Birth control ความเข้าใจผิด และถูกเรื่องการคุมกำเนิด

เมื่อคุณพ่อ คุณแม่มีลูกน้อยให้ชื่นชมเพียงพอต่อความต้องการแล้ว ก็ถึงเวลาของการคุมกำเนิด (Birth control) เพื่อที่จะไม่ต้องมีการให้กำเนิดลูกน้อยเพิ่มขึ้นมากจนเกินความต้องการ หน้าที่ของการคุมกำเนิด ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิงแต่เพียงผู้เดียว แต่ผู้ชายก็ต้องคุมกำเนิดด้วยเช่นกัน

Continue reading “Birth control ความเข้าใจผิด และถูกเรื่องการคุมกำเนิด”

    11 ขวบ

    สาวน้อยวัย 11 ขวบ เซ็นสัญญาขายน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งให้บริษัทยักษ์ใหญ่

    หลายคนเริ่มต้นธุรกิจตั้งแต่ยังอายุน้อย แต่จะมีกี่คนที่ประสบความสำเร็จเท่ากับมิเคล่าโอลเมอร์เด็กนักเรียนชั้นประถมวัย 11 ขวบจากรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา

    มิเคล่าเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ ด้วยการขายน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งสูตรลับของคุณยาย ในชื่อ BeeSweet Lemonade ในงานท้องถิ่นของเมืองออสตินและบริจาครายได้ส่วนหนึ่งเพื่อองค์กรที่ดูแลประชากรผึ้ง แล้วธุรกิจของเธอจะเข้าตาผู้ผลิตรายการ Shark Tankเรียลลิตี้ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเสนอแผนธุรกิจของตนเพื่อขอระดมทุนเพิ่มจากนักลงทุน

    หลังจากประสบความสำเร็จชนะใจกรรมการจนคว้ารางวัลเงินลงทุนมูลค่า 60,000 ดอลล่าห์ (ราว 180,000 บาท) จากรายการได้แล้ว หนูน้อยมิเคล่ายังได้เซ็นสัญญากับบริษัทWhole Foodsเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตที่เน้นขายสินค้าธรรมชาติและอาหารออแกนิคสัญญาฉบับนี้มีมูลค่าหลายล้านบาท และน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งBeeSweetของเธอก็จะถูกวางจำหน่ายใน 5 รัฐ คือ เท็กซัส, โอกลาโฮมา, อาร์คันซอ, หลุยซ์เซียน่า และนิวยอร์ก ทำให้มิเคล่ากลายเป็นเศรษฐีนีตัวน้อยๆ ไปเลยทีเดียว

    ข้อมูลจาก www.today.com
    เรื่อง : พิมพ์ภัทร
    ภาพ : Shutterstock

      พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว

      พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวชาวลอนดอน ขอสวัสดิการดูแลเด็ก

      การเลี้ยงลูกคนเดียวในเมืองใหญ่อย่างลอนดอนเป็นภาระหนักที่ทำให้คุณแม่(รวมถึงคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว) หลายคนต้องประสบปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลัง โดยเฉพาะหากจะฝากลูกไว้กับสถานรับเลี้ยงเด็กเพื่อกลับไปทำงานเต็มเวลายิ่งต้องเสียค่าบริการสูงมาก

      ล่าสุดมูลนิธิจิงเจอร์เบรดเพื่อพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวของอังกฤษ ได้นำเสนอประเด็นนี้ต่อผู้สมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองลอนดอน เพื่อให้ภาครัฐช่วยเหลือสวัสดิการด้านการดูแลเด็กสำหรับพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว เนื่องจากอัตราค่าบริการสถานรับเลี้ยงเด็กนั้นสูงจนคุณแม่หลายคนไม่สามารถนำลูกไปฝากเลี้ยงเต็มเวลาได้ และทำให้พวกเธอเสียโอกาสในการหางานประจำ

      มิล่า คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคนหนึ่งจากแอนฟิลด์ให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้าฉันกลับไปทำงานประจำ ฉันจะต้องจ่ายค่าจ้างเลี้ยงลูกเต็มเวลาประมาณ 1,580 ปอนด์ต่อเดือน(ราว79,000 บาท) ตอนนี้ฉันจึงทำงานได้เพียงสัปดาห์ละ 2 วัน และได้ค่าจ้างในอัตรางานพาร์ทไทม์เท่านั้นค่ะ”

      ผลการสำรวจของจิงเจอร์เบรดระบุว่า ในลอนดอนมีครอบครัวเลี้ยงเดียวกว่า 320,000 ครอบครัวที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงิน เพราะกว่าครึ่งของรายได้ต้องหมดไปกับค่าฝากเลี้ยงลูก และพวกเขาก็ต้องอาศัยหยิบยืมเงินจากคนในครอบครัว, เพื่อน หรือกู้เงินเพื่อประคองตัวไปเรื่อยๆ

      ข้อมูลจาก www.theguardian.com

      เรื่อง : พิมพ์ภัทร
      ภาพ : Shutterstock

        ขี้โมโห

        ผลการศึกษาชี้ เด็กเล็กจำได้ว่าใคร ‘ขี้โมโห’

        พ่อแม่อาจคิดว่าเด็กทารกจำอะไรไม่ได้มากนัก แต่ผลวิจัยล่าสุดจากสถาบันเพื่อการเรียนรู้และสมอง มหาวิทยาลัยวอชิงตันชี้ว่า เด็กเล็กสามารถจดจำความโกรธของผู้ใหญ่และจะตัดสินทันทีว่าผู้ใหญ่คนไหนมีแนวโน้มจะเป็นคนโกรธง่าย

        เด็กเข้าใจว่าใคร ขี้โมโห

        ทีมนักวิจัยได้ทำการศึกษาเด็กทารกวัย 15 เดือนหลายร้อยคน โดยศึกษาพฤติกรรมตอบสนองของเด็กเมื่อเห็นผู้ใหญ่ที่ไม่คุ้นเคยทำท่าทางโกรธใส่ผู้ใหญ่คนอื่น พบว่าหลังจากนั้นเด็กๆ จะระมัดระวังตัวและสังเกตลักษณะอาการของผู้ใหญ่ที่เป็นฝ่ายโกรธมากเป็นพิเศษ รวมถึงพยายามไม่ทำตัวเป็นเป้าความโกรธด้วย

