โรงเรียนจิตตเมตต์

เจาะลึก! แนวทางการเรียนการสอน โรงเรียนจิตตเมตต์ (ปฐมวัย) ให้เด็กๆ เรียนรู้ทักษะชีวิตพัฒนาตนเองอย่างมีความสุข

event
โรงเรียนจิตตเมตต์
โรงเรียนจิตตเมตต์
โรงเรียนจิตตเมตต์ (ปฐมวัย) โรงเรียนทางเลือกที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้มาใช้ชีวิต
เรียนรู้ทักษะชีวิตและพัฒนาตนเองอย่างมีความสุข

ปูพื้นฐานและทักษะชีวิต เพื่อให้เด็กเติบโตไปด้วยความพร้อม

School Visit วันนี้จะพาทุกคนมาเจาะลึกถึงแนวทางการเรียนการสอนของโรงเรียน จิตตเมตต์ (ปฐมวัย ) โรงเรียนทางเลือกย่านตลิ่งชัน ที่หลาย ๆ คนคงรู้จักและได้ยินชื่อเสียงกันมาบ้างแล้ว โรงเรียนจิตตเมตต์เปิดทำการเรียนการสอนมากกว่า 24 ปี โดยก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ 2543  เป็นโรงเรียนที่มุ่งมั่นพัฒนาเด็กสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์และเน้นพัฒนาทักษะชีวิต ให้เด็กเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติท่ามกลางธรรมชาติ และมองเห็นคุณค่าในตนเอง ปัจจุบันเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น เตรียมอนุบาล – อนุบาล 3  ตลอดระยะเวาลาที่ผ่านมา โรงเรียนมีการปรับเปลี่ยนและพัฒนามาโดยตลอด ด้วยประสบการณ์ของความเป็นครู ผสมผสานกับความเป็นแม่ ทำให้โรงเรียนมองเห็นว่าการจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ หรือการเติบโตของเด็ก ๆ ในแต่ละคนนั้น มีปัจจัยอะไรบ้าง ที่เป็นเรื่องราวที่สำคัญ   โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์

บรรยากาศภายในและภายนอกอาคารเรียน ร่มรื่น อบอุ่นและสบายตา

 

เรียนรวม คละชั้น คละวัย คละอายุ

โรงเรียนจิตตเมตต์ เริ่มเรียนคละอายุเมื่อปี พศ. 2562 เพราะความเป็นจริงในธรรมชาติของมนุษย์ เราต้องอยู่ร่วมกันแบบคละวัย อยู่กับผู้คนที่หลากหลาย ทั้งอยู่ร่วมกับคนวัยเดียวกัน คนที่เด็กกว่าและคนที่โตกว่า ข้อดีของการเรียนคละอายุคือเมื่อมีการอยู่ร่วมกันแบบต่างวัย เด็กๆมีการเรียนรู้ที่หลากหลาย มีการเป็นต้นแบบและการได้เห็น ได้เป็นแรงบันดาลใจ การได้เป็นน้อง การได้เป็นพี่ รู้จักแบ่งปัน  ช่วยเหลือ มีความโอบอ้อมเอื้ออารีต่อกัน มีเมตตาต่อกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ถึงแม้จะมีการทำตามกันการเลียนแบบก็เป็นไปตามวัยในทักษะสังคม ขณะเดียวกันเด็กแต่ละคนก็ยังมีความเป็นตัวของตัวเอง เด็กๆมีความสามารถเลือกและประเมินตัวเองในการใช้ชีวิตได้ เช่น บางครั้งเขาอาจรู้สึกสบายใจ รู้สึกดีกว่าที่ได้เล่นกับน้องเล็ก มากกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน เพราะช่วงเวลานั้นเค้ารู้สึกเป็นฮีโร่ของน้อง ๆ  รู้สึกดีกับตัวเอง เห็นคุณค่าในตัวเอง ซึ่งเป็นการก่อร่างสร้างตัวของคำว่า SELF การอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรมชาตินี้เป็นเรื่องราวที่จะสอนให้เกิดขึ้นไม่ได้  เด็ก ๆ จะอยู่ร่วมกันแบบนี้ 3 ปี ในขณะเดียวกันกิจกรรมของโรงเรียนก็จะมีการทำกิจกรรมตามอายุในระดับชั้นเดียวกันด้วยเช่นกัน เช่น กิจกรรมดนตรีและการเคลื่อนไหวสำหรับอนุบาล 1  2 หรือ 3  และมีการจัดกิจกรรมเป็นคู่ห้องหรือคู่ระดับชั้น หรือทำพร้อมกันทั้งหมดในโรงเรียน

 

กิจกรรมวัน Free day

โรงเรียนจะมี กิจกรรม Free day ทุกวันจันทร์ เด็ก  ๆ จะได้เรียนรวมกันแบบ คละห้อง คละวัย คละชั้น โดยจะมีฐานกิจกรรมให้เด็ก ๆ ทั้งหมด 6-7 ฐานบนพื้นที่ภายในโรงเรียน คุณครูจะชวนเด็กๆพูดคุยเพื่อให้ตัวเด็กเองได้ทราบข้อมูลเพื่อวางแผนลงในแผ่นบันทึกว่าสนใจฐานไหนบ้าง ซึ่งเด็กแต่ละคนอาจมีความสนใจที่ต่างกัน เด็กบางคนอาจจะอยากเข้าฐานทั้งหมด ก็ต้องวางแผนว่าอยากเข้าฐานไหนเป็นอันดับแรก จากนั้นเด็ก ๆ ก็จะไปเข้าฐานตามแผนของตัวเอง เมื่อจบกิจกรรมคุณครูก็จะชวนเด็ก ๆ มาพูดคุยและให้เด็ก ๆ ได้ประเมินตัวเองทั้งเรื่องความชอบและการทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ เพราะอะไร ตัวอย่างกิจกรรมนี้เด็กได้เรียนรู้เรื่องของอารมณ์ความรู้สึก การเลือกการตัดสินใจ การบริหารเวลา รวมถึงการได้รู้ด้วยตัวเองว่าอะไรคืออุปสรรคที่เกิดขึ้น เพื่อการตัดสินใจ วางแผนและพัฒนาในครั้งต่อไป

โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์

ตารางกิจวัตร คือ ทักษะชีวิตอย่างหนึ่งที่เด็กจะได้เรียนรู้ว่า ในหนึ่งวันเขาจะต้องทำอะไรบ้าง

 

หลักสูตรสอดคล้องกับธรรมชาติและพัฒนาการของเด็ก

หลักสูตรของโรงเรียนจะถูกออกแบบขึ้นมาจากพื้นฐานทักษะชีวิตและธรรมชาติของเด็กในแต่ละช่วงวัย โดยคำนึงถึง พัฒนาการ 4 ด้าน  EF (Executive Function) และ SELF โรงเรียนได้นำดนตรีและการเคลื่อนไหวกับศิลปะมาเป็นอีกหนึ่งในกระบวนการเรียนรู้ที่จะเชื่อมระหว่างโลกภายในตัวเค้าสู่โลกภายนอก อีกทั้งเรื่องของการเล่น ดิน ไม้ ทราย น้ำ และการอยู่กับธรรมชาติ เมื่อเราพูดถึงพัฒนาการความพร้อมก็จะมีความสัมพันธ์ของทั้งกายและใจ ซึ่งดนตรีและการเคลื่อนไหวกับศิลปะและสิ่งที่กล่าวมาเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ทั้งหมด เด็ก ๆ จะได้เรียนที่ห้องศิลปะและห้องดนตรีเฉลี่ยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ซึ่งจะมีความแตกต่างจากที่คุณครูนำไปใช้กับเด็ก ๆ ในห้องเรียนในเรื่องของกระบวนการที่มีความเฉพาะจากคุณครูศิลปะและคุณครูดนตรี การเรียนดนตรีและการเคลื่อนไหวอาจไม่ใช่การเรียนเพื่อการเล่นเครื่องดนตรีชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่มันคือการที่เขาได้เห็น ได้ฟัง ได้ลงมือทำ ได้ใช้พื้นที่ ได้จับจังหวะ ซึ่งคำว่า “พื้นที่และจังหวะในที่นี้มีความหมายสอดคล้องกันระหว่างพื้นที่และจังหวะของชีวิต ทุกคนจะมีจังหวะเป็นของตัวเองซึ่งในบางครั้งก็ต้องเคลื่อนไหวบรรเลงและใช้ชีวิตไปพร้อมกับผู้อื่น”

เด็ก ๆ จะได้เรียนดนตรีและการเคลื่อนไหวด้วยแนวคิดของ Orff Schulwerk คือ การเรียนการสอนดนตรีที่สอดคล้องกับธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ ที่ก่อให้เกิดความสุขและการเห็นคุณค่าในตัวเอง เราอาจจะไม่ได้เริ่มจากการเล่นเครื่องดนตรีชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่เริ่มจากการรู้จักร่างกาย อวัยวะที่ทำให้เกิดเสียงและจังหวะ การปรบมือ ตบตัก แบบ Body Percussion มันคือเสียงธรรมชาติที่ทำให้เกิดดนตรี เกิดจังหวะได้ อีกทั้งการนำบทกลอน บทขับร้องอย่าง เช่น กาเอ๋ยกาบินมาไว ๆ เอามาผสมผสานกับการเล่นตบแผะ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับคุณครูว่าจะออกแบบอย่างไร  การเรียนแบบนี้ทำให้เด็กได้เห็น ได้เรียนรู้การสังเกตุหรือคาดเดาบางครั้งการเรียนดนตรีก็ไม่มีคำสั่ง เช่น เมื่อเด็กเข้ามาในห้อง ครูก็แค่ยิ้มต้อนรับ สบตาแล้วปรบมือ เด็กก็มานั่งแล้วก็ปรบมือตาม โดยที่ไม่ต้องมีคำสั่ง ใช้การเฝ้ามองสบตาและสื่อสารกัน Orff เป็นปรัชญาดนตรีที่สามารถปรับหรือออกแบบเพื่อนำไปใช้ได้อย่างหลากหลายตามบริบทของแต่ละพื้นที่ และใช้ได้กับคนทุกวัย ทุกวัฒนธรรม ทั้งหมดนี้คือ ความเข้าใจในความแตกที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ เป็นการเรียนรู้ผ่านท่วงทำนอง คำร้อง ดนตรีและการเคลื่อนไหวอย่างมีความสุข หากมีเด็กที่ยังไม่พร้อมครูก็จะรอแบบให้กำลังใจ และชวนทำไปด้วยกันจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เป็นความสัมพันธ์กันระหว่างแนวคิดนี้กับการเรียนรู้ของโรงเรียน

แนวคิดของ Orff Schulwerk และโรงเรียนได้ให้ความสำคัญกับการเข้าใจความเป็นธรรมชาติของเด็ก  เข้าใจความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ให้โอกาสในการพัฒนาศักยภาพผ่านทางดนตรีและการเคลื่อนไหว กิจกรรม การเล่นอย่างมีความสุข โอกาสที่ให้ทุกคนสามารถนำแนวคิดนี้ไปใช้ในบริบทของตัวเอง คุณพ่อคุณแม่อาจจะใช้ในบริบทของบ้านก็ได้ โรงเรียนอื่นที่อยู่ในประเทศต่าง ๆ ก็นำไปใช้ในบริบทของแต่ละประเทศ ใช้เครื่องดนตรี บทเพลง บทกลอนและท่วงทำนองของแต่ละที่  และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่โรงเรียนกับ Orff Schulwerk  มีความสอดคล้องกัน

โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์

เครื่องดนตรี ตามแนวคิดของ Orff Schulwerk

โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์

เด็ก ๆ จะได้เรียนศิลปะ ที่หลากหลาย เพื่อฝึกกล้ามเนื้อและทักษะต่าง ๆ

โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์

เด็ก ๆ ได้เล่นกับธรรมชาติ

 

สอนให้มองเห็นคุณค่าในตัวเอง

ที่โรงเรียนจะมีกระบวนการที่ให้เด็กเห็นคุณค่าของตัวเอง กระบวนการและบทบาทของครูจะช่วยให้เด็กมี EF ที่ดี ทำให้เด็กเกิดทักษะหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือครูก็ตาม เราอยากเห็นเขามีพัฒนาการที่ดี อยากเห็นเขามีทักษะ EF ที่ดี แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรลืมก็คือ บนกระบวนการที่จะพาเขาไปสู่ความสำเร็จตรงนั้น เราต้องเป็นคนดูแลรักษา SELF ของเขาให้ยังคงอยู่ และเพิ่มมากขึ้น ในอดีตและปัจจุบันเด็กแต่ละคนเติบโตขึ้นมาด้วยการเห็นคุณค่าของตัวเองหรือเปล่า คุณค่าของตัวเองอยู่ที่ไหน คุณค่าของตัวเองอยู่ที่ความคาดหวังของครอบครัวหรือคุณค่าของตัวเองไปถูกแขวนอยู่ที่การยอมรับในสังคมบางอย่างที่มันผิดที่ผิดทาง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเด็กคนหนึ่งที่มันไม่ควรจะเป็นความผิดของเขาเลย ดังนั้นการจัดการศึกษาในระดับปฐมวัยควรย้อนกลับมามองเรื่องที่พัฒนาการทั้ง 4 ด้าน  EF และ SELF จะต้องทำไปพร้อม ๆ กัน

โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์

กิจกรรมต่างๆ ของเด็ก ๆ

การประเมินวัดผล และการบ้าน

โรงเรียนจิตตเมตต์ ไม่ประเมินหรือวัดผลแบบให้คะแนน ให้เกรดในกิจกรรมใด ๆ ถ้าเราเข้าใจเราจะรู้ว่าเด็ก ๆ มีศักยภาพในการประเมินตัวเองอยู่ตลอดเวลาทั้งในขณะที่เล่นหรือทำกิจกรรม เช่น การเล่นปีนป่ายเค้าประเมินตัวเองว่าร่างกายและใจของเค้าพร้อมหรือไม่พร้อมแค่ไหน ทำได้ ไม่ได้ วันนี้ไม่ได้พรุ่งนี้ลองทำใหม่จนสำเร็จ, วัน Free Day ที่เด็กจะได้ประเมินตัวเองว่าเขาสามารถทำตามแผนต่าง ๆ ได้หรือไม่ ถ้าทำไม่ได้เด็กก็จะรู้ด้วยตัวเอง แล้วเริ่มคิดเองได้ว่า ครั้งหน้าควรจะเข้าฐานให้เร็วขึ้นหรือจบอันนี้เพื่อที่จะไปทำอย่างอื่นได้ตามเป้าหมาย การที่เด็กได้โอกาสในการประเมินตัวเองจะนำไปสู่พัฒนาการที่ดี มีทักษะ EF และ SELF ให้แข็งแรง

ที่โรงเรียนจะมีแฟ้มผลงานที่รวบรวมเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้ดู เพื่อให้ผู้ปกครองเห็นว่าเด็ก ๆ ได้ทำอะไรบนกระบวนการใด ทำได้ด้วยตัวเอง คุณครูจะเขียนประเมินพัฒนาการต่าง ๆ เป็นรายบุคคล ไม่มีตารางประเมินเปรียบเทียบดี ดีมาก พอใช้ หรือการให้เกรดให้คะแนน

ส่วนการบ้านไม่ใช่การบ้านประเภทการคัดเขียนหรือบวกลบเลข ถ้ามีก็จะเป็นการบ้านที่ให้เด็ก ๆ ไปพูดคุยสำรวจ บันทึกอาจบันทึกด้วยการวาดหรือการเขียน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความหมาย เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเอง ครอบครัวหรือสิ่งต่าง ที่มีความสัมพันธ์กับตัวเค้า มีการให้เด็กเล่าเรื่อง บอกเล่าทั้งแบบกลุ่มและรายบุคคล ได้สื่อสารออกไปในหลาย ๆ รูปแบบ เมื่อเด็กได้ทำกิจกรรมที่ใช้มือหรือวาดรูปบ่อย ๆ กล้ามเนื้อมือพร้อม เขาจะมีทักษะการเขียนที่ดีขึ้นตามลำดับ การเขียนอาจเริ่มจากชื่อของเขาเองหรือสิ่งที่เค้าสนใจ สิ่งที่ใกล้ตัวเค้า สิ่งที่เค้าอยากบอกเล่าเพราะเป้าหมายของการเขียนคือ “การสื่อสาร” เริ่มตั้งแต่เด็กเล็กเด็ก ๆ จะมีกิจกรรมที่มีการใช้มือ ใช้นิ้วเช่น งานปั้น การฉีกปะติด Finger Paint มี Free Writing  ขีด ๆ วาด ๆ ที่ให้เด็ก ๆ ได้โอกาสในการใช้มือทั้ง 2 ข้าง พอเข้าสู่วัยอนุบาลการเขียนก็จะพัฒนาขึ้นไปอีก เช่น การบันทึกเป็นรูป  เขียนเมื่อเด็กพร้อมที่จะเขียน เขียนเป็นคำมีความหมายรวมถึงการเขียนตัวเลขที่มีความหมายด้วย ไม่ใช่การฝึกเขียน ก-ฮ เด็กบางคนอาจทำได้จากการได้เห็นบ่อย ๆ และจำนำมาเขียน การเขียนได้ช้า-เร็วก็ขึ้นอยู่กับโอกาสและศักยภาพของเด็กแต่ละคน ตัวอย่างการเขียนเช่น ชื่อตัวเอง ชื่อเพื่อน ชื่อพ่อแม่ อายุ ส่วนสูง น้ำหนัก วันเดือนปีเกิด และสิ่งที่อยากสื่อสาร

โรงเรียนทำงานร่วมกันกับผู้ปกครอง

เรื่องที่โรงเรียนอยากพัฒนาให้ที่ดีขึ้น คือให้ผู้ปกครองมีความเข้าใจมากขึ้นในเรื่องของรากฐานการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย และเห็นความสำคัญในบทบาทการเป็นพ่อแม่ที่เข้าใจในการเลี้ยงดูลูกอย่างมีความสุขร่วมกัน ซึ่งจะเป็นเรื่องของการทำงานร่วมกันระหว่างบ้านและโรงเรียน เริ่มต้นจากผู้ปกครองเองเป็นผู้ที่จะเลือกโรงเรียนให้กับลูกเราจะคุยกับพ่อแม่ตั้งแต่แรกเลยว่า“เราจะเลี้ยงลูกไปด้วยกัน” ดังนั้นเราจะอยู่ด้วยกันบนความเชื่อมั่น วางใจและให้โอกาสกันและกัน ผู้ปกครองสามารถเข้ามาที่โรงเรียนเพื่อพูดคุยหรือปรึกษาได้เป็นรายบุคคล เพราะแต่ละครอบครัวมีบริบทที่ไม่เหมือนกัน เหตุและปัจจัยอาจต่างกันการแก้ปัญหาที่จะช่วยดูแลลูกอาจมีความแตกต่างกันไป

ที่โรงเรียนมี“บันทึกลูกรัก”เป็นช่องทางการสื่อสารกับพ่อแม่ที่เชื่อมโยงระหว่างเด็กและครู ที่คุณครูจะส่งให้คุณพ่อคุณแม่ทุกวันศุกร์ ให้คุณพ่อคุณแม่เขียนเล่าเรื่องเด็กๆกลับมาในวันจันทร์ให้ครูทราบเช่น ตอนนี้เด็ก ๆ มีสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ชื่อว่าอะไร วันหยุดนี้ไปเที่ยวไหนกันมา ได้ทำอะไรกันบ้าง ทำให้คุณครูได้รู้เรื่องราวของเด็ก ๆ และครอบครัว หรือรู้จัก รู้ใจเด็กมากขึ้น เมื่อเด็กมาโรงเรียนช่วงนี้มีความสุขกับอะไรคุณครูก็จะทราบด้วยและในวันที่เขาเศร้าหรือร้องไห้มาคุณครูก็จะปลอบหรือชวนคุยช่วยให้เขามีความสุขได้มากขึ้น

โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์

กิจกรรม “ครอบครัวที่แสนวิเศษ” เป็นวันที่ทางโรงเรียนให้นักเรียนเชิญครอบครัวมาได้ 1 คน อาจจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ ปู่คุณย่าก็ได้ แล้วให้เด็ก ๆ ได้ดูแลและทำกิจกรรมร่วมกันในฐานต่าง ๆ ที่ได้จัดไว้

ทุก ๆ พื้นที่ในโรงเรียน ออกแบบเพื่อตอบโจทย์การเรียนรู้

การออกแบบอาคารพื้นที่โรงเรียนต้องตอบโจทย์การใช้ชีวิตและการเรียนรู้ของเด็กทั้งทักษะการใช้ชีวิตและเรื่องของ SI sensory integration เพราะเด็กไม่ได้เรียนรู้แค่ในห้อง เหมือนเราสร้างบ้าน เราไม่ได้ให้เด็กอยู่แค่ในบ้าน เราใช้ชีวิตรอบ ๆ บ้านด้วย ในบ้านหลังนี้ก็มีสวน มีบ่อปลา มีสนามหญ้า มีต้นไม้ มีเครื่องเล่นให้ปีนป่าย มีที่ให้ออกไปเดินเล่น วิ่งเล่น ขี่จักรยาน มีที่อ่านหนังสือ ถ้าฝนตกเวลาเราเข้าบ้านเราทำอะไรกันเล่นกันในบ้าน มันคือสภาพความเป็นจริงของการเป็นอยู่  บรรยากาศห้องเรียนจะเปิดโล่งรับอากาศธรรมชาติ อากาศถ่ายเทได้ดีลดการแพร่ระบาดโรคติดต่อในเด็กรวมถึงในสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา

