ของใช้เด็กแรกเกิด

4 ไอเทมดี๊ดี ของใช้เด็กแรกเกิด ตัวช่วยคุณแม่ เลี้ยงลูกรักให้ฉลาด มีพัฒนาการดีสมวัย

event
ของใช้เด็กแรกเกิด
ของใช้เด็กแรกเกิด

เพราะลูกคือแก้วตาดวงใจของคุณพ่อคุณแม่ การเลือกข้าวของเครื่องใช้สำหรับเลี้ยงดูลูกน้อย จึงเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจและพิถีพิถันกันหน่อย เพื่อให้ลูกน้อยของเราเติบโตอย่างสมวัย ฉลาด มีพัฒนาการที่ดี กองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ขอแนะนำ ตัวช่วยเลี้ยงลูก ของใช้เด็กแรกเกิด ที่เราคัดสรรมาจากความเห็นคุณแม่ส่วนใหญ่ทั่วประเทศแล้วว่าดีจริง โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่หากกำลังจะคลอดลูก หรือกำลังดูแลลูกน้อยวัยทารกอยู่ ก็สามารถตามไปช็อปกันได้ค่ะ

1. เครื่องปั้มนม Attiude mom Galaxy lll

ของใช้เด็กแรกเกิด

เครื่องปั้มนม ไอเทมสำคัญของคุณแม่หลังคลอดที่อยากเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 100% Attiude mom รุ่น Galaxy lll  เป็นเครื่องปั้มนม 5 โหมดอัจฉริยะ ดูดลึก ดูดนุ่ม เกลี้ยงเต้า ระบายน้ำนมได้ดี 2 มอเตอร์ แยกการทำงานซ้าย-ขวา สามารถปรับโหมดและระดับได้อย่างอิสระ ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี ฉีกทุกกฎในการปั๊มนม ให้คุณแม่นอนปั๊มได้สบายกว่า  ด้วย “Sleep Pump” นวัตกรรมใหม่ล่าสุด นอนปั๊มได้ถึง 180° สะดวก สบายมากยิ่งขึ้น เอกสิทธิ์เฉพาะ Attitude Mom มี Nano Air Pump พัฒนามอเตอร์ขนาดเล็กลง น้ำหนักเบาลง เพียง 385 กรัม และประสิทธิภาพแรงดูดที่ดีกว่าเดิมใกล้เคียงสัมผัสลูกน้อยมากที่สุด นุ่มนวล เกลี้ยงเต้า มีแบตเตอรี่ในตัว 5,200 mAh ปั๊มเดี่ยวได้สูงสุด 13 รอบปั๊ม (รอบละ 30 นาที)  และปั๊มคู่ได้สูงสุด 8 รอบปั๊ม (รอบละ 30 นาที) โดดเด่นด้วยดีไซน์ หน้าจอกระจก ระบบ Touch Screen มาพร้อมไฟ LED แสดงผลชัดเจนแม่อยู่ในที่มืด ไม่รบกวนคนรอบข้าง แถมมีปุ่ม “Pause” หยุดการทำงาน 5 นาที สามารถกดซ้ำเพื่อปั๊มต่อเนื่องได้ทันที ใช้งานง่าย โดนใจแม่มือใหม่แน่นอน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >> Facebook : Attitude Mom Thailand : เครื่องปั๊มนม 5 โหมด อัจฉริยะ กรวยซิลิโคนแท้

 

2. ขวดนม Philips Avent รุ่น Nature Response

ของใช้เด็กแรกเกิด

ขวดนม ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ป้อนอาหารทารกที่ขาดไม่ได้ ทุกบ้านต้องมี! Philips Avent เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กแรกเกิดไปจนถึงวัยหัดเดิน แบรนด์คุณภาพดีที่แม่ๆ ไว้วางใจ ใช้วัสดุปลอดภัยต่อลูกน้อย สำหรับขวดนมและจุกนม Natural Response เป็นดีไซน์ใหม่ล่าสุด หัวจุกนมออกแบบมาให้เสมือนเต้านมของคุณแม่เลย มีความนิ่ม มีรูกันอากาศเข้าเวลาลูกดูด ช่วยลดอาการโคลิคในเด็กทารกได้ ไม่ทำให้ท้องอืด และจุกนมเค้ายังออกแบบมาให้ตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติจะมีนมไหลออกมาเฉพาะตอนที่ลูกน้อยออกแรงดูดเท่านั้น โดยลูกน้อยจะสามารถดูดกลืนและหายใจได้ตามจังหวะธรรมชาติ เสมือนกำลังดูดนมจากเต้านมแม่ ทำให้สลับดูดนมจากเต้านมและขวดนมได้ง่าย ป้องกันลูกสำลักนม จับถือได้ง่าย แม้เป็นมือน้อยๆ ใช้งานง่าย ทำ ความสะอาดง่ายและประกอบได้รวดเร็ว สามารถใช้งานร่วมกับ Philips Avent ได้ทุกรุ่น และตัวขวดนมยังปลอดภัยจากสาร BPA ช่วยให้แม่มั่นใจว่าจะไม่สารตกค้างไปถึงลูกน้อยแน่นอน

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับจุกนม Philips Avent ได้ที่นี่ >> https://www.philips.co.th/c-m-mo/baby-bottle-nipples

 

3. นมผง Enfa เอนฟาโกร เอพลัส ซี-ไบโอม สูตร 3

ของใช้เด็กแรกเกิด

นมแม่ดีที่สุดสำหรับทารก แต่มีคุณแม่หลายคน มีเหตุผลบางประการที่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ ทางเลือกสุดท้ายจำเป็นต้องเลือกนมผสม หรือนมผง ทั้งนี้ สำหรับเด็กผ่าคลอดอาจไม่ได้รับจุลินทรีย์ชนิดดีจากช่องคลอดและไม่มีความหลากหลายของจุลินทรีย์ชนิดดีเท่าเด็กคลอดธรรมชาติ ทำให้พัฒนาการสมอง ภูมิคุ้มกัน และสุขภาพลาไส้ อาจมีความแตกต่าง เอนฟาโกร เอพลัส ซีไบโอม สูตร 3 เป็นนมสูตรที่พัฒนาขึ้นเฉพาะ มี MFGM, DHA, 2’-FL เพิ่มสูงขึ้น 60% เสริมสร้างพัฒนาการที่ดีครบ 3 ให้เด็กผ่าคลอด “สมอง ภูมิคุ้มกัน และ ลำไส้”

สำหรับ MFGM คือเยื่อหุ้มอนุภาคไขมันที่พบในนมแม่ อุดมด้วยไขมันและโปรตีนกว่า 150 ชนิด เช่น สฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟลิปิด แกงกลิโอไซด์ เป็นสุดยอดสารอาหารสมองที่มีงานวิจัยรองรับว่าช่วยให้มี IQ ที่เหนือกว่า ตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก ให้ลูกพร้อมกว่าเมื่อถึงวัยเข้าเรียน พร้อมด้วย 2’-FL เพิ่มสูงขึ้น 60% เป็นใยอาหารธรรมชาติที่พบมากที่สุดในนมแม่ เป็นแหล่งอาหารให้แก่จุลินทรีย์ชนิดดีหลายชนิดในลาไส้ ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อยได้ดีขึ้น และส่งเสริมให้ระบบขับถ่ายและย่อยอาหารทางานได้ดี

สำหรับคุณแม่ที่มีข้อจำกัดจนทำให้การให้นมแม่กับลูกน้อยเป็นเรื่องยาก การให้นมผงแก่เด็กก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด แต่ควรเตรียมความพร้อมและทำความเข้าใจ เพื่อให้ลูกน้อยมีสุขภาพที่แข็งแรงและเติบโตตามวัยได้อย่างสมบูรณ์

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >> https://www.enfababy.com/enfagrow-c-biome

 

4. ที่นอนกันกรดไหลย้อน OXY Baby Cushion

ของใช้เด็กแรกเกิด

ที่นอนสำหรับทารกโดยเฉพาะ เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่จำเป็นมากในด้านสุขภาพของลูกน้อยนะคะ OXY Baby Cushion ตัวนี้เรียกว่าเป็น ที่นอนกันกรดไหลย้อนหายใจผ่านได้ ซึ่งสำคัญมากเพราะที่นอนนี้จะช่วยลดอาการแหวะนมหลังลูกน้อยกินนมอิ่มๆ และยังป้องกันกรดไหลย้อยได้อีกด้วย ตัวเบาะใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากเยอรมัน คงรูปได้ดี สามารถคงความลาดชันที่เหมาะสม ประมาณ  25 องศา ได้ตลอดอายุการใช้งาน ไม่อับชื้น ไม่สะสมความร้อน ผสานนวัตกรรม Tencel 3D Air Mesh ให้สัมผัสที่นุ่มนวล ระบายอากาศได้ทุกทิศทาง  ทำให้ลูกน้อยนอนหลับได้อย่างสบายตัว ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อทารก โดยวัสดุได้การรับรองความปลอดภัย OEKO-TEX Standard 100 และยังถอดซักทำความสะอาดได้ทุกชิ้น ไม่เสียทรงหลังผ่านการซัก และไม่ต้องเอาเข้าเครื่องอบ แตชค่ผึ่งลมหรือแดดอ่อนๆ ก็แห้งไว พร้อมใช้ทันที

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >> https://www.oxybabythailand.com/Home

 

สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่กำลังมองหาไอเทม ของใช้เด็กแรกเกิด ตัวช่วยในการเลี้ยงลูกน้อยก็พอจะได้ไอเดียในการเตรียมซื้อของใช้ไว้ต้อนรับลูกน้อยกันแล้วนะคะ ซึ่งทั้ง 4 ไอเทมที่ ทีมแม่ ABK มาแนะนำให้นี้นอกจากจะจำเป็นในการใช้กับเด็กทารกแรกเกิด เด็กเล็กแล้ว ยังเป็นสินค้าแม่และเด็กที่ถูกโหวตว่าใช้ดี มีคุณภาพจาก Amarin Baby & Kids Awards ประจำปี 2024 อีกด้วยนะคะ อย่าลืมจดไว้ในลิสต์รายการที่ต้องซื้อกันนะคะ

รู้ก่อนเลือก ยาลดไข้เด็ก แบบไหนที่เหมาะกับลูกน้อย ทานอย่างไรให้ได้ตัวยาครบถ้วน

รู้ก่อนเลือกยาลดไข้ แบบไหนที่เหมาะกับลูกน้อย ทานอย่างไรให้ได้ตัวยาครบถ้วน

event
รู้ก่อนเลือก ยาลดไข้เด็ก แบบไหนที่เหมาะกับลูกน้อย ทานอย่างไรให้ได้ตัวยาครบถ้วน
รู้ก่อนเลือก ยาลดไข้เด็ก แบบไหนที่เหมาะกับลูกน้อย ทานอย่างไรให้ได้ตัวยาครบถ้วน

คุณแม่รู้มั้ยคะว่า ยาลดไข้เด็ก ในท้องตลาดไม่ได้เหมือนกันไปทั้งหมด การให้ยาลดไข้กับลูกนั้นไม่ใช่แค่ต้องคำนึงถึงขนาดยาที่เหมาะสมกับน้ำหนักตัว ยังต้องดูด้วยว่าลูกกินยาได้ครบถ้วนในแต่ละมื้อหรือไม่ ซึ่งอุปสรรคอันดับหนึ่งของแม่คงจะหนีไม่พ้น การพยายามป้อนยาลูกในทุกๆ ครั้งใช่ไหมคะ มาดูกันค่ะว่ายาลดไข้แบบไหนที่เหมาะกับลูก เพื่อให้แม่ได้ป้อนยาลูกได้รับตัวยาที่ครบถ้วน เพื่อให้ลูกไข้ลดลงค่ะ

ขนาดของการกินยาลดไข้สำหรับเด็ก

โดยทั่วไปยาลดไข้เด็กจะเป็นพาราเซตามอล โดยขนาดการทาน คือ 10–15 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวเด็ก (กิโลกรัม)

วิธีคำนวณยาพาราเซตามอลในเด็ก สิ่งที่แม่ต้องรู้ มี 2 อย่าง คือ
(1) น้ำหนักตัวและอายุลูก (2) ความเข้มข้นของยาใน 1 ช้อนชา (5 ml)

โดยเป็นสูตรการคำนวณดังนี้
น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) X ปริมาณยาที่ต้องใช้ (10-15 มิลลิกรัม)

ทั้งนี้หากยังไม่แน่ใจในขนาดยาที่ต้องป้อนให้ลูก ก่อนใช้ควรอ่านฉลากที่แนบมาในกล่องยา พร้อมทั้งปรึกษาเภสัชกรเพื่อให้ช่วยคำนวณขนาดการตวงยาที่เหมาะสมค่ะ

เลือก ยาลดไข้เด็ก ให้เหมาะกับช่วงวัยของลูก

ยาลดไข้เด็ก มีแบบไหนบ้าง

ยาพาราเซตามอลลดไข้ในท้องตลาดบ้านเรา ปกติแล้วจะมีการแบ่งตามความเข้มข้น เพื่อให้ได้ขนาดที่เหมาะสมกับน้ำหนักตัวเด็ก โดยแบ่งเป็น

1.ยาลดไข้ชนิดหยด

เหมาะกับเด็กแรกเกิด – 1 ปี ซึ่งยาแบบหยดจะทำให้ควบคุมปริมาณยาได้ง่าย ได้ปริมาณที่เหมาะสม ทำให้แม่สามารถใช้ในปริมาณที่ถูกต้องและเหมาะกับน้ำหนักตัวลูก

2.ยาลดไข้ชนิดน้ำ  

สำหรับเด็กที่พอจะสามารถกลืนยาได้ด้วยตัวเองประมาณ 1-6 ขวบ โดยเป็นปริมาณที่เหมาะกับน้ำหนักของเด็กเช่นกัน ซึ่งยาลดไข้ชนิดน้ำยังสามารถแบ่งออกเป็น

2.1 ยาลดไข้ชนิดน้ำแขวนตะกอน ยาน้ำชนิดนี้ประกอบด้วย 2 ส่วน คือส่วนน้ำเชื่อมและส่วนของตัวยาที่เป็นตะกอนไม่ละลายน้ำ ก่อนรับประทานทุกครั้งจะต้องเขย่าขวดเพื่อให้ตัวยากระจายเข้ากันกับน้ำเชื่อม ในการใช้ยาชนิดนี้ หากคุณแม่ลืมเขย่าขวดหรือเขย่าแล้วตัวยายังกระจายตัวได้ไม่ดีก่อนให้ลูกกินยา อาจทำให้ลูกได้รับตัวยาไม่ครบถ้วน ถูกต้องตามปริมาณที่เหมาะสมในการรักษา คืออาจได้รับตัวยาน้อยเกินไป เนื่องจากตัวยานอนก้นอยู่ไม่กระจายในน้ำเชื่อม และอาจส่งผลทำให้ไข้ไม่ลดได้ หรือ อาจทำให้ได้รับตัวยามากเกินไปในโดสสุดท้ายของขวดที่มีตัวยาตกตะกอนอยู่ นอกจากนี้ด้วยความที่เป็นยาแขวนตะกอนนี่เอง ทำให้มีลักษณะค่อนข้างข้น และหนืด อาจทำให้ลูกรู้สึกฝืดคอและกลืนยายาก

2.2 ยาลดไข้ชนิดน้ำเชื่อมใส เป็นยาน้ำใสที่มีตัวยากระจายตัวอยู่ในน้ำเชื่อมอย่างครบถ้วนแล้ว ไม่มีตัวยาที่ตกตะกอนนอนก้น ทำให้ทุกส่วนมีตัวยาสม่ำเสมอเท่ากัน คุณแม่มั่นใจได้ว่าลูกจะได้รับตัวยาที่ครบถ้วนตามปริมาณที่ถูกต้อง และไม่จำเป็นต้องเขย่าขวด นอกจากนี้ยาน้ำเชื่อมใสยังมีสีสันสดใส ทานง่าย ไม่รู้สึกหนืดหรือฝืนคอ ทำให้แม่สามารถป้อนยาลูกได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

เลือกยาลดไข้เด็กแบบไหนที่เหมาะกับลูก

หากคุณแม่ยังไม่แน่ใจในการเลือกยาลดไข้แบบไหนดีให้เหมาะกับลูกน้อย #ทีมแม่ABK จึงลอง list มาเป็นข้อๆ ให้ประกอบการตัดสินใจดังนี้ค่ะ

  1. ยาลดไข้เด็กที่เหมาะกับน้ำหนักตัวของลูกในแต่ละช่วงวัย ปัจจุบันในท้องตลาดมียาลดไข้ที่ทำออกมาหลายความเข้มข้น เพื่อให้แม่ป้อนยาลูกได้สะดวกขึ้นสำหรับในแต่ละช่วงอายุ และน้ำหนักตัวของลูก ไม่ว่าจะเป็นแบบหยด สำหรับลูกเล็ก หรือแบบยาน้ำในปริมาณที่เหมาะกับช่วงวัยนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น
    – ยาพาราเซตามอลแบบหยดสำหรับเด็กแรกเกิด – 1 ปี ความเข้มข้น 100 มก. / 1 มล.
    – ยาพาราเซตามอลสำหรับเด็ก 1 – 6 ปี ความเข้มข้น 120 มก. / 5 มล.
    – ยาพาเซตามอลสำหรับเด็ก 6-12 ปี ความเข้มข้น 250 มก. / 5 มล.
  2. ยาลดไข้ที่มีฝาแบบป้องกันเด็กเปิดกินเอง ความปลอดภัยก็ควรเป็นอันดับหนึ่ง การที่ลูกกินยาได้ถือเป็นเรื่องดี แต่หากกินยาเกินขนาด ก็จะได้รับอันตรายทีเดียวค่ะ ทางที่ดีควรเลือกยาที่มีฝาเปิดแบบ Child Proof วิธีการโดยทั่วไปคือกดลงแล้วหมุนฝาเพื่อเปิดล็อค ป้องกันไม่ให้เด็กๆ ที่กำลังอยากรู้อยากเห็น เปิดกินยาเอง เพื่อความปลอดภัยของเด็กเองด้วยค่ะ
  3. ในช่วงที่มีไข้ ลูกอาจจะงอแงเพราะไม่สบายตัว คุณแม่ควรเลือกยาที่มี สีสันสดใส ไม่เหนียวข้น ไม่หนืดคอและกลืนง่าย ทำให้แม่ป้อนยาลูกน้อยได้ง่ายขึ้น ลดการบ้วนยาทิ้ง
  4. เลือกยาลดไข้แบบน้ำเชื่อมใส เพื่อคลายความกังวลในเรื่องของปริมาณตัวยา และทำให้คุณแม่มั่นใจได้ว่า ลูกจะได้รับตัวยาครบถ้วนตามปริมาณที่ถูกต้อง และทำให้ไข้ลดลงได้ดี

นอกจากนี้ในการตวงยาแต่ละครั้ง ควรใช้ช้อน หรือถ้วยตวงยาที่ได้รับมาตรฐาน ถ้าเป็นหยด หรือซีซี ควรใช้หลอดหยดที่แนบมากับยาในกล่อง คุณแม่สามารถปรึกษาเภสัชกร โดยการแจ้งอายุ และน้ำหนักตัว เพื่อให้ช่วยแนะนำขนาดการกินที่เหมาะสมกับลูกของเรา หากแม่มือใหม่มากๆ ก็สามารถสอบถามให้เภสัชกรแนะนำขีดที่แสดงถึงปริมาณที่ถูกต้องในการตวงยาได้ค่ะ ที่สำคัญถ้าหากอาการของลูกยังไม่ดีขึ้น ควรพาลูกไปหาคุณหมอให้เร็วที่สุดเพื่อทำการรักษาต่อไป ด้วยความปรารถนาดีจาก #ทีมแม่ABK ค่ะ

ข้อมูลอ้างอิง

https://ndp.fda.moph.go.th/rational-drug-use/video-psi-8

https://db.oryor.com/databank/data/printing//521120_Factsheet__%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5_%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2_710.pdf

 

สนับสนุนบทความโดย

Tempra เทมปร้ายาน้ำลดไข้สำหรับเด็ก ยานี้มีพาราเซตามอล
ชนิดน้ำเชื่อมใส ไม่มีตะกอน ไม่ต้องเขย่าขวด 

  • หมดกังวลเรื่องการได้รับยาไม่ครบถ้วน 
  • ปลอดภัยด้วยฝาแบบ Child-proof Cap ป้องกันเด็กเปิดยากินเอง
  • ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และ ยาแอสไพริน 
  • ใช้สำหรับ ลดไข้ บรรเทาปวด

มี 3 สูตร 

1) Tempra Drops มียาพาราเซตามอล 100 mg/ 1 ml สำหรับเด็กแรกเกิดถึง 1 ปี รสองุ่น 

2) Tempra Kids มียาพาราเซตามอล 120 mg/ 5 ml สำหรับเด็ก 1-6 ปี มีรสส้มและ สตรอเบอรี่ 

3) Tempra Forte มียาพาราเซตามอล 250 mg/ 5 ml สำหรับเด็ก 6-12 ปี มีรสส้ม และสตรอเบอรี่ 

ยาลดไข้เด็ก ยาน้ำเชื่อมลดไข้ Tempra 

Tempra Drops เลขทะเบียน 1C 24/56 

Tempra Kids ยาน้ำบรรเทา ลดไข้ พาราเซตามอลรสสตรอเบอรี่ เลขทะเบียน 1C  25/56 ยาสามัญประจำบ้าน 

Tempra Kids ยาน้ำบรรเทา ลดไข้ พาราเซตามอลรสส้ม เลขทะเบียน 1C 29/56  ยาสามัญประจำบ้าน 

Tempra Forte 1C 26/56 

Tempra Forte 1C 27/56 

 

อ่านคำเตือนในฉลากก่อนใช้ยา ใบอนุญาตโฆษณาเลขที่ ฆท.143/2567 #ยาน้ำเชื่อมใสรับประทานง่ายไม่ต้องshake

เด็กๆ ไม่ควรพลาด!! ครั้งแรกของเอเชีย กับ SPACE JOURNEY BANGKOK สุดยอดนิทรรศการด้านอวกาศระดับโลก

event

เปิดประสบการณ์สุดยิ่งใหญ่ ครั้งแรกของเอเชีย กับ “SPACE JOURNEY BANGKOK” สุดยอดนิทรรศการด้านอวกาศระดับโลก ร่วมสร้างแรงบันดาลใจไปพร้อมกัน 16 ธันวาคม 2567 – 16 เมษายน 2568 ที่ไบเทคบุรี

“อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ” จับมือ “ภิรัชบุรี กรุ๊ป” เปิดโลกการเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจครั้งใหญ่ ให้กับเยาวชนไทยและผู้ที่สนใจด้านอวกาศ ดึงสุดยอดนิทรรศการด้านอวกาศระดับโลก มาจัดแสดงขึ้นที่ประเทศไทย!! นับเป็นครั้งแรกของเอเชีย ภายใต้ชื่อ “SPACE JOURNEY BANGKOK” พบกับ 10 ห้องนิทรรศการเสมือนจริง เกี่ยวกับอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของการสำรวจอวกาศ ห้องรวบรวมชิ้นส่วนยานอวกาศที่ผ่านการใช้จริงและแบบจำลองที่หาชมยากกว่า 600 ชิ้น จากสหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่  16 ธันวาคม 2567 – 16 เมษายน 2568 ณ Event Space 98 ไบเทคบุรี (ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา)

SPACE JOURNEY BANGKOK

นายเกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัทอินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ ได้ร่วมกับ  ภิรัชบุรี กรุ๊ป จัด “SPACE JOURNEY BANGKOK” สุดยอดนิทรรศการด้านอวกาศระดับโลก  

งานนี้ยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน มาร่วมเปิดมุมมองพร้อมสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านอวกาศของไทยในอนาคต  ไม่ว่าจะเป็น ดร. ปกรณ์ อาภาพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ  ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ และนายกรทอง วิริยะเศวตกุล แฟนพันธุ์แท้ระบบสุริยะ พร้อมด้วย นายดำรง ลี้ไวโรจน์ บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด ในเครือ อมรินทร์ กรุ๊ป

ที่ผ่านมา นิทรรศการอวกาศระดับโลกนี้ มีการจัดแสดงไปแล้ว 5 ประเทศในยุโรป ภายใต้ชื่อ “Cosmos Discovery Space Exhibition” ซึ่งมีผู้เข้าชมงานรวมกว่า 1 ล้านคน โดยการจัดแสดงในประเทศไทยครั้งนี้ มีเป้าหมาย ผู้เข้าชมงาน 200,000 คน ในระยะเวลา 4 เดือน

“เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านอวกาศ มีความเกี่ยวเนื่องและสัมพันธ์กับชีวิตประจำวันอยู่ตลอด จากที่เคยได้มีโอกาสเข้าชมงานในต่างประเทศ ทำให้ได้เปิดมุมมองใหม่และเกิดแรงบันดาลใจ ได้เห็นถึงความพยายามของมนุษย์ ในการออกไปสู่นอกโลก เป็นสิ่งที่เหนือขีดจำกัดและเกินกว่าจินตนาการ  จึงเกิดความคิดในการจุดประกายอยากให้คนไทยได้เห็น จนนำมาซึ่งการจัดงาน “SPACE JOURNEY BANGKOK”ครั้งแรกที่ประเทศไทย และเป็นครั้งแรกในเอเชีย สมกับความตั้งใจและเป้าหมายเพื่อเปิดโลกแห่งการเรียนรู้ให้กับคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ได้มาจุดประกายความคิดและสร้างแรงบันดาลใจด้านอวกาศ เพื่อนำไปต่อยอดสู่การพัฒนาเทคโนโลยีด้านอวกาศในอนาคต” นายเกรียงกานต์ กล่าว

นายปิติภัทร บุรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภิรัชบุรี กรุ๊ป  นักจัดการ สร้างสรรค์ และพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ระดับคุณภาพ อาทิเช่น ไบเทคบุรี  ภิรัช ทาวเวอร์ แอท เอ็มควอเทียร์ กล่าวว่า การศึกษานั้น จริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องในห้องเรียน หรืออ่านหนังสือ หรือค้นคว้าผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งอีกหนึ่งในการเรียนรู้ที่ช่วยส่งเสริมเราได้ คือการได้มีโอกาสเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ที่ดี (Education through Experience) เราได้มีโอกาสไปดูพิพิธภัณฑ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สังเกตว่าพิพิธภัณฑ์ที่ดีต้องทันสมัย เข้าถึงได้ และมากกว่านั้นคือ สามารถนำมาสะท้อนการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้ ซึ่ง “SPACE JOURNEY BANGKOK” เป็นหัวข้อที่ตอบโจทย์นั้น

SPACE JOURNEY BANGKOK

และเพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่ครบถ้วน ค่าใช้จ่ายในการนำ Space Journey Bangkok เข้ามาจัดแสดงนั้น จึงค่อนข้างสูง รวมถึงค่าลิขสิทธิ์ การนำอุปกรณ์เข้ามา และขนาดของพื้นที่ ที่ต้องใช้ถึง 2,000 ตารางเมตร จึงอยากให้ คนไทยและเพื่อนบ้านในแถบอาเซียนได้มีโอกาสชมงาน Space Journey Bangkok ครั้งนี้ โดยได้พิจารณาให้เปิดเข้าชมถึง 4 เดือน ซึ่งคิดว่าเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ทุกคนสามารถจัดสรรเวลาเข้ามาชมงานได้

ในส่วนของการร่วมจัดงานกับ Index Creative Village นั้น เราร่วมงานกันหลายโครงการอยู่แล้ว และได้เห็นความมุ่งมั่น ทุ่มเทของทีมงาน และศักยภาพของ Index Creative Village ในงานระดับโลก จึงเชื่อมั่นและไว้วางใจในการร่วมมือกันครั้งนี้ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับคนไทยต่อไป

อย่างไรก็ดี ในพื้นที่ไบเทคบุรี มีการรองรับได้มากกว่า 400 กว่างาน และปีนี้เราคาดการณ์ว่าจะมีถึง 7 ล้านคนที่เข้ามายังสถานที่ของเรา เราได้พัฒนาธุรกิจด้านความบันเทิงอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเชิง Sport Service Entertainment ที่ BEAT Active และ BITEC Live ที่รองรับการจัดคอนเสิร์ตซึ่งเพิ่งเปิดตัวไป โดยมีกลุ่มลูกค้าหลัก 4 กลุ่ม ได้แก่ People & Business, Active Lifestyle, Family, Group of friend นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการจัดงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา โดยในช่วง 4 เดือนนี้ จะมีถึง 8 งานที่จัดขึ้นเพื่อกลุ่มเด็กและนักศึกษา และไบเทคบุรีเล็งเห็นความสำคัญของตลาดกลุ่ม B2C โดยเชื่อมั่นว่าความหลากหลายของกิจกรรมจะช่วยต่อยอดธุรกิจและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในระดับที่สูงขึ้น  

การนำ “SPACE JOURNEY BANGKOK” มาจัดในครั้งนี้ ช่วยส่งเสริมกลุ่มการศึกษาให้มากขึ้น  ซึ่งคนไทยหลายๆ คนอาจจะรู้สึกว่าเรื่องที่อยู่นอกโลกมันเป็นเรื่องไกลตัว แต่จริงๆ แล้ว ประเทศไทยของเรามีศักยภาพและความสามารถ ในหลากหลายด้านที่น่าทึ่งกว่าที่หลายคนคาดคิด เช่น อาหารไทยที่ผ่านมาตรฐานระดับสากลจนได้รับเลือกให้เป็นอาหารสำหรับนักบินอวกาศ หรือเทคโนโลยีไมโครชิปและดาวเทียมที่ผลิตโดยคนไทย รวมถึงนักวิชาการไทยที่ร่วมงานกับองค์กรชั้นนำระดับโลกอย่างนาซ่า เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าการเดินทางสู่อวกาศมิใช่เรื่องไกลตัวสำหรับ คนไทยอีกต่อไป 

“นิทรรศการครั้งนี้จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้สัมผัสและเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับอวกาศอย่างใกล้ชิด ผ่านการจัดแสดงแบบจำลองและชิ้นส่วนจริงที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจอวกาศจากทั่วโลก เราหวังว่านิทรรศการครั้งนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน ตระหนักถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่นำไปสู่การพัฒนาประเทศ ในอนาคต” นายปิติภัทร กล่าวทิ้งท้าย 

SPACE JOURNEY BANGKOK

ภายในนิทรรศการจะแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ ที่มีการบอกเล่าตั้งแต่ประวัติศาสตร์การเริ่มต้นขึ้นไปสำรวจอวกาศตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน ห้องให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของการสำรวจอวกาศ ห้องรวบรวมวัตถุจริงและวัตถุหาชมยากกว่า 600 ชิ้น ทั้งจากสหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และอื่นๆ นำมาจัดแสดงใน 10 ห้องนิทรรศการในรูปแบบเสมือนจริง  , โซนโลกจักรวาลแบบ Interactive พร้อมมอบประสบการณ์ชมภาพยนตร์ 3 มิติ และกิจกรรมแห่งความสนุกสนาน ต่างๆ อาทิ  คอสมอส แคมป์ (Cosmos Camp) พบกับศูนย์ฝึกอบรมนักบินอวกาศ การขับขี่ VR รวมถึงเครื่องไจโรสโคป เป็นต้น 

SPACE JOURNEY BANGKOK

ไฮไลต์ที่น่าสนใจสำหรับนิทรรศการในครั้งนี้ ผู้เข้าชมจะได้พบกับ

  • ชิ้นส่วนประกอบดั้งเดิมของเครื่องยนต์ F1 ของกระสวยอวกาศ แซทเทิร์น V (Saturn V) ที่กอบกู้มาจากก้นมหาสมุทรแปซิฟิก  โดย Jeff Besos เจ้าของ Amazon ซึ่งเป็นวัตถุที่มีคุณภาพสูง จะเห็นได้ว่าตัววัตถุนี้เองยังสามารถคงรูปร่างได้ดี แม้จะอยู่ในที่ที่อุณหภูมิต่ำในมหาสมุทร หรือผ่านจุดที่อุณหภูมิสูงใกล้ จุดหลอมเหลวมาแล้วก็ตาม
  • แผงควบคุมต้นฉบับจากศูนย์บัญชาการภารกิจฮูสตัน ที่วิศวกรได้ใช้สื่อสารกับนักบินอวกาศในภารกิจ Apollo และกระสวยอวกาศชุดแรกๆ และที่น่าสนใจคือกระดาษที่มีการคำนวณเส้นทางการบินต่างๆ  ที่เหล่าวิศวกรได้คำนวนด้วยมือ วางไว้อยู่ด้านข้าง  
  • แบบจำลอง 1:1 ของโมดูลควบคุมยาน Apollo  โมเดลนี้ได้ติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมตามยุคสมัยตลอดระยะเวลาการบิน ซึ่งนักบินอวกาศต้องอยู่ในพื้นที่แคบที่ต้องแบ่งปันพื้นที่กับวัสดุที่เก็บมาด้วย เช่น ชิ้นส่วนหินจากดวงจันทร์
  • แบบจำลองรถสำรวจดาวอังคาร หุ่นยนต์ที่ทำงานหนักที่สุดนอกโลกจากเดิมมีแผนทำงาน 90 วัน แต่สุดท้ายทำงานถึง 5,498 วัน 
  • แบบจำลองของยานสำรวจดวงจันทร์ ช่วยนักบินอวกาศไม่ต้องเดินเท้าในภารกิจ Apollo 15, 16 และ 17 
  • รถสำรวจดวงจันทร์ Lunokhod ของรัสเซีย ส่งขึ้นไปแทนมนุษย์บนยาน Luna ผ่านการควบคุมจาก ศูนย์ควบคุมภาคพื้นดิน  
  • Collection ของอุกกาบาต รวมหินจากดาวอังคารของสะสมที่มีเอกลักษณ์มูลค่าต่อกรัมสูงกว่าทองคำ 

สำหรับผู้สนใจเข้าชมงานสามารถติดต่อซื้อบัตรและติดตามข่าวสารได้ทาง  www.icvticket.com, Facebook : SpaceJourneyBkk หรือ Line: @icvticket 

Tree House Montessori Learning Center โรงเรียนอนุบาลนานาชาติ หลักสูตร IEYC ผสาน Montessori  เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ความสนุก และความเข้าใจ

event

เพราะธรรมชาติของเด็กคือการได้เล่น เรียนรู้ และสำรวจสิ่งใหม่ ๆ บนโลกใบนี้ คงจะดีไม่น้อยถ้าเด็ก ๆ รอคอยการไปโรงเรียนทุกวันใช่ไหมคะ วันนี้เราจะพาทุกคนมาเยี่ยมชม โรงเรียนที่ทำให้เด็ก ๆ มีความสุขและอยากมาเรียนทุกวัน กันที่ Tree House Montessori Learning Center โรงเรียนอนุบาลนานาชาติ ที่ตั้งอยู่ในโครงการนิชดา ธานี (ซอยสามัคคี) ด้วยการผสมผสานแนวคิด Montessori และ International Early Year Curriculum (IEYC) อย่างลงตัว ช่วยพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก ๆ เพื่อการเติบโตอย่างมีความสุข

บรรยากาศเอื้อต่อการเล่นและเรียนรู้อย่างแท้จริง เด็ก ๆ สูดหายใจให้เต็มปอดเลยค่ะ

 

ทำไมนักเรียน Tree House ถึงพัฒนาอย่างก้าวกระโดด?

Tree House ใช้แนวคิด Montessori

  • การพัฒนาตัวตน ( แต่ละคน ) ที่แตกต่างกันไป + เรียนรู้อย่างมีสมาธิและไม่ย่อท้อ

มอนเตสซอรี่เชื่อว่า ความสามารถด้านสติปัญญาขึ้นอยู่กับประสาทสัมผัส การเรียนรู้แบบมอนเตสซอรี่จึงให้ความสำคัญกับสื่อ เน้นอุปกรณ์ที่ช่วยพัฒนาประสาทสัมผัสและคอนเซปต่าง ๆ ให้เด็ก ๆ ใช้มือจับ บิด หมุน เพื่อให้สมองตอบสนอง เน้นการช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด

  • เด็ก ๆ จะรู้จักควบคุมการทำงาน พัฒนากระบวนการคิด วิเคราะห์ สิ่งต่าง ๆ รอบตัวและเรียนรู้ทั้งความสำเร็จ ความล้มเหลว ตลอดจนการหาทางแก้ไขปัญหาและจดจำบทเรียนได้ในระยะยาว
  • Hands – on! Hands-on! Hands-on! กิจกรรม = การเรียนรู้ผ่านการเล่นอย่างมีจุดมุ่งหมาย ให้ความรู้ “จับต้องได้และเป็นจริงขึ้นมา” ผ่าน 3 ขั้นตอน
  1. คุณครูสาธิตหรือแสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมให้เด็กดูเป็นตัวอย่าง และใช้วิธีการสอนที่ “หลากหลาย” เพราะธรรมชาติของแต่ละคนนั้นมีวิธีการเข้าใจแตกต่างกัน
  2. เด็กเลือกและลงมือทำกิจกรรมเท่ากับตอบโจทย์ Child-centered เพราะเด็ก ๆ มักจะเลือกกิจกรรมที่ตัวเองสนใจ เมื่อเลือกได้แล้วก็จับจองที่นั่งของตัวเองและลงมือ / ทดลองทำ
  3. เกิดประสบการณ์การเรียนรู้ และการสะท้อนคิด ชอบหรือไม่ชอบ เพราะอะไร เรียนรู้อะไรบ้าง ? มีความเป็นเหตุ เป็นผล

กิจกรรม Hands-on ของน้องเล็กกลุ่ม Daisies จะไม่ซับซอนแต่เน้นการฝึกกล้ามเนื้อมัดต่าง ๆ ตอนนี้กำลังเรียนรู้ตัว “S”

Hands-on กลุ่ม Poppies จะเริ่มซับซ้อนขึ้น เด็ก ๆ กำลังเรียนคณิตศาสตร์อยู่ค่ะ

กลุ่ม Magnolias จะเป็นกิจกรรมที่บูรณาการหลายทักษะ และแน่นอนซับซ้อนกว่ากลุ่มไหน ๆ เลยเพื่อ Challenge!

 

หลักสูตร IEYC จาก UK เน้นพัฒนาการรอบด้าน

เพื่อการเติบโตทั้งกาย ใจ สติปัญญา มีเมตตา มีความกล้าแสดงออก

หลักสูตรของเด็กเล็กที่ใช้ International Early Year Curriculum (IEYC) ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักสูตรที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กอายุ 2 ถึง 5 ปี

เน้นการเรียนรู้แบบองค์รวม และแนะแนวทางการเล่น ที่ครอบคลุมทุกด้าน ( อย่างละเอียดเลยค่ะ )

รวมถึงการพัฒนา Personal และ Social Emotions

แม้จะเป็นโรงเรียนนานาชาติ แต่การเรียนการสอนนั้นได้ปรับให้สอดคล้องกับบริบทในสังคมไทย เด็กๆจะได้เรียนรู้และปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ ความสงบ และมีความเมตตา

กำลังพยายามสร้างตามแบบ (วิชาคณิตศาสตร์)

เวลาใช้สมาธิก็จะจริงจังประมาณนี้ค่ะ

แม้จะแชร์โต๊ะด้วยกัน แต่ต่างคนต่างโฟกัสกิจกรรมของตัวเองน้า

Ratio 1:6 คุณครูดูแลนักเรียนอย่างทั่วถึง

บรรยากาศห้องเรียน ช่วยกระตุ้นให้เด็กอยากเรียนรู้

 

Montessori + IEYC = จึงเป็นหลักสูตรสุดสมดุลของ Tree House ที่ตอบโจทย์ Generation “Alpha”

เน้นพัฒนาการตามวัย

เอื้อต่อการสร้างศักยภาพรายบุคคล

เติบโต สมวัย อย่างมีความสุข พร้อม Life Skills + Growth mindset + Empathy

 

จุดเด่นของ Tree House

คุณครูทุกคนจบด้าน Montessori โดยตรง เพราะกิจกรรมเน้นไปที่การเรียนรู้ของเด็ก ไม่ใช่การสอนของครู

คุณครูจะเป็นผู้ออกแบบ ดัดแปลงสิ่งแวดล้อมให้เข้ากับเด็ก ปรับเปลี่ยนสื่อ สภาพห้องเรียน และบรรยากาศอารมณ์ของห้องให้เข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนไปของเด็กด้วยความเข้าใจ nature ของแต่ละคน มีขอบเขตที่ชัดเจนและปฏิบัติต่อเด็กด้วยความสม่ำเสมอ

คุณครู..ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ต้องเชี่ยวชาญในการสังเกตการเรียนรู้และพฤติกรรมของเด็ก

ที่สำคัญคุณครูจะคอยจดบันทึกผลการสังเกตเป็นร่องรอยของพัฒนาการ ซึ่งบันทึกนี้จะช่วยชี้นำให้ครูรู้ว่าเมื่อไหร่จึงจะเข้าแทรกการเรียนรู้ด้วยบทเรียนใหม่ ๆ การท้าทายใหม่ ๆ หรือ การเพิ่มเติมกฎระเบียบพื้นฐานในห้องเรียนค่ะ

คุณครู Montessori ใช้เวลาในการสังเกตพฤติกรรมและพัฒนาการของเด็ก ๆ ผ่านการทำกิจกรรมและการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เพื่อจดบันทึกและคอยดูว่าจะเสริม จะเพิ่ม หรือลด อะไรหรืออย่างไร

Theme-based learning + S.T.E.A.M. approach แสนสนุกสนาน

กิจกรรมที่เด็ก ๆ จะทำในแต่ละวันนั้น จะผสมผสานกัน

ระหว่างกิจกรรมที่คุณครูผู้สอนออกแบบ (ที่สอดคล้องกับพัฒนาการตามช่วงวัย)

และกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตามความสนใจของเด็กๆ (ตาม Theme ต่างๆ)

โดยจะเน้นให้เด็กๆได้เรียนรู้ผ่านการเล่นที่จะช่วยเสริมสร้างทักษะและความรู้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การอ่าน+เขียน +ทักษะการเรียนรู้

ทุกกิจกรรมและการเรียนรู้เองก็สัมพันธ์กับ S.T.E.A.M ( Science.Technology.Engineering.Art.Mathematics ) ตอบโจทย์ curiosity หรือความอยากรู้อยากเห็นของเด็กๆ การเรียนรู้จึงประสบการณ์ที่แสนสนุก เด็กๆมีความสุขและกล้าที่จะเผชิญกับสิ่งใหม่ๆบนโลกใบนี้

วัสดุหลากหลายสามารถนำมาเป็นสื่อการเรียนรู้แบบ Montessori ได้

หลังกิจกรรม Hands-on ต้อง wash your hands ด้วยนะคะ

 

Small size group : คุณครู 1 คน ต่อนักเรียน 6 คน

Tree House เป็นโรงเรียนที่ให้ความสำคัญต่อคุณภาพในการดูแลนักเรียน

ต้องหลากหลาย – เด็ก แม้จะอยู่ในช่วงอายุเดียวกัน แต่ความชอบ ความสามารถ พื้นฐาน และครอบครัวแตกต่างกัน การเข้าถึง กลวิธีการสอน การดูแล ก็ย่อมแตกต่างกันด้วย

ต้องลงลึก – เพราะมอนเตสซอรี่คือการเน้นส่งเสริมศักยภาพเป็นรายบุคคลในระยะยาว คุณครูจะต้อง observe นักเรียนเพื่อบันทึกร่องรอยของพัฒนาการและพฤติกรรมอย่างละเอียด

ต้องทั่วถึง – การเรียนเองก็เป็นกิจกรรมร่วมกัน เด็ก ๆ เติบโตและพัฒนาร่วมกับเพื่อนๆได้ภายใต้คุณครูผู้คอย facilitate และ entertain เด็กๆในคราวเดียวกัน

แล้วก็จะแบ่งออกเป็นกลุ่มๆตามช่วงอายุค่ะ

Daisies : กลุ่มอายุ 1.8-3 ปี

Poppies : กลุ่มอายุ 3-4 ปี

Magnolias : กลุ่มอายุ 5-6 ปี

 

สภาพแวดล้อม

สถานที่ : การเดินทางเข้ามาโรงเรียนภายในนิชดาธานี..ชุมชนชาวต่างชาติที่อุดมไปด้วยพืชพันธุ์ไม้เมืองร้อน..ช่วยปรับความรู้สึกคล้ายกับกำลังเดินทางมาพักผ่อน ระบบนิเวศน์ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ทั้งใน/นอกห้องเรียน สายลม แสงแดด กิ่งไม้ ใบหญ้า ก็เป็นตำราเรียนชั้นดีเช่นกัน

ความหลากหลาย : นอกจากจะเป็นด้านธรรมชาติที่เด็กๆสามารถออกไปเรียนรู้และสังเกตความเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลและตามวัฏจักร เด็กๆยังมีเพื่อน พี่ น้อง คุณครู หลายเชื้อชาติ วัฒนธรรม และ background ..เห็นและเรียนรู้ว่า “แตกต่างแต่ – อยู่ร่วมกันได้” รู้จักให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกันค่ะ

อุปกรณ์การเรียนรู้หลากหลาย เหมาะสมกับวัย

ความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม

 

Very closed relationship

Students – โรงเรียนจำกัดจำนวนนักเรียนเพื่อการดูแลชนิด deeply in detail

คุณครูมอนเตสซอรี่จะรู้จักเด็กแต่ละคนเป็นอย่างดี + มีหลากหลายวิธี handle กับนักเรียน +สามารถ grooming ให้เด็กๆมีพัฒนาการเป็นไปตามวัย และช่วยส่งเสริมให้เด็กๆแสดงศักยภาพของตนออกมาได้อย่างชัดเจน ( Shine )

Families – NEW! เด็ก ๆ จะได้เรียนภาษาจีน 3 คาบต่อสัปดาห์ และ ภาษาไทย 2 คาบต่อสัปดาห์

เป็นการเรียนที่เน้นเพื่อสื่อสารโดยเฉพาะเลยค่ะ โดยเป็นความต้องการของกลุ่มผู้ปกครองที่อยากให้ได้ ๆ สามารถเข้าใจภาษาไทยได้บ้างเพราะอาศัยอยู่ในประเทศไทย ก็ไม่ยากเลยค่ะ – ทางโรงเรียนจัดให้!

