รีไฟแนนซ์บ้านดีอย่างไร? มีอะไรที่ควรรู้บ้างก่อนรีไฟแนนซ์บ้าน

รีไฟแนนซ์บ้าน หรือ Refinance บ้าน คือหนึ่งในวิธีการวางแผนการเงินที่เจ้าของบ้านหลายคนให้ความสนใจ เพราะการรีไฟแนนซ์บ้านสามารถช่วยลดภาระดอกเบี้ย และปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับสภาพคล่องของคุณได้ โดยเฉพาะเมื่ออัตรา ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน 2568 ทุกธนาคาร มีการแข่งขันกันสูง ทำให้ผู้กู้มีทางเลือกที่ดีกว่าเดิม


สารบัญ


รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร?

การ รีไฟแนนซ์บ้าน คือ การย้ายสินเชื่อบ้านจากธนาคารเดิมไปยังธนาคารใหม่ หรืออาจจะอยู่ธนาคารเดิมแต่เปลี่ยนสัญญา เพื่อให้ได้เงื่อนไขที่ดีกว่า เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง วงเงินสินเชื่อที่มากขึ้น หรือระยะเวลาผ่อนที่ยืดหยุ่นกว่าเดิม โดยปกติแล้วเจ้าของบ้านมักจะเลือกรีไฟแนนซ์บ้านหลังผ่อนมาแล้ว 3 ปีขึ้นไป เพื่อปรับเงื่อนไขให้เหมาะสมกับภาระการเงินในปัจจุบัน


พาส่อง 5 ข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้าน

สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน

การรีไฟแนนซ์บ้าน ไม่เพียงช่วยลดภาระทางการเงิน แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการจัดการหนี้สินและสร้างความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น มาดูกันว่าข้อดีหลัก ๆ ของสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านมีอะไรบ้าง

1. เพิ่มวงเงินสินเชื่อ

เมื่อบ้านหรือที่ดินมีมูลค่าเพิ่มขึ้น คุณสามารถรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อขอวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมได้ วงเงินส่วนนี้สามารถนำไปใช้ปรับปรุงบ้าน ลงทุน หรือใช้จ่ายจำเป็นอื่น ๆ ได้ตามต้องการ

2. ลดดอกเบี้ยบ้านที่ต้องจ่ายรายเดือน

การย้ายไปยังธนาคารที่เสนอดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านที่ต่ำกว่า ช่วยให้ค่างวดรายเดือนลดลงทันที เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดภาระการเงินและมีเงินเหลือใช้มากขึ้นในชีวิตประจำวัน

3. ผ่อนบ้านหมดไวขึ้น

เมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำลง เงินที่ผ่อนในแต่ละงวดจะถูกนำไปตัดหนี้เงินต้นได้มากขึ้น ส่งผลให้ผ่อนบ้านหมดเร็วกว่าแผนการผ่อนเดิม

4. ปรับเงื่อนไขสัญญาเงินกู้ให้เหมาะกับชีวิตปัจจุบัน

การรีไฟแนนซ์บ้าน เปิดโอกาสให้คุณเลือกปรับระยะเวลาผ่อนให้ยืดหยุ่นขึ้น หรือเลือกวิธีผ่อนที่สอดคล้องกับรายได้ ทำให้การจัดการหนี้สบายใจขึ้น ไม่กดดันทางการเงินมากเกินไป

5. สิทธิพิเศษและโปรโมชั่นจากธนาคาร

การรีไฟแนนซ์บ้าน ในปี 2568 นี้ หลายธนาคารออกแคมเปญแข่งขันกัน ทั้งการยกเว้นค่าธรรมเนียม ค่าประเมิน หรือมอบประกันบ้านฟรี การรีไฟแนนซ์จึงไม่ได้ช่วยประหยัดเพียงดอกเบี้ย แต่ยังได้สิทธิพิเศษเพิ่มเติมที่คุ้มค่า


อยากรีไฟแนนซ์บ้านมีอะไรที่ต้องเตรียมตัวบ้าง?

เตรียมตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ก่อนจะยื่นรีไฟแนนซ์บ้าน ควรทำความเข้าใจวิธีรีไฟแนนซ์บ้าน และเตรียมความพร้อมดังนี้

  • ตรวจสอบสัญญาเงินกู้เดิม ว่าครบกำหนดผ่อนขั้นต่ำ 3 ปีหรือยัง เนื่องจากการรีไฟแนนซ์จะต้องผ่อนบ้านมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี จึงจะยื่นรีไฟแนนซ์ได้
  • เปรียบเทียบดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน 2568 ทุกธนาคาร เพื่อหาข้อเสนอที่ดีที่สุด และตรงตามความต้องการที่สุด
  • คำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดก่อน เช่น ค่าประเมินบ้าน ค่าธรรมเนียมจดจำนอง และค่าอากร
  • เตรียมเอกสารรีไฟแนนซ์บ้าน ให้ครบ เพื่อให้การอนุมัติไว ไม่ต้องเสียเวลายื่นเอกสารเพิ่มเติมอีก

เอกสารที่ต้องใช้ในการรีไฟแนนซ์บ้าน

Refinance บ้าน

การขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ต้องใช้เอกสารสำคัญที่คล้ายกับการกู้บ้านครั้งแรก ได้แก่

  • สำเนาบัตรประชาชน และทะเบียนบ้าน
  • สัญญาเงินกู้และบัญชีเงินกู้จากธนาคารเดิม
  • หนังสือแสดงภาระหนี้คงเหลือ
  • เอกสารแสดงรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หรือ Statement ย้อนหลัง
  • โฉนดที่ดินและเอกสารสิทธิ์บ้าน

หากเตรียมเอกสารรีไฟแนนซ์บ้านครบถ้วน จะช่วยให้กระบวนการดำเนินการราบรื่นและมีโอกาสอนุมัติผ่านไว


รีไฟแนนซ์บ้าน เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ทำได้ไม่ยุ่งยาก

การรีไฟแนนซ์บ้านถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการเงินที่ช่วยให้เจ้าของบ้านลดภาระดอกเบี้ย ปรับโครงสร้างหนี้ และยังเพิ่มสภาพคล่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะต้องการลดค่างวดรายเดือน เร่งปิดหนี้ให้หมดไวขึ้น หรือใช้วงเงินที่เหลือไปต่อยอดเป็นสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านสำหรับการลงทุนเพิ่มเติมก็สามารถทำได้ง่ายและไม่ซับซ้อน

รีไฟแนนซ์บ้านในปี 2568 หลายธนาคารต่างออกข้อเสนอที่น่าสนใจ ทั้งการลดอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน การยกเว้นค่าธรรมเนียม ไปจนถึงโปรโมชันเสริมพิเศษ เพื่อช่วยให้เจ้าของบ้านสามารถวางแผนการเงินได้คุ้มค่าที่สุด และหากคุณเป็นผู้ประกอบการ การรีไฟแนนซ์ยังสามารถช่วยเสริมสภาพคล่องและต่อยอดไปสู่ สินเชื่อธุรกิจ ได้อีกด้วย

หากคุณกำลังลังเลว่าจะรีไฟแนนซ์บ้านที่ไหนดี ให้ Refinn ช่วยเป็นผู้ช่วยเปรียบเทียบ ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน 2568 ทุกธนาคาร ได้ง่าย ๆ ภายในไม่กี่คลิก เพื่อให้คุณมั่นใจว่าได้เงื่อนไขที่ตอบโจทย์ที่สุดสำหรับทั้งบ้านและธุรกิจของคุณ


    Tags

    ลมชัก

    ลมชัก ไม่ใช่เรื่องไกลตัว รู้จักโรคให้มากขึ้น พร้อมวิธีดูแลรักษา

    ลมชัก คืออะไร? สาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษาที่ควรรู้

    ลมชัก เป็นภาวะทางระบบประสาทที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย ซึ่งมีสาเหตุจากการปล่อยคลื่นไฟฟ้าในสมองที่ผิดปกติ ทำให้ร่างกายเกิดการชักเกร็งแบบควบคุมไม่ได้ โดยโรคลมชักสามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างมากหากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม

    บทความนี้จะพาผู้อ่านไปรู้จักกับโรคลมชักให้มากขึ้น ทั้งในแง่ของสาเหตุ อาการ การวินิจฉัย และการดูแลรักษา หากพร้อมแล้ว สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ด้านล่างนี้เลย!


    สารบัญบทความ

    ลมชักคืออะไร? สาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษาที่ควรรู้


    ลมชัก (Epilepsy) คืออะไร?

    โรคลมชัก หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “ลมบ้าหมู” คือ ภาวะผิดปกติทางระบบประสาทที่เกิดจากการปล่อยคลื่นไฟฟ้าที่ผิดปกติออกมาพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการชักเกร็งหรือชักกระตุกอย่างฉับพลัน โดยรูปแบบการชักจะมีหลายระดับ ตั้งแต่การชักแบบเหม่อลอย การชักชั่วขณะ หรือชักรุนแรงจนหมดสติ การทำความเข้าใจโรคนี้อย่างถูกต้องจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่เหมาะสม


    ลมชักมีสาเหตุจากอะไร?

    ลมชัก สาเหตุ

    ลมชักเป็นภาวะผิดปกติที่เกิดจากการทำงานของคลื่นไฟฟ้าในสมองที่ผิดปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่อาการชักหรือหมดสติชั่วคราว หลายคนอาจสงสัยว่า ลมชักเกิดจากอะไร โดยความจริงแล้วลมชักมีสาเหตุได้หลากหลาย เช่น

    • ความผิดปกติทางพันธุกรรม
    • การบาดเจ็บที่สมองจากอุบัติเหตุหรือการกระทบกระเทือน
    • ภาวะขาดออกซิเจน เช่น การคลอดก่อนกำหนด โรคหลอดเลือดสมอง หรือการจมน้ำ
    • การติดเชื้อในระบบประสาท เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
    • เนื้องอกในสมองหรือภาวะสมองเสื่อม
    • ปัจจัยอื่น ๆ เช่น การอดนอน การเจอแสงกะพริบ ฯลฯ

    อาการของลมชักเป็นอย่างไร?

    ลมชักสามารถส่งผลให้ร่างกายแสดงปฏิกิริยาออกมาในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจว่าอาการลมชักจะต้องมีการเกร็งหรือชักกระตุกเสมอ แต่ในความจริงแล้วอาการลมชักมีหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของสมองที่ได้รับผลกระทบ โดยอาจแบ่งอาการของลมชักได้ดังนี้

    • อาการชักเกร็ง (Tonic Seizures) หลังหมดสติร่างกายจะแข็งเกร็งชั่วขณะ สามารถเกิดได้เฉพาะส่วนหรือทั่วร่างกาย
    • อาการชักกระตุก (Clonic Seizures) หลังหมดสติร่างกายจะเกิดการกระตุกเป็นจังหวะโดยที่ไม่มีการแข็งเกร็ง
    • อาการชักกระตุกและเกร็ง (Tonic-Clonic Seizures) มีความรุนแรงและพบได้บ่อยที่สุด ผู้ป่วยจะหมดสติ มีอาการชักเกร็ง และชักกระตุกตามมา
    • การสูญเสียความตึงตัวของกล้ามเนื้อ (Atonic Seizures) เป็นภาวะที่ตรงข้ามกับการชักเกร็งและชักกระตุก โดยผู้ป่วยจะสูญเสียแรงกะทันหัน ทำให้ทรุดตัวลงแบบควบคุมไม่ได้
    • อาการเหม่อลอย (Absence Seizures) มักพบในเด็ก โดยผู้ป่วยจะนิ่งไปชั่วขณะคล้ายกับเหม่อลอย และมักจะไม่รู้ตัวว่าเกิดอาการและสามารถกลับมาทำกิจกรรมต่อได้โดยไม่เป็นที่สังเกต
    • อาการชักสะดุ้ง (Myoclonic Seizures) ผู้ป่วยจะเกิดอาการแขนกระตุกทั้งสองข้าง อาจกระตุกเพียงครั้งเดียว หรือเป็นช่วงแบบไม่เป็นจังหวะ

    วิธีรักษาลมชักแบบต่าง ๆ

    รักษา ลมชัก

    แนวทางการรักษาลมชักมีหลายวิธี ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเภทของอาการชัก สาเหตุ และความรุนแรงของแต่ละราย โดยแนวทางหลัก ๆ ได้แก่

    • การใช้ยาแก้ชัก หรือ ยากันชัก : เป็นวิธีรักษาเบื้องต้น ช่วยลดความรุนแรงของโรคให้เบาลง โดนผู้ป่วยจะต้องกินยาอย่างสม่ำเสมอ และติดตามอาการกับแพทย์เป็นระยะ
    • การผ่าตัดสมอง : ใช้ในกรณีที่อาการลมชักไม่ตอบสนองต่อยา โดยแพทย์จะพิจารณาตัดส่วนของสมองที่เป็นต้นเหตุของคลื่นไฟฟ้าผิดปกติ
    • การกระตุ้นสมองด้วยไฟฟ้า (Vagus Nerve Stimulation – VNS) : ใส่อุปกรณ์ขนาดเล็กใต้ผิวหนังบริเวณหน้าอกเพื่อกระตุ้นเส้นประสาท ช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการชักในบางราย เหมาะกับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อยาและไม่สามารถผ่าตัดได้
    • การปรับพฤติกรรมและหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น : เช่น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ, หลีกเลี่ยงความเครียด, ไม่จ้องแสงกะพริบ หรือลดการดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
    • การกินคีโต : เป็นการปรับให้ร่างกายใช้ไขมันเป็นพลังงานแทนคาร์โบไฮเดรต ซึ่งสามารถลดการเกิดลมชักได้

    ลมชักมักเกิดตอนไหน?

    ลมชักสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา แต่มักเกิดในช่วงที่ร่างกายอ่อนล้า เครียด หรือมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างฉับพลัน เช่น ระหว่างหรือตอนตื่นนอน นอนหลับไม่เพียงพอ บางรายอาจมีอาการชักขณะดูแสงกะพริบหรือเล่นวิดีโอเกม


    รู้ทันลมชัก! โรคใกล้ตัวที่ควรสังเกตและรีบรักษา

    ลมชัก เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าในสมอง ทำให้ร่างกายแสดงอาการชักเกร็ง หรือหมดสติ โดยอาการลมชักจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ทั้งแบบชักทั่วร่าง เหม่อลอย หรือกระตุกเฉพาะที่ ซึ่งสาเหตุของลมชักมีได้หลายประการ ทั้งพันธุกรรม, อุบัติเหตุ, การติดเชื้อในสมอง หรือแม้แต่การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ

    หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการน่าสงสัยว่าอาจเป็นลมชัก โรงพยาบาลพระรามเก้าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าเชื่อถือ ด้วยแพทย์เฉพาะทางด้านระบบประสาทที่มีประสบการณ์ พร้อมเครื่องมือวินิจฉัยที่ทันสมัย ทำให้สามารถวางแผนการรักษาที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
    Facebook : Praram 9 hospital
    Line : @Praram9Hospital
    โทร. 1270

      นมกล่องยูเอชที สูตร 3 เลือกแบบไหนให้ลูกรักวัยเริ่มต้นโตเต็มศักยภาพ? เทียบชัดๆ ที่นี่!

