ฤกษ์คลอดลูกแฝดของชมพู่

ฤกษ์คลอดลูกแฝดของชมพู่ อารยา มาแล้ว!

มาแล้วจ้า…มาแล้ว! ฤกษ์คลอดลูกแฝดของชมพู่ อารยาและน๊อต! ตรงกับวันไหนไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ!

 

 

ภายหลังจากที่ ชมพู่และน๊อต ผ่านเรื่องราวร้าย ๆ เกี่ยวกับท้องแรกมาด้วยกันจนในที่สุดทั้งคู่ก็สมหวังอีกครั้ง! กับท้องครั้งใหม่ของชมพู่ ที่ครั้งนี้ไม่ธรรมดา เพราะเขามาเป็นแพคเกจ!

ล่าสุด! เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ซุปเปอร์สตาร์สาวชื่อดัง ชมพู่ ยอมเผยแล้วกับ “ฤกษ์คลอดลูกแฝด” ที่บอกเลยงานนี้บรรดาญาติสนิท มิตรสหายทั้งในและนอกวงการ รวมถึงแฟนคลับทั้งหลาย ต่างพากันเฮดัง

ฤกษ์คลอดลูกแฝดของชมพู่
เครดิต: Chompoo Araya A.hargate (@araya.vogue)

พร้อมกับตั้งหน้าตั้งตารอดูทายาทของทั้งคู่ ว่าจะน่ารักน่าชังขนาดไหน ซึ่งฤกษ์ดีที่ว่านี้ก็คือ วันพุธที่ 6 กันยายน ที่จะถึงนี้นี่เองค่ะ ใครเป็นแฟนคลับของ ชมพู่ ละก็อย่ารอช้า! รีบหยิบปฏิทินกันขึ้นมากาวันกันได้เลยค่ะ

อ่านฤกษ์คลอดลูกบอกนิสัยลูก คลิก!


ขอบคุณภาพถ่ายจาก (@araya.vogue) MThai Posttoday Teenee และ  เฟซบุ๊ก L’Officiel Thailand 

    นิสัยเสียของพ่อแม่

    ระวัง 10 นิสัยเสียของพ่อแม่ ทำให้ลูกเสียนิสัย !

    รู้หรือไม่ว่า นิสัยเสียของพ่อแม่ จะทำให้ลูกเสียนิสัยตาม เพราะด้วยตัวอย่างไม่ดีที่พ่อแม่ หรือผู้ใหญ่มักทำให้เด็กๆเห็นจนเคยชิน และคิดว่าไม่ใช่เรื่องผิดอะไร

    Continue reading “ระวัง 10 นิสัยเสียของพ่อแม่ ทำให้ลูกเสียนิสัย !”

      ฉีดมะเร็งปากมดลูก ฟรี

      พยาบาลวิ่งวุ่น! เด็กหญิง ป. 5 มีอาการช็อกหลังฉีดวัคซีน HPV แต่แท้จริงเป็นเพราะสิ่งนี้ (มีคลิป)

      สปสช. และกรมควบคุมโรค ได้จัดโครงการ ฉีดมะเร็งปากมดลูก ฟรี โดยเริ่มฉีดกลุ่มเป้าหมาย ที่เป็นเด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.5 ทั่วประเทศในเดือน ก.ค. 2560 เพื่อมุ่งลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งปากมดลูก

      Continue reading “พยาบาลวิ่งวุ่น! เด็กหญิง ป. 5 มีอาการช็อกหลังฉีดวัคซีน HPV แต่แท้จริงเป็นเพราะสิ่งนี้ (มีคลิป)”

        ไข้ลด ตัวเย็น

        อาการขั้นวิกฤต ไข้ลด ตัวเย็น เสี่ยงช็อกเสียชีวิต จากไข้เลือดออก!

        ไข้ลด ตัวเย็น  ถือเป็น 1 ในอาการขั้นวิกฤตที่คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยเฝ้าระวัง เมื่อลูกน้อยกำลังป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก ซึ่งอาจทำให้ลูกมีอาการช็อก มีภาวะการไหลเวียนล้มเหลวเกิดขึ้น เนื่องจากมีการรั่วของพลาสมาออกไปยังช่องปอด/ช่องท้องมาก ซึ่งหากปล่อยไว้จนเป็นขั้นรุนแรง ก็อาจทำให้ลูกเสียชีวิตได้ Continue reading “อาการขั้นวิกฤต ไข้ลด ตัวเย็น เสี่ยงช็อกเสียชีวิต จากไข้เลือดออก!”

          ลูกตาบอดสี

          เช็กก่อนสาย! ลูกตาบอดสี หรือไม่

          ลูกตาบอดสี รักษาได้ไหม อะไรคือสาเหตุของอาการ และจะรักษาได้หรือไม่ ไปหาคำตอบกันค่ะ

           

           

          “ตาบอดสี” หรือเรียกอีกอย่างว่า Color Blindness เป็นที่ตาของผู้ป่วยแปรผลหรือแปลภาพสีผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง เป็นอาการที่ไม่จำกัดว่าจะต้องเพศอะไร วัยไหน เพราะแม้แต่เด็กเล็ก ๆ ก็สามารถเป็นได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น คุณพ่อคุณแม่อาจจะเห็นว่าสีของต้นไม้นี้เป็นสีเขียว แต่ลูกกลับมองเป็นสีอื่น ก็เป็นได้ เรียกได้ว่าอาการดังกล่าวนั้นไม่ควรมองข้ามเลยละค่ะ เพราะมันสามารถกระทบถึงการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

          อะไรคือสาเหตุ?

          สาเหตุของตาบอดสีนั้น สามารถเป็นได้ตั้งแต่กำเนิด โดยถ่ายทอดผ่านทางกรรมพันธุ์ และจะพบมากในเพศชายประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ หากเปรียบเทียบกับเพศหญิงนั้น สามารถพบได้เพียง 0.4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หลัก ๆ แล้วสาเหตุของการที่ลูกตาบอดสีนั้นได้แก่

          • เป็นมาแต่กำเนิด มีเรื่องของกรรมพันธุ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ถ่ายทอดทางพันธุกรรมโดยโครโมโซม X ทำให้เพศชายถ้ามีหน่วยพันธุกรรม X ที่ทำให้เกิดตาบอดสี ก็จะแสดงอาการของตาบอดสีออกมา ในขณะที่เพศหญิงถ้าหน่วย X นี้ผิดปกติเพียงหนึ่งหน่วย ก็ยังสามารถมองเห็นได้ปกติเห็นปกติได้ ถ้าหน่วย X อีกตัวหนึ่งไม่ทำให้เกิดตาบอดสี
          • ความผิดปกติของเม็ดสีและเซลล์รับแสงสีเขียวหรือแดง ถูกควบคุมด้วยยีนบนโครโมโซม x และมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบ x-linked recessive จากแม่ไปสู่บุตรชาย เพราะเหตุนี้ตาบอดสีส่วนใหญ่มักจะเกิดกับเด็กผู้ชาย ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากมารดา ในเพศหญิงพบน้อยกว่าเพศชายประมาณ 16 เท่า หรือคือเป็นประมาณร้อยละ 0.4 ของประชากร ขณะที่ตาบอดสีทั้งหมด จะพบได้ประมาณร้อยละ 10 ของประชากร และเป็นการมองเห็นสีเขียวบกพร่องเสียประมาณร้อยละ 5 ของประชากร
          • กลุ่มที่มีความผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด ตาทั้ง 2 ข้างจะมีอาการมองเห็นสีผิดปกติเหมือนกัน คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง ผู้ที่สามารถเห็นสีได้ปกติ จะต้องมีเซลล์รับแสงสีที่จอประสาทตาครบทั้ง 3 สี คือ แดง เขียว และน้ำเงิน และมีปริมาณเม็ดสีในเซลล์ที่ปกติ รวมทั้งระบบประสาทตาและการแปลผลที่เป็นปกติด้วย
          • ส่วนความผิดปกติของเม็ดสี และเซลล์รับแสงสีน้ำเงินนั้น ถูกควบคุมด้วยยีนบนโครโมโซม 7 จึงมีการถ่ายทอดแบบ autosomal dominant ซึ่งจะพบผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้น้อย