Ms.Grace Pocknell (Head Teacher) และ Mr. Siriwat Tonthong (Director)

Mommy Love This! ถูกใจแม่

เด็กๆมีความสงบขึ้น มีสมาธิ อดทน ไม่ย่อท้อ

เด็ก ๆ สื่อสารเก่งขึ้น กล้าพูดและแสดงออก

มีความสุขเวลาที่ได้ไปโรงเรียน – สังเกตได้จาก ไม่ร้องไห้ / ร้องไห้น้อยลงค่ะ

Open door policy – ผู้ปกครองสามารถ เข้าถึง ปรึกษา เสนอแนะ เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศน์การเรียนรู้ของนักเรียน

การดูแลนักเรียนอย่างเอาใจใส่และทั่วถึง

คุณครูเข้าใจ ใจดี และรอได้

 

 

ค่าเล่าเรียนต่อเทอม

Daisies (1.8 – 3 years old)

Half Day = 135,000 THB/1 semester

Full Day = 155,000 THB/1 semester

Annual = 310,000 THB/year

Poppies (3-4 years old)

Half Day = 145,000 THB/1 semester

Full Day = 165,000 THB/1 semester

Annual = 330,000 THB/year

Magnolias (5-6 years old)

Full Day = 175,000 THB/1 semester

Annual = 350,000 THB/year

 

**ราคาดังกล่าวยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ

 

Tree House Montessori

39, 932-933 ถนนนิชดาธานี ตำบาลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120

โทร 063 212 0540

เวลาทำการ 7.30 – 15.30 น.

www.thetreehousemontessori.com

FB : Tree House-montessori

IG : tree.housemontessori

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

ทางเลือกของการมีเจ้าตัวน้อย กับเทคโนโลยีที่ช่วยวางแผนให้ขั้นตอน การทำเด็กหลอดแก้ว เป็นไปอย่างราบรื่น

ทางเลือกของการมีเจ้าตัวน้อย กับเทคโนโลยีที่ช่วยวางแผนให้ขั้นตอน การทำเด็กหลอดแก้ว เป็นไปอย่างราบรื่น

event
ทางเลือกของการมีเจ้าตัวน้อย กับเทคโนโลยีที่ช่วยวางแผนให้ขั้นตอน การทำเด็กหลอดแก้ว เป็นไปอย่างราบรื่น
ทางเลือกของการมีเจ้าตัวน้อย กับเทคโนโลยีที่ช่วยวางแผนให้ขั้นตอน การทำเด็กหลอดแก้ว เป็นไปอย่างราบรื่น

แต่งงานหลายปีแล้ว….ยังไม่มีลูกสักที คุณยังเผชิญความท้าทายกับการขยายครอบครัวให้ใหญ่ขึ้นอยู่หรือเปล่าคะ? สำหรับคู่รักที่พยายามสร้างครอบครัวให้สมบูรณ์ การมีเจ้าตัวน้อยเพื่อเติบโตไปด้วยกัน ก็เป็นอีกหนึ่งความฝันสำหรับหลายๆ คู่ใช่ไหมคะ ไม่ว่าคุณจะพยายามมีลูกคนแรก หรือประสบกับภาวะมีบุตรยาก ซึ่งเมื่อก่อนสามารถตั้งครรภ์ตามธรรมชาติได้ แต่ปัจจุบันดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากที่จะเพิ่มจำนวนสมาชิกในครอบครัว ภาวะมีบุตรยากอาจเป็นปัญหาหลักที่หลายคู่กำลังเผชิญ แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ยุคนี้มีเทคโนโลยีการทำเด็กหลอดแก้วอย่าง IVF ที่ช่วยให้การมีลูกสมปรารถนา

โดยทั่วไปแล้ว IVF มักต้องใช้การเก็บไข่และการย้ายตัวอ่อนหลายรอบเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ที่สำเร็จ ปัจจุบันมี ORA™ เทคโนโลยีล้ำสมัยที่ทดสอบช่วงเวลาของการพร้อมรับตัวอ่อนของผู้หญิง โดยกำหนดเวลาที่เหมาะสมที่สุดเพื่อการย้ายตัวอ่อน โดยพิจารณาจากช่วงเวลาการตอบรับของเยื่อบุโพรงมดลูกเฉพาะของสตรี เพิ่มโอกาสของการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยให้กับว่าที่คุณแม่

ก่อนที่จะไปพูดถึงเทคโนโลยี ORA™ ลองมาเช็คตัวเองกันก่อนไหมคะว่า มีภาวะที่เป็นผู้มีบุตรยากไหม และ IVF เป็นอย่างไร ไปดูกันค่ะ

จะรู้ได้อย่างไรว่าอยู่ในภาวะมีบุตรยาก

เมื่อแต่งงานแล้วมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน มาตลอด 1 ปี ไม่ว่าจะนับช่วงเวลาตกไข่ เพื่อทำกิจกรรมในช่วงนั้นๆ หรือแม้กระทั่งดูแลตัวเองเป็นอย่างดีแล้ว ไม่สามารถที่จะตั้งครรภ์ได้ หรือฝ่ายหญิงที่มีอายุเกิน 35 ปีขึ้นไป มีเพศสัมพันธ์ตลอด 6 เดือนโดยไม่ป้องกัน แล้วไม่ตั้งครรภ์ ก็นับว่าเป็นภาวะมีบุตรยากเช่นกันค่ะ ทั้งนี้หากสังเกตด้วยตัวเองแล้วเป็นอย่างข้างต้น จะต้องมีการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์เพื่อค้นหาสาเหตุเพิ่มเติมของการมีบุตรยากอีกทีค่ะ

IVF ทางเลือกของผู้มีบุตรยาก

IVF (In vitro fertilization) เป็นวิธีการที่นำเอาเชื้ออสุจิที่มีอสุจิหลายตัว ไปผสมกับไข่เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ หลังจากนั้นจะเป็นการนำตัวอ่อนคืนกลับเข้าโพรงมดลูกเพื่อการฝังตัว และเติบโตเป็นตัวอ่อนในครรภ์มารดาต่อไป เป็นวิธีการที่ใช้รักษาผู้มีบุตรยากอันมีสาเหตุจากท่อนำรังไข่ที่ผิดปกติ

จะเห็นได้ว่า การทำเด็กหลอดแก้วมีกระบวนการและขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่ไม่ยากเกินกว่าว่าที่คุณพ่อคุณแม่จะอดทนเฝ้ารอใช่มั้ยคะ ต่อไปเรามาทำความรู้จักกับเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้กระบวนการทำเด็กหลอดแก้วหรือ IVF สามารถวางแผนขั้นตอนในการย้ายตัวอ่อนได้ดีขึ้นโดยจะวิเคราะห์เป็นผลเฉพาะบุคคล อย่าง ORA™ กันค่ะ

ORA™ คืออะไร

ORA™ (Optimal Receptivity Analysis) เป็นการทดสอบทางพันธุกรรมที่ใช้การตรวจเลือดโดย Inti Labs เพื่อประเมินความพร้อมของเยื่อบุโพรงมดลูกในการรับตัวอ่อนสำหรับการฝังตัว ถือเป็นตัวเลือกที่รุกล้ำร่ายกายน้อยสำหรับผู้หญิงที่ต้องการตั้งครรภ์อย่างมีสุขภาพดี ด้วยรอบ IVF ที่น้อยลง มีการพบว่าผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปี มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ผิดปกติ หรือเคยประสบปัญหาการฝังตัวอ่อนล้มเหลว/แท้งบุตรในอดีต มีแนวโน้มที่จะมีช่วงเวลาการฝังตัวที่ผิดพลาด ซึ่งหมายความว่าการย้ายตัวอ่อนเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เยื่อบุโพรงมดลูกยังไม่พร้อม ในระหว่างการทดสอบ ORA™ ตัวอย่างเลือดของผู้ป่วยจะถูกวิเคราะห์อย่างละเอียดเพื่อตรวจสอบกว่า 100 ตัวชี้วัดทางชีวภาพ ซึ่งจะให้ภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับเวลาที่เหมาะสมสำหรับการย้ายตัวอ่อน สิ่งนี้ช่วยให้แน่ใจว่าผู้ป่วยและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์สามารถกำหนดเวลาการย้ายตัวอ่อนได้เมื่อเยื่อบุโพรงมดลูกมีความพร้อมที่สุด ช่วยเพิ่มโอกาสในการฝังตัวและตั้งครรภ์ที่สำเร็จ

ORA™ ทำงานอย่างไร

การใช้ ORA™ จะใช้ได้กับสองสถานการณ์ สำหรับผู้ป่วยในระยะเริ่มต้นของการทำ IVF จะมีการเก็บตัวอย่างเลือดไว้อย่างปลอดภัยในวันที่ทำการถ่ายโอนตัวอ่อนแช่แข็งตามปกติ เรียกว่า “Vault” หากการฝังตัวล้มเหลวและผู้ป่วยต้องการกำหนด WOI (Window Of Implantation) หรือช่วงระยะเวลาที่มดลูกพร้อมรับตัวอ่อนเต็มที่ ผู้ป่วยสามารถขอการวิเคราะห์ตัวอย่างเลือดที่เก็บรวบรวมไว้ล่วงหน้าได้ โดยผลลัพธ์ของ ORA™ จะช่วยกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการย้ายตัวอ่อนในรอบต่อไปของผู้ป่วย

การทำ Vault เหมาะกับใคร?

  • ผู้หญิงที่เข้ารับการย้ายตัวอ่อนแช่แข็งแบบมาตรฐาน HRT หรือแบบธรรมชาติ

สถานการณ์ที่สองคือ สำหรับผู้ป่วยที่เคยประสบกับการฝังตัวอ่อนไม่สำเร็จมาแล้วหนึ่งครั้ง หรือมากกว่านั้น หรือสำหรับผู้ป่วยครั้งแรกที่ต้องการกำหนดเวลาการฝังตัวตั้งแต่เริ่มต้น ผู้ป่วยจะต้องผ่านการทำ “Mock Cycle” ที่เลียนแบบสภาวะของ IVF ในวันที่ปกติจะมีการย้ายตัวอ่อนแช่แข็ง จะมีการเก็บตัวอย่างเลือดและนำไปวิเคราะห์แทน เพื่อแจ้งให้ผู้ป่วยและแพทย์ทราบระยะเวลาที่เหมาะสมในการฝังตัวของตัวอ่อน ในระหว่างรอบการย้ายตัวอ่อนที่เหมาะสมครั้งต่อไป

ORA™ เหมาะกับใคร

  • คนที่ตัวอ่อนฝังตัวได้ยาก (อย่างน้อยหนึ่งครั้ง)
  • คนที่มีไข่คุณภาพปริมาณน้อย
  • คนที่มีค่า BMI ต่ำหรือสูงกว่าเกณฑ์
  • คนที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
  • คนที่เคยแท้งลูกมาก่อน

ปัจจุบันในประเทศเราก็เริ่มมีคลินิคที่นำเอาเทคโนโลยี ORA™ สำหรับการทำเด็กหลอดแก้วอย่าง IVF เข้ามาใช้แล้วค่ะ หากสนใจ ก็สามารถหาข้อมูลประกอบเพิ่มเติมสำหรับคลินิคที่มีเทคโนโลยี ORA™ ได้ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องด้วยนะคะ

 

ข้อมูลอ้างอิง

https://intilabs.com/

https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=171

https://www.bangkokhospital.com/content/ivf-and-icsi

https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/lecturestopics/51146/

พาทัวร์ อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้  โรงเรียนอนุบาลที่พัฒนาเด็กครบ ในทุก ๆ ด้าน

event

อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้ โรงเรียนอนุบาลที่พัฒนาเด็กครบ ในทุก ๆ ด้าน พร้อมก้าวเข้าสู่การเรียนรู้ในทุกระดับอย่างมั่นใจ

ใครกำลังมองหาโรงเรียนอนุบาลดี ๆ ย่านห้วยขวางและลาดพร้าว วันนี้เรามีโรงเรียนมาแนะนำกันค่ะกับ อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้ โรงเรียนอนุบาลเก่าแก่ที่เปิดดำเนินการมากว่า 40 ปี ประสบการณ์ที่ยาวนานและหลักสูตรที่แตกต่างไม่เหมือนใคร ทำให้โรงเรียนประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบัน ลองไปดูกันค่ะว่าแนวทางการสอนและจุดเด่นของโรงเรียนนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง

” อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้ ” ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2525 โดย ผศ.ดร. ประชุมพร สุวรรณตรา อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยขอนแก่น และอาจารย์โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนเดิมใช้ชื่อว่า “อนุบาลประนันทนิจ เนอสเซอรี่” ซึ่งเป็นชื่อจริงของลูกสาวท่าน เริ่มต้นด้วยนักเรียนเพียง 6-7 คน ด้วยหลักสูตรการสอนที่เน้นการพัฒนาทักษะในด้านการสังเกต คิดวิเคราะห์ และเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ จากงานวิจัยระดับปริญญาเอกของ ผศ.ดร. ประชุมพร ส่งผลให้โรงเรียนเติบโตอย่างรวดเร็ว จนกลายมาเป็น “อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้” ในปัจจุบัน

ทางเข้าโรงเรียน
ออกกำลังกายกันค่า
ได้เรียน ได้เล่น ได้ทำกิจกรรมด้วยตนเองทุกคน

หลักสูตรเฉพาะของโรงเรียน การผสมผสานเพื่อพัฒนาเด็กอย่างรอบด้าน

หลักสูตรของโรงเรียน “อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้” ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน โดยนำแนวทางการสอนจากอเมริกามาปรับให้เข้ากับบริบทของประเทศไทย ทั้งยังได้รับการอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการ หลักสูตรนี้เน้นการบูรณาการทฤษฎีต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคน ดังนี้

Applied Montessori

สำหรับเด็กวัยอนุบาล หลักสูตรนี้มุ่งเน้นการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริง โดยใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ เช่น การดู ฟัง ชิม ดม และสัมผัส การเรียนรู้ในรูปแบบนี้ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและการจดจำได้ดีที่สุด เด็ก ๆ ได้รับอิสระในการเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล ห้องเรียนขนาดใหญ่ที่จัดมุมต่าง ๆ ไว้อย่างผสมผสาน ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้จากกันและกัน พัฒนาความอยากรู้อยากเห็น ความมั่นใจ และทักษะต่าง ๆ ที่สำคัญต่อการเติบโต

Multiple Intelligence (พหุปัญญา)

หลักการของพหุปัญญาเน้นว่าความฉลาดของคนเราไม่ได้มีเพียงแบบเดียว เด็กแต่ละคนมีจุดแข็งและจุดอ่อนที่แตกต่างกัน ซึ่งครูจะนำแนวคิดนี้มาปรับใช้ในการสอน เพื่อให้เด็ก ๆ ได้รับการพัฒนาในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นทักษะการแก้ปัญหา การเล่าเรื่อง การวาดรูป หรือการสำรวจธรรมชาติ ครูจะคอยสังเกตและปรับกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสามารถเฉพาะตัวของเด็กแต่ละคน ทำให้การเรียนรู้ไม่จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียนหรือการสอบ แต่ครอบคลุมถึงการพัฒนาเพื่ออนาคตอย่างแท้จริง

Workboard

การเรียนรู้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในหนังสือ แต่เด็ก ๆ จะได้สัมผัสประสบการณ์จริงผ่านระบบ Workboard ซึ่งออกแบบมาให้เด็กได้เรียนรู้ในรูปแบบ Hands-On โดยทำกิจกรรมในกลุ่มเล็ก ๆ ทำให้เด็กแต่ละคนได้มีโอกาสลงมือทำและเรียนรู้ด้วยตนเอง ผ่านกิจกรรมที่หลากหลายและสนุกสนาน ระบบนี้เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ช่วยให้ครูสามารถประเมินพัฒนาการของเด็กแต่ละคนได้อย่างละเอียดและใกล้ชิด

การเรียนรู้ผ่านสถานีที่หลากหลาย และเป็น การเรียนรู้ที่จับต้องได้จริง

ภายในห้องเรียนจะมีมุมสถานีต่าง ๆ ที่จัดเตรียมกิจกรรมมากมาย และเด็ก ๆ จะแยกเป็นกลุ่มย่อย เพื่อฝึกทักษะในด้านต่าง ๆ ตัวอยางเช่น ฐานคณิตศาสตร์ที่เด็ก ๆ ได้สนุกกับการเล่นเกมปริศนาตัวเลข ฐานภาษาไทยที่เสริมทักษะการอ่านเขียนผ่านเกมจับคู่ตัวอักษร หรือฐานศิลปะที่เปิดโอกาสให้เด็กได้ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ผ่านการใช้อุปกรณ์ที่หลากหลายเป็นต้น เด็ก ๆ จะได้จับ ย้าย และจัดการกับวัตถุจริง ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับเด็กเล็ก เพราะช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสหลายด้าน ทำให้การเรียนรู้ไม่น่าเบื่อ แต่กลับสนุกและน่าจดจำ การเรียนรู้แบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาทักษะทางด้านกล้ามเนื้อมัดเล็กและสมอง แต่ยังเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการใช้มือ และทักษะการอ่านเขียน

การเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นและใส่ใจความต้องการเฉพาะของเด็กแต่ละคน

การเรียนรู้แบบ *Workboard* ให้เด็ก ๆ มีอิสระในการเลือกทำกิจกรรมตามความสนใจและความถนัดของตนเอง เด็กบางคนอาจต้องการเวลาเพิ่มในการทำความเข้าใจ หรืออาจอยากกลับไปทำกิจกรรมเดิมซ้ำจนกว่าจะพอใจ ที่นี่ครูจะคอยสังเกตและปรับการสอนให้เหมาะสมกับการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคน ช่วยให้เด็กทุกคนได้เรียนรู้ในจังหวะที่เหมาะกับตัวเองโดยไม่ต้องเร่งรีบ

สถานีกิจกรรมแต่ละจุด กระตุ้นให้เด็กอยากเรียนรู้มาก ๆ
เด็ก ๆ ถูกแบ่งเป็นกรุ๊ปย่อย แยกทำกิจกรรมตามมุมต่าง ๆ
บรรยากาศห้องเรียน ที่แบ่งเป็นมุมหรือฐานกิจกรรมต่างๆ บรรยากาศน่าเรียนมากค่ะ

แตกต่างอย่างลงตัว

หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ “อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้” แตกต่างจากโรงเรียนอื่น คือการเรียนการสอนแบบสามภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ และจีน โดยจัดสัดส่วนการเรียนรู้ที่ลงตัวคือ ภาษาไทย 50% ภาษาอังกฤษ 40% และภาษาจีน 10% ซึ่งทำให้เด็ก ๆ ได้เริ่มพัฒนาทักษะทางภาษาตั้งแต่ยังเล็ก พร้อมสำหรับการศึกษาต่อทั้งในระบบการศึกษาไทยและนานาชาติ

สร้างรากฐานแห่งการเรียนรู้และการใช้ชีวิต

“อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้” ไม่ใช่แค่สถานที่จัดการศึกษาเท่านั้น บ้านต้นไม้ยังมุ่งเน้นพัฒนาทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต ส่งเสริมให้เด็ก ๆ มีความอยากรู้อยากเห็น รู้จักค้นคว้า และปรับตัวเข้ากับสังคมรอบตัวได้อย่างดี ช่วยสร้างรากฐานที่มั่นคงให้เด็ก ๆ เติบโตและพัฒนาทั้งในด้านวิชาการ ทักษะชีวิต และสังคมอย่างสมดุลและมั่นใจ

ประเมินผลจากพัฒนาการ

ที่ “อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้” การประเมินผลของเด็ก ๆ ไม่ได้จำกัดเพียงคะแนนหรือเกรด แต่เน้นที่การสะท้อนถึงพัฒนาการที่แท้จริง ผ่านการเก็บผลงานใน *Portfolio* ซึ่งรวบรวมกิจกรรมและผลงานต่าง ๆ ที่เด็กได้ลงมือทำตลอดปี การประเมินแบบนี้ช่วยให้ครูเห็นจุดเด่นและจุดที่ต้องพัฒนาของเด็กแต่ละคน โดยเน้นความแตกต่างของเด็กอย่างเข้าใจ

นอกจากนี้ โรงเรียนยังใช้วิธีการประเมินตามแนวทาง *มอนเตสซอรี่* ซึ่งให้ความสำคัญกับกระบวนการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง เด็ก ๆ จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้รับการประเมินในแต่ละกิจกรรมและวิชาอย่างละเอียด เพื่อให้เห็นพัฒนาการในทุกมิติอย่างชัดเจน

โรงเรียนทำงานร่วมกับผู้ปกครอง

ผู้ปกครองมีส่วนร่วมและมีบทบาทสำคัญกับโรงเรียนเป็นอย่างมาก ทั้งการเป็นอาสาสมัครกิจกรรมต่าง ๆ หรือการเข้าร่วมประชุมอบรมสัมนา ทางโรงเรียนมีการจัดการอบรมพัฒนาให้พ่อแม่ได้รู้จักวิธีการสอนและการดูแลเด็ก ๆ เพราะการพัฒนาเด็ก ๆ ครอบครัวเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เด็กพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้โรงเรียนยังมีระบบเปิดรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ จากผู้ปกครอง เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการสอนให้ดีที่สุด

เล่มเกมส์แยกสีของลูกบอลช่วยฝึกทักษะหลายๆด้าน
โรงอาหารสะอาดสะอ้าน
เด็ก ๆ กำลังเรียนคีย์บอร์ด

สิ่งแวดล้อมดี ช่วยพัฒนาเด็ก

สภาพแวดล้อมในโรงเรียนถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพราะเรารู้ว่าสภาพแวดล้อมมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเด็ก การออกแบบพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกเน้นความปลอดภัยและกระตุ้นการเรียนรู้ในทุกด้านเด็ก ๆ จะได้เรียนรู้และเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาทั้งทางร่างกาย จิตใจ และความคิดสร้างสรรค์

ห้องเรียนที่ออกแบบตามหลัก Montessori

ภายในห้องเรียนถูกจัดตามหลักการ Montessori เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ อุปกรณ์และของเล่นต่าง ๆ ถูกจัดเรียงในมุมที่เด็ก ๆ สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวก ทั้งมุมอ่านหนังสือและมุมศิลปะ ทุกสิ่งถูกออกแบบมาให้เด็ก ๆ ได้มีอิสระในการเลือกและเรียนรู้ด้วยตัวเอง

สภาพแวดล้อมแบบ Waldorf ที่เน้นความเป็นธรรมชาติ

ในห้องเรียนและบริเวณต่าง ๆ ของโรงเรียน เราใช้วัสดุธรรมชาติและจัดบรรยากาศที่เปิดโล่ง มีแสงธรรมชาติเข้าถึง เพื่อเสริมสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นถูกออกแบบมาให้เหมาะกับเด็กแต่ละวัย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและการใช้งานที่สะดวกสบายสำหรับเด็ก

สนามเด็กเล่นและพื้นที่กลางแจ้งที่เต็มไปด้วยการเรียนรู้

นอกจากพื้นที่ในห้องเรียนแล้ว โรงเรียนยังมีสนามเด็กเล่นและลานกิจกรรมกลางแจ้งที่หลากหลาย พร้อมเครื่องเล่นมากมายที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกาย นอกจากนี้ยังมีสวนเล็ก ๆ ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบตัว

ห้องเรียน Montessori ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์และของเล่นเสริมทักษะมากมาย
   บรรยากาศสนามเด็กเล่น ที่เด็ก ๆ ชื่นชอบ
ห้องสมุดและห้องเรียนดนตรี

Mommy Love This! ถูกใจแม่

  • ห้องเรียนที่ “อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้” กว้างขวาง เปิดโล่ง และเต็มไปด้วยอุปกรณ์การเรียนรู้และสื่อการสอนที่หลากหลาย ทำให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และสนุกสนานไปพร้อมกัน
  • ด้วยการจัดกลุ่มเรียนขนาดเล็ก คุณครูสามารถโต้ตอบกับเด็ก ๆ ทั้งแบบกลุ่มและรายบุคคลได้อย่างใกล้ชิด ทำให้สามารถสังเกตพัฒนาการ ความเข้าใจ และความต้องการของเด็กแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ
  • โรงเรียนมีห้องกิจกรรมพิเศษมากมาย เช่น ห้องดนตรี ห้องสมุด ห้องเรียนมอนเตสที่แยกออกมาเฉพาะ รวมไปถึงสระว่ายน้ำให้เด็กได้เรียนรู้กันอย่างเต็มที่
  • โรงเรียนมีกล้องวงจรปิดครอบคลุมทั้งภายในห้องเรียนและภายนอกอาคาร และเข้มงวดเรื่องการเข้าออกของบุคคลภายนอก คุณพ่อคุณแม่จึงวางใจได้ว่าลูกจะปลอดภัยตลอดเวลาที่อยู่ในโรงเรียน
  • โรงเรียนมีการจัดเมนูอาหารกลางวันที่คำนึงถึงโภชนาการอย่างเหมาะสม ออกแบบเมนูโดยครูที่จบด้านโภชนการโดยเฉพาะ ส่วนเด็กคนไหนแพ้อาหารก็ไม่ต้องห่วง โรงเรียนติดป้ายแจ้งที่โรงครัวและมีคุณครูคอยเชคมื้ออาหารให้ทุกครั้ง
  • โรงเรียนใส่ใจในเรื่องการออกแบบห้อง และการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ แม้แต่ขั้นบันไดภายในอาคารก็ออกแบบให้เหมาะสมกับเด็กอีกด้วย เพื่อความปลอดภัยของเด็ก ๆ
  • ด้วยสิ่งแวดล้อมและการดูแลอย่างพิถีพิถันเช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงหลงรักโรงเรียนนี้ “อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้” ไม่ใช่แค่สถานที่เรียน แต่เป็นที่ที่เด็ก ๆ จะได้เติบโตอย่างสมดุลและมีความสุขทุกวัน!

