Aromdee Art Studio

Aromdee Art Studio สตูดิโอสอนปั้นเซรามิกใจกลางกรุง สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ที่มีใจรักศิลปะ

event
Aromdee Art Studio
Aromdee Art Studio

School Visit วันนี้เราจะชวนเด็กๆมาผ่อนคลายและปลดปล่อยจินตนาการกันเต็มที่กับคลาสเรียนปั้นเซรามิก ที่ Aromdee Art Studio โรงเรียนสอนปั้นอารมณ์ดี ย่านสุขุมวิท ใกล้รถไฟฟ้า ที่จะมาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆและสร้างจินตนาการให้กับเด็กๆ

Aromdee Art Studio คือพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ผู้มีใจรักงานศิลปะมาร่วมกันเรียนรู้เกี่ยวกับการปั้น การทำเซรามิก การทำเครื่องประดับหรือศิลปะในแบบต่างๆ สอนตั้งแต่ระดับพื้นฐานสำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์ ไปจนถึงระดับมืออาชีพ เปิดสอนตั้งแต่เด็กเล็กอายุ 4 ปี จนถึงผู้ใหญ่ ก่อตั้งโดยคุณวชิรพล กุลโชครังสรรค์ (เอิร์ธ) และคุณมยุรี ปานดี (เนย) แต่ละคลาสเรียนสอนโดยทีมคุณครูที่มีประสบการณ์ด้านการทำเซรามิกและเครื่องประดับโดยเฉพาะการันตีด้วยผลงานและ Workshop มากมายตลอด 10 ปีที่ผ่านมา

Aromdee Art Studio Aromdee Art Studio Aromdee Art Studio Aromdee Art Studio

บรรยากาศสตูดิโอ ที่ดูอบอุ่นสบายตา มีชิ้นงานเซรามิกตกแต่งมากมายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ

Aromdee Art Studio

สอนเด็กๆให้รูจักเซรามิกแต่ละประเภท

Aromdee Art Studio

เรียนรู้ดินแต่ละชนิด

 Aromdee Art Studio Aromdee Art Studio

ยิ่งเลอะยิ่งเพิ่มประสบการณ์

 

Fun & Play

เด็กๆจะได้เรียนรู้ตั้งแต่การนวดดิน หัดใช้เครื่องมือปั้น การขึ้นรูปด้วยมือ สำหรับเด็กโตจะได้เรียนการขึ้นรูปแบบแป้นหมุน ฝึกความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ และได้ใช้พลังงานเต็มที่แน่นอน แถมเด็กๆยังได้ฝึกความอดทนเพื่อรอให้ชิ้นงานแห้งอย่างใจเย็นที่อุณหภูมิห้องปกติ หลังจากนั้นจะนำงานไปเผาดิบ ต่อด้วยนำชิ้นงานมาเคลือบเผาเคลือบด้วยอุณหภูมิสูง ซึ่งก็เป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญ เพราะเด็กๆจะได้เห็นความแตกต่างของชิ้นงานในแต่ละครั้งที่ต่างออกไป  นอกจากนี้เด็กๆจะได้เรียนรู้เรื่องดินแต่ละแบบแต่ละชนิด ทดลองจับ สัมผัส เพื่อฝึกการสังเกต หัดสงสัยตั้งคำถามและหาคำตอบ

ที่นี่จะไม่ทำชิ้นงานให้เด็กแต่เน้นให้เด็กลงมือทำด้วยตนเอง เป็นไปตามฝีมือของเด็กจริงๆ ทุกคนจะได้เรียนรู้หลายๆอย่างระหว่างการทำงาน โดยมีคุณครูและทีมงานคอยช่วยเหลือ จากดินธรรมดาที่ไม่ได้มีความพิเศษอะไร อาจกลายมาเป็นสิ่งของที่แสนพิเศษ สร้างความภาคภูมิใจและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับตัวเด็กเอง  สำหรับคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่สนใจเรียนพร้อมกับลูก ที่โรงเรียนก็มีคลาสสอนสำหรับผู้ใหญ่อีกด้วย หรือใครอยากจะจัดปาร์ตี้วันเกิด หรือจัดคลาสแบบไพรเวท ก็ทำได้เช่นกัน ตอนนี้โรงเรียนมี 2 สาขา คือสาขาสุขุมวิท64 และ สาขาสามย่านมิตรทาวน์ ใครสะดวกสาขาไหนก็แวะไปเรียนกันได้เลย

บรรยากาศคลาสไพรเวทจากโรงเรียนทอสี เด็กสนุก ได้ความรู้และยังได้ชิ้นงานกลับบ้านอีกด้วย

 

Aromdee Art Studioคุณวชิรพล กุลโชครังสรรค์ (เอิร์ธ) และคุณมยุรี ปานดี (เนย) ผู้ก่อตั้ง Aromdee Art Studio

 

รายละเอียด ค่าเรียน

คอร์สสำหรับเด็กและผู้ใหญ่

  • แบบเรียน 1 ครั้ง (เหมาะสำหรับเด็กอายุ 4 – 8 ปี )

จะให้ปั้นจาน แล้วระบายสี  (เหมาะกับการทดลองทำและสนุกแบบสร้างสรรค์)

ราคา : 990 บาท

ตารางเรียน : เรียน 1.5 ชั่วโมง สามารถเลือกเวลาเรียนได้ 10.30 /13.30 /16.00 น.

  • ปั้น 1 ชิ้น (One piece pottery workshop) ( เหมาะสำหรับทุกคน ตั้งแต่ 5 ขวบขึ้นไป)

ปั้นฟรีสไตล์ 1 ชิ้น ขนาดไม่เกิน 15 ซม. พร้อมลงสีด้วยเทคนิค  Engobe

ราคา :1,500  บาท

ตารางเรียน : 2.5 ชม.  เลือกเวลาได้ 10.00-16.00 น.

  • ปั้น 1 วัน (One day pottery workshop) (เหมาะสำหรับทุกคน ตั้งแต่ 8 ขวบขึ้นไป)

ปั้นอะไรก็ได้ ฟรีสไตล์ ไม่จำกัดจำนวนชิ้นงาน

ราคา : 2,500 บาท

ตารางเรียน :13.30-17.30 น.

  • แป้นหมุน 1 วัน (Wheelthrowing exploration) ( เหมาะสำหรับอายุ 13 ปีขึ้นไป )

รู้จักการขึ้นชิ้นงานรูปทรงสมมาตร โดยใช้แป้นหมุน ไม่จำกัดปริมาณดิน

ราคา : 2,500 บาท

ตารางเรียน 13.30-17.30 น.

( มีเฉพาะสาขาสุขุมวิท 64 )

  • ระบายสีใต้เคลือบ (Underglaze painting workshop)

เป็นการระบายสีลงบนภาชนะที่ผ่านการอบมาแล้ว 1 ครั้ง

ราคาเริ่มต้นที่ 500 บาท ใช้เวลาเรียน 2 ชม.

  • Clay and Play (4 สัปดาห์) ( เหมาะสำหรับเด็กอายุ 4 – 8 ปี )

แบบ 4 ครั้ง จะเป็นหลักสูตรการเรียนปั้นสำหรับเด็ก  (เ หมาะกับการเสริมทักษะ เรียนรู้สิ่งใหม่ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน)

ตารางเรียน : เลือกระหว่างวันพุธ – เสาร์ 15.30-17.00. สัปดาห์ละครั้ง / ครั้งละ 1.5 ชั่วโมง / ติดต่อกัน 4 สัปดาห์

ราคา : 3,500 บาท

 

* ราคานี้รวมบริการอบเคลือบชิ้นงานแล้ว (ทางสตูดิโอจะอบเฉพาะชิ้นงานที่สามารถอบได้ โดยใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ ) สามารถนำชิ้นงานใส่เครื่องล้างจาน, ไมโครเวฟได้ สามารถมารับชิ้นงานที่เสร็จแล้ว ภายใน 2 เดือนหลังจากวันที่ชิ้นงานเสร็จ

 

ที่อยู่

Aromdee Art Studio มี 2 สาขา ใกล้ที่ไหน เรียนที่นั่นเลย

🚘 สุขุมวิท64 : ใกล้ BTS สถานีปุณณวิถี หรือทางลงทางด่วนซอยสุขุมวิท 62
42 ซอย สุขุมวิท 64 แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร , Bangkok, Thailand, Bangkok

🚘 สามย่านมิตรทาวน์ : ชั้น 3 โซนมีเดียมแอนด์มอลล์ MRT สถานีสามย่าน

 

ติดต่อจองคอร์สหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Website : www.aromdeeart.com

Fb : Aromdee Art Studio – Clay & Art Community in Bangkok

Ig : instagram.com/aromdeeartstudio

Line : @aromdeeart

Tel : 080-5199566

 

เรื่อง : แม่เลม่อน
ภาพ : ธนายุต วิลาทัน


อ่านต่อบทความโรงเรียนอื่นๆ น่าสนใจ คลิก ⇓

sacit เตรียมแถลงข่าว เปิดตัวงาน sacit Craft Power แนวโน้มหัตถกรรมร่วมสมัย

Alternative Textaccount_circle
event

สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ sacit เตรียมแถลงข่าว เปิดตัวงาน “sacit Craft Power : แนวโน้มหัตถกรรมร่วมสมัย” ในพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม 2567 ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท เพื่อรวบรวมทิศทางการพัฒนาสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยในทุกสาขา รวมถึงกระตุ้นให้ผู้ผลิตสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยนำองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาต่อยอดสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยให้เป็นที่ต้องการของตลาดโลกมากยิ่งขึ้น โดยมีผู้เข้าร่วมแถลงข่าว ได้แก่ นางสาวนฤดี ภู่รัตนรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) 2. ศาสตราจารย์วิบูลย์ ลี้สุวรรณสุวรรณ ราชบัณฑิต ประเภทวิชาวิจิตรศิลป์ สาขาวิชาจิตรกรรมราชบัณฑิตยสภา  3. มล.ภาวินี วันติศิริ (ศุขสวัสดิ์)กรรมการผู้จัดการ, บริษัท อโยธยาเทรด(93) จำกัด และ บริษัท สหัสชา (1993) จำกัด มาร่วมพูดคุยถึงทิศทางแนวโน้มหัตถกรรมร่วมสมัยในอนาคตว่าจะไปทางใด ซึ่งจะนำแนวโน้มเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนไปในอนาคตมาวิเคราะห์ถึงให้เห็นถึงพฤติกรรมผู้บริโภค และไลฟ์สไตล์ที่จะเปลี่ยนไป รวมไปถึงข้อจำกัดทางการค้า และสิ่งแวดล้อม มาสังเคราะห์ เพื่อให้มองแนวโน้มหัตถกรรมร่วมสมัยในอนาคตได้อย่างชัดเจนและรอบด้าน

ประกันสุขภาพเด็ก ที่ไหนดี ครอบคลุม คุ้มค่า เงื่อนไขไม่ยุ่งยาก

account_circle
event

ลูกน้อยวัยเด็กภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงจึงมีโอกาสป่วยง่าย ป่วยบ่อย โดยเฉพาะโรคตามฤดูกาล ยิ่งเป็นลูกน้อยวัยเข้าโรงเรียนก็มียิ่งโอกาสที่จะติดจากเพื่อนในห้องได้ง่าย ประกันสุขภาพเด็ก จึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำไว้ให้ลูกน้อยตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายยามลูกป่วยเข้าโรงพยาบาล แต่จะเลือก ประกันสุขภาพเด็ก ที่ไหนดี ตามมาดูกัน

เพราะลูกป่วยเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ บางครั้งพยายามดูแลอย่างเต็มที่แล้วลูกอาจเจ็บป่วยเล็กน้อยได้ ยิ่งเป็นเด็กวัยเรียน จะยิ่งเสี่ยงต่อการป่วยด้วยโรคติดต่อต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะ 6 โรคเด็กยอดฮิตซึ่งนอกจากจะติดต่อง่ายแล้ว มักมีอาการเยอะ ป่วยหนักจนอาจต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล

ค่าใช้จ่าย 6 โรคยอดฮิตของเด็ก

มาดูกันก่อนว่า โรคยอดฮิตของเด็กๆ นั้นหากป่วยต้องนอนโรงพยาบาล ต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไร

  1. โรคมือเท้าปาก ค่ารักษาเฉลี่ยประมาณ 32,000 บาท*
  2. โรคไข้เลือดออก ค่ารักษาเฉลี่ยประมาณ 53,400 บาท*
  3. โรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้า ค่ารักษาเฉลี่ยประมาณ 30,300 บาท*
  4. โรคอีสุกอีใส ค่ารักษาเฉลี่ยประมาณ 20,000 บาท*
  5. โรคไข้หวัดใหญ่ ค่ารักษาเฉลี่ยประมาณ 35,000 – 63,000 บาท*
  6. โรคโรคติดเชื้ออาร์เอสวี RSV ค่ารักษาเฉลี่ยประมาณ 70,000 บาท*

*ค่ารักษาพยาบาลรวมโดยประมาณจากโรงพยาบาลเอกชน ระยะเวลาพักรักษาตัวไม่เกิน 3-7 วัน

ที่มา : กรุงเทพประกันชีวิต

เห็นตัวเลขค่าใช้จ่ายแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต่างก็กุมขมับเป็นกังวลว่าจะหา ประกันสุขภาพเด็ก ที่ไหนดี ที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้อย่างคุ้มค่า ไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายเพิ่ม

 

Amarin Baby & Kids เลือกให้ ประกันสุขภาพเด็ก จากกรุงเทพประกันชีวิต ได้รับรางวัล BEST HEALTH INSURANCE FOR KIDS 2023 สาขา Editor’s Choice จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

กรุงเทพประกันชีวิต นำเสนอประกันสุขภาพเพื่อเด็กๆ โดยเฉพาะ ด้วยประกันสุขภาพ แวลู เฮลธ์ และ แวลู เฮลธ์ (คิดส์) ที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจำเป็นแบบเบ็ดเสร็จ ให้ความคุ้มครองอย่างคุ้มค่า เงื่อนไขไม่ยุ่งยาก และราคาเข้าถึงง่าย โดยไม่ต้องคิดเยอะ ขอสรุปจุดเด่นให้คุณแม่กันชัดๆ เข้าใจง่าย ตามนี้เลยค่ะ

  • อายุรับประกันตั้งแต่ 1 เดือน – 10 ปี (คิดส์) และ 11-80 ปี ซึ่งความคุ้มครองสูงสุดถึงอายุ 99 ปีเลยทีเดียว
  • ไม่จำกัดวงเงินต่อปี เลือกได้ทั้งแบบแยกค่าใช้จ่าย และแบบเหมาจ่ายตามจริง
  • ให้วงเงินค่าห้องผู้ป่วยสูงสุดวันละ 5,000 บาท ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรเช็คเรทค่าห้องผู้ป่วยโรงพยาบาลใกล้บ้านก่อนเลือกแผนประกัน เพื่อให้ครบคลุมค่าใช้จ่ายได้จริง
  • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน ผู้ป่วยนอก กรณีอุบัติเหตุ 24 ชม. ซึ่งช่วงพัฒนาการของเด็กมีความอยากรู้อยากเห็น สนใจสิ่งแวดล้อมตัว แต่ยังระมัดระวังตัวไม่ค่อยเป็น จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้

ประกันสุขภาพเด็ก แวลู เฮลธ์ (คิดส์) ความคุ้มครองที่เลือกได้

ประกันเด็กที่มาพร้อมทางเลือกในการวางแผนความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถเลือก 2 แบบ

  1. แบบไม่มีความรับผิดส่วนแรก ให้ความคุ้มครองตั้งแต่บาทแรก เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาล ให้ลูกน้อยได้รับการดูแลที่ดีที่สุดเมื่อเจ็บป่วย
  2. แบบมีความรับผิดส่วนแรก เพื่อจ่ายค่าเบี้ยประกันได้ถูกลง เหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีสวัสดิการสุขภาพให้ลูกอยู่แล้ว ซื้อประกันสุขภาพให้ลูกเพิ่มได้ โดยใช้เงินไม่มาก ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และเมื่อลูกน้อยเติบโตจนอายุครบ 11 ปี จะปรับความคุ้มครองเป็นแบบไม่มีความรับผิดส่วนแรกโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องกรอกใบสมัคร หรือตรวจสุขภาพใหม่

ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids เห็นว่าประกันสุขภาพเด็ก จากกรุงเทพประกันชีวิต มีความครอบคลุม ควบคู่กับความยืดหยุ่น ตอบโจทย์ความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ได้เป็นอย่างดี จึงคัดเลือกให้ กรุงเทพประกันชีวิต ได้รับรางวัล BEST HEALTH INSURANCE FOR KIDS 2023 สาขา Editor’s Choice จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และแผนความคุ้มครองสำหรับเด็ก ของกรุงเทพประกันชีวิต สามารถติดตามได้ที่ https://bla.bangkoklife.com/ValueHK_ABK

 

โรงเรียนอนุบาลชนานันท์

โรงเรียนอนุบาลชนานันท์ บอกต่อจากรุ่นสู่รุ่น ใช้หลักสูตรแบบบูรณาการ เรียนผ่านเล่น เน้นลงมือจริง

event
โรงเรียนอนุบาลชนานันท์
โรงเรียนอนุบาลชนานันท์

School Visit คราวนี้ เรามีโอกาสได้ไปเยี่ยมชม โรงเรียนอนุบาลชนานันท์ โรงเรียนอนุบาลเก่าแก่ย่านงามวงศ์วาน ที่เปิดมา 47 ปีแล้ว โรงเรียนนี้เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่คุณพ่อคุณแม่หลายท่าน เรียกร้องอยากให้ ทีมแม่ ABK มารีวิว เป็นโรงเรียนอนุบาลดี ๆ ที่เราต้องรีบบอกต่อ ด้วยประสบการณ์อันยาวนานจากรุ่น สู่รุ่น ทำให้โรงเรียนอนุบาลชนานันท์แห่งนี้ผลิตนักเรียนที่มีคุณภาพ และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมามากมาย

โรงเรียนอนุบาลชนานันท์ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2520 มีขนาดเนื้อที่กว่า 2 ไร่ เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาล – อนุบาล 3 เป็นโรงเรียนแรก ๆ ที่นำแนวทางการสอนในรูปแบบบูรณาการ มาปรับใช้ในโรงเรียน ซึ่งถือว่าใหม่มากในยุคนั้น ด้วยประสบการณ์ทางด้านการศึกษาของโรงเรียนที่ยาวนานถึง 47 ปี ได้บ่มเพาะความเฉพาะตัวในรูปแบบการสอนของตัวเอง ภายใต้บริบทของเด็กไทยที่มีคุณภาพ จากโรงเรียนเล็ก ๆ ที่มีนักเรียนเพียงไม่กี่สิบคน ปัจจุบันโรงเรียนสามารถรับนักเรียนได้ปีละกว่า 400 คนแล้ว

โรงเรียนอนุบาลชนานันท์ โรงเรียนอนุบาลชนานันท์ โรงเรียนอนุบาลชนานันท์

ภาพบรรยากาศโรงเรียน

โรงเรียนอนุบาลชนานันท์ โรงเรียนอนุบาลชนานันท์ โรงเรียนอนุบาลชนานันท์

ห้องเรียนที่ดูสะอาดตา

โรงเรียนอนุบาลชนานันท์ โรงเรียนอนุบาลชนานันท์

ห้องสมุดที่เด็ก ๆ ชื่นชอบ เพราะสามารถยืมหนังสือกลับไปอ่านที่บ้านได้

เรียนรู้ผ่านการเล่น เน้นการลงมือปฏิบัติจริง

หลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนอนุบาลชนานันท์เป็นแบบบูรณาการ ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า เพื่อให้เด็กรับประสบการณ์อย่างหลากหลาย เด็ก ๆ จะได้ลงมือทำด้วยตนเอง เกิดการเรียนรู้และได้รับการพัฒนาครบทุกด้าน ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์และจิตใจ สังคม และสติปัญญาไปพร้อม ๆ กัน ที่โรงเรียนอนุบาลชนานันท์จะเน้นการสอนทักษะการใช้ชีวิตให้เด็กเป็นหลัก และทำกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการ ในระดับชั้นอนุบาล 1 จะเน้นทำกิจกรรมศิลปะ เพื่อให้เด็กได้รู้จักคิด รู้จักทำ มีจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์และพัฒนากล้ามเนื้อเล็ก กล้ามเนื้อใหญ่ ระดับชั้นอนุบาล 2 เน้นทำกิจกรรมวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เด็กรู้จักกระบวนการคิด การสังเกตและรู้จักตั้งคำถามจากสิ่งต่างๆรอบตัว ระดับชั้นอนุบาล 3 เน้นพัฒนาทักษะทางวิชาการ ในแบบฉบับหนูน้อยชนานันท์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการไปศึกษาต่อระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
สำหรับวิชาภาษาอังกฤษ ทางโรงเรียนก็ให้ความสำคัญ โดยให้คุณครูเจ้าของภาษาโดยตรง จากสถาบันสอนภาษา เข้ามาสอนนักเรียน สัปดาห์ละ 2 คาบ เพื่อให้คุ้นเคยและสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ โดยสอนทั้ง Phonic, Conversation เกมส์และเพลงต่าง ๆ ภายในสัปดาห์เดียวกัน นักเรียนได้เรียนเรื่องอะไรเป็นภาษาไทย ในคาบวิชาภาษาอังกฤษก็จะสอนในเรื่องเดียวกัน เพื่อให้เด็กเชื่อมโยงเรื่องราวและคำศัพท์ในชุดเดียวกัน
ทางโรงเรียนมีการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ผ่านรูปแบบการจัดนิทรรศการ ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง วัสดุ สิ่งของ อุปกรณ์ต่างๆ ของจริงหรือสถานการณ์จำลอง ช่วยให้เด็กได้ดู ฟัง สัมผัส และเกิดความเข้าใจมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเสริมสร้างทักษะการกล้าแสดงออก ในกิจกรรม “หนูน้อยเล่าเรื่อง” เพื่อให้เด็กๆได้ฝึกทักษะด้านการพูด โดยออกมาเล่าเรื่องหน้าชั้นเรียนให้ครูและเพื่อนได้ฟัง และร่วมสนทนาซักถาม-ตอบ ภายในชั้นเรียนอีกด้วย

โรงเรียนอนุบาลชนานันท์ โรงเรียนอนุบาลชนานันท์ โรงเรียนอนุบาลชนานันท์

ทุกคนจะได้ลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเอง

โรงเรียนอนุบาลชนานันท์ โรงเรียนอนุบาลชนานันท์

เด็ก ๆ หัดพรีเซนต์หน้าห้อง ด้วยกิจกรรม “หนูน้อยเล่าเรื่อง”

โรงเรียนอนุบาลชนานันท์

เด็กๆได้เรียนภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษาจริงๆ กับสถาบัน Nava School Bangkok

กิจกรรมผู้ปกครองอาสา

ทางโรงเรียนเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองนักเรียนปัจจุบัน ผู้ปกครองของศิษย์เก่า และศิษย์เก่า มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการสอนในฐานะวิทยากร เพื่อเปิดประสบการณ์ให้เด็กๆได้เรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์โดยตรง และทำความรู้จัก ลงมือทำ ช่วยกระตุ้นให้เด็กอยากเรียนรู้มากขึ้น

โรงเรียนอนุบาลชนานันท์ โรงเรียนอนุบาลชนานันท์ โรงเรียนอนุบาลชนานันท์

เด็ก ๆ กำลังเรียนรู้เรื่องวงจรชีวิตของผีเสื้อ ได้เห็นกระบวนการตั้งแต่เริ่มต้นเป็นหนอน ดักแด้ และผีเสื้อในตอนสุดท้าย สอนโดยวิทยากรพิเศษ ซึ่งเป็นคุณแม่ของนักเรียนที่เรียนจบไปแล้ว

Jananan Spirit

เมื่อเรียนครบ 3 ปี เด็กนักเรียนที่โรงเรียนอนุบาลชนานันท์ จะมีคุณลักษณะที่ดี 7 ประการ ตามตัวอักษรของชื่อโรงเรียน Jananan : Joyful เริงร่า , Able สามารถ ,Nice คนดีมีน้ำใจ, Active ว่องไว ,Natural สดใสตามธรรมชาติ, Adjusting ปรับตัวได้ และ Native รักความเป็นไทย ที่โรงเรียนเน้นให้เด็กมีความพร้อม มีความรับผิดชอบ ให้เด็กมีความสุขในการมาโรงเรียนมากที่สุด เพราะเมื่อเด็กมีความสุขที่จะมาโรงเรียน ก็พร้อมจะเปิดรับความรู้ต่าง ๆ ที่คุณครูมอบให้

โรงเรียนอนุบาลชนานันท์

Jananan Spirit

สภาพแวดล้อมของโรงเรียน

โรงเรียนอนุบาลชนานันท์ก่อตั้งมา 47 ปีแล้ว สภาพแวดล้อมและพื้นที่ต่าง ๆ ก็ถูกปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม อาคารเรียนแรกที่เป็นบ้านไม้เก่าของคุณตาคุณยาย ก็ถูกปรับให้เป็นที่เก็บอุปกรณ์การสอนต่างๆ สวนและต้นไม้ปัจจุบันก็กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีสำหรับเด็ก ๆ ถึงแม้พื้นที่จะเล็กแต่การวางผังและการออกแบบก็ตอบโจทย์การใช้งานของโรงเรียนและนักเรียนได้เป็นอย่างดี ห้องเรียน ห้องน้ำ และโรงอาหาร ทุกมุมดูสะอาดตา มีลมพัดผ่าน มีแสงธรรมชาติส่องเข้าถึง สนามเด็กเล่นปูด้วยพื้นยางนุ่มนิ่ม เด็ก ๆ จึงวิ่งเล่นได้อย่างปลอดภัย

โรงเรียนอนุบาลชนานันท์

ห้องน้ำเปิดโล่ง ทำให้คุณครูสามารถเชคความปลอดภัยของเด็ก ๆ ได้ง่าย

Mommy’s Love This ถูกใจแม่!

