โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล พลิกโฉมการรักษาด้วย Smart Hospital รองรับเด็กทั่วโลก

event

เพราะเราอยู่ในยุคที่สุขภาพที่ดีสำคัญเท่าการให้การศึกษาที่ดีที่สุด

คุณพ่อคุณแม่จึงให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของลูกเป็นพิเศษ ไม่เพียงการรักษาให้หายจากความเจ็บป่วย แต่ต้องสร้างพื้นฐานสุขภาพที่ดี การวินิจฉัยและรักษาอาการเจ็บป่วยอย่างดีที่สุด  ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเด็กอย่างยั่งยืน เพื่อให้ลูกกลับมาแข็งแรงโดยเร็ว พร้อมเรียนรู้และทำกิจกรรมต่างๆ สมวัย

โรงพยาบาลสมิติเวชจึงเดินหน้าเต็มตัวจัดตั้ง โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อรองรับการดูแลสุขภาพเด็กยุคใหม่ ด้วยศักยภาพของ Smart Hospital ครบวงจร ที่พลิกโฉมการรักษาการเจ็บป่วยทุกรูปแบบ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางโรคเด็กมากกว่า 100 ท่าน ไม่ว่าจะเป็นโรคทั่วไปที่เด็กป่วยบ่อย และโรคที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ

พร้อมมุ่งสู่การเป็นโรงพยาบาลแห่งอนาคต ด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ ผ่าน Well Kidz Application  แอปพลิเคชั่นให้ความรู้ข้อมูลเพื่อป้องกันสุขภาพของเด็กติดตามการรักษา นัดหมายแพทย์ และการชำระเงินได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อมอบสุขภาพที่ดีและมอบความอุ่นใจไร้กังวล การันตีด้วยรางวัลระดับโลก จึงทำให้พ่อแม่ชาวไทยและต่างชาติต่างเชื่อมั่นได้ตั้งแต่ก้าวแรก

Smart OPD ปลอดภัย บริการรวดเร็ว ลดเวลาการอคอย ระหว่างพบแพทย์

จุดคัดกรองผู้ป่วยก่อนเข้าอาคาร ด่านแรกในการดูแลรักษาอาการเจ็บป่วยของเด็ก และการมาตรวจสุขภาพหรือรับวัคซีนของลูกน้อย จึงทำให้มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก และอาจต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน 

โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล  เข้าใจความห่วงใยนี้เป็นอย่างดีจึงจัดให้มีระบบคัดกรองและแยกส่วนของเด็กสุขภาพดี กับเด็กป่วยออกจากกัน พร้อมทั้งมี Kids Dashboard  ระบบแสดงคิวอัจฉริยะ ทราบสถานะและระยะเวลารอพบแพทย์และหน้าจอ Crowd Canvas  แสดงความหนาแน่นของผู้ใช้บริการ  ณ เวลานั้น ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ตรวจเช็กและประเมินเวลาได้สะดวก ประหยัดเวลารอคิวคุณหมอมากขึ้น

Smart IPD สะดวกสบาย หมดกังวลเมื่อรักษาตัวในโรงพยาบาล

หากลูกต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลในระบบผู้ป่วยใน ทางโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช  อินเตอร์เนชั่นแนล  ได้จัดเตรียมระบบต่างๆ เพื่อดูแลเด็กให้ปลอดภัย สะดวกสบายและมีประสบการณ์ที่ดีกับการนอนโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบห้องผู้ป่วยในให้มีความปลอดภัยสูงสำหรับเด็ก ทุกส่วนออกแบบให้เป็นส่วนโค้งมน ไม่อันตราย สีสันสบายตา หน้าจอ Smart Patient Communication  เชื่อมต่อทุกการสื่อสารระหว่างผู้ป่วยและทีมดูแลแบบเรียลไทม์

กรณีที่ลูกต้องเจาะสายน้ำเกลือจะใช้ระบบ IV alarm แจ้งเตือนการให้สารน้ำที่เคาน์เตอร์พยาบาลเพื่อความปลอดภัยลดการรบกวนการพักผ่อนได้มากขึ้น รวมถึง Fast Admit & Discharge แอดมิทได้รวดเร็ว และลดเวลารอกลับบ้านได้ 76%