อัตราค่าเล่าเรียน

  • Toddler และ Pre – Kindergarten
    • ค่าเล่าเรียนรวมต่อปีการศึกษา : 130,000 บาท
  • Kindergarten 1-3
    • ค่าเล่าเรียนรวมต่อปีการศึกษา : 136,000 บาท

ที่อยู่

อนุบาล 3 ภาษา บ้านต้นไม้ 973/2 ซอยพิบูลย์อุปถัมภ์ ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310

https://www.baantonmai.ac.th/

https://www.facebook.com/baantonmaikindergarten

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ : เนาวพจน์ โพธิเกษม

อันตรายจากการใช้สายตาที่มากเกินไป

event

โรคต้อกระจก โรคต้อหิน โรคต้อเนื้อ  โรคต้อลม โรคจอประสาทตา โรคความผิดปกติทางสายตาเหล่านี้ คือโรคอันดับต้นๆ ที่มักพบได้บ่อยในคนไทย เป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียการมองเห็น และสายตาเลือนลาง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพฤติกรรมการใช้สายตาที่ไม่ถูกต้อง มีเด็กๆ และคุณพ่อคุณแม่หลายคนที่อยู่กับจอและมีการจ้องหน้าจอเป็นเวลานานๆ ทั้งยังต้องรับความเสี่ยงจากแสงแดดตามธรรมชาติและจากแหล่งกำเนิดอื่นๆ  หรือสาเหตุอาจเกิดจากภาวะเสี่ยงของโรคตาบางชนิดที่ไม่แสดงอาการ บางรายมีอาการค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น อย่าเสียโอกาส หากสามารถดูแลดวงตาของคุณได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล มีวิธีการสำรวจพฤติกรรมเสี่ยงของดวงตาเบื้องต้นด้วยตัวเอง มาแนะนำ หากมีความเสี่ยงหรือพบความผิดปกติ จะได้สามารถหาทางดูแลรักษาอย่างทันท่วงทีนั่นเอง

เช็กด่วน…พฤติกรรมของคุณ ทำร้ายดวงตาหรือไม่ ?

  • จ้องจอเป็นเวลานานๆ
    ความสว่างของหน้าจอที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นจากการจ้องจอโทรศัพท์ หรือจอมอนิเตอร์เป็นระยะเวลานาน จะทำให้ผู้ใช้ต้องมีการเพ่งสายตามากขึ้น ส่งผลต่อความผิดปกติของค่าสายตาได้ และยังทำให้เกิดการปวดตา เมื่อยล้า ตามัวได้
  • ออกกลางแจ้ง ไม่สวมแว่นกันแดด
    รังสียูวีจากแสงแดด ส่งผลต่อจอประสาทตาได้โดยตรง และยังทำให้เกิดทั้งต้อลมและต้อเนื้อได้
  • ทำงานในอุตสาหกรรมที่มีการใช้แสง
    อาจเสี่ยงต่ออาการต่างๆ เช่น จอประสาทตาเสียหายหรือเกิดการไหม้ กระจกตาถลอกจากแสงจ้ามากๆ อาการปวดตาเรื้อรัง น้ำตาไหลตลอดเวลา ปวดกระบอกตา

อาการฟ้อง…ดวงตากำลังถูกทำร้าย !
• ตาล้า ปวดเบ้าตา
• ตามัวเฉียบพลัน
• เคืองตา รู้สึกตาแห้ง หรือมีน้ำตาไหลมากขึ้น
• ค่าสายตาคลาดเคลื่อนมาก หรือมีระดับสายตาที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
• มีความดันตาสูงผิดปกติ ซึ่งเป็นความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อหิน
• อาการเห็นจุดดำตรงกลาง หรือมีเงามืดในลานสายตา
• เห็นแสงวาบเหมือนฟ้าแลบ หรือเห็นจุดดำลอยไปมาเวลากลอกตา

หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบจักษุแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นได้ นอกจากนี้ควรให้ความสำคัญของการตรวจตาอยู่เสมอ ดูแลถนอมตาให้เป็นปกติได้นานมากที่สุด และแนะนำให้พบจักษุแพทย์ปีละ 1 ครั้ง เพื่อตรวจค้นหาโรคทางตา โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางตาสูงกว่าคนทั่วไป 5 – 7 เท่า

การตรวจคัดกรองดวงตาไม่เพียงช่วยให้ค้นพบความผิดปกติของดวงตาในระยะเริ่มแรก แต่ยังช่วยให้ค้นพบโรคเกี่ยวกับดวงตาในขณะที่ยังไม่แสดงอาการ ทั้งนี้การตรวจคัดกรองดวงตาจะช่วยให้ทำการรักษาได้ทันท่วงทีก่อนที่อาการจะรุนแรง หากพบและรักษาทันท่วงทีจะสามารถช่วยลดการสูญเสียการมองเห็นได้

สนับสนุนข้อมูลทางการแพทย์โดย : นพ.พิชชาทร จิตต์นิลวงศ์ จักษุแพทย์เฉพาะทาง โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล

SX 2024 มหกรรมด้านความยั่งยืน ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน รวมพลังเพื่อโลกที่ดีกว่า เพราะความยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน

event

มาร่วมกันพลิกวิฤติโลกเดือด สู่โลกอนาคตที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน ในทศวรรษแห่งการลงมือทำ และ  พลังแห่งความร่วมมือเพื่อความอยู่รอดของมนุษยชาติใน “ยุคโลกเดือด” กับการรวมตัวของภาคีเครือข่ายที่เป็นองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนระดับโลกทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ที่พร้อมขับเคลื่อน แนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนทุกมิติ ในงาน Sustainability Expo 2024 (SX 2024) มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ที่จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ที่จะชวนให้ทุกคนมาแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และค้นหาคำตอบเพื่อร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้โลกใบนี้ไปด้วยกัน ผ่านกิจกรรม สุดยอดนวัตกรรม และเทคโนโลยีมากมาย ที่พร้อมตอบโจทย์ให้กับคนทุกกลุ่มวัยได้ไขรหัสคำตอบของการกอบกู้โลกอย่างยั่งยืน เพื่อให้เกิดความสมดุลในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเพื่อ “สมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีกว่า” (Good Balance, Better World) ภายใต้แนวคิดหลักของการจัดงาน “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” (Sufficiency for Sustainability)

เกี่ยวกับการจัดแถลงข่าวครั้งนี้ นางต้องใจ ธนะชานันท์ ผู้อำนวยการคณะจัดงาน Sustainability Expo 2024 (SX 2024) ให้ข้อมูลว่า “งาน Sustainability Expo จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ถือเป็นแพลตฟอร์มความร่วมมือด้านความยั่งยืนที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วนในระดับภูมิภาค นำเสนอองค์ความรู้ ไอเดีย เทรนด์นวัตกรรม และเทคโนโลยี ผลักดันการลงมือทำ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง โดยน้อมนำพระปฐมบรมราชโองการตามพระราชปณิธานในการสืบสาน รักษา ต่อยอด ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรมาเป็นแนวทางการจัดงาน สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDGs) ในทศวรรษแห่งการลงมือทำ ที่จะสร้างผลลัพธ์ให้เกิดเป็นรูปธรรมได้อย่างแท้จริง และยั่งยืนโดยการจัดงาน 4 ครั้งที่ผ่านมาเราได้สร้างการเรียนรู้ และสร้างแรงกระตุ้นให้เกิดการปรับตัว ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าความยากที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการได้ลงมือปฏิบัติ ดังนั้นเป้าหมายเราคือต้องทำให้รู้ว่าความยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน โดยงาน SX2024 ได้รวบรวมวิทยากร และผู้เชี่ยวชาญกว่า 600 รายทั่วโลก เครือข่ายธุรกิจยั่งยืนจากบริษัท และองค์กรชั้นนำของไทยและต่างประเทศกว่า 270 แห่ง ที่จะมาให้ความรู้หลากหลายด้าน แนวคิดที่น่าสนใจ รวมถึงเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ให้โลกเกิดความสมดุล

Sustainability Expo เป็นการผนึกกำลังขององค์กรภาคีเครือข่ายที่กลายเป็นแพลตฟอร์มความร่วมมือในการจัดงานมหกรรมด้านความยั่งยืนระดับภูมิภาค นำเสนอผ่านแนวทางที่เรียกว่า B2C2B (Business-to-Consumer-to-Business) ซึ่งยึดผู้บริโภคเป็นแกนกลางในการดำเนินการเพื่อความยั่งยืน โดยเชื่อมโยงระหว่างองค์กรธุรกิจกับผู้บริโภค และผู้บริโภคจะเชื่อมโยงกลับสู่ภาคธุรกิจ ซึ่งปีนี้เราได้ขยายเครือข่ายพันธมิตรจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม สถานทูต ตลอดจนองค์กรระหว่างประเทศที่มารวมพลังเป็นหนึ่งเดียวกันเพราะ “ความยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน” ต้องขอขอบคุณผู้ร่วมก่อตั้ง (Co-Founders) ที่นำโดย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เอสซีจี บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พร้อมทั้ง เครือข่าย TSCN (Thailand Supply Chain Network ) และผู้สนับสนุนการจัดงานทุกภาคส่วน ที่ตระหนักถึงความสำคัญ และมาร่วมกันลงมือทำอย่างจริงจัง เพื่อสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับโลกใบนี้ และมีความยั่งยืนไปจนถึงรุ่นลูกหลานของเราต่อไปในอนาคตข้างหน้า

นอกจากนี้ยังมี Mr.Martin Venzky-Stalling ร่วมด้วย ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์  และ คุณเจรมัย พิทักษ์วงศ์ ร่วมสนทนา และให้แนวความคิด  และมุมมองด้านความยั่งยืนในมิติต่างๆ ร่วมด้วยพันธมิตรองค์กรธุรกิจต้นแบบด้านความยั่งยืน 

จากซ้ายไปขวา 1. คุณจารุวรรณ งาพานิชวัฒน์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาดธุรกิจค้าปลีก Frasers บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 2. คุณณัฐวุฒิ อินทรส ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาอย่างยั่งยืน เอสซีจี 3. Mrs. Vibeke Lyssand Leirvåg, Chairperson, Foreign Chamber of Commerce in Thailan 4. Mr.Martin Venzky-Stalling, Sustainable Development Committee, Chaiman, JFCCT 5. คุณพลภัทร สุวรรณศร ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Advisor to GCEO 6.คุณต้องใจ ธนะชานันท์ ผู้อำนวยการคณะจัดงาน Sustainability Expo 7. ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 8. คุณเจรมัย พิทักษ์วงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด ในเครืออมรินทร์ กรุ๊ป 9. คุณปราชญ์ เกิดไพโรจน์ ผู้อำนวยการด้านความยั่งยืน ภูมิภาคเอเชีย บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

สำหรับกิจกรรมไฮไลท์ตลอด 10 วัน ของงาน SX 2024 ผู้เข้าชมงานจะได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ อัพเดทเทรนด์ ไอเดีย เทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงต้นแบบในการพัฒนาเมือง ชุนชนที่ยั่งยืน ผ่านการบรรยาย  เสวนา เวิร์คช็อป นิทรรศการ ศิลปะ ตลอดจนอาหารแห่งอนาคต พบกับ 10 โซนหลัก คือ 

โซนนิทรรศการชั้น G จำนวน 5 โซน

1) โซน SEP INSPIRATION พบกับองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนที่น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้จนประสบความสำเร็จ อาทิ มูลนิธิชัยพัฒนา และสัมผัสประสบการณ์ Immersive Experience ในนิทรรศการ Prologue ที่จะทำให้คุณรู้สึกถึงพลังของทุกการกระทำของเรา และผลกระทบที่ส่งตรงมาถึงเราทุกคน!  พร้อมเรียนรู้จากผู้บุกเบิกและผู้ปฏิบัติงานตัวจริงทั้งในวาระระดับประเทศและนานาชาติ และยังมีการจัดแสดงผลงานศิลปะที่ ‘Story from Plateau’ หรือ ‘เรื่องราวจากที่ราบสูง โดย อาจารย์บุญโปน โพทิสาน ศิลปิน Bangkok Art Biennale (BAB) 2024 ซึ่งเป็นผลงานที่จะสื่อถึงปัญหาระเบิดในประเทศลาวสงคราม เป็นการสะท้อนว่าสงครามไม่ได้ส่งผลดีต่อใครเลย

2)โซน Better Me ชวนคุณปรับเปลี่ยนเพื่อไปสู่วิถีชีวิตแบบยั่งยืนเป็นเรื่องง่ายที่เริ่มต้นได้ด้วยตัวเราเมื่อเข้าสู่ระยะสูงวัย สุขภาพกาย สุขภาพใจย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นการเตรียมตัวเข้าสู่ความสูงวัย ที่ต้องเริ่มดูแลตั้งแต่สุขภาพอาหาร สุขภาพใจเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว โดยในปีนี้มีนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น Mr. Muse หุ่นยนต์โรโบเทสเปียน ฮิวมานอยด์อัจฉริยะ รวมทั้งอัพเดทเทรนด์อาหารแห่งยุคเพื่อเตรียมตัวสูงวัยอย่างมีคุณภาพและความสุข

3) โซน Better Living เรียนรู้เรื่องการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมไปถึงนวัตกรรมและไอเดียการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เพื่อสร้างความเข้าใจ ตระหนักถึงผลกระทบ และกระตุ้นให้เกิดการลงมือทำ เพื่อกอบกู้ฟื้นฟูสภาพภูมิอากาศ สู่บรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero) เรียนรู้การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน และตัวอย่างจากองค์กรชั้นนำที่ดำเนินการเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่การลดการปล่อยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปจนถึงเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน

4) โซน Better Community  “BUILDING INCLUSIVE COMMUNITY” ส่วนนิทรรศการและกิจกรรมที่นำเสนอการสร้างชุมชน-กลุ่มคนที่ร่วมกันสร้างคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิดการพัฒนาทั้งคนและเมือง โดยเน้นหน่วยงานที่มีผลงานอย่างต่อเนื่อง และสร้างผลสำเร็จทั้งในมิติสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจชุมชนกว่า 50 แห่

5) โซน Better World “ศิลปะสร้างค่า สู่สมดุลโลก” รวบรวมงานศิลป์สะท้อนมุมมองความยั่งยืนในหลากหลายรูปแบบ อาทิ ผลงานภาพถ่ายจากโครงการประกวด Follow the River โดย National Geographic Thailand, ห้องภาพฉายานิติกร, สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย และผลงานจากการแข่งขัน SX Trash to Treasure ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 นอกจากนี้เผยแพร่เรื่องราวของบุคคลสำคัญที่ได้ลงมือทำงานด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนและสร้างผลงานอย่างเป็นรูปธรรมในวงกว้าง ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม จนได้รับรางวัล SX Shaper Award

โซนกิจกรรมให้คุณได้ลงมือทำเพื่อโลก ชั้น LG จำนวน 4 โซน

1) โซน SX Food Festival มหกรรมอาหารยั่งยืนแห่งปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ภายใต้ธีม Back to The Future พร้อมพาทุกคนย้อนเวลาไปสู่อนาคตไปพบกับอาหารที่ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายในงานพบกับเชฟชื่อดังจากรายการ Master Chef, Top Chef, Iron Chef, และ Hell’s Kitchen ที่จะมาโชว์ฝีมือรังสรรค์เมนูแห่งอนาคต รวมถึงผู้ประกอบที่สร้างสรรค์เมนูอาหารที่ช่วยสร้างสมดุลที่ดีต่อโลกและดีต่อคุณ ผ่าน 7 โซน 7 ประสบการณ์สุดล้ำ

2) โซน Kids Zone พื้นที่ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งอนาคต ผ่านการ ‘เล่น –ทดลอง–เรียนรู้’ กับนิทรรศการ และกิจกรรมสร้างสรรค์ สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน อาทิ นิทรรศการ ‘มหัศจรรย์ความหลากหลายทางชีวภาพ’ ที่ให้เด็กๆได้รู้จักกับธรรมชาติสัตว์และถิ่นที่อยู่ผ่านป่าดิบชื้นจำลอง สัตว์สตัฟฟ์ และวิดิทัศน์บนจอยักษ์ โดยความร่วมมือของ อพวช., Fab Cafe และ U.S Embassy นิทรรศการ ‘เก็บกลับ-  รีไซเคิล’ เรียนรู้วิธี และประโยชน์ของการแยกขยะ โดย Thai Beverage Recycle กิจกรรมสอนสร้างงานศิลป์ หลากแขนง กิจกรรมชวน ช็อปร้านจากนักขายรุ่นเยาว์ โดย Amarin Baby & Kids และ Win Win WAR OTOP Junior ร่วมด้วยเสวนา สาธิต และเวิร์คชอปสนุก ปลุกแรงบันดาลใจ

3) โซน SX MARKETPLACE ตลาดนัดสินค้ายั่งยืนใจกลางเมือง! ท่ามกลางบรรยากาศสวนกลางเมือง แบ่งโซนให้สายกรีน สายคราฟ และสายช้อป มาร่วมสนับสนุนผู้ประกอบการไทยกว่า 280 ร้านค้า ที่มุ่งเน้นการผลิตสินค้าอย่างยั่งยืน พบกับสินค้าที่คัดสรรมาเพื่อคุณ ทั้งอาหารออร์แกนิก สินค้าทำมือจากธรรมชาติ และของใช้ในบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช็อปเพลิน ๆ ไปพร้อมกับการสร้างโลกที่ดีกว่าเดิม!

4) SX REPARTMENTSTORE “รวมทิ้ง รวมแบ่งปันของนอกสายตา..ทิ้งแบบไหนดีต่อโลก” พื้นที่สำหรับเปลี่ยนของนอกสายตา หรือสิ่งของในบ้านที่ไม่ใช้แล้วแต่ยังมีประโยชน์และใช้งานได้ นำมาส่งต่อและมอบคุณค่าให้แก่ผู้อื่น สังคม สร้างคุณค่าใหม่ได้อีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีร้านค้าจำหน่ายสินค้ามือสองคุณภาพดี ร่วมกับโครงการจ้างวานข้า มูลนิธิกระจกเงา และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ Beta Young นำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายไปมอบให้การกุศล นอกจากนี้ยังมีจุด drop off บรรจุภัณฑ์ใช้แล้วและขยะอื่น ๆ เพื่อนำไปบริหารจัดการอย่างถูกวิธีหรือนำกลับสร้างคุณค่าใหม่ได้อีกครั้ง

และโซน B2B Event บริเวณชั้น 2 ซึ่งรวบรวมงานสัมมนาและเครือข่ายธุรกิจ เพื่อความยั่งยืนที่เจาะลึกแนวทางธุรกิจยั่งยืนตอบโจทย์ทั้งสังคม และสิ่งแวดล้อม ร่วมเจาะลึกแนวทางธุรกิจยั่งยืนไปกับงานสัมมนาจากเครือข่ายธุรกิจด้านความยั่งยืนชั้นนำในภูมิภาค! พบกับ Sustainable Society and Solution Summit โดย Nikkei BP, Chief Sustainability Officers (CSO) Forum, ASEAN Circular Economy Forum, SE Forum และ Australian Green Economy Mission to Sustainability Expo Thailand โดย Australian Trade ที่จะพาคุณเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ พร้อมพลิกโฉมธุรกิจของคุณไปสู่ความยั่งยืน

“เพราะความยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน” ที่จะมาร่วมกันเปลี่ยนโลกใบนี้ให้น่าอยู่อย่างยั่งยืนผ่านกิจกรรมมากมาย พร้อมแลกเปลี่ยนแนวคิด และไอเดียสุดเจ๋งด้านความยั่งยืนกับวิทยากรชื่อดัง ศิลปิน และเหล่าไอดอลจากทุกแวดวง ตื่นเต้นไปกับสุดยอดนวัตกรรมกอบกู้โลกให้คุณได้เรียนรู้ และพร้อมปรับตัว เพื่อความอยู่รอดในวิถีชีวิตประจำวันยุคโลกเดือดได้อย่างมีความสมดุล ในงาน Sustainability Expo (SX2024) ได้ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน- 6 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) 

 

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของ SX ได้ทาง Facebook Page : Sustainability Expo, www.sustainabilityexpo.com และแอดไลน์ @sxofficial
เตรียมพบกับมุมมองดีๆ และต้นแบบสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างยั่งยืน ตลอดจนร่วมกิจกรรมมากมายเพื่อโลก ด้วยกันที่ Sustainability Expo 2024: Good Balance, Better World #good balancebetter world  

โรงเรียน ณ ดรุณ โรงเรียนไทยแนวใหม่ ภาษาโดดเด่น เน้นความสุขของผู้เรียนอย่างแท้จริง

event

บ้านไหนกำลังมองหาโรงเรียนที่ลูก ๆ สามารถเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ วิชาการก็ดี ภาษาเด่น เน้นความคิดสร้างสรรค์.. School Visit ขอพามารู้จัก โรงเรียน ณ ดรุณ โรงเรียนไทยแนวใหม่ที่บรรยากาศภายในสดชื่นร่มรื่น จนเหมือนไม่ได้อยู่ในใจกลางเมือง โรงเรียน ณ ดรุณ เข้าใจถึงความหลากหลายของนักเรียน จึงเน้นการพัฒนาศักยภาพเป็นรายบุคคล ไม่ตีกรอบความคิด ทำให้ชีวิตในรั้วโรงเรียนของเด็กๆมีความสุข มีทัศนคติที่ดีจนกลายเป็นรักการเรียนรู้ ทำไมนักเรียนโรงเรียน ณ ดรุณ ถึงชอบมาโรงเรียน ? มาหาคำตอบกันค่ะ

ป้ายทางเข้าโรงเรียน

เครื่องเล่นกลางแจ้งสำหรับเด็กเล็ก

สนามหญ้าขนาดใหญ่

เตรียมพร้อมกีฬาสี เซ็ตนี้เป็นเชียร์ลีดเดอร์นะคะ (แต่ก็ต้องไปแข่งกีฬาด้วย)

ให้ ณ ดรุณ เป็น บ้านหลังที่สอง

เพราะเด็กเล็ก หรือ เด็กปฐมวัย ต้องใช้เวลาในการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่.. เมื่อเด็ก ๆ เกิด “ไว้ใจ” และเกิด “ความมั่นคงทางจิตใจ” คราวนี้ก็จะถึง step “กล้าที่จะเรียนรู้”

คุณครูมักใช้เวลาร่วมกับเด็ก ๆ ตลอดเวลา เพื่อสร้างความคุ้นเคย สังเกต และกระตุ้นให้คิด+ให้เด็ก ๆ แสดงความคิดเห็น – ผลคือเด็ก ๆ เกิดการเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ จากบทสนทนา – การปฏิสัมพันธ์ เป็นความรู้จากเกิดจากการเรียนรู้เองจริงๆ ซึ่งจะติดตัวไปตลอดชีวิตเลยค่ะ

ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องแปลกใจที่เด็กๆอยากมาและอยู่ที่โรงเรียนนาน ๆ ก็เพราะรู้สึกสบายใจเหมือนอยู่ที่บ้าน

สอนให้สนุก เรียนจึงสนุก

ภายใต้หน้ากาก เด็ก ๆ ยิ้มตาเป็นสระอิเลย

เด็กน้อยอารมณ์ดี

กว่าจะเป็นชิ้นผลงาน ทุกอย่างต้องผ่านการคิด

พื้นฐานดีๆ ..สร้างได้

สมองและความจำของเด็ก ๆ คือที่สุด! ลองนึกถึงภาพ “ฟองน้ำ” กันค่ะ มันจะสามารถดูดซับ + อุ้มน้ำได้มากและก็ใช้งานได้ดีเมื่อมีความชุ่มชื้น สมองของเด็ก ๆ ก็เช่นกัน..สามารถเรียนรู้และมีความจุมาก..ความรู้จะเก็บเป็นคลัง รอคอยวันที่จะหยิบออกมาใช้

ที่ ณ ดรุณ จัดการเรียนรู้สอดคล้องกับ 1. พัฒนาการตามช่วงวัย และ 2. กระตุ้นให้เหมาะสมของนักเรียนแต่ละคน (ผ่านการสังเกตของคุณครู) ตามแนวคิดแบบ Reggio Emilia

Reggio Emilia เชื่อมั่นว่า เด็กมีศักยภาพและมีความสามารถติดตัวมาตั้งแต่เกิด และศักยภาพเหล่านั้นจะถูกส่งเสริมด้วยสิ่งต่าง ๆ รอบตัวของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น สถานที่ ชุมชน สังคม และวัฒนธรรม นั่นหมายความว่า พ่อแม่ ผู้ปกครอง คุณครู และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาตัวตนของเด็ก และส่งเสริมให้พวกเขาแสดงศักยภาพเหล่านั้นออกมา

การเรียนรู้ที่แท้จริงต้องเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ 1. สงสัย – ซักถาม 2. ลองผิด ลองถูก ไม่กลัวผิดพลาด ล้มลุกคลุกคลาน 3. ให้เวลาเด็ก ๆ ในการสังเกต เพราะแต่ละคนใช้เวลา “เข้าใจ” ไม่เท่ากัน 4. สรุปเป็น พรีเซนต์ได้ 5. รับฟังความคิดเห็นผู้อื่น 6. คุณครูทำหน้าที่เป็น facilitator (ผู้ชี้นำ) เด็ก ๆ จึงจะเป็นเจ้าของการเรียนรู้อย่างแท้จริงที่โรงเรียน ณ ดรุณ

สนับสนุนทุกการสร้างสรรค์

ณ ดรุณ จัดการเรียนรู้แบบปฐมวัยอย่างไรนะ?

