มือถืออันตราย

เด็กหญิงอายุ 13 เป็นแผลไหม้ที่คอ เพราะมือถืออันตราย

นี่คือปัญหาที่พ่อแม่ควรรู้ เมื่อคุณแม่ท่านหนึ่งบอกว่าลูกสาวของเธอได้รับความเดือดร้อน จนเป็นแผลไหม้เพราะโทรศัพท์มือถือที่กำลังชาร์จ โดยคุณแม่ Jackie Fedro และครอบครัวอาศัยอยู่ในย่านชานเมืองชิคาโก คุณแม่ตัดสินใจซื้อโทรศัพท์มือถือให้ลูกสาววัย 13 ปี เพราะคิดว่าโตพอที่จะใช้โทรศัพท์มือถือได้แล้ว แต่ไม่รู้เลยว่า “มือถืออันตราย”

Continue reading “เด็กหญิงอายุ 13 เป็นแผลไหม้ที่คอ เพราะมือถืออันตราย”

    อีสุกอีใส

    อีสุกอีใส รักษาได้ด้วยสมุนไพรพื้นบ้าน ภายใน 3 วัน

    คุณพ่อ คุณแม่หลายท่านอาจจะมีความกังวลใจ เมื่อลูกน้อยเป็น อีสุกอีใส จะทำอย่างไรให้ลูกน้อยหายดีให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะลูกๆ ที่อยู่ในวัยเรียน คุณพ่อ คุณแม่ก็คงไม่อยากให้ลูกต้องขาดเรียนหลายวัน จนเรียนไม่ทันเพื่อนๆ เรามาดูสมุนไพรที่ช่วยให้ลูกน้อยหายเป็นอีสุกอีใสกันค่ะ

    Continue reading “อีสุกอีใส รักษาได้ด้วยสมุนไพรพื้นบ้าน ภายใน 3 วัน”

      ทรงผมเด็กชาย

      รวมทรงผมเด็กชาย สุดหล่อ สุดอินเทรนด์

      เทรนด์ ทรงผมเด็กชาย ปีนี้มาแล้ว มาดูกันว่าผมทรงไหนที่ลูกชายตัดแล้วดูเท่ห์ไม่ซ้ำใคร และเย็นสบาย พร้อมทรงผมพ่อลูกสุดน่ารัก และแฟชั่นเสื้อผ้าที่รับรองว่าหล่อ เท่ห์แน่นอน

      Continue reading “รวมทรงผมเด็กชาย สุดหล่อ สุดอินเทรนด์”

        นมรสหวาน

        นมรสหวาน เหมาะกับเด็กทารก และเด็กเล็กหรือไม่?

        จากเฟสบุ๊คของนักแสดงท่านหนึ่ง ที่โพสต์รูปลูกน้อยที่ยังเป็นทารกวัย 7 เดือนครึ่ง กำลังดูด “นมรสหวาน” อย่างเอร็ดอร่อย เขาชี้แจงว่าเป็นนมกล่องที่คุณแม่ของลูกน้อยทานไว้ก่อนแล้วแบ่งให้ลูกได้ลองดูดนิดหน่อย และเขาเชื่อว่าช็อคโกแลตหวานจะทำให้ลูกอารมณ์ดี

        Continue reading “นมรสหวาน เหมาะกับเด็กทารก และเด็กเล็กหรือไม่?”

          กิ๊บติดผม

          ทำกิ๊บติดผมสุดน่ารัก แบบง่ายๆ ให้ลูกน้อย

          สำหรับคุณแม่ที่มีลูกสาว คงอดไม่ได้ที่อยากจะจับลูกน้อยมาแต่งตัวให้น่ารักสมวัย อย่างเช่นการซื้อ “กิ๊บติดผม” น่ารักๆ เอาไว้ประดับผมให้ลูกน้อยให้ดูน่ารักน่าเอ็นดู แต่จะดีกว่าไหมถ้าเรามีไอเดียทำกิ๊บติดผมได้ด้วยตัวเอง นำมาประดับผมให้ลูกน้อยได้ไม่ซ้ำใคร และฝึกให้ลูกน้อยได้ลองทำดู

          Continue reading “ทำกิ๊บติดผมสุดน่ารัก แบบง่ายๆ ให้ลูกน้อย”

            เอาของเข้าปาก

            เอาของเข้าปาก อย่างไรให้ปลอดภัยและได้ประโยชน์

            จากเฟสบุ๊คของคุณแม่ที่ออกมาเตือนคุณแม่ท่านอื่น เมื่อคุณแม่สังเกตดูฟันของลูกน้อย พบเม็ดเลื่อมติดอยู่ที่เหงือกตรงซี่ฟันบน คุณแม่ตกใจมาก เอาแปรงฟันแปรงก็ไม่ออก เอามือล้วงก็ยิ่งติดแน่นจนลูกน้อยร้องไห้ คุณแม่จึงใช้วิธีตอนเผลอหลับค่อยๆ สะกิดออกด้วยด้ามไหมขัดฟัน นี่คือผลของการ “เอาของเข้าปาก” ของลูกน้อย

            Continue reading “เอาของเข้าปาก อย่างไรให้ปลอดภัยและได้ประโยชน์”

              รกต่ำ

              รกต่ำ อันตราย!!

              คุณแม่ท่านหนึ่งท้องได้ 7 เดือน ขับรถไปซื้อของตามร้านค้า ตามตลาด ไปเที่ยวต่างจังหวัด และไม่ค่อยได้นอนพักผ่อน เพราะคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไร จู่ๆ เลือดก็ไหลออกมา โดยที่ไม่มีอาการเจ็บท้องใดๆ จึงไปหาคุณหมอพบว่า “รกต่ำ” ต้องนอนอยู่บนเตียง ทำกิจกรรมทุกอย่างบนเตียง

              Continue reading “รกต่ำ อันตราย!!”

