ผมบางของคุณแม่ รับมือด้วย Premium Hair Booster

event

นอกจากการมอบประสบการณ์การปลูกผมแสนพิเศษที่เต็มไปด้วยความใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่วันแรกที่คนไข้ก้าวเข้ามาปรึกษาปัญหากับแพทย์ผู้ชำนาญการ จนถึงวันที่แพทย์ลงมือทำหัตถการปลูกผมให้ด้วยตนเองแบบเส้นต่อเส้น และดูแลต่อเนื่องหลังปลูกผมไปอีกตลอด 1 ปีเต็ม

คุณหมอนิน พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม นามนินคลินิก  และอาจารย์พิเศษ หลักสูตรปริญญาโท วิชา Hair Transplantation  สาขาวิชาเวชศาสตร์ความงาม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้คิดค้นการบริการบำรุงผมแบบใหม่ ที่ใช้ชื่อว่า Premium Hair Booster ซึ่งที่มาของความ Premium นั้นก็คือการที่คุณหมอนินเป็นผู้พัฒนาสูตรนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อเป็นตัวช่วยระดับท็อปในการ Boost ผมให้กลับมาแข็งแรงสุขภาพดีได้อีกครั้ง

Premium Hair Booster เหมาะสำหรับใคร

โปรแกรมบำรุงผมขั้นสุด Premium Hair Booster ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนรักเส้นผมทุกคนที่ต้องการฟื้นฟูดูแลผม ผมร่วง ผมบาง ผมบางผู้หญิงให้กลับมาสุขภาพดีจากภายใน และยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมร่วงและผมบางในระยะเริ่มต้น ไม่ว่าจะเกิดจากกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการใช้สารเคมีในการแต่งผม

 

โดยยังไม่จำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมใหม่ ก็สามารถรับบริการ Premium Hair Booster เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผมที่คุณรักได้ รวมถึงผู้ที่เข้ารับการปลูกผมมาแล้ว ก็ยังช่วยเสริมความแข็งแรงและความหนาแน่นของเส้นผมขึ้นไปอีกระดับ สามารถพิสูจน์พลังบำรุงของ Premium Hair Booster ได้เช่นกัน

ปลอดภัย ใช้ชีวิตได้ปกติ

Premium Hair Booster มีความปลอดภัยและให้ความสะดวกสบายสูงสุดระดับ Premium ด้วยเช่นกัน เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะ เพื่อตรงเข้าซ่อมแซมรากผมที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างรากผมใหม่ โดยไม่มีอาการเจ็บ ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ หลังรับบริการใช้ชีวิตได้ปกติ

รู้สึกดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก

Premium Hair Booster จะทำงานโดยการส่งอนุภาคขนาดเล็กเข้าไปช่วยเสริมสร้างและยับยั้งกลไกการอักเสบต่าง ๆ  รวมถึงชะลอความเสื่อม ดูแลรากผมให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ดังนี้

  • อาการผมร่วงเริ่มลดลง
  • รากผมเริ่มกลับมางอกใหม่ทำให้เส้นผมอ่อนเริ่มขึ้นมา
  • เส้นผมจะมีขนาดใหญ่ขึ้นและเพิ่มความหนาแน่นขึ้น
  • เส้นผมที่ดูอ่อนแอขาดการบำรุงเริ่มแข็งแรงดกดำเงางามสุขภาพดี

 

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น แนะนำควรรับบริการ อย่างน้อย 3 ครั้ง

Premium Hair Booster นำเทคโนโลยีการบำรุงดูแลเส้นผมใหม่ล่าสุดด้วยสูตรเฉพาะของนามนิน และพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นทรีทเม้นท์ฟื้นฟูผมสุขภาพดีจากภายใน ด้วยความใส่ใจของคุณหมอนิน … คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การฟื้นบำรุงเส้นผมที่แตกต่างจนคุณรู้สึกได้ และหาไม่ได้จากที่ไหนอย่างแน่นอน…

สามารถเข้ามาปรึกษาและให้แพทย์นามนินวินิจฉัยและออกแบบแนวทางการรักษาได้เพื่อให้ตอบโจทย์คนรักเส้นผมเช่นคุณได้มากที่สุด

 

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/namninclinic
ปรึกษาและนัดหมายที่  Line @namninclinic
หรือ โทร. 093-093-5639

หมอเผย! เทรนด์คนรุ่นใหม่ เน้นสร้างประชากรคุณภาพ ลดภาระ เพิ่มโอกาสให้สังคม มุ่งใช้เทคโนโลยีตัวช่วย

event

หมอภัทรชี้! เทรนด์พ่อแม่มือใหม่เน้นใช้เทคโนโลยีตอบโจทย์การมีบุตร หวังสร้างลูกแข็งแรงสมบูรณ์ สร้างประชากรคุณภาพ พร้อมชวนคนรุ่นใหม่วางแผนและให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพก่อนมีบุตร ลดความเสี่ยงจากโรคทางพันธุกรรม

รศ. นพ.ภัทรภูมิ โพธิ์พงษ์ สูตินรีแพทย์ด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์และการรักษาภาวะผู้มีบุตรยาก ได้เปิดเผยข้อมูลในงาน “โรงพยาบาลนครธน อยู่เคียงข้างทุกช่วงเวลาของชีวิต” กับช่วงกิจกรรมเสวนาในหัวข้อ “เทคโนโลยีเติมเต็มความสมบูรณ์ของครอบครัว” ว่า ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะเรื่องของจำนวนประชากรที่ลดลง ซึ่งเป็นปัญหาระดับโลก ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของจำนวนประชากรในแต่ละช่วงวัยจึงเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่โลกต้องเผชิญเรื่องของสังคมผ้สูงอายุ

ดังนั้นการเพิ่มจำนวนประชากรจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและมีความท้าทาย รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจึงพยายามในการวางแนวทางกลยุทธ์ต่าง ๆ ในการกระตุ้นหรือสร้างความตระหนักในการร่วมกันเพิ่มจำนวนประชากรให้มากขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องมีการวางแผนตั้งแต่เริ่มต้น โดยเริ่มตั้งแต่สถาบันครอบครัวไปจนถึงระดับชาติในการร่วมวางยุทธศาสตร์ต่าง ๆ เพื่อเป็นการอำนวยประโยชน์และสร้างความสามารถในการมีบุตรที่มีคุณภาพให้เกิดขึ้นสังคม มากกว่าการเพิ่มแต่เพียงจำนวนเท่านั้น

ซึ่งในทางการแพทย์คุณภาพหมายถึงประชากรที่มีความสมบูรณ์แข็งแรง ด้านของสุขภาพ ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสและลดภาระของสังคมในอนาคต ทั้งนี้พบว่าเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคน Generation Y และ Generation Z ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ต่างมีความตื่นตัวในการวางแผนเรื่องของการมีบุตรมากขึ้น ทั้งคนที่กำลังสร้างครอบครัวและคนที่ยังไม่มีครอบครัว เนื่องจากมีการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้มากขึ้น และสามารรับรู้ถึงปัญหาต่าง ๆ ที่อาจะเกิดขึ้นได้ รวมทั้งความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่มีมากขึ้นนั่นเอง

“เทรนด์ในอนาคตบอกได้เลยว่า คนรุ่นใหม่จะมีความสนใจและใส่ใจในตัวเองและครอบครัว มีการวางแผนมากขึ้น โดยเฉพาะการมีบุตร เราจะเห็นว่าคนจะแสวงหาความรู้แสวงหาเทคโนโลยีในการช่วยเรื่องของการมีบุตรมากขึ้น ไม่เฉพาะผู้มีบุตรยาก หรือมีปัญหาสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นกลุ่มที่ต้องการมีบุตรที่สมบูรณ์แข็งแรงและมีการวางแผน ดังนั้นในอนาคตคนจะมาฝากไข่ ฝากอสุจิมากขึ้น เป็นตัวช่วยเพิ่มความสามารถในการมีบุตร ซึ่งเทคโนโลยีต่าง ๆ ในการช่วยเรื่องการวางแผนการมีบุตรนั้นมีไว้สำหรับทุกคนและทุกวัย”

รศ. นพ.ภัทรภูมิกล่าวและว่า…

อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะเป็นการเตรียมตัวในการสร้างประชากรหรือมีบุตรที่มีคุณภาพนั้นคือการตรวจสุขภาพการก่อนมีบุตร นับเป็นเรื่องที่มีสำคัญและมีความจำเป็น เป็นอย่างมาก เพราะเป็นจุดแรกในการคัดกรองและรู้ถึงสุขภาพทั้งด้านกรรมพันธุ์และยีนส์ด้อยที่อาจไม่ได้มีการแสดงอาการ หากแต่จะเป็นจุดเริ่มต้นปัญหาของโรคภัยต่าง ๆ ได้สำหรับบุตรในครรภ์หากทั้งพ่อและแม่มียีสต์ด้อยที่ตรงกัน แล้วไม่ทราบล่วงหน้านั่นเอง โดยเฉพาะประเทศไทยโรคเลือด หรือ ธาลัสซีเมีย ถือเป็นโรคอันดับต้นๆ ที่สามารถถ่ายถอดทางพันธุ์กรรมได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่คู่สมรสที่ต้องการวางแผนการมีบุตรต้องให้ความสำคัญ

 

รศ. นพ.ภัทรภูมิ กล่าวทิ้งท้ายว่า การตรวจสุขภาพของคู่สมรสทั้งชายและหญิง รวมถึงการใช้เทคโนโลยีช่วยในเรื่องของการมีบุตร จะไม่ใช่เรื่องไกลตัวของทุกคนต่อไปในอนาคต แต่จะเป็นเรื่องจำเป็น ทางรอดมากกว่าทางเลือก ซึ่งเชื่อมั่นว่าหน่วยงานภาครัฐเองก็อาจจะมีแนวทางในการส่งเสริมเรื่องเหล่านี้ให้กับภาคประชาชนในการร่วมกันสร้างประชากรที่มีคุณภาพมากกว่าปริมาณในอนาคต

โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

ส่งต่อสุขภาพดีแทนความห่วงใย กับโปรแกรมตรวจสุขภาพราคาพิเศษ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

event
โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน
โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

สงกรานต์สุขล้น เพื่อทุกคนในครอบครัว 💦 สุขภาพดีส่งต่อได้ด้วยโปรแกรม #ตรวจสุขภาพ ราคาพิเศษ

👉 เพียงชวนในครอบครัว ทุกเพศทุกวัย มาตรวจสุขภาพ ที่ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ในช่วงวันสงกรานต์ ยาวไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม

รับแพ็กเกจตรวจสุขภาพ 30 รายการ เพียง 6,499 บาท (จาก 11,880 บาท) 🎉

รายการตรวจ

  1. ตรวจร่างกายทั่วไปโดยแพทย์              Physical Examination
  2. ตรวจวัดสัญญาณชีพ           Vital signs
  3. ตรวจวัดสายตาเบื้องต้น       Visual digital acuity test
  4. ตรวจเต้านมโดยแพทย์         Breast Examination
  5. ตรวจปัสสาวะ        Urine Analysis
  6. ตรวจอุจจาระ         Stool Exam
  7. ตรวจหาเลือดในอุจจาระ       Stool Occult Blood
  8. ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด        CBC
  9. ตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือด              FBS
  10. ตรวจน้ำตาลในเลือดโดยเฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดิอน                HbA1c
  11. ตรวจสภาพและหน้าที่ของไต               Creatinine
  12. ตรวจหาระดับของกรดยูริกในเลือด     Uric Acid
  13. ตรวจระดับไขมันคอเลสเทอรอล           Cholesterol
  14. ตรวจระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์            Triglycerides
  15. ตรวจระดับไขมันดี HDL
  16. ตรวจระดับไขมันไม่ดี             LDL (calculate)
  17. ตรวจสภาพและหน้าที่ของตับ              Albumin
  18. ตรวจสภาพและหน้าที่ของตับ              Globulin
  19. ตรวจสภาพและหน้าที่ของตับ              Bilirubin
  20. ตรวจสภาพและหน้าที่ของตับ              SGOT
  21. ตรวจสภาพและหน้าที่ของตับ              SGPT
  22. ตรวจสภาพและหน้าที่ของตับ              Alkaline Phosphatase
  23. ตรวจไทรอยด์เบื้องต้น           FT4
  24. ตรวจไทรอยด์เบื้องต้น           TSH
  25. ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ            EKG
  26. เอกซเรย์ปอด          CHEST X-RAY
  27. ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องทั้งหมด       U/S Whole Abdomen
  28. ค่าบริการโรงพยาบาล          Hospital services
  29. คูปองอาหาร           A meal coupon
  30. สมุดรายงานผล     A report book

รายการตรวจสุขภาพ 30 รายการ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

ราคาแพกเกจ / Package Price    6,499 บาท
ราคาปกติ / Regular Price   11,880 บาท

พร้อมสิทธิพิเศษ

🎁 เลือกตรวจเพิ่ม เริ่มต้น 360 บาท
🎁 ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์เพิ่ม เพียง 650 บาท*

หรือจะตรวจสุขภาพเพิ่มเติม ก็เลือกแพ็กเสริมในราคาพิเศษ!! เริ่มต้น 360 บาท

ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ราคา 650 บาท/ท่าน 

(ราคาสำหรับผู้ซื้อแพ็กเกจสุขภาพดีรับสงกรานต์ และฉีดวันเดียวกับวันตรวจสุขภาพเท่านั้น)

 

มามอบของขวัญแทนความห่วงใย เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนในครอบครัวกันนะคะ 💦💙

.

โปรโมชันตั้งแต่ 20 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2567

หมายเหตุ * รับวัคซีนราคาพิเศษเมื่อฉีดในวันเดียวกับการตรวจสุขภาพเท่านั้น

——————

🏥 โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

📞 โทร. 026259000 • 027609000

แผนกตรวจสุขภาพ ต่อ 30210

 

Firstclass Academy โรงเรียนสอนการแสดง ที่เป็นมากกว่าโรงเรียนสอนการแสดง

event

Firstclass Academy “เรามีความสุขกับการสอน กับการได้เห็นเด็กๆพัฒนาไปในทางที่ดี มีความมั่นใจ หรืออาจจะสร้างอาชีพให้พวกเขาในอนาคตด้วย ได้สอนเด็กให้มีวินัยที่ดี ช่างสังเกต เรียนรู้ และจดจำ”

โรงเรียนสอนการแสดง ที่เป็นมากกว่าโรงเรียนสอนการแสดงเพราะเป็นที่ให้เด็กๆได้ปลดปล่อยพลังทั้งใจกาย และได้แสดงความเป็นตัวของพวกเขาเองออกมา

คลาสเรียนที่เหมือนมาเล่นสนุกที่บ้านญาติ และครั้งนี้เราได้มาเยี่ยมเยียน เปิดบ้านแสนสบายและโรงเรียนสอนการแสดงที่แสนอบอุ่นของ คุณ ขวัญพิมพ์อัปสร เทียมเศวต ผู้จัดละคร และคุณแม่ ครูอาโย ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา นักแสดงและครูการแสดงมากความสามารถ ที่จะมาบอกเล่าข้อดีของการแสดงและบทบาทสมมุติที่มีต่อเด็กๆ ว่าสิ่งนี้ มีข้อดีอย่างไร 

เทคนิค Creative Acting 

ความพิเศษของคลาสเรียนที่นี่คือการสอนแบบ Workshop ที่วางแผนและออกแบบมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ ที่สำคัญที่สุดคือการช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเด็กๆ ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเด็กที่อยากเป็นนักแสดงเท่านั้น แต่เด็กทุกคนหากได้ฝึกฝน เติมความมั่นใจ ก็จะช่วยให้การสื่อสารอารมณ์ของตัวเองออกมาได้ดี และช่วยให้เด็กมีความแข็งแรงทั้งใจกาย  ซึ่งทักษะในการแสดงนี้จะช่วยให้เด็กมีความมั่นใจ สร้าง Self Esteem ในตัวเองให้สมบูรณ์ มีความภูมิใจในตัวเอง ทั้งยังช่วยปรับบุคลิกภาพ ฝึกสมาธิ ช่วยเรื่องการปรับตัวเข้ากับสังคม และทำให้เด็กๆมีความเข้มแข็งในใจ พัฒนาทั้งร่างกายและจิตใจไปพร้อมกัน 

เด็กได้ผ่อนคลายและปลดปล่อย

การแสดงออกเพื่อสื่อสารถึงอารมณ์ของเด็กๆเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใหญ่ควรให้ความสำคัญ ซึ่งคลาสเรียนของที่นี่จะช่วยให้เด็กๆมีความ “กล้า” ที่จะปล่อยความรู้สึกนั้นออกมาเพราะไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะแสดงอารมณ์ออกมาได้ ซึ่งครูอาโย ได้เล่าข้อดีเหล่านี้ให้เราฟังว่า “ คนเราถ้าไม่มีความมั่นใจ ก็แสดงออกมาจากแววตา น้ำเสียงและภาษากายต่างๆ ครูเองก็มีความสุขที่ได้ช่วยพวกเขา เด็กบางคนที่มาที่นี่แรกๆก็ไม่กล้า นั่งหลบมุม มีความกลัว พูดเสียงเบา เพอได้มาเล่นผ่านกิจกรรมต่างๆได้มาแสดงออก เด็กๆก็ดีขึ้น กล้าพูด กล้าคิดกล้าแสดงออก ซึ่งเราก็ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เราก็ภูมิใจที่เด็กมีพัฒนาการที่ดี เด็กๆมีความสุขขึ้น พ่อแม่ก็มีความสุขด้วย หลายๆคนก็บอกว่าอยากมาเรียนกลับไปบ้านก็อยากมาอีก เพราะเราดึงความมั่นใจในตัวพวกเขาออกมา”