การเจ็บป่วยของเด็กไม่เหมือนผู้ใหญ่จึงต้องการการดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน ที่ต้องได้รับการรักษาเร่งด่วน  โรงพยาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล  ได้ออกแบบ Smart ER ดูแลผู้ป่วยเด็กในภาวะฉุกเฉินและวิกฤติ ตั้งแต่จุดเกิดเหตุด้วยรถฉุกเฉินที่ติดตั้งระบบสื่อสารแบบเรียลไทม์ เชื่อมต่อกับศูนย์สั่งการรับส่งต่อผู้ป่วย (Samitivej Medical Transport Center) ในการส่งข้อมูลผู้ป่วยล่วงหน้าเพื่อให้ทีมแพทย์ที่โรงพยาบาลเตรียมการรักษาได้ทันที และเปลี่ยนประสบการณ์ความเจ็บปวดด้วย รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ทำให้เด็กและคุณพ่อคุณแม่คลายกังวลจากสถานการณ์ตรงหน้าลงได้

นอกจากนี้ โรงพยาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล  ยังเป็นโรงพยาบาลเด็กเอกชนไทยที่มีกุมารแพทย์ครบทุกสาขามากกว่า 100 ท่าน ทั้งการรักษาโรคยากและซับซ้อนในเด็ก จึงสามารถให้การรักษาทุกความเจ็บปวดได้ครบถ้วนในที่เดียว พร้อมทั้งมีการประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลชั้นนำในประเทศสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยเด็กทุกระดับ สมาร์ตทุกมิติในการป้องกันและรักษาโรคยากด้วยศูนย์เฉพาะทางในเด็ก 

เช่น ศูนย์หัวใจและการผ่าตัดเด็กและทารก ที่มีการรักษาและวินิจฉัยโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด โดยทีมกุมารแพทย์โรคหัวใจและศัลยแพทย์ผ่าตัดหัวใจเด็กที่สามารถรักษาโรคหัวใจในเด็กทุกชนิดได้ตั้งแต่แรกเกิด  และให้การรักษาโรคหัวใจเด็กหายขาดแล้วกว่า 400 ราย ห้องผ่าตัดแบบไฮบริดที่มี Biplane Technology บนเครื่องเอ็กซเรย์  ซึ่งสามารถถ่ายภาพได้หลายระนาบเพื่อลดการสัมผัสรังสี และการใช้อุปกรณ์กายภาพ Robotic ของศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูด็ก มาช่วยในการฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาเคลื่อนไหวได้ตามปกติ และการประเมินการเจริญเติบโตของกระดูกด้วยเทคโนโลยี AI ที่แม่นยำ

เพื่อให้การรักษาสามารถรองรับการดูแลสุขภาพของเด็กทั้งในประเทศไทยและจากต่างประเทศ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล  จึงมีระบบซัพพอร์ทอื่นๆมากมาย ทั้ง การปรึกษาแพทย์ทางไกลสำหรับผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติ ช่วยให้ผู้ป่วยรับการตรวจกับแพทย์ได้แบบเรียลไทม์ โดยสามารถบริการได้ทั่วโลก มีบริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ ที่สามารถรับ-ส่งผู้ป่วยจากสนามบินมายังโรงพยาบาลภายในไม่กี่นาที รวมถึงสามารถรองรับประกันภัยได้มากกว่า 100 แห่งทั่วโลก

Smart Building  ตึกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

นอกจากความใส่ใจที่มีต่อการรักษาเด็กทุกคนแล้วโรงพยาบาลเด็กสมิติเวชยังคำนึงถึงการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการใช้โซลาร์เซลล์ และกระจกกันร้อนรอบอาคาร ซึ่งสามารถลดความร้อนลงได้ถึง 40 % และประหยัดพลังงานไปพร้อมกัน ส่วนภายในอาคารติดตั้งระบบกรองอากาศ ทำให้อากาศที่หมุนเวียนมีคุณภาพอากาศ PM2.5 ระดับสีฟ้า ซึ่งปลอดภัยสูงสุด

โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคสูงถึง 98%สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในทีมแพทย์ พยาบาลเจ้าหน้าที่และโรงพยาบาลอย่างแท้จริง  ด้วยความตั้งใจอยากให้เด็กทุกคนเติบโตอย่างแข็งแรง มีสุขภาพดีติดตัวไปตลอดชีวิต  #โตไปไม่ป่วย

โรงเรียนอนุบาลรักวิทย์ มุ่งเน้นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง

event

เมื่อลูกน้อยเติบโตถึงวัยเข้าโรงเรียน   นับเป็นช่วงเวลาที่พ่อแม่นั้น ทั้งรู้สึกตื่นเต้นพร้อม ๆ กับรู้สึกเป็นกังวลกับโลกใบใหม่ที่ใหญ่ขึ้นของลูก เพราะการมองหาโรงเรียนที่ดีแห่งแรกให้กับลูกนั้น เปรียบเหมือนการหาบ้านหลังที่สอง และเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายคนมองหาโรงเรียนที่ไม่เพียงแต่ให้ความรู้ทางด้านวิชาการ แต่เป็นพื้นที่ที่สำคัญในการวางรากฐานของการเติบโตที่ครบทุกด้านอย่างเป็นองค์รวม ทั้งด้าน ร่างกาย ทางสังคม อารมณ์ และความคิด เพื่อให้มั่นใจว่าสถานที่ที่เราตัดสินใจเลือกนั้น จะเป็นบ้านที่ทำให้ลูกน้อยของเราได้เรียนรู้ เติบโต และค้นพบศักยภาพของตนอย่างมีความสุข

ดังเช่น “โรงเรียนอนุบาลรักวิทย์” แห่งนี้ค่ะ ด้วยความพร้อมของสถานที่ อุปกรณ์การเรียน ครูที่มีความเข้าใจในพัฒนาการและการเรียนรู้ที่แท้จริงสำหรับอนาคต หลักสูตรการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำและผ่านประสบการณ์จริง อ้างอิงทฤษฎีด้านพัฒนาการและแนวคิดการเรียนรู้ของผู้เรียนที่มุ่งเน้นการพัฒนาระบบ   EF(Executive Function)   โดยจัดสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น  หนุนเสริมต่อการเรียนรู้เติบโตของเด็ก ๆ เป็นรายบุคคล โรงเรียนอนุบาลรักวิทย์จึงเป็นสถานที่ที่ได้รับความสนใจจากผู้ปกครองในย่านเพชรเกษมและบริเวณใกล้เคียง School Visit ครั้งนี้ พาคุณพ่อคุณแม่ไปสำรวจ พร้อมกับทำความรู้จักโรงเรียนขนาดเล็กแต่เต็มไปด้วยคุณภาพแห่งนี้กันค่ะ

จุดมุ่งหมายที่สำคัญของอนุบาลรักวิทย์

โรงเรียนอนุบาลรักวิทย์เป็นโรงเรียนที่จัดการเรียนรู้ส่งเสริมด้านการสื่อสาร “สองภาษา” ในระดับปฐมวัย ด้วยแนวคิดการเรียนเชิงรุก “Active Learning” เน้นสร้างความหมายการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ตรงผ่านการลงมือทำ เพราะเชื่อว่าโลกของการเรียนรู้ไม่ได้อยู่ในเฉพาะห้องห้องเรียนอีกต่อไป ความหมายเดิมของการเรียนถูกปรับเปลี่ยนจากการเรียนรู้ผ่านการฟัง ไปสู่การเรียนรู้ผ่านการเผชิญกับความท้าทาย ที่นำไปสู่การตั้งคำถามเพื่อย้อนกลับมาถอดรหัสการเรียนรู้ด้วยตัวของนักเรียนเอง ด้วยคำถามสำคัญที่ใช้เป็นหลักในการจัดการเรียนรู้ คือโรงเรียนจะยังมีบทบาทแบบเดิมอยู่หรือไม่หากสิ่งแวดล้อม ของการเรียนรู้และการเติบโตของนักเรียนในยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง?