                ยาคุมกำเนิด

                อึ้ง!! เด็กซื้อยาคุมกำเนิด กับผลข้างเคียงที่ตามมาในอนาคต

                การเปลี่ยนแปลงไปของยุคสมัยที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้คุณพ่อ คุณแม่หลายทันยังปรับตัวแทบไม่ทัน โดยเฉพาะเรื่องเพศสัมพันธ์ของเด็กในสมัยนี้ ที่อาจเป็นปัญหาตามมาไม่น้อย ถ้าเกิดตั้งครรภ์ทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อม การทำแท้งก็คงจะเป็นสิ่งที่โหดร้ายเกินไป เด็กๆ จึงป้องกันตัวเองด้วย “ยาคุมกำเนิด”

                Continue reading “อึ้ง!! เด็กซื้อยาคุมกำเนิด กับผลข้างเคียงที่ตามมาในอนาคต”

                  ครอบครัว

                  จงเลี้ยงลูกให้มีเยื่อใยต่อกัน เพราะมันคือจุดเริ่มต้นของคำว่าครอบครัว

                  ครอบครัว
                  จงเลี้ยงลูกให้มีเยื่อใยต่อกัน เพราะมันคือจุดเริ่มต้นของคำว่าครอบครัว

                   

                  ผมเคยตีน้องสาวหนึ่งครั้ง ด้วยความรู้สึกว่า เราสาละวนอยู่กับการหุงข้าว ทำกับข้าว หาบน้ำ ล้างจาน เธอจะมีแก่ใจมาช่วยกันสักนิดก็ไม่มี มัวแต่เล่น อีกประเดี๋ยวแม่ก็กลับจากไร่แล้ว แม่หิว ข้าวปลาอาหารหุงเสร็จ ถ้วยชามล้างเสร็จ รอท่าไว้ แม่ก็จะได้กินเลย เธอกลับไม่มีแก่ใจจะห่วงใยและช่วยเหลือเลย จึงเรียกเธอมาต่อว่า เธอเถียงไม่มีเหตุผล ผมจึงคว้าไม้เรียวมาและตีเธอเข้า 1 ที

                  น้ำตาเธอร่วงเป็นเผาเต่า เจ็บที่ถูกตีคงไม่เท่าเจ็บที่หัวใจ เธอร้องไห้ปากงุ้มเป็นครุฑ (เป็นเอกลักษณ์ของเธอ 555) แล้วถามผมว่า ตีเธอได้ไง ผมตอบไปว่า ก็ผมเป็นพี่ ทำไมจะตีไม่ได้ นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมได้สูญเสีย “เพื่อนเล่น” ไป 1 คน เราโตมาด้วยกันอย่างเพื่อนเสมอมา แต่เมื่อผมทวงสิทธิว่า ผมเป็นพี่ของเธอ เธอจึงเลือกที่จะเป็น “น้องสาว” ให้รู้แล้วรู้รอดเสียเลย

                  พี่ชายก็เคยตีผม แต่ไม่เจ็บทั้งกายและใจ เพราะเราแยกไปโตกับยายมาด้วยกัน หลังพ่อเสียชีวิต แล้วแม่คงจะแบกรับลูกๆ ทั้ง 10 คนไว้ตามลำพังไม่ไหว “พี่ต้องดูแลน้อง” ยายบอก และ “น้องต้องเคารพพี่” ยายบอกอีกเช่นกัน

                  พี่ชายของผม รักษาคำมั่นสัญญานั้นเป็นมั่นเหมาะ เขาดูแลการอาบน้ำอาบท่า ซักผ้าซักผ่อน แม้กระทั่งยามเจ็บไข้ได้ป่วย เขาก็เคยนั่งเฝ้าทั้งคืน เหตุเพราะเขาพาผมไปเล่นน้ำทะเลตอนแดดเปรี้ยงๆ แล้วขากลับ เกิดฝนตกหนัก พวกเราตัวเปียกปอน และผมจับไข้หนาวสั่นในทันใด

                  …❉❉…

                  ในความเป็นพี่เป็นน้อง เราเห็นความรักและ “เยื่อใย” ที่เชื่อมร้อยเราเข้าด้วยกัน เป็นมากกว่า “สายสัมพันธ์” ในฐานะผู้เกิดร่วมบิดามารดา แต่มีหน้าที่ตามมา และเป็นหน้าที่ที่ต้อง “ทำด้วยหัวใจ”

                  น้องสาวผมไม่ค่อยเก็บหอมรอมริบในตอนเด็กๆ ก็ตามประสาเด็กนั่นแหละครับ มีเท่าไรก็ใช้หมด ส่วนมากก็หมดไปกับขนมและของกิน พวกเราไม่เคยซื้อของเล่น มันเป็น “ส่วนเกินในฐานะ” ของครอบครัว แต่ผมพอจะมีนิสัยเก็บเล็กผสมน้อยอยู่บ้าง จึงมีเงินพอที่จะซื้อ “มาม่า” มาต้มกินดับหิวในบ่ายวันหนึ่ง

                  เราจนอยู่แล้ว เงินจะเหลือให้เก็บนั้นเป็นเรื่องยากมาก เว้นเสียแต่เราจะ “ทำงานเพิ่ม” เพื่อให้ได้ “ค่าจ้าง” มา ผมมีเงินติดกระเป๋าอยู่ไม่กี่บาทจากการนั้น

                  หิวเหลือเกิน ข้าวหมด รอหุงอีกทีตอนเย็น ต้มมาม่าละกัน จึงควานหาเงินที่เก็บออมไว้ พอซื้อมาม่าได้ 1 ซอง หลังจากเดินไปซื้อมาม่าแล้ว ก็มาหาเก็บผักบุ้ง ใส่ เพื่อเพิ่มความอิ่มให้มีมากขึ้น

                  ขณะต้มมาม่าด้วยหม้อใบเล็ก มีมาม่าอยู่หน่อยเดียว แต่อัดผักบุ้งลงไปเต็มที่ น้องสาวมายืนดู ตาปรอย น้ำตาหยดย้อยขอกินบ้าง ผมบ่นกระปอดกระแปดว่า ตอนมีเงินไม่รู้จักเก็บไว้บ้าง พอหิวก็เลยไม่มีอะไรกินไงล่ะ ยิ่งบ่นเธอก็ยิ่งร้องไห้ สุดท้ายก็ใจอ่อน ให้เธอหยิบชามมา แล้วตักแบ่งให้เธอกินด้วย