ตัดภาพมาที่ห้องเรียนที่ดัดแปลงสวนกลางบ้าน มาเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีมุมทำงานอดิเรก(วาดภาพ)ของครูอาโย และมุมนั่งเล่นเล็กๆ ที่สามารถปรับพื้นที่ให้สอดคล้องกับกิจกรรมต่างๆของการเรียนในคลาส ที่มีมีครูสอนการแสดงทั้งหมดสามท่าน คือ คุณครู ศศิศวัท สุทธิเกษม (ครูเอิ้ก) คุณครู ชนิตสิรี สุทธิเกษม (ครูบาส)และคุณครู เมธาณัฐ สมาวงษ์ (ครูป๊อบ) ซึ่งทุกท่านมีความเชี่ยวชาญในการสอนเด็กเล็กด้วย ทำให้คลาสที่นี่มีความพิเศษและแตกต่างคือ เรียกว่าสอนกันตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย เริ่มที่อายุตั้งแต่ 3ขวบได้เลย ซึ่งคุณครูเองก็ยังมีงานแสดง และรับสอนการแสดงในกองละคร กองละครเวทีต่างๆอีกด้วย ทั้งหมดจะช่วยกันคิดวิธีการสอนและมีการวางแผนการสอนล่วงหน้ากับครูอาโย และคุณขวัญ เพื่อให้ตอบโจทย์ความสนุก และช่วยให้พวกเขาได้เต็มที่ของเด็กๆ ครูอาโยเล่าเพิ่มเติมว่า “จริงๆแล้วเป็นคนชอบเด็ก เวลาที่ได้แสดงกับนักแสดงรุ่นใหม่ บางทีเขาไม่เข้าใจก็จะอธิบายและตีความให้ฟัง ถ้าพวกเขามาถามก็จะช่วยเขา พอบ่อยเข้าก็เลยโค๊ชดู ตอนนั้นก็ยังไม่ได้รับปากเพราะมีละครอยู่ด้วย พอมีโอกาสก็เลยลองสอนดูที่โรงเรียนสอนการแสดง แล้วห้องจะมีห้องเด็กๆซึ่งไม่ค่อยมีใครอยากสอน เพราะอาจจะกลัวความยาก ความเหนื่อย แต่เราชอบเด็กเลยเหมาห้องเด็กหมดเลย ตอนที่เปิดที่นี่ใหม่ๆก็สอนเอง แต่หลังๆเรามีงานด้วย ก็จะมีครูผู้ช่วย แต่ถ้าวันไหนที่ว่างก็จะมาดูแลด้วยตัวเองตลอด”

“ผู้ปกครองเด็กๆเองก็มีความมุ่งหวังที่แตกต่างกัน บางคนก็อยากให้ลูกเป็นนักแสดง เลยมาเรียนตั้งแต่ต้น บางคนก็อยากให้เราช่วยลูกๆเขาให้มีความกล้าคิดกล้าทำ แต่หากเป็นอย่างแรก เราก็จะบอกเลยว่า เราไม่ใช่โมเดลลิ่ง เราเป็นโรงเรียน เพราะการเป็นนักแสดงต้องใช้การฝึกฝนและการมีวินัยในตัวเองสูง ไม่เร่งรีบและมีความสม่ำเสมอด้วย และครูอาโยเองก็ต้องทำให้ดีในทุกๆคน”

 

“ผู้ปกครองเด็กๆเองก็มีความมุ่งหวังที่แตกต่างกัน บางคนก็อยากให้ลูกเป็นนักแสดง เลยมาเรียนตั้งแต่ต้น บางคนก็อยากให้เราช่วยลูกๆเขาให้มีความกล้าคิดกล้าทำ แต่หากเป็นอย่างแรก เราก็จะบอกเลยว่า เราไม่ใช่โมเดลลิ่ง เราเป็นโรงเรียน เพราะการเป็นนักแสดงต้องใช้การฝึกฝนและการมีวินัยในตัวเองสูง ไม่เร่งรีบและมีความสม่ำเสมอด้วย และครูอาโยเองก็ต้องทำให้ดีในทุกๆคน”

 

ปิดเทอมนี้บ้านไหนกำลังมองหากิจกรรมดีดีให้กับลูกๆ ทีมแม่แนะนำให้มาฝึกฝนและเรียนรู้อารมณ์กันที่นี่ เพราะหากวัดข้อดีหรือวัดดัชนีความสุขด้วยเสียงหัวเราะของเด็กๆ นรับได้ว่าที่นี่มีอยู่อย่างเปี่ยมล้นเลยจริงๆ

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Line id : @firstclass259

เพจ : Firstclass Academy

เบอร์ : 098-2919426

อัตราค่าเรียนคอร์สละ 23,000 ( สมัครช่วงนี้มีราคาพิเศษด้วยนะ )

ที่อยู่ Firstclass Academy : หมู่บ้านแกรนคาแนลประชาชื่น

 

เรื่อง : แม่พีท-พริม

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

โรงพยาบาลเจ้าพระยา ร่วมส่งเสริมนโยบายสาธารณสุขไทยดูแลสุขภาพชาวตะวันออกกลาง

โรงพยาบาลเจ้าพระยา ร่วมส่งเสริมนโยบายสาธารณสุขไทย ดูแลสุขภาพชาวตะวันออกกลาง

event
โรงพยาบาลเจ้าพระยา ร่วมส่งเสริมนโยบายสาธารณสุขไทยดูแลสุขภาพชาวตะวันออกกลาง
โรงพยาบาลเจ้าพระยา ร่วมส่งเสริมนโยบายสาธารณสุขไทยดูแลสุขภาพชาวตะวันออกกลาง

18 เมษายน 2567 ท่านอรุณ บุญชุม จุฬาราชมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน CHC Dinner Talk “การส่งต่อนโยบายการดูแลสุขภาพชาวต่างประเทศแถบตะวันออกกลาง จากภาครัฐสู่การปฏิบัติของภาคเอกชน” ณ หอประชุม พลโท น.พ.โกวิท พัฑฒฆายน ชั้น 2 โรงพยาบาลเจ้าพระยา โดยท่านอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ ได้ให้เกียรติปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Health Policies for Middle-East Foreigners From Public Hospital to Private Sectors” และ คุณชาครีย์นรทิพย์ เสวิกุล ผู้อำนวยการกองตะวันออกกลาง กรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา กระทรวงการต่างประเทศ ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “บทบาทของกระทรวงการต่างประเทศในการส่งเสริมนโยบายการดูแลสุขภาพสำหรับชาวต่างประเทศแถบตะวันออกกลาง”

ทั้งนี้ งาน CHC Dinner Talk  จัดขึ้นภายใต้วัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมสนับสนุนแนวนโยบายการสร้างความมั่นคงทางสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงทางการแพทย์ของไทย อันสืบเนื่องมาจากการเจรจาจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) ด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศไทยและประเทศซาอุดีอาระเบียในช่วงเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ซี่งบรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความชื่นมื่น โดยคณะผู้บริหารโรงพยาบาลเจ้าพระยา นำโดย ศ.เกียรติคุณ นพ.ศุภชัย ไชยธีระพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วย นพ.พงษ์พัฒน์ ปธานวนิช กรรมการผู้จัดการ และ นพ.ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ร่วมให้การต้อนรับกลุ่มผู้แทนจากสถานทูตประเทศแถบตะวันออกกลาง เช่น ผู้แทนจากประเทศซาอุดีอาระเบีย และประเทศบาห์เรน เป็นต้น กลุ่มผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐ กลุ่มผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชน กลุ่มผู้แทนจากหน่วยงานธุรกิจการค้า และกลุ่ม Agency ประเทศต่างๆ

นอกจากนี้ภายในงานยังมีการบรรยายวิชาการทางการแพทย์ที่น่าสนใจหัวข้อ “Vascular Surgery Service Chaophya Hospital” โดย ศ.เกียรติคุณ นพ.ประมุข มุทิรางกูร และการบรรยายหัวข้อ “Future Direction in Heart Care” โดย ผศ.นพ.วิทยา ไชยธีระพันธ์ และ นพ.ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ บรรยายในหัวข้อ Tertiary Eyecare @ CHC Eye Center ซึ่งเป็นประโยชน์และได้รับความสนใจอย่างมากจากแขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมงานทุกท่าน


สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมของโรงพยาบาลเจ้าพระยา

ที่ https://www.chaophya.com/

 

Daisy Ray โรงเรียนมอนเตสซอรี่ 3 ภาษา คอมมูนิตี้การเรียนรู้อย่างมีความสุขสำหรับทั้งครอบครัว

event

School Visit วันนี้ ทีมแม่ ABK ได้มาเยี่ยมชม Daisy Ray -The Montessori School ของ คุณป่าน – พิชญา มัยลาภ สถานที่ที่เด็ก ๆ เป็นเจ้าของทุกลมหายใจและการเคลื่อนไหว สถานที่ที่เด็ก ๆ เป็นเจ้าของการเรียนรู้อย่างแท้จริง สถานที่ที่ฟูมฟักให้เด็ก ๆ ให้เติบโตอย่างมีความสุข มีวินัย ช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นได้แม้จะอยู่ในช่วงปฐมวัย สถานที่ที่ให้ความสำคัญกับพัฒนาการทุกด้านให้เป็นไปตามเอกลักษณ์ของเด็กๆแต่ละคน เน้นสอน 3 ภาษาทั้งอังกฤษ ไทย และจีน รวมถึงการสื่อสารและการสร้างวินัยในเชิงบวกด้วย

พื้นที่แห่งการเรียนรู้

อุปกรณ์การเรียนรู้สไตล์มอนเตสซอรี่

Club Sunshine

Club Sunshine หรือ Little Heart Club “ ห้องเรียนของพ่อแม่ ” เป็นคลับที่คุณป่านทำขึ้นมาเพื่อ คุณพ่อ – คุณแม่ โดยเฉพาะ โดยเปิดอบรมให้ความรู้ และแชร์ประสบการณ์ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกาย – สุขภาพใจ – สุขสภาวะของเด็ก ผู้ใหญ่ ครอบครัว หรือแม้กระทั่งเรื่องความเป็นไปของโลกใบนี้ที่มีผลกับครอบครัว วิธีปรับและรับมือ เพื่อระบบนิเวศน์ที่ดีรอบตัวเด็ก ๆ โดยมี Guest Speaker จากหลายสาขาวิชาชีพ ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ อาจารย์ ผู้ปกครอง ผู้เชี่ยวชาญในหัวข้อที่จะเสวนา เป้าหมายก็เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมรอบลูกให้ดี เพื่อให้ลูก ๆ ได้เติบโตไปอย่างมีความสุข เมื่อการอบรมพ่อแม่ใน Club Sunshine มีผลตอบรับที่ดี ก็ทำให้ Club Sunshine เติบโตและขยับขยายเพิ่มในส่วนของ Playgroup สำหรับเด็ก ๆ ขึ้นมา จนสถานที่นี้กลายเป็นสถานที่ Hangout สำหรับครอบครัว ทุกบริเวณได้รับการออกแบบจัดวางให้เด็ก ๆ ได้ลุย ได้เล่นอย่างเต็มที่ ไม่มีอันตราย เมื่อถึงวัยที่ลูกสาวของคุณป่านต้องเข้าโรงเรียน คุณป่านจึงอยากสร้างโรงเรียนที่ดีที่สุด เพื่อมอบให้ลูกสาวและเด็ก ๆ คนอื่น นั่นคือจุดเริ่มต้นของ Daisy Ray -The Montessori School
โดยนำเอาการเรียนการสอนในรูปแบบ Montessori ( มอนเตสซอรี่ ) มาเป็นแกนหลักในการสอน ซึ่งเป็นแนวคิดที่เน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลาง คุณครูเป็นเพียงผู้ชี้แนะ ไม่ชี้นำ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้มีอิสระทางการเรียนรู้ และสามารถเลือกทำตามสิ่งที่สนใจได้ ภายใต้การจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม อาศัยความอยากรู้อยากเห็น อยากทดลองทำทุกอย่างของเด็กๆนำไปสู่การเรียนรู้ด้วยตัวเอง ปัจจุบันโรงเรียนเปิดรับนักเรียนตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาล เด็กอายุ1.5 ถึงชั้นอนุบาลอายุ 6 ปี

Playgroup ภายใน Learning Garden ของ Daisy Ray ที่บุคคลภายนอกสามารถเข้ามาใช้บริการได้ (ติดต่อสอบถามก่อนเข้ามาใช้บริการนะคะ)

Learn : Individual Curriculum

หลักสูตร Customised เฉพาะบุคคล

ในช่วงแรกเด็ก ๆ จะได้เลือกเล่นและทำงานอย่างอิสระทั้ง outdoor และในห้องเรียน ช่วงเวลานี้เองที่คุณครูจะคอยสังเกต เรียนรู้ธรรมชาติและบันทึกความชอบของเด็ก ๆ แต่ละคนเพื่อรังสรรค์ “หลักสูตรเฉพาะบุคคล” ให้เด็ก ๆ การจัดหลักสูตร Individual Curriculum อาศัยความรู้ด้านการศึกษา พัฒนาการเด็ก จิตวิทยา อีกทั้งความใส่ใจในรายละเอียดเพื่อให้หลักสูตรเหมาะกับเด็กๆแต่ละคน ดังนั้นจำนวนครูต่อเด็กๆ ที่ Daisy Ray สามารถรองรับได้คือ 1:3 หรือ 1:4 เท่านั้นเพื่อการดูแลที่ทั่วถึงจริงๆ และคุณครู (Facilitators) ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

เด็ก ๆ หัดช่วยเหลือตนเอง ทั้งตักอาหารและตากผ้า

Freeplay 2 ชั่วโมงอย่างจุใจ

LIFE : พื้นที่ของ “คนตัวเล็ก” ในโลกใบใหญ่

ห้องเรียน Daisy Ray เปิดโอกาสให้เด็กได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ อย่างที่พวกเขาเองได้ก้าวย่างเข้ามาสู่โลกใบนี้ด้วยการเป็นส่วนหนึ่งด้วยความสามารถ ความรับผิดชอบในฐานะพลเมืองที่มีความเข้าใจและเห็นคุณค่าการเรียนรู้เพื่อชีวิต

เด็กทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง สามารถช่วยเหลือและพึ่งพาตัวเองได้ และได้รับการส่งเสริมการพัฒนาความเป็นระบบระเบียบ การประสานสัมพันธ์ระหว่างตนเองและชีวิตอื่น มีความตั้งใจจดจ่อ มีสมาธิ มีอิสระในการเรียนรู้อย่างมีขอบเขต และได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นรายบุคคล ประกอบกับใส่ใจในสังคมที่ตนเรียนรู้ นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนให้เป็นผู้รักการแสวงหาความรู้

เครื่องใช้ไม้สอยทุกอย่างจัดวางให้เด็ก ๆ “จัดการ” อะไร ๆ ได้อย่างง่ายดาย

พื้นที่ยอมรับตัวตนในทุกสภาวะและการสะท้อนอารมณ์

เด็กก็คือผู้ใหญ่ตัวเล็กที่มีอารมณ์และความรู้สึกเหมือนผู้ใหญ่ แต่ตรงไปตรงมามากกว่าและไม่ซับซ้อน ที่ Daisy Ray ไม่ว่าเด็ก ๆ จะอยู่ในสภาวะอารมณ์แบบไหน Good Day หรือ Bad Day เกิดขึ้นได้ทุกวัน คุณครูทุกคนจะให้เวลา ใช้เวลา รอได้ จนกว่าเด็ก ๆ จะพร้อม เด็ก ๆ จะรู้สึกมีที่พึ่ง ไม่โดดเดี่ยว และค่อยๆมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ตามวัย เสียงของเด็กๆสำคัญที่สุด เพราะวัยนี้เป็นวัยที่เลือกอะไรไม่ได้มาก การที่เด็กๆสามารถแสดงความคิดเห็น ชอบหรือไม่ เพราะอะไร ทำให้เกิด “การมีตัวตน” “ได้รับการยอมรับ” หรือ Sense of Belonging มอบประสบการณ์ที่ดีในช่วงปฐมวัย คือรากฐานที่แข็งแกร่งในการเผชิญชีวิต ได้แก่

Life Skills ทักษะชีวิต : ความสามารถในการแก้ปัญหาที่ต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน เพื่อให้สามารถดูแลตนเองได้อย่างปลอดภัย ซึ่งทักษะชีวิต “สอนไม่ได้” แต่เกิดขึ้นได้จาก “การฝึกฝน”

Language Skills : จากการใช้ภาษาในการสื่อสารกับเพื่อน คุณครู เป็นการเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ

Academic : ความรู้ทางวิชาการที่เกิดขึ้นจากการลงมือทำ
สื่อการเรียนการสอนที่ดูเหมือนของเล่นคือการเรียนรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะและมีความซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆเพื่อ Challenge เด็กๆ ซึ่งไม่สามารถแก้ไขหรือเล่นเสร็จได้ในครั้งเดียว ทำให้เด็กๆนั้นเกิดสมาธิ มีความอดทนพยายาม ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ก็เสริม Life Skills ไปด้วยในคราวเดียวกัน

Environment : Montessori Learning Area
คุณครู : ทั้งคุณครูไทยหรือคุณครูชาวต่างชาติจะเป็นคุณครูด้านการศึกษาแนวมอนเตสซอรี่โดยเฉพาะหรือเป็นนักพัฒนาการเด็ก เพราะการจัดหลักสูตรรายบุคคลให้เด็กๆนั้นต้องอาศัยการสังเกต จดบันทึก พฤติกรรม สิ่งที่เด็กๆหยิบจับ กิจกรรมที่เด็กๆเลือกอย่างละเอียดเพื่อนำมาพัฒนาเด็กๆให้เป็นไปตามศักยภาพของตัวเอง ซึ่งต้องอาศัยความอดทนและใช้เวลา

สถานที่ : หากจัดวางอย่างเหมาะสมทุกพื้นที่คือการเรียนรู้ของเด็กค่ะ ภายนอก – พื้นที่สีเขียว ลำธารน้อยๆ และฟาร์ม เด็กสามารถลุยได้อย่างเต็มที่ ถ้าเลอะ ถ้าเปียก เครื่องใช้ไม้สอยในการจัดการเรื่องความสะอาดเพรียบพร้อมเช่นกันค่ะ ทำเองได้เลย ภายใน – เฟอร์นิเจอร์ขนาดสมวัย อุปกรณ์ต่างๆสำหรับงานบ้านและงานครัวขนาดเหมาะมือและปลอดภัย เด็กๆจัดการทุกอย่างได้โดยไม่ต้องขอใครทั้งนั้นแล้วเด็กๆก็จะอยากกลับบ้านไปช่วยคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านด้วยเช่นกัน อย่าลืมเตรียมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้ผู้ช่วยตัวจิ๋วด้วยนะคะ

มอนเตสซอรี่คือการเรียนรู้อย่างเรียบง่ายแต่ได้ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่

คุณแม่ป่าน พิชญา มัยลาภ ผู้ก่อตั้ง Daisy Ray ด้วยหัวใจและสองมือ

Mommy’s Love This ถูกใจแม่ !!