ในวันที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูง แต่ละห้องก็จะเปิดแอร์พร้อมกับเครื่องฟอกอากาศ  ทางโรงเรียนจะประเมินสถานการณ์ตามความเหมาะสมเพื่อให้เด็กไม่ขาดโอกาสในการเรียนรู้

โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์ โรงเรียนจิตตเมตต์

เด็ก ๆ ได้เรียนทั้งในและนอกห้องเรียน

โรงเรียนจิตตเมตต์

ครูกลม-ธนกร กาศยปนันท์ ผู้อำนวยการและผู้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนจิตตเมตต์

เหตุผลที่ทำให้เด็กๆอยากมาโรงเรียนจิตตเมตต์ทุกวัน

  1. อย่างแรกเขามีความสุข ถามว่าความสุขเกิดจากอะไร ความสุขของเด็กคือการที่เขาได้มาอยู่ในพื้นที่ที่มีคนเข้าใจ ทำให้เขาได้มีโอกาสที่จะเริ่มดูแลตัวเอง ได้เล่นได้คิดอิสระ ได้พูดโดยมีคนรับฟังเขา การที่เด็กคนนึงได้เติบโตขึ้นและได้รับอิสระ “อิสระที่มีขอบเขต” การที่เขามาโรงเรียนแล้วได้มีอิสระที่อยู่ในขอบเขต มันทำให้เขาได้ใช้ชีวิตที่ง่ายขึ้นอย่างมีความสุข ความสุขในการที่ได้ทำสิ่งต่าง ๆโดยที่เขารู้ว่าขอบเขตของเขาอยู่ตรงไหน ขอบเขตที่ทำให้เรารู้ว่าอะไรได้หรือไม่ได้ ทำให้เกิดทักษะ EF คือเขารู้จักการกำกับตัวเอง ยับยั้งชั่งใจ กิจวัตรประจำวันทำให้เด็ก ๆ รู้ว่าต้องทำอะไร เวลาไหนและรู้ว่าในวัน ๆ หนึ่งเขาต้องทำอะไรบ้าง ทำให้ง่ายกับการกำกับตัวเอง และการปรับอารมณ์ ช่วยให้เค้ามีความสุขได้ง่ายขึ้น
  2. เด็กมาที่โรงเรียนเสมือนเป็นโลกของเขา เป็นโลกแห่งความเป็นจริงที่ตามวัย ที่ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อเค้าออกจากอ้อมอกของพ่อแม่ เป็นโอกาสให้เขาติดการพึ่งพาน้อยลง ได้ทำได้คิดด้วยตัวเองมากขึ้น เด็กอยากมีพื้นที่แบบนี้ พื้นที่ที่สามารถทำอะไรด้วยตัวเอง มีคนบอกว่าหนูทำได้ ได้ลองทำ เริ่มใหม่ได้ ไม่มีการตีตราหรือถูกทำโทษ เมื่อมาโรงเรียนเด็ก ๆ ได้ทำกิจกรรมกับเพื่อนกับคุณครู คุณครูรับฟังความคิดเห็นของพวกเค้า ทำให้ทุกคนได้บอกเล่าความคิดของตัวเอง
  3. เขาได้รับการเคารพ เด็กเวลาอยู่ที่ไหนก็ตามแล้วเขารู้สึกว่าเขามีตัวตน เป็นพื้นที่ที่เขาได้เห็นคุณค่าในตัวเอง เป็นที่รัก และถูกเคารพในสิทธิ์ของเขา มันคือโจทย์ใหญ่ที่ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่เราก็อยากอยู่ในพื้นที่แบบนี้ พื้นที่นี้คือพื้นที่แห่งการเติบโตของพวกเค้า

♥ Mommy’s Love This ถูกใจแม่!

  1. ครูที่โรงเรียนจิตตเมตต์จะไม่ตัดสินว่าเด็กถูกหรือผิด ครูจะมีประเมินเป็นรายบุคคลว่าเด็กมีความพร้อมเหมาะสมตามวัยหรือต้องการการส่งเสริมพัฒนาเพิ่มในด้านไหน
  2. สภาพแวดล้อมดีเยี่ยม โรงเรียนรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ เด็ก ๆ ได้ใกล้ชิดและอยู่กับธรรมชาติ
  3. โรงเรียนเชื่อว่า ไม่มีเด็กดื้อบนโลกใบนี้ เค้าแค่ทดลองทำในสิ่งที่สงสัย เวลาที่เด็กร้องไห้หรือเวลาที่เราบอกว่าเขาดื้อ ความจริงแล้วเขากำลังต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ ด้วยความเป็นเด็กบางครั้งเค้าไม่รู้ด้วยว่าอารมณ์นี้คืออะไร เขาจะพาตัวเองออกจากอารมณ์นี้ได้อย่างไร เขาจะหยุดร้องไห้ได้อย่างไร  เด็กก็คงอยากได้คนที่เข้าใจ ปลอบและพาเค้าออกจากความทุกข์นั้น ๆ ถ้าจะเปรียบกับผู้ใหญ่เชื่อว่าเวลาเราทุกข์ เศร้า โกรธหรือมีปัญหาอะไรหลายๆครั้งเราแค่อยากมีคนมานั่งข้าง ๆ หรือปลอบให้รู้สึกดีขึ้น เราไม่ได้ต้องการคนมาดุหรือสอนเราว่าควรทำอย่างไร
  4. ที่โรงเรียนจิตเมตต์มองเรื่องของทักษะชีวิตเป็นสำคัญ รวมทั้งรากฐานสามมิติของการเติบโตที่ประกอบด้วย พัฒนาการสี่ด้าน EF และ SELF เพื่อให้เด็กเติบโตไปด้วยความพร้อมทั้งกายและใจ ได้ใช้ศักยภาพของเขาอย่างเต็มที่ที่สุด กิจวัตร กิจกรรม การเล่นและการอยู่ร่วมกันเป็น ทักษะชีวิตที่เด็กจะได้เรียนรู้ว่า ในหนึ่งวันเขาจะต้องทำอะไรบ้าง กับใคร ที่ไหน ตารางกิจวัตรจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ทักษะชีวิต การกิน อยู่ หลับ นอน งานบ้าน งานสวน งานครัว การเล่นอิสระ เด็กจะรู้หน้าที่ มีความรับผิดชอบของตนเองและผู้อื่น สามารถช่วยเหลือตนเองและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้

อัตราค่าเล่าเรียน

รับนักเรียนตั้งแต่: เตรียมอนุบาล-อนุบาล 3 (อายุ 1.8 – 6 ปี)

ค่าแรกเข้า 15,000 บาท

ค่าเทอม 83,230 บาท

 

ที่อยู่

36/103 ถ.ทุ่งมังกร แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม. 10170

เบอร์โทร: 02-8841303 , 084-1454886

Website: http://www.jittamett.ac.th/

Facebook: https://www.facebook.com/jittamett.kindergarten

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  สิทธิศักดิ์ น้ำคำ


อ่านต่อบทความน่าสนใจ  

ผมบาง

“ ผมบาง ” แก้โจทย์ไม่ซ้ำ เพื่อคำตอบเฉพาะเคส

event
ผมบาง
ผมบาง

ที่ผ่านมา ภาพจำของการรักษา อาการผมร่วง ผมบาง มักจะเป็นภาพของผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบัน มีผู้หญิงจำนวนมากขึ้นเลือกเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญเพื่อดูแลปัญหาผมบาง ซึ่งมีตั้งแต่วัยเพิ่งเริ่มทำงาน ไปจนถึงผู้สูงวัย อย่างไรก็ตาม การรักษาอาการผมบางนั้น ไม่มีสูตรสำเร็จที่สามารถใช้ได้กับทุกคน เพราะนอกจากปัญหาผมของผู้หญิงกับผู้ชายจะแตกต่างกันแล้ว ผู้หญิงแต่ละคนก็ยังมีรูปแบบและสาเหตุของอาการผมบางไม่เหมือนกัน  ดังนั้น แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม จึงยิ่งมีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์และวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหาผมของคนไข้ได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

และนี่คือคำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการรักษาเบื้องต้น จากคุณหมอนิน หรือแพทย์หญิงนิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผมจากคลินิกนามนิน ที่จะช่วยให้คุณผู้หญิงเห็นภาพว่า อาการผมบางแต่ละแบบ มีทางเลือกที่เป็นไปได้ในการรักษาและฟื้นฟูอย่างไรบ้าง

ผมบาง ทั่วศีรษะ

สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาผมบางทั้งบริเวณหน้าผากด้านหน้า ตรงกลางศีรษะ รวมถึงท้ายทอยด้านหลังด้วย คุณหมอไม่แนะนำให้ปลูกผม เนื่องจากการปลูกผมนั้น เป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจาก Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยมาปลูกในพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยนี้ จะมีความแข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากกว่าผมส่วนอื่น ๆ แต่สำหรับคุณผู้หญิงโดยทั่วไปจะไม่ได้มี Safe Zone เหมือนคุณผู้ชาย ในบางคนอาจมีผมต้นทุนที่มีคุณสมบัติต้านการหลุดร่วงอยู่เพียงไม่มาก หรือไม่มีเลย ยิ่งในกรณีที่ผมด้านหลังท้ายทอยเริ่มหลุดร่วง นั่นแปลว่าผมตรงส่วนนั้นมีลักษณะลีบ บาง และไม่แข็งแรง จึงไม่ควรเจาะย้ายไปปลูกใหม่ เพราะมีโอกาสสูงที่กราฟต์ผมใหม่จะหลุดร่วงด้วยเช่นกัน อีกทั้งเมื่อเจาะย้ายกราฟต์ผมออกไป ก็จะไม่มีผมใหม่งอกขึ้นแล้ว ส่งผลให้บริเวณด้านหลังท้ายทอยยิ่งดูบางลงไปอีก

 

แต่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะคุณหมอจะตรวจประเมินและออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละคนมากที่สุด โดยเป็นไปได้ตั้งแต่การรับประทานยา การทาเซรั่มบำรุงผม การรับประทานวิตามิน รวมถึงการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ซึ่งเหมาะกับสภาพหนังศีรษะที่ยังมีรูขุมขนอยู่ เพียงแต่เส้นผมมีขนาดลีบเล็ก บาง ไม่แข็งแรง และจะไม่ได้ผลหากรูขุมขนบนหนังศีรษะปิดไปแล้วหรือเข้าสู่ภาวะผมล้าน

ผมบาง เฉพาะกลางศีรษะ

หากมีอาการผมบางกลางศีรษะ รวมไปถึงรอยแสกผมกว้าง โดยที่ผมด้านหลังท้ายทอยยังดูหนาแน่นเป็นปกติ คุณหมออาจวางแผนการรักษาจากทางเลือกที่หลากหลาย ตั้งแต่การรับประทานยา การทาเซรั่ม การรับประทานวิตามิน รวมถึงการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment อย่างไรก็ตาม การปลูกผมก็ยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกลำดับท้าย ๆ ที่เป็นไปได้ ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาจากสภาพเส้นผมของคนไข้เป็นหลักนั่นเอง

ผมบริเวณหน้าผากถอยร่นหรือเว้าสูง

หากปัญหาผมเกิดขึ้นเฉพาะบริเวณหน้าผากด้านหน้า โดยที่ผมในบริเวณอื่นไม่ได้มีปัญหาหลุดร่วงหรือมีอาการผมบาง ในกรณีนี้ คุณหมอแนะนำให้ปลูกผมปรับกรอบหน้าใหม่ ตามหลักสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio แล้วจึงเสริมการฟื้นบำรุงด้วยการทาเซรั่ม การรับประทานวิตามิน หรือการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ซึ่งสามารถฉีดบำรุงได้อย่างต่อเนื่องภายใต้คำแนะนำของแพทย์

 

แน่นอนว่า หัวใจสำคัญอยู่ที่ความสามารถของแพทย์ในการประเมินปัญหาเป็นรายบุคคล เพื่อออกแบบการรักษาในเบื้องต้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นการปลูกผมเสมอไป จากนั้นจึงติดตามผลลัพธ์ทุก ๆ ระยะ เพื่อเพิ่มระดับการรักษาให้เข้มข้นขึ้น จนได้ประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งหมดนี้ การันตีด้วยคนไข้ของคุณหมอนิน ซึ่งมีคนไข้เก่าจำนวนมากที่ยังคงเลือกเข้ารับการรักษาและบำรุงผมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพอใจในผลลัพธ์ และประทับใจในการรักษาที่ซื่อสัตย์ จริงใจ ตรงไปตรงมา ของคุณหมอนินนั่นเอง

สำหรับคุณผู้หญิงท่านใดที่ต้องการปรึกษากับคุณหมอนิน

สามารถติดต่อนัดหมายผ่านช่องทาง ดังนี้

Line@ : namninclinic

โทร. 093-093-5639

.

หรือต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมตามช่องทางด้านล่างนี้ค่ะ

https://www.facebook.com/namninclinic/

www.namnin.com

นูแชปเตอร์โฮเทล เปิด 3 บริการใหม่ – ซี สปา, คิดส์ คลับ และบีชฟร้อนต์เรสเตอรอง

พักผ่อนได้เต็มที่ สไตล์ Family Trip กับ 3 บริการใหม่ สปา, Kids Club และ และบีชฟร้อนต์เรสเตอรอง จาก นูแชปเตอร์โฮเทล

event
นูแชปเตอร์โฮเทล เปิด 3 บริการใหม่ – ซี สปา, คิดส์ คลับ และบีชฟร้อนต์เรสเตอรอง
นูแชปเตอร์โฮเทล เปิด 3 บริการใหม่ – ซี สปา, คิดส์ คลับ และบีชฟร้อนต์เรสเตอรอง

หากคุณพ่อคุณแม่กำลังจะพาลูกเที่ยวไปด้วยกัน มองหา Family trip ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น สปาสุดผ่อนคลาย สถานที่ให้เด็กๆ ได้เล่นสนุก พร้อมปลดปล่อยจินตนาการ และร้านอาหารมื้อพิเศษบรรยากาศดีริมทะเล #ทีมแม่ABK ชวนมาที่ โรงแรม วาลา หัวหิน นูแชปเตอร์โฮเทล บูทีค บีชรีสอร์ต

โรงแรมวาลา หัวหิน นูแชปเตอร์โฮเทล

คุณวศุมา คณาธนะวนิชย์ กรรมการบริหาร นู แชปเตอร์ โฮเทล

นูแชปเตอร์โฮเทล คือกลุ่มบริหารธุรกิจโรงแรม และร้านอาหาร เปิดตัว โรงแรมวาลา หัวหิน – นู แชปเตอร์ โฮเทล บูทีค บีชรีสอร์ต ระดับ 5 ดาว เมื่อปี 2563 ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงโควิด แต่ก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี การเล็งเห็นว่ากลุ่มผู้เข้าพัก 70% เป็นครอบครัวยุคใหม่ และคู่รักฮันนีมูน อีกทั้งเทรนด์ การดูแลสุขภาพทั้งกายใจ ที่มาแรง นูแชปเตอร์โฮเทล จึงทุ่มงบกว่า 80 ล้านบาท เพื่อพัฒนาและตอกย้ำแบรนด์ วาลา หัวหิน ด้วยการเปิด 3 บริการใหม่เพื่อตอบโจทย์สำหรับกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะครอบครัวที่ต้องการพักผ่อนในบรรยากาศสบายๆ ริมทะเลชะอำ-หัวหิน ดังนี้ค่ะ

เซลา ซี แซงชัวรี่ สปา ใน นูแชปเตอร์โฮเทล

1. เซลา ซี แซงชัวรี่ สปา (Sela Sea Sanctuary Spa) ซี สปา แห่งแรกที่ชะอำ-หัวหิน คอนเซ็ปต์ Sea Healing หรือ “ทะเลบำบัด” รวมพลังท้องทะเลในการบำบัด ฟื้นฟูกาย ใจ และจิตวิญญาณ เป็นหัวใจหลักของ เซลา ซี แซงชัวรี สปา ในการรังสรรค์ทรีตเมนต์ต่าง ๆ อย่างพิถีพิถัน ครีเอทผลิตภัณฑ์โดยการนำองค์ประกอบต่าง ๆ จากท้องทะเล เช่น เกลือทะเล สาหร่ายทะเล ผสานกับพืชพรรณออร์แกนิก อาทิ มะพร้าว ว่านหางจระเข้ พร้อมบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ เพื่อการผ่อนคลาย ฟื้นฟู เติมพลัง ให้กับร่างกาย และจิตใจ อย่างแท้จริง มอบประสบการณ์ที่โดดเด่น และแตกต่าง อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหมาะกับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากมาผ่อนคลายมากๆ เลยค่ะ

Kids Club ที่ นูแชปเตอร์โฮเทล

2. Kids Club Wonder Woods พื้นที่สำหรับเด็กอายุ  2-12 ปี ที่ได้แรงบันดาลใจจากผืนป่า พร้อมให้เด็กๆ มาผจญภัย ภายในคลับมีพื้นที่วิ่งเล่น สนุกไปกับบ่อบอล มินิสไลเดอร์ และปีนป่ายเขาขนาดย่อม ในขณะเดียวกันยังมีโซนศิลปะ และงานฝีมือ สำหรับเด็กๆ ที่ชื่นชอบการสร้างสรรค์และจินตนาการ โดยทุกกิจกรรมผ่านการเลือกเฟ้นมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ได้เข้าใจธรรมชาติ ในบรรยากาศที่สนุกสนาน และสร้างการมีส่วนร่วมกับสนามเด็กเล่นแห่งนี้ ความตั้งใจของ วันเดอร์ วูดส์ คิดส์ คลับ คือ การผสานการเรียนรู้กับความสนุกสนานเข้าด้วยกัน เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ชื่นชมในธรรมชาติ และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ พร้อมกับสร้างความทรงจำที่น่าประทับใจให้กับเด็ก ๆ อีกด้วยค่ะ

3. คาซ่า มาเร่ บีชฟร้อนต์ เรสเตอรอง & เลาจน์  ( Casa Beachfront Restaurant & Lounge) สัญลักษณ์แห่งความสุขริมทะเล เป็นร้านอาหาร stand alone แห่งแรกของ นู แชปเตอร์ โฮเทล ตั้งอยู่บนเส้นทางระหว่างชะอำและหัวหินริมทะเล วิวสวยทุกมุมมอง เปิดให้บริการตั้งแต่กลางวันจรดค่ำ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Favorite Feast by the Sea . ด้วยเมนูหลากหลายถึง 80 รายการ ทั้งอาหารไทย เอเชียร่วมสมัย และสไตล์ยุโรป โดยเน้นอาหารประเภทซีฟู้ด และเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่สดใหม่ อย่างเมนูเซวิเช่ สัมผัสรสชาติจัดจ้านไปพร้อมกับความสดอร่อยของอาหารทะเล, คุชิยากิ, โรล, เมนูสลัด และจานพาสต้าหลากสไตล์ นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มหลายชนิดให้เลือกสรร ทั้งค็อกเทลสูตรพิเศษเฉพาะ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากท้องทะเล ไวน์ลิสต์ที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน และเครื่องดื่มอื่นๆ เช่น โฟล์ท สมูทตี้ น้ำผลไม้สด ให้ทั้งครอบครัวมาดื่มด่ำบรรยากาศและอาหารมื้อพิเศษไปด้วยกัน

 

นอกจากโซนเปิดใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ที่พักสำหรับครอบครัวก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ ที่ โรงแรม วาลา หัวหิน นูแชปเตอร์โฮเทล บูทีค บีชรีสอร์ต มีห้อง Family Room ตอบโจทย์สำหรับบ้านที่มีเจ้าตัวน้อยถึง 2 คน มีเตียงคู่ขนาดใหญ่ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ และเตียงสองชั้น สำหรับเด็กๆ แถมยังมีโซนอ่างอาบน้ำที่เป็นส่วนตัวให้เด็กๆ สนุกกันได้ที่ริมระเบียง พร้อมต้นไม้บังตา ให้รู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติอีกด้วย ที่สำคัญคือห้อง Family Room นี้อยู่ใกล้กับ Kids Club Wonder Woods มากๆ เลยค่ะ เดินนิดเดียวก็ถึงเลย เป็นการออกแบบประสบการณ์จากทางโรงแรมที่ใส่ใจ ให้ผู้เข้าพักได้รับบริการที่สะดวกที่สุดเลยค่ะ

โรงแรม วาลา หัวหิน นูแชปเตอร์โฮเทล บูทีค บีชรีสอร์ต เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจริมทะเล พาทั้งครอบครัวมาฟังเสียงคลื่นไม่ไกลกรุงเทพฯ ในบริการระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นห้องพัก มื้ออาหารแสนพิเศษ และสปาให้คุณแม่สลับกับคุณพ่อไปพักผ่อนกายใจ แถมยังมีพื้นที่สำหรับเด็กๆ ให้วิ่งเล่น ปล่อยพลังและความคิดสร้างสรรค์อย่างสนุกสนาน ครบทุกความต้องการ ถือว่ามาที่นี่แล้วตอบโจทย์กับทุกครอบครัว จริงๆ ค่ะ


ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่

เวบไซต์ โรงแรม วาลา หัวหิน นูแชปเตอร์โฮเทล บูทีค บีชรีสอร์ต
https://www.valahuahin.com/

เวบไซต์ คาซ่า มาเร่ บีชฟร้อนต์ เรสเตอรอง & เลาจน์
https://www.casamarehuahin.com/

