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น

      ช่วงเดือนนี้เรียนเรื่อง “กินดี มีพลัง” เด็ก ๆ จะได้เรียนเรื่อง อาหาร 5 หมู่ เรียน Cooking แสนสนุก ได้รู้จักคำศัพท์ใหม่ ๆ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เรียนรู้รสชาติอาหาร วัตถุดิบ ต่าง ๆ ได้ทดลองสัมผัส ดม ชิม เป็นการผสมผสานวิชาภาษาไทย วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ศิลปะเข้าไว้ด้วยกัน ได้หัด วัด ชั่ง ตวง ได้ฟังนิทาน และเล่นบทบาทสมมุติ เป็นคนขายอาหาร คนซื้ออาหาร

      การเรียนโดยได้ลงมือทำด้วยตนเองแบบนี้ เด็ก ๆ จะจดจำได้ดีมากกว่าการเรียนในห้องและการท่องจำค่ะ หรือในช่วงหน้าฝน เด็ก ๆ ก็จะได้เรียนเรื่องฝน เสียงของฝน เสียงใบไม้ไหวและสัตว์ที่ชอบออกมาในหน้าฝน เรียนรู้ผ่านการเล่นและเชื่อมโยงธรรมชาติ บางครั้งก็ใช้เพลง หรือศิลปะ เข้ามาผสมผสานด้วย

      ทางโรงเรียนให้เวลากับแต่ละหน่วยค่อนข้างเยอะ อาจกินเวลาประมาณ 1-2 อาทิตย์ เพื่อให้เด็กเข้าใจอย่างแท้จริง ความเข้มข้นของรายละเอียดวิชาต่าง ๆ ก็จะแตกต่างกันออกไปตามระดับชั้น การเรียนรู้แบบบูรณาการช่วยให้เด็กเกิดความอยากรู้อยากเห็น เกิดการค้นคว้าและหาคำตอบด้วยตนเอง ทำให้เด็กสนุกและซึมซับความรู้อย่างเป็นธรรมชาติ

      พัฒนาทักษะสมอง EF (Executive Function)

      โรงเรียนให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะสมอง หรือ EF ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับเด็ก ๆ ในยุคปัจจุบัน ที่จะช่วยให้เด็กมีกระบวนการทางความคิด สามารถควบคุมตนเอง ควบคุมอารมณ์ ยั้งคิด ไตร่ตรอง ยืดหยุ่น และรู้จักวางแผนและคิดอย่างเป็นระบบ ซึ่งการส่งเสริมทักษะ EF ควบคู่ไปกับการพัฒนาจิตใจที่อ่อนโยน มีความสุขง่าย และพร้อมเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นรากฐานที่ดีให้กับเด็ก

      Project Approach (การสอนแบบโครงการ)

      เป็นการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้เด็กมีส่วนร่วมและกระตุ้นให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ได้เรียนรู้ในสิ่งที่เด็กสนใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเด็ก และยังช่วยส่งเสริมทักษะต่าง ๆ เช่น การสำรวจ การสืบค้น การจดบันทึก และการคิดวิเคราะห์ เพื่อให้ได้ข้อมูลและความรู้ต่าง ๆ ตามเรื่องที่เด็กสนใจ ใช้ความคิดสร้างสรรค์และสรุปออกมาเป็นชิ้นงาน เมื่อจบภาคเรียนที่ 1 จะมีการจัดนิทรรศการ โครงงานของพี่ ๆ อนุบาล 3 ในหัวข้อและเรื่องที่ตนเองสนใจ

      จากความรักที่มีต่อหนังสือ สู่การร้อยเรียงนิทาน ต่อยอดสู่เวทีละครเพลง

      ส่วนช่วงปลายปีก็จะได้แสดงละคร บทบาทสมมุติ จากนิทานหรือเรื่องที่เด็ก ๆ ช่วยกันแต่งขึ้นเอง เด็ก ๆ จะแบ่งหน้าที่ในการวาดรูป การเขียนเนื้อเรื่อง เมื่อทำนิทานเสร็จแล้ว ก็จะแบ่งบทบาทตัวละคร แบ่งหน้าที่การทำฉากต่าง ๆ เพื่อจัดแสดงในช่วงปลายปีค่ะ ในทุกขั้นตอน เด็กๆ ได้เรียนรู้และบูรณาการทักษะต่างๆ ทั้งภาษา ดนตรี ศิลปะ การเคลื่อนไหว รวมถึงการทำงานเป็นทีมและการเคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง ที่สำคัญ เด็ก ๆ ได้พัฒนา “Self ” — การเห็นคุณค่าในตนเอง และเข้าใจความหมายของการสร้างสรรค์สิ่งสวยงามร่วมกับผู้อื่นด้วย

      กิจกรรมพิเศษที่อนุบาลเทพารักษ์ (Special Activities)

      นอกจากวิชาทั่วไปแล้ว ทางโรงเรียนยังมีกิจกรรมพิเศษ ซึ่งมีมากมาย เช่น

      Story Club & Play Lab ชมรมนิทานและห้องทดลองแห่งการเล่น ที่จะเชื่อมโยงเด็ก ๆ กับธรรมชาติและความหลากหลายของชีวิต และพาเด็ก ๆ ออกเดินทางสู่โลกแห่งนิทาน พร้อมทำกิจกรรมต่อยอดจากนิทานต่าง ๆ เช่น ร้องเพลง เคลื่อนไหว หรือสร้างสรรค์งานศิลปะจากเรื่องราวที่ได้ฟัง

      เรียนดนตรีแบบ Orff ในยุคที่การเรียนการสอนแบบเคร่งเครียด การเรียนดนตรีแบบ Carl Orff จะช่วยให้เด็ก ๆ ผ่อนคลายได้มากเลยค่ะ เพราะ Orff เป็นการเรียนดนตรีที่ไม่ใช่เพื่อให้เด็กเล่นดนตรีได้ค่ะ แต่ดนตรี Orff เป็นเครื่องมือที่จะพาเด็ก ๆ ให้เชื่อมโยงกัน หรือสร้างสรรค์อะไรบางอย่าง

      เรียนสนุกและไม่กดดันเด็ก เรียนรู้ธรรมชาติช่วยเสริมความคิดสร้างสรรค์พร้อมกับการฝึกวินัย ฝึกรอคอย ยับยั้งช่างใจ ฝึกวิเคราะห์ อีกด้วย ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาทักษะทางดนตรีและทักษะอื่น ๆ อีกมากมาย และต่อยอดได้อย่างไร้ขีดจำกัด จึงสำคัญมาก ๆ สำหรับเด็กในยุคนี้ค่ะ เด็กที่โรงเรียนอนุบาลเทพารักษ์จะได้เรียนดนตรี Orff กันตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาลจนถึงอนุบาล 3 เลยค่ะ เรียกได้ว่า เริ่มต้นดีที่นี่ เด็ก ๆ ก็จะมีชีวิตดีและก้าวไกลแน่นอนค่ะ

      Outdoor Skill ชวนเด็ก ๆ มาเรียนรู้การพึ่งพาตนเองและการใช้ชีวิตกลางแจ้ง เช่น การสำรวจธรรมชาติ การทำสวน การเรียนรู้ที่มาของอาหาร การสร้างเครื่องมือเครื่องใช้ ผ่านการสังเกต เรียนรู้และเชื่อมโยงธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง

      Creative Art & Craft ชั่วโมงศิลปะของที่นี่ เต็มไปด้วยเรื่องราวที่จะชวนเด็ก ๆ ให้กล้าคิดนอกกรอบอย่างเป็นธรรมชาติ ได้ลงมือสร้างสรรค์ผลงานด้วยตนเอง และสัมผัสโลกรอบตัวผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5

      Inner Light Studio พื้นที่ศิลปะที่ชวนเด็ก ๆ มาหยุดฟังเสียงข้างใน ผ่านการวาด ระบาย ปั้น อย่างอิสระ ช่วยให้เด็กเข้าใจอารมณ์ของตนเอง และสะท้อนความรู้สึกของตนเอง

      English for Communication การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจำวันผ่านกิจกรรมสนุกสนานและมีความหมาย เพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสาร ฟัง พูด และความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษ

      Field Trip เรียนรู้นอกห้องเรียน สำรวจโลกใหม่ สัมผัสผู้คน ชีวิต สถานที่และธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้เด็ก ๆ

      ทีมครูคุณภาพ

      คุณครูที่นี่จะเปรียบเสมือนเป็นเพื่อนที่รู้ใจคนหนึ่งของเด็ก ๆ และต้องทำความเข้าใจความรู้สึกของเด็กให้ได้มากที่สุดคุณครูทำงานหนักเพื่อเด็ก ๆ มีพลังและรักเด็ก ใกล้ชิดกับเด็กและสนิทกับเด็ก ๆ จะเป็นครูที่โรงเรียนอนุบาลเทพารักษ์ได้ ต้องมี Passion รักในอาชีพครู รักเด็ก และเข้าใจเด็ก ก็จะช่วยให้ทั้งครูและเด็กนักเรียนที่นี่มีความสุขค่ะ

      โรงเรียนอนุบาลเทพารักษ์
      เรียนรู้ธรรมชาตินอกห้องเรียนกับ Teacher
      โรงเรียนอนุบาลเทพารักษ์
      คุณครูใส่ใจดูแลใกล้ชิด
      มุมปลูกผัก ในโรงเรียน
      โรงเรียนอนุบาลเทพารักษ์
      จากซ้ายไปขวา ) ครูไหม – ศุลีพร ทรัพย์ประเสริฐ ผู้อำนวยการ , ครูเพลง – ต้องตา จิตดี ผู้จัดการ และ Learning Visionary ,ครูโน๊ต – คณณัฐ ประเสริฐวิทย์ ครูวิชา Outdoor Skill

      Mommy’s Love This ถูกใจแม่!

      1. จำนวนนักเรียนต่อห้อง ไม่เกิน 25 คน ต่อคุณครู 2 คน และสำหรับชั้นเตรียมอนุบาลอัตราส่วน 1 : 8  เป็นสัดส่วนที่คุณครูสามารถดูแลเด็ก ๆ ได้ทั่วถึงค่ะ 
      2. โรงเรียนเป็นรูปแบบบูรณาการ แต่ก็ไม่ลืมเรื่องวิชาการ และ Skill ในการใช้ชีวิต เพื่อเสริมพิเศษให้เด็กอนุบาล 3 ที่จะต้องเรียนต่อยังชั้นประถม แต่ก็ไม่ถึงขนาดเร่งเรียนจนเกินไป ช่วยให้เด็กปรับตัวได้ง่ายขึ้นเมื่อต้องขึ้นชั้นประถมค่ะ
      3. วิชาภาษาอังกฤษ เด็ก ๆ จะได้เรียนกับ Teacher ชาวต่างชาติ เรียนสัปดาห์ละ 3-5 คาบ ถ้าเด็กโตจะเรียนเพิ่มขึ้นนอกจากนี้คุณครูจะพยายามแทรกภาษาอังกฤษเข้าไปในทุก ๆ วิชาให้กับเด็ก ๆ  พี่ ๆ ชั้นอนุบาล  3 จะได้เรียน Phonics ส่วนน้อง ๆ จะเน้น Conversation เป็นหลัก ซึ่งเป็นการเรียนเพื่อให้เด็กซึมซับภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ
      4. คุณครูที่นี่มีพลังเหลือล้นที่จะให้ความรู้และดูแลเด็ก ๆ ค่ะ เราสัมผัสได้จากแววตาและร้อยยิ้มของคุณครูและเด็ก ๆ 
      5. โรงเรียนมีพื้นที่สีเขียว มีต้นไม้น้อยใหญ่และสนามเด็กเล่นหลายจุด สภาพแวดล้อมและบรรยากาศน่าเรียน ก็ยิ่งช่วยทำให้เด็กรู้สึกผ่อนคลายพร้อมเรียนรู้มากขึ้น

      ค่าเทอม ปีการศึกษา 2569 – เทอมละ 52,500 บาท

      บทความโดย : แม่เลม่อน

      ภาพถ่าย : นันทิยา บุษบงค์


      เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – ไปสำรวจโลกของไดโนเสาร์พันธุ์ไทยและเหล่าสัตว์ดึกดำบรรพ์
      กับนิทรรศการ Thainosuar (ไทยโนซอร์)

      โรงเรียนอนุบาลเทพารักษ์ (Teparak Kindergarten School)

      Tags

      CAMPUS ROADSHOW 2025 โรงเรียน ณ ดรุณ

      💖 ประมวลภาพบรรยากาศแสนสนุก ในงาน Amarin Baby & Kids CAMPUS ROADSHOW 2025 ร่วมกับ โรงเรียน ณ ดรุณ #Shoolvisit วันศุกร์ที่ 25 ก.ค.68 เวลา 9.00 -11.00 น.

      ✨ กับกิจกรรม “ปล่อยพลัง สร้างจินตนาการ และรู้จักการเอาตัวรอด” ผ่านฐานความสนุกต่าง ๆ ทั้ง

      First Aid & Survival Skills Workshop 👫
      กิจกรรมเรียนรู้ทักษะการเอาตัวรอด ที่นอกจากช่วยให้เด็กๆปลอดภัยในยามคับขัน

      👩‍🎤Self-Regulation Training
      เรียนรู้การฝึกทักษะในการควบคุมตนเองและสร้างความมั่นใจ ความกล้าควบคู่ไปกับการเล่น

      Story time🧚‍♀️
      นิทานมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภาษาและการรับรู้ สร้างเสริมจินตนาการ พัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กในหลายๆด้าน

      โดยมีผู้ใหญ่ใจดีอย่าง Foremost, NARAK และ SAKER ที่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสุขให้กับน้องๆ 🙏✨ งานนี้เด็ก ๆ สนุกสนานและได้ความรู้กันแบบจัดเต็ม

      Amarin Baby&Kids ต้องขอบคุณเด็ก ๆ และคุณครูจากโรงเรียน ณ ดรุณ ทุกท่านที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้า ที่โรงเรียนอันวิดา วันที่ 30 ก.ค. 68 นี้ค่า

      #AmarinBabyandKidsCAMPUSROADSHOW2025 #Schoolvisit #Foremost #NARAK #SAKER #หนูทดลองLittleExplorers #โรงเรียนณดรุณ


      ณ ดรุน

      • ที่อยู่ : 518/22 ซ.สหการประมูล ถ.ประชาอุทิศ แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง, กรุงเทพฯ, 10310
      • Facebook : https://www.facebook.com/nadaroon/
      • Website : https://www.nadaroon.ac.th/
      • เบอร์โทรศัพท์ : 0 2957 5550-2

      Tags

      Mustela Happy Sensory Play

      Mustela Happy Sensory Play เปิดโลกแห่งสัมผัส…เสริมพัฒนาการลูกน้อยอย่างอ่อนโยน

      “สัมผัส” อาจดูเหมือนเรื่องธรรมดา แต่ในโลกของเด็กเล็ก มันคือภาษารักที่ลึกซึ้ง ภาษาที่เชื่อมโยงแม่ลูกและเป็นก้าวแรกของการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดในชีวิต

      ด้วยความเชื่อมั่นในพลังของการสัมผัส Mustela แบรนด์แม่และเด็กจากฝรั่งเศส ยอดขายอันดับ 1 ในยุโรป มีความเชี่ยวชาญเรื่องผิวเด็กกว่า 70 ปี จึงจัดกิจกรรม Mustela Happy Sensory Play ขึ้นในวันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม 2568 @Playville สุขุมวิท 49 ภายใต้แนวคิด “พลังแห่งสัมผัส คือจุดเริ่มต้นของพัฒนาการที่ดีของลูกน้อย” เปิดโอกาสให้ครอบครัวได้สัมผัสช่วงเวลาสุดอบอุ่น ผ่านการเล่นในรูปแบบ Sensory Play ที่กระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 — ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้และพัฒนาทักษะสำคัญในวัยแรกเริ่ม

      กิจกรรมถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เน้นความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก ความรัก ความอ่อนโยน และความเข้าใจในธรรมชาติของผิวบอบบาง ผ่านการสื่อสารแบบไม่ใช้คำพูด แต่ใช้ “สัมผัส” ผ่านกิจกรรมในแต่ละฐาน ด้วยวัสดุธรรมชาติที่ปลอดภัยและการเล่นร่วมกันอย่างใกล้ชิด

      และเพื่อให้ประสบการณ์ในทุกสัมผัสนั้นอ่อนโยนที่สุด Mustela ยังได้แนะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์ Very Sensitive Skin ที่ออกแบบมาเพื่อเด็กที่มีผิวบอบบาง-แพ้ง่ายเป็นพิเศษ มีส่วนผสมจาก Schisandra Berry ช่วยปลอบประโลม บรรเทาอาการระคายเคืองผิว ทุกผลิตภัณฑ์อ่อนโยน ปลอดภัย และผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวเด็กโดยเฉพาะ ให้คุณแม่มั่นใจว่าทุกการสัมผัสของลูกจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด

      💧Soothing Cleansing Gel – เจลอาบน้ำสูตรอ่อนโยน ปลอบประโลมผิวแพ้ง่าย บรรเทาอาการอักเสบ ระคายเคือง พร้อมกักเก็บความชุ่มชื้น

