สิงโตเกือบกัดเด็ก อุทาหรณ์ที่ต้องระมัดระวัง

Alternative Textaccount_circle
event

มีคลิปวิดีโอหนึ่งที่ถูกแชร์กันในโลกโซเชี่ยล เป็นคลิปวิดีโอรายการในต่างประเทศ ในรายการมีผู้ใหญ่ 4 คน เด็ก 1 คน และสิงโตอีก 1 ตัว ในขณะที่พิธีกรสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่ที่ดูแลสัตว์อยู่นั้น สิงโตก็นั่งจ้องมองหนูน้อยที่นั่งอยู่บนตักของแม่ แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น สิงโตเกือบกัดเด็ก

(more…)

เคล็ดลับดี๊ดี…กับวิธีทำให้ลูกในท้องดิ้น

Alternative Textaccount_circle
event

“การดิ้นของลูกในท้อง” อีกหนึ่งความรู้สึกและสัมผัสแรกของคุณแม่ท้องที่สามารถเรียกน้ำตาได้เป็นอย่างดีทั้งน้ำตาของความดีใจ และน้ำตาของความเจ็บปวดสำหรับบางคนที่ลูกดิ้นแรกอาจทำให้คุณแม่เจ็บจนน้ำตาไหลก็เป็นได้ … “ลูกดิ้น” ถือเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่ทำให้แม่ท้องรู้ว่าลูกในครรภ์ของเรายังปลอดภัยและแข็งแรงดีอยู่

(more…)

[เคล็ดลับดูแลบ้าน] 10 ข้อเตือนใจ ป้องกันไฟไหม้บ้าน (และสถานที่ที่มีเด็กอยู่)

Alternative Textaccount_circle
event

ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่โรงเรียน เรื่องเพลิงไหม้ เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากอุปกรณ์ไฟฟ้าบางชนิดจะเสี่ยงเกิดอันตรายได้ มาดูข้อเตือนใจเพื่อ ป้องกันไฟไหม้บ้าน ที่อาจเกิดขึ้นนี้กันค่ะ

ป้องกันไฟไหม้บ้าน

10 ข้อเตือนใจ ป้องกันไฟไหม้บ้าน

  1. ควรมีการซ้อมหนีไฟเป็นประจำทุกปีเพื่อป้องกันเหตุเพลิงไหม้และครูกับเด็กต้องสามารถแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้
  2. ควรมีระบบติดตั้งระบบเตือนภัยและอุปกรณ์ตัดไฟ (Breaker) และควรเช็คระบบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ว่าทำงานได้ปกติหรือไม่?
  3. หากมีเด็กเล็ก ควรติดตั้งปลั๊กไฟให้สูงกว่า 150 เซนติเมตร และควรมีฝาครอบปลั๊กไฟ
  4. รอบๆ ปลั๊กไฟ / เต้าเสียบ ไม่ควรมีสื่อไวไฟที่อาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรเกิดประกายลุกไหม้ เช่น กองกระดาษ เสื้อผ้า น้ำมัน สเปรย์ ฯลฯ
  5. ควรมีการสำรวจรอบๆ เต้าเสียบ / ปลั๊กไฟ เป็นประจำทุกเดือนว่ามีความร้อนผิดปกติหรือไม่? ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่รับผิดชอบทันที
postjung
ภาพจาก postjung

6. อายุการใช้งานของสายไฟและอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ควรเกิน 10 ปี หรือต้องไม่มีร่องรอยชำรุด

7.หลีกเลี่ยงอุปกรณ์ไฟฟ้า / เต้าเสียบปลั๊กไฟที่ชำรุง น้ำซึมผ่าน และดำเนินการซ่อมแซมแก้ไขโดยผู้ที่มีความรู้เชี่ยวชาญ

8. ควรใช้ปลั๊กพ่วง ไม่ควรเสียบปลั๊กทุกช่องและเลอืกใช้ปลั๊กพ่วงที่มีฟิวล์ (สวิตซ์ตัดไฟ) หลังจากการใช้งานควรถอดปลั๊กจากเต้าเสียบและเก็บให้พ้นมือเด็กเล็ก

9.ควรถอดปลั๊ก อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดหลังการใช้งาน

10. ควรติดตั้งสายดินกับอุปกรณ์ไฟฟ้าบางชนิด เช่น ตู้กดน้ำ เครื่องซักผ้า เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น  เตาไฟฟ้า

ภาพจาก mwa.co.th
ภาพจาก mwa.co.th

อ่านต่อ บทความน่าสนใจ

Kid Safety ภัยจากลูกโป่ง ดอกไม้ไฟ ในงานเทศกาล

7 ภัยอันตราย ใกล้ตัวลูกน้อย


เรื่องโดย : มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก

พ่อแม่ช่วยดึงพรสวรรค์ของลูกได้อย่างไร

Alternative Textaccount_circle
event

เรื่องการศึกษานั้นโรงเรียนถือเป็นแหล่งพัฒนาความสามารถของเด็กๆ แต่ความสามารถพิเศษของเด็กแต่ละคนที่เรียกว่า “พรสวรรค์” นั้น  มักจะมีมากับบุคลิกของลูกที่อยู่ใกล้ชิดกับพ่อแม่และคนในครอบครัวเป็นสำคัญ  ดังนั้นเรามาหาวิธีดึงศักยภาพพรสวรรค์ของลูก เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาทักษะด้านนี้ให้เป็นที่หนึ่งกันค่ะ

shutterstock_391967752

ช่วยลูกดึง “พรสวรรค์” ออกมาได้อย่างไร

ในชั้นเรียนจะมีเด็กที่มีความสามารถโดดเด่นกว่าเด็กคนอื่นๆ อยู่แล้ว  โดยความสามารถในแต่ละด้านนั้นก็จะไม่เหมือนกัน  บางคนถนัดวาดรูป  บางคนถนัดคิดเลข   ความสามารถพิเศษของเด็กนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ  จะแสดงออกมาให้คุณครูเห็น  ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องถามจากคุณครูว่าลูกมีความโดดเด่นอย่างไรบ้างในชั้นเรียน

ช่วยให้ลูกได้เจอเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบสิ่งเดียวกัน  ยกตัวอย่างเช่น  เมื่อทราบว่าลูกมีความสามารถทางด้านการวาดภาพ  จะดีกว่าไหมหากพาลูกได้เจอกับกลุ่มเพื่อนที่ชื่นชอบการวาดภาพเช่นเดียวกัน  เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และเทคนิค  รวมถึงพาไปชมนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะ เพราะลูกอาจจะได้เป็นนักออกแบบที่ดีในอนาคตก็ได้

                ทำกิจกรรมบ่อยๆ   ส่วนใหญ่แล้วหากพาลูกไปเข้าคอร์สเสริมทักษะต่างๆ  จะมีการบ้านที่มอบให้พ่อแม่กลับมาทำกับลูกที่บ้าน  เช่นเดียวกัน หากคุณไม่ได้พาลูกเข้าคอร์ส คุณก็สามารถเรียนรู้วิธีการเล่นกับลูก ทำกิจกรรมกับลูก เพื่อช่วยกระตุ้นความถนัดของลูกมากขึ้นได้

banner300x250

อ่านเรื่อง “พ่อแม่ช่วยดึงพรสวรรค์ของลูกได้อย่างไร” คลิกหน้า 2

ลูกฉี่รดที่นอน

ทำไงดี? ลูกฉี่รดที่นอน พร้อม 4 สาเหตุ 4 วิธีแก้ไขให้สำเร็จ

Alternative Textaccount_circle
event
ลูกฉี่รดที่นอน
ลูกฉี่รดที่นอน

สถาบันสุขภาพเด็กเผย ลูกฉี่รดที่นอน ไม่ใช่เรื่องปกติ อาจส่งสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติทางร่างกายและจิตใจของลูกได้ พ่อแม่จึงไม่ควรมองข้าม