น้ำยาซักผ้าผสมสารปรับผ้านุ่ม Enfant สูตร pH Balance ถนอมผ้า ถนอมผิวลูกน้อยตั้งแต่ 0+

account_circle
event

น้ำยาซักผ้าผสมสารปรับผ้านุ่ม ที่คุณพ่อคุณแม่เตรียมไว้สำหรับซักผ้าอ้อม ซักเสื้อผ้าลูกน้อย ควรเลือกแบบไหน ที่จะสามารถซักคราบติดแน่นออกได้ง่ายโดยไม่เปลืองแรงขยี้ ทั้งสะอาด หอม ถนอมผ้า และที่สำคัญต้องอ่อนโยน ถนอมผิวลูกน้อยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผิวบอบบางของแรกเกิด

น้ำยาซักผ้าปรับ Enfant คำตอบที่คุณพ่อคุณแม่ตามหา

น้ำยาซักผ้าผสมสารปรับผ้านุ่ม Enfant เป็นผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าเด็กผสมสารปรับผ้านุ่ม สูตร pH Balance ที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับซักผ้าเด็กอายุ 0+ โดยเฉพาะ จึงมั่นใจได้ว่า สามารถใช้ซักผ้าอ้อม เสื้อผ้าลูกน้อย หรือผ้าที่ต้องการถนอมเป็นพิเศษได้สะอาดหมดจด พร้อมทั้งปรับผ้าให้นุ่มในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังอ่อนโยนเป็นพิเศษ ด้วยส่วนผสมธรรมชาติจากออแกนิค และปราศจากสารต่างๆ ที่ก่อให้เกิดการแพ้

น้ำยาซักผ้าผสมสารปรับผ้านุ่ม โดดเด่นด้วยคุณสมบัติพิเศษ 4 in 1

Organic Essence Oil ความหอมที่มาจาก Organic Essence Oil 3 ชนิด ได้แก่ ออแกนิคทีทรีออยล์ ซันฟลาวเวอร์ออยล์ และออแกนิค โรสแมรี่ออยล์ ผสมผสานกับน้ำหอมที่คัดสรรมาสำหรับเด็ก ช่วยลดกลิ่นอับของผ้า ช่วยให้ผ้าหอม แม้ตากในร่ม

Micella Cleanser สารทำความสะอาดที่พัฒนาจากปาล์ม มะพร้าว ข้าวโพด สามารถย่อยสลายได้ง่ายตามธรรมชาติ มีคุณสมบัติในการเกิดกระบวนการ Micellar ทำความสะอาดขจัดคราบสกปรกฝังแน่นได้ถึง 10 คราบสกปรก ช่วยให้ผ้าสะอาดเหมือนใหม่ โดยไม่เปลืองแรงขยี้

  • คราบสกปรก
  • คราบเหงื่อไคล
  • คราบอาหาร
  • คราบเครื่องดื่ม
  • คราบอาเจียน
  • คราบน้ำลาย
  • คราบฉี่
  • คราบน้ำนม
  • คราบอุจจาระ

Active Enzyme Complex ช่วยย่อยสลายคราบสกปรกฝังแน่นให้หลุดออกจากผ้าได้อย่างง่ายดาย โดยไม่เปลืองแรงขยี้ พร้อมผสานกับ Cellulase Enzyme ช่วยขจัดขนเล็กๆ บนผ้าที่ตาเราอาจมองไม่เห็น เพื่อขจัดที่ซ่อนความสกปรกทำให้ผ้าสะอาดไม่หมองคล้ำ

Fabric Care Softener สารปรับผ้านุ่มในน้ำยาซักผ้า ที่พัฒนามาจาก ซันฟลาวเวอร์ออยล์ และโคโคนัทออยล์ คัดสรรมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ช่วยให้ผ้านุ่ม ลื่น รีดง่าย โดยไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มซ้ำ

Amarin Baby & Kids คัดเลือกให้น้ำยาซักผ้าเด็ก Enfant ได้รับรางวัล Editor’s Choice BEST NATURAL & ORGANIC BABY LAUNDRY DETERGENT จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ยังมั่นใจได้ว่า น้ำยาซักผ้าผสมสารปรับผ้านุ่ม Enfant ปลอดภัยต่อผิวลูกน้อย เพราะผ่านการทดสอบทางผิวหนังแล้วว่า ไม่ระคายเคือง และปลอดสารต่างๆ ที่ก่อให้เกิดการแพ้ ได้แก่

  • ไม่มีพาราเบน
  • ไม่มีสารระคายเคือง
  • ไม่มี SLS
  • ไม่มี ไตรโคซาน
  • ไม่มีสารฟอกขาว
  • ไม่มีสีสังเคราะห์

ทั้งสะอาด หอม ปลอดภัย ครบ จบ ในขั้นตอนเดียว ตอบโจทย์คุณแม่ลูกอ่อน ลดเวลาซักผ้า เพิ่มเวลาความสุขให้กับลูกน้อยได้ดีเยี่ยมแบบนี้ ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้น้ำยาซักผ้าปรับ Enfant ผสมสารปรับผ้านุ่มได้รับรางวัล  BEST NATURAL & ORGANIC BABY LAUNDRY DETERGENT สาขา Editor’s Choice จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดีๆ ของน้ำยาซักผ้าเด็กอ่อน Enfant สามารถติดตามได้ที่เฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/Enfant.MomClub

 

 

John Wyatt Montessori

John Wyatt Montessori Learning Center ศูนย์การเรียนรู้ทักษะชีวิต ให้เด็กๆสุข สนุก สร้างสรรค์อย่างมีสมาธิ

event
John Wyatt Montessori
John Wyatt Montessori
John Wyatt Montessori Learning Center ศูนย์การเรียนรู้ทักษะชีวิตและวิชาการแนวทางมอนเตสซอรี่ สุข สนุก สร้างสรรค์อย่างมีสมาธิที่เน้นพัฒนาการอย่างยั่งยืน

เมื่อทีมงาน School Visit เดินทางมาถึงที่ John Wyatt Montessori (JWM) ในซอยพหลโยธิน 24 เราได้พบกับบ้านหลังใหญ่ เล่นระดับ สีเอิร์ธโทนที่ดูอุ่นตา ดูแตกต่างจากบ้านบริเวณเดียวกันและโรงเรียนก่อน ๆ ที่พวกเราเคยไป

แม้ว่าโรงเรียนจะอยู่ในเมือง แต่บรรยากาศชุมชนโดยรอบค่อนข้างเงียบสงบ อาจเป็นเพราะเวลานี้เป็นเวลาที่หลาย ๆ คนออกไปทำงานแล้ว ภายในโรงเรียนเองก็มีเพียงเสียงทำกิจกรรมเบา ๆ เสียงพูดคุยกันเบา ๆ ทีมงานค่อย ๆ ย่องไปสำรวจทุกพื้นที่ทั้งภายนอกและภายในคลาสเรียน  เด็ก ๆ กำลังง่วนอยู่กับกิจกรรมของตนเอง แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยและตั้งใจไปในคราวเดียวกัน บรรยากาศโรงเรียนจะเป็นอย่างไร เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้และทำกิจกรรมอะไรกันบ้าง วันนี้ ทีมแม่ ABK จะพาไปเยี่ยมชมกันค่ะ

ที่ John Wyatt Montessori Learning Center เป็นศูนย์การเรียนรู้ทักษะชีวิตและวิชาการแนวทางมอนเตสซอรี่ เปิดรับนักเรียนตั้งแต่ระดับ Nursery จนถึงระดับมัธยมศึกษา ในโรงเรียนจึงมีทั้งเด็กเล็กและเด็กโตใช้ชีวิตอยู่ใกล้ๆกัน ในบรรยากาศสบายๆ สวยงามสไตล์รีสอร์ท หลักสูตรมอนเตสซอรี่จะเน้นพัฒนาการในระยะยาว แต่ผู้ปกครองจะทราบว่าเด็กๆเรียนรู้ถึงไหนแล้วจาก รายงานที่คุณครูจดบันทึก ซึ่งคุณครูมอนเตสซอรี่จะจดทุกรายละเอียดสิ่งที่เด็ก ๆ มอง หรือสนใจ หยิบจับ ทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ กับครู ในแต่ละวัน เพื่อเตรียมงานให้เด็ก ๆ ในขั้นถัดไป  เพื่อพัฒนาตามที่เด็ก ๆ แต่ละคนอยู่ ให้บรรลุเป้าหมายตามช่วงวัย

John Wyatt Montessori

เด็ก ๆ กำลัง “ตั้งใจ” ทำกิจกรรม

John Wyatt Montessori

อุปกรณ์ในการเรียนรู้และเครื่องใช้ที่เหมาะกับวัย

 

John Wyatt Montessori John Wyatt Montessori

อุปกรณ์คณิตศาสตร์

 

John Wyatt Montessori

Toy farming

 

Life : ชีวิตของนักเรียนมอนเตสซอรี่

มอนเตสซอรี่สอนอะไร?

มอนเตสซอรี่เน้นวิชาการมาก ๆ เพียงแต่รูปแบบการสอนแตกต่างจากหลักสูตรอื่น ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนและรับผิดชอบการเรียนรู้ของตนเองโดยการใช้กิจกรรมนำเกือบ 100%

 

ความเป็นอยู่เป็นอย่างไร

การมาโรงเรียนเท่ากับการมาใช้ชีวิต เพราะเด็ก ๆ ต้องทำเกือบทุกอย่างด้วยตัวเอง ทางโรงเรียนจะเตรียม “สภาพแวดล้อม” ให้อย่างเหมาะสม เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เช่น ข้าวของเครื่องใช้ขนาดเล็กและปลอดภัย เฟอร์นิเจอร์ขนาดเหมาะสม พื้นที่เรียนที่เล่น สะอาด ปลอดภัย ไม่ลื่น เด็ก ๆ มีหน้าที่เพิ่มเติมคือ มีเวรดูแลของว่างบ้าง เป็นผู้ช่วยเตรียมอาหารบ้าง จัดการรายอาหารบ้าง  เมื่อเด็ก ๆ กลับไปที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่จะเห็นว่าเด็ก ๆ สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเอง ถ้าที่บ้านจัดสภาพแวดล้อมไปในทางมอนเตสซอรี่ก็ยิ่งจะช่วยให้การเรียนรู้ไม่สะดุดเลยค่ะ

 

พัฒนาการ

  • โรงเรียนมอนเตสซอรี่จะมี ของเล่นและอุปกรณ์มากมายที่ท้าทายเด็ก ๆ ขึ้นไปเรื่อย ๆ เมื่อฝึกฝนจนตัวเองพอใจ และทำสำเร็จ ผลที่ได้คือ เด็กเกิดความภาคภูมิใจ ในทางกลับกันหากยังยังไม่สำเร็จ  เด็ก ๆ ก็จะทำต่อไป นั่นคือการฝึกความอดทนและกระตุ้นให้มีความพยายาม
  • การเล่นที่มีเป้าหมายจะทำให้เด็กเรียนรู้จาก process = ประสบการณ์ ทั้งนี้หลักสูตรได้วางตามพัฒนาการตามวัยซึ่งคุณครูจะคอย monitor สังเกตและบันทึกการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก ๆ ตลอดว่า “ถึงไหนแล้ว” และคอยปรับกิจกรรมเพื่อให้ถึง Development Goal ในที่สุด

 

John Wyatt Montessori

หลังมาถึงโรงเรียน ด่านแรกคือ การจัดการกับสัมภาระ

John Wyatt Montessori

นักเรียนจะเป็นผู้เลือกทำงานเอง

John Wyatt Montessori

มุมกิจกรรมต่างๆ

John Wyatt Montessori John Wyatt Montessori

ทำงานเดี่ยวก็ได้ ทำงานเป็นคู่ก็ได้

 

Learn : เน้นพัฒนาการระยะยาว

Toddler Community (18 เดือน – 3 ปี )

เป็นวัยที่เตรียมความพร้อมสำหรับก้าวขึ้นสู่ชั้นอนุบาล กิจกรรมสำหรับเด็กเล็กจะเน้นไปในด้านต่อไปนี้

  • Development of Movement หรือพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวทั้งร่างกาย การทำงานประสานกันระหว่างตาและมือ ฝึกกล้ามเนื้อมัดใหญ่ มัดเล็ก ผ่านการเล่น, กิจกรรมแนวมอนเตสซอรี่ และการใช้ชีวิตในโรงเรียน
  • Language ภาษา รู้จักการแยกเสียง คำศัพท์ จากทั้งการสื่อสาร นิทาน ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
  • Development of the Senses กิจกรรมที่ต้องใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ
  • Fundamental Life Skills การดูแลกิจวัตรของตัวเองเหมือนกับที่คุณพ่อคุณแม่ทำให้
  • Natural Science พืชและสัตว์
  • Creative Arts ศิลปะและดนตรี

John Wyatt Montessori

น้อง ๆ กำลังเล่นเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่

John Wyatt Montessori

การเรียนรู้วัฒนธรรมไทยก็สำคัญเช่นกันค่ะ

John Wyatt Montessori

กิจกรรมด้านประสาทสัมผัส การเขียน และเศษส่วน

John Wyatt Montessori

ของเล่นสีสันสวยงาม ได้พัฒนาการดับเบิ้ล

 

Primary Program ( 3 – 6 ปี )

วัยอนุบาลคือ “วัยค้นหาตัวเอง”

  • JWM เป็นชั้นเรียนคละอายุซึ่งเอื้อต่อการเรียนรู้ทักษะการอยู่ร่วมกันในสังคม เช่น การให้เกียรติ มีเมตตา เห็นอกเห็นใจ พัฒนาความเป็นผู้นำ และจุดมุ่งหมายสำคัญคือ “การใฝ่รู้
  • เด็กแต่ละคนเรียนรู้แตกต่างกัน คุณครูจะเตรียมกิจกรรมที่รองรับการเรียนรู้ทุกรูปแบบเพื่อให้เด็กๆมีอิสระในการเรียนรู้ตามจังหวะของตนเอง
  • อุปกรณ์และของเล่นคือสื่อการเรียนรู้ที่จะท้าทายเด็ก ๆ ขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามพัฒนาการ ถ้าทำได้แล้ว หรือง่ายเกินไป เด็ก ๆ เองก็ไม่สนใจนะคะ
  • คุณครูจะทำหน้าที่สังเกตและบันทึกอารมณ์ ชีวิตประจำวัน ปฎิสัมพันธ์ กิจกรรมที่เด็กๆได้ทำอย่างละเอียดเพื่อจัดทำ “แผนการเรียนรายบุคคล” ให้แก่เด็ก ๆ

 

เรียนรู้อะไรในชั้นอนุบาล

  • Exercise of Practical Life – กิจกรรมในชีวิตประจำวันที่แบ่งแยกชัดเจน เพื่อฝึกให้เด็กจดจำขั้นตอนที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นพื้นฐานของการเรียนคณิตศาสตร์
  • Sensorial Skill กิจกรรมประสาทสัมผัส จำแนกตามสัมผัสต่าง ๆ
  • Language – ภาษาอังกฤษเป็นหลัก
  • Math – เด็ก ๆ เรียนรู้แนวคิดต่าง ๆ ที่เกี่ยวตัวเลข ไม่ว่าจะเป็น การนับสัญลักษณ์ ลำดับเลขคู่ เลขคี่การลบ การคูณ การหาร แนวคิดเรื่องเศษส่วน และเรขาคณิต ด้วยของเล่นที่ได้รับการออกแบบมาให้ “จับต้องตัวเลข” ได้
  • Cultural Subjects: Science, Geography and History – วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และประวัติศาสตร์
  • Creative Arts (Music Movement and Visual Arts)
  • Languages other than English – ภาษาที่ 3
  • Personal Development, Health and Physical Education

John Wyatt Montessori

โรงเรียนบรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้าน

John Wyatt Montessori John Wyatt Montessori

อุปกรณ์สำหรับคณิตศาสตร์แบบมอนเตสซอรี่คือพื้นฐานของจินตาการและคณิตศาสตร์ขั้นสูงต่อไป

John Wyatt Montessori

Learning Station ตามใจฉัน

 

Elementary Program (6-12 ปี)

ช่วงวัยนี้เป็นช่วง “เปิดรับ” การเรียนรู้ทั้งวิชาการ วัฒนธรรม จริยธรรม เด็ก ๆ มักจะชอบทำงานเป็นคู่หรือจับกลุ่มกันมากกว่าทำงานเดี่ยว โดยใช้หลักสูตรมอนเตสซอรี่ประถมศึกษา “ Cosmic Education ” Curriculum เป็นบทเรียนที่เชื่อมโยงเด็ก ๆ เข้ากับเรื่องราวอดีตและอนาคต ชี้ให้เห็นถึงสรรพสิ่งและการพึ่งพาซึ่งกันและกันของทุกสิ่งในจักรวาล

หลักสูตรนี้เป็นทั้งวิทยาศาสตร์และปรัชญาที่ทำให้เด็ก ๆ เริ่มตั้งคำถามว่า ” ฉันเป็นใคร ” เริ่มค้นหาตัวตนและความเชื่อมโยงของทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเขาเอง แต่ไม่ได้เรียนเป็นคาบ ๆ เหมือนชั้นเรียนทั่วไป เด็ก ๆ ยังคงเลือกเรียนเองเหมือนเดิม โดยมีคุณครูคอยให้คำแนะนำ อธิบาย เป็นกลุ่มเล็ก ๆ หรือรายบุคคล ที่จำเป็น เด็ก ๆ จะเรียนจากอุปกรณ์ สื่อการเรียนการสอน ที่หลากหลายและซับซ้อนมาก ที่สำคัญคือ “จับต้องได้” เพื่อสร้างประสบการณ์ ไม่ได้เรียนแบบเปิดตำรา และสามารถ อ่าน เขียน ค้นคว้าและ Present ได้ (ดีมาก)

เด็ก ๆ กำลังตั้งใจเรียน

Environment : แนวทางเดียวกันช่วยดันให้เด็กๆไปได้ไกล

ครอบครัวที่เลือกการศึกษาแนวมอนเตสซอรี่ส่วนใหญ่จะมีความเข้าใจในรูปแบบการสอนอยู่แล้ว หากทางครอบครัวจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการทำงานของเด็ก ๆ ก็จะยิ่งเป็นการส่งเสริมกันให้ไปได้ไว โรงเรียนและครอบครัวต้องเป็น Team Work กันค่ะ Montessori Environment เอื้อต่อการเรียนรู้แน่นอน 100% อยู่แล้ว เพราะมอนเตสซอรี่วางหลักสูตรให้เด็ก ๆ ได้ลงมือปฎิบัติเพื่อการเรียนรู้ รวมถึงการใช้ชีวิตด้วย

John Wyatt Montessori

ผู้ก่อตั้งโรงเรียน Mrs. Monthana Irani และ Mr. Gustad Irani

 

Mommy’s Love This ถูกใจแม่ !

