ขี้เซา

9 เคล็ดไม่ลับ ปลุกลูก ขี้เซา ให้ตื่นเช้าไปโรงเรียนแบบสดใส พร้อมเรียนรู้อย่างมีความสุข

Alternative Textaccount_circle
event
ขี้เซา
ขี้เซา

หลังจากหยุดยาวติดต่อกันมาหลายเดือน เด็ก ๆ เริ่มเปิดเทอมไปโรงเรียนกันแล้ว และในช่วงที่ไม่ได้ไปโรงเรียนนั้นทำให้เด็ก ๆ ส่วนหนึ่งได้กลายเป็นเด็ก ขี้เซา จนไม่อยากตื่นไปโรงเรียนกันเลยใช่ไหมคะ ยิ่งในช่วงแรก ๆ ของการเปิดเรียนที่เด็ก ๆ จะต้องปรับตัวใหม่ให้ตื่นเช้าขึ้นเพื่อตื่นมาทำกิจวัตรประจำวัน ไหนจะต้องเผื่อเวลาการเดินทางให้ไปก่อนโรงเรียนเข้า กลายเป็นเรื่องกุมขมับของคุณพ่อคุณแม่ขึ้นมาในช่วงเวลาเร่งด่วน มาดูเคล็ดลับที่จะช่วยปลุกลูกให้ตื่นเช้าไปโรงเรียนแบบสดใส กระปรี้กระเปร่า พร้อมที่จะไปโรงเรียนและทำกิจกรรมตลอดทั้งวันได้อย่างมีความสุขกันค่ะ

9 เคล็ดไม่ลับ ปลุกเด็ก ขี้เซา ให้ตื่นเช้า ไม่งอแงไปโรงเรียน

วิธีปลุกลูกให้ตื่นไปโรงเรียน

1.ให้ลูกเข้านอนเป็นเวลา

หลังจากที่การหยุดเรียนหลายเดือนสร้างความเคยชินกับการนอนดึกตื่นสายให้ลูก ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ต้องเริ่มปรับเวลาให้ลูกได้กลับมาเข้านอนให้เร็วขึ้นในเวลาหัวค่ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อจะได้มีเวลานอนที่นานขึ้น ตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรตอนเช้าได้อย่างสดใส ไม่อ่อนเพลีย ซึ่งการที่ร่างกายได้นอนหลับอย่างเพียงพอก็จะส่งผลดีต่อพัฒนาการสมองและการเจริญเติบโตของร่างกายลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเริ่มต้นเวลาเช้าที่ดีจะทำให้ตลอดทั้งวันของลูกพร้อมเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่ดี และมีความสุข สดใส

2.จัดตารางกิจกรรมก่อนนอน

การให้ลูกเข้านอนเป็นเวลาอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญต่อการตื่นเช้าในวันใหม่และได้การนอนหลับที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะในเด็กวัยเรียนควรได้นอนอย่างน้อย 9-10 ชั่วโมง ซึ่งการนอนหลับสนิทนั้นจะทำให้โกรทฮอร์โมนในช่วงกลางคืนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีผลต่อการเจริญเติบโตที่ของลูก แต่การจะบอกให้ลูกให้เข้านอนไวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะลูกจะมีเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงในการทำกิจกรรมหลังเลิกเรียนทั้งทำการบ้าน ออกไปวิ่งเล่น อ่านหนังสือ หรือเรียนพิเศษ ฯลฯ ดังนั้น ถ้าคุณพ่อคุณแม่ได้จัดตารางสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ของลูกเป็นเวลาได้อย่างเหมาะสมและมีกำหนดเวลาเข้านอนชัดเจน ก็จะทำให้ลูกได้ใช้เวลาอย่างเป็นประโยชน์ เมื่อร่างกายได้ใช้อย่างเต็มที่ก็จะทำให้ลูกรู้สึกอยากพักผ่อน นอนหลับสนิท และทำให้ลูกตื่นนอนตอนเช้า สมองแอคทีฟ พร้อมไปโรงเรียนด้วยความสบาย รู้สึกผ่อนคลาย ไม่งอแงในตอนตื่น