ทำไงดี? ลูกฉี่รดที่นอน พร้อม 4 สาเหตุ 4 วิธีแก้ไขให้สำเร็จ

การปัสสาวะรดที่นอนเป็นภาวะที่พบบ่อยในเด็ก ซึ่งจะถือว่าเป็นความผิดปกติต่อเมื่อเกิดขึ้นในเด็กที่ควรจะควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะได้แล้วแต่เด็กยังควบคุมไม่ได้ คือเป็นในเด็กที่มีอายุอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป โดยการปัสสาวะรดที่นอนเกิดขึ้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เป็นเวลาติดต่อกัน 3 เดือน และไม่ได้เป็นผลมาจากการใช้ยา เช่น ยาขับปัสสาวะ หรือเกิดจากโรคทางกาย เช่น โรคเบาหวาน เป็นต้น ส่วนมากจะมีอาการลดลงและหายเองเมื่อโตขึ้น อาจมีสาเหตุจากปัญหาการควบคุมกระเพาะปัสสาวะในเด็ก กระเพาะปัสสาวะที่มีขนาดเล็ก ปัญหาทางด้านสุขภาพ เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ปัญหาทางอารมณ์และจิตใจ หรืออาจเกิดขึ้นในผู้ใหญ่ได้ เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ที่ร่างกายต้องขับน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย ฉี่ราดในเด็กเป็นอาการที่รักษาและป้องกันได้

4 สาเหตุทำไมลูกปัสสาวะรดที่นอน?

ทำไม? ลูกฉี่รดที่นอน ทั้ง ๆ ที่ก่อนนอนคุณพ่อคุณแม่ก็พาเขาเข้าห้องน้ำ และสอนให้เรียกเวลาปวดปัสสาวะแล้ว  แต่ก็ยังมีกรณีที่ทำที่นอนเปียกเลอะเป็นประจำ  วันนี้ ทีมแม่ ABK มาเผย 4 เหตุผล ที่ทำให้ ลูกฉี่รดที่นอน

ลูกฉี่ราด
ลูกฉี่ราด
  1. ปกติเด็กจะฉี่รดที่นอนอยู่แล้ว

เด็ก ๆ ราว 5 ล้านคนในสหรัฐฯ ยังคงฉี่รดที่นอน ซึ่งร้อยละ 20 เป็นเด็กวัย 5 ขวบ   ร้อยละ 10 เป็นเด็กวัย 7 ขวบ  และร้อยละ 5 เป็นเด็กวัย 10 ขวบ (ข้อมูลจาก American Academy 0f Pediatrics)  แม้ว่าการฉี่รดที่นอนจะดูเป็นเรื่องน่าอายที่เด็กมักถูกปลูกฝังมา จึงทำให้เด็กไม่กล้าบอกคุณพ่อคุณแม่เวลาปวดขึ้นมา และเมื่อฉี่รดที่นอนแล้วก็ไม่กล้าบอกกลัวถูกตำหนิ  ซึ่งเกิดเป็นอาการเก็บกด เขินอายอย่างหนึ่ง  แต่หากเด็กที่เติบโตมาในความเข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กที่จะมีเหตุฉี่รดที่นอนเกิดขึ้นบ้าง  เพียงแค่นำผ้าปูที่นอนไปตากซัก  เด็กก็จะไม่รู้สึกผิด  ไม่รู้สึกเครียด  ไม่รู้สึกกังวล  และเมื่อเขาเติบโตเข้าใจเหตุผลแล้วก็อธิบายว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้และให้ลูกช่วยเก็บทำความสะอาด  ถือเป็นการสอนเรื่องวินัยเชิงบวก

2. ฝันร้าย

ระหว่างวันเด็กอาจจะเล่นสนุกผ่านกิจกรรมนอกบ้าน หรือจากที่โรงเรียน ทำให้ลูกเก็บมาคิด และเหตุการณ์คับขันบางอย่างอาจทำให้เขากลัว กังวล และอาจบีบคั้น  จึงเกิดฉี่รดที่นอนอย่างไม่รู้ตัว

  1. ไม่กล้าลุกไปเข้าห้องน้ำ

เด็กส่วนใหญ่ที่ถูกปลูกฝังเรื่องความมืดจะมีความกลัวอยู่ลึก ๆ และจะไม่ค่อยอยากไปเข้าห้องน้ำในตอนกลางคืน  บางบ้านของคนไทยอาจจะไม่ได้ออกแบบห้องน้ำให้อยู่ใกล้ห้องนอน

  1. ดื่มน้ำน้อยเกินไป

การเข้าใจผิดว่าไม่ให้ลูกดื่มน้ำก่อนนอนเลย เพื่อไม่ให้ฉี่รดที่นอนนั้น เป็นความเข้าใจที่ผิด  เพราะขณะนอนหลับร่างกายต้องใช้น้ำมาช่วยปรับสมดุลร่างกาย  และหากไม่ได้ดื่มน้ำก่อนนอนสักนิดหน่อยเมื่อร่างกายโหยหาน้ำก็จะทำให้เสียสมดุล กระตุ้นให้ปวดปัสสาวะเพื่อให้เจ้าตัวได้ตื่นไปเข้าห้องน้ำ และจะรู้สึกหิวน้ำ หาน้ำมาดื่ม

แม้ภาวะปัสสาวะรดที่นอนส่วนมากจะหายได้เองเมื่อเด็กโตขึ้น ซึ่งเมื่อลูกและพ่อแม่ได้ร่วมกันแก้ไข โดยมองว่าปัญหาดังกล่าว เป็นเรื่องพัฒนาการในการควบคุมการขับถ่าย โดยจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการลงโทษหรือตำหนิ แต่ควรแสดงความเข้าใจ และเป็นกำลังใจ รวมถึงการปรับพฤติกรรมโดยใช้แรงจูงใจทางบวก ทีมแม่ ABK จึงขอนำ 4 เคล็ดลับช่วยลูกไม่ให้ลูกฉี่รดที่นอน จากสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข มาฝากค่ะ

4 เคล็ดลับช่วยลูกไม่ให้ ลูกฉี่รดที่นอน

ฉี่รดที่นอน
ฉี่รดที่นอน
  1. ทำความเข้าใจ

จากสาเหตุที่เราได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า ลูกฉี่รดที่นอน เป็นเรื่องปกติ และพัฒนาการการควบคุมการขับถ่ายจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อลูกมีอายุมากขึ้น ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่รู้สึกแย่หรือกังวลมากจนเกินไป เพราะเมื่อเรารู้สึกไม่ดี จะทำให้ลูกรับรู้ได้ และรู้สึกได้ว่าการกระทำนี้เป็นการกระทำที่ผิดร้ายแรง ทำให้ลูกเกิดความกลัวและกังวลจนไม่กล้าบอกเมื่อปวดปัสสาวะกลางดึกได้