        “ถึงแม้จะยังอายุน้อย แต่พวกเด็กๆ ก็เรียนรู้ที่จะปลอดภัยไว้ก่อนแล้วค่ะ”เบตตี้เรปาโชลี หนึ่งในทีมวิจัยกล่าว

        รู้อย่างนี้คุณพ่อคุณแม่และผู้ใหญ่รอบตัวเด็กก็คงต้องระมัดระวังตัวไม่แสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาให้เด็กๆ เห็น ไม่งั้นอาจจะถูกหนูน้อยทั้งหลายตัดสินว่าเป็นคนขี้โมโหจนพานกลัวไปก็ได้

        ข้อมูลจาก www.sciencedaily.com

        เรื่อง : พิมพ์ภัทร
        ภาพ : Shutterstock

          โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง SMA

          โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง SMA โรคทางพันธุกรรม ที่ต้องรู้จัก! ก่อนคิดมีลูก

          ปัจจุบันมีหลายครอบครัวที่คนในบ้านเป็น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง SMA  และต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคให้มากขึ้น ทาง Amarin baby & kids จึงนำข้อมูลจากซูพีเรีย เอ.อาร์.ที. ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากและวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อน เพื่อเป็นข้อมูลให้กับครอบครัวที่มีความเสี่ยงกับโรคนี้

           

          SMA (Spinal Muscular Atrophy) หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ลักษณะอาการทั่วไปจะเริ่มจากการเสื่อมลงของกล้ามเนื้อ สามารถจำแนกผู้ป่วยโรคนี้ได้ 4 ขั้น คือประเภทของโรค ตามช่วงอายุที่เกิดโรค ความรุนแรงของโรค และอาการที่แย่ลงของกล้ามเนื้อ

          สาเหตุของการเกิดโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง SMA

          สาเหตุที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง SMA เกิดจากกล้ามเนื้อมีความผิดปกติในกลุ่มผู้ป่วยเด็ก มีหลายสาเหตุ ทั้งที่เกิดจากพันธุกรรมและไม่ได้เกิดจากพันธุกรรม อีกทั้งยังเกิดกับเด็กเล็กจนถึงเด็กโตช่วงวัยรุ่น เรามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมของสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคดังนี้

          พันธุกรรม โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ที่เกิดจากพันธุกรรมจะมีรูปแบบความผิดปกติและการถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่หลากหลาย โรคพันธุกรรมในเด็ก เมื่อคุณแม่หรือคุณพ่อมียีนที่ผิดปกติลูกก็สามารถเกิดโรคได้ เช่น เกิดจากการถ่ายทอดพันธุกรรมด้อยของพ่อและแม่มาสู่ลูก หรือโรคที่เกิดจากแม่เท่านั้นมาสู่ลูก เป็นต้น

          โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง กรรมพันธุ์
          โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง เมื่อคุณแม่หรือคุณพ่อมียีนที่ผิดปกติลูกก็สามารถเกิดโรค

          การติดเชื้อ พบเจอได้บ้าง อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสโดยตรงหรือหลังการติดเชื้อไวรัส เช่นเดียวกับเวลาผู้ใหญ่ป่วย ไม่สบายเป็นไข้หวัดใหญ่ มักมีอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวอ่อนเพลีย สำหรับเด็กๆ เองภูมิต้านทานโรคต่ำกว่าผู้ใหญ่ พอเชื้อโรคกระจายสู่ร่างกาย จึงเกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อ และอาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง มักเกิดจากการติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจเป็นส่วนใหญ่ หรือระบบทางเดินอาหารก็ได้

          การอักเสบ ตัวเลขการเกิดพบได้ไม่มาก แต่ก็เป็นสาเหตุทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรืออาจพบร่วมกับความผิดปกติอื่นๆ เช่น การอักเสบตามข้อมือ ข้อเข่าจากโรครูมาตอยด์, เกิดการอักเสบที่ไต เช่น ในโรคเอสแอลอี (โรคพุ่มพวง) ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เป็น ที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายไปทำร้ายอวัยวะนั้นๆ

          นอกจากนี้แล้ว โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงยังอาจเกิดจากการใช้ยาหรือสารเคมีบางชนิด แต่พบไม่บ่อยเท่ากับผู้ป่วยในกลุ่มผู้ใหญ่ เนื่องจากการใช้ยาหรือสารเคมีบางชนิด ไม่ควรใช้โดยไม่จำเป็น ที่สำคัญคือ ต้องอยู่ในการดูแลของคุณหมอนั่นเอง

          สำหรับคุณแม่ที่มีลูกน้อยมีพัฒนาการที่ช้ากว่าวัย แล้วสงสัยว่ารู้ของเรากำลังป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง SMA อยู่หรือไม่…สัญญาณเตือนหากลูกน้อยกำลังประสบปัญหากับโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

          อ่านต่อ >> “สัญญาณเตือนหากลูกน้อยกำลังประสบปัญหากับโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง SMA” คลิกหน้า 2

          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

           

            11 ขวบ

            สาวน้อยวัย 11 ขวบ เซ็นสัญญาขายน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งให้บริษัทยักษ์ใหญ่

            หลายคนเริ่มต้นธุรกิจตั้งแต่ยังอายุน้อย แต่จะมีกี่คนที่ประสบความสำเร็จเท่ากับมิเคล่าโอลเมอร์เด็กนักเรียนชั้นประถมวัย 11 ขวบ จากรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา

            หนูน้อยวัย 11 ขวบ ขายน้ำมะนาวสูตรลับของคุณยาย

            มิเคล่าเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ ด้วยการขายน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งสูตรลับของคุณยาย ในชื่อ BeeSweet Lemonade ในงานท้องถิ่นของเมืองออสตินและบริจาครายได้ส่วนหนึ่งเพื่อองค์กรที่ดูแลประชากรผึ้ง แล้วธุรกิจของเธอจะเข้าตาผู้ผลิตรายการ Shark Tankเรียลลิตี้ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเสนอแผนธุรกิจของตนเพื่อขอระดมทุนเพิ่มจากนักลงทุน

            หลังจากประสบความสำเร็จชนะใจกรรมการจนคว้ารางวัลเงินลงทุนมูลค่า 60,000 ดอลล่าห์ (ราว 180,000 บาท) จากรายการได้แล้ว หนูน้อยมิเคล่ายังได้เซ็นสัญญากับบริษัทWhole Foodsเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตที่เน้นขายสินค้าธรรมชาติและอาหารออแกนิคสัญญาฉบับนี้มีมูลค่าหลายล้านบาท และน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งBeeSweetของเธอก็จะถูกวางจำหน่ายใน 5 รัฐ คือ เท็กซัส, โอกลาโฮมา, อาร์คันซอ, หลุยซ์เซียน่า และนิวยอร์ก ทำให้มิเคล่ากลายเป็นเศรษฐีนีตัวน้อยๆ ไปเลยทีเดียว

            ข้อมูลจาก www.today.com

            เรื่อง : พิมพ์ภัทร
            ภาพ : Shutterstock

              Tags

              ลูกติดขวด ติดหวาน ทำให้ฟันผุ

              ฝึกลูก ” เลิกขวดนม ” ง่ายๆ ภายใน 1 ขวบ!! ป้องกันฟันผุ

              เห็นลูกกินนมได้แม่ก็ดีใจ แต่กินจนหลับคาขวดนมบ่อยๆ กินนมจากขวดนมตลอดเวลา รวมถึงชื่นชอบเครื่องดื่มรสหวานแม่ก็กลัวว่าจะทำให้ฟันน้ำนมของลูกที่กำลังขึ้นมีปัญหาในอนาคตอย่างแน่นอน เรามาฝึกให้ลูกเลิกขวดนมภายใน 1 ขวบ  และหันมาฝึกให้ลูกกินนมเป็นเวลา ด้วยการให้หันมากินนมจากแก้ว หรือใช้หลอดดูดดีกว่า การฝึกให้ลูกเลิกขวดนมนั้นอย่าเพิ่งคิดว่าเป็นเรื่องยาก พ่อแม่สามารถฝึกลูกได้ค่ะ 

              ลูกดูดขวดผิดวิธี

              • ลูกเดินถือขวดนมไปทั่ว ดูดคาปากตลอดเวลา  นม 1 ขวดกินทั้งวัน
              • ใช้ขวดนมเป็นเครื่องมือให้ลูกหยุดร้องไห้ เลิกงอแง ฯลฯ
              • ใช้ขวดนมกล่อมลูกให้หลับ ถ้าไม่มีขวดนมหลับเองไม่ได้เลย
              • ให้ลูกดูดขวดต่อเนื่องจนโต 3-4 ขวบก็ยังดูดขวด
              เลิกขวดนม, ติดขวดนม, ฟันผุ
              ฝึกลูกเลิกดูดขวดนมเมื่ออายุครบ 1 ขวบ เพื่อป้องกันฟันผุ

              ขอบคุณภาพประกอบ : theguardian.com

              ลูกดูดขวดถูกวิธี

              • ให้กินเป็นมื้อ หมดมื้อเก็บขวด ไม่ให้ถือติดมือตลอด
              • ใช้ขวดนมเท่าที่จำเป็น เมื่อลูก 1 ขวบเริ่มฝึกลูกหย่าขวดได้เลย

              เริ่มให้ลูกดูดนมจากหลอด

              เมื่อลูกอายุได้ 5 – 8 เดือน เขาสามารถนั่งเองได้แล้ว ฝึกให้ลูกดื่มน้ำจากแก้วหรือใช้หลอดได้ คุณหมอจากเพจฟันน้ำนม แนะนำว่าการฝึกลูกดูดนมจากหลอดง่ายกว่าฝึกดื่มจากแก้ว เริ่มจาก…

              1. ป้อนจากหลอด โดยปล่อยน้ำผ่านหลอดเข้าปากเขาเลย

              2. พอลูกเคยชินค่อยๆ เลื่อนหลอดลงมาต่ำ ใช้มือปิดปลายหลอดเพื่อให้เขาออกแรงดูด

              3. ฝึกไปเรื่อยๆ จนลูกสามารถดูดหลอดได้เอง ทีนี้ก็ให้เขาถือขวดที่มีหลอดนั่งดูดนมดูดน้ำเองได้เลย

              4. ช่วงแรกที่ฝึกดูดหลอด อาจมีสำลักบ้างให้พักไว้ก่อนแล้วลองใหม่ หรือเปลี่ยนขนาดหลอดให้เล็กลง (เช่น หลอดยาคูลท์)ทำไปเรื่อยๆ 2-3 สัปดาห์ก็ดูดได้แล้ว

              นอกจากนี้ปัญหาที่ทำให้ลุกฟันผุได้ง่ายที่มาพร้อมกับการติดขวด คือ เครื่องดื่มรสหวาน  เช่น นมหวาน นมช็อคโกแลต นมโกโก้ นมเปรี้ยว นมถั่วเหลืองรสหวาน นมน้ำผึ้ง น้ำอัดลม น้ำผลไม้บรรจุขวด ฯลฯ บางครั้งพ่อแม่ใส่เครื่องดื่มรสหวานให้ลูกกินในขวดเลย ทำให้เด็กมีปัญหาฟันผุลุกลาม ซึ่งเครื่องดื่มเหล่านี้ที่ขายทั่วไปมีส่วนผสมของน้ำตาลปริมาณมาก หากต้องการให้ลูกดื่ม ควรให้ดื่มแต่น้อยพอชื่นใจ และหมดในมื้อเดียวค่ะ การใส่ขวดให้ลูกดื่ม หรือปล่อยให้นอนหลับคาขวดทั้งคืนเสี่ยงฟันผุมากๆ ค่ะ