หลักสูตรรายบุคคลเหมาะกับลูกของเรา การดูแลทั่วถึง ใกล้ชิด วางใจหายห่วง

เด็กมอนเตสซอรี่จะมีความอดทน มีสมาธิ สุขภาพจิตแจ่มใส

Language Skills ดีจนคุณแม่ทึ่ง

สามารถเรียนต่อชั้นประถมได้ทุกหลักสูตร (ไม่จำเป็นต้องเป็นโรงเรียนทางเลือกอย่างเดียว) เพราะการศึกษาแนวมอนเตสซอรี่ปูทางให้เด็กๆทุกด้าน..พร้อมเรียนรู้ทุกรูปแบบ

การเรียนรู้แบบ 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ, ภาษาจีน และ ภาษาไทย เป็นการเรียนภาษาผ่านกิจกรรมต่างๆที่เด็กๆจะได้ทำในแต่ละวัน ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ท่ามกลางธรรมชาติ

การเล่นที่นี่จะเล่นอย่างมีระบบ ช่วยบูรณาการความรู้หลายศาสตร์อย่างลึกซึ้งเข้าด้วยกันจึงเป็นการเล่นอย่างมีความหมาย

2-Hour Outdoor Freeplay เล่นกลางแจ้งกันอย่างจุใจ เลี้ยงสัตว์ เล่นทราย ลุยน้ำ ดูแลต้นไม้ ทุกตารางนิ้วของ Daisy Ray ไม่มีข้อแม้สำหรับเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่วางใจได้ค่ะ เพราะทางโรงเรียนจัดสภาพแวดล้อมให้เด็กๆอย่างเหมาะสมแล้ว

อัตราค่าเล่าเรียนต่อปี

ประมาณ 500,000 บาท

(รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อโรงเรียนโดยตรง)

Daisy Ray-The Montessori School

99/3 ซอยรามอินทรา 14 แยก 11 (ซอยมัยลาภ)

แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10240

โทรศัพท์ : 094-6595646

Line : @daisyray

E-mail : [email protected]

Website : www.daisyray.co

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข , ภูเบศ บุญเขียว

นมกล่องเด็ก ยูเอชที 4 แบรนด์ดัง ที่คัดสรรมาแล้วว่าเหมาะสำหรับลูก

ทำไมต้องนมกล่องสีทอง พาไปแกะกล่องนมยูเอชที 4 แบรนด์ดัง ที่คัดสรรมาแล้วว่าเหมาะสำหรับลูก

event
นมกล่องเด็ก ยูเอชที 4 แบรนด์ดัง ที่คัดสรรมาแล้วว่าเหมาะสำหรับลูก
นมกล่องเด็ก ยูเอชที 4 แบรนด์ดัง ที่คัดสรรมาแล้วว่าเหมาะสำหรับลูก

เมื่อลูกเริ่มเข้าสู่วัย 1 ขวบขึ้นไป เพราะ 2 ปีแรกของชีวิต เป็นช่วงที่สมองของลูกมีการเติบโตขึ้นถึง 300% ซึ่งเด็กๆ จะเรียนรู้ได้ไว ลูกจึงมีพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้รวดเร็ว ลูกเกิดการเรียนรู้ทักษะความสามารถในด้านต่าง ๆ เช่น ทักษะการสื่อสาร ทักษะการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ซึ่งทักษะและความสามารถเหล่านี้จะกลายเป็นรากฐานเพื่อให้ลูกต่อยอดเมื่อเติบโตขึ้น นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ควรจูงมือลูกรักไปทำกิจกรรมนอกบ้านด้วยกัน และฝึกทักษะในด้านต่าง ๆ ให้กับลูกมากขึ้น รวมไปถึงการเตรียมพร้อมสมองให้ลูกพร้อมเรียนรู้มากที่สุด เพื่อเตรียมความพร้อมไปสู่อนาคตให้กับลูก ด้วยการเลือก นมกล่องเด็ก UHT ที่มีสารอาหารครบถ้วน เพียงพอสำหรับความต้องการของร่างกาย ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองให้ลูกรักพร้อมเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต

ในท้องตลาดมี นมกล่องเด็ก UHT ให้เลือกมากมาย คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหานมกล่อง UHT สำหรับลูกรัก ควรพิจารณาจากปริมาณสารอาหารที่จำเป็นสำหรับพัฒนาการของลูก โดยสารอาหารที่กองบรรณาธิการขอแนะนำ ได้แก่

สฟิงโกไมอีลิน เป็นไขมันจำเพาะที่จำเป็นในการสร้างไมอีลิน ซึ่งไมอีลินช่วยให้สมองเชื่อมต่อส่งสัญญาณประสาท และประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้สมองเชื่อมต่อได้ไว ส่งผลให้ลูกมีพัฒนาการสมองที่ดี พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ได้อย่างรวดเร็ว มีความจำดี สามารถคิดวิเคราะห์ข้อมูล และแก้ปัญหาที่ซับซ้อนอย่างสร้างสรรค์ได้

ดีเอชเอ ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาท จึงจำเป็นต่อการพัฒนาสมองของลูก ซึ่งร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถสร้างดีเอชเอขึ้นเองได้ จึงต้องรับสารอาหารจากอาหารภายนอก ได้แก่ นมแม่ ปลาทะเลน้ำลึกอย่าง ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาน้ำจืด สาหร่ายทะเล เป็นต้น

โอเมก้า 3, 6, 9 ช่วยเสริมการทำงานของสมองและประสาท ซึ่งร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถสร้างดีเอชเอขึ้นเองได้ จึงต้องรับสารอาหารจากอาหารภายนอก ได้แก่ ไข่แดง ธัญพืช น้ำมันพืชที่มีไขมันไม่อิ่มตัว ผักโขม ผลิตภัณฑ์จากนมวัว เป็นต้น

วิตามินบี 12 มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง พบได้ในอาหารจำพวกเนื้อ ไข่ ปลา ตับ นมวัว เป็นต้น

หากคุณแม่กำลังมองหา นมกล่อง UHT ที่มีสารอาหารบำรุงสมอง เพื่อพัฒนาการของลูกตั้งแต่วัยเรียนรู้ 1 ขวบปีขึ้นไป ทีมแม่ ABK รวบรวมข้อมูลสารอาหารของนมกล่องสีทอง UHT 4 แบรนด์ดัง มาให้คุณพ่อคุณแม่ใช้ในการตัดสินใจเลือกนมกล่องแรกให้ลูกรักของเรากัน นมกล่องแรกก็ต้องนมกล่องสีทองสุดๆ กันไปเลย

ตารางเปรียบเทียบสารอาหารของ นมกล่องเด็ก UHT
เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งสมองและร่างกาย ของลูกวัย 1 ขวบ

ตารางเปรียบเทียบสารอาหารของ นมกล่องเด็ก UHT

 

นมกล่องเด็ก UHT ทั้ง 4 สูตร ที่ทีมแม่ ABK แนะนำ ได้รับการคัดสรรมาแล้วว่าอุดมไปด้วยสารอาหารที่ลูกต้องการ โดยเฉพาะนม S-26 Gold Pro UHT ที่มีการพัฒนาสูตรให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มสฟิงโกไมอีลิน ปริมาณมากขึ้นถึง 150% เมื่อ เทียบกับ S-26 Gold สูตรปกติ และ DHA เพิ่มขึ้นจากเดิม แถม มีลูทีน ที่เหมาะกับเด็กยุคดิจิตอลนี้ พร้อมมีวิตามินบี 12 สูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาทและสมองอีกด้วย จึงเหมาะสำหรับเด็กวัยเรียนรู้โดยเฉพาะ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ในทุก ๆ วัน

คุณพ่อคุณแม่สามารถพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้ และร่างกายของลูกในช่วงเวลาสำคัญได้ ด้วยการเลือกนมกล่องสีทองที่อุดมไปด้วยสารอาหารจำเป็นให้กับลูก เตรียมความพร้อมให้สมองของลูกพร้อมเรียนรู้มากที่สุด เพื่อที่ลูกจะสามารถออกไปเผชิญโลกกว้าง และเอาตัวรอดในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพื่อต่อยอดสู่ความสำเร็จที่พิเศษในแบบของตัวเอง

อยากรู้ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม คลิก!

 

Denla Trilingual School โรงเรียนหลักสูตร 3 ภาษา ได้มาตรฐานระดับนานาชาติ

event

School Visit วันนี้เราจะพามาเยี่ยมชม Denla Trilingual School หรือโรงเรียน DLTS ที่ตั้งอยู่บนถนนนครอินทร์ จังหวัดนนทบุรี บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ ซึ่งเปิดทำการเรียนการสอนมากว่า 9 ปี ปัจจุบัน Denla Trilingual School มีนักเรียนทั้งหมดประมาณ​ 540 คน เปิดรับนักเรียนตั้งแต่อายุ 2 ถึง 12 ปี หรือตั้งแต่ระดับชั้น Toddler ถึง Grade 6 และในปี 2568 นี้ จะขยายอาคารเรียนและเพิ่มการสอนตั้งแต่ Grade 7 – 9 อีกด้วย

ห้องเรียนสะอาดและเต็มไปด้วยอุปกรณ์การเรียนที่ทันสมัยครบครัน

 

หลักสูตรของ DLTS

การเรียนการสอนของ DLTS นั้นเป็นหลักสูตรนานาชาติ (ภาษาอังกฤษ, ภาษาไทย และภาษาจีน) ที่ยึดตตามหลักสูตร Common Core ของสหรัฐอเมริกา นักเรียนจะได้เรียนเป็นภาษาอังกฤษทุกรายวิชา แบบ 100% ยกเว้นวิชาภาษาไทย และภาษาจีน ที่สอนโดยคุณครูเจ้าของภาษา

สำหรับการเรียนการสอนในระดับชั้นอนุบาลนั้น จะเน้นเรียนผ่านการเล่นหรือที่เรียกว่า Play Based Approach เด็ก ๆ จะได้มีส่วนร่วมและลงมือทำทุก ๆ อย่างด้วยตนเอง ได้สำรวจและทำกิจกรรมที่หลากหลาย และมีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดการเรียนรู้และได้รับการพัฒนาครบทุกด้าน ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์และจิตใจ สังคม และสติปัญญาไปพร้อม ๆ กัน และส่งเสริมให้เด็ก ๆ หัดคิดหัดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ สามารถสื่อสารและรู้จักการทำงานร่วมกันกับผู้อื่นได้ หัดแก้ปัญหาได้ ซึ่งเป็นการปูทางสำหรับการเรียน STEM ในช่วงชั้นประถมศึกษานั่นเอง

สำหรับระดับชั้นประถมจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ เทียบเท่ามาตรฐานการจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรนานาชาติ จัดการเรียนการสอนเป็นภาษา อังกฤษทุกวิชา โดยครูเจ้าของภาษา (Native Speakers) ยกเว้น วิชาภาษาไทย สังคมไทย และภาษาจีน เด็ก ๆ จะได้เรียนวิชาต่าง ๆ ที่เหมาะสมสำหรับเด็กในยุคศตวรรษที่ 21เพื่อเพิ่มทักษะที่ที่ดีพร้อมในอนาคต ทั้ง Project Based ที่ยึดการสอนตามหลักสูตรของอเมริกัน และ STEM Education ซึ่งเป็นการเรียนที่ผสมผสานการเรียนวิชา วิทยาศาสตร์ (Science), เทคโนโลยี (Technology), วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และ คณิตศาสตร์ (Mathematics) เข้าด้วยกัน โดยมีหัวข้อที่แตกต่างกันออกไป เน้นเรื่องการลงมือปฎิบัติจริง และการแก้ปัญหาในรูปแบบการทำโปรเจค เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และเข้าใจวิชาที่เรียนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เด็ก ๆ ยังได้เรียน Robotics และการเขียน Coding เพื่อเตรียมความพร้อมสู่โลกอนาคต

ห้องเรียนสำหรับเด็กอนุบาล มีห้องเล่นทรายแสนสนุก

 

DLTS คัดสรรแต่บุคลากรที่มีคุณภาพ

ที่โรงเรียนคัดสรรแต่คุณครูที่มีคุณภาพ สำหรับคุณครูคนไทย จะได้รับการอบรมเรื่องจิตวิทยาเด็ก และผ่านการอบรมปฏิบัติธรรมทุกคน นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังสนับสนุนคุณครู ให้มีการดำเนินชีวิตที่ดี มีสุขภาพดีและมีความสุข เพื่อให้สามารถส่งต่อความสุขให้กับนักเรียนทุกคน สำหรับ Teacher ชาวต่างชาติ ( Native Speakers ) ต้องมีประสบการณ์การสอนไม่ต่ำกว่า 2 ปี และจบ Education Degree หรือ PGCE ทั้งหมด รวมถึง Co-Teacher ด้วย โดยสัญชาติของคุณครูจะหลากหลาย มีทั้งอเมริกัน, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ฯลฯ

Teacher ของ DLTS เป็น Native Speakers เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบเข้มข้นทุกๆ วัน

 

สิ่งแวดล้อมดี ๆ ที่ DLTS

บรรยากาศและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ทางโรงเรียนก็ให้ความสำคัญไม่ต่างกัน เพราะเชื่อมั่นว่าสิ่งแวดล้อมที่ดีจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ได้มากขึ้น โรงเรียนได้เตรียม Facilities ต่าง ๆ มากมาย เช่น สนามกีฬาในร่ม, สนามบาสเก็ตบอล ,สนาม Squash, สนามฟุตบอล, สนามฟุตซอล และสระว่ายน้ำในร่ม ,Sand Play Room ,ห้องสมุด , ห้องดนตรีและอื่นอีกมากมาย ที่ได้มาตรฐานและความปลอดภัยสูงสำหรับนักเรียนทุกคน

บรรยากาศห้องเรียน และ facilities ต่าง ๆ

 

DLTS ขยายชั้นเรียนเพิ่ม Grade 7 – Grade 9 ในปี 2568

ตอนนี้ DLTS กำลังสร้างอาคารใหม่เพื่อรองรับการขยับขยายชั้นเรียนเพิ่มขึ้นถึง Grade 9 (ม.1-3) ซึ่งจะเปิดใช้งานในปี พ.ศ.2568 อาคารใหม่นี้จะครบครันไปด้วย Facilities ที่รองรับการเรียนการสอนที่เน้น Science & Technology ได้แก่ ห้อง Science Lab (ฟิสิกส์/เคมี/ชีวะ), ห้อง STEM, ห้อง Robot & Coding, ห้อง Art & Craft, ห้องดนตรีเดี่ยวและรวม, ห้อง Blackbox รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย พร้อมทั้งอาคาร clubhouse ขนาดใหญ่ที่รองรับกิจกรรมของนักเรียนได้อย่างทั่วถึง พร้อมทางเข้า-ออก ถึง 4 ช่องทาง โรงเรียน DLTS ลงทุนขยายพื้นที่สร้างอาคาร 3 ไปกว่า 500 ล้านบาท

เด็ก ๆ เรียนสนุกและมีรอยยิ้มทุกวัน

 

Mommy Love This! ถูกใจแม่

1. จำนวนนักเรียนชั้นอนุบาล จะมีนักเรียนเพียง 16 คนต่อห้อง และ อัตราส่วนนักเรียนต่อครูที่ 5.3 ต่อสำหรับขนาดห้องเรียนในระดับประถมจะมีนักเรียนไม่เกิน 24 คนต่อห้อง และอัตราส่วนนักเรียนต่อครูที่ 12 ต่อ 1 ทำให้คุณครูดูแลนักเรียนได้ทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ

2. เป็นโรงเรียนหลักสูตรนานาชาติที่เข้มข้นทั้งด้านวิชาการและทักษะชีวิต เด็ก ๆ ได้เรียนรู้การแก้ปัญหา การตั้งคำถามแบบโครงงาน ( Project based ) ที่ยึดการสอนตามหลักสูตรของอเมริกัน และ STEM Education ที่ผสมผสานการเรียนหลาย ๆ วิชาไว้ด้วยกัน ทั้ง Science, Technology, Engineering และ Mathematics

3. คุณครูที่เด่นหล้าได้รับการยอมรับในวงการศึกษาในเชี่ยวชาญเรื่องเด็ก ๆ ผู้ปกครองจึงมั่นใจได้ว่าลูก ๆ จะมีความสุขและปลอดภัย

3.มีกิจกรรมชมรมมากมายให้เด็ก ๆ เลือก เช่น Drama Club, Ai Club, Little Explorer Club รับรองว่า สนุกและได้ความรู้แน่นอน

4. เป็นโรงเรียนหลักสูตรนานาชาติที่ใส่ใจในวิชาภาษาไทย นักเรียนจะสามารถสื่อสาร ฟัง พูด อ่าน เขียน ได้อย่างคล่องแคล่ว คุณพ่อคุณแม่จึงวางใจได้ว่าเด็ก ๆ จะไม่มีจุดอ่อนในเรื่องภาษาไทย แม้เรียนในหลักสูตรนานาชาติก็ตาม

 

ติดต่อ

Denla Trilingual School ( DLTS )

Tel: 02-459-5695

Website: https://denlatrilingual.com/

Facebook: https://www.facebook.com/DenlaDLTS

Email: [email protected]

 

ลูกน้อยนอนหลับฝันดี ตลอดคืน ต้องยกให้ ดีนี่ สบู่เหลวอาบและสระ D-nee Head & Body Baby Wash Organic Sweet Dream

account_circle
event

เวลาเห็นลูกนอนหลับปุ๋ย หลับสนิทเต็มตื่น แม่ดีใจ๋ดีใจ มัมพึ่งมีลูกค่ะ ยังเป็นเบบี๋น้อย ๆ อยู่เลย ไปถามคุณหมอเกี่ยวกับการนอนของเด็กมาค่ะ ซึ่งนอกจากท่านอนที่เหมาะกับเด็กเล็ก ๆ แล้ว ยังได้ความรู้มาด้วยว่าการที่ลูกได้นอนหลับสนิทเต็มอิ่ม จะช่วยให้มีพัฒนาการการเจริญเติบโตดี มีสมองเรียนรู้ที่ไวด้วยค่ะ