  1. สามารถเรียนต่อชั้นประถมได้ทุกหลักสูตร (ไม่จำเป็นต้องเป็นโรงเรียนทางเลือกอย่างเดียว) เพราะการศึกษาแนวมอนเตสซอรี่ปูทางให้เด็กๆทุกด้าน..พร้อมเรียนรู้ทุกรูปแบบ
  2. มอนเตสซอรี่เน้นวิชาการ เพียงแต่รูปแบบ วิธีการเรียนรู้แตกต่าง และให้ผู้เรียนเป็นผู้เลือก
  3. หลักสูตรรายบุคคลเหมาะกับลูกของเรา การดูแลทั่วถึง ใกล้ชิด วางใจหายห่วง
  4. เด็กช่วยเหลือตัวเองได้ดี
  5. เด็กมอนเตสซอรี่จะมีความอดทน มีสมาธิ สุขภาพจิตแจ่มใส
  6. ของเล่นเยอะมาก และเป็นของเล่นเพื่อการศึกษาทั้งนั้น

 

ค่าเทอมต่อปีโดยประมาณ

Toddler (เตรียมอนุบาล) 120,000 – 170,000 บาทต่อปี (ขึ้นอยู่กับ Campus และ โปรแกรมที่เลือก)

Primary (อนุบาล) 140,000 – 170,000 บาทต่อปี (ขึ้นอยู่กับ Campus)

Elementary (ประถมศึกษา) 160,000 – 300,000 บาทต่อปี (ขึ้นอยู่กับ Campus)

 

John Wyatt Montessori

Bangkok Campus

2/1 ซอยพหลโยธิน 24 แยก 4-3-4 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900

Saraburi Campus

388 หมู่ 1 ตำบล/อำเภอหนองดง จังหวัดสระบุรี 18190

 

ติดต่อ

Tel: (66) 89-886-7471 (English/Thai)

(66) 80-094-3696 (Japanese)

Email: [email protected]

www.jwmontessori.com

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข


อ่านต่อบทความน่าสนใจ  

เคล็ดลับ! ให้ลูกกินเก่ง เติบโตสมวัย ด้วย อาหารเสริมเด็ก ตามวัย สไตล์เวิร์คกิ้งมัม

event

คุณแม่ยุคใหม่ที่ต้องดูแลรับผิดชอบหน้าที่ทุกอย่างในชีวิต ทั้งงานบ้านที่ต้องดูแลให้ดี ไม่มีขาดตกบกพร่อง ทั้งงานที่ทำเพื่อเติมเต็มแพชชั่น และหาเลี้ยงครอบครัว รวมไปถึงหน้าที่สำคัญอย่างการเลี้ยงลูกน้อยให้เติบโตแข็งแรง โดยเฉพาะการเตรียมอาหารให้ลูกรักเติบโตแข็งแรง มีพัฒนาการที่สมวัย คุณแม่จึงต้องรับบทเป็นเวิร์คกิ้งมัมคนเก่ง ที่พร้อมรับมือและเอาอยู่ทุกสถานการณ์

อาหารเสริมตามวัย

ลูกกินง่าย กินเก่ง คือสุดยอดปรารถนาของคุณแม่ทุกคน เพราะสารอาหารคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เสริมสร้างร่างกายของลูกน้อยให้เติบโตแข็งแรง และมีพัฒนาการที่สมวัย คุณแม่จึงอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูก อยากดูแลลูกด้วยตัวเอง อยากทำอาหารให้ลูกกินเองกับมือทุกมื้อ เพื่อดูแลอาหารทุกมื้อของลูกให้เป็นมื้อพิเศษที่จะช่วยเสริมพัฒนาการให้ลูกรัก แต่ด้วยเวลาที่จำกัด กับภารกิจแสนวุ่นวายในแต่ละวันของคุณแม่ จึงอาจทำให้คุณแม่หลายคนไม่มีเวลาเตรียมอาหารมากนัก คุณแม่หลายคนจำเป็นต้องอดหลับอดนอน ตื่นแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมอาหาร หรือเร่งรีบทำอาหารลูก จนละเลยสุขภาพของตนเอง เสียงานเสียการ และกังวลว่าตนเองจะทำหน้าที่ของแม่ ในการดูแลได้ไม่ดีอย่างที่ต้องการ

อาหารเสริมสำหรับเด็ก

สำหรับคุณแม่เวิร์คกิ้งมัมที่กำลังมองหาตัวช่วยดี ๆ สำหรับมื้ออาหารสุดพิเศษของลูกรัก คุณแม่สามารถใช้อาหารเสริมตามวัยที่วางขายตามท้องตลาด ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าชั้นนำ มาเป็นอาหารเสริมตามวัยสำหรับลูกน้อยได้ โดยที่ไม่ต้องรู้สึกกังวล หรือรู้สึกผิดว่าตนเองจะทำหน้าที่แม่ได้ไม่ดีพอ ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยในปัจจุบัน ทำให้อาหารเสริมที่วางขายในท้องตลาด มีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ที่จำเป็นต่อความต้องการของร่างกายของลูกน้อยในแต่ละช่วงวัย พร้อมวิธีเตรียมที่ไม่ยุ่งยาก จึงช่วยให้คุณแม่ประหยัดเวลาในการปรุงอาหาร เหมาะสำหรับวันอันแสนเร่งรีบ ที่คุณแม่จะต้องบริหารจัดการเวลาในการดูแลลูกและทำงานไปพร้อมกันให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่คุณแม่ควรเลือกอาหารเสริมตามวัยของลูก ที่มีมาตรฐาน ได้รับการรับรองจาก อย. ว่าเป็นอาหารเสริมสำหรับเด็ก เพื่อให้คุณแม่มั่นใจได้ถึงคุณภาพและเนื้อสัมผัสที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัยของลูกน้อยจริงๆ และมั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะได้รับสารอาหารสำคัญในทุกๆ คำ เช่นเดียวกันกับอาหารที่คุณแม่ปรุงเอง ให้คุณแม่มีความสุขกับทุกช่วงเวลาสำคัญของลูกน้อยได้อย่างเต็มที่ มีเวลาได้เฝ้ามองทุกการเติบโต ทุกพัฒนาการของลูกในทุกช่วงวัย

คุณพ่อคุณแม่สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโภชนาการในแต่ละช่วงวัยของลูกน้อย รวมถึงเคล็ดลับเกี่ยวกับอาหารเสริมตามวัยของลูกน้อยได้ใน https://www.nestlemomandme.in.th/baby-food-tip-tricks หรือ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของ NestleMomAndMeได้ทั้งทางแชท หรือ โทร 1162 ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเลยค่ะ

โรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาดลาดพร้าว

ส่องหลักสูตร โรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาดลาดพร้าว โรงเรียนสองภาษา จุดประกายการใช้ความคิดสร้างสรรค์และการเรียนรู้ให้กับเด็ก ๆ

event
โรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาดลาดพร้าว
โรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาดลาดพร้าว

School Visit วันนี้จะชวนทุกคนมาดูหลักสูตร โรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาดลาดพร้าว (BYSL) โรงเรียนที่โดดเด่นเรื่องภาษาอังกฤษ และปูรากฐานแห่งปัญญาให้กับเด็กในศตวรรษที่ 21

โรงเรียนแย้มสอาด ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 จนกระทั้งในปี พ.ศ. 2558 กลุ่มโรงเรียนแย้มสอาดได้ลงนามความร่วมมือทางการศึกษากับกลุ่มโรงเรียนบีคอนเฮาส์ ซึ่งเป็นเครือข่ายโรงเรียนเอกชนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพื่อยกระดับโรงเรียนสู่มาตรฐานสากล ปัจจุบันมีโรงเรียนตั้งอยู่ใน 10 ประเทศ ได้แก่ เบลเยี่ยม บังคลาเทศ อินโดนีเซีย มาเลเซีย โอมาน ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร และประเทศไทย จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการจัดการเรียนการสอนกว่า 40 ปี ทำให้โรงเรียนมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับจากผู้ปกครองมากมาย ปัจจุบันโรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาด มีทั้งหมด 4 สาขา คือ บีคอนเฮาส์แย้มสอาดลาดพร้าว , บีคอนเฮาส์แย้มสอาดรังสิต ,บีคอนเฮาส์แย้มสอาดหัวหิน และบีคอนเฮาส์แย้มสอาดพัฒนาการ โรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาดลาดพร้าว เป็นโรงเรียนแห่งแรกของกลุ่มโรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาด และยังเป็นจุดเริ่มต้นของทุก ๆ สาขาในปัจจุบัน ใครกำลังมองหาโรงเรียนดี ๆ ย่านนี้ให้ลูกอยู่ บอกเลยว่าโรงเรียนนี้น่าสนใจไม่น้อย

โรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาดลาดพร้าว ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดี เขตจตุจักร มีพื้นที่โดยรวมกว่า 2 ไร่ เป็นโรงเรียนรูปแบบ 2 ภาษา ที่เปิดสอนตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 หลักสูตรการเรียนการสอนต่าง ๆ ของที่นี่จะถูกปรับอยู่เสมอเพื่อให้เข้ากับยุคการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เพื่อเตรียมความพร้อมให้นักเรียนสามารถปรับตัว มีทักษะในการดำรงชีวิตในโลกปัจจุบันและอนาคต ปัจจุบันโรงเรียนมีนักเรียนมากกว่า 500 คน หลักสูตรของเด็กอนุบาลและประถมศึกษาจะมีอะไรบ้างตามมาดูกันค่ะ

บรรยากาศภายในและภายนอกอาคารเรียน

 

กิจกรรมแสนสนุก พัฒนาครบด้าน

สำหรับน้อง ๆ วัยอนุบาล จะได้เรียนรู้ผ่านการเล่น หรือ PLAY-BASED LEARNING เด็ก ๆ จะมีส่วนร่วมและลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเอง เพื่อพัฒนา ทั้ง 4 ด้าน คือ ร่างกาย อารมณ์และจิตใจ สติปัญญา และสังคม ได้หัดทำงานร่วมกับผู้อื่น และหัดสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เด็ก ๆ จะสามารถบอกเล่าเรื่องต่าง ๆ ได้ด้วยตนเองและเรียนรู้การนำเสนอผลงาน ซึ่งการเรียนรู้ผ่านการเล่นนี้เองที่จะทำให้เด็ก ๆ มีพัฒนาการทักษะต่าง ๆ ครบด้านซึ่งเหมาะสำหรับเด็กปฐมวัยมาก  แต่การเล่นทั้งหมดไม่ใช่การเล่นที่ไม่มีความหมาย เพราะทุก ๆ กิจกรรมถูกคัดสรรและเป็นการเล่นที่มีเป้าหมาย และช่วยกระตุ้นการพัฒนาทักษะด้านสติปัญญา ความคิดและยังสร้างแรงจูงใจให้กับนักเรียนให้อยากเรียนอีกด้วย

หลักสูตรสำหรับเด็กอนุบาล ที่นี่ใช้หลักสูตร Global Immersion Programme ( GIP ) ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เข้มข้นในการใช้ภาษาอังกฤษ เด็ก ๆ จะได้เรียนภาษาอังกฤษมากถึง 70% และเรียนภาษาไทยอีก 30% นอกจากนี้ยังได้เรียนภาษาจีนเสริมอีก 2 คาบ ต่อสัปดาห์  นักเรียนจะได้เรียนภาษาอังกฤษกับครู Native ทุกชั้น โดยมีครูประจำชั้นเป็นคนไทย 1 คนและครูต่างชาติ 1  คน เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษในทุก ๆ วัน อย่างเป็นธรรมชาติ  เรียกได้ว่าครูไทยทำอะไร Teacher ก็ทำด้วย เด็กจะซึมซับภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ไม่กลัวชาวต่างชาติและเกิดความคุ้นชิน นอกจากนี้ยังได้เรียนศิลปะ และทำกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เช่น ทำอาหาร ทำขนม โยคะ ฯลฯ ได้ทักษะความรู้และพัฒนาร่างกายจิตใจไปพร้อม ๆ กัน

  

กิจกรรมของเด็กอนุบาล

 

เรียนรู้ผ่านโครงงาน ( Project-based learning )

นักเรียนชั้นประถมจะได้รับการพัฒนาครบทุกด้านและค้นหาตัวตนเช่นกัน สำหรับเด็กประถม 1-3 เริ่มมีการวางแผนการทำงานที่เป็นขั้นตอนมากขึ้น  ส่วนประถมปลายจะลงลึกและมุ่งเป้าหมายไปยังตัวตนและความถนัดของนักเรียน โดยใช้กระบวนการการเรียนรู้ผ่านโครงงาน (Project-based learning) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยส่งเสริมการหาข้อมูล การคิดวิเคราะห์ การติดต่อสื่อสารและการประสานความร่วมมือ และความคิดสร้างสรรค์ จากการลงมือปฏิบัติจริง การสังเกตการณ์ ซึ่งล้วนเป็นทักษะการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ช่วยพัฒนาทั้งสติปัญญา อารมณ์และจิตใจ สังคมและพัฒนาการด้านศักยภาพทางความถนัด ความสนใจและความสามารถพิเศษ เพื่อเตรียมนักเรียนให้มีความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงและการเรียนรู้โลกรอบ ๆ ตัว นักเรียนสามารถนำความรู้นี้ไปใช้ได้ในระยะยาว และยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนอีกด้วย

นักเรียนชั้นประถมใช้ หลักสูตร Advanced English Programme ( AEP) จะมีครูประจำชั้นสองท่าน เป็นครูไทย 1 ท่าน และครูต่างชาติ 1 ท่าน  ต่อจำนวนนักเรียนเพียง 25 คน ต่อห้อง  ได้เรียนภาษาอังกฤษในอัตราส่วน 50:50  วิชาหลักจะสอนเป็นภาษาอังกฤษโดยครูต่างชาติที่มีความรู้ ความสามารถและมีคุณสมบัติเหมาะสม  สำหรับวิชาวิทยาศาสตร์นักเรียนจะได้ทดลองแบบสนุก ๆ ทั้งกับคุณครูที่โรงเรียนและกับสถาบัน Mad Science  ได้ลงมือทดลองจริง กับอุปกรณ์จริง สอนโดยครูผู้มีประสบการณ์การสอนวิทยาศาสตร์โดยตรงจากสถาบัน ที่มีความเชี่ยวชาญ และมีแนวทางการสอนที่ทันสมัยและมีการพัฒนาอยู่เสมอ  นอกจากนี้ยังมีคุณครูจาก True Click Life มาสอนคอมพิวเตอร์ และเรียนภาษาจีนกับครูคนไทยที่เรียนจบภาษาจีนโดยตรงอีกด้วย หลังเลิกเรียน หรือ After School นักเรียนสามารถเรียนพิเศษกับผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ เช่น เทควันโด บัลเล่ต ดนตรี มินิเทนนิส หรือสอนการบ้านต่าง ซึ่งทางโรงเรียนมี Connection ผู้เชี่ยวชาญจากนอกโรงเรียนมาช่วยสอนที่โรงเรียน ในราคาที่เหมาะสม

งานกลุ่มช่วยฝึกให้นักเรียนมีความรับผิดชอบและหัดทำงานร่วมกับผู้อื่น

 

สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

โรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาดลาดพร้าว ก่อตั้งมากว่า 40 ปี แล้ว ทำให้การขยับขยายพื้นที่เป็นไปได้ยาก แต่ทางโรงเรียนก็พัฒนาและปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้สวยงามและสะอาดอยู่เสมอ แม้เนื้อที่ของโรงเรียนจะไม่มากนัก แต่การจัดพื้นที่ใช้สอย ก็ถูกออกแบบเพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสนามเด็กเล่น สระว่ายน้ำ โรงยิม ห้องทดลองวิทยาศาสตร์ ห้องคอมพิวเตอร์ โรงอาหารและห้องสมุด ตัวอาคารเรียนแบ่งโซนสำหรับเด็กอนุบาลและประถม โดยมีทางเชื่อมต่อกัน เมื่อน้อง ๆ อนุบาล มาถึงโรงเรียนสามารถลากกระเป๋าขึ้นอาคารเรียนด้วยทางลาดที่ออกแบบมาเฉพาะ ซึ่งเหมาะสมกับเด็ก ๆ เพราะเดินขึ้นลงได้สะดวกมากกว่าบันได ส่วนรอบๆอาคารเรียนก็เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ร่มรื่น อบอุ่น และสบายตาทีเดียว

 

   

บรรยากาศโรงเรียน

 

ทางลาดขึ้นลงอาคารของน้องอนุบาล

 

เด็ก BYSL กล้าคิดกล้าแสดงออก

เพราะเด็กยุคใหม่กล้าคิดกล้าแสดงออก ทางโรงเรียนจึงมีกิจกรรมช่วยส่งเสริมให้เด็กได้มีพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นบ่อยครั้ง  เช่น ให้เด็ก ๆ ได้นำเสนอผลงานที่เรียนกันมาตลอดทั้งเทอม ในงาน Open House โดยเชิญผู้ปกครองเข้ามาร่วมฟังการนำเสนอผลงาน มีทั้งเวทีย่อยและเวทีใหญ่ให้เด็ก ๆ ได้ฝึกการนำเสนอ แถมผู้ปกครองยังได้รับทราบว่าที่ผ่านมาลูก ๆ ได้เรียนรู้และมีความสนใจด้านไหนเป็นพิเศษอีกด้วย

นอกจากนี้ กลุ่มโรงเรียน ยังจัดงาน BEACONHOUSE INTERNATIONAL STUDENT CONVENTION (BISC) เป็นงานที่นักเรียนและคุณครูจากกลุ่มโรงเรียนในเครือทั่วโลกมารวมตัวกัน เพื่อร่วมแข่งขันกีฬาและวิชาการในเวทีนานาชาติ และทำกิจกรรมต่าง ๆ นักเรียนที่เข้าร่วมจะได้มีปฏิสัมพันธ์ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้พบเพื่อนจากหลากหลายเชื้อชาติ ได้นำความรู้มาร่วมแชร์และสร้างประสบการณ์ร่วมกัน เช่น วิชาความรู้รอบตัว ศิลปะ หุ่นยนต์ และแสดงวัฒนธรรมของแต่ละชาติ ซึ่งนักเรียนจะได้ฝึกตั้งแต่ช่วยวางแผนการจัดงาน เตรียมงานต่าง ๆ ร่วมกับคุณครูอีกด้วย

   

กิจกรรม Open House

กิจกรรม BEACONHOUSE INTERNATIONAL STUDENT CONVENTION (BISC)

 

(ซ้าย) คุณ จิรารัตน์ จอมป้อ ผู้อำนวยการโรงเรียน (ขวา) ดร.ฤทัยรัตน์ ตระกูลช่าง ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบนวัตกรรมทางการศึกษา และผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร

 

 

Mommy’s Love This  ถูกใจแม่ !

  1. สัดส่วนนักเรียน กับคุณครูเป็นสัดส่วนที่เหมาะสม ระดับชั้นอนุบาล รับนักเรียนเพียง 20 คน ต่อห้อง ส่วนชั้นประถม รับนักเรียน 25 คนต่อห้อง รับรองว่าคุณครูดูแลเด็ก ๆ ได้ทั่วถึงแน่นอน
  2. โรงเรียนมีกิจกรรม Open house เพื่อให้ผู้ปกครองเข้ามาเป็นครูให้กับลูก ผู้ปกครองท่านไหนสนใจก็สามารถเข้ามาทำกิจกรรมให้กับเด็กๆ ได้ เช่น มาสอนทำ CPR สอนประดิษฐ์ต่างๆ ในช่วงเดือนสิงหาคมและธันวาคม
  3. โรงเรียนไม่มีระบบห้องพักครู คุณครูจะพักในห้องเรียน ทำให้นักเรียนจะได้พูดคุย สอบถามคุณครูได้ตลอด
  4. ในห้องเรียนมีทั้งเครื่องฟอกอากาศ เครื่องทำไอออนและเมื่อเด็กๆกลับบ้านทางโรงเรียนจะเปิดเครื่อง UV Light เพื่อฆ่าเชื้อโรคอีกครั้ง
  5. การเข้าออกโรงเรียนแสนจะปลอดภัย เพราะมีระบบสแกนใบหน้า เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือของผู้ปกครอง ทั้งขาไปและขากลับ
  6. ที่โรงเรียน มีโครงการตลาดนัดหนูอยากขาย โดยให้เด็ก ๆ นำสินค้ามาจำหน่าย เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เรื่องคณิตศาสตร์ และ วิธีหาเงิน ทำให้เด็ก ๆ รู้จักคุณค่าของเงินตั้งแต่เล็ก ๆ
  7. คุณครูและผู้ปกครองสามารถพูดคุย ปรึกษากันได้ตลอด ช่วยลดปัญาหาที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก ๆ
  8. ที่โรงเรียน มีกิจกรรมให้พี่ประถม 1 มาดูแลน้องอนุบาล หรือ พี่ประถม 6 ดูแลน้อง ประถม 1 เป็นโครงการ พี่ดูแลน้อง น้องเคารพพี่ ทำให้นักเรียนทุกคนใกล้ชิดกันเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ช่วยลดปัญหาการทะเลาะหรือความขัดแย้ง

 

อัตราค่าเล่าเรียน (รายปี)

โรงเรียน bys ค่าเทอม ระดับเตรียมอนุบาล : 135,000 บาท

ค่าลงทะเบียน : 5,000 บาท

ระดับอนุบาล 1-3 : 140,000 บาท

ค่าลงทะเบียน : 5,000 บาท

ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3  :  145,000 บาท

ค่าลงทะเบียน : 5,000 บาท

ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6  :  145,000 บาท

ค่าลงทะเบียน : 5,000 บาท

 

ที่อยู่ : โรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสะอาดลาดพร้าว

90/335 ซอยวิภาวดี 20  แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900

โทร. 0-2277-5405 , 0-2690-0295

เว็บไซต์ : https://bys.ac.th/bilingual/bysladprao/index.php/th/

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  อภินัยน์ ทรรศโนภาส

คอกกั้นเด็ก Geko ครบทุกฟังก์ชั่นใช้งาน เติมเต็มความสุขลูกทุกวัย

account_circle
event

เลือกซื้อคอกกั้นเด็กแบบไหนดี ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกคนในบ้าน นอกจากต้องสร้างพื้นที่ปลอดภัยและเป็นสัดส่วนเพื่อดูแลลูกน้อยแล้ว คุณแม่เองก็อยากปรับให้เหมาะกับบ้านเพราะต้องใช้กันยาวๆ ตั้งแต่วัยเบบี๋จนถึงวัยซน คอกกั้นเด็ก Geko มาพร้อมนวัตกรรมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์แม่ลูก การันตีด้วยรางวัล  Amarin Baby & Kids Awards 2023

เพราะความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุด  Geko จึงพัฒนาคอกกั้นเด็กด้วยการออกแบบโดยทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญพัฒนาการเด็กโดยเฉพาะ ทั้งโครงสร้างที่แข็งแรง ระดับความสูง 90 เซนติเมตร  กับขอบหนาพอดี ที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกายของเด็กทุกวัย โดยเฉพาะวัย 9 เดือนที่กำลังเข้าสู่วัยหัดนั่ง  ยืน เดิน ผ่านการตรวจสอบจาก TUV Rheinland เป็นไปตามมาตรฐาน EN71-1 และ EN71-2 ปลอดภัยสำหรับเด็กทุกคน

จึงออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการฝึกยืนและฝึกเดินได้อย่างปลอดภัย เกาะขอบคอกได้ ไม่ล้มหรือปีนออกมาได้ง่าย ผนังของคอกกั้นมีความหนา 7.5 ซม. เพื่อความแข็งแรงของโครงสร้าง ไม่โยกเยก และปลอดภัยสำหรับเด็กทุกบ้าน มีแผ่น Support ที่ทำจากอะลูมิเนียมเกรดพรีเมียม มาช่วยเสริมทัพเพิ่มความแข็งแรงบริเวณรอยต่อของคอกกั้น ทำให้คอกสามารถรับน้ำหนักผู้ใหญ่ได้ ให้การฝึกทักษะการนั่ง การยืน และการเดินของลูกแข็งแรงไม่มีสะดุด

Amarin Baby & Kids คัดเลือกให้ คอกกั้นเด็ก Geko ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา BEST INNOVATIVE IN USING “SILICONES LEATHER” FOR SOFT PLAYPEN จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