      🌿Soothing Moisturizing Lotion – โลชั่นบำรุงผิวที่บางเบา ให้ความชุ่มชื้นยาวนาน รู้สึกสบายผิวทันที่หลังใช้ ซึมไวไม่เหนอะหนะ
      🧴Soothing Moisturizing Face Cream – ครีมบำรุงผิวหน้าสำหรับเด็ก สำหรับผิวบอบบางแพ้ง่ายโดยเฉพาะ

      Mustela เชื่อว่าทุกการเล่น สัมผัส และรอยยิ้มที่เกิดขึ้นในงานนี้นี้ คือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการที่ดีของลูกน้อย Mustela ขอร่วมดูแลด้วยความอ่อนโยนเคียงข้างแม่ๆ ในทุกวัน

      สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ Mustela ได้ที่ร้านขายยา Boots Retail ทุกสาขา, ร้าน BFF ทั้ง 5 สาขา, www.bffbkk.com​ และช่องทางออนไลน์ Lazada และ Shopee Official Store : Mustela

      #มูสเตล่าเพื่อผิวบอบบางของหนู


        Tags

        ไปสำรวจโลกของไดโนเสาร์พันธุ์ไทยและเหล่าสัตว์ดึกดำบรรพ์ กับนิทรรศการ Thainosuar (ไทยโนซอร์)

        ชวนเด็กๆมาย้อนเวลา เปิดโลกเสมือนจริงกับนิทรรศการที่ต่อยอดจินตนาการมาในแบบที่จับต้องได้ กับนิทรรศการ Thainosuar เรียกได้ว่าตื่นตาตื่นใจตั้งแต่ทางเข้า ภายในนิทรรศการแบ่งออกเป็นยุคต่าง ๆ ทั้ง 3 ชั้นตามช่วงเวลา

        ก่อนเข้าพิพิภัณฑ์แวะเดินเล่นด้านหน้าโซนกลางของท่าพิพิธภัณฑ์ สนุกกับช้างตัวโต ไดโนเสาร์ตัวยักษ์กันก่อน
        เริ่มตั้งแต่ทางเข้าด้านหน้า ส่วนประชาสัมพันธ์และขายบัตรด้านหน้า มีเล่าเรื่องราวของสัตว์ดึกดำบรรพ์ และเหล่าเทอโรซอร์ รวมถึงของที่ระลึก น้องวาวาทดลองเป็นไดโนซอร์ตัวน้อยกันสักหน่อย

        เริ่มจากชั้น 1 ที่จัดแสดง “มหายุคพาลีโอโซอิก” (Paleozoic Era) ที่รวมสัตว์ดึกดำบรรพ์อายุเก่าแก่กว่าไดโนเสาร์ และ “ยุคไทรแอสซิก” (Triassic Period) เอาไว้ และเกิดช่วงเวลาสำคัญนั่นคือเป็นช่วงเวลาที่ไดโนเสาร์ซอโรพอดอย่าง อีสานโนซอรัส ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกบนโลกใบนี้

        มหายุคพาลีโอโซอิก” (Paleozoic Era) ที่รวมสัตว์ดึกดำบรรพ์อายุเก่าแก่กว่าไดโนเสาร์ ทั้งไฟโตซอร์ สัตว์เลื้อยคลานที่หน้าตาคล้ายจระเข้ และอื่น ๆ

         เมื่อเดินขึ้นไปชั้นที่ 2 เราต้องว้าวอีกครั้ง เพราะจัดแสดงยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของไดโนเสาร์คือ “ยุคจูแรสซิก” (Jurassic Period) และเต็มไปด้วยไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่ และ “ชาละวัน ไทยแลนดิคัส” (Chalawan thailandicus) พญาจระเข้ขนาด 8 เมตร และ “ยุคครีเทเชียส” (Cretaceous Period) ซึ่งรวมไดโนเสาร์ที่มีชื่อเสียงของไทย ทั้งสยามโมไทรันนัส, ภูเวียงโกซอรัส, กินรีไมมัส รวมไปถึงสยามโมซอรัส เอาไว้อย่างตื่นตาตื่นใจ 

        ไดโนเสาร์มีสีและมีขนด้วยนะ!  ซึ่งสีของไดโนเสาร์ นี้เกิดจากร่องรอยเมลาโนโซม (Melanosome) กระเปราะเม็ดสีของผิวหนังและสีขนที่แท้จริงของไดโนเสาร์ที่มีความใกล้เคียงกับสีของนก
        “ยุคจูแรสซิก” (Jurassic Period) และเต็มไปด้วยไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่ และ “ชาละวัน ไทยแลนดิคัส” (Chalawan thailandicus) พญาจระเข้ขนาด 8 เมตร และ “ยุคครีเทเชียส” (Cretaceous Period) ซึ่งรวมไดโนเสาร์ที่มีชื่อเสียงของไทย

         ส่วนชั้น 3 จะจัดแสดงช่วงเวลาของยุค “CRETACEOUS CENOZOIC”  ยุคสุดท้ายของไดโนเสาร์ไทย มีการจัดแสดงโครงกระดูกไดโนเสาร์จริงและจำลอง  ต้องไม่พลาดไปชมไฮไลท์หลักนั่นคือ โครงกระดูกภูเวียงโกซอรัสและสยามแรพเตอร์ รวมถึงไดโนเสาร์กินพืชต่างๆก่อนถึงยุคการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของไดโนเสาร์  

        ความน่าตื่นเต้นในทุกๆชั้น คือพื้นที่นิทรรศการกลายเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตในยุคดึกดำบรรพ์แบบสมจริง เหมือนเราได้เดินทางย้อนเวลาไปสำรวจป่าเขตร้อนยุคครีเทเชียสของภาคอีสาน และที่ราบลุ่มริมแม่น้ำ มีการจำลองสัตว์ดึกดำบรรพ์สายพันธุ์ไทยที่กว่า 20 กว่าสายพันธุ์ ทั้ง ไดโนเสาร์ ฉลาม จระเข้ ช้างโบราณ เราได้เห็นการเคลื่อนที่ของสัตว์แต่ละชนิดผ่านแอนิเมชันแบบสมจริง

        “CRETACEOUS CENOZOIC”  ยุคสุดท้ายที่มีไฮไลท์หลักนั่นคือ โครงกระดูกภูเวียงโกซอรัสและสยามแรพเตอร์ รวมถึงไดโนเสาร์กินพืชต่างๆก่อนถึงยุคการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของไดโนเสาร์

        และเชื่อว่าเด็กๆต้องตาโตแบบเรา เมื่อได้เห็นไดโนเสาร์หุ่นจำลองที่ออกแบบพื้นที่และท่าทางให้เหมือนดำรงชีวิตอยู่ในธรรมชาติจริงๆ (Life-sized Model) ทั้งของไดโนเสาร์และสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ค้นพบในประเทศไทย โดยสร้างขึ้นจากทีมศึกษาข้อมูลงานวิจัยทางบรรพชีวินวิทยาแบบลงลึก ทำให้หุ่นจำลองทุกตัวถูกปั้นและลงสีด้วยความประณีต ทั้งทางกายภาพ พื้นผิว กล้ามเนื้อไปจนถึงร่องรอยบาดแผล ทำให้ผู้ชมอย่างเรา เหมือนได้อยู่ในบรรยากาศนั้นจริงๆ อย่าง “สยามโมซอรัส” กำลังล่าเหยื่อท่ามกลางสภาพแวดล้อมจริง รวมถึง “สเตโกซอร์” (ไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง ซึ่งค้นพบในประเทศไทย) ก็นำมาจัดแสดงขนาดเท่าตัวจริงสะบัดหนามแหลมคมที่ปลายหาง เพื่อป้องกันตัวเองจากนักล่า อย่าง “ไทแรนโนซอรอยด์” อีกด้วย ซึ่งการจัดแสดงนี้เป็นความร่วมมือของหลายส่วน โดยมี นักวิจัยด้านบรรพชีวินวิทยารุ่นใหม่ อยู่เบื้องหลังในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านบรรพชีวินวิทยาและสัตววิทยา (Palaeontology and Zoology)

        แต่ที่เราทึ่งที่สุด คือ ไดโนเสาร์มีสีและมีขนด้วยนะ! ซึ่งสีของไดโนเสาร์ นี้เกิดจากร่องรอยเมลาโนโซม (Melanosome) กระเปราะเม็ดสีของผิวหนังและสีขนที่แท้จริงของไดโนเสาร์ที่มีความใกล้เคียงกับสีของนก ทำให้นักบรรพชีวินวิทยาทราบว่าไดโนเสาร์บางตัวมีสีสันสวยกว่าที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์หรือนิทรรศการทั่วไป ซึ่งไดโนเสาร์พันธุ์ไทยเองก็อาจจะมีสีสันสวยงามใกล้เคียงกับนก มากกว่าสีที่เราเคยเห็นกันผ่านภาพยนตร์

        ไม่ใช่แค่ไดโนเสาร์ ในนิทรรศการได้เชิญ 4 ศิลปินไทยชื่อดัง คือ ฮ่องเต้-กนต์ธร เตโชฬาร, ปั๋น-ดริสา การพจน์, มอ ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ์ และ จิรภาส เจริญพร มาร่วมตีความเรื่องราวของไดโนเสาร์และสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆได้อย่างดีเลย

        วิทยากรนำชม พี่เทียน- วรทย์ ธุวดารากุล จากเพจไดโนเสาร์เล่าแบบไทยๆ  เล่าสนุก ฟังเพลิน ได้ความรู้ใครสนใจเรื่องไดโนเสาร์เหมือนกันหรือมีคำถาม รับรองว่าพี่เทียนคลายข้อข้องใจได้หมด

        Editor : แม่พีท-พริม 

        ภาพถ่าย : อภิรักษ์ สุขสัย, ธีรวัฒน์ พรหมณีวัฒน์

        บ้านไหนรักในไดโนเสาร์ ไม่ควรพลาดค่ะ สนุกและได้ความรู้ทั้งบ้านแน่นอน

        ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ถึง 2 พ.ย. 2568
        สถานที่ : ท่าพิพิธภัณฑ์ (Museum Pier) โครงการท่าช้าง วังหลวง
        166 ถ. มหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
        เวลาเปิด-ปิด 10.00-18.00 น.
        ค่าเข้าชม
        คนไทย : ผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 150 บาท
        ต่างชาติ :: ผู้ใหญ่ 350 บาท เด็ก 250 บาท

        ท่าพิพิธภัณฑ์ (Museum Pier)

        • ที่อยู่ : โครงการท่าช้าง วังหลวง 166 ถ. มหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
        • Facebook : https://web.facebook.com/museumpier
        • Website : https://www.museumpier.com/

        Tags

        Jessie Hair Tonic หยุดปัญหา ผมร่วงหลังคลอด เปลี่ยนลุคคุณแม่ให้สวยปิ๊ง ผมสุขภาพดี

        คุณแม่หลังคลอดจำนวนไม่น้อย ต้องรู้สึกนอยด์ ขาดความมั่นใจตัวเอง เพราะทุกครั้งที่ส่องกระจกกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่สวยเหมือนเดิมหลังจากการดูแลลูกแทบ 24 ชั่วโมง แถมมากกว่าครึ่งหนึ่งต้องเจอกับปัญหา ผมร่วงหลังคลอด ร่วงแล้วขึ้นช้ากว่าเดิม

        จากคุณแม่ที่เคยไว้ผมยาวสลวยต้องฝืนใจตัดผมสั้น และไม่สามารถทำผมทรงต่างๆได้ตามใจเหมือนก่อน มารู้จักสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาผมร่วงหลังคลอด พร้อมตัวช่วยดีๆอย่าง Jessie Hair Tonic ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์คุณภาพอย่าง Jessie Mum ที่ทำให้คุณแม่กลับมามีผมสุขภาพดี ดกดำเช่นเดิม จะดีแค่ไหนตามมาดูกันค่ะ

        ทำไมแม่หลังคลอดผมร่วง ผมน้อย ผมขึ้นช้า

        ช่วงตั้งครรภ์ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายคุณแม่จะเพิ่มสูงขึ้น แต่หลังคลอดปริมาณฮอร์โมนลดลงอย่างรวดเร็วส่งผลต่อการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง และส่งผลให้การสร้างไขมันที่หนังศีรษะลดลง จึงเป็นสาเหตุให้หนังศีรษะแห้ง และทำให้เส้นผมหยุดการเจริญเติบโตและร่วงหลุดจำนวนมาก ซึ่งมักจะเริ่มมีอาการหลังคลอดได้ 4-5 เดือน เหมือนที่คนโบราณมักบอกว่า “จะผมร่วงเมื่อลูกจำหน้าแม่ได้” จากข้อมูลเมื่อปี 2022 พบว่าปัญหาที่คุณแม่หลังคลอดพบมากที่สุด 3 อันดับคือผมร่วง ผิวแพ้ง่าย และหน้าหมองคล้ำ

        ผมร่วงหลังคลอด

        การฟื้นฟูผมให้กลับมาดกดำเงางามเหมือนเดิมอาจไม่ใช่เรื่องง่าย คุณแม่ต้องให้นมและดูแลลูกน้อยอย่างใกล้ชิด อาจไม่มีเวลาเข้าคลินิกดูแลเส้นผมหรือใช้ผลิตภัณฑ์แก้ผมร่วงทั่วไปตามท้องตลาดได้ เพราะกังวลเรื่องสารเคมีต่างๆ จะดีแค่ไหนถ้ามีผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของคุณแม่หลังคลอดโดยเฉพาะ

        Jessie Mum แบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับคุณแม่ชั้นนำที่หลายคนรู้จักดี จึงออกแบบสเปรย์บำรุงหนังศีรษะและเส้นผมแก้ปัญหา ผมร่วง ผมบางภายใต้แบรนด์ Jessie Hair Tonic ใช้งานง่าย ปลอดภัย และได้ผลจริง

        ผมร่วงหลังคลอด

        Jessie Hair Tonic ตัวช่วยบำรุงผมสำหรับคุณแม่

        • สเปรย์บำรุงหนังศีรษะและเส้นผม Jessie Hair Tonic ผลิตจาก 7 ส่วนผสมประกอบจากธรรมชาติ ได้แก่
        • สารสกัดใบโลควอท จากประเทศญี่ปุ่น ช่วยดูแลหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี ลดปัญหาผมร่วง ผมบาง เพิ่มการไหลเวียนเลือด ทำให้เส้นผมที่ขึ้นใหม่หนาแข็งแรง สุขภาพดี มีวิตามินบี 2 บี 6 และบี 12 ช่วยเสริมสร้างเซลล์ในร่างกายป้องกันผมขาดง่าย
        • สารสกัดจากพืชตระกูลสน ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ต้นกำเนิดของรากผม ช่วยให้เกิดการสร้างเซลล์ใหม่และเพิ่มจำนวนการงอกของเส้นผม ทำให้ผมแลดูหนาขึ้น
        • บิวทิลลีนไกลคอล เพิ่มความชุ่มชื้น ลดอาการหนังศีรษะแห้งต้นเหตุของอาการคันรังแคและการอักเสบ
        • ซิงค์ สร้างโปรตีนและคอลลาเจน ช่วยการเจริญเติบโต และซ่อมแซมของเส้นผมและเล็บให้กลับมาแข็งแรง มีสุขภาพดี
        • สารสกัดหอมแดง สมุนไพรไทยที่ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต มีสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณมากซึ่งช่วยในการดูดซึมวิตามินเอได้ดี ช่วยบำรุงเส้นผมไม่ให้ขาดร่วงง่ายและลดแบคทีเรีย
        • สารสกัดจากชาเขียว ลดการเกิดปฏิกิริยาอ็อกซิเดชั่นบริเวณรากผม รูขุมขน
        • ไบโอติน สารที่มีคุณสมบัติลดอาการขาดร่วงของเส้นผม ชะลอผมหงอกก่อนวัย ป้องกันหนังศีรษะล้าน และบำรุงโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง

        Jessie Hair Tonic ในขวดสีเขียวนี้เป็นสเปรย์น้ำใส ไร้สี ไร้กลิ่นน้ำหอม มั่นใจได้ว่าปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ วิธีใช้แสนง่าย เพียงฉีดลงบนเส้นผมให้ทั่วหนังศีรษะ แล้วนวดวน 15-30 วินาที สามารถใช้ได้บ่อยตามต้องการ หากใช้ต่ออย่างต่อเนื่อง ไม่นานคุณแม่จะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ผมร่วงน้อยลง ผมงอกใหม่มากขึ้น เส้นผมแข็งแรงดกดำ เงางาม อัพลุคคุณแม่ให้กลับมาสวยปิ๊งอีกครั้ง

        สนใจผลิตภัณฑ์และต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
        Website: www.jessiemum.com
        Facebook: https://www.facebook.com/jessiemumgroup
        Line Official: @jessiemum