การนอนหลับดี นอนหลับอย่างมีคุณภาพของลูก ทีมแม่ ABK มีเคล็ดลับมาแชร์ให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่กันค่ะ หนึ่ง คือที่นอนต้องดีเหมาะกับสรีระของเด็ก (ไม่แข็ง และไม่นิ่มยวบเกินไป) สอง ต้องมีตัวช่วยทำให้ลูกหลับได้สบาย ไม่รู้บ้านไหนมีตัวช่วยเป็นอะไรกันบ้าง แต่ที่บ้านเราเลือกเป็นผลิตภัณฑ์อาบน้ำค่ะ จำได้ว่าตอนไปเรียนอาบน้ำลูกที่ห้องเนอสเซอรี่ คุณพี่พยาบาลแนะนำว่าการเลือกใช้สบู่เหลวอาบสระแบบเฮดทูโท จะช่วยให้อาบน้ำลูกได้ง่ายและสบายขึ้น แล้วกลิ่นอ่อน ๆ ของสบู่ก็มีส่วนสำคัญต่อการนอนหลับของลูกด้วยนะคะ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ทำให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย หลังอาบน้ำเสร็จนอกจากลูกจะมีอารมณ์ดี ก็ยังช่วยทำให้นอนหลับสบายด้วยค่ะ

Amarin Baby & Kids ยกให้  “ดีนี่ ออร์แกนิค สวีทดรีม สไมล์บูสเตอร์ ซีรีส์ ” เป็นผลิตภัณฑ์สบู่เหลวอาบและสระ เฮดทูโทสูตรส่วนผสมธรรมชาติและออร์แกนิคสำหรับเด็ก ที่ได้รับรางวัล Editor’s Choice BEST NATURAL & ORGANIC HEAD-TO-TOE WASH FOR KID จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

ทีมแม่ ABK ขอแนะนำนี่เลย ดี่นี่ สบู่เหลวอาบและสระ “D-nee Head & Body Wash Organic Sweet Dream Smile Booster Series ดีนี่ ออร์แกนิค สวีทดรีม สไมล์บูสเตอร์ ซีรีส์”  น้องขวดม่วงที่มาพร้อมกับร้อยยิ้มน่าร๊ากน่ารัก ใช้สระผม อาบน้ำแล้วผิวกับผมลูกหอมมาก มัมนี่กอดลูกวันล่ะหลายร้อยรอบเลยนะจะบอกให้

อยากให้ลูกน้อยนอนหลับฝันดี ขอแนะนำ ดีนี่ ออร์แกนิค สวีทดรีม สไมล์บูสเตอร์ ซีรีส์ 

ดีนี่ สบู่เหลวอาบและสระ ขวดปั๊มสีม่วง น่ารัก สดใส ขวดนี้ มี Sweet Dream Tech เทคโนโลยีกลิ่นหอมผ่อนคลาย ผสานสารสกัดออร์แกนิค ลาเวนเดอร์ จากประเทศฝรั่งเศส ให้ความหอมผ่อนคลาย สบายผิว ทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน ช่วยให้ผิวและผมลูกนุ่มชุ่มชื้นนานขึ้น เนื้อสบู่เหลวล้างออกง่ายมาก ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง เพราะมี pH Balance ช่วยรักษาสมดุลตามธรรมชาติของผิวและเส้นผม

ดีนี่ สบู่เหลวอาบและสระ สไมล์บูสเตอร์ ซีรีส์ สูตรสวีทดรีมขวดนี้ อยากให้ทุกบ้านที่มีลูกได้ลองใช้กันค่ะ เพราะจากที่ลูกของมัมได้ใช้แล้ว คอนเฟิร์มว่ากลิ่นหอมอ่อน ๆ นี้ช่วยให้ลูกหลับได้ง่ายมากขึ้น ความพิเศษที่ไม่เหมือนใครของ ดีนี่ สบู่เหลวอาบและสระ สไมล์บูสเตอร์ ซีรีส์ บอกเลยมัมเลิฟมาก แล้วลูกก็แฮปปี้มากด้วยค่ะ

ความพิเศษที่มีให้จาก 😊 ดีนี่ สบู่เหลวอาบและสระ สไมล์บูสเตอร์ ซีรีส์ ออร์แกนิค สวีทดรีม

  • สูตรสวีทดรีม อยากให้ลูกน้อยนอนหลับฝันดี
  • ออร์แกนิค ลาเวนเดอร์ จากประเทศฝรั่งเศส สารสกัดธรรมชาติทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน
  • Sweet Dream Tech เทคโนโลยีกลิ่นหอมผ่อนคลาย พร้อมรับการพักผ่อนอย่างเต็มที่
  • สูตรใหม่ล่าสุดของดีนี่ ให้ผิวและผมนุ่มชุ่มชื้นยาวนาน 8 ชม.
  • สูตร pH Balance ช่วยคงสมดุลตามธรรมชาติของผิวและผม
  • ผ่านการทดสอบการระคายเคืองต่อดวงตา
  • ผ่านการทดสอบ Hypoallergenic Tested ไม่ทำให้แพ้และระคายเคือง
  • ปราศจาก 6 สารเคมีอันตราย กูลเตน , พาราเบน , แอลกอฮอล์ , สี , SLS และซิลิโคน

ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดนี้ของผลิตภัณฑ์จาก D-nee ทาง Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จึงคัดเลือกให้  D-nee Head & Body Wash Organic Sweet Dream – Smile Booster Series สบู่เหลวอาบและสระ เฮดทูโทสูตรส่วนผสมธรรมชาติและออร์แกนิคสำหรับเด็ก ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา BEST NATURAL & ORGANIC HEAD-TO-TOE WASH FOR KID จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023” ซึ่งมอบให้กับสินค้าแม่ลูก “สินค้าใช้ดี และมีประโยชน์จริง”

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่สนใจผลิตภัณฑ์ ดีนี่ สบู่เหลวอาบและสระ D-nee Head & Body Baby Wash Organic Sweet Dream สูตรสวีทดรีม กลิ่นหอมผ่อนคลาย สบายผิว

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : www.facebook.com/DneeThailand

ผ้าอ้อมเด็ก

ผ้าอ้อมเด็กคุณภาพ ใหม่! เบบี้เลิฟ เพลย์แพ้นท์ พรีเมียม ซึมซับไวขึ้น 150%

account_circle
event
ผ้าอ้อมเด็ก
ผ้าอ้อมเด็ก

ลูกน้อยวัย 3 เดือนขึ้นไป เริ่มมีพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวที่มากขึ้น ลูกน้อยไม่เพียงนอนเฉยๆ เหมือนตอนแรกเกิด แต่เริ่มจะชันคอ พลิกคว่ำพลิกหงายได้แล้ว การเลือกผ้าอ้อมเด็กที่เหมาะกับลูกในวัยที่มีการเคลื่อนไหวมากขึ้นตั้งแต่ 3 เดือนไปจนถึง 3 ขวบ จึงเป็นสิ่งที่คุณแม่ให้ความสำคัญอย่างมาก วันนี้ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ขอแนะนำ 3 วิธีเลือก ผ้าอ้อมเด็ก คุณภาพดีให้กับลูกน้อยค่ะ

1. เลือก ผ้าอ้อมเด็ก ที่ซึมซับดี แห้งไว ไม่กลัวรั่ว ไม่กลัวเลอะ

ผ้าอ้อมเด็กที่ซึมซับดี แห้งสนิท จะทำให้ลูกน้อยสบายตัว และเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างเต็มที่ ต่างจากผ้าอ้อมเด็กที่ซึมซับไม่ดี คุณแม่อาจเจอปัญหา ผ้าอ้อมรั่ว ผ้าอ้อมล้น ลูกก้นแฉะ และผ้าอ้อมซึมซับช้า ทำให้เกิดการรั่วซึม และลูกน้อยเคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวก ส่งผลต่อพัฒนาการด้านการร่างกายและการเคลื่อนไหว ทำให้ส่งผลต่ออารมณ์ เนื่องจากไม่สบายตัวอีกด้วย

2. เลือก ผ้าอ้อมเด็ก ที่นุ่มสบาย ไม่ระคายเคืองผิว

โครงสร้างผิวของทารกยังไม่แข็งแรง จึงอาจเกิดการระคายเคือง เกิดผื่นแพ้ผ้าอ้อมได้ง่าย คุณแม่จึงควรเลือกผ้าอ้อมเด็ก ที่นุ่มสบาย อ่อนโยน โดยเลือกผ้าอ้อมที่ผ่านการทดสอบ Dermatologically Tested ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวของลูกน้อย โดยก่อนเลือกซื้อผ้าอ้อมเด็ก คุณแม่ควรลองจับสัมผัสเนื้อผ้าอ้อมก่อน เลือกที่ผิวสัมผัสนุ่ม อ่อนโยนต่อผิวลูกน้อย หากเลือกผ้าอ้อมที่มีผิวสัมผัสไม่ดี อาจทำให้ก้นลูกน้อยระคายเคืองและอักเสบได้

3. เลือก ผ้าอ้อมเด็ก ที่สวมใส่ง่าย เหมาะกับพัฒนาการ

ในวัยที่ลูกน้อยเริ่มมีการเคลื่อนไหวที่มากขึ้น ควรเปลี่ยนจาก ผ้าอ้อมเด็ก แบบเทปกาว มาเป็นผ้าอ้อมแบบกางเกง ที่สวมใส่ง่าย และกระชับมากขึ้น โดยคุณแม่ควรเลือกที่มีขอบเอวยืดหยุ่นดี 2.5 เท่า ทำให้สวมใส่สบาย ไม่รัดแน่นเกินไป โอบกระชับเข้ากับสรีระได้ดี เพื่อให้ลูกน้อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย ทำความรู้จักกับโลกใบนี้ได้อย่างไม่สะดุด ไม่รบกวนเวลาการเรียนรู้ของเด็ก

 

เมื่อลูกน้อยสบายตัว เขาก็จะพร้อมเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ดี รวมทั้งมีพัฒนาการด้านต่าง ๆ อย่างเหมาะสมเป็นไปตามวัย หากวัยทารกเริ่มต้นดีก็จะเป็นรากฐานสำคัญให้กับวัยต่อ ๆ ไป ซึ่งคุณแม่สามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกน้อย ด้วยผ้าอ้อมเบบี้เลิฟ เพลย์แพ้นท์ พรีเมียม ที่ปรับสูตรใหม่ แห้งไว สบายทันที ซึมซับไวขึ้นถึง 150%

ทำไมต้อง ผ้าอ้อมเด็ก เบบี้เลิฟ ?

  • เบบี้เลิฟ เพลย์แพ้นท์ พรีเมียม ผ้าอ้อมคุณภาพช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกแห้งสบายทันที ด้วยแผ่นซูเปอร์ ดราย ไดมอนด์ ชีท ที่มีผิวหน้าตาราง 3 มิติ ทำให้ซึมชับไวขึ้นถึง 150%
  • ผ่านการทดสอบ Dermatologically Tested โดยบริษัท Dermscan Asia ประเทศไทย ว่าอ่อนโยนไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวลูกน้อย
  • มีประสิทธิภาพการซึมซับดีเยี่ยมยาวนานถึง 11 ชั่วโมง
  • กระชับตัว หมดห่วงเรื่องรั่วซึม ด้วยขอบขาป้องกันของเหลวไม่ไหลย้อน
  • ขอบเอวยืดหยุ่น 5 เท่า สวมใส่สบาย ลูกน้อยอารมณ์ดีทั้งวัน

เบบี้เลิฟ สูตรใหม่ คุณภาพแบบนี้ ช่วยให้คุณแม่หมดห่วงในทุกอิริยาบถของลูกน้อย ตอนกลางวันพร้อมเรียนรู้ ตอนกลางคืนก็หลับสนิท ไม่ต้องกลัวรั่ว ไม่กลัวล้น ที่สำคัญราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้รับ ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ ผ้าอ้อมเบบี้เลิฟ เพลย์แพ้นท์ พรีเมียม ได้รับรางวัล BEST DISPOSABLE DIAPERS สาขา Editor’s Choice จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023.”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ของผลิตภัณฑ์ ผ้าอ้อมเบบี้เลิฟ สามารถติดตามได้ที่ www.babylove.co.th

 

5 เทคนิคนับวันไข่ตกให้แม่น

5 เทคนิค นับวันไข่ตก ให้แม่น! ช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์

event
5 เทคนิคนับวันไข่ตกให้แม่น
5 เทคนิคนับวันไข่ตกให้แม่น

วิธี นับวันไข่ตก ให้แม่น เพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ เป็นเรื่องสำคัญของว่าที่คุณแม่ หากคำนวณ วันไข่ตก แล้วกุ๊กกิ๊กกันถูกช่วงเวลา คุณก็อาจจะมีลูกได้ไม่ยาก

การตั้งครรภ์ ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย เพราะมีคู่รักหลายคู่ที่เมื่อแต่งงานกันปุ๊บ พอมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกปั๊บก็ติดเลย … แต่ก็ยังมีหลายคู่ที่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งก็ยังไม่ตั้งครรภ์สักที ทั้งนี้สำหรับคุณผู้หญิงที่เตรียมตัวเป็นคุณแม่ นอกจากการเตรียมสุขภาพร่างกายให้พร้อมต่อการตั้งครรภ์แล้ว การวางแผนมีลูกด้วยการนับวันไข่ตกจากรอบประจำเดือนและสังเกตร่างกายตัวเองว่ามี อาการไข่ตก เพื่อให้ได้วันเหมาะเจาะในการชวนสามีมากุ๊กกิ๊กกันก็สำคัญไม่น้อย

วิธีคำนวณ นับวันไข่ตก

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้หญิง มีลูกยาก คือมีการทำงานของรังไข่ที่ผิดปกติ สังเกตได้จากการที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ รอบเดือนไม่แน่นอน บอกล่วงหน้าไม่ได้ โดยปกติแล้วรอบเดือนของผู้หญิง จะมีระยะเวลาประมาณ 23-35 วัน (แต่ละคนจะไม่เท่ากัน) ส่วนระยะเวลาที่ไข่ตกจะมีระยะเวลาประมาณ 14 วัน (นับวันที่ประจำเดือนมาวันแรกเป็นวันที่ 1 ของรอบเดือน)

ทั้งนี้ในแต่ละรอบเดือนจะมีการตกไข่แค่เพียง 1 ครั้ง เมื่อไข่ตกมาแล้ว จะอยู่ที่ท่อนำไข่ 12-24 ชั่งโมงเพื่อรออสุจิมาผสม ถ้าอสุจิไม่มาผสมหรือผสมไม่สำเร็จ อีก 14 วันหลังจากนั้นก็จะมีประจำเดือน

 

สิ่งที่เราควรทราบคือ เมื่ออสุจิเข้าไปแล้วจะอยู่ในมดลูกได้อีก 48-72 ชั่วโมง ดังนั้นแม้ว่าจะไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กันวันไข่ตก ซึ่งถ้าไปมีเพศสัมพันธ์ก่อนวันไข่ตก 1-2 วันก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ แต่ถ้ามีเพศสัมพันธ์หลังวันตกไข่แล้ว โอกาสตั้งครรภ์จะน้อยกว่าเพราะไข่มีอายุสั้นกว่า

 

1. การนับวันไข่ตก

วิธีนี้ทำได้เมื่อผู้หญิงคนนั้นบันทึกวันที่ประเดือนมาในรอบก่อนหน้าอย่างน้อย 2 รอบเดือน ส่วนคนที่รอบเดือนไม่สม่ำเสมอต้องบันทึกนานกว่านั้น แล้วนำระยะห่างระหว่างรอบเดือนลบด้วย 14 เช่น ถ้าระยะห่างระหว่างรอบเดือนคือ 28 วัน นำ 28 -14 = 14 ดังนั้นจะตกไข่ในวันที่ 14 ของรอบเดือน ถ้าระยะห่างระหว่างรอบเดือนคือ 32 วัน นำ 32-14 = 18 ดังนั้นจะตกไข่ในวันที่ 18 ของรอบเดือน ซึ่งคนที่รอบเดือนไม่สม่ำเสมอ อาจคลาดเคลื่อนได้

2. การวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนวันไข่ตก

อุณหภูมิร่างกายจะลดลงเล็กน้อย และอุณหภูมิจะสูงขึ้นเมื่อไข่ตกแล้ว ซึ่งต้องใช้เวลาวัด สังเกตหาวันไข่ตกจากอุณหภูมิ 2-3 รอบเดือน แต่ผู้หญิงบางคนอาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของร่างกายในช่วงไข่ตก ก็ไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้

3. การสังเกตมูกที่ปากมดลูกในช่วงวันตกไข่

มูกที่ปากมดลูกจะแตกต่างจากปกติ คือเป็นมูกใสออกในปริมาณค่อนข้างมาก ถ้าจับจะเห็นลักษณะยืดยาวหลายเซนติเมตร แต่ผู้หญิงบางคนก็ไม่มีลักษณะมูกดังกล่าวก็ได้

4. การตรวจปัสสาวะเพื่อหาวันตกไข่

การตรวจปัสสาวะเพื่อหาช่วงที่ฮอร์โมนกระตุ้นการตกไข่ LH (luteinizing hormone) ขึ้นสูง โดยปกติ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน LH อยู่ในระดับต่ำๆ และจะขึ้นสูงอย่างรวดเร็วก่อนไข่ตก 12-24 ชั่วโมง เมื่อพบว่าฮอร์โมนขึ้นแล้วให้มีเพศสัมพันธ์ใน 24-48 ชั่วโมง ทั้งนี้ วิธีการใช้ชุดตรวจสอบมีหลายรูปแบบดังนั้นจึงควรอ่านคู่มือคำแนะนำการใช้ให้ละเอียดก่อนเสมอ

5. การตรวจหาวันตกไข่จากน้ำลาย

การตรวจนี้ใช้เครื่องมือตรวจที่มีหลักการว่าในวันไข่ตกจะมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนขึ้นสูง ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับเกลือแร่ในน้ำลาย จะพบว่าเมื่อนำน้ำลายช่วงใกล้ไข่ตกไปแตะลงบนเลนส์ของเครื่องมือตรวจ รอจนแห้งและเมื่อส่องดูจะพบลักษณะผลึกคล้ายใบเฟิร์น

อาการไข่ตกเป็นอย่างไร นับวันไข่ตก อย่างไร

การจดบันทึกข้อมูลเพื่อวางแผนมีลูก

การจดบันทึกข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับร่างกายของคุณผู้หญิงจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ เพราะเมื่อคุณสังเกตและบันทึกการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของร่างกาย จะทำให้ทราบได้ว่าเมื่อใดที่จะมีไข่ตก ซึ่งการจดบันทึกการเปลี่ยนแปลงของร่างกายทุกวัน จะทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นกับร่างกาย สิ่งที่ต้องบันทึก คือ

  • จดบันทึกอุณหภูมิร่างกายหลังตื่นนอน (basal body temperature) ซึ่งเป็นอุณหภูมิหลังการนอนหลับพักผ่อน
  • สังเกตการเปลี่ยนแปลงของมูกช่องคลอด
  • ติดตามร่างกายขณะเริ่มมีรอบประจำเดือน
  • จดบันทึกว่าเมื่อใดที่คุณมีเพศสัมพันธ์บ้าง