ชั้นอนุบาล 1 เรามาเตรียมความพร้อมกันนะเด็ก ๆ! เป็นการเรียนรู้ผ่านการใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ตา-หู-จมูก-ปาก-มือ

เพื่อฝึกการทำงานให้สอดประสานกัน – ผ่านกิจกรรม ผ่านงานต่างๆ

เพื่อให้คุ้นชินกับรูปร่างและเสียงพยัญชนะ ทั้งไทย และ English (เตรียมพร้อมด้าน Literacy)

เพื่อให้รู้จักสัญลักษณ์ของตัวเลขและจำนวน 0-10 สังเกต เปรียบเทียบ มากกว่า-น้อยกว่า สั้น-ยาว สูง-ตำ ใหญ่-เล็ก หนัก-เบา ลำดับเพิ่ม-ลด ปริมาตรมาก-น้อย อย่างเป็นรูปธรรม (เตรียมความพร้อมด้านคณิตศาสตร์)

การเรียนรู้ที่นี่จึง “เข้าใจง่าย สนุกสนานและทำให้เด็กประสบความสำเร็จในการเรียนรู้” ค่ะ

ชั้นอนุบาล 2 วัยช่างถาม สงสัย วัยเลียนแบบ ..มาเรียนรู้และสำรวจโลกกว้างกัน

เด็ก ๆ มีความพร้อมที่จะเรียนรู้ภาษาและตัวเลข คุณครูจะจัดกิจกรรมและสอดแทรกงานวิชาการที่มากขึ้นแต่ยังคงความสนุกและสร้างสรรค์ไว้จนเด็กๆไม่รู้ตัวเลยว่า “เข้มข้นขึ้นอีกขั้น” แล้วนะ

ทุกๆ เช้าที่เด็กเข้ามาในห้องเรียนจะเริ่มด้วย Morning Meeting หรือกิจกรรมคุยกัน

หลังจากนั้นเด็กๆ จะไปตามมุมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะภาษา โต๊ะตัวเลข โต๊ะไฟ มุมห้องครัว มุมอ่านหนังสือ มุม message

ทักษะภาษาไทย – ภาคเรียนที่ 1 เด็กๆจะเรียนรู้พยัญชนะไทยทั้ง 44 ตัว ภาคเรียนที่ 2 เด็ก ๆ รู้จักสระเดี่ยว เริ่มประสมเสียงและอ่านคำง่าย ๆ ได้

เพราะคณิตมีอยู่ในชีวิตประจำวัน น้องอนุบาล 2 จะเริ่มบันทึกอากาศ อ่านปฏิทิน ดูเวลา นับวันที่มาโรงเรียน ทำให้เด็ก ๆ ได้ซึมซับความรู้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ทีละเล็กละน้อย + รู้จักค่าของ 0-20 จากการนับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว + จำแนก (sorting) + จัดหมวดหมู่ (Classifying) + สำรวจหาลวดลายในธรรมชาติ และแบบรูป (อนุกรม) ในสิ่งต่าง ๆ รอบตัว (searching for patterns)

English ฟัง พูด อ่าน เขียน ทำกิจกรรมทั้งงานฝีมือ ร้องเพลง ฟังนิทาน เล่นบทบาทสมมุติ โปรเจคเดี่ยว โปรเจคกลุ่ม ในหัวข้อ Farm/wild animals, insects, nature, transportation, fruits & vegetables, about me-feelings & emotions, occupations.

วิทย์แสนสนุก เด็กๆชอบที่สุดเลยค่ะ (เด็กทุกคนมีจิตวิญญาณนักวิทยาศาสตร์ตามวัยอยู่ในตัว)

มุม Water Play เด็กเล็กค่ะ

ชั้นอนุบาล 3 เข้มข้นแต่ไม่เคร่งเครียด

เด็ก ๆ มีความพร้อมมากขึ้น รู้จักคิดและแก้ปัญหา ในชั้นนี้จะมีพัฒนาการทางภาษาที่รวดเร็ว

Morning Meeting คงเดิม+เพิ่มเติมเรื่องการให้ความสำคัญกับการเล่น (ทักษะทางสังคม) เด็ก ๆ จะได้ฝึกและเรียนรู้กฎกติกามารยาทในการอยู่ร่วมกัน การแบ่งปัน อดทนรอคอย การปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน ทั้งตอนเล่นอิสระ หรือ เล่นเกมที่มีกฎกติกา

ภาษาไทยและคณิตศาสตร์ : ต่อยอดไม่ยากเลยค่ะ เด็กๆเตรียมพร้อมมาอย่างดีตั้งแต่ชั้นก่อนหน้า เพราะทุกคนเรียน 1. อย่างมีความสุข 2. อย่างมี Growth Mindset ไม่ย่อท้อ ส่งผลให้นักเรียนโรงเรียน ณ ดรุณ มีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ (อันนี้เคล็ดไม่ลับนะคะ)

English : เน้นกิจกรรม interactive ค่ะ ภาษาอังกฤษ “ต้องกล้า – ต้องใช้งานถึงจะคล่อง”

สิ่งนี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับเด็กขี้อายเพราะคุณครูใช้กิจกรรมทั้งร้อง เล่น เต้น ศิลปะ ชั้นอนุบาล 3 ได้เรียนภาษาอังกฤษทุกวัน+เพิ่มเติมด้วย phonics class สัปดาห์ละ 2 วัน เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการสะกดคำ (ภาษาอังกฤษคือจุดแข็งของ ณ ดรุณ!)

และวิทยาศาสตร์ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ (ก็วัยอยากรู้ อยากเห็นนี่นา)

ประถม เรียนคิด สนุกค้น

หลักสูตรประถมศึกษาของทางโรงเรียนยึดตามหลักสูตรแกนกลางของกระทรวงศึกษาธิการจัดเป็นสาระการเรียนรู้กลุ่มต่างๆ ผสมผสานหลักสูตรจากต่างประเทศ

เน้นการเรียนแบบความคิดรวบยอด (Concept) ไม่เน้นท่องจำ + วิธีการสอนที่หลากหลาย/จัดทำแบบเรียนที่เปิดโอกาสให้เด็กๆได้คิด – ค้นคว้า

Thinking Tools สื่อการเรียนรู้ ผ่านการใช้หนังสือภาพ เครื่องมือหลากหลายรูปแบบ ทำให้การเรียน..ไม่จำเจค่ะ

สาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ (แน่นเหมือนโรงเรียน 2 ภาษา) พิเศษเลยค่ะ! นักเรียนจะได้เรียน Social Studies (สังคม) Science (วิทยาศาสตร์) Math (คณิตศาสตร์) เป็นภาษาอังกฤษซึ่งบทเรียนไม่ซ้ำกับที่เรียนเป็นภาษาไทยนะคะ นักเรียนจึงมีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นเป็นเท่าตัว คลังคำศัพท์เฉพาะทางก็จะแน่นขึ้นเช่นกัน

ส่งเสริมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนจินตนาการให้มากที่สุด

ทุกกิจกรรม คือ การเรียนรู้ตลอดชีวิต ( Lifelong learning )

จัดกิจกรรมโครงการทุกปี ( Project approach ) เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม

Multi-library ที่เด็ก ๆ ได้ค้นคว้า เรียนรู้ และสร้างเสริมประสบการณ์ที่หลากหลาย

กิจกรรม ณ ดรุณ

วันไหว้ครู – สัปดาห์ ณ ดรุณ ชวนอ่าน – วันภาษาไทยแห่งชาติ – ละครประจำปี

วันกีฬาสี – วันลอยกระทง – การแสดงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ – วันเด็ก – Science Expo

นิทรรศการศิลปะ – วันเฉลิมฉลองโปรเจค

กิจกรรมที่ถูกใจทีมแม่ ABK อย่างหนึ่งคือ Wax Museum เด็ก ๆ จะเลือกบุคคลสำคัญของโลกจากวงการต่างๆมา cover ค่ะ 1. ศึกษาประวัติ 2. จัดทำดิสเพลย์ 3. แต่งตัว cover ประหนึ่งหุ่นขี้ผึ้งในพิพิธภัณฑ์ 4. พรีเซนต์ให้ผู้เข้าชม ..เป็นการเปิดโลกและสร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ เลยนะคะ ปีการศึกษาก่อน ๆ มีแต่งตาม Frida Kahlo จิตรกรหญิงชาว Mexican – Henry Ford ผู้ก่อตั้ง Ford Motor เป็นต้นค่ะ

 ในวันกีฬาสีทุกคนจะได้แข่งกีฬา 2-3 ประเภท

เติบโตเป็นอย่างดีที่ ณ ดรุณ

รู้จักตัวเอง ทุกคนมีตัวตนและความสามารถที่แตกต่างกัน ณ ดรุณ เชื่อว่านักเรียนทุกคน “ฉายแสงได้” หากมีการกระตุ้นและส่งเสริมที่เหมาะสมค่ะ

เชื่อมโยงสิ่งที่เรียนกับตนเอง ให้แสดงความคิดเห็น – ตัดสินใจบ่อยๆ

ทำงานเป็นกลุ่ม

สร้าง Growth Mindset ให้นักเรียนเรียนรู้จากความผิดพลาด >> กล้าเผชิญปัญหา กล้าท้าทายตัวเอง

ปลูกฝัง Grit ความอดทน และความเพียรพยายามในการทำสิ่งหนึ่งอย่างเต็มที่ในระยะยาว

พื้นที่การเรียนรู้และใช้ชีวิต

ภายนอก – โอบล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ สนามหญ้า ที่เด็กๆสามารถสังเกตวัฏจักร – ความเป็นไปของโลกใบนี้

สนามเด็กเล่น ลานเล่นน้ำ (Water Play ทุกวันศุกร์สำหรับเด็กเล็ก) สนามฟุตบอล เรียบง่ายแต่มีฟังก์ชั่น – แหล่งเสริมสร้างทักษะทางสังคมชั้นเลิศ

ภายในห้องเรียน – ห้องเรียน Free form ในระดับชั้นอนุบาล สามารถปรับ ขยับ ขยาย ได้ตามกิจกรรมที่คุณครูเซ็ตไว้ให้ในแต่ละวัน ในขณะที่พี่ๆประถมจะนั่งกันเป็นกรุ๊ป 4 คน

และในทุกห้องเรียนจะมีมุมกิจกรรมหลากหลายให้เด็ก ๆ เลือกทำ

เด็ก ๆ มีสมาธิ

อาหารกลางวัน ..นักเรียนมีส่วนร่วมในการช่วยเสนอเมนูนะคะ

ใกล้ถึงวันกีฬาที่ทุกคนรอคอยแล้วค่ะ

งานใหญ่ของพี่ ป.6 “ละครเวที” ที่พี่ ๆ จะต้องทำเองทุกขั้นตอน จัดแสดงถึง 3 รอบเลย ปีนี้เป็นเรื่อง “มโนราห์”

Mommy Love This! ถูกใจแม่

ภาษาอังกฤษของเด็ก ๆ พัฒนาเป็นอย่างดี ราวกับโรงเรียน 2 ภาษา ในขณะเดียวกันภาษาไทย – วัฒนธรรมไทยก็ไม่ขาดตกบกพร่อง

ลูก ๆ มีความอดทน พยายาม และไม่ย่อท้อต่อสิ่งต่าง ๆ – เป็นประโยชน์มากต่อการใช้ชีวิตตอนโตเลยนะคะ

“กิจกรรมการเรียนจัดว่าเยี่ยม” เพราะมีทั้งวัน ทุกคลาส หลากหลายแบบและสร้างสรรค์ ไม่เบื่อ

“ความเท่าเทียมกัน” ทั้งด้านการเรียน กิจกรรม โอกาส การดูแลจากโรงเรียน ไม่มีใครได้มากกว่ากัน หรือ ถูกทอดทิ้งอยู่เบื้องหลัง

“การสะท้อนคิด” หรือ การ Feedback หนึ่งเสียงของนักเรียนมีความสำคัญ ที่โรงเรียน “ฟังและได้ยิน”

ค่าเล่าเรียนต่อเทอม ( 1 ปีการศึกษามี 2 เทอม)

ระดับชั้นอนุบาล – ประถมศึกษา เทอมละ 62,000 บาท

ไม่รวมค่าแรกเข้าและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อสอบถามโรงเรียนโดยตรง

โรงเรียน ณ ดรุณ

518/22 ซ.สหการประมูล ถ.ประชาอุทิศ

แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง,

กรุงเทพฯ, 10310

โทร. 02-4708315

เว็บไซต์ : https://e-school.kmutt.ac.th/dsil/

Facebook : https://www.facebook.com/dsil.kmutt

Line OA : @dsil >>https://lin.ee/uTz8x86

รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO

รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO คอกกั้นเด็ก ซิปปลอดภัย ใส่ใจทุกรายละเอียด

event
รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO
รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO

เตรียมบ้านต้อนรับสมาชิกใหม่ สร้างพื้นที่ส่วนตัวด้วย คอกกั้นเด็ก เพื่อมอบความปลอดภัยให้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างอิสระ หมดกังวลเรื่องความปลอดภัยให้ลูกน้อยได้ตั้งแต่แรกเกิด ไม่ว่าจะเป็นให้นม เปลี่ยนผ้าอ้อม หรือตอนที่ลูกน้อยหัดนั่ง คลายหรือเดิน

หากคุณแม่กำลังมองหาคอกกั้นเด็กที่ได้มาตรฐาน เพื่อใช้เป็นพื้นที่เรียนรู้อย่างปลอดภัยให้ลูกน้อยแล้วละก็ HOYO เป็นหนึ่งในแบรนด์อันดับต้นๆ ที่คุณแม่ต่างนึกถึงและยอมรับในเรื่องคุณภาพ ความใส่ใจในการตัดเย็บ ที่สร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับคุณแม่และลูกน้อย ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ขอมา รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO ให้กับคุณแม่ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจค่ะ

ทำไมต้องเลือก คอกกั้นเด็ก HOYO

คอกกั้นเด็กไม่ได้เหมือนกันหมด สำหรับคอกกั้นเด็ก HOYO ใส่ใจทุกรายละเอียดของการตัดเย็บ ทุกส่วนต้องประณีต และความปลอดภัยที่ HOYO ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก

  • HOYO ใช้ซิปและตีนตุ๊กแกไม่คม เพื่อระวังลูกน้อยไม่ให้ได้รับอันตรายเวลาอยู่ในคอก HOYO เลือกใช้ซิป Nylon ถักจาก YKK ที่รับน้ำหนักได้ถึง 90 กิโลกรัมต่อ 1 คู่ และตีนตุ๊กแกจาก YKK คุณภาพสูง แต่ปลอดภัย ไม่บาดผิวลูกน้อย

รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO

  • ซิปและตีนตุ๊กแก ของ HOYO ผ่านมาตรฐานระดับโลก Standard 100 by Oeko-Tek : Product class 1 คุณแม่จึงมั่นใจได้ในมาตรฐานของ HOYO

รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO

  • การตัดเย็บที่ใส่ใจ HOYO ซ่อนขอบตีนตุ๊กแก เพื่อซ่อนมุมแหลมที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อย ทั้งยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ตีนตุ๊กแกอีกระดับ

รีวิวคอกกั้นเด็ก HOYO

  • เก็บขอบมุมของตีนตุ๊กแกให้เรียบเนียนกริบ ด้วยเทคนิคการตัดเย็บแบบพิเศษของ HOYO จนได้คอกกั้นเด็กคุณภาพระดับพรีเมียม
  • HOYO ให้สัมผัสที่เรียบเนียนกว่า ด้วยการตัดเย็บซ่อนหัวซิปมิดชิด ไม่มีสะดุดเมื่อสัมผัส
  • สุดยอดคอกกั้นเด็ก งานเย็บประณีต HOYO ตัดเย็บด้วยเทคนิคพิเศษ ไม่มีลิ้นผ้า ทำให้คอกมีความสวยงามทุกชิ้นส่วน

ภายในคอกกั้นเด็ก HOYO เด็ก ๆ จึงได้รับการดูแลไม่ต่างจากอ้อมกอดจากคุณแม่ ที่พร้อมซัพพอร์ทในทุกก้าวย่างของพัฒนาการตามวัย ช่วยให้ลูกรู้สึกปลอดภัย มั่นใจ และพร้อมจะเริ่มทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการคว่ำ นั่ง คลาน เกาะยืน หรือหัดเดิม โดยที่คุณแม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันอยู่ใกล้ๆ ไปพร้อมกันได้

Amarin Baby & Kids คัดเลือกให้คอกกั้นเด็ก HOYO
ได้รับรางวัล Editor’s Choice
สาขา BEST BABY SOFT PLAYPEN
จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

 

ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ก็ทำให้เห็นว่า HOYO เป็นตัวแทนความรักจากแม่ ด้วยการลงทุนที่คุ้มค่า สำหรับลูกทุกวัย อบอุ่น ปลอดภัย ใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยอย่างแท้จริง ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้คอกกั้นเด็ก HOYO ได้รับรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2023 รางวัล Editor’s Choice  สาขา BEST BABY SOFT PLAYPEN

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดีๆ ของคอกกั้นเด็ก HOYO สามารถติดตามได้ที่ www.hoyosoftandsafe.com
Line@ : https://lin.ee/lUNLtvZ2

ฉายแสงฯ จัดกิจกรรมทอล์ก “ เติบโตอย่างมีความสุขกับ โต๊ะโตะจัง ” พร้อมเปิดรอบชวนซึ้ง เรียกน้ำตาผู้ชม ก่อนฉายจริง

event

ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ รวมพลทุกครอบครัวที่รัก โต๊ะโตะจัง มาร่วมซึบซับความประทับใจและเสียน้ำตา ชมภาพยนตร์ก่อนใคร ไม่มีค่าใช้จ่าย ในกิจกรรมรอบพิเศษชม โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง (Totto-Chan: The Little Girl at the Window) วรรณกรรมเยาวชนชั้นเยี่ยมจากสำนักพิมพ์ ผีเสื้อญี่ปุ่น ที่ถูกถ่ายทอดมาเป็นภาพยนตร์อนิเมะ ภายใต้โปรเจกต์ เมะ เรื่องราวของเด็กหญิงแสนซน ที่เรียกน้ำตาคนทั้งเอเชีย ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก ชัยวัฒน์ มิ่งไม้ ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ จำกัด, สุชาดา เทพหินลัพ บรรณาธิการรักลูก พร้อมกิจกรรมท้ายรอบ ร่วมพูดคุยหัวข้อ เติบโตอย่างมีความสุขกับ โต๊ะโตะจัง โดยมี คุณหมอวิน ผศ.นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ กุมารแพทย์ทั่วไป ผู้ก่อตั้งแฟนเพจ “เลี้ยงลูกตามใจหมอ”, ตุ๊กตา พนิดา เอี่ยมศิรินพกุล (เพจเที่ยวรอบลูก) ร่วมงาน ณ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน

ชัยวัฒน์ มิ่งไม้ ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ จำกัด กล่าวว่า โต๊ะโตะจัง ภาพยนตร์แอนิเมชันที่มีความพิเศษ ครั้งแรกที่เราจะได้เห็นบนจอภาพยนตร์ โดยมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับครอบครัว และยังได้ ชินโนะสุเกะ ยาคุวะ รับหน้าที่กำกับ  (ผลงาน “Doraemon series) สร้างจากนิยายที่ขายดีของญี่ปุ่นและถูกแปลเป็นหลายภาษาทั่วโลกกว่า 35 ภาษา ตัวลายเส้น การ์ตูน ความพิเศษของเนื้อหา และทุกบริบทที่ถูกตีความเป็นภาพยนตร์ มันสวยงามจริง ๆ เหมาะกับการรับชมในโรงภาพยนตร์

นอกจากชมหนังสนุกแล้ว เพื่อเป็นการส่งเสริมสถาบันครอบครัว การจัดงานในวันนี้ มีแขกรับเชิญพิเศษที่มาแลกเปลี่ยนความรู้ ในหัวข้อเติบโตอย่างไรให้มีความสุขกับโต๊ะโตะจัง” ได้รับเกียรติจาก คุณหมอวิน ผู้ก่อตั้งแฟนเพจ “เลี้ยงลูกตามใจหมอ” ด้วยจำนวนที่มีผู้ติดตามเยอะ และจากข้อมูลต่างๆ ในเพจล้วนเป็นประโยชน์ สามารถนำเอาแง่มุมต่างๆ กลับไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ ส่วนคุณตุ๊กตา พนิดา (เพจเที่ยวรอบลูก) ก็ได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์การเลี้ยงลูกในยุคปัจจุบันร่วมกัน

ตุ๊กตา พนิดา เอี่ยมศิรินพกุล (เพจเที่ยวรอบลูก) เผยว่า หัวข้อวันนี้ในกิจกรรม เติบโตอย่างไรให้มีความสุขกับโต๊ะโตะจัง” มีโอกาสได้เจอกับคุณหมอวิน เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ เป็นโอกาสที่ดีมาก คุณหมอมีคำแนะนำ ครบจบมากๆ คือตั้งแต่แรกเกิดจนถึงเด็กโต หรือว่าในคำแนะนำสำหรับคุณพ่อคุณแม่เองด้วย สามารถเอาไปปฏิบัติได้จริง แม้แต่ในคำถามของคุณแม่ท่านอื่นที่ได้ถามในวันนี้ เป็นประโยชน์สำหรับทุกๆ คนที่ได้มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ค่ะ

สำหรับภาพยนตร์ โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง รู้สึกประทับใจมาก มีความละเมียดละไม จากวรรณกรรมมาสู่จอใหญ่ เหมือนพาเราย้อนกลับไปสู่วันที่เราได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ซาบซึ้ง มันทำให้เรารู้สึกยิ่งประทับใจ ได้รู้สึกย้อนไปสู่บรรยากาศของความเป็นเด็ก ไปเข้าใจธรรมชาติของความเป็นเด็กอีกครั้ง อยากจะขอฝากไปชมภาพยนตร์ โต๊ะโตะจัง กันค่ะ

 

 

“Totto-Chan: The Little Girl at the Window โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง”
19 กันยายน ในโรงภาพยนตร์

รับชมตัวอย่าง www.youtube.com/watch?v=6LdU9v3UCzs ,
www.youtube.com/watch?v=SCu56vdBEwI 

ติดตามข่าวสาร ภาพยนตร์ “Totto-Chan: The Little Girl at the Window โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง”

ผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้

Facebook : www.facebook.com/shinesaengad.venture , www.facebook.com/MEOfficialTH

Youtube :   www.youtube.com/@shinesaengad.venture

Instagram www.instagram.com/shinesaengad.venture, www.instagram.com/meofficialth

Tiktok : www.tiktok.com/@shinesaengadventure

X : https://x.com/ShinesaengAd, https://x.com/meofficialth

 

#TottoChanTH #โต๊ะโตะจังเด็กหญิงข้างหน้าต่าง

#Shinesaengadventure #MeOfficial #ShinesaengxME #ฉายแสงแอดเวนเจอร์ #เมะ

โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ โรงเรียนหญิงล้วน โดดเด่นด้านภาษา พัฒนาเด็กรอบด้าน 

event

ถ้าจะพูดถึง โรงเรียนหญิงล้วน ที่เปิดทำการเรียนการสอนมายาวนานและมีชื่อเสียงในบ้านเรา โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ ต้องเป็นหนึ่งในลิสต์รายชื่อแน่นอน ทุกคนทราบไหมคะว่า โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 100 ประวัติและชื่อเสียงที่ยาวนาน ทำให้ทีมงานอยากพาทุกคนมาเยี่ยมชมหลักสูตรและแนวทางการสอน ของโรงเรียน ที่บอกได้เลยว่า ยังคงเต็มไปด้วยคุณภาพและพัฒนาเด็ก ๆ อย่างรอบด้านจริง ๆ

 