อีกหนึ่งความพิเศษที่มีในคอกกั้นเด็ก Geko เท่านั้น คือเบาะหนังเกรดพรีเมียมที่ผลิตจากซิลิโคน ซึ่งถูกนำมาใช้ในหลายผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก โดยเฉพาะด้านอาหาร เพราะเป็นวัสดุระดับ Food-grade ปราศจากสาร  BPA  BPS หรือพาราเบน สามารถใช้ปากสัมผัสได้โดยไม่เกิดอันตรายต่างจากหนังพีวีซีหรือพียูตรงที่ไม่มีส่วนผสมจากพลาสติก นอกจากนี้ยังมีความแข็งแรงทนทาน ไม่เสียรูปแม้อยู่ในอุณหภูมิสูง-เย็น ทำความสะอาดได้ง่าย และที่สำคัญที่สุดคือไม่ก่อให้เกิดการแพ้

รูปแบบผลิตภัณฑ์ Geko มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนรูได้หลากหลาย ทั้งขนาดและรูปทรงเพื่อให้เหมาะกับเด็กแต่ละช่วงวัย

  • ปูเป็นที่นอนสำหรับเด็กแรกเกิด – 7 เดือน
  • ขยายพื้นที่เป็นแผ่นรองคลานสำหรับเด็ก 7-9 เดือน
  • จัดเป็นคอกกั้นให้เด็ก 8-12 เดือนเพื่อฝึกยืนหรือเดิน
  • ปรับเปลี่ยน Indoor playground ในบ้าน สำหรับเด็ก 1 ขวบขึ้นไป
  • ดัดแปลงเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนที่ใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำที่ช่วยให้คุณแม่เลี้ยงลูกอย่างมีความสุขแบบนี้ ทีมบรรณาธิการ พิจารณาแล้วว่าเข้าตามหลักเกณฑ์ในสาขา Innovation ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณแม่ยุคใหม่ เพื่อช่วยให้คุณแม่ดูแลลูกน้อยได้อย่างเหมาะสม และยังเป็นคุณแม่ที่มีความสุขไปพร้อมกัน ทั้ง Intention การเป็นนวัตกรรมที่ได้รับการประดิษฐ์ คิดค้น และสร้างสรรค์ใหม่ที่สร้างขึ้นให้ใช้งานได้จริง Initiative นวัตกรรมสำหรับแม่ลูกที่เกิดจากไอเดียใหม่ และ มีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์จริง

Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้คอกกั้นเด็ก Geko Thermomix ได้รับรางวัลนวัตกรรมด้านหนังซิลิโคน Editor’s Choice สาขา BEST INNOVATIVE IN USING “SILICONES LEATHER” FOR SOFT PLAYPEN

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และทดลองผลิตภัณฑ์ได้ที่ https://www.gekoforchild.com

 

 

รีวิว เครื่องอบ UV ฆ่าเชื้อขวดนม แห้งไว ปลอดภัย มาตรฐานโรงพยาบาล

account_circle
event

การดูแลทำความสะอาดขวดนมและจุกนมของลูกน้อย เป็นเรื่องสำคัญที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม แม้จะล้างทำความสะอาดแล้ว แต่หากไม่ลวกน้ำร้อน และผึ่งให้แห้ง ขวดนมและจุกนมก็อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ทำให้ลูกน้อยเจ็บป่วยโดยไม่รู้ตัว แต่ปัจจุบันคุณแม่ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้น เพราะมีเทคโนโลยี เครื่องอบ UV ที่ช่วยให้ขวดนมแห้งไว และฆ่าเชื้อโรคด้วยรังสี UVC ลดขั้นตอนการทำความสะอาดขวดนม ให้คุณแม่ยุคใหม่มีเวลาเหลือเพื่อไปพักผ่อนได้อย่างสบายใจ

ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids กำลังพูดถึง เครื่องอบ UV ฆ่าเชื้อขวดนม Säker 3 in 1 Sterilizer ตัวช่วยที่ทำให้ชีวิตคุณแม่ยุคใหม่เลี้ยงลูกอย่างสะดวกสบาย และอุ่นใจในความสะอาดและปลอดภัยของขวดนมและจุกนมที่ลูกน้อยต้องนำเข้าปากทุกวัน

สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ และคุณแม่ลูกอ่อน ที่กำลังมองหาตัวช่วยดีๆ ในการเลี้ยงลูก ตามมาดูรีวิว เครื่องอบ UV ฆ่าเชื้อขวดนม Säker 3 in 1 Sterilizer เครื่องนี้กันค่ะ ว่ามีดีอย่างไร จึงได้รับรางวัลจาก Amarin Baby & Kids Awards ถึง 3 ปีซ้อน

นวัตกรรมฆ่าเชื้อโรคอย่างปลอดภัย ไร้สารตกค้าง

  • เครื่องฆ่าเชื้อขวดนม Säker 3 in 1 Sterilizer ใช้ฆ่าเชื้อขวดนม จุกนม ด้วยหลอด UV-C คุณภาพสูงจากโปแลนด์
  • ใช้หลอด UV-C ของ Philips ซึ่งเป็นยี่ห้อที่ใช้ในโรงพยาบาลอันดับ 1 ของโลกอย่าง Johns Hopkins
  • ค่าความเข้มของแสง UV คงที่ตลอดการใช้งานจึงสามารถใช้งานได้นานถึง 18,000 ชม. ซึ่งหากใช้งานวันละ 3 ชั่วโมง จะสามารถใช้ได้นานถึง 16 ปี
  • หลอดเดียวเข้มข้นเพียงพอที่จะฆ่าเชื้อโรคและไวรัสในขนาดพื้นที่ 50L
  • เมื่อปล่อยรังสี UVC จะเกิดแสงสีฟ้าม่วงให้ผู้ใช้ทราบว่าเครื่องกำลังทำงาน
  • ตัวหลอดมีกระจกกรองแสง 185 NM ช่วยป้องกันการเกิดโอโซน จึงไม่ก่อให้เกิดกลิ่นตกค้างหลังจากฆ่าเชื้อโรคเสร็จ
  • กระจกนิรภัย tempered glass ตัดแสง UV ไม่ให้สะท้อนออกมาภายนอก ทนความร้อนได้ถึง 290 องศา
  • ระบบสะสมความร้อน 40-60 องศา อากาศไหลเวียนทั่วเครื่อง ไม่มีมุมอับ ฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ถึง 99% อบแห้งระบายลม 360 องศา ลดกลิ่นอับ กลิ่นนมบูด กลิ่นเหม็นที่ติดมาจากสิ่งของได้
  • วัสดุ Food grade สแตนเลส 304 ทรงไดม่อน ปลอดสารก่อมะเร็ง BPA FREE
  • ผ่านการทดสอบทางห้องแล็บหลายสถาบัน ผ่านการทดสอบ PTEC และมีผลการทดสอบจากสวทช. รับรอง

Amarin Baby & Kids เลือกให้ เครื่องฆ่าเชื้อขวดนม Saker ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา BEST BABY BOTTLE STERILIZER จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

 

สะดวกสบาย ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่

  • หน้าจอขนาดใหญ่ พร้อมปุ่ม LCD แบบสัมผัส ใช้งานง่าย
  • มีระบบตัดอัตโนมัติเมื่อเปิดประตูตู้ระหว่างใช้งาน
  • เสียงเงียบ ถนอมสินค้า กินไฟน้อยกว่า
  • แห้งไว ฆ่าเชื้อรวดเร็ว ไม่มีไอน้ำ ไม่เปียกสิ่งของ ไม่ต้องเติมน้ำขณะใช้งาน
  • รับประกันสินค้า 1 ปี
  • นอกจากฆ่าเชื้อขวดนมแล้ว ยังสามารถฆ่าเชื้อโรคจากของใช้อื่นๆ เช่น พวงกุญแจ กระเป๋าสตางค์ และธนบัตร เป็นต้น

เครื่องอบ UV ฆ่าเชื้อขวดนมที่ได้มาตรฐาน ป้องกันเชื้อโรคจากขวดนม รวมถึงเชื้อโรคจากภายนอกบ้านที่ติดมากับของใช้ต่างๆ ช่วยให้คุณแม่ทั้งเบาใจและเบาแรงแบบนี้ ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ เครื่องฆ่าเชื้อขวดนม Saker ได้รับรางวัล BEST BABY BOTTLE STERILIZER สาขา Editor’s Choice จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023”

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดีๆ ของผลิตภัณฑ์ Säker สามารถติดตามได้ที่www.facebook.com/sakerproduct

สอนลูกเลี้ยงสัตว์: วิธีเตรียมตัวเมื่อต้องเลี้ยงลูกและสัตว์เลี้ยงร่วมกัน

event

การเลี้ยงสัตว์ภายในบ้านหลังเดียวกันกับเด็ก โดยเฉพาะเด็กทารกนั้น เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนกังวล ทั้งเรื่องความสะอาด เรื่องอันตรายที่อาจเกิดจากสัตว์ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์กับเด็ก ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใหญ่กับสัตว์เลี้ยง และพัฒนาการของลูก สัตว์เลี้ยงตัวแรกของลูกควรเริ่มเลี้ยงตั้งแต่เมื่อไหร่ เราจะ สอนลูกเลี้ยงสัตว์ ได้อย่างไร แล้วถ้าเราเลี้ยงสัตว์มาก่อนที่จะมีลูก คุณพ่อคุณแม่ควรจัดการเรื่องลูก สัตว์เลี้ยง และบ้านอย่างไร วันนี้คุณแม่ฮอล์ – ลฬภัทร กสานติกุล บรรณาธิการบริหารบ้านและสวน Pets พา “พี่หมู” น้องหมาพันธุ์มินิบูลเทอร์เรีย ที่เลี้ยงมานานถึง 5 ปี และสอบผ่านการเป็นสุนัขนักบำบัด มาร่วมพูดคุยกับทีมแม่ ABK ค่ะ

สอนลูกเลี้ยงสัตว์: วิธีเตรียมตัวเมื่อต้องเลี้ยงลูกและสัตว์เลี้ยงร่วมกัน

เมื่อนึกถึงการเลี้ยงสัตว์ภายในบ้านหลังเดียวกับเด็กทารก สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่มักจะกังวลคือเรื่องของ “ความสะอาด” โดยคุณพ่อคุณแม่มักจะกังวลว่า เดี๋ยวสกปรก เดี๋ยวมีเชื้อโรค จะทำให้ลูกป่วย หรือเป็นภูมิแพ้ได้ คุณแม่ฮอล์จึงแบ่งการเลี้ยงสัตว์ร่วมกับลูกออกเป็น 2 กรณี ได้แก่

กรณีที่เลี้ยงสัตว์ก่อนที่จะมีลูก

กรณีที่คุณพ่อคุณแม่มีสัตว์เลี้ยงอยู่นบ้านตั้งแต่ก่อนที่จะมีลูก เมื่อถึงเวลาที่มีลูก หลายบ้านอาจเลือกที่จะทิ้งสัตว์เลี้ยง หรือนำไปปล่อย ด้วยความรู้สึกที่ว่า การเลี้ยงสัตว์ร่วมกับเด็กนั้นสกปรก มีเชื้อโรค จะทำให้ลูกป่วย เป็นภูมิแพ้ อย่างกรณีของคุณแม่ฮอล์ ตอนที่มีลูก ที่บ้านเลี้ยงแมวของน้องชายเอาไว้ ซึ่งก็กังวลเรื่องเชื้อราจากแมว กังวลเรื่องขนแมว กังวลเรื่องการทำความสะอาดบ้าน จนต้องย้ายแมวไปอยู่ที่อื่น ทั้ง ๆ ที่แมวตัวนี้เป็นแมวที่เราเลี้ยงมาตลอด และที่จริงแล้ว เราสามารถเลี้ยงแมวร่วมกับทารกหรือเด็กเล็กได้ หากมีการวางแผนให้ดีเสียก่อน

ทั้งที่จริงแล้ว สุนัขมีจมูกที่สามารถรับกลิ่นได้ดีกว่ามนุษย์หลายเท่า อย่างที่เราจะเห็นได้จากสุนัขที่ปฏิบัติหน้าที่เดินตรวจในสนามบิน นี่เป็นคุณสมบัติตามธรรมชาติของสุนัข คุณพ่อคุณแม่จึงสามารถสร้างความคุ้นชินให้สุนัขได้ตั้งแต่ลูกยังอยู่ในท้อง โดยการเปิดโฮกาสให้สุนัขมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้คุณแม่ เพื่อให้สุนัขรับกลิ่นที่แปลกใหม่จนเกิดความคุ้นชิน ค่อย ๆ คุย ค่อย ๆ บอกเล่าให้สุนัขรับรู้ว่าบ้านของเรากำลังจะมีสมาชิกใหม่เพิ่มมา เพื่อให้ลูกและสัตว์เลี้ยงของเราสามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องทิ้งสุนัข หรือปล่อยไปเป็นสุนัขจร

หลังคลอด คุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งเลี้ยงลูกและสัตว์รวมกันทันที เพราะสุนัขที่เคยเป็นที่หนึ่งมาตลอดจะต้องถูกแบ่งความรักไป จนอาจทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดี และไม่เข้าใจกันได้ ควรแบ่งโซนให้ชัดเจน เช่น แบ่งห้อง แบ่งชั้น ให้เป็นสัดส่วน รักษาความสะอาดเป็นอันดับหนึ่ง ต่อให้ยังไม่ได้พบเจอกัน แต่สุนัขก็สามารถรับรู้กลิ่นทารกจนเริ่มคุ้นชินได้ เมื่อเด็กเริ่มคลาน จึงเริ่มให้ลูกและสัตว์เข้าใกล้กันได้มากขึ้น โดยควรพิจารณาจากสายพันธุ์ของสุนัข และพฤติกรรมของสุนัขด้วย ไม่ควรปล่อยให้ลูกอยู่กับสัตว์ตามลำพัง ต้องอยู่ในสายตาตลอด พูดและบอกเล่าให้ลูกรู้จักสุนัข พาลูกมาทำความรู้จัก สอนวิธีลูบ สอนวิธีเล่น ค่อย ๆ ทำความรู้จักกันไป ค่อย ๆ เรียนรู้กัน มีงานวิจัยประมาณ 70-80% ที่พบว่า เด็กที่มีสุนัขอยู่ด้วยตั้งแต่เล็ก มีโอกาสเป็นหอบหืดหรือโรคภูมิแพ้น้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้เติบโตมากับสุนัข

 

กรณีที่ที่บ้านไม่มีสัตว์เลี้ยง แล้วลูกขอเลี้ยงสัตว์

เมื่อเด็กเริ่มเห็นสัตว์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเห็นจากการ์ตูน โทรทัศน์ หรือสื่อต่าง ๆ ลูกอาจเริ่มอยากมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตนเอง อย่างกรณีของคุณแม่ฮอล์  ตอนที่ลูกอายุ 5 ขวบ ลูกเริ่มบอกคุณแม่ว่าไม่มีเพื่อนเลย อยากเลี้ยงสัตว์ เมื่อลูกบอกความต้องการของตนเองแล้ว คุณแม่ต้องทำความเข้าใจ ถามและตอบตัวเองให้ได้ รวมไปถึงการปรึกษาพูดคุยกับทุกคนในครอบครัว ว่าเรามีความพร้อมที่จะเลี้ยงสัตว์แล้วหรือยัง ทุกคนในครอบครัวรักสุนัขหรือไม่ มีเวลาในการดูแลสัตว์มากน้อยแค่ไหน พิจารณาสมาชิกในครอบครัวว่ามีผู้สูงอายุด้วยหรือไม่ อยากเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ไหน สุนัขพันธุ์นี้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของครอบครัวของเราหรือเปล่า พิจารณาความพร้อมทางการเงินในการเลี้ยงดู รักษาพยาบาล เหมือนกับการมีลูกเพิ่มอีกหนึ่งคน

เมื่อลูกมีอายุ 10 ปีขึ้นไป เด็กเริ่มมีความพร้อมที่จะดูแลและรับผิดชอบสัตว์ด้วยตัวเองได้มากขึ้น จึงเริ่มมีการคุยวางแผน สร้างข้อตกลง มอบหมายหน้าที่การเลี้ยงร่วมกับลูก มีการแบ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบกัน ให้ลูกรู้หน้าที่ของตัวเอง เด็กก็จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และมีจิตใจดีตามไปด้วย โดยจากการวิจัย พบว่า เด็กที่เลี้ยงสุนัขมีโอกาสติดเชื้อทางช่องหูน้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์ ดังนั้นการเลี้ยงสัตว์ให้อยู่บ้านเดียวกับลูกอย่างมีความรู้และมีความพร้อม จึงเป็นเรื่องสำคัญ มีการดูแลเอาใจใส่เรื่องความสะอาดทั้งสำหรับตัวเด็กและสัตว์เลี้ยง เพื่อให้ทั้งเด็กและสัตว์เลี้ยงแข็งแรง ปลอดภัย มีภูมิคุ้มกันไปพร้อมกัน

 

ข้อดีของการเลี้ยงลูกและสัตว์เลี้ยงร่วมกัน

  • ส่งผลดีต่อสุขภาพจิตของเด็ก เด็กมีความสุขมากขึ้น
  • เด็กรู้สึกไม่เหงา มีเพื่อนคอยรับฟัง ไปไหนไปด้วยกัน
  • เด็กมีจิตใจที่อ่อนโยน เป็นห่วงสิ่งมีชีวิต รู้จักการให้ความรักและการดูแล มีความตระหนักถึงผู้อื่นมากขึ้น นึกถึงผู้อื่นนอกเหนือจากตัวเอง
  • เด็กมีความรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยง รู้ว่าจะต้องทำอะไร มีการวางแผน เตรียมความพร้อม รู้จักการเตรียมน้ำเตรียมอาหารให้สุนัขก่อนออกนอกบ้าน
  • เด็กมีความรับผิดชอบต่อตัวเอง ทำเพื่อสิ่งมีชีวิตที่ตัวเองรัก สามารถดูแลปกป้องสัตว์เลี้ยงที่เขารักได้ รวมไปถึงสามารถดูแลตัวเองได้ ดูแลสัตว์เลี้ยงแทนพ่อกับแม่ได้
  • เด็กมีความรับผิดชอบต่อสังคม รู้จักกฎระเบียบของแต่ละสถานที่ รู้จักการฝึกสัตว์เลี้ยงเบื้องต้นให้สามารถอยู่ร่วมในสังคมได้อย่างปกติสุข ระมัดระวัง ช่วยดูแลสังคม ดูแลเรื่องการขับถ่ายของสัตว์เลี้ยง ไม่ให้สัตว์เลี้ยงของตนเองสร้างความเดือดร้อน หรือรบกวนผู้อื่น
  • เด็กรู้จักการวางแผน รู้ว่าตอนเช้าต้องตื่นให้เร็วขึ้น อาบน้ำแต่งตัว รับประทานอาหาร จัดการตัวเองให้เร็วขึ้น เผื่อเวลาให้มากขึ้นเพื่อพาสุนัขออกไปขับถ่ายนอกบ้าน เป็นต้น
  • เด็กรู้จักการแบ่งเวลา รู้จักการบริหารเวลา จัดสรรเวลาให้เหมาะสมตามความสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องอ่านหนังสือสอบก็สามารถดูแลหน้าที่ของตนเองคาบคู่ไปกับการดูแลสัตว์เลี้ยงได้
  • เด็กมีวินัยในตัวเอง รู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง รู้สึกภาคภูมิใจ เป็นการปลูกฝังระเบียบวินัยให้กับตัวเอง รู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร
  • เด็กมีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งใหม่ เปิดประสบการณ์ใหม่ เกิดการสังเกต เรียนรู้ ตั้งคำถามเพื่อให้เกิดการฉุกคิด เช่น เห็นคนเอาตับไก่ปิ้งให้สุนัขกิน แล้วกลับมาคิดว่าสามารถทำได้หรือไม่ ถูกต้องหรือไม่ เกิดการสังเกตอุจจาระของสุนัข แล้วตั้งคำถามว่าทำไมสุนัขจึงอุจจาระเหลว ก่อนที่จะค้นหาคำตอบ เกิดความรู้ใหม่ มีความรู้รอบตัวมากกว่าเพื่อนที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์
  • เป็นการฝึกการเข้าสังคม ช่วยส่งเสริมให้เด็กกล้าคุย กล้าปฏิสัมพันธ์กับคนภายนอกมากขึ้น จากการพาสุนัขไปเดินเล่น ไปทำกิจกรรมต่าง ๆ
  • เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ในครอบครัว เป็นสื่อกลางระหว่างลูกกับทุกคนในครอบครัว ทุกคนในครอบครัวได้มีกิจกรรมทำร่วมกัน มีประเด็นให้พูดคุยร่วมกัน
  • เด็กค้นพบความชอบของตัวเอง สามารถค้นหาความรู้ได้ด้วยตัวเองจากการปฏิบัติจริง และรู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร

 

การความพร้อม และเตรียมตัวก่อนเลี้ยงสุนัข

จากประสบการณ์การเลี้ยงสุนัขของคุณแม่ฮอล์ คุณแม่ฮอล์แบ่งโซนภายในบ้านให้มีพื้นที่สำหรับเลี้ยงสุนัขทั้งในบ้านและกลางแจ้ง โดยการกั้นคอกหรือทำเซฟโซนให้สุนัขอาศัยอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขพบเจอกับสัตว์มีพิษ เป็นพื้นที่ปลอดภัย เมื่อสุนัขรู้สึกไม่ปลอดภัย สุนัขจะวิ่งกลับมาที่เซฟโซนเอง เพราะเขารู้ว่าพื้นที่ตรงนี้ปลอดภัย รู้สึกอุ่นใจ สบายใจ ที่อยู่ตรงนี้ มีกล้องวงจรปิดเพื่อคอยตรวจสอบความเรียบร้อย มีพัดลม มุ้งลวดป้องกันยุง มีความแข็งแรง สามารถป้องกันฝนสาด และยังระบายอากาศได้ดีอีกด้วย ส่วนพื้นที่ภายในบ้านนั้น คุณแม่ฮอล์จัดให้มีห้องสำหรับเลี้ยงสุนัขโดยเฉพาะ

