นิสัยที่ควรสอนลูก

10 นิสัยที่ควรสอนลูก ปูทางให้เป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต

Alternative Textaccount_circle
event
นิสัยที่ควรสอนลูก
นิสัยที่ควรสอนลูก

นิสัยที่ควรสอนลูก – เป็นธรรมดาของพ่อแม่ทุกคนที่ต้องการให้ลูกมีอนาคตที่ดีและประสบความสำเร็จในชีวิต พ่อแม่หลายคนมีส่วนร่วมในการเรียนของลูกๆ จนกลายเป็นอีกหนึ่งวิถีวิตประจำวัน เพราะเชื่อมั่นว่าการเอาใจใส่ดูแลช่วยชี้แนะลูกเรื่องการเรียน หรือส่งลูกไปเรียนพิเศษ จะช่วยให้ลูกเก่งวิชาการและมีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตได้

แต่ความจริงแล้วพ่อแม่บางอาจลืมคิดไปว่าสิ่งที่สำคัญพอ ๆ กับเรื่องวิชาการของเด็กๆ  คือ การได้รับการปลูกฝังลักษณะนิสัยเชิงบวก ซึ่งก็เป็นหน้าของพ่อแม่อย่างปฏิเสธไม่ได้ มีลักษณะนิสัยหลายประการ ที่เด็ก ๆ ต้องเรียนรู้ เพื่อที่จะมีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิต และเพื่อให้เป็นคนรอบรู้  ซึ่งลักษณะนิสัยหลายอย่างเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะเอื้ออำนวยให้เด็ก ๆ ได้ดิบได้ดีในวัยผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จในด้านวิชาการซึ่งเป็นหน้าที่ประจำของพวกเขาได้เช่นเดียวกัน ต่อไปนี้เป็นลักษณะนิสัยที่สำคัญ 10 ประการที่เด็ก ๆ ทุกคนต้องเรียนรู้ในช่วงต้นของชีวิตและพัฒนาต่อไปในวัยผู้ใหญ่

10 นิสัยที่ควรสอนลูก ปูทางให้เป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต

1.ความอยากรู้อยากเห็น (Curiosity)

ความอยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติของเด็กอาจดูเหมือนสร้างความรำคาญให้กับพ่อแม่ที่ไม่ค่อยมีเวลา แต่ก็เป็นลักษณะนิสัยสำคัญที่ลูกควรมี นักประดิษฐ์และผู้ที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายคนชี้ให้เห็นว่าความอยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติของพวกเขา คือ กุญแจสู่ความสำเร็จ ความอยากรู้อยากเห็นเป็นลักษณะโดดเด่นที่สุดอย่างหนึ่งของสติปัญญาอันยอดเยี่ยม ทำให้การเรียนรู้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้น ช่วยให้เกิดความกระตือรือร้นมากกว่าการคิดแบบเรื่อย ๆ ซึ่งส่งผลดีต่อสมอง อย่าลืมกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของลูก ๆ พาพวกเขาไปยังสถานที่ใหม่ ๆ และสอนสิ่งใหม่ ๆ ให้พวกเขา ถามคำถามเพื่อให้พวกเขาสนใจโลกรอบตัว

2. ทักษะทางสังคม (Social skills)

ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมเป็นพื้นฐานที่สำคัญของชีวิตสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ ดังนั้นการเรียนรู้ทักษะทางสังคมที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เด็กที่มีทักษะทางสังคมที่ดีมักจะเรียนได้ดีขึ้นในโรงเรียน มองตัวเองในแง่ดี และแก้ไขความขัดแย้งได้ดีกว่า เด็กบางคนเกิดมาพร้อมกับเสน่ห์และบุคลิกที่ไม่เหมือนใครในการเข้ากับคนอื่น ๆ แต่สำหรับบางคนการเข้าสังคมอาจเป็นเรื่องไม่ง่าย พ่อแม่สามารถใช้กิจกรรมต่างๆ เพื่อเสริมสร้างทักษะเหล่านี้ให้เด็กได้ เช่น การเรียนรู้ที่จะอ่าน การแสดงออกทางสีหน้า หรือการเล่นทายคำเพื่อฝึกสื่อสารภาษากาย

3. ความยืดหยุ่น (Resilience)

บางครั้งชีวิตอาจเป็นเรื่องยาก แม้สำหรับเด็ก ๆ มนุษย์ทุกคนต้องการความยืดหยุ่นในระดับหนึ่งเพื่อช่วยให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก เมื่อเด็กเรียนรู้ที่จะยืดหยุ่นหรือฟื้นตัวจากความผิดพลาด ผิดหวังได้เร็ว พวกเขาจะสามารถจัดการกับความชอกช้ำและความยากลำบากที่พวกเขาจะต้องเผชิญได้ดีขึ้น พ่อแม่หลายคนพยายามปกป้องลูกจากสถานการณ์ที่เจ็บปวด แต่การสอนให้พวกเขามีความยืดหยุ่นจะช่วยให้พวกเขาดีขึ้นได้ในระยะยาว หากบุตรหลานของคุณมีปัญหาในโรงเรียนหรือกับเพื่อน ๆ ให้ลองหาทางแก้ปัญหาด้วยกันกับลูก เพื่อให้เขาเรียนรู้วิธีจัดการปัญหาแทนที่จะวิ่งหนี ผู้ปกครองสามารถช่วยเด็ก ๆ ในการมองให้เห็นปัญหาของพวกเขาให้ชัดขึ้นได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเรียนรู้ว่าปัญหาส่วนใหญ่ไม่ได้ใหญ่โต หรือผ่านไม่ได้อย่างที่คิดในตอนแรก