          Tags

          Amarin Baby & Kids CAMPUS ROADSHOW 2025

          ชวนเด็ก ๆ ทำกิจกรรมสนุก ๆ กันที่โรงเรียน ที่จะช่วยเสริมสร้างให้เด็ก ๆ มีจินตนาการ เรียนรู้การเอาตัวรอด และมีความสุขในทุก ๆ วัน ผ่านฐานกิจกรรมที่จะได้ปล่อยพลังและเสริมสร้างพัฒนาการของพวกเขาไปควบคู่กัน

          เราเคาะประตูไปทั้งหมด 10 โรงเรียน คือ

          1. โรงเรียน ณ ดรุณ
          2. โรงเรียนอันวิดา
          3. โรงเรียนราชินี
          4. โรงเรียนเพลินพัฒนา
          5. โรงเรียนนวพัฒน์
          6. โรงเรียนแย้มสอาด ลาดพร้าว
          7. โรงเรียนทอสี
          8. โรงเรียนเซนต์ฟรังซิสซาเวียร์ คอนแวนต์
          9. โรงเรียนแสนสุขสม
          10. โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ

          กับกิจกรรม “ปล่อยพลัง สร้างจินตนาการ และรู้จักการเอาตัวรอด” ผ่านฐานความสนุกเหล่านี้

          First Aid & Survival Skills Workshop โดย โรงพยาบาลพรินซ์สุวรรณภูมิ

          กิจกรรมเรียนรู้ทักษะการเอาตัวรอด ที่นอกจากช่วยให้เด็ก ๆ ปลอดภัยในยามคับขันแล้ว ยังช่วยให้พวกเขามีทักษะการเอาตัวรอดที่ถูกต้อง สร้างความมั่นใจในตัวเอง มีจิตใจเข้มแข็ง กล้าที่จะเผชิญกับปัญหาตรงหน้า ที่สำคัญคือ เสริมทักษะความช่างสังเกตและจดจำสิ่งต่าง ๆ ด้วย

          Self-Regulation Training โดย Frog Team

          เรียนรู้การฝึกทักษะในการควบคุมตนเองและสร้างความมั่นใจ ความกล้าควบคู่ไปกับการเล่น ผ่านการจัดการความคิด อารมณ์และพฤติกรรมของเด็ก ๆ เอง ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการเติบโต เข้าใจในตนเอง จัดการอารมณ์ การยืดหยุ่นและปรับตัว ผ่านฐานการเล่นเหล่านี้

          ฐานที่หนึ่ง Balancing: เดินทรงตัว

          ทักษะการทรงตัวสร้างร่างกายให้เคลื่อนที่อย่างสมดุล ฝึกกล้ามเนื้อมือและเท้า ให้สัมพันธ์กันเป็นการจัดระเบียบร่างกาย เป็นการประสานสัมพันธ์กันของระบบประสาท และการรับรู้ของร่างกาย

          ฐานที่สอง Sensory Exploration: สไลม์สร้างสรรค์

          การเล่นที่ช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสในเด็กแบบง่ายและปลอดภัย สไลม์ช่วยให้เด็กเรียนรู้และทำความเข้าใจโลกผ่านการสัมผัส เพราะช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ส่งเสริมจินตนาการ เสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็กและผ่อนคลาย

          ฐานที่สาม Brain Development: โยนรับส่งลูกบอล

          ฝึกการทำงานที่สัมพันธ์กันของมือ สมอง และสายตา การฝึกโยนบอลช่วยระบบสมองให้ทำงานประสานประสานกันกับตาและมือ และปฎิกริยาตอบสนองสร้างสมาธิ นับเป็นการออกกาลังกายให้สมองได้อย่างดี

          Story time โดย ทีมแต้มฝัน

          เวลาคุณภาพที่สร้างได้ตั้งแต่ที่บ้านจนถึงที่โรงเรียน เพราะนิทานมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภาษาและการรับรู้ สร้างเสริมจินตนาการ พัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กในหลาย ๆ ด้าน เช่น ศีลธรรมพื้นฐาน ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์แบบปลายเปิด ให้พวกเขาได้คิดนอกกรอบ เป็นสิ่งที่ช่วยให้พวกเขารู้จักโลกและชีวิตประจำวันได้อย่างเข้าใจและสนุกสนาน

          ทักษะพื้นฐานชีวิต อารมณ์ สังคมต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญในวันข้างหน้าของเด็ก ๆ เริ่มได้ตั้งแต่ที่บ้านและโรงเรียน ทีมแม่ ABK ขอเป็นส่วนหนึ่งในการส้รางเสริมประสบการณ์ให้พวกเขาเติบโตอย่างมีพลัง มีความสุข และเข้มแข็งในอนาคตต่อไปค่ะ

          บทความโดย

          แม่พีท-พริม


            Tags

            โรงเรียนสุดารักษ์ – โรงเรียนที่สอนความรู้และธรรมชาติให้เป็นเนื้อเดียวกัน

            School Visit วันนี้จะพาแม่ ๆ ไปเยี่ยม โรงเรียนสุดารักษ์ ที่บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์สายกรีนให้น้อง ๆ เพื่อให้เด็กรักธรรมชาติ ดูแลสิ่งแวดล้อมรอบตัวและผนวกวิชาความรู้ให้เข้ากับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน หลักสูตรและบรรยากาศจะเป็นอย่างไร ตามพวกเราไปดูกันค่ะ   

            โรงเรียนสุดารักษ์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2500  โดย คุณสุดา (นครานุรักษ์) ทศานนท์  ปัจจุบันได้ คุณครูแจม- สลิลดา ทศานนท์ มาช่วยบริหารและสานต่อความตั้งใจของคุณสุดา ซึ่งเป็นคุณแม่ของครูแจม เดิมทีโรงเรียนตั้งอยู่บริเวณถนนพระราม 6  ราชเทวี กรุงเทพฯ ช่วงแรก ๆ เปิดสอนชั้นอนุบาล 2-3  ในรูปแบบมอนเตสซอรี่ (Montessori) ที่เน้นให้เด็กได้ลงมือทำและมีกระบวนการเรียนรู้ด้วยตัวเอง จนกระทั่งปี พ.ศ. 2532  โรงเรียนก็ย้ายมาอยู่ย่านบางเขนและตั้งชื่อโรงเรียนเป็น อนุบาลสุดารักษ์ บางเขน  และเปิดทำการสอนเรื่อยมาจนปัจจุบัน  

            หลังจากที่คุณครูแจม ได้เข้ามาพัฒนาโรงเรียนแห่งนี้ ก็ได้สอดแทรกความรักธรรมชาติให้กับเด็ก ๆ เพิ่มเติม เพื่อให้เด็กได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ  โดยได้แรงบันดาลใจมาจากการเดินศึกษาธรรมชาติเมื่อหลายปีก่อน โดยมีวิทยากรท่านนึงได้กล่าวว่า  ธรรมชาติให้ชีวิตกับเราและเปรียบเสมือนลมหายใจของเรา  ซึ่งคุณครูแจม ได้นำคำกล่าวนี้ กลับมาคิดทบทวนไปมา จึงเห็นว่า เราไม่เคยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เลย ความรักธรรมชาติของคนในปัจจุบันค่อย ๆ หายไป  คนเริ่มแยกจากธรรมชาติมากขึ้น โดยคิดว่าเป็นคนละส่วนกัน ถ้าเราสามารถสอดแทรกเรื่องธรรมชาติเหล่านี้ให้กับเด็ก ๆ โดยนำมาผสมผสานให้เข้ากับธรรมชาติของเด็ก ที่มีความอยากรู้อยากเห็น ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ก็น่าจะเข้ากันได้ดี  จึงได้ผนวกเรื่องธรรมชาติเข้าไปในหลักสูตรของโรงเรียนและจัดสภาพแวดล้อมต่างๆ ให้เด็กได้เข้าใกล้ธรรมชาติในทุก ๆ วัน เพื่อให้เอื้อกับการเรียนรู้ของเด็ก ๆ

            โรงเรียนสุดารักษ์
            จุดกำเนิดการเดินป่าของคุณครู และแนวความคิดการรักธรรมชาติ และต้องการส่งต่อสิ่งนี้ให้กับเด็ก ๆ
            โรงเรียนสุดารักษ์
            การเดินป่าของคุณครู และให้เด็ก ๆ ได้ร่วมวาดภาพป่าของเด็ก ๆ เอง

            โดยสิ่งที่ทางคุณแจมตั้งใจในแต่ละวัน คือ การให้เด็ก ๆ ได้ออกมานอกห้องเรียนบ้าง  เพื่อมาสำรวจ สัมผัสธรรมชาติรอบตัว  เพราะคุณครูเชื่อว่า ธรรมชาติ คือพื้นที่การเรียนรู้แบบไม่สิ้นสุด มีสิ่งใหม่ ๆ ให้เรียนรู้ได้ตลอด เด็ก ๆ  จะได้เรียนรู้ตั้งแต่ เรื่อง ธาตุ สัตว์ต่างๆ  ต้นไม้  สิ่งรอบตัวและระบบนิเวศน์  นอกจากนี้การออกมานอกห้องเรียนยังเป็นการฝึกทักษะการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่เชื่อมโยงตัวเรากับโลกภายนอก  และทางโรงเรียนได้คัดสรรแนวการสอน มาเป็นการสอนหลายหลายรูปแบบทั้ง การสอนแบบสืบเสาะ การสอนในรูปแบบ STEM  และการสอนในรูปแบบ Montessori

            โรงเรียนสุดารักษ์
            มุมสวนสมุนไพร มุมความรู้ที่ทางโรงเรียนจัดทำขึ้น มีสมุนไพรหลากหลายชนิด และเด็ก ๆ ได้ร่วมดูแล
            โรงเรียนสุดารักษ์
            คุณครูพาเด็ก ๆ เล่นกิจกรรมข้างนอกก่อนเข้าเรียน และเดินรับแดดยามเช้าก่อนขึ้นห้องเรียน

            ห้องเรียนธรรมชาติ คุณครูจะพานักเรียนมาเรียนรู้และใกล้ชิดกับธรรมชาติภายในโรงเรียน มาฟังเสียงนกหลากหลายสายพันธุ์ และมาอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้  ใกล้ ๆ กันนั้นจะมีแปลงผัก หรือ “สวนผักลูกรัก” ที่ผู้ปกครองจะได้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม โดยในทุก ๆ วันพ่อ ทางโรงเรียนจะเชิญผู้ปกครองเข้ามาช่วยกันทำ ค้างผัก หรือโครงสร้างสำหรับปลูกผัก ส่วน เด็ก ๆ ก็จะช่วยกันนำต้นกล้าลงปลูก  การรดน้ำพรวนดิน เป็นการร่วมมือร่วมใจกันทั้งผู้ปกครองและเด็กๆ  ซึ่งจุดกำเนิดของ สวนผักลูกรัก  คุณครูแจมเล่าให้ฟังว่า  เริ่มมาจากคำถามที่คุณครูได้ถามเด็ก ๆ ว่า  “ผักมาจากไหน”  และมีเด็กคนหนึ่งบอกว่า  ผักมาจากตู้เย็น  จากคำตอบใส ๆ ของเด็กในวันนั้น นำไปสู่การคิดต่อยอดว่า  กระบวนการก่อนที่ผักต่าง ๆ จะมาถึงตู้เย็นนั้น มีกระบวนการอย่างไรบ้าง  จึงเกิดเป็น สวนผักลูกรักแห่งนี้  โดยสวนนี้ยังสามารถเป็นสถานที่ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกันได้มากขึ้น ทั้งเรื่อง ผัก แมลง และระบบนิเวศน์ต่าง ๆ

            โรงเรียนสุดารักษ์

             สวนผักลูกรัก แปลงผักที่เด็ก ๆ และผู้ปกครองช่วยกันดูแล รักษาให้เจริญเติบโต มาประกอบเป็นอาหารให้กับเด็ก ๆ ต่อไป 

            การศึกษาแบบองค์รวม ซึ่งเป็นจุดเด่นของ โรงเรียนสุดารักษ์

             โรงเรียนได้วางพื้นฐานความพร้อมในการเรียนและการดำรงชีวิตอยู่ในสังคม โดยทำให้เด็ก ๆ ได้เห็นภาพกว้างทั้งหมด ว่า เราอยู่จุดไหน  มีการศึกษาเรียนรู้และรักธรรมชาติ  นำไปสู่การบริโภคอย่างพอเพียง ไม่ฟุ่มเฟือย  ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า  และการรู้จักคุณค่าของสิ่งของต่าง ๆ  นำไปสู่จัดการขยะที่ถูกต้อง เพื่อสร้างเมล็ดพันธุ์รักธรรมชาติ ให้อยู่ในใจของเด็ก ๆ และส่งต่อความยั่งยืนต่อไปในอนาคต และหากแม่ ๆ ท่านไหนที่กังวลเรื่องภาษา ทางโรงเรียนยังมีหลักสูตร Intensive English เพิ่มเข้ามาเพื่อมาตอบโจทย์ตรงนี้ให้กับแม่ๆ ด้วยนะคะ โดยทั้ง 2 หลักสูตร จะได้เรียนภาษาจากคุณครู Native จากสถาบันสอนภาษา  Fun Language Club 

            เล่นสนุกท่ามกลางธรรมชาติ

            ทางโรงเรียนยังจัดพื้นที่ให้เด็ก ๆ ได้ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างและพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ และกล้ามเนื้อมัดเล็ก  โดยมีทั้ง สนามเด็กเล่น  ให้เด็ก ๆ ได้วิ่งเล่น ปีนป่าย อย่างอิสระ และสระว่ายน้ำ ให้เด็ก ๆ ได้ลงเล่นน้ำและเรียนกันตั้งแต่วัยอนุบาล และยังรายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย ช่วยสร้างร่มเงาและอากาศที่สดชื่น

            ผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อม

            นอกจากปลูกฝังเรื่องรักธรรมชาติแล้ว  ทางโรงเรียนยังขยายความไปถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและนำไปสู่การแยกขยะ โดยทางโรงเรียนมีการให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องขยะ ว่าหากเราแยกขยะอย่างถูกวิธี เราจะสามารถนำสิ่งเหล่านั้นกลับมาใช้ต่อได้  ซึ่งทางโรงเรียนได้จัดเตรียมถังขยะพร้อมภาพอย่างชัดเจนตามจุดต่าง ๆ  มีมุมล้างกล่องนม โดยให้เด็ก ๆเป็นคนลงมือทำเอง    มีห้องเก็บคลังเศษวัสดุ ซึ่งคุณครูและนักเรียนสามารถมาใช้งานในวิชาศิลปะ ต่อได้   รวมถึงการทำธนาคารขยะ ที่ให้เด็ก ๆ และผู้ปกครองนำขยะที่บ้านที่ผ่านการคัดแยกมาแล้ว มาขายที่โรงเรียน โดยน้อง ๆ จิตอาสา จะเป็นผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อม  คอยช่วยคุณครูในวันดังกล่าว

            โรงเรียนสุดารักษ์
            คุณครูกำลังให้ความรู้เรื่องการทำปุ๋ยเพื่อใช้บำรุงต้นไม้
            บรรยากาศภายในห้องคลังเศษวัสดุ ที่ทางโรงเรียนจัดทำ โดยคุณครูแจมจะขยายต่อเป็น Loose Part Play มุมในห้องเรียนที่ให้เด็กๆ ได้เล่นอิสระจากเศษวัสดุเหล่านี้
            เหล่าผู้พิทักษ์ตัวน้อยจิตอาสา ที่จะมาประจำการ ที่ธนาคารขยะในวันรับซื้อที่ทางโรงเรียนประกาศ
            ครูแจม – คุณครู สลิลดา ทศานนท์ ผู้รับใบอนุญาตและผู้จัดการโรงเรียนสุดารักษ์ บางเขน

            Mommy’s Love This ถูกใจแม่

            1. โรงเรียนใส่ใจและเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วนำมาพัฒนาต่อยอดและพัฒนาเป็นการเรียนรู้  โดยกระบวนการสอนของโรงเรียนจะสอนแบบองค์รวม ให้เด็ก ๆ ได้เห็นภาพรวมและสามารถเชื่อมโยงกัน โดยได้เรียนรู้ตั้งแต่จุดกำเนิดจนถึงสุดทางของสิ่งนั้น ๆ  
            2. โรงเรียนมีกิจกรรมเพื่อให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วม  เช่น เชิญผู้ปกครองมาเป็นวิทยากรในห้องเรียน มีการจัดทริปครอบครัวร่วมเรียนรู้เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน และกระบวนการเรียนรู้ไปในแนวทางเดียวกัน 
            3. โรงเรียนให้ความสำคัญการบุคคลากรในโรงเรียนทุกท่าน ตั้งแต่คุณครูจนถึงแม่บ้าน รปภ. โดยมีการจัดสัมมนาทั้งโรงเรียน เพื่อให้ทุกคนได้ไปสัมผัสบรรยากาศ และเรียนรู้สิ่งเดียวกัน  เพื่อที่จะเป็นกระบอกเสียงในการพูดเป็นเรื่องเดียวกัน  
            4. โรงเรียนได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศในโครงการประกวดโรงเรียนปลอดขยะระดับประถมศึกษาประจำปี พ.ศ. 2561 โดยจัดตั้งเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการจัดการขยะเหลือศูนย์ (Zero Waste School) ของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2562

            อัตราค่าเล่าเรียน (ปีการศึกษา 2568) 

            ค่าแรกเข้า 6,000 บาท 

            ค่าธรรมเนียมการศึกษา 

            • หลักสูตรทั่วไป -33,000 / เทอม
            • หลักสูตร Intensive English -39,500 / เทอม 

            บทความโดย : แม่ติส 

            ภาพถ่าย : นันทิยา บุษบงค์


            เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – รวม 10 โรงเรียนทางเลือก ที่คัดมาแล้วว่าดีและใช่ พร้อมค่าเทอม ประจำปี 2025

            โรงเรียนสุดารักษ์

            ทุกบ้านต้องใส่ใจ!  มารู้จักมาตรฐาน มอก. สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้ากันเถอะ

            เรื่องสำคัญที่ทุกคนในบ้านต้องใส่ใจ ก่อนจะนำเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่เข้าบ้าน ต้องมองหาเครื่องหมาย มอก. เพื่อความปลอดภัยแบบยกครอบครัว เพราะแน่นอนว่าแต่ละบ้านต้องมีเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 5 ชิ้น ยิ่งมีเด็กเล็กด้วยแล้ว เครื่องอำนวยความสะดวกย่อมต้องมีเพิ่มเข้ามาเป็นตัวช่วย เหตุนี้เราจึงต้องรู้จักมาตรฐาน มอก. ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้เราเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย

            เครื่องหมาย มอก. คืออะไรและสำคัญอย่างไร

            การตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงที่สวยงามถูกใจ ฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ ราคาที่เหมาะสม และอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญมาก คือต้องมีสัญลักษณ์มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ มอก.