ทำความรู้จัก โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์

โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ เป็นโรงเรียนลำดับที่ 4 ของโรงเรียนในเครือคณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2468 โดยคุณพ่อบรัวซาต์ (Broizat) เจ้าอาวาสวัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ สามเสน ผู้มีความประสงค์ให้คณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร เข้ามาจัดการศึกษาให้กับกุลธิดา เด็กกำพร้า และเด็กยากจนที่อยู่ในชุมชนเขตวัดสามเสนและชุมชนใกล้เคียง เพื่อจะได้มีความรู้ มีวิชาชีพติดตัวและเป็นพลเมืองดีของสังคม

ปัจจุบันโรงเรียน มีเนื้อที่กว่า 5 ไร่ เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย รับเฉพาะนักเรียนหญิง ดำเนินกิจการในรูปมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาคณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร โดยมีเซอร์มารี หลุยส์ นิภา พรฤกษ์งาม เป็นผู้แทนผู้รับใบอนุญาตและผู้อำนวยการ เป้าหมายหลักของโรงเรียน คือ การพัฒนาเด็กให้มีตัวตนเชิงบวก รักการเรียนรู้ รักการอ่าน เป็นมนุษย์ที่มีคุณภาพ คือ มีความรู้ควบคู่คุณธรรม เป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ จะได้ใช้ทั้ง 3 ภาษา คือ ไทย จีน อังกฤษ อย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ เพราะภาษาป็นสิ่งสำคัญและเป็นกุญแจสู่โลกกว้าง

คุณครูดูแลและใส่ใจเด็ก ๆ เป็นอย่างดี

โซนเด็กอนุบาล

กิจกรรมสนุกปลุกพัฒนาการปฐมวัย

สำหรับเด็กอนุบาลหรือปฐมวัย โรงเรียนจัดการเรียนการสอน ตามหลักสูตรการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ปลูกฝังพัฒนาการให้ครบทั้ง 4 ด้าน คือ ร่างกาย อารมณ์ จิตใจและสติปัญญา ควบคู่ไปกับการบูรณาการ 6 กิจกรรม แสนสนุก ได้แก่

กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ ช่วยพัฒนาการด้านร่างกายและกล้ามเนื้อผ่านเสียงเพลงหรือดนตรี

กิจกรรมเสริมประสบการณ์ เด็กจะได้พัฒนาด้านการฟัง การพูด การคิดและรู้จักแก้ปัญหา ผ่านกิจกรรมที่มีความหลากหลายเหมาะสมกับวัย

กิจกรรมสร้างสรรค์ พัฒนาการทางด้านอารมณ์ ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ที่หลากหลาย เช่น วาดภาพ ระบายสี การปั้น

กิจกรรมเสรี คุณครูจะเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้เล่นมุมต่าง ๆ ตามความสนใจของตัวเอง ส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และจิตนาการ

กิจกรรมกลางแจ้ง เด็ก ๆ จะได้เล่นกีฬา ได้เล่นที่สนามเด็กเล่น กระโดด ปีนป่าย เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อทุกส่วน และประสาทสัมผัสของอวัยวะต่าง ๆ

กิจกรรมเกมศึกษา ช่วยพัฒนากระบวนการคิดผ่านการเล่น ด้วยสื่อการสอนในรูปแบบต่าง ๆ เรียนรู้กฎ กติกาง่าย ๆ

ซึ่งแต่ละกิจกรรมจะช่วยส่งเสริมและพัฒนาเด็ก ๆ ครบทุกด้าน ที่สำคัญ การเรียนรู้ผ่านการเล่น ช่วยสร้างแรงจูงใจให้เด็ก ๆ อยากเรียนรู้ และมีความสุขที่ได้มาโรงเรียน

ห้องเรียนเด็กอนุบาล

ทักษะด้านภาษา ไม่เป็นรองใคร

โรงเรียนให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ภาษา เสริมจุดเน้นด้านการอ่าน การเขียน โดยจัดให้มีการเรียนการสอนในรูปแบบ Special English Program (SEP) ซึ่งเป็นหลักสูตร สำหรับเด็ก ๆ ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยม 3 เพื่อพัฒนาด้านการพูด ฟัง อ่านและเขียนภาษาอังกฤษ โดยมีครูต่างชาติเป็นผู้สอนและเป็นครูคู่ชั้น ได้เรียนภาษาอังกฤษทุก ๆ วัน ในรายวิชาหลักอย่าง Science, Mathematics, Social Studies, Basic English, English Phonics สอนภาษาอังกฤษโดยครูชาวต่างชาติ ที่จบตรงในสายวิชานั้น ๆ โดยมีวิชา Phonics ให้เด็กฝึกการออกเสียง และฝึกพูดให้ดียิ่งขึ้น ไม่ผิดเพี้ยนไปจากเจ้าของภาษา เด็ก ๆ ได้ใช้ภาษาทุกวันขนาดนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปเรียนเสริมเพิ่มเติมแล้วค่ะ นอกจากนี้เด็ก ๆ ชั้นอนุบาลจะได้เรียนภาษาจีนตั้งแต่เล็กๆ อีกด้วยนะคะ

เรียนภาษาอังกฤษกันทุกวัน

 

ศูนย์พัฒนาศักยภาพระดับปฐมวัย

ตอกย้ำกันให้ชัดว่าโรงเรียนให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษมาก ด้วยศูนย์พัฒนาศักยภาพระดับปฐมวัย

ห้องแห่งการเรียนรู้ที่เด็ก ๆ จะได้เพิ่มพูนทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ และได้เข้าฐานกิจกรรมแสนสนุก 5 ฐาน โดยสอนเป็นภาษาอังกฤษทุกฐาน

ฐานนกแก้วช่างเจรจา – เรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษ

ฐานกระต่ายน้อยนักคิด – ฝึกทักษะด้านคณิตศาสตร์

ฐานเจ้าเสือนักทดลอง – ฝึกทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์

ฐานม้าลายผู้สร้างสรรค์ – ฝึกทักษะด้านศิลปะ

ฐานสิงโตเจ้าปัญญา – ฝึกทักษะการคิดและแก้ปัญหา

เด็ก ๆ จะได้เรียนฐานละ 15-20 นาที และเรียนที่ห้องนี้สัปดาห์ละ 1 วัน เป็นวิชาที่เด็ก ๆ รอคอยที่จะได้เรียนจริง ๆ ค่ะ เพราะสนุกและน่าสนใจ

ฐานกิจกรรมต่าง ๆ ในศูนย์พัฒนาศักยภาพระดับปฐมวัย

 

บูรณาการเสริมทักษะ เรียนรู้อย่างสร้างสรรค์

สำหรับเด็กอนุบาลหรือปฐมวัยจะได้เรียนรู้แบบบูรณาการผสมผสานกับการละเล่นไทย โดยนำมาประยุกต์กับวิชาพละ เช่น นำม้าก้านกล้วยมาให้เด็กใช้ร่วมกับการฝึกกระโดดข้ามสิ่งของ เพื่อปลูกฝังให้เด็กรักความเป็นไทยตั้งแต่เล็ก ๆ

ส่วนรายวิชาสำหรับเด็กในยุคศตวรรษ 21 อย่าง Coding ที่นี่ก็เรียนกันตั้งแต่ระดับอนุบาล ในรูปแบบ Unplug Coding ซึ่งเป็นสื่อการสอน Coding ที่ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ โดยให้เด็ก ๆ หัดวางแผนการใช้ทิศทาง ผ่านเกมส์สนุก ๆ เมื่อขึ้นสู่อนุบาล 3 จะได้เรียนรู้โปรแกรมง่าย ๆ ซึ่งความยากง่ายก็จะแตกต่างกันในแต่ละระดับชั้น

นอกจากนี้เด็ก ๆ ชั้นอนุบาลยังได้ทำกิจกรรม Project Approach เพื่อเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจ เน้นให้เด็ก ๆ ได้ลงมือทำด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะต่าง ๆ ทั้งการใช้กระบวนการคิดในการวิเคราะห์และแก้ปัญหา

เรียนรู้แบบบูรณาการผสมผสานกับการละเล่นไทย

เรียนรู้ Coding กันตั้งแต่อนุบาล

วิชา Learning To Play สำหรับเด็กอนุบาล ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก การร้อย การปั้น การระบายสี หัดร้อยเชือกรองเท้า

ประถมศึกษา บูรณาการเสริมทักษะที่ครบด้าน

เด็ก ๆ ชั้น ประถม 1 – 6 ใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะ (Competency) เป็นแกนหลักในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning โดยมีจุดเน้นทางด้านภาษา และจัดการเรียนแบบ Special English Program (SEP) เชื่อมโยงต่อเนื่องจากระดับปฐมวัย ในรายวิชา Mathematics, Science, Social Studies,

Basic English, Phonics และสอนภาษาจีนเป็นภาษาที่ 3 นอกจากนี้ยังมีศูนย์พัฒนาศักยภาพ เพื่อปลูกฝังทักษะและพัฒนาความสามารถของนักเรียนในระดับชั้นประถมให้ดียิ่งขึ้น ดังนี้

– โลกนักอ่าน ส่งเสริมเด็กๆ ให้รักการอ่าน ด้วยวรรณกรรมและกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์

– ลานนักประดิษฐ์, ห้อง Little Chef และแปลงเกษตร ส่งเสริมทักษะการทำงานเชิงสร้างสรรค์ในรายวิชาการ

งานอาชีพ งานประดิษฐ์ การทำอาหาร และงานเกษตร ในรูปแบบกลุ่มย่อยสลับกันเรียนรู้ แบบไพรเวทกรุ๊ป

และคุณครูสามารถดูแลนักเรียนทุกคนได้อย่างทั่วถึง

– บ้านนักคิด จัดไว้สำหรับเด็กๆ ที่ชอบการคิด การแก้ปัญหา ประกอบด้วยเกมคณิตศาสตร์จำนวนมากไว้

ให้บริการสำหรับนักเรียนทุกระดับชั้นที่ต้องการใช้เวลาว่างช่วงพักกลางวัน และใช้เป็นห้องเรียนในรายวิชา

คณิตศาสตร์ และ Mathematics

– Cooking Studio เป็นห้องครัวของพี่ ๆ มัธยม เครื่องครัวครบครัน ใช้งานได้จริง

– ห้องทวีปัญญา คือห้องสมุดที่ให้เด็กๆ เข้ามาอ่านหนังสือ ค้นคว้าหาความรู้

รายวิชาที่เสริมพัฒนาการต่าง ๆ อย่าง กิจกรรมในลานนักประดิษฐ์, Little Chef และวิชาเกษตร แบ่งเป็นกรุ๊ปย่อย เพื่อเรียนแต่ละรายวิชาสลับกันไป

ห้องเรียนชั้นประถม

โลกนักอ่าน วิชาที่จะช่วยส่งเสริมให้เด็ก ๆ รักการอ่าน ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์

ห้องทวีปัญญา (ห้องสมุด) เป็นอีกห้องที่เด็ก ๆ ชื่นชอบ

ส่วนกิจกรรมเสริมทักษะต่าง ๆ ในแต่ละภาคเรียน โดยในภาคเรียนที่ 1 ยังมี กิจกรรม Story Telling ของนักเรียนประถม 1-3 และกิจกรรม Play on Stage ของนักเรียนประถม 4-6 อยู่ภายใต้โครงการ Literature Based Learning เป็นการเชื่อมโยง ผ่านการบูรณาในรายวิชาสังคมศึกษาฯ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษเป็นแกนหลัก ส่งเสริมให้เด็กกล้าแสดงออก ในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ และรู้จักทำงานร่วมกับผู้อื่น

นอกจากนี้น้อง ๆ ชั้นประถม ยังได้เรียนรู้ STEM โดยบูรณาการในรายวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีเป็นแกนหลัก ในการสรรค์สร้างชิ้นงาน เพื่อช่วยเหลือสังคมและปลูกจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมให้กับเด็ก ๆ อีกด้วย

 

ทักษะด้านดนตรี และคอมพิวเตอร์

โรงเรียนให้ความสำคัญกับวิชาดนตรี น้อง ๆ ชั้นอนุบาล จะได้เรียนเบล เพื่อหัดฟังและเขย่าเสียงตามโน้ต รวมไปถึงระนาดออร์ฟ เรียนตัวโน้ตง่าย ๆ ซึ่งระนาดชนิดนี้ สามารถนำโน้ตบางตัวออกได้ เหมาะสำหรับเด็กเล็ก ๆ ที่เพิ่งฝึก สำหรับเด็กประถม 1 จนถึงประถม 6 เด็กจะเลือกเครื่องดนตรีที่อยากเรียน ได้ 1 ชิ้น คือ ขิมหรือคีย์บอร์ด ส่วนพี่มัธยมต้นจะเรียนอูคูเลเล่ และฟอร์มวงดนตรีในระดับมัธยมปลาย นอกจากนี้เด็ก ๆ ยังสามารถเลือกเครื่องดนตรีที่สนใจ มาร่วมกันเล่นในช่วงเวลาพักกลางวันได้อีกด้วย

ที่โรงเรียนมีห้องคอมพิวเตอร์แบ่งเป็น 3 Lab และมีห้อง iPad Studio ให้เด็ก ๆ ได้ฝึกใช้เทคโนโลยีกันอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีโซน Showcase ด้านล่างอาคาร ที่เด็ก ๆ สามารถมาชมผลงาน Animation ของรุ่นพี่ ที่เคยได้รับรางวัลการประกวดจากที่ต่าง ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับตนเองอีกด้วย

ชั่วโมงดนตรี

Showcase ด้านล่างอาคาร

ห้องคอมพิวเตอร์

Cooking Studio ของพี่ ๆ มัธยม เครื่องครัวครบครัน ใช้งานได้จริง

 

Mommy Love This! ถูกใจแม่

โรงเรียนแบ่งนักเรียนเป็นกรุ๊ปย่อย เพื่อให้เด็กทุกคนได้เรียนรู้กับคุณครูแบบใกล้ชิด ทำให้การเรียนการสอน เข้าถึงเด็ก ๆ ทุกคน

เด็ก ๆ ที่โรงเรียนนี้ไม่กลัวชาวต่างชาติ เพราะได้พูดคุยและเรียนรู้ภาษาอังกฤษทุกวันตั้งแต่เล็ก ๆ

โรงเรียนอนุญาตให้เด็ก ๆ ใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่อยู่ในการควบคุม เพื่อใช้ในการเรียนรู้เป็นหลัก

โรงเรียนมีกิจกรรมน่ารัก ๆ สำหรับพี่มัธยมปลาย คือให้พี่ ๆ คอยช่วยเหลือดูแลน้อง ๆ และช่วยสอนวิชาภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ทำให้สายใยพี่น้องในโรงเรียนแน่นแฟ้น

ห้องเรียนสำหรับเด็กอนุบาล เป็นห้องแอร์ทุกห้องพร้อมเครื่องฟอกอากาศ แถมคุณครูยังวัดไข้ทุกเช้าและบ่าย คุณพ่อคุณแม่จึงสบายใจได้

โรงเรียนจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning การลงมือทำช่วยทำให้เด็กจดจำเนื้อหาการเรียนต่าง ๆ ได้ดีกว่า การท่องจำ

โรงเรียนใช้ระบบการเติมเงินผ่านการ์ด ไม่ใช้เงินสด เด็กทุกคนจะมีบัตรสำหรับสแกนเข้าเรียน สแกนเพื่อซื้ออาหารหรือขนม สามารถตรวจดูได้ว่ามีเงินในบัตรเท่าไหร่ หรือมาสายกี่ครั้ง สะดวกมาก ๆ ค่ะ

 

 

อัตราค่าเรียน

นักเรียนใหม่

อนุบาล 1-3 : 64,000 บาท / ปี

ประถมศึกษาปีที่ 1 : 75,000 บาท / ปี

ประถมศึกษาปีที่ 2-4 : 77,000 บาท / ปี

ประถมศึกษาปีที่ 5-6 : 71,000 บาท / ปี

 

นักเรียนเก่า

อนุบาล 2-3 : 53,000 บาท / ปี

ประถมศึกษาปีที่ 1 : 70,000 บาท / ปี

ประถมศึกษาปีที่ 2-4 : 59,000 บาท / ปี

ประถมศึกษาปีที่ 5-6 : 53,000 บาท / ปี

 

ที่อยู่

โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์

92 ซอยมิตตคาม ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300

อีเมล : [email protected]

โทรศัพท์ : 02-2412604-5

https:// www.sf.ac.th/

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ : ณัฐพล โสภาน้อย

Babymime ชวนเด็กๆ สัมผัสความมหัศจรรย์ครั้งแรก! กับค่าย Magic & Mime Camp 2024 หนุกหนานกับมายากล ซุกซนกับละครใบ้

event

ครั้งแรกในประเทศไทย! Babymime กลุ่มศิลปินละครใบ้ที่ครองใจทั้งไทยและต่างประเทศ จัดค่ายฝึกอบรมสุดสร้างสรรค์ Magic & Mime Camp 2024″ หนุกหนานกับมายากล ซุกซนกับละครใบ้ ที่จะปลดล็อกจินตนาการและสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ไม่เหมือนใครให้กับน้องๆ อายุ 7-11 ปี กับการก้าวเข้าสู่โลกเวทมนตร์และศิลปะการแสดง ไม่ว่าจะเป็นมายากลสุดทึ่ง หรือการแสดงละครใบ้สุดซุกซน ห้ามพลาด! เปิดรับจำนวนจำกัดเพียง 8 ที่นั่งเท่านั้นเพื่อการดูแลสุดเอ็กซ์คลูซีฟ

Magic & Mime Camp 2024 พร้อมพัฒนาทักษะสําคัญทั้งความคิดสร้างสรรค์ การฝึกสมาธิ การทำงานเป็นทีม การสื่อสารแบบไม่ใช้คำพูด และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งหมดนี้จัดเต็มในระยะเวลา 30 ชั่วโมงของการเรียนรู้แบบสนุกสนาน น้องๆ จะได้ลงมือฝึกฝนจริงกับทีมวิทยากรชั้นนำจากวงการมายากลและละครใบ้สมาธิ

ค่ายนี้นำทีมโดย พี่งิ่ง-รัชชัย รุจิวิพัฒน์ และพี่เกลือ-ทองเกลือ ทองแท้ จาก Babymime ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปีในการสร้างรอยยิ้มทั่วทั้งเอเชียและยุโรป และ พี่สาม-พิทวัส นิลไพรัชจากรายการ Magic Wars นักมายากลระดับแถวหน้าของไทยที่การันตีความสามารถจากเวทีระดับโลก อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านมายากลอย่าง Kelvin Chen ผู้อยู่เบื้องหลังรายการมายากลดังระดับโลก มาร่วมเสริมทัพความสนุกในครั้งนี้อีกด้วย!


อย่าพลาด! ค่าย
Magic & Mime Camp 2024 จะจัดขึ้นในวันที่ 14-18 ตุลาคม 2024 ตั้งแต่เวลา 09:00-16:00 น. ณ BabyMimeStudio (บางบอน 3) รับจำนวนจำกัดเพียง 8 คนเท่านั้น! เพื่อการดูแลอย่างใกล้ชิดแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ค่าลงทะเบียนเพียง 8,560 บาท (รวม VAT)โดยน้องๆ ทุกคนจะได้รับอุปกรณ์มายากลครบชุดฟรี! พร้อมอาหารกลางวันและของว่าง พร้อมรับ ประกาศนียบัตร เมื่อจบการอบรม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนได้ทางFacebook: Babymime Show หรือโทร 080-5398965  

#magicmimecamp #magicwars #babymimeshow #ละครใบ้

########

โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ชวนเข้าสู่ดินแดนสุขภาพดี “HealthTopia” Heart Of Care Health Fair 2024

event

โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ขอเชิญชวนทุกท่านเข้าสู่ดินแดนสุขภาพดี “HealthTopia”  Heart Of Care Health Fair 2024 งานมหกรรมคนรักสุขภาพ  เพื่อเป็นการขอบคุณในทุกความไว้วางใจที่ให้เราดูแลตลอดเวลาที่ผ่านมา
ภายใต้ Concept… Happy / Healthy / Helpful

  • Happy “ส่งมอบความสุข”​ ไปกับเสียงดนตรี หลากหลายกิจกรรม​สุดสนุก ลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษและของสมนาคุณอีกมากมาย
  • Healthy “ส่งมอบสุขภาพดี”​ ไปกับสาระความรู้หลากหลายหัวข้อโดยแพทย์เฉพาะทาง และยังมีบริการตรวจสุขภาพ​เบื้องต้นไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกช็อปหลากหลายแพ็กเกจสุดคุ้ม ในราคาสบายกระเป๋า
  • Helpful “ส่งมอบความห่วงใย”​ ไปกับ “บางปะกอกบอกรัก…ปันรักสู่ชุมชน” ซึ่งจะเป็นการนำรายได้ส่วนหนึ่ง นำไปสร้างประโยชน์คืนสู่สังคม ​

ภายในงานสามารถเลือกช็อปแพ็กเกจสุดคุ้มราคาสบายกระเป๋า ลดสูงสุดมากกว่า 70%  ยิ่งซื้อยิ่งคุ้ม
นอกจากนี้ยังมีบริการตรวจสุขภาพเบื้องต้นโดยไม่มีค่าใช้จ่าย (จำนวนจำกัด) หลากหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น

  • การตรวจวัดความดัน
  • ตรวจน้ำตาลปลายนิ้ว
  • วัดค่าสายตาด้วยเครื่องอัตโนมัติ (Auto Refraction)
  • ตรวจองค์ประกอบร่างกาย (Body Composition)
  • ตรวจสแกนฟัน ด้วยระบบ iTero (จำนวนจำกัด)
  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) สำหรับผู้มีอายุ 35 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีความเสี่ยง (จำนวนจำกัด)
  • ตรวจภาวะไขมันพอกตับ (Fibroscan) ผู้รับบริการต้องงดน้ำ งดอาหาร 3-4 ชั่วโมง (จำนวนจำกัด)

เป็นต้น

*ให้บริการเฉพาะภายในงานเท่านั้น (1,2,3,4,5,6,7)

**สำหรับผู้รับบริการที่ตรงตามเงื่อนไขเท่านั้น

เจ้าหน้าที่ติดต่อเพื่อยืนยันสิทธิ์ก่อนเข้ารับบริการเนื่องจากสิทธิ์มีจำนวนจำกัด (5,6,7)

***สำหรับผู้ที่ความร่วมมือกดไลก์ กดแชร์ และเพิ่มเพื่อน ตามช่องทางโซเชียลมีเดียของโรงพยาบาล พร้อมแสดงหลักฐานก่อนรับสิทธิ์เข้ารับบริการกับเจ้าหน้าที่ (1,2,3,4,5,6,7)

นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลฯ ยกทัพแพทย์เฉพาะทางหลากหลายสาขาสลับหมุนเวียนมาแบ่งปันความรู้ ให้คำแนะนำเรื่องสุขภาพในแต่ละวัน, กิจกรรม Workshop  ที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของตนเองและคนรอบข้างได้ อีกทั้งยังเลือกช็อปหลากหลายแพ็กเกจสุขภาพในราคาสบายกระเป๋าได้ภายในงาน

รับชมได้ผ่านทางไลฟ์ Facebook Page : Bangpakok 9 International Hospital โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล https://www.facebook.com/BPK9internationalhospital 

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านที่มาร่วมงานจะได้รับความสุข ความสนุก และสาระความรู้กลับบ้านไป ไม่ว่าจะวัยไหน เพศอะไร
มาจอยกันนะคะ ! แล้วชวนคนใกล้ตัวมาเที่ยวกันได้เลยที่ดินแดนสุขภาพดี “HealthTopia”  Heart Of Care Health Fair 2024 มหกรรมคนรักสุขภาพ ตั้งแต่วันที่ 5 – 9 กันยายน 2567 เวลา 11.00 – 20.00 น. ณ ลานลิฟต์แก้ว ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพระราม 2

สามารถติดตามข่าวประชาสัมพันธ์รายละเอียดของงานเพิ่มเติมได้ที่ช่องทาง Online และ Offline ของโรงพยาบาลฯ เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆนะคะ แล้วมากันให้ได้ล่ะ!