2. ไม่ลงโทษหรือตำหนิ

เมื่อคุณพ่อคุณแม่มีความเข้าใจว่าการที่ลูกฉี่รดที่นอนเป็นเรื่องปกติแล้ว เมื่อลูกฉี่รดที่นอนจริง คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ความตำหนิ ต่อว่า หรือลงโทษ เพราะการกระทำเหล่านี้ จะทำให้ลูกฝังใจ เสียใจ จนเกิดภาวะเครียดได้ และภาวะเครียดก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะฉี่รดที่นอนที่ผิดปกติได้ การสร้างวินัยเชิงบวก เป็นวิธีแก้ที่ดีกว่าการลงโทษ โดยคุณแม่อาจจะทำตารางเพื่อติดสติกเกอร์ดาวสะสมแต้ม ในวันที่ไม่ปัสสาวะรด เพื่อเป็นกำลังใจ และมีการมอบรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อสะสมได้ทุก 10 แต้ม เป็นต้น

3. ฝึกกระเพาะปัสสาวะ

การฝึกกระเพาะปัสสาวะ คือการให้เด็กดื่มน้ำมาก ๆ ในช่วงกลางวันและเมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะให้เด็กฝึกกลั้นไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ร่วมกับปรับอาหารและเครื่องดื่ม โดยปรับให้เด็กดื่มน้ำมากขึ้นในช่วงเช้าถึงบ่ายและลดการดื่มน้ำในช่วงเย็นโดยเฉพาะช่วง 2 ชม.ก่อนเข้านอนควรมีการจำกัดปริมาณน้ำ (ไม่ควรให้ลูกไม่ดื่มน้ำตอนกลางคืนเลย ให้คุณพ่อคุณแม่จำกัดปริมาณน้ำเท่านั้น)

4. ใช้เครื่องปลุกเตือนปัสสาวะรด

ติดตั้งสัญญาณเตือนบนที่นอน เมื่อตัวรับสัญญาณบนที่นอนเริ่มเปียกจะมีสัญญาณดังปลุกให้ลูกตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำต่อได้ เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดในปัจจุบัน แต่ในประเทศไทยเครื่องมือดังกล่าวยังใช้ไม่แพร่หลาย อีกทั้งมีราคาค่อนข้างสูง

ลูกปัสสาวะราด
ลูกปัสสาวะราด

การฉี่รดที่นอนไม่ใช่เรื่องผิดปกติสำหรับเด็ก  เด็กอายุต่ำกว่า 7 ขวบส่วนใหญ่มักเคยฉี่รดที่นอนทั้งนั้น เมื่อคุณทราบถึงสาเหตุของการฉี่รดที่นอนแล้ว สามารถฝึกลูกให้เข้าห้องน้ำก่อนนอนเป็นกิจวัตร จิบน้ำก่อนนอนบ้าง และหากมีอาการบ่อยติดกันหลาย ๆ ครั้งต่อสัปดาห์ติด ๆ กัน จนส่งผลกระทบต่อเด็กและครอบครัว ทั้งในด้านจิตใจและความสัมพันธ์ระหว่างเด็กและผู้ปกครอง  อาจทำให้เกิดโรคที่มาจากอาการปัสสาวะรดได้ เช่น การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ความผิดปกติของโครงสร้างของระบบการขับถ่ายปัสสาวะ โรคของต่อมไร้ท่อ เช่น เบาหวาน เบาจืด เป็นต้น

อาการฉี่ราดแบบไหน ที่ควรพาลูกไปพบแพทย์

  1. มีอาการอื่น ๆ เช่น ปัสสาวะบ่อยหรือไม่ค่อยปัสสาวะ มีอาการปวดหรือรู้สึกเครียดในขณะปัสสาวะ อุจจาระราด รู้สึกกระหายน้ำตลอดเวลา มีไข้สูง 38 องศาเซลเซียส ปัสสาวะเป็นเลือด เป็นต้น เกิดขึ้นร่วมกับอาการฉี่ราด
  2. อาการฉี่ราดที่ทำให้เกิดปัญหาต่อทั้งครอบครัวและตัวเด็ก ทั้งในด้านจิตใจและความสัมพันธ์ระหว่างเด็กและผู้ปกครอง
  3. เด็กที่มีอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป และยังคงมีอาการฉี่ราดเป็นประจำ
  4. มีอาการฉี่ราดเกิดขึ้นหลังจากที่ไม่ได้พบอาการมาระยะเวลาหนึ่ง

สำหรับครอบครัวที่ลูกมีอาการฉี่ราดดังกล่าว ควรพาลูกไปปรึกษาแพทย์ให้ช่วยแก้ปัญหาต่อไปค่ะ

 อ่านต่อ บทความน่าสนใจ คลิก

ฝึกลูกนอน (เร็วและเป็นเวลา) จำเป็นไหม? พร้อมวิธีฝึกลูกให้หลับเร็ว

5 เคล็ดลับสร้างนิสัย “การนอนของทารก” ให้มีประสิทธิภาพ

วิธีเลิกผ้าอ้อม ฝึกลูกใน 5 ขั้นตอน ได้ผลจริง! โดย พ่อเอก

จัดฟันเด็ก พาลูกไป จัดฟัน อายุเท่าไหร่ ดีที่สุด?

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, พบแพทย์

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

37 เทคนิคล้างจาน ขั้นเทพ! ทำง่ายและสะดวกขึ้น

Alternative Textaccount_circle
event

ขึ้นชื่อว่า “ล้างจาน” อาจเป็นงานบ้านสุดยี๋ของใครหลายคน   เพราะว่ามีกลิ่นเหม็นไม่พึงประสงค์มาติดตามซอกนิ้วและซอกเล็บ จนล้างไม่ออกไปหลายชั่วโมงอีกทั้งยังเปียกชื้น เลอะเทอะเสื้อผ้าบ้างด้วย  และบางทีกระทะและจานบางอย่างก็ขัดยากเหลือเกิน  เสียเวลาและความรู้สึก…แต่วันนี้การล้างจานของคุณจะง่ายขึ้น เพียงแค่ดู เทคนิคล้างจาน 37 ข้อต่อไปนี้แล้วไปปฏิบัติตาม

เทคนิคล้างจาน

เทคนิคล้างจาน มืออาชีพ

  1. อย่ากองจาน หม้อ และทุกอย่าง รวมกัน
  2. เอาถังขยะมาไว้ใกล้ๆ กับอ่างล้างจาน เพื่อทิ้งเศษอาหารสกปรก
  3. ถ้าใช้อ่างล้างจานร่วมกับคนอื่น ให้หาถังมาแยกเก็บจานสำหรับล้างของแต่ละคนด้วย
  4. กาละมังที่ใช้รองล้างจานให้ล้างให้สะอาดทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จ
  5. ถ้าไม่มีกาละมังสำหรับช่วยล้างจาน ก็ใช้อ่างล้างจานนั้นรองน้ำไว้ล้างได้ และทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่
    6. ถ้าใช้หม้อหลายใบ ให้ขัดสิ่งสกปรกที่ติดอยู่กับหม้อทุกใบก่อนล้างรวมกัน
  6. เลือกล้างจานใบที่สกปรกน้อยที่สุดก่อน
  7. ถ้ามีแก้วอยู่ ให้ล้างแก้วก่อน เพื่อไม่ให้แตกเพราะถูกกดทับจากจานใบอื่น
  8. ต่อจากนั้นให้ล้างมีด ช้อน ส้อม
  9. และหากมีจานแบนๆ ให้ล้างในลำดับถัดมา
  10. ล้างหม้อและกระทะ
  11. กระทะเหล็กที่หนักให้ล้างสุดท้ายและเก็บขึ้นก่อน
  12. พวกถาดหลุมที่ล้างยากอาจใช้มะนาวหั่นเป็นซีกช่วย