1. โรงเรียนใส่ใจเรื่องค่าฝุ่น PM 2.5 มาก มีเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศ ( AQI ) ผู้ปกครองสามารถอัพเดทคุณภาพอากาศผ่านแอปพลิเคชั่น IQAir AirVisual ได้ และหากวันไหนที่มีค่าฝุ่นเป็นสีแดง ทางโรงเรียนจะเปิดสปริงเกอร์ เพื่อบันเทาปัญหาฝุ่นละอองในอากาศ และทุกห้องเรียนจะมีเครื่องฟอกอากาศ

2. ความปลอดภัยมาที่ 1 มีระบบแสกนหน้าเพื่อบันทึกข้อมูลการเข้าออกของนักเรียน เมื่อนักเรียนได้ยินเสียงเรียกชื่อกลับบ้าน นักเรียนจะสแกนใบหน้าออก โดยมีคุณครูรอส่งขึ้นรถและตรวจบัตรรับนักเรียนก่อนส่งขึ้นรถทุกครั้ง

3. ความสะอาดมาที่ 2 ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ห้องน้ำและโรงอาหาร สำหรับถาดอาหารจะล้างน้ำยาล้างจานและอบลมร้อนด้วยเครื่องล้างอัตโนมัติอีกครั้ง และทุกๆ วันหลังเลิกเรียน จะมีการพ่นละอองฝอยและอบห้องทิ้งไว้เพื่อฆ่าเชื้อ มีเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดส่วนกลางทั้งหมด

4. อาหารกลางวันสด สะอาด และอร่อยมาก เพราะมีแม่ครัวประจำของโรงเรียน แถมเด็ก ๆ สามารถเติมได้ไม่อั้นด้วยการชูสัญลักษณ์นิ้วมือ เพื่อเติมข้าว กับข้าว หรือของหวาน โดยไม่ต้องใช้เสียงเลย วันศุกร์จะมีเมนู Special ทำให้เด็ก ๆ รอคอยวันศุกร์ ว่าจะได้ทานอะไรเป็นพิเศษ

5. โรงเรียนใส่ใจเป็นพิเศษสำหรับนักเรียนที่แพ้อาหาร จะมีผ้าสีแดงกลัดไว้ที่เสื้อและมีข้อมูลการแพ้ของนักเรียนแจ้งให้ครูทุกคนได้ทราบ และจะจัดอาหารแยกใส่ภาชนะไว้ให้

6. ครูที่อนุบาลชนานันท์ไม่มีครูพี่เลี้ยง และเลือกรับหลากหลายสาขาวิชาไม่ได้รับแต่ครูปฐมวัยเพียงอย่างเดียว เพราะกิจกรรมที่จัดให้เด็กหลากหลายจึงจำเป็นต้องมีครูที่จบเฉพาะทางมาช่วยสอน

7. มีสมุดรายงานประจำสัปดาห์ สัปดาห์ที่ผ่านมาเรียนอะไร สัปดาห์หน้าเรียนอะไร ผู้ปกครองจะได้ทราบทั้งหมด ทางโรงเรียนมีแผนการเรียนทั้งปี มีไลน์กลุ่มของแต่ละห้อง และมีเฟสบุค Close Group ให้ผู้ปกครองรับข่าวสารหลาย ๆ ช่องทาง

8. ช่วงเย็นหากคุณพ่อคุณแม่มารับลูก ๆ ช้าก็ไม่ต้องกังวล เพราะมีทีมครูคอยดูแลเด็ก ๆ ให้ แถมมีของว่างและอาหารเย็นไว้ให้เด็ก ๆ ทานฟรีอีกด้วย

9. จำนวนนักเรียนต่อห้องเหมาะสมกับจำนวนคุณครู ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป สำหรับเตรียมอนุบาลและอนุบาล 1 นักเรียนไม่เกิน 25 คน ต่อคุณครู 3-4 ท่าน สำหรับอนุบาล 2-3 จำนวนนักเรียนไม่เกิน 32 คนต่อคุณครู 3-4 ท่าน

โรงเรียนอนุบาลชนานันท์

ระบบสแกนหน้า ที่จะช่วยป้อกกันเรื่องความปลอดภัยในการเข้าและออกโรงเรียน

โรงเรียนอนุบาลชนานันท์ โรงเรียนอนุบาลชนานันท์ โรงเรียนอนุบาลชนานันท์

ช่วงเวลารับประทานอาหารกลางวัน เด็ก ๆ สามารถชูสัญลักษณ์นิ้วมือเพื่อเติมอาหารได้ และยังช่วยเหลือตนเองและแบ่งเบาภาระงานของเจ้าหน้าที่ด้วยการแยกจาน ช้อน ส้อม และแก้วน้ำของตนเองเมื่อทานเสร็จแล้ว

โรงเรียนอนุบาลชนานันท์ โรงเรียนอนุบาลชนานันท์

วันไหนค่าฝุ่นเป็นสีแดง ทางโรงเรียนจะเปิดสปริงเกอร์ เพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองในอากาศ และเด็ก ๆ จะได้เล่นและเรียนเฉพาะภายในอาคาร

โรงเรียนอนุบาลชนานันท์

เด็กๆจะรู้ว่าถ้ามีกรวยสีส้มวางอยู่คือห้ามเดินเข้าไป เพื่อความปลอดภัย

ค่าใช้จ่ายต่างๆ (ปี พ.ศ. 2568)

ค่าเครื่องใช้แรกเข้า ( ชำระในวันสมัคร ) 15,000 บาท
ค่าเล่าเรียน 2 เทอม เทอมละ 57,000 บาท
ค่าเล่าเรียนภาค ฤดูร้อน 15,000 บาท

ที่อยู่ โรงเรียนอนุบาลชนานันท์
87/2 ซอยงามวงศ์วาน 52 แยก 1 ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
โทร. 02–579-1850
Website : jananan.ac.th
Facebook : https://www.facebook.com/Jananan87

 

Editor : แม่เลม่อน
ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข


อ่านต่อบทความโรงเรียนอื่นๆ น่าสนใจ คลิก ⇓

กรุงเทพประกันชีวิต แชร์ บันได 4 ขั้นในการวางแผนเพื่อการศึกษาของลูกรัก

event

การศึกษาของลูกเป็นเป้าหมายสำคัญของครอบครัว พ่อแม่ควรจะวางแผนเตรียมแนวทางและความพร้อมไว้ให้ลูกแต่เนิ่นๆ การวางแผนการศึกษาให้ลูกเปรียบเหมือนบันไดที่จะนำลูกก้าวสู่อนาคตตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ บันได 4 ขั้นเพื่อการวางแผนการศึกษาของลูกรักทำได้ดังนี้

บันไดขั้นแรก: เป็นบันไดขั้นแรกเป็นขั้นที่สำคัญที่สุด เริ่มจากการเลือกแนวทางการศึกษาสำหรับอนาคตที่เหมาะสำหรับลูก ปัจจุบันการศึกษามีหลากหลายแนวทางให้เลือก ตั้งแต่ โรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชน โรงเรียนสองภาษา โรงเรียนทางเลือก หรือ โรงเรียนนานาชาติ ซึ่งแต่ละแนวทางมีระบบการศึกษาที่แตกต่างกันออกไป แต่ละครอบครัวอาจเลือกแนวทางการศึกษาที่แตกต่างกันตามปัจจัยและองค์ประกอบของครอบครัว นอกจากนี้การวางแผนการศึกษาที่ดีควรวางแผนไปจนถึงการระดับการศึกษาสูงสุด  รวมถึงการเตรียมทักษะเพื่ออนาคตด้านอื่นๆ ทั้งทักษะด้านสารสนเทศและเทคโนโลยี ทักษะชีวิตและอาชีพ เช่น ความเป็นผู้นำ ความใช้ชีวิตในสังคม เป็นต้น

ขั้นที่สอง: ประมาณการค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษา เมื่อพ่อแม่เลือกแนวทางการศึกษาที่เหมาะสำหรับลูกได้แล้ว ลองวางแผนคำนวณค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ทั้งค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นแน่นอน เช่น ค่าเล่าเรียน ค่าชุดนักเรียน ค่าหนังสือและอุปกรณ์การเรียน ค่ากิจกรรมและการเรียน จึงควรหาข้อมูลของโรงเรียนที่เปิดการสอนในแนวทางที่เราสนใจเพื่อพิจารณาและนำรายละเอียดมาพิจารณา ค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษายังปรับเพิ่มขึ้นตามช่วงเวลา จึงควรคำนวณอัตราเพิ่มขึ้นของการศึกษาไว้ด้วย อาจใช้ค่าเฉลี่ยการเพิ่มค่าใช้จ่าย 5% เป็นเกณฑ์เบื้องต้น เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีเงินทุนเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษา

ขั้นที่สาม: วางแผนการออมเงินระยะยาว ค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในช่วงแรกของการศึกษา มักเป็นเงินที่มาจากการบริหารรายรับรายจ่ายของครอบครัวเพื่อจัดสรรเงินสำหรับค่าใช้จ่ายของลูก เนื่องจากพ่อแม่มักมีเวลาการเตรียมพร้อมที่ค่อนข้างสั้น  การเก็บออมเงินเพื่อการศึกษาจึงมักเป็นการออมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายในระดับการศึกษามัธยมศึกษา หรือระดับปริญญา แต่แม้เราจะมีการเก็บออมอยู่แล้ว  หากไม่ได้แยกเงินออมสำหรับเป้าหมายการศึกษาออกมากให้ชัดเจนก็อาจทำให้แผนการเงินไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ การออมเพื่อการศึกษาเป็นหนึ่งเป้าหมายการเงินที่สำคัญและมีระยะเวลาที่ยาวนานจึงควรกำหนดเป็นเป้าหมายเฉพาะและชัดเจน ที่สำคัญจะต้องมีวินัยในการออมและไม่นำเงินก้อนนี้ไปใช้เพื่อการอื่นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

ขั้นที่สี่: ป้องกันความเสี่ยง แม้การออมเงินจะเป็นวิธีที่จะไปถึงเป้าหมายการออม  เราควรป้องกันความเสี่ยงหากเกิดอะไรขึ้นกับเราด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าแผนการศึกษาของลูกจะเป็นไปตามเป้าหมาย แม้จะเกิดอะไรขึ้นกับเราก่อนบรรลุเป้าหมายการเงิน

บันได 2 ขั้นแรกเป็นบันไดขั้นที่สำคัญมากในการวางแผนการศึกษา เพราะเป็นการเลือกเส้นทางในการเดินสู่อนาคตให้กับลูกของเรา  ที่สำคัญเราควรสังเกตว่าลูกของเรามีความถนัดหรือมีความเหมาะสมกับแนวทางการศึกษาที่เราเลือกด้วยหรือไม่  เราสามารถหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ รวมถึงการไปเยี่ยมชมโรงเรียนที่เราสนใจ หรือปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาเพื่อให้ได้ข้อมูลสำหรับใช้วางแผน

สำหรับบันไดขั้นที่ 3 และ 4  เป็นขั้นตอนที่จะทำให้ลูกของเราเดินไปบนเส้นทางที่เลือกและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจอย่างแน่นอน การวางแผนการเงินเป็นหัวใจสำคัญสำหรับบันไดสองขั้นนี้ เนื่องจากเป้าหมายการศึกษาเป็นเป้าหมายที่มีความสำคัญสำหรับครอบครัว การเลือกผลิตภัณฑ์การเงินสำหรับเป้าหมายที่สำคัญมักเน้นสัดส่วนของการออมไปทางผลิตภัณฑ์การเงินที่มีความเสี่ยงไม่สูงนักและได้รับผลตอบแทนที่เพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้เงินที่ออมได้รับความเสี่ยงจากการลงทุนที่ไม่เป็นไปตามแผนจนส่งผลกระทบต่อเป้าหมายที่ตั้ง วินัยในการออมเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราออมไปตลอดระยะเวลาของแผนการเงินที่วางไว้เช่นเดียวกัน

ประกันชีวิตเป็นผลิตภัณฑ์การเงินที่สามารถป้องกันเงินออม ช่วยสร้างวินัยทางการเงินจากเบี้ยประกันที่ต้องชำระอย่างต่อเนื่อง และประกันชีวิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันความเสี่ยงระยะยาว แผนทางเลือกต่างๆ ที่มีทำให้เราสามารถเลือกระยะเวลาการออม ระยะเวลาความคุ้มครอง ให้เหมาะสมกับเป้าหมายการเงินและความพร้อมในการออมของเรา  ยังสามารถใช้ประโยชน์ด้านสิทธิลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย การเลือกประกันชีวิตเป็นส่วนหนึ่งในการออมเพื่อการศึกษาระยะยาวจึงช่วยสร้างความมั่นใจว่าแผนการเงินของเราสามารถไปถึงเป้าหมายได้อย่างมั่นคง

กรุงเทพสมาร์ทคิดส์ จาก กรุงเทพประกันชีวิต เป็นแบบประกันสะสมทรัพย์ที่มีระยะเวลาคุ้มครอง 15 ปี 18 ปี และ 21 ปี มีระยะเวลาการออมที่ยาวถึง 15 ปี จึงช่วยให้เรามีวินัยการออมไปตลอดระยะเวลา และยังมีความคุ้มครองหากเสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะและสายตาเนื่องจากอุบัติเหตุ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ จึงเป็นทางเลือกสำหรับการวางแผนการศึกษาของลูก ผู้ที่สนใจสามารถสมัครทำประกันได้ผ่านตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน กรุงเทพประกันชีวิต และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์กรุงเทพประกันชีวิต www.bangkoklife.com หรือติดต่อ Call Center โทร. 02-777-8888

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ รร. สไตล์ฟินแลนด์ โดดเด่น 3 ภาษา เน้นการค้นหาความชอบ

event
โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์
โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

School Visit ครั้งนี้ ทีมแม่ ABK ขอพาทุกคนมาเยี่ยมชม โรงเรียนมัธยมที่เตรียม “โอกาสในการเรียนรู้” ให้เด็ก ๆ ไว้อย่างมากมาย ที่สุดท้ายเด็กทุกคน “จะค้นพบตัวเอง” และ “เป็นเลิศ” ในด้านที่ถนัด ผสานซึ่งศาสตร์ ศิลป์ เทคโนโลยี และความเป็นมนุษย์ ที่กลมกล่อมลงตัว  ที่นี่คือ โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์  (Panyapiwat Institute of Management Demonstration School ) หรือ SATIT PIM (สาธิต พีไอเอ็ม)

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

บรรยากาศภายในโรงเรียน…วัสดุที่ใช้ อากาศหมุนเวียน แสงส่องถึง ความปลอดภัย ใส่ใจทุกรายละเอียด อาคารหลังนี้ได้รับมาตรฐาน “อาคารสีเขียว”

 

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์
Learn : แตกต่างอย่างโดดเด่น

SATIT PIM จับมือกับสถานทูตฟินแลนด์และ University of Jyväskylä (มหาวิทยาลัยฝึกหัดครูชั้นนำของโลก) ตั้งแต่ พ.ศ. 2559 จุดมุ่งหมายคือ Happiness School + Active Learning เพื่อเติบโตไปเป็นพลเมืองที่ดีของโลก ร่วมมือตั้งแต่

  • จัดฝึกอบรมผู้บริหาร
  • ฝึกทักษะการสอน ครู บุคลากร “Expert” ทั้งด้านวิชาการ และวิชาชีพ
  • ออกแบบชั้นเรียนที่เด็กทุกคนมีส่วนร่วม เป็นชั้นเรียนแห่งความเสมอภาค ที่เน้นการปฏิบัติ หรือ เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง บูรณาการวิชาการกับกิจกรรมอย่างสร้างสรรค์
  • สนับสนุน “การลอง – เพื่อให้รู้” เพื่อค้นหาความชอบ ความถนัด
  • เพราะจุดมุ่งหมายคือ การเรียน(รู้) อย่างมีความสุข

ถ้าจะต้องเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบแล้ว เด็ก ๆ จะสามารถมีความสุขได้ไหม? บางคนอาจจะไม่ชอบหรือมีทัศนคติที่ไม่ดีกับ “ชื่อวิชา” แต่ลึกลงไปกว่านั้นคือ โรงเรียนจะจัดการให้กิจกรรมสนุก น่าสนใจ ให้เด็ก ๆ ทุกคน engage และ enjoy กับกิจกรรม เป็นสิ่งที่ท้าทายกับคุณครูมากครับ เพราะเราต้องทำให้เด็ก ๆ ทุกคน (ที่ชอบและไม่) engage กิจกรรมของเราให้ได้ และในทุกวิชาของเราจัดการเรียนรู้รูปแบบ Active Learning  เด็ก ๆ มักจะได้ทัศนคติใหม่ต่อวิชาที่ไม่ชอบ  ในแต่ละวิชามีเรื่องแยกย่อยลงไปอีก เค้าอาจจะชอบเรื่องย่อยๆในวิชานั้นก็ได้ ขอแค่ให้ได้ลองก่อน แต่ถ้าไม่ชอบจริง ๆ ลองยังไงก็ไม่ชอบ ต่อให้กิจกรรมสนุกแค่ไหน ตรงนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะเด็ก ๆ ก็จะรู้ความชอบของตัวเองในทันที ส่งผลที่ดีในการเลือกแผนการเรียนตอน ม.ปลาย เช่นกัน

เด็กบางคน ที่คิดว่าตัวเองชอบ ก็อาจจะพบว่าไม่ใช่ เช่น บางคนอยากเป็นแพทย์ แต่เมื่อได้มาเข้า Lab ชีววิทยาแล้ว ไม่ชอบการผ่าปลา การผ่ากบ ดังนั้นกิจกรรมเท่านั้นที่จะทำให้เด็ก ๆ รู้จักตัวเองอย่างแท้จริง

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

Sketchภาพต่าง ๆ จาก Reference

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

วันนี้เด็ก ๆ ได้เรียนภาษาจีนด้วยเกมส์

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

เล่นเกมส์ต่างๆ

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

อัดลมเพื่อดูการพองตัวของปอด เหมือนเวลาหายใจเข้า และทำไมปอดจึงลอยในน้ำได้?

 

หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น

วิชาหลักโฟกัสที่

Mathematics 3 คลาส กับ Native Teacher | คณิตศาสตร์ 2 คาบกับครูไทย = 5 คาบต่อสัปดาห์

Science 3 คลาส กับ Native Teacher | วิทยาศาสตร์ 2 คาบกับครูไทย = 5 คาบต่อสัปดาห์

English 4 คลาส กับ Native Teacher | ภาษาอังกฤษ 1 คาบกับครูไทย = 5 คาบต่อสัปดาห์

 

SATIT PIM เน้นภาษามากๆ

เพราะเตรียมพร้อมให้เด็ก ๆ เป็นพลโลก มีความรู้อาจไม่พอ แต่ต้องถ่ายทอดความรู้ออกมาให้ได้ด้วย ภาษาต่างๆจึงต้องไม่เป็นอุปสรรค  ในวิชาหลัก 3 วิชา จะเรียนแบบ 2 ภาษา โดยคลาสของ Native Teacher และครูไทย เนื้อหาการเรียนจะไม่ซ้ำกัน

ส่วน วิชาภาษาจีน (Chinese) เป็นรายวิชาเพิ่มเติม เรียนกับ Native Teacher 3 คาบ และ 2 คาบกับครูไทย (เรียนทุกคน) เท่ากับ 5 คาบต่อสัปดาห์ คลาสของครูต่างชาติ “จะเน้น Concept”  ส่วนคาบของครูไทย ”สอนเพื่อเติมเต็ม เชื่อมโยงและลงลึก”

แผนการเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย : จุดแข็งของ SATIT PIM!

  • วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ : วิศวกรรม สถาปัตยกรรม หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์
  • วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ : วิทยาศาสตร์สุขภาพ
  • ศิลป์ภาษา : ภาษาอังกฤษ-ดิจิทัลมีเดีย
  • ศิลป์ภาษา : ภาษาจีน-ดิจิทัลมีเดีย
  • ศิลป์ภาษา : การจัดการธุรกิจดิจิทัลมีเดีย
  • ศิลป์คำนวณ : คณิตศาสตร์-ภาษาอังกฤษ

 

เมื่อกิจกรรมมานำตั้งแต่ชั้น ม.ต้น ทุกอย่างที่เด็ก ๆ ทำจะถูกจัดเก็บเป็นข้อมูล ความสนใจ การทำกิจกรรม การเรียนในชั้น คุณครูช่วยแนะแนวหรือการเข้าร่วมการฟัง Guest Speaker จากสาขาวิชาชีพต่างๆ ฯลฯ จนสามารถนำมาประมวลแนวโน้มแผนการเรียนที่ตอบโจทย์เด็กๆ  สรุปง่าย ๆ คือ ก่อนที่เด็กจะเลือกแผนการเรียนในชั้น มัธยมปลาย เด็ก ๆ ก็ชัดเจนกันมาก่อนแล้วนั่นเอง

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

เด็กๆ เรียนเทคนิคการวางหมากล้อม

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

Science กับ teacher

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

กลุ่มย่อย

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

ชั่วโมงศิลปะ ม.5 ในสตูดิโอ

 

Life : กิจกรรมจบแต่การเรียนรู้ไม่จบ

ในคาบเรียนเด็กๆจะทำงานกันเป็นกลุ่ม แบ่งเป็น 3-4 คน ทำกิจกรรมและมี 1 คนบันทึกภาพหรือถ่ายวิดีโอบันทึกเท่ากับฝึกการทำงานเป็นทีม ระหว่างนี้กิจกรรมไม่ได้แค่ดำเนินไป ตัวแปร-ปัจจัย ต่าง ๆ ทำให้มีปัญหา หรือ คำถามเกิดขึ้นมา และเด็ก ๆ แต่ละคนก็คิดไม่เหมือนกันซะด้วย โอกาสนี้เองที่ทุก ๆ คนในห้องจะได้เรียนรู้หลากมุม เพราะคนเรามีพื้นฐานแตกต่างกัน  ดังนั้นความคิดเห็นก็จะไม่เหมือนกันด้วยค่ะ  ระหว่างทางเด็ก ๆ ได้ ฝึกการคิด -วิเคราะห์  ตั้งคำถาม  ฝึกการฟัง-คิดเหมือนหรือต่าง   ฝึกความอดทน   ฝึกการยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น ต้องร่วมกันสรุป ส่งงานในรูปแบบที่ถนัด  เพื่อสะท้อนคิดจากกิจกรรม

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

มุมต่างๆ ในโรงเรียน

ค้นหาตัวเองเป็นส่วนสำคัญของกิจกรรมของ SATIT PIM

ที่โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ คุณครูจะทำงานแบบเชิงรุก และโฟกัสเด็กเป็นรายบุคคล

นักเรียนจะได้เข้าชุมนุม สัปดาห์ละ 1 คาบ ตามสิ่งที่สนใจ มีการวัดผลแบบ ผ่านและไม่ผ่าน และมีเข้าชมรมหลังเลิกเรียน  นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังมีโครงการ Find My Career   ทางโรงเรียนเชิญ Guest Speaker ที่เป็น Expert ในแต่ละสายอาชีพราวปีละ 30-40 ท่าน มาแชร์ประสบการณ์ ตอบคำถามและสร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ 1 ปีการศึกษาเด็กๆ ต้องลงทะเบียนเข้าฟังวิทยากรประมาณ 2-3 คน

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

  พักอ่านหนังสือตามที่สนใจ

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

ลานกีฬา

 

ทัศนศึกษา ม.ต้น

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ พาเด็กๆไปดูสถานประกอบการในเครือซีพี ออลล์ ปีละ 3 ครั้ง!  เป็นหนึ่งในสถานประกอบการที่มีอาชีพมากมายที่สามารถสร้าง Inspiration ให้เด็ก ๆ สัมผัส ก่อนไปจะมีการพูดคุย ซักถาม ตั้งคำถามกัน เหมือนในชั้นเรียนก่อนทำกิจกรรม