 

อยู่กับสุนัขอย่างไรให้มีความสุข

คุณพ่อคุณแม่ควรแบ่งโซนระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยงให้เป็นสัดส่วน ให้คนและสัตว์เลี้ยงยังอยู่ร่วมกัน แต่ก็มีพื้นที่เป็นของตนเองด้วย ประยุกต์พื้นที่ให้สุนัขอยู่ในกรง ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับเจ้าของได้ ปรับให้เหมาะสมสำหรับบ้านแต่ละหลัง ให้สุนัขไม่รบกวนการใช้ชีวิตของคน เพื่อให้คนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทำงานได้อย่างมีความสุข โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ห่างกัน หรือแยกขังจนสุนัขรู้สึกโดดเดี่ยว มีพื้นที่ให้อาศัยอยู่ร่วมกัน เพื่อให้ทุกคนมีความสุข รู้สึกปลอดภัย รักษาสะอาดให้ดี ไม่เกิดความหมักหมม ข้าวของไม่เสียหาย ออกแบบบ้านให้เหมาะสำหรับสัตว์ที่เราเลี้ยง เช่น การออกแบบบันไดที่เหมาะสำหรับความสูงของสุนัขสายพันธุ์นั้น เพราะสุนัขพันธุ์เล็กที่ต้องขึ้นลงบันไดที่สูงเกินไป อาจเกิดปัญหาสุขภาพข้อและกระดูกตามมาได้ หรือการออกแบบความถี่ของระแนงรั้ว ความสูงของรั้ว เพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขหลุดหนีหรือหลงทางหายไป และป้องกันไม่ให้ล้อเลื่อนของประตูมาทับอวัยวะต่าง ๆ ของสุนัข จนเกิดอันตรายตามมา เป็นต้น

 

การ สอนลูกเลี้ยงสัตว์ รวมไปถึงการเลี้ยงลูกและสัตว์เลี้ยงร่วมกันไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณพ่อคุณแม่มีการพูดคุย วางแผน เตรียมความพร้อมให้ดี เมื่อมีการวางแผนให้ดีแล้ว ทุกคนในครอบครัวรวมไปถึงสัตว์เลี้ยงแสนรักของเราก็สามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขด้วยกันได้แล้วค่ะ


อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ

10 ข้อดีของการ ให้ลูกเลี้ยงสัตว์ ส่งผลทั้งร่างกายและจิตใจ

สอน คำศัพท์ ABC ให้ลูกจำแม่นด้วยชื่อสัตว์โลกน่ารัก

ฝึกลูก รับมือความสูญเสีย เมื่อสัตว์เลี้ยงแสนรักจากไป

สอนลูก วาดรูปง่ายๆ รูปสัตว์น่ารักกว่า 20 แบบ ฝึกวาดเส้นเสริมจินตนาการ

วัคซีนป้องกันโรค มือ เท้า ปาก สำหรับเด็กๆ ที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

event

โรค มือ เท้า ปาก เป็นโรคที่เด็กๆ หลายคนเสี่ยงที่จะติดในช่วงหน้าฝน โดยอาการที่พบ มีดังนี้ค่ะ

  • มีไข้ ปวดหัว เจ็บคอ
  • มีแผลในปาก
  • มีผื่นตุ่มพองที่มือ
  • มีผื่นตุ่มพองที่เท้า

วิธีป้องกันคือให้เด็กๆ ได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 (EV71) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมือเท้าปาก

ที่อาจทำให้ลูกน้อยของคุณมีอาการรุนแรง และมีภาวะสมองหรือหัวใจอักเสบได้

 

คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกไปฉีดวัคซีนได้ที่ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน – 5 ปี

วัคซีน 2 เข็ม ราคา 6,800 บาท (ลดจาก 8,860 บาท)

ระยะห่าง 1 เดือน เข็ม 1 – เข็ม 2

ราคาแพ็กเกจเฉพาะค่าวัคซีน 2 เข็ม ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล

สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2567

 

หมายเหตุ: แนะนำพบกุมารแพทย์และรับบริการที่แผนกกุมารเวชกรรม อาคารหมอแวลส์ ชั้น 13

ติดต่อรับบริการแผนกตรวจสุขภาพเด็กดี 02 6259000 ต่อ 31330-1

NICU

หน่วยอภิบาลทารกแรกเกิด (NICU) โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

event
NICU
NICU

มีความพร้อมสูงทั้งทีมแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทางในการดูแลรักษาทารกแรกเกิดที่อยู่ในภาวะวิกฤต

 

ทารกแรกเกิดวิกฤต จำเป็นจะต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะทารกกลุ่มเสี่ยง  เพราะอาจมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียนจึงให้ความสำคัญและมีหน่วยอภิบาลดูแลทารกแรกเกิด (Neonatal Intensive Care Unit : NICU) ที่มีกุมารแพทย์เฉพาะทางและทีมสหวิชาชีพ พร้อมด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย พร้อมให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด

หน่วยอภิบาลทารกแรกเกิดวิกฤต (NICU) เป็นแผนกเตรียมพร้อมสำหรับทารกในกรณีมารดาที่มีภาวะตั้งครรภ์เสี่ยงสูง ดูแลทารกแรกเกิดที่ต้องการการรักษาและการดูแลอย่างใกล้ชิด เช่น

  • ทารกเกิดก่อนกำหนด
  • ทารกแฝด
  • ทารกที่ตรวจพบมีความผิดปกติขณะมารดาตั้งครรภ์
  • ทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักตัวน้อยกว่าหรือมากกว่าเกณฑ์ปกติ
  • ทารกมีอาการผิดปกติ ช่วงมารดาใกล้คลอดหรือช่วงแรกเกิด

ทีม NICU มีความชำนาญเฉพาะทางในการดูแลทารกคลอด ด้วยอุปกรณ์เครื่องมือ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมวางแผนดูแลทารกให้ปลอดภัยอย่างสุดความสามารถ

  • กุมารแพทย์สาขาทารกแรกเกิดและปริกำเนิดทำงานร่วมกับสูติแพทย์ และทีมพยาบาลเฉพาะทาง
  • กู้ชีพทารกแรกเกิด
  • ควบคุมการติดเชื้อ
  • ปรับอุณหภูมิร่างกายทารก
  • ให้สารน้ำ สารอาหาร และโภชนาการที่เหมาะสม
  • อุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัยในการดูแลรักษา อาทิ

ตู้อบ

  • เครื่องส่องไฟรักษาภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด
  • เครื่องให้ออกซิเจนแก่ทารก
  • เครื่องช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก
  • เครื่องช่วยหายใจ
  • หน่วยส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ (คลินิกนมแม่)

 

ทีมแพทย์และพยาบาล

  • สูติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ (maternal-fetal medicine specialist)
  • กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาทารกแรกเกิดและปริกำเนิด (neonatologist)
  • ทีมพยาบาล ประกอบด้วยพยาบาลเฉพาะทางเกี่ยวกับเรื่องการดูแลครรภ์ การคลอด และดูแลทารกหลังคลอด
  • พยาบาลผู้เชี่ยวชาญการดูแลระหว่างการผ่าตัดคลอด
  • พยาบาลผู้เชี่ยวชาญการดูแลทารกแรกเกิดภาวะวิกฤต
  • พยาบาลผู้ประสานงานมารดาและทารกปริกำเนิด
  • พยาบาลผู้ประสานงานการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

 

หน่วยอภิบาลทารกแรกเกิดวิกฤต (NICU)

มีความพร้อมในด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น

–    เครื่องช่วยหายใจชนิดต่างๆ

–    เครื่องเฝ้าติดตามการทำงานของสัญญาณชีพ

–    ตู้อบสำหรับทารกแรกเกิด เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ทารกและปรับอุณหภูมิร่างกาย

–    ตู้อบสำหรับเคลื่อนย้ายทารกพร้อมเครื่องช่วยหายใจ

–    ชุดอุปกรณ์กู้ชีพสำหรับทารก

–    เครื่องควบคุมการให้สารละลายทางหลอดเลือด

–    เครื่องส่องไฟรักษาภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด

 

ทีมเคลื่อนย้ายทารกแรกเกิด (Neonatal Transfer Team)

–           ให้บริการดูแลทารกแรกคลอดที่รับจากห้องคลอด

–           รับย้ายทารกอายุไม่เกิน 1 เดือนที่ย้ายมาจากโรงพยาบาลอื่น ร่วมกับแผนกห้องฉุกเฉิน

 

การดูแลพิเศษขณะทารกอยู่ใน NICU

  • ผู้ปกครองสามารถขอทราบข้อมูลของบุตรได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์
  • มุ่งเน้นการให้นมแม่แก่ทารกภายใน NICU
  • มีคลินิกนมแม่ในโรงพยาบาลที่สามารถช่วยให้มารดาให้นมบุตรได้
  • ให้ผู้ปกครองสามารถสัมผัสทารกได้อย่างใกล้ชิดเมื่อทารกอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม
  • การทำ Kangaroo care
  • กระตุ้นพัฒนาการด้วยเสียงเพลงและหนังสือสำหรับทารก
  • ให้คำแนะนำและฝึกความมั่นใจแก่ผู้ปกครองก่อนรับทารกกลับบ้าน
  • ในบางกรณี แพทย์จะแนะนำการช่วยกู้ชีพทารกแก่ผู้ปกครองก่อนกลับบ้าน (หากผู้ปกครองต้องการ)

 

ทีมบุคลากรทางการแพทย์ของ หน่วยอภิบาลทารกแรกเกิด โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

มีความพร้อมอย่างยิ่งในการดูแลรักษาทารกแรกเกิดอย่างดีที่สุด

02 6259000, 027609000 หน่วยอภิบาลทารกแรกเกิด ต่อ 31720-1

 

โรงพยาบาลเจ้าพระยาฉลองครบรอบ 33 ปี

event

โรงพยาบาลเจ้าพระยาจัดงานฉลองครบรอบ 33 ปี ขอบคุณกลุ่มผู้บริหารยุคก่อตั้ง บริษัทคู่สัญญา คู่ค้า บริษัทประกันและสื่อมวลชน ที่คอยสนับสนุนเคียงข้างโรงพยาบาลเจ้าพระยาด้วยดีเสมอมา โดยมี น.พ.พงษ์พัฒน์ ปธานวนิช กรรมการผู้จัดการโรงพยาบาลเจ้าพระยา กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและกล่าวแสดงวิสัยทัศน์

“เจ้าพระยา NEW ERA” บอกเล่าแผนการสร้างอาคารใหม่เพื่อขยายพื้นที่รองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นให้แล้วเสร็จในปี 2570 ลำดับถัดมา น.พ.ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล กล่าวถึงนโยบาย “โรงพยาบาลคุณธรรม” เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยอย่างมีคุณธรรม จริยธรรม ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่เชื่อมั่นแก่ทั้งผู้มารับบริการ บุคลากร และคู่ธุรกิจ

นอกจากนี้กลุ่มผู้บริหารปัจจุบันได้รับเกียรติร่วมถ่ายภาพกับคุณเพ็ญศรี พัฑฒฆายน ภริยาของ พลโท น.พ.โกวิท พัฑฒฆายน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลเจ้าพระยา พร้อมบุตรี คุณเดือนเพ็ญ ทัดพิทักษ์กุล และคุณญาดา พัฑฒฆายน ด้วยบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง

เพลิดเพลินกับบทเพลงอันไพเราะจากนักร้องประสานเสียง “วงสวนพลูคอรัส” ท่ามกลางความประทับใจของผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก ณ หอประชุม พลโท น.พ.โกวิท พัฑฒฆายน ชั้น 2 โรงพยาบาลเจ้าพระยา

“ลีเดีย ศรัณย์รัชต์” ปฏิวัติวงการคุณแม่ จับมือ “ก้อย รัชวิน” เปิดตัว คอลเลกชั่น Bunne & Mamalade x Koy Rachwin ชุดชั้นในให้นมลูกและปั๊มนมแบบ Hands-Free ตอบโจทย์ชีวิตไลฟ์สไตล์ “คุณแม่ยุคใหม่”

event

สวยงาม โดนใจ ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ เมื่อ ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน นักร้องดีว่าเสียงทรงเสน่ห์คุณแม่ลูกสาม ของ ดีแลน เดมี่ ดีออน ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารแบรนด์ Bunne & Mamalade (บัน แอนด์ มาม่าเลด) ฉลอง 6 ปีของแบรนด์ ด้วยการจัดงาน เปิดตัวคอลเลกชั่น Bunne & Mamalade x Koy Rachwin

โดยจับมือกับนักแสดงมากฝีมือคุณแม่ลูกสอง ก้อย รัชวิน  คงมาลัย มาร่วมออกแบบคอลเลกชั่นพิเศษสำหรับคุณแม่ ซึ่งมีชุดชั้นในให้นมและปั๊มนมแบบ Hands-Free เป็น Highlight รวมถึงเสื้อผ้าสำหรับใส่ช่วงตั้งครรภ์และหลังคลอด โดยมี คุณแม่ป้ายแดง และ เซเลบริตี้ อาทิ นิว นภัสสร สุวรรณานนท์, แอริน สิรีภรณ์ เบญจรงคกุล, เมรี คัมภีร์, ดา ธนิดา ธรรมวิมล, โอซา แวง และ อี๊ฟ พุทธธิดา ศิระฉายา มาร่วมงานเปิดตัวคอลเลกชั่นนี้ โดยเนรมิตพื้นที่ให้เป็นสวนดอกไม้ ใน ธีม MAMA in BunneDerland พร้อม ดิสเพลย์ ผลิตภัณฑ์ แบรนด์ Bunne & Mamalade อย่างสวยงาม ณ Mother May I เมื่อวันก่อน

ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารแบรนด์ Bunne & Mamalade กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ ว่า … “วันนี้ เดีย กับ พี่ก้อย ได้จับมือร่วมกันเพื่อเปิดตัวคอลเลกชั่นพิเศษ Bunne & Mamalade x Koy Rachwin เพราะเราทั้ง 2 คน ต้องการถ่ายทอดความเป็น Happy Modern Mom ผ่านชุดชั้นในสำหรับคุณแม่ที่สามารถเป็นทั้งชุดชั้นในให้นมและปั๊มนม แบบ Hands-Free ได้ ในเวลาเดียวกัน รวมถึงเสื้อให้นมและกางเกงสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ที่มีเนื้อผ้านุ่ม ใส่สบาย พร้อมฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ เอาใจทั้งคุณแม่สายหวาน สายสปอร์ต และสายเซ็กซี่

เดีย อยากให้ผู้หญิงทุกคนที่วางแผนว่าจะมีน้องได้เปิดใจรับความเชื่อใหม่ๆ จากสมัยก่อนที่คิดว่าท้องปุ๊บชีวิตเปลี่ยน จริง ๆ แล้ว เรายังสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เหมือนเดิม แค่ต้องปรับนิดหน่อย ให้เหมาะกับการแบกท้องที่ใหญ่มากกว่าปกติแค่นั้น แต่การแต่งตัว แฟชั่น การเดินทาง กินอยู่ ฯลฯ เรายังสามารถท้องด้วยก็สวยได้ ยิ่งไปกว่านั้น  การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการรับประทานอาหารดีมีประโยชน์ ยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตของคุณแม่ช่วงตั้งครรภ์มีความสุขมากขึ้น”

“ขอบคุณ ลีเดีย ที่ชวน ก้อย มาร่วมโปรเจกต์พิเศษเพื่อออกแบบ ชุดชั้นในให้นมลูกและปั๊มนมแบบ Hands-Free ที่ตอบโจทย์ชีวิตไลฟ์สไตล์ “คุณแม่ยุคใหม่” ก้อย มีความเชื่อว่า “แม้เราจะเป็นคุณแม่ แต่ก็อย่าหยุดสวยค่ะ เราต้องออกจากกรอบเดิม ๆ ความสวย ความเก๋ ความคล่องตัวกับการใช้ชีวิตระหว่างวันของเรายังคงสำคัญ เราสามารถเลือกเสื้อผ้าไม่ว่าจะเป็นดีไซน์หรือแฟชั่นของคุณแม่ให้เข้ากับยุคและมีความทันสมัยได้ เราต้องมีความสุข ทั้งร่างกาย และจิตใจ ก้อย จึงถ่ายทอดความเป็นตัวเองและแชร์สิ่งดี ๆ สำหรับเหล่าคุณแม่ด้วยกัน เพื่อให้ผู้หญิงที่เป็นคุณแม่ทุกคนสามารถมีความสุขในการใช้ชีวิตได้ในแบบของตัวเอง ผ่านคอลเลกชั่นพิเศษ Bunne & Mamalade x Koy Rachwin ค่ะ” ก้อย รัชวิน  คงมาลัย กล่าวเสริม

โดยปัจจุบันแบรนด์ Bunne & Mamalade มีสินค้าสำหรับคุณแม่ช่วงตั้งครรภ์และหลังคลอด อาทิ

  • ครีมบำรุงผิวและป้องกันรอยแตกลายขณะตั้งครรภ์
  • แผ่นมาส์กบำรุงผิวและป้องกันรอยแตกลายขณะตั้งครรภ์
  • เสื้อและชุดชั้นในให้นม
  • กางเกงและกางเกงในสำหรับคนท้องและคุณแม่หลังคลอด
  • ชุดนอนสำหรับคุณแม่ขณะตั้งครรภ์และให้นม

“คุณดูแลลูก… เราดูแลคุณ”

 

สามารถติดตามและอัพเดตทุกความเคลื่อนไหวของ Bunne & Mamalade ได้ที่…

Website : Bunne & Mamalade  https://bunnemamalade.com/

Facebook : Bunne & Mamalade – ผลิตภัณฑ์สำหรับคุณแม่ https://www.facebook.com/bunnemamalade

Instagram : @bunnemamalade  https://www.instagram.com/bunnemamalade

Tiktok : @bunnemamalade_official https://www.tiktok.com/@bunnemamalade_official

LINE@ : @bunnemamalade   https://lin.ee/kVdBogC

#BunneMamalade #BunneMamaladeXKoyRachwin #เสื้อในให้นม #ชุดชั้นในให้นม #คุณดูแลลูกเราดูแลคุณ

TCIS

TCIS โรงเรียนนานาชาติ 3 ภาษา หลักสูตรอเมริกัน วิชาการ-ศาสตร์-ศิลป์-เสรีภาพ บาลานซ์ลงตัว

event
TCIS
TCIS

พาทัวร์ TCIS โรงเรียนนานาชาติ 3 ภาษา (อังกฤษ – จีน – ไทย) ย่านสมุทรปราการ พร้อมหลักสูตรอเมริกัน วิชาการ-ศาสตร์-ศิลป์-เสรีภาพ บาลานซ์ลงตัว

การเรียนภาษาที่มีประสิทธิภาพที่สุดควรเริ่มตั้งแต่ตอนไหน คุณพ่อคุณแม่ทราบไหมคะ ? สามารถเริ่มได้ตั้งแต่ยังเล็ก ๆ เลยค่ะ นั่นคือ การใช้ภาษาเป็นประจำในชีวิต  แม้ส่วนใหญ่เด็ก ๆ จะใช้ภาษาไทยเป็นหลักในครอบครัว แต่ถ้าหากในช่วงเวลาที่อยู่ในโรงเรียนนั้นได้เรียนรู้และใช้ภาษาอื่น ๆ อย่างเต็มที่ก็ยิ่งมีโอกาสในการ “เก่งภาษา” ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ยิ่งได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่สามารถใช้ภาษาได้บ่อย ๆ  ยิ่งทำให้เด็ก ๆ มีพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้น วันนี้ School Visit จะพาไปเยี่ยมชม โรงเรียนที่เด็ก ๆ จะได้ใช้ทั้ง 3 ภาษา  คือ ไทย จีน อังกฤษ แบบเป็นธรรมชาติ ที่โรงเรียนนานาชาติไทยจีน หรือ Thai-Chinese International School (TCIS) อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โรงเรียนนานาชาติ 3 ภาษา หลักสูตร American Curriculum Based on the Common Core State Standards (CCSS) ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาล – มัธยมศึกษาปีที่ 6 บรรยากาศและหลักสูตรจะเป็นอย่างไร ตามมาชมกันได้เลย

TCIS

TCIS TCIS TCIS TCIS

TCIS เปิดสอนตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาลจนถึง G.12 วิชาการ กิจกรรม จริยธรรม ดีเลิศจนเป็นที่บอกต่อกันปากต่อปาก

LEARN : หลักสูตรอันดับ 1 ในสหรัฐ

Actions speak louder than words การกระทำสำคัญกว่าคำพูด..วลีนี้ไม่เกินจริง ดังนั้นหลักสูตรอเมริกันจะเน้น “การลงมือทำ” ทั้งกิจกรรมเดี่ยว, กลุ่ม, ทำโครงงาน หรือการนำเสนอผลงาน อันเป็นที่รู้จักในนาม Project Based Learning นั่นเอง หลักสูตรของที่นี่จะมีเนื้อหาที่ยืดหยุ่น ไม่ได้เน้นแค่วิชาหลัก เช่น Mathematic, Science หรือภาษา แต่ให้ความสำคัญกับวิชารอง เช่น สังคมศาสตร์ ศิลปะ และวิชาเลือกที่หลากหลายมากมายด้วยเช่นกัน เป็นหลักสูตรที่ไม่ทอดทิ้งศาสตร์ไหนไว้เบื้องหลังเลยค่ะ แถมยังส่งเสริมความชอบและความถนัดส่วนบุคคลของเด็ก ๆ ได้ตรงจุด ชัดเจน และถูกใจผู้เรียนแน่นอน