เด็ก ๆ กำลังเพลินเพลินกับการสำรวจใบไม้
กิจจกรรมศิลปะนอกห้องเรียน

จากคำถามข้างต้นทางโรงเรียนได้ค้นพบว่าการเรียนรู้จำเป็นต้องเชื่อมโยงผู้เรียนกับปรากฏการณ์จริงเพื่อเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้พัฒนากระบวนการคิด การวางแผน การแก้ปัญหา การทำงานเป็นทีม และการเรียนรู้ด้วยตัวเอง กับสถานการณ์จริงที่ท้าทายและไม่สามารถคาดเดาได้ โดยเฉพาะการเรียนรู้ผ่านการงานที่ต้องตั้งเป้าหมายถึงผลลัพธ์ด้วยตนเอง และดำเนินการลองผิดลองถูก คาดเดาและรับมือกับผลที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง นำไปสู่ ความสามารถด้านการคิดแบบยืดหยุ่น สามารถปรับตัวเรียนรู้ รับผิดรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองได้ลงมือทำ กระทั่งสำเร็จเกิดเป็นความภาคภูมิใจรู้สึกเคารพตัวเอง เห็นคุณค่าของตัวเองและกล้าที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเองเมื่อต้องเผชิญกับความไม่รู้ที่เกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ซึ่งถือว่าเป็นทักษะสำคัญของคนรุ่นใหม่ในอนาคต ที่ต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในด้านเทคโนโลยี ปัญหาสิ่งแวดล้อม และสังคมโลก 

โรงเรียนอนุบาลรักวิทย์เชื่อมั่นในพลังของการศึกษาและความพร้อมสำหรับอนาคต โดยเฉพาะนักเรียนในช่วงปฐมวัย ซึ่งต้องการเวลาของการสร้างตัวตน เห็นถึงคุณค่าของความสามารถที่ตัวเองใช้ร่างกายส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมั่นคงและมั่นใจ เกิดกระบวนการพัฒนาสมรรถนะด้านการสื่อสารการใช้ภาษาได้อย่างรู้ความหมายและใช้ได้จริง รู้จักการใช้เหตุผลแบบตรงไปตรงมาเชื่อมโยงกับจินตนาการที่กว้างและลึก นำไปสู่การตีความเพื่อให้ความหมายกับสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวได้อย่างเข้าใจ เกิดเป็นความรู้สึกเคารพตัวเองเห็นพลังในการเรียนรู้ของตนเองในทุก ๆ วัน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญเพื่อส่งต่อไปสู่การเรียนรู้ที่ซับซ้อนและเป็นนามธรรมมากขึ้นของระดับประถมศึกษา ดังนั้นในทุกวันจึงเป็นการเรียนรู้ที่สนุกท้าทาย และเต็มไปด้วยประสบการณ์การเรียนรู้ใหม่ ๆ ที่โรงเรียนได้เตรียมการเรียนในรูปแบบ Project -Base learning ซึ่ง ถือว่าเป็นนวัตกรรมระดับสากลที่เป็นที่ยอมรับมาปรับใช้เพื่อพัฒนาเด็ก ๆ ตั้งแต่ระดับปฐมวัย มีจุดมุ่งหมายหลักที่สำคัญ คือการพัฒนา 3 ทักษะ เพื่อพร้อมสำหรับโลกยุคใหม่

รอยยิ้มของการเรียนรู้นอกห้องเรียน
พัฒนากล้ามเนื้อมือและความคิดสร้างสรรค์
กล้าทดลองสิ่งใหม่ ๆ

