Page 205 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

Growth Hormone โกรทฮอร์โมน คืออะไร สำคัญกับลูกน้อยยังไง?

สำหรับคุณแม่ที่มีอยู่ในช่วงเด็กเล็ก อาจเคยได้ยินคำว่า Growth hormone สงสัยกันมั้ยค่ะว่า “โกรทฮอร์โมน” คืออะไร สำคัญกับลูกน้อยยังไง วันนี้เรามาหาคำตอบกันค่ะ

โกรทฮอร์โมน จัดว่าเป็นฮอร์โมนอีกหนึ่งชนิดในร่างกายที่มีความสำคัญกับลูกน้อยไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ที่กังวลเรื่องความสูงหรือพัฒนาการเติบโตของเจ้าตัวน้อยที่อยากให้ขึ้นตรงตามเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งโดยธรรมชาติของร่างกายจะผลิตโกรทฮอร์โมนอยู่แล้วแต่จะถูกสร้างขึ้นมามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ของเจ้าตัวน้อยด้วย เช่น การนอนหลับพักผ่อน อาหารการกิน การออกกำลังกาย และอารมณ์

Growth Hormone คืออะไร?

โกรทฮอร์โมน เป็นฮอร์โมนชนิดโปรตีนที่ช่วยในการเจริญเติบโตของลูกน้อย มีโครงสร้างประกอบไปด้วยกรดอะมิโนซึ่งถูกขึ้นจากต่อมใต้สมองส่วนหน้าและเข้าสู่กระแสเลือด มีหน้าที่สำคัญในการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและมีผลโดยตรงในการกระตุ้นให้เซลล์กระดูกเจริญเติบโตสมวัย เพิ่มการดูดซึมของโปรตีนในร่างกาย ซึ่งระดับของโกรทฮอร์โมนมีการผกผันอยู่เสมอขึ้นอยู่กับกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวัน

“โกรทฮอร์โมน” สำคัญกับลูกน้อยยังไง?

Growth Hormone

ในวัยเด็กจะมีระดับโกรทฮอร์โมนสูงสุด โดยจะหลั่งออกมามากในช่วงที่ลูกน้อยนอนหลับสนิทใน 90 นาทีแรกซึ่งมีบทบาทสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตและการเพิ่มความสูงของเจ้าตัวน้อย รวมถึงการควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ส่งผลให้ลูกมีสุขภาพที่ดี อารมณ์ดี และมีพัฒนาการที่ดีตามมา

ในขณะเดียวกันหากเจ้าตัวเล็กนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ก็จะกระทบต่อการปล่อยโกรทฮอร์โมน เมื่อหลั่งออกมาน้อยก็จะส่งผลเสียต่อพัฒนาการของลูกได้ ดังนั้นการนอนของลูกน้อยจึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญไม่ใช่น้อย รวมถึงปัจจัยด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น ภาวะทางอารมณ์ ถูกพ่อแม่ดุว่าจนเกิดความเครียด การไม่ได้ส่งเสริมให้ลูกออกไปเล่นนอกบ้าน ได้วิ่งเล่นออกกำลังกาย การรับประทานไม่ครบ 5 หมู่ หรือกินของไม่มีประโยชน์มีแต่แป้ง น้ำตาล ไขมัน สาเหตุเหล่านี้เป็นปัญหาที่ทำให้ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมนน้อยลง ส่งผลให้ลูกตัวเตี้ยกว่าเกณฑ์ ตัวเล็ก แคระแกรน หรือเติบโตช้าผิดปกติ ร่างกายไม่แข็งแรง ทำให้สมองเรียนรู้ได้ไม่เต็มที่ เซื่องซึม มีผลต่อพัฒนาการอย่างน่าเป็นห่วง

พ่อแม่ช่วยเพิ่ม “โกรทฮอร์โมน” ให้ลูกน้อยได้อย่างไร

Growth Hormone

  • การได้ความรักจากครอบครัวอย่างอบอุ่น ไม่ดุด่า คาดหวัง หรือลงโทษลูกอย่างรุนแรง
  • ให้ลูกได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ไม่กินจุบจิบ ไม่ควรให้ลูกกินขนมกรุบกรอบ หรืออาหารประเภทแป้ง น้ำตาล ไขมัน เกินความเหมาะสม
  • ส่งเสริมให้เจ้าตัวเล็กได้ออกไปวิ่งเล่น ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ นอกบ้าน
  • ให้เจ้าตัวน้อยได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่และยาวนาน

ทำยังไงให้ลูกน้อยนอนหลับสนิทตลอดคืน

Growth Hormone

  • สร้างกิจวัตรประจำวันก่อนเข้านอนประมาณ 15-30 นาที เพื่อให้ลูกเริ่มรู้ว่าถึงเวลาเข้านอนแล้วนะ เช่น พาเจ้าตัวเล็กไปอาบน้ำ ใส่ชุดนอน แปรงฟัน เล่านิทานก่อนนอน และหอมแก้มราตรีสวัสดิ์ โดยสร้างบรรยากาศของการนอนด้วยการเปิดไฟสลัว ๆ พูดคุยเบา ๆ ทำแบบนี้เป็นประจำทุกวัน เพื่อเป็นสัญญาณที่เจ้าตัวน้อยจะรับรู้ว่าถึงเวลาและเตรียมร่างกายของตัวเองพร้อมที่จะเข้านอน
  • สร้างสภาพแวดล้อมการนอนหลับที่เหมาะสมภายในห้องนอนของเจ้าตัวน้อย นอกจากการใช้แสงไฟที่สลัว ๆ แล้ว ควรปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ หรือแสงจากจอคอมพิเวเตอร์ เพราะแสงจากอุปกรณ์เหล่านี้จะทำให้เด็กนึกว่าเป็นเวลากลางวัน และกระตุ้นหลอกให้สมองคิดว่าจำเป็นต้องตื่นตัว ดังนั้นควรให้เจ้าตัวน้อยปราศจากสิ่งรบกวนอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงก่อนที่จะเข้านอน
  • เปิดโอกาสให้เจ้าตัวเล็กได้ทำกิจกรรมเต็มที่ในระหว่างวัน หรือเล่นในช่วงเวลาสุดท้ายอย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
  • ดื่มนมอุ่น ๆ ก่อนเข้านอน เพื่อให้ร่างกายอิ่มท้อง ไม่ตื่นมาเพราะหิวกลางดึก

คุณพ่อคุณแม่ควรทำสิ่งเหล่านี้ก่อนนอนเป็นประจำทุกวัน เพื่อให้เจ้าตัวเล็กได้นอนหลับสนิทก็จะช่วยให้ร่างกายผลิต Growth Hormone ในช่วงเวลาที่หลับได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจำนวนชั่วโมงการนอนหลับในเด็กแต่ละวัยมีผลต่อการเจริญเติบโตของเจ้าตัวน้อย หากสังเกตว่าลูกมีปัญหาในการนอนหลับในเวลากลางคืน ไม่ว่าจะทำกิจวัตรการนอนอย่างสม่ำเสมอหรือปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมแล้วก็ตาม อาจเป็นสัญญาณของโรคนอนไม่หลับซึ่งก็ควรจะขอคำแนะนำจากกุมารแพทย์นะคะ

เพราะการเลี้ยงดูเจ้าตัวน้อยและการนอนหลับได้อย่างสนิทในทุกคืน จะส่งผลให้ลูกมีการเจริญเติบโต มีน้ำหนักและส่วนสูงที่ขึ้นตามเกณฑ์มาตรฐาน มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ดี และมีพัฒนาการที่ดีอย่างสมวัยของลูกได้.

ข้อมูลอ้างอิง : babylove.co.thducatoys.comwww.alaskasleep.com

อ่านต่อเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:

แนะ 8 ผักแคลเซียมสูง อีกหนึ่งวิธีเพิ่มความสูงให้ลูกได้

โรคเตี้ยในเด็ก โรคใกล้ตัวที่พ่อแม่ควรทำความรู้จัก

เตือนแม่! ลูกนอนดึก ส่งผลเสียในทุก ๆ ด้าน

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

    ตรวจคัดกรองมะเร็ง

    ตรวจคัดกรองมะเร็ง ในผู้หญิงควรตรวจเมื่อไหร่?


    ผู้หญิงทุกคนเมื่อมีอายุมากขึ้น ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งก็มีมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นการ ตรวจคัดกรองมะเร็ง เป็นประจำจึงมีความสำคัญ เรามีคำแนะนำถึงช่วงอายุที่ควรตรวจคัดกรองมะเร็งชนิดต่าง ๆ มาฝากค่ะ

    ตรวจคัดกรองมะเร็ง ในผู้หญิงควรตรวจเมื่อไหร่? สำคัญอย่างไร?

    ตรวจคัดกรองมะเร็ง สำคัญอย่างไร?

    โรคมะเร็งเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราทุกคน ซึ่งโรคนี้เป็นโรคที่น่ากลัวในความคิดของคนส่วนใหญ่ เพราะวิธีการรักษาที่ทรมานและผู้ที่เป็นโรคมะเร็งในหลาย ๆ ชนิดก็ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ปัจจุบันนี้ มีผู้ที่หายขาดจากโรคมะเร็งได้หลายคน และโรคมะเร็งหลาย ๆ ชนิดก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ มีผลสำรวจว่าอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งลดลง เนื่องจากวิทยาการด้านการรักษาโรคมะเร็งที่ทันสมัย บวกกับความก้าวหน้าของเครื่องมือคัดกรองโรคมะเร็งต่าง ๆ รวมทั้งการตรวจในระดับยีนส์ ทำให้สามารถตรวจพบการก่อตัวที่ผิดปกติของเซลล์เร็วขึ้นก่อนเซลล์จะผิด รูปกลายเป็นเซลล์มะเร็ง ส่งผลให้โอกาสในการรักษามีมากขึ้นตามไปด้วย

    มะเร็ง รู้เร็ว รักษาให้หายขาดได้….นี่จึงเป็นความสำคัญของการ ตรวจคัดกรองมะเร็ง ซึ่งการตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง คือ มาตรการในการค้นหาโรคมะเร็งระยะแรกเริ่มในผู้ที่ยังไม่มีอาการของโรค โดยมีเป้าหมายเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและความเจ็บป่วยจากโรคมะเร็ง โดยการตรวจคัดกรองสำหรับโรคมะเร็งต่างๆ (Screening for Specific Cancer) เป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับและมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการตรวจ คัดกรองโรคมะเร็งในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยง หรือกังวลว่าจะเป็นมะเร็งนั้น นับว่ามีความสำคัญมากเป็นอันดับต้น ๆ ที่จะช่วยป้องกันการเกิดโรค ในขณะเดียวกัน หากมีการค้นพบมะเร็งตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม จะสามารถช่วยให้ผู้ป่วยหายขาดจากการเป็นมะเร็งใน อัตราที่สูงและทำให้คนที่เป็นมะเร็งมีชีวิตยืนยาวอย่างมีคุณภาพได้เช่นกัน

    องค์กรอนามัยโลกแนะนำให้มีการตรวจคัดกรองมะเร็งในระยะเริ่มแรกถึงแม้ว่าจะไม่มีอาการใด ๆ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ทำให้การรักษาเป็นไปได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพและทันท่วงที

    ดังนั้นจึงมีคำแนะนำถึงช่วงอายุที่ควรเริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งชนิดต่าง ๆ ดังนี้

    ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
    ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

    ตรวจคัดกรองมะเร็ง ในผู้หญิงควรตรวจเมื่อไหร่?

    มะเร็งปากมดลูก

    • อายุ 21-29 ปี ให้ตรวจ Pap test (ตรวจแป๊ป) ทุก ๆ 3 ปี เป็นการตรวจภายในและตรวจเซลล์มะเร็งที่ปากมดลูก
    • อายุ 30-65 ปี ให้ตรวจ Pap test ทุก ๆ 3 ปี และถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นอาจต้องมีการตรวจเชื้อ HPV (เอชพีวี) เพิ่มเติม โดยทำทุก 5 ปี
    อ้างอิงจาก : American Cancer Society 2012

    Pap Test คือ วิธีการตรวจหาความผิดปกติในระยะก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูกหรือเป็นมะเร็งปากมดลูกในระยะที่ยังไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยที่สูตินรีแพทย์จะใช้เครื่องมือสอดผ่านและถ่างขยายช่องคลอด จากนั้นจะทำการป้ายเซลล์จากมดลูกส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อดูว่าได้เกิดเซลล์มะเร็งขึ้นที่ปากมดลูกหรือไม่ หรือว่าได้ตรวจพบเซลล์ผิดปกติชนิดอื่นที่มีแนวโน้มว่าหากละเลยปล่อยให้ระยะเวลาล่วงเลยผ่านไปอีกไม่นานอาจจะพัฒนาต่อไปจนก่อให้เกิดมะเร็งที่ปากมดลูกได้ในภายหลังหรือไม่ การตรวจ Pap Test เป็นวิธีที่มีผู้นิยมตรวจกันมากที่สุด เพราะเป็นการตรวจที่ให้ผลที่มีความน่าเชื่อถือสูงและมีประสิทธิภาพที่ดีอย่างหนึ่งในการตรวจหามะเร็ง

    บทความที่น่าสนใจ หญิงไทยฟังทางนี้!! ตรวจมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านมฟรี!!

     

    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

    อ่านต่อ ตรวจคัดกรองมะเร็ง ในผู้หญิงควรตรวจเมื่อไหร่?

      Gated Community

      ใช้ชีวิตครอบครัวคุณภาพ ในสังคม Gated Community

      จะดีกว่าไหม? ถ้าลูกไม่ต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อไปโรงเรียนให้ทันก่อนเข้าเรียน แล้วมาใช้เวลาหลังเลิกเรียนในสังคม The Gated Community อย่างปลอดภัยและมีความสุข แทนการอยู่บนท้องถนนเพื่อเดินทางกลับบ้าน

      ใช้ชีวิตครอบครัวคุณภาพ ในสังคม Gated Community

      ในสมัยนี้ ไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่เปลี่ยนแปลงไป เราทุกคนอยู่ในโลกที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น ต้องการความรวดเร็วมากขึ้น รวมถึงต้องการสังคมที่มีความปลอดภัยมากขึ้น เพื่อให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดังนั้นที่อยู่อาศัยสำหรับครอบครัวที่มีลูกเล็ก และอยู่ในวัยเรียนเลือกนั้น มักจะต้องตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตของคนในยุคนี้โดยเฉพาะ โดยปัจจัยในการเลือกที่อยู่อาศัย เริ่มจาก…

      • อยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก

      ลองนึกดูว่าหากคุณพ่อคุณแม่ต้องส่งลูกไปโรงเรียนแล้วค่อยไปทำงาน จะต้องตื่นกี่โมงเพื่อให้ลูกไปถึงโรงเรียนก่อนเข้าเรียน? สำหรับโรงเรียนที่อยู่ในเมือง คุณพ่อคุณแม่จะต้องตื่นประมาณตีสี่ – ตีห้า เพื่อจัดการธุระส่วนตัว เตรียมอาหารเช้า และจะต้องออกจากบ้านก่อน 6 โมงเช้า เพื่อขับรถไปต่อแถวรอส่งลูกเข้าโรงเรียนให้ทันก่อน 7 โมงเช้า และเมื่อลูกเลิกเรียนกว่าจะถึงบ้าน ทานข้าวเย็นเสร็จ ก็ได้เวลานอนพอดี และต้องตื่นเช้าไปส่งลูกในวันต่อไป ถ้าวันไหนลูกมีกิจกรรมที่โรงเรียนเลิกค่ำ จะยิ่งสงสารลูกเพราะว่ากว่าจะถึงก็ดึกเลยและยังต้องตื่นแต่เช้าอีก ดังนั้น ทำเลที่ตั้งจึงมีความสำคัญต่อการเลือกที่อยู่อาศัยเป็นอย่างมาก เพราะครอบครัวยุคนี้ ไม่ต้องการเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ไปกับการเดินทาง ทั้งไปและกลับจากการเรียนและการทำงาน

      • ปลอดภัยจากอุบัติเหตุและอาชญากรรม

      การปล่อยให้ลูกได้เล่นได้อย่างอิสระ โดยคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องมากังวลถึงอันตรายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุจากรถยนต์ หรือ อาชญากรรมที่เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน เป็นปัจจัยที่มักจะนำมาคำนึงถึง ระบบรักษาความปลอดภัยในที่อยู่อาศัยที่ดี ก็จะทำให้ผู้อยู่อาศัยอุ่นใจได้ สามารถใช้ชีวิตทั้งในพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ส่วนกลางได้อย่างสบายใจ