      นมกล่อง UHT สูตร 3 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ให้ความสนใจ เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการที่สมวัยให้ลูกน้อยวัยเริ่มต้น แต่ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายในท้องตลาด และคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ก็อาจทำให้ไม่แน่ใจว่าจะเลือกแบบไหนดีที่สุด Amarin Baby & Kids มีนมกล่อง UHT สูตร 3 มาเทียบอย่างละเอียด เพื่อให้คุณแม่ตัดสินใจเลือกนมที่เหมาะสมกับลูกรักได้อย่างมั่นใจ ช่วยให้เขาเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในทุกวัน

      อาหารของเด็กวัยเริ่มต้น ความหลากหลายเพื่อพัฒนาการที่สมบูรณ์

      เมื่อลูกน้อยก้าวเข้าสู่วัย 1 ปีขึ้นไป ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เขาจะเริ่มเรียนรู้และปรับตัวกับการกินอาหารที่หลากหลายมากขึ้น คล้ายกับที่ผู้ใหญ่รับประทานเลยค่ะ ในฐานะคุณแม่ สิ่งสำคัญคือการดูแลให้ลูกได้รับประทานอาหารอย่างครบถ้วนทั้ง 3 มื้อหลัก โดยเน้นสารอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่แข็งแรง

      อาหารที่เหมาะสมกับวัยนี้ควรมีลักษณะที่ไม่แข็งมาก เพื่อให้ลูกเคี้ยวและกลืนได้ง่าย เช่น ก๋วยเตี๋ยวน้ำ โจ๊ก ข้าวต้ม หรือราดหน้า ที่ผ่านการหั่นหรือบดให้มีขนาดพอดีคำ นอกจากอาหารมื้อหลักแล้ว การเสริมด้วย นม ก็ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นนมกล่อง UHT หรือการฝึกให้ลูกดื่มนมจากแก้ว ก็เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารที่หลากหลาย และเติบโตแข็งแรงสมวัย และเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีในการกิน ฝึกให้ลูกน้อยคุ้นเคยกับรสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อพฤติกรรมการกินในระยะยาวค่ะ

      แม่ต้องรู้! เทคนิคลับเลือก “นมกล่องยูเอชที สูตร 3” ให้ลูกวัยเริ่มต้น เรียนรู้ดี แข็งแรง พัฒนาการก้าวกระโดด

      นมสูตร 3 วัยเริ่มต้น ที่เราเลือกมาแนะนำเทียบสารอาหารให้คุณแม่ได้มีตัวเลือกในการเลือกนมเสริมให้ลูกวัย 1ขวบขึ้นไป คัดมาแล้วเน้นๆ ก็ต้อง 3 แบรนด์ดังนี้เลยค่ะ เริ่มกันที่ นมกล่องยูเอชที S-26 GOLD สูตร 3 นมกล่องยูเอชที Enfagrow A+ สูตร 3 และ นมกล่องยูเอชที Hi-Q Start สูตร 3 เอ๊…ว่าแต่กล่องไหนดีนะ ที่แม่เลือกให้ลูกวัยเริ่มต้นดื่มบำรุงร่างกายให้เติบโตดีสมวัย พร้อมเสริมสมองการเรียนรู้ดีในทุกวัน มาดูกันค่ะ

      เปรียบเทียบราคาและสารอาหาร: นมยูเอชที สูตร 3

      อย่างแรกจะเลือกนมให้ลูกต้องดูที่ความคุ้มค่ากันก่อนค่ะ สำหรับนมกล่องยูเอชที สูตร 3 เริ่มกันที่กล่องแรกก็คือ 

      นมเอส-26 โกลด์ กล่องนี้ขนาด 180 กรัม ราคาน่ารักมากค่ะ แค่ 18.8 บาท แต่ให้สารอาหารเต็มๆ กล่องมากสุดถึง 29 ชนิด ต่อมาเป็นนมเอนฟาโกร เอ พลัสขนาด 180 เหมือนกัน กล่องนี้ราคา 19.8 บาท ให้สารอาหารอยู่ที่ 29 ชนิด 

      และมาต่อกันที่นมไฮคิว สตาร์ท ชนาด 180 กรัม ราคาแรงขึ้นมานิดนึง กล่องนี้ 21 บาท ให้สารอาหาร 28 ชนิด

      เช็กสารอาหารเสริมสมองการเรียนรู้ สำหรับเด็กวัยเริ่มต้น (1 ขวบขึ้นไป)

      เด็กๆ ที่อยู่ในช่วงวัยเริ่มต้น เซลล์สมองมีการพัฒนาขึ้นถึงสองเท่า ซึ่งอีกหนึ่งสารอาหารที่ต้องการคือสารอาหารบำรุงสมองนะคะ 

      มาเริ่มกันที่นมเอส-26 โกลด์ กล่องนี้เขามีมาครบสารอาหารเสริมสมองสำคัญๆ มากถึง 6 ชนิดเลยค่ะ ทั้งสฟิงโกไมอีลิน 8 มก. แอลฟา-แล็คตัลบูมิน 127 มก.  ดีเอชเอ 8 มก. ส่วนโอเมก้าก็มีให้ครบ 3(131) 6(842) 9(1,966) ต่อด้วยโคลีน 12 มก. และวิตามินบี 12  20%

      มาต่อกันที่นมเอนฟาโกร เอ พลัส มี สารอาหารเสริมสมอง ชนิด 4 คือ ดีเอชเอ 8 มก. ส่วนโอเมก้ามีแค่ 3(56) กับ 6(630)  โคลีน 18 มก.และมีวิตามินบี 12 35%

      และสุดท้ายกับ นมไฮคิว สตาร์ท กล่องนี้มีสารอาหารเสริมสมอง ชนิดเช่นกันค่ะ ดีเอชเอ 8 มก. โอเมก้า 3 (88) 6 (423) 9 (1,445) โคลีน 11 มก. และมีวิตามินบี 12 20%

      นมกล่อง UHT สูตร 3

      เช็กสารอาหารเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ลูกวัยเริ่มต้นแข็งแรง

      สมองการเรียนรู้ดี ร่างกายเติบโตดี ถ้าจะให้ครบสูตรก็ต้องร่างกายแข็งแรงด้วยนะคะ เด็กๆ ถึงจะได้ออกไปเรียนรู้โลกกว้าง หาประสบการณ์ใหม่ๆ ได้แบบไม่สะดุดค่ะ มาดูกันว่านมยูเอชที สูตร 3 เขาให้สารอาหารที่ดีต่อระบบภูมิคุ้มกันของลูกน้อยวัยนี้กันยังไงบ้างนะ สำหรับนมเอส-26 โกลด์ มีสารอาหารเสริมระบบภูมิคุ้มกันแข็งมากสุดเลยค่ะ มีวิตามินซี 20% มีวิตามินบี 6 10%  ส่วนนมเอนฟาโกร เอ พลัส มีวิตามินซี 25% มีวิตามินบี6 15%  และนมไฮคิว สตาร์ท มีวิตามินซี 25% มีวิตามินบี  6 10%

      นมกล่อง UHT สูตร 3

      เช็กสารอาหารเสริมบำรุงร่างกายเติบโตสมวัย

      เด็กๆ ในวัยเริ่มต้นแบบนี้จะขาดสองสารอาหารนี้ไปไม่ได้เลยค่ะ ถึงลูกจะได้จากการรับประทานอาหารที่คุณแม่จัดเตรียมในมื้ออาหารแสนอร่อยแล้ว แต่แคลเซียมกับวิตามินดีก็ยังได้จากการดื่มนมด้วยนะคะ สำหรับแคลเซียมมีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง และวิตามินดี มีส่วนช่วยคงสภาพปกติของกระดูกและฟัน มาดูกันว่านมยูเอชทีทั้ง 3 กล่องนี้มีแคลเซียมกับวิตามินดีเท่าไหร่ มาเริ่มกันที่ นมเอส-26 โกลด์ มีแคลเซียม 15% มีธาตุเหล็ก 10%  นมเอนฟาโกร เอ พลัส มีแคลเซียม 15%  มีธาตุเหล็ก 8%  และ นมไฮคิว สตาร์ท มีแคลเซียม 20%  มีธาตุเหล็ก <2%

      กล่องนี้นะ ถูกใจ ใช้เลย ที่แม่เลือก  

      ไม่รีรอแล้วค่ะ ดูจากข้อมูลแล้ว นมยูเอชที สูตร 3 กล่องนี้แหละที่ Amarin Baby & Kids แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่นั่นก็คือน้องกล่องนี้ค่ะ นม S-26 GOLD UHT สูตร 3 ทำไมถึงแนะนำให้ มาสรุปให้ค่ะ

      นมกล่อง UHT สูตร 3

      S-26 GOLD UHT สูตร 3 ทางเลือกที่เหนือกว่าเพื่อลูกรักวัยเริ่มต้น

      เมื่อพูดถึงนมกล่อง UHT สูตร 3 สำหรับลูกน้อยวัย 1 ขวบขึ้นไป S-26 GOLD UHT สูตร 3 โดดเด่นกว่าใครด้วยคุณสมบัติที่เหนือกว่า ทั้งในด้านของ สารอาหารที่ครบครัน และ ราคาที่คุ้มค่ากว่า ตอบโจทย์ความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกรักเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ

      มีสารอาหารครบครันเพื่อพัฒนาการ 3 ส่วนสำคัญ

      S-26 GOLD UHT สูตร 3 ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่ตอบโจทย์พัฒนาการสำคัญทั้ง 3 ด้านของเด็กวัยเริ่มต้น

      • ร่างกายที่เติบโตสมวัย: มีสารอาหารต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ทั้งแคลเซียม วิตามินดี  ทำให้ลูกน้อยมีพลังงานพร้อมสำหรับการเรียนรู้และสำรวจโลก
      • สมองที่เรียนรู้ดี: มีครบสารอาหารที่สำคัญต่อพัฒนาการของสมอง ทั้งแอลฟาสฟิงโกไมอีลิน ดีเอชเอ โคลีน โอเมก้า 3,6,9 และวิตามินบี 12 สูง 
      • ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่ง: มีสารอาหารเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยแข็งแรงพร้อมเผชิญกับสิ่งต่างๆ รอบตัว ทั้งวิตามินซี และวิตามินบี 6

      อัดแน่นด้วยสารอาหารมากกว่า 29 ชนิด

      สิ่งที่ทำให้ S-26 GOLD UHT สูตร 3 แตกต่างอย่างชัดเจน คือการรวมเอาสารอาหารมากกว่า 29 ชนิด ไว้ในกล่องเดียว ซึ่งมากกว่านมกล่อง UHT สูตร 3 ทั่วไป มั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะได้รับคุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลายในวัยที่กำลังเจริญเติบโต

      ✅ ราคาที่คุ้มค่ากว่า…สบายกระเป๋าคุณแม่

      นอกจากคุณภาพของสารอาหารที่อัดแน่นแล้ว S-26 GOLD UHT สูตร 3 ยังโดดเด่นด้วย ราคาที่สบายกระเป๋ากว่า เมื่อเทียบกับนมกล่อง UHT สูตร 3 แบรนด์อื่นๆ ทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกรักได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย

      ท้ายที่สุดแล้ว สำหรับลูกน้อยที่ก้าวเข้าสู่วัย 1 ปีขึ้นไป โภชนาการที่เหมาะสมคือรากฐานสำคัญของการเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงและพัฒนาการที่ดีเยี่ยม การดูแลให้ลูกได้รับประทานอาหารหลัก 3 มื้อ ที่มีความหลากหลาย และครบถ้วนด้วยสารอาหาร 5 หมู่ จะช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารที่จำเป็นอย่างต่อเนื่อง และนอกจากอาหารมื้อหลักแล้ว การเสริมด้วย “นม” ยังคงเป็นส่วนสำคัญ การผสมผสานระหว่างอาหารที่หลากหลายและนมที่เหมาะสม จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ลูกน้อยเติบโตขึ้นอย่างสมวัย มีสุขภาพที่แข็งแรง พร้อมเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่ในทุกๆ วันค่ะ 

      อ้างอิง

      ศูนย์สุขภาพเด็ก, โรงพยาบาลนครธน 

      ทานอาหารให้เหมาะสมตามช่วงวัย สำหรับทารกแรกเกิด ถึง 1 ปี, โรงพยาบาลพญาไท 


        ภูมิแพ้ในเด็ก ชนะได้ตั้งแต่เริ่มด้วยนมแม่

        การดูแลสุขภาพลูกน้อยเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับภาวะภูมิแพ้ที่นับวันจะพบได้บ่อยขึ้นในเด็กเล็ก หลายครอบครัวอาจกังวลใจและไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี แต่อย่าเพิ่งท้อใจค่ะ เพราะการป้องกันและลดความเสี่ยงภูมิแพ้ในเด็กสามารถทำได้ตั้งแต่เริ่มต้น และ “นมแม่” คือเกราะป้องกันด่านแรกที่มีประสิทธิภาพที่สุด Amarin Baby & Kids มีคำแนะนำดีๆ มาฝาก เพื่อช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เตรียมพร้อมรับมือและพาลูกน้อยก้าวผ่านปัญหาภูมิแพ้ไปได้อย่างมั่นใจค่ะ

        รู้หรือไม่! เด็กไทยกว่าครึ่งเสี่ยงเป็นภูมิแพ้

        ปัจจุบันโรคภูมิแพ้เป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในเด็กไทย และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง น่าตกใจที่พบว่า เด็กไทยมากกว่า 50% มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคภูมิแพ้ และความเสี่ยงนี้จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีกถึง 80% หากทั้งคุณพ่อและคุณแม่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้เช่นกัน เนื่องจากโรคภูมิแพ้สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้

        นอกจากปัจจัยทางพันธุกรรมแล้ว ปัจจัยกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกน้อยเสี่ยงต่อการเกิดอาการภูมิแพ้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝุ่น PM 2.5 ฝุ่นตัวร้ายเป็นมลพิษทางอากาศที่ส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจและกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้น

        สำหรับอาการของโรคภูมิแพ้ในเด็กที่พบบ่อย มักแสดงออกในหลายรูปแบบ คุณพ่อคุณแม่สามารถเช็กอาการเบื้องต้น ได้ดังนี้

