พัฒนาการทารก 7 เดือน วัยแห่งการเล่น สำรวจ เรียนรู้!!

Alternative Textaccount_circle
event

พัฒนาการทารก 7 เดือน เป็นช่วงที่ยุ่งของพ่อแม่มากกว่า 6 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากลูกเริ่มเคลื่อนไหวได้มากขึ้น และชอบนำสิ่งของเข้าปาก จึงต้องคอยระวังเป็นพิเศษ

พัฒนาการทารก 7 เดือน วัยแห่งการเล่น สำรวจ เรียนรู้!!

หากทารกยังไม่เริ่มนั่งได้เอง หรือฟันซี่แรกยังไม่เริ่มขึ้น เหตุการณ์เหล่านั้นอาจจะเริ่มเกิดขึ้นในเดือนนี้ได้ นอกจากความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว ยังมีความเปลี่ยนแปลงด้านใดบ้าง ที่อาจจะเกิดขึ้นในเดือนนี้ ทีมกองบรรณาธิการ ABK ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ พัฒนาการทารก 7 เดือน มาให้แล้วค่ะ

ทารกนั่งได้เองโดยไม่ต้องประคอง หรือมีหมอนหนุน
ทารกนั่งได้เองโดยไม่ต้องประคอง หรือมีหมอนหนุน

การเจริญเติบโตทางร่างกาย

ในเดือนนี้ ทารกอาจมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนประมาณ 450-560 กรัม และส่วนสูงอาจเพิ่มขึ้นประมาณ 1-2 เซนติเมตร

ทารกเพศชาย

น้ำหนักประมาณ 8 กิโลกรัม

ส่วนสูงประมาณ 68 เซนติเมตร

ทารกเพศหญิง

น้ำหนักประมาณ 7 กิโลกรัม

ส่วนสูงประมาณ 66 เซนติเมตร

ทั้งนี้การเจริญเติบโตของทารกแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป ทารกที่น้ำหนักและส่วนสูงไม่ตรงตามค่าเฉลี่ยดังกล่าว อาจเป็นทารกที่มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ได้

ทารกอาจเริ่มมีฟันงอกขึ้น ในช่วงอายุ 5-7 เดือน ลองสังเกตว่าทารกมีอาการร้องไห้งอแงผิดปกติ หรือมีน้ำลายไหลหรือไม่ ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากอาการเจ็บเหงือก เพราะฟันจะเริ่มขึ้นนั่นเอง โดยฟัน 2 ซี่ด้านล่างอาจงอกขึ้นก่อน ต่อด้วยฟัน 2 ซี่ด้านบน และฟันด้านข้างควรจะงอกขึ้นมาภายในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า แต่ทั้งนี้ทารกบางคนฟันอาจไม่ขึ้นในช่วงเวลานี้ ทารกบางคนอาจมีฟันงอกขึ้นมาตั้งแต่แรกคลอดได้ หรือบางคนอาจเริ่มมีฟันงอกหลังจากอายุครบ 1 ปีแล้วก็ได้

การรับประทาน

ทารก 7 เดือน ยังคงดื่มนมแม่หรือนมผงเป็นอาหารหลัก สำหรับนมแม่ ทารกจะดื่มทุก 3-4 ชั่วโมง หากคุณแม่ต้องการปั๊มนมเก็บไว้ ควรปั๊มเก็บไว้ประมาณ 740 มิลลิลิตร หรือ 25 ออนซ์ต่อวัน แล้วแบ่งให้เท่ากับจำนวนที่ทารกดื่มในแต่ละวัน สำหรับทารกที่ดื่มนมผง ควรให้ดื่มคร้้งละประมาณ 180-240 มิลลิลิตร หรือประมาณ 6-8 ออนซ์ โดยให้ดื่ม 4-6 ครั้งต่อวัน

ในวัยนี้ทารกบางคนอาจมีฟันขึ้นมาหลายซี่แล้ว การรับประทานอาหารจึงสามารถทานได้หลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่แค่ดื่มนมแม่หรือนมผงเท่านั้น ทารกที่เริ่มทานอาหารบด ผักบด ผลไม้บด ในช่วงอายุ 4-6 เดือน สามารถเริ่มทานอาหารที่แข็งขึ้นมาเล็กน้อยได้ เช่น ผัก ผลไม่ ข้าวสวย เพื่อให้ทารกได้ฝึกการทานอาหารที่มีเนื้อหยาบขึ้น และฝึกการเคี้ยว ควรเริ่มให้อาหารที่มีเนื้อหยาบ 1-2 มื้อต่อวัน อาจเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย จนเพิ่มขึ้นถึง 120-180 มิลลิลิตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของทารกแต่ละคน