3 ทักษะ สำคัญที่โรงเรียนมุ่งพัฒนา

Learning Skills

โรงเรียนอนุบาลรักวิทย์ได้มุ่งเน้นฝึกทักษะการคิด การวางแผนและการควบคุมอารมณ์ ผ่านกิจกรรมที่ออกแบบเฉพาะ เพื่อการเรียนรู้อย่างยืดหยุ่นและเห็นคุณค่าในตนเอง ทั้งกิจกรรมภายในห้องและนอกห้องเรียน เน้นให้เด็ก ๆ มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ผ่านการเล่น การสำรวจ และการทดลอง ทักษะการเรียนรู้เป็นทักษาสำคัญที่ช่วยให้เด็กสามารถความเข้าใจเนื้อหาใหม่ ๆ และนำไปปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ   เมื่อเด็ก ๆ ได้เรียนรู้ ได้ลองผิดลองถูกทำความเข้าใจจนเกิดเป็นความสามารถด้านการสร้างความรู้ที่เป็นระบบ ลงมือทำการงานของตัวเองด้วยระบบคิดวิเคราะห์ที่ประกอบไปด้วยเหตุผลชัดเจน  สื่อสารความคิด   ความเห็น และแนวคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเป็นลำดับ เรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่นร่วมรับผิดรับรับผิดชอบ ร่วมให้ความเห็นแสดงท่าทีของความเป็นผู้นำ หรือผู้ตามได้เหมาะสมกับกาลเทศะ และสำคัญยิ่งกล้าคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ใหม่ในเชิงนวัตกรรมได้อย่างมีความหมายและตอบโจทย์ได้ตรงกับความต้องการของตัวเอง

Life Skills

โรงเรียนอนุบาลรักวิทย์ตระหนักถึงความสำคัญของการเปิดโลกผ่านห้องเรียนธรรมชาติและ Project-Based Learning เน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง เข้าใจความซับซ้อนและความท้าทายในชีวิตจริง นำไปสู่การรู้จักตั้งคำถาม จะปรากฎการณ์ ที่ตัวเองสนใจ  พร้อมกับการระบุเป้าหมายที่ต้องการศึกษา หรือต้องการรู้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นได้สัมพันธ์กับความเป็นจริง  ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของการเชื่อมโยงระหว่างความรู้ ความจริง และตัวตนของเด็กเด็กเอง หากความรู้มีความหมายเช่นนี้การเรียนกับความเป็นจริงจะเป็นเรื่องเดียวกันมุมมองใหม่ต่อความรู้ไม่ใช่การนำไปเพื่อทดสอบเพื่อตอบคำถามให้คนอื่นถูกใจแต่เป็นการนำความรู้เพื่อสร้างความหมายใหม่เกิดกระบวนการเปลี่ยนผ่านที่ตัวผู้เรียนกับผลลัพธ์ต่อความเข้าใจใหม่ที่เกิดขึ้น จากการลงมือทำผ่านการ ตั้งเป้าหมายด้วยตัวเอง การวางแผน การตัดสินใจ และการสะท้อนคิดเพื่อประเมินผลลัพธ์จากตนเอง หรือจากเพื่อนที่ร่วมทำงานไปพร้อมกัน 

เพราะการเรียนรู้แบบ Life skills นั้น เป็นการพัฒนาทักษะชีวิต ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ทักษะที่สำคัญและจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน ไม่ใช่การเรียนรู้ในห้องเรียนเท่านั้น แต่การออกไปทำกิจกรรมนอกห้อง ได้พบเจอสิ่งใหม่ ๆ ล้วนแต่เป็นการสร้างความรู้และประสบการณ์ชีวิต ทำให้เด็ก ๆ เติบโตอย่างมั่นใจและสามารถปรับตัวได้กับทุกสถานการณ์ที่ต้องเผชิญ 