          คลิกดูวิธีการตรวจสอบว่าลูกนั้นตาบอดสีหรือไม่


          เครดิต: baby.haijai.com

            ลูกฟังพ่อแม่

            แม่สุดเก่ง! ใช้ช็อกโกแลตเพียง 3 ชิ้น เปลี่ยนลูกชอบโกหก ให้เลิกโกหกได้ตลอดไป

            เมื่อลูกชอบโกหก พ่อแม่ นั่นก็ด้วยเหตุผลเดียวกันกับผู้ใหญ่ คือเพื่อหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่ไม่พึงปรารถนา ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่แสดงให้ลูกเห็นว่าคุณจะไม่โมโหจนฟิวส์ขาดเมื่อรับรู้ความจริง ลูกก็จะไม่พยายามโกหกคุณอีกในคราวต่อไป Continue reading “แม่สุดเก่ง! ใช้ช็อกโกแลตเพียง 3 ชิ้น เปลี่ยนลูกชอบโกหก ให้เลิกโกหกได้ตลอดไป”

              โรงแรมที่มีคิดส์คลับ

              แนะนำ 6 โรงแรมที่มี kids club สำหรับครอบครัวที่มีลูกน้อยโดยเฉพาะ!

              สำหรับบ้านไหนที่ในวันหยุดยาวมักจะชอบพาครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือการมองหาที่พัก หรือ โรงแรมที่มีคิดส์คลับ เพื่อไว้สำหรับรองรับลูกน้อยและทำกิจกรรมกับครอบครัวกัน ในระหว่างพักผ่อนนอนหลับค้างแรมอยู่ที่นั้นด้วยแน่นอน!!

              Continue reading “แนะนำ 6 โรงแรมที่มี kids club สำหรับครอบครัวที่มีลูกน้อยโดยเฉพาะ!”

                เต้าหู้ไข่ออแกนิกส์

                วิธีทำ “เต้าหู้ไข่ออแกนิกส์” ไร้สารกันบูดแน่นอน!

                ถึงเวลาชวนลูกเข้าครัว ทำ “เต้าหู้ไข่ออแกนิกส์” แบบไม่มีสารกันบูดกันเถอะ

                 

                 

                หากพูดถึงเมนูที่ทำมาจากเต้าหู้ คุณพ่อคุณแม่จะนึกถึงเมนูอะไรกันบ้างคะ … แน่นอนค่ะว่า หนึ่งในนั้นจะต้องมี แกงจืดเต้าหู้หมูสับหรือเต้าหู้ทรงเครื่อง เป็นแน่ แต่เอ … และเราจะมั่นใจกันได้อย่างไรว่า เต้าหู้ที่เราซื้อมานั้น สด ใหม่และไร้สารกันบูดจริง ๆ ซึ่งก่อนที่เราจะไปดูวิธีการทำเต้าหู้ไข่ออแกนิกส์นั้น เรามาทำความรู้จักกับประวัติและชนิดของเต้าหู้กันก่อนดีกว่าค่ะ

                ความเป็นมาของเต้าหู้

                หลายคนคงจะเดาได้ว่า ต้นกำเนิดของเต้าหู้นั้นน่าจะเกิดมาจากประเทศอะไร … ถูกต้องแล้วละค่ะ เต้าหู้ก้อนแรกนั้นเกิดขึ้นในประเทศจีน โดยเล่า ๆ ต่อกันมาว่า เจ้าชายหลิวอัน (พระนัดดาของจักรพรรดิหลิวปัง กษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์ฮั่น) สั่งให้พ่อครัวบดถั่วเหลืองให้เป็นผงแล้วนำไปต้มนำซุป พร้อมกับเติมเกลือปรุงรสลงไป เมื่อทำเสร็จแล้วก็นำไปถวายมารดาซึ่งกำลังประชวรอยู่และไม่มีแรงแม้แต่จะเคี้ยวอาหารได้

                เมื่อน้ำซุปถั่วเหลืองค่อย ๆ จับตัวข้นเป็นก้อนสีขาวนุ่ม พอมารดาได้รับประทานก็ถึงกับรับสั่งว่า “อร่อย” เจ้าชายจึงให้เหล่าพ่อครัวทั้งหลายช่วยกันหาถึงสาเหตุจนพบว่า เกลือบางชนิดมีผลทำให้ผงถั่วเหลืองผสมน้ำเกิดการเกาะตัวขึ้นเป็นเต้าหู้นั่นเอง

                เต้าหู้มีกี่ชนิด คลิกเลย!


                เครดิต: Wikipedia

                  อาหาร คนเป็นหวัด ห้ามกิน

                  อาหาร คนเป็นหวัด ห้ามกิน

                  อาหาร คนเป็นหวัด ห้ามกิน ที่เรามักจะได้ยินกันอยู่บ่อยๆ ก็คงหนีไม่พ้นอาหารที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลาย เพราะถ้าทานเข้าไป  แล้วยิ่งไปลดอุณหภูมิภายในร่างกายลงทำให้ป่วยไข้เพิ่มเข้าไปอีก ทีมงาน Amarin Baby & Kid มี 5 อาหารที่ไม่ควรกินทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เมื่อเป็นไข้ เป็นหวัด มาบอกต่อให้ได้ทราบกันค่ะ

                   

                  อาหาร คนเป็นหวัด ห้ามกิน    

                  อยากรู้กันไหมคะว่า  อาหาร คนเป็นหวัด ห้ามกิน นั้นมีอะไรกันบ้าง …ผู้เขียนก็เป็นคนนึงที่เวลาป่วยไข้ไม่สบาย มักจะถูก แม่กับยาย ห้ามไม่ให้กินนั่น กินนี่ เพราะเดี๋ยวจะทำให้แสลง ตอนนั้นเด็กๆ ก็งงว่าอะไรคือ “แสลง? กินแล้วแสลงเป็นยังไง?” จนโตมาพอรู้ความมากขึ้น เวลาไม่สบายแล้วถูกห้ามกินอาหารบางอย่าง ทั้งๆ ที่เราชอบ เพราะเหตุผลเดียวของแม่ คือ เดี๋ยวมันจะทำให้แสลงนะ! ด้วยความอยากรู้ปนหงุดหงิดใจนิดๆ จึงถามแม่จนได้ความว่า

                   

                  บทความแนะนำ คลิก>> อาหารต้องห้ามสำหรับแม่ลูกอ่อน

                   

                  อาการแสลง ก็คือการที่เราทานอาหารที่ไม่เหมาะกับสภาพร่างกาย ณ ขณะนั้น เช่น ถ้าเป็นไข้สูง ตัวร้อน แล้วไปกินน้ำเย็น น้ำแข็ง หรือผลไม้ฤทธิ์เย็นอย่างแตงโม ก็จะยิ่งไปซ้ำเติมอาการป่วยไข้ให้เป็นหนักมากขึ้น หรืออย่างเวลามีแผลในปากเป็น  ร้อนใน ก็จะห้ามไม่ให้กินของร้อน เป็นต้น

                  ผู้เขียนขออนุญาตอ้างอิงข้อมูลในส่วนนี้เพิ่มเติมให้จาก นพ.วิทวัส (ภาสกิจ) วัณนาวิบูล ที่ได้อธิบายเกี่ยวกับอาหารแสลง ต้องห้าม ไว้ดังนี้…