        • ระบบทางเดินหายใจ: คัดจมูก, น้ำมูกไหล, ไอ, จาม, หรือมีอาการหอบหืด
        • ผิวหนัง: มีผื่นแดง, ลมพิษ , ผิวหนังบวมแดง, มีอาการคันตามผิวหนัง
        • ดวงตา: คันหรือเคืองตา, หนังตาบวม
        • ระบบทางเดินอาหาร: อาเจียน

        หากลูกน้อยมีอาการเหล่านี้บ่อยครั้ง อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าลูกกำลังเผชิญกับโรคภูมิแพ้ในเด็ก ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลและป้องกันอย่างเหมาะสม อาการภูมิแพ้อาจดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและนำไปสู่การเกิด Allergic March (ลูกโซ่ภูมิแพ้) ได้ ซึ่งหมายถึงการที่เด็กมีอาการภูมิแพ้ในรูปแบบหนึ่ง แล้วพัฒนาไปสู่อาการภูมิแพ้ในรูปแบบอื่นๆ ในภายหลัง เช่น เริ่มต้นด้วยผื่นผิวหนังอักเสบ แล้วพัฒนาเป็นหอบหืดในวัยโตขึ้น

        Allergic March ทำความเข้าใจ “ลูกโซ่ภูมิแพ้”

        Allergic March หรือ “ลูกโซ่ภูมิแพ้” คือกระบวนการที่โรคภูมิแพ้มีการพัฒนาต่อเนื่องตั้งแต่วัยทารกจนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่อาจแสดงอาการภูมิแพ้ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเป็นลำดับขั้นไปตามอายุและการเจริญเติบโต และในขณะที่เขาเติบโต ภูมิแพ้ชนิดเดิม ๆ ก็อาจกลับมาเกิดขึ้นซ้ำได้เช่นกัน ไม่เพียงแค่นั้น ในบางกรณี อาจเกิดอาการภูมิแพ้หลายชนิดพร้อมกันในช่วงเวลาเดียวกัน หรืออาการภูมิแพ้ชนิดแรกอาจหายไปและถูกแทนที่ด้วยอาการภูมิแพ้ชนิดอื่น ๆ ได้อีกด้วย

        ตัวอย่างของกระบวนการ การเกิดลูกโซ่ภูมิแพ้ที่เห็นได้ชัดเช่น

        • แพ้อาหาร: มักเกิดขึ้นในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบ
        • โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้: อาจเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนแรกๆ ของชีวิต มีอาการคัน ผื่นแดง
        • โรคหอบหืดและภูมิแพ้จมูก: อาการมักตามมาเมื่อเด็กโตขึ้น โดยมีอาการ เช่น หายใจลำบาก ไอ จาม และคัดจมูก

         อย่างไรก็ดี เด็กแต่ละคนอาจมีขั้นตอนการเกิดลูกโซ่ภูมิแพ้ที่แตกต่างกัน ดังนั้นการทำความเข้าใจลูกโซ่ภูมิแพ้ จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตอาการและดูแลลูกน้อยได้อย่างทันท่วงที เพื่อลดความเสี่ยงในการพัฒนาไปสู่โรคภูมิแพ้ชนิดอื่นๆ ในอนาคตค่ะ

        “นมแม่” เกราะป้องกันภูมิแพ้ที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย… เริ่มได้เลย ไม่ต้องรอ!

        การป้องกันไม่ให้ลูกเป็นภูมิแพ้ในช่วงขวบปีแรกมีความสำคัญอย่างมากค่ะ และวิธีที่ดีที่สุดคือ การให้ลูกได้กินนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน หรือนานที่สุดเท่าที่ทำได้ แล้วทำไมต้องให้ลูกกิน “นมแม่” เพื่อป้องกัน“ภูมิแพ้”

        ความมหัศจรรย์ของนมแม่ก็คือจะมีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคภูมิแพ้ได้สูงถึง 42% นมแม่ไม่ได้เป็นเพียงแหล่งสารอาหารชั้นยอดสำหรับลูกน้อย แต่ยังอุดมด้วยคุณประโยชน์มากมายที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยอีกด้วย นั่นก็เพราะว่าในนมแม่

        • มีคุณสมบัติ H.A. (Hypoallergenic): ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคภูมิแพ้ได้
        • มีโปรตีนย่อยง่าย โปรตีนในนมแม่บางส่วนถูกย่อยให้มีขนาดเล็กลง หรือที่เรียกว่า Partially Hydrolyzed Proteins (PHP) ซึ่งง่ายต่อการดูดซึมและลดความเสี่ยงต่อการเกิดภูมิแพ้ได้ดีเยี่ยม
        • มีพรีไบโอติกโอลิโกแซ็กคาไรด์ (Human Milk Oligosaccharides หรือ HMOs): นมแม่มี HMOs ซึ่งเป็นใยอาหาร โดยในนมแม่มีกลุ่มใยอาหารหลัก ซึ่งมีใยอาหาร 5 ชนิด (5 HMO) ที่พบมากในกลุ่มนี้ ได้แก่ 2’FL, DFL, LNT, 6’SL, และ 3’SL โดยใยอาหารที่พบในนมแม่มีส่วนช่วยสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของลูกน้อย
        • มีโพรไบโอติกหลากหลายสายพันธุ์ นมแม่ยังมีโพรไบโอติก เช่น B. lactis (บีแล็กทิส) ซึ่งเป็นหนึ่งในจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อก่อโรคบางชนิด

        ด้วยคุณประโยชน์เหล่านี้ นมแม่จึงเป็นเกราะป้องกันภูมิแพ้ที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่คุณแม่ไม่สามารถให้นมแม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการป้องกันภูมิแพ้สำหรับเด็ก เพื่อให้ลูกน้อยเติบโตอย่างแข็งแรงและห่างไกลจากภูมิแพ้ค่ะ

        หากคุณพ่อคุณแม่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สารอาหารที่มีประโยชน์ในนมแม่และมีบทบาทต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อย เข้าชมได้ที่ S-Mom Club ที่เว็บไซต์ https://www.s-momclub.com/ สามารถสมัครสมาชิกเพื่อปรึกษาทีมพยาบาลผู้เชี่ยวชาญได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะคะ หรือสามารถปรึกษา-พูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพโชนาการและพัฒนาการสำหรับคุณแม่และลูกน้อยตามช่วงวัย โดยทีมพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ ตลอด 24 ชั่วโมง ได้ที่ Line: https://line.me/ti/g2/3S7kJXBP3Ee6jwN6q1YnY81WRQbQMlqAQEW8IQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default

        สามารถเช็กความเสี่ยงภูมิแพ้ได้ที่ https://www.s-momclub.com/baby-allergies

        Reference

        1. Bergmann RL, et al. Clin Exp Allergy 1997:27:752-760

        2. Chad Z. Paediatr Child Health 2001:6(8):555-566.

        3. Hill DA and Spergel JM. Ann Allergy Asthma Immunol 2018;120:131-137.

        4. เข้าใจโรคภูมิแพ้ – BNH HOSPITAL

        5. (ch9airport.com)

        6. Ngamphaiboon, Jarungchit & Tansupapol, Chanyarat & Chatchatee, Pantipa. (2009). Atopic risk score for allergy prevention. Asian biomedicine.


        เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – วิธีลดไข้ทารกแรกเกิด ทารกเป็นไข้ ควรดูแลอย่างไร?

        วิธีลดไข้ทารกแรกเกิด
        วิธีลดไข้ทารกแรกเกิด

          CAMPUS ROADSHOW 2025 โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ

          💖ประมวลภาพบรรยากาศแสนสนุก ในงาน Amarin Baby & Kids CAMPUS ROADSHOW 2025 ร่วมกับ โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ วันที่ 26 ส.ค. 68 เวลา 9.00 -11.00 น.

          ✨ กับกิจกรรม “ปล่อยพลัง สร้างจินตนาการ และรู้จักการเอาตัวรอด” ผ่านฐานความสนุกต่าง ๆ ทั้ง

          First Aid & Survival Skills Workshop 👫
          กิจกรรมเรียนรู้ทักษะการเอาตัวรอด ที่นอกจากช่วยให้เด็กๆปลอดภัยในยามคับขัน

          👩‍🎤Self-Regulation Training
          เรียนรู้การฝึกทักษะในการควบคุมตนเองและสร้างความมั่นใจ ความกล้าควบคู่ไปกับการเล่น

          Story time🧚‍♀️
          นิทานมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภาษาและการรับรู้ สร้างเสริมจินตนาการ พัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กในหลายๆด้าน

          โดยมีผู้ใหญ่ใจดีอย่าง Foremost Omega, NARAK , SAKER ,แอนมัม ,Master Rabbit และ Lynn Organic ไปร่วมกันทำกิจกรรมและแจกของที่ระลึกมากมายอีกด้วย งานนี้เด็ก ๆ นอกจากจะสนุกสนานแล้วยังได้ความรู้มากมาย

          ต้องขอบคุณน้อง ๆ และคุณครูโรงเรียนสาธิตละอออุทิศ และทุกโรงเรียนที่เราได้เข้าไปทำกิจกรรม และให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้า กับ Amarin Baby&Kids CAMPUS ROADSHOW 2026 ค่ะ

          #AmarinBabyandKidsCAMPUSROADSHOW2025 #Schoolvisit #ForemostOmegaSmartGold #NARAK #SAKER #แอนมัม #LynnOrganic #MasterRabbit # โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ

            Tags

            โรงเรียนอรรถมิตร – อัดแน่นความรู้ และคุณธรรม

            School Visit วันนี้ เราจะพาคุณพ่อคุณแม่มาเยี่ยมชมโรงเรียนเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ย่านพหลโยธิน แต่มีคุณภาพคับแก้ว อย่าง โรงเรียนอรรถมิตร กันค่ะ ใครกำลังมองหาโรงเรียนดี ๆ ที่โดดเด่นด้านการสอนภาษา (ทั้งอังกฤษและจีน) ย่านนี้อยู่ โรงเรียนอรรถมิตรเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย ตามมาดูหลักสูตรและแนวทางการสอนของที่นี่กันค่ะ

            โรงเรียนอรรถมิตร จากอดีตสู่ปัจจุบัน

            โรงเรียนอรรถมิตรเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น อนุบาล – ประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อตั้งเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2527 และเปิดทำการสอนมานานกว่า 41 ปี ช่วงแรกเปิดสอนเฉพาะระดับชั้นอนุบาล ใช้ชื่อว่า “โรงเรียนอนุบาลอรรถมิตร” มีอาจารย์อุษณีษ์ สิงคาลวณิช เป็นผู้ก่อตั้ง และผู้รับใบอนุญาต อาจารย์รัตนา วศินระพี เป็นผู้จัดการ และอาจารย์ขจรศรี ฤกษ์จำนง เป็นผู้อำนวยการ และในปี พ.ศ. 2530 โรงเรียนได้เริ่มเปิดสอนระดับประถมศึกษา และเปลี่ยนชื่อเป็น “โรงเรียนอรรถมิตร” เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

            หลักสูตรของ โรงเรียนอรรถมิตร

            ระดับชั้นอนุบาล

            ใช้หลักสูตรที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โรงเรียนจัดกิจกรรมบูรณาการที่มุ่งให้เด็กๆ ได้ประสบการณ์การเรียนอย่างมีความสุข และมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียน โดยวางรากฐานการเรียนรู้จากประสบการณ์ เพื่อเป็นพื้นฐานการเรียนรู้ที่จะเชื่อมโยงความคิดในระดับที่สูงขึ้น เด็ก ๆ จะได้เรียนและเล่น หัวเราะอย่างมีความสุข ได้ร้องเพลง ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้มุ่งสร้างพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาให้เหมาะสมกับวัย และเติมเต็มตามศักยภาพของเด็กแต่ละคน ในบรรยากาศการเรียนรู้ที่อบอุ่นเหมือนบ้าน ในขณะเดียวกับที่กระตุ้นให้เด็กแสวงหาสิ่งท้าทายใหม่ ๆ ด้วย

            ระดับประถม

            ใช้หลักสูตรที่มุ่งเน้นความสำคัญทั้งด้านความรู้ ความคิด ความสามารถ คุณธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มี ความสมดุล โดยยึดหลักผู้เรียนสำคัญที่สุด ในบรรยากาศที่อบอุ่น ได้รับความรัก และความเอาใจใส่อย่างดีจากครูอาจารย์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดบรรยากาศการเรียนรู้ที่ดีในโรงเรียน

            สื่อสารอย่างมั่นใจ

            โรงเรียนอรรถมิตรเล็งเห็นถึงความสำคัญของภาษาอังกฤษเป็นอย่างมาก จึงจัดให้มีการสอนวิชาภาษาอังกฤษมากถึง 12 คาบเรียนต่อสัปดาห์ โดยนักเรียนจะเรียนกับอาจารย์ต่างชาติเจ้าของภาษา 9 คาบเรียน และเรียนหลักไวยากรณ์ การเขียนและการแปลเพิ่มเติมกับอาจารย์วิชาภาษาอังกฤษ ครูไทยอีก 3 คาบเรียน

            โดยแผนกภาษาอังกฤษของโรงเรียนมีอาจารย์ต่างชาติ 16 คนจากประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ สก็อตแลนด์ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และฟิลิปปินส์ อัดแน่นมาก ๆ ค่ะ ส่วนภาษาจีน ก็ไม่น้อยหน้านะคะ มีทั้งเหล่าซือที่เป็นคนจีน และมีครูไทยที่จบจากประเทศจีน นอกจากนั้นแล้วทางโรงเรียนมีส่งคุณครูไปอบรมภาษาจีนเพิ่มเติมที่ประเทศจีนในทุก ๆ ปี

            บรรยากาศเด็กๆ ในชั่วโมงภาษาอังกฤษ

            นอกจากการเรียนการสอนในห้องเรียนที่เข้มข้นแล้ว ทางโรงเรียนยังมีการสอดแทรกความรู้ผ่านกิจกรรมนอกห้องเรียน โดยให้เด็กๆ ได้สำรวจ สิ่้งแวดล้อมรอบๆ โรงเรียน