      • มีพื้นที่กว้างขวาง รองรับไลฟ์สไตล์ของทุกคนในครอบครัว

      การมีที่อยู่อาศัยสำหรับรองรับกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการและทักษะพื้นฐานในชีวิตประจำให้ลูก จะช่วยให้ลูกมีสมาธิในการทำกิจกรรมนั้น ๆ ได้มากขึ้น และจะทำให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และนอกจากพื้นที่ที่รองรับกิจกรรมลูกแล้ว ที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่ให้คุณพ่อคุณแม่ได้ทำงาน Hang Out หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ในบริเวณเดียวกันกับลูก ก็จะช่วยให้ทุกคนในครอบครัวมีความสุขไปกับสิ่งที่ตนเองชอบไปพร้อม ๆ กัน

      ซื้อคอนโดมิเนียม

      • มีพื้นที่ส่วนตัวที่สงบ อยู่ในสังคมที่มีคุณภาพ

      จากการเหนื่อยล้าจากการทำงานและการเรียน การมีพื้นที่ส่วนตัวที่สงบ เหมาะสำหรับพักผ่อน ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่คนในยุคนี้ต้องการ รวมถึงการแวดล้อมไปด้วยสังคมดีมีคุณภาพ ก็จะทำให้ที่อยู่อาศัยนั้น ๆ รายล้อมไปด้วยความสุข

       

      สังคมที่ตรงตามปัจจัยดังกล่าวมาข้างต้น เราเรียกกันว่าสังคม The Gated Communityซึ่ง The Gated Communityนั้นมีมานานแล้วในต่างประเทศ คำ ๆ นี้หมายถึงชุมชนที่มีความทันสมัยมีการกั้นรั้วไว้อย่างลงตัวและเป็นสัดส่วน ครอบครัวที่อาศัยอยู่ใน The Gated Communityนั้น จะได้รับความปลอดภัยสูงอยู่ในพื้นที่ปิด คนในครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอยู่ชุมชนนี้ได้อย่างสบายใจและมีความเป็นส่วนตัว

       

      ในปัจจุบันสังคม The Gated Communityที่กำลังเป็นที่นิยมนั้น ไม่ได้จำกัดอยู่ในรูปแบบของบ้านหรือหมู่บ้านเท่านั้น แต่รวมถึงรูปแบบของคอนโดมิเนียมได้อีกด้วย ซึ่งโครงการคอนโดมิเนียมที่น่าสนใจในขณะนี้ ก็คงจะไม่พ้นโครงการ RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน (RHYTHM CHAROENKRUNG PAVILLION)”  คอนโดมิเนียมแห่งแรกในกรุงเทพฯ จาก เอพี ซึ่งออกแบบมารองรับความต้องการของครอบครัวในยุคนี้ และยังเป็นคอนโดมิเนียมแห่งแรกในกรุงเทพฯ ที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ป Luxury Gated Community Residence ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าทุก Generation ด้วยพื้นที่ส่วนกลางที่ออกแบบมาเพื่อรองรับคนในครอบครัวทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก ก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในคอนโดมิเนียมแห่งนี้

      คอนโดเจริญกรุง

      เพียง 100 เมตรห่างจากโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ (ริเวอร์ไซด์) ให้ลูก ๆ ได้เดินทางไปโรงเรียนได้ง่าย ๆ คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะเกิดอันตรายบนท้องถนนและยังไม่ต้องให้ลูกตื่นแต่เช้าอีกด้วย ทำให้ลูกมีเวลาในการทำกิจกรรมเสริมพัฒนาการต่าง ๆ ได้เต็มที่ นอกจากโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ (ริเวอร์ไซด์) แล้ว โครงการยังตั้งอยู่ใกล้กับสถานศึกษาอื่น ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก

       

      พื้นที่อุ่นใจปลอดภัยไร้กังวล จะดีแค่ไหนถ้ามีพื้นที่ให้ลูก ๆ วิ่งเล่นได้โดยไม่ต้องเป็นห่วงตลอด 24 ชั่วโมง โครงการ RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน (RHYTHM CHAROENKRUNG PAVILLION)”  ได้จัดสรรพื้นที่ที่สามารถปล่อยให้ลูกเล่นอย่างอิสระ กว้างขวางแต่มีขอบเขต และปลอดภัยด้วยการกั้นปิดจากคนนอก เพราะโครงการได้ออกแบบแยกทางเดินคนและทางเดินรถให้เป็นสัดส่วน และยังกั้นแบ่งพื้นที่ด้วยต้นไม้ Tree boundary ออกจากเส้นทางรถยนต์เป็น Boundary Level ป้องกันฝุ่นจากควันรถและสร้างอากาศบริสุทธิ์อีกด้วย เด็ก ๆ จึงสามารถวิ่งเล่นได้อย่างปลอดภัย 100% โดยที่คุณพ่อคุณแม่ ยังสามารถมองเห็นได้ตลอดเวลา

       

      สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ การจะตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ก็มักจะคำนึงถึงลูกเป็นหลัก ทั้งนี้ก็เพื่อให้ลูกได้เติบโตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี มีความสุขในสังคมคุณภาพต่อไป

      RHYTHM CHAROENKRUNG PAVILLION

      RHYTHM Charoenkrung Pavillion

      CLOSER IN A GATED COMMUNITY

      เตรียมพบกับคอนโดใหม่วิวแม่น้ำเจ้าพระยาจากเอพี ตรงข้ามโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ (เจริญกรุง 73)

      คอนโดแห่งแรกที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ป Luxury Gated Community Residence ตอบโจทย์คนทุกเจเนอเรชั่น ให้ชีวิตเติบโตเคียงข้างสังคมคุณภาพ คอมมิวนิตี้ที่เป็นส่วนตัว ปลอดภัย ออกแบบด้วยความใส่ใจ รองรับทุกความต้องการที่แตกต่าง คอนโดใหม่วิวแม่น้ำเจ้าพระยา

      • 100 ม. ถึงโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่
      • 350 ม. ถึงท่าเรือแม่น้ำเจ้าพระยา
      • 750 ม. ถึงทางด่วนศรีรัช

      1 ห้องนอน (35 ตร.ม.) เริ่ม 5.39 ล้าน* ราคาเฉลี่ย 160,000 บ./ตร.ม.

      *ลงทะเบียนออนไลน์รับส่วนลดสูงสุด 500,000 บาท* ได้ที่ https://bit.ly/2NbmM7O

      #APTHAI #TheAPWorld #APCondo #RhythmCondo #Riverviewcondo #RHYTHMCharoenkrungPavillion #ShrewsburyInternationalSchool

        เมนูอาหารเด็ก 11 เดือน

        แจก 14 เมนูอาหารเด็ก 11 เดือน ทำง่าย..ได้สารอาหารครบในสูตรเดียว

        บ้านไหนกำลังเป็นบ้าง…? ลูก 11 เดือน ไม่ยอมกินข้าว ABK มี 14 เมนูอาหารเด็ก 11 เดือน มาฝาก ทั้งทำง่ายใช้เวลาไม่นาน แถมลูกกินแล้วได้สารอาหารครบแน่นอน จะมีเมนูใดบ้างไปดูกัน

        แจก 14 เมนูอาหารเด็ก 11 เดือน

        ลูก 11 เดือน กินอะไรได้บ้าง

        เมื่ออายุใกล้ 1 ขวบ เด็กส่วนใหญ่จะกินอาหารเหมือนกับคุณพ่อคุณแม่ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอาหารให้เป็นพิเศษ นับได้ว่าเด็กเป็นสมาชิกของครอบครัวอย่างเต็มตัวในเรื่องอาหาร คือ ผ่านพ้นวัยที่มีนมเป็นอาหารหลักเข้าสู่วัยหย่านมโดยสมบูรณ์

        ทั้งนี้ ลูกวัย 11 เดือน จะเริ่มมีฟันเพิ่มมากขึ้น ทำให้สามารถเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น ซึ่งอาหารก็อาจแตกต่างกันตามสภาพแวดล้อมและความต้องการของเด็ก ไม่มีข้อกำหนดตายตัวว่าเด็กวัยนี้ต้องกินข้าวกี่ถ้วย นมกี่ขวด ตารางอาหารเสริมเป็นเพียงแนวทางสำหรับคุณแม่ ถ้าลูกไม่ได้กินอาหารตามที่แนะนำไว้และลูกก็แข็งแรงดี น้ำหนักเพิ่มเฉลี่ยวันละ 5-10 กรัม ก็ไม่ต้องกังวล

        ทั้งนี้หากปล่อยให้ลูกกินแต่นมแม่หรือนมผสมอย่างเดียวอาจจะทำให้อวัยวะของร่างกายบางส่วน เช่น ฟัน คาง กระเพาะ ลำไส้ ไม่ได้รับการฝึกเท่าที่ควร เพราะไม่ได้เคี้ยวหรือบดย่อยอาหารตามวัย ซึ่งปริมาณนมแต่ละวันของเด็กวัยเกือบจะหนึ่งขวบนี้ ควรอยู่ในระดับวันละ 2-3 ขวด (ประมาณ 500-600 ซีซี.)

        ลูก11เดือนกินข้าวกี่มื้อ

        ข้อมูลจากหนังสือ อาหารเสริมที่ควรรับประทาน สำหรับเด็กไทย แนะนำว่า ทารก 11 เดือน ให้กิน เมนูอาหารเด็ก 11 เดือน ควบคู่ไปกับนมแม่ได้ โดยให้กิน 3 มื้อต่อวัน ลักษณะความหยาบของอาหารให้คุณแม่ หั่นชิ้นเล็ก ทั้งหมดเพื่อฝึกการบดเคี้ยวอาหารของลูก ในเรื่องปริมาณสัดส่วนของสารอาหารที่ควรได้รับ คือ ข้าวสวยหุงสุกนิ่มๆ บดหยาบ 4-5 ช้อนต่อมื้อ ในส่วนของกลุ่มเนื้อสัตว์ให้กิน ไข่ครึ่งฟอง สลับ ตับบด 1 ช้อนโต๊ะ หรือ เนื้อปลา เนื้อหมู เนื้อไก่ ต่อ 1 มื้อ ส่วนผัก ควรเป็นผักสุก 1-2 ช้อน เช่น ตำลึง ผักหวาน ผักกาดขาว ฟักทอง แครอท ต่อ 1 มื้อ เช่นกัน และน้ำมันใส่ปรุงอาหารหรือถ้าเป็นน้ำมะกอกให้หยดในข้าวได้ ครึ่งช้อนชาต่อมื้อ นอกจากนี้อาจให้กินผลไม้ตบท้ายต่อมื้อซึ่งเป็นผลไม้สุก 3-4 ชิ้น หรือ ส้ม 1 ผล เป็นต้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการให้อาหาร คือ “อย่าบังคับ” ควรให้ลูกกินอย่างมีความสุข และค่อยๆเพิ่มปริมาณตามความต้องการของลูก ไม่ใช่ว่าอายุเพิ่มขึ้นจะต้องเพิ่มอาหารให้เท่านั้นเท่านี้ตามตาราง

        ทั้งนี้หาก ลูก 11 เดือน ไม่ยอมกินข้าว ไม่ยอมกินผัก อาจเป็นเพราะคุณแม่ไม่ค่อยทำ เมนูอาหารเด็ก 11 เดือน ที่เป็นผักต้มเปล่าๆ ให้ลูกกิน เช่น ใส่ผักผสมลงไปในข้าวตุ๋นตลอด เมื่อลูกไม่คุ้นเคยกับรสชาติของผักล้วนๆ พอลูกได้กินก็จะเอาลิ้นดุนๆ ออกมาหมด ABK จึงขอแนะนำว่าการทำ เมนูอาหารเด็ก 11 เดือน คุณแม่ต้องใช้วิธีหั่นผักเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใส่ปนลงในอาหาร เช่น ไข่เจียว ก็ให้ใส่ผักปนลงไปบ้าง หรือผสมลงไปในหมูสับ ทำหมูทอดก็ผสมใส่ผักลงไปด้วย …แต่ถ้าลูกไม่ยอมกินผักเลยจริงๆ ก็คงต้องยอมให้ผลไม้แทนไปพลางๆ ก่อน อาจเป็น ส้ม กล้วย มะละกอ แตงโม ผลไม้ ตามฤดูกาล โดยให้ลูกหัดถือกัดเอง ไว้โตขึ้นอีกหน่อยค่อยลองใหม่

        และเพื่อให้ลูกวัยนี้เจริญอาหารได้มากยิ่งขึ้น ABK จึงมี 14 สูตร เมนูอาหารเด็ก 11 เดือน มาฝาก ทั้งทำง่าย ใช้เวลาไม่นาน หน้าตาน่ากิน ลูกน้อยเห็นแล้วต้องหม่ำแน่นอน แถมเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารครบ 5 หมู่ จะมีเมนูใดและวิธีทำอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลย

        เมนูอาหารเด็ก 11 เดือนซุปไข่ฝอยสีทอง”

        เมนูอาหารเด็ก 11 เดือน

        ใช้เวลาปรุง 15 นาที (ส่วนผสมสำหรับ 1 ถ้วย)

        • ไข่ไก่ 1 ฟอง
        • น้ำซุปไก่ 1 – 1½ ถ้วย
        • หอมหัวใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมเต๋า เล็ก 5 เซนติเมตร 1 ช้อนโต๊ะ
        • มะเขือเทศหั่นสี่เหลี่ยมเต๋าเล็ก 1 ช้อนโต๊ะ
        • ซีอิ๊วขาว (ไม่ใส่ก็ได้) ½ ช้อนชา

        วิธีทำอาหารสําหรับทารก 11 เดือน

        1. ตอกไข่ใส่ชาม ใช้ส้อมตีให้เข้ากัน แล้วพักไว้
        2. ตั้งน้ำซุปในหม้อใบเล็กด้วยไฟกลาง ใส่หอมหัวใหญ่และมะเขือเทศลงต้มให้นุ่ม ปรุงรสเล็กน้อยด้วยซีอิ๊วขาว
        3. เทไข่ผ่านกระชอนให้เป็นเส้นฝอยบาง ๆ ทิ้งไว้สักพักจนไข่สุกทั้งหมด แล้วปิดเตา
        4. ตักใส่ชาม พักพอให้อุ่นแล้วป้อนได้ทันที

        ♥ Cooking Tip เปลี่ยนจากน้ำซุปไก่เป็นน้ำซุปผักหรือน้ำซุปอื่น ๆ ได้ตามชอบ แต่ควรเป็นน้ำซุปทำเอง

         

        >> ดูต่ออีก 13 เมนูเด็ก 11 เดือน คลิกหน้า 2

         


        ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.childanddevelopment.com

         

        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

         

          ลูกเบื่ออาหาร

          ลูกเบื่ออาหาร อยากให้ลูกกินข้าวได้เยอะ คุณแม่เลือกผลิตภัณฑ์เพื่อโภชนาการเด็กยี่่ห้อไหนดี?