                  ตาที่เคยท่วมนองไปด้วยน้ำตา และส่อว่าจะสิ้นหวังแล้วพลันเปลี่ยนไป มันเป็นประกายด้วยความดีใจ และเราเห็น “ความซึ้งใจ” แวบอยู่ในนั้นด้วย

                  …❉❉…

                  ตอนเด็กกว่านั้น (ผมอยู่ราวๆ ป.4) แม่ซึ่งนำพริกแห้ง หอมกระเทียม ฯลฯ ไปขายที่ภาคใต้ ไปทีก็หลายวัน ก่อนไปก็จะทิ้งเงินไว้ กำชับพี่ชายให้ดูแลยายกับน้องๆ ให้ดี ถึงวันนั้นวันนี้ แม่จะกลับมา

                  ปรากฏว่า ถึงกำหนดแล้ว แม่ก็ยังไม่กลับ

                  เงินหมด ไม่มีใครมีเลย

                  พี่ชายตัดสินใจชวนน้องชายคนต่อจากเขา และผม (3 พี่น้อง อายุเรียงกัน) เข้าไปในสวนมะพร้าวแถวๆ บ้าน ซึ่งค่อนข้างรก และยุงชุมมาก เพื่อจะหามะพร้าวที่หล่นๆ ตามโคนต้น ผ่า และแคะเนื้อมะพร้าวใส่ถุงมาขายให้แม่ค้าที่ตลาด

                  เขาสองคนหามะพร้าวหล่นๆ ไปด้วย ห่วงผมไปด้วย (ผมเป็นคนป่วยง่าย) เดี๋ยวเทียวเช็ดเหงื่อ เดี๋ยวเทียวไล่ยุงให้ ถามว่ากินน้ำมะพร้าวไหม กินจาวมะพร้าวไหม

                  ในวินาทีที่เราไม่รู้มาแม่จะกลับมาหาเราไหม ใจของผม “อุ่น” ได้ ด้วยความรักจากพวกเขา วันนั้นเป็นวันที่ผมไม่กระจองอแง ไม่เหนื่อย ไม่ทำตัวเป็นภาระ เพราะรู้ว่าทุกข์ที่พี่แบกอยู่นั้น หนักหนาสาหัสขนาดไหน

                  …❉❉…

                  เรากลับบ้านพร้อมเนื้อมะพร้าวจำนวนไม่มาก เพราะมันเป็นสวนของคนอื่นเขา เราขอแค่มะพร้าวหล่นๆ มาประทังชีวิต

                  มีจาวมะพร้าวมาฝากยาย รวมทั้งฝรั่งสุกๆ จากต้นที่เราไปเจอ

                  เงินค่าเนื้อมะพร้าว ซื้อกุ้งที่ตลาดได้ 7 ตัว พี่ชายกับยายช่วยกัน “แก้งส้มมะละกอ” ได้หม้อใหญ่ เรากินด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย

                  คืนนั้นแม่กลับถึงบ้านตอนดึก ผมซึ่งหลับอยู่ ได้ยินเสียงแม่สะอึกสะอื้นร้องไห้ แม่เล่าให้ยายฟังว่า รถโดยสารประจำทางที่จะกลับมาถูกโจรดักปล้น มันเอาเงินที่ขายของได้ไปหมดเลย แม่ต้องอยู่เพื่อให้ปากคำกับตำรวจ และรอจะได้เดินทางกลับ มีเงินที่เขาให้ติดตัวมาแค่ร้อยสองร้อย เมื่อยายเล่าว่า พี่ชายผมออกไปหามะพร้าวมาเพื่อขาย ซื้อกับข้าว แม่ยิ่งร้องไห้เหมือนใจจะขาด

                  นับจากวันนั้นมา แม่รู้ว่า หากไม่มีแม่ แม่ก็มีลูกชายคนหนึ่งที่จะ “สู้เพื่อน้องๆ” ของเขาได้ แม่กอดพี่ชายผม น้ำตาไหล แล้วบอกว่า “แม่ขอโทษและขอบคุณมากนะลูก”

                  คำว่า “ครอบครัว” ไม่ใช่แค่การเกิดมาด้วยพ่อแม่เดียวกัน อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน และโตมาด้วยกันเท่านั้น แต่มันหมายถึงเราผ่านคืนวันที่ทุกข์ที่สุดและสุขที่สุดมาด้วยกัน โดยไม่มีใครมานั่งชั่ง ตวง วัด ว่าใครสุขกว่าใคร หรือใครเหนื่อยกว่าใคร แต่ใจทุกใจ พันและผูกอยู่ด้วยกัน ไม่ว่ามันคือวันแห่งสุขหรือวันแห่งทุกข์

                  …❉❉…

                  เดี๋ยวนี้น้องสาวเป็นคนดูแลแม่ เธอเรียกแม่ด้วยนามแฝงในเฟสบุ๊คว่า “สุดที่รักและรักที่สุด” ก่อนผมซื้อรถกระบะให้เธอ ตามที่เธอขอ ผมบอกกับเธอว่า “เธอต้องคิดให้ดีนะ ทันทีที่เธอมีรถ ด้วยเหตุผลที่เธอห่วงแม่ ว่ามักเจ็บไข้ในตอนดึกๆ กว่าจะโทรเรียกพี่ชายจากอีกหมู่บ้านหนึ่ง หรือไหว้วานเพื่อนบ้านให้ขับรถพาแม่ไปโรงพยาบาลนั้น มันนาน กลัวแม่จะเป็นอันตราย เธอต้องรู้นะว่า มันอาจจะไม่ง่ายอีกต่อไปที่เเธอจะเรียกคนอื่น ทุกคนจะสบายใจว่า แม่จะอยู่ในความดูแลของเธอ และนั่นจะเป็นภาระที่ตกแก่เธอ รู้ใช่ไหม”

                  เธอบอกว่ารู้ และพร้อม ผมจึงไม่มีรอเลยที่จะส่งเงินให้เธอ และรับหน้าที่ผ่อนรถคันนั้น (ยังผ่อนอยู่)

                  เธอส่งข่าวให้รู้ทุกครั้ง ว่าคืนไหนแม่ต้องไปโรงพยาบาล แม่เป็นความดันโลหิตสูง และชอบสูงตอนตีสอง จนบัดนี้เธอไม่เคยบ่นเลย ว่านั่นคือ “ภาระ” —มีแต่ทำด้วยความรัก