อ่านเรื่อง “37 เทคนิคล้างจานขั้นเทพ! ทำง่ายและสะดวกขึ้น” คลิกหน้า 2

monk

ภาพประทับใจ…เณรวัดพระธาตุช้างค้ำ ช่วยเหลือชาวบ้านประสบภัยน้ำท่วม

Alternative Textaccount_circle
event
monk
monk

ภาพประทับใจ เณรช่วยเหลือชาวบ้าน นี้ถูกแชร์มาจากเฟซบุ๊กของคุณ “กาล ไม่เคยโกรธใคร” เผยภาพเหล่าเณรและพระภิกษุสงฆ์ช่วยกันยกของหนีน้ำ และร่วมทำอาหารแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน อ.เมือง จ.น่าน ซึ่งกำลังเผชิญน้ำท่วมอยู่ ณ เวลานี้ สร้างความดีใจให้กับชาวบ้าน และพุทธศาสนิกชน จ. อื่น ร่วมอนุโมทนาบุญด้วย

เณรช่วยเหลือชาวบ้าน

02

03

04

08

 

อ่านเรื่อง “ภาพประทับใจ…เณรช่วยเหลือชาวบ้าน

ประสบภัยน้ำท่วม” คลิกหน้า 2

เสี่ยงเป็นโรคไซนัส

โรคไซนัสอักเสบ เพราะอากาศชื้น ต้องระวัง

Alternative Textaccount_circle
event
เสี่ยงเป็นโรคไซนัส
เสี่ยงเป็นโรคไซนัส

ไซนัส คือ โพรงอากาศในจมูกที่มีรูระบาย ถ้าไซนัสเกิดการอุดตัน ทำให้เกิด โรคไซนัสอักเสบ สาเหตุมาจาก ไข้หวัด ภูมิแพ้ เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ เนื้องอกในโพรงจมูก ริดสีดวงในโพรงจมูก เมื่อของเหลวในไซนัสไม่สามารถระบายออกไปได้ ก็ทำให้สะสมจนเกิดเชื้อแบคทีเรียและทำให้เป็นโรคนี้

โรคไซนัสอักเสบ

โรคไซนัสอักเสบถือเป็นโรคฮิตติดอันดับของไทย เพราะคนเป็นโรคนี้กันมาก ประมาณ 33.33% และเป็นได้ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก และผู้ใหญ่ จึงต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ ซึ่งเด็กบางคนมีอาการของโรคไซนัสรุนแรง และลุกลามไปที่บริเวณดวงตาได้

อ.พญ.นวรัตน์ อภิรักษ์กิตติกุล ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ข้อมูลว่า อาการของผู้เป็นโรคไซนัสอักเสบ คือ ปวดบริเวณโพรงจมูก คัดจมูก มีน้ำมูกไหล หรือเปลี่ยนเป็นสีเขียว มีกลิ่นเหม็น และมีอาการไอ

โรคไซนัสอักเสบ

คนเป็นโรคไซนัสอักเสบง่ายแค่ไหน?

โรคไซนัสอักเสบการเป็นโรคไซนัสอักเสบนั้น ไม่ได้เป็นได้โดยง่าย เพราะเนื้อเยื่อของไซนัสนั้นเคลื่อนไหวตลอดเวลา เมื่อมีสิ่งที่ทำให้เกิดการอักเสบ หรือมีเชื้อโรค จะถูกขับผ่านทางจมูกลงคอ อาการที่เป็น คือ มีอาการเจ็บปวดบริเวณเหนือคิ้ว ระหว่างลูกตา แก้ม และพบว่ามีน้ำมูกคล้ายหนองออกมา

มีอาการคัดจมูกมาก ปวดตุบๆ ตามจังหวะการเต้นของหัวใจ บางคนอาจปวดกระบอกตา และท้ายทอย ขึ้นอยู่กับบริเวณที่อักเสบของไซนัส เช่น ถ้าอักเสบที่ไซนัสส่วนกลางจะปวดท้ายทอย ถ้าอักเสบที่แก้มจะปวดศีรษะ หรือขมับ และถ้าก้มศีรษะจะปวดมากขึ้น เพราะทำให้เลือดคั่งมาก ทำให้รูที่เปิดของไซนัสอุดตันมากขึ้น บางคนมีอาการคลื่นไส้อาเจียน

สำหรับคนที่เป็นเรื้อรังจะมีอาการเป็นครั้งคราว ความเจ็บปวดจะน้อยว่าแบบเฉียบพลัน อาจมีน้ำมูกตกลงท่อหายใจสู่ปอดได้

วิธีสังเกตว่าคุณพ่อ คุณแม่ และลูกน้อยเป็นไซนัสหรือไม่ ให้ลองสังเกตดูว่าหลังจากเป็นหวัดแล้ว 7 วัน มีอาการปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา มีเสมหะมาก แสดงว่าอาจเป็นไซนัสอักเสบเฉียบพลัน

โรคไซนัสอักเสบภาพเด็กที่เป็นโรคไซนัสอักเสบ แล้วลุกลามขึ้นดวงตา

ความเย็นก็อาจเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดโรคไซนัสอักเสบ ทำให้ร่างกายมีความต้านทานโรคลดลง เมื่อเป็นโรคไซนัสอักเสบจึงควรหลีกเลี่ยงสถานที่เย็นๆ และของเย็นจัด

โรคไซนัสอักเสบถ้าปล่อยไว้ โดยไม่รักษาอาจทำให้ลุกลามไปที่ตา ทำให้ตาบวมอักเสบ ทะลุเข้าสู่สมอง ทำให้ปอดอักเสบ และกระจายเชื้อไปทั่วร่างกาย จนทำให้เสียชีวิตได้

อ่านต่อ “การรักษาโรคไซนัสอักเสบ” คลิกหน้า 2

สารอาหารในนมแม่ ลูกฉลาด พัฒนาการดี

ไขคำตอบ สารอาหารใน “นมแม่” ชนิดใดที่ทำให้ลูกฉลาด?

Alternative Textaccount_circle
event
สารอาหารในนมแม่ ลูกฉลาด พัฒนาการดี
สารอาหารในนมแม่ ลูกฉลาด พัฒนาการดี

“สารอาหารในนมแม่” ที่ทำให้ลูกฉลาดคืออะไร? ใช่ DHA อย่างเดียวหรือมีสารอื่นๆ อีกร่วมด้วย

สารอาหารที่อยู่ในนมแม่ ที่มีผลต่อความฉลาดของลูก ได้แก่

1. ดีเอชเอ เป็นไขมันที่ช่วยในการสร้างปลอกหุ้มเส้นใยประสาท ทำให้เส้นประสาทมีการเชื่อมต่อทำงานประสานกันอย่างเป็นระบบ

2. ทอรีน กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อสมองและประสาทตา ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง ในน้ำนมแม่มีทอรีนจำนวนมากและเพียงพอต่อความต้องการของเด็ก ส่วนในนมวัวมีน้อยมาก จำเป็นต้องเติมเข้าไป

3. แอลฟ่าแลคตัลบูมิน เป็นสารตั้งต้นของสารสื่อประสาทที่ช่วยให้สมองทำงานดีขึ้น

สารอาหารในนมแม่ ลูกฉลาด พัฒนาการดี4. กรดไขมันไลโนเลอิก จะทำให้ไมอีลินซึ่งทำหน้าที่รับส่งสัญญาณระหว่างสมองกับร่างกายมีความสมบูรณ์แข็งแรงในช่วงที่ทารกกำลังเติบโต