              ดูดขวดนมค้าง, เครื่องดื่มรสหวาน, ฟันผุ
              ดูดขวดนมใส่นมถั่วเหลืองรสหวานค้างไว้ทั้งคืน ทำให้ฟันผุ : ขอบคุณเรื่องและรูปภาพจากเพจฟันน้ำนม และ ทพญ.วราภา เหรียญพิทักษ์กุล

              การป้องกันฟันผุจากขวดนม ทุกครั้งหลังจากที่ให้นมเด็กเสร็จแล้ว ใช้ผ้า หรือผ้าก็อซที่สะอาดชุบน้ำหมาดๆ เช็ดบริเวณเหงือก เพดาน และกระพุ้งแก้มของเด็กให้ทั่วทั้งปาก เมื่อเด็กฟันขึ้นเริ่มแปรงฟันให้เด็กทันทีที่ฟันน้ำนมซี่แรกขึ้นมาด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์  โดยใช้ยาสีฟันในปริมาณเล็กน้อย แตะปลายขนแปรงพอชื้นเท่านั้น ร่วมกับการทำความสะอาดและนวดเหงือกให้เด็กในบริเวณที่ฟันยังไม่ขึ้น เริ่มใช้ไหมขัดฟันให้เด็ก

              เมื่อเด็กมีฟันน้ำนมขึ้นครบทั้ง 20 ซี่แล้ว ไม่ให้เด็กหลับในขณะที่ยังมีขวดนม หรือขวดน้ำผลไม้ หรือน้ำหวานอื่นๆ อยู่ในปาก ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องให้เด็กดูดขวดนมในระหว่างมื้อนม ให้ใส่น้ำเปล่าลงในขวดให้เด็กใช้ดูดแทน ไม่ควรใส่ของเหลวที่มีรสหวานลงในขวดนม หลีกเลี่ยงการใช้ขวดนมไปบรรจุของเหลวที่มีน้ำตาล หรือเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่นม ให้เด็กเล็กเลิกกินนมขวด เมื่อมีอายุ 1 ปี และให้เด็กดื่มนมจากแก้ว  ปรึกษาทันตแพทย์ถึงวิธีการใช้ฟลูออไรด์ที่เหมาะสมในการป้องกันฟันผุ โดยพาเด็กไปพบทันตแพทย์เมื่อเด็กมีอายุครบ 1 ปี แต่ถ้าคิดว่าเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับฟันหรือช่องปาก ให้รีบพาเด็กไปพบทันตแพทย์ให้เร็วที่สุด

              ถ้าเด็กสูญเสียฟันน้ำนมไปก่อนเวลาอันควร ฟันน้ำนมซี่อื่นที่อยู่ข้างๆ ช่องว่างที่ถูกถอนก็จะเคลื่อนที่เข้ามาสู่ช่องว่างนั้น เป็นผลให้ฟันแท้ที่จะขึ้นมามีเนื้อที่ไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กมีฟันเกเมื่อโตขึ้น


              เครดิต :  เพจฟันน้ำนม , anamai.moph.go.th

                น้ำอัดลมอันตราย

                น้ำอัดลมอันตราย ทำร้ายกระเพาะและลำไส้ลูกน้อย

                จากประสบการณ์คุณแม่ที่พาลูกน้อยไปเที่ยว แล้วคุณย่าก็ให้ดื่มน้ำอัดลม (Soft drink) จนเกือบหมดขวด ระหว่างที่คุณแม่เดินแยกออกไปซื้อของ กลับมาพบลูกดื่มน้ำอัดลมจึงรีบดึงออก ลูกน้อยก็ร้องไห้ ดิ้นไปมา หลังจากนั้น 3 วันต่อมา คุณแม่ให้ลูกดื่มนม 6 ออนซ์ แล้วเกิดอาเจียน น้ำอัดลมอันตราย

                Continue reading “น้ำอัดลมอันตราย ทำร้ายกระเพาะและลำไส้ลูกน้อย”

                  อยู่กับเพื่อน 4 ขาอย่างไร ให้ปลอดภัยกับลูกวัยซน

                  เราจะเลี้ยงสุนัขร่วมกันกับเด็กได้ไหม? เลี้ยงสุนัขในบ้านที่มีเด็กจะทำให้เด็กป่วยได้หรือเปล่า?…เป็นคำถามที่หลาย ๆ คนมักสงสัยกันว่า หากในบ้านของเรามีเด็กทารกหรือเด็กเล็กนั้นจะสามารถเลี้ยงให้อยู่ร่วมกันภายในบ้านได้หรือไม่ แล้วสุนัขจะแพร่เชื้อโรคให้เด็กป่วยได้ไหม… ซึ่งขอตอบเลยค่ะว่า เราสามารถเลี้ยงสุนัขให้อยู่ร่วมกันกับเด็กได้ เพียงแต่เราจะต้องดูแลทั้งเด็กและสุนัขให้สะอาดอยู่ตลอดเวลาเพื่อสุขอนามัยที่ดี ควรให้อยู่ในสายตาอย่างใกล้ชิด และจัดเตรียมโซนพื้นที่ต่างๆในบ้านให้เหมาะสม ก็สามารถให้เพื่อน 4 ขาอาศัยอยู่ร่วมกับลูกน้อยในบ้านหลังเดียวกันได้แล้ว

                  เลี้ยงสุนัขร่วมกันกับเด็กได้ไหม
                  ดูแลทั้งเด็กและสุนัขให้สะอาดอยู่ตลอดเวลา เพื่อสุขอนามัยที่ดี