ปฏิบัติภารกิจ ในช่วงวันตกไข่ให้ถูกต้อง

เมื่อคุณแม่รู้แล้วว่าความยาวรอบเดือนของตัวเองมีกี่วัน การนับวันตกไข่ที่ถูกต้องคือ นำตัวเลขรอบเดือนนั้นมาลบ 14 จะได้วันที่ตกไข่ นั่นคือ หากมีรอบเดือน 32 วัน คุณแม่จะมีวันตกไข่ในช่วงวันที่ 18 ดังนั้น เมื่อถึงช่วงวันที่ 18-19-20 ของความยาวรอบเดือนก็ควรมีเพศสัมพันธ์ โดยอาจไม่จำเป็นต้องร่วมรักกันทุกวัน เว้นวันกันก็ได้ วิธีนี้จึงเหมาะสำหรับคุณพ่อ คุณแม่ที่มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์กันทั้งสองคน เนื่องจากอสุจิที่แข็งแรงสมบูรณ์ (หลังมีเพศสัมพันธ์) จะสามารถอยู่ในร่างกายคุณแม่ได้นานประมาณ 3 วัน บางคนอยู่ได้นานเกือบ 5 วัน ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

** การใช้วิธีธรรมชาติ ด้วยการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงวันตกไข่ เหมาะสำหรับว่าที่คุณแม่ที่มีรอบเดือนสม่ำเสมอเท่านั้น แต่ถ้าไม่ คุณแม่อาจมีปัญหาในการตกไข่ ทำให้มีลูกด้วยวิธีนี้ค่อนข้างยาก **

 

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :


ขอบคุณข้อมูจาก : เคล็ด(ไม่)ลับ สำหรับคนมีลูกยาก… “นับวันตกไข่” ยังไงให้แม่น – โรงพยาบาลพญาไท 3 | Phyathai 3 Hospital

โรงเรียนจารุวรรณ

โรงเรียนจารุวรรณ บ้านแห่งการเรียนรู้อย่างมีความสุขของเด็กทุกคน

event
โรงเรียนจารุวรรณ
โรงเรียนจารุวรรณ

School Visit วันนี้จะพาทุกคนไปเยี่ยมชม โรงเรียนจารุวรรณ โรงเรียนทางเลือก ขนาดย่อม ที่เปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองรอบด้านอย่างเต็มที่ ถ้าใครกำลังมองหาโรงเรียนทางเลือกดี ๆ ย่านวัชรพล รับรองว่าที่นี่จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย

จากความฝันในวัยเรียน ของ ดร. ธัญรัศม์ นิธิกุลธีระภัทร์  หรือที่เด็กๆ เรียกกันติดปากว่า คุณครูเจี๊ยบ  ที่อยากสร้าง โรงเรียนอนุบาล ในฝันสักแห่ง ที่อบอุ่นเสมือนบ้าน และมีคุณครูที่คอยใส่ใจดูแลเป็นเหมือนพ่อและแม่  ความฝันครั้งนั้นได้กลายเป็นความจริงเมื่อครูเจี๊ยบได้ ก่อตั้ง โรงเรียนจารุวรรณ ขึ้นมา   ปัจจุบันโรงเรียนจารุวรรณตั้งอยู่ย่านวัชรพล มีเนื้อที่กว่า 3.5 ไร่ เป็นโรงเรียนที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น และรอยยิ้ม เสมือนบ้านหลังที่ 2 ของเด็ก ๆ  ด้วยความมุ่งมั่น และตั้งใจ ของครูเจี๊ยบ  ที่ต้องการสร้างเด็กให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา  ผนวกกับการได้รับความเชื่อใจและไว้ใจของผู้ปกครอง จึงทำให้ ปัจจุบัน โรงเรียนจารุวรรณ มีนักเรียนมากมาย และเปิดทำการสอนนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

โรงเรียนจารุวรรณ

บรรยากาศทางเข้าโรงเรียน

โรงเรียนจารุวรรณ

มุมปล่อยพลังของเด็กๆ เพื่อสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็ก และมัดใหญ่

 

การเป็นโรงเรียนพหุปัญญา 

โรงเรียนจารุวรรณ ได้ออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอน โดยนำแนวคิดทฤษฎีพหุปัญญา (Theory of Multiple Intelligences) ของโฮเวิร์ด การ์ดเนอร์(Howard Gardner) นักจิตวิทยาระบบประสาทแห่งมหาวิทยาลัย Harward ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่นำเสนอแนวคิดใหม่ เกี่ยวกับความฉลาดว่ามนุษย์เรามีความฉลาดทุกด้าน เพียงแต่ด้านไหนมากด้านไหนน้อยแตกต่างกัน ซึ่งความฉลาดเหล่านั้นจะหลอมรวมเป็นบุคลิกและวิธีในการแก้ปัญหาต่างๆในชีวิตประจำวันของตัวเรา  จึงทำให้เด็กแต่ละคนเรียนรู้ได้ดีในแบบฉบับของตัวเอง

 

โดยทฤษฎีได้แบ่งความฉลาดออกเป็น 9 ด้านด้วยกันอันได้แก่

  1. ความฉลาดด้านภาษา (Linguistic Intelligence) ความสามารถในการใช้ภาษารูปแบบต่างๆ ทั้งภาษาพื้นเมือง จนถึงภาษาอื่นๆ ด้วย สามารถรับรู้ เข้าใจภาษา และสามารถสื่อภาษาให้ผู้อื่นเข้าใจได้ตามที่ต้องการ
  2. ความฉลาดด้านตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence) คือ ความสามารถในการคิดแบบมีเหตุและผล การคิดเชิงนามธรรม การคิดคาดการณ์ และการคิดคำนวณทางคณิตศาสตร์
  3. ความฉลาดด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย (Bodily Kinesthetic Intelligence) ความสามารถในการควบคุมและแสดงออกซึ่งความคิด ความรู้สึก โดยใช้อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงความสามารถในการใช้มือประดิษฐ์ ความคล่องแคล่ว ความแข็งแรง ความรวดเร็ว ความยืดหยุ่น ความประณีต
  4. ความฉลาดด้านมิติ (Spatial Intelligence) คือ ความสามารถในการรับรู้ทางสายตาได้ดี สามารถมองเห็นพื้นที่ รูปทรง ระยะทาง และตำแหน่ง อย่างสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน แล้วถ่ายทอดออกมาอย่างกลมกลืน
  1. ความฉลาดด้านดนตรีและจังหวะ (Musical Intelligence) คือ ความสามารถในการซึมซับ และเข้าถึงสุนทรียะทางดนตรี ทั้งการได้ยิน การรับรู้ การจดจำ และการแต่งเพลง สามารถจดจำจังหวะ ทำนอง และโครงสร้างทางดนตรีได้ดี
  2. ความฉลาดด้านการรู้จักตน (Intrapersonal Intelligence) คือ ความสามารถในการรู้จัก ตระหนักรู้ในตนเอง สามารถเท่าทันตนเอง ควบคุมการแสดงออกอย่างเหมาะสมตามกาลเทศะ และสถานการณ์
  3. ความฉลาดด้านสัมพัน์กับผู้อื่น (Interpersonal Intelligence) คือ ความสามารถในการเข้าใจผู้อื่น ทั้งด้านความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ และเจตนาที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน มีความไวในการสังเกต สีหน้า ท่าทาง น้ำเสียง สามารถตอบสนองได้อย่างเหมาะสม
  4. ความฉลาดด้านธรรมชาติ (Naturalist Intelligence) คือ ความสามารถในการรู้จัก และเข้าใจธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง เข้าใจกฎเกณฑ์ ปรากฏการณ์ และการรังสรรค์ต่างๆ ของธรรมชาติ มีความไวในการสังเกต เพื่อคาดการณ์ความเป็นไปของธรรมชาติ
  5. ความฉลาดในการคิดใคร่ครวญ (Existential intelligence) ชอบคิด สงสัยใคร่รู้ ตั้งคำถามกับตัวเองในเรื่องความเป็นไปของชีวิต ชีวิตหลังความตาย เรื่องเหนือจริง

ด้วยความเชื่อในทฤษฎีนี้โรงเรียนจึงมีการปรับการเรียนการสอนให้เข้ากับเด็กทุกคนในรูปแบบที่ต่างกัน   โดยส่งเสริมให้เด็กได้ลองทำกิจกรรมที่หลากหลายในทุกๆ มิติ ทั้งในห้องเรียน และนอกห้องเรียน  ซึ่งทางโรงเรียนได้จัดให้มีมุมเพื่อส่งเสริมความสามารถของเด็ก ไม่ว่าจะเป็น  ศูนย์พหุปัญญา  6 ศูนย์   ( Play & Learn  / Fun Art / Science / Book Garden / Music & Movement / Nature Smart ) สระว่ายน้ำ สนามบาสเกตบอล โซนปลูกพืชผัก โซนการทำอาหาร

โรงเรียนจารุวรรณ โรงเรียนจารุวรรณ

ศูนย์ Play & Learn ให้เด็กได้เรียนรู้ โดยมาทำกิจกรรม ผ่านการเล่น

โรงเรียนจารุวรรณ

ศูนย์ Fun Art ให้เด็กๆ ได้มาสร้างงานศิลปะอย่างสร้างสรรค์ ผ่านวัสดุเหลือใช้

โรงเรียนจารุวรรณ

ศูนย์ Science  ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านรูปจำลอง

โรงเรียนจารุวรรณ

Book Garden  ให้เด็กๆ สามารถยืมหนังสือนิทานกลับบ้านได้  แล้วนำกลับมาจะได้รับดาว จากคุณครู

โรงเรียนจารุวรรณ

ศูนย์ Music & Movement  ที่มาให้ เด็กๆได้ทำกิจกรรมเข้าจังหวะ เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการด้านต่างๆ รวมถึงการสร้างกล้ามเนื้อ

โรงเรียนจารุวรรณ

Nature Smart  แปลงปลูกพืชผัก ให้เด็กๆ ได้ลองปลูกพืชผัก เพื่อเรียนรู้ธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

 

การเรียนรู้เพื่อพัฒนาพหุปัญญาของโรงเรียนจารุวรรณ

ทางโรงเรียนได้เน้นให้เด็กๆได้เรียนรู้ผ่านโครงงาน (Project Approach)  โดยกระตุ้นให้เด็กสงสัย อยากรู้คำตอบ จนนำไปสู่การสืบเสาะหาความรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง พร้อมทั้งสรุปความรู้ที่ได้ให้กับผู้อื่นได้รับรู้ ด้วยวิธีการที่เด็กๆสร้างสรรค์ด้วยตนเอง  การเรียนรู้ผ่านโครงงานทำให้เด็กได้รู้จักการทำงานเป็นกลุ่ม มีการแก้ปัญหา และหาทางออกร่วมกัน  ซึ่งเป็นแนวทางที่ทางโรงเรียนสนับสนุนมากกว่าการที่จะนั่งเรียนที่โต๊ะเรียนเท่านั้น

โรงเรียนจารุวรรณ โรงเรียนจารุวรรณ โรงเรียนจารุวรรณ

ตัวอย่าง Project  ของเด็กๆ ชั้น ประถม  เด็กได้ซึมซับความเป็นธรรมชาติ ผ่านโครงงานของพวกเขา

โรงเรียนจารุวรรณ โรงเรียนจารุวรรณ โรงเรียนจารุวรรณ

สีหน้าและรอยยิ้มของเด็ก กับ โครงงงานที่พวกเขาได้ลงมือทำเอง

เน้นพัฒนาเด็กแบบรอบด้าน

เด็กที่นี่จะได้เรียนรู้หลากหลาย ทั้ง ภาษา ดนตรี กีฬา ศิลปะ เพราะการพัฒนาเด็กควรพัฒนาสมองทั้ง 2 ซีกไปพร้อมๆกัน เพื่อให้เกิดความสมดุล โดยโรงเรียนมีการจัดสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายให้ทดลองเล่น จนเจอสิ่งที่ตนเองถนัด

โรงเรียนจารุวรรณ

โซนกิจกรรมกลางแจ้ง  ทั้งสระว่ายน้ำ และ สนามบาสเกตบอลเพื่อพัฒนาด้านความสามารถด้านร่างกายและ การทำงานเป็นทีม

โรงเรียนจารุวรรณ

มุมห้องทำอาหาร ให้เด็กๆ ได้ลองทำขนม เพื่อพัฒนาประสาทด้านการรับรู้ รส กลิ่น เสียง

 

สังคมแห่งการการร่วมมือ

ทางโรงเรียนมีจัด Open House เพื่อให้ผู้ปกครองได้เข้ามาเยี่ยมชมทุกส่วนของโรงเรียน รวมถึงฟังนโยบายการเรียน การสอน  เพื่อให้ผู้ปกครองได้ตัดสินใจก่อนพาลูกๆมาสมัครเรียน   และเมื่อเข้ามาเป็นสมาชิกของโรงเรียนแล้ว ทางโรงเรียนมีจัดกิจกรรม “วันพบกันเพื่อลูกรัก” ซึ่งเป็นวันที่ผู้ปกครองได้มาพูดคุย พบปะ กับทางผู้บริหาร และคุณครู อย่างใกล้ชิด นอกจากนั้นแล้วทางโรงเรียนยังมีเครือข่ายผู้ปกครอง  ซึ่งเป็นกลุ่มตัวแทน พ่อแม่ และคุณครู ในการสื่อสาร เรื่องกิจกรรมของเด็ก ๆ   สุดท้ายทางโรงเรียนมีสมุดสื่อสัมพันธ์บ้าน – โรงเรียน  ที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างโรงเรียนและผู้ปกครอง เป็นสมุดที่คุณครู จะเขียนบอกเล่า ความสามารถของเด็ก ๆ รายบุคคลให้ผู้ปกครองได้ทราบเพื่อร่วมพัฒนาเด็กไปในแนวทางเดียวกัน

โรงเรียนจารุวรรณ

ครูเจี๊ยบ – ดร. ธัญรัศม์ นิธิกุลธีระภัทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนจารุวรรณ

 

Mommy’s Love This ถูกใจแม่

  1. ครูเจี๊ยบให้ความสำคัญการพัฒนาคุณครูตลอดเวลา มีการส่งครูไปพัฒนาเรื่องต่างๆ  ทั้งทางด้านวิชาการ และด้านคุณธรรม เพื่อพัฒนาใจของคุณครูไม่ให้ไวต่ออารมณ์  เนื่องจากคุณครูถือว่าเป็นบุคคลที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับเด็กมากที่สุด
  2. คุณครูเจี๊ยบ ได้มีการนำองค์กรภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญ และชำนาญกว่ามาให้ความรู้กับเด็ก เพื่อต้องการพัฒนาความสามารถของเด็กอย่างดีที่สุด
  3. ความดูแลเอาใจใส่ในตัวเด็ก ในทุกระดับตั้งแต่ผู้บริหาร จนถึงคุณครู โดยคุณครูจะใช้หลักจิตวิทยาพัฒนาการเพื่อดูพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัย   มีการประชุมกันระหว่างคุณครู  กับผู้บริหาร  มีการส่งต่อ เด็กจากชั้นเรียนเดิมไปชั้นต่อไป
  4. การสอดแทรก ความเป็นผู้นำ ผ่านคำพูดของคุณครู และกิจกรรม เพื่อให้เด็กๆ มีความมั่นใจ กล้าแสดงออก มีการจัดกิจกรรม   วันผู้นำ (Leadership  Day) โดยให้เด็กๆ เป็นผู้นำในกิจกรรมทั้งหมด คุณครูเป็นเพียงที่ปรึกษา

 

 

คุณสมบัติผู้สมัคร (อายุนับถึงวันที่ 16 พฤษภาคม

ระดับชั้นเตรียมอนุบาล อายุ 2 ปีบริบูรณ์

ระดับชั้นอนุบาล อายุ 3 ปีบริบูรณ์

ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1  อายุ 6 ปีบริบูรณ์

 

เกณฑ์การพิจารณา

ระดับชั้นอนุบาล การสัมภาษณ์ผู้ปกครอง สังเกตพัฒนาการเด็กจากการพูดคุย และให้ลงมือทำกิจกรรม

ระดับประถม       มีการทดสอบความรู้วิชา คณิต ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ 

 

อัตราค่าเล่าเรียน (ปีการศึกษา 2567)

ค่าลงทะเบียนนักเรียนใหม่ 500 บาท

ค่าธรรมเนียมการศึกษา ระดับอนุบาล ปีละ 95,000

ค่าธรรมเนียมการศึกษา ระดับประถมศึกษา ปีละ 111,000

 

ที่อยู่ : 2 ซอยวัชรพล 1/9 ถนนวัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ 10220

ติดต่อ : 02-519-8647

เว็บไซต์ :  http://school.jaruwon.ac.th/

Facebook : https://www.facebook.com/JARUWONMULTIPLEINTELLIGENCESCHOOL

 

Editor : แม่ติส

ภาพ : นันทิยา บุษบงค์


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

บ้านสลัดศิลป์ โรงเรียนสอนศิลปะสำหรับเด็ก Art & Cooking School for Kids

event

บ้านไหนกำลังมองหา โรงเรียนสอนศิลปะ สำหรับเด็ก ๆ วันนี้ ทีมแม่ ABK มีโรงเรียนดี ๆ มาฝากกันค่ะ

กับ บ้านสลัดศิลป์ Art & Cooking School for Kids โรงเรียนศิลปะที่เปิดสอนมามากว่า 13 ปี จากการบอกต่อของผู้ปกครอง ทำให้ปัจจุบันบ้านสลัดศิลป์ขยับขยายและมีสาขามากมาย ทั้งสาขาสวนผัก สาขาบางใหญ่ สาขาพระราม 2 และสาขาที่ School Visit จะมาแนะนำวันนี้ก็คือ สาขาดอกไม้ประตูแจกันวิลเลจ ย่านนนทบุรี ที่เปิดทำการมาเพียง 5 เดือน บ้านสลัดศิลป์สาขานี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้างและบรรยากาศจะเป็นอย่างไร ตามมาดูกันได้เลย