อาหารที่เหมาะสำหรับทารก 7 เดือน

ธัญพืช

ทารกเริ่มเคี้ยวธัญพืชต่าง ๆ ได้ดีขึ้น เช่น

  • ข้าวสวย
  • ฃ้าวกล้อง
  • ข้าวบาร์เลย์
  • ข้าวโอ๊ต
  • ข้าวฟ่าง
  • ลูกเดือย

ผัก

อาจนำไปบดหรือต้มจนนิ่มก่อน เพื่อให้ทารกทานได้ง่ายขึ้น เช่น

  • ฟักทอง
  • แครอท
  • อะโวคาโด
  • ดอกกะหล่ำ
  • หน่อไม้ฝรั่ง
  • บร็อคโคลี่
  • ผักโขม
  • ผักคะน้า
  • กะหล่ำปลี
  • บวบ

ผลไม้

อาจยังต้องเลือกผลไม้ที่สุกแล้ว หรือมีเนื้อนิ่ม เพื่อทารกจะได้เคี้ยวง่าย หรืออาจนำผลไม้มาบดก่อนได้ เช่น

  • กล้วย
  • แอ๊ปเปิ้ล
  • มะม่วง
  • บลูเบอรี่
  • กีวี
  • ลูกแพร์
  • สตรอเบอรี่
  • มะละกอ
  • ส้ม
  • แตงโม
  • ลูกพีช
  • ลูกพลัม
อาหารเสริม
อาหารเสริม

อาหารประเภทแป้ง

ทารกในวัยนี้สามารถย่อยอาหารประเภทแป้งได้ดีขึ้น และยังมีคาร์โบไฮเดรต ซึ่งจะช่วยสร้างพลังงานให้กับทารกอีกด้วย เช่น

  • ข้าว
  • ขนมปัง
  • พาสต้า
  • มันฝรั่ง
  • มันเทศ
  • ธัญพืชจำพวกข้าวต่าง ๆ

อาหารประเภทโปรตีน

โปรตีน เป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยในการเจริญเติบโตของทารก อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ กระดูก และเสริมพลังงานได้เป็นอย่างดี แต่อาหารประเภทโปรตีนบางชนิดเป็นอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ซึ่งมีเนื้อที่แข็ง จึงควรนำไปต้ม บด หรือปั่น ให้นิ่มก่อน เพื่อง่ายต่อการเคี้ยวของทารก อาหารประเภทโปรตีน เช่น

  • เนื้อหมู
  • เนื้อวัว
  • เนื้อไก่
  • ปลา
  • ไข่
  • ถั่ว
  • เต้าหู้

ผลิตภัณฑ์จากนม

ในวัยนี้ทารกสามารถย่อยโปรตีนในนมได้ดีขึ้น จึงสามารถเริ่มดื่มนม หรือทานอาหารที่ผลิตจากนมวัวได้มากขึ้น เช่น

  • นมวัวพาสเจอร์ไรส์
  • นมแพะ
  • นมแกะ
  • โยเกิร์ต
  • ชีส

การนอน

ทารกวัย 7 เดือน ควรนอนวันละประมาณ 14 -15 ชั่วโมง โดยนอนตอนกลางคืนประมาณ 6 – 11 ชั่วโมง ทั้งนี้ทารกบางคนอาจหลับยาวถึงเช้า แต่บางคนอาจตื่นในเวลากลางคืนได้ และนอนกลางวันรวมทั้งหมดประมาณ 3-4 ชั่วโมง ประมาณ 2 ครั้ง

การใช้กล้ามเนื้อ

  • ทารกสามารถนั่งได้เองโดยไม่ต้องประคองหรือมีหมอนหนุน
  • อาจยืนทรงตัวได้โดยมีผู้ใหญ่คอยประคองอยู่
  • สามารถเอื้อมเอาสิ่งของเข้ามาหาตัว และใช้มือจับไว้ได้
  • ถือแก้วน้ำ และยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเองได้ และอาจทานอาหารจากช้อนได้
  • อาจเริ่มคลาน กลิ้ง หรือไถลำตัวไปกับพื้นรอบ ๆ ห้องได้แล้ว หรือทารกอาจใช้หลายวิธีร่วมกัน เพื่อช่วยในการเคลื่อนที่

การมองเห็นและการได้ยิน

ระยะในการมองเห็นพัฒนาขึ้น และสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ เป็นภาพสีได้แล้ว นอกจากนี้การได้ยินก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน เมื่อทารกได้ยินเสียงพูด อาจรู้ได้ว่าผู้พูดอยู่ตรงไหน และทารกยังอาจพยายามเลียนแบบเสียง และวิธีการพูดอีกด้วย