          ลูกเบื่ออาหาร กินน้อย กินยาก เลือกกิน และกินเมนูซ้ำ ๆ สารพัดปัญหาพฤติกรรมการกินที่ทำให้แม่ ๆ เป็นกังวล กลัวว่าลูกจะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และมีผลต่อพัฒนาทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ผลิตภัณฑ์เพื่อโภชนาการเด็กเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่น่าสนใจ แต่คุณแม่ยุคใหม่จะเลือกยี่ห้อไหนดี มาฟังคำตอบไปพร้อมกัน

          เปลี่ยน ลูกเบื่ออาหาร ให้เจริญอาหาร กินข้าวเก่ง ไม่เลือกกิน คุณแม่ยุคใหม่เลือก “ไลซีน” เป็นตัวช่วยเบอร์หนึ่ง

          Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเครือข่ายแม่ลูกอันดับ 1 ของประเทศที่เข้าใจคุณแม่ไทยมากที่สุด เว็บไซต์ Amarin Baby & Kids จึงได้จัด “Amarin Baby & Kids Awards 2019” ครั้งแรกในเมืองไทย เพื่อเฟ้นหาสุดยอดแบรนด์สินค้าแม่และเด็กในดวงใจ  จากคะแนนโหวตของคุณแม่ทั่วประเทศกว่า 10,000 คน ผ่าน www.AmarinBabyAndKids.com เว็บไซต์สื่อกลางข้อมูลคุณภาพจากแม่สู่แม่ Mom to Mom Sharing เพื่อเป็นประโยชน์แก่คุณแม่มือใหม่ที่กำลังมองหา “สินค้าใช้ดี ที่ได้รับการยืนยันจากคุณแม่ตัวจริงทั่วประเทศ”

          ทำไมแม่ยุคใหม่เลือกผลิตภัณฑ์มี “ไลซีน” ช่วยเสริมโภชนาการลูก

          เมื่อลูกเข้าสู่วัยซนมักสนใจทำกิจกรรมรอบตัวมากกว่าการกินอาหารหลักเป็นมื้อๆอย่างเคย หรือเข้าสู่วัยที่เริ่มเลือกกิน กินซ้ำเมนูเดิมๆ กินยาก อมข้าว หรือมีภาวะ ลูกเบื่ออาหาร ล้วนเป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหารจำเป็น ที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตทั้งร่างกายและจิตใจ คุณแม่ยุคใหม่ที่อยากให้ ลูกกลับมากินข้าวเก่ง กินได้หลากหลาย จึงเลือกให้ Seven Seas สูตรผสมไลซีน เป็นตัวช่วยอันดับหนึ่งสำหรับผลิตภัณฑ์เพื่อโภชนาการเด็ก

          “ลูกกินข้าวได้มากขึ้น จากที่กินข้าวได้ไม่กี่คำ รสชาติกินง่าย ลูกชายชอบมากค่ะ ที่สำคัญยังเป็นแบรนด์สากล รู้จักกันทั่วโลก แม่จึงไว้ใจได้ค่ะ”

          “ตอนแรกก็เลือกไม่ถูกว่าจะซื้อยี่ห้อไหนดี แต่คุณแม่หลายคนบอกต่อๆกันว่ากินแล้วเห็นผล ลูกกินข้าวได้มากกว่าเดิม ยิ่งพบว่ามีข้อมูลปริมาณวิตามินระบุชัดเจน ผ่านกระบวนการผลิตยามาตรฐานสากล พอให้ลูกกินแล้วก็เห็นผล ไม่ผิดหวัง จริงๆ ค่ะ”

          “เคยหาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพื่อโภชนาการเด็กหลายที่ๆ ส่วนใหญ่ราคาแพงและหาซื้อยาก จนมาเจอยี่ห้อนี้คุณภาพคุ้มค่า ราคาก็เข้าถึงได้ หาซื้อได้ตามร้านขายยาใกล้บ้านเลยค่ะ เพราะขึ้นทะเบียนเป็นยา มั่นใจในความปลอดภัย”

          เพราะผลิตภัณฑ์เพื่อโภชนาการเด็กตัวนี้มี “ไลซีน” กรดอะมิโนจำเป็น  ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเป็นตัวนำพากรดไขมันสู่กระบวนการเผาผลาญช่วยให้ร่างกายนำพลังงานไปใช้ได้ดีขึ้น รวมทั้งเป็นตัวช่วยสร้างสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกหิว-อิ่ม  ทำให้อยากอาหารเพิ่มขึ้น  อีกทั้งยังช่วยเสริมกล้ามเนื้อและเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย    ผลิตภัณฑ์เพื่อโภชนาการเด็กที่มีส่วนผสมของไลซีนเป็นตัวช่วยที่น่าสนใจอย่างยิ่ง  เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างไลซีนเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากแหล่งอาหารที่อุดมด้วยกรดอะมิโนชนิดนี้ เช่น เนื้อสัตว์ นม ไข่ หากเด็กมีปัญหาเรื่องพฤติกรรมการกิน อาจเสี่ยงทำให้เด็กได้รับไลซีนไม่เพียงพอ ผลิตภัณฑ์เพื่อโภชนาการเด็กที่ผสมไลซีนจึงเป็นอีกทางเลือกที่แม่ยุคใหม่ให้ความสำคัญ

          แม้ไลซีนจะมีผลต่อการกินอาหารของลูก แต่ถ้าไม่อยากให้ ลูกเบื่ออาหาร อีกต่อไป คุณพ่อคุณแม่ต้องหันมาปรับพฤติกรรมการกินอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ชวนลูกทำอาหาร เปิดโอกาสให้ออกความคิดเห็นเมนูที่อยากกิน หรือสร้างสรรค์เมนูแปลกใหม่ ตกแต่งหน้าตาให้สะดุดตา และสร้างบรรยากาศบนโต๊ะอาหารให้เป็นเรื่องสนุก ก็จะช่วยกระตุ้นให้ลูกอยากอาหารมากขึ้นได้เช่นกัน

           

          ลูกเบื่ออาหาร

          อ่านบทความ Amarin Baby & Kids Awards 2019 

          ประกาศผลรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2019

          ผ้าอ้อมยี่ห้อไหนดี 2562 คุณแม่เลือก MamyPoko เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในดวงใจ

           

            พัฒนาการเด็ก 4 เดือน

            พัฒนาการเด็ก 4 เดือน กับ 7 เรื่องสุดว้าว ลูกทำแบบนี้ได้แล้ว!

            พัฒนาการเด็ก 4 ลูกโตมากขึ้นแค่ไหนแล้ว ทั้งร่างกายและสมองมีอะไรที่ ลูก 4 เดือน พัฒนาไปบ้าง และพ่อแม่ต้อง กระตุ้น พัฒนาการทารก 4 เดือน อย่างไรให้สมวัย มาดูกันเลย

            พัฒนาการเด็ก 4 เดือน ด้านการเจริญเติบโตทางร่างกาย
            ลูกมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง?

            ทารกเข้าเดือนที่ 4 วัยนี้ลูกก็ใกล้พ้นคำว่าวัยแบเบาะเข้าไปทุกที เพราะลูกน้อยเริ่มจะไม่ยอมอยู่นิ่งๆ อีกต่อไป และลูกจะสนุกกับการพลิกคว่ำ เป็นหนึ่งในการฝึกฝนกล้ามเนื้อหลังให้แข็งแรงด้วยตัวเองตามพัฒนาการ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะนั่งได้เดือนต่อไป นอกจากนี้คุณแม่จะสังเกตเห็นได้ว่าตามหมอนที่ลูกนอนจะมีเส้นผมบางๆของลูกเริ่มร่วงหล่นอยู่ (ถ้าไม่ได้โกนผมไฟเสียก่อน) เพราะ พัฒนาการเด็ก 4 เดือน ในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ผลัดผมใหม่ สี และลักษณะของเส้นผมที่ขึ้นใหม่นี้ จะเป็นลักษณะเฉพาะตัวของเด็กแล้ว

            นอกจากนี้ในส่วนของกล้ามเนื้อคอจะค่อยๆแข็งแรงมากขึ้น ตั้งตรงและหันไปรอบๆได้ คุณแม่อุ้มลูกน้อยได้สบายมากขึ้น เมื่อจับนอนคว่ำ ยกศีรษะได้เกือบตั้งฉาก แถมยังยกขายกมือได้ ถ้าให้นอนหงายลูกจะชอบใช้มือจับขา ใช้นิ้วมือในการจับสิ่งของได้มากขึ้น แต่ยังไม่คล่องนัก เริ่มใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ ชอบจับ สิ่งของเข้าปาก อีกทั้งยังชอบเล่นน้ำลาย ส่งเสียงอ้อแอ้ อยากพูดอยากทักทาย หรือโต้ตอบ

            Must read : ลูกผมร่วง เพราะ ผ้าอ้อมกัดหัว ผ้าอ้อมกัดผม จริงหรือ?

            ทั้งนี้ในช่วง 4 เดือนขึ้นไป ลูกจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มเป็นสองเท่าของตอนแรกคลอด ซึ่งน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่บ่งบอกว่าลูกโตขึ้น แต่ให้คุณแม่ช่วยคอยสังเกตด้วยว่าลูกดูสมบูรณ์ดีหรือไม่ มีไขมันที่ต้นขา ท้อง แขนท่อนบน และบนใบหน้าแบบที่เด็กๆ ควรจะมีหรือเปล่า

            โดยเด็กผู้ชายจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 5.3-7 กก. ส่วนสูง 58-64 ซม. ส่วนเด็กผู้หญิง จะมีน้ำหนักประมาณ 4.9-6.7 และมีส่วนสูงอยู่ที่ 56.8-64.5 ทั้งนี้ถ้าลูกดูผอมเกินไป แขนขาเล็ก ตัวเล็ก ควรพาลูกไปตรวจที่โรงพยาบาลหรือศูนย์สุขภาพเด็ก เพราะในช่วงขวบปีแรกนั้นเด็กควรจะโตเร็วมาก ไม่ใช่เฉพาะร่างกายเท่านั้น แต่หมายถึงสมองด้วย

            Must read : โปรแกรมคำนวณภาวะโภชนาการ เช็กน้ำหนักส่วนสูง ความสมส่วนของลูก

            พัฒนาการเด็ก 4 เดือน

            พัฒนาการทารก 4 เดือน เรื่องการกินนม และการนอน

            เวลานอนของลูกวัย 4 เดือน จะสั้นลงในช่วงกลางวัน และจะนอนได้นานขึ้น+ตื่นน้อยลงในช่วงกลางคืน แต่ก็ยังต้องให้ลูกนอนกลางวันอยู่ดี เพราะจะมีผลต่อการนอนในช่วงกลางคืน โดยคุณแม่อาจใช้วิธีกล่อมนอนแบบเดียวกัน ไม่ว่าตอนกลางวันหรือกลางคืน

            ส่วนเรื่องการให้นม ลูกจะยังดูดนมเก่งขึ้น ซึ่งนมก็ยังเป็นอาหารสิ่งเดียวที่จำเป็นกับลูกวัยนี้ ไม่ว่าจะเป็นนมแม่หรือนมผสมก็จะให้สารอาหารที่จำเป็นแก่เด็กวัยนี้ได้อย่างครบถ้วน จึงไม่จำเป็นที่จะให้ลูกวัย 4 เดือน เริ่มอาหารเสริมเหมือนกับที่โบราณเคยเลี้ยง ควรจะเริ่มตอนอายุ 6 เดือนจะดีที่สุด

             

            Must read : อาหารเสริมทารก เริ่มอย่างไร ให้ลูกกินเก่งแถมกินง่าย!

            Must read : ป้อนกล้วยทารก ก่อนวัยเริ่มอาหารเสริมอันตรายถึงชีวิต!

            อ่านต่อ >> 7 เรื่องสุดว้าว! ลูก 4 เดือนสามารถทำแบบนี้ได้แล้ว
            คลิกหน้า
            2

             

            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

             

              นิทานเจ้าหญิง

              รวม 8 นิทานเจ้าหญิง ยอดนิยม ไว้เล่าให้ลูกสาวฟังก่อนนอน

              บ้านไหนมีลูกสาว คงหนีไม่พ้นเรื่องราวที่เกี่ยวกับเจ้าหญิง ไม่ว่าจะเป็นชุดเจ้าหญิง เครื่องประดับ ตุ๊กตา ฯลฯ และแน่นอน นิทานเจ้าหญิง จะต้องมีอยู่ในใจลูกสาวตัวน้อยทุกคน

              รวมนิทานที่เนื้อเรื่องเกี่ยวข้องกับเจ้าหญิง ให้คุณแม่คลิกเล่าให้เจ้าหญิงตัวน้อยฟังก่อนนอนกันค่ะ

              8 นิทานเจ้าหญิง ยอดนิยม ไว้เล่าให้ลูกสาวฟังก่อนนอน

              #1 โฉมงามกับเจ้าชายอสูร Beauty and the Beast

              โฉมงามกับเจ้าชายอสูร เป็นเรื่องราวที่บอกเล่าเรื่องของ “เบลล์” ที่ถูกจับไปเป็นเชลยโดยเจ้าชายที่ถูกสาปให้กลายร่างเป็นอสูรจากแม่มดลึกลับเพื่อเป็นการลงโทษความใจร้าย แต่ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็รักกันเนื่องจากความเข้าใจในตัวตน

              นิทานเจ้าหญิง โฉมงามกับเจ้าชายอสูร
              credit photo : www.facebook.com/DisneyBeautyAndTheBeast/

              อ่านนิทานเจ้าหญิง โฉมงามกับเจ้าชายอสูร คลิก

              #2 ซินเดอเรลล่า Cinderella

              ในปี 2004 ซินเดอเรลล่า ได้รับการโหวตจากเด็ก ๆ กว่า 1,200 คนจากการสำรวจโดย cinema chain UCI เป็นเทพนิยายยอดนิยมอันดับหนึ่งในดวงใจ และผลสำรวจจากกูเกิ้ลเทรนดส์ในปี 2008 ก็พบว่า ซินเดอเรลล่า เป็นเทพนิยายที่ได้รับความนิยมและกล่าวถึงมากที่สุดในโลกอินเทอร์เน็ต มีการดัดแปลงเป็นรูปแบบต่าง ๆ มากมายกว่าพันครั้ง

              รู้ไหมคะ เจ้าหญิงของเด็ก ๆ ในเรื่องนี้จริง ๆ เธอชื่อว่า เอลลา แต่แม่เลี้ยงกับพี่สาวใจร้ายของเธอพากันเรียกเธอว่า ซินเดอเรลล่า (Cinderella) อันหมายถึง “เอลลาผู้มอมแมม” จึงกลายชื่อเรียก นิทานเจ้าหญิง เรื่องนี้ไปโดยปริยาย (ข้อมูลอ้างอิง : th.wikipedia.org )

              นิทานเจ้าหญิง ซินเดอเรลล่า
              credit photo : http://princess.disney.com/cinderella

              อ่านนิทานเจ้าหญิง ซินเดอเรลล่า คลิก!

              #3 เอลซ่า Frozen

              เจ้าหญิงเอลซ่า ไม่มีเด็กผู้หญิงคนไหนไม่รู้จักเจ้าหญิงคนนี้พร้อมร้องเพลงประจำตัวของเธอได้แทบทุกคน เป็นขวัญใจของเด็กหญิงทั่วโลก เอลซ่ามีมนต์วิเศษที่มือซึ่งสามารถเสกทุกอย่างรอบตัวให้กลายเป็นน้ำแข็ง แต่ก็นั้นแหละพลังที่แอบแฝงอยู่ทำให้น้องสาวของเธอตกอยู่ในอันตราย จนต้องเนรเทศตนเองไปอยู่ในแดนน้ำแข็งเพียงลำพัง

              นิทานเจ้าหญิง เอลซ่า
              credit photo : myenglishis.blogspot.com

              อ่านนิทานเจ้าหญิงเอลซ่า คลิก!

              #4 เจ้าหญิง จัสมิน Jasmine

              เจ้าหญิงจัสมิน เป็นเจ้าหญิงคนที่ 6 แห่งเมืองอักราบาห์ สำหรับชื่อ Jasmine แปลว่า ดอกมะลิ เจ้าหญิงจัสมินในนิทานมีผิวสีน้ำผึ้ง รูปร่างสวย อ้อนแอ้นเหมือนนาฬิกาทราย แต่มีนิสัยเอาแตใจ ขี้เล่น และอยากไปท่องเที่ยวผจญภัยนอกวัง นิทานเจ้าหญิงเรื่องนี้ออกแนวแฟนซีที่มียักษ์ในตะเพียงวิเศษสามารถขอพรวิเศษได้

              นิทานเจ้าหญิง จัสมิน
              credit photo : disneyworldprincess.weebly.com

              อ่านนิทานเจ้าหญิงจัสมิน คลิก!

              #5 เงือกน้อยผจญภัย The Little Mermaid

              เจ้าหญิงแอเรียล ธิดาคนสุดทองของจ้าวมหาสมุทร เงือกสาวแสนสวยที่อยากจะออกไปผจญภัยจากโลกใต้สมุทร และได้พบกับเจ้าชาย เธอจึงยอมแลกหางของเธอกับเสียงที่ไพเราะเพื่อจะได้ขาทั้งสองข้าง เป็น นิทานเจ้าหญิง ที่น่าตื่นเต้นและชวนลูกสาวตัวน้อยลุ้นระทึกอยู่ใกล้ ๆ จริง ๆ ค่ะ

              นิทานเจ้าหญิง เงือกน้อยผจญภัย
              Credit Photo : th.facebook.com/DisneyTheLittleMermaid/

              อ่านนิทานเจ้าหญิง เงือกน้อยผจญภัย คลิก! 