และหลังไปทัศนศึกษาแล้ว เด็ก ๆ ต้องกลับมาสะท้อนคิดกับคุณครู ครูแนะแนว ว่าจากการไปทัศนศึกษาครั้งนี้ ได้เรียนรู้อะไรบ้าง

ทุกกิจกรรมคือ ข้อมูลที่สามารถนำมาประมวลผลแนวโน้มความชอบและความถนัดของเด็ก ๆ ที่เก็บมาตลอด 3 ปี (ม.1-3) แจ้งแก่นักเรียนและผู้ปกครอง แนะนำการเลือกแผนการศึกษาต่อ ม.ปลาย

 

CAMP ตามแผนการเรียนของ ม.ปลาย (วิทย์ศิลป์)

ตัวอย่างการออกค่ายปีที่ผ่านมา

ม.4

  • ชีววิทยา – ไปแสมสาร ทางโรงเรียนทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยบูรพา
  • สายศิลป์ – ไปศึกษาหรืออยู่กับชุมชน ทำงานกับชุมชน ก่อนไป-เด็กๆจะได้คุยกับอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อแนะแนวทางการเก็บข้อมูลต่างๆ ปัญหา? ความต้องการ?
  • กลับจากค่าย ทำชิ้นผลงานรูปแบบไหนก็ได้ คลิปวิดีโอ งานฝีมือ รายงานแบบคลาสสิค เปิดเวทีให้เด็กๆเต็มที่ เก็บเป็น PORTFOLIO ได้ค่ะ

ม.5

  • แผนวิทย์ – ไปทัศนศึกษาที่โรงพยาบาลต่างๆ
  • แผนศิลป์ – ไป OPEN HOUSE ตามมหาวิทยาลัย

เพื่อทำ WORKSHOP กลับมาทำ PROJECT รูปแบบไหนก็ได้ เก็บเป็น PORTFOLIO เช่นกันค่ะ

 

Balance :

หมากล้อม = กีฬา

เด็กๆทุกคนจะได้เรียนหมากล้อม เพราะจัดเป็นกีฬาฝึกสมอง ฝึกการคิดและวางแผนในการครอบครองพื้นที่บนกระดาน ทักษะอื่นๆจะตามมาอีกเพียบเลยค่ะ เช่น การฝึกจิตใจ ทักษะการแก้ปัญหา การตัดสินใจ สมาธิและความอดทน ไปถึงการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม

 

ศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์ กีฬา เกมส์และนันทนาการ = ความผ่อนคลาย

ไม่ว่าสายวิทย์หรือศิลป์ ทุกคนมีความบันเทิงในแบบของตัวเอง ช่วงเวลาพักหรือหลังเลิกเรียน เด็กๆใช้ Facility ของโรงเรียนได้เต็มที่ แม้โรงเรียนจะไม่ได้มีขนาดใหญ่โต แต่สิ่งอำนวนความสะดวกที่ทันสมัยคือครบมาก รวมไปถึงพื้นที่ส่วนกลางด้านหลังโรงเรียนที่สามารถใช้ได้ร่วมกับซีพี ออลล์

 

สาย SUPPORT

ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและการเรียนรู้  Counselling Service (ผู้เชี่ยวชาญด้านการแนะแนวการศึกษา) นักจิตวิทยา คอยซัพพอร์ททั้งเด็กๆ ครู และผู้ปกครอง จุดมุ่งหมายไม่ได้เพื่อส่งเด็กๆเข้าไปเรียนสายอาชีพที่ใช่เพียงอย่างเดียว แต่ดูแลสุขภาพกายและใจให้เด็กๆเติบโตได้อย่างดี มีทัศนคติและภูมิกันที่ดีในชีวิตค่ะ

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

กีฬา-ศิลปะ ช่วยสร้างสมดุล

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

ช่วงเวลา Free Time ของนักเรียน

 

Mommy’s Love This ถูกใจแม่

  1. เด็กๆกล้าพูด กล้าแสดงออก เพราะในกลุ่มย่อย ในชั้นเรียน ในทุกการเรียนการสอน ทุกคนจะถูกกระตุ้นทักษะ Public Speaking อยู่ตลอด
  2. โรงเรียนเป็น Expert ในการช่วยเด็กๆค้นหาตัวเอง ตอบโจทย์การเรียนเพื่อนำไปใช้ในชีวิตจริง แล้วก็ต้องเรียนให้มีความสุขเช่นกัน
  3. คุณครูสุดยอดแห่งคุณภาพ สอนวิชาไหน จบตรง ลงลึกในสายวิชานั้น
  4. โรงเรียน “ให้และใช้” วิทยาการที่ทันสมัย (การันตีโดย APPLE ในฐานะโรงเรียนที่โดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีการเรียนการสอน) แต่ก็ยังส่งเสริม “ทักษะศิลปะ-งานฝีมือ” เพื่อเชื่อมโยงยุคสมัยและความเป็นมนุษย์
  5. ค่าเล่าเรียน “จับต้องได้” หลักสูตร 3 ภาษา แนวคิด-รูปแบบ-การจัดการ from Head to Heart ตอบโจทย์ผู้ปกครอง ตรงใจผู้เรียน
  6. “ความเท่าเทียมกัน” ทั้งด้านการเรียน กิจกรรม โอกาส การดูแลจากโรงเรียน ไม่มีใครได้มากกว่ากัน หรือ ถูกทอดทิ้งอยู่เบื้องหลัง
  7. “กิจกรรมนอกการเรียน โรงเรียนก็ดันไปให้สุดเช่นกัน” ชุมนุม ชมรม หรือแค่เกม กิจกรรม นันทนาการ อะไรก็ตามที่เด็กๆอยากทำ สำคัญหมด

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

อาจารย์ประวิทย์ ศรีหนองหว้า Deputy Director

 

ค่าเล่าเรียนต่อปีการศึกษา (บาท)

ม.1-3 ประมาณ 170,000 บาท ต่อ ปี

ม.4-6 ประมาณ 180,000 บาท ต่อ ปี

(ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ )

 

ที่อยู่

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

45/23 ซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28 หมู่ที่ 2 ถนนแจ้งวัฒนะ

ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120

โทร 0 2855 1111

www.satitpim.ac.th

Facebook : satit.pim

Line : @satitpim

Youtube : satitpim

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข , ภูเบศ บุญเขียว


อ่านต่อบทความโรงเรียนอื่นๆ น่าสนใจ คลิก ⇓

มีลูกยาก

ชี้เป้า 10 โรงพยาบาล ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก ทั่วกรุงเทพฯ สำหรับคู่รัก มีลูกยาก

event
มีลูกยาก
มีลูกยาก

สำหรับคู่รักที่แต่งงานแล้ววางแผนจะมีลูก … แต่ มีลูกยาก ต้องดู!! ทีมแม่ ABK ได้รวบรวม โรงพยาบาล คลินิก ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก ทั่วกรุงเทพฯ มาให้แล้วตรงนี้! จัดเต็มด้วยผู้เชี่ยวชาญในการดูแลทางการแพทย์สำหรับคุณผู้หญิง พร้อมให้บริการรักษาอาการมีบุตรยากด้วยนวัตกรรมที่ดีที่สุด จะมีที่ไหนบ้าง มาดูกัน

ภาวะมีบุตรยาก มีลูกยาก สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ และพบได้บ่อยจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงปัญหาในร่างกายของฝ่ายหญิง พวกระบบสืบพันธุ์ต่างๆ ประมาณ 40-55% ฝ่ายชายประมาณ 20-30% ทั้งสองฝ่ายร่วมกันประมาณ 20-30% และที่ไม่ทราบสาเหตุอีกประมาณ 10-20% โดยจะเริ่มพบความเสี่ยงของการมีลูกยากเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ติดแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ สาเหตุเหล่านี้มีผลทำให้การสร้างตัวอสุจิน้อยลง หรือความเครียดก็ส่งผลให้การทำงานของรังไข่ในผู้หญิงผิดปกติได้ ส่งผลให้มีลูกยาก

นอกจากนั้นในปัจจุบัน ภาวะมีบุตรยากยังเกิดขึ้นกับคู่สมรสที่วางแผนมีบุตรช้า อายุที่มากแล้วก็ส่งผลให้ฝ่ายหญิงมีลูกยากอีกด้วย คู่สมรสที่วางแผนจะมีบุตรในอนาคตควรเข้ารับการฝากไข่ ในขณะที่อายุยังน้อยเพื่อรักษาไข่ที่ยังสมบูรณ์ไว้

ทั้งนี้เพื่อหาสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก คู่สมรสที่อยากมีลูกควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินหาสาเหตุและให้การรักษาอย่างถูกต้อง กับทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย

สำหรับการรักษาภาวะผู้มีบุตรยากได้มีการนำเอาเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์เข้ามาช่วยรักษาภาวะมีลูกยากและเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว IUI IVF ICSI อีกทั้งการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ได้มีการพัฒนาเพื่อหาสาเหตุความผิดปกติของพันธุกรรมก่อนการย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก เช่น การตรวจคัดกรองโครโมโซม NGS PGD PGS เพื่อป้องกันการเกิดความผิดปกติของพันธุกรรม

IVF : IVF (In Vitro Fertilization) คือการนำเอาเซลล์ไข่และอสุจิมาปฏิสนธินอกร่างกาย เพื่อให้ได้เซลล์ตัวอ่อน โดยในปัจจุบันมีการเลี้ยงตัวอ่อนได้ถึงระยะที่ 5 บลาสโตซิส (Blastocyst) จากนั้นจึงย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก

ICSI : ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) คือกระบวนการช่วยปฏิสนธิภายนอกร่างกาย โดยใช้เชื้ออสุจิ 1 ตัว ฉีดเข้าไปในเซลล์ไข่ 1 ใบ เพื่อเพิ่มอัตราในการปฏิสนธิและการตั้งครรภ์ นิยมใช้ในกรณีที่ฝ่ายชายมีจำนวนอสุจิน้อย

IUI : IUI (Intrauterine insemination) เป็นการรักษาภาวะมีลูกยาก โดยการฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูก เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ ใช้ในกรณีที่คู่สมรสมีบุตรยากแบบหาสาเหตุไม่ได้ หรือคุณภาพอสุจิอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือมีความผิดปกติเล็กน้อย

NGS : NGS (Next Generation Sequencing) การตรวจคัดกรองวิเคราะห์ความผิดปกติของโครโมโซมตัวอ่อน เพื่อลดปัญหาตัวอ่อนไม่ฝังตัว และเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์

PGD : PGD (Preimplantation Genetic Diagnosis) คือการตรวจวินิจฉัยโรคทางพันธุกรรมในตัวอ่อน สำหรับคู่สมรสที่มีพาหะของโรคทางพันธุกรรม ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการมีลูกที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น โรคเลือดจางธาลัสซีเมีย (Thalassemia) เป็นต้น

PGS : PGS (PreimplantationGeneticScreening) เป็นการตรวจคัดกรองความผิดปกติของพันธุกรรมของตัวอ่อน และคัดเลือกตัวอ่อนที่มีโครโมโซมปกติเพื่อย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูก

ปัจจุบันมีศูนย์การรักษา มีลูกยาก อยู่หลายที่ทั้งโรงพยาบาลและคลินิกที่พร้อมจะให้คำแนะนำ และเป็นผู้ช่วยในการพิจารณาว่าควรเลือกใช้วิธีใดรักษา เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จในการตั้งครรภ์ให้เป็นพ่อแม่สมใจ และคุ้มค่ากับเวลา และค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด มีที่ไหนบ้างมาดูกันเลยค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : ภาวะมีบุตรยาก (Infertility) เกิดจากอะไร จะรู้ได้อย่างไรว่าเสี่ยงมีลูกยาก (wellnesshealth.club)

รวม 10 โรงพยาบาล คลินิก ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก ทั่วกรุงเทพฯ สำหรับคู่รัก มีลูกยาก

1. คลินิกเวชกรรมเฉพาะทางสูตินรีเวช IVF & Women Clinic

IWC ดูแลรักษาโรคทางสูตินรีเวชด้วยมาตรฐานทางการแพทย์ที่ปลอดภัยและครบวงจร โดยมีผู้เชี่ยวชาญในการดูแลทางการแพทย์สำหรับสตรี พร้อมทั้งให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยนวัตกรรมที่ดีที่สุด มีห้องปฏิบัติการได้มาตรฐานระดับสากล สะดวก สะอาด และปลอดเชื้อ ควบคุมและดูแลในทุกเคสของการ ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้การรักษากับผู้เข้ารับบริการทุกท่าน และรับฟังความต้องการเฉพาะของผู้เข้ารับบริการ พร้อมปรับกระบวนการรักษาให้เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล ทั้งยังได้รับการรับรองจากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยและกระทรวงสาธารณสุข

สถานที่ตั้ง คลินิกเวชกรรมเฉพาะทางสูตินรีเวช IVF & Women Clinic

16 fl.Times Square Building, Sukhumvit 12-14 Rd.,
Bangkok, Thailand, Bangkok

T: +66 653 3331 / 097 250 9331
E: [email protected]

IVF & WOMEN CLINIC (iwclinic.com)

 

2. คลินิกมีบุตรยาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และหน่วยชีววิทยาการเจริญพันธุ์ (Chula IVF)

โรงพยาบาลของรัฐบาลที่ขึ้นด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ จากผลงานที่สร้างเด็กหลอดแก้วเป็นรายแรกของไทยได้สำเร็จ ทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายที่จ่ายน้อยกว่าเอกชน ช่วยสานฝันให้คู่สมรสที่มีปัญหาภาวะมีบุตรยากได้เป็นอย่างดี

สถานที่ตั้ง
คลินิกมีบุตรยากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย (ตึก ภปร.) ชั้น 8 ถนนพระราม 4 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
เวลาทำการ : วันธรรมดา 08.00-16.00 น. วันหยุด 08.00-12.00 น.
โทรศัพท์ : 0 2256 5282

หน่วยชีววิทยาการเจริญพันธุ์ ตึกนวมินทราชูทิศ ชั้น 11 โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
กรุงเทพมหานคร 10330
โทรศัพท์ : 02 256 4826
www.facebook.com/Chula-IVF

 

3. คลินิกผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์

คลินิกผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ เป็นสถานที่รวมบุคลาการทางการแพทย์ที่มีฝีมือมากมาย ที่ช่วยให้คู่สมรสที่อยากมีลูกได้เป็นคุณพ่อคุณแม่สมหวัง ทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายซึ่งถูกกว่าโรงพยาบาลเอกชน แต่ข้อจำกัดคือ เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลรัฐบาล ทำให้มีขั้นตอนต่าง ๆ และมีคนใช้บริการจำนวนมาก สำหรับผู้ป่วยนอกใหม่ที่ไม่อยากเสียเวลารอคิว สามารถลงทะเบียนออนไลน์ด้วยตัวเองก่อนเข้ารับการรักษาได้ที่เว็บไซต์ของโรงพยาบาล คลิก และสำหรับว่าที่คุณพ่อคุณแม่ที่สนใจจะปรึกษาเรื่องวิธีการรักษาภาวะมีบุตรยาก สามารถใช้บริการถามตอบปัญหาสุขภาพผ่านเว็บไซต์ www.sirirajonline.net คุยกับคุณหมอก่อนได้ไม่ต้องรอนาน

สถานที่ตั้ง
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
เลขที่ 2 ถนนวังหลัง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 10700
เวลาทำการ : 06.30-15.00 น.
โทรศัพท์ : ประชาสัมพันธ์ ตึกผู้ป่วยนอก 0 2 419 7000
www.si.mahidol.ac.th

 

4. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์ โรงพยาบาลรามาธิบดี

ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ให้บริการตรวจรักษาคู่สมรสที่มีบุตรยากด้วยวิธีการต่าง ๆ รวมทั้งกระบวนการปฏิสนธินอกร่างกายและเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่เกี่ยวข้อง โดยอาจารย์แพทย์และนักวิทยาศาสตร์สาขาเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ด้วยห้องปฏิบัติการด้านเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ที่ทันสมัย เป็นอีกหนึ่งที่ที่ช่วยตอบโจทย์ให้กับว่าที่พ่อแม่ที่มีบุตรยากได้เช่นกัน

สถานที่ตั้ง
ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์
ชั้น 3 อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ ถนนพระราม 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
เวลาทำการ : 08.00-20.00 น.
โทรศัพท์ : 0 2200 3000
www.med.mahidol.ac.th

 

5. ศูนย์ผู้มีบุตรยากเจ้าพระยา-จินตบุตร โรงพยาบาลเจ้าพระยา

ศูนย์ผู้มีบุตรยาก เจ้าพระยา-จินตบุตรในเครือโรงพยาบาลเจ้าพระยา ก่อตั้งโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาภาวะมีบุตรยากซึ่งผ่านการอบรมศึกษามาจากต่างประเทศ พร้อมทั้งมีอุปกรณ์ทางการแพทย์และเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำที่สุดในระดับสากล พร้อมด้วยนวัตกรรม EmbryoScope ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ที่ใช้ในการดูแลรักษาผู้ที่ประสบปัญหามีบุตรยาก มีศักยภาพสูงในการช่วยคัดเลือกตัวอ่อนที่สมบูรณ์ เพื่อนำตัวอ่อนนั้นใส่กลับไปยังผู้รับการรักษา ช่วยเสริมประสิทธิภาพขั้นตอนของการรักษาให้มีความง่ายและดียิ่งขึ้น และทีมนักวิทยาศาสตร์ประจำห้องปฏิบัติการที่มีความชำนาญด้านการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนกระทั่งใส่ตัวอ่อนกลับเข้าโพรงมดลูก ซึ่งจากผลการศึกษาพบว่าการคัดเลือกตัวอ่อนด้วยเทคโนโลยีนี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้มากขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ จากวิธีการทำเด็กหลอดแก้วตามปกติ รวมทั้งยังคอยเอาใจใส่ ดูแล ให้คำแนะนำ และตอบข้อสงสัยต่างๆ ในทุกช่วงระยะของการรักษา

สถานที่ตั้ง
ศูนย์ผู้มีบุตรยากเจ้าพระยา-จินตบุตร โรงพยาบาลเจ้าพระยา
ชั้น 2 โรงพยาบาลเจ้าพระยา เลขที่ 113/44 ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 10700
เวลาทำการ : 08.00-17.00 น.
โทรศัพท์ : โทร. 0-2433-8222, 0-2433-5666
www.chaophya.com

มีลูกยาก

6. ศูนย์รักษาภาวะมีบุตรยาก โรงพยาบาลพญาไท 2

ศูนย์รักษาภาวะมีบุตรยาก โรงพยาบาลพญาไท 2 มีทีมแพทย์ พยาบาล และนักวิทยาศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้วยเทคนิคและเทคโนโลยีที่ทันสมัยครบวงจร รวมถึงห้องปฏิบัติการเลี้ยงตัวอ่อนและห้องผ่าตัดซึ่งได้รับการติดตั้งด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัยอย่างครบถ้วนในการช่วยให้การรักษาภาวะมีบุตรยากนั้นเป็นไปอย่างสมบูรณ์ ให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคนิคการช่วยเจริญพันธุ์ ซึ่งมีทั้งวิธีธรรมชาติและการใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เช่น การฉีดเขื้อผสมเทียม,IVF , ICSI, Blastocyst culture, การตรวจคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อนก่อนการฝังตัวด้วย เทคนิค NGS (Next Generation Sequencing) และ CGH (Array Comparative Genomic Hybridization)และการแช่แข็งไข่ เป็นต้น

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ

โปรแกรมทำเด็กหลอดแก้ว ICSI (รวมการกระตุ้นไข้+การเก็บไข่+ย้ายตัวอ่อน) : ราคา 167,000 บาท (ราคานี้สามารถเข้ารับบริการ ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2563 ถึง 31 ธันวาคม 2563 เท่านั้น)

สถานที่ตั้ง
ศูนย์รักษาภาวะมีบุตรยาก โรงพยาบาลพญาไท 2 อาคาร B ชั้น 10
เวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน เวลา  07.00-17.00น.
โทรศัพท์ : กรุณาทำนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับการตรวจทุกครั้งได้ที่ 1772 หรือโทร 02-617-2444 ต่อ 1057, 1058
รายละเอียดเพิ่มเติม : www.phyathai.com

 

7. ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลบีเอ็นเอช (BNH)

ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลบีเอ็นเอช มีทีมผู้เชี่ยวชาญซึ่งเปี่ยมด้วยประสบการณ์อันยาวนานในศาสตร์การแพทย์แขนงนี้และพร้อมให้บริการที่ครบวงจรและมีประสิทธิภาพในการดูแลรักษาคู่สามีภรรยาที่มีบุตรยาก ทั้งคู่จะได้รับการตรวจวินิจฉัยสาเหตุของปัญหาด้วยวิธีการต่าง ๆ โดยขึ้นอยู่กับประวัติทางการแพทย์ ซึ่งอาจประกอบไปด้วยวิธีการเหล่านี้ :

  • การตรวจเชื้ออสุจิ
  • การตรวจอัลตราซาวนด์ทางช่องคลอด
  • การตรวจระดับฮอร์โมนในเลือด
  • การส่องกล้องทางหน้าท้องเพื่อการวินิจฉัย
  • การส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก

ภายหลังจากการตรวจวินิจฉัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาจเสนอทางเลือกในการรักษาที่ทางศูนย์แห่งนี้มีให้บริการเช่น

  • การผสมเทียมโดยใช้น้ำเชื้อของสามี
  • IVF, ICSI & ET (การปฏิสนธินอกร่างกาย, การฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในเซลล์ไข่และการถ่ายฝากตัวอ่อน)
  • PESA หรือ TESE (การใช้เข็มแทงผ่านผิวหนังบริเวณอัณฑะเข้าไปในท่อพักน้ำเชื้อแล้วดูดตัวอสุจิ
  • ออกมาหรือการดูดตัวอสุจิจากอัณฑะ)
  • PGD (การตรวจวินิจฉัยโรคทางพันธุกรรมของตัวอ่อนก่อนย้ายเข้าสู่โพรงมดลูก

สถานที่ตั้ง 
ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลบีเอ็นเอช (BNH)
เลขที่ 9/1 ถนนคอนแวนต์ สีลม กรุงเทพมหานคร 10500
เวลาทำการ : วันจันทร์-เสาร์ 08.00-16.00 น. / วันอาทิตย์ 09.00-12.00 น.
โทรศัพท์ : 02 868 2700 ต่อ 2885, 2886
รายละเอียดเพิ่มเติม : www.bnhhospital.com

 

8. ศูนย์ผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลสมิติเวช

ศูนย์ผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลสมิติเวช เป็นศูนย์เฉพาะทางด้านการรักษาภาวะมีบุตรยากที่ครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ (Assisted Reproductive Technology: ART) มีทีมแพทย์เฉพาะทางด้านการรักษาภาวะมีบุตรยาก พร้อมพยาบาลและเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์โดยเฉพาะ ที่พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือในการมีบุตรเพื่อให้ชีวิตคู่มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน และความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ ทำให้ได้การตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำ เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามากขึ้น อัตราการประสบผลสำเร็จสูงขึ้น

ให้บริการรักษาผู้มีบุตรยาก ได้แก่

  • ตรวจวินิจฉัย ตรวจอวัยวะในอุ้งเชิงกรานด้วยอัลตร้าซาวด์ทางช่องคลอด การฉีดสีเอกซเรย์ การวิเคราะห์น้ำอสุจิ การคัดเชื้อตัวอสุจิ การตรวจวิเคราะห์ระดับฮอร์โมนในร่างกาย,
  • การใช้เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ : IVM, IVF, E.T., ICSI, GIFT, PGD
  • การผ่าตัดต่อท่อนำไข่ (ผ่าตัดแก้หมันหญิง)
  • การผ่าตัดเนื้ออัณฑะเพื่อดูดตัวอสุจิออกมา (Sperm Retriveal) : TESE
  • การตรวจวิเคราะห์โรคทางพันธุกรรม PGD, PCR
  • การผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช

สถานที่ตั้ง
สาขาสุขุมวิท : สุขุมวิท วิง ( อาคาร2) ชั้น 1 สุขุมวิท 49 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
เวลาทำการ : ทุกวัน 07.00-22.00 น.
โทรศัพท์ : 0 2022 2555-6

สาขาศรีนครินทร์ : ศูนย์ผู้มีบุตรยาก ชั้น 4 ถนนศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250
เวลาทำการ : ทุกวัน 08.00-17.00 น.
โทรศัพท์ : 0 2378 9129-30

รายละเอียดเพิ่มเติม : www.samitivejhospitals.com

 

9. ศูนย์การเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

ศูนย์การเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พร้อมช่วยให้คู่สามีภรรยาสามารถเอาชนะอุปสรรคอันเนื่องมาจากปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการมีบุตรยาก โดยทีมแพทย์และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญของศูนย์กว่า 20 ท่านพร้อมจะให้คำแนะนำและการรักษา โดยพิจารณาวิธีที่เหมาะสมที่สุดกับผู้ประสบปัญหาการมีบุตรยากแต่ละราย และเน้นการให้คู่สมรสมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการรักษา

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
โปรแกรมการรักษาภาวะมีบุตรยากโดยใช้การปฏิสนธิภายนอกร่างกายหรือการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) : ราคา 350,000 บาท (ราคานี้สงวนสิทธ์เฉพาะผู้มารับบริการ ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม ถึง 31 ธันวาคม 2563 เท่านั้น)

โปรแกรมการแช่แข็งเก็บรักษาเซลล์ไข่ (Egg Freezing) : ราคา 200,000 บาท (ราคานี้สงวนสิทธิ์เฉพาะผู้มารับบริการ ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน ถึง 31 ธันวาคม 2563 เท่านั้น)

สถานที่ตั้ง
ศูนย์การเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
เลขที่ 33 สุขุมวิท ซอย 3 เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
อาคารโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ชั้น 2 ฝั่งทิศเหนือ
เวลาทำการ : วันจันทร์-เสาร์ 07.00-20.00 น. วันอาทิตย์ 07.00-17.00 น.
โทรศัพท์ : 090 972 2608/ 02 066 8888 และ 1378
รายละเอียดเพิ่มเติม : www.bumrungrad.com

 

10. ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลกรุงเทพ

ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลกรุงเทพ มีแพทย์ที่ช่วยตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุภาวะมีบุตรยาก และรักษาตามสาเหตุ อาทิ การให้ยากระตุ้นการตกไข่ การส่องกล้องผ่าตัด หรือคัดเชื้อฉีดเข้าโพรงมดลูก เมื่อรักษาเต็มที่แล้วยังไม่เกิดการตั้งครรภ์ แพทย์จะพิจารณาการรักษาด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่เหมาะสม อาทิ เด็กหลอดแก้ว ในลำดับต่อไป

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ

  • การกระตุ้นรังไข่เพื่อทำเด็กหลอดแก้ว ราคา 100,000 บาท
  • การเจาะเก็บไข่ผ่านทางช่องคลอด ราคา 110,000 บาท
  • การตรวจโครโมโซมและแช่แข็งตัวอ่อน (3 Embryo) ราคา 75,000 บาท
  • การย้ายกลับตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก ราคา 38,000 บาท
  • การย้ายกลับตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก รอบละลายตัวอ่อนและยาหลังการย้ายกลับตัวอ่อน ราคา 57,000 บาท

(ราคานี้สามารถใช้บริการได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2563 เท่านั้น)
**โรงพยาบาลขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคาโดยมิต้องแจ้งล่วงหน้า**

รายละเอียดเพิ่มเติม : www.bangkokhospital.com

สถานที่ตั้ง
ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลกรุงเทพ
2 ซ.ศูนย์วิจัย 7 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310 ประเทศไทย
โทรศัพท์ : 02 3100 3014-15

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับคู่รักที่แต่งงานแล้ว แต่ต้องมาประสบภาวะมีบุตรยากอาจเป็นเรื่องที่ยาก แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ก็มีส่วนช่วยเหลือให้การเป็นคุณพ่อคุณแม่ไม่ไกลเกินความฝัน ทั้งนี้ทุกการรักษาในแต่ละสถานที่อาจมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ สำหรับผู้มีประสบปัญหาภาวะผู้มีบุตรยากสนใจจะเข้ารับการรักษาควรสอบถามข้อมูล หาสาเหตุ และเมื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุไม่ได้ผล แพทย์ที่ดูแลรักษาจะช่วยพิจารณาเลือกวิธีการตั้งครรภ์ที่เหมาะสม โดยมีปัจจัยหลักคือ อัตราความสำเร็จ ค่าใช้จ่าย ผลแทรกซ้อน และการเจ็บตัวที่น้อยที่สุด ให้เป็นข้อมูลก่อนการตัดสินใจเข้ารับการรักษานะคะ

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.tmbbank.comwww.vichaiyut.com


อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ

เช็กเลย! เทียบสารอาหารนมสูตร 3 แบรนด์ดัง สำหรับลูกวัยขวบ เพื่อให้ลูกมีพัฒนาการดีได้อีกเยอะ

event

เลี้ยงลูกยุคนี้ต้องให้ทันโลก ทักษะดีเรียนรู้เก่งรอบด้าน โดยเฉพาะลูกวัยขวบที่อยู่ในช่วงวัยของการเจริญเติบโต และสนุกไปกับทุกการเรียนรู้ในเรื่องแปลกใหม่รอบตัว ดังนั้นเพื่อส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการดีทุกด้าน เพื่อให้เติบโตขึ้นอย่างมีศักยภาพ คุณแม่จำเป็นต้องเสริมให้ลูกได้รับสารอาหารที่เยอะและหลากหลายครบถ้วน 5 หมู่ รวมถึงการเสริมนมก็ต้องเลือกที่มีสารอาหารเยอะ เพื่อช่วยให้ลูกมีพัฒนาการดีได้อีกเยอะเลยค่ะ

  • การส่งเสริมพัฒนาการด้านสมองการเรียนรู้

มีสารอาหารหลายชนิดที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการสมอง เช่น โอเมก้า 3, 6, 9 และวิตามินบี 12 เป็นสารอาหารที่จำเป็นกับเด็กๆ มากค่ะ โดยเฉพาะเมื่อลูกเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยขวบปีแรกขึ้นไป สารอาหารกลุ่มนี้มีส่วนสำคัญในการช่วยให้การทำงานของระบบประสาทและสมอง รวมถึงการเรียนรู้ของลูกน้อยมีประสิทธิภาพเยอะมากยิ่งขึ้น สามารถที่จะเรียนรู้ มีสมาธิ จดจำได้อย่างแม่นยำ นอกจากให้ลูกได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสมองแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรกระตุ้นพัฒนาการของลูกด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การอ่านนิทานที่มีภาพสวย การชี้ชวนให้ลูกเรียนรู้เรื่องสีต่างๆ หรือสัตว์แต่ละชนิดเรียกว่าอย่างไร เป็นต้น เพื่อเป็นการเสริมพัฒนาการด้านสมองการเรียนรู้ของลูก

  • การส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย

สารอาหารจำเป็นอย่าง โปรตีน 2 ชนิด เวย์ และเคซีน ซึ่งเป็นโปรตีนที่พบได้ในนมแม่ สำคัญต่อการเจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ กระดูก ผิว ผม และเนื้อเยื่อต่างๆ ให้สมบูรณ์แข็งแรงขึ้นได้อีกเยอะค่ะ ดังนั้นลูกน้อยจึงจำเป็นต้องได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอ และสำหรับช่วงวัยขวบเป็นช่วงวัยที่กระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น และแสดงออกมากขึ้น แนะนำให้คุณแม่พาออกไปสำรวจนอกบ้านให้ลูกได้ฝึกการเคลื่อนไหวร่างกายบ่อยๆ ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อมัดเล็ก กล้ามเนื้อมัดใหญ่แข็งแรงมากขึ้นค่ะ

  • การส่งเสริมระบบขับถ่ายดี

ไฟเบอร์ หรือใยอาหาร คืออาหารของจุลินทรีย์สุขภาพที่อาศัยอยู่ในบริเวณลำไส้ มีส่วนสำคัญช่วยให้การขับถ่ายของลูกทำงานได้เป็นปกติ โดยใยอาหารธรรมชาติมีหลายชนิด เช่น ใยอาหารสายสั้น ซึ่งจะเป็นอาหารของจุลินทรีย์ที่ลำไส้ใหญ่ส่วนต้น ในขณะที่สายยาวจะเป็นอาหารของจุลินทรีย์ที่ลำไส้ใหญ่ส่วนกลางและปลาย การที่ลูกได้รับใยอาหารทั้ง 2 ชนิด จะช่วยให้จุลินทรีย์ทำงานได้ดีตลอดทั้งลำไส้ใหญ่ ส่งผลให้ลูกมีระบบขับถ่ายที่ดียิ่งขึ้น

นอกเหนือจากสารอาหารสำคัญข้างต้น เพื่อให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดีรอบด้าน ยังมีอีกหนึ่งสารอาหารสำคัญที่คุณแม่ควรเสริมให้ลูกน้อยได้รับอย่างเพียงพอคือ ธาตุเหล็ก หรือ ไอรอน (Iron) เนื่องจากธาตุเหล็กมีส่วนช่วยในการทำงานของสมอง ระบบการเรียนรู้ ความจำ, เสริมสร้างการเจริญเติบโต และอื่นๆ อีกมากมายพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้มากขึ้น คุณแม่ควรให้ลูกน้อยทานควบคู่กับอาหารที่มีวิตามินซีในสัดส่วนที่เหมาะสมด้วยค่ะ

ทีมแม่ ABK เราจึงได้คัดสรรนมสูตร 3 นมสำหรับเด็กเริ่มวัยขวบขึ้นไป ให้คุณแม่เสริมให้ลูกดื่มในทุกวัน ขอบอกว่าทั้ง 3 แบรนด์อัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเด็กวัยกำลังเจริญเติบโตทั้งด้านร่างกาย สมองการเรียนรู้ และที่ดีมากๆ ช่วยในเรื่องการทำงานของระบบขับถ่ายด้วยค่ะ ขอแนะนำนมสูตร 3 จากแบรนด์ดัง ได้แก่ ดูเม็กซ์ ดูโกร 3ดี ไอรอน พลัส,  เอส-26 โปรเกรส และ เนสท์เล่ ตราหมี

จะเห็นได้ว่านมสูตร 3 ของลูกน้อยวัยขวบ ทั้ง 3 แบรนด์ มีข้อดีหรือจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป การเลือกนมสำหรับเด็กสำคัญอยู่ที่ความต้องการสารอาหารของเด็กแต่ละวัย อย่างเด็กวัยกำลังโตก็ต้องเลือกนมเสริมที่ให้สารอาหารเยอะๆ เพื่อช่วยเสริมพัฒนาการในด้านต่างๆ ของลูกน้อย

 

📌🎯 ทีมแม่ ABK ชี้เป้า

ขอยกให้นมสูตร 3 จากแบรนด์ดูเม็กซ์ ดูโกร 3ดี ไอรอน พลัส  (DUMEX Dugro 3D IRON+) แค่ชื่อสูตรก็ปังมากค่ะ สำหรับดูเม็กซ์ ดูโกร 3ดี ไอรอน พลัส ความเด่นอยู่ที่มีสารอาหารสำคัญเยอะ ไม่ว่าจะเป็นโอเมก้า โปรตีน ไฟเบอร์ และธาตุเหล็ก ที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการในด้านต่างๆ ทั้งสมองและร่างกาย รวมถึงราคาคุ้มค่าด้วยค่ะ

ดูเม็กซ์ ดูโกร 3ดี ไอรอน พลัส

  • เพิ่มโอเมก้า 3, 6, 9 มากขึ้น 55%* และยังมีสัดส่วนโอเมก้า 6 ต่อ โอเมก้า 3 ที่เหมาะสม มีส่วนช่วยเรื่องพัฒนาการสมอง ให้ลูกมีพัฒนาการด้านการเรียนรู้ที่ดี
  • มีโปรตีน 2 ชนิด Dual Proteins ที่ผสมเวย์และเคซีนที่เป็นโปรตีนคุณภาพดีที่ได้จากนม จำเป็นต่อการเจริญเติบโต จึงทำให้ร่างกายของลูกแข็งแรง และเติบโตได้ดีสมวัย
  • ผสมใยอาหารธรรมชาติ 2 ชนิด คือ แอลซีฟอส และ อินนูลิน ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • มีธาตุเหล็ก หรือ ไอรอน (Iron) สูง 20% และวิตามินซีสูง ด้วยสัดส่วนธาตุเหล็กและวิตามินซีที่เหมาะสม ช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดียิ่งขึ้น

^เมื่อเทียบกับดูเม็กซ์ ดูโกร ไอออน แอคทีฟ พลัส (ดูเม็กซ์ ดูโกร ไอออน แอคทีฟ พลัส มีโอเมก้า 3,6,9  99, 891, 1,463 มก.ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค และ ดูเม็กซ์ ดูโกร 3ดี ไอรอน พลัส มีโอเมก้า 3,6,9  165, 1,403, 2,459 มก.ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค)

ทีมแม่ ABK สนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตั้งแต่ลูกแรกเกิด และเมื่อถึงวัยที่ต้องเสริมนมให้ลูกน้อย สำคัญสุดต้องเลือกนมเสริมที่ให้สารอาหารครบถ้วนและมีประโยชน์ต่อพัฒนาการด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการสมองการเรียนรู้ ด้านร่างกายและระบบขับถ่าย ทั้งนี้เพื่อให้ลูกน้อยเติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์ มีศักยภาพพร้อมที่จะทำอะไรได้อีกเยอะค่ะ

โรงเรียนอัสสัมชัญ

พาชม โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม กิจกรรมดี เน้นให้เด็กๆมีความสุข เสมอภาค เติบโตอย่างมีศักยภาพ

event
โรงเรียนอัสสัมชัญ
โรงเรียนอัสสัมชัญ

โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม : ถ้าเปรียบเด็กๆ คือเมล็ดพันธุ์ เมล็ดพันธุ์น้อยๆเหล่านั้นเกิดมาพร้อมกับศักยภาพของตน

พาชม! โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม
กิจกรรมดี เน้นให้เด็กๆมีความสุข เสมอภาค เติบโตอย่างมีศักยภาพ

ศักยภาพที่จะเติบโตเป็นต้นไม้ที่สามารถงอกงามเขียวชอุ่ม ให้พืชผลที่มีคุณค่า ให้ความชุ่มชื้นได้อย่างงดงามหากได้ถูกปลูกในดินและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโต School Visit วันนี้ ทีมแม่ ABK จะพาทุกคนมาเยี่ยมชมสถานที่ที่ทุกเมล็ดพันธุ์น้อยๆจะได้รับการดูแลให้เติบโตงดงามในแบบของตัวเอง ที่ที่เด็กๆจะได้ “ชิมลาง” ทุกอย่าง ภาษา ศาสตร์ ศิลป์ กีฬา สุนทรียะ ได้สร้างรากฐานแห่ง “ทักษะและทุนชีวิต” ให้แข็งแกร่งพร้อมเผชิญชีวิตในโลกที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง ณ ที่แห่งนี้ โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม ค่ะ

โรงเรียนอัสสัมชัญ

โรงเรียนอัสสัมชัญ

บรรยากาศด้านหน้าและภายในโรงเรียน

โรงเรียนอัสสัมชัญ

เรียนก็ดี กีฬาก็เด่นนะ

Robot ไม่ใช่แค่สิ่งประดิษฐ์ แต่ช่วยสร้างรูปแบบการคิด วางแผน ปฎิบัติและแก้ปัญหา

Active Learning คือรูปแบบการเรียนที่เป็นประโยชน์มาก

อาซัมซาน กอเล็ศ สู่ อัสสัมชัญ

โรงเรียนอัสสัมชัญก่อตั้ง โดยบาทหลวงเอมิล ออกัสต์ กอลมเบต์ (ชาวฝรั่งเศส) เจ้าอาวาสวัดอัสสัมชัญ โดยตั้งชื่อโรงเรียนวัดนี้ว่า “โรงเรียนไทย-ฝรั่ง” ในปี พ.ศ. 2420 เพื่อสอนภาษาฝรั่งเศสและภาษาไทยแก่เด็กๆในละแวกวัด และเปลี่ยนชื่อมาเป็น โรงเรียนอาซัมซาน กอเล็ศ ในวันที่16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2428 หลังจากนั้นโรงเรียนได้เปลี่ยนชื่อจาก โรงเรียนอาซัมซาน กอเล็ศ เป็น “โรงเรียนอัสสัมชัญ” ใช้ชื่อย่อว่า อสช แปลว่า “ตำแหน่งที่สำหรับระงับบาปและหาวิชาความรู้” ในปีพ.ศ. 2453 ซึ่งเป็นโรงเรียนแรกในเครือมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย ที่รับเฉพาะนักเรียนชายเท่านั้น

 

Learn : เพื่อเรียนรู้

โรงเรียนอัสสัมชัญ ใช้การจัดการศึกษาแบบมงฟอร์ต คือ การมองเห็นมิติทุกด้านของเด็กๆที่ “ทุกคนมีอัจฉริยภาพในตน”

เน้นพัฒนาเด็กๆ 5 ด้าน ได้แก่ ร่างกาย วิญญาณ ปัญญา อารมณ์ สังคม แนวคิดนี้เชื่อว่าทุกคนมีสิ่งที่ตัวเองชอบ หรือถนัด ความสำคัญจึงอยู่ที่ “โอกาส” ที่จะได้ลองและสัมผัส ทุกศาสตร์ ทุกแขนง โอกาสมากเท่าไหร่ ความชอบและถนัดที่แท้จริงจะเห็นได้ชัดขึ้นเท่านั้น

 

ที่ โรงเรียนอัสสัมชัญ เด็กๆจะได้รับอะไรบ้าง?

สำหรับเด็กประถม1 ทางโรงเรียนเข้าใจดีว่า เด็กๆทุกคนมาจากหลากหลายโรงเรียน หลากหลาย Family Background ดังนั้นปีแรกในรั้วอัสสัมชัญจึงเน้นการปรับ แก้ไขและปูพื้นฐานให้ใกล้เคียงกันก่อน เด็กๆจะได้ไปต่อพร้อมกันได้ หลังจากนั้นเด็กๆจะได้เรียนรู้ในรูปแบบ Active Learning เป็นหนึ่งในกระบวนการบูรณาการความรู้ที่เกิดประโยชน์กับเด็กๆที่สุด ช่วยพัฒนาทักษะการคิด การแก้ปัญหาการนำความรู้ไปใช้ ทุกคนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ก่อให้เกิดปฎิสัมพันธ์ทางสังคมทั้งเพื่อนและคุณครู

ทางโรงเรียนจะติดอาวุธด้านภาษาและการสื่อสารให้กับเด็กๆ โดยทุกหลักสูตรจะได้เรียน “ภาษาจีน และ English for Communication” …ถ้ารู้วิชาแล้วแต่ภาษาไม่ได้ ก็จะสื่อสารออกไปลำบากค่ะ

กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนให้เด็กๆทุกคนได้ลองชิมลาง ในรูปแบบชมรม มีทั้งหมด 4 ด้าน ได้แก่

ด้านวิชาการ – ที่ไม่ได้เรียนเพื่อติว แต่เรียนเพื่อเสริมความสนุก

ด้านกีฬา – เสริมทักษะ ความแข็งแรง และบริหารสมอง

ด้านภาษา – เปิดโลกกว้างที่มีทั้งความเฮฮาและสาระ

ด้านศิลปะ ดนตรี-นาฏศิลป์ – สร้างสรรค์ ทำนอง ร้องเต้น เสริมสมาธิและสุนทรีย์ในหัวใจ ต้องมีอย่างน้อยสัก 1 ด้านแน่นอนที่เด็กๆ ชอบเป็นพิเศษ

บรรยากาศห้องเรียน

เด็กๆได้เรียนดนตรีทุกคน ช่วยกล่อมเกลาให้เด็กๆมีความอ่อนโยน แล้วยังช่วยทำให้สมองสองด้านทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ

กิจกรรมนอกห้องเรียนต่างๆที่ช่วยเสริมพัฒนาการ

 

หลักสูตร Regular Program

รายวิชาพื้นฐาน : 8 กลุ่มสาระรายวิชาพื้นฐาน + ศิลปะ ดนตรี เปียโน (บริหารสมองด้วยความสุนทรีย์)

รายวิชาเพิ่มเติม : World of Maths | World of Science | STEM Education | Computer | Chinese | English for Communication

กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน : กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมลูกเสือ ชมรม กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์

 

หลักสูตร English Program (EP)

โรงเรียนนำหลักสูตร Cambridge International School มาผสมผสานเนื้อหาสาระ ทักษะของ Cambridge กับหลักสูตรแกนกลางของประเทศ ปรับให้เข้ากับบริบทของบ้านเรา ใช้การเรียนรู้แบบ Active Learning เพื่อพัฒนาทักษะต่างๆด้านภาษาและสนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างเด็กๆ มุ่งเน้นให้เด็กๆ เกิด Confident – มั่นใจในการเรียนรู้ Responsible – รับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น Reflective – นำความรู้ไปใช้ในชีวิตได้ Innovative – กล้าคิดริเริ่ม Self-Discipline – มีวินัยในตนเอง โดยแบบเรียนต่างๆเช่นวิชา English, Mathematics, Science จะใช้ตำราของ Cambridge ออริจินัลจากต้นตำรับ

รายวิชาพื้นฐาน : English | Mathematics1 , Science1, Health and PE ,Computer (Occupations & Technology หรือ อาชีพและเทคโนโลยี)

รายวิชาเพิ่มเติม : English for Communication , Mathematics 2 , Science 2 } STEAM (Science, Technology, Engineering, Art, Mathematics)

 

แผนการเรียน Chinese – English Program (CEP)

หลักสูตร 3 ภาษา จีน-อังกฤษ-ไทย ในรายวิชาเหมือนหลักสูตร English program ในส่วนของ Active Learning เติมความเข้มข้นและจัดการเรียนการสอนโดยคุณครูชาวจีนท่ากับเรียนภาษาจีนอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ โดยมีรายวิชาที่ใช้ภาษาจีน 100% ได้แก่ Chinese หรือ ภาษาจีน | Art | Creative Studies | Health | Global Perspectivesแต่ละห้อง CEP จะมีครูจีนและครูไทย ประจำในห้อง

การเรียนรู้ระหว่างทางคือสิ่งสำคัญ การลงมือทำทำให้เกิดประสบการณ์นะครับ

 

Life : พื้นที่แสดงออก

โรงเรียนอัสสัมชัญไม่ได้เด่นแค่เรื่อง Head (วิชาการ) แต่ Heart ก็เป็นกลไกสำคัญมากที่จะสร้างให้เด็กคนนึงเติบโตได้เป็นอย่างดี ขั้นตอนเหล่านี้คือจำเป็นมาก วัยประถมจะเน้นเตรียมความพร้อม และลองให้มากที่สุดเพื่อเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ จะนำไปสู่ ความชอบความไม่ชอบ ความถนัดความไม่ถนัด เด็กๆสามารถเสนอแนะและสะท้อนความคิดให้คุณครูหรือผู้ปกครองจากการเรียนรู้และกิจกรรมต่างๆว่าอยากทำอะไร ชอบหรือไม่ชอบอะไร และให้โอกาสเด็กๆได้เป็น “ผู้นำในเวทีของตนเอง”

เด็กๆรายล้อม คุณภราดาศุภนันท์ ผู้อำนวยการโรงเรียน

ความสุขมาพร้อมกับความสดใส

 

ABK : โรงเรียนอัสสัมชัญ ปลูกฝังอะไร?