                  การเลี้ยงสัตว์ในบ้านกับลูกวัยซน

                  ลูกน้อยวัยซนคือเด็กที่อยู่ในช่วงอายุ 6 ปีขึ้นไป ซึ่งวัยนี้จะมีทักษะทางสังคมเพิ่มมากขึ้น เป็นวัยที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน มีความสุขกับการได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ชอบเล่นโลดโผน ชอบการมีส่วนร่วม มีเหตุผล รู้จักการปฏิเสธและยอมรับ ฉะนั้นจึงควรหากิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เด็กๆและสุนัขทำร่วมกัน เช่น

                  • กิจกรรมต่าง ๆ ที่เด็กและสุนัขทำร่วมกัน
                    การให้ลูกมีส่วนร่วมในการดูแลสุนัข เพื่อปลูกฝังการรู้จักการให้ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับสัตว์

                    ให้ลูกได้มีส่วนร่วมที่จะได้ดูแลสุนัข อาจจะให้ลูกช่วยเตรียมอุปกรณ์ในการอาบน้ำให้สุนัข ช่วยเช็ดตัวสุนัขเมื่ออาบน้ำเสร็จ ช่วยเตรียมอาหารให้สุนัข (จะต้องมีผู้ใหญ่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด) ก็เพื่อปลูกฝังให้ลูกรู้จักการให้ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับสัตว์ พร้อมกับบอกให้ลูกรับรู้ว่า สุนัขคือส่วนหนึ่งของสมาชิกในครอบครัว

                  • กิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เด็กๆและสุนัขทำร่วมกัน
                    เพิ่มความสนุกสนานด้วยการให้เด็กเล่นโยนลูกบอลกับสุนัข

                    นำของเล่นหรือลูกบอลหลากสีให้ลูกน้อยได้โยนให้สุนัขคาบเล่น และเมื่อสุนัขคาบของเล่นกลับมาให้ ก็สอนให้ลูกน้อยมอบขนมเพื่อเป็นรางวัลกับสุนัข พร้อมกับให้ลูกน้อยลูบหัวลูบตัวสุนัข และพูดชื่นชมสุนัขว่า “ทำดีแล้ว” “เก่งมาก”

                  กิจกรรมต่าง ๆ ที่เด็กและสุนัขสามารถทำร่วมกัน
                  การพาสุนัขไปเดินเที่ยว จะทำให้เด็กได้พบปะผู้คน ซึ่งจะช่วยฝึกการเข้าสังคม

                  l_7

                  • พาเที่ยววิ่งเล่นท่ามกลางธรรมชาติ เช่น ช่วงวันหยุดยาวอาจพาลูกน้อยและน้องหมาของคุณไปเที่ยววิ่งเล่นตามชายหาดริมทะเล ลองหาที่พักดีๆ อย่าง บ้านแสนคราม หัวหิน หนึ่งในโครงการของแสนสิริ  ที่อนุญาตให้คุณนำสุนัขแสนรักมาพักผ่อนด้วยได้
                  • bgl_2พาไปเดินเที่ยวตามสวนสาธารณะ ก็จะทำให้เด็กได้พบปะผู้คนซึ่งจะช่วยฝึกการเข้าสังคม สร้างการรับรู้ที่ดีให้กับเด็กซึ่งการทำแบบนี้นอกจากจะช่วยให้ลูกน้อยสนุกเพลิดเพลินกับการเล่น มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ยังช่วยพัฒนาการระบบประสาทการรับรู้เป็นลำดับขั้น รู้จักเหตุและผลของการกระทำ การจดจำสี ซึ่งจะทำให้ลูกน้อยมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีในอนาคตค่ะ

                    หลายครอบครัวสามารถเลี้ยงลูกโดยมีสัตว์เลี้ยงอยู่ร่วมชายคาได้อย่างมีความสุข อันที่จริงสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่มักสามารถปรับตัวเข้ากับสมาชิกตัวน้อยได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว สัตว์เลี้ยงของคุณจะกลายเป็นเพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของลูก และความสัมพันธ์นี้จะช่วยปลูกฝังนิสัยรักสัตว์ให้กับเด็กอีกด้วย


                  ขอบคุณภาพจาก : บ้านแสนคราม สนใจโทร 1685 หรือ www.sansiri.com

                    อาหารแม่ท้องและให้นมลูก กินอย่างไร? ไม่ให้ลูกแพ้อาหาร

                    หากต้องการ “ไม่ให้ลูกแพ้อาหาร” เริ่มได้ที่ “คุณแม่” แล้วแม่ๆ อย่างเราควรกินอะไรบ้าง? มาดู อาหารแม่ท้องและให้นมลูก กันค่ะ

                    Continue reading “อาหารแม่ท้องและให้นมลูก กินอย่างไร? ไม่ให้ลูกแพ้อาหาร”

                      เลือกนมแบบไหนดี เลือกนมให้ลูก โภชนาการเด็ก

                      เลือกนมดี เสริมลูกเตาะแตะเติบโตเต็มวัย

                      “สำหรับเด็กแรกเกิดนมเป็นอาหารหลัก  แต่สำหรับวัยเตาะแตะตั้งแต่ 1-3 ปี นั้นนมเป็นเพียงอาหารเสริม  ซึ่งเพิ่มเติมจากอาหารมื้อหลักหรืออาหารครอบครัวทั่วไปที่รสไม่จัด  ฉะนั้นเด็กยังต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่  แล้วจึงดื่มนมเพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซียม  โปรตีน  ไขมันและสารอาหารที่จำเป็นอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น”

                      Continue reading “เลือกนมดี เสริมลูกเตาะแตะเติบโตเต็มวัย”

                        คลิปสุดน่ารัก ^_^ พ่อเต้นโคฟเวอร์เพลงเกาหลีกับลูกสาว เป๊ะเว่อร์!

                        เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อคุณพ่อได้ควงลูกสาวมาเต้นโคฟเวอร์เพลงเกาหลี Roly Poly ของเกิร์ลกรุ๊ป T-ara กำลังได้รับความสนใจจากชาวเน็ตไม่ใช่น้อย และเพราะพ่อลูกคู่นี้เต้นได้เป๊ะสุด ๆ แบบอินเนอร์มาเต็ม !