                  “อาหารแสลงหรืออาการต้องห้าม ในความหมายที่กว้าง หมายถึง

                  – การกินอาหารที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไป ก็เกิดโทษ

                  – การกินอาหารชนิดเดียวกัน ซ้ำซาก ก็เกิดโทษ

                  – การกินอาหารที่ไม่สอดคล้องกับภาวะร่างกายในยามปกติ (ลักษณะธาตุของแต่ละบุคคล)

                  – การกินอาหารที่ไม่สอดคล้องกับภาวะเจ็บไข้ได้ป่วย หรือในขณะที่เป็นโรค

                  – การกินอาหารที่ไม่สอดคล้องกับยาสมุนไพรที่ใช้รักษาในขณะเป็นโรค”[1]

                  พอจะเข้าใจกันบ้างแล้วนะคะว่าการกินอาหารขณะป่วยไข้ มีผลต่ออาการแสลงได้อย่างไร คือถ้าเอาตามความจริงแล้วก็ถือเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งของผู้ใหญ่ ที่ให้ระมัดรังและเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายขณะป่วย เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวและแข็งแรงหายป่วยได้เร็วนั่นเองค่ะ

                  อ่านต่อ อาหารที่ไม่ควรกินเมื่อเป็นหวัด หน้า 2

                   

                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                    ผิวแตกลาย

                    ผิวแตกลาย บอกลาขาดด้วย 5 วิธีเด็ด!

                    ผิวแตกลาย เป็นหนึ่งในปัญหาด้านความงามของผู้หญิงทุกคน โดยเฉพาะยิ่งถ้ากำลังตั้งท้องอยู่ด้วยส่วนใหญ่ก็จะมีปัญหาการเกิดผิวแห้งแตกลายเกือบจะทุกคนเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าทำให้ทั้งคุณแม่ และสาวๆ หมดความมั่นใจกันเลยล่ะค่ะ เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งกลุ้มใจกันไปค่ะ เพราะทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำแนะนำในการป้องกันดูแลปัญหาผิวแตกลายมาฝากค่ะ

                     

                    ผิวแตกลาย ทำไมถึงเกิดขึ้น?

                    นั่นซิอทำไมนะ ผิวแตกลาย จะต้องเกิดขึ้นกับผู้หญิงเราด้วยนะ!! คือจะว่าไปแล้วผู้เขียนเองก็มีปัญหาเรื่องผิวแห้งแตกลายเช่นกันค่ะ เริ่มจากน้ำหนักที่เพิ่มจนมานั่งคิดว่าไม่ได้ละต้องลดน้ำหนัก ทีนี้ผลจากการลดน้ำหนักที่ไม่ได้ทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเพื่อกระชับกล้ามเนื้อ ก็เลยเห็นว่าตัวเองผอมลง น้ำหนักลด แต่ผิวไม่สดใสแถมยังมีรอยแตกเป็นเส้นจางๆ อยู่ตรงบริเวณสะโพก ข้อพับหัวเข่า คือต้องบอกอย่างนี้ค่ะส่วนตัวผู้เขียนลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียว ลดการทานข้าวแป้ง ลดน้ำหวาน น้ำอัดลม ของมันๆ เค็มๆ ลดหมดเลย ผลลัพธ์ที่ได้ น้ำหนักลงค่ะ แต่ไม่กระชับ เรื่องนี้ไว้ที่หลังเพราะสามารถไปออกกำลังกายกระชับเฉพาะส่วนได้ แต่เจ้าผิวที่แตกลายนี่ซิปัญหาหนักใจ

                     

                    บทความแนะนำ คลิก>> กินน้ำถูกวิธี ลดความอ้วน ช่วยให้สุขภาพดี

                     

                    จนไปหาอ่านหลายตำราข้อมูลมากว่าผิวที่แตกเนี่ย เกิดจากการขาดความชุ่มชื่น เหมือนผิวขาดคอลาเจนนั่นแหละค่ะ ก็เลยจัดการตัวเองอย่างแรกเลยคือคืนวิตามินให้ผิวด้วยการบำรุงจากภายในก่อน ด้วยการทานอาหารที่มีวิตามิน แร่ธาตุมาก ก็จะเน้นเป็น น้ำผักผลไม้ปั่น หรือคั้นสด ควบคู่ไปกับการทนครีมบำรุง อันนี้เคล็ดลับที่ทำแล้วได้ผลคือ หาเป็นจำพวกออยล์มาบำรุงผิว ที่ใช้อยู่ก็จะเป็นน้ำมันอาร์แกนออยล์ที่มีวิตามินอีธรรมชาติสูง หลังอาบน้ำเสร็จซับผิวพอหมาดๆ ก็ฉโลมออยล์ลงบนผิว โดยเน้นนวดเบาๆ ลงบนผิวที่แตกลาย ทำอย่างนี้มาได้ประมาณเดือนกว่าๆ ผิวที่แห้งแตกลายเป็นเส้นดูจางลงมาก จนตอนนี้ก็ยังบำรุงผิวด้วยวิธีนี้อยู่ ผิวนุ่มและรอยแตกบนผิวนี่แทบจะมองไม่เห็นเลยค่ะ

                    อ่านต่อ 5 วิธีบอกลาผิวแตกลาย หน้า 2

                     

                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                      ตารางน้ำหนักทารกในครรภ์

                      ตารางน้ำหนักทารกในครรภ์ กับวิธีการตรวจดูขนาดของลูกในท้องว่าตัวเล็กหรือใหญ่!

                      เชื่อว่ามีคุณแม่ท้องหลายคนสงสัยว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกในท้องของเราหนักเท่าไหร่ ตัวใหญ่ หรือตัวเล็ก ซึ่งหนึ่งในวิธีการที่จะเช็กน้ำหนักตัวของลูกน้อยได้คือดูจาก ตารางน้ำหนักทารกในครรภ์ อีกทั้งยังมีวิธีการตรวจแบบต่างๆ มากมายจากคุณหมอ

                      ตารางน้ำหนักทารกในครรภ์ สำหรับเช็กขนาดของลูกน้อย

                      สำหรับเรื่องการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ หากคุณแม่ท้องสงสัยว่าลูกของเราจะแข็งแรงสมบูรณ์ และตัวเล็กหรือตัวใหญ่ มีน้ำหนักเท่าไหร่นั้น คุณหมอจะสามารถตรวจสุขภาพของทารกในครรภ์ได้หลายวิธี ได้แก่

                      1. การวัดความสูงของยอดมดลูก

                      เมื่อคุณแม่มาฝากครรภ์ทุกครั้ง คุณหมอจะทำการตรวจการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ทางอ้อม เพราะถ้าทารกในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรงจะมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดมดลูกสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงระยะตั้งครรภ์ ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 18 ถึงสัปดาห์ที่ 34

                      2. การตรวจการดิ้นของทารกในครรภ์

                      ซึ่งคุณแม่รับรู้การดิ้นได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 16-20 สัปดาห์ขึ้นไป การที่เด็กดิ้นน้อยลงมักพบร่วมกับภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรัง และอยู่ในภาวะอันตราย ทารกจะดิ้นน้อยลงหรือหยุดดิ้นประมาณ 12-48 ชั่วโมง ก่อนตาย การที่ลูกดิ้นน้อยลงจึงเป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพบแพทย์ โดยเฉพาะเมื่อตั้งครรภ์ตั้งแต่ 32 สัปดาห์ ขึ้นไป

                      3. การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง หรืออัลตร้าซาวด์

                      เป็นการตรวจโครงสร้างและอวัยวะต่างๆ ของทารกในครรภ์ ว่าเจริญเติบโตปกติหรือไม่ และใช้ค้นหาความพิการแต่กำเนิด นอกจากนี้ยังสามารถตรวจเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ของทารก ปริมาณน้ำคร่ำ ลักษณะของรกและตำแหน่งที่รกเกาะและสายสะดือ