Maturity วุฒิภาวะ

ที่สอดแทรกอยู่ในหลักสูตร ทั้งในห้องเรียนและกิจกรรม จะช่วยให้เด็กๆจัดการอารมณ์ วิธีคิด เปลี่ยนปัญหา ความเครียด แรงกดดัน ให้เป็นแรงบวก = พลิกวิกฤต เพราะทุกปัญหาทำให้ชีวิตมีคุณค่าและมีพัฒนาการ

Self-Esteem

การเห็นคุณค่าในตนเอง หรือ ความคิดที่เรามีต่อตัวเอง เช่น เราเป็นคนแบบไหน เราเหมาะกับอะไร เรามีความสามารถด้านไหน เป็นต้น ซึ่งส่งผลต่อความกระตือรือร้นในการที่จะพัฒนาชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น รวมถึงความสามารถในการรับมือกับอารมณ์และสถานการณ์ต่าง ๆการให้เด็กๆแต่ละคนได้ “เป็นพระเอก หรือ เป็นผู้นำในเวทีของตัวเอง” เป็นการสร้าง “Leadership” จะทำให้พวกเขามีตัวตน ได้รับการยอมรับ มีคุณค่า มีความภาคภูมิใจในตัวเอง สิ่งเหล่านี้จะค่อยๆสร้างภูมิคุ้มกันทางชีวิตให้แข็งแรง

ติดอาวุธทางภาษาการสื่อสาร

เมื่อคิดได้ ก็ต้องสื่อสารได้ จัดระเบียบความคิดได้ “เวทีปราศรัยและการโต้วาที ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ” ที่คลาสสิคแต่สร้างสรรค์นี้แหละค่ะ ที่จะฝึกให้เด็กๆลำดับความคิด – สื่อสารออกมา – debate ด้วยเหตุผล ตามกติกา ไม่ใช้อารมณ์

เวทีสำหรับเด็กช่วยทำให้เด็กๆได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมของโรงเรียนได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ชอบ สิ่งที่แค่อยากลอง หรือแค่ทำตามเพื่อนๆ อย่างไรพวกเขาก็ได้ประสบการณ์ เพราะทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศน์ “อัสสัมชัญ” ทุกคน “สำคัญ” เท่ากันหมด

กิจกรรมในห้องเรียนแต่ละวัน

 

Environment : เตรียมนิเวศน์รอบลูก

ความสำคัญของ บ้าน ,โรงเรียนและสิ่งแวดล้อมลูกเท่ากับทุนชีวิต

ทำไม “ทุนชีวิต” ถึงเป็นประเด็นสำคัญที่ โรงเรียนอัสสัมชัญให้ความสำคัญมาก? เพราะทุนชีวิตนั้นกว้างกว่า “ทักษะชีวิต” (ทักษะชีวิตจะพูดถึงแค่ตัวเอง) แต่ทุนชีวิตพูดถึงทั้งทักษะชีวิตและจิตสำนึกที่มีต่อตนเอง รวมถึงทักษะและจิตสำนึกในการอยู่ร่วมในสังคม

ที่ตนเองอาศัยอยู่ด้วย ทุนชีวิตมี 5 องค์ประกอบ คือ 1. บ้าน 2. ชุมชน 3. โรงเรียน 4. เพื่อน และ 5. ตัวตน ถ้า 4 องค์ประกอบแรกแข็งแรง ก็จะคุมองค์ประกอบสุดท้ายคือตัวตนของเด็กไว้ได้ เช่น ทักษะการจัดการอารมณ์ การมีจิตสำนึกที่ดี ฯลฯ ทุนชีวิตจึงเป็นเครื่องมือในการวัดจิตสำนึกของเด็ก วัดว่าเด็กรู้สึกยังไงกับตัวเอง กับบ้าน กับชุมชน กับโรงเรียน กับเพื่อน

ทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้เมื่อบ้านและโรงเรียนร่วมมือและสนับสนุนเด็กๆ ไปในทิศทางเดียวกัน การสื่อสารระหว่างบ้านและโรงเรียนจึงสำคัญมาก

ห้องสมุดสีสันสดใส ดึงดูดเด็กๆได้ดี

โรงเรียนมีสระว่ายน้ำในร่มขนาดมาตรฐานและสนามเด็กเล่นอุปกรณ์ครบครัน

 

ครูคือฟันเฟืองที่ขาดไม่ได้

ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะ Facilitator ผู้อำนวยความสะดวก หรือ Advisor ที่ปรึกษา แต่ครูคือผู้ที่อยู่กับเด็กๆตลอดเวลา เป็นอีกผู้หนึ่งที่อยู่ในช่วงเวลานั้นๆของชีวิตเด็ก ทางโรงเรียนจึงให้ความสำคัญกับคุณครูมากเช่นกัน

สิ่งที่ไม่ใช่งานของคุณครูจะถูกดึงออกไป

เพื่อให้คุณครูได้ใส่ใจและดูแลเด็กๆ อย่างเต็มที่

เพื่อให้คุณครูใช้เวลาออกแบบและโฟกัสกับกิจกรรมในชั้นเรียน รวมถึงการสังเกต คิด วิเคราะห์ แก้ไขปัญหา

การ Upskill Reskill คุณครูอยู่สม่ำเสมอทำให้คุณครูมีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาตนเองไปด้วยเช่นกัน

คุณครูคือสื่อกลาง ต้องเข้าใจผู้ปกครอง เข้าถึงจิตใจของเด็กๆ ผนึกกำลังร่วมกับนักจิตวิทยา โรงเรียนจึงไม่ใช่แค่มาเพื่อเรียน แต่มาเพื่อเรียนรู้ ศึกษาและพัฒนาความเป็นมนุษย์ร่วมกันไปของทั้งสถาบันครอบครัวและโรงเรียน

 

นักจิตวิทยาประจำชั้น

นักจิตวิทยาในโรงเรียน…ช่วยดูแลเรื่องสุขภาพจิตของนักเรียน ซึ่งดูแลในที่นี้คือในเชิงป้องกันปัญหา และให้ความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับการจัดการอารมณ์ ทักษะชีวิต ถ้าเจอเพื่อนแกล้ง เราต้องพูดยังไง สื่อสารกับเพื่อนยังไง สิ่งเหล่านี้จะเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะพัฒนาไปเป็นโรคทางจิตในอนาคต

นักจิตวิทยาประจำโรงเรียนอัสสัมชัญจะคอย support ทั้งคุณครูและผู้ปกครอง ดูแลใส่ใจเด็กๆทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

หากมีเรื่องราวเกิดขึ้น การ Alarming หรือ Monitoring จากคุณครู จะรวดเร็ว ทางโรงเรียนสามารถดำเนินการได้ทันท่วงที

โรงเรียนอัสสัมชัญ

คุณภราดาศุภนันท์ ขันธปรีชา ผู้อำนวยการโรงเรียน

 

Mommy’s Love This ถูกใจแม่!

โรงเรียนปรับ คุณครูเปลี่ยน รูปแบบการเรียนการสอนและบทบาทคุณครูเปลี่ยนไป ทำให้ความสามารถและตัวตนของเด็กๆเปล่งประกายออกมา

เด็กๆทุกคนจะได้เรียนศิลปะ ดนตรี เปียโน เพราะสุนทรียะทำให้เด็กๆเกิด สติ สมาธิและอยู่ใกล้ชิดตนเองได้ง่าย ช่วยกล่อมเกลาให้เด็กๆมีความอ่อนโยน แล้วยังช่วยทำให้สมองสองด้านทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ

ความหลากหลายของชมรมที่โรงเรียนเตรียมไว้ให้ลูกๆ ชิมลาง เช่น หมากล้อม คำคม SPACE ACP and Robotic Monfort Coding โดรน ว่ายน้ำ ฟุตบอล บาสเก็ตบอล แบดมินตัน E-Sport ปิงปอง ติดอาวุธทางภาาา Crossword&Games Audience Reviews The Challenge Club ชมรมศิลปะ ดนตรีพื้นเมือง ดนตรีโยธวาทิต อนุรักษ์โขนไทย วงสตริงคอมโบ พับกระดาษ

Swis App สายตรงจากผู้ปกครอง คุณพ่อคุณแม่สามารถสะท้อนเรื่องราวหรือปัญหาต่างๆเพื่อให้เกิดการดำเนินการได้

ความเท่าเทียมกันในหมู่นักเรียน ตั้งแต่การปรับ แก้ไขและปูพื้นฐานให้เท่ากันตั้งแต่ ป.1 จนถึงการดูแลและร่างกาย จิตใจ

เด็กทุกคนมีตัวตนในโรงเรียนเสมอ ช่วยเหลืองานในโรงเรียนได้ ทีมงาน ช่างภาพ ตัดต่อวิดีโอ ฯลฯ enjoy สุดๆไปเลย

บางวันที่เด็กมี bad day จะมีคนมา support อยู่เสมอ จนรู้สึกสบายใจ

 

โรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถม ค่าเทอม

หลักสูตรสถานศึกษา (Regular Program)

ค่าเทอมและค่าใช้จ่ายในการศึกษาประมาณ 80,000 บาท / ปี

ค่าเทอมและค่าใช้จ่ายของหลักสูตร English Program และแผนการเรียน Chinese – English Program

โปรดติดต่อสอบถามทางโรงเรียนโดยตรง

 

ที่อยู่ โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม

(Assumption College Primary Section)

164 ซอยสาทร11 สาทรใต้

ถนนสาทร กรุงเทพมหานคร 10120

โทรศัพท์ : 0-2675-6970-83

Email : [email protected]

Assumption College Primary Section – www.acp.ac.th


อ่านต่อบทความโรงเรียนอื่นๆ น่าสนใจ คลิก ⇓

ตัวช่วย ลูกเป็นหวัดคัดจมูก หายใจโล่งด้วย น้ำมันหอมแดงออร์แกนิค

account_circle
event

ในวันที่อากาศเปลี่ยน เด็กเล็กๆ ที่ยังมีภูมิต้านทานน้อยจึงมักเป็นหวัดได้ง่าย อาการที่พบบ่อยได้แก่ น้ำมูก หายใจไม่สะดวก ซึ่งพบว่าตอนกลางวันลูกยังร่าเริงเหมือนปกติทุกอย่าง แต่พอเวลานอนตอนกลางคืนจะรู้สึกว่าจมูกตัน หายใจครืดคราด ลูกเป็นหวัดคัดจมูก จะนอนก็นอนไม่ได้ หายใจไม่ออก

จำได้ว่า ตอนสมัยที่เรายังเด็ก แม่มักจะทุบหอมแดงมาวางไว้ข้างหมอน ช่วยให้หายใจโล่งสบายขึ้น แต่คุณแม่ยุคใหม่ไม่ต้องทุบหัวหอมอีกต่อไป เพราะมีตัวช่วยดี ๆ ที่เรียกว่าน้ำมันหอมแดง ช่วยให้คุณแม่ดูแลลูกน้อยอย่างสะดวกสบายมากขึ้น ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ขอแนะนำ Magic Dragon น้ำมันหอมแดง ตัวช่วยคุณแม่ยุคใหม่ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ค่ะ

Magic Dragon น้ำมันหอมแดง ออร์แกนิค และสมุนไพรนานาชนิด

น้ำมันหอมแดง 1 ขวด อุดมไปด้วยสารสกัดจากสมุนไพรหลายชนิด อาทิเช่น หอมแดง เลมอน มะนาว โรสแมรี่ กานพลู เปปเปอร์มินต์ และยูคาลิปตัส ซึ่งเมื่อสรรพคุณของสมุนไพรทุกตัวมารวมกันแล้ว ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการบรรเทาหวัดได้อย่างดีเยี่ยม

  • Shallot Essential Oil สารสกัดจากหอมแดง แก้หวัดและบรรเทาอาการท้องอืด ในเด็กเล็ก
  • Lemon Essential Oil ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ลดอาการหอบหืด ช่วยให้ระบบหายใจทำงานดีขึ้น
  • Lime Essential Oil ช่วยลดอาการหอบหืด ช่วยให้ระบบหายใจทำงานดีขึ้น
  • Rosemary Essential Oil บรรเทาอาการคัดจมูก ปวดศีรษะ และไมเกรน
  • Clove Essential Oil มีฤทธิ์ต้านไวรัส แบคทีเรีย และต้านการอักเสบ
  • Peppermint Essential Oil ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ เชื้อรา บรรเทาพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ช่วยให้ผ่อนคลาย สดชื่น กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
  • Eucalyptus Essential Oil ช่วยเรื่องปัญหาระบบทางเดินหายใจ บรรเทาหวัด คัดจมูก หายใจไม่สะดวก
  • CM-Glucan Forte บรรเทาอาการระคายเคืองและการคันของผิวที่มีอาการภูมิแพ้ทางผิวหนัง

Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ น้ำมันหอมแดง Magic Dragon ได้รับรางวัล BEST COLD RELIEF FOR KIDS สาขา Rising Star จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023”

น้ำมันหอมแดง Magic Dragon ทำเป็นขวดลูกกลิ้งใช้ง่าย พกพาสะดวก ช่วยให้ลูกน้อย หายใจโล่งสบาย สดชื่น บรรเทาอาการ ลูกเป็นหวัดคัดจมูก ให้ความหอมยาวนานถึง 12 ชั่วโมง และยังปลอดภัยด้วยสารสกัดออร์แกนิคที่ผ่านการรับรองจากสถาบันชั้นนำ อาทิ

  • ผ่านการทดสอบการแพ้ระคายเคืองจากแพทย์ผิวหนัง สถาบัน Dermscan Asia
  • ได้รับการรับรอง iOrganic จากประเทศญี่ปุ่น
  • ได้รับการรับรอง USDA Organic ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • ได้รับการรับรองมาตรฐาน Ecocert จากยุโรป

คุณพ่อคุณแม่จึงมั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัย สามารถใช้กับลูกน้อยแรกเกิดได้ รวมถึงเด็กที่เป็น G6PD สามารถใช้ได้ เนื่องจากไม่มีสารกระตุ้น G6PD ทั้งยังช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ไม่คัน ไม่ระคายเคืองผิวลูกน้อย

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ น้ำมันหอมแดง Magic Dragon ได้รับรางวัล Rising Star สาขา BEST COLD RELIEF FOR KIDS จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดีๆ ของผลิตภัณฑ์ Magic Dragon

สามารถติดตามได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/magicdragonbaby

Line Official : https://page.line.me/magicdragon_baby

Instagram : https://www.instagram.com/magicdragon_baby

Shopee : https://shopee.co.th/magicdragon_baby

Tiktok : https://www.tiktok.com/@magicdragon_baby

 

เอนฟาโกร สมาร์ทพลัส 3 สูตรใหม่ คุ้มกว่า ด้วยสฟิงโกไมอีลินที่มากกว่า*

account_circle
event

เด็ก 1 ขวบขึ้นไปพัฒนาการด้านร่างกาย และพัฒนาการสมองการเรียนรู้จะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และเด็กวัยนี้ยังเป็นช่วงวัยที่ชอบออกไปทำกิจกรรมสนุกๆ นอกบ้าน ชอบที่จะเรียนรู้ค้นหาสิ่งแปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา ซึ่งการส่งเสริมให้ลูกมีความพร้อมทั้งด้านร่างกาย และสติปัญญา เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสำคัญและใส่ใจมากขึ้น วันนี้ทีมกองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids มีนมสูตร 3 สำหรับเด็ก 1 ขวบขึ้นไปมาแนะนำให้ค่ะ

เอนฟาโกร สมาร์ทพลัส สูตรใหม่ มีสฟิงโกไมอีลินมากกว่าสูตรเดิม

ลูกวัยขวบขึ้นไปถึงจะรับประทานอาหารมื้อหลักครบ 3 มื้อ แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ยังต้องเสริมนมสำหรับเด็กให้ลูกดื่มนม 3-4 มื้อต่อวันค่ะ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ อย่างผลิตภัณฑ์นมผงเอนฟาโกร สมาร์ทพลัสสำหรับเด็กสูตร 3 ที่คิดค้นเพื่อให้เป็นนมสำหรับเด็กวัยขวบโดยเฉพาะ มีสารอาหารสำคัญสำหรับร่างกายและสมอง ช่วยเสริมโภชนาการให้เด็กพร้อมเรียนรู้สมวัย ซึ่งสูตรนี้ได้มีการเพิ่มเติมในส่วนของสารอาหารสมองอย่างสฟิงโกไมอีลินด้วยค่ะ ในหนึ่งแก้วเด็กๆ จะได้รับสฟิงโกไมอีลินสูงถึง 32 มก.ต่อแก้ว และ มี DHA ถึง 75 มก. ต่อ 3 แก้ว เป็นปริมาณที่พอเหมาะที่จะช่วยพัฒนาสมองของลูก ตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำ**

**WHO กำหนดให้เด็กอายุ 6 – 24 เดือนควรบริโภค DHA  10 – 12 มก./ 1 กก. (เด็กไทยอายุ 1 ขวบโดยเฉลี่ย มีน้ำหนัก 10 กก. จึงควรบริโภค DHA อย่างน้อย 100 มก.ต่อวัน)

 

Amarin Baby & Kids ยกให้ เอนฟาโกร สมาร์ทพลัส 3 เป็นนมผงสำหรับเด็ก (สูตร 3) ที่ได้รับรางวัล EDITOR’S CHOICE สาขา BEST GROWING-UP MILK จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

ลูกดื่ม เอนฟาโกร สมาร์ทพลัส 3 ดีกับร่างกายอย่างไร

สารอาหารที่สำคัญทางโภชนาการในผลิตภัณฑ์เอนฟาโกร สมาร์ทพลัส ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตและพัฒนาการเรียนรู้อย่างไม่สิ้นสุดให้กับเด็กๆ ทั้ง

  1. สฟิงโกไมอีลิน 32 มก. ต่อแก้ว
  2. ดีเอชเอ 25 มก. ต่อแก้ว หรือ 75 มก.ต่อ 3 แก้ว
  3. สูตรผสมใยอาหาร 2 ชนิด คือ โอลิโกฟรุคโตส และอินนูลิน ช่วยในการทำงานของระบบขับถ่าย
  4. วิตามินบี 12 สูง มีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาทและสมอง
  5. วิตามินเอ ซี และดีสูง ซึ่งมีส่วนในการทำหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน
  6. แคลเซียมสูง ซึ่งมีส่วนในการทำงานตามปกติของเอนไซม์ในระบบย่อยอาหาร

เอนฟาโกร สมาร์ทพลัสBEST GROWING-UP MILK

เอนฟาโกร สมาร์ทพลัส  3 นมสูตร 3 ได้รับการันตีคุณภาพ และมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์เหมาะสมกับเด็ก 1 ขวบขึ้นไปที่ต้องการสารอาหารเพื่อส่งเสริมช่วยให้มีพัฒนาการด้านร่างกาย และพัฒนาการด้านสมองการเรียนรู้สมวัยที่มีความพร้อมเต็มไปด้วยประสิทธิภาพและศักยภาพ

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ เอนฟาโกร สมาร์ทพลัส 3 นมสูตร 3 ได้รับรางวัล EDITOR’S CHOICE สาขา BEST GROWING-UP MILK จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023”

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ของผลิตภัณฑ์ เอนฟาโกร สมาร์ทพลัส 3 สามารถติดตามได้ที่                       

https://www.enfababy.com/

Shrewsbury-City-Campus

โรงเรียนนานาชาติ โชรส์เบอรีกรุงเทพ ซิตี้แคมปัส Shrewsbury International School Bangkok City Campus

event
Shrewsbury-City-Campus
Shrewsbury-City-Campus

ถ้าพูดถึงโรงเรียนนานาชาติ หลาย ๆ คนต้องเคยได้ยิน ชื่อ Shrewsbury International School Bangkok กันแน่นอน เพราะ Shrewsbury International School Bangkok เป็นโรงเรียนนานาชาติที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ  ของประเทศ ที่เปิดสอนมากว่า 20 ปีแล้ว ปัจจุบันในประเทศไทยมี 2 สาขา คือ Shrewsbury International School Bangkok Riverside Campus และอีกสาขาที่ School Visit จะพามาเยี่ยมชมในวันนี้คือ Shrewsbury International School Bangkok City Campus ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ย่านสุขุมวิท-พระราม 9 ที่มีพื้นที่กว่า 17 ไร่ บรรยากาศโรงเรียนจะเป็นอย่างไร หลักสูตรการสอนน่าสนใจแค่ไหน วันนี้เราจะพาไปชมกันค่ะ

Shrewsbury International School Bangkok City Campus เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น Nursery (หรือวัยก่อนอนุบาล ) จนถึง Year 6 (เรียกตามหลักสูตรอังกฤษ ) หรือชั้นประถมปลาย โดยโรงเรียนสามารถรองรับนักเรียนได้ทั้งหมด 740 คน ในวันนี้เราจะมาพามาเจาะลึกกันที่โซนเด็กน้อย อย่าง Nursery และ Early Years หรือวัยอนุบาลกัน เพราะเด็กเล็กเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุด ทุกพื้นที่เป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวา น่าตื่นเต้น และท้าทายสำหรับเด็ก ๆ ที่จะเรียนรู้และเติบโต อบอุ่น เป็นมิตร ปลอดภัย เอาใจใส่อย่างเต็มที่ และมุ่งเน้นพัฒนาเด็กในทุก ๆ ด้าน ทั้ง วิชาการ สังคม และอารมณ์ โดยผ่านแนวทางหลักสูตรที่สร้างสรรค์

โรงเรียนนานาชาติ Shrewsbury International School Bangkok City Campusผนังโลโก้โรงเรียน ที่สวยเด่นสะดุดตาตั้งแต่ทางเข้าโรงเรียน

 

บรรยากาศห้องเรียนของเด็ก ๆ  Nursery และ Early Years หรือ EY ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ ตัวอาคารมีประตูและหน้าต่างบานใหญ่เชื่อมต่อกับสวนภายนอก

ฐานกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งศิลปะ ดนตรี ปั้นดิน รวมถึงการเล่นแบบ Free Flow ให้เด็กสามารถเลือกเล่นและเรียนได้ตามความสนใจ เรียนรู้ผ่านการเล่น Play-based Learning เด็กจะได้ใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองอย่างเต็มที่

ฐานกิจกรรมด้านนอกที่เชื่อมต่อกับอาคารเรียน มีให้เลือกมากมาย เช่น ขี่จักรยานสามล้อ เล่นทราย เล่นน้ำ (Splash Pool)

หลักสูตร British Curriculum

หลักสูตรของ Shrewsbury International School Bangkok City Campus ส่งตรงมาจากประเทศอังกฤษ รับรองโดยกระทรวงศึกษาของประเทศอังกฤษ เป็นหลักสูตรที่เหมาะสาหรับชั้นเด็กอนุบาล Early Years (Nursery, EY1, EY2) และมีการใช้หลักสูตรสาหรับพัฒนาเด็กเล็กของประเทศอังกฤษโดยเฉพาะ คือ EYFS (Early Years Foundation Stage) และยังผสมผสานและสอดคล้องกับแนวทางพัฒนาเด็กเล็กแบบ Reggio Emilia Approach โดยให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ผ่านการเล่น Play-based Learning เด็กจะได้ใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองอย่างเต็มที่ รู้จักสงสัยและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง หลักสูตรนี้เน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลางและผู้นำการเรียนรู้ ที่เรียกว่า Child-center หรือ Child-led Learning ที่ครูจะสอนแบบ Follow the children’s interest ดูว่าเด็กแต่ละคนมีความสนใจเรื่องอะไร ครูจะคอยสังเกตและปรับเปลี่ยนการเรียนรู้ตามที่เด็กสนใจ เพื่อให้เขามีความสุข สนุก และรักในการเรียนรู้ มีอิสระ มั่นใจ กล้า มีความสุข และอยากมาเรียนทุกวัน สำหรับนักเรียนที่จบ Year 6 จากที่นี่จะได้ไปเรียนต่อระดับชั้นมัธยม หรือ Senior School ที่สาขา Shrewsbury International School Bangkok Riverside โดยอัตโนมัติอีกด้วย

สภาพแวดล้อมที่ดีเยี่ยม

ที่ Shrewsbury International School Bangkok City Campus ออกแบบโรงเรียนให้มีสิ่งแวดล้อมเหมือนบ้าน มีโถงต้อนรับแสนอบอุ่นให้ผู้ปกครองได้ใช้เวลาร่วมกับเด็ก ๆ ในช่วงเช้า สามารถนั่งพูดคุยกับลูกจนกระทั่งถึงเวลาเรียน บรรยากาศภายในตกแต่งด้วยองค์ประกอบจากธรรมชาติเป็นหลัก ทั้งกิ่งไม้ เปลือกไม้ ใบไม้และงานศิลปะที่เด็ก ๆ ได้ช่วยกันลงมือทำด้วยตนเอง ตัวอาคารและห้องเรียน สร้างเพื่อเด็กวัยอนุบาลโดยเฉพาะ มีอาคารแยกออกมาจากอาคารอื่น ๆ เพราะเด็กเล็กมีความต้องการที่แตกต่างจากเด็กโต เหมือนเป็นโรงเรียนเล็กในโรงเรียนใหญ่ จึงมีความปลอดภัยสูงมาก นอกจากนี้ยังมีฐานกิจกรรมกระจายอยู่ทั่วทั้งในห้องเรียนและสวนด้านนอก ให้เด็ก ๆ ได้ออกมาสำรวจ สัมผัสและลงมือทำด้วยตนเอง ตามความสนใจ ทั้งลานเล่นทราย ระบายสี เล่นน้ำ (Splash Pool) ที่จะช่วยให้เด็ก ๆ ได้คุ้นชินกับน้ำ หรือ โซน Forest School ที่เด็ก ๆ จะได้ทำกิจกรรมปีนป่ายต้นไม้ เล่นกับธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย ทำให้เด็ก ๆ ไม่เบื่อ มีอิสระในการเรียนรู้ เพราะความรู้ไม่ได้จำกัดการเรียนแค่ภายในห้องเรียนแต่สามารถเรียนรู้นอกห้องเรียนได้ด้วย

ที่สำคัญตอนนี้ทางโรงเรียนกำลังสร้างส่วนต่อขยายอาคารเรียนสำหรับเด็กอนุบาล เป็นอาคารอีก 1 หลังเชื่อมต่อ Early Years Hub อาคารเดิม เพื่อรองรับจำนวนนักเรียน Nursery – EY ที่สมัครมาเรียนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยอาคารหลังใหม่จะสร้างเสร็จพร้อมสำหรับปีการศึกษา ในช่วงเดือนกันยายนปีนี้

โถงภายในอาคารเรียนเด็ก Nursery และ EY บรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง ตกแต่งด้วยงานศิลปะจากธรรมชาติมากมาย สร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้กับเด็ก ๆ เวลามาโรงเรียน

กิ่งไม้ธรรมชาติ นำมาตกแต่งทั้งภายในและภายนอกห้องเรียน

ครัวสำหรับเด็กอนุบาลใน Shrewsbury International School Bangkok City CampusKitchen Area โซนห้องครัวสำหรับเด็กอนุบาล ที่มีอุปกรณ์ครบครัน ใช้งานได้จริงมาให้เด็ก ๆ ได้ทดลองเป็นเชฟตัวน้อย ช่วยฝึกพัฒนาการในหลาย ๆ ด้าน

Forest School การอยู่กับธรรมชาติ ถือเป็นอีกหนึ่งในหลักสูตรของที่นี่

 