                  ส่วนพี่ชายคนนั้น จากพวกเราไปหลายปีแล้ว เขาเป็นมะเร็ง ครั้งท้ายๆ ที่ผมไปเยี่ยมเขา เขากินอาหารไม่ได้มาหลายวันแล้ว ดูเหนื่อยอ่อน แต่ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความกังวล

                  ลับหลังพี่ แม่โผเข้ากอดผม ร้องไห้ และพูดกับผมว่า “แม่ดูแล้ว พี่เขาไม่ไหวแล้วล่ะลูก”

                  คืนนั้นผมป้อนนมกล่องให้พี่ จับมือและบีบนวดตัวให้เขา ถามเขาว่า “ไหวมั้ย”

                  เขานิ่ง ผมจึงบอกเขาว่า “ไหวหรือไม่ไหวก็บอกมา เราเป็นพี่น้องกัน พี่เจ็บ พวกเราก็เจ็บ ไม่ไหวก็อย่าฝืน แต่ถ้าไหว ก็สู้ต่อไปด้วยกัน อยากให้พี่อยู่ด้วยกัน แต่ก็จะไม่บอกพี่ว่า พี่ต้องไหว เพราะคนที่เจ็บกว่าใคร คือตัวพี่เอง”

                  …❉❉…

                  น้ำตาของเขาเริ่มไหล…

                  “อยากให้พี่อยู่นะ แต่เราเจ็บแทนพี่ไม่ได้ ถ้ามันไม่ไหวพี่ก็อย่าห่วงอะไรอีกเลย”

                  เขาบอกว่า “ไม่ไหวแล้ว”

                  ผมจึงถามว่า “เป็นห่วงเรื่องอะไร”

                  เขาบอก “ห่วงน้องสาวอีกคน (คนเล็กสุด) ยังเรียนไม่จบเลย อยากเห็นน้องรับปริญญา (น้องคนนี้ เขาเลี้ยงมาเหมือนลูก) ห่วงแม่ ยังตอบแทนพระคุณแม่ไม่พอเลย”

                  ผมสะอื้นไม่เกรงใจเขา และบอกว่า “ฟังนะ ในบรรดาลุกทุกคน พี่ทำให้แม่มากกว่าใครทั้งหมด ดังนั้น ถ้าห่วง 2 เรื่องนี้ ก็เลิกห่วงได้ น้อง เราทุกคนก็รัก และต้องดูแลเขาไม่ให้ลำบากแน่นอน ส่วนแม่ เราจะดูต่อให้ แต่ก็พูดกันเสียให้ชัด ว่าเรากับเธอ นิสัยไม่เหมือนกัน การดูแล ก็คงไม่เหมือนที่เธอทำ แต่แม่จะไม่ลำบาก เธอเชื่อเรามั้ย”

                  เขาพยักหน้า ผมจึงบอกว่า “ทำใจให้ปลอดโปร่งที่สุดนะ แล้วตัดสินใจว่า ไหวมั้ย ถ้าไหว ก็อยากให้อยู่ด้วยกัน ถ้าไม่ไหว ก็อย่าฝืนแบบนี้ มันเจ็บ…”

                  น้ำตาของเราทั้งสองนองหน้า แต่พยายามข่มไว้ เพื่อไม่ให้กระทบจิตใจของแม่ที่หลับอยู่ในห้องคนไข้ด้วยกัน

                  …❉❉…

                  “ไม่ว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ เธอต้องมีความสุข เราสัญญาทุกอย่างที่พูดกับเธอ เราไม่มีวันลืมสัญญานี้” เขาพยักหน้า สักพักเดียวเขาก็หลับไป หลังจากนอนไม่หลับมาสองสามวันแล้ว

                  หลังจากนั้นสองสามวันเช่นกัน เขามีนัดตรวจกับหมอที่ศิริราช ผมปิดต้นฉบับที่นิตยสาร LIPS เสร็จตอนเย็น ก็รีบซ้อนมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปท่าพระจันทร์ แล้วข้ามเรือไป เมื่อไปถึงเตียงคนไข้ เห็นญาติพี่น้องของเรายืนอยู่รอบเตียง

                  “สมองคนไข้ไม่ทำงานแล้ว ที่ยังหายใจอยู่นี้เพราะเครื่อง หากเขาหยุดหายใจ จะให้ปั๊มกลับมาไหม” หมอถาม

                  แม่มองตาเราทุกคนรอบเตียง นิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกว่า “ปล่อยเขาไปเถอะ อย่าให้เขาเจ็บปวดอีกเลย”

                  ผม…ซึ่งมาเป็นคนสุดท้ายจึงหันไปกุมมือเขา แล้วกระซิบข้างหูเขาว่า “มาแล้วนะ ไม่ต้องห่วงอะไรนะ” เท่านั้นเอง เส้นกราฟหัวใจของเขาก็หยุดสนิท

                  เล่าเรื่องเหล่านี้ให้คุณฟังเพื่อจะบอกว่า บ้าน ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย พี่น้อง ไม่ใช่แค่คนคลานตามกันมา ครอบครัวจึงมีความหมายที่ลึกซึ้งว่า ในวันที่ทุกข์ที่สุดและสุขที่สุด เราจะร่วมอยู่ในวันคืนเหล่านั้นด้วยกัน ไม่มีวันปล่อยมือจากกัน

                  จงค่อยๆ หล่อหลอมลูกๆ ของคุณให้รู้จักความเป็นพี่ความเป็นน้อง และความเป็นครอบครัวเถิด เพราะถึงวันหนึ่ง คุณก็ต้องปล่อยมือจากไป โดยที่คุณจะแสนแน่ใจ ว่า พวกเขาจะเกาะกุมมือกัน เดินต่อไปในโลกใบนี้ ด้วยคำว่า เราคือ “ครอบครัว” โดยไม่ปล่อยมือจากกันด้วยความเห็นแก่ตัว

