6 สาเหตุทำลูกหายใจครืดคราด แบบไหนอันตราย?

Alternative Textaccount_circle
event

หาสาเหตุให้เจอ! ลูกหายใจครืดคราด เป็นเพราะอะไร แบบไหนอันตราย

ลูกหายใจครืดคราด ผิดปกติไหม

ทารกหรือเด็กเล็ก ๆ มักจะมีอาการหายใจครืดคราดได้บ่อย ๆ ทำให้พ่อแม่รู้สึกเป็นห่วง กลัวลูกจะเป็นอันตรายร้ายแรง โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งจะทำความรู้จักกับเจ้าตัวน้อยเป็นครั้งแรก แต่ก่อนจะคิด กังวลไปไกล มาดูสาเหตุหลัก ๆ 6 สาเหตุที่ทำให้ลูกหายใจครืดคราดกันค่ะ

เพจพี่กัลนมแม่ กลุ่มแม่และเด็ก คลินิกนมแม่ อธิบายถึง 6 สาเหตุที่ทำให้ทารกหายใจครืดคราด เพื่อให้พ่อแม่ได้สังเกตว่า ลูกหายใจแบบนี้มีโอกาสเป็นโรคอะไรได้บ้าง และอันตรายมากน้อยแค่ไหน

สำหรับสาเหตุที่ลูกหรือทารกหายใจเสียงดังครืดคราดนั้นมีอยู่ 6 สาเหตุที่พบได้บ่อย ดังนี้

1.แพ้โปรตีนนมวัว

การแพ้โปรตีนนมวัวเกิดได้ทั้งเด็กที่กินนมแม่ และเด็กที่กินนมผสมหรือกินนมวัว โดยเด็กที่กินนมแม่จะแพ้โปรตีนนมวัวได้จากการที่แม่ดื่มนมวัวหรือรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของนมวัว

อาการแพ้นมวัว แสดงว่าน้องหายใจครืดคราดจากอาการแพ้นมวัว

คำแนะนำหากลูกแพ้นมวัว

ถ้าสงสัยว่าลูกหายใจครืดคราดจากการแพ้นมวัว สิ่งที่ควรปฏิบัติที่ง่ายที่สุด ถ้าทารกกินนมผงให้คุณพ่อคุณแม่เปลี่ยนนมผสม ไปใช้นมสำหรับเด็กแพ้นมวัว จะมีจำหน่ายตามร้านขายยา ห้างสรรพสินค้าบางห้าง คลินิกหรือโรงพยาบาล

กรณีที่คุณแม่ให้นมแม่ แนะนำให้ลดผลิตภัณฑ์นมวัว ทั้งเบเกอรี่ นมที่คุณแม่ทาน หรือโปรตีนเสริมต่าง ๆ ให้งด 2 สัปดาห์ แล้วสังเกตว่า อาการครืดคราดของลูกหายไปหรือเปล่า ถ้าหายไป แสดงว่า คุณแม่อาจจะมาถูกทางว่า ลูกแพ้โปรตีนนมวัว ถ้าลดแล้วอาการดีขึ้น คำแนะนำต่อไปให้คุณแม่ปรึกษาแพทย์ว่า ลูกแพ้นมวัว เพื่อให้คุณหมอวินิจฉัยว่า ลูกแพ้นมวัวจริงหรือไม่

ลูกหายใจครืดคราด
ลูกหายใจครืดคราด

2.กระดูกอ่อนหลอดลมยังไม่แข็งแรง

ปกติแล้วหลอดลมจะมีกระดูกอ่อนที่ช่วยคงสภาพหลอดลมให้เป็นหลอดลม ทำให้มีรูปทรงเป็นท่อ เพื่อให้เวลาหายใจเข้าหรือหายใจออก หลอดลมยังคงอยู่ในสภาพเดิม แต่ในเด็กบางคน กระดูกอ่อนยังไม่แข็งแรง เมื่อหลอดลมฟีบ เวลาที่หายใจจะทำให้เกิดเสียงดังครืดคราดได้ อาการนี้จะสังเกตเห็นได้ชัดเจนตอนทารกดูดนม เพราะทารกจะมีการหายใจที่แรงขึ้นเสียงจะยิ่งขึ้น

หากทารกดูดนมแล้วมีเสียงหายใจดังขึ้น แต่ถ้าจับนอนคว่ำเสียงหายใจจะเบาลง สันนิษฐานได้ว่า กระดูกอ่อนของหลอดลมยังไม่แข็งแรง คำแนะนำให้พาทารกไปพบแพทย์เพื่อรับคำวินิจฉัย คุณหมอจะรอ 1-2 ปี อาการจะหายไปเอง ไม่ต้องทำการรักษา