               

              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

              อ่านต่อ 8 นิทานเล่าให้เจ้าหญิงตัวน้อยฟังก่อนนอน  คลิกหน้า 2

                แม่ต้องช้อป ลูกต้องใช้

                เมื่อ “แม่ต้องช้อป ลูกต้องใช้” ได้โปรเด็ด !! กับ JD CENTRAL

                JD CENTRAL เอาใจคุณแม่สายช้อป ในเดือน 11 มอบโปรพิเศษ “แม่ต้องช้อป ลูกต้องใช้” ในงาน  Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 15 และช้อปออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 5 – 12 พ.ย.62* นี้

                ผู้นำด้านเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซและธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย  เข้าร่วมงานช้อปเพื่อแม่และเด็กสุดยิ่งใหญ่ จับมือกับ  Amarin Baby & Kids Fair ให้คุณแม่ช้อปผ่าน application และภายในงาน  ได้สินค้าคุณภาพแท้! ราคาโดนใจ! ไม่ผิดหวัง!

                 

                JD CENTRAL “แม่ต้องช้อป ลูกต้องใช้”
                ซื้อในงานแฟร์หรือออนไลน์ ลดถูกใจไปหมด

                สิทธิพิเศษมากมายให้คุณแม่ !

                เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก จากสินค้าแม่และเด็กแบรนด์ดังชั้นนำที่รวมตัวจัดโปรโมชั่นในงาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 15 (วันที่ 7-10 พ.ย.) นำโดย LÍLLÉbaby  Beaba  Enfagrow  Drypers และอื่นๆ

                สั่งซื้อบน app JD CENTRAL   แล้วรอรับสินค้าที่บ้าน

                สั่งซื้อบน app  JD CENTRAL  รับของที่งานอีเว้นท์ Amarin Baby & Kids Fair ได้เลย

                 

                แม่ต้องช้อป ลูกต้องใช้ แม่ต้องช้อป ลูกต้องใช้

                เทศกาล 11.11 …มหกรรมช้อปปิ้งของแท้ แม่พลาดไม่ได้!  ที่  JD CENTRAL
                ของมันต้องมี กับเทศกาลช้อปปิ้งแห่งปี 11.11 ที่ JD CENTRAL กับแคมเปญเด็ด JD CENTRAL MOST WANTED SHOPPING FEST  โปรแรงที่สุด !! วันที่ 11 เดือน 11 วันเดียวเท่านั้น  ให้ทุกครอบครัวซื้อสินค้าราคาโปรโมชั่นจัดเต็ม มั่นใจได้ 100% ในคุณภาพ

                แม่ต้องช้อป ลูกต้องใช้ แม่ต้องช้อป ลูกต้องใช้

                 

                “ช้อปของดี การันตีของแท้” ช้อปให้สบายใจกับ JD CENTRAL Application ที่คุณแม่ยุคใหม่ไว้ใจมากที่สุด

                คุณแม่พร้อมโหลดแอป JD CENTRAL  ช้อปปิ้งได้ทันใจ หรือ www.jd.co.th แล้วคลิกช้อปทันที!!

                JD CENTRAL “แม่ต้องช้อป ลูกต้องใช้”

                JD CENTRAL “แม่ต้องช้อป ลูกต้องใช้”

                JD CENTRAL “แม่ต้องช้อป ลูกต้องใช้”

                  ฉีดวัคซีน HPV

                  ไขข้อสงสัย? ทำไมคุณพ่อคุณแม่ต้องพาลูกวัยรุ่นไปฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งจากไวรัส HPV

                  ต้องยอมรับว่ามะเร็งถือเป็นภัยใกล้ตัวที่คร่าชีวิตผู้คนเป็นอันดับต้นๆ ทั่วโลก มะเร็งปากมดลูก ก็นับว่าเป็นวายร้ายอันดับ 2 ที่คุกคามชีวิตของหญิงไทย และมะเร็งทวารหนักก็เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับแรกๆ ในผู้ชายเช่นเดียวกัน

                  ทำให้ทุกวันนี้ วัคซีน HPV ถูกบรรจุเป็นวัคซีนพื้นฐานที่หลายๆ ประเทศ แนะนำให้เด็กหญิงและเด็กชายฉีด เพื่อป้องกันการเกิดมะเร็งในอนาคต สำหรับประเทศไทยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ดำเนินโครงการ  ฉีดวัคซีน HPV ฟรี ให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งเป็นวัยเหมาะสมที่สุดในการรับวัคซีนนี้

                  ทำไมต้องพาลูกไปฉีดวัคซีน HPV ?

                  จุดประสงค์ในการฉีดวัคซีนนั้นเพื่อป้องกันโรคมะเร็งยอดฮิตที่เกิดจากเชื้อ HPV สาเหตุของโรคมะเร็งที่สามารถเกิดได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งสถิติพบว่าผู้หญิงผู้ชายในวัยผู้ใหญ่ มีโอกาสติดเชื้อ HPV 80-90% ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่เด็กๆ ควรต้องได้รับการฉีดวัคซีน HPV ซึ่งเป็นวัคซีนที่ป้องกันการติดเชื้อ HPV อันเป็นต้นเหตุของมะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอดในเด็กผู้หญิง และวัคซีนยังช่วยป้องกันมะเร็งทวารหนัก มะเร็งอวัยวะเพศในเด็กผู้ชายได้อีกด้วย ฉะนั้นจึงถือได้ว่าการฉีดวัคซีน HPV มีความจำเป็นสำหรับทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย

                  ฉีดวัคซีน HPV

                  วัคซีน HPV ฉีดได้ตั้งแต่เด็ก ป้องกันมะเร็งในอนาคต

                  คุณแม่หลายท่านคงสงสัยว่า ลูกของเราจะสามารถ ฉีดวัคซีน HPV ได้เมื่อไหร่ ซึ่งแพทย์แนะนำว่าวัคซีนจะได้ผลดีที่สุดเมื่อฉีดตอนอายุยังน้อย สามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ เพราะการฉีดวัคซีนในเด็กจะทำให้ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ HPV ได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับการฉีดในคนอายุมาก

                  ซึ่งวัคซีน HPV นั้นได้นำส่วนประกอบของเชื้อไวรัส HPV ที่ถูกทำให้อ่อนแรงลง และไม่สามารถก่อโรคได้ ดังนั้นเมื่อฉีดวัคซีนเข้าไป จะทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัส และในอนาคตผู้ที่เคยฉีดวัคซีนจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัส HPV ในสายพันธุ์ที่บรรจุในวัคซีน ทำให้เชื้อไวรัส HPV ไม่สามารถก่อโรคในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันได้

                  ซึ่งประสิทธิภาพของวัคซีนจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ก่อมะเร็งไม่ว่าจะเป็น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก มะเร็งอวัยวะเพศได้ถึง 90-100% ในผู้ที่ยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อน และเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการฉีดวัคซีน HPV ควรได้รับวัคซีนตั้งแต่ยังไม่ติดเชื้อ HPV นั่นคือ ในช่วงอายุ 9-15 ปี จะดีที่สุด เพราะในช่วงนี้ร่างกายจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อได้ดี จึงทำให้ในเด็ก ที่อายุน้อยกว่า 15 ปี แนะนำให้ฉีดเพียง 2 เข็ม ขณะที่ ในผู้ใหญ่นั้นจะแนะนำให้ฉีด 3 เข็ม Amarin Baby & Kids จึงอยากแนะนำคุณแม่ให้พาลูกไปฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่วันนี้ เพื่อป้องกันโรคมะเร็งจากเชื้อ HPV ที่อาจเกิดกับลูกของเราในอนาคต รวมทั้งหากฉีดในวัย 9-15 ปี จะฉีดวัคซีนเพียงแค่ 2 เข็ม ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายของคุณพ่อคุณแม่ด้วย

                  สิ่งที่คุณแม่ควรรู้ก่อนพาลูกไป ฉีดวัคซีน HPV

                  การฉีดวัคซีน HPV ต้องฉีดให้ครบถ้วนทั้งหมด 3 เข็ม แต่หากฉีดเข็มแรกในช่วงอายุ 9-15 ปี สามารถฉีดวัคซีนเพียง 2 เข็มเท่านั้น โดยเว้นระยะห่างกัน 6-12 เดือน ฉะนั้นการพาลูกไปฉีดตั้งแต่อายุยังน้อยจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เจ็บตัวน้อย และยังได้ประสิทธิภาพวัคซีนที่สูงสุด ส่วนขั้นตอนของการพาลูกไปฉีดก็ไม่มีอะไรซับซ้อน

                  1. เพียงพาลูกไปโรงพยาบาลที่คุณแม่สะดวก
                  2. ตรวจร่างกาย และพบแพทย์
                  3. รับการฉีดวัคซีน HPV ซึ่งจะถูกฉีดที่ต้นแขน

                  เห็นไหมคะว่า ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ดังนั้นการป้องกันโรคด้วยการ ฉีดวัคซีน HPV ให้ครบถ้วนตั้งแต่อายุยังน้อยย่อมช่วยให้ห่างไกลโรคมะเร็งในตอนโตได้เป็นอย่างดี วันนี้ Amarin Baby & Kids ได้รวบรวมราคาวัคซีน HPV (ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการ) ตามโรงพยาบาลต่างๆ ในกรุงเทพฯ สำหรับเด็กในช่วงอายุ 9-15 ปี ซึ่งสามารถฉีดวัคซีนเพียง 2 เข็ม มาให้ดูค่ะ

                  ราคาวัคซีน HPV แบบ 2 เข็ม (ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการ)

                  โรงพยาบาล

                  วัคซีน HPV

                  เบอร์โทร

                  โรงพยาบาลเวชธานี5,000-7,00002 734 0000
                  โรงพยาบาล เกษมราษฎร์ ประชาชื่น5,90002 910 1600
                  โรงพยาบาล พญาไท 16,00002 201 4600
                  คลินิกเวชศาสตร์ท่องเที่ยวและการเดินทาง โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน4,92002 306 9145

                  ราคานี้เป็นราคา ฉีดวัคซีน HPV รวม 2 เข็ม อ้างอิงในวันที่ 4 ตุลาคม 2562 ไม่รวมค่าแพทย์ และค่าบริการ ราคาอาจมีเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามคุณพ่อคุณแม่ควรโทรสอบถามกับทางโรงพยาบาลที่สะดวกอีกครั้งนะคะ

                    เล่นนอกบ้าน

                    คาบเรียนที่ไม่ใช่แค่คราบเลอะ ให้อะไรลูกเยอะกว่าที่แม่คิด

                    คราบเลอะ = ประสบการณ์ จะพาลูกเล่นนอกบ้านทั้งที คุณพ่อคุณแม่อย่าไปกังวลว่าเสื้อผ้า เนื้อตัวลูกจะเลอะเทอะ มีคราบเลอะเปรอะเปื้อน เพราะการที่เราส่งเสริมให้เด็กๆ ได้เล่นเลอะนอกบ้านกับกิจกรรมต่างๆ ที่พวกเขาชื่นชอบ ไม่ว่าจะลุยน้ำ ย่ำทราย ปั้นดิน ฯลฯ ขอบอกว่าลูกยิ่งเลอะ ยิ่งประสบการณ์ค่ะ

                    องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่าเด็กๆ ควรได้ใช้เวลาอยู่นอกบ้านมกิจกรรมทางกายอย่างน้อย 60 นาที เพื่อทำกิจกรรมกลางแจ้งที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และพัฒนาการตามวัยของเด็กๆ ค่ะ

                     

                    เล่นนอกบ้าน ให้อะไรกับลูกบ้าง ?

                    ความกังวลของพ่อแม่เวลาที่พาลูกออกไปเล่นนอกบ้าน ไปทำกิจกรรมสนุกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ปลูกต้นไม้ ดอกไม้ , ปลูกข้างแปลงนาสาธิต , เที่ยวสวนสัตว์ , ทาสี ทำชิ้นงานศิลปะ , สำรวจธรรมชาติในสวน , ปั่นจักรยาน , เตะบอล ฯลฯ ทุกส่วนของร่างกายจะต้องสัมผัสอากาศ จับดิบ น้ำ ทราย เหงื่อออกเปียกเสื้อผ้า เนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะ ความสนุกทั้งหมดของลูกมักมาพร้อมกับคราบเลอะ เปรอะเปื้อนที่ติดมากับเสื้อผ้า เนื้อตัวอย่างปฏิเสธไม่ได้

                    เล่นนอกบ้าน

                    เป็นธรรมดาของเด็กๆ ที่จะมีคราบเลอะจากการเล่นนอกบ้าน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่รู้ไหมคะว่า การเรียนรู้เล่นเลอะนอกบ้านของลูก สามารถกระตุ้นส่งเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ การคิด แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การเข้าสังคมอยู่ร่วมกับคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดที่เด็กๆ ได้เรียนรู้จากการเล่นก็ยังจะนำไปต่อยอดศักยภาพในตัวของเด็กๆ ให้กลับมาสู่การโฟกัสในห้องเรียน เด็กที่เรียนดีอยู่แล้วก็จะดียิ่งขึ้น ส่วนเด็กที่อาจจะมีความสนใจการเรียนในบางวิชาน้อย ก็จะมีความสนใจมากขึ้น และพัฒนาผลการเรียนให้ค่อยๆ ดีขึ้นด้วยค่ะ ฉะนั้นอย่าไปกังวลว่าลูกจะเล่นเลอะนอกบ้าน จนไปปิดกั้นพัฒนาการการเรียนรู้ของลูกนะคะ

                    เล่นนอกบ้าน

                    การเรียนรู้เล่นเลอะนอกบ้าน ลูกได้ประโยชน์ ?

                    1. พัฒนาความคิดให้เป็นคนที่รู้จักคิดไตร่ตรอง มีความคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในสถานการณ์จริงได้
                    2. สามารถปรับตัวได้ในสถานการณ์คับขัน มีความอดทน และรู้จักการรอคอยเป็น
                    3. พัฒนาทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น และการมีทักษะการสื่อสารที่ดี
                    4. พัฒนาทักษะทางสังคม เรียนรู้กฎกติกา มารยาท และกาลเทศะในสถานที่ต่างๆ ได้อย่างเข้าใจ
                    5. มีความกล้าแสดงออก มีความมั่นใจ และรู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง
                    6. มีสมาธิ กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ต่อกิจกรรมต่างๆ ที่สนใจ
                    7. ลดความเครียด ทำให้ผ่อนคลาย อารมณ์ดี ไม่มีความรุนแรงทางอารมณ์ เช่น หงุดหงิด ขี้โมโห เป็นต้น
                    8. ได้ใช้เวลาร่วมกันกับคนในครอบครัวมากขึ้น มีความเข้าอกเข้าใจกันระหว่างพ่อแม่ลูกในทิศทางที่ดี
                    9. ช่วยให้ค้นพบว่าตัวเองมีความถนัด มีความสนใจอยากที่จะเรียนรู้ในเรื่องอะไร
                    10. จากประสบการณ์การเรียนรู้เล่นเลอะนอกบ้านผ่านกิจกรรมที่ลูกสนใจ จะช่วยกระตุ้นให้มีความสนใจการเรียนในห้องเรียนมากขึ้น

                    การสนับสนุนให้ลูกได้เรียนรู้เล่นเลอะนอกบ้านอย่างน้อยให้ได้วันะ 60 นาที ที่ถึงแม้ว่าการเล่นสนุก การทำกิจกรรมที่ลูกสนใจนั้น จะต้องมีคราบเลอะ เปรอะเปื้อนเนื้อตัว เสื้อผ้าลูกกลับมาบ้านบ้าง ก็ถือเป็นเรื่องที่คุ้มค่าต่อพัฒนาการ ทักษะรอบด้านของลูก เพื่อที่พวกเขาจะได้เติบโตขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและศักยภาพต่อไปในอนาคตข้างหน้าได้อย่างสมบูรณ์แบบค่ะ

                    เล่นนอกบ้าน

                    บรีสรวมสนับสนุน 60 นาที เล่นเลอะรอบรู้นอกห้องเรียนกับโรงเรียนทั่วประเทศเพื่อให้คราบเรียนกับคราบเลอะ เป็นเรื่องที่เดินไปด้วยกันได้ คลิก บรีสoutdoorlearning

                     

                     

                     