                      ทารกในครรภ์ เติบโตช้า ภาวะน่าเป็นห่วง

                      การตรวจสามารถทำได้ 2 ทาง คือ การตรวจผ่านทางช่องคลอด และการตรวจผ่านหน้าท้องมารดา เครื่องตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงในปัจจุบันมีการพัฒนาไปมาก มีทั้งแบบ 2 มิติ 3 มิติ และ 4 มิติ ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถเห็นและตรวจทารกในครรภ์ได้ชัดเจนขึ้น

                      4. การนำเซลล์ของทารกในครรภ์

                      เพื่อนำมาตรวจหาโครโมโซม หรือดีเอ็นเอ ในรายที่สงสัยว่ามีโรคทางพันธุกรรมชนิดต่างๆ เช่น กลุ่มอาการดาวน์และโรคธาลัสซีเมีย เป็นต้น วิธีการในการนำเซลล์ทารกในครรภ์มาตรวจ ได้แก่ การเจาะดูดน้ำคร่ำ การตัดเนื้อรก และการเจาะดูดเลือดทารกโดยตรง

                      5. การตรวจอัตราการเต้นของหัวใจทารก

                      โดยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ โดยอาศัยหลักการว่า ถ้าทารกในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรงไม่ขาดออกซิเจน เมื่ออายุครรภ์ตั้งแต่ 28 สัปดาห์ ขึ้นไป เมื่อทารกดิ้นจะส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจทารกเร็วขึ้น

                      คลิกหน้า 2 “เพื่อเช็กดูน้ำหนักของลูกน้อย จากตารางการเปรียบเทียบน้ำหนักและส่วนสูงของทารกในครรภ์”


                      ขอบคุณข้อมูลจาก : www.rcpsycht.org

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                       

                        ควันบุหรี่

                        ควันบุหรี่ ภัยร้ายทำให้เด็กสองคนต้องอยู่ ICU

                         

                         

                        ประสบการณ์ตรงของคนทางบ้านที่อยากฝากให้กับทุกบ้านที่มีคนสูบบุหรี่ อย่าคิดว่า! คนไม่สูบบุหรี่จะไม่ได้รับอันตราย เพราะแค่ “ควัน” เพียงเล็กน้อยแต่ต้องสูดดมทุกวันก็สามารถส่งผลเสียกับชีวิตของคนอื่นได้แล้ว เช่นเดียวกับเด็กทั้งสองคนนี้ ไปอ่านเรื่องราวที่นี้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ

                        หนึ่งในสมาชิกของเฟซบุ๊กได้เล่าให้กับทีมงานของ Amarin Baby & Kids ว่า เรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับเด็กผู้ชายสองคนที่มีอายุไม่ถึงหนึ่งปี คนแรกคือน้องมิว วัย 8 เดือน เป็นลูกคนโทนของเพื่อนสนิท ส่วนเด็กคนที่สองเป็นหนึ่งในคู่แฝดที่มีวัยเพียง 3 – 4 เดือน แต่ก่อนที่จะเล่าต่อนั้น ต้องอธิบายก่อนว่า ฝาแฝดทั้งสองคนนี้ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาด้วยกัน โดยคุณแม่ของคู่แฝดนั้นเลี้ยงดูแฝดผู้พี่เอง ส่วนแฝดผู้น้องนั้นถูกนำมาเลี้ยงอยู่บ้านเดียวกันกับน้องมิวค่ะ

                        บ้านที่เลี้ยงน้องมิวและแฝดผู้น้องอยู่นั้นเป็นบ้านสวน คนที่บ้านส่วนใหญ่จะสูบบุหรี่ ต่างก็คิดว่าไม่เป็นไร เพราะสูบบุหรี่ไปด้วยเลี้ยงไปด้วย และเวลาที่สูบบุหรี่ก็จะเปิดพัดลมเป่าให้ควันบุหรี่นั้นไปทางอื่น อีกทั้งบริเวณที่เลี้ยงนั้นก็มีอากาศถ่ายเทสะดวก

                         

                        ตลอดระยะเวลาที่เลี้ยงมานั้น น้องมิว มีปัญหาเรื่องของระบบการหายใจ เดี๋ยวเป็นหวัดเดี๋ยวไอเป็นอยู่อย่างนี้ จนกระทั่งหลัง ๆ เริ่มหนักขึ้นจนถึงขนาดต้องพ่นยา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มมีไข้ขึ้น ๆ ลง ๆ แต่ไข้ที่ว่านี้ก็อยู่ในเกณฑ์สูงถึง 39 องศา ไม่นานผู้โพสต์ได้เล่าต่อไปว่า เพื่อนที่เป็นแม่ของน้องมิวนั้นไลน์มาบอกว่า คุณหมอให้น้องมิวแอด เพราะหลอดลมอักเสบ ผลที่ตามมาคือตอนนี้ น้องเลือดติดเชื้อ ไข้ไม่ลด ยังอยู่ในเกณฑ์สูงประมาณ 39.1 อยู่จนล่าสุด แม่ของน้องโทรมาบอกว่า น้องได้ย้ายเข้าห้อง ICU แล้วส่วนฝาแฝดผู้น้องได้เข้า ICU ไปก่อนหน้าหลายอาทิตย์แล้วเพราะปอดฟีบ

                        ผู้โพสต์ได้กล่าวต่อไปอีกว่า ทางคนเลี้ยงบอกว่าไม่เกี่ยวกับบุหรี่ แต่เป็นเพราะอากาศแปรปรวน จึงอยากขอถามว่าเด็กสองคนนี้เป็นขนาดนี้ ยังจะโทษอากาศอยู่หรือไม่ แล้วทำไมแฝดคนพี่ถึงไม่เป็นอะไรเลย จึงอยากโพสต์เรื่องนี้ไว้เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจกับครอบครัวไหนที่มีคนสูบบุหรี่นั่นเอง

                        อาการล่าสุดตอนนี้จากที่ได้ทำการสอบถามไปทางเจ้าของโพสต์นั้น น้องเริ่มอาการดีขึ้นแล้ว และทุกคนในครอบครัวที่อยู่กับน้องนั้น มีการปรับพฤติกรรมเกี่ยวกับเรื่องของบุหรี่กันเป็นอย่างดี เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำสองขึ้น อย่างไรทีมงาน Amarin Baby & Kids ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคในครอบครัวรวมถึงน้องทั้งสองคนด้วยนะคะ

                        ควันบุหรี่อันตรายอย่างไรกับผู้สูบและคนใกล้ชิด คลิก!


                        เครดิต: เพจคนท้องคุยกัน

                          เต้าหู้ไข่

                          เต้าหู้ไข่ ประโยชน์ดี๊ดีช่วยเสริมความทรงจำลูก

                           

                          เสริมความจำลูกให้ดีขึ้นได้ด้วย เมนู ” เต้าหู้ไข่ ” ทำง่ายแสนอร่อย!