                        ซึ่งความน่าสนใจของคลิปนี้ ไม่ได้อยู่แค่ท่าทางลีลาการเต้นเท่านั้นนะ ก็เพราะว่า….คุณพ่อของลูกสาวคนสวย เล่นเต้นในชุดทำงานแบบผูกเนคไทเต็มยศ โชว์ลีลาโยกย้ายส่ายสะโพก บางท่าโยกแรงกว่าลูกสาวซะอีกนะ แถมยังมีลูกชายคนเล็กที่มาคอยป่วนอยู่หน้ากล้องตลอด ช่วยสร้างสีสันได้ไม่น้อย…ว่าแล้วไปชมคลิปน่ารัก ๆ กับลีลาอันสุดพริ้วของ 2 พ่อลูกกันเลยจ้า


                        ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก Praneeya

                          ฝึกลูกพูด

                          12 วิธี สำหรับพ่อแม่สอนลูก “ฝึกพูด”

                          ฝึกลูกพูด …เป็นที่ทราบกันดีว่า หากพ่อแม่อยากกระตุ้นพัฒนาการลูก โดยเฉพาะเรื่องภาษานั้น ควรเริ่มต้นเมื่อรู้ว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ในช่วงแรกๆ ซึ่งวัยที่สำคัญที่สุดของเด็กทุกคนที่จะสามารถกระตุ้นพัฒนาการต่างๆได้ คือ 3 ปีแรก เรียกได้ว่าเป็นยุคทองที่มีผลที่สุดสำหรับเด็กๆ

                          เมื่อใดเด็กจึงจะเริ่มพูด

                           

                          การพัฒนาการทางด้านภาษาของเด็ก ก็จะเริ่มตั้งแต่แรกเกิด ตั้งแต่เด็กส่งเสียงร้องไห้ ประมาณ 2-3 เดือน ก็จะเริ่มส่งเสียงอ้อแอ้ ก็จะเหมือนจะเป็นการพูดคุยกับคุณแม่ ก็จะพัฒนาเรื่อยมาจนประมาณ 5-6 เดือน เด็กก็จะเริ่มเล่นน้ำลายเป่าปาก ส่งเสียงจากลำคอ ในที่สุดก็จะพัฒนามาเป็นคำพูดที่มีความหมาย โดยมากก็จะเริ่มตั้งแต่ประมาณ 10 เดือน – 15 เดือน หรือเฉลี่ยประมาณ 1 ขวบ ก็จะพูดเป็นคำที่มีความหมายซึ่งเด็กจะได้รับการกระตุ้นให้พูดหรือเปิดโอกาสไม่มีการเรียนรู้ภาษาจากพ่อแม่ ในที่สุดคำศัพท์ก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ประมาณ 2 ขวบ ก็จะเริ่มพูดคำที่มีความหมาย 2 คำ ติดกัน เป็นวลีสั้น ๆ “ไปไหน ไม่เอา” แล้วก็จะเริ่มขึ้นเป็นประโยคยาว ๆ ได้ประมาณ 3-4 ขวบ

                          เทคนิค ฝึกลูกพูด
                          เทคนิค ฝึกลูกพูด

                          เพราะพัฒนาการทางภาษาของเด็กไม่สามารถเกิดขึ้นได้เอง แต่จะต้องเกิดจากการปฏิสัมพันธ์กัน สิ่งแรก คือ มีความพร้อมทางด้านสมอง มีความพร้อมทางด้านการได้ยิน เรื่องของอวัยวะในปาก ที่จะเปล่งเสียงได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ โอกาสที่เด็กจะได้ยินคำพูดของผู้ใหญ่แล้วเปล่งเสียงตาม ถ้าไม่มีเด็กก็จะไม่สามารถพูดได้ เช่น ถ้าพ่อแม่มีเวลาพูดคุยกับลูกเป็นประจำ ลูกก็จะพูดได้เร็ว แต่ถ้าผู้ใหญ่พูดคุยกันเอง แต่ไม่ได้พูดกับเด็ก ก็จะไม่ได้ช่วยพัฒนาการทางด้านภาษาแต่อย่างไร

                          Must read14 วิธีทดสอบพัฒนาการลูก 1 เดือน – 5 ปี ว่าตรงตามวัยหรือไม่?

                          ทั้งนี้ จากผลสำรวจพบว่า อายุเฉลี่ยของเด็กที่จะพูดคำแรกถึงคำที่สิบนั้น จะอยู่ในช่วง 11 เดือนแรก ซึ่ง 1 ใน 6 ของพ่อแม่ทั้งหมดเผยว่า ลูกของเขามีปัญหาในเรื่องการพูดและ 4 % เผยว่า ลูกของพวกเขาไม่พูดเลย แม้จะอายุเลยมาถึง 3 ขวบแล้วและเมื่อผลสำรวจทราบถึงปัญหาหนึ่งที่พ่อแม่ส่วนใหญ่พบเกี่ยวกับลูกในเรื่องการพูดมากพอสมควร ทางทีมงานจึงหาวิธีแก้ปัญหา

                          โดย แคร์ เกลดาร์ด กรรมการมูลนิธิเพื่อการสื่อสารสำหรับเด็กแนะว่า ประการแรกที่พ่อแม่ควรตระหนักคืออย่าหวาดกลัวและวิตกกังวลในสิ่งที่พยายามทำให้ลูก และอีกประการหนึ่งคือ พัฒนาการของเด็กแต่ละคนนั้นต่างกันอยู่แล้ว ดังนั้นอย่าเปรียบเทียบระหว่างลูกของเรากับเด็กคนอื่น ทั้งนี้ 12 วิธีง่ายๆที่พ่อแม่สามารถกระตุ้นพัฒนาการการพูดของลูกมีดังต่อไปนี้