                    เครดิต : WHO  , www.thaihealth.co.th  ,  www.independentschoolparent.com   

                      แต่งตัวฮาโลวีน

                      ไอเดีย แต่งตัวฮาโลวีน 12 ลูกดารา ในธีมผีตัวน้อย-ปีศาจตัวจิ๋วสุดน่ารัก

                      หากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาไอเดีย แต่งตัวฮาโลวีน ให้ลูก ในเทศกาลวันฮาโลวีน ตามมาดู 12 ซุปตาร์ตัวน้อย ที่คุณพ่อคุณแม่จับ แต่งชุดฮาโลวีน ทั้งผีตัวน้อย-ปีศาจตัวจิ๋ว กันค่ะ

                      ส่อง 12 ลูกดารา แต่งตัวฮาโลวีน มีทั้งผีตัวน้อย-ปีศาจตัวจิ๋ว สุดน่ารัก

                      “วันฮาโลวีน” Halloween ซึ่ง ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี เป็นงานฉลองของประเทศทางตะวันตก ซึ่งนอกจากผู้ใหญ่จะได้ร่วมงานปาร์ตี้สยองอย่างสนุกสนานแล้ว เหล่าเด็ก ๆ ต่างก็ตื่นเต้นกับเทศกาลหลอนนี้ไม่แพ้กัน เพราะพวกเขาจะได้ แต่งฮาโลวีน  สร้างสีสันให้ค่ำคืนสุดพิเศษ ทั้งสวมใส่ชุดและแต่งแต้มเมคอัพ ให้เป็นผีเด็ก ปีศาจตัวจิ๋วหน้าตาน่ารัก หรือตัวละครต่าง ๆ ที่ชื่นชอบแบบจัดเต็ม พร้อมออกไปเคาะประตูขอลูกอม, ขนมหวาน กับประโยคสุดคลาสสิกที่ว่า “trick or treat” ซึ่งก็หมายความว่า จะให้หลอกหรือจะเลี้ยงนั่นเอง

                      ซึ่งสำหรับประเทศไทยบ้านเราก็รับเอาวัฒนธรรมนี้เข้ามา ซึ่งบางโรงเรียนที่นับถือศาสนาคริสต์ก็จะมีการจัดกิจกรรม วันฮาโลวีนด้วย ซึ่งคนที่ตื่นเต้นสุดไม่ใช่เด็ก แต่เป็นเหล่าคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์สุดๆ เพื่อที่จะ แต่งตัวฮาโลวีน ให้กับลูกน้อยของเรา

                      ดังนั้นเพื่อเป็นไอเดียให้กับคุณพ่อคุณแม่ไว้สำหรับจับลูกน้อยของคุณ แต่งตัวฮาโลวีน สำหรับในปีต่อๆไป ทางทีมงาน Amarin Baby & Kids  จึงได้ไปแอบส่องเหล่าซุปตาร์ตัวน้อย ลูกดาราแต่งฮาโลวีน ลูกดาราสุดน่ารักทั้งหลาย และรวบรวมภาพมาให้ดู ซึ่งบรรดาคุณพ่อคุณแม่จะจับลูก ๆ แต่งตัวแปลงโฉมเป็นคุณผีตัวน้อยในลุคใดกันบ้าง จะน่ากลัวหรือน่ารักกันขนาดไหน แล้วจะมีลูกเต้าเหล่าใครกันบ้าง ตามมาดูกันเลย

                       

                      น้องแพทริค – น้องริต้า ลูกชายและลูกสาวของแม่นิหน่ามาในธีมท่านแดร็กคูล่า กับ แวมไพร์สาวตัวน้อย

                      https://www.instagram.com/p/B4R09TGh2eH/

                       

                      น้องภู – น้องเภา 2 ลูกชายสุดหล่อของแม่เอ๋และพ่อป๋อ มาในชุดผีไดโนเสาร์ ตามที่เตรียมไว้แรมเดือน

                      https://www.instagram.com/p/B4Q8lA8B1q3/

                       

                      น้องณดา – น้องณดล ลูกสาวสุดสวยและลูกชายสุดหล่อ ของแม่กบ ก็มาในชุดเดวิลสาวและท่านแดร็กคูล่าสุดคิ้วท์

                      https://www.instagram.com/p/B4Q8yVqlzVq/

                       

                      น้องมายู ลูกสาวสุดหวงของแม่เมย์และพ่อหนุ่ม มาในชุดแม่มดฟักทองสีส้มสดใส

                      https://www.instagram.com/p/B4Rdz1CgRFs/

                       

                      น้องณิริน ลูกสาวสุดที่รักของแม่หนิง มาในลุคแม่มดสาว พร้อมถือไม้กายสิทธิ์คิวท์ ๆ

                      https://www.instagram.com/p/B4Q79VOAtWb/

                       

                      ดูต่อ >> “ลูกดาราแต่งฮาโลวีน มีทั้งผีน้อย-ปีศาจตัวจิ๋วสุดน่ารัก”
                      คลิกหน้า 2

                       

                      เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                       

                        ติดตั้งคาร์ซีท

                        เลือกซื้อ ติดตั้งคาร์ซีท อย่างไรให้เหมาะกับวัย ปลอดภัยกับลูกน้อย?

                        คาร์ซีทถูกออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสมกับสรีระของเด็กในแต่ละวัย ดังนั้นจึงมีหลายรุ่นและหลายชนิดให้เลือกใช้ แต่จะเลือกซื้อ และ ติดตั้งคาร์ซีท อย่างไรให้ปลอดภัยกับลูกน้อยที่สุด?

                        เลือกซื้อ ติดตั้งคาร์ซีท อย่างไรให้เหมาะกับวัย ปลอดภัยกับลูกน้อย?

                        คาร์ซีท เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างหนึ่งที่ควรจะใช้ระหว่างการเดินทางโดยรถยนต์ เพราะจะช่วยให้ลูกน้อยเดินทางได้อย่างสบาย มีที่นั่งที่สามารถรองรับกับสรีระเล็ก ๆ ของลูกได้ นอกจากนี้ยังทำให้ลูกน้อยปลอดภัยตลอดการเดินทางอีกด้วย ในบางประเทศ มีกฎหมายบังคับให้มีการ ติดตั้งคาร์ซีท ไว้บนรถ หากมีเด็กร่วมเดินทางด้วย เด็กคนนั้นจะต้องนั่งอยู่บนคาร์ซีทตลอดการเดินทาง ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของตัวเด็กเองหากเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นมา แม้ว่าในเมืองไทยจะยังไม่มีกฎหมายบังคับนี้ แต่ในหลาย ๆ ครอบครัว ก็เลือกที่จะ ติดตั้งคาร์ซีท ไว้บนรถเพื่อให้ลูกน้อยได้นั่งในเวลาเดินทาง คาร์ซีทจึงเป็นไอเท็มที่ครอบครัวที่มีลูกเล็กจะต้องมี สำหรับคุณแม่มือใหม่ ที่ยังไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกซื้อคาร์ซีทอย่างไรให้เหมาะกับวัย และปลอดภัยกับลูกน้อยนั้น เรามีข้อมูลดี ๆ มาประกอบการตัดสินใจค่ะ

                        คาร์ซีท มีกี่ประเภท?

                        ประเภทของคาร์ซีทมักจะออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสมกับช่วงอายุ ส่วนสูง และขนาดตัวของเด็ก เราจึงสามารถแยกประเภทของคาร์ซีทได้ ดังนี้

                        คาร์ซีทแบบกระเช้า
                        คาร์ซีทแบบกระเช้า
                        • คาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะ (คาร์ซีทแบบกระเช้า) มักมีด้ามจับอยู่ด้านบน สามารถถอดออกจากฐานที่ยึดกับเบาะรถได้ และต้องติดตั้งโดยหันหน้าเข้าหาเบาะหลังเท่านั้น ข้อดีของคาร์ซีทประเภทนี้คือสามารถถอดออกจากฐานที่ยึดกับเบาะรถได้ หากลูกหลับขณะอยู่บนรถ เมื่อถึงที่หมายแล้ว คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องปลุกลูกหรืออุ้มลูกออกจากคาร์ซีท เพราะสามารถยกกระเช้าออกจากฐานได้เลย โดยมากคาร์ซีทประเภทนี้มักจะจำหน่ายเป็นเซ็ต คือ กระเช้านี้สามารถนำไปติดกับฐานบนรถเพื่อเป็นคาร์ซีท เมื่อถึงที่หมายก็นำกระเช้าไปติดกับรถเข็นได้เลย
                        คาร์ซีท
                        คาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะ
                        • คาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะ (Rear-Facing Convertible Car Seat) คาร์ซีทประเภทนี้จะไม่มีด้ามจับอยู่ด้านบน จึงไม่สามารถถอดออกจากฐานได้ คุณพ่อคุณแม่จะต้องอุ้มลูกออกมาจากคาร์ซีทเมื่อถึงที่หมายเท่านั้น แต่ข้อดีของคาร์ซีทประเภทนี้คือ เมื่ออายุและน้ำหนักของลูกสามารถนั่งคาร์ซีทแบบหันไปข้างหน้ารถได้แล้ว คาร์ซีทประเภทนี้จะสามารถแปลงไปเป็นคาร์ซีทแบบหันไปข้างหน้ารถได้
                        คาร์ซีทเด็ก
                        คาร์ซีทแบบหันไปข้างหน้ารถ
                        • คาร์ซีทแบบหันไปข้างหน้ารถ (Forward Facing Car Seat) ติดตั้งโดยยึดติดกับเบาะหลัง และหันไปข้างหน้ารถเหมือนเบาะรถปกติ คาร์ซีทประเภทนี้จะออกแบบมาสำหรับเด็กโต ในบางยี่ห้อ จะสามารถปรับเปลี่ยนเป็นคาร์ซีทแบบที่นั่งเสริม (Booster Seat) ได้ ทำให้สามารถยืดการใช้งานคาร์ซีทประเภทนี้ได้ตั้งแต่เด็กจนโต
                        Booster Seat
                        Booster Seat
                        • คาร์ซีทแบบที่นั่งเสริม (Booster Seat) ติดตั้งโดยยึดกับเบาะหลัง และหันไปข้างหน้ารถเหมือนเบาะรถปกติ ใช้สำหรับเด็กที่โตเกินกว่าจะนั่งคาร์ซีทแบบหันไปข้างหน้ารถได้ ข้อดีของคาร์ซีทประเภทนี้คือมีน้ำหนักเบากว่าคาร์ซีทประเภทอื่น ๆ พกพาสะดวก

                        หากเด็กโตขึ้นจนสามารถคาดเข็มขัดนิรภัยได้ถูกต้องพอดีตัว โดยสามารถคาดเข็มขัดผ่านต้นขาด้านบนและผ่านหน้าอกได้ ไม่ใช่ผ่านบริเวณท้องและคอ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้คาร์ซีทอีกต่อไป

                        6 สิ่งที่ควรคำนึงถึงก่อนซื้อคาร์ซีท

                        เนื่องจากคาร์ซีทถูกออกแบบมาให้เหมาะกับเด็กตั้งแต่วัยแรกเกิดจนถึงอายุ 12 ขวบ ดังนั้น จึงมีคาร์ซีทหลากหลายประเภทดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ดังนั้น ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะซื้อคาร์ซีทให้ลูก ควรใช้ 6 หลักการนี้ประกอบการตัดสินใจ

                        1. อายุของลูก เนื่องจากคาร์ซีทบางประเภทก็ออกแบบมาเพื่อเด็กทารกโดยเฉพาะ และในบางประเภทก็ออกแบบมาให้เหมาะสำหรับเด็กโตอย่างเดียว ดังนั้น อายุจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเลือกซื้อคาร์ซีท
                        2. น้ำหนักและส่วนสูงของลูก คาร์ซีทแต่ละประเภทจะกำหนดน้ำหนักที่คาร์ซีทนั้น ๆ สามารถรองรับได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรสอบถามผู้ขายถึงข้อมูลนี้ก่อนตัดสินใจซื้อ
                        3. เข็มขัดนิรภัย เข็มขัดนิรภัยของคาร์ซีทควรผ่านเกณฑ์มาตรฐาน และควรเป็นเข็มขัดนิรภัยแบบ 5 จุด  เพราะจะปลอดภัยกว่าแบบ 3 จุด
                        4. มาตรฐานความปลอดภัย เนื่องจากยังไม่มีหน่วยงานภาครัฐใด ๆ ที่รับรองมาตรฐานของคาร์ซีทซึ่งถูกผลิตและนำเข้ามาในประเทศไทยโดยเฉพาะ ดังนั้น ผู้ใช้ควรเลือกคาร์ซีทที่ผ่านมาตรฐานจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น Federal Motor Vehicle Safety Standard 213 ของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
                        5. ความใหม่ของผลิตภัณฑ์ การซื้อคาร์ซีทมือหนึ่งซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ย่อมดีกว่า เพราะเพิ่งถูกผลิตและยังไม่ผ่านการใช้งาน เสี่ยงต่อการชำรุดเสียหายน้อยกว่า แต่หากจำเป็นต้องซื้อสินค้ามือสอง ควรสังเกตว่าผลิตภัณฑ์นั้นไม่มีชิ้นส่วนใดขาดหายไป ไม่มีรอยแตก หรือรอยร้าว และไม่เคยผ่านอุบัติเหตุทางรถยนต์มาก่อน เพราะอาจส่งผลต่อการทำงานของระบบนิรภัยได้
                        6. ราคา อย่าตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากราคาเพียงอย่างเดียว เพราะคาร์ซีทที่มีราคาสูง ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าจะใช้งานได้ดีกว่า หรือปลอดภัยกว่าเสมอไป

                         

                        เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                        อ่านต่อ ช่วงอายุที่เหมาะกับคาร์ซีทแต่ละประเภท และวิธี ติดตั้งคาร์ซีท ที่ปลอดภัย

                          ของเล่นเด็ก

                          5 หลักการเลือกซื้อ ของเล่นเด็ก ให้ปลอดภัยจากสารเคมี

                          เตือนพ่อแม่! ของเล่นเด็ก เหล่านี้…? ไม่ควรซื้อให้เล่น ถ้ามีเก็บทิ้งด่วน..ตรวจพบ “สารทาเลต” เกินมาตรฐาน ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและเสี่ยงทำให้ฮอร์โมนเพศผิดปกติ

                          ตรวจพบ ของเล่นเด็ก มี “สารทาเลต” เกินมาตรฐาน!