                           

                           

                          เต้าหู้ไข่ หนึ่งในเมนูทานง่าย หอม นุ่ม ละมุนลิ้น ที่นอกจากจะอร่อยแล้วยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย เด็ก ๆ ทานได้ผู้ใหญ่ทานดี ว่าแต่คุณพ่อคุณแม่อาจจะกำลังเกิดความรู้สึกสงสัยว่า แค่หลอดเล็ก ๆ เนี่ยนะ จะมีประโยชน์อะไรได้มากมายขนาดนั้น หากพร้อมแล้วเราไปดูประโยชน์ของมันพร้อมกับเมนูทำง่ายที่ทีมงาน Amarin Baby & Kids ได้เอามาฝากกันเลยค่ะ

                          คุณประโยชน์ของ เต้าหู้ไข่

                          อุดมไปด้วยโปรตีนที่มีมากกว่าเนื้อสัตว์บางชนิดถึง 2 เท่า โดยเฉพาะโปรตีนเลซิธิน มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายและมีสารอาหารหลายชนิดทั้งไขมันซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นไขมันอิ่มตัว มีวิตามินเอ บี1 บี2 ดี ธาตุเหล็ก แคลเชียม โอเมก้า 3 โอเมก้า 6 โฟลิก และโคลีน โดยคุณประโยชน์ที่ได้รับนั้นก็ได้แก่

                          • ช่วยให้ระบบการทำงานของประสาทและสมองทำงานได้ดีขึ้น ทำให้มีความจำที่ดี
                          • ช่วยลดความเครียด อาการเหนื่อยล้า บำรุงสายตา และช่วยเรื่องโรคตาฟาง
                          • เพราะมีสารอาหารใกล้เคียงกับปลาทะลทำให้สามารถมีส่วนในการช่วยการทำงานของสมองและเนื้อเยื่อตาได้
                          • ป้องกันโรคเลือดจาก ลดอัตราเสี่ยงของหัวใจขาดเลือด
                          • ป้องกันไม่ให้ทารกในครรภ์มีความพิการแต่กำเนิด

                          นอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ลูก ๆ มีความทรงจำที่ดี เหมาะเป็นอย่างมากเลยละค่ะ กับเด็ก ๆ ที่อยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโตอีกด้วยเช่นกัน

                          คลิกดู! เมนูสุดอร่อยทำง่ายด้วยเต้าหู้ไข่


                          เครดิต: นานาสาระเพื่อสุขภาพที่ดี และ C.P. Group

                            การนอนของลูก แรกเกิด ถึง 6 ปี

                            การนอนของลูก แรกเกิด ถึง 6 ปี แค่ไหนถึงจะพอ?

                            การนอนของลูก แรกเกิด ถึง 6 ปี จริงๆ แล้วพ่อแม่ควรให้ลูกนอนนานแค่วันละกี่ชั่วโมงในแต่ละวันของช่วงวัยลูก เป็นเรื่อง ที่มีหลายๆ ครอบครัวถามกันเข้ามากค่ะ เพราะส่วนหนึ่งกังวลว่าลูกจะน้อยไป หรือนอนมากไป เรื่องนี้ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำตอบมาให้เพื่อไขข้อข้องใจกันให้ค่ะ

                             

                            การนอนของลูก แรกเกิด ถึง 6 ปี

                            ถ้าจะว่าด้วยเรื่อง การนอนของลูก แรกเกิด ถึง 6 ปี เป็นอีกหนึ่งความสนใจของพ่อแม่ในหลายๆ ครอบครัวที่ให้ความสำคัญกันมาก นั่นเพราะการนอนอย่างมีประสิทธิภาพของลูก สามารถส่งผลโดยตรงต่อพัฒนาการการเจริญเติบโตของลูกได้อย่างมาก รวมถึงพัฒนาการด้านต่างๆ ของลูกด้วย

                            การนอนที่ได้คุณภาพเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิตที่จะส่งผลต่อเนื่องเรื่อยไปในทุกช่วงวัยของลูก ซึ่งแนะนำว่าพ่อแม่ควรปูพื้นฐานกันมาตั้งแต่แรกเกิด ถึง 6 ปี เพราะเป็นช่วงที่พัฒนาการการเจริญเติบโตทำงานได้อย่างเต็มที่ และการนอนที่มีประสิทธิภาพยังช่วยให้โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ฮอร์โมนแห่งการเจริญเติบโตหลั่งได้ดี  สำหรับโกรทฮอร์โมนเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายผลิตขึ้นได้เอง โดยหลั่งมาจากต่อมไร้ท่อที่สร้างจากต่อมพิทูอิทารีภายใต้สมอง ช่วยเรื่องการเจริญเติบโตของร่างกาย กระตุ้นให้เกิดการสร้าง และซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ โกรทฮอร์โมนจึงสำคัญมากสำหรับเด็กที่จะทำให้สูงสมวัย และไม่แคระแกร็น ทั้งยังเสริมสร้างภูมิต้านทานไม่ให้เจ็บป่วยง่าย ช่วยเรื่องความจำ และพัฒนาการด้านสมอง ซึ่งจะสังเกตได้ว่า หากเด็กคนไหนนอนหลับแต่หัวค่ำและเพียงพอที่ร่างกายต้องการ เด็กจะตื่นมาด้วยอารมณ์แจ่มใส ร่าเริง มีความกระตือรือร้น มีสมาธิในการเรียนรู้สิ่งใหม่ และมีการจดจำที่ดีอีกด้วยค่ะ

                             

                            บทความแนะนำ คลิก>> ปัญหาการนอนหลับในเด็ก และการแก้ไข

                            ในเบื้องต้นพอทราบกันแล้วนะคะว่าการนอนที่ได้ประสิทธิภาพจะช่วยให้ร่างกายลูกหลังฮอร์โมนการเจริญเติบโตได้ดีมากขึ้น ทีนี้มาถึงคำถามที่ว่าแล้วลูกในแต่ละช่วงวัยควรนอนแค่ไหนถึงจะพอละ? เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ผู้เขียนมีคำตอบมาให้ได้ติดตามกันต่อดังนี้ค่ะ…

                            อ่านต่อ ต้องนอนแค่ไหนต่อวันกับลูกวัย 0-6 ปี หน้า 2

                             

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                              อาการไอในเด็ก

                              อาการไอในเด็ก บอกโรคได้หรือไม่?

                              อาการไอในเด็ก เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากการเป็นหวัด มีเสมหะก็ก่อให้เกิดการไอขึ้นมาได้ เป็นต้น แต่ไม่ว่าอาการ ไอที่เกิดขึ้นนั้นจะมาด้วยสาเหตุใดก็ตาม สิ่งสำคัญอย่างแรกคือการบรรเทารักษาการไอที่เกิดให้หายขาด นั่นจะเป็นผลดีต่อสุขภาพของลูก ทีมงาน Amarin Baby & Kids ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับอาการไอที่เกิดขึ้นในเด็ก มาให้ทราบกันค่ะ

                               

                              อาการไอในเด็ก เกิดขึ้นได้อย่างไร?

                              มีหลายๆ ครอบครัวที่ถามกันเข้ามาว่า อาการไอในเด็ก เป็นเพราะสาเหตุใด เนื่องจากบางครั้งไม่ได้เป็นหวัด มีเสมหะ ก็ สังเกตเห็นว่าลูกมีอาการระคายเคืองคอจนไอออกมา …สำหรับอาการไอ ตามทางการแพทย์ได้อธิบายว่า เป็นกลไกของ ร่างกายในการกำจัดสิ่งที่ทำให้เกิดการระคายเคืองขึ้นภายในลำคอ หรือมีสิ่งแปลกปลอมในระบบทางเดินหายใจของร่างกาย

                              บทความแนะนำ คลิก>> สุดยอด! วิธีสยบอาการไอของลูกน้อยให้อยู่หมัด

                               

                              ผศ.นพ.จักรพันธ์ สุศิวะ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์[1] ได้อธิบายถึงอาการไอที่เกิดขึ้นในเด็ก ได้ดังนี้…

                              อาการไอส่วนใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ที่มักพบบ่อย คือ โรคหวัด ทำให้เด็กมีไข้ น้ำมูกไหล ซึ่ง อาการคันคอ ระคายคอ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กไอ อาการไอที่ว่านี้แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ

                              1.ไอแห้ง

                              2.ไอแบบมีอะไรมาระคายคอ

                              3.ไอแบบมีเสมหะ ซึ่งอาจเกิดจากเด็กมีน้ำมูกแล้วสูดเอาน้ำมูกไหลลงคอจนเกิดอาการไอ

                              นอกจากนี้คุณหมอยังให้จุดสังเกตเกี่ยวกับการไอในเด็กเพิ่มเติมคือ เมื่อเด็กมีการไอและมีไข้ร่วมด้วย สาเหตุมักเกิดจากการอักเสบติดเชื้อไวรัส  แต่ถ้าสังเกตดูแล้วว่าลูกมีการไอตลอดในแต่ละช่วงวัยแล้วก็ไม่มีอาการของไข้ร่วมด้วยเลย ถ้าเกิดขึ้นกับ

                              • ลูกวัยทารกอาจเป็นไปได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ อาจจะมาจากความพิการแต่กำเนิดก็ได้เช่นกัน
                              • เด็กเล็ก ควรคิดถึงสาเหตุจากการติดเชื้อ เช่น เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เป็นโรคปอดบวม รวมทั้งเชื้อวัณโรค เชื้อโรคไอกรน หากไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ อาจเกิดจากการสำลักสิ่งแปลกปลอมลงไปในหลอดลม หรือจากโรคหอบหืด
                              • เด็กโต วัยรุ่น นอกจากเกิดจากการติดเชื้อแล้ว ก็อาจจะแพ้ควันจากการสูบบุหรี่ ฝุ่นละอองที่กระตุ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ที่จมูกหรือหลอดลม[1]

                              อ่านต่อ 5 วิธีรับมือเมื่อลูกมีอาการไอ หน้า 2

                               

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                เครื่องปั๊มนม

                                เลือก เครื่องปั๊มนม อย่างไรให้ถูกใจแม่มือใหม่

                                เครื่องปั๊มนม เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สำคัญของคนที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อย่างเวลาที่นมคัดมากแล้วลูกดูดนมไม่ทันก็สามารถ ปั๊มเพื่อเก็บทำสต็อกน้ำนมแม่ ช่วยให้ลูกได้ทานนมแม่นานมากกว่า 6 เดือน เพราะนมแม่ดีที่สุด จึงอยากสนับสนุนให้คุณแม่ทุกคนเลี้ยงลูกด้วยนมแม่กันมากๆ ค่ะ

                                และสำหรับคุณแม่มือใหม่ที่ตั้งใจว่าจะให้ลูกทานนมแม่ แล้วก็กำลังมองหาเครื่องปั๊มนมอยู่ ทีมงานมีข้อมูลที่น่าสนใจทั้ง เรื่องของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และผู้ช่วยสำคัญอย่างเครื่องปั๊มนมไฟฟ้ามาให้ทราบกันค่ะ

                                 

                                การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ดีต่อลูกน้อยอย่างไร?

                                เนื่องด้วยเดือนสิงหาคมเป็นเดือนพิเศษของแม่ ที่มีวันสำคัญอย่าง วันแม่แห่งชาติ และสัปดาห์นมแม่โลก ที่หลายองค์กรทั้ง ในประเทศไทย และต่างชาติก็รณรงค์ให้ผู้หญิงที่กำลังจะเป็นแม่ได้ตระหนัก และเข้าใจถึงคุณค่าของการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่

                                โดยเฉพาะทางองค์กรพันธมิตรนมแม่โลก” (World Alliance for Breastfeeding Action หรือ WABA) ได้กำหนดให้ทุกวันที่  1-7 สิงหาคมของทุกปี เป็น “สัปดาห์นมแม่โลก” มีการให้ความรู้ ความเข้าใจว่านมแม่ดีที่สุดกับลูกตั้งแต่แรกเกิด กระตุ้นให้ แม่ทุกคนได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเด็กตั้งแต่แรกเกิดการทานนมแม่ถือเป็นอาหารที่วิเศษที่สุด กับสุขภาพ และพัฒนาการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกาย และพัฒนาการสมอง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ดีหากคุณแม่ได้ให้ลูกทาน นมแม่ได้มากกว่า 6 เดือนขึ้นไป นั่นเพราะในน้ำนมแม่เต็มไปด้วยสารอาหารที่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น โปรตีนที่ย่อยง่าย  ไขมัน น้ำตาลแลคโตส ดีเอชเอ ลูทีน รวมทั้งวิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ที่มีในนมแม่ และสำคัญต่อการเจริญเติบโต ได้แก่ วิตามิน A, B1, B2, B6, B12, C, D, E, K และแร่ธาตุต่างๆ ได้แก่ เหล็ก แคลเซียม ไอโอดีน เป็นต้น และยังมีสารภูมิต้านทาน โรคที่จำเป็นกับร่างกายลูก ช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ ได้อีกด้วย เห็นไหมว่าน้ำนมแม่ดีที่สุดกับลูก น้อยจริงๆ ค่ะ

                                สำหรับคุณแม่ที่ตั้งใจจะให้ลูกทานนมแม่ให้นานที่สุดมากกว่า 6 เดือน แนะนำว่าควรทำสต็อกน้ำนมแม่กันค่ะ ซึ่งผู้ช่วยที่ขาดไม่ได้ก็คือการใช้เครื่องปั๊มนมแม่ ไปดูกันซิว่าทำไมต้องปั๊มนมแม่ด้วยเครื่องปั๊มนมไฟฟ้า

                                 

                                เครื่องปั๊มนม เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดกับคุณแม่อย่างไร?

                                การเก็บน้ำนมแม่ให้ได้คุณภาพจำเป็นต้องใช้ เครื่องปั๊มนม มาช่วยค่ะ สำหรับการปั๊มนมคุณแม่สามารถทำได้อยู่ 2 วิธีดังนี้ค่ะ

                                1. การเก็บน้ำนมแม่ ด้วยการใช้มือบีบจากเต้าโดยตรง
                                2. การเก็บน้ำนมแม่ ด้วยการใช้เครื่องปั๊มนม ที่มีทั้งแบบไฟฟ้าอัตโนมัติ กับแบบมือบีบ(ก้านโยก)

                                ซึ่งการปั๊มนมด้วยมือคุณแม่ต้องใช้แรงมากในการคลึงบีบเอาน้ำนมออกมา แต่ปัจจุบันเครื่องปั๊มนมอัตโนมัติเป็นตัวเลือกที่ดีมากกว่า ด้วยราคาที่ถูกลงมากและคุณภาพที่พัฒนาขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ

                                ดังนั้นจากประสบการณ์ของผู้เขียนเอง รวมทั้งเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัวที่เคยต้องปั๊มเก็บสต็อกนมแม่ เรามักจะเพิ่มเงินขึ้นมาอีกนิด เพื่อใช้เป็นเครื่องปั๊มนมไฟฟ้า ที่มีให้เลือกหลายรุ่น หลายขนาด สามารถพกพาไปใช้ในที่ทำงานได้สบายๆ สามารถต่อเครื่องกับถุงเก็บน้ำนมแม่ หรือจากขวดนมได้เลย แค่กดปุ่มเครื่องทำงานอัตโนมัติ จากนั้นก็นั่งทำงานต่อได้เพลินๆ ค่ะ สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งคลอดลูก ไม่อยากให้ท้อถอยในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่กันค่ะ

                                และเพื่อเป็นการส่งเสริมให้แม่ๆ ทุกคนมีน้ำนมแม่ให้ลูกได้ทานกันนานมากกว่า 6 เดือน แนะนำว่าควรทำสต็อกน้ำนมแม่ ด้วยการใช้เครื่องปั๊มนมกันค่ะ ซึ่งเครื่องปั๊มนมไฟฟ้าที่ดีควรมีลักษณะที่คล้ายๆ กับที่ลูกดูด นั่นก็คือ ปั๊มนมแม่ได้เกลี้ยงเต้า มีระบบนวดลานนมอัตโนมัติ สามารถพกพาไปใช้ได้ทุกที และต้องใช้งานง่ายด้วยค่ะ ซึ่งถ้าถามว่าเครื่องปั๊มนมยี่ห้อไหนที่ตอนนี้แม่ๆ ที่รู้จักกัน รวมถึงเพื่อนๆ ที่ใช้กันมาก ก็ต้องนี่เลย HORIGEN (โฮริเจน) ที่มีคุณสมบัติตรงใจอย่างมากค่ะ