            คุณครูพาเด็กๆ มาทำกิจกรรมพับกระดาษเป็นรูปทรงเรขาคณิต ภายนอกห้องเรียน

            สำรวจห้องเรียนพิเศษของ โรงเรียนอรรถมิตร ท้องฟ้าจำลองส่วนตัว

            ที่โรงเรียนอรรถมิตร มีห้องดูดาวของตนเองด้วยนะคะ เป็นเสมือนท้องฟ้าจำลอง ที่จะพาเด็กๆ ทะยานสู่ห้วงจักรวาล โดยไม่ต้องออกจากโรงเรียน ภายในห้องนี้ เด็ก ๆจะได้ชมดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า พร้อมฟังเรื่องราวลึกลับของอวกาศ และซึมซับความรู้ด้านดาราศาตร์ วิทยาศาสตร์ ไปพร้อม ๆกันอย่างเพลิดเพลิน โดยห้องนี้ เกิดจากความตั้งใจของอาจารย์ อุษณีษ์ สิงคาลวณิช ผู้ก่อตั้งโรงเรียน ที่มีความชื่นชอบ และความสนใจในด้านดาราศาตร์ และเห็นว่าเด็ก ๆ น่าจะมีโอกาสน้อยที่ดูดาวบนท้องฟ้า ทางโรงเรียนจึงได้จัดทำห้องนี้ขึ้น แล้วเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญทางดาราศาสตร์ คุณครูจะจัดเตรียมกล้องโทรทรรศน์ หรือ กล้องดูดาวเพื่อให้เด็กๆ ได้สัมผัสประสบการณ์ การดูดวงดาวบนฟากฟ้าผ่านประสบการณ์จริง

            ห้องทดลองวิทยาศาตร์

            ห้อง Lab หรือ ห้องทดลองวิทยาศาตร์ เป็นอีกห้องที่ได้รับความสนใจจากเด็กๆ ไม่น้อย โดยเด็กๆชั้นป 1 ขึ้นไป จะได้เข้ามาสวมบท “นักวิทยาศาตร์ตัวน้อย ” ได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมวิทยาศาตร์ การทดลองต่าง ๆ ที่น่าสนใจ โดยได้ใช้ เครื่องมือ และอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น กล้องจุลทรรศน์ ที่จะพาเด็ก ๆ ส่องโลกใบจิ๋วอย่างใกล้ชิด

            พื้นที่เล่นคือพื้นที่เรียนรู้

            นอกจากโรงเรียนจะวางรากฐานด้านวิชาการที่ทางโรงเรียนได้ปูพื้นฐานอย่างเต็มที่ให้กับเด็ก ๆ แล้ว โรงเรียนยังจัดพื้นที่ให้เด็ก ๆ ได้ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างและพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่และกล้ามเนื้อมัดเล็ก พร้อมเสริมสร้างทักษะทางสังคมและ อารมณ์ โดยมี สนามเด็กเล่น ให้เด็ก ๆ ได้วิ่งเล่น ปีนป่ายและเรียนรู้การเล่นร่วมกับเพื่อน ๆ อย่างอิสระ โดยทางโรงเรียนได้ปูพื้นสนามด้วย แผ่นยาง EPDM เพื่อช่วยลดแรงกระแทก และป้องกันอุบัติเหตุการหกล้มของเด็ก ๆ ให้เด็ก ๆ ได้เล่นสนุกได้อย่างปลอดภัย

            ส่วนสนามกีฬาอย่างสนามบาสเกตบอล ก็มีขนาดมาตรฐาน เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ออกกำลังกายอย่างสนุกสนานพร้อมฝึกทักษะด้านกีฬา การเคารพกฎ กติกา และการทำงานเป็นทีมไปในตัว นอกจากนี้โรงเรียนมีสระว่ายน้ำระบบเกลือ สำหรับเด็ก ๆ ได้เรียนและเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ตั้งแต่ชั้นอนุบาล – ประถมศึกษาปีที่ 3 โดยการเรียนในชั้นอนุบาล ทางโรงเรียนได้จัดให้มีคุณครูดูแลอย่างใกล้ชิดถึง 4 ท่านภายในสระ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจในความปลอดภัยของเด็กขณะลงเล่นน้ำ

            สนามบาสเกตบอลที่ให้เด็กๆ ได้ออกกำลังกายกลางแจ้ง
            ผอ. กัญญา โพธิบุตร ผู้อำนวยการโรงเรียนอรรถมิตร

            Mommy’s Love This ถูกใจแม่

            โรงเรียนมีสอน กริยา มารยาททางสังคม ผ่านชั่วโมง Homeroom ในทุกๆ เช้า ก่อนเริ่มชั่วโมงเรียน ทำให้เด็กๆ จากโรงเรียนแห่งนี้ เติบโตไปพร้อมความรู้ คู่ คุณธรรม

            การรักษาความปลอดภัย โรงเรียนมีการจัดเตรียมครูเวร 13-14 คน เพื่อมารับเด็กในช่วงเช้า โดยทางโรงเรียนจะให้ผู้ปกครอง วนรถแล้ว drop แล้วคุณครูจะเป็นคนพาเด็กๆ เข้าไปส่งตามชั้นเรียน

            ทางโรงเรียนมีพื้นที่ให้เด็ก ๆ ได้แสดงความสามารถ หรือความชอบของตนเอง เพื่อสร้าง และพัฒนา Self Esteem ในตัวเอง ให้เป็นเด็กที่กล้าแสดงออก เชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น การมีเปิดเวทีให้เด็ก ๆ ได้แสดงความสามารถพิเศษ ช่วงพักกลางวัน หรือกิจกรรม อรรถมิตร Winter Fair และวันพิเศษต่างๆ

            คุณครูของทางโรงเรียน มาจากเจ้าของภาษาโดยตรง ไม่ว่าจะภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาจีน และหลากหลายชาติ เด็กๆจะได้รับความรู้ที่ถูกต้อง

            อัตราค่าเล่าเรียน (ปีการศึกษา 2568)
            ค่าธรรมเนียมการศึกษา 39,000 / เทอม ในทุกระดับชั้น ( ราคาอาจมีการปรับเปลี่ยนในแต่ละปี)

            โรงเรียนอรรถมิตร

            Tags

            โรงเรียนนานาชาติ

            ทำไมต้องส่งลูกเรียน โรงเรียนนานาชาติ

            สำหรับพ่อแม่ยุคนี้ หลายคนเริ่มมองไกลกว่าการเรียนแบบเดิม ๆ โรงเรียนนานาชาติ ไม่ใช่แค่ฝึกให้ลูกพูดภาษาอังกฤษได้ แต่เป็นการปูพื้นฐานให้ลูกครบทั้งความรู้ ทักษะชีวิต และมุมมองที่กว้างขึ้น เพื่อให้พร้อมใช้ชีวิตในโลกที่เปิดกว้าง ไม่มีเส้นแบ่งชัดเจนเหมือนเมื่อก่อน

            ยิ่งตอนนี้ เด็ก ๆ โตมากับเทคโนโลยี ดิจิทัล โซเชียล และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทุกวัน แค่เรียนในตำราอาจไม่พอแล้ว พ่อแม่หลายคนเลยเริ่มมองหาการศึกษาที่ไม่ใช่แค่ “สอนให้รู้” แต่ต้องสอนให้ลูก “ใช้ชีวิตเป็น” และเติบโตได้จริงในโลกอนาคต แล้วทำไมโรงเรียนนานาชาติถึงเป็นคำตอบของใครหลาย ๆ คน มาลองดูไปด้วยกันค่ะ

            1. เรียนรู้หลายภาษา = เพิ่มโอกาสให้ลูกในอนาคต
              วัยเด็กถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของการเรียนรู้ โดยเฉพาะเรื่องภาษา เพราะสมองพร้อมเปิดรับและซึมซับได้ง่ายกว่าตอนโต โรงเรียนนานาชาติจึงวางรากฐานให้เด็กใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้เรียนรู้ภาษาที่สาม เช่น จีน ญี่ปุ่น หรือสเปน การที่เด็กสามารถสื่อสารได้หลายภาษา ไม่เพียงเพิ่มทักษะ แต่ยังกลายเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเรียน การทำงาน และการใช้ชีวิตในโลกที่เชื่อมโยงกันมากขึ้น ช่วยสร้างโอกาสและความมั่นใจให้กับอนาคตของเขา
            2. รู้จักเคารพความแตกต่างของผู้คน
              ที่โรงเรียนนานาชาติ เด็ก ๆ จะได้เจอเพื่อนหลากหลายเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม อยู่ในห้องเรียนเดียวกัน ทำให้เส้นแบ่งเรื่องภาษา สีผิว หรือเชื้อชาติค่อย ๆ หายไป เด็กได้เรียนรู้การเปิดใจ การเคารพ และการอยู่ร่วมกับความแตกต่างตั้งแต่เล็ก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะโลกทุกวันนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศของตัวเองอีกต่อไป แต่เป็นสังคมที่หลากหลายและเชื่อมถึงกันหมด การได้ซึมซับบรรยากาศแบบนี้ตั้งแต่เด็ก ๆ จึงช่วยให้เขาเติบโตขึ้นมาอย่างเข้าใจโลกในมุมกว้างมากขึ้น
            3. หลักสูตรที่เน้น “คิดเป็น-ลงมือทำ”
              ไม่ใช่แค่การท่องจำแบบเดิม ๆ  โรงเรียนนานาชาติจะกระตุ้นให้เด็ก ๆ ได้ตั้งคำถาม คิดวิเคราะห์ และทดลองทำด้วยตัวเอง ทำให้เด็กมีความกล้าแสดงออก คิดสร้างสรรค์ และเรียนรู้วิธีแก้ปัญหาในสถานการณ์จริง ซึ่งเป็นทักษะสำคัญของเด็กยุคใหม่ที่ต้องโตมาในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง
            4. มีโอกาสในการเรียนต่อมหาวิทยาลัยชั้นนำ
              ด้วยมาตรฐานหลักสูตรที่สอดคล้องกับระบบการศึกษาสากล เด็กที่จบจากโรงเรียนนานาชาติจะมีความพร้อมในการเรียนต่อทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงมี portfolio ที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
            5. พัฒนา Soft Skills และความมั่นใจ
              นอกจากความรู้ในห้องเรียนแล้ว โรงเรียนนานาชาติยังเน้นให้เด็ก ๆ ฝึก Soft Skills เช่น การทำงานเป็นทีม การสื่อสาร และการแก้ปัญหา เด็กจะได้เจอเพื่อนจากหลายชาติ เรียนรู้การทำงานร่วมกัน และสร้างมิตรภาพดี ๆ ที่ช่วยให้เขากล้าแสดงออกและมีมั่นใจตั้งแต่ยังเด็ก

            วันนี้ทีมแม่ ABK มีลิสต์โรงเรียนนานาชาติในกรุงเทพและปริมณฑลมาแชร์กันค่ะ เผื่อคุณแม่ ๆ กำลังหาข้อมูลเรื่องการเรียนภาษาและแนวการสอนของแต่ละโรงเรียน ลองไปดูกันเลย

            • โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสกูล

            • Newton Junior Campus

            • Shrewsbury International School Bangkok City Campus

            • THAI-CHINESE INTERNATIONAL SCHOOL

            • Thinkberry International Preschool

            • International Montessori Center

            • NIVA American International School  

            • International Christian School Nonthaburi (ICSN)

            • Aspenshire International School

            • Panyaden International School 

            • DADI International Kindergarten

            • Raintree International Schoolhttps://www.amarinbabyandkids.com/school-visit/raintree-international-school/

              Tags

              ห้องสมุดโรงเรียน ในฝันจาก 6 โรงเรียน – EP 1

              ถ้าพูดถึง “ห้องสมุดโรงเรียน” คุณนึกถึงอะไรคะ กลิ่นหนังสือเก่า ๆ ในห้องที่มีตู้สูงยาวเรียงแถว หรือความเงียบแบบน่าอึดอัด

              ลืมภาพแบบนั้นไปได้เลยค่ะ เพราะตอนนี้หลาย ๆ โรงเรียนมีห้องสมุดที่เป็น “สวรรค์ของคนรักหนังสือ” วันนี้ทีมแม่ ABK ขอพาทุกคนไปชม ห้องสมุดโรงเรียน ที่ออกแบบได้สวยงาม มีสไตล์ และน่าใช้งานสุด ๆ จนทำให้เด็ก ๆ อยากหยิบหนังสือมาอ่านทั้งวัน!

              มาดูกันว่า 6 ห้องสมุดโรงเรียน ในแต่ละที่จะสวยงามน่าเข้าไปใช้มากแค่ไหน และมีทีไหนกันบ้าง

              1. โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย

              ห้องสมุดโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ที่มาภายใต้คอนเซปต์ “เรือโนอาห์” กับบรรยากาศอบอุ่น สบายตา เห็นแล้วอยากนั่งอ่านหนังสือทั้งวันเลย ตามไปดูมุมอื่น ๆ ในโรงเรียนและหลักสูตรการเรียนการสอน

              อ่านกันต่อได้ที่ https://www.amarinbabyandkids.com/school-visit/wattana-wittaya-academy/

              2. โรงเรียนทอสี

              ห้องสมุดสุดชิลล์ กับโซนนั่งอ่านนิทานที่ไม่เหมือนใคร แสงธรรมชาติอบอุ่น หนังสือเพียบ… จะนั่งอ่านนอนอ่านหนังสือก็ได้ทั้งนั้น นอกจากห้องสมุดจะสวยแล้ว หลักสูตรของโรงเรียนก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

              คลิกอ่านกันต่อที่ https://www.amarinbabyandkids.com/school-visit/thawsi-school/

              3. Shrewsbury International School Bangkok City Campus

              ห้องสมุดที่นี่มีครบทุกฟังก์ชัน ทั้งอ่านหนังสือ ค้นคว้า และนั่งทำงานศิลปะ ในบรรยากาศแสนสบาย สีสันก็สดใส ชักชวนให้เด็ก ๆ อยากเข้ามาใช้งาน อยากให้ลูก ๆ เรียนที่นี่ ตามไป

              อ่านรีวิวกันต่อที่ https://www.amarinbabyandkids.com/school-visit/shrewsbury-international-school-bangkok-city-campus/

              4. โรงเรียนสาธิตพัฒนา

              ห้องสมุดห้องนี้ไม่ใช่แค่ห้องอ่านหนังสือ แต่คือพื้นที่ที่ดีไซน์มาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเพิ่มพลังให้กับเด็ก ๆ จะแวะมาพักผ่อนหย่อนใจหรืออ่านหนังสือก็ได้ทั้งนั้น เห็นแล้วอยากนั่งอ่านหนังสือทั้งวัน อยากรู้ว่าโรงเรียนนี้มีบรรยากาศอย่างไร

              คลิกอ่านที่ https://www.amarinbabyandkids.com/school-visit/satitpattana/

              5. Kensington International School

              ห้องสมุดขนาดใหญ่ ที่เปิดโล่งพร้อมให้เข้าถึงการอ่านอย่างง่ายดาย ดีไซน์ก็สวยถูกใจให้ความรู้สึกผ่อนคลายแต่กระตุ้นสมอง แอบกระซิบเลยว่าโรงเรียนนี้สวยทุกมุม อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร

              อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.amarinbabyandkids.com/school-visit/kensington-international-school-2/

              6. Firefly Forest School

              ห้องสมุดที่ดีไซน์อบอุ่นเหมือนบ้านและเป็นมากกว่าที่เก็บหนังสือ เป็น“พื้นที่ปลอดภัยทางใจ” สำหรับเด็กๆ
              มีแสงธรรมชาติ โต๊ะไม้ เก้าอี้นุ่ม ๆ ให้ชิลล์ได้ทั้งวันเหมือนนั่งอยู่ในบ้านของตัวเอง โรงเรียนที่เป็นเสมือนบ้านหลังที่ 2 ของเด็ก ๆ นี้จะน่าสนใจอย่างไร

              คลิกอ่านกันที่ https://www.amarinbabyandkids.com/school-visit/firefly-forest-school/


                Tags

                7 โรงเรียนย่านนนทบุรี หลักสูตรดี สภาพแวดล้อมดี ลูกเรียนแล้วแฮปปี้!