 

สอบถามโทร Call center 1745
หรือพูดคุยกับโรงพยาบาล : m.me/198502720283929

#BPK9 #BPK9HOSPITAL #Healthtopia #HeartOfCareHealthFair2024 #BPK9xNadech #nadechactivity #HCF2024 #Healthtopiaดินแดนสุขภาพดี #มหกรรมคนรักสุขภาพ #HealthFair #แบร์รี่ #barrynadech #ณเดชน์คูกิมิยะ #NadechKugimiya #kugimiyas #mclizasadler #Lisa   #ลิซ่าอาลิซาเบธ #lizasadler #CentralRama2  #โรงพยาบาลบางปะกอก9อินเตอร์เนชั่นแนล

10 น้ำเกลือล้างจมูก น่าใช้ ปี 2024 ปลอดภัย ใช้ได้กับเด็ก

event

เมื่อลูกน้อยเริ่มเป็นหวัด คัดจมูก หายใจไม่ออก ทำให้นอนหลับไม่สนิท และเกิดอาการงอแงบ่อย ๆ การล้างจมูกเป็นหนึ่งในวิธีบรรเทาอาการคัดจมูกที่สามารถช่วยได้ แต่ก่อนอื่น คุณพ่อคุณแม่ต้องเลือกน้ำเกลือล้างจมูกที่เหมาะสม น้ำเกลือที่ใช้สำหรับล้างจมูก ต้องเป็นนอร์มอลซาไลน์ (normal saline) 0.9% และต้องเป็นยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ มีวันผลิต และวันหมดอายุบนฉลากที่ชัดเจน

น้ำเกลือล้างจมูก มีแบบไหนบ้าง

น้ำเกลือใช้ล้างจมูก สามารถแบ่งตามความเข้มข้นและที่มาได้ 3 แบบ คือ

  1. น้ำเกลือชนิดเข้มข้นปกติ (isotonic normal saline solution)  เป็นสารประกอบของน้ำและเกลือโซเดียมคลอไรด์ มีความเข้มข้น 0.9% w/v หรือเรียกว่านอร์มัลซาไลน์ (normal saline solution; NSS) ซึ่งมีความเข้มข้นเท่ากับสารละลายภายในเซลล์ร่างกาย หากเกิดบาดแผลบนผิวหนังแล้วมีการชำระล้างลงที่บาดแผลจะทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกระคายเคืองหรือแสบบริเวณที่เกิดบาดแผล อีกทั้งน้ำเกลือยังไม่ทำลายเนื้อเยื่อเหมือนอย่างการล้างแผลด้วยแอลกอฮอล์ จึงทำให้เหมาะสำหรับการนำมาใช้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการล้างจมูก ซึ่งสามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด ไปจนถึงผู้ใหญ่ โดยหลังจากเปิดใช้แล้วน้ำเกลือจะมีอายุได้นาน 30 วัน หากยังไม่เปิดใช้จะมีอายุเท่าที่แจ้งในฉลากบรรจุภัณฑ์
  2. น้ำเกลือชนิดเข้มข้นสูง (hypertonic saline solution) เป็นสารประกอบของน้ำและเกลือโซเดียม คลอไรด์ มีความเข้มข้นของเกลือสูงกว่า 0.9% w/v แต่ไม่ควรเกิน 3% w/v โดยความเข้มข้นของเกลือที่สูงมีผลให้ความเข้มข้นของสารที่อยู่ในสารละลาย (osmolarity) สูงกว่าเซลล์เยื่อบุจมูก จึงมีผลต่อการช่วยดึงน้ำออกนอกเซลล์เยื่อบุจมูก ทำให้สามารถช่วยลดอาการบวมของเซลล์และบรรเทาอาการคัดจมูกได้ดี โดยน้ำเกลือประเภทนี้มักจะใช้ในปริมาตรน้อยกว่า 5 มิลลิลิตรต่อการพ่นจมูก อย่างไรก็ตาม ด้วยความเข้มข้นในระดับที่สูงกว่าเซลล์เยื่อบุจมูก ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคือง และแสบจมูกได้ 
  3. น้ำเกลือจากทะเล (seawater) มีทั้งที่เป็นน้ำเกลือชนิดความเข้มข้นปกติ (isotonic saline solution) และน้ำเกลือชนิดความเข้มข้นสูง (hypertonic saline solution) โดยน้ำเกลือจากทะเล เป็นผลิตภัณฑ์ที่เตรียมจากการเจือจางน้ำทะเลด้วยน้ำให้ได้ความเข้มข้นของเกลือตามที่ต้องการ โดยในน้ำทะเลยังประกอบไปด้วยแร่ธาตุอื่น ๆ หลายชนิดที่มีคุณสมบัติในการช่วยการทำงานของจมูก นอกจากนี้ การที่น้ำทะเลมีค่า pH 8.1-8.2 ซึ่งอยู่ในภาวะค่อนข้างเป็นด่าง ยังสามารถช่วยลดความเหนียวข้นของ น้ำมูกในโพรงจมูก และเพิ่มการพัดโบกของเซลล์ขนกวัด (cilia) ทำให้กำจัดสิ่งแปลกปลอมได้ดียิ่งขึ้น

 

น้ำเกลือล้างจมูก สำหรับเด็ก แม่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้ ทั้งน้ำเกลือ อุปกรณ์สำหรับการล้างจมูก

สำหรับแบรนด์น้ำเกลือที่ ทีมแม่ ABK เลือกมาพูดถึงในบทความนี้ จะมีทั้งแบบ น้ำเกลือชนิดเข้มข้นปกติ และน้ำเกลือจากทะเลชนิดความเข้มข้นปกติ เพื่อให้แม่ ๆ อ่านประกอบการตัดสินใจก่อนจะเลือกใช้กันค่ะ

ซึ่ง 10 แบรนด์น้ำเกลือล้างจมูกสำหรับลูกที่น่าใช้ ปี 2024 มีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ

 

1. น้ำเกลือ GHP Normal Saline Solution จากแบรนด์ GHP

แบรนด์ GHP เป็นแบรนด์ที่อยู่คู่กับชาวไทยมาอย่างยาวนานกว่า 55 ปี โดยน้ำเกลือ GHP Normal Saline Solution มีส่วนผสมของเกลือคุณภาพสูงจากแหล่งผลิตเกลือจากประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งสามารถมั่นใจในคุณภาพได้อย่างแท้จริง เพราะ น้ำเกลือ GHP Normal Saline Solution ได้รับความไว้วางใจจากโรงพยาบาลมากกว่า 70% ในประเทศไทยเลือกใช้

นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองระบบมาตรฐาน HALAL ทำให้ผู้ที่เป็นมุสลิมสามารถ ใช้ประโยชน์ได้ ที่สำคัญน้ำเกลือ GHP Normal Saline Solution มีการบรรจุในขวดใส ปากขวดใหญ่ รองรับการใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้ล้างจมูก ล้างแผล หรือเช็ดทำความสะอาดใบหน้าก็สามารถทำได้อย่างอ่อนโยน

สำหรับการล้างจมูกนั้นจะไม่ยุ่งยากอีกต่อไป เพราะมีขวดล้างจมูก GHP Nasicare Nasal Washer ผลิตจากวัสดุ Medical Grade (เกรดวัสดุทางการแพทย์) เป็นวัสดุที่ปลอดภัยต่อร่างกายเมื่อนำมาใช้งาน  สามารถเปลี่ยนหัวจุกสำหรับล้างจมูกให้เหมาะสำหรับการใช้งานได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เพื่อช่วยทำให้การล้างจมูกเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน 

สั่งซื้อได้ที่ : SHOPEE / LAZADA     

 

2. LP Saline

บางคนอาจจะคิดว่าเป็นน้ำเกลือแบรนด์ใหม่ แต่ถ้าบอกว่า “ตราเสือดาว” แม่คงจะร้อง อ๋อ! เพราะเป็นน้ำเกลือสารพัดประโยชน์ ที่ใช้ได้ทั้งล้างจมูก เช็ดหน้า และบ้วนปาก โดยเกลือนำเข้าจากประเทศเดนมาร์ค มั่นใจได้ในมาตรฐานการผลิต และเรื่องความสะอาด ด้วย GMP มาตรฐานระดับสากล 

สั่งซื้อได้ที่ : LAZADA

 

 

ขอบคุณภาพจาก : LAZADA

3. SOFCLENS HH 

น้ำเกลือปราศจากเชื้อ โดยเกลือจากประเทศนิวซีแลนด์ ที่มีส่วนประกอบของโซเดียมคลอไรด์ 0.9% อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองบริเวณผิวหนัง เหมาะสำหรับใช้ล้างคอนแทคเลนส์ ทำความสะอาดดวงตา ล้างจมูกได้โดยไม่แสบ ขวดใส มองเห็นน้ำเกลือด้านใน บรรจุภัณฑ์แน่นหนา ป้องกันการปนเปื้อน สามารถมั่นใจได้ในเรื่องความสะอาด ก่อนถึงมือแม่

สั่งซื้อได้ที่ :  LAZADA

 

ขอบคุณภาพจาก : LAZADA

4. Salinex

สเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูก จากเกลือธรรมชาติประเทศนิวซีแลนด์ เหมาะสำหรับล้างจมูกให้เด็กเล็กโดยเฉพาะ เนื่องจากสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในโพรงจมูก และลดอาการคัดจมูกของลูกน้อย มาในรูปแบบกระป๋องจับถนัดมือ บรรจุน้ำเกลือ 80 มล. พร้อมด้วยหัวฉีดแรงดันต่ำ เพื่อการใช้งานที่สะดวกสำหรับแม่ที่มีลูกเล็ก

สั่งซื้อได้ที่ : LAZADA 

 

ขอบคุณภาพจาก : Facebook

5. KLEAN & KARE

น้ำเกลือปราศจากเชื้อ โดยเกลือนำเข้าจากประเทศนิวซีแลนด์ สามารถนำมาใช้ล้างจมูก และใช้กับส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ โดยไม่ระคายเคือง ไม่ว่าจะเป็นการ ล้างแผล เช็ดทำความสะอาดใบหน้า หรือล้างคอนแทคเลนส์ บรรจุในขวดพลาสติกที่มีฝาล็อกคเป็นเอกลักษณ์ เพิ่มความมั่นใจในความสะอาดก่อนเปิดใช้งาน

สั่งซื้อได้ที่ : LAZADA

 

 

6. Marimer Baby Isotonic Spray

สเปรย์น้ำทะเล ที่ผ่านกรรมวิธีปลอดเชื้อเพื่อให้เหมาะสำหรับใช้ล้างจมูก ด้วยส่วนประกอบของสารละลายน้ำทะเลเจือจางปราศจากเชื้อ แบบไอโซโทนิก (Isotonic) เทียบเท่ากับความเข้มข้นของเกลือ 9 กรัม/ลิตร มาในรูปแบบกระป๋องสเปรย์ที่มีแรงดันต่ำ เหมาะสำหรับเด็กเล็ก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นในโพรงจมูก และช่วยให้น้ำมูกนิ่มขึ้น เพื่อลดอาการคัดจมูกของลูกน้อย

สั่งซื้อได้ที่ : LAZADA

 

ขอบคุณภาพจาก LAZADA

7. Hashi Plus

ชุดอุปกรณ์ล้างจมูกโดยเฉพาะ สะดวกสำหรับพกพา ด้วยซองผงเกลือล้างจมูกสูตรอ่อนโยนของ Hashi เมื่อต้องการใช้งานเพียงผสมน้ำสะอาด 180 มล. ก็จะได้น้ำเกลือสูตร isotonic ที่มีความเข้มข้น 0.9% NaCl ซึ่งเป็นค่าที่เหมาะสมสำหรับการใช้ล้างจมูก ที่สำคัญมาพร้อมกับอุปกรณ์ล้างจมูก ขนาดกระทัดรัด จับถนัดมือ

สั่งซื้อได้ที่ : LAZADA


8. Aqua Maris

สเปรย์ล้างจมูกสำหรับเด็กเล็ก จากน้ำทะเลธรรมชาติ เป็นสารละลายน้ำทะเลที่มีความเข้มข้นเท่ากับความเข้มข้นภายในเซลล์ของร่างกาย (Isotonic Seawater) และผ่านกรรมวิธีปลอดเชื้อ ให้เหมาะกับการใช้กับร่างกาย โดยหัวพ่นสเปรย์ถูกออกแบบมาให้มีความดันเหมาะสำหรับใช้กับเด็ก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเยื่อบุโพรงจมูก ทำให้หายใจโล่งขึ้น และสามารถถอดล้างหัวสเปรย์ได้ด้วย

 สั่งซื้อได้ที่ : LAZADA 

 

9. Mar Baby Nose

สเปรย์ล้างจมูกสำหรับเด็ก ด้วยน้ำเกลือจากน้ำทะเลประเทศฝรั่งเศส ผ่านกระบวนการเพื่อความสะอาด และปรับให้มีความเข้มข้นสมดุลกับของเหลวในร่างกาย(ไอโซโทนิก) ทำให้ไม่ระคายเคืองเยื่อบุโพรงจมูก หัวสเปรย์มีแรงดันเหมาะสม ละอองฝอยอ่อนโยน เหมาะสำหรับทำความสะอาดจมูกเด็กเล็ก

สั่งซื้อได้ที่ : LAZADA 

 

ขอบคุณภาพจาก : LAZADA

10. Claricare

สเปรย์น้ำเกลือ จากน้ำทะเลธรรมชาติประเทศฝรั่งเศส ปราศจากการเติมสารกันเสียและสารเคมี มาในรูปแบบกระป๋อง 100 มล. พร้อมหัวสเปรย์เพื่อการใช้งานที่สะดวกมากขึ้น ตอบโจทย์การใช้สำหรับพ่นทำความสะอาดโพรงจมูก และให้ความชุ่มชื้นในเยื่อบุโพรงจมูกอย่างอ่อนโยน 

 สั่งซื้อได้ที่ : LAZADA

 

จะเห็นได้ว่า น้ำเกลือล้างจมูกตามท้องตลาดมีหลากหลายแบรนด์ให้เลือกใช้งาน ซึ่งมีทั้งแบบน้ำเกลือสำหรับใช้กับอุปกรณ์ล้างจมูก, แบบหัวสเปรย์ที่พ่นเข้าไปในจมูกโดยตรง และแบบผงผสมน้ำ โดยคุณแม่ ๆ ก็สามารถเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสมกับความต้องการ ซึ่งวิธีการใช้ก็อาจแตกต่างกันไป หากไม่มั่นใจในความถูกต้อง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือเภสัชกร เพื่อให้ได้คำแนะนำที่ถูกต้องในการล้างจมูก ก่อนนำมาใช้กับลูกน้อยนะคะ

 

ข้อมูลอ้างอิงจาก

https://www.lazada.co.th/

https://plan.fda.moph.go.th/media.php?id=587798509319757824&name=Binder19328.pdf

https://www.ghp.co.th/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%A5-normal-saline-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0/

หลุมรัก HOYO…คอกกั้นเด็ก อันดับ 1 ที่ทำคุณแม่ตกหลุมรักกันแล้วนับไม่ถ้วน

event
คอกกั้นเด็ก HOYO คอกกั้นคุณภาพที่แม่ๆ ตกหลุมรักและไว้วางใจให้ลูกได้ฝึกหัดคลาน เล่น และทำกิจกรรมในพื้นที่ปลอดภัย โดยใช้วัสดุผ้าหนัง PU จากเกาหลี  🇰🇷  ซึ่งมีความดีงามดังนี้ค่ะ

– ผ้าหนัง PU จากเกาหลี ถูกเคลือบด้วย Hydrolysis Resistance ทำให้ทนทานและยืดอายุการใช้งานให้นานกว่าผ้าหนัง PU ทั่วไป ไม่ว่าจะขีดด้วยของแหลมหรือกุญแจก็ไม่ขาดไม่เป็นรอย
– ผ้าหนัง PU จากเกาหลี ทนทานต่อเล็บของน้องหมาน้องแมว ไม่เป็นรอยง่าย (Pet friendly)
– ผ้าหนัง PU จากเกาหลี ลบรอยปากกาได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะปากกาแบบไหนก็เอาอยู่ ไม่เหลือคราบสะอาดหมดจด
– ผ้าหนัง PU จากเกาหลี กันน้ำ ไม่ว่าจะ นมหรือฉี่เบบี๋ก็เช็ดได้ ทำความสะอาดง่ายมาก
– ผ้าหนัง PU จากเกาหลี NON-TOXIC ปลอดภัยจากสารอันตรายกว่า 30 ชนิดและผ่านการรับรองมาตรฐานจากทั้งยุโรปและอเมริกา

การันตีจากคุณพ่อคุณแม่กว่า 10,000 รีวิวจากผู้ใช้งานจริงที่ตกหลุมรัก นอกจากนี้ยังมี รางวัลอีกเพียบ….
✨ 10 รางวัลการันตี Best baby playpen 4 ปีซ้อน 2020-2023 และ Most Innovation Playpen ✨
🏆 รางวัล Innovation Award From KIND + JUGEND สาขา Kids furniture 2023
🏆 รางวัล Most Innovation Playpen 2022 จาก The Asianparent Awards
🏆 รางวัล Mommy’s Choice ด้วยผลโหวตจากคุณแม่ทั่วประเทศไทยกว่า 10,000 คน! โหวตให้ HOYO ได้คะแนนสูงสุด จนเป็นสินค้าหนึ่งในดวงใจ
🏆 รางวัล Editor’s Choice สุดยอดสินค้าที่บรรณาธิการเลือกให้เป็นผู้ชนะมีประโยชน์และใช้ได้จริง ทำคุณแม่ตกหลุมรักกันแล้วทั่วประเทศไทย

 

สามารถชมสินค้าจริงได้ที่
📍 Showroom พระราม 3 (appointment only)
📍 ร้าน LOULOU The Taste Thonglor ซอย 11
📍 Index Living Mall สาขาเดอะวอล์ค เกษตร-นวมินทร์
📍The Little Store เอกมัย ซอย 4

🔍 กว่า 10,000 รีวิวจากผู้ใช้งานจริงที่ตกหลุมรัก HOYO  #HOYOREVIEW
#คอกกั้น #คอกกั้นเด็ก #คอกกั้นเด็กHOYO #HOYOหลุมรักที่พ่อแม่ไว้วางใจ #หลุมรักที่เหนือกว่า5ประการ #อุ่นใจในsafezone #ใครๆก็ใช้คอกกั้นHOYO #HOYOไข่ตกไม่แตก #เพราะลูกจึงต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด #คอกกั้นเด็กเสริมพัฒนาการ #คอกกั้นเด็กปลอดสาร #nontoxicbabyproduct #ของแท้ต้องHOYO #thailand

โรงเรียนปัญโญทัย

โรงเรียนปัญโญทัย สุดยอดโรงเรียนทางเลือกหลักสูตรวอลดอร์ฟ พัฒนาการเติบโตควบคู่คุณธรรม

event
โรงเรียนปัญโญทัย
โรงเรียนปัญโญทัย

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราจะพบว่า “ปัญญาประดิษฐ์ (AI)” ได้รับการพัฒนาและถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ในความสะดวกสบายนั้น..ที่ทุกอย่างง่ายเพียงแค่ปลายนิ้วคลิก..อาจจะเปลี่ยนชีวิตลูกหลานเราไปตลอดกาล

วันนี้ ทีมแม่ ABK จะพาคุณพ่อคุณแม่มาสำรวจ โรงเรียนปัญโญทัย หนึ่งในเครือข่าย “โรงเรียนวอลดอร์ฟ” นับ 1,000 แห่งจาก 60 ประเทศทั่วโลก  ที่ยึดมั่นในหลักการของรูดอล์ฟ สไตเนอร์ โดยปรับให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมและเยาวชนไทย มุ่งหมายให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้รอบด้าน balance ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา เพื่อให้เด็ก ๆ เติบโตและพรั่งพร้อมไปด้วยคุณสมบัติที่ดีของมนุษย์ตามแบบฉบับของแต่ละคน

ก่อนที่จะพาลูก ๆ หลาน ๆ ของเราเขย่ง – ก้าว – กระโดดไปนั้น เราควรสอนให้เด็ก ๆ หัดคลาน – เดิน – วิ่งอย่างมั่นคงก่อน เด็ก ๆ ควรเติบโตอย่างเรียบง่าย ตามพัฒนาการที่สมวัย ได้เล่น ได้เรียน ได้ลงมือทำ รู้จักผิดพลาดและเรียนรู้ที่จะแก้ไข ท่ามกลางบรรยากาศ – ธรรมชาติที่ “ปรุงแต่ง” น้อย เมื่อรากแก้วแข็งแรงแล้ว การต่อยอดเข้าไปในโลกยุคใหม่จะทำให้เด็ก ๆ ไม่สั่นคลอนหรือแกว่งไปตามกระแส และสามารถคงไว้ซึ่งคุณค่าและความงดงามของ “การเป็นมนุษย์”

โรงเรียนปัญโญทัย

เวลาพักกลางวัน เด็ก ๆ ก็สนุกกันเต็มที่

 โรงเรียนปัญโญทัย

 เด็ก ๆ เหลาไม้นิตติ้งกันเองนะคะ

โรงเรียนปัญโญทัย

วิชาจักสานเรียนตั้งแต่ชั้นประถม จนถึง ม.3

โรงเรียนปัญโญทัย

เดี่ยวไวโอลิน

โรงเรียนปัญโญทัย

ชั่วโมงงานไม้ของพี่ ม.5 กำลังทำของเล่นให้น้องๆอยู่ค่ะ

วอลดอร์ฟแตกต่างจากหลักสูตรอื่น ๆ อย่างไร ?

  • เน้นการปลุกอัตตาหรือตัวตนภายในของมนุษย์ให้รู้จักตัวเองอย่างแท้จริง = ความอิสระและความรับผิดชอบ ไม่ได้เน้นการอัดความรู้เพื่อสอบแข่งขัน
  • เป็นการศึกษาเพื่อสังคม ที่มองว่าการแข่งขันไม่ใช่ปัจจัยสำคัญต่อความเจริญก้าวหน้าและความสำเร็จ แต่ความร่วมมือต่างหากที่เป็นปัจจัยหลักของความสำเร็จอย่างแท้จริง
  • ให้ความสำคัญ ( อย่างมาก ) กับพัฒนาการตามช่วงวัย

วัย 7 – 14 ปี : เรียนรู้จากความประทับใจ

วัย 14 – 21 ปี : เรียนรู้จากการคิด

  • กล่อมเกลาด้วยศิลปะ เพราะศิลปะจะช่วยสนับสนุนและเพิ่มมิติอื่น ๆ ให้กับบทเรียนหลักเพื่อสร้างการเรียนรู้ที่มีชีวิตชีวา ผสมผสานการคิดด้วยความรู้สึกและสุนทรียภาพและส่งไปยังหัวใจและมือก่อนถึงสมอง ศิลปะที่เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ ได้แก่ การวาดภาพ การร้องเพลง การเครื่องดนตรี งานหัตถกรรมน้อยใหญ่ต่าง ๆ
  • เล่น ของเล่นที่ไม่ซับซ้อน ของเล่นที่ไม่สำเร็จรูป วัตถุดิบจากธรรมชาติธาตุทั้ง 4 จะช่วยต่อยอดสร้างจินตนาการให้กับเด็ก ๆ
  • เรียน ผ่านการลงมือปฏิบัติให้เป็นทักษะชีวิตอย่างแท้จริง โดยที่เด็กๆจะไม่รู้เลยว่าแต่ละงานที่ทำอยู่นั้นคือ ทักษะของแต่ละรายวิชา
  • ใช้ชีวิต ใกล้ชิดธรรมชาติตามพื้นฐานปัจจัยสี่ของมนุษย์ อาหาร ยา เครื่องนุ่งห่ม ที่พักอาศัย วัตถุยิ่งน้อยเด็ก ๆ ยิ่งเรียนรู้มาก ลง-ลึก-ซึ้ง-ตั้งใจ-อดทน

โรงเรียนปัญโญทัย

การทำงานสาน ไม่ได้ใช้แค่ความตั้งใจ แต่ใช้ทักษะคณิตศาสตร์ด้วย

โรงเรียนปัญโญทัย

ก่อนแกะสลัก ก็ต้องลงมือร่างแบบก่อน

โรงเรียนปัญโญทัย

อุปกรณ์จะค่อยๆซับซ้อนขึ้นตามช่วงอายุ น้องเล็กๆจะต้องเริ่มจากอุปกรณ์พื้นฐานก่อน

โรงเรียนปัญโญทัย

เครื่องมือและอุปกรณ์ในการเรียนที่ปัญโญทัยเยอะและหลากหลายมาก

โรงเรียนปัญโญทัย

เพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม

 

ที่ปัญโญทัยเรียนอย่างไรกันนะ ?