                  เครดิต: Facebook Page ปู จิตกร บุษบา

                    เมื่อลูกป่วย ไม่พาไปหาหมอ! ทานยาครอบจักรวาลจนเสียชีวิต

                    จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ชาวแคนาดา ที่เมื่อลูกป่วย แต่ไม่ยอมพาไปโรงพยาบาลเพื่อรักษา แต่กลับป้อนยาครอบจักรวาลตามความเชื่อของครอบครัวให้ลูกน้อย จนสุดท้ายลูกน้อยเสียชีวิต แต่ศาลตัดสินให้คุณพ่อ คุณแม่รายนี้เป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะเข้าใจเจตนาที่ ไม่พาไปหาหมอ

                    Continue reading “เมื่อลูกป่วย ไม่พาไปหาหมอ! ทานยาครอบจักรวาลจนเสียชีวิต”

                      ทำลายสมองเด็ก

                      ออสเตรเลียเผยพบไวรัสใหม่ทำลายสมองเด็กแรกเกิด

                      ศาสตราจารย์เชริล โจนส์ ประธานสมาคมโรคติดเชื้อแห่งออสเตรเลีย (เอเอสไอดี) กล่าวว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์ของเอเอสไอดีได้ค้นพบไวรัสใหม่ชื่อแปเรโคไวรัส ที่สามารถจะ “ทำลายสมองเด็ก” ทารกแรกเกิด และทำให้พัฒนาการทางสมองของเด็กช้ากว่าเด็กปกติ

                      Continue reading “ออสเตรเลียเผยพบไวรัสใหม่ทำลายสมองเด็กแรกเกิด”

                        ทำแท้ง

                        เปิดประสบการณ์การทำแท้งมามากกว่า 1,200 คนของอดีตคุณหมอ

                        อดีตคุณหมอชาวอเมริกันเคย “ทำแท้ง” ให้ผู้หญิงมามากกว่า 1,200 คน ได้ออกมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการทำแท้งเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์กับใครหลายๆ คนที่คิดจะทำ โดยในปี 1980 เป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจบริการทำแท้ง แต่ในปัจจุบันทั้งแพทย์ และนักกฎหมายหลายคนยุติการทำแท้งกันแล้ว

                        Continue reading “เปิดประสบการณ์การทำแท้งมามากกว่า 1,200 คนของอดีตคุณหมอ”

                          กรรไกรตัดอาหาร

                          กรรไกรตัดอาหาร ทำร้ายลูกทางอ้อมโดยไม่รู้ตัว!

                          พ่อแม่ทุกคนต้องการปกป้องลูก และดูแลลูกของตัวเองเป็นอย่างดี แต่การดูแลลูกน้อยดีเกินไปอาจส่งผลเสียได้ในอนาคต เมื่อเรายังเล็กๆ เวลารับประทานอาหาร คุณพ่อ คุณแม่มักจะฝึกให้เรารับประทานอาหารเอง ใช้ช้อนส้อมในการตัดอาหาร หรือใช้มือ แต่ในปัจจุบันมี “กรรไกรตัดอาหาร” มาอำนวยความสะดวกลูกน้อยมากขึ้น

                          ภัยจาก กรรไกรตัดอาหาร 

                          กรรไกรตัดอาหารช่วยให้ลูกน้อยตัดอาหารให้เป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนที่จะรับประทานเข้าปาก เพื่อไม่ให้ลูกน้อยติดคอ และไม่ทำให้เลอะเทอะ แต่รู้ไหมว่าอุปกรณ์ช่วยตัวนี้เป็นการทำร้ายลูกทางอ้อม

                          กรรไกรตัดอาหาร
                          กรรไกรตัดอาหาร ภัยร้ายที่ทำให้มองไม่เห็นพัฒนาการของลูก

                          มีคุณครูอนุบาลท่านหนึ่ง ยกปัญหานี้ขึ้นมา เนื่องจากคุณครูสังเกตเห็นว่าเด็กบางคนไม่สามารถรับประทานอาหารที่ติดกระดูกได้เอง เช่น ซี่โครงหมู หรือไก่ที่มีกระดูกติดอย่างน่องไก่ และเด็กไม่กล้าที่จะใช้มือหยิบอาหารเข้าปาก ได้แต่นั่งมองอาหารตรงหน้า

                          คุณครูจึงถามว่า “ทำไมถึงไม่กินน่องไก่”

                          เด็กน้อยตอบกลับมาว่า “หนูไม่รู้ว่าจะกินยังไง เพราะทุกครั้งที่มีอาหารที่มีกระดูก คุณพ่อหรือคุณแม่จะใช้กรรไกรตัดอาหารเอากระดูกออกให้ก่อนที่จะกินทุกครั้ง”

                          ตอนนี้เด็กคนนี้อายุ 3 ขวบแล้ว แต่ไม่สามารถรับประทานอาหารที่มีกระดูกได้เอง ปัญหานี้เกิดจากการที่คุณพ่อ คุณแม่คิดว่าการใช้มือรับประทานอาหาร หรือขนม ทำให้เลอะเทอะ และไม่สะอาด จึงต้องใช้กรรไกร หรืออุปกรณ์ช่วยในการรับประทาน เพื่อความสะดวกและอนามัยที่ดีของลูกน้อย แต่การทำแบบนี้ ทำให้เด็กไม่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง และทำให้เด็กไม่ได้บริหารฟัน และสมองด้วย เพราะว่าเด็กจะไม่ยอมเคี้ยวอาหาร และเคี้ยวอาหารที่มีความเหนียวไม่เป็น จนทำให้ขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อร่างกาย และสมองของลูกน้อย

                          ถ้าคุณพ่อ คุณแม่ปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไป โดยที่ไม่ใส่ใจ ในอนาคตข้างหน้า หนูน้อยอาจจะไม่สามารถทำเรื่องที่ซับซ้อนกว่านี้ได้เลย เพราะสมองจะไม่มีการพัฒนา ไม่มีการฝึกการเคี้ยวอาหาร

                          ซึ่งการเคี้ยวจะช่วยฝึกการเคลื่อนไหวของขากรรไกร กล้ามเนื้อกระพุ้งแก้ม กล้ามเนื้อคอ ฝึกการใช้ลิ้นตวัด และดุนอาหาร นอกจากการเคี้ยวจะช่วยพัฒนากล้ามเนื้อของลูกน้อยแล้ว ยังช่วยทำให้กราม และฟันโตสวย ส่งผลต่อพัฒนาการเรียนรู้อีกด้วย