            มาตรฐาน มอก. คืออะไร

            มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (Thai Industrial Standard – TIS) หรือ มอก. เป็นการรับรองโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เป็นข้อกำหนดเพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ผลิตสินค้า ให้มีการผลิตสินค้าได้อย่างมีคุณภาพ ปลอดภัย และประสิทธิภาพการใช้งานที่ดี โดยครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง อาหาร เป็นต้น

            มาตรฐาน มอก. สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า มีกี่ประเภท

            เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมีการกำหนดเครื่องหมายมาตรฐานไว้ในทุกผลิตภัณฑ์ โดยในปัจจุบันมี 3 เครื่องหมาย ดังนี้

            ภาพจาก  : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)

            1. เครื่องหมายมาตรฐานทั่วไป – เป็นเครื่องหมายที่ใช้กับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้เป็นมาตรฐานบังคับ ผู้ผลิตสามารถยื่นขอใบอนุญาตแสดงเครื่องหมายได้ตามความสมัครใจ

            ภาพจาก  : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)

            2. เครื่องหมายมาตรฐานบังคับ – เป็นเครื่องหมายที่แสดงบนผลิตภัณฑ์ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภค และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของประเทศ โดยผู้ผลิต ผู้นำเข้าและผู้จำหน่ายจะต้องยึดมาตรฐานเป็นหลักในเฉพาะผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ด้วย

            ภาพจาก  : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)

            3. เครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) – เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองคุณภาพตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนเป็นข้อกำหนดด้านคุณภาพ ว่าเป็นที่น่าเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับ เพื่อยกระดับและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์

            แล้วตัวเลขบนเครื่องหมายคืออะไรนะ

            สัญลักษณ์มาตรฐาน มอก. อยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่พบได้โดยทั่วไป มีรายละเอียดที่ระบุในตราสัญลักษณ์ซึ่งมีความหมาย ดังนี้
            – รูป Logo ของ มอก.
            – ลำดับที่ในการออกเลข มอก.
            – ปี พ.ศ. ที่ออกเลข มอก.

            การเรียงลำดับในการออกเลข มอก.

            การอ่านเลขหมายเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง มีรายละเอียดไม่ซับซ้อน คือ หมายเลข มอก.คือ หมายเลขที่กำหนดขึ้นเพื่อระบุลำดับที่ในการออกเลขของการออกมาตรฐานให้กับผลิตภัณฑ์ประเภทนั้นๆ ส่วนลำดับถัดไปหมายเลขชุดหลัง สำหรับบอกปีพ.ศ. ที่ สมอ.ประกาศเป็นมาตรฐาน

            ดูอย่างไรว่าแบบนี้สัญลักษณ์ มอก. ปลอม

            สัญลักษณ์ของมอก.แตกต่างกันไปตามประเภทของสินค้า เช่น มอก.ทั่วไปจะไม่มีวงกลมล้อมรอบ มอก. แบบบังคับ  มีวงกลมล้อมรอบ ประเภทนี้ต้องได้รับการรับรองตามกฎหมาย รูปแบบเครื่องหมาย มอก.ย่อมาจาก TIS มุมขวามือของเครื่องหมายจะต้องเชื่อมกัน หากไม่เชื่อมกันหรือรูปทรงแตกต่างไป ให้สันนิษฐานว่าเป็นมอก.ปลอม

            เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกประเภทต้องมี มอก. หรือไม่ และถ้าไม่มียังสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

            เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกประเภทต้องเลือกที่มีเครื่องหมาย มอก.เท่านั้น เพราะตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. 2564 เป็นต้นมาสำนักมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) กำหนดให้ผู้ประกอบการต้องแสดงคิวอาร์โค้ด (QR Code) คู่กับเครื่องหมาย มอก. บนตัวผลิตภัณฑ์ หรือตัวบรรจุภัณฑ์สินค้าแทน เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบข้อมูลสินค้าได้ง่ายขึ้น ด้วยการสแกน QR Code หรือร้องเรียนได้ทันทีหากสงสัยว่าไม่ได้มาตรฐาน การไม่แสดงเครื่องหมายหรือปลอมแปลงเครื่องหมายเท่ากับเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย รวมถึงเป็นความเสี่ยงและไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคในการใช้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน

            เครื่องหมาย มอก. มีความสำคัญอย่างไร

            การรับรองมาตรฐานของสินค้ามีประโยชน์ต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค ในแง่ของผู้ผลิตการมีมาตรฐานที่ดีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลดรายจ่าย ลดการใช้งานของเครื่องจักร เพื่อการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพอย่างเป็นระบบ ในด้านผู้บริโภค สินค้าที่มี มอก. สามารถสร้างความมั่นใจและการตัดสินใจในการซื้อของผู้บริโภคว่ามีมาตรฐานและปลอดภัย ป้องกันสินค้าที่คุณภาพต่ำเข้ามาจำหน่าย นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

            มอก. ของเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละเครื่องเหมือนหรือแตกต่างกัน

            สัญลักษณ์ของมอก.แตกต่างกันไปตามประเภทของสินค้า ดังนั้นแต่ละประเภทของสินค้าจึงมีสัญลักษณ์ที่แตกต่างกันไป เช่น  เครื่องหมายมาตรฐานทั่วไปใช้กับสินค้าประเภท อาหาร, เครื่องใช้ไฟฟ้า, วัสดุก่อสร้าง และของใช้สำนักงาน เป็นต้น เครื่องหมายมาตรฐานบังคับ ใช้กับสินค้าประเภท: ผงซักฟอก, ของเล่นเด็ก, หมวกกันน็อก, ท่อพีวีซี และถังดับเพลิง เป็นต้น เครื่องหมายมาตรฐานเฉพาะด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นมาตรฐานที่เน้นเรื่องความปลอดภัย ใช้กับสินค้าประเภท: เตารีด และพัดลมไฟฟ้า เป็นต้น

            กฎหมายสำหรับผู้ผลิตที่ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่มีเครื่องหมาย มอก.

            นอกจากผู้บริโภคจะมีสิทธิ์ในการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีข้อกำหนดตามมาตรฐานแล้ว ทางบริษัทผู้ผลิต หรือผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน จะมีบทลงโทษ ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ดังนี้

            1. ทำหรือนำเข้าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
            2. ร้านค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

            ดังนั้น จึงเป็นข้อควรระวังในการเลือกและดูผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานในทุกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ

            MEA มีข้อแนะนำวิธีการเลือกซื้อ และการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิด ดังนี้

            ก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า อย่าลืม! สังเกตเครื่องหมายมาตรฐานและหมายเลข มอก. ทุกครั้ง และดูชื่อผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ควรติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงควรปฏิบัติตามคู่มือการใช้งาน และหมั่นบำรุงรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพที่ดีตลอดอายุการใช้งาน

            พัดลม

            • พัดลมไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานต้องมีเครื่องหมายบังคับ และมีเลขหมาย มอก.934-2533 อยู่ใต้หรือข้างเครื่องหมายมาตรฐานแสดงที่ผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน
            • ลองเครื่องก่อนซื้อ ทดลองการหมุน ส่าย และปรับความเร็วของพัดลมทุกความเร็ว รวมถึงสวิตช์เปิดและปิดว่าทำงานปกติหรือไม่
            • ฉลากต้องระบุชื่อผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือเครื่องหมายการค้า แรงดันไฟฟ้า ความถี่ กำลังไฟฟ้า และอื่น ๆ ตามที่ระบุใน มอก.
            • มีการป้องกันการสัมผัสโดยตรงกับส่วนที่มีกระแสไฟฟ้า
            • ทนต่ออุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นตามที่ มอก. กำหนด
            • เลือกขนาด วัสดุ ราคาที่สมเหตุสมผล และมีประสิทธิภาพดีในการใช้งาน

            ตู้เย็น

            • ตู้เย็นควรสังเกตเครื่องหมายมาตรฐานบังคับ และมีเลขหมาย มอก.2186-2547 และ
              มอก.2214 -2548 อยู่ใต้หรือข้างเครื่องหมายมาตรฐานแสดงที่ผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน
            • สังเกตดูว่ามีชื่อผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าที่ชัดเจน
            • คู่มือแนะนำวิธีใช้และการบำรุงรักษา อย่างน้อยต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับข้อแนะนำเกี่ยวกับวิธีติดตั้ง วิธีใช้อุปกรณ์ควบคุมต่าง ๆ และการบำรุงรักษา รวมทั้งการทำความสะอาดตู้เย็น
            • เลือกซื้อตู้เย็นที่มีขนาดความจุเหมาะสมกับความจำเป็นในการใช้งาน และควรตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสมกับชนิดและจำนวนของอาหารเพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า
            • หากเป็นตู้เย็นที่ไม่มีกลไกขจัดน้ำแข็งแบบอัตโนมัติ ควรขจัดน้ำแข็งที่เกาะภายในตู้เย็นบ่อย ๆ ถ้าเป็นฤดูร้อน ประมาณ 2 ครั้งต่อหนึ่งสัปดาห์
            • ปฏิบัติตามคู่มือการติดตั้งและติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ
            • ปฏิบัติตามคู่มือการใช้งานและการบำรุงรักษาอย่างเคร่งครัด

            เตาไมโครเวฟ

            • เตาไมโครเวฟควรสังเกตเครื่องหมายมาตรฐานบังคับ และมีเลขหมาย มอก.1773-2548  อยู่ใต้หรือข้างเครื่องหมายมาตรฐานแสดงที่ผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน
            • สังเกตดูว่ามีชื่อผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า
            • ประตูเปิด-ปิด จะต้องมีแผงตาข่าย ที่ทำหน้าที่ป้องกันสนามไฟฟ้าความถี่สูงภายในเครื่องไม่ให้เกิดการรั่วไหลของรังสีที่ออกมาเกินกว่าค่ามาตรฐาน
            • ปฏิบัติตามคู่มือการใช้งานและการบำรุงรักษาอย่างเคร่งครัด

            หม้อหุงข้าวไฟฟ้า

            • หม้อหุงข้าวไฟฟ้าควรสังเกตเครื่องหมายมาตรฐานบังคับ และมีเลขหมาย มอก.1039-2547  อยู่ใต้หรือข้างเครื่องหมายมาตรฐานแสดงที่ผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน
            • สังเกตดูว่ามีชื่อผู้ผลิตหรือนำเข้าหรือไม่
            • ศึกษาคู่มือการใช้งานอย่างละเอียดก่อนใช้งาน
            • อย่ากดสวิตช์เปิด-ปิด ขณะไม่มีหม้อชั้นใน
            • อย่าเสียบปลั๊กหรือกดสวิตช์ขณะมือเปียก
            • ถอดปลั๊กทุกครั้งหลังจากการใช้งาน
            • เมื่อกดสวิตช์หุงแล้วไม่ติด ไม่ควรใช้สิ่งใดค้ำเพื่อกดค้าง
            • ปฏิบัติตามคู่มือการใช้งานและการบำรุงรักษาอย่างเคร่งครัด

            เครื่องซักผ้า

            • เครื่องซักผ้าควรสังเกตเครื่องหมายมาตรฐานบังคับ และมีเลขหมาย มอก.1463-2533  อยู่ใต้หรือข้างเครื่องหมายมาตรฐานแสดงที่ผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน
            • สังเกตดูว่ามีชื่อผู้ผลิตหรือนำเข้าหรือไม่
            • เลือกขนาดความจุของถังซักผ้า ให้เหมาะสมกับจำนวนและความถี่ของเสื้อผ้าที่ใช้
            • ปฏิบัติตามคู่มือการติดตั้งและติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ
            • ปฏิบัติตามคู่มือการใช้งานและการบำรุงรักษาอย่างเคร่งครัด

            เตารีด

            • เตารีดต้องมีเครื่องหมายมาตรฐานบังคับ และมีเลขหมาย มอก.366 -2547 อยู่ใต้หรือข้างเครื่องหมายมาตรฐานแสดงที่ผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน
            • มีความปลอดภัยจากกระแสไฟฟ้ารั่ว
            • ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยจากการใช้งานเตารีดแบบปกติ
            • ฉลากต้องระบุชื่อผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือเครื่องหมายการค้า แรงดันไฟฟ้า ความถี่กำลังไฟฟ้า และอื่น ๆ ตามที่ระบุใน มอก.

            หากไม่แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้รับมาตรฐาน มอก. หรือไม่ สามารถตรวจสอบได้จากลิงก์นี้ http://appdb.tisi.go.th/tis_dev/p3_tis/p3tis.php?data=B

            การเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน มอก. และใช้งานอย่างถูกวิธี นอกจากจะสามารถมั่นใจเรื่องความปลอดภัยได้แล้ว เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีคุณภาพจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ต่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐานที่มีโอกาสเสียบ่อย จึงมีผลพลอยได้ในเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย

            บทความ : อัจฉรา จีนคร้าม บรรณาธิการบริหาร Amarin baby and kids


            Reference List

            คู่มือการซื้อและการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเลกทรอนิกส์ภายในบ้าน.กองส่งเสริมและพัฒนาด้านการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม.สำนักมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) https://pr.tisi.go.th

            มาตรฐานทางไฟฟ้าและมาตรฐานระบบไฟฟ้า
            ในสถานประกอบกิจการ.สมาคมอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน (ส.อ.ป.) https://www.ohswa.or.th

            มอก.คืออะไร.มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์.https://ait.nsru.ac.th/

            ช้อปอย่างไรไม่ให้พลาด? สภาผู้บริโภคชวนเช็ก ‘คิวอาร์โค้ด’ พร้อมเครื่องหมาย มอก. แบบใหม่.https://www.tcc.or.th/tcc_media/qrcode-with-tis/?fbclid=IwY2xjawKROzZleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFuY2RPR3FhTTUyelo1QkpMAR5LMpEBvvWRVqnNSgcZJcH1vIaETNxprY3ksBTrA4wq_J2Yl8tkjbptcXYTJw_aem_yDbBYzo2EqirLNmJwU0o3A

            รู้จักมอก.https://tgcthailand.com/blog/how-many-types-of-tisi-product-certification-marks/


              Tags

              รีวิว นมผงสูตรย่อยง่าย แบรนด์ไหนดี

              อาการไม่สบายท้อง ถ่ายยาก ท้องอืด ร้องงอแง เป็นปัญหาที่คุณแม่หลายบ้านกังวล และพบได้บ่อยในเด็กเล็ก ซึ่งอาจกระทบต่อพัฒนาการด้านการเรียนรู้และพฤติกรรม ตลอดจนการเจริญเติบโต ปัญหาไม่สบายท้องร้องงอแง มักเกิดจากระบบย่อยอาหารของเด็กเล็กยังไม่สมบูรณ์ หรือมีการเปลี่ยนนม, หย่านม หรือการให้นมผสม ดังนั้นจึงควรเลือกสูตรนมให้เหมาะสม

              จะมีบ้างไหม นมผงสูตรย่อยง่าย ที่ตอบโจทย์คุณแม่ ช่วยให้ลูกย่อยง่าย ถ่ายคล่อง พร้อมเสริมสร้างพัฒนาการสมอง ให้กับลูกน้อย

              ทีมแม่ ABK ตามหามาให้แล้ว พร้อมรีวิวแบบจัดเต็มกับ 4 แบรนด์นมสูตรย่อยง่าย มีสารอาหารครบที่ช่วยให้ลูก ย่อยง่าย ถ่ายคล่อง สมองดี เหมาะกับวัยช่างเรียนรู้ อยากรู้แต่ละแบรนด์แตกต่างกันอย่างไร ตามมาดูกันเลยค่า

              คุณแม่ต่างทราบดีว่านมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย เพราะนอกจากจะมีสารอาหารสำคัญหลายชนิดที่ช่วยในการเจริญเติบโต และมีส่วนในการพัฒนาระบบการทำงานแต่ละส่วนในร่างกาย โดยเฉพาะโปรตีน ในนมแม่มีเอนไซม์ย่อยโปรตีน ทำให้มีลักษณะเป็น Partially Hydrolyzed Protein (PHP) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย เหมาะกับช่วงที่ระบบการย่อยและดูดซึมอาหารของทารกยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ช่วยให้ลูกน้อยไม่มีอาการท้องผูก ท้องอืด

              ในนมแม่ทุกหยดยังมีสารอาหารที่สำคัญต่อการพัฒนาของสมองอย่างมาก นั่นคือ MFGM (Milk Fat Globule Membrane) เยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในนมที่มีส่วนประกอบของโปรตีนและกรดไขมันที่จำเป็นมากกว่า 150 ชนิด เช่น สฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟไลปิด และแกงกลิโอไซด์ ซึ่งมีส่วนในการพัฒนาเซลล์สมอง ระบบประสาท และการทำงานของสมอง เพื่อสร้าง IQ และ EF ที่เหนือกว่าในช่วง 5 ขวบปีแรก ดังนั้นการที่ทารกได้รับนมแม่อย่างต่อเนื่องในช่วงแรกเกิดจึงเปรียบเสมือนขุมทรัพย์ล้ำค่าที่มีเพียงคุณแม่เท่านั้นจะมอบให้ลูกได้

              เรื่องชวนคิด ระบบย่อยอาหารดีมีผลต่อสมองดีอย่างไร?