                           12 วิธีง่ายๆ ฝึกลูกพูด พ่อแม่สามารถทำได้ช่วงวัย 3 ปีแรก

                          1. คุยกับลูกตั้งแต่อยู่ในท้อง

                          นับตั้งแต่วินาทีที่คุณทราบว่า คุณกำลังจะเป็นพ่อและแม่นั้น นอกเหนือจากการดูแลเอาใจใส่ร่างกายและจิตใจของแม่แล้ว ทั้งสองคนควรจะใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด โดยการพูดคุยกับลูก แม้เขาจะยังอยู่ในท้องก็ตาม

                          ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีพ่อแม่ส่วนใหญ่เข้าใจผิดมาโดยตลอดว่า ช่วงที่ลูกยังเป็นทารกนั้นเขาคงไม่สามารถรับรู้ในสิ่งที่เราพูดหรือคุยกับเขาได้ แต่แท้ที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพลงที่ฟัง เสียงที่พ่อแม่คุยกับเขานั้น ลูกที่อยู่ในครรภ์สามารถรับรู้และรู้สึกอยู่เสมอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้นี่เองที่จะเป็นแรงกระตุ้นพัฒนาการของลูกน้อย โดยเราสามารถรับรู้ได้จากการดิ้นของลูกนั่นเอง

                          Must readสร้างอัจฉริยะให้ลูก ด้วยการคุยกับลูกในครรภ์

                          2. สนุกกับการสอน

                          ลูกจะสนุกกับการเรียนรู้และสนใจสิ่งรอบข้าง ถ้าพ่อแม่สอนลูกด้วยความสนุกในการฝึกพูด ซึ่งพ่อแม่ต้องทราบก่อนว่า เด็กเล็กนั้นมักชอบเสียงและจังหวะดนตรี ของเล่นที่มีการเล่นเสียงสูงต่ำจะเป็นที่สนใจของพวกเขามาก รวมไปถึงเสียงของสัตว์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นสุนัข แมว นก ฯลฯ ดังนั้นพ่อแม่สามารถให้สิ่งเหล่านี้เป็นอุปกรณ์เสริมในการกระตุ้นพัฒนาการของลูกได้เป็นอย่างดี

                          3. เรียนรู้ไปด้วยกัน

                          ในแต่ละวัน พ่อแม่ควรให้ลูกเรียนรู้ภาษาในชีวิตประจำวันไปด้วยกัน โดยการสอนคำง่ายเช่น อาบน้ำ ทานข้าว น้ำ กินนม และชื่อของสิ่งของไม่ว่าจะเป็น โต๊ะ เก้าอี้ รองเท้า เป็นต้น

                          4. ส่งสายตา

                          ภาษาที่ดีและได้ผลนั้น พ่อแม่ควรใช้ภาษาทางสายตา เวลาพูดกับลูกด้วย เพราะจะช่วยให้ลูกเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการสื่อสารมากขึ้น

                          Must read : วิธีการเลี้ยงลูกอย่างชาญฉลาด ของ ‘เจ้าชายวิลเลียม’ ดยุกแห่งเคมบริดจ์ (อังกฤษ)

                          อ่านต่อ >> “เทคนิคสอนลูกฝึกพูดช่วงวัย 3 ปีแรก” คลิกหน้า 2

                          เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                           

                            อาการเจ็บป่วยของลูกน้อย

                            อาการเจ็บป่วยของลูกน้อย ที่ไม่ควรมองข้าม

                            อาการเจ็บป่วยของลูกน้อย …สำหรับลูกในช่วงทารกเป็นสิ่งที่คุณพ่อและแม่จะต้องให้การดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากสภาพร่างกายของเด็กยังเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ เช่นเดียวกันกับระบบอวัยวะภายในที่ยังไม่พร้อมสำหรับการทำงานหนัก ระบบภูมิคุ้มกันอันเป็นกำแพงป้องกันเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ยังถือว่ายู่ในระดับที่อ่อนแอเมื่อเทียบกับวัยผู้ใหญ่

                            อาการป่วยของทารก
                            อาการป่วยของทารกที่ไม่ควรมองข้าม

                            อาการเจ็บป่วยจึงเป็นประสบการณ์ที่คุณพ่อและแม่มือใหม่จะได้ประสบกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งบางรายอาจจะเป็นเพียงอาการเล็กๆ น้อยๆ แต่ในบางคนอาจจะมีความผิดปกติรุนแรงจนเข้าไปกระทบต่อระบบการเจริญเติบโตของพวกเขาได้เช่นกัน ดังนั้นการดูแลเอาใจใส่และคอยสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดจะช่วยให้ลูกน้อยปลอดภัยและสามารถรักษาได้ทันการ

                            9 อาการเจ็บป่วยของลูกน้อย

                            ไม่ว่าอาการนี้จะเกิดขึ้นกับเด็กเล็กหรือเด็กโต คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้จักสังเกตว่าผิดปกติหรือไม่อาการเจ็บป่วยของลูกน้อยแบบไหนต้องพาลูกไปหาหมอทันที มาดูอาการที่อันตราย และต้องรีบพาส่งโรงพยาบาลกันค่ะ

                            1. ตัวร้อน เกิน 38.5 องศาเซลเซียส

                            ถ้าลูกมีไข้ต่ำๆ ให้กินยาลดไข้ หรือเช็ดตัว ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อบรรเทาอาการได้ แต่ถ้าลูกเริ่มมีไข้สูง กินอาหารไม่ได้ ตัวร้อนข้ามวันทำอย่างไรไข้ก็ไม่ลดลงต้องพาส่งโรงพยาบาล เพื่อตรวจสอบอาการไข้หวัดใหญ่และอาการไข้เลือดออกทันทีค่ะ

                            เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

                             

                            2. อาการปวดแบบรุนแรง

                            เช่น ปวดท้อง ปวดหัว ถ้ามีอาการปวดท้อง จะมีอาการปวดจนตัวงอ มือกำแน่น เท้าจิกลง ไม่กินอาหาร ถ่ายผิดปกติ ต้องรีบพาพบแพทย์ เพราะอาจเกิดอาการลำไส้อักเสบ หรือเป็นไส้ติ่งอักเสบได้ แต่ถ้ามีอาการปวดหัว สังเกตอาการจาก ซึมลง ไม่แจ่มใส กินอาหารไม่ได้ พูดไม่ชัด เดินไม่ปกติ อาการแบบนี้อาจรุนแรงถึงขั้นเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ค่ะ