                          การเคี้ยวอาหารมีผลต่อการไหลเวียนโลหิต และเส้นประสาท การที่ลูกรับประทานอาหารที่ละเอียดตลอดเวลา ทำให้มีผลต่อระบบขับถ่าย หากปล่อยไว้นานระบบย่อยอาจมีปัญหา พูดช้าลง เปล่งเสียงออกมาไม่แข็งแรง และอวัยวะบดเคี้ยวจะไม่แข็งแรง ทำให้เบื่ออาหาร เพราะรับประทานอาหารซ้ำๆ เดิมๆ คุณพ่อ คุณแม่ควรระมัดเรื่องการใช้กรรไกรกันด้วยนะคะ

                          อ่านต่อ >> “7 ข้อดีๆ กับการเคี้ยวช้าๆ สุขภาพดี สมองแข็งแรง” คลิกหน้า 2

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                           

                            หลังฉีดวัคซีน

                            เคล็ดลับ ปราบอาการเจ็บของลูกหลังฉีดวัคซีน

                            เด็กแต่ละคนมีระดับความเจ็บปวดจากการฉีดวัคซีนที่แตกต่างกัน เพราะความเจ็บปวดนั้นขึ้นอยู่กับวัคซีนที่ได้รับ ยาบางชนิดทำให้ลูกน้อยปวดบวมบริเวณที่ฉีด บางชนิดทำให้มีไข้ อาเจียน ซึม เด็กบางคนร้องไห้งอแงไม่ยอมหยุด คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่จะรับมืออาการ “หลังฉีดวัคซีน” ได้อย่างไร

                            Continue reading “เคล็ดลับ ปราบอาการเจ็บของลูกหลังฉีดวัคซีน”

                              ทะเบียนสมรส

                              คุณแม่ควรรู้ไว้!! ประโยชน์ของ ทะเบียนสมรส ที่คุณอาจไม่เคยรู้

                              ประโยชน์ของ ทะเบียนสมรส ต่อคู่แต่งงาน เป็นเครื่องยืนยันตามกฎหมายว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ใบทะเบียนสมรสเป็นหลักฐานในการยืนยันสิทธิ์ต่างๆ ของสามีภรรยา เช่น การรับรองบุตร ทำให้ลูกน้อยได้รับสิทธิต่างๆ ตามกฎหมาย การแบ่งสินสมรส การฟ้องหย่ากับสามี

                              Continue reading “คุณแม่ควรรู้ไว้!! ประโยชน์ของ ทะเบียนสมรส ที่คุณอาจไม่เคยรู้”

                                โรคหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด

                                โรคหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด

                                “โรคหัวใจ” ฟังแล้วอาจทำให้นึกภาพผู้ป่วยสูงอายุ แต่สำหรับ “โรคหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด” นั้น สื่อความตรงตัว คาดการณ์ว่าในประเทศไทย เบบี๋น้อยที่กำเนิดมาจะเป็นโรคหัวใจผิดปกติแต่กำเนิดราว 8 คน ใน 1,000 คน เราจะพาไปรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้นกับ นพ. ปรีชา เลาหคุณากร กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจในเด็ก โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ผู้มากประสบการณ์ค่ะ

                                “โรคหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด” แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่

                                1. โครงสร้างของหัวใจผิดปกติ

                                เช่น ลิ้นหัวใจตีบหรือหายไป หรือมีรูรั่วที่ผนังหัวใจ หรือมีห้องหัวใจไม่ครบ ซึ่งมีตั้งแต่ความผิดปกติเล็กน้อยจนถึงผิดปกติมาก ถือเป็นกลุ่มที่พบได้บ่อยที่สุด และถูกเรียกว่า “โรคหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด”

                                2. ความผิดปกติของระบบไฟฟ้าในหัวใจ

                                ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจอาจเต้นเร็วเกินไปหรือช้าเกินไป

                                3. กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ

                                เป็นความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจเอง เช่น กล้ามเนื้อหัวใจหนามาก หรือบางมาก หรือกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง

                                สาเหตุของ “โรคหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด”

                                หัวใจของทารกในครรภ์จะเริ่มสร้างเมื่ออายุครรภ์ 5 สัปดาห์ หากมีสิ่งรบกวนกระบวนการสร้างจะส่งผลให้ทารกมีหัวใจผิดปกติได้ สาเหตุที่แท้จริงนั้นไม่ทราบแน่ชัด แต่เราพอจะทราบว่าสิ่งต่อไปนี้จะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดความผิดปกติของหัวใจในทารก ได้แก่

                                1. โรคทางพันธุกรรมบางชนิด หรือความผิดปกติของยีนที่ควบคุมการสร้างหัวใจ โรคทางพันธุกรรม คือ โรคที่มีความผิดปกติของโครโมโซม เช่น

                                • ดาวน์ซินโดรม เกิดจากการมีโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา ส่งผลให้เติบโตช้า ระดับสติปัญญาด้อยกว่าปกติ ประมาณร้อยละ 40 ของเด็กที่เป็นดาวน์ซินโดรมจะมีความผิดปกติของหัวใจ
                                • เทอร์เนอร์ซินโดรม เกิดจากการที่โครโมโซมเพศหายไป 1 ตัวในเด็กหญิง จะทำให้ตัวเตี้ย และไม่มีประจำเดือน ประมาณร้อยละ 30 ของเด็กที่เป็นเทอร์เนอร์ซินโดรมจะมีความผิดปกติที่ลิ้นหัวใจและเส้นเลือดตีบ

                                กระบวนการสร้างหัวใจของทารกในครรภ์ต้องใช้ยีนจำนวนมากในการทำงาน หากยีนที่ควบคุมการสร้างหัวใจหายไป หรือไม่ทำงานแม้เพียงตัวเดียว การสร้างหัวใจจะถูกรบกวนทำให้หัวใจผิดปกติได้