วัย 7 – 14 ปี : เรียนรู้จากความประทับใจ

นักเรียนชั้น ป.1 – ม.2 วัยเรียนรู้โลก เรียนรู้ตนเอง  ช่วง 2 ชั่วโมงแรกในแต่ละวัน ของระดับชั้นประถมและมัธยมจะเป็นการเรียนวิชาใดวิชาหนึ่ง เช่น มนุษยศาสตร์ คณิตศาสตร์ ต่อเนื่องกันไปทุกวันเป็นเวลา 3-6 สัปดาห์ ซึ่งไม่ได้สร้างเพียงสมาธิ สติปัญญา แต่ยังสอดประสานศิลปะและการเคลื่อนไหวเท่ากับการเรียนรู้รอบด้าน

หลังจากวิชาหลัก 2 ชั่วโมงแรกจะเป็นรายวิชาประจำซึ่งต้องเรียนอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ดนตรี งานไม้ หัตถกรรม  รูปแบบการเรียนรู้ไม่ได้เป็นไปโดยนักเรียนนั่งฟังและจดเท่านั้น แต่ยังผ่านการเคลื่อนไหว การปฏิบัติ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการถ่ายทอดผ่านศิลปะ ซึ่งหลักสูตรของทุกระดับชั้นจะสอดคล้องต่อเนื่องกันตรงตามพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย  รายละเอียดด้านล่างเป็นเพียง “บางส่วน” ของหลักสูตรที่แสดงถึงแผนการเรียนรู้ที่เรียงร้อยไล่ไปตามพัฒนาการ

โรงเรียนปัญโญทัย โรงเรียนปัญโญทัย โรงเรียนปัญโญทัย

บรรยากาศ “indoor” ของชั้นประถมศึกษา

โรงเรียนปัญโญทัย

ป.3 ป.4 มีวิชาทำนา

โรงเรียนปัญโญทัย

บรรยากาศ “outdoor” ศาลานี้นักเรียนเป็นผู้สร้างนะคะ

 

  • ชั้น ป.1 – .2 : เป็นรอยต่อของ “วัยอนุบาล หรือวัยช่างฝัน” เด็กๆจึงเรียนเกี่ยวกับ Fairy Tales นิทานอีสป

ช่วงเช้า – กิจกรรมที่เน้นประสบการณ์ ช่วงบ่าย – นอนกลางวัน

วิชา Extra-work = ปลูกต้นไม้ นอกจากจะเป็นเรียนรู้ผ่านการทำงานเพื่อสร้างทักษะต่าง ๆ แล้วเด็ก ๆ ยังได้รู้จัก “รากเหง้า” ของสิ่งต่าง ๆ

  • ชั้นป.3 – .4 : วัย 9 – 10 ปี เป็นตะเข็บของวัยที่สำคัญเพราะเด็ก ๆ กำลังจะก้าวไปสู่ “วัยรุ่น – แรกเริ่ม” พัฒนาการทางอารมณ์และสังคมจะเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ดังนั้นหลักสูตรจึงเน้นไปที่ DOWN TO EARTH การอยู่ในโลกของความเป็นจริง เด็กๆจะเรียนรู้เกี่ยวกับกำเนิดของโลก การทำนา การทำปศุสัตว์ นิทานเกี่ยวกับข้าว นิทานโบราณเกี่ยวกับกำเนิดโลก (Jewish)
  • ชั้น .4 เด็ก ๆ จะได้เรียน “เศษส่วน” ซึ่งสอดคล้องกับ “ช่วงวัยแยกตัว” พอดิบพอดี เรียนเรื่อง “มนุษย์กับสัตว์”

ส่วนกีฬา.. เด็ก ๆ เรียน Rollerblade ค่ะ

  • ชั้น ป.5 เด็ก ๆ ย้อนกลับไปเรียน “อารยธรรมโบราณ” เช่น อารยธรรมเมโสโปเตเมีย อารยธรรมอินเดีย ดนตรีสากล รวมกันกับดนตรีไทย และได้เล่น “วิ่งขาโถกเถก” ด้วยนะคะ
  • ชั้นป.6 และ ม.1- .2 เน้นวิทยาศาสตร์ โดยนักเรียนชั้น ป.6 เรียนเรื่องเล่าโลกที่ยุคสมัยและวิทยาการค่อย ๆ เจริญขึ้น และกีฬาก็คือ จั๊กกลิ้ง (Juggling 3 Balls) เด็ก ๆ จะได้เรียนตัดเย็บโดยใช้จักรถีบด้วยนะคะ.. เพราะจักรถีบเป็นสิ่งประดิษฐ์สำคัญในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมค่ะ (Renaissance)
  • Trip .2 มีการออกทริปจักรยานค้างแรม เริ่มต้นที่ จ.สมุทรสาคร – จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีการจัดแผนการเดินทางและที่พักอย่างรัดกุมและปลอดภัย เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันในสถานการณ์แห่งความเป็นจริงนอกรั้วปัญโญทัยค่ะ ทริปจักรยานประสบความสำเร็จและเต็มไปด้วยความประทับใจมาหลายต่อหลายปี

โรงเรียนปัญโญทัย

จักรถีบ Renaissance iconic

โรงเรียนปัญโญทัย

เรื่องจักรยานเราจริงจังนะคะ

 

โรงเรียนปัญโญทัย

ศิษย์เก่าของโรงเรียนเป็นคุณครูสอนไวโอลินให้น้อง ๆ

โรงเรียนปัญโญทัย

งานคราฟท์ที่แท้จริง

 

วัย 14 – 21 ปี : เรียนรู้จากความคิด

ชั้น ม.3 – .6

  • เน้นการ Discuss กันมากขึ้น คุณครูจะเป็นที่ปรึกษาในลักษณะของ Mentor และจะมีความเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ
  • วิชาดนตรี – เด็กมัธยมจะเรียนวิชาออเคสตร้า
  • กีฬาต่าง ๆ – เด็ก ม.3 เรียนวอลเล่ย์บอล เด็ก ม.4 เรียนยิงธนู เด็ก ม.5 เรียนตะกร้อ
  • งานฝีมือ – การใช้อุปกรณ์จะค่อยๆ advance ตามชั้นปี เริ่มตั้งแต่ ใช้ค่อนกับสิ่ว basic สุดๆ จนถึงพี่ ม.6 โตที่สุดใช้เลื่อยไฟฟ้าค่ะ
  • วิชาจักสาน – จะเรียนถึงชั้น ม.3 ส่วน ม.4 เรียนงานหนัง งานเหล็ก ( ตีมีด ) ม.5 งานไม้ ม.6 งานเฟอร์นิเจอร์
  • โรงเรียนสนับสนุนการทำ Portfolio ผลงานเพื่อยื่นใช้ในมหาวิทยาลัย นักเรียนปัญโญทัยมีความถนัดหลากหลายมากสามารถพูดได้เลยว่า Portfolio แน่นและคุณภาพคับแก้วค่ะ

ข้างต้นเป็นเพียงส่วนย่อยเท่านั้นนะคะ ทุกงาน ทุกกิจกรรม ล้วนเป็นการบูรณาการศาสตร์ทั้งหลายเข้าด้วยกัน

อย่างน้อย 3 ศาสตร์ เช่น

ประวัติศาสตร์ – วิวัฒนาการข้าวของเครื่องใช้จากอดีต – ปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของวิทยาการ

วิทยาศาสตร์ – ทุกสิ่ง ทุกอย่าง จากการกระทำมีความเป็นเหตุและผล

คณิตศาสตร์ – แม้กระทั่งการถักโครเชต์นั้น.. คือหลักการของเลขอนุกรมนะคะ

รูปแบบการเรียนการสอนของปัญโญทัยคือการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง เด็ก ๆ ที่นี่ร่าเริงสดใสสมวัย อดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งในการเรียนและการใช้ชีวิต เป็นภูมิคุ้มกันที่ดีในอนาคต

โรงเรียนปัญโญทัย

ชั้น ม.ปลาย เน้นการอภิปรายกันในชั้นเรียน โต๊ะในห้องจึงจัดเป็นตัว U

โรงเรียนปัญโญทัย โรงเรียนปัญโญทัย โรงเรียนปัญโญทัย โรงเรียนปัญโญทัย

ช่วงบ่ายแทบจะไม่มีเด็ก ๆ อยู่ในชั้นเรียนเพราะเรียนแบบบูรณาการกันนอกห้องเสียส่วนใหญ่เลยค่ะ

 

Feeling นั้นสำคัญฉไน

โรงเรียนปัญโญทัย ให้ความสำคัญในการสอน ปลูกฝังด้านอารมณ์และความรู้สึกให้แก่เด็ก ๆ ผ่านจริยธรรม ศีลธรรม คนเราควรรู้สึกดี กับ สิ่งที่ดี และควรรู้สึกไม่ดี กับ สิ่งที่ไม่ดี เช่น ในชั้น ป.4 เด็ก ๆ เรียนเรื่อง “มนุษย์ กับ สัตว์”  สิ่งที่ทำให้ มนุษย์ แตกต่างจาก สัตว์ ก็คือ กระดูกสันหลัง ขาที่เป็นอิสระ มือที่เป็นอิสระ.. และมือของมนุษย์นี้ที่สามารถหยิบยื่นสิ่งดี ๆ ให้ผู้อื่นได้

เด็กอายุ  7 – 14 ปี จะเรียนรู้จากความประทับใจ ดังนั้น การสอนต้องเน้นให้เด็กรู้สึกถึงความงาม และจำเป็นต้องเรียนรู้ว่าโลกนี้งดงาม 14 – 21 ปี : เรียนรู้จากการคิด ดังนั้น การสอนต้องเน้นให้เด็กคิด จนเกิดปัญญา เห็นสัจธรรม และความจริงในโลก และจำเป็นต้องเรียนรู้ว่าโลกนี้เป็นจริง เรามักให้ความสนใจกับเรื่องความรู้สึก น้อยกว่าความคิดและเหตุผล ทั้งที่ความรู้สึกมีอิทธิพลสำคัญ ทั้งช่วยส่งเสริม และเป็นสิ่งรบกวน ระบบความคิด และการมีเหตุผล

 

Mommy Like This

  1. เด็ก ๆ อยากมาโรงเรียนทุกวัน เพราะมีกิจกรรมหรืองานใหม่ ๆ ให้ได้เรียนรู้กันอยู่ตลอด
  2. เด็ก ๆ มีสมาธิดี โรงเรียนจำกัดการใช้เครื่องมือสื่อสารและอุปกรณ์เทคโนโลยี  ( ยกเว้นนักเรียน ม.ปลาย ที่อนุญาตให้ใช้งานเพื่อสืบค้นและค้นคว้า ) การจำกัดนี้แหละจะทำให้เด็ก ๆ มีสมาธิจดจ่อในการทำงาน ในเวลาเรียน และได้ใช้เวลากับเพื่อน ๆ ได้อย่างเต็มที่
  3. เติบโตสมวัย : เปิดกว้างในการเรียนรู้ให้เด็ก ๆ ได้ค้นพบตัวเอง โดยไม่ได้เร่งรัดให้เรียนเกินวัย แต่เมื่อพื้นฐานของเด็ก ๆ แน่นและพร้อม ทุกคนจะฉายแววอย่างก้าวกระโดดด้วยตนเองเลยค่ะ
  4. ทักษะชีวิต : นอกจาก skills ต่าง ๆ เด็ก ๆ จะมีความอดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค กล้าลอง กล้าล้ม และเริ่มใหม่ เป็นคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่ออนาคตเลยนะคะ
  5. ชุมชนบริเวณโรงเรียนน่าอยู่ ทั้งคาเฟ่ (ของกลุ่มผู้ปกครอง) ร้านขนมปังในละแวก ร้านค้าที่ขายสินค้าเกษตรอินทรีย์ และโรงเรียนเองล้วนพึ่งพาอาศัยกัน พบเจอกันก็มีแต่รอยยิ้ม
  6. ไม่มีการสอบเพื่อวัดผล คุณครูประเมินตามพัฒนาการ ทำให้เด็ก ๆ ไม่ต้องกังวล สามารถเรียนอย่างเป็นตัวเองได้เต็มที่
  7. Team Work – หัวใจหลักของความสำเร็จที่ปลูกฝังกันตั้งแต่เล็ก ๆ เด็ก ๆ ไม่แข่งขันแก่งแย่ง แต่ชอบที่จะร่วมมือกัน ในชั้นเรียนจึงมีแต่ความสนุกสนานเพราะทุก ๆ คนช่วยกันเรียน ช่วยกันเล่นค่ะ

โรงเรียนปัญโญทัยโรงเรียนปัญโญทัย

รอบรั้วปัญโญทัย

โรงเรียนปัญโญทัย

คาเฟ่ที่ทางโรงเรียนสร้างให้กลุ่มผู้ปกครองดำเนินการ ดูร่มรื่นมาก ๆ

โรงเรียนปัญโญทัย

 ให้เด็ก ๆ วิ่งเล่นในธรรมชาติที่ปลอดภัย

โรงเรียนปัญโญทัย

ท้องร่องในกรุงที่โรงเรียนรักษาไว้เป็นแหล่งระบบนิเวศน์

โรงเรียนปัญโญทัย

เรียนดนตรีเครื่องสายกัน

 

รับนักเรียนอายุตั้งแต่: ประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึง มัธยมศึกษาปีที่ 6

ค่าธรรมเนียมการศึกษา โดยประมาณ
ปีการศึกษาละสองภาคเรียน
ป.1-ป.4 : 32,000 ต่อเทอม
ป.5-ม.2 : 33,500 ต่อเทอม
ม.3-ม.6  : 36,000 ต่อเทอม

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อสอบถามโรงเรียนโดยตรง

 

โรงเรียนปัญโญทัย (Panyotai Waldorf School)

ที่อยู่: 199 ถ.สุขาภิบาล 5 ซอย 32 (แยก10) แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. 10220
เบอร์ติดต่อ: 02-792-0670
email: [email protected]|

Editor : แม่พลอยผิง
ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

KIDative

KIDative Design Lab For Kids ห้องทดลองทางการออกแบบ ศูนย์การเรียนรู้สร้างสรรค์สำหรับเด็ก

event
KIDative
KIDative

KIDative Design Lab For Kids  มาเล่นให้เป็นเรื่อง กับ KIDative  ห้องทดลองทางการออกแบบที่จะช่วยให้เด็ก ค้นหาตนเองและความพิเศษเฉพาะ

วันนี้ School Visit จะชวนคุณพ่อคุณแม่พาลูก ๆ มา เล่นให้เป็นเรื่อง กันที่ KIDative Design Lab For Kids  ดีไซน์แลปและศูนย์การเรียนรู้สร้างสรรค์สำหรับเด็ก ที่เปิดพื้นที่ให้เด็ก ๆ ได้มีโอกาสลองถูกลองผิดและหาความชอบของตัวเองให้เจอ เพราะเด็ก ๆ ทุกคนมีความพิเศษที่แตกต่างกัน โดยใช้ Design Thinking For Kids ชวนให้เด็กสามารถสร้าง solution ใหม่ ๆ เพื่อแก้ปัญหาเดิมให้แตกต่าง บอกเล่าผ่านโปรเจ็คออกแแบบในแบบของตัวเขาเอง และกระบวนการการเรียนรู้แบบมืออาชีพ

KIDative ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2557 โดย คุณตอง-นพปฏล เทือกสุบรรณ สถาปนิก มัณฑนากร อาจารย์พิเศษคณะศิลปกรรมศาสตร์ และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และคุณกอล์ฟ-วรุตม์ เหลืองวัฒนากิจ ผู้ทำงานวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด และงานในแวดวงโฆษณา โดยมีจุดเริ่มต้นจากการจัด Workshop เพื่อถ่ายทอดกระบวนการคิดในเชิงออกแบบของสถาปนิกให้กับเด็ก ๆ ที่งาน ASA ให้กับสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์  โดยมีพี่ ๆ น้องๆ นักออกแบบหลายคนมาช่วยกันแลกเปลี่ยนถ่ายทอดมุมมองต่าง ๆ ในการออกแบบให้กับเด็ก ๆ เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กได้มีพื้นที่แสดงออก ทำให้คุณพ่อคุณแม่มีปฎิสัมพันธ์กับลูก และเข้าใจลูกได้มากขึ้น หลังจากจบงานครั้งนั้น  KIDative ได้การตอบรับที่ดีมาก จึงมีแนวความคิดที่จะทำ Workshop แบบ Long term และขยับขยายจนกลายเป็นสตูดิโอของตนเองขึ้นมา

KIDative KIDative KIDative KIDative

    ก่อนเริ่มเรียน เด็ก ๆ ได้เล่นเกมส์ Draw Mino ฝึกวาดภาพต่อกันในเวลาจำกัด เพื่อสร้างเรื่องราวของแต่ละคนให้เชื่อมโยงกัน โดยไม่ต้องกลัวผิดถูก

 

แตกต่างอย่างโดดเด่น

KIDative เชื่อว่า เด็กทุกคนมีความพิเศษในแบบของตนเอง ที่นี่จะให้องค์ความรู้ต่าง ๆ และช่วยให้ความพิเศษนั้นออกมาเป็นผลลัพท์ที่ชัดเจนขึ้น ที่สำคัญคือ KIDative ให้วิธีการคิดเพื่อที่จะสามารถนำไปใช้กับที่บ้านได้ด้วยไม่ใช่แค่ เฉพาะในห้องเรียน เรียกได้ว่า “กิจกรรมจบแต่การเรียนรู้ไม่จบ”

เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้การทำงานจากนักออกแบบมืออาชีพ เพื่อฝึกให้น้อง ๆ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์และกระบวนการคิด ในรูปแบบ Project base  ตั้งแต่เริ่มคิด  Research  วางแผน จนถึง Present ผลงานของตนเอง เด็ก ๆ จะได้รู้เรียนรู้ว่าไอเดียของตนเองจะมีกระบวนการและขั้นตอนอะไรบ้าง ตั้งแต่เริ่มต้นจนผลสรุปในตอนท้าย เมื่อได้เรียนในProject ครั้งต่อไป เด็กจะมีทักษะมากขึ้น ผลลัพท์ที่ได้ก็จะดีขึ้น และยังรู้ว่าไอเดียของตนเองจะถูกไปทำอะไร หรือต่อยอดเป็นอะไรในอนาคต เรียนที่นี่ เด็ก ๆ จะมีความเป็นตัวของตนเอง รู้สึกว่าเข้าถึงได้ และทุกอย่างเริ่มได้ง่าย ๆ ทำให้มีกำลังใจมีความสุขระหว่างเรียนและอยากจะทำต่อ ๆ ไป

KIDative KIDative KIDative

ได้เรียนรู้กับมืออาชีพ และหัดพรีเซนต์ผลงานของตัวเอง

 

โปรเจ็คเรียนที่หลากหลาย

โปรเจ็คหรือโครงงาน ที่ KIDative ค่อนข้างหลากหลายและไม่ตายตัว  เช่น Character Design จาก Picture book ที่ไม่ใช่แค่ให้เด็ก ๆ มาวาดรูปอย่างเดียว แต่ที่ KIDative สอนให้มีความคิดสร้างสรรค์ด้วย โดยการให้เด็ก ๆ เลือกหนังสือภาพหรือนิทานที่ตนเองชอบมา 1 เล่ม และจินตนาการว่า ถ้าหนังสือเรื่องนี้จะมีตัวละครตัวหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในหนังสือ จะเป็นตัวอะไรได้บ้าง เด็ก ๆ จะได้พัฒนาตัวละคร สร้างเรื่องราวเชื่อมโยงระหว่างตัวละครใหม่กับตัวละครเก่า หัดวาดรูปโดยใช้รูปฟอร์มต่าง ๆ มาประกอบกัน และสร้างสถานการณ์ ให้กับตัวละครต่าง ๆ สร้างเอกลักษณ์ (Identity) และที่มาที่ไป (Background) ของตัวละครของตัวเองได้อย่างครบถ้วน

หรือจะเป็น โปรเจ็ค Art toy Proportion  ที่ไม่ใช่แค่วาดแต่จะสอนให้เด็กปั้นชิ้นงาน เพื่อให้เข้าใจสัดส่วนของงาน แบบรอบด้าน  นอกจากนี้ยังมีโปรเจ็คออกแบบสนุก ๆ เช่น โปรเจ็ค “ร้านค้าบนต้นไม้มหัศจรรย์” ที่จะชวนเด็ก ๆ มาเรียนรู้การออกแบบร้านด้วยไอเดียสนุก ๆ ทำความเข้าใจกับสินค้า และความต้องการของลูกค้า พร้อมออกแบบ Window Display สุดสร้างสรรค์

อีกโปรเจ็คที่น่าเรียน กับ House for homeless animal เมื่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ทำให้สัตว์ทั้งหลายไม่สามารถอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมได้ตามที่ควรจะเป็น ไม่ว่าจะเป็น Climate Change หรือการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม เด็ก ๆ จะได้รีเสิร์ชข้อมูลสัตว์แต่ละแบบที่ตนเองสนใจ  ได้ Sketch แบบต่าง ๆ ได้ออกแบบและคิดค้นนวัตกรรมเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาเพื่อให้สัตว์เหล่านี้สามารถดำรงชีวิตต่อได้อย่างมีความสุขและปลอดภัย ช่วยสร้าง Logic และทักษะมากมาย ชวนเด็ก ๆ มาอธิบายความพิเศษของตัวเองให้ผู้ใหญ่ได้เข้าใจ ผ่านการเล่นเป็นนักออกแบบสนุก ๆ ในแบบของแต่ละคนอย่างไม่มีข้อจำกัด

นอกจากนี้ยังมีโปรเจ็ค ออกแบบที่น่าสนใจมากมาย เช่น Boardgame Design ,Dream House, Music Pavilion, Basic Animation  เหมาะกับ น้อง ๆ ที่ต้องการค้นหาตนเอง อยากติดอาวุธให้ตัวเองผ่านการทำงานจริง ๆ ฝึกฝนกระบวนการคิดสร้างสรรค์ หรืออยากสร้าง Portfolio เพื่อใช้ในการศึกษาต่อด้านออกแบบ Architect & Interior ใครสนใจก็สามารถเข้ามีดูรายละเอียดโปรเจ็คเรียนต่าง ๆ ได้ใน Facebook

เด็ก ๆ ได้ หัดแก้ปัญหา และเรียนรู้ผ่านการเล่นเป็นนักออกแบบ

 

Workshop สำหรับพ่อแม่

นอกจากสอนเด็ก ๆ แล้ว KIDative ยังมีโปรเจ็คสำหรับคุณพ่อคุณแม่ เช่น หัวข้อ “ทำอย่างไรที่จะให้ลูก ๆ มีความ Creative Thinking” เพราะการจะทำให้เด็กคนหนึ่งคิดได้ไกล ไปกว่าสิ่งที่ตนเองคุ้นเคยได้ ไม่ใช่แค่การสอนแค่ตัวเด็กอย่างเดียว แต่ครอบครัวคือส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เด็กพัฒนาได้ เป็น Workshop สำหรับพ่อแม่ ที่มองเห็นความพิเศษของลูก ๆ และต้องการสร้างให้ที่บ้านเป็นสภาพแวดล้อมที่จะช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรรค์ของเด็ก ๆ ให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้เทคนิค P.L.A.Y  ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษที่ออกแบบขึ้นมาเอง

นอกจากนี้  KIDative ยังเป็นวิทยากร อบรม Design Thinking สำหรับคุณครูตามโรงเรียนและองค์กรต่าง ๆ อีกด้วย เพราะในมุมมองของ KIDative สิ่งสำคัญที่จะช่วยเติมเต็มและผลักดันเด็ก ๆ ไปจนเติบโต คือสภาพแวดล้อมทั้งหมด ทั้งครอบครัว โรงเรียนและองค์กรต่าง ๆ

KIDative

คุณกอล์ฟ-วรุตม์ เหลืองวัฒนากิจ กับเด็กที่ KIDative

 

ที่อยู่

  • KIDative สาขาโยธินพัฒนา

246/8 ซอย โยธินพัฒนา แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240

โทร.063 879 1449

https://www.facebook.com/KIDative

Line: @kidative

ที่ตั้ง KIDative  สาขาตลิ่งชัน

Kiddy Club Houses ทุ่งมังกร 17 แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม 10170

โทร.063 879 1449

https://www.facebook.com/kidative.talingchan

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  พลวัฒน์ มุงเมือง , ภูมิปกรณ์ ณ บางช้าง

keyboard_arrow_up