บ้านสลัดศิลป์ ก่อตั้งโดยคุณอาร์ต และคุณแนน ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ ที่อยากส่งต่อประสบการณ์ดีให้กับเด็ก ๆ กับคอนเซปต์ “ ศิลปะมีประโยชน์มาเรียนกับสลัดศิลป์ ” ที่นี่เด็ก ๆ จะได้หัดคิดและลงมือทำชิ้นงานด้วยตนเอง คุณครูจะคอยดูแลและช่วยต่อยอดทางความคิดของเด็ก ๆ บอกเทคนิคต่าง ๆ เช่น การวาดสัดส่วนที่ถูกต้อง หรือการเลือกใช้สีต่าง ๆ ส่วนคลาสเรียนก็หลากหลาย มีทั้งคลาสวาดรูป ระบายสี ตัดกระดาษ ทำอาหารและงานปั้น ไว้ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อและความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก ๆ

มุมกิจกรรมต่างๆ ในบ้านสลัดศิลป์

 

คอมมูนิตี้ใหม่ที่สาขาดอกไม้ประตูแจกันวิลเลจ

สาขานี้เป็นสาขาที่คุณอาร์ตและคุณแนน ตั้งใจสร้างให้เป็นคอมมูนิตี้ทางด้านศิลปะทุกแขนง มีพื้นที่ประมาณ 3 งาน แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือ ส่วนของคาเฟ่ ส่วนของ Workshop Studio และส่วนของบูทอาหาร เป็นเหมือนโรงเรียนศิลปะเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน กิจกรรมก็มีมากมาย จะมาวิ่งเล่น ชมท้องนา ท้องฟ้า จิบกาแฟ หรือวาดรูประบายสีและงานประดิษฐ์ต่าง ๆ ก็ได้

คลาสศิลปะสำหรับเด็กเล็กจะมีทั้งเด็กเล็กอายุ 4-6 ปี และเด็กโตอายุ 7-10 ปี คลาสเด็กเล็กจะได้ทำงานศิลปะ วาด เขียนด้วยสีชอล์ค สีไม้ และสีน้ำ โดยมีการแทรงงานประดิษฐ์และปั้นเพื่อฝึกกล้ามเนื้อมือของเด็กๆ และได้ทดลองวัสดุที่แปลกใหม่ ส่วน คลาสเด็กโต เน้นงานวาดแทรกทฤษฎีทางศิลปะในด้านต่างๆ เช่น น้ำหนัก แสงเงา การไล่สี การจัดองค์ประกอบเป็นต้น สำหรับช่วงปิดเทอมนี้ บ้านสลัดศิลป์ก็มีกิจกรรมทั้งแบบ 1 วัน และแบบแคมป์ 5 วัน มีสอนทั้งศิลปะและทำอาหารอีกด้วย สำหรับแคมป์ 5 วัน ทางโรงเรียนจะมีกำหนดธีมต่าง ๆ ให้เด็ก ๆ เช่น ธีมคาเฟ่ เด็ก ๆ ก็จะได้หัดคิดชื่อร้าน ออกแบบโลโก้ คิดเมนูอาหาร หัดทำเมนูที่จะขาย เรียนรู้เรื่องการตกแต่งร้าน และวันสุดท้ายเด็ก ๆ จะได้ทดลองเปิดร้านจริง ๆ ขึ้นมา เรียกได้ว่าได้เรียนรู้ทุกขั้นตอนด้วยตนเองจริง ๆและแม้ว่าที่นี่จะเน้นสอนศิลปะสำหรับเด็ก แต่ก็มีคลาสสำหรับเด็กโตที่กำลังสอบเข้ามหาวิทยาลัยและคลาสสำหรับผู้ใหญ่อีกด้วย คุณพ่อคุณแม่คนไหนมานั่งเฝ้าลูก ๆ แล้วเกิดคันไม้คันมืออยางลงมือทำงานศิลปะบ้างก็สามารถเรียนไปพร้อมกับลูก ๆ ได้เช่นกัน ส่วนคลาสเรียนทำอาหารในแต่ละครั้ง ชนิดอาหารจะไม่ซ้ำกัน สลับเมนูคาวและหวาน โดยเด็ก ๆ จะได้เริ่มตั้งแต่การเตรียมส่วนผสม ตวง และลงมือทำเองโดยมีคุณครูผู้เชี่ยวชาญดูแล เน้นเป็นศิลปะที่สามารถนำมาทานได้ ช่วงปิดเทอมหรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ถ้าไม่อยากขับรถไปต่างจังหวัดไกล ๆ ก็สามารถพาเด็ก ๆ มาทำกิจกรรมดี ๆ แบบ One Day Trip ที่บ้านสลัดศิลป์ได้ รับรองว่าเด็ก ๆ จะสนุกและได้ความรู้กลับบ้านแน่นอน

มีร้านกาแฟเล็ก ๆ ให้คุณพ่อคุณแม่นั่งรอลูก ๆ ทำกิจกรรม

หากเด็ก ๆ หิวเมื่อไหร่ ก็สามารถแวะไปที่โซนขายอาหารได้ทันที

เด็ก ๆ ได้ฝึกคิดและลงมือทำงานศิลปะด้วยตนเองทุกคน และสามารถอธิบายผลงานของตนเองได้ด้วย

คลาสทำสวนถาด ที่เด็ก ๆ จะได้ทำศิลปะหลาย ๆ แบบในคลาสเดียว ทั้งปั้นดิน ระบายสี ทำเนินหญ้าจัดวางต้นไม้และของตกแต่ง เสร็จแล้วก็สามารถนำผลงานกลับบ้านได้ด้วย

คลาสแต่งหน้าคัพเค้กแสนสนุก

คุณแนนและคุณอาร์ต ผู้ก่อตั้ง บ้านสลัดศิลป์

 

ราคาคอร์สเรียน

คอร์สเรียนศิลปะเด็กเล็ก (4-6ขวบ)

1 คอร์สเรียน 5 ครั้ง เรียนครั้งละ 1 ชม.ครึ่งราคา 2,400บาท

รายครั้ง 700 บาท

คอร์สเรียนศิลปะเด็กโต (7-10ขวบ)

1 คอร์สเรียน 5 ครั้ง เรียนครั้งละ 1 ชม.ครึ่งราคา 2,600 บาท

รายครั้ง 700 บาท

คอร์สเรียนศิลปะเด็กโต๊โต (11 ปีขึ้นไป)

1 คอร์สเรียน 5 ครั้ง เรียนครั้งละ 1 ชม.ครึ่งราคา 2,800บาท

รายครั้ง 700 บาท

คอร์สปั้นประดิษฐ์ (3 ขวบขึ้นไป )

1 คอร์สเรียน 5 ครั้ง เรียนครั้งละ 1ชม.ราคา 2,500 บาท

รายครั้ง 700 บาท

คอร์สเรียนทำอาหาร (4 ขวบขึ้นไป ) Basic cooking

1 คอร์สเรียน 4 ครั้ง เรียนครั้งละ 1.30 ชม.ราคา 3,200 บาท

รายครั้ง 900 บาท

 

⭐โปรโมชั่น พิเศษ !!!⭐

สมัคร 2 คอร์ส ลด 5%

สมัคร 3 คอร์สขึ้นไป ลด 10%

 

 

 

ที่อยู่

บ้านสลัดศิลป์ สาขาดอกไม้ประตูแจกันวิลเลจ

ตำบล บางคูรัด อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี

โทร.081-847-1026

เวลาเปิด-ปิด 8:00-18:00 น.

สามารถสอบถามและจองคลาสที่ไลน์ @saladsil

Instagram @saladsil

Facebook : บ้านสลัดศิลป์

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ : นันทิยา บุศบงค์

เก้าอี้กินข้าวเด็ก สุดคุ้ม! แรกเกิดเป็นเปลไกว โตไปนั่งกินข้าว ใช้ยาว 0-4 ขวบ

account_circle
event

คุณแม่ยุคใหม่ฉลาดเลือกต้องมองการณ์ไกล เลือกสรรของใช้สุดคุ้ม multifunction ที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด และใช้ไปยาว ๆ ได้อีกหลายปี เก้าอี้กินข้าวเด็ก Royal Smart Swing High Chair 2 in 1 multifunction เก้าอี้เปลไกวสุดสมาร์ทที่ช่วยเสริมพัฒนาการที่ดีของลูกน้อย ควบคู่ไปกับความสะดวกสบายของคุณแม่ ลงทุนครั้งเดียวใช้ได้ถึง 2 ฟังก์ชันจัดเต็ม และใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดยาวไปจนถึง 4 ขวบ หรือรองรับน้ำหนักได้ถึง 25 กิโลกรัม คุณแม่อยากรู้แล้วใช่ไหมว่า เก้าอี้ตัวนี้ มีอะไรดี ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ขอรีวิวชัดๆ ให้ดูตรงนี้ค่ะ

Smart Mode เปลไกวอัจฉริยะ

เก้าอี้กินข้าวเด็ก ที่เป็นมากกว่าเก้าอี้เด็ก เพราะฟังก์ชั่นแรกของเขาคือ เปลไกวอัจฉริยะ ที่รองรับการใช้งานได้ตั้งแต่แรกเกิด เพราะการนอนหลับที่ดีของเด็กวัย 0-6 เดือนเกิดเป็นสิ่งสำคัญต่อพัฒนาการที่ดีของลูกน้อย เปลไกวอัตโนมัติจึงเป็นผู้ช่วยให้ลูกนอนนอนหลับได้ยาวนานเต็มอิ่ม ด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอ ไกวได้เป็นธรรมชาติที่สุด เสมือนการอุ้มกล่อมจริงจากอกแม่

เปลไกวสามารถปรับแรงไกวได้ถึง 8 ระดับ มาพร้อมกับเครื่องเล่นเพลง 12 ท่วงทำนอง ที่ช่วยให้ลูกน้อยผ่อนคลาย กระตุ้นพัฒนาการทางสมองของลูกน้อย

นอกจากนี้ยังเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคุณแม่ด้วย Smart Voice Control สามารถสั่งการด้วยเสียงผ่านทาง Smart Phone ซึ่งรองรับได้ทั้งระบบ ios และ Android

และอีกเทคโนโลยีที่น่าสนใจมาก คือ ระบบจดจำเสียง Voice Recognition เมื่อมีเสียงลูกน้อยร้อง ฟังก์ชั่นอัจฉริยะจะปรับไกวและมีเสียงเพลงอัตโนมัติ ช่วยให้คุณแม่อุ่นใจและเบาแรงมากขึ้น

Dining Mode เก้าอี้กินข้าวเด็ก และเก้าอี้อเนกประสงค์

ฟังก์ชั่นต่อมา เมื่อลูกน้อยโตขึ้นสามารถปรับมาเป็น เก้าอี้กินข้าวเด็ก High Chair และเก้าอี้อเนกประสงค์ ที่สามารถรองรับน้ำหนักได้ถึง 25 กก.) เหมาะสำหรับวัย 6 เดือน – 4 ขวบ  เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งรองรับทุกกิจกรรมของลูกน้อย ฝึกวินัยและพัฒนาการที่ดีตั้งแต่มื้อแรกของลูกน้อย มาพร้อมถาดอาหารขนาดใหญ่ ถอดและทำความสะอาดได้ง่าย ทำจาก PP Food Grade ปลอดภัยสำหรับลูกน้อย

Amarin Baby & Kids คัดเลือกให้ เก้าอี้นั่งกินข้าวและอเนกประสงค์สำหรับเด็ก Rocking Kids ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา BEST HIGH CHAIR จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

 

“เก้าอี้ปรับระดับเอนนอนได้สูงสุด 4 ระดับ หรือ 170 องศา และปรับความสูงได้ 5 ระดับตามต้องการ โครงสร้างมั่นคง แข็งแรงด้วย A Design และเป็นวัสดุจากเหล็ก รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 25 Kg.ใช้งานได้นานและคุ้ม

ปลอดภัยด้วยเข็มขัดนิรภัย 5 ทิศทาง ช่วยปกป้องช่วงคอ บ่า ไหล่ลูกน้อย ด้วย Soft pads เพิ่มความนุ่มพิเศษ เบาะรองนั่งทำจากหนัง PU ทำความสะอาดง่าย นุ่มสบาย และเพิ่มการซัพพอร์ตหลังโอบกระชับด้วยเบาะ Cotton Cushion”

 

เมื่อต้องการเปลี่ยนที่นั่งก็สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย มีล้อด้านหลัง อีกทั้งยังพับเก็บได้ง่าย ประหยัดพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านอีกด้วย

ครบครัน 2 in 1 ขนาดนี้ ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ก็ขอมอบรางวัล เก้าอี้นั่งกินข้าวและอเนกประสงค์สำหรับเด็ก BEST HIGH CHAIR 2023 สาขา Editor’s Choice ให้กับแบรนด์ Rocking Kids จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023”

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดีๆ ของผลิตภัณฑ์ Rocking Kids สามารถติดตามได้ที่.www.facebook.com/rockingkids.thailand หรือ LINE ID: @Rockingkids หรือ Website : www.rockingkidsonline.com

อ่านบทความ น่าสนใจอื่น ๆ ได้ที่ 

ประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2023 หมวดอุปกรณ์ดูแลเด็ก

ละมุน เบบี้ ย้ำเป็นผู้นำตลาดออร์แกนิคแม่และเด็ก ตั้งเป้ากวาดยอดขายโตสองดิจิต ด้วยออร์แกนิค ซูตติ้ง ครีม Natural Anti Histamine พร้อมเปิดพรีเซนเตอร์ถุงเก็บน้ำนม ก้อย รัชวิน

event

28 มีนาคม 2567ละมุน เบบี้ รุกตลาดย้ำความเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคสำหรับแม่และเด็ก เป็นผู้ช่วยคุณแม่ 1000 แรกดูแลลูกน้อยอย่างต่อเนื่อง ทุ่มงบการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ตั้งเป้าโตสวนวิกฤตการเกิดต่ำ เปิดตัวสินค้าใหม่ ละมุน ออร์แกนิค ซูตติ้ง ครีม ครีมลดผื่นจากสารสกัดธรรมชาติ เหมาะสำหรับเด็กและผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย พร้อมดึงก้อย รัชวิน เป็นพรีเซนเตอร์ ละมุน ถุงเก็บน้ำนม

นางสาวเนตรนพิศ รุ่งธนเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและผู้ก่อตั้ง บริษัท ละมุน เบบี้ จำกัด กล่าวว่า “ถึงแม้ปัจจุบันกระแสเด็กเกิดใหม่น้อยและมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องทุกปี แต่ไม่ได้มีผลกระทบกับทางแบรนด์ในภาพรวม เนื่องจากกลุ่มลูกค้าของละมุนเป็นคุณแม่ที่มีกำลังซื้อ ให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้ามากกว่าราคา เมื่อใช้แล้วชื่นชอบจะมีการซื้อซ้ำตลอด และยังแนะนำเพื่อนที่เป็นคุณแม่มือใหม่ให้ทดลองใช้ จึงช่วยเพิ่มฐานลูกค้าที่มีคุณภาพของละมุนมาโดยตลอด

สำหรับปี 2567 ละมุน เบบี้ ตั้งเป้าเติบโตกว่า 20% หรือมากกว่า 250 ล้านบาท ด้วยสินค้ากลุ่ม Personal Care เป็นกลุ่มสินค้าที่เติบโตมากที่สุด ทั้งปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ ฝุ่น pm2.5 และ มลพิษทางอากาศ ส่งผลให้สินค้ากลุ่มนี้เติบโตต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยปีนี้ทางบริษัทฯ มีแผนการตลาดเชิงรุกทั้งออฟไลน์และออนไลน์ที่เข้มข้นกว่าปีที่แล้ว ด้วยงบการตลาดที่มากกว่าปีที่แล้วถึง 10%  พร้อมกับการสร้างคอมมูนิตี้คุณแม่ละมุนในรูปแบบสมาชิกและ Open Chat เพื่อแจ้งโปรโมชั่น และกิจกรรมการตลาดให้คุณแม่แบบ Exclusive ก็ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง

 

นอกจากนี้ ละมุนยังรักษาฐานการเป็นผู้ช่วยคุณแม่ปั๊มนมด้วย ถุงเก็บน้ำนม คอลเลคชั่นใหม่ Sweet Cottage ด้วยแรงบันดาลใจจาก English Garden อบอุ่น น่ารัก มาพร้อมกับผ้าคลุมให้นมและกระเป๋าเก็บอุณหภูมิ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับคุณแม่ปั้มนม ในงานนี้ละมุนได้เปิดตัว Brand Ambassador ถุงเก็บน้ำนม คอลเลคชั่น Sweet Cottage ด้วยคุณแม่ดาราคนสวย คุณก้อย รัชวิน คงมาลัย  คุณแม่ที่ให้ความสำคัญในการให้ลูกทานนมแม่ และเป็นหนึ่งในคุณแม่ละมุนผู้ใช้จริงตั้งแต่น้องทะเล พร้อมกับการบอกเคล็ดลับการเลี้ยงลูกสไตล์คุณก้อยในงานอีกด้วย

 

ด้วยความมุ่งมั่นในการทำผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคคุณภาพมาตลอด 13 ปี มีคุณแม่ละมุนจำนวนมากเรียกร้องให้ละมุนทำครีมลดผื่น เพราะให้ลูกใช้หลายยี่ห้อแล้วก็ไม่หาย คุณแม่ก็ไม่อยากรักษาด้วยยาหรือครีมที่ผสมสเตียรอยด์ เพราะกลัวว่า จะสะสมและเป็นผลเสียต่อลูกในระยะยาว และวันนี้ละมุนพร้อมแล้วกับ ละมุน ออร์แกนิค ซูตติ้ง ครีม เนเชอรัล แอนตี้ ฮีสตามีน ครีมลดผื่นจากสารสกัดธรรมชาติ ช่วยลดอาการแพ้ต่าง ๆ อาทิ ผื่นร้อน ผื่นแพ้สารเคมี ผื่นผ้าอ้อม ผื่นแพ้ผิวหนัง ลมพิษ ตุ่มคันจากแมลงได้ถึง 3 ระดับ ทั้งการแพ้แบบเฉียบพลัน แพ้แบบเรื้อรังและการแพ้ระดับภูมิคุ้มกัน  ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงผู้ใหญ่ ผู้มีอาการแพ้ สามารถใช้ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ในราคาที่จับต้องได้ ผลิตภัณฑ์นี้ละมุนทุ่มเทกับการวิจัย และค้นหาส่วนผสมที่ดีที่สุดมาหลายปี ต้องแก้ปัญหาที่ต้นตออย่างตรงจุด ที่สำคัญต้องมาจากธรรมชาติ ด้วยผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ในท้องตลาดส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงเมื่อใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จนอาจทำให้ดื้อยาใช้แล้วไม่เห็นผล รวมทั้งอาการรุนแรงจนเกิดอาการผิวด่างได้