                                2. ปัจจัยเสี่ยงของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์

                                • โรคประจำตัวของคุณแม่
                                  • โรคเบาหวาน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ดีในขณะตั้งครรภ์ จะมีความเสี่ยงสูงที่เส้นเลือดหัวใจของทารกสลับข้างกัน คาดว่าสาเหตุคืออินซูลินที่สูงขึ้นตามระดับน้ำตาลในเลือด (ส่วนภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ไม่ส่งผลใดๆ ต่อความผิดปกติของหัวใจในทารก)
                                  • โรคพีเคยูหรือฟีนิลคีโตนูเรีย (PKU: Phenylketonuria) เป็นโรคหายาก ปัจจุบันทารกแรกเกิดจะต้องตรวจคัดกรองโรคนี้ทุกคน ผู้ป่วยโรคนี้ไม่สามารถย่อยสลายกรดอะมิโนชื่อฟีนิลอะลานีนได้ ส่งผลให้สะสมในร่างกายและทำให้สมองพิการ จึงต้องควบคุมปริมาณโปรตีนอย่างเข้มงวด หากขณะตั้งครรภ์ไม่สามารถควบคุมโปรตีนจนทำให้ฟีนิลอะลานีนสูงขึ้นจะส่งผลต่อลูกทันที
                                • การเจ็บป่วยขณะตั้งครรภ์

                                ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะ โรคหัดเยอรมัน ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้หัวใจผิดปกติเท่านั้นแต่ยังทำให้อวัยวะอื่น เช่น สมอง หรือตา ผิดปกติ และโรคไข้หวัดใหญ่ จะทำให้ความเสี่ยงของหัวใจผิดปกติเพิ่มมากขึ้น 2 เท่า ดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมัน (ในกรณีที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน) และวัคซีนไข้หวัดใหญ่

                                การมีไข้สูงก็อาจส่งผลถึงหัวใจทารกได้ จึงควรรับประทานยาลดไข้ทันที ยาลดไข้ที่ปลอดภัยที่สุดในช่วงตั้งครรภ์คือพาราเซตามอล ยาลดไข้ชนิดอื่น เช่น แอสไพริน หรือไอบูโพรเฟนนั้นไม่ควรใช้เนื่องจากอาจทำให้หัวใจทารกผิดปกติได้ ข้อพึงระวังคือ ขณะตั้งครรภ์ควรใช้ยาให้น้อยที่สุด และปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยาทุกชนิด

                                • การได้รับสารต่างๆ ขณะตั้งครรภ์
                                  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้สารเสพติด นอกจากหัวใจแล้วสารเหล่านี้ยังส่งผลต่อหลายระบบของลูกในครรภ์รวมถึงสมองด้วย ความรุนแรงขึ้นอยู่กับปริมาณที่แม่รับเข้าไป วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคืองดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติดทุกชนิดตลอดการตั้งครรภ์
                                  • การใช้ยาอื่นๆ เช่น ยากันชัก ยาไอบูโพรเฟน ยารักษาสิวที่เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ จำพวกเรตินอยด์ ไม่ว่าจะเป็นยาทาหรือยากินจะส่งผลให้ลูกพิการจึงควรหลีกเลี่ยง
                                  • การสัมผัสสารเคมีบางชนิด โดยเฉพาะตัวทำละลาย (organic solvent) ที่ใช้ผสมในสี น้ำมันวานิช และยาทาเล็บ เป็นต้น

                                (ยังมีต่อ)

                                  เมตาบอลิก

                                  โรคพันธุกรรมเมตาบอลิก ป้องกันไม่ได้ รักษาไม่หายขาด

                                  จากข่าวเด็กหญิงวัย 6 เดือน ที่ป่วยเป็นโรคพันธุกรรม “เมตาบอลิก” มีกรดแลคติกในเลือดสูงว่าคนปกติถึง 6 เท่า จนเสียชีวิต สร้างความเสียใจให้ครอบครัว มีการแชร์แสดงความเสียใจผ่านโลกออนไลน์จำนวนมาก คุณพ่อคุณแม่คงจะกังวลไม่น้อยว่าลูกของเราจะมีโอกาสเป็นโรคนี้หรือไม่

                                  Continue reading “โรคพันธุกรรมเมตาบอลิก ป้องกันไม่ได้ รักษาไม่หายขาด”

                                    สาหร่าย

                                    5 สาหร่าย ป้องกันไขมันในเลือดสูง

                                    สาหร่ายเป็นอาหารของชาวเอเชียมานานนับพันปี ทั้งเป็นหนึ่งในอาหารประจำวันของชาวโอกินาว่า ซึ่งมีประชากรที่อายุยืนเกิน 100 ปี มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อาหารชีวจิตเองก็นับว่าทันสมัย ไม่เปลี่ยน เพราะ อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต ทราบถึงประโยชน์จึงแนะนำให้รวมสาหร่ายไว้ในเมนูอาหารประจำวันเช่นกัน เนื่องจากสาหร่ายมีประโยชน์สารพัด อาทิการป้องกันไขมันในเลือดสูงนี่ล่ะค่ะ วันนี้จึงขอแนะนำให้รู้จักกัน 5 ชนิด ดังนี้

                                     สาหร่ายพวงองุ่นลดไขมันในเลือด ต้านเบาหวาน

                                     สาหร่ายทะเลสีเขียว เป็นเม็ดกลม เรียงกันเป็นช่อคล้ายพวงองุ่น หรือคล้ายไข่ปลาคาร์เวียร์ ชาวญี่ปุ่นเรียกสาหร่ายชนิดนี้ว่า อุมิ บูโด (umibudo) ส่วนชาวไทยรู้จักในชื่อ สาหร่ายช่อพริกไทย หรือสาหร่ายพวงองุ่น

                                    ในต่างประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี นิยมกินสาหร่ายพวงองุ่นมานาน สำหรับประเทศไทยเป็นที่นิยมในจังหวัดทางภาคใต้และภาคตะวันออก ปัจจุบันศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งพังงาได้ทำวิจัยเพาะเลี้ยงและส่ง เสริมให้ชาวบ้านขายเป็นอาชีพ

                                    สาหร่ายพวงองุ่นมีกลิ่นของน้ำทะเลและรสชาติเค็มกว่าสาหร่ายทะเลชนิดอื่น เล็กน้อย นิยมกินร่วมกับอาหารหลายชนิด เช่น อาหารทะเล ซูชิ มัน ฝรั่ง ผสมในสลัดผัก ใช้ปรุงอาหารแทนไข่ปลาคาร์เวียร์ หรือ ตกแต่งจานอาหารเพื่อความสวยงามก็ได้