 

เพราะภาษาคือกุญแจสู่โลกกว้าง

พัฒนา ทั้ง 3 ภาษา ไปพร้อมกัน ทั้ง ไทย จีน และอังกฤษ นักเรียนจะได้เรียนทั้ง 3 ภาษา ตั้งแต่ระดับอนุบาลจากการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเด็กเล็กจะเริ่มจากการ Listening – Speaking หรือฟังและพูดก่อน แน่นอนว่าที่ TCIS จะใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก การเรียนในรูปแบบ INTERACTIVE ของ TCIS ยิ่งเพิ่มโอกาสในการใช้ภาษาจากการพูดคุย ปฏิสัมพันธ์ กันในระหว่างการทำกิจกรรมในชั้นเรียน นอกจากนี้ ยังมี ECE Program  คือ ในวิชาหลักจะมี 1 Native Speaker-Teacher และ 1 Native-Chinese Teacher สอนร่วมกันในวิชาเดียวกัน จึงทำให้นักเรียน TCIS สามารถใช้ภาษาอังกฤษและภาษาจีนได้คล่องแคล่วมาก

ที่โรงเรียน มี Common Core : Reader-Writer Workshop เพื่อกระตุ้นการอ่านเพื่อความเข้าใจ จับใจความและสามารถอภิปรายได้ผ่านหนังสือหลากหลายประเภท สำหรับใครที่อยากเรียนภาษาที่ 4 หรือ 5 (ไม่บังคับ) ก็สามารถเลือกเรียนเพิ่มเติมได้ ยิ่งได้หลายภาษายิ่ง ได้เปรียบ ได้แก่ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี และภาษาสเปน

TCIS

ผลงานของน้องเล็กที่เรียนรู้ผ่านการเล่น

TCIS

พี่ๆ อภิปรายกันในคลาส

TCIS

กิจกรรมในรูปแบบเกมส์

TCIS

คลาสของพี่โตจะสบายๆนั่งเรียนตรงไหนก็ได้

 

ADVANCED PLACEMENT เริ่มเร็ว พร้อมเร็ว ก็ไปได้ไว

หรือที่เรียกย่อๆว่า AP คือหลักสูตรการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกจัดทำโดย College Board หรือหน่วยงานที่จัดสอบ SAT นั่นเองค่ะ  โดยหลักสูตรนี้ถือเป็นโครงการเรียนล่วงหน้าสำหรับน้อง ๆ มัธยมปลาย และมักจะพบบ่อย ๆ ในโรงเรียนนานาชาติหลักสูตรอเมริกัน ที่ TCIS ก็เช่นกัน ( ทั่วไปเริ่มเรียนตอน G.9 ที่ TCIS มีบางวิชาเริ่มตอน G.8 ) ซึ่งเนื้อหาวิชา AP นั้นจะสอนเข้มข้นมากๆ และอาจเป็นตัวเนื้อหาที่เด็กๆจะต้องเจอในระดับมหาวิทยาลัย การเลือกเรียนวิชา AP เสริมจากการเรียนในหลักสูตรปกติและได้คะแนนดี ก็อาจจะสามารถนำผลคะแนนไปแลกเป็นเครดิตวิชานั้น ๆ ในระดับมหาวิทยาลัยเพื่อลดจำนวนวิชาเรียนได้อีกด้วย

ทั้งวิชาหลักและวิชารอง ตามรายวิชาต่อไปนี้ค่ะ

  1. AP Capstone เช่น AP Research, AP Seminar (หมวดวิชานี้จะเน้นการศึกษาค้นคว้าข้อมูล ทำวิทยานิพนธ์และงานวิจัย ทั้งแบบเดี่ยวเเละกลุ่ม)
  2. AP Arts เช่น Art History, Music Theory
  3. AP English เช่น Language & Composition, Literature & Composition
  4. AP History & Social Sciences เช่น Human Geography, Micro/Macroeconomics, World History
  5. Math & Computer Science เช่น Calculus AB/BC, Computer Science, Statistics
  6. Sciences เช่น Biology, Chemistry, Physics
  7. World Languages เช่น Chinese Language & Culture และ Latin

ซึ่งในปีที่ผ่านมานักเรียน TCIS ได้ AP PERFECT SCORE ของโลกมา 3 คน ( AP ARTS 2 คน และ AP RESEARCH 1 คน )

TCIS TCIS TCIS TCIS TCIS

TCIS เป็นโรงเรียนนานาชาติสไตล์อเมริกันที่รองรับและ support นักเรียนเพื่อการเรียนรู้ในทุกรูปแบบเพื่อให้เด็กๆค้นพบศักยภาพของตัวเองผ่านการทำงานเดี่ยว งานกลุ่ม ในบรรยากาศที่หลากหลาย

 

LIFE

AFTER SCHOOL ENRICHMENT PROGRAM ให้สนุกกันจุกๆ

หลังเลิกเรียน ที่โรงเรียนจะมีกิจกรรมให้เด็ก ๆ ได้เลือก ทั้งติวทางวิชาการและคลับกิจกรรมสนุกสนาน ได้แก่ Chinese Painting, Chess Club, Mindfulness Club, Harry Potter Club, Reader’s Theatre, Taekwando, Performance Showcase, SAT MATH, Minecraft, The Hamster Class Pet Project, Magnatile Building Club, UKULELE, ROBLOX

และคลับอื่นๆอีกมากมาย

 

การแข่งขันกีฬาทั้งภายในและภายนอก

การแข่งขันกีฬาที่ TCIS จะมีทั้งแบบเดี่ยวและแบบทีม หลากหลายระดับชั้น หลากหลายเชื้อชาติ เด็ก ๆ จะรู้สึกอบอุ่น ใกล้ชิด และได้เรียนรู้ภาษา วัฒนธรรม ช่วยสร้าง Social Skills อย่างเป็นธรรมชาติและที่สำคัญคือการสร้างทักษะความเป็นผู้นำ ความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตัวเอง

TCIS TCIS

เวลาพักของระดับประถม

 

TCIS

ชั่วโมงเครื่องเป่า ดนตรีสากล

TCIS

น้องอนุบาลกับเพลย์ยิมในห้องเรียน

TCIS TCIS

P.E. เน้นการพัฒนากล้ามเนื้อและด้านโภชนาการ การทำอาหารสุขภาพ และการคำนวณแคลอรี่

 

WEEK WITHOUT WALL : เข้าค่ายละลายพฤติกรรม

เป็นกิจกรรมเพิ่มเติมจาก day trip TCIS คือการจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้ใช้ชีวิตร่วมกันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กันระหว่างนักเรียนและนักเรียนกับคุณครู

 

PEER TUTORING : พี่สอนน้อง

เป็นโครงการที่พี่ ๆ จะช่วยมาติววิชาการให้น้องเล็ก ๆ ซึ่งพี่ ๆ ที่จะเข้าร่วมโครงการจะได้รับการประเมินจากคุณครูก่อนว่าสามารถที่จะสอนน้องได้ เป็นโครงการที่ดีต่อใจมากเลยนะคะ น้อง ๆ จะรู้สึกเหมือน “พี่ชาย หรือพี่สาว” มาสอน พี่ ๆ เองก็ฝึกทักษะการถ่ายทอดความรู้ให้เด็ก ๆ ด้วยเช่นกัน การลำดับความคิด การอธิบาย การอภิปราย การยกตัวอย่าง

TCIS TCIS

ภาษาจีนคือภาษาการสื่อสารที่มาแรง TCIS เริ่มมาตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาล

TCIS TCIS

ชั่วโมงศิลปะและผลงานของเด็ก ๆ

TCIS TCIS

เด็กๆใช้เทคโนโลยีได้อย่างดี

 

ENVIRONMENT

MENTAL HEALTH IS MATTER

ที่ TCIS เป็นโรงเรียนอินเตอร์แบบอเมริกันที่โดดเด่นเรื่องการให้ สิทธิ และเสรีภาพสำหรับนักเรียน แต่ด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิตของนักเรียนเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน TCIS จึงมีนักจิตวิทยา 4 ท่าน  ( 2 ท่านเป็นระดับ PH.D อีก 2 ท่านเป็น Psychology Teacher โดยตรง ) คอยให้คำปรึกษาในด้าน SOCIAL SKILLS และ EMOTION ซึ่งนักจิตวิทยาจะทำงานใกล้ชิดกับคุณครูผู้สอน และคอยเฝ้าสังเกตเด็ก ๆ เสมอ

 

คุณครูต้องทันสมัยเพื่อเข้าใจเด็กๆ + Certified Google Level 1

คุณครูที่นี่ได้รับการเทรนให้สามารถใช้ Technology และ Google ได้ดีและมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการการเรียนการสอน เพราะโลกก็เปลี่ยนไปทุกวัน คุณครูต้องทันสมัย

การค้นพบใหม่ๆ ก็ทำให้การศึกษาเปลี่ยนไปอยู่ตลอด คุณครูต้องเปิดกว้าง มีความรู้สดใหม่อยู่เสมอซึ่งจะทำให้นักเรียนและคุณครูเข้าใจและคุยภาษาเดียวกัน

TCIS TCIS TCIS TCIS

ครูต่างชาติจะเป็น Native Speaker ที่จบด้าน Education โดยตรงและต้องได้เกียรตินิยมด้วยที่สำคัญต้องสามารถถ่ายทอดความรู้ให้นักเรียนได้เป็นอย่างดี

 

 

Mommy’s Love This ถูกใจแม่ !

  1. Native Teachers ของ TCIS จะต้องจบด้านการศึกษามาโดยตรง รับรองว่าเด็ก ๆ จะได้ความรู้อย่างเต็มที่แน่นอน
  2. After school Enrichment Program ชั้นเรียนกลุ่มย่อยหลังเลิกเรียน เพื่อเติม เพื่อเสริมทักษะ ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ สังคม ภาษาไทย ภาษาจีน และคลับกิจกรรมสุดมันส์ให้เด็กๆระเบิดพลังกันเต็มที่
  3. ความเป็น American Style School ที่ทำให้เด็กๆมี FREEDOM ทางความคิดที่ทุกคนให้เกียรติ
  4. ผู้ปกครองสามารถเข้าร่วมทุกกิจกรรมวันสำคัญต่าง ๆ ภายในโรงเรียน เพราะทางโรงเรียนอยากให้ผู้ปกครองอยู่ร่วมกันในวันที่เด็กมีความสุข
  5. ที่โรงเรียนจัดประชุมตัวแทนผู้ปกครองทุกระดับชั้น ในวันอังคาร ทำให้พูดคุยและแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

TCIS TCIS TCIS TCIS

ชีวิตของเด็กๆ TCIS ที่สุขและสนุก

 

TCIS

Dr.Michael Purser หนึ่งในคณะผู้บริหารโรงเรียน

 

TCIS

คุณครูรุ้ง เพ็ญพร แก้วมาก หนึ่งในคณะผู้บริหารโรงเรียน

 

อัตราค่าเล่าเรียน ( โดยประมาณ )

PK2 – PK4 (เตรียมอนุบาล) : ประมาณปีละ 340,241 บาท (สำหรับนักเรียนใหม่-รวมค่าสมัคร)

KG (อนุบาล) : ประมาณปีละ 440,241 บาท (สำหรับนักเรียนใหม่-รวมค่าสมัครและค่าแรกเข้า)

G.1-2  :ประมาณปีละ 475,244 บาท (สำหรับนักเรียนใหม่-รวมค่าสมัครและค่าแรกเข้า)

  1. 3-5 :ประมาณปีละ 480,836 บาท (สำหรับนักเรียนใหม่-รวมค่าสมัครและค่าแรกเข้า)
  2. 6 : ประมาณปีละ 507,928 บาท (สำหรับนักเรียนใหม่-รวมค่าสมัครและค่าแรกเข้า)
  3. 7-9 : ประมาณปีละ 508,096 บาท (สำหรับนักเรียนใหม่-รวมค่าสมัครและค่าแรกเข้า)
  4. 10-11 : ประมาณปีละ 531,656 บาท (สำหรับนักเรียนใหม่-รวมค่าสมัครและค่าแรกเข้า)

รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามทางโรงเรียนโดยตรง

 

THAI-CHINESE INTERNATIONAL SCHOOL

101/177 Moo 7 Soi Mooban Bangpleenives,

Prasertsin Rd. Bangplee Yai, Samutprakarn Thailand 10540

Email: [email protected]

Phone: +66-2-751-1201

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา

ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา โรงเรียนเรียบง่ายสไตล์วอลดอร์ฟ เชื่อมโยงการเรียนรู้ระหว่างชีวิตธรรมดา ธรรมชาติ และมนุษย์

event
ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา
ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา

ความประทับใจแรกเมื่อทีมแม่ ABK ได้มาถึงที่ ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา คือ ภาพบรรยากาศของบ้านอันอบอุ่น อาคารไม้รูปตัวแอล ต้นไม้ แปลงผัก ผืนนาขนาดย่อม กระท่อมดิน ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติและปลอดภัย จนแทบจะไม่อยากเชื่อว่าโรงเรียนแห่งนี้อยู่ในกรุงเทพมหานคร! School Visit วันนี้เราจะพามาเยี่ยมชม ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา โรงเรียนที่ใช้ปรัชญาและแนวทางการศึกษาแบบ “วอลดอร์ฟ” เน้นเรื่องของการเชื่อมโยงมนุษย์กับจักรวาล โดยมีมุมมองว่า เด็กควรได้เล่นอย่างอิสระ ชีวิตเรียบง่ายกลมกลืนกับธรรมชาติ คุณพ่อคุณแม่บ้านไหนสนใจโรงเรียนรูปแบบ “วอลดอร์ฟ” โรงเรียนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีไม่น้อย

 

ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา ตั้งอยู่ย่านสุขาภิบาล 5 เขตสายไหม เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล – ประถมศึกษาปีที่ 6  เน้นให้เด็กๆได้ใช้พลังทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา ด้านศิลปะ และด้านการปฏิบัติตามศักยภาพของตนเองโดยผ่านกิจกรรม 3 อย่างคือ กิจกรรมทางกาย ผ่านอารมณ์ -ความรู้สึกและผ่านการคิด พัฒนาตามวัยและไม่เร่งเรียน แต่เรียนในสิ่งที่ต้องรู้ ซึ่งทุกอย่างคือทักษะชีวิต

 

เด็กเล็ก (ชั้นอนุบาล)  วัยเลียนแบบ

เด็ก ๆ จะได้เรียนแบบชั้นคละอายุ พี่ดูแลน้อง น้องเรียนรู้จากพี่ และเรียกคุณครูหรือผู้ดูแลว่า “คุณป้า” “คุณน้า” “คุณอา” เพื่อให้เด็ก ๆ รู้สึกเหมือนโรงเรียนก็คือครอบครัว พากันลงมือทำกิจกรรม เพราะการกระทำมีความหมาย เด็ก ๆ จะเรียนถึง “ ที่มาและที่ไป ” ของทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นบทเรียนเบื้องต้นของ “ ความเป็นเหตุและผล ” นั่นเอง  ส่วนกิจกรรมของเด็กเล็ก ได้แก่ เล่นอิสระ จัดของว่างด้วยตัวเอง ระบายสีน้ำ อบขนม Hiking และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งดูเหมือนเป็นแค่กิจกรรมทั่วไป แต่ความจริงแล้วกลับมีเนื้อหาวิชาการสอดแทรกอยู่แนบเนียนเลยนะคะ

  • การเล่นอิสระ = พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก-ใหญ่ และทักษะการสื่อสาร การอยู่ร่วมกันในสังคม
  • การอบขนม = ความรู้วิชาคณิตศาสตร์เรื่องการชั่งตวงวัด ความรู้วิทยาศาสตร์เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสสาร
  • การสร้างงานศิลปะ = การใช้ความคิดในการสร้างสรรค์ จะต้องใช้สมองซีกซ้ายและขวาพร้อมกัน การทำงานของจินตนาการ ถ่ายทอดออกมาทางการเคลื่อนไหวของร่างกายให้เชื่อมโยงและเป็นไปตามที่วาดไว้ในใจ

 

ชั้นประถมศึกษา 1-6 “ ปูพื้นฐาน

พี่ประถมจะได้เรียนรู้และพัฒนาตามวัย ไม่เร่งเรียน แต่เรียนในสิ่งที่ต้องรู้ ซึ่งทุกอย่างคือทักษะชีวิต

  • ภาษาต่าง ๆ : เด็ก ๆ ได้เรียนรู้จากภาพสู่ตัวอักษรตามหลักการ Phonics โดยพัฒนาด้าน ”การพูดและการฟัง” ให้คล่องแคล่ว.. ผ่านเพลง เล่นเกมส์ นิทาน ก่อนที่จะขยับมาอ่านและเขียน เมื่อเด็กพร้อม เป็นลำดับถัดไป
  • วิชาคณิตศาสตร์ :จะเรียนรู้ผ่านกิจกรรม การเคลื่อนไหว การคำนวณ และศิลปะ ใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบประสบการณ์และการสัมผัสจริง เช่น การถักนิตติ้ง เริ่มตั้งแต่การทำไม้สำหรับถัก การนับห่วง สำหรับเด็ก ป.3 ถักโครเชต์ เท่ากับได้เรียนพื้นฐานของเลขอนุกรมเลยนะคะ
  • วิชาวิทยาศาสตร์ : เริ่มจากการเรียนรู้จากธรรมชาติ -พืช-สัตว์-มนุษย์ และเพิ่มระดับความยากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งท้ายที่สุดเด็ก ๆ จะเป็นผู้สรุป หรือ ค้นพบข้อเท็จจริงนั้น ๆ ได้ด้วยตัวเอง
  • งานฝีมือ : เด็ก ๆ จะได้ลงมือทำเครื่องใช้ไม้สอยด้วยตัวเอง ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดต่าง ๆ ฝึกความอดทนในการทำงาน และได้สมาธิ
  • ประวัติศาสตร์และตำนาน :เรียนรู้เรื่องราวในอดีตเพื่อให้เด็ก ๆ รับทราบถึงต้นกำเนิดของตนเองและของมนุษย์ และเคารพมรดกของบรรพบุรุษจะช่วยให้พวกเขาเข้าใจถึงการดำรงอยู่อย่างลึกซึ้ง..สู่อนาคตที่มีความหมาย
  • ภูมิศาสตร์ : พาเด็ก ๆ สู่โลกภายนอกและความมหัศรรย์ของธรรมชาติ พัฒนาความตระหนักรู้ถึงคุณค่าของธรรมชาติ และความรับผิดชอบต่อมนุษย์และโลก
  • ศิลปะ : ช่วยสนับสนุนและเพิ่มมิติอื่น ๆ ให้กับบทเรียนหลัก เสริมสร้างความสามัคคีในการพัฒนาเด็กเพื่อสร้างการเรียนรู้ที่มีชีวิตชีวา ผสมผสานการคิดด้วยความรู้สึกและสุนทรียภาพและส่งไปยังหัวใจและมือก่อนถึงสมอง ศิลปะที่เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ ได้แก่ การปั้น สีน้ำ การวาดภาพ การร้องเพลง และการเล่นเครื่องดนตรี
  • การแสดงละคร : เป็นกิจกรรมที่นิยมมากในกลุ่มโรงเรียนหลักสูตรวอลดอร์ฟเพราะเป็นสุดยอดการบูรณาการทุกศาสตร์ในคราวเดียว ทั้งการอ่านบททำให้ฝึกภาษาและการท่องจำ เล่นได้ทุกบท ทุกคนเล่นเป็นอะไรก็ได้ เป็นการเตรียมความพร้อมและฝึกการไม่ยึดติด เตรียมบท เตรียมอุปกรณ์ประกอบ ฯลฯ ได้ทักษะกระบวนการคิด วางแผน ตัดสินใจ

และแน่นอนที่สุดคือ เด็ก ๆ จะกล้าแสดงออกและเกิดความภาคภูมิใจ งานทุกอย่างจะไม่สำเร็จหากไม่มีตนเองและไม่เป็นทีม

 

ศิริ์รัถยาแตกต่างอย่างไร ?