โดยผลิตภัณฑ์ของ ละมุน เบบี้ ที่เปิดตัวใหม่ และถุงเก็บน้ำนม มีความน่าสนใจอย่างไรนั้น ตามมาดูกันค่ะ

 

ละมุน ออร์แกนิค ซูตติ้ง ครีม Natural Anti-Histamine

นวัตกรรม Enzyme Treatment Technology จากประเทศเกาหลี

ลด ฟื้นฟู ปกป้องอาการแพ้เฉียบพลัน เรื้อรัง และระดับภูมิคุ้มกัน

40 กรัมต่อ 1 หลอด ราคา 350 บาท

 

ลดอาการคัน จาก Natural Anti Histamine

สารสกัดใบบัวบก ดีล และร๊อกเก็ต ช่วยลดอาการคันได้ 3 ระดับ ทั้งการการแพ้แบบเฉียบพลัน การแพ้แบบเรื้อรัง และการแพ้ระดับภูมิคุ้มกัน

เพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้น

เชียร์ บัตเตอร์และสารสกัดอะโรเวล่า ช่วยเพิ่ม กักเก็บความชุ่มชื้นและความสดชื่นให้กับผิว ลดอาการผิวแห้งแตกและหยาบกร้าน อย่างเป็นธรรมชาติ

สร้างเกราะป้องกันผิว 

เซราไมด์จากข้าวโอ๊ต และอัลลันโทอิน สารสกัดที่ได้จากรากคอมเฟรย์ ช่วยปกป้องผิวจากอาการแพ้ คันตามผิวหนัง การอักเสบ บวม แดงที่เกิดจากแบคทีเรียและสภาพแวดล้อม

 

Lamoon Sweet Cottage Collection

 ละมุน ถุงเก็บน้ำนม Keep and Feed

5 และ 8 ออนซ์ กล่องละ 190 บาท
  • นมไม่หืนสารอาหารไม่หาย

  • ป้องกันน้ำนมแม่จากกลิ่นหืนด้วยถุงทึบแสง มาตรฐาน Food Grade

  • สารอาหารในนมแม่ไม่หาย ด้วย indicator วัดอุณหภูมิ บอกอุณภูมิที่เหมาะสมในการอุ่นนมแม่

  • ถุงปิดสนิทด้วยซิปล็อก 2 ชั้น

  • ป้องกันการปนเปื้อนด้วยช่องเทนมโดยเฉพาะ

  • มี 2 ขนาด 5 (30 ถุงต่อกล่อง) และ 8 ออนซ์ (25 ถุงต่อกล่อง)

 

คุณแม่สามารถเลือกสรรผลิตภัณฑ์ละมุน เบบี้ เพื่อสิ่งดีที่สุดสำหรับลูกน้อยได้ที่ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิ เซ็นทรัล โรบินสัน ท้อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต บิ๊กซี โฮมโปร ร้านยาชั้นนำ ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมทั้ง Official Store ทาง Lazada, Shopee และ LINE @lamoonbaby  พร้อมสมัครสมาชิก Lamoon Baby club เพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมาย และคุณแม่ละมุนสามารถติดตามกิจกรรมและข่าวสารต่าง ๆ  ได้ทาง

Facebook: www.facebook/LamoonBaby

Instagram: Lamoonbaby

Tiktok:@lamoonbabyofficial

Website:www.lamoonbaby.com

กรุงเทพประกันชีวิต ส่งเสริมพ่อแม่ “ใส่ใจ” ลูกน้อย แนะวางแผนการเงินพร้อมประกันสุขภาพเด็กตั้งแต่เริ่มต้น

event

กรุงเทพประกันชีวิต ร่วมสนับสนุนและส่งเสริมคุณพ่อคุณแม่ ใส่ใจลูกน้อยด้วยการวางแผนการเงินเพื่ออนาคตตั้งแต่แรกเริ่ม พร้อมกับการดูแลสุขภาพ ผ่าน 2 แบบประกันที่ตอบโจทย์ กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์ซื้อ 1 ได้ถึง 2 เพื่อสะสมเป็นทุนการศึกษาพร้อมรับความคุ้มครองพิเศษ   และ แวลู เฮลธ์ (คิดส์)” ประกันสุขภาพเด็กที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีด้วยอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยที่เพิ่มขึ้นเกือบ 40%  ในปีที่ผ่านมา จากความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งการรับมือกับโรคภัยไข้เจ็บในเด็กที่เจ็บป่วยบ่อยและนานขึ้น

นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มของการทำประกันชีวิตสำหรับลูกค้ากลุ่มเด็กว่า ถึงแม้ประเทศไทยจะมีอัตราการเกิดของเด็กค่อนข้างคงที่ โดยในบางปีมีอัตราที่ลดลง แต่ความต้องการด้านประกันสำหรับเด็ก ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการประกันเพื่อคุ้มครองด้านค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อการเกิดโรคต่างๆ มากขึ้น เช่น โรคไข้เลือดออก ไข้หวัดใหญ่  RSV  โรคมือเท้าปาก  โนโรไวรัส ติดเชื้อไวรัสท้องเสีย เฮอแปงไจน่า  โรคที่มาจากฝุ่น pm2.5  และ ไข้หวัดแดด summer influenza   ต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้เด็กเจ็บป่วยบ่อย ป่วยนานและรุนแรงขึ้น

“นอกจากปัญหาด้านสุขภาพแล้ว สิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรคำนึงถึงก็คือการเตรียมเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับลูกเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจยุคปัจจุบันที่ค่าครองชีพได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก ซึ่งโดยหลักจะมี 5 ด้าน คือ 1. ค่าอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี สมวัย  2. เสื้อผ้าของใช้ที่จำเป็น 3. หนังสือ ของเล่นเสริมทักษะพัฒนาการ  4. ค่ารักษาพยาบาล  ซึ่งใน 5 ขวบแรก เด็กจะป่วยประมาณ 2-3 ครั้งต่อปี และต้องนอนโรงพยาบาล เฉลี่ย 3-7 วันต่อครั้ง และ 5. ค่าเทอม ค่าเรียนพิเศษ ซึ่งแนวโน้มส่วนใหญ่ก็จะอยากให้ลูกเรียนโรงเรียนเอกชน 2 ภาษา 3 ภาษา รวมถึงโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดสามารถเตรียมให้เหมาะสมกับตัวเราเองได้ด้วยการวางแผนการเงิน และควรเตรียมความพร้อมให้ลูกตั้งแต่แรกเริ่มซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้เรามั่นใจว่าสามารถรับมือกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต”  นางสาวอรนาฎ กล่าวพร้อมเพิ่มเติมว่า

กรุงเทพประกันชีวิตได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมคุณพ่อคุณแม่ให้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับลูกรัก จึงได้ใช้กลยุทธ์การตลาดในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเพื่อให้ความรู้และแนะนำผลิตภัณฑ์ผ่านนิทรรศการที่เกี่ยวข้องและประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี เช่น การร่วมงาน Amarin & Baby Kids Fair เมื่อปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา มีคุณพ่อคุณแม่ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ภายใต้แนวคิด learning by playing หรือสร้างการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆในบูธ รวมทั้งงานเสวนาบนเวทีที่เพิ่มเติมความรู้ให้คุณพ่อคุณแม่ทั้งในมุม “การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่” ซึ่งจะทำให้ลูกแข็งแรงและได้รับความอบอุ่นจากแม่และครอบครัวไปพร้อมๆกัน และ “เลี้ยงลูกโตไปให้มีตน” เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ในการส่งเสริมให้ลูกได้ค้นพบตัวตน นอกจากนี้ ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการวางแผนการเงินและสุขภาพซึ่งมี 2 แบบประกันให้เลือกและกำลังได้รับความสนใจจากคุณพ่อคุณแม่ คือ กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์ซื้อ 1 ได้ถึง 2 เพื่อเป็นทุนการศึกษาสำหรับลูกในอนาคตพร้อมรับความคุ้มครองพิเศษ และ แวลู เฮลธ์ (คิดส์)” แบบประกันสุขภาพเด็กที่กำลังมาแรงด้วยอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นเกือบ 40% ในปีที่ผ่านมา

กรุงเทพประกันชีวิต ส่งเสริมพ่อแม่ “ใส่ใจ” ลูกน้อย แนะวางแผนการเงินพร้อมประกันสุขภาพเด็กตั้งแต่เริ่มต้น
กรุงเทพประกันชีวิต ส่งเสริมพ่อแม่ “ใส่ใจ” ลูกน้อย แนะวางแผนการเงินพร้อมประกันสุขภาพเด็กตั้งแต่เริ่มต้น

สำหรับ กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์ซื้อ 1 ได้ถึง 2 เป็นแบบประกันเพื่อเป็นทุนการศึกษาลูก รับประกันตั้งแต่แรกเกิด – อายุ 14 ปี เบี้ยประกันภัยคงที่เริ่มต้นเพียง เดือนละ 200 บาท มีให้เลือก 3 แบบตามระยะเวลาความคุ้มครองที่ต้องการทั้ง 15 ปี , 18 ปี และ 21 ปี  เมื่อครบสัญญาจะได้รับเงินคืน 115%, 118% และ 121% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง พร้อมอุ่นใจกับความคุ้มครองพิเศษด้านอุบัติเหตุ และ 4 โรคร้ายแรงในเด็ก รวมทั้งคุ้มครองไปถึงคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัยหากเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ลูกจะได้รับยกเว้นการชำระเบี้ยประกันภัยและรับเงินก้อนเพื่อใช้เป็นเงินสำรองยามฉุกเฉิน พร้อมมั่นใจได้ว่าลูกจะมีเงินทุนเรียนต่อจนจบการศึกษาเพราะครบกำหนดสัญญามีเงินก้อนคืนให้

ส่วน แวลู เฮลธ์ (คิดส์)” เป็นประกันสุขภาพเด็กที่ออกแบบมาเพื่อรองรับค่ารักษาพยาบาลของลูกน้อยตั้งแต่อายุ 1 เดือนถึง 10 ปี ซึ่งเป็นวัยที่อาจเจ็บป่วยบ่อยครั้ง โดยมีจุดเด่นด้านความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่จำเป็น ทั้งค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการในโรงพยาบาลสูงสุด 5,000 บาทต่อวัน ค่าแพทย์ผ่าตัดและค่าหัตถการ สูงสุด 400,000 บาท คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน ผู้ป่วยนอก กรณีอุบัติเหตุ 24 ชม. พร้อมทางเลือกแบบมีความรับผิดส่วนแรกสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีสวัสดิการสำหรับลูกน้อยสามารถจ่ายเบี้ยได้ถูกลง และเมื่อลูกน้อยเติบโตจนอายุครบ 11 ปี สามารถปรับเป็นแบบไม่มีความรับผิดส่วนแรกโดยไม่ต้องแถลงสุขภาพ นอกจากนี้ กรุงเทพประกันชีวิตยังมอบบริการเสริมด้านสุขภาพแบบครบวงจร BLA EveryCare เพื่อการดูแลใส่ใจอย่างเต็มที่

 

แวลู เฮลธ์ (คิดส์)” ยังเป็นแบบประกันสุขภาพสำหรับเด็กที่ดีที่สุดจากการรับรางวัลในปีที่ผ่านมา ถึง  2 รางวัล คือ “Best Health Insurance for Family” จาก theAsianParent Awards 2023 และ “Best Health Insurance for Kids” จากงาน Amarin Baby & Kids Awards 2023 ซึ่งความสำเร็จเป็นผลมาจากการให้ความ “ใส่ใจ” และ “เข้าใจ” ในพฤติกรรมผู้บริโภค ด้วย insights จากการวิจัยเพื่อรับรู้ความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ และสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์  รวมทั้งยังสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านกิจกรรมและโซเชียลมีเดียด้วยการสื่อสารที่ “จริงใจ” จากผู้เชี่ยวชาญทั้งคุณหมอเด็กและนักวิชาการ ด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ นอกจากนี้เรายังมีคุณพ่อคุณแม่ตัวจริงที่ใช้บริการของเราแล้วชื่นชอบจึงบอกต่อ ซึ่งเป็นเสียงสะท้อนที่เราอยากพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ได้ใช้เวลากับการดูแลลูกได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” นางสาวอรนาฎ กล่าวในที่สุด

Carroll Preparatory PRIMARY & PRESCHOOL ศูนย์การเรียนรู้แห่งอิสระ สร้างสรรค์ตัวตนเชิงบวกโดดเด่น เน้นพัฒนาการรอบด้าน 

event

คำว่า “โรงเรียนในฝัน” คือ คำนิยามที่เหมาะสมกับ Carroll Preparatory PRIMARY & PRESCHOOL มากที่สุด!!

โรงเรียนนี้ดีตรงที่เข้าเรียน 9.00 น. แบบไม่เร่งรีบ ไม่บีดรัดเวลา เพื่อเด็ก ๆ จะอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ได้นานที่สุด โรงเรียนนี้ดีตรงที่ตั้งอยู่ในโครงการ บอง มาร์เช่ ศูนย์รวมร้านค้า อาหาร กิจกรรมนานาประเภท ล้อมรอบด้วยบึงน้ำ อาหารก็อร่อย บรรยากาศผ่อนคลาย โรงเรียนนี้ดีตรงที่การเดินทางมาง่ายไม่ซับซ้อนแม้แต่น้อย องค์ประกอบแวดล้อมแสนจะลงตัว Carroll Prep จึงเป็นอีกโรงเรียนหนึ่งที่ School Visit วันนี้ ทีมแม่ ABK ไม่พลาดที่จะพามาเยี่ยมชมค่ะ

อาคารเรียนตั้งอยู่ใน โครงการ บอง มาร์เช่ มาง่ายและสะดวกสบายมาก

การตกแต่งภายในอาคารเรียน ใช้สีสันสดใส น่ารักเหมาะกับเด็ก ๆ

 

Life : สุข-จิต สุข-ใจ

คุณจอร์จ แคร์โรลล์ และ คุณแพท พนิดา แคร์โรลล์ ผู้ก่อตั้ง Carroll Preparatory PRIMARY & PRESCHOOL เริ่มเปิดสถาบันสอนภาษาอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. 2548 ทั้งคู่พบว่า อุปสรรคหลักๆในการเรียนภาษา คือ การเรียนแบบ Passive หรือ การเรียนแบบท่องจำ การเรียนเพื่อสอบ ทำให้เด็กหมดไฟในการเรียนรู้ พฤติกรรมการเรียนก็แย่ไปด้วย เมื่อเด็กไม่ได้อยากยกมือถาม ไม่มีความสงสัย และไม่สนว่าตัวเองจะรู้หรือไม่ นั่นคือ pain point ทางการศึกษา

ในวันที่ครอบครัวของคุณจอร์จและคุณแพทเฟ้นหาโรงเรียนที่ดีที่สุดสำหรับลูกนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โรงเรียนที่เลือกต้องตอบโจทย์เรื่อง การให้อิสระและการสร้างตัวตนในวัยเด็ก เป็นบูรณาการที่ให้ความรู้รอบด้านและสร้างนิสัยใฝ่รู้ให้เด็ก ๆ ควบคู่ไปกับการเติบโตอย่างมีคุณภาพด้านอารมณ์ การเสาะหาโรงเรียนที่พร้อมสำหรับลูกครั้งนั้นจึงกลายเป็นที่มาของการก่อตั้ง Carroll Preparatory PRIMARY & PRESCHOOL เพื่อมอบสิ่งที่ดีและการดูแลที่ดีที่สุดให้ลูก สู่การส่งต่อการศึกษาที่มีคุณภาพให้ผู้อื่น ปัจจุบัน Carroll Preparatory PRIMARY & PRESCHOOL เปิดสอนตั้งแต่ Nursery – ประถม 6

 

Learn : ไทย + Ontario ผสมผสานอย่างเหมาะสม

เพราะเป้าหมายหลักของโรงเรียน คือ การพัฒนาเด็กให้มีตัวตนเชิงบวก รักการเรียนรู้ สามารถเผชิญสถานการณ์ยากลำบาก และการเปลี่ยนแปลงของโลกไปได้ โดยที่ยังมีสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตที่ดีจึงสำคัญมาก การจัดการเรียนการสอนแบบ Ontario แคนาดา จะช่วยปูพื้นฐานทุกด้านให้แน่น จุดเด่น คือ การโฟกัสตนเอง..เกี่ยวข้องกับอารมณ์ การสร้าง Self ต่างๆ Self-confidence ,Self-control , Self-esteem จากกิจวัตรและการเรียนรู้ในทุกๆวัน เด็กๆที่ Carroll Prep จะช่วยเหลือตัวเองตลอดเวลา และภูมิใจเมื่อทำอะไร ๆ ได้ด้วยตัวเอง และในที่สุดเด็ก ๆ จะเห็นคุณค่าในตัวเอง ผสมผสานกับ หลักสูตรแกนกลางของประเทศไทย ช่วยให้เด็ก ๆ ใช้ภาษาไทยอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับชีวิตความเป็นอยู่ ทั้งในครอบครัว ชุมชน และสังคมไทย

 

Active Learner

“วันนี้เด็กๆ อยากทำอะไรคะ? ”

เป็นคำถามเปิดทางเบื้องต้นก่อนเข้าสู่การเรียนรู้ในแต่ละวันที่ Carroll Prep ค่ะ ถ้าจุดมุ่งหมายคือ ต้องการให้เด็ก ๆ เรียนรู้ (ตามหัวข้อที่ได้จัดไว้) การให้ทำกิจกรรมอย่างเดียวอาจไม่พอ แต่ต้องทำให้เด็ก ๆ อยากทำกิจกรรมด้วยเช่นกัน นั่นคือ Motivation ดังนั้นการถามความต้องการของเด็ก ๆ จะทำให้คุณครู “ไปถูกทาง” จากนั้นเป็นเทคนิคของคุณครูในการค่อย ๆ รวบรวมความต้องการของเด็ก ๆ ดึงเข้ามาสู่กิจกรรม คุณครูที่ Carroll Prep ก็ทำได้ดีมากเช่นกัน ผลที่ได้คือ เด็ก ๆ Happy และได้ความรู้ คุณครูก็ทำได้ตามเป้าหมาย เยี่ยมไปเลย!