                                 

                                เครื่องปั๊มนมไฟฟ้าที่คุณแม่ใช้แล้วถูกใจด้วยความสามารถที่เหนือกว่า “ง่าย สะดวก สบาย ประหยัดเวลา เกลี้ยงเต้าเร็วกว่า

                                ต้องยกให้เครื่องปั๊มนมไฟฟ้าคุณภาพแบรนด์ดังอย่าง HORIGEN กรวยนิ่ม 4D ดูดดี ไม่เจ็บ ปั๊มได้เกลี้ยงเต้าเร็วกว่า และเพื่อให้คุณแม่ที่กำลัง ตัดสินใจว่าจะเลือกใช้เครื่องปั๊มนมดีไหม เราจะพาไปทำความรู้จักกับเครื่องปั๊มนมไฟฟ้ายี่ห้อนี้กันให้มากขึ้นค่ะ

                                • เครื่องปั๊มนมของ HORIGEN มีความโดดเด่นด้วยกรวยปั๊มแบบ 4D ที่ทำจากซิลิโคนแบบนิ่มทั้งชิ้น และเป็นการเลียนแบบการดูดของทารก สร้างสูญญากาศในกรวย ด้วยความสามารถที่เหนือกว่าและฟังชั่นนวดลานนมจากรอบทิศทาง จึงช่วยทำให้คุณแม่สามารถปั๊มนมได้เกลี้ยงเต้า (ลิขสิทธิ์เฉพาะของโฮริเจนเท่านั้น!!)
                                • ปั้มคู่ มอเตอร์คู่ ปรับแรงดูดซ้าย-ขวาอิสระอย่างแท้จริง ได้ตามต้องการด้วย มอเตอร์คู่ไม่ต้องแบ่งแรงดูด ทำให้ได้แรงดูดแรงจริงและนุ่มตามปารถนา
                                • มีโหมดกระตุ้น ทำจี๊ดเพิ่มการไหลของน้ำนมแม่ ปรับแรงดูดได้มากถึง 9 ระดับ หน้าจอเป็นระบบดิจิตอล สามารถจับเวลาในการปั๊มอัตโนมัติ และมีระบบป้องกันน้ำนมไหลย้อนกลับเข้ามอเตอร์ได้อีกด้วย
                                • ได้มาตรฐานการใช้งานจากยุโรป BPA Free จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยกับสุขภาพของลูกน้อยอย่างแน่นอน
                                • รับประกันมอเตอร์ 1 ปี มีเครื่องสำรองให้ใช้ขณะรอเคลม
                                • และมีบริการหลังการขายระดับ 5 ดาว
                                • มีแบตในตัว
                                • เกลี้ยงเต้าหมดจด เร็วกว่า 2 เท่า
                                • มีมอเตอร์ 2 ตัว แรง 2 เท่า สามารถปรับแรงปั๊มแยกซ้าย-ขวา
                                • ราคาคุ้มค่า และมีความทนทานต่อการใช้งานสูง

                                ที่นี้เราจะมาดูความโดดเด่นของเครื่องปั๊มนมโฮริเจนทั้งแบบปั๊มเดี่ยว และปั๊มคู่ของ 3 รุ่น ดังนี้ค่ะ

                                เครื่องปั๊มนม

                                • BELLAGIO ปั๊มคู่ (มอเตอร์คู่, แยกปั๊ม/ปรับระดับความแรงของแต่ละข้างได้อิสระ)

                                ใช้ไฟบ้าน / ชาร์จแบตได้

                                – มีโหมดกระตุ้นทำจี๊ด เพิ่มการไหลของน้ำนม

                                – ปรับได้ 9 ระดับ

                                – นวดลานนมอัตโนมัติ

                                – เกลี้ยงเต้าหมดจด เร็วกว่า 2 เท่า

                                – กรวยนิ่ม 4D (ซิลิโคนนิ่มพิเศษทั้งชิ้น)

                                – 2 Motors แรง 2 เท่า (ปรับแรงปั๊มแยกซ้าย-ขวา)

                                – ใช้งานง่ายเพียงปุ่มเดียว

                                – พกพาสะดวก (มีแบตในตัว)

                                – มีระบบป้องกันน้ำนมไหลย้อนกลับขณะปั๊ม ป้องกันน้ำนมดูดเข้าไปในเครื่องปั๊ม

                                – สามารถนับเวลาถอยหลังในการปั๊มที่ 30 นาที

                                – เลือกโหมดกระตุ้นหรือโหมดปั๊มนมสลับไปมาได้ตามต้องการ

                                – ได้มาตรฐานอาหารและยา (FDA) และสำนักงานมาตรฐานยุโรป (CE) BPA Free, ISO9001, ISO13485, ISO14001 ผลิตจากวัสดุ polypropylene (PP) แบบ NO-BPA ซึ่งเป็นสารที่เป็นสาเหตุของการก่อมะเร็ง

                                 

                                เครื่องปั๊มนม

                                • TREVI ปั๊มคู่ (มอเตอร์คู่, แยกปั๊ม/ปรับระดับความแรงของแต่ละข้างได้อิสระ)

                                ใช้ไฟบ้าน / Power Bank

                                – มีโหมดกระตุ้นทำจี๊ด เพิ่มการไหลของน้ำนม

                                – ปรับได้ 9 ระดับ

                                – นวดลานนมอัตโนมัติ

                                – เกลี้ยงเต้าหมดจด เร็วกว่า 2 เท่า

                                – กรวยนิ่ม 4D (ซิลิโคนนิ่มพิเศษทั้งชิ้น)

                                – 2 Motors แรง 2 เท่า (ปรับแรงปั๊มแยกซ้าย-ขวา)

                                – ใช้งานง่ายเพียงปุ่มเดียว

                                – พกพาสะดวก ต่อแบตเตอรี่ภายนอกได้ (Power Bank, มีสายแถม)

                                – มีระบบป้องกันน้ำนมไหลย้อนกลับขณะปั๊ม ป้องกันน้ำนมดูดเข้าไปในเครื่องปั๊ม

                                – สามารถนับเวลาถอยหลังในการปั๊มที่ 30 นาที

                                – เลือกโหมดกระตุ้นหรือโหมดปั๊มนมสลับไปมาได้ตามต้องการ

                                – ได้มาตรฐานอาหารและยา (FDA) และสำนักงานมาตรฐานยุโรป (CE) BPA Free, ISO9001, ISO13485, ISO14001 ผลิตจากวัสดุ polypropylene (PP) แบบ NO-BPA ซึ่งเป็นสารที่เป็นสาเหตุของการก่อมะเร็ง

                                 

                                เครื่องปั๊มนม

                                • FONTANA (ปั๊มเดี่ยว)ใช้ไฟบ้าน/ใส่ถ่านได้

                                – มีโหมดกระตุ้นทำจี๊ด เพิ่มการไหลของน้ำนม

                                – มีระบบป้องกันน้ำนมไหลย้อนกลับขณะปั๊ม ป้องกันน้ำนมดูดเข้าไปในเครื่องปั๊ม

                                – เลือกโหมดกระตุ้นหรือโหมดปั๊มนมสลับไปมาได้ตามต้องการ

                                – นวดลานนมอัตโนมัติ

                                – เกลี้ยงเต้าหมดจด เร็วกว่า 2 เท่า

                                – กรวยนิ่ม 4D (ซิลิโคนนิ่มพิเศษทั้งชิ้น)

                                – ใช้งานง่ายเพียงปุ่มเดียว

                                – พกพาสะดวก (ใส่ถ่านได้)