                            3. อาเจียน

                            ถ้าลูกมีอาการอาเจียนบ่อยและมากขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้ขาดน้ำได้ หัวใจจะเต้นเร็วและมีอาการความดันต่ำ อาจทำให้ไตวาย ซึ่งอันตรายมาก และถ้าลูกมีอาการร่วมกับอาเจียนอื่นๆ เช่น ปวดหัว ชัก ไข้สูง อาการแบบนี้ลูกอาจเป็นอาการของการติดเชื้อในสมอง หรือ เยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ค่ะ

                            อ่านต่อ “อาการเจ็บป่วยของลูกน้อยที่พ่อแม่ต้องพาส่งโรงพยาบาลทันที” คลิกหน้า 2

                              ลูกท้องอืด ลูกท้องเฟ้อ อุ้มไล่ลม

                              เบบี๋ท้องอืดทำอย่างไรดี?

                              ลูกท้องอืด เป็นอาการที่เป็นกันบ่อย ตั้งแต่เด็กทารกแรกเกิดจนถึงเด็กโต สาเหตุที่ทารกมีอาการท้องอืดบ่อยๆ เนื่องจากระบบย่อยอาหารของทารกยังทำงานได้ไม่ดีพอ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรดูแลสุขภาพของลูกน้อยและหมั่นสังเกตอาการเมื่อ ลูกท้องอืด

                              ลูกท้องอืด มีอาการดังนี้

                              1. ปวดท้อง เหมือนมีลมอยู่ในท้อง
                              2. ร้องไห้งอแง
                              3. ไม่ยอมนอน เคาะท้องแล้วได้ยินเสียงเหมือนมีลมอยู่
                              4. มือเท้างอ เหมือนอาการปวดท้อง ท้องแข็ง

                              ลูกท้องอืด เพราะอะไร?

                              1. ระบบย่อยอาหารของลูกยังทำงานไม่สมบูรณ์
                              2. ลูกดูดนมนานจนเกินไป
                              3. มีลมเข้าท้องตอนที่ลูกดูดนมจากขวด
                              4. หลังจากที่ลูกกินนมแล้ว คุณแม่ไม่ได้จับให้ลูกเรอ เพื่อขับลม

                              อ่านต่อ “ป้องกันไม่ให้ลูกท้องอืด ทำได้ไม่ยาก” คลิกหน้า 2

                                ยาใส่แผล

                                ยาใส่แผล ใช้อย่างไรให้ปลอดภัยกับลูกน้อย

                                แผลเกิดจากการบาดเจ็บของผิวหนัง หรืออวัยวะภายในร่างกาย มีทั้งแผลเปิดซึ่งสามารถมองเห็นได้ เช่น แผลจากของมีคม หรือแผลถลอก ส่วนแผลที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าคือแผลที่ผิวหนังถูกกระแทก ฟกช้ำ แม่น้องเล็กมี ยาใส่แผล 5 ชนิดมาแนะนำ และยาชนิดไหนใช้กับแผลอะไรบ้างค่ะ

                                Continue reading “ยาใส่แผล ใช้อย่างไรให้ปลอดภัยกับลูกน้อย”

                                  ลูกเป็นภูมิแพ้

                                  Allergy วิธีเช็ก ลูกเป็นภูมิแพ้ หรือแค่หวัดธรรมดา

                                  ลูกเป็นภูมิแพ้ หรือเป็นหวัด จะแยกได้อย่างไร?

                                  ในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย คุณพ่อคุณแม่จะเห็นว่าลูกมีอาการป่วยอยู่บ่อยๆ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล และจามบ่อยๆ อาจจะคิดว่าเป็นแค่หวัดธรรมดา แต่บางครั้งอาจจะเป็นอาการของภูมิแพ้ (Allergy) เพราะอาการใกล้เคียงกันมาก จะสังเกตได้อย่างไรว่าเขาเป็นภูมิแพ้หรือแค่หวัด? ลองมาดูกันค่ะ

                                  อาการของไข้หวัด

                                  Allergy
                                  ลูกเป็นภูมิแพ้ เป็นหวัดบ่อย

                                  เครดิตภาพ: chicagoparent.com

                                  เกิดจากการติดเชื้อ อาจเป็นเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย มีอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อย ประมาณ 2 วันจึงเริ่มจาม และคัดจมูก เจ็บคอตลอดเวลา ตัวร้อน มีไข้ต่ำๆ จนถึงสูง จามไม่มาก มีน้ำมูกเหนียวข้น ตาปกติ

                                  วิธีการรักษาคือ พักผ่อนมากๆ ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ช่วยละลายน้ำมูก และเสมหะไม่ให้เหนียวข้น ทานยาแก้ไข้หวัดเพื่อลดอาการ จนหายเป็นปกติ

                                  อ่านต่อ “อาการของภูมิแพ้ เป็นอย่างไร” หน้า 2

                                    บล็อกหลัง หรือ ดมยาสลบ

                                    ผ่าคลอด ดมยาสลบหรือบล็อกหลังดี?

                                    คุณพ่อ คุณแม่หลายท่านอาจเกิดความสงสัย ถ้าเราจะผ่าคลอด (Caesarean Sections) เราควรจะเลือกวิธี ดมยาสลบ หรือบล็อกหลังดี หรือให้คุณหมอเป็นคนตัดสินใจ จากประสบการณ์ของคุณพ่อ คุณแม่หลายท่าน ก็มีคำแนะนำกันมาว่าใช้วิธีบล็อกหลัง เพราะจะได้เจอหน้าลูกทันทีเมื่อคุณหมอทำการผ่าคลอดเสร็จ

                                    Continue reading “ผ่าคลอด ดมยาสลบหรือบล็อกหลังดี?”