การสื่อสาร

ความจำจะพัฒนาขึ้นมาก ทารกอาจรู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งของต่าง ๆ แม้ว่าตนเองจะมองไม่เห็นสิ่งของนั้นแล้ว โดยสังเกตได้จากการที่ทารกเริ่มโยนสิ่งของลงพื้นแล้วมองตามสิ่งของนั้น

ทารกจะเริ่มเข้าใจความหมายของคำพูดมากขึ้น โดยทารกอาจหันไปหาเสียงที่เรียกชื่อของตนเอง หรือแสดงปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อถูกปฏิเสธแม้จะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งทุกครั้งก็ตาม นอกจากนี้ทารกอาจพยายามสื่อสารโดยการใช้เสียง อาจส่งเสียงที่แตกต่างกัน เช่น หัวเราะ หรือออกเสียงสั้น ๆ ต่อเนื่องกัน โดยสามารถออกเสียงสระและพยัญชนะได้ เช่น ปะปา มะมา

ทารกอาจสื่อสารอารมณ์ต่าง ๆ โดยการแสดงออกทางใบหน้า และยังเข้าใจความรู้สึกของผู้พูดจากน้ำเสียงและสีหน้าได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังอาจมีอาการติดแม่ หากคุณแม่ต้องออกไปนอกบ้าน อาจต้องรอจนกว่าลูกจะหลับ หรือให้ผู้ที่ช่วยดูแลเบี่ยงเบนความสนใจของทารกไว้ขณะจะออกนอกบ้าน หากลูกร้องไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะทารกจะหยุดร้องเองในเวลาไม่นาน

เคล็บลับการดูแลทารกวัย 7 เดือน

การเลี้ยงดูทารกนั้น ควรเรียนรู้วิธีส่งเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ เพื่อให้ทารกเติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรง เคล็ดลับต่าง ๆ มีดังนี้

  • ให้ทารกนั่งเก้าอี้สูงหรือเก้าอี้ทานข้าว เพื่อให้ทารกได้ร่วมรับประทานอาหารกับครอบครัว และได้ฝึกทารกให้ทานอาหารเองได้
  • ชอบเล่นจ๊ะเอ๋ ทารกจะหัวเราะอย่างสนุกสนาน ช่วยพัฒนาทางด้านอารมณ์
  • นำผ้าห่มมาปิดลูกบอลหรือตุ๊กตา แล้วเปิดผ้าห่มออก ทารกจะสนุกกับเกมส์ และช่วยทำให้ทารกได้เรียนรู้ถึงการมีอยู่อย่างถาวรของวัตถุสิ่งของ
  • นำของเล่นมาวางไว้ในจุดที่ไม่สามารถเอื้อมถึง เพื่อให้ทารกพัฒนาการเคลื่อนไหว โดยพยายามไปหยิบของเล่น
  • อ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟัง และอธิบายว่ามีอะไรอยู่ในภาพบ้าง
  • เล่น และพูดคุยกับลูกเป็นประจำ เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อและภาษา
  • ควรใช้ยางกัดหรือผ้าให้ทารกกัด เพื่อบรรเทาอาการเจ็บเหงือกเมื่อเริ่มมีฟันขึ้น ไม่ควรใช้เจลบรรเทาอาการเจ็บเหงือก ที่มีส่วนผสมของสารเบนโซเคน เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้
  • หากทารกมีฟันขึ้นแล้ว ควรแปรงฟันทุกวัน โดยใช้แปรงสีฟันเด็กที่ขนนุ่ม และใส่ยาสีฟันเล็กน้อย
  • ควรเก็บของมีคม สารเคมี และสิ่งของต่างๆที่เป็นอันตรายต่อทารก เนื่องจากวัยนี้สามารถเคลื่อนที่ได้บ้างแล้ว นอกจากนี้ควรปิดปลั๊กไฟไม่ให้ทารกใช้นิ้วแหย่เข้าไปได้

พัฒนาการทารก 7 เดือนที่ ทีมกองบรรณาธิการ ABK รวบรวมข้อมูลมาฝากนี้ คงจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่นำไปเป็นคู่มือในการดูแลลูกน้อยกันนะคะ

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

ฝึกลูกนั่งคาร์ซีท ทำอย่างไร? ให้ลูกแฮปปี้..ดี๊ดีตลอดทริป

ลูกขยี้ตา คันตาบ่อย ๆ ระวังเป็นตาแดงรับเปิดเทอม

5 ข้อดีให้ลูกน้อยใช้ “ยางกัด” พร้อมวิธีทำความสะอาด

หยุดก่อนแม่!ทำตามเขาแต่หนูเสี่ยง ป้อนกล้วยลูก ถึงตาย

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.pobpad.com, https://hellokhunmor.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up