Future Skills

ในยุคปัจจุบันที่ภาษาอังกฤษเป็นทักษะสำคัญที่เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ เข้าถึงสื่อการเรียนรู้ได้อย่างหลากหมายทั่วโลก โรงเรียนอนุบาลรักวิทย์จึงเน้นพัฒนาภาษาอังกฤษกับครูเจ้าของภาษา เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในการใช้ภาษาสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม สนุกปลอดภัยช่วยให้เด็ก ๆ เรียนรู้ภาษาอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว เสริมให้มีความมั่นใจ ผ่านกิจกรรมต้องลงมือปฏิบัติที่หลากหลาย สร้างโอกาสให้เด็ก ๆ รู้จักตั้งคำถามด้วยชุดภาษาอังกฤษที่มีใจความสอดคล้องกับประเด็นสำคัญของการสื่อสาร สามารถระบุความคิดของตัวเองได้ชัดเจนเข้าใจง่ายและตรงไปตรงมา และมีความมั่นใจที่จะสื่อสารกับเพื่อน กับคุณครู กับผู้ปกครอง หรือต่อหน้าผู้อื่น เพื่อยกระดับสมรรถนะด้านการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษอย่างเข้าใจและเป็นธรรมชาติ

หนูน้อยนักเรียนรู้กับห้องเรียนธรรมชาติ             
สัมผัสประการณ์เรียนรู้นอกห้อง
กิจกรรมกระตุ้นการเรียนรู้และประสาทสัมผัส
บรรยากาศทัศนศึกษา

เรียนรู้และปรับตัว คิดอย่างอิสระและมั่นใจในตนเอง

เป้าหมายของอนุบาลรักวิทย์ คือการสร้างนักเรียนที่มีสมรรถนะในการเรียนรู้ที่พร้อมรับกับอนาคต ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากับเทคโนโลยี ความเปลี่ยนแปลงของโลก และการสื่อสารแบบไร้พรมแดน เด็กๆ ที่นี่จะได้เรียนรู้และปรับตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ที่หลากหลาย สามารถคิดอย่างเป็นอิสระ และทำสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตนเอง คุณพ่อคุณแม่มั่นใจได้ว่าเด็กทุกคนจะเป็นผู้เรียนรู้ที่มีความพร้อมที่จะอ่านโลกรอบตัว ได้อย่างเข้าใจ และ เรียนรู้ที่จะจัดการตัวเองให้เหมาะสมในการที่จะเป็นพลเมืองของ โลกใบนี้อย่างสร้างสรรค์ เพื่อเป็นคนที่ปรับตัวได้ในโลกที่ไม่หยุดเปลี่ยนแปลง

ฝึกความกล้าแสดงออก
ฝึกกล้าแสดงออก เสริมสร้างความมั่นใจ 
ว่ายน้ำดีต่อการพัฒนากล้ามเนื้อและจิตใจ

MOM LOVE THIS! ถูกใจแม่

หากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาโรงเรียนอนุบาลให้กับลูก การตั้งใจเลือกบ้านหลังที่สองอย่างพิถีพิถันจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ    เพราะโรงเรียนแรกของลูกนั้นคือสถานที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโต     ดังนั้นโรงเรียนอนุบาลรักวิทย์จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีและน่าสนใจ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มองหาโรงรียนที่ใส่ใจในการดูแลมีระบบการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ และสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย บรรยากาศที่อบอุ่น คุณพ่อคุณแม่จึงมั่นใจได้ว่า โรงเรียนอนุบาลรักวิทย์คือพื้นที่ที่มีคุณภาพและพร้อมหล่อหลอมให้ลูก ๆ ของเราเติบโตอย่างมีความสุข  มีพื้นฐานทักษะชีวิตที่แข็งแรง พร้อมเติบโตเป็นสู่อนาคตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว   สามารถพึ่งตนเองได้ และสร้างฐานของการเป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิตต่อไป    กับที่นี่..โรงเรียนอนุบาลรักวิทย์

ที่อยู่ LUCKWIT KINDERGARTEN
โรงเรียนอนุบาลรักวิทย์
แขวงหนองค้างพลูเขตหนองแขม กรุงเทพ 10160
📞 Tel. 02-060-3698, 098-851-7368
https://www.facebook.com/share/18h9Dkn62t/?mibextid=wwXIfr

