คุณแม่ Full Time เลี้ยงลูกอยู่บ้าน สบายที่สุด (จริงหรือ?)

event

คุณแม่ฟูลไทม์

เป็นคุณแม่ฟูลไทม์ สบายจริงหรือ?

ทั้งนี้ ดร.Robi Ludwig นักจิตวิทยาชื่อดังในนิวยอร์ก เผยว่า “การอยู่โดดเดี่ยว คือ สัญญาณอันตราย เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม การที่มนุษย์แยกตัวอยู่คนเดียว จะยิ่งเพิ่มความรู้สึกไม่ดีให้กับตัวเอง มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวไม่ถูกใจ หรืออาจกล่าวได้ว่า การอยู่อย่างโดดเดี่ยวนั้นจะทำให้ผู้คนมองโลกในแง่ลบ และอาจเกิดการทำร้ายตัวเองได้”

นั่นจึงเป็นเหตุผลสำหรับที่ทำให้แม่ฟูลไทม์อาจเกิดความรู้สึกในแง่ลบนี้ได้โดยง่าย เมื่ออะไรๆ ในบ้านก็ต้องแบกอยู่บนบ่าของเธอแต่เพียงลำพัง ทั้งการเลี้ยงลูก การทำงานบ้าน การดูแลเรื่องอาหารให้กับคนในครอบครัว แถมทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นงานที่ไม่มีวันเสร็จเสียด้วย

สิ่งเหล่านี้สร้างความอ่อนล้าและความเครียดให้กับคุณแม่มือใหม่ได้ Amarin Baby & Kids จึงขอนำเคล็ดลับสำหรับคุณแม่ Full time และคุณแม่มือใหม่เพื่อรับมือกับสถานการณ์อ่อนล้าในช่วงแม่ลูกอ่อนมาฝากค่ะ