              จากงานวิจัยปัจจุบันพบว่าระบบย่อยอาหารสัมพันธ์กับสมองโดยผ่านสิ่งทีเรียกว่า “แกนลำไส้-สมอง” (Gut-Brain Axis) ซึ่งเป็นการทำงานเชื่อมโยงกันระหว่าง ลำไส้กับสมอง ผ่านระบบประสาท ฮอร์โมน และจุลินทรีย์ในลำไส้ โดยลำไส้เป็นที่ผลิตสารสื่อประสาทอย่าง เซเรโทนิน มากกว่า90 % ไม่ใช่สมอง ดังนั้นถ้าลำไส้สุขภาพดี ร่างกายก็สามารถผลิตสารเหล่านี้ได้ดีตามไปด้วย มีผลต่อการควบคุมอารมณ์ ความจำของเด็กอย่างมาก

              นอกจากนี้จุลินทรีย์ดีในลำไส้ยังช่วยในการย่อยและดูดซึมสารอาหาร และสร้างกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) ที่มีผลต่อการพัฒนาระบบประสาทโดยตรง รวมถึงสารอาหารของสมองอย่าง วิตามินบี, ธาตุเหล็ก, โอเมก้า-3, และโคลีนได้มากขึ้นด้วย

              เมื่อลูกน้อยเริ่มเข้าสู่วัยหย่านมแม่และเริ่มรับประทานอาหารอื่น ๆมากขึ้น ทำให้ลูกขับถ่ายยากขึ้น ถ่ายเป็นก้อนแข็ง จนเด็กบางคนมีปัญหาท้องผูกเป็นประจำ นอกจากจะมีผลต่อสุขภาพร่างกายโดยรวมแล้ว ยังส่งผลต่อสภาพจิตใจ อาจทำให้ลูกกลัวการขับถ่าย ซึ่งจะยิ่งทำให้ขับถ่ายยากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนทุกอย่างจะสายไป แม่อาจลองปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกนมผงสูตรย่อยง่าย ที่มีสารอาหารจำเป็นอย่าง PHP MFGM DHA และใยอาหารเพื่อช่วยในการย่อย อาจช่วยป้องกันปัญหานี้ได้

              นมผงสูตรย่อยง่าย VS นมสูตรปกติ ต่างกันอย่างไร

              เมื่อลูกอายุ 1 ขวบขึ้นไป คุณแม่สามารถให้ลูกดื่มนมผงสูตร 3 วันละ 2 แก้วเพื่อเสริมจากมื้ออาหาร แต่หากสังเกตว่าลูกท้องผูกบ่อย ถ่ายยาก หรือมีอาการปวดท้องบ่อยๆ น่าจะส่งสัญญาณให้คุณแม่ต้องดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษ มาเปรียบเทียบกันชัดๆว่านมสูตรทั่วไป กับนมผงสูตรย่อยง่ายแตกต่างกันอย่างไร

              นมผงสูตรปกติ

              1. มีสารอาหารสำคัญต่อทารก เช่น โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน แร่ธาตุและสารอาหารเสริมอื่น ๆ
              2. มีสารอาหารเพิ่มเติมตามคุณสมบัติเฉพาะของนมผงแต่ละสูตร

              นมผงสูตรย่อยง่าย

              1. มีโปรตีนผ่านการย่อยบางส่วน (PHP) จึงมีขนาดเล็กลงเมื่อเทียบกับโปรตีนปกติ จึงย่อยง่าย ดูดซึมได้ดีขึ้น ช่วยลดอาการไม่สบายท้อง
              2. ในนมผงสูตรย่อยง่าย มีปริมาณน้ำตาลแลคโตสน้อยกว่านมสูตรปกติ การมีน้ำตาลแลคโตสน้อย ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารย่อยได้ง่ายขึ้น ลดการเกิดแก๊ซ อาการปวดท้องหรือไม่สบายท้องลดลง
              3. มีใยอาหารที่ช่วยคงลักษณะอุจจาระของเด็กให้อ่อนนุ่มเด็กจึงขับถ่ายได้สะดวก
              4. มีสารอาหารสำคัญต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาสมองของทารก เช่น โปรตีน กรดไขมัน แคลเซียม เหล็ก วิตามินเอ วิตามินอี DHA และที่สำคัญที่สุด คือ MFGM เป็นต้น

              สำหรับคุณแม่ที่กำลังมองหา นมผงสูตรย่อยง่าย แบรนด์ไหน ช่วยหยุดปัญหาไม่สบายท้อง ร้องงอแง พร้อมเสริมสมองดีสุด ทีมแม่ ABK จัดให้ด้วยการนำข้อมูลของนม 4 แบรนด์ได้แก่ Enfagrow A+ Mind Pro Gentle Care สูตร 3, Hi-Q1Plus Comfort Prebio PreteQ, S26 Gold Pro HA3 และ DG3 มาเปรียบเทียบกันชัด ๆ สูตรไหนช่วยดูแลเรื่องลำไส้และเสริมสมองไวอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลย

              คุณแม่สามารถปกป้องและเตรียมพร้อมเพื่อสุขภาพที่ดีของลูก ในเรื่องการพัฒนาระบบการย่อยอาหาร พร้อมเสริมสมองดี สมองไวให้กับลูกอายุ 1 ขวบ ขึ้นไป ด้วยการให้ลูกรับประทานผักผลไม้ที่มีกากใยสูง โพรไบโอติกธรรมชาติจากนมเปรี้ยว โยเกิร์ต และเสริมด้วยนมผงที่มีสารอาหารช่วยดูแลระบบการย่อยและดูดซึมอาหาร ซึ่งอุดมด้วยโปรตีน PHP ใยอาหารPDX และ GOS และสารอาหารสำคัญสำหรับสมองอย่าง MFGM เพื่อช่วยให้ลูกน้อยเติบโตแข็งแรง สมวัย พร้อมสนุกกับการเรียนรู้ได้ทุกวัน


                Learn through Play สนุกไปกับจินตนาการ ที่ Kiztopia

                Learn through Play สนุกไปกับจินตนาการ ที่ Kiztopia
                Family Edutainment สวนสนุกเพื่อการเรียนรู้ อันดับ 1 จากสิงคโปร์

                การเล่นสร้างการเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์กับเด็ก สวนสนุกที่เป็นมากไปกว่าความสนุก เพราะที่ Kiztopia Family Edutainment คือสวนสนุกเพื่อการเรียนรู้ เจ้าของรางวัลสถานที่ท่องเที่ยวยอดเยี่ยม “Best Attraction Experience” จาก Singapore Tourism Awards ในปี 2021 สนุกสุดครีเอท อัดแน่นด้านการเรียนรู้ มาตรฐานความปลอดภัยและความสะอาดจากสิงคโปร์ บนพื้นที่กว่า 1,300 ตารางเมตร โซนเล่นกว่า 16 โซน ฝึกทักษะเคลื่อนไหว พัฒนากล้ามเนื้อเต็มที ที่ Active Zone

                แล้วมาเสริมสร้างจินตนาการความสร้างสรรค์ต่อที่โซน Role Play เพิ่มเติมไปกับ Monthly Programกิจกรรมสุดครีเอท เสริมทักษะ ฝึกสมาธิ ฝึกจินตนาการ เพราะที่ Kiztopia เรียกได้ว่าไม่หยุดเรียนรู้ Learn ก็แน่น เล่นก็มันส์ มาที่เดียวได้ปล่อยพลัง และอิ่มอร่อยไปกับ Bell’s Café หรือบ้านไหนอยากจัดงานวันเกิดแบบ exclusive ก็มาที่ Kiztopia Partyroom ได้เลย ความสนุกครบจบในที่เดียว

                Highlight ที่ต้องไม่พลาด

                1. ห้องบทบาทสมมติขนาดใหญ่ถึง 5 ห้อง ให้เด็กๆ ได้หยิบ จับสิ่งของต่างๆ เสริมสร้างจินตนาการ พัฒนาทักษะการคิดการพูด มนุษยสัมพันธ์ และปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆและคุณพ่อคุณแม่ กับธีมสุดสนุกและสร้างสรรค์อย่างคลินิกรักษาสัตว์, Supermarket, Honey’s Farm ห้องแต่งตัวเสริมสวย และห้องครัวของเชฟพี่หมีเบล

                2. Active zone ขนาดใหญ่ โซนพัฒนาทักษะการทรงตัว ความกล้าหาญ และกล้ามเนื้อมัดใหญ่ Tiger Mojo Zoneสไลเดอร์สำหรับเด็กน้อย และเด็กโต แทรมโพลีนเด้งดึ๋ง บ่อบอลขนาดใหญ่ และและ Drago’s Space บ้านลมขนาดใหญ่ ปีนป่าย หลบหลีก และสไลเดอร์ครบทุกความตื่นเต้น และฝึกทักษะการเคลื่อนไหวไปในตัว

                3. รถไฟ Eli Train พาน้องๆ สั่นกระดิ่งรถไฟ นั่งรถไฟกินลม เที่ยวรอบ Kiztopia ตอบโจทย์ทุกความสนุกของเด็กๆ และเป็นพื้นที่เพิ่มเติมความสุขสุดสนุกของทั้งครอบครัว

                4. กิจกรรมประจำเดือน มาในธีมการเรียนรู้จากสิงคโปร์ พาน้องๆ Explore & Discover ความรู้และทักษะใหม่ๆ ทุกเดือน เติมความรู้กันแบบแน่นปึ๊กกับ Geekster Club คลับสะสมแสตมป์แห่งการเรียนรู้ ทั้งเล่นสนุก ได้ความรู้ และลุ้นรับของรางวัลได้ตลอดทั้งปีที่เข้าร่วมกิจกรรม

                สนุกไปกับบทบาทสมมุติ ที่ 5 Role play zone

                1. Happy’s Studio ​ ห้องแต่งตัวสีม่วงเอาใจคุณหนูๆที่รักสวยรักงาม อุปกรณ์ครบเสื้อผ้าหน้าผม แต่งตัวเสริมสวย เสริมหล่อ พร้อมชุดคอสตูมแฟนซีเปลี่ยนบทบาทให้เป็นเจ้าหญิง เจ้าชาย หรือตามจินตนาการได้ทุกวัน

                2. Raby’s Clinic ห้องคลินิกรักษาเพื่อนสัตว์ตัวน้อยที่สุดแสนสมจริง เครื่องมือการแพทย์ ครบพร้อมชุดกาวน์ ให้น้องๆฝึกเป็นคุณหมอรักษาสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ หนึ่งในห้องที่ได้รับความนิยมที่สุดของที่นี่

                3. Honey’s Farm ​ พาเกษตรกรตัวน้อยปลูกผักผลไม้ ป้อนนมวัว เพิ่มเติมความน่ารัก ด้วยวัวตัวยักษ์ จุดถ่ายรูปยอดฮิตประจำฟาร์ม

                4. Raby’s Mart​ ซูเปอร์มาร์เก็ตจำลอง ให้คุณหนู ๆได้ปลดปล่อยจินตนาการไปกับการเล่นบทบาทสมมติเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือจะเป็นขาช้อปก็สนุกไม่แพ้กัน หยิบจับผัก ผลไม้ อาหาร ที่สมจริงพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และเพิ่มเติมความรู้ไปกับประโยชน์ของอาหารแต่ละอย่างภายในห้อง

                5. Bell’s Cuisine ​ ห้องครัวสำหรับเชฟตัวน้อยสุดสนุกไปกับการผัด ทอด อบ และเสิร์ฟอาหารให้คุณพ่อคุณแม่ หนูๆสามารถปรุงได้ตั้งแต่ล็อบสเตอร์ตัวยักษ์ไปจนถึงซูชิ
                หมาล่า และไอศครีม!

                ขยับตัว ฝึกกล้ามเนื้อกันให้สะใจ ที่ Active Zone

                6. Tiger’s Mojo Zone ฝึกทักษะกล้ามเนื้อ ความกล้าและฝึกความแข็งแรง ไปกับการปีนป่าย ฝ่าด่าน Obstacle courses ในรูปแบบต่างๆ ทั้งนินจา ห้อยโหน ปีนป่าย สไลเดอร์ และบ่อบอล

                7. Mark’s Trampoline เด้งดึ๋งฝึกการทรงตัว ชู้ตลูกบอลเก็บคะแนนแข่งกับคุณพ่อคุณแม่

                8. Tiger’s Arena โซนสุดโปรดของขาซิ่งเลือกรถที่ถูกใจแล้วมุ่งหน้าไปยัง Tigers Arena ขับรถโชว์ และอย่าลืมปฏิบัติตามกฏระเบียบการจราจรกันด้วยนะ

                9. Drago’s Super Space บ้านลมขนาดใหญ่ ที่เดียวจบทุกความสนุก ปีนป่าย หลบหลีก และสไลด์ตัวลงมาอย่างผู้กล้า

                10. Honey’s interactive zone เล่นบ่อบอลจนเหนื่อย อย่าลืมแวะลงมามุม Interactive game โยนลูกบอลแข่งกันในเกมต่าง ๆ สนุกทั้งคุณลูกและคุณพ่อคุณแม่

                Chilling zone

                11. Eli’s Train Stationได้ยินเสียงกระดิ่งเป็นต้องวิ่งมา รถไฟ Eli มาแล้วจ้าใครมาเร็วได้นั่งหน้าเป็นนายรถไฟ พาเพื่อนๆเที่ยวรอบ Kiztopia อย่างสนุกสนาน รถไฟออกทุกครึ่งชั่วโมง อย่าลืมรีบมาจองคิวกันนะ

                12. Eli’s Sand pit บ่อทรายไม้ขนาดกว้างใหญ่พร้อมเครื่องเล่นสุดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กๆ วัย toddlers สามารถนั่งเล่นพักผ่อน และฝึกการจับสัมผัสทรายไม้สุดละมุนได้ที่นี่

                Recreation zone

                13. Bell’s reading corner พักผ่อนหย่อนใจเปิดอีกโลกจินตนาการ กับมุมหนังสือน่าอ่าน

                14. Mark’s Block เสริมทักษะจินตนาการฝึกความคิดแบบต่อเนื่อง ฝึกสมาธิและการคิดวิเคราะห์ ด้วยการเล่นต่อบล็อค บล็อคแม่เหล็ก และรางรถแม่เหล็ก สุดไหลลื่น

                15. Starbrite party room ฉลองวันเกิดพร้อมเพื่อนๆ และครอบครัวได้ที่นี่ เล่นสองชั่วโมงฟรี พร้อมรับการฉลองแบบจัดเต็มและของขวัญสุดน่ารัก

                16. Hero Square พักผ่อนไปกับการรับประทานขนมและเครื่องดื่มที่Bell’s Café เพลินไปกับโซนระบายสี ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก และแน่นอนทุกเสาร์ อาทิตย์ เตรียมพบกิจกรรมเสริมความรู้ พัฒนาทักษะประจำสัปดาห์ที่ลานเวที Hero และสนุกไปกับโชว์พี่บอลลูน หรือคุณอานักมายากล!