                7 โรงเรียนแนะนำย่านนทบุรี ที่คุณแม่จาก Amarin Baby & Kids คัดมาแล้ว ทั้งเรื่องหลักสูตร และบรรยากาศที่น่าเรียนสำหรับลูก ๆ

                คุณพ่อคุณแม่กำลังมองหา โรงเรียนอนุบาลหรือประถมดี ๆ ย่านนนทบุรี อยู่ใช่ไหม? หรือกำลังคิดหนักว่าปีนี้จะให้ลูกเข้า โรงเรียนไหนดี ที่ทั้งปลอดภัย หลักสูตรดี และคุณครูใส่ใจ? เรามี โรงเรียนแนะนำย่านนนทบุรี มาเป็นข้อมูลให้คุณพ่อคุณแม่ได้ลองเลือกดูค่ะ

                โพสต์นี้เรารวมมาให้แล้ว! เลื่อนดูรายชื่อทั้ง 7 โรงเรียนแนะนำย่านนนทบุรี พร้อมรายละเอียดและจุดเด่นของแต่ละที่กันได้เลย

                1. โรงเรียนนนทบุรีมอนเตสซอรี่ (Westgate Montessori)

                โรงเรียนอนุบาลเล็ก ๆ ในซอยบางใหญ่ซิตี้ ที่เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง และยังได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติอีกด้วย และแม้จะโรงเรียนจะเปิดทำการสอนไม่นาน แต่เหล่าผู้ปกครองก็บอกต่อกันแบบปากต่อปาก จนปัจจุบันมีหลาย ๆ ครอบครัวมาลงทะเบียนต่อคิวให้ลูก ๆ มาเรียน เป็น Waiting List จำนวนมาก แนวทางการสอนจะเป็นในรูปแบบของ Montessori 100%” เด็กเล็กจะเรียนด้วยร่างกายทั้งหมด โดยเน้นทางด้านการฝึกฝนทางประสาทสัมผัส กิจกรรม ทุกงานที่เด็กทำจะต้องมีความหมาย คุณครูที่นี่ เรียนจบด้านหลักสูตร Montessori ทั้งหมด และทางโรงเรียนจำกัดจำนวนนักเรียนเพราะ Montessori คือการดูแลนักเรียนเป็นรายบุคคลค่ะ

                บ้านไหนสนใจลองเข้าไปอ่านรายละเอียดกันต่อได้ที่ https://www.amarinbabyandkids.com/school-visit/westgate-montessori/

                2. โรงเรียนอนุบาลจุติพร (Jutiporn Kindergarten)

                โรงเรียนอนุบาลย่านเมืองทองธานี ที่จัดการเรียนรู้รูปแบบ Activity-based และเสริมทัพด้วยทฤษฎี Multiple Intelligences ให้แต่ละคนค้นพบศักยภาพเฉพาะด้านของตัวเอง เป็นโรงเรียนที่ไม่เร่งเรียน แต่ให้เด็กเรียนรู้อย่างมีความสุข สร้าง Positive Mindset ต่อการเรียนรู้ ที่สำคัญโรงเรียนนี้ก่อตั้งมายาวนานกว่า 40 ปี แล้วค่ะ ประสบการ์ณยาวนานการันตีถึงคุณภาพ โรงเรียนนี้มีคุณครูที่ดูแลเด็ก ๆในแต่ละห้องสูงสุดถึง 3 คน ต่อจำนวนนักเรียนไม่เกิน 20 คนต่อห้อง จัดว่าทั่วถึงเลยค่ะ

                สนใจลองเข้าไปอ่านรายละเอียดกันต่อได้ที่ https://www.amarinbabyandkids.com/school-visit/jutiporn-kindergarten/

                3. โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ ( Nawaphat Kindy School)

                โรงเรียนอนุบาลเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ที่อำเภอท่าอิฐ จังหวัดนนทบุรี เป็นโรงเรียนที่มีฐานกิจกรรมเยอะมาก เพื่อให้เด็ก ๆ เคลื่อนไหวในการทำกิจกรรมอยู่ตลอดเวลา เพราะ Sensory & Motor Skill มีความสำคัญต่อเด็กเล็กเนื่องจากส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการ การเรียนรู้ผ่านการเล่นจะช่วยสร้างประสบการณ์ให้กับเด็กๆ และส่งเสริมทักษะการประมวลผลทางประสาทสัมผัสในเด็กเพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่สมวัย และใช้หลักสูตร National Curriculum ของประเทศอังกฤษมาประยุกต์กับการเรียนการสอนแบบไทย จึงออกมาเป็นหลักสูตร Hybrid Curriculum ( การผสมกันระหว่างสองหลักสูตร ) โดยจัดการเรียนการสอนเป็นรูปแบบภาษาอังกฤษ ทั้งคุณครูและตำราเรียนจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่จะมีบางวิชาที่ยกเว้น เช่น วิชาภาษาไทย วิชาสังคมศาสตร์

                ใครชอบแนวทางนี้ก็สามารถดูรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ https://www.amarinbabyandkids.com/school-visit/nawaphat-kindy-school/

                4. Tree House Montessori Learning Center

                โรงเรียนอนุบาลนานาชาติที่ตั้งอยู่ในโครงการนิชดา ธานี (ซอยสามัคคี) ด้วยการผสมผสานแนวคิด Montessori และ International Early Year Curriculum (IEYC) อย่างลงตัว ช่วยพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก ๆ เพื่อการเติบโตอย่างมีความสุข เน้นการเรียนรู้แบบองค์รวม และแนะแนวทางการเล่น ที่ครอบคลุมทุกด้าน ( อย่างละเอียดเลยค่ะ )รวมถึงการพัฒนา Personal และ Social Emotions และแม้ว่าจะเป็นโรงเรียนนานาชาติ แต่การเรียนการสอนนั้นได้ปรับให้สอดคล้องกับบริบทในสังคมไทย เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้และปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ ความสงบ และมีความเมตตา เด็ก ๆ จะได้เรียนภาษาจีน 3 คาบต่อสัปดาห์ และ ภาษาไทย 2 คาบต่อสัปดาห์ เป็นการเรียนที่เน้นเพื่อสื่อสารโดยเฉพาะเลยค่ะ

                แวะไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.amarinbabyandkids.com/school-visit/tree-house-montessori-learning-center/

                โรงเรียนแนะนำย่านนนทบุรี

                5. โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี (Prasartvidhyanonthaburi School)

                โรงเรียนทางเลือกขนาดกลาง ย่านบางกรวย -ไทรน้อย ที่จัดการศึกษาแบบองค์รวม(Holistic Education) เพื่อการเรียนรู้ที่ควบคู่กันไปเพื่อพัฒนา อารมณ์ สังคม จริยธรรมและวิชาการ ผ่านกิจกรรมที่สนุกสนานได้ลงมือทำจริง ทั้งหมดนี้เพื่อพัฒนาศักยภาพทางสมอง ให้เด็กๆได้ใช้ทั้งพลังกายและพลังสมองไปควบคู่กัน และมุ่งเน้นพัฒนานักเรียนเป็นรายบุคคล ใส่ใจลงรายละเอียด ด้วยนโยบายการจัดการศึกษาที่ตอบโจทย์ Multiple Intelligences และ Competency ของนักเรียน ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Innovative Boutique School ทำให้พ่อแม่ยิ้มอย่างเบาใจได้ว่า เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มที่ตามศักยภาพของแต่ละคน

                บ้านไหนสนใจลองเข้าไปอ่านรายละเอียดกันต่อได้ที่
                https://www.amarinbabyandkids.com/school-visit/prasartvidnon/

                โรงเรียนแนะนำย่านนนทบุรี

                6. โรงเรียนอันวิดา (Anvida School)

                โรงเรียนอนุบาลและประถมย่านปากเกร็ด นนทบุรี ที่ไม่ได้โดดเด่นแต่รูปลักษณ์ภายนอก แต่หลักสูตรใหม่ หรือ International Program (IP) ก็คือที่สุดเช่นกันค่ะ เพราะเป็นหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากประเทศฟินแลนด์ (ที่ขึ้นชื่อว่าระบบการศึกษาดีที่สุด) เน้นการเรียนรู้ให้เกิดประสบการณ์ “อย่างมีความสุข” ผ่านการเล่น การเคลื่อนไหว อิสระและจินตนาการ ผสานการเรียนรู้แบบองค์รวม โรงเรียนให้ความสำคัญกับการสร้าง Character เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นตัวนักเรียนเองหรือคุณครู จึงสะท้อนออกมาเป็น กิจกรรมที่หลากหลาย อุปกรณ์ประกอบการเรียนรู้ที่พร้อมสุดๆ จัดเวลาให้ทุกคนได้เล่นอย่างจุก ๆ ผลคือการพัฒนาตัวตนเด่นชัดและที่สำคัญคือ ทุกคนที่นี่ “อารมณ์ดี

                สนใจโรงเรียนนี้ไปอ่านต่อกันได้ที่ https://www.amarinbabyandkids.com/school-visit/anvida-school/

                โรงเรียนแนะนำย่านนนทบุรี

                7. Denla Trilingual School (DLTS )

                Denla Trilingual School หรือโรงเรียน DLTS ที่ตั้งอยู่บนถนนนครอินทร์ จังหวัดนนทบุรี บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ หลักสูตรเป็นแบบนานาชาติ (ภาษาอังกฤษ, ภาษาไทย และภาษาจีน) ที่ยึดตตามหลักสูตร Common Core ของสหรัฐอเมริกา นักเรียนจะได้เรียนเป็นภาษาอังกฤษทุกรายวิชา แบบ 100% ยกเว้นวิชาภาษาไทย และภาษาจีน ที่สอนโดยคุณครูเจ้าของภาษา Facilities ครบครัน เช่น สนามกีฬาในร่ม, สนามบาสเก็ตบอล ,สนาม Squash, สนามฟุตบอล, สนามฟุตซอล และสระว่ายน้ำในร่ม ,Sand Play Room , Water Play Room ,ห้องสมุด , ห้องดนตรีและอื่นอีกมากมาย

                แวะไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.amarinbabyandkids.com/advertorial/denla-trilingual-school/

                บทความโดย
                แม่เลม่อน


                  Tags

                  6 ขอต้องรู้ ก่อนให้ลูกเรียนโรงเรียนมอนเตสซอรี่

                  ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชื่อของ มอนเตสซอรี่  ( Montessori ) กลายเป็นคำที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนพูดถึง แต่เชื่อเลยค่ะว่า หลาย ๆ คนอาจจะยังสงสัยอยู่ว่า Montessori นั้นแตกต่างจากการเรียนทั่วไปอย่างไรนะ ? แล้วลูกของเราจะมีความสุขกับการเรียนและมีคุณภาพในแบบที่เราคาดหวังได้จริงหรือเปล่า ? วันนี้เรา wrap up และมาไขข้อสงสัย พร้อมกับลิสต์รายชื่อโรงเรียนสายมอนเตสมาให้ด้วย บ้านไหนสนใจอยู่มาอ่านกันได้เลย  

                  1. Montessori คืออะไร 

                  คือแนวทางการศึกษาที่มีมานานกว่า 100 ปี แล้วค่ะ พัฒนา โดย Dr. Maria Montessori ( แพทย์หญิงมาเรีย มอนเตสซอรี่) ที่เริ่มต้นจากการทำงานกับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ก่อนจะขยายแนวคิดไปสู่เด็กทุกคน โดยหัวใจของวิธีการนี้คือ “เด็กคือผู้สร้างการเรียนรู้ด้วยตัวเอง” เราลองมาทำความรู้จักเธอกันสักนิด

                  Dr. Maria Montessori เป็นจิตแพทย์หญิงชาวอิตาลี ผู้เชื่อว่า “การให้การศึกษาในระยะแรกไม่ใช่การเอาความรู้ไปบอกเด็ก แต่ควรปลูกฝังให้เด็กได้เจริญเติบโตไปตามความต้องการตามธรรมชาติของเขา” แรกเริ่ม Dr. Maria ใช้การสอนนี้กับเด็กที่มีสติปัญญาล่าช้า และพบว่าเด็ก ๆ เหล่านั้นมีพัฒนาการดีขึ้นและสามารถเรียนร่วมกับเด็กปกติได้ ส่วนเด็กปกติก็ได้ผลดีมากด้วย ปัจจุบันการเรียนการสอนแบบ Montessori จึงแพร่หลายไปทั่วโลกเลยค่ะ การสอนแบบมอนเตสซอรี่จะน้นตัวเด็กเป็นหลักคือ  Follow The Child เด็กมีสิทธิที่จะรู้และมีสิทธิที่จะเลือก คุณครูหรือผู้ปกครองจะเป็นผู้คอยสังเกตและสนับสนุนด้วยใจสบายๆ ไม่แทรกแซง เคารพเด็กและปล่อยให้เขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเร่งเรียน เพราะเด็กแต่ละคนมีความพร้อมไม่เหมือนกัน

                  2. Montessori เรียนอย่างไร?

                  • 100% hands-on learning  เรียนรู้ผ่านการลงมือทำและสร้างความจำจากประสบการณ์
                  • Self-directed Learning การเรียนรู้ด้วยตนเอง ครูผู้สอนจะทำหน้าที่เป็นผู้ชี้แนะและคอยสังเกตการณ์ ไม่ใช่ผู้สั่งสอน เด็กๆ จะมีอิสระในการเลือกกิจกรรมที่สนใจและเรียนรู้ตามจังหวะของตนเอง 
                  • Freedom within limits การเรียนรู้แบบอิสระภายใต้ขอบเขตที่กำหนด 
                  • Uninterrupted work periods  ช่วงเวลาการทำงานที่ต่อเนื่อง เด็ก ๆ จะมีเวลาทำงานอย่างต่อเนื่องประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถมีสมาธิจดจ่อกับกิจกรรมที่เลือกได้อย่างเต็มที่ เรียนรู้ในเชิงลึกโดยไม่ถูกรบกวน

                  1-2 ห้องมอนเตสเซอรี่ระดับอนุบาล ที่โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ 

                  D:\ABK\3.COLUMN\3.School visit\67\66.นนทบุรีมอนเตส\241121-jeed-abk-พลอย-นนทบุรีมอนเตสเซอรี่\jeed241121-088.jpg