ปลุกลูกให้ตื่น

3.ใช้เสียงปลุกที่อบอุ่น

เสียงปลุกที่ดีที่สุดกลับไม่ใช้เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังกังวาน แต่เป็นเสียงกระซิบปลุกของคุณพ่อคุณแม่ที่ข้างหู “เช้าแล้วนะจ๊ะ ตื่นนอนได้” หรือ Good Morning อรุณสวัสดิ์ ด้วยน้ำเสียงที่สดใส อ่อนโยน พร้อมอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น หรือใช้มือลูบหัวหรือหลังของลูกเบา ๆ ก็จะช่วยปลุกเจ้าตัวเล็กให้ตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุข ไม่ควรปลุกลูกด้วยการตะโกนหรือตวาดเสียงดังที่อาจทำให้ลูกตกใจกลัว ไม่อยากตื่นนอน และทำให้การเริ่มต้นวันใหม่ของลูกกลายเป็นเรื่องแย่ หมดสนุกไปได้

4.ปลุกลูกด้วยเสียงเพลง

นอกจากเสียงปลุกของคุณพ่อคุณแม่แล้ว อาจจะใช้เสียงเพลงสนุกสนานที่ลูกชอบ เป็นเพลงจังหวะสนุกสนานเพื่อสร้างบรรยากาศแจ่มใสในยามเช้า ให้ลูกตื่นมาด้วยความสดใส ลุกขึ้นมาขยับร่างกายเล็กน้อย เพื่อให้สมองของลูกตื่นตัว สร้างความกระปรี้กระเปร่าพร้อมทำกิจวัตรยามเช้าก่อนไปโรงเรียนได้อย่างอารมณ์ดี

วิธีปลุกลูกให้ตื่น

5.ปลุกลูกด้วยแสงธรรมชาติ

ก่อนเข้านอนคุณพ่อคุณแม่เปิดผ้าม่านออกเล็กน้อย เพื่อให้แสงสว่างจากพระอาทิตย์ยามเช้าส่องเข้ามาในห้องนอน เป็นสัญญานให้เด็ก ๆ ได้รู้ว่าถึงเวลาเช้าของพวกเขาแล้ว และพร้อมที่จะตื่นมาขึ้นมาได้เองอย่างเป็นธรรมชาติ

6.ปลุกลูกให้เร็วขึ้น 10 นาที

การปลุกเด็ก ๆ ที่กำลังนอนหลับสบายให้ลุกขึ้นมาตื่นในตอนเช้าอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายในช่วงแรก ๆ ของการเปิดเทอมไปโรงเรียน ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรจะเผื่อเวลาปลุกลูกให้เร็วขึ้นประมาณ 10-15 นาที เพื่อให้ช่วงเวลายามเช้าที่เร่งรีบของทุกคนไม่รีบจนเกินไป

7.ให้ลูกจัดเตรียมชุดนักเรียนและสิ่งของไปโรงเรียนด้วยตัวเอง

ก่อนเข้านอนนั้นคุณพ่อคุณแม่ลองฝึกให้ลูกได้เตรียมชุดนักเรียน สิ่งของเครื่องใช้ลงกระเป๋า และจัดตารางสอนตามตารางเรียนในวันถัดไปด้วยตัวเอง เพื่อให้ลูกรู้สึกกระตือรือร้นที่อยากจะให้ถึงเวลาเช้าเร็ว ๆ เพื่อที่จะได้ตื่นขึ้นมาไปโรงเรียน การให้ลูกได้ทำเช่นนี้ทำให้ลูกได้เรียนรู้ว่าการจัดเตรียมทุกอย่างล่วงหน้า จะทำให้ตอนเช้าไม่ต้องเร่งรีบจนเกินไป ไม่หลงลืมสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ ทั้งยังเป็นการหัดให้ลูกได้ช่วยเหลือดูแลตัวเองและรู้จักรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองได้อีกทางด้วย