                          ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ร่วมกับสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว และศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก ได้ทำการสุ่มตรวจตัวอย่าง ของเล่นเด็ก และพบว่ามีการปนเปื้อนสารเคมีทาเลต (phthalates) เกินมาตรฐาน ซึ่งสารทาเลตนี้มีผลต่อการเจริญเติบโตและเสี่ยงทำให้ฮอร์โมนเพศชายของเด็กผิดปกติ

                          ซึ่งได้ทำการสุ่มเก็บตัวอย่าง ของเล่นเด็ก รวมไปถึงของใช้ประเภทพลาสติกพีวีซี (PVC) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้พลาสติกอ่อนตัว ทำให้ของเล่นที่มีสารชนิดนี้ส่วนใหญ่เป็นของเล่นที่มีลักษณะอ่อนนิ่ม บีบจับและนำเข้าปากง่าย จำนวน 51 ตัวอย่าง จากห้างสรรพสินค้า ท้องตลาดและหน้าโรงเรียนในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ รวมไปถึง ของเล่นเด็ก ที่ขายในเว็บไซต์ออนไลน์ นำไปส่งตรวจวิเคราะห์การปนเปื้อนของสารทาเลต 6 ชนิด ที่สกัดได้จากพลาสติก ยาง และสารเคลือบจากผิวของเล่นที่เด็กอาจสัมผัส

                          โดยพบปริมาณสารทาเลตเกินกว่าค่ามาตรฐานสากล 18 ชิ้น และที่น่าตกใจ คือ พบสารชนิดนี้ทั้ง ของเล่นเด็ก ที่มีเครื่องหมาย มอก. และ ไม่มีเครื่องหมาย มอก. โดยแบ่งของเล่นที่สุ่มตรวจเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้

                          1. ⊕กลุ่มที่มีเครื่องหมาย มอก. และตรวจไม่พบทาเลต หรือพบแต่ไม่เกิน 0.1
                          (ไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด)

                          ของเล่นเด็ก
                          ของเล่นเด็กปลอดสารพิษ (มี มอก.) ขอบคุณภาพจาก news.thaipbs.or.th

                          มี 12 ชิ้น ได้แก่ ยางกัดมีที่จับ ยี่ห้อ Mind Care, ยางกัดเป็ด (สีชมพู) ยี่ห้อ Tesco loves baby, ยางกัด (สีน้ำเงิน) ยี่ห้อ Playskool baby, ตุ๊กตาพ่นน้ำ, กรุ๊งกริ๊ง (สีน้ำเงิน), ชุดตุ๊กตาไดโนเสาร์, อมยิ้มด้ามยาว, ชุดทำอาหารพลาสติก, ตุ๊กตากระต่าย (สีเหลือง), หุ่นยนต์ซุปเปอร์ฮีโร่, ชุดผลไม้ผ่าครึ่ง และตุ๊กตาช้าง (สีน้ำเงิน) ยี่ห้อ NB Toys

                          2. ⊗กลุ่มที่ไม่มีเครื่องหมาย มอก. และตรวจไม่พบทาเลต หรือพบแต่ไม่เกิน 0.1
                          (ไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด)

                          ของเล่นเด็ก
                          ของเล่นเด็กปลอดสารพิษ (ไม่มี มอก.) ขอบคุณภาพจาก news.thaipbs.or.th

                          มี 21 ชิ้น ได้แก่ ช้อน (สีแดง), พวงกุญแจม้า (สีเหลือง), ช้าง (สีส้ม), หมี (สีเทา), ไดโนเสาร์ (สีชมพู), ลูกบอลยาง (มีไฟกระพริบ), ลูกบอลยาง, ชุดตักดิน, ตุ๊กตาสัตว์เล็ก, แหวนยาง, ตุ๊กตาหนู (สีม่วง-เทา), แม่เหล็กผีเสื้อ, พวกกุญแจโมชิ (สีชมพู), ยางกัดทรงห่วงกลม, ยางกัดลายแมว, ยางกัดน้ำ fin, ที่กัดเด็ก, ยางกัดยีราฟ (สีเหลือง), ยางกัดรูปหัวใจ (สีแดง-เขียว), ตัวต่อไดโนเสาร์ และรถตักดิน

                          อ่านต่อ >> “รายชื่อกลุ่มตัวอย่างของเล่นเด็ก
                          ที่ตรวจพบทาเลตเกินเกณฑ์ที่กำหนด” คลิกหน้า
                          2

                           

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                           

                            พาลูกเที่ยว เชียงใหม่

                            พาลูกเที่ยว เชียงใหม่ 6 ที่เที่ยว กิน เล่น เช็กอินเอาใจลูก

                            ขึ้นชื่อว่าจังหวัดเชียงใหม่ ใคร ๆ ก็อยากมาเที่ยว เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่เดินทางไปง่ายไม่ว่าจะขับรถ ขึ้นเครื่องบิน หรือรถไฟ ที่ควรได้พาเจ้าตัวเล็กมาเที่ยวซักครั้งในชีวิตเพื่อเติมประสบการณ์การเดินทางที่จะชวนจดจำและชื่นชอบกันค่ะ มาดูโปรแกรมสองวันกับการ พาลูกเที่ยว เชียงใหม่ อัพเดทสถานที่เที่ยวพ่วงด้วยกิจกรรมเอาใจลูก แถมให้พ่อแม่เที่ยวเพลิน แฮปปี้กันได้ทั้งครอบครัวกันค่า

                            พาลูกเที่ยว เชียงใหม่ 6 ที่เที่ยว กิน เล่น เช็กอินเอาใจลูก

                            #1 Art in Paradise Chiang Mai “พิพิธภัณฑ์ภาพวาด 3 มิติ” อ.เมือง

                            ครอบครัวสายอาร์ตต้องพลาดไม่ได้เลยกับการเข้าชมงานศิลปะเก๋ ๆ เป็นภาพจิตรกรรมเสมือนจริงที่จะชวนให้เด็ก ๆ สร้างจินตนาการไปกับภาพวาด 3 มิติ ออกแบบท่าทาง แสดงอารมณ์ ราวกับได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพวาดอย่างสนุกสนาน โดยภาพวาดในพิพิธภัณฑ์ Art in Paradise มีกว่า 130 ภาพ แบ่งออกเป็น 8 โซนใหญ่ ๆ คือ

                            • โซนโลกใต้ท้องทะเลรวบรวมสัตว์ทะเลหลากหลายชนิดรวมทั้งเหล่านางเงือกจัดแสดงในรูปแบบต่างๆ
                            • โซนสัตว์ป่าภาพวาดสัตว์ป่าในอิริยาบถต่างๆ
                            • โซนคลาสสิกอาร์ต(Classic Art)ภาพวาดของจิตรกรระดับโลกนำมาเพิ่มเติมความสนุกในแบบของ Art in Paradise (Chiang Mai) มีภาพเมืองแถบยุโรปที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสถานที่จริง
                            • โซนตะวันออกประกอบด้วย ภาพสถาปัตยกรรมทั้งของเกาหลี ไทย และเขมร
                            • โซนอียิปต์โบราณเปิดประตูสู่ดินแดนลี้ลับ สัมผัสบรรยากาศแห่งทะเลทรายและสุสานฟาโรห์
                            • โซนศิลปะเหนือจริง และสัตว์โลกล้านปีรวบรวมภาพวาดหลากหลายแบบที่ผู้ชมสามารถจินตนาการถ่ายภาพในแบบของแต่ละคนได้อย่างอิสระ เพื่อความสนุกสนาน และเสมือนจริง
                            • โซน DINOSAUR สัตว์โลกล้านปี
                            • โซนลานนา ประเพณีไทย สนุกสนานไปกับการละเล่นของไทยและชาวเชียงใหม่

                            ซึ่งแต่ละโซนก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป มีลูกเล่นให้ครีเอทท่า แอ็คติ้งมันส์ ๆ ถ่ายรูปกันแบบม่วน ๆ ตามจินตนาการกันเลยค่ะ

                            พาลูกเที่ยว เชียงใหม่ Art in Paradise Chiang Mai
                            พาลูกเที่ยว เชียงใหม่ ขอบคุณภาพจากเพจ Art in Paradise Chiang Mai

                            พาลูกเที่ยว เชียงใหม่ Art in Paradise Chiang Mai

                            พิกัด : 199/9 ถนนช้างคลาน ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50100
                            โทรศัพท์ : 053-274 100
                            วันและเวลาทำการ : ทุกวัน  เวลา 09.00 – 20.30 น. (จำหน่ายบัตรถึงเวลา  19.00 น.)
                            ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 200 บาท / เด็ก 120 บาท
                            FB: artinparadise.cnx

                             #2 Brand New Field good  “สะพานฮอมฮัก” อ.หางดง

                            พาลูกเที่ยว เชียงใหม่ ลองพาเจ้าตัวเล็กมาเดินบนสะพานไม้ไผ่ หรือที่ภาษาเหนือเรียกกันว่า ขัวแตะ” และสัมผัสกับบรรยากาศทุ่งนาข้าวสีเขียว ๆ กันหน่อยมั้ย สะพานฮอมฮัก เป็นสะพานสุดเก๋ที่สร้างผ่านทุ่งนาเขียว ๆ ยาวไปถึงร้านกาแฟ Brand-new field good จากทางเดินก็จะมีกิมมิคน่ารัก ๆ เป็นจุดให้แวะถ่ายรูปสวย ๆ เช่น ศาลาฮอมฮักที่ไว้ห้อยโมบายคู่รักหรือเขียนชื่อตัวเองและครอบครัวไปแขวนไว้คล้ายกับการคล้องกุญแจคู่รักแบบเกาหลี สนุกกับการลอดซุ้มไม้ไผ่ หรือจะลงไปสัมผัสกับทุ่งนาในจุดที่มีทางลงเดิน ให้เด็ก ๆ ได้สัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด ถือว่าเป็นอีกหนึ่งที่ยอดฮิตที่ไม่ว่าใครก็มาเช็กอินกันเลยทีเดียว

                            พาลูกเที่ยวเชียงใหม่ สะพานฮอมฮัก
                            พาลูกเที่ยว เชียงใหม่ สะพานฮอมฮัก

                            พาลูกเที่ยวเชียงใหม่ สะพานฮอมฮัก

                            พิกัด : 210  ตำบล บ้านปง อำเภอ หางดง เชียงใหม่ 50230
                            โทรศัพท์ : 097 978 8456
                            วันและเวลาทำการ : เปิด 10.00-19.00 น.  เสาร์-อาทิตย์ 10.00-20.00 หยุดทุกวันอังคาร
                            ค่าเข้าชม : ฟรี
                            FB : brandnewfieldgood

                            #3 เชียงใหม่ไนท์ ซาฟารี อ.หางดง

                            เที่ยวสวนสัตว์มาหลายที่แล้ว มาถึงเชียงใหม่จะไม่เที่ยว เชียงใหม่ ไนท์ซาฟารี ได้ไง สวนสัตว์แห่งนี้เน้นความเป็น Nature Theme Park ให้นักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยได้เรียนรู้ศึกษาพฤติกรรมของสัตว์ป่าได้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะชีวิตสัตว์ป่าที่อยู่ในแถบเอเชีย รวมถึงสัตว์ป่าหายาก เช่น สิงโตขาว ที่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 200 ตัวในโลกเท่านั้น รวมทั้งเสือขาว และอีกหลายชนิดในบริเวณพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 819 ไร่ อาจนับได้ว่าเป็นสวนสัตว์กลางคืนที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยนะ แต่ก็สามารถเข้ามาชมได้ตลอดทั้งวันโดยแต่ละช่วงเวลาก็มีกิจกรรมที่น่าสนใจแตกต่างกัน

                            ในช่วงเช้า เปิดบริการตั้งแต่ 11.00 น เป็นต้นไป พาเจ้าตัวเล็กไปนั่งรถรางชมชีวิตสัตว์หลากหลายชนิดในโซน Jaguar Trail zone กันค่ะ ซึ่งมีสัตว์ต่าง ๆ กว่า 40 ชนิด เช่น เสือจากัวร์ แมวดาว ฮิบโปแคระ เสือโคร่งขาว ลิงกระรอก อุรังอุตัง และอื่นๆ หรือจะเดินเล่น ๆ ชมสัตว์ป่าขนาดเล็กอยู่รอบบริเวณทะเลสาบ ชมบรรยากาศที่ล้อมรอบไปสวนไม้ป่าและไม้ดอก ตลอดระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร

                            Day safari ในช่วงบ่าย (15.00 น. – 16.30 น.) กิจกรรมการนั่งรถชมสัตว์กลางวัน รถออกให้บริการทุก ๆ 30 นาที พาเจ้าตัวเล็กนั่งรถชมสัตว์ หรือ tram ride รถลากเปิดโล่งขนาด 50 ที่นั่งที่มีลวดลายของสัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ อย่างยีราฟ เสือโคร่ง ม้าลาย เริ่มต้นสร้างความตื่นเต้นให้เด็ก ๆ ได้ไม่น้อยเชียว และยังได้รับฟังคำบรรยายจากมัคคุเทศก์ที่คอยให้ความรู้ไปตลอดทาง รวมถึงได้สัมผัสกับเหล่าสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิดด้วย

                            Night safari เปิดบริการตั้งแต่ 18.30 น. – 22.00 น. ตื่นตาตื่นใจไปกับการนั่งรถชมสัตว์ป่าที่ออกหากินในช่วงเวลากลางคืน พร้อมกับคำบรรยายที่จะทำให้เราเข้าใจถึงวิถีสัตว์ป่ามากขึ้น เข้าไปชมสัตว์ในโซน Savanna Safari อาณาจักรของผู้ถูกล่า เป็นส่วนแสดงสัตว์กินพืช สัตว์กีบ และสัตว์แอฟริกาที่หาชมได้ยาก สัตว์ประเภทที่ไม่มีอันตรายมากนัก เช่น ช้าง ยีราฟ ม้าลาย ฮิปโปโปเตมัส กระทิง แรดขาว เลียงผา ละมั่ง และจามรี ฯลฯ การชมสัตว์ในโซนนี้จะเป็นการเดินทางด้วยรถเปิดโล่งเพื่อสัมผัสบรรยากาศภายนอกได้อย่างเต็มที่ Predator Prowl เข้าสู่โซนเขตพื้นที่ของผู้ล่าที่ดุร้ายผสมกับการนำสัตว์ผู้ถูกล่ามาไว้ในโซนนี้ อาทิเช่น แร้งดำหิมาลัย หมีควาย เสือโคร่ง เสือโคร่งขาว สิงโต ไฮยีน่า เป็นต้น

                            นอกจากชมสัตว์แล้ว ภายในเชียงใหม่ไนท์ซาฟารียังมีโซนสวนสนุกให้เด็ก ๆ ได้เล่นสนุกกันอีกด้วย รวมถึงการแสดงต่าง ๆ ที่จัดออกมาเป็นรอบ ๆ เช่น  การแสดงเสือโคร่งขาวและสิงโต, การแสดงช้างแสนรู้, การแสดง safari dancing show, การแสดง Night Safari activities parades, การแสดงนักล่าแห่งรัตติกาล เป็นต้น ถือว่าเป็นสถานที่สำหรับครอบครัวที่จะพาเจ้าตัวเล็กให้ได้ความรู้และความเพลิดเพลินเต็มอิ่มได้ตลอดทั้งวันไปเลยค่ะ

                            พาลูกเที่ยว เชียงใหม่ ไนท์ซาฟารี
                            พาลูกเที่ยว เชียงใหม่ ขอบคุณภาพจากเพจ เชียงใหม่ ไนท์ซาฟารี

                            พาลูกเที่ยว เชียงใหม่ ไนท์ซาฟารี

                            พิกัด : 33 หมู่ 12 ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ 50230
                            โทรศัพท์ : (053) 999000
                            วันและเวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน  11.00 น. – 22.00 น.
                            ค่าเข้าชม : นั่งรถชมสัตว์กลางวัน ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก (ส่วนสูง 100-140 ซม.) 100 บาท / นั่งรถชมสัตว์กลางคืน ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท
                            เด็กส่วนสูงไม่ถึง 100 ซม. เข้าฟรี
                            ผู้สูงอายุมีอายุเกิน 60 ปี ขึ้นไป ลด 50% (เเสดงบัตรประจำตัวประชาชน)
                            ผู้ทุพพลภาพ เข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
                            พระภิกษุ-สามเณร เข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
                            FB : chiangmainightsafarifanclub

                             

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                            อ่านต่อ 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ กิน เล่น เช็กอินเอาใจลูก  คลิกหน้า 2

                              นิทานก่อนนอนสำหรับเด็ก

                              โหลดฟรี! 100 นิทานก่อนนอนสำหรับเด็ก อ่านให้ลูกฟังทุกคืนมีแต่ได้กับได้

                              คุณพ่อคุณแม่ทราบมั้ยค่ะ การอ่านหนังสือให้ลูกฟังทุกคืนตั้งแต่เล็ก ๆ เสมือนเป็นยาวิเศษที่ส่งเสริมพัฒนาการให้ลูกได้มากมาย วันนี้ Amarin Baby & Kids ได้เตรียม นิทานก่อนนอนสำหรับเด็ก มาให้คุณพ่อคุณแม่โหลดฟรีไว้อ่านให้เจ้าตัวเล็กฟังกันค่ะ

                              ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาได้แนะนำว่า “การอ่านหนังสือให้ลูกฟัง เป็นวิธีปลูกฝังให้ลูกรักการอ่านอย่างได้ผลที่สุด ควรเริ่มอ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่ยังเล็ก จะอ่านเวลาใดก็ได้ แต่เวลาที่เหมาะที่สุดก็คือก่อนเข้านอน” ถือเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับลูกที่ง่ายและได้ผลดี ขอแค่พ่อแม่มีเวลาให้ลูก

                              ประโยชน์ของการอ่านหนังสือให้ลูกฟังมีแต่ได้กับได้

                              นิทานก่อนนอนสำหรับเด็ก

                              #ได้สร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อแม่

                              การอ่านนิทานให้ลูกฟังก่อนนอนอย่างน้อยที่สุดวันละ 15 นาที ถือเป็นช่วงเวลาทองที่แสนสุขสำหรับเจ้าตัวเล็กที่จะมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับพ่อแม่ ได้เห็นหน้า ได้ฟังน้ำเสียง ได้แตะเนื้อต้องตัวจากการโอบกอด สร้างความผูกพันที่แน่นแฟ้นมากขึ้นระหว่างคุณกับเจ้าตัวน้อยไปจนโต ซึ่งสายสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นใน 3 ขวบปีแรกจัดเป็นพัฒนาการที่สำคัญที่จะทำหน้าที่ปลูกฝังพื้นฐานชีวิตของเด็ก ๆ ให้อยู่ในเส้นทางที่ดี สร้างตัวตนที่แข็งแรง ช่วยรั้งไม่ให้ลูกทำอะไรออกนอกลู่นอกทางและส่งเสริมพัฒนาการดี ๆ อีกหลายเรื่องในอนาคต