                  3 โรงเรียน Nonthaburi Montessori

                  D:\ABK\3.COLUMN\3.School visit\67\26.John Wyatt\fang240301โรงเรียนJohnWatt\9.JPG

                  โรงเรียน John Wyatt Montessori Learning Center

                  3. Montessori Classroom : ห้องเรียนมอนเตสซอรี่เป็นอย่างไร ?

                  • Well Prepared Environment  สภาพแวดล้อมที่น่าเรียนรู้  ห้องเรียนจะถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ มีสื่อการเรียนรู้ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เฟอร์นิเจอร์ขนาดเหมาะเจาะ เพื่อให้เด็กสามารถหยิบจับและเก็บเข้าที่ได้อย่างปลอดภัยค่ะ
                  • Montessori Materials สื่อการเรียนรู้ที่จับต้องได้  อุปกรณ์การเรียนรู้เหล่านี้ถูกออกแบบมาให้เด็กเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ตั้งแต่การฝึกทักษะการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก ไปจนถึงแนวคิดที่ซับซ้อน เช่น คณิตศาสตร์ ภาษา วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ฯลฯ และเด็กๆ จะได้รับการนำเสนอกิจกรรมอย่างละเอียดก่อนเสมอ 
                  • Mixed-aged Classrooms  ชั้นเรียนคละอายุ เด็กที่มีอายุต่างกันจะเรียนอยู่ในห้องเดียวกัน ทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน เด็กโตได้เรียนรู้ที่จะช่วยเหลือและเป็นผู้นำ ในขณะที่น้องได้เรียนรู้จากการสังเกตและเลียนแบบพี่ๆ เหมือนเป็นการจำลองสังคมย่อมๆ มาให้เด็กๆ ได้ลองใช้ชีวิตค่ะ

                  ห้องมอนเตสเซอรี่ ที่โรงเรียนอนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้ 

                  D:\ABK\3.COLUMN\3.School visit\67\3.เพลินมอนเตสเซอรี่\ABK-รร.เพลินมอนเตส-พี่จูน\New folder\21.jpg

                  ห้องมอนเตสเซอรี่ ที่โรงเรียนเพลินมอนเตสซอรี่

                  D:\ABK\3.COLUMN\3.School visit\68\17.เลิศคิด มอนเตสซอรี่\250211-jeed-abk-Lert Kid-พลอย\jeed-250211-153.jpg

                  ห้องเรียนโรงเรียนเลิศคิดมอนเตสซอรี่ 

                  4. ทำไม Montessori ถึงน่าสนใจ?

                  • เด็ก ๆ มีผลการเรียนที่ดีและยังช่วยปลูกฝังความรักในการเรียนรู้ตั้งแต่ยังเล็ก
                  • เด็ก ๆ จะรู้จักตัวเองอย่างแท้จริง  คุณพ่อคุณแม่ได้เห็นตัวตนของลูกและความชอบของลูกอย่างชัดเจน มีอิสระและเคารพกฎกติกาในเวลาเดียวกัน และได้แสดงความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ 
                  • เด็ก ๆ เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ได้คิด วางแผนและตัดสินใจด้วยตนเอง และมีวินัยในตนเองโดยธรรมชาติ
                  • เด็ก ๆ มีสมาธิ ควบคุมตนเองได้ จดจ่ออยู่กับกิจกรรมได้นาน อดทนไม่ย่อท้อ รอเป็นเย็นได้
                  • เด็ก ๆ จะรู้จักรักตัวเอง รู้คุณค่าของตัวเอง (เพราะสามารถทำอะไร ๆ ได้ด้วยตนเอง ) รู้จักรักและเมตตาผู้อื่น (เรียนรู้จากในชั้นเรียนคละอายุ)

                  5. Montessori เหมาะกับใคร ?

                  • ผู้ปกครองที่ไม่คาดหวังการเรียนแบบเร่งด่วนหรือแข่งขัน 
                  • เหมาะกับครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับความเป็นอิสระ ความรับผิดชอบ  กล้าให้ลอง  รอคอยได้ เพราะพัฒนาการ “ใช้เวลา” ในการสร้างนะคะ
                  • เด็กที่ชอบเรียนรู้ด้วยตัวเอง สนใจสำรวจสิ่งรอบตัว มีความอยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติ
                  • เด็กที่มีสมาธิดี  จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน ชอบความเป็นอิสระ  มีความเป็นผู้นำ  กล้าตัดสินใจ
                  • เด็กที่มีความต้องการพิเศษ * ( อาจจะไม่เหมาะกับเด็กที่ต้องการการชี้นำอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา หรือเด็กที่ชอบการแข่งขัน เพราะหัวใจหลักของ Montessori คือการเรียนรู้จากภายในและพัฒนาตนเอง ไม่เปรียบเทียบตนเองกับคนรอบข้างค่ะ ) * หมายเหตุ * ผู้ปกครองควรติดต่อสอบถามโรงเรียนก่อนว่ามีคุณครูการศึกษาพิเศษประจำ หรือ มีที่นั่งสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษหรือไม่ เพราะหลายแห่งไม่มีคุณครูการศึกษาพิเศษค่ะ

                  6. เตรียมตัวอย่างไร ?

                  • ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ทำความเข้าใจปรัชญาและหลักการของ Montessori ที่แท้จริง ไม่ใช่แค่ชื่อโรงเรียน การอ่านหนังสือ หรือเข้าร่วมเวิร์คช็อปสำหรับผู้ปกครอง 
                  • สังเกตบุตรหลานว่ามีลักษณะนิสัยที่สอดคล้องกับแนวทางนี้หรือไม่ เช่น มีความอยากรู้อยากเห็นสูง รักการสำรวจ ชอบทำกิจกรรมด้วยตนเอง มีความพยายาม มีความอดทน
                  • เยี่ยมชมโรงเรียนและพูดคุยกับโรงเรียนและการดูสถานที่จริงจะช่วยให้เห็นบรรยากาศการเรียน  สภาพแวดล้อม  วิธีการสอนของคุณครู นอกจากนี้ควรสอบถามหลักสูตร การฝึกอบรมของครูและแนวทางประเมินผลการเรียนรู้ให้เข้าใจก่อนด้วยนะคะ
                  • เตรียมสภาพแวดล้อมที่บ้าน  สร้างกิจวัตรที่สม่ำเสมอ เพื่อการเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง

                  สุดท้ายโรงเรียนแนวมอนเตสซอรี่ คือ การลงทุนในอนาคตของลูกน้อย โดยมุ่งเน้นการสร้าง “มนุษย์ที่สมบูรณ์” ที่มีระเบียบวินัยในตนเอง มีความรับผิดชอบ มีความคิดสร้างสรรค์ และมีความรักในการเรียนรู้ตลอดชีวิต หากคุณพ่อคุณแม่เข้าใจหลักการนี้อย่างถ่องแท้และเตรียมความพร้อมทั้งด้านข้อมูลและจิตใจ แนวทางนี้จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยส่งเสริมให้ลูกเติบโตอย่างมีคุณภาพ และความสุขอย่างยั่งยืนค่ะ ปัจจุบันมีหลายโรงเรียนเลยค่ะ ที่ผสมผสาน Montessori เข้าไปในหลักสูตร ลองมาดูกันหน่อยดีกว่าว่ามีโรงเรียนไหนกันบ้าง 

                  ลิสต์โรงเรียนมอนเตสซอรี่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล 

                  1. โรงเรียนอนันตา  
                  1. โรงเรียนเลิศคิด มอนเตสซอรี่
                  1. Nonthaburi Montessori
                  1. โรงเรียนสาธิตปทุม
                  1. Treehouse Montessori Center
                  1. Daisy Ray Montessori
                  1. โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเพรพ มอนเตสซอรี่ International Montessori Center
                  1. John Wyatt Montessori Learning Center
                  1. โรงเรียนอนุบาลบ้านวาดฝัน
                  1. เพลินมอนเตสซอรี่
                  1. อนุบาลสามภาษา บ้านต้นไม้
                  1. สาธิตละอออุทิศ

                    Tags

                     CAMPUS ROADSHOW 2025 โรงเรียนแสนสุขสม

                    💖มาแล้วจ้า ! ประมวลภาพบรรยากาศแสนอบอุ่นและสนุกสนาน ในงาน Amarin Baby & Kids CAMPUS ROADSHOW 2025  ร่วมกับ โรงเรียนแสนสุขสม วันที่ 15 ส.ค. 68 เวลา 9.00 -11.00 น.

                    ✨ กับกิจกรรม “ปล่อยพลัง สร้างจินตนาการ และรู้จักการเอาตัวรอด” ผ่านฐานความสนุกต่าง ๆ ทั้ง

                    First Aid & Survival Skills Workshop 👫

                    กิจกรรมเรียนรู้ทักษะการเอาตัวรอด ที่นอกจากช่วยให้เด็กๆปลอดภัยในยามคับขัน

                    👩‍🎤Self-Regulation Training 

                    เรียนรู้การฝึกทักษะในการควบคุมตนเองและสร้างความมั่นใจ ความกล้าควบคู่ไปกับการเล่น

                    Story time🧚‍♀️

                    นิทานมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภาษาและการรับรู้ สร้างเสริมจินตนาการ พัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กในหลายๆด้าน 

                    โดยมีผู้ใหญ่ใจดีอย่าง Foremost Omega, NARAK , SAKER ,แอนมัม ,Master Rabbit และ Lynn Organic ที่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสุขให้กับน้องๆ ในกิจกรรมครั้งนี้ 🙏✨  งานนี้เด็ก ๆ สนุกสนานและได้ความรู้กันแบบจัดเต็ม 

                    Amarin Baby&Kids ต้องขอบคุณเด็ก ๆ และคุณครูโรงเรียนแสนสุขสม ทุกท่านที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้า ที่โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ วันที่ 26  ส.ค. 68 นี้ค่า

                    #AmarinBabyandKidsCAMPUSROADSHOW2025 #Schoolvisit #ForemostOmegaSmartGold #NARAK #SAKER #แอนมัม # LynnOrganic #MasterRabbit   #โรงเรียนแสนสุขสม

                    โรงเรียนแสนสุขสม

                    Tags

                    Jurassic World: The Experience ผจญภัยในโลกไดโนเสาร์

                    เด็กพาเที่ยววันนี้ น้องเลม่อน นัก Reviewer รุ่นจิ๋วของเรา จะขออาสาพาทุกคนไปผจญภัยโลกล้านปีที่ Jurassic World: The Experience สุดยอดประสบการณ์เสมือนจริงแบบอิมเมอร์ซีฟที่ยิ่งใหญ่และใหม่ล่าสุดของโลก

                    Jurassic World: The Experience จัดขึ้นที่ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ด้วยการเนรมิตพื้นที่รวมกว่า 6,000 ตารางเมตร ให้กลายเป็นโลกแห่งการผจญภัยสุดล้ำ

                    วันนี้ เราจะชวนเด็ก ๆ ทุกคนมาสำรวจเกาะอิสลา นูบลาร์ ที่แสนจะตื่นตาตื่นใจและเต็มไปด้วยไดโนเสาร์ขนาดยักษ์ที่เคลื่อนไหวได้ ราวกับมีชีวิต ตื่นเต้นกันแล้วใช่ไหม ถ้าพร้อมแล้วมาออกเดินทางไปด้วยกันเลย!

                    Jurassic World: The Experience โซนไหนสนุก โซนไหนลุ้น? เราพาไปดู!

                    Origins of Wonder

                    โซนแรก เราจะได้ทบทวนเรื่องราวการเกิดขึ้นของไดโนเสาร์ใน Jurassic World กันก่อน โดยมีก้อนอำพันพร้อมคำบรรยายจากตัวละครในตำนานอย่าง มิสเตอร์ ดีเอ็นเอ มาเล่าเรื่องราวต่าง ๆ มุมนี้เราจะได้รับตั๋วขึ้นเรือและยังสามารถถ่ายภาพก่อนออกเดินทางไปยังจุดรอขึ้นเรือเฟอร์รี่

                    อย่าลืม ! เก็บตั๋วให้ดีนะ เราจะนำตั๋วนี้ไปสแกนบาร์โค้ดเพื่อเลือกรูปสวย ๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึกได้ในภายหลัง หลังจากนั้นเราจะได้จำลองการนั่งเรือเฟอรี่เพื่อเดินทางไปยัง เกาะอิสลา นูบลาร์ สถานที่ตั้งของ Jurassic World ที่เนรมิตบรรยากาศได้เหมือนจริงสุด ๆ แสดงภาพกราฟิกเคลื่อนไหวเปรียบเทียบขนาดระหว่างวาฬยุคปัจจุบันกับ โมซาซอรัส บนหน้าจอด้านหน้าต่างฝั่งทะเลอีกด้วย

                    The Petting Zoo

                    เมื่อลงจากเรือและก้าวเท้าเข้าสู่เกาะอิสลา นูบลาร์ ก็จะเจอประตูขนาดใหญ่อันเป็นสัญลักษณ์ของ Jurassic World โซนนี้เราจะได้เจอ แองคิโลซอรัส ไดโนเสาร์ยักษ์ใหญ่ ส่ายหางไปมาและยังได้ชมลูกไดโนเสาร์สุดน่ารักที่โซนนี้ด้วยน้า

                    The Predator Pavilion

                    ตื่นเต้นสุด ๆ เพราะเรากำลังเข้าสู่โซนของไดโนเสาร์กินเนื้อกันแล้ว จะได้พบกับเหล่าแรปเตอร์ ไดโนเสาร์นักล่าที่ถูกจับใส่ที่ครอบปาก พวกมันยังคงส่งเสียงคำราม ทั้งสะบัดและกระแทกที่ครอบปาก บอกเลยว่าลายละเอียดของไดโนเสาร์เหมือนจริงและสวยงามมาก ๆ โซนนี้เราจะได้เจอ “บลู” เจ้าแรปเตอร์ จากในหนังกันตัวเป็น ๆ ทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในหนังจริง ๆ

                    The Observation Deck

                    จุดชมวิวและหอสังเกตการณ์ เป็นห้องกระจกที่ให้เราจ้องมองเข้าไปในป่าดงดิบหนาทึบ ที่ซึ่ง อินโดไมนัส เร็กซ์ (Indominus rex) นักล่าสุดอันตรายกำลังเคลื่อนไหวและเฝ้ามองเราอยู่ โซนนี้สร้างบรรยากาศได้เหมือนจริงสุด ๆ ใครเป็นแฟนคลับหนัง Jurassic World ต้องถูกใจโซนนี้แน่นอน