5. สารภูมิต้านทาน ทำให้ลูกแข็งแรง ไม่ป่วยบ่อย ไม่ต้องหยุดเรียน พร้อมเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ

6. การกินนมแม่ทำให้มีการหลั่งของฮอร์โมนออกซิโทซินทั้งในแม่และลูก โดยทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น ช่วยให้มดลูกหดรัดตัวเข้าอู่ได้ดี ช่วยให้น้ำนมพุ่งออกมาง่ายเวลาลูกดูด ที่สำคัญคือ เป็นฮอร์โมนแห่งความรักทำให้แม่รู้สึกรักและผูกพันกับลูก ช่วยให้แม่รู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์ดี และได้เล่นกับลูกเวลาที่ให้นมลูกซึ่งเป็นการส่งเสริมพัฒนาการ อีคิว และกระตุ้นประสาทสัมผัสของลูกได้เป็นอย่างดี

ผลการวิจัยยังพบว่าการให้นมแม่จะช่วยให้ลูกมีไอคิวเพิ่มขึ้นได้ถึง 3 จุด ซึ่งมีผลช่วยให้ลูกสามารถหารายได้มากขึ้นในอนาคต จากการศึกษาของ The Lancet Breastfeeding ประมาณการได้ว่า ไอคิวที่มีค่าเพิ่มขึ้น 1 จุด จะสามารถเพิ่มรายได้ในอนาคตได้ถึง 16%

อ่านต่อ “มีอะไรอีกบ้างที่ส่งผลต่อความฉลาดของลูก” คลิกหน้า 2

banner300x250-1

ภาพหาชมยาก!! ทารกคลอดออกมาทั้งถุงน้ำคร่ำ (มีคลิป)

Alternative Textaccount_circle
event

วิดีโอหาชมยาก เมื่อหมอทำคลอดทารกน้อย แต่กลับพบว่า ทารกคลอดออกมาทั้งถุงน้ำคร่ำ นอนอ้าปากหาวหวอดอย่างไร้เดียงสา ราวกับยังไม่รู้ตัวว่าออกมาอยู่นอกท้องของแม่แล้ว (more…)

วายร้าย ทำลายสมองลูก

รวม 11 วายร้าย ทำลายสมองลูก พ่อแม่ไม่ควรละเลย!

Alternative Textaccount_circle
event
วายร้าย ทำลายสมองลูก
วายร้าย ทำลายสมองลูก

ในยุคดิจิตอลที่ผู้คนชอบสะสมความเครียดแทนการใช้สอยความสุข แน่นอนว่าสมองต้องรับบทหนัก คิด วิเคราะห์เรื่องราวต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งกับเด็กก็ตาม ก็ได้รับผลกระทบจากสิ่งรอบ ๆ ข้างนี้อยู่มิใช่น้อย

ด้วยรูปแบบพฤติกรรมการเลี้ยงดูของพ่อแม่ในยุคแห่งความเจริญนี้ มีพ่อแม่หลายคนเปิดโอกาส หรือสร้างช่องทางให้สมองลูกถูกทำลายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะจากสื่อ สภาพแวดล้อม อาหารการกิน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนมีผลกระทบต่อสมองของลูกไม่มากก็น้อย Amarin Baby & Kids จึงได้รวบรวม “วายร้าย ทำลายสมองลูก” มาฝากให้คุณพ่อคุณแม่ได้ตระหนักกันค่ะ

โทรทัศน์

โทรทัศน์ วายร้าย ทำลายสมองลูก

เริ่มกันที่ “โทรทัศน์” เพราะมีบทความเผยแพร่งานวิจัยของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ทำการเปรียบเทียบระดับไอคิวของเด็กที่ดูโทรทัศน์วันละ 1 ชั่วโมงกับเด็กที่ไม่ดูโทรทัศน์เลยพบว่า เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี ระดับพัฒนาการของเด็กที่ดูโทรทัศน์จะต่ำกว่าเด็กที่ไม่ดูอย่างชัดเจน นักวิจัยจึงออกข่าวแนะนำพ่อแม่ไม่ให้เลี้ยงลูกด้วยโทรทัศน์จนกว่าจะพ้นระยะปฐมวัยไปแล้ว นั่นก็คือ หลัง 6 ขวบ

  • ดังนั้น หากต้องการให้สมองของลูกพัฒนาไปตามธรรมชาติ ไม่ถูกกระตุ้นด้วยภาพและเสียงมากเกินไปจนทำให้ลูกกลายเด็กสมาธิสั้น สิ่งหนึ่งที่ห้ามเด็ดขาด คือ ไม่ควรดูโทรทัศน์ในระหว่างตั้งครรภ์ และระหว่างเลี้ยงลูกวัยก่อน 6 ขวบ เพราะต้องไม่ลืมว่า เวลาดูโทรทัศน์ เด็กจะใช้ประสาทสัมผัสเพียง 2 ส่วนคือ ตารับภาพ กับหูรับเสียงเท่านั้น จึงขัดแย้งกับกระบวนการเรียนรู้ในเด็กเล็ก ซึ่งจะต้องเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสที่ 6 ซึ่งโทรทัศน์ไม่สามารถตอบสนองได้เลย ซ้ำยังเป็นการทำลายสมองส่วนรับประสาทสัมผัสอื่นๆ ทางอ้อมอีกด้วย เพราะจะทำให้ค่อยๆ ฝ่อลง เนื่องจากไม่ได้ถูกใช้งานเท่าที่ควร
  • นอกจากนี้ การที่เด็กเรียนรู้เพียงภาพ และเสียง เด็กจะไม่เข้าใจถึงการดำรงอยู่จริงๆ ของสิ่งที่เขาเห็นจากโทรทัศน์ เช่น ถ้าเราอยากให้ลูกรู้จักโต๊ะ เก้าอี้ แต่เราให้ดูแต่ภาพ หรือฟังเสียงเคาะโต๊ะ ขยับเก้าอี้จากโทรทัศน์เท่านั้น เขาก็จะรู้จักแค่ว่า โต๊ะ เก้าอี้ มีลักษณะแบนๆ เหมือนในภาพ แต่ไม่รู้ว่ามีความลึก หนา บาง หรือมีผิวสัมผัสอย่างไร ร้อนเย็นแค่ไหน เพราะฉะนั้น ถ้าลูกไม่เคยจับโต๊ะเก้าอี้เลย ความทรงจำของลูกเกี่ยวกับโต๊ะเก้าอี้ก็ไม่จริง แต่เป็นความทรงจำที่จำลองขึ้น

นอนดึกบ่อย ๆ

นอนดึก วายร้าย ทำลายสมองลูก

  • เด็ก แต่ละวัยก็มีชั่วโมงการนอน หลับพักผ่อนแตกต่างกัน ตามนาฬิกาในสมอง (Biological clock) ลูกน้อยในวัยนี้ ควรนอนตั้งแต่ 2 ทุ่มหรือ 2 ทุ่มครึ่งช้าที่สุด นอนหลับลึกช่วงกลางคืน 10-12 ชั่วโมง ถ้าหากนอนดึก ตื่นเช้าบ่อย ๆ แล้วล่ะก็นอกจากร่างกายจะไม่สูงใหญ่แล้ว ก็จะทำให้เซลล์สมองไม่ได้รับการทดแทนจากการฟักตัวของเซลล์ใหม่ เซลล์สมองที่ตายแล้วจะสะสมจนมีปริมาณมาก ทำให้สมองไม่พัฒนาเท่าที่ควรค่ะ