                              #ได้เสริมสร้างพัฒนาการด้านจิตใจ

                              นิทานก่อนนอนสำหรับเด็ก ในช่วงปฐมวัยส่วนใหญ่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการผจญภัยในดินแดนต่าง ภูเขา ใต้น้ำ ใต้ดิน อวกาศ สัตว์น้อย เทพนิยาย สิ่งมหัศจรรย์ ฯลฯ และเนื้อหาที่มีทั้งความสุข เสียใจ ความรัก ทั้งด้านบวกและลบ หลังจากอ่านให้ลูกฟังแล้วคุณแม่สามารถสอนลูกให้เข้าใจเรื่องจากในนิทาน เพื่อเตรียมรับมือกับความเป็นจริง การอ่านนิทานก่อนนอนคือ การสร้างเกราะป้องกันตัวที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง

                              #ได้เสริมสร้างพัฒนาการด้านสติปัญญาและภาษา

                              แม้เจ้าตัวน้อยยังอ่านหนังสือไม่ได้ในตอนนี้ แต่การอ่านหนังสือให้ลูกฟังจะทำให้ลูกได้เรียนรู้กับชุดคำศัพท์มหาศาลจากภาพที่มองตามและน้ำเสียงตามจังหวะจะโคนที่คุณแม่เล่า เพิ่มความสนุกสนาน น่าสนใจ อ่อนโยน ซึ่งผลลัพธ์ของการอ่านนิทานก่อนนอนจะช่วยให้สมองของลูกมีวงจรประสาทนับล้านที่เชื่อมโยงกันอย่างทั่วถึง เกิดการกระตุ้นวงจรประสาทในสมองให้ทำงาน ทำให้เกิดความคิด จินตนาการที่มากมายไร้ขีดจำกัด ด้วยกระบวนการนี้สมองของเด็กจะพัฒนาความสามารถในการคิด รู้จักการอ่านออกเสียงที่ถูกต้องตามพ่อแม่ ได้คุ้นเคยกับสัญลักษณ์ตัวอักษรต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่อทักษะการเรียนรู้ด้านอื่น ๆ นอกจากนี้เมื่อเจ้าตัวเล็กเอื้อมมือไปชี้ จับ ฉีกหนังสือที่คุณแม่กำลังอ่านอยู่ถือว่าเป็นการตอบสนองของพัฒนาการด้านสมองและทักษะการเคลื่อนไหวที่ดี ยิ่งกระตุ้นให้ลูกฟัง อยากรู้อยากเห็น ชวนคิดชวนถามมากเท่าไหร่ สมองของลูกก็จะพัฒนามากขึ้นเท่านั้น

                              #ลูกได้เรียนรู้จากการฟังและการดู

                              นิทานก่อนนอนมีเรื่องราวที่สร้างจินตนาการไปพร้อมกับภาพประกอบสวย ๆ ซึ่งจะทำให้ลูกได้เรียนรู้คู่ขนานไปกับโลกเสมือนจริงในนิทานไปด้วยว่า สิ่งนี้คืออะไร เรียกว่าอะไร หน้าตาอย่างไร สถานที่อะไร รวมถึงเรื่องราวใกล้ตัว เช่น ร่างกายของเรา สัตว์ สิ่งของ รูปทรง ฯลฯ ที่จะช่วยให้ได้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีได้จากการอ่านหนังสือให้ลูกฟัง

                              #ได้สร้างวินัยการนอนสำหรับลูก

                              กิจกรรมการอ่านหนังสือก่อนนอนถือเป็นการส่งสัญญานให้เจ้าตัวเล็กได้รับรู้ว่านี่คือเวลาเข้านอน คุณแม่ควรเลือกอ่าน นิทานก่อนนอนสำหรับเด็ก ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน  มีเนื้อหาสบาย ๆ ไม่กระตุ้นให้ลูกตื่นตัวในตอนนี้ เพื่อเป็นการเข้าสู่ภาวะการนอนหลับได้อย่างสบาย ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เพื่อให้ร่างกายผลิตโกรทฮอร์โมนเพื่อให้ลูกน้อยมีสุขภาพที่ดีและมีพัฒนาการที่ดีตามมา

                              นิทานก่อนนอนสำหรับเด็ก

                              โหลดฟรี !! 100 นิทานก่อนนอนสำหรับเด็ก อ่านให้ลูกฟังทุกคืนมีแต่ได้กับได้

                              นิทานก่อนนอนสำหรับเด็กเรื่องที่ 1-10 คลิก!

                              นิทานก่อนนอนสำหรับเด็กเรื่องที่ 11-20 คลิก!

                              นิทานก่อนนอนสำหรับเด็กเรื่องที่ 21-30 คลิก!

                              นิทานก่อนนอนสำหรับเด็กเรื่องที่ 31-40 คลิก!

                              นิทานก่อนนอนสำหรับเด็กเรื่องที่ 41-50 คลิก!

                              นิทานก่อนนอนสำหรับเด็กเรื่องที่ 51-60 คลิก!

                              นิทานก่อนนอนสำหรับเด็กเรื่องที่ 61-70 คลิก!

                              นิทานก่อนนอนสำหรับเด็กเรื่องที่ 71-80 คลิก!

                              นิทานก่อนนอนสำหรับเด็กเรื่องที่ 81-90 คลิก!

                              นิทานก่อนนอนสำหรับเด็กเรื่องที่ 91-100 คลิก!

                              จะเริ่มอ่านหนังสือให้ลูกฟังอย่างไรดี

                              • สร้างบรรยากาศก่อนนอนให้ลูกด้วยการเปิดไฟที่สว่างพอควรแต่ไม่สว่างจนเกินไปในขณะอ่านหนังสือ
                              • เลือกหนังสือนิทานที่เหมาะสมกับวัยของลูก
                              • อ่านหนังสืออย่างน้อย 15-30 นาทีกับลูก 5-7 วันต่อสัปดาห์
                              • พ่อกับแม่ควรสลับกันอย่างเพื่อสร้างสายสัมพันธ์ให้เท่ากันและได้บรรยากาศที่แตกต่างกันของโทนเสียง
                              • ไม่จำเป็นต้องอ่านนิทานตามเรื่อง อาจเล่าเติมแต่งตามที่พ่อแม่เห็นสมควร

                              นอกจากอ่านหนังสือให้ลูกฟังในช่วงเวลาก่อนนอนแล้ว การปลูกฝังให้ลูกเป็นเด็กรักการอ่าน คุณพ่อคุณแม่สามารถอ่านหนังสือให้ลูกฟังในเวลาใดก็ได้ หรืออ่านหนังสือเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น นั่งอ่านใกล้ ๆ ในเวลาที่ลูกเล่น เสียสละเวลาให้ลูกไม่กี่นาทีจะมีผลต่อทักษะการอ่าน การเรียนรู้ เช่น ภาษา การคำนวณ การคิด ในอนาคตของลูกได้ นี่คือสิ่งมหัศจรรย์ที่คุณพ่อคุณแม่จะค้นพบได้จริงมากกว่าในนิทานซะอีก!

                              ข้อมูลอ้างอิงจาก : www.rakjakjai.cominsthinklearningwww.honestdocs.co

                              อ่านต่อบทความอื่นที่น่าสนใจ คลิก:

                              5 นิทานคุณธรรม ปลูกฝังให้ลูกทำดีได้ตั้งแต่เล็ก!

                              12 นิทานอีสป เน้นข้อคิด! “สอนลูกให้ฉลาดทันคน รู้จักเอาตัวรอด”

                              รวม 8 นิทานเจ้าหญิง ยอดนิยม ไว้เล่าให้ลูกสาวฟังก่อนนอน

                              เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                เมนูอาหารเด็ก 10 เดือน

                                แจกสูตร! 10 เมนูอาหารเด็ก 10 เดือน ลูก10เดือนกินอะไรได้บ้าง?

                                ลูก10เดือนกินอะไรได้บ้าง ตามมาดู 10 สูตร เมนูอาหารเด็ก 10 เดือน ช่วยให้ลูกกินง่าย กินอร่อย เน้นสารอาหารเพื่อร่างกายเจริญเติบโต แถมขั้นตอนไม่ยุ่งยาก จะมีเมนูใดบ้าง ตามไปดูกันเลย

                                แจกสูตรน่าหม่ำ 10 เมนูอาหารเด็ก 10 เดือน โดยเฉพาะ!

                                สำหรับเรื่องอาหารการกินของ ลูกวัย 10 เดือน คุณแม่อาจมีข้อสงสัยและเจอปัญหาที่ว่า ลูก 10 เดือน กิน ข้าว แบบ ไหน หรือ ทำอย่างไรดี ลูก 10 เดือน เบื่ออาหาร … หากคุณแม่กำลังกังวลเรื่องเหล่านี้อยู่ ควรจะต้องรู้ถึง พัฒนาการลูกน้อยวัย 10 เดือน ก่อนค่ะ เพราะเมื่อลูกอายุเข้า 10 เดือนเป็นต้นไป เขาจะไม่ต้องการให้พ่อแม่คอยป้อนอาหารให้ แต่อยากกินอาหารด้วยตัวเอง โดยเด็กแต่ละคนจะไม่กินข้าวมากน้อยแตกต่างกันไป

                                ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เมื่อลูกอายุครบ 1 ปี จะเริ่มเรียนรู้การปฏิเสธหรือคายอาหาร เนื่องจากมีพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย สามารถหาและหยิบอาหารต่าง ๆ มากินได้เอง ลักษณะดังกล่าวจัดเป็นสัญชาตญาณ ที่ช่วยป้องกันตัวเองไม่ให้รับประทานอาหารที่มีสารพิษหรือเป็นอันตรายต่อร่างกายเข้าไป ส่วนใหญ่แล้ว พฤติกรรมลูกไม่ยอมกินข้าวนั้น จะไม่เกิดขึ้นนาน และหายไปเองได้โดยไม่จำเป็นต้องพบแพทย์

                                พัฒนาการและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกิน เมนูอาหารเด็ก 10 เดือน

                                สำหรับเรื่องพัฒนาการและพฤติกรรมการกินของลูกวัย 10 เดือน เขาจะสามารถใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ได้ดี อีกทั้งยังสามารถใช้ช้อน ป้อนข้าวตัวเองได้บ้างแล้ว จึงควรฝึกให้ลูกหยิบอาหารกินเอง แต่เริ่มจากอาหารนิ่มก่อน ต้องระวังอย่าให้อาหารจำพวกเม็ดเพราะอาจทำให้ติดคอได้

                                ทั้งนี้ ลูกวัย 10 เดือน ยังมีฟันขึ้นหลายซี่แล้วด้วย นั่นจึงทำให้ลูกสามารถขบเคี้ยวได้เก่งขึ้น นอกจากนี้ลูกยังเริ่มเรียนรู้ในการทิ้งของและอาหารลงพื้น ทั้งนี้ก็ยังเริ่มถือถ้วยกินข้าวได้ พร้อมส่งเสียงและขยับตัวระหว่างมื้ออาหารได้มากขึ้น ทั้งนี้การกระตุ้นให้ลูกวัยนี้กินข้าวเอง จึงควรเน้นเมนูที่ใช้มือหยิบอาหาร ส่วนลักษณะความหยาบของอาหารคือให้หั่นเป็นชิ้นเล็ก

                                อาหารตามวัย10เดือน ลูก 10เดือนกินข้าวกี่มื้อ

                                ในวัยนี้ลูกยังต้องกินนมแม่อยู่ หากเป็นนมผสม ควรให้ครั้งละ ประมาณ 6-8 ออนซ์ จำนวน 3-5 มื้อต่อ 24 ชม. อาหารที่ให้ลูกทานต้องครบ 5 หมู่ กินวันละ 3 มื้อ (ข้าวสวยหุงนิ่ม 5-6 ช้อน) แต่ต้องไม่มีการปรุงแต่งรสชาติ แต่การกินอาหารเสริมจะต้องมีปริมาณเท่าใดก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูก และสำหรับลูกวัย 10 เดือนขึ้นไป คุณแม่ไม่จำเป็นต้องทำพิเศษ ให้แบ่งจากของผู้ใหญ่เองไปได้ แต่ต้องไม่เผ็ดและไม่ปรุงรสจัดเกินไป (บางเมนูที่ลูกน้อยสามารถกินได้อาจมีเกลือหรือซีอิ๊วเพื่อปรุงรสนิดหน่อยได้) ซึ่งถ้าอาหารที่ให้มีทั้งแป้ง ผัก เนื้อ ถั่ว ก็ไม่ต่อห่วงว่าลูกจะขาดสารอาหาร

                                เมื่อรู้ว่าลูกวัย 10 เดือนสามารถกินอะไร อย่างไรได้บ้างแล้ว แต่ก็มีแม่ๆ หลายคนที่อาจมีคำถามว่า แล้วจะทำเมนูอะไรให้ลูกกินดี … ทีมงาน Amarin Baby & Kids จึงได้รวบรวม เมนูอาหารเด็ก 10 เดือน ทั้งสูตรและวิธีทำสุดง่าย ขั้นตอนไม่ยุ่งยากมาฝาก จะมีอะไรบ้าง…ตามมาดูกันเลยค่ะ

                                รวม 10 สูตร 10 เมนูอาหารเด็ก 10 เดือน โดยเฉพาะ!

                                เมนูข้าวต้มทรงเครื่อง เมนูอาหารเด็ก 10 เดือน

                                เมนูอาหารเด็ก 10 เดือน

                                ใช้เวลาในการเตรียม 5 นาที ปรุง 15 นาที

                                ส่วนผสม (สำหรับ 2-3 ที่)

                                • ข้าวกล้องหุงสุก 1 ถ้วย
                                • เผือกต้มสุก ¼ ถ้วย
                                • แห้วต้มสุก ¼ ถ้วย
                                • ตะไคร้บุบ 1 ต้น
                                • น้ำซุป 2 ½ ถ้วย
                                • เนื้อปลานิลหั่นชิ้นเล็ก ½ ถ้วย
                                • ขิงซอย
                                • เกลือป่นและซีอี๊วขาวสำหรับปรุงรส

                                วิธีทำ

                                1. หมักปลานิลกับซีอี๊วและขิงซอยไว้ประมาณ 30 นาที
                                2. ต้มน้ำซุปในหม้อให้เดือด ใส่ตะไคร้ ข้าวกล้อง เผือกและแห้ว ต้มรวมกันให้ข้าวบานดี ปรุงรสด้วยเกลือและซีอี๊วตามชอบ ปิดไฟพักไว้ ตักใส่ชามเสิร์ฟ
                                3. นำปลานิลที่หมักไว้ไปจี่ในกระทะ Non-Stick ให้พอสุก ตักโรยหน้าข้าวต้ม

                                 

                                อ่านต่อหน้า 2 >> กับ 9 เมนูเด็ก 10 เดือน

                                 

                                เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                 

                                  พัฒนาการเด็ก 3 เดือน

                                  พัฒนาการเด็ก 3 เดือน ต้องกระตุ้นอย่างไร? ให้ลูกแข็งแรงสมวัย

                                  พัฒนาการเด็ก 3 เดือน ลูกจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือสามารถทำอะไรได้บ้าง และมีสิ่งใดต้องระวังไหม คุณพ่อคุณแม่จะต้องส่งเสริมหรือกระตุ้น พัฒนาการทารก 3 เดือน อย่างไร ตามไปดูกันเล้ย

                                  พัฒนาการเด็ก 3 เดือน ลูกมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง?