                    Lost in the Jungle

                    เรากำลังหลงทางอยู่ในป่าดงดิบอันมืดมิด พบกับเศษซากจากอดีตกับป้าย Jurassic Park ที่หลงเหลืออยู่ และรถจี๊ปที่ถูกเถาวัลย์ปกคลุมจนเกือบมิด โซนนี้เราจะได้เจอกับ ไดโลโฟซอรัส (Dilophosaurus) ไดโนเสาร์ตัวเล็กที่มาพร้อมกับแผงคอสีสันสดใสที่กางออกเสมือนงูแผ่แม่เบี้ย แถมยังพ่นพิษได้ด้วย

                    The Final Escape

                    โซนนี้เป็นโซนไฮไลท์เด็ดเลยก็ว่าได้ เพราะมีทั้งห้องวิจัยที่มีทั้งไดโนเสาร์แรกเกิดและไข่ไดโนเสาร์ รวมไปถึง ทีเร็กซ์ (T. rex) ไดโนเสาร์กินเนื้อตัวโต ที่เคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิตจริง ๆ

                    ที่เล่ามาเป็นแค่ส่วนหนึ่งของนิทรรศการเท่านั้น ของจริงยังมีอีกหลายโซนด้านในให้เราได้ผจญภัย และหลังจากดูนิทรรศการจบอย่าเพิ่งกลับ อย่าลืม! แวะเลือกซื้อของที่ระลึกและสินค้าลิขสิทธิ์แท้เฉพาะของ Jurassic World ภายในร้านค้า The Experience Retail Store ซึ่งออกแบบมาในธีมพื้นที่หลบภัยในโลกยุคดึกดำบรรพ์กันก่อน

                    หรือถ้าเด็ก ๆ หิวก็สามารถ ขึ้นลิฟท์ไปยังชั้น 2 แวะทานอาหารกันที่ร้าน “Fossil & Flame Restaurant” ห้องอาหาร Jurassic World ที่ผสานเรื่องเล่าจากภาพยนตร์ให้เข้ากันเป็นอย่างดีทั้งเมนูอาหารและบรรยากาศการตกแต่ง แถมยังมีวิวริมแม่น้ำที่งดงามเป็นฉากหลังอีกด้วย บอกเลยว่ามีมุมถ่ายรูปเพียบในโซนนี้

                    บนชั้นนี้เราสามารถเดินต่อไปยัง “Hatch Dome” (แฮ็ธช์ โดม) อาคารโดมขนาดใหญ่แบบเอาต์ดอร์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีทั้ง Fossil Park โซนโครงกระดูกไดโนเสาร์จำลอง ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับสายพันธุ์ต่าง ๆ ของไดโนเสาร์ Snake Garden และนิทรรศการด้านความยั่งยืนแบบ 4D จาก AWC ภายใต้แนวคิด “Better World, Better Future” รวมไปถึงสนามเด็กเล่นหญ้าเทียมขนาดใหญ่ให้เข้าฟรีแบบไม่มีค่าใช้จ่ายด้วยนะ

                    ใครสนใจแนะนำให้จองตั๋วกันล่วงหน้าได้ที่ https://jurassicworldexperience.com/th/

                    Jurassic World : The Experience Bangkok เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น เปิดให้บริการทุกวัน 11.00 – 22.00 ( รอบสุดท้าย 21.00 )

                    ราคาบัตร แบ่งเป็น 2 แบบ

                    Peak : วันจันทร์-วันศุกร์ ช่วงหลัง 16:00 น. วันหยุดสุดสัปดาห์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ⏰ช่วงเวลา 11.00-21.00 น.
                    ราคาผู้ใหญ่ 989 บาท อายุมากกว่า 11 ปีขึ้นไป ราคาเด็ก 789 บาท อายุ 3-10 ปี

                    Off-Peak : วันจันทร์-วันศุกร์ ช่วงก่อน 16:00 น.
                    ราคาผู้ใหญ่ 769 บาท อายุมากกว่า 11 ปีขึ้นไป ราคาเด็ก 579 บาท อายุ 3-10 ปี

                    #JurassicWorldTheExperience #Jurassic World #เด็กพาเที่ยว

                      โรงเรียนสุขฤทัย – พื้นที่แห่งการเรียนรู้อย่างมีความความสุข

                      School Visit วันนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปเยี่ยมเยียน โรงเรียนสุขฤทัย โรงเรียนที่เด็ก ๆ มาแล้วมีความสุข และได้ความรู้ที่ส่งเสริมให้เด็กๆ เติบโตอย่างมั่นใจในแบบของตัวเอง

                      วันนี้ทีมงาน ABK ได้รับเกียรติจาก คุณแอนท์ – ดร.กมลชน พุคยาภรณ์ ผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียน มาเล่าถึงที่มาที่ไปของ โรงเรียนสุขฤทัย ค่ะ

                      โรงเรียนสุขฤทัยก่อตั้งเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2532 โดย ดร.สุข และ ดร.มาลินี พุคยาภรณ์ ซึ่งเป็นคุณปู่และคุณย่า ของคุณแอนท์-ดร.สุข พุคยาภรณ์ มีความต้องการที่จะสร้างโรงเรียน สร้างประโยชน์ และให้ความรู้กับเด็ก ๆ จึงได้ก่อตั้งโรงเรียนนี้ขึ้นมา เมื่อหลายปีก่อน

                      ต่อมาคุณชาติชาย พุคยาภรณ์ (คุณพ่อของคุณแอนท์) ก็ได้สานต่อเจตนารมณ์ และได่ส่งต่อมาให้กับ คุณแอนท์ ในปัจจุบัน ซึ่งตัวคุณแอนท์เองก็เรียนจบจากที่นี่และยังเป็นศิษย์เก่ารุ่นแรก ๆ ของโรงเรียนแห่งนี้ด้วย

                      กว่า 36 ปี ที่ผ่านมา โรงเรียนก็ถูกพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัยมาเรื่อย ๆ เมื่อคุณแอนท์ได้เข้ามาบริหารโรงเรียน ก็พยายามปรับให้โรงเรียนทันสมัยขึ้นและยังสร้างพื้นที่ความสุขภายในโรงเรียนให้มากขึ้นอีกด้วย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เด็กๆ มีความสุขที่ได้มาโรงเรียนในทุก ๆ วันนั่นเอง

                      สุขเรียนรู้

                      โรงเรียนสุขฤทัยใช้หลักสูตรในรูปแบบบูรณาการ และพัฒนาหลักสูตรที่มีชื่อว่า สุขเรียนรู้ ( Happy Learning ) มาเป็นแนวทางในการสอน โดยเน้นให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้อย่างมีความสุข ซึ่งเด็ก ๆ จะสามารถเชื่อมโยงความรู้ ประสบการณ์และบริบทต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง

                      ส่วนโปรแกรมการเรียนการสอนของโรงเรียนสุขฤทัย มี 2 โปรแกรมค่ะ คือ

                      • โปรแกรม CEC (Chinese -English Creative Program ) เป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นภาษาต่างประเทศ มีการสอดแทรกภาษาต่างประเทศเข้าไปในวิชาต่างๆ ทั้ง วิทยาศาตร์ และคณิตศาสตร์
                      • โปรแกรม ME-C (Math-English-Chinese Program) เป็นหลักสูตรที่สอนการคิดคำนวณคณิตศาตร์แบบญี่ปุ่น

                      และทั้ง 2 โปรแกรม ทางโรงเรียนสุขฤทัยใช้กระบวนการเรียนรู้ผ่านการเล่น ( Play-Based Learning ) เพื่อสร้างประสบการณ์เรียนรู้ที่สนุกสนานให้กับเด็ก ๆ เพื่อดึงศักยภาพและความสนใจของแต่ละคนออกมา จุดเด่นของโรงเรียนอีกอย่างก็คือ การสอนภาษาต่างประเทศอย่างภาษาจีน และภาษาอังกฤษ ที่โรงเรียนให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะภาษาจะเป็นอีกประตูหนึ่งที่จะช่วยให้เด็กมีโอกาสดี ๆในอนาคตได้มากขึ้น โดยเด็ก ๆ จะได้เรียนภาษาจีนกันตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 ถึง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

                      เหล่าซือ กำลังสอนภาษาจีนให้กับน้องๆ โดยแต่งตัวเข้ากับธีมของเรื่องที่สอน

                      สุขฤทัย Wonderland

                      ที่โรงเรียนสุขฤทัยมีพื้นที่แห่งความสุข เรียกว่า “สุขฤทัย Wonderland” ซึ่งเป็นที่ ๆ เด็กๆ จะได้ปล่อยพลังความสนุกได้อย่างเต็มที่ มีเครื่องเล่นขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐาน บ่อทราย และสวนน้ำ เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ปีนป่าย เสริมทักษะและพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก มัดใหญ่ ได้อย่างเต็มที่ และยังคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็ก ๆ ด้วยการปูพื้นสนามแห่งนี้ด้วยแผ่นยาง EPDM สีชมพู-ฟ้า ซึ่งเป็นสีประจำโรงเรียน ทำให้สนามแห่งนี้ดูสว่าง สะอาดสะอ้าน นอกจากนั้นแล้วพื้นสนามยังมีลวดลาย และตัวเลข ให้เด็กๆ ได้เล่นและเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน

                      สุขฤทัย Happy Town

                      นอกจากพื้นที่ความสนุกแบบ Outdoor แล้วทางโรงเรียนแล้วยังมีการจัดทำห้อง “ สุขฤทัย Happy Town” ซึ่งเป็นห้องแห่งความสุขแบบ Indoor โดยมีมุมต่างๆ ให้เด็กได้เลือกเล่นอย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็น มุมบทบาทสมมติ มุมปีนป่ายและบ้านบอล มุมต่อเลโก้ตามจินตนาการและมุมหนังสือนิทาน เรื่องความสะอาดก็สบายใจได้เลยค่ะ เพราะว่าห้องนี้ได้รับการดูแล และทำความสะอาดอย่างดีในทุก ๆ วัน และทุกวันศุกร์จะเป็นวัน Big Cleaning Day ที่ทั้งคุณครู และแม่บ้านจะมาช่วยกันทำความสะอาดอีกครั้งด้วยค่ะ

                      มอ่านนิทาน มีนิทานหลายหลาย ทั้งภาษาไทย – อังกฤษ ให้เด็กๆ เลือกอ่านได้ตามความชอบ ปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน

                      ความปลอดภัยสูง

                      ทางโรงเรียนได้จัดสรรพื้นที่ระหว่างเด็กเล็กกับเด็กโตอย่างเป็นสัดส่วนชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น ประตูทางเข้าออก อาคารเรียน สนามทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยโซนอนุบาลก็จะมีประตูเข้าออกเฉพาะ และมีเวลาเปิด – ปิดที่ชัดเจน ส่วนโซนชั้นประถมจะเข้า-ออกโดยการ สแกนใบหน้าที่บริเวณทางเข้าตึก ส่วนพื้นที่ออกกำลังกายของเด็กเล็กและเด็กโต ก็แยกสัดส่วนชัดเจน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ หรือการชนหกล้ม

                      พื้นที่เล่นกีฬาของเด็กประถม มีทั้งแป้นบาสและเป็นสนามฟุตซอลด้ว
                      เด็ก ๆ กำลังเรียนว่ายน้ำกับคุณครูอย่างสนุกสนาน

                      นอกจากด้านวิชาความรู้ พัฒนาการต่าง ๆ ตามช่วงวัย ทางโรงเรียนยังได้ปลูกฝังการมีระเบียบวินัย ความเป็นระเบียบให้กับเด็กๆ โดยผ่านกิจวัตรประจำวัน ซึ่งเด็กๆ ต้องทำเป็นประจำทุกวัน และยังมีกิจกรรม Leader in Me เป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างภาวะผู้นำและความรับผิดชอบหน้าที่ให้กับเด็ก โดยเด็ก ๆ จะแบ่งหน้าที่ต่าง ๆ ในห้องเรียน โดยให้เด็กเป็นคนเสนอตัวเพื่อรับผิดชอบเรื่องนั้น ๆ ด้วยตนเอง เพื่อสร้างความกล้า สร้างภาวะผู้นำ และความรับผิดชอบต่อหน้าที่

                      เด็ก ๆ นำของที่จะต้องใช้ในแต่ละวัน ใส่ล๊อกเกอร์ของตัวเอง แล้วนำไปวางกระเป๋าหน้าห้องเรียน

                      และอีกอย่างที่ทางโรงเรียนใส่ใจดูแลไม่แพ้กัน คือ อาหาร โดยเมนูอาหารที่ทางโรงเรียนจัดเตรียมจะมีความหลายหลาย ไม่จำเจ และได้สารอาหารครบ 5 หมู่ นอกจากนี้ยังมีบอร์ดขนาดใหญ่เพื่อให้คนปรุงอาหาร และคุณครูทุกคนได้ทราบว่า เด็กคนไหนมีการแพ้อาหารอะไรบ้าง และทางโรงเรียนยังมีอุปกรณ์ช่วยเหลือ หากเด็กสำลักอาหาร อีกด้วย

                      บรรยากาศภายในโรงอาหาร เด็กๆ กำลังทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีการใส่ผ้ากันเปื้อน

                      สิ่งที่ทางโรงเรียน โรงเรียนสุขฤทัย ได้ยึดถือและปฏิบัติ ( KAT )

                      K = Knowledge การให้องค์ความรู้กับนักเรียนทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติ ทั้งในวิชาการ เช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น รวมถึงระดับปฐมวัยที่จัดการเรียนรู้ผ่าน SBL (Sukrutai Based Learning)

                      A = Activity การจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ เช่น ศิลปะ ดนตรี กีฬา ศาสนา และสิ่งแวดล้อม พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา การลงมือปฏิบัติ และส่งเสริมภาวะผู้นำและผู้ตาม

                      T = Take care การดูแลเอาใจใส่ในเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย และสุขภาพของนักเรียน เพื่อให้เติบโตอย่างเหมาะสมตามวัย มีความสุข สนุกสนาน และมีพัฒนาการที่สมดุล

                      ห้องสมุดของโรงเรียน
                      คุณแอนท์ – ดร.กมลชนก พุคยาภรณ์ ผู้บริหารระดับสูงโรงเรียนสุขฤทัย