                นอกจาก Kiztopia สาขาเซ็นทรัลเวสต์วิลล์ แล้ว น้องๆ ยังมาสนุกประลองกำลังขากันได้ที่ Bouncetopiaบ้านลมขนาดยักษ์ที่เซ็นทรัลเชียงใหม่ และเซ็นทรัลหาดใหญ่ ได้ด้วยนะ ใครอยู่ใกล้ที่ไหนไปกันได้เลย

                ข้อมูลเพิ่มเติม
                Kiztopia เซ็นทรัล เวสต์วิลล์
                • สถานที่: เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ชั้น 3
                • เวลาเปิดบริการ: ทุกวัน
                วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 10.00 – 20.00 น
                วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา
                10.00 – 21.00 น.
                • Website: https://www.kiztopia.co.th
                • Facebook: https://www.facebook.com/kiztopiath/
                • Instagram: @kiztopiath
                • LINE Official: @kiztopiath
                Official Hashtag: #kiztopiacentralwestville #kiztopiathailand

                  Tags

                  Beaconhouse Yamsaard School Rangsit

                  Beaconhouse Yamsaard School Rangsit
                  พื้นที่สมดุลแห่งปัญญา นวัตกรรม และวัฒนธรรม

                  วันนี้ทีมแม่ ABK จะพาทุกบ้านมาเยี่ยมชม โรงเรียน Beaconhouse Yamsaard School Rangsit ค่ะ (โรงเรียนบีคอนเฮ้าส์แย้มสอาดรังสิต) โรงเรียนสองภาษาคุณภาพระดับสากลที่ทีมแม่คอนเฟิร์มได้เลยว่า “การเริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง”

                  คุณพ่อคุณแม่จะทราบถึง การจัดการเรียนรู้สุดว้าวสำหรับเด็กๆ ที่ผสมผสานการเล่นและเรียนได้อย่างลงตัว ในเด็ก ๆ เติบโต สนุก และมีคุณภาพคับแก้ว ทั้งทักษะชีวิตและกิจกรรมที่ตอบโจทย์ศตวรรษที่ 21 ชนิดเต็มสิบไม่หัก รับรองได้เลยว่าถูกใจทั้งผู้เรียนและผู้ปกครอง

                  โรงเรียนบีคอนเฮ้าส์แย้มสอาดรังสิต
                  เด็ก ๆ กำลังทำกิจกรรมจิตศึกษา ให้เกิดปัญญา ธรรมะภายใน เชื่อมโยงกับธรรมชาติ พอใจสิ่งรอบตัวเห็นคุณค่าของตัวเองค่ะ
                  โรงเรียนบีคอนเฮ้าส์แย้มสอาดรังสิต
                  กิจกรรมลูกเสือบีเวอร์ เต้นกันสนุกเชียว
                  โรงเรียนบีคอนเฮ้าส์แย้มสอาดรังสิต
                  มีการใช้หุ่นยนต์จิ๋วด้วย ไม่สนุกได้ยังไง
                  โรงเรียนบีคอนเฮ้าส์แย้มสอาดรังสิต
                  เปลี่ยนวิธีการนำเสนองานให้มีสีสันมากขึ้น ก็ทำเป็นคลิปไปเลย
                  โรงเรียนบีคอนเฮ้าส์แย้มสอาดรังสิต
                  วิทยาศาสตร์… ยิ่งลงมือทดลองเองก็ยิ่งเข้มข้น

                  The very good beginning ที่ โรงเรียนบีคอนเฮ้าส์แย้มสอาดรังสิต การสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งคือสิ่งจำเป็นต่อการเรียนรู้

                  ทุกครอบครัวอยากให้ลูก ๆ ไปโรงเรียนอย่างมีความสุข (ไม่มีน้ำตา) ใช่ไหมคะ เด็ก ๆ จะมีความสุขในการมาโรงเรียนได้ต้องรู้สึกปลอดภัยก่อนเป็นอันดับแรก

                  เมื่อรู้สึกไว้วางใจได้ก็จะเปิดใจยอมรับการเรียนรู้ เพราะโรงเรียนคือ สังคมใหม่ ที่เด็ก ๆ ต้องเรียนรู้และปรับตัว โรงเรียนที่ดีต้องประกอบไปด้วย คุณครูที่ใจดีมีเมตตา เข้าใจและยอมรับทั้งตัวตน อารมณ์ และ ความคิด ของเด็ก ให้เวลาเด็ก ๆ อย่างเต็มที่ เด็ก ๆ จึงจะมีความสุข เปิดใจในการเรียนรู้ เปิดใจปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ ๆ

                  เมื่อเด็ก ๆ คุ้นเคยกับสถานที่และผู้คนใหม่แล้ว ความเป็น little explorer ตามธรรมชาติจะแสดงออกมาค่ะ เด็ก ๆ จะอยากรู้อยากเห็น ลองสิ่งใหม่ โลกนี้มันช่างน่าค้นหาเหลือเกิน จังหวะนี้แหล่ะที่เหมาะกับการเรียนรู้ที่สุด การจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมจะทำให้เด็ก ๆ ( โดยเฉพาะสมอง ) พัฒนาแบบก้าวกระโดดได้เลยนะคะ!!!

                  ที่ BYS ใช้กระบวนการเรียนรู้ผ่านการเล่น (Play-Based Learning) เพื่อสร้างประสบการณ์เรียนรู้สุดม่วนจอยให้กับเด็ก ๆ เตรียมอนุบาล – อนุบาล ซึ่งเป็นการดึงศักยภาพและความสนใจของแต่ละคนออกมา ขึ้นชื่อว่า Play-Based Learning แล้วเป็นการเรียนรู้รูปแบบกิจกรรมแน่นอนที่สุดค่ะ และที่ BYS นี้เป็นการเรียนรู้แบบองค์รวม เน้นการเชื่อมโยงความรู้ ประสบการณ์ และบริบทต่างๆเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง โดยใช้ 4 กระบวนการหลัก ENGAGE / DEVELOP / INNOVATE / REFLECT

                  ENGAGE = มองภาพใหญ่ เป็นวิธีการกระตุ้นให้เด็กๆ เกิดความสงสัย ด้วยคำถามปลายเปิด ให้เด็ก ๆ ได้แสดงความคิดเห็นอย่างพรั่งพรูเลยค่ะ

                  DEVELOP = เชื่อมโยง ใช้การลงมือปฏิบัติจริง คุณครูจะคอยแทรก + กระตุ้นคิดด้วยคำถามปลายเปิด เด็ก ๆ จะนำความรู้ที่ได้จากหลาย ๆ ด้านมาเชื่อมโยงกัน เช่น ความรู้จากวิชาเรียนหนึ่งอาจนำไปประยุกต์กับอีกวิชาหนึ่งได้

                  INNOVATE = เด็ก ๆ จะมี “ความเข้าใจในแบบของตนเอง” นำไปสู่การคิดค้นและสร้างสรรค์ผลงาน เป็นการสรุปได้ว่าความรู้ที่ได้มา

                  REFLECT = สะท้อนคิด บอกเล่า + นำเสนอสิ่งที่เรียนรู้ ไม่ใช่แค่เรียนรู้เพื่อสอบ แต่เรียนรู้เพื่อนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง

                  โรงเรียนบีคอนเฮ้าส์แย้มสอาดรังสิต
                  เรียนภาษาไทยผ่านการใช้นิทาน เหมือนโดนมนต์สะกดเลยค่ะ
                  โรงเรียนบีคอนเฮ้าส์แย้มสอาดรังสิต
                  Talk and Tell corner ส่งเสริมด้านภาษาความหลากหลาย เนื้อหานอกเหนือจากบทเรียน ฝึกการพูดคุยและการสื่อสารค่ะ
                  เล่นอิสระ outdoor
                  เหมือนเล่นอิสระ แต่นี่เรียนอยู่นะคะ เพลินสุดๆ

                  Kindergarten Life

                  เตรียมอนุบาล – อนุบาล 2 เป็นกิจกรรมสนุก ๆ ตามวัยที่เป็นการเตรียมความพร้อมอย่างแท้จริง เด็ก ๆ ได้ทำกิจกรรมทั้ง Indoor และ Outdoor ในสัดส่วนที่เหมาะสม กล้ามเนื้อมัดใหญ่ มัดเล็ก ทำงานสอดประสาน อารมณ์แจ่มใส เน้น “การปฏิบัติ” ให้ลอง ให้ทำ ถ้าผิดพลาดก็จะเกิดการคิดใหม่ เพื่อแก้ไข นั่นเท่ากับการเรียนรู้ทั้งทางวิชาการ และอารมณ์พร้อมกัน เด็ก ๆ จะได้ทำกิจกรรมแบบเดี่ยวและแบบกลุ่มค่ะ จะได้ทั้งอยู่กับตนเอง เข้าใจตนเอง รับผิดชอบต่อตนเองในงานเดี่ยว และเรียนรู้จากบทบาทที่หลากหลายในงานกลุ่ม ฝึกการอยู่ร่วมกันในสังคม เคารพกฎและกติกา ผลคือนักเรียนตัวน้อยของเรา “ปรับตัวง่าย รู้จักยับยั้งชั่งใจ (คิดก่อนทำ) มีสติ มีสมาธิ” นี่คือ EF ค่ะ

                  เมื่อเด็กพร้อมทุกด้าน การเรียนรู้จะเป็นไปอย่างรวดเร็วมากซึ่งทำให้นักเรียน BYS อ่านออกและเขียนได้อย่างคล่องแคล่ว (ทั้งอังกฤษและไทย) ตั้งแต่ชั้นอนุบาล 3 และTechnology as tools ไม่ใช้ “จอ” เป็นหลัก แต่ใช้เป็นเครื่องมือช่วยคิดเชิงระบบ

                  How they progress เติบโตอย่างสมดุล ที่ โรงเรียนบีคอนเฮ้าส์แย้มสอาดรังสิต

                  Primary Section ป. 1 – ป. 3

                  Life Long Learners ของเราผ่านชั้นอนุบาล 3 มาแล้วค่ะ และกำลังกระชับเชือกรองเท้าให้แน่นแล้วออกวิ่งไปกับ BYS
                  ที่นี่โดดเด่นเรื่องการใช้ภาษาสุด ๆ ค่ะ เป็นการประสานกันอย่างลงตัวของ Cambridge และ Cornerstone (ระดับเวิลด์คลาส) มาปรับให้เข้ากับบริบทสังคมไทย เด็กๆ มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษมาก และยังใช้หลักสูตร Singapore Math ด้วยนะคะ

                  นอกจากนี้ยังมี Project- Based Learning เพื่อพัฒนาทักษะจำเป็นในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะ ทักษะการสื่อสาร การคิดวิเคราะห์ การทำงานร่วมกับผู้อื่น การพัฒนาด้านความคิดสร้างสรรค์ ผ่านการตั้งคำถาม ค้นคว้าหาคำตอบ – สะท้อนคิด และนำเสนอผลงาน โดยใช้การเรียนรู้แบบ Active learning ลงมือปฏิบัติจริงอย่างเป็นระบบเพื่อพิสูจน์สิ่งที่เกิดขึ้น เชื่อมโยงเหตุการณ์จะชีวิตจริงสู่การเรียนรู้

                  Primary Section ป. 4 – ป. 6

                  ใช้นวัตกรรม Project-Based Learning ค่ะ ปลายภาคจะมีการนำเสนอโครงงานที่ผู้ปกครองสามารถเข้ามารับชมและร่วม feedback ได้ ท้าทายศักยภาพด้วยการคิดเชิงวิพากษ์เกี่ยวกับประเด็นหรือปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก (Global Perspectives) นักเรียนจะเห็นมุมมองที่กว้างขึ้นและนำมาเชื่อมโยงกัน โรงเรียนจะส่งเสริมการเรียนรู้รอบตัว รวมถึงมีกิจกรรม “อ่านหนังสือออนไลน์” ซึ่ง BYS ใช้เป็นรูปแบบ platform ที่สามารถอ่านได้ทุกที่ มีการตอบคำถาม และให้คุณครูประเมิน (ดูพัฒนาการการอ่าน) ในวิชาเสริมหลักสูตร เช่น Mad Science ภาษาจีน รวมไปถึงมีโอกาสเลือกเรียน กีฬาที่ตนเองสนใจ เช่น กอล์ฟ เทนนิส ฟุตบอล และว่ายน้ำ ด้วยนะคะ

                  นอกจากนี้ยังส่งเสริมการเรียนรู้ภายในชุมชน และช่วยชุมชนในพื้นที่ เพื่อปลูกฝังให้นักเรียนรู้จักเป็นผู้ให้ สร้างจิตสาธารณะ และความรู้สึกรักชุมชนและประเทศชาติ

                  Secondary Unit ม. 1 – ม. 3

                  Key หลักคือ นวัตกรรม Project-Based Learning ในรูปแบบเชื่อมโยงเข้ากับเหตุการณ์ประจำวัน (ชีวิตจริงนั่นเอง) ที่เน้นการ Collaboration เน้น Teamwork เป็นส่วนใหญ่ค่ะ จะพานักเรียนออกไปเรียนรู้ในสถานที่จริง เพื่อสร้างประสบการณ์ตรง

                  เน้นการสร้างตัวตน ตัวเอง Technology สุขภาพ (Wellbeing) ทางโรงเรียนให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะเชิงสมรรถนะ (Soft skills) มาก ๆ เน้นทักษะในชีวิตประจำวัน การปรับตัว การอยู่ร่วมกัน การเห็นคุณค่าในตนเอง นักเรียนจะได้ค้นหา ความถนัด และ ความสนใจ ของตัวเองผ่านวิชาต่าง ๆ ที่หลากหลาย เพื่อพัฒนาศักยภาพ + บุคลิกภาพส่วนตน (โดยเฉพาะ มีทักษะในการคิดวิเคราะห์คิดสร้างสรรค์ คิดแก้ปัญหา มีทักษะในการดำเนินชีวิต)

                  ส่วนวิชาเสริมหลักสูตร มีความหลากหลายสุด ๆ นักเรียนมีโอกาสเลือกเรียนในชมรมที่นักเรียนมีความถนัดและสนใจ เช่น ชมรม Cover Dance ชมรมการงานอาชีพ ชมรมภาพยนตร์ ชมรมภาษาจีน ชมรมภาษาญี่ปุ่น ชมรมวิทยาศาสตร์ ชมรมศิลปะ ชมรม Robotics ฯลฯ

                  ช่วงชั้น ม. 4 – ม. 6

                  BYS ออกแบบหลักสูตรที่ครอบคลุมและทันสมัยเพื่อตอบสนองความต้องการของนักเรียนในยุคปัจจุบัน เน้นการมีส่วนร่วมของ คิด เรียนรู้ด้วยตัวเองซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยค่ะ

                  หลักสูตรที่เป็น Hi – Light ของ โรงเรียนบีคอนเฮ้าส์แย้มสอาดรังสิต ได้แก่

                  Dual Programme : BYS Advanced English Programme (AEP) – Nanyang Institute of Management Foundation Course (NIM) ทางลัดสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ

                  ซึ่งจะมีให้เลือกสองสาขา ได้แก่ Science and Technology และ Business Study จะต่อ Advanced Diploma หรือ Bachelor Degree ได้เลยค่ะ ( เท่ากับเรียนจบปริญญาตรีใช้เวลาประมาณ 2 ปี – 2 ปีครึ่ง ) ภายใต้สองสายการเรียนนี้ นักเรียนจะได้เรียนวิชาต่างๆดังนี้ วิชาแกนกลาง วิชาพิเศษขั้นสูง วิชาที่ชื่นชอบและสนใจและอีก 4 วิชาพื้นฐานจาก NIM ประเทศสิงคโปร์ ได้แก่

                  1. Fundamentals of Management
                  2. Principles of Accounting
                  3. Introduction to Economics
                  4. Business Report Writing

                  หลักสูตรห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษและเทคโนโลยี ตามแนวทาง สสวท. (IPST) ศึกษาต่อในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

                  มุ่งเน้นพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดริเริ่มสร้าง และการแก้ปัญหาตามมาตรฐาน สสวท. ส่งเสริมกิจกรรมการเรียน เช่นการเรียนวิชาวิทยาการหุ่นยนต์ การเข้าค่าย STEM การออกแบบทางวิศวกรรมและการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี

                  • Communicate English Programme (CEP) แผนการเรียนคณิตศาสตร์ – ภาษาอังกฤษ (Mathematics – English) ศึกษาต่อในสาขาวิชาคณิตศาสตร์
                  • Communicate English Programme (CEP) แผนการเรียนภาษาอังกฤษ – ภาษาจีน (English – Chinese) ศึกษาต่อในสาขาวิชาภาษาจีน
                  • หลักสูตร Communicate English Programme (CEP) แผนการเรียนภาษาอังกฤษ – ภาษาญี่ปุ่น (English – Japanese) ศึกษาต่อในสาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น
                  • หลักสูตร Communicate English Programme (CEP) แผนการเรียนภาษาอังกฤษ – กีฬา (English – Sports) ศึกษาต่อในสาขาวิชาที่หลากหลาย เช่น พลศึกษา ครุศาสตร์ การท่องเที่ยวและโรงแรม เป็นต้น

                  นักเรียนหลักสูตร CEP สามารถเรียนวิชาเสริมเพื่อพัฒนาทักษะ Soft Skills ที่เหมาะกับตนเอง และสามารถเลือกเรียนภาษาจีน / ภาษาญี่ปุ่น (หรือภาษาต่างประเทศอื่นๆสำหรับนักเรียนที่เรียนภาษาจีนหรือภาษาญี่ปุ่นอยู่แล้ว) สัปดาห์ละ 2 คาบ – เพื่อเพิ่มทักษะทางภาษาที่หลากหลายด้วยนะคะ

                  โรงเรียนบีคอนเฮ้าส์แย้มสอาดรังสิต
                  สนามหญ้าขนาดใหญ่

                  Opportunities

                  MOU : สำหรับนักเรียนชั้นมัธยม ทางโรงเรียน มีโควต้าระดับมหาวิทยาลัย เช่น คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
                  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ,มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (ยกเว้นคณะวิศวกรรมศาสตร์) ,มหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ด

                  และยังมี โครงการแลกเปลี่ยนนักเรียน : ระหว่าง BYS และ Monbetsu Hokkaido (ส่งเสริมด้านภาษาและวัฒนธรรม)
                  มีโอกาสได้เรียนกับ Educational Outsources ชั้นนำของประเทศไทย (รายละเอียดติดต่อสอบถามโรงเรียนโดยตรงค่ะ)

                  โรงเรียนบีคอนเฮ้าส์แย้มสอาดรังสิต
                  นักเรียนกล้าพูด กล้าแสดงออก มีความเป็นผู้นำ
                  โรงเรียนบีคอนเฮ้าส์แย้มสอาดรังสิต
                  คณะบริหารของโรงเรียน ที่นี่เป็นแห่งที่ 2 จาก 4 แห่งในเครือบีคอนเฮ้าส์แย้มสอาดค่ะ

                  Mommy’s Love This ถูกใจแม่ !