การเรียนการสอนที่เน้นให้เด็ก ๆ มีความสุข

ทักษะภาษาอังกฤษ

เด็ก ๆ จะสื่อสาร อ่านและเขียน ในภาษาอื่นเพิ่มเติมได้ดี เมื่อเด็กได้เรียนรู้ภาษาจากการสร้างความสัมพันธ์ในสังคม การมีเพื่อน การได้เรียนกับคุณครู ทำให้เกิดทักษะการกำกับตนเอง ความอยากรู้อยากเห็น กล้าถาม ซึ่งเป็นทักษะที่ถ่ายทอดไปใช้ในทักษะอื่น ๆ ได้ (Transferable Skill) ทำให้เด็ก ๆ ที่ Carroll Prep ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีและก็มีความสุขมากในเวลาเดียวกัน

 

Kindergarten : Play Based + Guide Play Based Learning

สำหรับน้องชั้นอนุบาล ใช้รูปแบบการเล่นแบบมีโครงสร้างและเป้าหมาย เน้นเรื่องวินัย ความรับผิดชอบ กิจกรรมออกแบบมาเพื่อให้เล่นได้อย่างมีอิสระ เริ่มต้นของวันด้วยการฟังนิทานร่วมกัน จากนั้นแยกไปทำกิจกรรมกลุ่มย่อย Homeroom Teacher จะดูแลเอาใจใส่เด็ก ๆ ตลอดเวลา คอยสังเกตว่าเด็กพร้อมเรียนรู้หรือไม่ อยู่ในอารมณ์แบบไหน ตามทันหรือเปล่า หรือต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ (ทั้ง Subject Teacher และเด็ก ๆ ในกลุ่มย่อย) ในขณะที่ Subject Teacher ( คุณครูรายวิชา ) ก็จะดูแลด้านวิชาการ เนื้อหาที่เด็ก ๆ ต้องเรียนรู้

 

Primary : Project Based Learning

สำหรับพี่ชั้นประถม หลังจากผ่านการปูพื้นความพร้อมทุกด้าน และเริ่มรู้ความชอบของตัวเอง ว่าอยากเรียนหรืออยากทำอะไร คุณครูจะนำเอา requirement จากเด็ก ๆ มาดึงเข้าสู่ Learning Goal ด้วยการจัดกลุ่มเรียนตามความถนัดของเด็ก ๆ ( จะทำให้เด็กๆช่วยกันเรียนตามประสานคนที่ชอบอะไรคล้าย ๆ กัน ) และเข้า Ability Group 3 วันต่อสัปดาห์ ,ทำ Project 2 วันต่อสัปดาห์

พี่ ๆ ชั้นประถมที่โตหน่อย จะได้เลือก Classroom Jobs ในตอนเช้า ใครมาก่อนได้เลือกก่อน ได้แก่ Gardeners นักจัดสวน ,Take care of animal ดูแลสัตว์เลี้ยง , Library helpers บรรณารักษ์น้อย , Lunch helpers ทีมงานอาหารกลางวัน , Cleaners นักทำความสะอาด , Read for friends , Bedding helpers , Classroom helpers ผู้ช่วยของครู พี่ได้ทำหน้าที่ น้องเล็กก็ได้เห็น เรียนรู้ แล้วก็อยากจะทำอย่างพี่ ๆ บ่อยครั้งนะคะที่สิ่งดี ๆ ไม่จำเป็นต้องสอน แต่เด็ก ๆ ถ่ายทอดกันเอง

เด็ก ๆ สามารถช่วยเหลือตนเองได้เป็นอย่างดี

แม้จะเป็นการเล่น ก็เป็นการเล่นที่มีระบบ

เกมส์บูรณาการคณิตศาสตร์

เด็ก ๆ ที่เป็นชาวจีน จะมี Homeroom Teacher เป็นชาวจีนเช่นกันค่ะ

 

 

ประเมินผลรูปแบบเกมส์

นอกจากจะเป็นการบูรณาการทุกอย่างที่ได้เรียนมา ก็ทำให้เห็นพัฒนาการและวิธีคิดของเด็ก ๆ ในการแก้ไขปัญหา

คุณครูก็จะเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับเด็ก ๆ ทั้งวิธีการและพฤติกรรม ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาการการสอน การจัดกิจกรรมให้ว้าวขึ้น ตอบโจทย์ผู้เรียนมากขึ้น นำไปใช้จริงให้ดียิ่งขึ้นได้ และ win win ทุกทางค่ะ

 

เด็กๆ กล้าคิด กล้าพูด อย่างมีกาละเทศะ

วิธีการ การกระทำ คำพูดของคุณครูที่ Carroll Prep สำคัญต่อพัฒนาการทุกๆด้านของเด็กมาก เพราะเด็กมองผู้ใหญ่เป็นแบบอย่าง และเลียนแบบด้วยค่ะ! Action expression reaction ของคุณครู ได้รับการระวัง คิด และฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เพื่อเป็นต้นแบบที่ดีให้เด็ก ๆ ค่ะ

คลาสเรียนกับคุณครูต่างชาติ การสื่อสารและไหวพริบทางด้านภาษาจะเกิดขึ้นเมื่อได้เด็กๆได้อยู่รวมกันเป็นสังคม

 

Reflection การรับฟัง สำคัญในทุกช่วงวัย

เสียงสะท้อน หรือ feedback สำคัญในการแก้ไข หรือ พัฒนา

แล้วยังเป็นการสร้างตัวตนให้เด็กๆรู้สึกว่า ต่างก็เป็นคนสำคัญ เสียงที่ถูกฟัง ในทางกลับกันเด็กๆก็ได้หัดฟังเสียงของคนอื่นด้วยเช่นกัน สิ่งนี้สร้าง Empathy หรือการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ..สิ่งที่เกิดขึ้นและทำได้เฉพาะมนุษย์เราเท่านั้น

Mini sky-farm ที่ขนาดไม่ใหญ่แต่เรียนรู้อะไรได้มาก แถมยังมีงานให้เด็ก ๆ ทำด้วย

น้ำอัญชัญที่เด็ก ๆ ช่วยกันทำและขายกันเอง (Project Based Learning ร่วมกับ ตลาดบองมาร์เช่)

 

Environment ระบบนิเวศน์รอบตัวเด็กๆ

เด็กจะอบอุ่นและมีความสุขถ้าเห็นคนที่เขารักและแคร์มีความสัมพันธ์ที่ดี การสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง ผู้ปกครอง ครู และโรงเรียน จึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างระบบนิเวศน์รอบตัวเด็ก ๆ ให้แข็งแรง

สำหรับผู้ปกครองที่พาลูกมาเรียนใหม่ ทางโรงเรียนจะจัดคลาสเพื่อทำความเข้าใจ ในการพัฒนาการเด็ก การส่งเสริมพัฒนาเด็ก และวิธีการเรียนรู้ของเด็ก เพื่อให้ผู้ปกครองมีความรู้ความเข้าใจความคาดหวังที่เหมาะสม คุณพ่อคุณแม่ สามารถมาใช้พื้นที่ที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ นั่งรอลูกๆหรือทำงานที่เลาจ์ในโรงเรียนได้ด้วย นอกจากนี้ ทุกเดือนจะมีกิจกรรมให้ผู้ปกครองเข้ามาร่วมตกแต่งโรงเรียน และมีกิจกรรมอาสามากมายทั้งมาสอน และมาแชร์เรื่องราวของตนเองให้เด็ก ๆ ฟัง

สำหรับครู ทางโรงเรียนมีทีมซัพพอร์ตคุณครู คอยช่วยสอน แนะแนวและช่วยเหลือทุกๆด้าน เพื่อให้คุณครูมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่กลัวผิด มีสุขภาพจิตดี และเป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กนักเรียนได้ด้วย ที่โรงเรียนนี้คุณครูจะประชุมทีมกันทุกวัน โดยมีหัวข้อในการประชุมสลับกันไปในแต่ละวัน ซึ่งหัวข้อเหล่านี้คุณครูจะเรียนรู้และนำมาจากเด็ก ๆ และจากคุณครูด้วยกัน

อาคารเรียนสวยงามเด็กๆก็มีความสุขที่ได้มา

Mommy Love This! ถูกใจแม่

เด็กๆ สามารถมาเรียนแต่ตัว! ไม่ต้องเตรียมข้าวของเครื่องใช้อะไรมา ที่ Carroll Prep เตรียมให้ทุกอย่าง คล่องตัวและสะดวก

พัฒนาการดีแบบก้าวกระโดดจนคุณแม่ต้องปลื้ม นอกจากเด็ก ๆ จะอยากมาเรียนด้วยตัวเองแล้ว Carroll Prep เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ จัดการกิจวัตรของตัวเองทุกอย่าง ทาน Snack เอง จัดโต๊ะ+ตักอาหาร+เก็บกวาด+ล้างจานเอง

ไม่มีการบ้านใด ๆ ทั้งนั้น คุณพ่อคุณแม่คุณลูก สามารถใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่

พัฒนาการทางอารมณ์เติบโตเข้มแข็ง (สอนวิชาการไม่ยากเท่าสอนเรื่องอารมณ์นะคะ)

ทักษะภาษาอังกฤษของเด็ก ๆ ดีและเด็กก็มีความสุขมาก

Kids rule! ซน ซ่าส์ กล้าแสดงออก ได้เต็มที่ อยากเรียนหรือทำอะไร บอกคุณครูได้เลย

ที่ Carroll Prep สอนให้นักเรียนลอง ล้มเหลว และก้าวผ่านความล้มเหลวเหล่านั้น ซึ่งนั่นจะช่วยสร้างความมั่นใจ ความกล้าที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้ให้ความสำคัญกับสิ่งที่สามารถใช้ในการแก้ปัญหาได้จริง

ผู้ปกครองสามารถมานั่งทำงานคอยเด็กๆบริเวณด้านบนและเลาจ์ชั้นล่าง

คุณจอร์จ แคร์โรลล์ และ คุณแพท พนิดา แคร์โรลล์ ผู้ก่อตั้งโรงเรียน

 

ค่าเล่าเรียน (บาท/ปี) โดยประมาณ

Kindergarten 0 (Nursery) : 220,000 – 235,000 บาท

Kindergarten 1-3 : 220,000 -235,000 บาท

Prathom 1-3 : 235,000 – 252,000 บาท

Prathom 4-6 : 257,000 – 275,000 บาท

รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามโรงเรียนได้โดยตรง

 

CARROLL PREPARATORY PRIMARY & PRESCHOOL

105/1 Bon Marche Building G

Ladyao Chatuchak, Bangkok 10900

Tel. 02-954-2168

Line OA: @carrollprep

Email: [email protected]

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข , ภูเบศ บุญเขียว

ให้อากาศในบ้านสะอาด เป็นพื้นที่ปลอดภัย เริ่มได้ตั้งแต่การเลือก สีทาบ้านภายใน

event

บ้าน คือสถานที่พักผ่อนกายใจใช่มั้ยคะ? สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่แบบเราๆ ที่มีลูก ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ คือความปลอดภัยสำหรับทุกชีวิตในบ้าน เพราะอากาศภายนอกที่พบเจอนั้นไม่ปลอดภัย ไม่ว่าจะฝุ่น PM 2.5 ไหนจะไวรัสหลากหลายสายพันธุ์ที่เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า อากาศในบ้านของเราสะอาดเพียงพอ ไม่มีสารเคมีอันตรายเจือปนอยู่ในอากาศที่เราสูดเข้าไป?

อากาศสะอาด ในบ้าน เพื่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัว

อากาศเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญต่อการดำรงของทุกชีวิต เนื่องจากปัญหาฝุ่นควันมลพิษภายนอกยังคงเป็นที่น่ากังวล จะออกจากบ้านเราต้องคอยเช็กค่าฝุ่น ใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตัวเองในเบื้องต้น ในบ้านก็เช่นกัน เพราะที่อยู่อาศัยควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ควรจะมีอากาศสะอาด ให้ทุกคนในครอบครัวได้หายใจอย่างปลอดภัยในบ้านของตัวเอง ลดความเสี่ยงจากผลกระทบของมลภาวะทางอากาศ ที่มีต่อสุขภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลกระทบที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ

สารฟอร์มัลดีไฮด์ ภัยเงียบใกล้ตัวที่มองไม่เห็น

อากาศไม่สะอาด อันตรายของสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า นอกจากจะเป็นฝุ่น และแบคทีเรีย ส่วนหนึ่งมาจากสารฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งเป็นสารที่ไม่มีสี ติดไฟได้รวดเร็วในอุณหภูมิห้อง มีกลิ่นแรง ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในผลิตภัณฑ์สำหรับก่อสร้างอาคารบ้านเรือน ไม่ว่าจะเป็น ไม้อัด ไม้เนื้อแข็งที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ พื้นไม้ลามิเนต สารเคลือบวัสดุต่างๆ วอลเปเปอร์ติดผนังที่มักนิยมใช้กัน รวมถึงสีทาบ้านที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยจะได้รับเข้าสู่ร่างกายด้วยการสูดดมเข้าไป ทำให้เกิดการระคายเคืองตาแสบคอ และจมูก บางรายอาจเป็นผื่นอันเนื่องมาจากการแพ้ นอกจากนี้หากใช้ชีวิตอยู่กับฟอร์มัลดิไฮด์ไปนานๆ ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งอีกด้วย

สูดหายใจได้หายห่วง เพราะอากาศสะอาดในบ้าน

อย่างที่กล่าวถึงไปในข้างต้นว่านอกจากจะต้องจัดการดูแลความสะอาดในบ้าน กับจุดที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแล้ว ความสะอาดของอากาศที่เราสูดเข้าไปในแต่ละวันก็จำเป็นไม่แพ้กัน เพราะทุกชีวิตไม่ว่าจะเป็นลูกน้อย คุณตาคุณยายที่มาเยี่ยม หรืออาศัยในชายคาเดียวกัน แม้แต่สัตว์เลี้ยง ที่เค้ามีประสาทรับกลิ่นที่ละเอียดกว่ามนุษย์เราหลายสิบเท่า ซึ่งก็ต้องการอากาศสะอาด เพื่อการหายใจที่ปลอดภัย และจำเป็นต่อการดำรงชีวิตเหมือนกัน ดังนั้นเรามาดูกันค่ะว่า อะไรบ้างที่จะมาเป็นตัวช่วยให้อากาศในบ้านสะอาด

  • เครื่องฟอกอากาศ: ปัจจุบันเครื่องฟอกอากาศถือเป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรกๆ สำหรับบ้านที่มีลูกเล็ก เพื่อความปลอดภัยในการหายใจของลูกน้อย ห่างไกลจากฝุ่น และลดการเกิดภูมิแพ้ที่ทำให้ไม่สบาย
  • การล้างแอร์อย่างน้อยทุก 6 เดือน : เครื่องใช้ไฟฟ้าติดบ้านสำหรับเมืองร้อนอย่างบ้านเรา ควรล้างอย่างน้อยทุก 6 เดือน เพื่อป้องกันการเกาะตัวของฝุ่น และเชื้อโรคในอากาศที่ปล่อยออกมา ทำให้เราสูดเข้าไปโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ยังช่วยลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์อีกด้วย
  • ปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ: ให้ความสดชื่นด้วยสิ่งที่ธรรมชาติสร้าง ต้นไม้สวยๆ เช่น ต้นมอนสเตอร่า, ไทรใบสัก, ยางอินเดีย ฯลฯ สามารถช่วยลดฝุ่นฟุ้งกระจายภายในบ้าน แถมยังได้ตกแต่งบ้านให้ดูดีได้ไปในตัว
  • เลือกใช้สีทาบ้านภายใน : นวัตกรรมที่ช่วยให้ภายในบ้านเป็นพื้นที่ที่หายใจได้อย่างปลอดภัย เริ่มได้จากการเลือกสีที่มีคุณสมบัติช่วยฟอกอากาศ กำจัดสารฟอร์มัลดีไฮด์ ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ หรือภูมิแพ้ได้

เลือกสีทาบ้านฟอกอากาศได้ จุดเริ่มต้นดีๆ เพื่ออากาศสะอาดในบ้าน

เมื่อคุณพ่อคุณแม่คิดจะปรับปรุงที่อยู่อาศัย เข้าไปอยู่บ้านใหม่ หรือคิดจะทำห้องให้เจ้าตัวเล็ก หนึ่งสิ่งที่ควรคำนึงถึงคือสีทาบ้านที่มีมาตรฐาน และปลอดภัยกับทุกชีวิตในบ้าน #ทีมแม่ABK ขอแนะนำ

สีเบเยอร์ชิลด์ แอร์เฟรช โกลด์ ไอออน ด้วยคุณสมบัติเด่นที่ได้รับการยอมรับและมีใบรับรองด้านความปลอดภัยจากสถาบันระดับโลกมากมาย แบบนี้แหละที่ #ทีมแม่ABK ถูกใจ!

  • สามารถช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ สลายมลพิษ และสารระเหยที่เป็นอันตรายในอากาศด้วยแสง (Photocatalyst)
  • ช่วยลดความเสี่ยงจากสิ่งเร้าของการเกิดภูมิแพ้ และโรคทางเดินหายใจ เพื่อสุขภาพของลูกน้อยและทุกคนในบ้าน
  • ลดสารฟอร์มัลดีไฮด์ในอากศ ช่วยเพิ่มคุณภาพอากาศภายในบ้าน (Indoor Air Quality)
  • มีกลิ่นอ่อน ไม่ฉุน (Low Vocs) เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทาเสร็จเข้าอยู่ได้ภายใน 5 นาที หลังสีแห้ง
  • เช็ด ล้าง ทำความสะอาดง่าย คุณแม่ก็หายห่วง ปล่อยให้ลูกๆ ได้ใช้จินตนาการขีดเขียนเต็มที่ ทนการขัดถูได้มากกว่า 400,000 ครั้ง
  • สามารถยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ มือเท้าปาก RSV แบคทีเรีย และ เชื้อรา บนผนังได้ ด้วยนวัตกรรม โกลด์ ไอออน เพียงหนึ่งเดียวจากเบเยอร์

 

เห็นมั้ยคะว่า เราเองก็สามารถปกป้องคนที่เรารัก ลูกน้อย คุณตาคุณยาย และสัตว์เลี้ยงจากมลภาวะใกล้ตัว ให้ได้สูดอากาศสะอาดในบ้าน เริ่มได้ตั้งแต่ขั้นตอนปรับปรุงบ้านก่อนเข้าอยู่ ด้วยการเลือกสีทาบ้านที่มีมาตรฐาน ช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ อย่าง สีเบเยอร์ชิลด์ แอร์เฟรช โกลด์ ไอออน นั่นเองค่ะ

 

หากสนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

https://www.beger.co.th/gold-ion/

keyboard_arrow_up