                      Mommy’s Love This ถูกใจแม่

                      • หลักสูตรที่มีการเพิ่มภาษาจีนเข้ามา ทำให้เด็กๆ ได้เรียนหลากหลายภาษา เป็นการเปิดโอกาสการเรียนรู้ของเด็กๆ
                      • การใส่ใจเรื่องความปลอดภัย และ ความสะอาด ที่ทางโรงเรียนได้จัดเตรียมมีอย่างครบครัน
                      • การที่ทางโรงเรียนเปิดโอกาสให้คุณพ่อคุณแม่ เข้ามามีส่วนร่วมกับทางโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็น การให้คุณพ่อ คุณแม่เข้ามาร่วมเล่าประสบการณ์ในสาขาอาชีพที่เด็กๆสนใจ หรือในการร่วมไปทัศนศึกษาที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น
                      • การปลูกฝังเรื่องจิตสาธารณะในโครงการ “ คบเด็กสร้างโรงพยาบาล” เพื่อให้เด็กๆ ตระหนักถึงการช่วยเหลือ โดยโครงการนี้เด็กๆ จะได้ร่วมตั้งแต่คิดว่าจะทำกิจกรรมอะไร เพื่อระดมทุน
                        แล้วไปซื้อเครื่องมือทางการแพทย์บริจาคให้กับโรงพยาบาลในต่างจังหวัด ทำให้เด็กๆ เกิดความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยเหลือสังคม
                      • จำนวนคุณครูที่ดูแลเด็ก ต่อห้อง มีจำนวน 3 ท่าน ต่อเด็ก 25 คน ในหลักสูตร CEC และ 2 ท่านในหลักสูตร ME-C
                      • นอกจากวิชาการต่าง ๆ แล้ว โรงเรียนยังมีสระว่ายน้ำ เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ทักษะต่าง ๆ โดยจะเป็นสระเกลือที่มีการดูแลความสะอาดอย่างดี

                      คุณสมบัติผู้สมัคร (อายุนับถึงวันที่ 16 พฤษภาคม)

                      • ระดับชั้นอนุบาล อายุ 3 ปีบริบูรณ์
                      • ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 อายุ 6 ปีบริบูรณ์

                      เกณฑ์การพิจารณา
                      การสัมภาษณ์ผู้ปกครอง

                      อัตราค่าเล่าเรียน (ปีการศึกษา 2568)

                      ค่าธรรมเนียมการศึกษา
                      หลักสูตรCEC 42,000 / เทอม **
                      หลักสูตร MEC 27,500 / เทอม **
                      ** ยังไม่รวมค่าชุดนักเรียน และค่าหนังสือเรียน

                      บทความ: แม่ติส
                      ภาพ: กรานต์ชนก  บุญบำรุง


                      เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ – หมอแนะ 6 กุญแจหลัก สร้างสมดุลชีวิต เพื่อลูกจิตใจดี สุขภาพแข็งแรง

                      สร้างสมดุลชีวิต

                      โรงเรียนสุขฤทัย

                      Tags

                      CAMPUS ROADSHOW 2025 โรงเรียนเซนต์ฟรังซิสซาเวียร์ คอนแวนต์

                      💖 มาชมประมวลภาพบรรยากาศแสนสนุก ในงาน Amarin Baby & Kids CAMPUS ROADSHOW 2025 ร่วมกับ โรงเรียนเซนต์ฟรังซิสซาเวียร์ คอนแวนต์ วันที่ 14 ส.ค. 68 เวลา 9.00 -11.00 น.

                      ✨ กับกิจกรรม “ปล่อยพลัง สร้างจินตนาการ และรู้จักการเอาตัวรอด” ผ่านฐานความสนุกต่าง ๆ ทั้ง

                      First Aid & Survival Skills Workshop 👫
                      กิจกรรมเรียนรู้ทักษะการเอาตัวรอด ที่นอกจากช่วยให้เด็กๆปลอดภัยในยามคับขัน

                      👩‍🎤Self-Regulation Training
                      เรียนรู้การฝึกทักษะในการควบคุมตนเองและสร้างความมั่นใจ ความกล้าควบคู่ไปกับการเล่น

                      Story time🧚‍♀️
                      นิทานมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภาษาและการรับรู้ สร้างเสริมจินตนาการ พัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กในหลายๆด้าน

                      ครั้งนี้เราได้ผู้ใหญ่ใจดีอย่าง Foremost Omega, NARAK , SAKER ,แอนมัม ,Master Rabbit และ Lynn Organic มาร่วมจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะและสร้างความสุขและมอบของที่ระลึกมากมายให้กับเด็ก ๆ

                      Amarin Baby&Kids ต้องขอบคุณน้อง ๆ และคุณครูจากโรงเรียนเซนต์ฟรังซิสซาเวียร์ คอนแวนต์ ทุกท่านที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ครั้งหน้าจะสนุกแค่ไหน ติดตามชมภาพแห่งความสุขของเด็ก ๆ ได้เร็วนี้ ๆ ค่า

                      #AmarinBabyandKidsCAMPUSROADSHOW2025 #Schoolvisit #ForemostOmegaSmartGold #NARAK # LynnOrganic #SAKER ,MasterRabbit #หนูทดลองLittleExplorers #โรงเรียนเซนต์ฟรังซิสซาเวียร์คอนแวนต์

                      Tags

                      พาเที่ยวงาน NST FAIR 2025 มหกรรมวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ

                      ✨ NST FAIR 2025 มาแล้ว!

                      เด็กพาเที่ยววันนี้ น้องเลม่อนจะพาไปทุกคนไปเยี่ยมชม มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ที่เด็กหลาย ๆ คนเฝ้ารอคอย ปีนี้มาพร้อมกับธีม Science in Action! For Sustainable Communities ให้เด็ก ๆ ได้มาสัมผัสประสบการณ์วิทยาศาสตร์แบบลงมือจริง คิดจริง สนุกจริง ผ่านนิทรรศการและกิจกรรมมากมาย จากหน่วยงานสังกัดกระทรวงอุดมศึกษาวิทยศาสตร์ และหน่วยงานต่าง ๆ มากมาย ที่พร้อมกันยกความสนุกมามัดรวมไว้ที่นี่ อาทิเช่น
                      Brain Inside Out: เปิดโลกวิทยาศาสตร์แห่งสมอง ใครอยากรูว่าสมองทำงานอย่างไร มีเกมส์อะไรช่วยพัฒนาสมองบ้างต้องมาโซนนี้เลย

                      Quantum Quest: ควอนตัมเปลี่ยนโลก อุโมงค์ควอนตัมสุดพิศวง และร่วมผจญภัยเพื่อสำรวจจักรวาลจิ๋วแสนมหัศจรรย์ในอะตอมและสิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่า อนุภาค ผ่านนิทรรศการและเครื่องเล่นแสนสนุก

                      Mystery of Svalbard: คลังเมล็ดพันธุ์แห่งอนาคต นิทรรศการที่จะนำพาทุกคนไปยังดินแดนหนาวเหน็บซึ่งเป็นที่เก็บเมล็ดพันธุ์แห่งอนาคต จากทั่วทุกมุมโลก เพื่อเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติระดับโลก

                      Little Inventor: ดินแดนนักประดิษฐ์ตัวน้อย บอกเลยโซนนี้ห้ามพลาด! เพราะเป็นพื้นที่หลอมรวมแห่งความสนุก ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้กลไกพื้นฐานรอบตัว ผ่านการเล่นและทดลอง และยังได้เสริมสร้างไอเดีย และจินตนาการอีกด้วย

                      นอกจาก Highlight เด็ดเหล่านี้ก็ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งมุมระบายสี ทดลองวิทยาศาตร์ สำรวจเรื่องราวของโลกและดวงดาว ผ่านเทคโนโลยี XR และ Automata พระอภัยมณี ให้เด็ก ๆ เรียนรู้ผ่านกิจกรรมสุดน่ารักและยังมี Workshop อีกเพียบ ! บอกเลยว่า Wow แน่นอน ที่สำคัญงานนี้ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย ใครอยากไปต้องรีบหน่อย เพราะเขาจัดถึงวันที่ 17 ส.ค. 2568 นี้เท่านั้นน้า #NSTFair2025 #มหกรรมวิทยาศาสตร์2568

                      📅 จัดระหว่างวันที่ 9-17 สิงหาคม 2568
                      📍 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น LG | Hall 5-6
                      🕘 เวลา 09.00–19.00 น.
                      ลงทะเบียนฟรี! หรือ Walk-in เข้าร่วมงานได้เลย

                        Tags

                        Amarin Baby & Kids CAMPUS ROADSHOW โรงเรียนทอสี

                        💖 มาแล้วจ้า ! ประมวลภาพความประทับใจ ความน่ารักและโมเมนต์ดี ๆ จากกิจกรรม Amarin Baby & Kids CAMPUS ROADSHOW 2025  ร่วมกับ โรงเรียนทอสี  วันที่ 6 ส.ค. 68  เวลา 9.00 -11.00 น.

                        ✨ กับกิจกรรม “ปล่อยพลัง สร้างจินตนาการ และรู้จักการเอาตัวรอด” ผ่านฐานความสนุกต่าง ๆ ทั้ง

                        First Aid & Survival Skills Workshop 👫

                        กิจกรรมเรียนรู้ทักษะการเอาตัวรอด ที่นอกจากช่วยให้เด็กๆปลอดภัยในยามคับขัน

                        👩‍🎤Self-Regulation Training 

                        เรียนรู้การฝึกทักษะในการควบคุมตนเองและสร้างความมั่นใจ ความกล้าควบคู่ไปกับการเล่น

                        Story time🧚‍♀️

                        นิทานมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภาษาและการรับรู้ สร้างเสริมจินตนาการ พัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กในหลายๆด้าน 

                        ครั้งนี้เราชวนผู้ใหญ่ใจดีอย่าง Foremost Omega, NARAK , SAKER ,แอนมัม ,Master Rabbit และ Lynn Organic ที่มาร่วมสร้างกิจกรรมสุดหรรษาให้น้องๆ ได้เล่น ได้เรียนและได้ประสบการณ์แสนสนุก งานนี้เด็ก ๆ ได้ความรู้มากมายแถมยังได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านกันเพียบ! 

                        Amarin Baby & Kids ต้องขอบคุณน้อง ๆ และคุณครูทุกท่านที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้า ที่โรงเรียนเซนต์ฟรังซิสซาเวียร์ คอนแวนต์ วันที่ 14 ส.ค. 68 และโรงเรียนแสนสุขสม คอนแวนต์ วันที่ 15 ส.ค. 68 นี้ค่า

                        #AmarinBabyandKidsCAMPUSROADSHOW2025 #Schoolvisit #ForemostOmegaSmartGold #NARAK #SAKER #หนูทดลองLittleExplorers #แอนมัม # LynnOrganic #MasterRabbit    #โรงเรียนทอสี

                          Tags

                          Amarin Baby & Kids CAMPUS ROADSHOW 2025  โรงเรียนบีคอนเฮาส์ แย้มสอาด

                          💖ประมวลภาพบรรยากาศแสนสนุก ในงาน Amarin Baby & Kids CAMPUS ROADSHOW 2025  ร่วมกับ โรงเรียนบีคอนเฮาส์ แย้มสอาด  ลาดพร้าว วันที่ 5 ส.ค. 68 เวลา 9.00 -11.00 น.

                          ✨ กับกิจกรรม “ปล่อยพลัง สร้างจินตนาการ และรู้จักการเอาตัวรอด” ผ่านฐานความสนุกต่าง ๆ ทั้ง

                          First Aid & Survival Skills Workshop 👫

                          กิจกรรมเรียนรู้ทักษะการเอาตัวรอด ที่นอกจากช่วยให้เด็กๆปลอดภัยในยามคับขัน

                          👩‍🎤Self-Regulation Training 

                          เรียนรู้การฝึกทักษะในการควบคุมตนเองและสร้างความมั่นใจ ความกล้าควบคู่ไปกับการเล่น

                          Story time🧚‍♀️

                          นิทานมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภาษาและการรับรู้ สร้างเสริมจินตนาการ พัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กในหลายๆด้าน 

                          ครั้งนี้เราชวนผู้ใหญ่ใจดีอย่าง Foremost Omega, NARAK , SAKER ,แอนมัม , Master Rabbit และ Lynn Organic มาร่วมทำกิจกรรมสนุก ๆ มอบรอยยิ้มและของที่ระลึกมากมาย ครั้งนี้เด็ก ๆ สนุกสนานและได้ความรู้แบบจัดเต็มเลยค่า

                           Amarin Baby & Kids ต้องขอบคุณน้อง ๆ และคุณครูโรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาดลาดพร้าวทุกท่าน ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ครั้งหน้าจะสนุกแค่ไหน ติดตามชมภาพแห่งความสุขของเด็ก ๆ ได้เร็วนี้ ๆ ค่า 

                          #AmarinBabyandKidsCAMPUSROADSHOW2025 #Schoolvisit #ForemostOmegaSmartGold #NARAK #SAKER #หนูทดลองLittleExplorers #แอนมัม # LynnOrganic #MasterRabbit   #โรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาดลาดพร้าว

                            Tags

                            Amarin Baby & Kids CAMPUS ROADSHOW 2025 โรงเรียนนวพัฒน์วิทยา

                            💖รวมภาพความสุข ความสนุกและรอยยิ้มจากกิจกรรมของเรา ในงาน Amarin Baby & Kids CAMPUS ROADSHOW 2025  ร่วมกับ โรงเรียนนวพัฒน์วิทยา วันที่ 4 ส.ค. 68 เวลา 9.00 -11.00 น.

                            ✨ กับกิจกรรม “ปล่อยพลัง สร้างจินตนาการ และรู้จักการเอาตัวรอด” ผ่านฐานความสนุกต่าง ๆ ทั้ง

                            First Aid & Survival Skills Workshop 👫

                            กิจกรรมเรียนรู้ทักษะการเอาตัวรอด ที่นอกจากช่วยให้เด็กๆปลอดภัยในยามคับขัน

                            👩‍🎤Self-Regulation Training 

                            เรียนรู้การฝึกทักษะในการควบคุมตนเองและสร้างความมั่นใจ ความกล้าควบคู่ไปกับการเล่น

                            Story time🧚‍♀️

                            นิทานมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภาษาและการรับรู้ สร้างเสริมจินตนาการ พัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กในหลายๆด้าน 

                            ครั้งนี้เราชวนผู้ใหญ่ใจดีอย่าง Foremost Omega, NARAK , SAKER ,แอนมัม  ,Master Rabbit และ Lynn Organic มาร่วมกันสร้างกิจกรรมดีๆ ให้กับเด็กๆ ให้ได้มีโอกาสเรียนรู้ สนุกสนาน และเปิดโลกกว้างผ่านประสบการณ์นอกห้องเรียน พร้อมกับของที่ระลึกมากมายให้กับเด็ก ๆ 

                            Amarin Baby&Kids ขอขอบคุณเด็ก ๆ และคุณครูโรงเรียนนวพัฒน์วิทยา ทุกท่านที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ครั้งหน้าจะสนุกแค่ไหน และจะเป็นโรงเรียนอะไร ติดตามชมภาพแห่งความสุขของเด็ก ๆ ได้เร็วนี้ ๆ ค่า 

                            #AmarinBabyandKidsCAMPUSROADSHOW2025 #Schoolvisit #ForemostOmegaSmartGold #NARAK #SAKER #หนูทดลองLittleExplorers #แอนมัม #LynnOrganic #MasterRabbit   #นวพัฒน์วิทยา

                              Tags