                                  เผลอแป๊บเดียว… ลูกอายุ 3 เดือน แล้ว เพราะ พัฒนาการทารก 3 เดือน แรกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว คุณพ่อคุณแม่จึงต้องคอยสังเกต และเข้าใจพัฒนาการของเจ้าตัวน้อยให้ดี …เพราะทารกช่วงแรกเกิดถึง 1 ปี ถือเป็นก้าวแรกสำคัญของการเจริญเติบโตของเด็ก ซึ่ง เด็ก 3 เดือน จะเริ่มจดจำเสียงพ่อแม่ได้แล้ว และจะเริ่มเรียนรู้สิ่งรอบตัวได้มากขึ้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้ถึงเรื่องพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของลูกวัยนี้ไว้ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารทางด้านสายตา การฟังเสียง อารมณ์ และจิตใจ …ดังนั้นตามมา เช็คพัฒนาการเด็ก 3 เดือน จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง และจะต้องส่งเสริม พัฒนาเด็ก 3 เดือน อย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย

                                  พัฒนาการเด็ก 3 เดือน ด้านการเจริญเติบโตทางร่างกาย

                                  • สามารถควบคุมการทำงานของร่างกายได้ดีขึ้น แต่ยังไม่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่มากนัก
                                  • เมื่อนอนคว่ำ จะชันคอได้นานขึ้น แต่ยังไม่สามารถยกตัวได้
                                  • เมื่อนอนหงาย ยกแขนยกขาขึ้นพร้อมกันได้ เริ่มคว้าสิ่งของเข้าหาตัวได้

                                  สำหรับลูกน้อยวัย 3  เดือน จะเริ่มบังคับกล้ามเนื้อคอได้อย่างมั่นคง ทั้งนี้ลูกจะให้ความสนใจกับมือตนเองเป็นพิเศษ เช่น จ้องมือตัวเองบ่อยๆ เอามือเข้าปาก กุมมือตัวเอง เหมือนกับมือเป็นของเล่นชนิดใหม่ที่มีการเคลื่อนไหว มีความแปลกใหม่ ในส่วนของกล้ามเนื้อตาจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยทำให้ทารกรู้จักมองตามวัตถุ ฉะนั้นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวและมองชัดเจนที่สุดก็คือมือตัวเอง และ พัฒนาการเด็ก 3 เดือน ช่วงนี้ลูกจะสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของมือและเท้าได้ ซึ่งจะเริ่มเอื้อมคว้าสิ่งต่างๆใกล้มือแม้จะยังจับไม่ได้ หากคุณพ่อคุณแม่จับลูกยืนเขาจะทำท่าเหมือนกระโดดจั๊มขาคู่

                                  Must read : กิจกรรมเล่นกับลูก เสริม พัฒนาการทารก 3 เดือน

                                  ทั้งนี้ พัฒนาการเด็ก 3 เดือน ลูกอาจจะเริ่มตัวสูงขึ้นและผอมบางลง ซึ่งนั่นไม่ใช่ว่าลูกได้รับสารอาหารจากน้ำนมแม่ที่ไม่เพียงพอ แต่เป็นเพราะเป็นช่วงที่กระดูกและกล้ามเนื้อของลูกกำลังเติบโตและแขนขาของลูกตอนนี้คลายออกได้มากขึ้น โดยในส่วนของเด็กชาย มีน้ำหนัก 4.8-6.4 กก. ส่วนสูง 55-62 ซม. ส่วนเด็กผู้หญิง จะมีน้ำหนักประมาณ 4.4-6 และมีส่วนสูงอยู่ที่ 54-62

                                  อย่างไรก็ตาม น้ำหนักของเด็กชายและเด็กผู้หญิงอาจมีค่าเฉลี่ยต่างไปจากข้างต้นเล็กน้อย เนื่องจากเด็กชายนั้นจะมีแนวโน้มน้ำหนักมากกว่าผู้หญิงไปจนถึงอายุ 5 ปี ก่อนที่อัตราการเพิ่มของน้ำหนักเด็กจะเริ่มปรับเปลี่ยนอีกครั้ง

                                  Must read : โปรแกรมคำนวณภาวะโภชนาการ เช็กน้ำหนักส่วนสูง ความสมส่วนของลูก

                                  พัฒนาการเด็ก 3 เดือน

                                  การกินของเด็กวัย 3 เดือน

                                  ทารก 3 เดือน จะเริ่มดูดนมแม่เก่งมากขึ้น และอาจดูเหมือนหิวบ่อยเพราะเข้าสู่ช่วงโตเร็วอีกครั้ง ซึ่งนมแม่ยังคงเป็นอาหารหลักที่ให้สารอาหารที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับลูก ทั้งนี้คุณแม่ควรปั๊มหรือให้ลูกดูดนมให้หมดเป็นเต้าไป เพราะลูกจะได้ทั้งหัวน้ำนมใสๆ และน้ำนมท้ายเต้า นั่นก็เพื่อช่วยลดอาการท้องอืดและแหวะนม

                                  การนอนทารก 3 เดือน

                                  เมื่อลูกอายุได้ 3 เดือนแรก จะนอนเพียง 15 ชั่วโมงต่อวัน โดยคุณแม่สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ คือ ลูกจะเริ่มนอนกลางวันสั้นลง เพียง 1-2  รอบ ๆ ละ 1-2 ชั่วโมง และนอนกลางคืนจะใช้เวลาเพิ่มขึ้นเป็น 5-4 ชั่วโมง หรือนอนยาวตลอดถึงเช้า

                                  ทั้งนี้คุณแม่ยังสามารถเริ่มฝึกให้ลูกน้อยช่วงวัย 3 เดือนนี้ให้รับรู้ถึงช่วงเวลากลางวันและกลางคืนได้แล้ว โดยการสร้างความเข้าใจให้ลูกรู้ว่า ช่วงเวลาใดเป็นเวลานอน ช่วงเวลาใดเป็นเวลาที่ต้องทำกิจกรรม การฝึกฝนเช่นนี้จะลดความเหนื่อยล้าให้กับคุณแม่ลงได้นั่นเองค่ะ

                                  Must read : พ่อแชร์เทคนิคดี๊..ดี ฝึกลูกนอนเอง นอนยาว แบบ “Cry it out”

                                   

                                  อ่านต่อ >> “พัฒนาการทักษะ 5 ด้านของลูกวัย 3 เดือน
                                  และวิธีส่งเสริมพัฒนาการให้เป็นไปตามวัย” คลิกหน้า 2

                                   

                                  เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                                   

                                    ของเล่น เด็ก 5 ขวบ

                                    ของเล่น เด็ก 5 ขวบ เลือกซื้ออย่างไรให้ลูกเล่น เสริมความฉลาด

                                    ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ของเล่น” เป็นของคู่กันกับเจ้าตัวน้อยมาตั้งแต่แรกเกิดเลยก็ว่าได้ ในแต่ละช่วงก็วัยก็มีของเล่นสำหรับลูกที่แตกต่างกันไป สำหรับ ของเล่น เด็ก 5 ขวบ ที่คุณพ่อคุณแม่บางท่านอาจกำลังลังเลอยู่ว่า จะเลือกซื้อของเล่นให้ลูกอย่างไร เพื่อให้ลูกรักมีพัฒนาการที่ดีและฉลาดสมวัย

                                    เด็กในช่วงวัย 5 ขวบเริ่มเป็นวัยที่เข้าใจสิ่งต่างได้ดีขึ้น และในวัยนี้อาจเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้เร็ว เริ่มที่จะเรียนรู้การเข้าสังคมเล่นกับเด็กคนอื่นได้ง่ายขึ้น รวมถึงสามารถเข้าใจกฎกติกา และเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาด้วยตนเอง

                                    ของเล่น เด็ก 5 ขวบ เลือกอย่างไรให้ลูกเล่นแล้วเสริมความฉลาด

                                    สำหรับ ของเล่น เด็ก 5 ขวบ นั้นมีการออกแบบมาเพื่อให้เด็ก ๆ สามารถเล่นร่วมกันเป็นกลุ่มหรือตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป รูปแบบของเล่นก็มีหลายประเภท เช่น มาในรูปแบบของการแก้ไขปริศนาต่าง ๆ การคิดวิเคราะห์ หรือของเล่นเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ ซึ่งสำหรับเด็กวัย 5 ขวบแล้ว สิ่งที่ได้จากการได้เล่นเกมหรือของเล่นเสริมพัฒนาการ จะเป็นการสนองพัฒนาการด้าน IQ และ EQ (การควบคุมอารมณ์ สมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ และการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น) มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังทำให้เด็ก ๆ ได้รู้จักการแก้ปัญหาสามารถกล้าคิด กล้าทำ และกล้าแสดงออกตามลำดับ นอกจากนี้ “การเล่น” ยังส่งเสริมให้เด็กได้รู้จักภาวะการเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดีได้อีกด้วย

                                    ของเล่น เด็ก 5 ขวบ
                                    ของเล่น เด็ก 5 ขวบ

                                    5 เคล็ดลับในการเลือกซื้อของเล่นวัย 5 ขวบ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการและความฉลาดของลูก

                                    ปัจจุบันมีของเล่นเป็นตัวเลือกมากมายในท้องตลาด แต่สำหรับลูกในวัย 5 ขวบที่ไม่ใช่เบบี๋อีกต่อไป ของเล่นสำหรับเด็กวัยนี้จึงมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานสำหรับทักษะและพัฒนาการหลายอย่าง ก่อนที่คุณแม่จะเลือกซื้อของเล่นให้ลูกลองพิจารณาตามนี้ดูค่ะ

                                    #1 เลือกของเล่นโดยสังเกตจากความชอบของลูก ความสนใจในตัวละครอะไรที่เขาโปรดปราน เช่น ตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ ไดโนเสาร์ หุ่น่ยนต์ เจ้าหญิง ทหาร ฯลฯ สังเกตดูว่าลูกสนใจจริง ๆ หรือไม่ ถ้าลูกไม่ชอบของเล่นที่ซื้อมาก็อาจจะไม่มีประโยชน์

                                    #2 เลือกของเล่นเสริมพัฒนาการ สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ตามทักษะที่ลูกสามารถเรียนรู้จากการเล่นของเล่น เช่น ทักษะความจำ ทักษะ STEM (วิทยาศาสตร์-Science เทคโนโลยี-Technology วิศวกรรมศาสตร์-Engineering และคณิตศาสตร์-Mathematics) ทักษะการเล่นกีฬา ทักษะทางดนตรี ทักษะทางด้านภาษา ทักษะศิลปะ ทักษะการคิดเชิงตรรกะและการแก้ปัญหา ดังนั้นคุณแม่ลองเลือกซื้อของเล่นสำหรับเสริมทักษะเพื่อกระตุ้นการเรียนรู้ทักษะของลูก ก็ช่วยเสริมพัฒนาการให้ลูกรักได้พร้อมกับความชอบและสนุกด้วย

                                    บทความแนะนำที่เกียวข้อง : 20 ของเล่นเสริมพัฒนาการลูก ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น

                                    ของเล่น เด็ก 5 ขวบ

                                    #3 เลือกของเล่นเสริมจินตนาการ ของเล่นประเภทนี้จะช่วยกระตุ้นให้ลูกได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เช่น ชุดอุปกรณ์ Do-It-Yourself (DIY) ซึ่งช่วยให้เด็กสร้างของเล่นของตัวเอง ชุดหุ่น DIY ชุดเครื่องประดับ ชุดเครื่องมือช่าง ชุดงานฝีมือประเภทอื่น ๆ หรือชุดอาชีพกับบทบาทสมมติที่ครีเอทขึ้นมาเอง เป็นต้น ของเล่นประเภทนี้ยังช่วยเสริมพัฒนาการทางด้านภาษาของลูกอีกด้วย

                                    #4 เลือกของเล่นที่สามารถใช้ได้หลายแบบ ของเล่นประเภทนี้จะช่วยให้ลูกมีสมาธิในการเล่น เพราะสามารถเปลี่ยนรูปทรงหรือใช้ได้หลายแบบ เช่น ชุดการก่อสร้างที่สามารถใช้ในการสร้างโครงสร้างใหม่ทุกครั้ง แป้งโดว์ที่สามารถใช้และนำกลับมาใช้ปั้นในรูปแบบที่แตกต่างกัน แม้แต่ของเล่นที่เรียบง่ายและราคาไม่แพง เช่น หุ่นทหาร สัตว์ขนาดเล็ก ชุดเมืองจำลอง สวนสัตว์จำลอง เลโก้ ฯลฯ ของเล่นประเภทนี้นอกจากให้ลูกได้ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ออกมาแล้ว ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการสอนแนวคิดต่าง ๆ เกี่ยวกับโลกรอบตัวเพิ่มเติมให้ลูกได้ หรือแม้แต่ของเล่นเครื่องดนตรี เช่น เปียโนขนาดเล็ก กลองชุดขนาดเล็ก อูคูเลเล่ ฯลฯ ถ้าลูกมีความสนใจก็สามารถสนับสนุนให้ลูกเรียนดนตรีเพื่อส่งเสริมพัฒนาการดี ๆ ต่อไปได้

                                    ของเล่น เด็ก 5 ขวบ

                                    #5 เลือกของเล่นให้เหมาะสมกับอายุ ของเล่นทุกชิ้นมีจุดจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้กับวัยเด็กของลูก ดังนั้นแม้จะเป็นของที่คุณแม่เลือกให้ก็ควรให้ลูกได้เล่นอย่างสนุกสนานและไม่เครียดหรือน่าเบื่อ เช่น จิ๊กซอว์สำหรับเด็ก 5 ขวบควรมีจำนวน 8 – 12 ชิ้น ควรเริ่มจากรูปแบบง่าย ๆ ภาพชัดเจน มีลวดลายน้อย เพื่อให้ลูกสามารถฝึกกระบวนการคิดและส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสมวัย เป็นต้น

                                    #6 เลือกของเล่นที่หลากหลายเหมาะกับพัฒนาการ เด็ก ๆ ควรได้รับประโยชน์จากของเล่นหลากหลายชนิด เพื่อช่วยส่งเสริมพัฒนาและทักษะในหลายด้าน เช่น ทักษะทางกายภาพ ความคิด ภาษา สมาธิ อารมณ์และสังคม ฯลฯ การได้เล่นของเล่นหลายรูปแบบจะช่วยกระตุ้นพัฒนาทักษะเหล่านี้ได้

                                    บทความแนะนำที่เกียวข้อง : การเลือกของเล่นเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็ก

                                    #7 ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นของเล่นที่ปลอดภัย เช่น ของเล่นสำหรับเด็กเล็กควรหลีกเลี่ยงของเล่นที่เด็กสามารถกลืนและหายใจไม่ออก สำหรับเด็กโตควรตรวจสอบว่าของเล่นออกแบบมาสำหรับเด็กในวัยนี้ มีความทนทาน และไม่มีข้อบกพร่องทางกลไก เป็นต้น

                                    บทความแนะนำที่เกียวข้อง : 5 หลักการเลือกซื้อ ของเล่นเด็ก ให้ปลอดภัยจากสารเคมี

                                    จะเห็นว่าการเลือกของเล่น ให้กับลูกวัย 5 ขวบไม่ยากเลยค่ะ แค่เลือกในสิ่งที่ลูกชอบและดูให้เหมาะสมตามวัย แต่ก่อนที่จะมอบของเล่นซักชิ้นให้ลูกควรอธิบายวิธีการเล่นหรือร่วมเล่นไปกับลูกด้วย เลือกของเล่นที่สังเกตความปลอดภัยและวิธีการเล่นจากข้างกล่อง ก็จะช่วยทำให้ลูกรู้สึกมีความสุขกับของเล่นตรงหน้า รวมถึงได้ช่วยเพิ่มการเรียนรู้ สร้างพัฒนาการที่ดี และมีส่วนเสริมความฉลาดให้กับเจ้าตัวเล็กต่อไปในอนาคต ที่สำคัญเวลาทองในการเ่ล่นของลูกไม่ใช่การปล่อยให้ลูกเล่นคนเดียว แต่การมีพ่อแม่มาเล่นเป็นเพื่อนก็จะช่วยส่งเสริมความฉลาด และพัฒนาการที่ดีในหลาย ๆ ด้านให้กับลูกได้ด้วยนะคะ.

                                    ข้อมูลอ้างอิง : www.raisesmartkid.comwww.parentcircle.com

                                    อ่านต่อบทความที่น่าสนใจอื่นๆ

                                    ลูก 5 ขวบ อ่านหนังสือไม่ได้ ทำไงดี? มาช่วยลูกให้ “อ่านออก” กัน

                                    รู้ทัน! พัฒนาการ เด็ก 5 ขวบ ลูกเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นแล้วนะ

                                    พลังที่ซ่อนอยู่ใน ของเล่นไม้ กระตุ้นประสาทสัมผัส สร้างจินตนาการจากธรรมชาติ

                                    เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่