อ่านจนจบแล้ว หากคุณพ่อคุณแม่คนไหนสนใจ ปลายเดือนนี้ทางโรงเรียนจะมีอีเว้นต์ใหญ่ ชื่องาน Experience Day เป็นงาน Open House พิเศษ ที่จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 30 มีนาคม 2567 ตั้งแต่ เวลา 9.30 น.เป็นต้นไป คุณพ่อคุณแม่จะได้ชมสถานที่ดูบรรยากาศเรียนและฟังพรีเซนเทชั่นของครูใหญ่และครูผู้บริหารเรื่องหลักสูตรโรงเรียนด้วย นอกจากนี้ยังสามารถพาลูก ๆ มาเล่นกิจกรรม Playgroup ต่อที่อาคาร Early Years Hub ซึ่งจะมีเกมส์และกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ต่าง ๆ ให้เล่นฟรี! เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการสัมผัสกับบรรยากาศโรงเรียน พร้อมได้พูดคุยกับคุณครูด้วย หากผู้ปกครองสนใจ รีบลงทะเบียนกันนะคะ งานนี้ฟรีค่าเข้า

ลงทะเบียน คลิ๊ก https://bit.ly/49LAlCv ( เลือก Experience Day (Open House + Playgroup) – Saturday 30th March 2024)

 

นักเรียนจะได้ทำกิจกรรมทุกอย่างด้วยตนเอง โดยมีครูคอยสังเกตและช่วยเหลืออยู่ใกล้ ๆ  ส่วนในคาบเรียนวิชาภาษาจีน เด็ก ๆ ก็จะได้เรียนกับเจ้าของภาษา โดยตรงเช่นกัน

Little Gym Shrewsbury International School Bangkok City CampusLittle Gym ห้องที่เด็ก ๆ จะได้วิ่งเล่น ปีนป่าย กระโดด และฝึกฝนท่ากายบริหาร (Gymnastics) กันอย่างเต็มที่ แม้ว่าในช่วงที่อากาศมีค่าฝุ่น PM 2.5 สูง เด็ก ๆ ก็สามารถใช้พื้นที่นี้สำหรับวิ่งเล่นและออกกำลัง

swimming pool Shrewsbury International School Bangkok City Campusสระว่ายน้ำในร่มระบบน้ำเกลือ ตรงตามมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก

 

ช่วงพักทานอาหารกลางวัน เมนูอาหารที่โรงเรียนจัดให้มีความหลากหลายและครบห้าหมู่ตามหลักโภชนาการ เช่น อาหารเอเชีย อาหารฝรั่ง อาหารไทยมีทั้งเมนูเส้น เมนูข้าว ที่เด็ก ๆ เลือกทานได้ด้วยตนเอง

บรรยากาศห้องสมุด ที่เต็มไปด้วยหนังสือหลายหมวดหมู่ หรือจะมาวาดรูประบายสีก็ได้

3 สิ่งพิเศษที่ทำไมลูกควรเรียนที่นี่

  1. หลักสูตรที่นี่เป็นหลักสูตรพัฒนาเด็กเล็กของอังกฤษ เน้นการเรียนรู้ผ่านการเล่น Play-based Learning ที่ช่วยพัฒนาเด็กทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และทักษะพื้นฐานต่าง ๆ เด็ก ๆ จะมีความสุข สนุกสนาน ทำให้อยากมาโรงเรียนทุกวัน คุณพ่อคุณแม่จึงเบาใจได้ ว่าเด็กจะมีพื้นฐานการเรียนรู้และพัฒนาการที่ดี เหมาะสมตามช่วงวัยอย่างแน่นอน
  1. ครูทุกคนที่นี่เป็น Native Speakers และมีวุฒิครูรับรองจากกระทรวงศึกษาของประเทศอังกฤษ QTS (Qualified Teaching Status) และครูต้องมีประสบการณ์อย่างน้อย 3 ปี ทางโรงเรียนให้ความสำคัญกับการคัดเลือกครูที่มาสอน ต้องได้มาตรฐานเท่านั้น คุณครูใหญ่ของโรงเรียนจะเดินทางกลับไปยังประเทศอังกฤษทุกปี เพื่อคัดเลือกครูด้วยตนเอง ถึงจะเป็นคุณครูที่นี่ได้
  2. สภาพแวดล้อมของโรงเรียน ร่มรื่น รายล้อมไปด้วยธรรมชาติทั้งต้นไม้ดอกไม้ และแสงธรรมชาติ พื้นที่ออกแบบให้มีสวนล้อมรอบอาคารเรียน มีโซน Forest School ให้เด็กได้สัมผัสกับธรรมชาติ

 

Mommy Love’s This ถูกใจแม่

  1. ความปลอดภัยที่นี่สูงมาก ตั้งแต่การทางเข้าออกหน้าโรงเรียน และตึกเรียนของเด็ก ๆ การออกแบบอาคารเรียนและเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ในห้องเรียน ถูกคิดมาเป็นอย่างดีเหมาะสมกับสรีระร่างกายของเด็ก ๆ
  2. เด็ก ๆ ได้ลงมือช่วยเหลือตัวเองแทบทุกอย่าง ทำให้เกิดการพัฒนาในหลาย ๆ ด้าน
  3. เด็ก Nursery มีคุณครูคอยดูแลถึง 4 คนต่อ 1 ห้อง ดูแลเด็ก ๆ ทั่วถึงแน่นอน เด็กนักเรียนจำกัดเพียง 12-15 คนต่อห้อง ส่วน EY1 และ EY2 จะมี Teacher 1 คนและครูผู้ช่วยอีก 2 คน
  4. โรงเรียนอยู่ใกล้โรงพยาบาลมาก หากเกิดอะไรฉุกเฉินทางโรงเรียนก็มีห้องพยาบาลระดับมาตรฐานที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญและอุปกรณ์ครบครัน
  5. ไม่ต้องกลัวว่าเด็ก ๆ จะไม่ได้เล่น หากวันไหนค่าฝุ่น PM สูง เพราะที่นี่มีห้อง Little Gym สำหรับออกกาลังกายในร่ม ให้เด็กได้วิ่งเล่นออกกำลังกันเต็มที่

 

อัตราค่าค่าเทอม

Nursery (2 ขวบ)  : 204,900 บาท / เทอม : 614,700 / ปี
EY1 (3-4 ขวบ)      : 211,700 บาท / เทอม : 635,100 / ปี
EY2 (4-5 ขวบ        : 222,900 บาท / เทอม : 668,700 / ปี
ส่วนระดับชั้นประถม Year 1 ถึง Year 6  (5ขวบ-11 ปี) : 250,500-278,000 / เทอม
หรือ 751,500-834,000 / ปี

ที่อยู่

โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรีกรุงเทพ ซิตี้แคมปัส
982 ถนนริมคลองสามเสน (พระราม 9) แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. 10310
โทรศัพท์ 02-203-1222

Website : Shrewsbury.ac.th/city
Email : [email protected]
Social Media : @SHBcitycampus

เรื่อง : แม่เลม่อน
ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

Little Treehouse Nursery

“Little Treehouse Nursery” Learning blooms in green spaces Nurturing healthy minds and smiles

event
Little Treehouse Nursery
Little Treehouse Nursery

การเลือกโรงเรียนหรือเนอสเซอรี่สำหรับลูกน้อย อาจเป็นเรื่องยากสำหรับหลายๆครอบครัว แต่ถ้ามีเนอสเซอรี่ที่มีบรรยากาศอบอุ่นมีคุณครูคอยใส่ใจเด็กๆ เปรียบเสมือนคนในครอบครัวและเป็นบ้านหลังที่ 2 ของเด็กๆ ได้ คุณพ่อคุณแม่ก็คงอุ่นใจไม่น้อย  School Visit วันนี้เราจะพามาเยี่ยมชมเนอสเซอรี่ดีๆย่านทองหล่อ ซอย 13 ที่มีชื่อว่า “Little Treehouse Nursery” เนอสเซอรี่ที่จะทำให้เด็กๆอยากมาเรียน เล่น และมีความสุขได้ทุกๆวัน

Little Treehouse Nursery ก่อตั้งโดยคุณแม่ 2 ท่านผู้เป็นอดีตคุณครูที่มีประสบการณ์การสอนมาหลายปีก่อนจะผันตัวมาเป็นผู้ก่อตั้งและบริหารโรงเรียนของตัวเอง เปิดสอนตั้งแต่ระดับเนอสเซอรี่จนถึงอนุบาล ( Nursery – Kindergarten 2 ) แนวทางการสอนของที่นี่ใช้หลักสูตร British Early Years Foundation และจัดการสอนโดยใช้แนวการศึกษา Reggio Emilia-inspired กับ Montesseri-inspired ควบคู่กันไป  Reggio Emilia เป็นหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เรียนรู้จากประสบการณ์ด้วยตนเอง เด็กๆ ได้เล่นอย่างอิสระและเกิดการเรียนรู้ขึ้นระหว่างการเล่นแบบค่อยเป็นค่อยไป  เพราะเด็กแต่ละคนมีศักยภาพและมีความถนัดแตกต่างกัน เมื่อลงมือทำด้วยตนเอง เด็กๆจะได้เรียนรู้และ แก้ปัญหาไปพร้อมๆ กัน  คุณเรณิกา กับ คุณทริชา ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของโรงเรียนมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีและเหมาะสมสำหรับเด็กๆ โดยที่โรงเรียนยึดมั่นในสามสิ่งนั่นก็คือ การเล่น (Play), ความรัก(Love), การเติบโต(Grow)

Play-Based Learning

ทุกๆ วัน คุณครูจะจัดเตรียมให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ผ่านการเล่น เพราะเชื่อว่าสิ่งต่างๆ ที่แวดล้อมตัวเด็กก็เปรียบเสมือนเป็นครูอีกคนหนึ่งของพวกเขาเช่นกัน ทำให้เด็กนักเรียนของเราพร้อมที่จะสำรวจโลกรอบตัว สนุกที่ได้ตั้งคำถามและต้องการหาคำตอบอยู่เสมอโดยไม่กลัวที่จะเลอะเทอะกันเลย เด็กๆ ที่นี่จะเล่นสนุกกับโคลน, สี, ทราย, และน้ำทุกวัน โดยคุณครูจะเน้นการพัฒนาพื้นฐานให้เด็กๆ นำไปต่อยอดได้ เช่น การพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก กล้ามเนื้อมัดใหญ่ การเข้าสังคม การมีมารยาทรู้กาลเทศะ และการสร้างความมั่นใจในตัว

ลานกิจกรรมเอาต์ดอร์และสนามเด็กเล่นรอบอาคาร เต็มไปด้วยสีเขียวจากต้นไม้และของเล่นเสริมพัฒนาการมากมาย
มีบ้านต้นไม้ที่คอยชักชวนให้เด็กๆ ขึ้นไปวิ่งเล่น และออกกำลัง

เล่นและเรียนอย่างมีความสุข เป็นตัวของตัวเองอย่างอิสระ

เด็กนักเรียนที่นี่จะได้เรียนรู้และเป็นตัวของตัวเองอย่างอิสระ ที่โรงเรียนคุณครูจะช่วยเด็กๆ ในการสื่อสาร แก้ปัญหาและจัดสรรเวลาสำหรับการเรียนอย่างเหมาะสม นอกจากนี้คุณครูและนักเรียนยังมีส่วนร่วมในการดูแลและสร้างชุมชนภายในห้องเรียนของตัวเอง เช่น นักเรียนช่วยกันตั้งกฎของห้องเรียนตัวเองด้วย  และได้เรียนรู้เรื่องราวแต่ละหัวข้อการเรียนผ่านประสบการณ์จริงๆ เพื่อสร้างการเรียนรู้ให้อยู่ใน ‘ความทรงจำหลัก (Core Memory) เช่น นำรถดับเพลิงของจริงมาที่โรงเรียนหรือทำ petting zoo ให้เด็กๆ ได้สัมผัสของจริงตามหัวข้อที่เรียน ส่วนวิชาศิลปะที่โรงเรียนจะเป็นศิลปะแบบเน้นกระบวนการ (Process Art) เด็กนักเรียนจะได้ทำงานศิลปะแบบปลายเปิด ได้เลือกอุปกรณ์ที่จะใช้และเลือกว่าจะทำอะไรและทำอย่างไรด้วยตัวเองอย่างอิสระ สร้างความมั่นใจและความภาคภูมิใจให้กับเด็กๆ

นอกจากนี้ที่โรงเรียนจะเน้นการเรียนรู้ตาม ‘หัวข้อ’ มากกว่า ‘รายวิชา’ เวลาคุณครูสอนหัวข้อหนึ่ง เช่น หัวข้อ มหาสมุทร หรือ พืช เด็กๆ จะได้เรียนเกี่ยวกับคำศัพท์ ตัวเลข ศิลปะ วิทยาศาสต์และทักษะอื่นๆ ภายใต้หัวข้อนั้นๆ ช่วยให้เด็กๆได้เรียนรู้และเข้าใจหัวข้อที่เรียนได้มากยิ่งขึ้น เด็กนักเรียนจะพร้อมด้วยทักษะและพร้อมเผชิญกับโลกภายนอก เข้าใจและสามารถสานสัมพันธ์กับเพื่อนจากต่างวัฒนธรรม มีความมั่นใจในตนเอง และเป็นคนช่างคิดช่างสงสัยและมีความคิดสร้างสรรค์

ฝึกปั้นดินต่าง เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็ก

เด็กๆ ที่นี่จะเล่นสนุกกับโคลน, สี, ทราย, และน้ำทุกวัน

กิจกรรมเล่นแสงและเงา ช่วยส่งเสริมจินตนาการ

เมนูอาหารแสนอร่อยสำหรับเด็กๆ

สภาพแวดล้อมที่ดีเหมือนบ้าน

เพราะเด็กต้องห่างจากคุณพ่อคุณแม่ การทำให้โรงเรียนมีบรรยากาศทั้งภายในและภายนอกอบอุ่นเหมือนบ้านจะช่วยทำให้เด็กๆรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ที่ Little Treehouse Nursery จึงพยายามสร้างบรรยากาศให้เด็กๆได้รู้สึกว่ามาบ้านหลังที่ 2 มากกว่ามาโรงเรียน ภายนอกอาคารมีพื้นที่อเนกประสงค์เป็นลานสำหรับทำ 24-25 กิจกรรมกลางแจ้ง ส่วนในสวนก็มีบ้านต้นไม้ที่คอยชักชวนให้เด็กๆ ขึ้นไปวิ่งเล่น และออกกำลังกันอย่างเต็มที่ โดยระหว่างวันเด็กๆ จะวิ่งเล่น ปีนป่าย และทำกิจกรรมกลางแจ้งแบบไม่ใส่รองเท้าหรือถุงเท้าเลย การที่เด็กๆ เท้าเปล่าทำกิจกรรมจะทำให้ได้สัมผัสพื้นผิวต่างๆ ได้เต็มที่ นอกจากจะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสแล้ว ยังสนุกมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ยังมี Sensory garden สวนในร่มที่เน้นการเล่นกระตุ้นประสาทสัมผัสและกล้ามเนื้อมัดเล็ก-มัดใหญ่สำหรับเด็กวัยเตรียมอนุบาล  ส่วนห้องเรียนแต่ละห้องจะถูกออกแบบตามแนวคิด Reggio โดยเลือกใช้สีโทนอบอุ่น เพื่อสร้างบรรยากาศ และเปิดรับแสงธรรมชาติจากภายนอกให้มาก เฟอร์นิเจอร์ต่างๆก็เลือกใช้วัสดุที่ทำจากไม้เป็นหลัก  จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่ คือ มุมเสริมการเรียนรู้และพื้นที่เล่นแบบปลายเปิดที่ให้เด็กๆ สามารถเข้าไปเล่นได้ตลอด นอกจากนี้โรงเรียนยังมีมุมอื่นๆที่น่าสนใจอย่าง สตูดิโอสอนเต้นและดนตรี ห้องสมุดบ้านต้นไม้ และสตูดิโอเล่นแสงและอีกด้วย

บรรยากาศมุมต่างๆในโรงเรียน ดูผ่อนคลายและอบอุ่นเหมือนบ้าน ตามแนวคิด Reggio

ฝึกกล้ามเนื้อทั้งมัดเล็กมัดใหญ่ด้วยกิจกรรมต่างๆ

กิจกรรมในแต่ละวันของเด็กๆ เน้นสนุกและได้ความรู้

สัปดาห์นี้เด็กๆจะได้เรียน หัวข้อเรื่องทะเล เป็นหัวข้อหนึ่งที่เด็กๆสนใจมาก

Mommy’s Love This

  1. ที่ Little Treehouse Nursery มีระบบรักษาความปลอดภัยและติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้อย่างทั่วโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่จึงอุ่นใจเรื่องความปลอดภัยได้
  2. ที่โรงเรียนมีห้องอาหารและครัวสำหรับทำอาหารให้เด็กๆ ซึ่งห้องครัวของโรงเรียนเป็นครัวมังสวิรัติ (vegetarian) รับรองว่าสะอาดและถูกหลักอนามัยแน่นอน เด็กๆจะได้รับประทานผักและผลไม้ รวมถึงโปรตีนจากไข่ นมและพืช ช่วยให้ได้สารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ในทุกมื้อ
  3. ทางโรงเรียนจัดกิจกรรมตามเทศกาลตลอดทั้งเทอม มีบางกิจกรรมที่จัดให้ผู้ปกครองเข้าร่วมด้วย เช่น วันฮาโลวีนม วันคริสต์มาส, วันลอยกระทง, วันนานาชาติ และยังมีงานประมูลผลงานศิลปะของเด็กๆ ซึ่งงานนี้ปกครองชอบกันมาก รวมถึงมีการจัด Parent’s Orientation Night และงานประชุมครู-ผู้ปกครองด้วย ทำให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมอยู่เสมอ
  4. โรงเรียนมีสัดส่วนคุณครูและนักเรียนเหมาะสมกับการจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
  5. เด็กนักเรียนจึงมีความหลากหลายทางเชื้อชาติสูง เช่น ไทย จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อังกฤษ แคนาดา ดัตช์ เยอรมัน โปรตุเกส เป็นต้น ทำให้เด็กๆได้เรียนรู้ความต่างของแต่ละเชื้อชาติและสานสัมพันธ์กับเพื่อนจากต่างวัฒนธรรม

อัตราค่าเล่าเรียน ปี พ.ศ.2567

ค่าแรกเข้า 50,000 บาท

Nursery อายุ 1-2 ปี (ราคาไม่รวมค่าอาหารและอุปกรณ์อื่นๆ )

  • 3 Days : Term 1 : 83,800 บาท

Term 2 : 57,500 บาท
Term 3 : 47,900 บาท

  • 4 Days : Term 1 : 98,100 บาท

Term 2 : 67,800 บาท
Term 3 : 55,200 บาท

  • 5 Days : Term 1 : 111,900 บาท

Term 2 : 77,100 บาท
Term 3 : 62,800 บาท

Pre-Kindergarten อายุ 2-3 ปี ( ราคาไม่รวมค่าอาหารและอุปกรณ์อื่นๆ )

  • 3 Days : Term 1 : 93,000 บาท

Term 2 : 64,900 บาท
Term 3 : 52,300 บาท

  • 4 Days : Term 1 : 107,500 บาท

Term 2 : 74,100 บาท
Term 3 : 60,700 บาท

  • 5 Days : Term 1 : 121,100 บาท

Term 2 : 83,600 บาท
Term 3 : 68,100 บาท

Kindergarten 1 อายุ 3-4 ปี ( ราคาไม่รวมค่าอาหารและอุปกรณ์อื่นๆ )

  • 5 Days : Term 1 : 129,600 บาท

Term 2 : 89,800 บาท
Term 3 : 74,300 บาท

Kindergarten 2 อายุ 4-5 ปี ( ราคาไม่รวมค่าอาหารและอุปกรณ์อื่นๆ )

  • 5 Days : Term 1 : 149,300 บาท

Term 2 : 102,700 บาท
Term 3 : 83,800 บาท

 

ที่อยู่

41/2 ทองหล่อซอย แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110

โทร. 02-077-7513 ,094 -792 -9979
Facebook : https://www.facebook.com/littletreehousenursery

เวบไซต์ : https://littletreehousenursery.com/

เริ่มต้นดี เรียนรู้ได้ไวกว่า พัฒนาเด็กสมองไว ด้วย สฟิงโกไมอีลิน ในนมแม่

event

ถึงเทคโนโลยีจะก้าวรุดหน้าไปรวดเร็วเพียงใด แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลใจไปล่วงหน้า เพราะเทคโนโลยีเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้มนุษย์เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น  ดังนั้นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ตั้งแต่วันนี้ คือการเตรียมความพร้อมให้ลูกรัก เลี้ยงลูกแบบแม่ Gen อนาคต ให้ลูกพร้อมที่จะก้าวไปสู่โลกในอนาคตได้อย่างสมบูรณ์แข็งแรง ทั้งความพร้อมทางด้านร่างกายและจิตใจ  สอนให้ลูกเรียนรู้วิธีการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกวิธี และสามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เป็นเครื่องมือได้เกิดประโยชน์สูงสุด

พัฒนาสมองเด็กให้แข็งแรง ด้วยสฟิงโกไมอีลิน พัฒนาเด็กสมองไว

สมองของลูกเป็นหัวใจหลักและเป็นจุดเริ่มต้นของทุกพัฒนาการ ไม่ว่าจะเป็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ โดยเฉพาะในช่วงขวบปีแรกของชีวิตเป็นช่วงเวลาที่สมองของลูกกำลังพัฒนา สร้างเซลล์สมองและสารสื่อประสาทต่าง ๆ อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยจากการวิจัยพบว่า ทารกที่มีพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน อาจส่งผลทำให้โอกาสของความสำเร็จในวัยเรียนและวัยทำงานแตกต่างกันตามไปด้วย ดังนั้นการเริ่มต้นส่งเสริมพัฒนาการของลูกตั้งแต่วัยทารกจึงเป็นการวางรากฐานสู่อนาคตให้กับลูก โดยปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเตรียมความพร้อมให้ลูกมี 2 อย่าง ได้แก่ โภชนาการที่ดี และการเลี้ยงดูที่ดี

สมองไว สร้างได้ด้วยสฟิงโกไมอีลินในนมแม่

โภชนาการที่ดี

คุณพ่อคุณแม่สามารถเสริมโภชนาการที่ดีให้ลูกแข็งแรงสมบูรณ์ ก้าวทันโลกได้ ด้วยการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อความต้องการของร่างกาย เสมือนการเติมวัตถุดิบให้เพียงพอ เพื่อบำรุงให้สมองของลูกพัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพ

จากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า “สฟิงโกไมอีลิน” ในนมแม่ มีส่วนช่วยให้สมองเชื่อมโยงสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว สามารถส่งผ่านข้อมูลภายในสมองได้อย่างรวดเร็ว สามารถประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ลูกน้อยเกิดการจดจำและการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ไว สฟิงโกไมอีลิน จึงมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาการทำงานของสมอง ทั้งกระบวนการทางสติปัญญา การเรียนรู้ และความเฉลียวฉลาด ช่วยในการคิด วิเคราะห์ จดจำ เป็นสารอาหารสมองที่สำคัญที่ลูกน้อยควรได้รับ โดยเฉพาะในขวบปีแรก ซึ่งเป็นช่วงเวลาทองของการพัฒนาสมองลูก ลูกน้อยจึงควรได้รับสารอาหารบำรุงสมองที่อยู่ในนมแม่อย่าง สฟิงโกไมอีลิน ที่สามารถให้ได้ต่อเนื่องตั้งแต่แรกเกิด จนถึง 1 ขวบขึ้นไป และนานที่สุดเท่าที่จะให้ได้  เพื่อสร้างโอกาสที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของลูกในอนาคต

สฟิงโกไมอีลิน ช่วยพัฒนาเด็กสมองไว

เสริมทักษะลูกน้อย ด้วยสฟิงโกไมอีลิน พัฒนาสมองลูกน้อย

 

การเลี้ยงดูที่ดี

นอกจากการได้รับสารอาหารสำคัญอย่างสฟิงโกไมอีลิน เพื่อให้การเชื่อมต่อของสมองส่วนหน้าของลูกได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการกระตุ้นพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ของลูกผ่านกิจกรรมในครอบครัว ด้วย ‘กิจกรรมแห่งสายใย’ สร้างช่วงเวลาคุณภาพสำหรับทุกคนในครอบครัว ฝึกกระตุ้นสมองของลูกน้อย เพื่อสร้างทักษะสมองขั้นสูง ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญต่อความสำเร็จในอนาคต

คุณพ่อคุณแม่สามารถส่งเสริมทักษะ พัฒนาการทางสมอง และเสริมสร้างการเรียนรู้ของลูกได้ตั้งแต่วัยเด็ก ผ่านการเล่น เพราะยิ่งเล่น สมองของลูกก็ยิ่งแล่น โดยมีเป้าหมายในการฝึกทักษะของลูก 3 เป้าหมาย ได้แก่