4. ความซื่อสัตย์ (Integrity)

บ่อยครั้งที่เด็ก ๆ อาจแสดงถึงความไม่ตรงไปตรงมา หรือ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์สุจริตเท่าที่ควรจนพ่อแม่ต้องชี้แนะให้เห็นว่าว่าการมีความซื่อสัตย์นั้นหมายความว่าอย่างไร เด็กๆ ควรได้เรียนรู้หัวใจของความซื่อสัตย์สุจริตก่อนที่จะเผชิญกับคำถามทางจริยธรรมที่ท้าทาย พูดคุยเกี่ยวกับค่านิยมของครอบครัวกับบุตรหลานของคุณ และลองถามว่าบุตรหลานของคุณจะทำอย่างไรหากต้องเผชิญกับประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรม เช่น เห็นเพื่อนขโมยของจากโต๊ะนักเรียนคนอื่นหรือโกงในการสอบแข่งขันเพื่อให้ได้เกรดที่ดีขึ้น การพูดคุยด้วยคำถามเหล่านี้จะช่วยเตรียมเด็กให้พร้อมสำหรับสถานการณ์ในชีวิตจริง

นิสัยที่ควรสอนลูก
นิสัยที่ควรสอนลูก

5. ความมีไหวพริบและคิดนอกกรอบ (Resourcefulness)

การค้นหาวิธีแก้ปัญหาได้เก่ง แสดงถึงความฉลาดทางการคิดเป็นลักษณะสำคัญของบุคคลที่องค์กรมองหาจากตัวพนักงาน  ซึ่งทักษะนี้ควรได้รับการพัฒนาที่ดีในวัยเด็ก พ่อแม่อาจลองให้เด็กๆ ทำกิจกรรมบางอย่างที่จะช่วยกระตุ้นให้ลูกมีไหวพริบและคิดนอกกรอบได้ ตัวอย่างเช่น ท้าทายให้พวกเขาสร้างสิ่งของจากของเหลือใช้ขวดพลาสติก กล่องไข่ หรือหนังยาง ให้เกิดประโยชน์ใหม่ ๆ และสามารถใช้งานได้จริง

6. ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)

คนส่วนใหญ่อาจนึกถึงผลงานทางศิลปะเมื่อได้ยินคำว่า“ ความคิดสร้างสรรค์” แต่มันครอบคลุมมากกว่านั้น ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวข้องกับจินตนาการและการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใด นอกเหนือจากความพยายามทางวิชาการแล้วเด็ก ๆ ควรใช้เวลาในการทำกิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น ดนตรี การถ่ายภาพ การละคร การประดิษฐ์ การปั้น  เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และมีชั่วโมงอนุรักษ์ธรรมชาติตลอดจนการวาดภาพระบายสี การส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในเด็กเป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างทักษะการสื่อสาร การพัฒนาความสามารถทางปัญญา เช่นการแก้ปัญหาและพัฒนาการทางอารมณ์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เด็ก ๆ ได้มีเวลาเพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง “ เด็กที่ไม่มีอิสระในการเล่นจะไม่พบตัวตนที่สร้างสรรค์ของพวกเขา”  ดร. เค็นเน็ธ อาร์. จินส์เบิร์ก กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์วัยรุ่นกล่าว

7. ความเอาใจใส่ผู้อื่น (Empathy)

ในการศึกษาของโครงการ Making Caring Common Project ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของเด็กที่ทำแบบสำรวจกล่าวว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับความสำเร็จหรือความสุขมากกว่าการดูแลผู้อื่น และ ผู้ที่ตอบแบบสำรวจมีแนวโน้มที่จะเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้มากกว่าสามเท่า  ทั้งนี้เป็นหน้าที่ของผู้ปกครองที่จะกระตุ้นให้เด็กๆ มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่นโดยธรรมชาติ และต้องเน้นย้ำถึงความสำคัญของการดูแลรักษาน้ำใจเข้าอกเข้าใจผู้อื่นให้มากพอ ๆ กับการได้รับเกรดดีๆ การปลูกฝังเรื่องความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นไม่เพียงแต่ดีต่อคนรอบข้างเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เด็กๆ มีความฉลาดทางอารมณ์ที่ดีขึ้นและอาจประสบความสำเร็จในชีวิตได้มากขึ้นด้วยซ้ำ มีหลายวิธีในการปลูกฝังอบรมเรื่องความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นให้บุตรหลาน รวมถึงการสร้างแบบจำลองการเอาใจใส่และการขยายสังคมของเด็ก ๆ เพื่อรวมผู้คนที่แตกต่าง และยังรวมถึงการยกเอาลักษณะนิสัยตัวละครที่หลากหลายในหนังสือการ์ตูนมาสอนเด็กๆ ก็ย่อมได้