                  1. กิจกรรมเป็นตัวนำการเรียนรู้ตั้งแต่เล็กจนเป็นพี่ใหญ่ – อย่างนี้ก็สนุกทุกวันเลยสิคะ

                  2. เด็กๆมีอิสระทั้งด้านความคิด การแสดงออก คิดผิด ผิดพลาดได้ ซึ่งจะเกิดกระบวนการเรียนรู้ในที่สุด

                  3. พื้นที่เล่นให้ปล่อยพลังได้เต็มที่ สดใส สะอาด กว้างขวาง very well organized

                  4. ความสามารถด้านต่างๆของเด็กๆ จะได้รับการส่งเสริมเต็มที่ เช่น คลาสพิเศษที่ช่วยเสริมให้ศักยภาพ shine สุดๆ หรือ การพาออกไปแข่งขันด้านนอก

                  5. งดงามอย่างไทย – คิดอ่านทันสมัยอย่างสากล แนวทางของโรงเรียนคือ โรงเรียนแห่งนวัตกรรม ส่งเสริมภาษา พัฒนาคุณธรรม ซึ่งโรงเรียนปฏิบัติได้จริง นักเรียน BYS ได้รับการปลูกฝังมารยาทแบบไทย การปฏิบัติตนในบริบทความเป็นไทย และใช้วิธีคิด + เรียนรู้แบบสากลในคราวเดียวกัน

                  บทความ : แม่พลอยผิง

                  ภาพถ่าย : ฤทธิรงค์ จันทองสุข


                  เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – นิทรรศการ Beauty and the Beast เรียนรู้เรื่องผีเสื้อและแมลงสาบ ที่ Chula Museum

                  โรงเรียนบีคอนเฮ้าส์แย้มสอาดรังสิต

                  • ที่อยู่ : เลขที่ 2 ม.6 ถนนไสวประชาราษฎร์ ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 12150
                  • Website : https://bys.ac.th/
                  • E-mail : [email protected]
                  • เบอร์โทรศัพท์ : 0 2152 2391 - 3

                  กลับมาอีกครั้ง! กับการโหวตสุดยอดแบรนด์สินค้าแม่ลูก จากเสียงของคุณแม่ทั่วประเทศ

                  Amarin Baby & Kids Awards 2025: Smart Life Smart Living: ยกระดับทุกมิติของชีวิตด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม

                  วางแผนชีวิตให้ง่ายขึ้นด้วยการนำเทคโลโนยีใหม่ๆ นวัตกรรมที่ทันสมัย มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้ในหนึ่งวันของมนุษย์แม่หรือชีวิตที่มีเด็กอยู่ใกล้ๆตัว ง่ายดายและไม่ซับซ้อน เพื่อการวางแผนชีวิตได้อย่างมีระบบ และตัวช่วยนี้ใคร ๆ ก็มีได้

                  เพียงเลือกสรร มองหาข้อมูลสินค้าที่ถูกต้องและปลอดภัย รวมถึงการวางแผนการเงินให้ดี เพื่อเพิ่มความสบายให้กับชีวิต และตัวช่วยอันดับหนึ่งนั่นคือ เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับแม่โดยเฉพาะ

                  เพื่อลดภาระการทำงานบ้าน ลดความยุ่งยากในการเป็นแม่มือใหม่  ทั้งในหมวดสินค้าที่ตอบรับการดูแลลูก รวมถึงสินค้าและบริการที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อทำให้ทุกวันเป็นวันที่มีรอยยิ้ม เบาใจและสบายกายกันทั้งครอบครัว 

                  มาร่วมโหวตสินค้า ผลิตภัณฑ์ และบริการสำหรับครอบครัว และสินค้าแม่และเด็ก ที่ทำให้ชีวิตเราเบาสบายขึ้น และแบรนด์ใดบ้างที่จะนั่งอยู่ในใจและเป็นอันดับ 1 ในดวงใจของคุณแม่ Amarin Baby & Kids เชิญชวนคุณแม่ คุณพ่อ และครอบครัวมาร่วมเสนอชื่อ แบรนด์ผลิตภัณฑ์แม่ลูกในดวงใจ ที่ใช้ดี มีประโยชน์จริง เพื่อเป็นเสียงหนึ่งในการคัดเลือกสุดยอดแบรนด์ เพื่อรับรางวัล  Amarin Baby & Kids Awards 2025 

                   เปิดให้คุณแม่ร่วมด้วย ช่วยกันโหวตให้กับแบรนด์สินค้าแม่และเด็ก   📌ปักหมุดกันตั้งแต่วันนี้ – 28 กรกฎาคม 2568 😍 มาร่วมโหวตคัดสรรเลือกแบรนด์ที่คุณแม่เลือกและมั่นใจ จนอยากส่งต่อความเชื่อใจ  ความถูกใจนี้ไปถึงคุณแม่มือใหม่กันค่ะ

                  อยากให้แบรนด์สินค้าไหนที่ใช้ดีถูกใจคุณแม่คุณลูก ได้รับรางวัลอันทรงคุณค่านี้ รีบมาโหวตกันนะคะ  ✴พิเศษ!!! ทุกการโหวตของคุณแม่ยังมีสิทธิ์ลุ้นรับ E- Voucher  จากร้านนายอินทร์ มูลค่า 200 บาท จำนวน 100 รางวัล 

                  #AmarinBabyAndKidsAwards2025 #AmarinBabyAndKids

                    Tags

                    Bugaboo Butterfly 2 ปลดล็อกทุกการเดินทาง สู่โลกไร้ขีดจำกัดของครอบครัวยุคใหม่

                    จะดีแค่ไหน? หาก รถเข็นเด็ก กลายเป็นพาร์ตเนอร์การเดินทางที่จะปลดล็อกอิสระให้ทุกก้าวของครอบครัวยุคใหม่มีความหมายยิ่งกว่าเคย

                    The Little Store ร้านจัดจำหน่ายสินค้าสำหรับแม่และเด็กคุณภาพระดับพรีเมียม ที่ครบวงจรที่สุดในประเทศไทย ในฐานะผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Bugaboo (บักกาบู) แบรนด์รถเข็นเด็กระดับโลกจากเนเธอร์แลนด์ ได้จัดงาน “Unfold Together” ครั้งแรกในประเทศไทย ณ The Storeys Square ชั้น 1 One Bangkok

                    โดยเปิดตัว Bugaboo Butterfly 2 รถเข็นเด็กอัลตร้าคอมแพครุ่นใหม่ล่าสุดที่ได้รับการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้านี้ ตอกย้ำปรัชญาการออกแบบที่ผสมผสานนวัตกรรม ดีไซน์ และฟังก์ชัน

                    เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของครอบครัวยุคใหม่ที่ต้องการอิสระในการเดินทางอย่างไร้ขีดจำกัด และสอดรับกับแนวคิดหรือสโลแกนของ Bugaboo Butterfly 2 ที่ว่า #Anywherewithyou ซึ่งเป็นมากกว่าคำพูด แต่เป็นคำสัญญาของ Bugaboo ที่จะอยู่เคียงข้างคุณและลูกน้อย ตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล จนถึงทุกการผจญภัยไกลถึงอีกซีกโลก

                    ไม่ว่าจะเป็นก้าวแรกบนทางเท้าใกล้บ้าน หรือการขึ้นเครื่องบินไปสู่จุดหมายใหม่ ๆ Bugaboo พร้อมเป็นผู้ช่วยที่เข้าใจ ใส่ใจ ให้คุณและลูกน้อยรู้สึกสบาย ปลอดภัย และคล่องตัวในทุกช่วงเวลาของชีวิต เพราะเราเชื่อว่า ทุกการเดินทางคือช่วงเวลาแห่งความสุขและสายใยที่มีค่าที่สุดของครอบครัว

                    สมกับที่ Mr. Aernout Dijkstra-Hellinga, Head of Product Design ได้กล่าวในพรีเซ็นต์เตชั่นเปิดตัวงาน ถึงแรงบันดาลใจในการพัฒนา Bugaboo Butterfly 2 เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมด้วยฟังก์ชันและความสวยงามที่ยกระดับขึ้นกว่าเดิม

                    การจัดงานครั้งนี้ จึงเต็มไปด้วยสีสันแห่งความสุขและความมีชีวิตชีวา สะท้อนคอนเซ็ปต์หลักได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้ง MOVEMENT ที่แสดงออกถึงการเคลื่อนที่อย่างลื่นไหล, FRESH ความสดใหม่ของดีไซน์และนวัตกรรม, TOGETHER การร่วมเดินทางไปพร้อมกันของครอบครัว, JOURNEY ประสบการณ์การเดินทางที่น่าจดจำ และ FREEDOM อิสระในการใช้ชีวิตทุกรูปแบบ โดยบรรยากาศภายในงานถูกเนรมิตให้เป็นพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจ สื่อถึงการเดินทางบทใหม่ของครอบครัว

                    คุณพงศ์ปิติ ศรีพลแผ้ว กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีซี ลิงค์ จำกัด กล่าวว่า

                    “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอ นวัตกรรมรถเข็นเด็กอัลตร้าคอมแพคแห่งอนาคตนี้ให้กับพ่อแม่ยุคใหม่เป็นครั้งแรกในประเทศไทย Bugaboo Butterfly 2 จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยปลดล็อกทุกข้อจำกัด ให้คุณพ่อคุณแม่ได้ออกไปท่องโลกกับลูกน้อยได้อย่างอิสระและมั่นใจในทุกการเดินทาง คือการตอกย้ำความมุ่งมั่น The Little Store ร้านค้าปลีกของเราในการคัดสรรและรวบรวมผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงสุด ด้วยนวัตกรรมทันสมัย พร้อมส่งมอบความสะดวกสบาย ปลอดภัย เพื่อยกระดับประสบการณ์ที่ดีร่วมกันของครอบครัวยุคใหม่ได้อย่างไร้กังวลมาไว้ที่ร้านของเราที่เดียว”

                    ในส่วนของไฮไลท์สำคัญ พบกับการเผยโฉมนวัตกรรมล่าสุดของ Bugaboo Butterfly 2 รถเข็นเด็กอัลตร้าคอมแพค ที่ได้รับการพัฒนายกระดับขึ้นมาจาก Bugaboo Butterfly 1 เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกน้อยและคุณพ่อคุณแม่

                    ฟังก์ชันโดนใจ และตอบโจทย์ ครอบครัวยุคใหม่ ด้วยนวัตกรรมแห่งยุคสมัย

                    Ms. Wendy Sun, Service and Operation Director Asia Pacific และ Mr. Brian He, Marketing Specialist for China and SEA ซึ่งบินตรงมาร่วมงานในครั้งนี้ ได้ให้เกียรติร่วมแนะนำคุณสมบัติเด่นของผลิตภัณฑ์และฟังก์ชันต่าง ๆ ด้วยตนเอง สร้างความเข้าใจถึงนวัตกรรมที่ซ่อนอยู่ภายใต้ดีไซน์อันเรียบหรู

                    เผยว่า “Bugaboo Butterfly 2 ไม่ใช่แค่รถเข็นเด็ก แต่คือคำตอบของอิสรภาพที่ครอบครัวยุคใหม่ต้องการ เราเข้าใจดีถึงวิถีชีวิตที่ไม่หยุดนิ่ง และเชื่อว่าทุกกิจกรรมทุกการเดินทางควรเป็นเรื่องง่าย จึงได้ผสานนวัตกรรมที่ดีที่สุดเพื่อสร้างสรรค์รถเข็นเด็กที่เหนือกว่าในทุกมิติ ด้วยฟังก์ชั่นใช้งานได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนเข้าสู่วัยประถม

                    ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการปรับระดับที่นั่งให้ตั้งตรงและเอนนอนได้อย่างเต็มที่มากขึ้น ไปจนถึงล้อสีดำที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อการเข็นที่ไหลลื่นนุ่มนวลกว่าเดิม อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกกว่าที่เคยด้วยตะกร้าใต้เบาะที่จุของได้ถึง 8 กิโลกรัม พร้อมเพิ่มช่องเก็บของด้านหลังเบาะ และยังปกป้องลูกน้อยให้ปลอดภัยกว่าเดิมด้วยหลังคาที่ปรับขยายปิดเปิดได้

                    รวมถึงจุดเด่นที่เพิ่มความคล่องตัวด้วยการพับเก็บสะพายง่ายได้อย่างรวดเร็วเพียงมือเดียว ที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่ยกระดับขึ้น ด้วยปุ่มฟังก์ชันสีดำ และสายรัดนิรภัยสีเข้ากันกับตัวเบาะ เสริมรูปลักษณ์ให้สวยงามพรีเมียมยิ่งขึ้น ด้วยความใส่ใจในรายละเอียดเพื่อการใช้งานที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นกว่ารุ่นเดิม Bugaboo Butterfly 2 จึงตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกครอบครัวอย่างครบครัน ทั้งความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และภาพลักษณ์ อันพร้อมเดินทางไปกับคุณทุกที่ ทุกรูปแบบอย่างแท้จริง”

                    งานนี้ถือเป็นการรวมตัวครั้งสำคัญแห่งปีของเหล่าคุณพ่อคุณแม่เซเลบริตี้และครอบครัวอินฟลูเอนเซอร์แถวหน้าของเมืองไทยที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ ม.ล.พลอยนภัส – คุณอภิชาติ ลีนุตพงษ์, คุณเคน นครินทร์ – คุณกัณญมนต์ วนกิจไพบูลย์, คุณบูม ธริศร – คุณเจนจิรา ธรณวิกรัย, คุณน้อยนัดดา อัศวนฤนาท, คุณศจิกา ทองสุข, คุณปัทมรัตน์ ลิปตพัลลภ, คุณกิตติมา วงษ์สวัสดิ์ และแขกผู้มีเกียรติอีกมากมาย

                    พร้อมกันนี้ ยังได้รับเกียรติจาก คุณซู่ชิง จิตต์สุภา ฉิน ครีเอเตอร์และคอลัมนิสต์สายเทคโนโลยี และ คุณจูนจูน พัชชา พูนพิริยะ นักทำคอนเทนต์และรีวิวไลฟ์สไตล์ชื่อดัง ซึ่งทั้งสองท่านล้วนเป็นผู้ใช้งาน Bugaboo Butterfly 1 มาก่อน ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ถึงจุดเด่นของ Bugaboo Butterfly 2 ที่ได้รับการอัปเกรดให้ดียิ่งขึ้น

                    คุณซู่ชิงเผยความประทับใจในฐานะคุณแม่ที่หลงใหลในเทคโนโลยีและดีไซน์ โดยมองว่า รถเข็นคันนี้เป็นหนึ่งในแกดเจ็ตชิ้นสำคัญที่ตอบโจทย์ชีวิตได้จริง ด้วยการใช้งานที่สามารถรองรับเด็กอ่อนได้อย่างดี มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่สะดวกสบาย เสริมความมั่นใจได้ว่า เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในรถเข็นเด็กคันเดียวจบครบครัน

                    เช่นเดียวกับ คุณจูนจูน ผู้ซึ่งชอบค้นคว้าข้อมูลสินค้าอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ ยังยืนยันถึงความสะดวกสบายและประสิทธิภาพการใช้งานจริง รถเข็นเด็กรุ่นนี้ได้กลายเป็นเหมือนเพื่อนร่วมเดินทางที่ทำให้ทุกกิจกรรมราบรื่น พร้อมดีไซน์และเฉดสีสวยงามลงตัว เหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Bugaboo ในการตอบรับทุกเสียงของผู้ใช้งาน เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีกว่าเดิมอย่างไม่หยุดยั้ง