  • มีความจำดี นำไปใช้ได้ (Working Memory)

การฝึกทักษะให้ลูกผ่านกิจกรรมที่มีเป้าหมาย จะช่วยให้ลูกมี “ความจำเพื่อใช้งาน” หรือความจำที่สมองเก็บข้อมูลเอาไว้ เพื่อนำมาประมวลผลและดึงข้อมูลมาใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ตามที่ต้องการ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถกระตุ้นความสามารถในการจดจำของสมองส่วนหน้าของลูกผ่านการเล่น Flash card การอ่านหนังสือที่เหมาะกับอายุและความสนใจของลูก การเล่านิทานให้ลูกฟัง การอ่านหนังสือกับลูก แล้วชวนลูกคุย ฝึกลูกพูด เกี่ยวกับหนังสือที่อ่าน

  • รู้จักปรับตัว และยืดหยุ่น (Cognitive Flexibility)

เป้าหมายต่อมาคือการมีความยืดหยุ่นทางความคิด รู้จักการพลิกแพลง แก้ปัญหาหลากหลายวิธี รวมไปถึงรู้จักการปรับตัว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดสร้างสรรค์และการคิดนอกกรอบ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกลูกให้รู้จักการแก้ปัญหาผ่านการเล่นบอร์ดเกมด้วยกัน

  • สามารถควบคุม และยับยั้งตนเอง (Inhibitory Control)

เป้าหมายสุดท้ายคือ ความสามารถในการทนต่อสิ่งยั่วยุทางอารมณ์ รู้จักยั้งคิด ไตร่ตรอง ควบคุมความต้องการของตนเอง รู้จักการคิดก่อนที่จะทำ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถกระตุ้นความสามารถในด้านนี้ของลูกผ่านการฝึกสมาธิด้วยกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การต่อเลโก้ ต่อจิ๊กซอว์ ต่อบล็อก และปั้น playdough เป็นต้น

การเตรียมสมองของลูกให้พร้อมตั้งแต่วันนี้ ด้วยการดูแลโภชนาการและการเลี้ยงดูลูกอย่างเหมาะสม คือการวางรากฐานเพื่ออนาคต ให้ลูกรักเติบโตไปสู่วัยเรียน และวัยผู้ใหญ่ได้อย่างเข้มแข็ง เพราะพัฒนาการทางสมองอย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่งเสริมพัฒนาการตามวัยและพัฒนาการทางด้านการเรียนรู้ที่ดีตั้งแต่วัยเด็ก มีผลต่อความฉลาด สติปัญญา ทักษะการเรียนรู้ และความสำเร็จของลูกในอนาคต ไม่ว่าในอนาคตนั้นจะเต็มไปด้วยความท้าทายหรือสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ก็สามารถปรับความคิด เปลี่ยนมุมมอง พลิกจากสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ต่อยอดความสำเร็จไปสู่อนาคตได้ด้วยมือของเราเอง

 

 

คุณพ่อคุณแม่สามารถศึกษากิจกรรมการกระตุ้นสมองเพิ่มเติมได้ใน 
https://www.s-momclub.com/sphingomyelin-speed-brain

หรือ หากคุณแม่มีข้อสงสัย พัฒนาการสมองและการเรียนรู้ของลูกเพิ่มเติม สามารถปรึกษาทีมพยาบาล S-Mom Club ได้ตลอด 24 ชม.ไม่มีค่าใช้จ่าย

กรุงเทพประกันชีวิต

กรุงเทพประกันชีวิต กับภารกิจปั้น The Most Caring Brand แบรนด์ที่ “ใส่ใจ” ดูแลลูกค้ามากกว่าแค่การประกันชีวิต

event
กรุงเทพประกันชีวิต
กรุงเทพประกันชีวิต

กรุงเทพประกันชีวิต ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยภาพลักษณ์ทันสมัย เดินหน้าสร้าง The Most Caring Brand ผ่านการสำรวจมุมมองลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ พบจุดแข็งที่เหนือกว่าด้วย BLA Every Care บริการเสริมด้านสุขภาพที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดทุกช่วงเวลา จนได้รับการยอมรับให้เป็นแบรนด์ที่ “ใส่ใจ”  ดูแลลูกค้ามากกว่าแค่การประกันชีวิต เตรียมสานต่อปี 2567 ด้วย 3 แคมเปญใหญ่และกิจกรรม CRM ตลอดปี

นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ได้กำหนดแผนกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนแบรนด์กรุงเทพประกันชีวิตให้ก้าวสู่ The Most Caring Brand หรือ แบรนด์ที่เข้าใจ จริงใจ ใส่ใจ และดูแลลูกค้ามากกว่าแค่การประกันชีวิต เพื่อเป้าหมายในการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้พันธกิจที่มุ่งมั่นจะเป็นผู้นำในการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับคนไทยทุกคน ด้วยการให้คำแนะนำด้านการวางแผนทางการเงิน และการบริการที่ประทับใจผ่านตัวแทน คู่ค้า และพนักงาน อย่างมืออาชีพ

ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นของการวางเป้าหมายเป็น The Most Caring Brand มาจากการทำ Brand Survey ผ่านกระบวนการ Focus Group คนหลายกลุ่ม โดยสิ่งที่ค้นพบคือผู้บริโภคมีความรู้สึกถึงความใส่ใจในการให้บริการของกรุงเทพประกันชีวิต โดยเฉพาะด้านสุขภาพ BLA Every Care บริการเสริมที่ดูแลลูกค้าได้มากกว่าและถือเป็นจุดแข็งที่แตกต่างจากประกันชีวิตรายอื่น

“คำว่า ใส่ใจ หรือ caring มีความหมายที่ลึกซึ้งในมุมมองของผู้บริโภค เป็นสิ่งที่ลูกค้ารู้สึกว่าเราให้เกินความคาดหวัง ซึ่ง ใส่ใจ ต้องเริ่มจากคำว่า เข้าใจ และจริงใจก่อน เช่น เมื่อพูดถึงประกัน ลูกค้าจะมองที่เรื่องการเคลมเป็นหลัก เมื่อซื้อประกันแล้วไม่สบาย ต้องเคลมได้ ครบถ้วน รวดเร็ว จากการที่ทำสำรวจมา ทำให้เข้าใจได้ว่า ลูกค้ามองว่าเราสามารถดูแลได้มากกว่า เช่น บริการเสริมต่างๆ ที่ช่วยดูแลหลังจากออกจากโรงพยาบาล หรือการดูแลช่วงพักฟื้น ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจที่เราอยากให้เค้ามีสุขภาพที่แข็งแรง”

นางสาวอรนาฏกล่าว พร้อมเพิ่มเติมว่า

กรุงเทพประกันชีวิตต้องการสื่อสารแบรนด์ด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและเป็นมิตรมากขึ้น โดยเชื่อว่าการเป็น The Most Caring Brand จะทำให้องค์กรเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนเพราะเป็นสิ่งที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งปีนี้ กรุงเทพประกันชีวิตยังเดินหน้าต่อยอดจุดแข็งที่ทำมาตลอดหลายปีด้วยการพัฒนาแบบประกันสุขภาพใหม่ๆที่ตอบโจทย์ และบริการเสริมใหม่ๆจาก  BLA Every Care ที่จะออกมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อการสร้างแบรนด์ในปี 2024 ได้ตั้งเป้าหมายการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่  2 กลุ่ม คือ  1. กลุ่มคนอายุ 30-45 ปี ที่อยู่ในช่วงชีวิตที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลง คือ กำลังสร้างครอบครัว แต่งงาน มีลูก จึงมีมุมมองเรื่องความมั่นคงทางการเงิน และมองหาหลักประกันในชีวิต  2. กลุ่มคนวัยเริ่มทำงานอายุ 25-35 ปีที่กำลังสร้างตัวและต้องการบริหารจัดการวางแผนทางการเงินตั้งแต่เริ่มต้น รวมทั้งมีความกังวลต่อการเจ็บป่วยซึ่งเริ่มปรากฎในกลุ่มคนอายุน้อยมากขึ้น โดยจะสื่อสารผ่านการทำ content ที่เป็นเรื่องราวดีๆและเป็นประโยชน์ รวมทั้งเรื่องราวความประทับใจจากลูกค้า

“แคมเปญ “ใส่ใจ” ที่จะทำในปีนี้ มี 3 โครงการใหญ่ คือ ภาพยนตร์โฆษณาซึ่งน่าจะออกในช่วงครึ่งปีหลัง โครงการใส่ใจสตอรี่ คือ คลิปวีดีโอ เรื่องเล่าจากลูกค้าจริงที่ประทับใจในความใส่ใจที่กรุงเทพประกันชีวิตมีให้ เป็นโครงการต่อเนื่องจากที่ทำไปในปีที่แล้ว 4 ตอนจากทั้งหมด 12 ตอน  โดยได้ผลตอบรับที่ดีด้วยจำนวนผู้ชมรวมกว่า 6 ล้านวิว และ การ collaborations กับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ลูกค้ารับรู้เรื่องความใส่ใจจากแบรนด์ รวมถึงการที่ให้ลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งของการใส่ใจ สังคม สิ่งแวดล้อม เด็กยากไร้ที่จะเป็นอนาคตของชาติ และผู้สูงอายุที่จะกลายเป็นคนกลุ่มใหญ่ในสังคมคนไทย ผ่านการทำ CSR มากขึ้น

“เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เรายังเปิดตัวกิจกรรม CRM ใหม่เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ตาม Lifestyle ที่ลูกค้าชื่นชอบ 5 ด้าน ได้แก่ 1 Heath มอบ package ตรวจสุขภาพ และ บริการเสริมด้านสุขภาพบางตัวมาให้กับลูกค้าที่ไม่ได้ซื้อประกันสุขภาพด้วยเช่นกัน 2 Travel  ซึ่งอยู่ใน Lifestyle ของทุกคน 3 Personalized สิทธิพิเศษเฉพาะบุคคล ที่ออกแบบสิทธิประโยชน์มาเพื่อสร้างความประทับใจในโอกาสพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น วันเกิด วันแต่งงาน วันคลอดลูก วันที่ลูกรับปริญญา 4 Edutainment คอร์สสัมมนาเสริมความรู้ให้ลูกค้าเราในด้านสุขภาพกายใจและความมั่งคั่ง ด้วยรูปแบบที่น่าสนใจ และ 5 Exclusive Experience การสร้างประสบการณ์พิเศษเฉพาะลูกค้า โดยร่วมกับสยามพิวรรธน์จัดกิจกรรมพิเศษมากมายซึ่งอยากให้ทุกคนได้ติดตามตลอดปีนี้” นางสาวอรนาฏกล่าวในที่สุด

 

รีวิว เพียวรีน เบบี้ไวพส์ สูตรเซนซิทีฟ สะอาด ปลอดภัยต่อผิวลูกน้อย ลูกน้อยโอเค แม่ก็โอเค

account_circle
event

ไอเท็มทำความสะอาดผิวลูกน้อยที่ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด หนึ่งในนั้นต้องมีเบบี้ไวพส์ค่ะ แต่การใช้เบบี้ไวพส์กับผิวลูกน้อย จะเลือกแค่ราคาถูกอย่างเดียวไม่ได้ เพราะคุณภาพเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่อย่างนั้นผิวลูกน้อยอาจเกิดการแพ้ระคายเคืองได้ค่ะ เบบี้ไวพส์ขวัญใจแม่ทั่วประเทศตอนนี้เลิฟกันมาก ใช้ดีจนต้องมาบอกต่อให้กับว่าที่คุณแม่มือใหม่ที่กำลังเตรียมของใช้เด็กอ่อน ทีมแม่ ABK ขอแนะนำเพียวรีน เบบี้ไวพส์ สูตรเซนซิทีฟ ซึ่งได้รับรางวัลการันตีคุณภาพจากการประกวด Amarin Baby & Kids Awards 2023

ผิวหนังของเด็กทารก เด็กเล็กนั้นบอบบางและมีโครงสร้างผิวที่ยังไม่แข็งแรง จึงง่ายต่อการระคายเคือง แดง คัน อักเสบ ดังนั้นของใช้ทุกอย่างที่มาสัมผัสกับผิวลูกจะต้องอ่อนโยนมากถึงมากที่สุดค่ะ โดยเฉพาะเบบี้ไวพส์ที่คุณแม่ใช้สำหรับเช็ดผิวก้น ผิวหน้า แขน มือ ขา ลำตัว จะต้องเลือกที่อ่อนโยนต่อผิวของลูกน้อย

วิธีเลือกเบบี้ไวพส์สำหรับลูกน้อย

  1. ผ่านการรับรองคุณภาพ: คุณสมบัติที่เบบี้ไวพส์จำเป็นต้องมีคือ ผลการทดสอบการแพ้ระคายเคือง เช่น รับรองจากสถาบันผิวหนัง ฯลฯ ก่อนซื้อเบบี้ไวพส์แนะนำคุณแม่เช็กข้อมูลด้านหลังผลิตภัณฑ์ หรือข้อมูลผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เบบี้ไวพส์ที่เลือกใช้ เพื่อให้ได้เบบี้ไวพส์สำหรับเช็ดทำความสะอาดผิวลูกที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน
  2. ไม่มีสารอันตราย: สารเคมีที่ก่อให้เกิดการแพ้ต่อผิวหนังไม่ควรมีอยู่ในเบบี้ไวพส์สำหรับเด็ก เช่น Paraben, Alcohol, Fragrance, SLS, Silicone เป็นต้น
  3. สารให้ความชุ่มชื้น: ส่วนประกอบหลักของเบบี้ไวพส์คือน้ำบริสุทธิ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาอย่างดีและส่วนผสมควรจะมีสารให้ความชุ่มชื้นผิวที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ เมื่อเช็ดเบบี้ไวพส์ที่ผิวแล้วจะให้สัมผัสที่ชุ่มชื้น ไม่แห้งบาดผิว
  4. คุณภาพของผ้า: ต้องมีความหนา นุ่ม เพื่อการทำความสะอาดที่ดีกว่า
  5. สะดวกหยิบใช้: จุดเปิด-ปิดห่อบรรจุภัณฑ์ของเบบี้ไวพส์มีความสะดวกต่อการหยิบใช้งาน สามารถดึงแผ่นเบบี้ไวพส์ออกมาใช้ได้ลื่นแผ่นต่อแผ่น ไม่รวมกันเป็นก้อนเวลาดึงออกมาใช้ มีขนาดให้เลือกใช้หลากหลาย สามารถพกใส่กระเป๋าสะดวกใช้งานนอกบ้าน
  6. หาซื้อง่าย: มีวางจำหน่ายทั้งช่องทางออนไลน์ และห้างสรรพสินค้า และร้านค้าทั่วประเทศ และมีราคาที่เหมาะสม

เพียวรีน เบบี้ไวพส์ สูตรเซนซิทีฟ ห่อสีชมพูที่คู่ควรกับผิวลูกน้อย

ทีมแม่ ABK เลือกเบบี้ไวพส์ให้คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จะธรรมดาไม่ได้ ต้องใช้สินค้าดีและมีคุณภาพเพียวรีน เบบี้ไวพส์ สูตรเซนซิทีฟ การันตีด้วยรางวัล MOMMY’S CHOICE สาขา BEST BABY WIPES จากการประกวด Amarin Baby & Kids Awards 2023

มาเช็กความเริ่ด ความปัง ของ เพียวรีน เบบี้ไวพส์ สูตรเซนซิทิฟ กันค่ะ ว่าทำไมคุณแม่ทั่วประเทศต่างเทใจยกให้เป็นเบบี้ไวพส์ในดวงใจ

  • ปลอดภัยเหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดและผิวบอบบางแพ้ง่าย
  • ผ่านการทดสอบ Hypoallergenic จากแพทย์ผิวหนัง ว่าไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง
  • ผลิตจากน้ำบริสุทธิ์ (Purified water)
  • ผสมคาโมมายน์ ช่วยลดการระคายเคืองผิว
  • 0% สารเคมีอันตราย ปราศจากพาราเบน, คลอรีน, MIT, DEA, Lonolin, Phthalates จึงอ่อนโยนปลอดภัยต่อผิวที่บอบบาง
  • ปราศจากแอลกอฮอลล์ ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง
  • ปราศจากน้ำหอม ไม่ทำให้เกิดการแพ้
  • เนื้อผ้าขนาด 20×15 ซม. หนานุ่ม ชุ่มชื้นจนแผ่นสุดท้าย
  • ฝาเปิดปิด (Flip-top) สะดวกต่อการใช้งาน ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและคงคุณภาพของสินค้าให้ใหม่สดเสมอ

 

เบบี้ไวพส์ที่คุณสมบัติดีงามขนาดนี้ ถ้าไม่ใช้ถือว่าพลาดของดีนะคะ ทีมแม่ABK อยากให้ทุกครอบครัวได้ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่ดีที่สุดกับลูกน้อยค่ะ

Pureen เพียวรีน เบบี้ไวพส์ สูตรเซนซิทีฟ มี 2 ขนาดค่ะ สะดวกใช้ ง่ายต่อการพกพา

👶เบบี้ไวพส์ บรรจุ 30 แผ่น

👶เบบี้ไวพส์ บรรจุ 80 แผ่น

📌คุณแม่สนใจข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม หรือต้องการซื้อ คลิกได้ที่นี่

Lazada https://www.lazada.co.th/shop/pureen/

Shopee https://shopee.co.th/pureen_officialshop

 

โรงเรียนสอนฟุตบอล

Smile Football Club โรงเรียนสอนฟุตบอล สำหรับเด็ก เล่นฟุตบอลด้วยความสุข สนุกสนานและมีรอยยิ้ม

event
โรงเรียนสอนฟุตบอล
โรงเรียนสอนฟุตบอล

 โรงเรียนสอนฟุตบอล สำหรับเด็ก Smile Football Club  Play, Fun and Healthy เล่นฟุตบอลด้วยความสุข สนุกสนานและมีรอยยิ้ม

เพราะเราเชื่อว่า ถ้าเด็กๆ ชอบและรักในการเล่นกีฬาต่างๆ ก็จะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญ ในการเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัว สามารถเรียนรู้ได้มากขึ้น มีความเป็นผู้นำ มีบุคลิกภาพที่ดีและสามารถเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพได้ดีในอนาคตได้

วันนี้ School Visit เลยอยากพาทุกคนมาทำความรู้จัก โรงเรียนสอนกีฬาฟุตบอล Smile Football Club ที่เปิดสอนมาตั้งแต่ปี พศ.2558 จากลูกศิษย์กลุ่มแรกเพียง 3 คน จนปัจจุบันได้สร้างความสุขให้กับเด็กๆ ผ่านการเล่นกีฬาฟุตบอลมาแล้วกว่าหลายพันคน พร้อมเดินหน้ามอบความสุข สนุกสนาน และรอยยิ้ม ให้กับเด็กๆ ตลอดไป ดังสโลแกนที่ว่า Smile Football Club “ เริ่มเล่นฟุตบอล ด้วยความสุข สนุกสนาน มีรอยยิ้ม : ) ”

 

จุดเริ่มต้นของ โรงเรียนสอนกีฬาฟุตบอล Smile Football Club 

ย้อนเวลากลับไปเมื่อปี พศ.2558 โค้ชกฤษ ผู้ก่อตั้ง Smile Football Club ได้มีโอกาสเป็นโค้ชสอนฟุตบอลเด็กที่ Academy แห่งหนึ่ง ซึ่ง Academy แห่งนี้มีแนวทางการสอน คือการสร้างเด็กเพื่อไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพ จึงค่อนข้างเข้มงวด เพื่อให้เด็กที่มาเรียนต้องเก่งในระดับที่ดีเยี่ยม แต่สิ่งที่โค้ชกฤษได้มองเห็นได้อีกมุมหนึ่งก็คือเด็กๆ ที่นี่ไม่ได้เก่งทุกคน ซึ่งจะมีเด็กๆ อยู่ประมาณ 30% ของเด็กทั้งหมด ที่ไม่ได้มีความสามารถในการเล่นกีฬาฟุตบอลที่ดีตามที่โค้ชต้องการ กระทั่งวันหนึ่ง โค้ชกฤษได้เจอเด็กนั่งร้องไห้ในห้องน้ำ เด็กคนนี้ คือเด็กที่เล่นฟุตบอลไม่เก่ง เขาโดนโค้ชดุ เพราะทำตามแบบฝึกไม่ได้ วินาทีนั้นผมก็บอกกลับไปว่า…เรื่องแค่นี้เองทำไมต้องร้องไห้ด้วย มันเป็นเรื่องปกติ โค้ชกฤษถามเด็กไปว่าไม่อยากเป็นนักฟุตบอลเหรอ เด็กตอบด้วยแววตาใสซื่อว่า….ไม่ครับ ผมไม่ได้อยากเป็นนักฟุตบอล… ผมมาเรียนฟุตบอลเพราะผมชอบเล่นฟุตบอล ผมอยากมีร่างกายที่แข็งแรง แล้วก็อยากมาเจอเพื่อนๆ ที่สนาม…คำตอบของเด็กวัย 8 ขวบ ในตอนนั้น ทำให้โค้ชกฤษหยุดคิดไปสักครู่หนึ่ง…แล้วก็คิดได้ว่า (ใช่แล้ว) เด็กที่เล่นฟุตบอลไม่จำเป็นต้องโตไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพทุกคน แค่เขาได้ทำในสิ่งที่เขารัก มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ได้มาพบเจอเพื่อนใหม่ๆ ที่สนามฟุตบอล แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว แค่นี้จริงๆ สำหรับวัยเด็ก

และนั่นก็เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้โค้ชกฤษตัดสินใจลาออกจาก Academy แห่งนั้น เพื่อมาเปิด โรงเรียนสอนฟุตบอลเด็ก เป็นของตัวเองโดยใช้ชื่อ Smile Football Club ที่มีสโลแกนน่ารักๆ ว่า เริ่มเล่นฟุตบอล ด้วยความสุข สนุกสนาน มีรอยยิ้ม : ) เพื่อหวังให้ทุกคนที่อยากเล่นฟุตบอล มาเริ่มเล่นที่นี้อยากมีความสุข

โรงเรียนสอนฟุตบอล

เด็กๆได้พบเพื่อนใหม่ ๆ ที่มีความชอบฟุตบอลเหมือนกัน

  โรงเรียนสอนฟุตบอล โรงเรียนสอนฟุตบอล โรงเรียนสอนฟุตบอล

ได้ฝึกการเล่นเป็นทีม หัดวางแผนและทำงานร่วมกับผู้อื่น

โรงเรียนสอนฟุตบอล

บรรยากาศในการเรียนให้มีความสนุกสนาน ช่วยสร้างรอยยิ้มให้เด็กๆ ได้

 

แนวทางการสอนฟุตบอลของ Smile Football Club

ที่นี่ใช้กีฬาฟุตบอลเป็นสื่อกลาง เพื่อให้เด็กๆ รักที่จะออกกำลังกาย โดยใช้วิธีการสอนฟุตบอลภายใต้แนวคิด เริ่มเล่นฟุตบอลด้วยความสุข สนุกสนาน มีรอยยิ้ม สอนให้เด็กเรียนรู้การปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ ปลูกฝังให้เด็กรักการเล่นกีฬา เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีทักษะและพัฒนาการที่ดีทางด้านอารมณ์ ความคิด เรียนรู้ที่จะเป็นทั้งผู้นำและผู้ตามที่ดี นอกจากนี้ยังช่วยสร้างบุคลิกภาพที่ดีให้กับเด็ก  เด็กๆ ก็จะมีศักยภาพรอบด้าน เป็นเด็กที่เฉลียวฉลาด มีความคิดสร้างสรรค์ มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น โดยมี 3 องค์ประกอบหลักสำคัญในการสอนคือ PLAY ,FUN และ HEALTHY

Play : สอนทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลขั้นพื้นฐานให้กับเด็ก ทำให้เด็กมีพัฒนาการในการเล่นกีฬาฟุตบอลที่ดีขึ้นในแต่ละวัน เมื่อเด็กรู้สึกว่าตัวเองมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ก็จะทำให้เด็กเกิดความภูมิใจในตัวเอง และอยากจะเล่นฟุตบอลในทุกๆ วัน

Fun : สร้างบรรยากาศในการเรียนให้มีความสนุกสนาน และสร้างประสบการณ์ที่ดีในการเล่นกีฬาฟุตบอล ให้กับเด็กๆ เพื่อทำให้เด็กๆ มีความชอบและรักในการเล่นกีฬาฟุตบอล

Healthy : ให้คำปรึกษาและคำแนะนำที่ดีในการดูแลสุขภาพร่างกายของเด็กแก่ผู้ปกครอง เพื่อช่วยกันสร้างพัฒนาการที่ดี ทั้งด้านร่างกายและสมองให้เด็กๆ เติบโตสมวัย

 โรงเรียนสอนฟุตบอล โรงเรียนสอนฟุตบอล โรงเรียนสอนฟุตบอล

สอนทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลขั้นพื้นฐานให้กับเด็ก ทำให้เด็กมีพัฒนาการในการเล่นกีฬาฟุตบอลที่ดีขึ้น