ฝึกลูกตื่นเช้าไปโรงเรียน

8.ปรับสภาพห้องนอน

ควรทำให้ห้องนอนลูกเป็นห้องสำหรับนอนหลับอย่างแท้จริง เมื่อถึงเวลาเข้านอนคุณแม่ควรสร้างบรรยากาศในห้องด้วยการใช้แสงไฟสลัวที่ทำให้ลูกรู้ว่านี่คือเวลาเข้านอนแล้วนะ ให้ลูกงดดูทีวี หรือปิดหน้าจอทีวี คอมพิวเตอร์ ฯลฯ หรืออุปกรณ์ที่ทำให้ห้องมีแสงสว่างเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการนอน ใช้เวลาก่อนนอนประมาณ 15 นาทีในการหนังสือให้ลูกฟังซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ลูกได้นอนหลับสบาย หรือเปิดเสียง White noise ที่เป็นคลื่นเสียงธรรมชาติ เช่น เสียงฝนตก เสียงคลื่นทะเล เสียงลมพัด เสียงน้ำไหล เสียงนกร้อง ฯลฯ ในระหว่างพาลูกเข้านอน ก็จะช่วยกล่อมลูกรักให้นอนหลับง่ายขึ้น และทำให้ตอนเช้าตื่นนอนขึ้นมาอย่างกระปรี้ประเปร่า อารมณ์แจ่มใส

ตัวอย่างเสียง white noise 

9.เก็บที่นอนหลังลุกจากเตียง

เพื่อไม่ทำให้ลูกขี้เซางัวเงีย หลังจากปลุกลูกให้ลุกจากที่นอนแล้ว ลองชวนให้เด็ก ๆ เก็บที่นอนด้วยตัวเอง เพื่อที่จะได้ไม่ล้มตัวกลับลงนอนอีกครั้ง หรือกระโดดตบขึ้นลงซัก 2-3 ครั้งเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เป็นการวอร์มร่างกายรู้สึกกระฉับกระเฉงในเช้าวันใหม่ ทั้งยังเป็นการฝึกให้ลูกรู้จักรับผิดชอบ สร้างนิสัยความมีระเบียบวินัย และทำให้ลูกรู้สึกภาคภูมิใจในการช่วยคุณแม่ทำสิ่งดี ๆ ในยามเช้าอีกด้วย

หลังจากที่ลองใช้วิธีเหล่านี้ปลุกลูกให้ตื่นเช้าอย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ วัน ก็จะช่วยให้เด็ก ๆ เริ่มปรับตัวและมีการจัดระเบียบชีวิตให้ดีขึ้นได้ ส่งผลต่อวินัยเชิงบวกที่จะทำให้ลูกดูแลรับผิดชอบช่วยเหลือตัวเองได้ในทุกเช้า พร้อมที่จะไปโรงเรียนในเช้าวันใหม่ได้อย่างสดใส มีความสุข ที่สำคัญคุณแม่ควรเตรียมอาหารเช้าให้ลูกได้รับประทานก่อนไปโรงเรียน ที่จัดเป็นมื้อสำคัญต่อการเรียนรู้และอารมณ์ของเด็ก ๆ ได้ดีตลอดทั้งวันนะคะ.

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.mgronline.comwww.aboutmom.cowww.nurtureandthriveblog.com

อ่านต่อบทความอื่นที่น่าสนใจ:

วิจัยชี้! ตื่นเช้า อายุยืน นอนตื่นสายเสี่ยงอายุสั้น

ปลุกลูกตื่นเช้า ด้วย 3 เทคนิค เพราะร่างกายลูก 7 – 12 ขวบมักขี้เซา

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up