อ่านต่อ >> วายร้าย ทำลายสมองลูก !!คลิกหน้า 2

แบคทีเรียกินเนื้อคน

แบคทีเรียกินเนื้อคน ลูกติดเชื้อจนเกือบเสียชีวิต

Alternative Textaccount_circle
event
แบคทีเรียกินเนื้อคน
แบคทีเรียกินเนื้อคน

ข่าวจาก 7 News Perth เล่าว่ามีเด็กน้อยรอดชีวิตจากการถูกคุกคามชีวิตจาก แบคทีเรียกินเนื้อคน เพราะเด็กน้อยติดเชื้อขณะที่มาเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวในประเทศไทย หนูน้อย อามาร์ลี มาร์เชลล์ เด็กหญิงวัย 1 ขวบครึ่ง จากออสเตรเลีย เดินทางมาเที่ยวกับคุณพ่อ คุณแม่ และพี่สาว

(more…)

“น้องภูมิ ภาวิต” ด.ช. สุดเจ๋ง ชนะการประกวดออกแบบชุดนางงามระดับประเทศด้วยวัย 17 ปี

Alternative Textaccount_circle
event

ภาพของเด็กชายจากจังหวัดพัทลุงกับการพรีเซนต์แนวคิดการออกแบบชุดนางงามเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2016 เป็นที่ฮือฮาอย่างมากในขณะนี้  เนื่องจากผู้ชนะการประกวดได้รับเงินรางวัล 30,000 บาท  พร้อมกับจะได้เห็นผลงานจริงของตัวเองในครั้งนี้เป็นผลงานของเด็กชายวัย 17 ปี จากโรงเรียนสตรีพัทลุง  ซึ่ง “น้องภูมิ ภาวิต” ออกแบบในคอนเซ็ปต์ สายน้ำที่พลิ้วไหว จากแรงบันดาลใจที่เคยชมผ้าไทยในพิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

หนึ่งในผู้คัดเลือกผลงานนี้ก็คือพี่เมญ่า นนธวรรณ นางงามเวทีเดียวกันนี้ปี 2014  ได้เผยความรู้สึกว่าหนักใจกับการเลือกชุดแต่ละชุดพอสมควร เพราะเวลาใส่บนเวทีต้องโดดเด่น  สำหรับชุดที่เลือกนี้มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยชัดเจน และดีไซนต์มาจากชุดของโชน และมีโทนสีที่ทำให้ผู้สวมใส่โดดเด่นสะดุดตาได้

matichon (4)
ภาพจาก matichon online
ภาพจาก matichon online
ภาพจาก matichon online

 

ส่วน “น้องภูมิ – ภาวิต” ได้กล่าวถึงความรู้สึกหลังจากได้รับคัดเลือกว่า  “รู้สึกดีใจที่ได้รับรางวัลนี้ เพราะพี่ๆ แต่ละคนที่ส่งผลงานเข้าประกวดนั้นมีประสบการณ์มาก แค่ได้เข้ารอบก็ดีใจแล้ว  ส่วนตัวอยากเรียนต่อดีไซน์เนอร์ และที่บ้านก็ดีใจและเข้าใจว่าเราสนใจด้านนี้จริงรๆ และจะนำเงินรางวัลนี้ไปจ่ายค่าเทอม”

ภาพจาก matichon online
ภาพจาก matichon online

ซึ่งอีกไม่นานเราก็จะได้เห็นชุดราตรีสุดสวยนี้บนเวทีระดับโลก และผู้สวมใส่คือ “ไดร์ – จิณณ์ณิตา  บุดดี”  มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2016  ใครที่มีลูกหลานเก่งขนาดนี้ต้องสนับสนุนเขาให้ถึงฝันนะคะ …ปรบมืออีกครั้งให้ “น้องภูมิ – ภาวิต”

matichon online
ภาพจาก matichon online
matichon (9)
ภาพจาก matichon online
ภาพจาก matichon online
ภาพจาก matichon online
matichon (11)
ภาพจาก matichon online
ภาพจาก matichon online
ภาพจาก matichon online
ภาพจาก matichon online
ภาพจาก matichon online
ภาพจาก matichon online
ภาพจาก matichon online
ภาพจาก matichon online
ภาพจาก matichon online

 

 

ที่มาจาก http://www.matichon.co.th/news/255036

ลูกจะรู้สึกอย่างไร เมื่อพ่อแม่เปรียบเทียบกับลูกคนอื่น?

Alternative Textaccount_circle
event

บางทีคุณพ่อคุณแม่อย่างเราก็เผลอพูดคำแสลงใจเด็กไปบ้าง โดยลืมคิดไปว่าลูกจะรู้สึกอย่างไร เมื่อได้ยินคำพูดเปรียบเทียบเขา กับเด็กคนอื่น แม้ว่าเราจะทำไปด้วยความปรารถนาดี แต่มาดูกันว่า คำพูด “ เปรียบเทียบลูก ” ส่งผลอะไรกับเด็กบ้าง? (more…)

ป้องกันไข้หวัดใหญ่ และปอดบวมให้ลูกน้อยช่วงหน้าฝน

Alternative Textaccount_circle
event

กรมควบคุมโรคเตือน ฤดูฝนนี้เด็กเล็กป่วยเป็นโรคปอดบวม และไข้หวัดใหญ่ รวมกว่า 40,000 คน โดย นายแพทย์อำนวย  กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในฤดูฝนมีการระบาดของเชื้อโรค ทั้งไวรัส และแบคทีเรีย คุณพ่อ คุณแม่ จึงควร ป้องกันไข้หวัดใหญ่ และปอดบวมให้ลูกน้อยช่วงนี้

(more…)

ตกเป็นจำเลยในคดีฆ่าคน! ต้นเหตุจาก “เพื่อน”

Alternative Textaccount_circle
event

คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น จะเห็นว่าลูกติดเพื่อนมากขึ้น ไปไหนมาไหนกับเพื่อนมากขึ้น แต่จะมีสักกี่ครอบครัวที่มีเวลาตามดูแลลูกทุกวินาที และสังคมทุกวันนี้เริ่มอยู่ยาก มีภัยรอบด้าน และคนดีก็หายากขึ้นทุกวัน ส่วนตัวผมเชื่อว่าครอบครัวที่อบอุ่นเท่านั้น ที่จะสามารถผลิตคนดีออกสู่สังคมได้

ผมมีตัวอย่างคดีที่น่าจะสอนใจคุณพ่อคุณแม่ได้ดี เป็นคดีที่ เด็กดีคนหนึ่งไปกับเพื่อน เพียงเพราะเป็นห่วงรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง แต่สุดท้ายกลับต้องตกเป็นจำเลยในฐานะตัวการร่วมวางแผนฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คดีนี้ทีมทนายความ ทำงานเครียดเลยครับ เพราะพยานฝ่ายโจทก์เป็นคนใกล้ชิดกับจำเลย โดยทางกฎหมายพยานประเภทนี้จะมีน้ำหนักมาก เนื่องจากเป็นเพื่อนกันย่อมไม่เบิกความให้ร้ายเพื่อน และไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน

คดีนี้มีจำเลย 2 คนครับ คือ นาย ก. อายุ 20 ปีต้นๆ เป็นผู้ลงมือยิง นาย ก. เป็นเด็กที่ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำมาโดยตลอดกระทั่งบรรลุนิติภาวะ ไม่มีพ่อแม่หรือญาติ คอยสนใจดูแล เมื่อพ้นโทษก็ไม่มีอาชีพ จึงหารายได้ด้วยการค้าสิ่งผิดกฎหมาย ส่วนนาย ข. อายุ 20 ปีต้นๆ เป็นคนขับรถมอเตอร์ไซค์ให้แก่นาย ก. นาย ข. เป็นคนดีแต่เป็นคนหัวอ่อน เชื่อคนง่าย เป็นที่รักใคร่ของทุกคนในครอบครัว มีพ่อแม่ ปู่ย่า คอยดูแลเอาใจใส่ไม่มีประวัติเคยกระทำความผิดทางอาญามาก่อนไม่เคยเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายมีงานทำเป็นหลักแหล่ง ขณะถูกจับกุมมีลูก 1 คน อายุ 3 ขวบ นาย ก. และนาย ข. รู้จักกันไม่ถึง 1 เดือน โดยการแนะนำจากเพื่อนอีกคนหนึ่ง

handcuffed-kid

วันเกิดเหตุนาย ก. ขอยืมรถมอเตอร์ไซค์ของนาย ข. อ้างว่าจะไปซื้อของ นาย ข. เป็นห่วงรถมอเตอร์ไซค์ ของตัวเอง จึงขอไปด้วย โดยที่ไม่ทราบว่า นาย ก. กำลังไปซื้อสิ่งของผิดกฎหมาย เมื่อนาย ก. ขับรถไปถึงที่เกิดเหตุ นาย ก. ทะเลาะกับ นาย ค. จึงใช้อาวุธปืนยิงนาย ค. จนถึงแก่ความตาย โดยนาย ข. เป็นผู้ขับรถมอเตอร์ไซค์พา นาย ก. หนีออกจากที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุ นาย ก. และนาย ข. หนีไปต่างจังหวัดด้วยกัน ต่อมาทั้งสองคนได้ติดต่อขอมอบตัว โดยนาย ก. รับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือยิงผู้ตายจริง แต่สู้ว่ามิได้วางแผนไว้ก่อน ส่วน นาย ข. ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

จุดมุ่งหมายของคดีนี้ คือ การช่วยเหลือนาย ข. ซึ่งไม่รู้เห็นด้วยกับการกระทำความผิดดังกล่าว แต่ก็มี พฤติการณ์หลายอย่างที่ทำให้น่าสงสัยว่า นาย ข. จะมีส่วนรู้เห็นหรือร่วมวางแผนด้วย เช่น การขับรถพานาย ก. หนี การหนีไปกบดานด้วยกัน และมีพยานบางปากให้การว่าเห็น นาย ข. เป็นผู้ถอดแผ่นป้ายทะเบียน

จากการสอบข้อเท็จจริงและวิเคราะห์พยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์ ทำให้ทีมทนายความฝ่ายจำเลย หนักใจครับ เพราะคดีนี้ ถ้าพลาด นาย ข. จะต้องโทษสูงสุด คือ ประหารชีวิต ส่วน นาย ก. แม้จะเป็นผู้ลงมือยิงเอง ก็ตาม แต่ต้องโทษสูงสุด คือ จำคุกตลอดชีวิตเท่านั้น เนื่องจากคำรับสารภาพ ของนาย ก. เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีของศาลครับ ศาลจะลดโทษให้กึ่งหนึ่ง

คดีนี้ ทีมทนายความลงพื้นที่หาพยานหลักฐาน ประสานงานกับญาติๆ ของจำเลยทั้งสอง เพื่อให้ได้ความจริงและเพื่อให้การต่อสู้คดี เป็นประโยชน์ต่อตัวลูกความมากที่สุด แม้จะหนักใจเป็นอย่างมาก เพราะมีชีวิตคนหนึ่งคนฝากไว้กับทีมงาน แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค ภายใต้ความเชื่อที่ว่า “ความยุติธรรม” ยังมีอยู่จริง

 

เรื่อง นิติธร แก้วโต ทนายความที่ปรีกษาทางกฎหมาย และคุณพ่อลูกสอง

อยากท้อง พยายามมีลูก

พยายามมีลูก 5 ข้อควรรู้เมื่อคุณอยากตั้งครรภ์

Alternative Textaccount_circle
event
อยากท้อง พยายามมีลูก
อยากท้อง พยายามมีลูก

สำหรับบางคนการตั้งครรภ์มีลูกอาจดูเป็นเรื่องง่าย แต่อีกหลายๆคนหลายๆคู่ที่ พยายามมีลูก แต่อาจเป็นเรื่องยาก ซึ่งปัญหาการมีลูกยากมีอยู่หลายปัจจัยด้วยกัน อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือ สเปิร์ม ของฝ่ายชาย

ในกรณีที่มีภาวะมีบุตรยาก อาจต้องปรึกษาแพทย์ แต่ถ้าหากเป็นกรณีที่ยังรอการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติและคู่สมรสยังมีอายุไม่มาก ถ้าอยากมีลูกได้สมใจหวังว่าที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ก่อนว่าอะไรคือปัญหาหรืออุปสรรคที่ทำให้คุณมีลูกยาก หรือจะมีวิธีใดที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้บ้าง Amarin Baby & Kids มีคำแนะนำดีๆ มาฝากค่ะ

พยายามมีลูก
เจลหล่อลื่นทำร้ายสเปิร์ม

1. คุณรู้หรือไม่ว่าการใช้เจลหล่อลื่นทั่วๆ ไปช่วย เวลามีเพศสัมพันธ์นั้นทำลายโอกาสที่จะเกิดการตั้งครรภ์ หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน นั่นก็เพราะเจลหล่อลื่นทั่วๆ ไป อย่างเช่น KY เจลลี่ หรือวาสลีนนั้นทำลายสเปิร์ม ถ้าคุณกำลังใช้มันอยู่ก็เท่ากับว่าคุณกำลังทำลายโอกาสในการตั้งครรภ์ของตัวเองไปกว่า 50% ทีเดียว

  • ถ้าคุณจำเป็นต้องใช้เจลช่วยหล่อลื่น อย่าใช้เจลหล่อลื่นทั่วๆ ไป ขอให้ใช้เจลหล่อลื่น Pre-Seed ซึ่งเป็นเจลที่เป็นมิตรกับสเปิร์ม ไม่เป็นอันตราย แต่ช่วยให้การเคลื่อนไหวของสเปิร์มดีขึ้น หรืออีกทางเลือกหนึ่งก็คือ ใช้ไข่ขาวแทน ใช่แล้ว ไข่ไก่ธรรมดานี่เอง ตอกใส่ชามแล้วแยกเอาเฉพาะไข่ขาวออกมา ใช้แทนเจลหล่อลื่นได้เลย และเป็นมิตรกับสเปิร์มอีกด้วย

30-110428-sex_life_will_suffer_when_men_expect_perfection_from_women

2. คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า หากต้องการจะตั้งครรภ์ ในเดือนนั้นควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ตามปกติ เพื่อเก็บสเปิร์มไว้ให้มากๆ แล้วรอให้ถึงวันที่ไข่ตก จึงค่อยมีเพศสัมพันธ์ ความเข้าใจเช่นนี้เป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ เพราะถ้าคุณพยายามเก็บสเปิร์มไว้มากๆ เมื่อถึงเวลาตกไข่ที่คุณจำเป็นต้องใช้มัน สเปิร์มเหล่านั้นมีจำนวนมากก็จริง แต่ก็เป็นสเปิร์มที่อายุมากและหมดเรี่ยวแรงที่จะทำหน้าที่เจาะไข่เพื่อทำการปฏิสนธิเช่นกัน

  • การจะเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ให้มากที่สุดนั้น เป็นเรื่องสำคัญมากที่สเปิร์มจะต้องใหม่และแข็งแรงพอ ซึ่งก็หมายความว่าคุณผู้ชายจะต้องมีการปลดปล่อยสเปิร์มออกทุกๆ 5 วัน ตลอดทั้งเดือน ยกเว้นในช่วงเวลาตกไข่ ซึ่งคุณจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์กันวันเว้นวัน

vitc2

3. มีวิตามินและเกลือแร่หลายตัวที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ แต่มีอยู่ตัวหนึ่งซึ่งคุณจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง เพราะมันทำลายโอกาสในการตั้งครรภ์ของคุณเมื่อใช้ในปริมาณที่ไม่ถูกต้อง มันคือ วิตามิน C นั่นเอง การกินวิตามิน C ปริมาณเล็กน้อยเป็นเรื่องดี เพราะมันช่วยเพิ่มปริมาณหล่อลื่นในช่องคอลด ซึ่งหล่อลื่นนี้จำเป็นมากในการช่วยให้สเปิร์มเคลื่อนที่ไปผสมกับไข่ในรังไข่ ถ้าหล่อลื่นไม่ดี โอกาสที่สเปิร์มจะมีชีวิตรอดก็น้อยมาก

  • ประเด็นก็คือ หากคุณกินวิตามิน C ปริมาณมากเกินไป มันจะให้ผลในทางตรงกันข้าม กล่าวคือ มันจะทำให้หล่อลื่นของคุณแห้ง ซึ่งทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์ลดลง ดังนั้น คุณจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการกินวิตามิน C ปริมาณมากๆ หากไม่ต้องการลดโอกาสในการตั้งครรภ์ลง

qua-quat-16114-b20fb

4. ความเครียดมีผลทำให้โอกาสที่จะตั้งครรภ์ลดลง คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่า “ทำใจสบายๆ ไม่ต้องเครียด เดี๋ยวมันก็ท้องเองแหละ” พวกที่พูดแบบนั้นช่างไม่รู้เลยว่า คำพูดแบบนั้นมันยิ่งทำให้คนที่ พยายามมีลูก เครียดหนักกว่าเดิมอีก ก็ถ้ามันท้องได้ง่ายๆ แบบนั้น คนก็คงไม่เครียดกับเรื่องนี้กันทั่วบ้านทั่วเมืองหรอก

  • มีรายงานวิจัยมากขึ้นเรื่อยๆ ที่แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างความเครียดและอัตราการเกิดการตั้งครรภ์ งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่ากลุ่มผู้หญิงที่เข้าร่วมกลุ่ม “การบำบัดความเครียดด้วยเสียงหัวเราะ” มีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์สูงกว่ากลุ่มผู้หญิงที่ไม่ได้เข้าร่วม (อ่านต่อบทความ “เสียงหัวเราะ” ยาวิเศษ สำหรับคนมีบุตรยาก )
  • ข่าวดีก็คือ มันไม่ต้องใช้เวลามากมายเลย แค่วันละ 15 นาทีเท่านั้นเอง ดังนั้น แทนที่จะพยายามบังคับตัวเองให้ผ่อนคลายและไม่รู้สึกเครียดกับเรื่องนี้ ลองเปลี่ยนเป็นหาเรื่องให้ตัวเองหัวเราะได้ทุกๆ วันจะดีกว่า อาจจะอ่านหนังสือการ์ตูน หรือเช่าวิดีโอตลก หนังตลกมาดูเป็นประจำ แล้วมาดูกันค่ะว่าวิธีนี้จะช่วยได้หรือเปล่า

Kafija-2

5. คุณอาจจะเคยได้ยินเรื่องที่มีการถกเถียงกันว่า การดื่มกาแฟ (หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนผสมอยู่) เป็นสาเหตุที่ทำให้การตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้ช้าลง รายงานวิจัยที่มีการสำรวจกันมาให้ผลลัพธ์ที่ปนกัน บางรายงานก็สรุปว่ามีผล บางรายงานก็สรุปว่าไม่มีผล

  • งานวิจัยบางชิ้นถึงกับสรุปว่าแค่กาแฟวันละหนึ่งแก้ว ก็ทำให้อัตราการตั้งครรภ์ได้ภายในหนึ่งปีลดลงถึง 50% ถ้าวันละสามแก้วจะทำให้ลดลงถึง 175% ทีเดียว (อ่านต่อบทความใกล้เคียง  “ท้องแล้วดื่มกาแฟเหมือนเดิมได้หรือเปล่า?” / “วิจัยชี้ ดื่มกาแฟเกิน 2 แก้ว คนท้องเสี่ยงแท้งสูง!”)
  • แม้ว่าการวิจัยเรื่องนี้ยังไม่สามารถหาข้อสรุปที่ชัดเจนได้ Mark Leondires ผู้อำนวยการ สถาบัน Reproductive Medicine Associates of CT ก็ยังแนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนจะดีกว่า หากคุณกำลังพยายามที่จะตั้งครรภ์

>> และอีกหนึ่งคำแนะนำที่อยากฝากคือ สำหรับคุณผู้ชาย ไม่ควรให้ลูกอัณฑะใกล้ของร้อนหรือสารที่มีรังสี เช่น ไม่ควรวางคอมพิวเตอร์แล็บท็อปบนตัก ใส่โทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋ากางเกง ไม่ควรอาบน้ำอุ่นหรือแช่น้ำร้อนเวลามีเพศสัมพันธ์ ระวังการใช้เจลหล่อลื่นที่มีขายทั่วไปในท้องตลาด เพราะสามารถลดการเคลื่อนไหวของอสุจิลงร้อยละ 60-100 นอกจากนี้ ทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอกจากช่วยลดความเครียดแล้ว ยังเป็นการควบคุมน้ำหนัก มีสุขภาพแข็งแรง เรื่องการมีลูกก็จะไม่ยากเกินไปค่ะ

จากคำแนะนำและวิธีข้างต้น  สำหรับบางคู่พยายามมาครบทุกสูตรแล้วก็ยังไม่ท้อง มีเพศสัมพันธ์กันตามปกติไม่ได้ว่างเว้น แล้วก็ไม่ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีใด ๆ ด้วย หากเกิน 1 ปีไปแล้ว ก็ควรรีบไปปรึกษาคุณหมอได้ทันทีค่ะ

อ่านตอบทความน่าสนใจ


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.weneedbaby.com

ฮอร์โมนแห่งการเสียสละของแม่

ฮอร์โมนแห่งการเสียสละของแม่ พิสูจน์แล้วจากการวิจัย

Alternative Textaccount_circle
event
ฮอร์โมนแห่งการเสียสละของแม่
ฮอร์โมนแห่งการเสียสละของแม่

ภาควิชาสรีรวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการรักษาสมดุลแคลเซียมของร่างกาย ร่างกายของแม่มีการเตรียมพร้อม และทำหน้าที่เพื่อให้ลูกเจริญเติบโตตั้งแต่อยู่ในครรภ์ไปจนถึงหลังคลอด ทำให้บ่งบอกได้ว่า ฮอร์โมนแห่งการเสียสละของแม่ ยิ่งใหญ่เสมอ โดยเฉพาะช่วงก่อนคลอด

(more…)

keyboard_arrow_up