3.ความผิดปกติที่หลอดลมหรือสายเสียง

เด็กบางคนอาจจะมีเส้นเลือดงอกผิดปกติบริเวณรอบหลอดลม บางคนมีเนื้องอกกดทับบริเวณหลอดลม เนื้องอกที่ช่องอก โดยข้อสังเกตของน้องที่มีอาการผิดปกติที่สายเสียงจะไอและมีเสียงแหบร่วมด้วย อาการนี้ต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาโดยแพทย์

4.กรดไหลย้อน

สาเหตุเกิดจากกล้ามเนื้อหูรูดรอบหลอดอาหารของลูก ทำให้นม น้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนมาที่ช่วงคอ จนทำให้หายใจครืดคราด สังเกตได้ว่าช่วงเวลาที่ดูดนม ทารกจะมีอาการ ดังนี้

  • แหวะนม
  • อาเจียนนม
  • ขย้อนนม
  • ร้องกวนเวลาดูดนม
  • กระสับกระส่าย
  • แอ่นตัวไปมาเวลาที่ดูดนม เพราะดูดนมแล้วรู้สึกไม่สบายตัว

คำแนะนำ หากลูกมีอาการหายใจครืดคราดจากกรดไหลย้อน ให้คุณแม่ปรับการให้นม และให้กินนมอย่างถูกวิธี ครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง ปริมาณนมต้องเหมาะสมกับน้ำหนักตัวของลูก กรณีให้ขวดนมกับทารก อย่าเพิ่งรีบวางลูกนอนราบ ให้อุ้มลูกสัก 15-30 นาที ก่อนวางลูกลง และควรให้แพทย์วินิจฉัยและตรวจร่างกาย เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธี

ลูกหายใจครืดคราด
ลูกหายใจครืดคราด

5.ลูกมีเสียงหายใจครืดคราดหลังจากการเป็นหวัด

ทารกอาจหายใจครืดคราดหลังจากการเป็นหวัดหรือหลอดลมอักเสบ โดยปกติ ถ้าลูกไม่มีอาการหายใจครืดคราด ก่อนหน้านี้เลย แต่มีอาการหายใจครืดคราดหลังอาการหวัด ไข้ ไอ มีน้ำมูก หลังจากหายแล้วแต่ยังมีหายใจครืดคราดนั้นจึงเกิดขึ้นได้ เพราะเด็กไม่สามารถสั่งน้ำมูกหรือขับเสมหะออกได้ด้วยตัวเอง แม้ว่าจะรักษาอาการไข้ ไอ มีน้ำมูกแล้ว แต่อาการหายใจครืดคราดจะคงอยู่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์

6.ภาวะ Overfeeding

หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยในทารก คือ ภาวะ Overfeeding เป็นสาเหตุที่ทำให้ทารกมีเสียงหายใจครืดคราด เพราะในช่วง 3 เดือนแรก ทารกจะมีการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม อาจจะร้องไห้ขอดูดนมตลอดเวลา ทำให้เกิดภาวะ Overfeeding ได้ หากทารกมีอาการหายใจครืดคราด รวมกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเกินเดือนละ 1 กิโลกรัม มีการร้องเสียงเป็นแพะ เป็นแกะ บิดตัวเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดตลอดเวลา อาเจียน แหวะนมบ่อย พุงกางเป็นน้ำเต้าตลอดเวลา ให้สันนิษฐานได้เลยว่าเกิดจาก ภาวะ Overfeeding โดยมักจะเกิดกับทารกที่กินนมด้วยขวดนมเป็นประจำ

ถ้าทารกมีอาการหายใจครืดคราด ลองสังเกตดูว่า ทารกหายใจครืดคราดตอนไหน ตอนดูดนม ตอนนอนหลับ หรือมีอาการหายใจผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วยหรือไม่ วิธีดูแล แม่ต้องปรับลดน้ำนมลง โดยคำแนะนำเบื้องต้นสำหรับภาวะ Overfeeding ในทารก แม่ต้องปรับลดปริมาณน้ำนมให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัวของลูก ส่วนความแตกต่างระหว่างกรดไหลย้อนในทารกกับภาวะ Overfeeding น้ำหนักลูกจะไม่มีเพิ่มขึ้น แต่เด็กที่มีภาวะ Overfeeding น้ำหนักมักจะขึ้นมากกว่า 1 กิโลกรัมต่อเดือน

หากอาการหายใจครืดคราดของลูกเป็นอาการผิดปกติ ที่แม้จะปรับและดูแลลูกตามคำแนะนำแล้ว อาการของลูกก็ยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยอย่างละเอียดและรักษาอย่างตรงจุดต่อไป

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

เตือนแม่ สังเกตอาการ RSV รีบพาไปตรวจหากเข้าข่ายนี้!

ทารกคลอดก่อนกำหนดน้ำหนักตัวน้อย พัฒนาการลูกจะเป็นอย่างไร อันตรายไหม

นมแม่หดถึงคราวพึ่ง นมกล่อง เลือกยังไงหากลูกแพ้นมวัว

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up