  1. ปรับชีวิตให้ช้าลง ชีวิตของผู้ใหญ่ในปัจจุบันต่างเร่งรีบดำเนินไปแข่งกับเวลา แต่สำหรับชีวิตของเด็กทารกแล้ว เขาก้าวย่างด้วยอัตราเร็วที่ช้ากว่าเรามาก ๆ คุณแม่เองลองปรับการใช้ชีวิตของตัวเองให้ช้าลงตาม คุณก็จะรู้สึกเย็นลง และผ่อนคลายมากขึ้นได้ค่ะ
  2. มองโลกในแง่ดี คุณจะได้ชื่อว่าเป็นคุณแม่มือใหม่เพียงแค่ไม่กี่เดือนหลังจากคลอดลูกเท่านั้น อาจจะเหนื่อยอย่างนี้ไปสักพัก แต่จะไม่ยาวนานแน่นอน ลองคิดดูว่าคุณสามารถทำอะไรให้ลูกในช่วงเวลานี้ได้บ้างดีกว่า และลงมือทำมันให้ได้มากที่สุด
  3. งีบหลับทุกเมื่อที่มีโอกาส พยายามงีบหลับให้ได้ทุกเมื่อที่มีโอกาส เช่นในยามที่ลูกหลับปุ๋ย หรือยามที่มีคนคอยดูแลลูกน้อยแทน แม้อาจเป็นเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง แต่มันก็ทำให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นได้
  4. หาทางผ่อนคลายตัวเองบ้าง การดูแลลูกน้อยกินพลังงานคุณไปมาก จึงจำเป็นที่จะต้องเติมพลังงานให้กลับมาเต็มเปี่ยมเหมือนเดิม ลองหากิจกรรมที่ชื่นชอบที่คุณสามารถทำได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง อย่างออกไปเดินเล่น อ่านหนังสือ แช่น้ำอุ่น จิบน้ำชา นั่งคุยกับเพื่อนบ้าน ก็จะช่วยให้คุณเติมความสดชื่นและคืนพลังงานกลับมาได้อีกครั้ง
  5. ไม่ตั้งความหวังสูงกับสิ่งที่วางแผนไว้ คุณแม่หลาย ๆ คนออกจากงานเพื่อทุ่มเวลาให้กับการเลี้ยงเจ้าตัวน้อยโดยเฉพาะ หลาย ๆ คนก็คาดหวังไว้ว่าอาจรับทำงานที่บ้าน จัดบ้าน ทำสวน หรือปลูกต้นไม้ ดอกไม้ ให้สวยงาม แต่ในความจริงการเลี้ยงเด็กอ่อนอาจยุ่งกว่าที่คุณคิด คุณอาจไม่ได้ลงมือทำในสิ่งที่คาดไว้สักอย่างเลยก็ได้ และเพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกท้อแท้ผิดหวัง สู้คาดหวังแต่เรื่องดูแลลูกให้ดี และค่อยแบ่งเวลาว่าง (ถ้าหากมี) ไปทำงานที่อยากทำจะดีกว่า
  6. รับความช่วยเหลือจากคนอื่น และขอความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้าง อย่าลังเลขลาดเขินที่จะตอบรับความช่วยเหลือของคนอื่นบ้าง เช่น พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท หรือว่าเพื่อนบ้าน ที่อาสาช่วยดูแลเจ้าหนูน้อยของคุณให้ เพื่อคุณจะได้มีเวลาส่วนตัวเล็ก ๆ บ้าง หรือบางทีการที่คุณแสดงออกว่าเป็นคุณแม่คนเก่งและแกร่ง ที่สามารถดูแลลูกด้วยตนเองได้ อาจทำให้คนที่คอยเป็นห่วงอยากจะช่วยเหลือรู้สึกขลาดเขินที่จะออกปากเสนอตัวคอยช่วย แต่เชื่อเถอะ ถ้าวันไหนที่คุณเหนื่อยล้ามาก ๆ ลองออกปากขอความช่วยเหลือฝากดูแลลูกน้อยสักหน่อย คนที่คอยเป็นห่วงรอบ ๆ ตัวคุณเขาจะไม่ลังเลที่จะตอบตกลงเลยล่ะ
  7. ยอมรับตัวเองว่ารู้สึกอ่อนไหวง่ายขึ้น คุณแม่บางคนรู้สึกว่าตัวเองอ่อนไหวมากขึ้น แค่เรื่องลูกมากระทบนิด ๆ หน่อย ๆ ก็พาลจะร้องไห้ หลาย ๆ คนไม่ชอบที่ตัวเองเป็นเช่นนี้ แต่การอ่อนไหวไม่ได้แปลว่าอ่อนแอหรอกนะคะ อารมณ์เช่นนี้เหมือนจะเกิดขึ้นเป็นธรรมชาติ เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งได้ก้าวขึ้นมาเป็นแม่ ดังนั้นมาเปิดใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ในจุดนี้ของตัวเองดีกว่า แล้วคุณจะสบายใจขึ้นเยอะเลยล่ะค่ะ

เพราะก้าวแรกของการเป็นแม่ จะเติบโตและพัฒนาไปพร้อม ๆ กับก้าวย่างในชีวิตของเจ้าหนูตัวน้อยของคุณเช่นกันค่ะ แม้จะเหนื่อยบ้าง เครียดบ้าง ท้อบ้าง แต่เรามั่นใจว่าด้วยสัญชาติญาณของความเป็นแม่ คุณจะผ่านพ้นมันไปได้อย่างแน่นอน และอย่าลืมดูแล ผ่อนคลายตัวเอง ตามคำแนะนำที่เรานำมาฝากกันนะคะ อย่างไรก็ดีทาง Amarin Baby & Kids ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณแม่ full time ทุกคนด้วยนะคะ เพราะไม่มีอาชีพไหนยิ่งใหญ่และมีค่ามากไปกว่าอาชีพ “แม่” อีกแล้ว ♥ ^^

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.manager.co.th , www.bonnypure.com , www.formom.co , baby.kapook.com

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up