นิสัยที่ควรสอนลูก

8. ความกล้าแสดงออก (Assertiveness)

สิ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่างความก้าวร้าวและความขี้อาย คือ ความกล้าแสดงออก  การกล้าแสดงออกและพูดเมื่อจำเป็นแต่ยังคงให้เกียรติผู้อื่น คือลักษณะนิสัยที่สำคัญที่พ่อแม่ควรปลูกฝังให้ลูกตั้งแต่ยังเล็ก  การสอนเรื่องกล้าแสดงออกจะช่วยส่งเสริมความเข้าใจผู้อื่น สติปัญญา ความอดทน ความอดกลั้น และความมั่นใจในตัวเอง  เป็นส่วนประกอบที่จำเป็นในการสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง วิธีในการสอนความกล้าแสดงออกสามารถรวมถึงการแสดงบทบาทสมมติต่างๆ เพื่อสอนเด็กว่าการกล้าแสดงออกจะมีประสิทธิผลได้อย่างไร

9. ความอ่อนน้อมถ่อมตน (Humility)

มีความสมดุลที่สำคัญระหว่างการมีความภาคภูมิใจในตนเองในเชิงบวกและความอ่อนน้อมถ่อมตน ที่เด็กและผู้ใหญ่ทุกคนต้องเรียนรู้ เด็กที่ขาดความอ่อนน้อมถ่อมตนอาจเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่หยิ่งผยองและไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย ความอ่อนน้อมถ่อมตนและความนับถือตนเองในเชิงบวกเปนสิ่งที่ต้องสอนควบคู่กันไป เพราะเมื่อเด็กมั่นใจในตนเองมองตัวเองในแง่ดีและไม่รู้สึกด้อยกว่าคนอื่น เขาจะไม่รู้สึกว่าต้องโอ้อวดเกี่ยวกับพรสวรรค์และความสำเร็จของตัวเอง การสอนความอ่อนน้อมถ่อมตนให้เด็กสามารถเริ่มต้นด้วยการสร้างแบบจำลองที่ดีด้วยตัวคุณเองและกระตุ้นให้เด็ก ๆ ทำเช่นเดียวกัน การแสดงให้ลูกๆ เห็นว่าคุณยกย่องชื่นชมผู้คนที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนจะช่วยปลูกฝังให้พวกเขาเปิดรับและซึมซับนิสัยที่ดีนี้ได้

10. ความมั่นใจ (Confidence)

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการมีความมั่นใจและภาคภูมิใจในตนเองในเชิงบวก มีความสัมพันธ์อย่างมากกับพฤติกรรมและความสุข ดังนั้นการสอนและการมีวินัยในการเลี้ยงดูลูกเพื่อช่วยให้เด็กๆ มีความมั่นใจในตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ยกย่องบุตรหลานตามความเป็นจริง ให้รางวัลกับพฤติกรรมเชิงบวก การปล่อยให้เด็กล้มเหลวในบางครั้งและเอาชนะอุปสรรคด้วยตนเองจะสร้างความมั่นใจสำหรับความพยายามในอนาคต อย่าลืมว่าพวกเขาจะไม่มีพ่อแม่คอยช่วยเหลือเสมอไป ความเชื่อมั่นว่าจะสามารถเผชิญกับความท้าทายได้ด้วยตัวเองได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ

มีหลายสิ่งที่เด็กๆ ต้องเรียนรู้ในชีวิตนอกเหนือไปจากเรื่องวิชาการ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และวรรณคดี บทเรียนเหล่านี้ต้องเริ่มต้นจากผู้ปกครองในบ้านเป็นอันดับแรก ต้องแน่ใจว่าลูก ๆ ของคุณได้เรียนรู้บทเรียนชีวิตที่สำคัญเหล่านี้ เพื่อที่พวกเขาจะเป็นผู้ใหญ่ที่รอบรู้มีความสุขและประสบความสำเร็จ! หากคุณพ่อคุณแม่สามารถปลูกลักษณะนิสัยต่างๆ เหล่านี้ให้ลูกๆ ได้ แน่นอนว่าจะเป็นการเสริมสร้างให้เด็กๆ เกิดความฉลาดรอบด้านด้วย Power BQ ได้หลายด้าน อาทิ ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ)  ความฉลาดของการเข้าสังคม (SQ) ความฉลาดทางคุณธรรม (MQ) ความฉลาดในการคิดสร้างสรรรค์ (CQ)  เป็นต้นค่ะ

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : learningliftoff.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

9 เทคนิคต้องรู้ สอนลูกให้ชอบอ่าน พ่อแม่ต้องทำแบบนี้!

อย่าหาทำ! 10 ข้อผิดพลาดในการ สั่งสอนลูก ที่พบได้บ่อย!

6 เทคนิคคุยกับลูก สอนลูกให้คิดเป็น แก้ปัญหาเองได้

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up