  1. เล่นของเล่นที่ไม่ซับซ้อน ของเล่นที่ไม่ใช่ของเล่นสำเร็จรูป เป็นของเล่นที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติธาตุทั้ง 4 จะช่วยต่อยอดสร้างจินตนาการให้กับเด็ก ๆ
  2. เรียนให้เหมือนเล่น และเป็นทักษะชีวิต โดยที่เด็ก ๆ จะไม่รู้เลยว่าแต่ละงานที่ทำอยู่นั้นคือ ทักษะชั้นสูง ของแต่ละรายวิชา
  3. ใช้ชีวิต ใกล้ชิดธรรมชาติตามพื้นฐานปัจจัยสี่ของมนุษย์ อาหาร ยา เครื่องนุ่งห่ม ที่พักอาศัย วัตถุยิ่งน้อยเด็กๆยิ่งเรียนรู้มาก ลง-ลึก-ซึ้ง-ตั้งใจ-อดทน อันเป็นคุณสมบัติที่ดีของ “Long Life Learner”
  4. ศิลปะเยอะมาก เพราะจะช่วยการสร้าง Balance + Harmonized ของสภาวะของเด็ก ณ ตอนนั้นๆ
  5. ดนตรียูริธมี่ บำบัดรักษาแบบองค์รวม ปรับสมดุลอวัยวะทั้งหมด โดยเฉพาะระบบประสาท ระบบหายใจ และระบบย่อยอาหาร ทำให้ร่างกายเชื่อมโยงกับธรรมชาติรอบตัวมากขึ้น ทำให้เกิดสมดุลทั้งความคิด จิตสำนึก ความรู้สึก อันจะนำไปสู่ความสำเร็จได้ด้วยตนเอง

ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา

เด็กๆสามารถประดิษฐ์ของเล่นหรือเครื่องใช้ได้ด้วยตัวเอง

 

ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา

 ชั่วโมงดนตรียูริธมี่

ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา

เด็ก ๆ กำลังปั้นดินน้ำมัน “ตัวละคร” สำหรับนิทานที่คุณครูกำลังจะเล่าค่ะ

 

ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา

ของเล่นสไตล์วอลดอร์ฟจะเรียบง่ายและไม่ใช่ของเล่นสำเร็จรูป

ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา

กิจกรรมในแต่ละวัน

 

ไม่มีประโยคคำสั่ง ใช้วิธีการการเชิญชวนแนวบวก

ที่นี่จะใช้สัญญาณในการยุติและเริ่มกิจกรรมต่าง ๆ ใช้การร้องเพลงแทนการบอกให้ทำ การออกคำสั่ง เราจะได้ยินเสียงเพลงที่ศิริ์รัถยากันบ่อยครั้ง แม้ว่าจะไม่ใช่ชั่วโมงดนตรี ส่วนเนื้อเพลงเองก็เกี่ยวกับธรรมชาติหรือกิจกรรมที่กำลังทำ

เด็กๆได้ยินคุณครูร้องเพลง ..ก็จะรู้หน้าที่แล้วว่า ต้องช่วยกันเก็บของ มานั่งโต๊ะ ทุกคนร้องตามได้ เต้นเข้าจังหวะ จับมือล้อมวง

วิธีนี้เองที่ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกไม่กลัวโลก ไว้ใจ สร้างความอบอุ่น อ่อนโยน

ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา

เด็ก ๆ เล่นกับธรรมชาติ

 

 

สิ่งแวดล้อม

กระท่อมห้องเรียนของน้องอนุบาล..และเรือนไม้ตัว L ของพี่ชั้นประถม..คือสถานที่ที่เพียงพอต่อการเรียนรู้ ที่นี่ไม่เน้นความทันสมัยในแง่ของวัตถุ หรือสารพัดอุปกรณ์สำเร็จรูป ความเรียบง่ายและธรรมชาติจะทำให้เด็ก ๆ ตระหนักถึงความพอเพียงในภายภาคหน้า และสามารถต่อยอดให้สิ่งต่าง ๆ ซับซ้อนขึ้นได้ด้วยตัวเอง จัดทุกอย่างให้พอเพียงและธรรมดาให้เด็ก ๆ ได้อยู่กับความง่าย ไม่ปรุงแต่ง เด็ก ๆ จะเติบโตได้ตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องรีบเร่ง

อาคารเรียนรูปตัว L

 

งานบริการ

งานบ้านอาจจะไม่ใช่กิจกรรมหรือหน้าที่ของหลาย ๆ ครอบครัวใช่ไหมคะ แต่ที่ศิริ์รัถยาไม่เป็นอย่างนั้นค่ะ เด็ก ๆ  ต้องตระเตรียมกันเอง แบ่งหน้าที่และช่วยกันทำ จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ ก็จะเห็นเด็ก ๆ ถือจานและหม้อมาล้าง เก็บอาหารที่เหลือใส่กล่อง เป็นการปลูกฝังว่า งานบ้านไม่ใช่แค่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง ช่วยกัน เสร็จเร็ว ก็ได้พักผ่อนไว

 เด็ก ๆ กับภารกิจในแต่ละวัน

 

เผชิญกับความลำบาก

สิ่งต่าง ๆ ที่เริ่มจากศูนย์ เป็นความลำบากและท้าทายสำหรับเด็ก ๆ นะคะ เด็ก ๆ จะมีเพียงวัตถุดิบธรรมชาติเบื้องต้น แล้วต้องต่อยอดเองเป็นสิ่งของ หรือของเล่นต่าง ๆ ด้วยตนเอง การลงมือทำ มักจะเกิดความผิดพลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่พบเจอได้บ่อย แต่เด็ก ๆ ที่ ศิริ์รัถยาจะไม่กลัวความล้มเหลวและความลำบาก แต่จะมุมานะทำจนสำเร็จ สิ่งนี้คือเคล็ดลับชั้นยอดในการเป็น Long Life Learner ที่แท้จริง

คุณเอกวัฒน์ สุวันทโรจน์ (พ่อเอก) ผู้ปกครองและหนึ่งในผู้ก่อตั้งโรงเรียน

ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา

คุณครูปุ้ย จุฑามณี ไมตรีจิตร์

 

 

Mommy’s Love This ถูกใจแม่ !

  1. ความเรียบง่ายอย่างเป็นธรรมชาติของสิ่งต่าง ๆ ในโรงเรียนช่วยให้เด็ก ๆ เติบโตได้อย่างสมวัย
  2. เด็ก ๆ ที่นี่มีสมาธิ มีความตั้งใจ อดทนและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
  3. เมื่อได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม แสงแดด สายลม ต้นไม้ เด็ก ๆ ไม่ป่วยบ่อย
  4. โรงเรียนปลูกฝังสำนึกในการรู้จักใช้ รักษ์โลก ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่เล็ก
  5. ลูก ๆ ไม่งอแงเมื่อต้องไปโรงเรียน (และไม่อยากกลับบ้านด้วยเช่นกันค่ะ)
  6. ทางโรงเรียนมีการคุยและแบ่งปันความรู้ในเรื่องพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ ความเปลี่ยนแปลงแต่ละช่วงวัยของเด็ก ๆให้แก่ผู้ปกครอง เช่น วัยนี้คุณพ่อคุณแม่จะเจอพัฒนาการอะไร – บอกเล่า ทำความเข้าใจ หรือ เตรียมใจล่วงหน้า

 

 

อัตราค่าเล่าเรียน ต่อเทอม ( 2 เทอมต่อ 1 ปีการศึกษา )

เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล – ประถมศึกษาปีที่ 6

ระดับชั้นอนุบาล : 31,500 บาท

ชั้นประถม 1-4 : 33,000 บาท

ชั้นประถม 5-6 : 34,500 บาท

(ป.6 เตรียมอาหารกลางวันมาเอง)

สำหรับ ป.5-6 มีค่าเรียนดนตรีสากล 6,000 บาท

และค่าเรียนดนตรีไทยและนาฏศิลป์ 4,000 บาท

 

ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา

ที่อยู่: 3/20 สุขาภิบาล 5 ซอย 32 แยก 3 แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร 10220

เบอร์ติดต่อ: ธุรการ 064-465-9624, 087-488-4887
อีเมล: [email protected]

ศิริ์รัถยา การศึกษาทางเลือก วอลดอร์ฟ – Siratthaya Waldorf Learning Center

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : กรานต์ชนก   บุญบำรุง

 

เครื่องปั๊มนม All in One เครื่องเดียวจบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์แม่นักปั๊ม

account_circle
event

คุณแม่ใกล้คลอดที่กำลังมองหาเครื่องปั๊มนมดีๆ สักเครื่องเตรียมไว้ใช้หลังคลอด แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะเลือกเครื่องปั๊มนมแบบไหนดี เครื่องปั๊มนมไฟฟ้า หรือเครื่องปั๊มนมพกพา เครื่องปั๊มนมไร้สาย หรือเครื่องปั๊มนมมีสาย แบบไหนจะตอบโจทย์ที่สุดในสถานการณ์จริง หลายคนซื้อไปแล้ว ต้องซื้อเพิ่มเพราะไม่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ คุณแม่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปหากเลือกเครื่อง เครื่องปั๊มนม All in One ที่สามารถตอบทุกโจทย์ของทุกแม่ทุกสไตล์ในเครื่องเดียว

เครื่องปั๊มนม All in One เป็นอย่างไร

ไม่ว่าไลฟ์สไตล์คุณแม่เป็นแบบไหน คุณแม่ Working mom หรือคุณแม่ Full time ปั๊มที่บ้าน หรือ ปั๊มที่ทำงาน หรือพร้อมพกพาไปปั๊มนอกบ้านทุกที่ทุกเวลา ชอบแบบ Hand Free ไร้สาย ทำงานไปด้วยได้ ไม่ต้องกลัวตกรอบปั๊ม หรือชอบแบบมีสายดูดลึกเกลี้ยงเต้า เพื่อทำสต็อคระยะยาว เครื่องปั๊มนมที่ตอบโจทย์คุณแม่ยุคนี้มากที่สุด คือ เครื่องปั๊มนม All in One จากแบรนด์ imani ที่สามารถทำได้ครบ จบทุกอย่างที่กล่าวมาในเครื่องเดียวค่ะ

IMANI i2 Plus พร้อม iBox

เครื่องปั๊มนมรุ่นนี้แบ่งออกเป็น i2 Plus ปั๊มนมแบบไร้สาย และ iBox ปั๊มนมแบบมีสาย ช่วยให้คุณแม่สะดวกสบาย สามารถเลือกใช้ตามความต้องการในแต่ละวันได้อย่างลงตัว

  • IMANI i2 Plus ปั๊มนมไร้สาย ที่สุดของความสะดวก

ขายดีอันดับ 1 จากประเทศเกาหลี ใช้งานได้แบบไร้สาย และแฮนด์ฟรี ไม่ต้องคอยจับ ทำงานไปด้วยสบายๆ ปั๊มนุ่ม ดูดลึก เครื่องเล็ก น้ำหนักเบา พกพาสะดวก และที่สำคัญเสียงเงียบ จึงปั๊มได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่มีตกรอบปั๊มแน่นอน!

IMANI i2 Plus มาพร้อม 2 โหมดปั๊มอัจฉริยะ ได้แก่ โหมดนวดกระตุ้นน้ำนม และหมวดรีดน้ำนมและยังสามารถปรับความแรงได้ 5 ระดับ ตั้งแต่ 50-300 mmHg ตามความต้องการ

  • iBox ปั๊มนมมีสาย ที่สุดของความเกลี้ยงเต้า

 

                                      เครื่องปั๊มนมเกรดโรงพยาบาล ทำงานพร้อมกันถึง 3 มอเตอร์ สามารถปรับรอบปั๊มและความแรงได้อย่างละเอียด เหมาะสำหรับตั้งแต่คุณแม่มือใหม่ที่ต้องการความนุ่มนวล ไปจนถึงคุณแม่มือโปรทำสต๊อคนมระยะยาวที่ต้องการดูดแรงดูดลึก เกลี้ยงเต้า

iBox มาพร้อม 2 โหมดปั๊มอัจฉริยะ ได้แก่ โหมดนวดกระตุ้นน้ำนม และหมวดรีดน้ำนม เช่นเดียวกัน i2Plus แต่สามารถปรับรอบปั๊มได้ 3 ระดับ และยังปรับความแรงได้อย่างละเอียดถึง 9 ระดับ ตั้งแต่ 50-300 mmHg หมดห่วงปัญหาท่อน้ำนมอุดตันไปได้เลย!

นอกจากนี้ iBox สามารถเป็นแท่นชาร์จสำหรับ imani i2 Plus จึงสามารถชาร์จพร้อมกันได้ 2 เครื่อง เป็นนวัตกรรมสุดล้ำที่คิดค้นมาอย่างดีจริงๆ ค่ะ

เครื่องปั๊มนม imani จึงเป็น เครื่องปั๊มนม All in One แบรนด์แรกและแบรนด์เดียวในไทย! ที่ให้คุณแม่ใช้งานได้แบบมัลติฟังก์ชั่น ไร้สายก็สะดวก มีสายก็ดูดเกลี้ยง สบายเต้า ทั้งยังมีแท่นชาร์จในตัว นวัตกรรมล่าสุดจากประเทศเกาหลี ที่ผ่านมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ระดับสากร USFDA / ISO13485 / IEC / CE / cGMP / K-GMP และ อย.ไทย ปลอดภัยไร้สารก่อมะเร็ง BPA FREE

รับประกันเครื่องและแบต 1 ปี ประกันเริ่มหลังคลอดได้ และมีเครื่องสำรองให้ใช้ระหว่างซ่อมอีกด้วย ย้ำอีกรอบว่า คุ้ม ครบ จบในเครื่องเดียวจริงๆ ค่ะ

ด้วยนวัตกรรมการใช้งานแบบมัลติฟังก์ชั่น ที่ตอบโจทย์คุณแม่ได้ทุกไลฟ์สไตล์ ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ imani ได้รับรางวัลสุดยอดเครื่องปั๊มนมมัลติฟังก์ชั่น BEST MULTIFUNCTION BREAST PUMP สาขา IEditor’s Choice จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023”

ฃสามารถติดต่อ imani thailand เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม และชมทดลองใช้เครื่องปั๊มนม ได้ที่ www.imanithailand.com

อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ

รวมข้อดีของ อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ ช่วยให้แม่เห็นลูกแบบชัดๆ

event
อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ
อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ

มาถึงครึ่งทางของการตั้งครรภ์แล้ว คุณแม่ท้องเป็นอย่างไรกันบ้างเอ่ย? เชื่อว่าทุกคนคงเหนื่อย แต่ก็อดมีความสุขไม่ได้แน่ ๆ มาในสัปดาห์ที่ 20 นี้คุณแม่จะได้พบหน้าลูกครั้งแรกโดยผ่านการอัลตร้าซาวด์ค่ะ และอาจจะรู้ด้วยว่าลูกของเราเป็นเด็กชายหรือเด็กหญิง ถ้าลูกไม่ขี้อายเอามือมาปิดเสียก่อน

ตรวจอะไรได้บ้าง

1. วัดขนาดของลูกน้อย

เพื่อดูว่าลูกของเรามีการเจริญเติบโตเหมาะสมกับอายุครรภ์หรือไม่ โดยคุณหมอจะวัดขนาดศีรษะ เส้นรอบท้อง และความยาวของกระดูกต้นขา หากลูกมีการเติบโตน้อยกว่าอายุครรภ์ คุณหมออาจนัดตรวจซ้ำอีกหลายครั้งเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด เนื่องจากทารกที่มีภาวะเจริญเติบโตช้าเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น ความผิดปกติของยีน ความพิการ ทุพโภชนาการ มารดาเจ็บป่วย รกผิดปกติ ตั้งครรภ์แฝด หรือตัวเล็กโดยธรรมชาติ เป็นต้น

2. ดูตำแหน่งของรก

โดยปกติรกมักอยู่ด้านบนของมดลูก หากพบว่ารกเกาะต่ำ อาจมีแนวโน้มว่ามีเลือดออกทางช่องคลอดได้ในไตรมาสที่ 3 และมักต้องผ่าคลอด ซึ่งคุณหมอจะคอยติดตามผลอย่างใกล้ชิด

3. ตรวจปริมาณของน้ำคร่ำ

เพื่อดูว่าคุณแม่มีมากหรือน้อยเกินไป หากมีน้ำคร่ำน้อยกว่า 400 ซีซี เรียกว่าน้ำคร่ำน้อย ส่วนมากมักเกิดจากทารกมีความพิการมาแต่กำเนิด น้ำคร่ำรั่ว รกลอกตัวก่อนกำหนด ฯลฯ หากมีมากกว่า 2,000 ซีซี เรียกว่าน้ำคร่ำมาก เกิดจากความพิการของทารกเช่นเดียวกัน รวมไปถึงคุณแม่ที่เป็นเบาหวานแบบควบคุมไม่ได้ การตั้งครรภ์แฝด ฯลฯ

4. ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ

ตรวจว่าหัวใจทำงานปกติหรือไม่ ปกติแล้วลูกน้อยจะมีอัตราการเต้นของหัวใจ 120-180 ครั้งต่อนาที

5. ตรวจดูโครงสร้างและอวัยวะ

ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ได้แก่ ศีรษะ คอ หน้าอก หัวใจ กระดูกสันหลัง กระเพาะอาหาร ไต กระเพาะปัสสาวะ ขา แขน และสายสะดือ

6. ตรวจดูภาวะดาวน์ซินโดรม

ซึ่งสามารถตรวจได้เมื่ออายุครรภ์ 16-20 สัปดาห์เท่านั้น โดยสังเกตความผิดปกติดังนี้

  1. ถุงน้ำในเนื้อเยื่อสร้างน้ำไขสันหลัง
  2. ความหนาของเนื้อต้นคอ
  3. จุดสีขาวเข้มในหัวใจ
  4. ข้อกลางของนิ้วก้อยสั้นหรือไม่มี
  5. กรวยไตกว้าง
  6. ความเข้มของลำไส้
  7. นิ้วหัวแม่เท้าและนิ้วชี้ห่างกัน ฯลฯ

หากพบความผิดปกติ คุณหมอมักแนะนำให้ตรวจเจาะน้ำคร่ำต่อไป

7. ตรวจดูเพศของลูก

ในสัปดาห์ที่ 20 นี้ อวัยวะเพศของลูกพัฒนาสมบูรณ์แล้ว จึงสามารถรู้ได้ว่าลูกน้อยในครรภ์เป็นเพศใด หากคุณแม่ยังไม่อยากทราบเพศของลูก ควรแจ้งคุณหมอล่วงหน้าค่ะ

ท้อง 2 เดือน อัลตราซาวด์

เลือกอัลตร้าซาวด์กี่มิติดี?

ปัจจุบันนี้เราสามารถอัลตราซาวด์ได้ 4 มิติแล้ว ซึ่งการตรวจอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ นี้เป็นคลื่นเสียงความถี่สูง ถูกส่งผ่านวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว มีการเก็บข้อมูลต่อเนื่องตามระยะเวลาที่ตรวจ จึงสามารถเห็นทารกเคลื่อนไหวอยู่ในครรภ์มารดาเสมือนจริงแบบ Real-time สามารถเห็นกริยา อาการ และอิริยาบถที่กำลังกระทำอยู่ในขณะตรวจครรภ์ เช่น การหาว การขยับนิ้ว การหันหน้า การได้ยินเสียงหัวใจลูกน้อยเต้น เป็นต้น ที่ดูต่อเนื่องกันไปเป็นภาพเคลื่อนไหวเหมือนดูภาพยนตร์ซึ่งต่างจากอัลตราซาวด์ 3 มิติ ช่วยให้สามารถศึกษาพฤติกรรมต่างๆ ของทารกในครรภ์ได้อย่างชัดเจน

ข้อดีของการ อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ (Ultrasound 4D)

นอกจากนี้ อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ จะเป็นภาพที่ดูง่ายสำหรับบุคคลทั่วไป และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการวินิจฉัยความผิดปกติของอวัยวะภายนอก เช่น ปากแหว่ง นิ้วมือ เท้าเกิน เป็นต้น การที่คุณพ่อคุณแม่สามารถมองเห็นลูกน้อยได้ ยังเป็นการสร้างความผูกพันในครอบครัวระหว่างพ่อแม่ลูกให้เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่ทารกยังอยู่ในครรภ์อีกด้วย แพทย์ยังสามารถทำการประเมินว่าทารกมีการเจริญเติบโตและมีพัฒนาการใน ครรภ์ที่เหมาะสม อาทิ

  • ตำแหน่งทารก สายสะดือ และปริมาณน้ำคร่ำที่อยู่รอบทารก
  • โครงสร้างกะโหลกศีรษะ และสมองทารก
  • แขน ขา มือ เท้า และนิ้ว
  • หัวใจ และการไหลเวียนเลือดของ ทารก
  • กระดูกสันหลัง กระเพาะอาหาร กระเพาะปัสสาวะ และไต
  • ใบหน้า และอวัยวะต่างๆ บนใบหน้าของ ทารก
  • อัตราการเจริญเติบโตของทารก ขนาดรอบศีรษะ ความยาว และน้ำหนัก
  • สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่อยากทราบแบบใจจดใจจ่อ คือ เพศของทารก

อย่างไรก็ตาม ความผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจจะไม่สามารถใช้อัลตราซาวด์ดูได้ ณ ขณะนั้น อาจจะต้องรอจนทารกตัวโตพอสมควร หรือคลอดมาแล้วจึงจะตรวจพบก็ได้ ข้อดีอีกด้านของอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ คือ สามารถบันทึกภาพการตรวจอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ (เปิดได้จากเครื่องเล่น DVD และคอมพิวเตอร์) อายุครรภ์ที่เหมาะสมในการตรวจอัลตร้าซาวด์ประเภทนี้สามารถตรวจได้ทุกช่วงวัย สูตินรีแพทย์จะส่งตรวจอัลตราซาวด์เป็นระยะ โดยภาพที่เห็นก็จะแตกต่างกันออกไปตามพัฒนาการลูกน้อย

เครื่องอัลตร้าซาวด์มีความปลอดภัยสูง สามารถตรวจได้ตลอดการตั้งครรภ์ โดยไม่จำเป็นต้องจำกัดจำนวนครั้ง และยังมีรายงานการรับรองจากองค์การอาหารและยาในสหรัฐอเมริกา (FDA) ว่าการตรวจอัลตราซาวด์ในระหว่างตั้งครรภ์ ไม่มีรายงานพบว่าก่อให้เกิดความผิดปกติต่อมารดา และทารกแต่อย่างใด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> https://phyathai3hospital.com/home/


ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท 3 (เพชรเกษม 19)

keyboard_arrow_up