                    แฟชั่นโชว์จากเหล่าเซเลบและอินฟลูเอนเซอร์ขื่อดัง

                    อีกหนึ่งไฮไลท์ที่สร้างความประทับใจและเรียกเสียงฮือฮาได้อย่างมาก คือ แฟชั่นโชว์สุดพิเศษที่นำทีมโดยคุณแม่เซเลบริตี้และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของเมืองไทย พร้อมลูกน้อย มาร่วมเดินแฟชั่นโชว์อวดโฉม Bugaboo Butterfly 2 ในสถานการณ์จำลองที่หลากหลาย สะท้อนถึงฟังก์ชันการใช้งานจริงในทุกมิติของไลฟ์สไตล์ยุคใหม่

                    เปิดฉากด้วย คุณพรรษ พรรษมน พจนประพันธ์ กับรถเข็นสี Desert Taupe ในอาร์ตแกลเลอรี ที่โดดเด่นด้วยล้อขนาดใหญ่ เข็นลื่นเลี้ยวง่ายแม้เจอสิ่งกีดขวาง,

                    คุณเอ้ น้อยนัดดา อัศวนฤนาท ใน The Urban Stroll กับรถเข็นสี Heritage Black ที่พิสูจน์ถึงพื้นที่เก็บของขนาดใหญ่ ช้อปปิ้งได้คล่องตัวไปพร้อมกับลูกๆ,

                    คุณปอ ศจิกา ทองสุข ชวน Parkside Picnic กับรถเข็นสี Forest Green พร้อมช่องเก็บของใต้เบาะที่เก็บตะกร้าปิกนิกเมื่อพาลูกออกไปเที่ยวสวนได้อย่างสบาย,

                    คุณแอนท์ มาริษา ศิริสิทธิ์ แสดงถึง WildFlower Wonder ด้วยรถเข็นสี Deep Indigo พร้อมฟังก์ชันการปรับเบาะเอนสำหรับเด็กเล็กได้ง่ายไม่ว่าจะนั่งหรือนอน,

                    คุณส้ม ณัฐชา โต๊ะสุวรรณวณิช จำลอง Playdate on the Beach กับรถเข็นสี Heritage Black ที่โดดเด่นเรื่องบังแดดบังลมให้ลูกน้อยได้อย่างปลอดภัย,

                    คุณเตย พรพจี ศิริสิทธิ์ สาธิต Airport Dash: Travel Day กับรถเข็นสี Desert Taupe ที่พับเก็บง่ายดาย และหิ้วขึ้นไหล่ได้อย่างคล่องตัวรวดเร็วด้วยมือเดียว

                    ปิดท้ายด้วย คุณขวัญ ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ ที่จบการการเดินแฟชั่นโชว์อย่างโรแมนติกใน Dinner or Evening Stroll in City พร้อมด้วยรถเข็นสี Deep Indigo ที่แสดงถึงความสะดวกสบายที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่หรูหราเรียบง่าย เข้ากับเสื้อผ้าไลฟ์สไตล์ของคุณแม่

                    การจัดแสดงอันน่าประทับใจนี้ตอกย้ำให้เห็นว่า Bugaboo Butterfly 2 คือที่สุดแห่งอิสระและความคล่องตัวในทุกสถานที่ของคุณแม่และลูกน้อยอันไร้ข้อจำกัด สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ ที่ว่า “Anywhere with You” อย่างสมบูรณ์แบบ

                    พร้อมส่งท้ายงานด้วยกิมมิคสุดประทับใจ ที่สะท้อนถึงการส่งต่อสิ่งที่ดีที่สุดมายังครอบครัวยุคใหม่ในประเทศไทย โดย Ms. Wendy ได้ให้เกียรติส่งมอบกล่องตัวแทนให้กับ คุณพงศ์ปิติ ทันทีที่กล่องถูกเปิดออก ผีเสื้อกระดาษสีสันสดใสราวกับมีชีวิตก็โบยบินโปรยปรายออกมาอย่างงดงาม

                    ผีเสื้อแต่ละตัวเปรียบเสมือนสัญลักษณ์การมาถึงอย่างเป็นทางการของ Bugaboo Butterfly 2 ครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นตัวแทนของอิสระในการเดินทาง ความสดใหม่ของนวัตกรรม การร่วมสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำของครอบครัวด้วยการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

                    การแสดงออกอันเปี่ยมความหมายนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของร้าน The Little Store ภายใต้การบริหารของ BC Link ในการนำเสนอประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุด พร้อมปลดล็อกทุกข้อจำกัด ให้ทุกก้าวของครอบครัวยุคใหม่เต็มไปด้วยความสุขและความอิสระอย่างแท้จริง

                    คุณสมบัติ รถเข็นเด็ก Bugaboo ที่มอบประสบการณ์อันล้ำค่า

                    Bugaboo Butterfly 2 คือคำตอบของ รถเข็นเด็ก อัลตร้าคอมแพค ที่ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ “เบา สบาย และมั่นใจ” กว่าเดิม เพราะความสบายของลูกคือความสบายใจของพ่อแม่

                    รถเข็นเด็กรุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงให้รองรับลูกน้อยได้ดีกว่าเดิม พร้อมคุณสมบัติเด่นที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ใช้งานได้ตั้งแต่แรกเกิดจนเข้าสู่วัยประถม ผ่านมาตรฐาน IATA สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ พาลูกน้อยไปได้ทุกที่, พับง่ายรวดเร็วด้วยมือเดียว, ขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา, ที่นั่งปรับระดับเอนนอนและตั้งตรงได้มากกว่าเดิม, พื้นที่นั่งกว้าง เบาะนุ่มสบาย, สายรัดนิรภัยปลดง่ายภายในคลิกเดียว, ล้อใหญ่ขึ้น เข็นลื่น ลดแรงสั่นสะเทือน, ตะกร้าใต้เบาะจุของได้ถึง 8 กิโลกรัม

                    พร้อมมีกระเป๋าหลังเบาะ, ผ่านการทดสอบความทนทานเหนือมาตรฐานอุตสาหกรรม, เข็นง่ายขึ้น แม้ใส่ของเต็มรถ โดยมีสีสันให้เลือกถึง 4 เฉดสีอันเป็นเอกลักษณ์ ได้แก่ Heritage Black, Desert Taupe, Forest Green และ Deep Indigo เพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของครอบครัวยุคใหม่

                    เชิญสัมผัสประสบการณ์และเป็นเจ้าของ Bugaboo Butterfly 2 ได้แล้ววันนี้ที่ The Little Store สาขา Ekkamai
                    ซอย 4, สาขา Siam Paragon ชั้น 3, สาขา Siam Takashimaya ชั้น 4, และสาขาใหม่ล่าสุด One Bangkok ชั้น 5 โซน Parade หรือสั่งซื้อได้ทางออนไลน์ที่
                    FB : Bugaboo Thailand
                    IG : @bugaboo_thailand
                    LINE : @bugaboo_thailand


                    เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Park พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ สำหรับครอบครัว

                    สวนสนุกในกรุงเทพ Wow Park

                      Tags

                      มัมหมี และ พ่อหมี ต้องไม่พลาด กับเซตยาสีฟันและแปรงสีฟัน คอลเกตบัตเตอร์แบร์

                      มัมหมี และ พ่อหมี ต้องไม่พลาด กับเซตยาสีฟันและแปรงสีฟัน คอลเกตบัตเตอร์แบร์ ที่มาพร้อมความพิเศษสุด ๆ

                      แถมฟรี! กระเป๋าน้องเนยลายลิมิเต็ด

                      คอลเกตมัดรวมสินค้าเด็ดเอาใจมัมหมี ยาสีฟันและแปรงสีฟันน้องเนย ครบทุกลาย มาพร้อมกระเป๋าลายลิมิเต็ดจำนวนจำกัด ให้ได้สะสมกันในเซตประกอบไปด้วย ยาสีฟัน (x2) + แปรงสีฟัน แพ็คคู่ (x2) มาพร้อมกระเป๋าลายลิมิเต็ด

                      ราคาเต็ม: เซ็ตละ 597.-
                      ราคาโปร: เซ็ตละ 469.-

                      แถมฟรี: กระเป๋าลายลิมิเต็ด มูลค่า 399.-

                      1) ยาสีฟัน ยาสีฟันคอลเกต บัตเตอร์แบร์ [ลิมิเต็ด อิดิชั่น]

                      ยาสีฟันสำหรับผู้ใหญ่ รสพีช แพสชัน หอมละมุน เนื้อเจลสีพีชใส มาพร้อมแผ่นให้ความเย็นสีน้ำเงิน เพื่อลมหายใจหอมสดชื่น มีฟลูออไรด์ ช่วยป้องกันฟันผุ มี 2 ลายให้มัมหมีเลือกสะสม

                      2) เเปรงสีฟัน คอลเกต สลิมซอฟท์ บัตเตอร์แบร์ [ลิมิเต็ด อิดิชั่น]

                      แปรงสีฟันสำหรับผู้ใหญ่ ขนแปรงแกนคู่นุ่มเด้ง ปลายเรียวแหลม <0.01 มม. ช่วยทำความสะอาดบริเวณร่องเหงือก และ ซอกฟัน ขนแปรงเข้าซอกซอนอย่างนุ่มนวลได้ลึกถึง 7 เท่าใต้ร่องเหงือกทำ ทำ ความสะอาดลึกขึ้น 2.4 เท่า ระหว่างซอกฟัน ช่วยลดคราบพลักอย่างเหนือชั้น ผ่านการทดสอบทางคลินิกว่า ช่วยให้สุขภาพเหงือกดีขึ้น 4 เท่า ขนแปรงนุ่มพิเศษ หัวแปรงขนาดเล็กพิเศษ เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้แปรงสีฟันปลายมนกลมทั่วไป เส้นผ่านศูนย์กลางของปลายขนแปรงเล็กกว่า 0.01 มม. ถูกใจทั้งครอบครัวแน่นอน เพราะได้แบบคุ้มจุใจทั้งเซตแปรงและยาสีฟัน

                      สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ https://shopee.co.th/colgatepalmolive_official


                      เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – ใหม่! แปรงสีฟันไฟฟ้า คอลเกต อ๊อพติค ไวท์ ช่วยให้ฟันดูขาวขึ้นตั้งแต่วันแรกที่ใช้*

                      *ช่วยขจัดคราบบนผิวฟัน ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

                        Tags

                        Little Gaia กรกฎาคม

                        สวัสดีเด็กๆ กรกฎาคมมาถึงละจ้า Little Gaia ก็เตรียมกิจกรรมสุดว้าวไว้ให้เด็กๆแบบจัดเต็ม! 🌈💚
                        ไปทดลองวิทยาศาสตร์สุดตื่นเต้น และภารกิจนักสืบตัวน้อยที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
                        ตลอดเดือนกรกฎาคมนี้ที่ Little Gaia เต็มไปด้วยจินตนาการ การเรียนรู้ และช่วงเวลาคุณภาพสำหรับทั้งครอบครัว! ✨

                        📅เช็กวันให้พร้อม แล้วมาลุยกันเลยค่ะคุณพ่อคุณแม่!



                        🔬 1–16 ก.ค. | Mystery Science Play Edition กลับมาแล้ววว!
                        สนุกกับการทดลองสุดอลัง บับเบิลหลากสี และคำถามชวนสงสัย ที่รอให้น้องๆนักวิทยาศาสตร์ตัวน้อยมาค้นพบ 🧪💭

                        🕵🏻‍♂️ 17–21 ก.ค. | Junior Detective: Mission Color Code
                        เรียกนักสืบรุ่นจิ๋วมารวมตัว! ตามรอยรหัสสีสุดป่วน พร้อมแก้ปริศนาไปด้วยกันแบบสนุกจนหยุดไม่อยู่ 🎨🕵🏻‍♂️

                        🐾 22–31 ก.ค. | Junior Detective: Claws, Paws & Clues
                        เบาะแสสัตว์โลกสุดน่ารักมาแล้ว! ออกตามรอยเท้าสัตว์ ไปค้นหาความลับในธรรมชาติและเชื่อมโยงกับโลกใบใหญ่ไปพร้อมกัน 🐾🌎

                        🎨 WonderTots Playgroup สำหรับนักสำรวจรุ่นจิ๋ว (1.10 – 3 ขวบ):
                        → วันที่ 7, 8, 19, 20 ก.ค.
                        เต็มไปด้วยเสียงเพลง ความระยิบระยับทางประสาทสัมผัส และการเล่นสมมติแสนสนุก! 💛👶🏻

                        🌟 Weekends with Amarin (วันพิเศษเฉพาะกิจ!):
                        → วันที่ 12–13 และ 26–27 ก.ค.
                        เปลี่ยนสุดสัปดาห์ให้กลายเป็น PLAY-cation ชวนทั้งครอบครัวมาสนุกกันแบบยกแก๊ง 🛝💥

                        ✨ โปรสุดพิเศษตลอดซีรีส์ Play Date นี้:
                        🌟 จอง 5 กิจกรรม รับสิทธิ์เข้าเล่นสำหรับผู้ปกครองฟรี 2 วันเต็มๆ เลยค่ะ!
                        🧦 อย่าลืมนำถุงเท้ากันลื่นสำหรับน้อง ๆ และผู้ปกครองมาด้วยนะคะ หากลืมนำมาทางร้านมีจำหน่ายในราคาคู่ละ 60 บาท (ทุกขนาด) ค่ะ

                        📌 Little Gaia ชั้น 4, Parade @ One Bangkok
                        📲 จองง่ายๆ ผ่าน LINE: https://lin.ee/8leWh2h

                        💚 มาร่วมเปลี่ยนเดือนกรกฎาคมให้กลายเป็นเดือนแห่งความอยากรู้อยากเห็น ความผูกพัน และความสุขในวัยเด็กไปด้วยกัน!
                        ✨ เพราะทุกวันที่ Little Gaia คือโอกาสในการเติบโต หัวเราะ และเปล่งประกาย

                          Tags

                          DHA คืออะไร สำคัญต่อร่างกายและสมองลูกแค่ไหน?

                          Docosahexanoic acid หรือ DHA เป็น กรดไขมัน โอเมก้าสามชนิดหนึ่ง มีบทบาทสำคัญต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะพัฒนาการของระบบประสาทและสมอง จอประสาทตา ปกติเราจะได้รับ DHA จากการบริโภคอาหารทะเล โดยเฉพาะปลาทะเล แต่หากมีข้อจำกัดในการบริโภคปลาทะเล ปัจจุบันก็จะมีผลิตภัณฑ์บางชนิดที่เสริม DHA เข้าไปเพื่อให้ง่ายต่อการบริโภคและได้รับสารอาหาร เช่น นม ซึ่งการได้รับ DHA และโอเมก้าสามชนิดอื่น ๆ ไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้พัฒนาการของสมองไม่เป็นไปอย่างที่ควรได้

                          กินอาหารที่มี Omega 3 เท่ากับกิน DHA จริงไหม?

                          กรดไขมัน โอเมก้า 3 เป็นสารอาหารคนละชนิดกันกับ DHA โดยในความเป็นจริงแล้ว โอเมก้า 3 สำคัญ 2 ชนิด Alpha linoleic acid (ALA) และ Eicosapentaenoic acid (EPA) เป็นสารตั้งต้นที่จะเปลี่ยนไปเป็น DHA แต่กระบวนการนี้จะเกิดน้อยมากจนไม่สามารถสร้าง DHA ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ดังนั้น กินอาหารที่ได้โอเมก้า 3 จึงไม่สามารถทดแทน DHA ได้ เราจึงจำเป็นต้องกินอาหารที่มี DHA ให้เพียงพอต่อร่างกาย

                          กรดไขมันโอเมก้าสาม เป็นกรดไขมันที่แบ่งออกได้เป็นหลายชนิด เช่น ALA (Alpha-linoleic acid) EPA (Eicosapentaenoic acid) และ DHA ซึ่งเป็นโอเมก้าสามชนิดที่ออกฤทธิ์และมีงานวิจัยรองรับชัดเจนว่า มีผลต่อพัฒนาการและสุขภาพ ดังนั้น จึงแนะนำให้ได้รับกรดไขมันโอเมก้าสามจากแหล่งอาหารที่หลากหลายเป็นประจำ ทั้งจากแหล่งอาหารทะเล เช่น ปลาต่าง ๆ ที่มี DHA ถั่วนานาชนิด และเลือกใช้น้ำมันพืชบางประเภท เช่น น้ำมันวอลนัท น้ำมันมะกอก น้ำมันงา ซึ่งจะให้ ALA และ EPA ซึ่งจะทำให้ได้รับโอเมก้าสามที่หลากหลายชนิดมากขึ้น

                          ข้อมูลอ้างอิง

                          Innis SM. Dietary omega 3 fatty acids and the developing brain. Brain Research 2008;1237:35‐43. [DOI: 10.1016/j.brainres.2008.08.078; PUBMED: 18789910 ]


                          เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – โฟร์โมสต์ โอเมก้า สมาร์ท โกลด์ ตอบโจทย์ พัฒนาการรอบด้านของลูกวัยขวบ+

                            Tags