                                    ส่วนเรื่องคุณค่าทางโภชนาการนั้นอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด ทั้งกรดไขมันไม่อิ่มตัว วิตามินบี 2 วิตามินอี ไอโอดีน แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และสังกะสี

                                    รายงานจากวารสาร Root Gatherers ศึกษาในกระต่ายที่ได้รับการ ป้อนอาหารที่มีไขมันสูงและคอเลสเตอรอลสูง พบว่าหลังได้รับสารสกัดจากสาหร่ายพวงองุ่นนาน 30 วัน ระดับคอเลสเตอรอลร้ายในเลือดลดลง และล่าสุด ในปี 2014 วารสาร Asian Pacific Journal of Tropical Biomedicine ค้นพบว่า สาหร่ายพวงองุ่นมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคเบาหวาน ลดความดันโลหิต ป้องกันโรคหัวใจล้มเหลว และช่วยต้านมะเร็งอีกด้วย

                                    แต่นั่นคงไม่พอ เราขอแถมความรู้ 4 สาหร่ายที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มาแนะนำให้คุณได้ไปกินเพิ่มเติมกันด้วย

                                    รวมสูตรอร่อย 4 สาหร่ายยอดนิยม

                                    สาหร่ายทะเลยอดนิยมชื่อคุ้นหู อาหารอายุวัฒนะของชาวโอกินาว่าที่อยากแนะนำ ได้แก่ คอมบุ (kombu) วากาเมะ (wakame) โนริ (nori) และ โมซุกุ (mozuku)

                                    416Health-53-1

                                    สาหร่ายคอมบุ มีสีน้ำตาลนิยมนำมาตากแห้ง รีด และตัดเป็นแผ่น มีกลิ่นรสของทะเลแรง และมีไอโอดีนสูง ใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำดาชิ (dashi) สารปรุงรสอร่อย หรือรสอุมามิของอาหารญี่ปุ่น นับเป็นเครื่องปรุงรสพื้นฐานที่ทำให้น้ำซุปและอาหารหลายชนิดมีรสชาติกลม กล่อม

                                    416Health-53-3

                                    สาหร่ายวากาเมะ มีสีน้ำตาล รสชาติจืด แต่เมื่อแช่ในน้ำจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว นิยมใส่สาหร่ายวากาเมะใน ซุปเต้าเจี้ยวญี่ปุ่น (miso soup) ร่วมกับเต้าหู้ขาว นอกจากนี้ ยังใส่ในบะหมี่โซบะ (soba noodle dishs) สลัดผัก ปรุงเป็นยำสาหร่าย หรือผัดกับข้าวไม่ขัดสี

                                    416Health-53-2

                                    สาหร่ายโนริ มีสีเขียวเข้มจนถึงสีดำ มีทั้งชนิดแผ่นและผง ชนิดแผ่นมีลักษณะบางกรอบนิยมนำมาย่างก่อนใช้ห่อซูซิ (sushi) หรือทำเป็นผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวเป็นสาหร่ายปรุงรสในรูปแบบต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องปรุงรสทำจากผงสาหร่ายโนริผสมกับเครื่องเทศนิยมใช้โรยบนข้าวและ อาหารเพื่อเพิ่มรสชาติ

                                    416Health-53-4

                                    สาหร่ายโมซุกุ มีสีน้ำตาล นิยมกินสด กินคู่กับซอสถั่วเหลือง ใส่ในสลัดผัก หรือนำมาดองในน้ำส้ม เนื้อสัมผัสคล้ายวุ้นเส้น เหนียวนุ่ม กรอบกรุบเวลาเคี้ยว ปัจจุบันเป็นอาหารขึ้นชื่อของชาวโอกินาว่า และมีแนวโน้มที่จะผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น

                                    สำหรับประโยชน์ของสาหร่ายทั้ง 4 ชนิด สรุปไว้ใน Journal of the American College of Nutrition ในงานวิจัยที่ชื่อ The Okinawan Diet: Health Implications of a Low-Calorie,

                                    Nutrient-Dense, Antioxidant-Rich Dietary Pattern Low in Glycemic Load กล่าวโดยสรุป สาหร่ายทั้ง 4 ชนิดให้พลังงานต่ำมาก แต่อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งโปรตีน ไอโอดีน โฟเลต แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก แคลเซียม และฟูโคแซนทิน (fucoxanthin) ซึ่งเป็นสารพฤกษเคมีในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (carotenoid)

                                    ฟูโคแซนทิน ช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญ ลดระดับน้ำตาลในเลือด และมีส่วนช่วยในการรักษาโรคอ้วนลงพุง (metabolic syndrome) ซึ่งพบในผู้ที่มีเส้นรอบเอวมากกว่าหรือเท่ากับ 80 เซนติเมตรในผู้หญิง และมากกว่าหรือเท่ากับ 90 เซนติเมตรในผู้ชาย ที่มีระดับน้ำตาล ความดันและไขมันในเลือดสูง เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือดในสมองอุดตัน

                                    นอกจากนี้ยังพบ ฟูคอยแดน (fucoidan) มากในสาหร่ายคอมบุ และสาหร่ายวากาเมะ ซึ่งมีงานวิจัยพบว่ามีสารแอนติอ๊อกซิแดนท์สูง ลดความเสี่ยงสารพัดโรคร้ายรวมถึงโรคมะเร็ง โดยมีรายงานระบุว่าสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งต่อมน้ำเหลืองในคน ปัจจุบัน ฟูคอนแดนได้รับความนิยมนำมาผลิตเป็นอาหารเสริมหลายผลิตภัณฑ์ในประเทศญี่ปุ่น

                                    กินสาหร่ายทะเลแล้วอายุยืน ช่วยป้องกันสารพัดโรคร้าย ชาวโอกินพิสูจน์มาแล้วหลายชั่วอายุคน แถมมีงานวิจัยมาช่วยการันตรีเรื่องการกินสาหร่ายช่วยป้องกันไขมันในเลือดสูง อีกด้วย นาทีนี้ไม่กินตามกระแสไม่ได้แล้วค่ะ

                                     

                                    ที่มาจากนิตยสารชีวจิต