 

ปัจจุบัน Smile Football Club เปิดสอนกีฬาฟุตบอลให้กับเด็กๆ หลายสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และกำลังขยายจำนวนเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ และเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ จึงสะดวกมากๆสำหรับคุณพ่อคุณแม่ เรียกได้ว่าใกล้ที่ไหนไปที่นั่นได้เลย โดยมีคอร์สฝึกทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอล สำหรับเด็กอายุ 3-12 ปี ซึ่งคอร์สนี้เป็นการฝึกทักษะการเล่นฟุตบอลขั้นพื้นฐานที่เหมาะสำหรับเด็กๆ ที่อาจจะไม่เคยเล่นฟุตบอลมาก่อนหรือเด็กๆ ที่เพิ่งเริ่มต้นเล่นฟุตบอล โดยการสอนจะไม่เน้นสร้างเด็กเพื่อการแข่งขัน เพราะนอกจากจะทำให้เด็กมีความเครียดและกดดันแล้ว ยังทำให้เด็ก ๆ ไม่สนุกกับการเล่นฟุตบอล แต่ Smile Football Club จะเน้นการเตรียมความพร้อมให้เหมาะสมกับวัย และใช้กีฬาฟุตบอล สร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับเด็กๆ  คอร์สฝึกทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอล สำหรับเด็กอายุ 3-12 ปี โดยจะแบ่งกลุ่มเรียนตามช่วงอายุ และจัดเป็น Level ดังนี้

 

  • Level 1 : Smart Group ( เหมาะสำหรับเด็ก อายุ 3-4 ปี )

ฝึกการเคลื่อนไหวพื้นฐาน ให้กับเด็กได้เคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การเดิน การวิ่ง การกระโดด การข้าม การหลบสิ่งกีดขวางทำให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะควบคุมกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ซึ่งมีผลในการควบคุมการเคลื่อนไหวให้มีประสิทธิภาพและมีการเคลื่อนไหวพื้นฐานที่ถูกต้อง โดยรูปแบบการสอนจะเน้น Fun Game ให้เด็กสนุกสนาน มีความสุข ในการเล่นกีฬาฟุตบอล ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เด็กรักในการออกกำลังกาย

 

  • Level 2 : Motivated Group ( เหมาะสำหรับเด็ก อายุ 5-6 ปี )

สร้างแรงจูงใจให้เด็ก รักและสนุกในการออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬาฟุตบอล รูปแบบการสอนจะเน้น Fun Game และสอดแทรกแบบฝึกทักษะเทคนิคการเล่นฟุตบอลขั้นพื้นฐานให้กับเด็กได้เล่นกับลูกฟุตบอล สร้างความคุ้นเคยกับลูกฟุตบอล พร้อมกับพัฒนาเรื่องความเร็วความคล่องตัวของเด็ก

 

  • Level 3 : Intelligent Group ( เหมาะสำหรับเด็ก อายุ 7-8 ปี )

ฝึกให้เด็กมีความเฉลียวฉลาดในการเล่นกีฬาฟุตบอล ฝึกทักษะเทคนิคการเล่นฟุตบอล เช่น การรับ-ส่งบอล การควบคุมบอล การเลี้ยงบอล การยิงประตู ให้มีพัฒนาการที่ดีขึ้น สอนให้เด็กรู้จักคิดและตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดได้ด้วยตัวเอง เริ่มให้เด็กร่วมเล่นแบบกลุ่มเพื่อพัฒนาไปสู่การเล่นเป็นทีมในอนาคต

 

  • Level 4 : Leadership Group ( เหมาะสำหรับเด็ก อายุ 9-10 ปี )

สร้างเด็กให้มีความเป็นผู้นำ ฝึกขบวนการคิด การตัดสินใจ โดยให้เด็กสนุกกับการเรียนรู้จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ในการเล่นกีฬาฟุตบอล เพิ่มทักษะเทคนิคการเล่นกีฬาฟุตบอลแบบเฉพาะตัวให้มากขึ้น ให้เด็กได้เล่นทีมเพื่อสร้างความเข้าใจในการเล่นทีม และบทบาทหน้าที่ของแต่ละตำแหน่งของผู้เล่นในทีม รวมถึงฝึกให้ทำงานเป็นทีมและมีความรับผิดชอบรวมกันในทีม

 

  • Level 5 : Elegant Group ( เหมาะสำหรับเด็ก อายุ 11-12 ปี )

สร้างเด็กให้มีบุคลิกภาพที่ดีสง่างาม ทั้งภายนอกและภายใน มีน้ำใจเป็นกีฬา มีทัศนคติดีต่อตนเองและผู้อื่น ฝึกให้เด็กมีเทคนิคทักษะความสามารถในการเล่นกีฬาฟุตบอลที่ดียิ่งขึ้น มีความเข้าใจในการเล่นทีมที่ดี รู้จักรับผิดชอบหน้าที่ของตนเองในการเล่นเป็นทีม รักและสนุกกับการเล่นกีฬาฟุตบอล มีความสุขในการออกกำลังกาย เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต

โรงเรียนสอนฟุตบอล โรงเรียนสอนฟุตบอล

ฟุตบอลช่วยให้เด็กๆ เรียนรู้ที่จะผิดหวังจากความพ่ายแพ้ เรียนรู้ที่จะดีใจจากการชนะ และทำงานร่วมกันเป็นทีม

 

Mommy’s Love This ถูกใจแม่ ♥

  1. เด็กๆได้คิดนอกกรอบอย่างมั่นใจ ส่วนหนึ่งมาจากการได้เล่นฟุตบอล ช่วยทำให้เด็กมั่นใจมากขึ้น
  2. ความสนุกของการเล่นฟุตบอล ช่วยสร้างรอยยิ้มและพัฒนาการด้านอารมณ์ของเด็ก เด็กผ่อนคลายจากการเรียน พ่อแม่ก็ Happy
  3. ฝึกเด็กให้รู้จักการทำงานเป็นทีมเวิร์ค และทำงานร่วมกับผู้อื่น เป็นพื้นฐานที่ดีในการใช้ชีวิตในปัจจุบัน
  4. ช่วยลดหยุดพฤติกรรมติดหน้าจอของลูกด้วยการเล่นฟุตบอลดีกว่า
  5. กีฬาฟุตบอลช่วยให้เด็กมีสุขภาพร่างกายที่เเข็งแรง ไม่ป่วยบ่อย และยังช่วยให้ร่างกายเติบโตสมวัยอีกด้วย

 

ข้อดีของกีฬาฟุตบอลเยอะขนาดนี้ ต้องรีบพาลูกไปเรียนกันแล้ว คุณพ่อคุณแม่ๆคนไหนสนใจอยากให้ลูกเรียนฟุตบอล ก็สามารถพาเด็กๆมาทดลองเรียนฟรีได้ด้วยนะ หลังทดลองเรียนเสร็จถ้าลูกๆ ชอบ ค่อยสมัครเรียนต่อได้ที่ Add Line ID : @smfootball หรือกดที่ลิ้งค์นี่ https://line.me/R/ti/p/%40smfootball เพื่อจองคิวทดลองเรียนได้เลยค่า

 

ช่องทางติดตามสื่อของ โรงเรียนสอนฟุตบอล Smile Football Club 

Web : www.smilefootballclub.com

Facebook : Smile Football Club

IG : Smile Football Club

YouTube : Smile Football Club

TikTok : Smile Football Club

 

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  ภาพประชาสัมพันธ์ Smile Football Club

 


อ่านต่อบทความโรงเรียนอื่นๆ น่าสนใจ คลิก ⇓

Shrewsbury International School

พาชม Shrewsbury International School สาขาแรกในภูมิภาคเอเชีย

event
Shrewsbury International School
Shrewsbury International School

School Visit พาชม Shrewsbury International School Bangkok Riverside โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ กรุงเทพ ริเวอร์ไซด์ โรงเรียนหลักสูตรนานาชาติ อันดับต้นของเมืองไทย!

หนึ่งในปัจจัยหลักของชีวิตครอบครัวที่นอกจากเรื่องการวางแผนการเงินให้กับลูกแล้ว การวางแผนการศึกษาเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทุกบ้านให้ความสำคัญและต้องมีการแบ่งปันความคิดร่วมกัน ทั้งพ่อแม่ รวมถึงลูกเองที่มีส่วนช่วยในการตัดสินใจเลือกโรงเรียนที่ดี ที่เหมาะสมกับตัวเขาเอง

ซึ่งจะดีมากๆ ถ้าลูกจะได้เรียนโรงเรียนที่มีสภาวะแวดล้อมที่ดี ทั้งผู้คน อาคารสถานที่ จนถึงหลักสูตรที่ตอบโจทย์ทันยุคสมัย เรียนที่เดียวยาวๆ ไปจนจบมัธยมปลาย ผู้ปกครองเองก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่เรียนของลูกอีก และเราเห็นคำตอบนั้นที่โรงเรียนนี้ค่ะ ครั้งนี้เรามีโอกาสไปเยี่ยมชมการเรียนการสอนของโรงเรียนหลักสูตรนานาชาติ อันดับต้นของเมืองไทย ที่มีอายุเก่าแก่ร่วม 500 ปี จากประเทศอังกฤษ และนับเป็นสาขาแรกที่เปิดในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย

Shrewsbury International School

ขอเริ่มต้นความว้าวนี้…ด้วยประวัติความเป็นมาและจุดเริ่มต้นของโรงเรียน ภายใต้แนวคิด Together We Flourish: The Journey from Early Years to University ก็บอกได้แล้วว่าที่นี่ปูพื้นฐานเด็กตั้งแต่ตัวยังเล็ก สร้างการเรียนรู้กันไปจนเติบใหญ่ และอย่างที่เราได้เกริ่นไปเบื้องต้น โรงเรียน Shrewsbury อายุเก่าแก่ร่วม 500 ปีและ ถือเป็น 1 ใน 9 โรงเรียนที่ดีที่สุดของประเทศอังกฤษ ในส่วนของ โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ กรุงเทพ นับเป็นโรงเรียนสาขาแรกของ Shrewsbury UK ที่เปิดในภูมิภาคเอเชียด้วย ปัจจุบันโรงเรียนนานาชาติ Shrewsbury ในประเทศไทยมี 2 แคมปัสด้วยกัน โดยทั้งสองแคมปัสตั้งอยู่คนละฝั่งของใจกลางกรุงเทพฯ คือ

Shrewsbury Riverside ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ใกล้กับย่านธุรกิจของถนนสาทร เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น Early Years ไปจนถึง Sixth Form หรือตั้งแต่อายุ 3-18 ปี ซึ่งเป็นที่ที่ ทีมแม่ ABK มาเยี่ยมชมในวันนี้ และ Shrewsbury City Campus ตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 ใกล้กับย่านธุรกิจแถบสุขุมวิท เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น Nursery ไปจนถึง Year 6 หรือตั้งแต่อายุ 2 -11 ปี ซึ่งนักเรียนที่นี่ก็จะไปเรียนต่อในระดับชั้นเด็กโต หรือ Senior School ชั้น Year 7 ถึง Year 13 ที่ Shrewsbury Riverside นั่นเอง

Shrewsbury International School
Shrewsbury International School

Shrewsbury International School
Shrewsbury International School

1. การจัดสรรพื้นที่ในการเรียนการสอน

การออกแบบพื้นที่ต่างๆในโรงเรียนมีความพิเศษและแตกต่างเพื่อการค้นหาตัวตน และการเรียนรู้ด้วยตัวเอง (Self-Learning) เป็นสิ่งพื้นฐานที่เด็กยุคใหม่ต้องเรียนรู้และปลูกฝังตั้งแต่ยังเล็ก เพราะฉะนั้นในส่วนของ Early Years จึงมีการแบ่งเป็นพื้นที่เฉพาะ แยกจากห้องเรียนนักเรียนชั้นเด็กโต เพราะสภาพแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้ของเด็กอนุบาล มีความแตกต่างจากเด็กประถมและมัธยมอย่างสิ้นเชิง ทั้งในภาพรวมของสถานที่ เช่นเฟอร์นิเจอร์ หรือโต๊ะเรียน มีการออกแบบและเลือกใช้เหมาะกับขนาดความสูงของเด็กเล็ก และใช้สีสันโทนธรรมชาติที่เป็นมิตรกับเด็ก นอกจากนี้ยังมีพื้นที่การเรียนรู้นอกอาคารเรียน เป็นโซน outdoor ที่รายล้อมด้วยต้นไม้ ธรรมชาติ บ่อปลา บ่อทรายหรือบ่อน้ำตื้นที่เรียกว่า Splash Pool และที่พิเศษคือยังมี Forest School ที่ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศน์ สำรวจสิ่งรอบตัว และสัมผัสกับธรรมชาติจริง ๆ ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และทุกกิจกรรมการเรียนรู้จะมีครูดูแลอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ยังมียิมออกกำลังกายภายในอาคาร ในกรณีที่อากาศข้างนอกไม่ดีหรือมีค่าฝุ่น ในปริมาณสูง เด็ก ๆ ก็จะได้ใช้  Little Gym ซึ่งเป็นห้องยิมสำหรับเด็กอนุบาลที่มีอุปกรณ์กีฬาแบบ Soft Play ด้ยวัสดุที่นุ่มและปลอดภัย เหมาะสมกับเด็กเล็ก เด็กๆยังได้ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กด้วยการเรียนรู้จากการลงมือทำจริง อย่าง เข้าครัวทำอาหารในโซน Food Technology มีการออกแบบครัวเฉพาะไว้สำหรับเด็กเล็ก ให้เด็กๆได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า Sensory skills อีกด้วย

Shrewsbury International School
Shrewsbury International School
Shrewsbury International School

2. หลักสูตรของโรงเรียน และระดับชั้นเรียน

ที่นี่ใช้หลักการเรียนการสอน Reggio Emilia  Approach ที่ใช้มาอย่างยาวนานกับนักเรียนระดับชั้นอนุบาล Early Years โดยเป็นหลักสูตรที่สอนโดยครูผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการของเด็กเล็กโดยเฉพาะและได้รับการรับรองการกระทรวงศึกษาของประเทศอังกฤษ เพื่อให้เด็กได้เติบโตสมวัย อย่างเป็นธรรมชาติ และพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ในชั้นเด็กเล็กมีการดูแลอย่างใส่ใจและทั่วถึง เพราะ มีชั้นละ 6 ห้อง เท่านั้น จำนวนเด็กในห้องไม่มากเกินไป ครูสามารถดูแลเด็กๆได้อย่างเต็มที่

หลักการสอนของครูที่นี่จะเน้นย้ำในเรื่อง

  • สร้างความเป็นเอกลักษณ์และตัวตนของเด็ก – เชื่อว่าเด็กทุกคนเป็นผู้เรียนที่มีความสามารถตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งสามารถปรับตัวได้อย่างดีและมีความมั่นใจในตนเอง
  • การสร้างความสัมพันธ์เชิงบวก – เด็กๆสามารถเรียนรู้และพัฒนาความเข้มแข็งทั้งใจกาย และเป็นอิสระด้วยพื้นฐานของความรักและความสัมพันธ์ที่มั่นคง
  • สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย – สิ่งแวดล้อมที่ดีมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก
  • กระตุ้นการเรียนรู้และพัฒนาการ – เด็กจะมีการเรียนรู้ในรูปแบบที่แตกต่างกันแบบเฉพาะตัว ดังนั้นการเรียนรู้และการกระตุ้นพัฒนาการในทุกด้านจึงมีความสำคัญที่เท่าเทียมกันและเชื่อมโยงถึงกัน

ระดับชั้นเรียน

  1. Pre-Prep: Early Years 1 & 2
  2. Prep: Year 3-6
  3. Senior: Year 7-9 และ Year 10-11
  4.  Sixth Form: Year 12-13

ในส่วนของ Year 10-11 นั้น นักเรียนจะได้เริ่มเตรียมตัวสอบ IGCSE examinations หรือหลักสูตรการสอบเทียบวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายของประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ
ส่วนการเทียบวุฒิการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ใน Year 12 และ 13 ทางโรงเรียนจะเริ่มเข้าหลักสูตร A-Level ของอังกฤษซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลกจากมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ เรียกได้ว่าปูพื้นฐานไว้สำหรับการศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าในต่างประเทศอย่างเต็มที่

3. กิจกรรมพิเศษสำหรับเด็ก

กิจกรรมที่วางแผนมาสำหรับเด็กเล็กโดยเฉพาะ โดยมีกิจกรรมพื้นฐานในห้องเรียนทุกๆวัน อย่าง water play puzzles blocks  threading reading corner rice play และอื่นๆ เด็กๆจะได้เล่นตามอัธยาศัย เป็นการเล่นแบบอิสระและฝึกการทำงานหรือเล่นเป็นกลุ่มด้วย กิจกรรมแบบกลุ่มในตอนท้าย คือการร้องเพลง เล่านิทาน รวมถึงมีผลไม้และของว่างอย่างขนมปังแท่ง เเละพัฟ แสนอร่อยจาก The Bangkok Club สำหรับเด็กๆด้วย

นอกจากนี้ในแต่ละวันจะมีกิจกรรมพิเศษให้เด็กๆได้เข้าร่วมที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่น Splash Play, Soft Play, Picnic, Cookery, EY Garden และ Ball Games เป็นต้น

Shrewsbury International School
Shrewsbury International School
Shrewsbury International School

ภาพปลาวาฬฝีมือเด็ก ๆ ในแคนทีน ที่ยามเย็นจะปรับเปลี่ยนเป็นกิจกรรม U time ที่เด็กๆ เลือกเองได้

Shrewsbury International School

4. เอกลักษณ์และจุดเด่นของโรงเรียน

เราตื่นเต้นและว้าวไม่หยุด กับบรรยากาศภายในโรงเรียน ทั้งท่าเรือส่วนตัวที่สามารถลงเรือได้ที่ท่าเรือสะพานตากสินซึ่งมีเรือส่วนตัวมายังโรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ และเดินต่ออีกนิดมายังโรงเรียนได้ มีสนามกีฬาขนาดใหญ่ ส่วนของตึกเรียนต่างๆที่ออกแบบการใช้งานที่ตอบรับกับการเรียนได้อย่างดี เช่น ในส่วนของ Sir David Lees Innovation Centre ตอบรับการเรียน Mathematics ,Robotics, Innovation และ Sixth Form and Higher Education counselling

ส่วนของ Sports Performance Complex ประกอบด้วย Sports Hall ติดแอร์ สนาม basketball สนาม badminton สนาม volleyball และ netball ห้องโยคะ และห้อง fitness รวมไปถึงส่วน Gymnastics studio ในโซนอาคารเดิมอย่าง Physical education ซึ่งเด็กๆสามารถมาเล่นได้ทุกวันและมีครูเฉพาะทางด้านกีฬามาดูแลทุกวัน
นอกจากนี้ยังมี Auditorium ขนาด 580 ที่นั่ง มี Music Recital Hall ขนาด 130 ที่นั่ง, Music School, Junior Innovation Centre, Library, Sixth Form Centre, Aquatics Centre และ Dining Hall ขนาด 700 ที่นั่ง

Shrewsbury International School

Pre-prep building สำหรับนักเรียน EY1-Y2

Shrewsbury International School

Junior school สำหรับนักเรียนชั้น Y1-Y6

Senior school สำหรับนักเรียนชั้น Y7-Y13

Innovation Building Design and Technology

Shrewsbury International School

Robotics

Shrewsbury International School

Memorial Hall

Shrewsbury International School

Junior & Senior Library

Swimming Pool/Football Field/Running Track /Innovation Building

Shrewsbury International School

5. นักเรียนปัจจุบันและนักเรียนที่จบไปแล้ว

ในระดับ Junior school คือตั้งแต่ Early Years 1 ใช้หลักการสอนแบบ Play-based learning เพื่อให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละวัย และปรับรูปแบบให้มีความเป็น Academic มากขึ้นตามวัย จนเข้มข้นไปถึง IGCSE ของ Year 10-11 และ A Level ของ Year 12-13 เพื่อเตรียมพร้อมไปต่อในมหาวิทยาลัยหรือสายอาชีพ ซึ่งวิธีนี้จะเปิดโอกาสให้เด็กค้นพบตัวตนและสิ่งที่ตนเองสนใจ

Year 12-13 จะได้รับการช่วยเหลือในการสอบ A Level ตั้งแต่การสมัครสอบ แนะแนวทางจนน้อง ๆ สามารถไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก ไม่ว่าจะในไทย, อเมริกา, UK หรือออสเตรเลีย เช่น มหาวิทยาลัยใน Ivy League และ Russell Group ซึ่งรวมถึง University of Oxford , University of Cambridge ส่วนใหญ่ศึกษาต่อในประเทศอังกฤษ อเมริกา

♥ Mommy love this! ♥

A: หมดกังวลทุกความเครียดของลูก เพราะที่นี่เป็นโรงเรียนที่มี Well-being department เพื่อดูแลเรื่องสุขภาพจิตของเด็กรับปรึกษาเกี่ยวกับการเรียน เพื่อน ครอบครัว

B: กิจกรรมพิเศษที่ถูกใจเด็กๆ อย่าง
• Soft play เล่นสนุกแบบได้ทักษะวิชาพละ Sand play หรือบ่อทราย บ่อปลา, Splash Pool สระน้ำขนาดเล็ก ระดับน้ำแค่ข้อเท้า รวมถึงหน้าห้องทุกห้องปูพื้นยาง เพื่อป้องกันเมื่อเด็กล้มแล้วจะไม่บาดเจ็บ ให้เด็กๆขี่จักรยานได้ มีบรรยากาศต้นไม้รายรอบ เป็นต้น
• ออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง เช่น Cooking class ห้องดนตรีและห้องสมุด
• ช่วงเวลา นั้นเด็ก ๆ สามารถเลือกเรียน Extra-Curricular ที่มีให้เลือกตามความสนใจซึ่งมีมากถึง 500 กิจกรรมสามารถเปลี่ยนไปได้ทุกเทอม เช่น หมากรุก เลโก้ ทำอาหาร เป็นต้น

C: ทางโรงเรียนให้ความสำคัญกับการคัดเลือกครูที่มาสอน ต้องได้มาตรฐานและมีวุฒิครูรับรองจากกระทรวงศึกษาของประเทศอังกฤษ QTS (Qualified Teaching Status) ซึ่งปัจจุบันมีอาจารย์ที่มีคุณวุฒิและประสบการณ์สูงจำนวน 200 คนประจำอยู่ที่นี่ ครูส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษ ยกเว้นครูสอนภาษาผู้เชี่ยวชาญ และครูทุกคนเป็นเจ้าของภาษาด้วย

ใครที่อยากพาลูกมาลองเรียนที่นี่ดู เขามี “Playgroup” สำหรับเด็กที่ไม่ใช่นักเรียน เปิดให้กับเด็กอายุ 1-4 ขวบ โดยจะมีครูที่เชี่ยวชาญด้าน playgroup เปิดรับสมัครคลาสละไม่เกิน 10 คน ด้วยค่ะ

Shrewsbury International School
Shrewsbury International School
Shrewsbury International School
Shrewsbury International School

หลักสูตรการสอน : British National Curriculum / Early Years Foundation Stage Framework (UK)

วิธีการเรียนการสอนแบบ Reggio Emilia Approach เน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้ โดยคุณครูผู้สอนจะดึงความสนใจและความอยากรู้ของเด็กออกมาเป็นแกนกระตุ้นให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจ ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆแบบเฉพาะเจาะจง (Personalized Approach)

  • ชั้นปีที่เปิดสอน : Early Years 1 – Year 13
  • รับอายุตั้งแต่ 3 ปี ถึง 18 ปี

จำนวนนักเรียนทั้งหมด 2000

  • อัตราส่วนครู:นักเรียนต่อห้อง EY1 = 1:5 , EY2 = 1:6
  • อัตราส่วนนร.ต่างชาติ:นร.ไทย 25:75

เวลาเข้าเรียน/เลิกเรียน

  • EY1 – EY2: เริ่ม 7.30 น.และ 8.00 น. – 14.30 น.

shrewsbury international school ค่าเทอม

  Per Term                Per Year
Early YearsEY1211,700635,100
 EY2222,900668,700
    
Pre-Prep  Y1-Y2250,500751,500
PrepY3-Y4268,700806,100
    
Prep Y5-Y6278,000834,000
SeniorY7-Y9287,400862,200
 Y10        368,3001,104,900
 Y11368,300736,600 (มีเรียน 2 เทอม)
 Y12369,8001,109,400
 Y13368,800736,600 (มีเรียน 2 เทอม)

Shrewsbury International School Bangkok Riverside / โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ กรุงเทพ ริเวอร์ไซด์

  • ที่อยู่ : 1922 (ระหว่างซอย 70-72) ถนนเจริญกรุง แขวง วัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม จังหวัด กรุงเทพ 10120
  • เวปไซต์ www.shrewsburry.ac.th/riverside
  • โทรศัพท์: 02 675 1888

เรื่อง : อัจฉรา จีนคร้าม

ภาพ : ศุภกร ศรีสกุล

keyboard_arrow_up