                                – ได้มาตรฐานอาหารและยา (FDA) และสำนักงานมาตรฐานยุโรป (CE) BPA Free, ISO9001, ISO13485, ISO14001 ผลิตจากวัสดุ polypropylene (PP) แบบ NO-BPA ซึ่งเป็นสารที่เป็นสาเหตุของการก่อมะเร็ง

                                 

                                เห็นแบบนี้แล้วทำให้มีกำลังใจในการทำสต็อกน้ำนมแม่ขึ้นมากเลยค่ะ เพราะคุณแม่ลูกอ่อนทุกคนสามารถที่จะประหยัดเวลา ทุ่นแรงด้วยการมีเครื่องปั๊มนมไฟฟ้าดีๆ มีคุณภาพมาเป็นผู้ช่วยข้างกายได้ค่ะ สำหรับคุณแม่ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือซื้อเครื่องปั๊มนมไฟฟ้าโฮริเจน สามารถซื้อได้ที่ บริษัท 11Dkid (วันวันดีคิด)  หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ www.11dkid.com และอีกสองช่องทางคือที่ facebook : www.facebook.com/11dkid กับทาง line : @11dkid ค่ะ

                                  กรดโฟลิก

                                  เรื่องน่ารู้ โฟลิค กรดโฟลิก เริ่มกินตอนไหนถึงจะดี

                                  รู้จักกับ  โฟลิค และ กรดโฟลิก ให้มากขึ้น พร้อมคำแนะนำและวิธีการรับประทานที่ถูกต้อง

                                   

                                   

                                  พูดถึง โฟลิค หรือ กรดโฟลิก ผู้หญิงน้อยคนนักจะไม่รู้จัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ท้องหรือผู้หญิงที่ต้องการจะตั้งครรภ์ บางท่านอาจจะรู้แต่จักแต่ชื่อและรู้ว่ามันดีอย่างไรกับแม่ท้อง ซึ่งวันนี้จะให้ดีละก็ เราจะมาทำความรู้จักกับเจ้ากรดโฟลิกนี้ให้มากขึ้นกันดีกว่าค่ะ

                                  กรดโฟลิก คืออะไร?

                                  จัดอยู่ในกลุ่มของวิตามินบี 9 ซึ่ง โฟลิก นั้นได้มากจากการที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้น ผิดกับ โฟเลต ที่ได้รับจากอาหารตามธรรมชาติ เป็นสารอาหารในกลุ่มวิตามินบี ที่ละลายน้ำ ซึ่งอาจอยู่ในรูปสารประกอบชนิดอื่น ๆ และมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น โฟเลต หรือ โฟลาซิน เป็นต้น โดยร่างกายจะไม่สามารถนำ กรดโฟลิค หรือ เตตราไฮโดรโฟเลต ไปใช้ได้ทันที แต่ต้องส่งต่อไปที่ตับเพื่อเปลี่ยนเป็นรูปของ กรดไดไฮโดรโฟลิค เสียก่อน จึงจะดูดซึมไปใช้ได้

                                  หน้าที่สำคัญของวิตามินบี 9 คืออะไร?

                                  ทั้ง โฟลิค และ โฟเลต นั้นมีบทบาทเหมือนกันนั่นก็คือ ช่วยร่างกายในการสร้างเม็ดเลือดแดง ควบคุมการทำงานของสมอง และยังมีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์โปรตีนอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงตั้งครรภ์ ผู้หญิงจะมีความต้องการของ ร่างกายเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นสตรีมีครรภ์จึงจำเป็นอย่างยิ่งในการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยกรดโฟลิก หรืออาจรับประทานกรดโฟลิกในรูปแบบยาเม็ดเสริมเข้าไปก็สามารถทำได้

                                  กรดโฟลิกนั้นสำคัญเป็นอย่างมากกับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือคุณผู้หญิงที่แต่งงานแล้วและพร้อมที่จะมีทายาท แต่หลาย ๆ คนอาจจะกำลังสงสัยว่า แท้จริงแล้วเราควรทานกรดโฟลิกที่ว่านี้ตอนไหนกันแน่ ก่อนมีลูกหรือระหว่างที่กำลังตั้งท้อง วันนี้เรามีคำอธิบายเพิ่มเติมมาฝากกันค่ะ

                                  กรดโฟลิกทานตอนไหนดี ?

                                   

                                    ภัยร้ายออนไลน์

                                    สลด! เหยื่อ ภัยร้ายออนไลน์ เด็ก 12 ฆ่าตัวตาย

                                    ” ภัยร้ายออนไลน์ ” คืออะไร?!  ทำไมถึงน่ากลัวต่อเด็กและเยาวชน! 

                                     

                                    ” Cyberbullying “ หรือมีชื่อเรียกภาษาไทยว่า ” ภัยร้ายออนไลน์ “ คือภัยที่มาพร้อมกับโลกที่กว้างไกล อันตรายและน่ากลัวกับคนทุกคน โดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชนที่มักจะกลายเป็นเหยื่อของการถูกโจมตีโดยใช้สื่อโซเชียลไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม แชท หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นเครื่องมือหลักในการรังแกและกลั่นแกล้งกัน โดยการกลั่นแกล้งนี้สามารถทำได้ 24 ชั่วโมง ต่างจากสมัยก่อนที่เด็ก ๆ จะรังแกกันได้ในโรงเรียนหรือแบบซึ่ง ๆ หน้าเท่านั้น

                                    เช่นเดียวกับเรื่องราวอันน่าสลดใจที่เราได้นำมาฝากไว้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ในวันนี้ มัลลอรี่ เด็กหญิงวัยเพียง 12 ปีคนนี้เธอเป็นเด็กเรียนดีเรียนเก่งอีกทั้งยังเป็นเชียร์ลีดเดอร์ประจำโรงเรียน แต่ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา มัลลอรี่ กลับถูกเพื่อน ๆ กลั่นแกล้งเธอผ่านโลกของอินเทอร์เน็ตผ่านแอพฯดังอย่าง อินสตาแกรมและสแนปแชท

                                    หนึ่งในเพื่อนของเธอได้ไปโพสต์ว่าเธอว่าเป็น “ยายขี้แพ้” และบอกให้เพื่อนคนอื่นอย่าไปสนใจเธอ อย่าไปเล่น และให้ทำเหมือนกับเธอไม่มีตัวตน เมื่อเรื่องนี้ทราบถึงพ่อแม่ ทั้งคู่ต่างก็ได้พยายามบอกกับทางโรงเรียนให้จัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ โดยทางโรงเรียนมองว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่สำคัญอะไร และนี่เองคือสาเหตุที่ทำให้ หนูน้อยผู้น่าสงสารรายนี้เริ่มไม่อยากไปโรงเรียน เริ่มเก็บตัว เงียบขรึม ทำให้ในที่สุดเธอตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองลงด้วยการฆ่าตัวตาย

                                    สถานการณ์ล่าสุด พ่อแม่ของมัลลอรี่กำลังอยู่ในช่วงของการยื่นฟ้องร้องผู้บริหารของโรงเรียนในข้อหาเพิกเฉยต่อการจัดการปัญหาที่ลูกสาวถูกกลั่นแกล้ง รวมถึงอาจจะฟ้องดำเนินคดีผู้ปกครองของเด็กที่มารุมแกล้งลูกสาวของพวกเขาได้ พร้อมกับกล่าวว่า พวกเขาอยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับมัลลอรี่นั้น เป็นเหตุการณ์สุดท้าย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คนรอบข้างจะมีความละเอียดอ่อนพอ พร้อมกับหาวิธีป้องกันไม่ให้ลูกหลานของตัวเองต้องกลายเป็นเหยื่อของโลกออนไลน์

                                    Cyberbullying คืออะไร คลิก!


                                    เครดิต: Faith Family America และเพจเข็นเด็กขึ้นภูเขา