S26 Gold3

ใหม่ ! S-26 Gold 3 เอกสิทธิ์เฉพาะ หนึ่งเดียวของเอส – 26 ที่ผสมแอลฟา สฟิงโกไมอีลิน สูตรเฉพาะที่แม่เลือก

event
S26 Gold3
S26 Gold3

ครั้งแรกกับการเปิดตัวสูตรใหม่! ของ S-26 Gold 3 เอกสิทธิ์เฉพาะ หนึ่งเดียวของเอส-26 ที่ผสมแอลฟา สฟิงโกไมอีลิน สูตรที่พัฒนาขึ้น* แอลฟา สฟิงโกไมอีลินคือเครื่องหมายการค้าเวย์โปรตีนเข้มข้นที่มีแอลฟา-แล็คตัลบูมินและสฟิงโกไมอีลิน ให้คุณพ่อและคุณแม่ มอบสิ่งที่ดีให้กับลูก

ก้าวครั้งสำคัญคิดค้นพัฒนา เพื่อสูตรที่ดีขึ้นกว่าสูตรเดิม ผลิตภัณฑ์ นม S-26 Gold 3 (เอส-26 โกลด์ 3)  ผสม แอลฟา สฟิงโกไมอีลิน และ สารอาหารที่มีประโยชน์หลากหลาย เช่น

  • DHA, ARA, แกงกลิโอไซด์, โคลีน, 2’FL, โอเมก้า 3 6 9, วิตามิน บี 12: วิตามินบี 12 มีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาทและสมอง
  • วิตามินเอ, วิตามินดี: วิตามินเอ และวิตามินดี  มีส่วนช่วยในการทำหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน
  • ผสมใยอาหารชนิดโอลิโกฟรุคโตส , มีแคลเซียม: แคลเซียมมีส่วนช่วยในการทำงานปกติของเอนไซม์ในระบบย่อยอาหาร

เพราะอนาคตที่ยิ่งใหญ่ อาจสร้างได้ด้วยการวางรากฐานที่ดีจากคุณพ่อและคุณแม่ให้ลูก ให้ลูกเรียนและเล่นไปด้วยกัน และในยุคของ AI ทุกจินตนาการอาจเป็นจริงได้ เพราะเด็กเจนใหม่ สามารถอยู่ร่วมกันและทำงานร่วมกับ AI คุณพ่อและคุณแม่ควรให้ลูกทานอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ ตั้งแต่วันนี้ และเสริมเขาด้วย S-26 Gold 3 สูตรเดียวเอกสิทธิ์เฉพาะที่ผสมแอลฟา สฟิงโกไมอีลิน พร้อมทั้งสารอาหารและคุณประโยชน์ที่หลากหลาย เลือกสิ่งดีให้กับลูก

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ใหม่! เอกสิทธิ์เฉพาะ S-26 Gold 3 ผสมแอลฟา สฟิงโกไมอีลิน

และ ใหม่! S-26 Gold 3 มีวางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิ โลตัส, บิ๊กซี, ซีเจ หรือ ร้านค้าใกล้บ้านท่าน หรือช่องทางออนไลน์

*เมื่อเทียบกับ S-26 Progress 360o Smart Care 3

ฆอ.333/2568

TINY NOSE ฉลองครบรอบ 8 ปี เปิดตัว “Salinex Mist Baby”

event
“TINY NOSE” ฉลองครบรอบ 8 ปี เปิดตัว “Salinex Mist Babyพร้อมคอลแลบแอนิเมชันระดับโลก “Cocomelon” ร่วมสร้างปรากฎการณ์ความน่ารัก ชูนวัตกรรมสเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูก ผสานเทคโนโลยี Ultra-Micro Diffuser ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่

กรุงเทพฯ 19 มี.ค. 2568 – TINY NOSE ผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ผ้าเปียกน้ำเกลือสำหรับเด็ก   แบรนด์ไทยที่ครองใจคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ฉลองครบรอบ 8 ปี เปิดตัว “Salinex Mist Baby” นวัตกรรมสเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูกที่ผสานเทคโนโลยี Ultra-Micro Diffuser สร้างน้ำเกลือละอองหมอกที่อ่อนโยน เคลียร์จมูกให้โล่ง หายใจคล่อง รายแรกและรายเดียวจากฝีมือผู้ประกอบการไทย ลุยจับมือ Cocomelon  ซีรีส์แอนิเมชันที่ได้รับความนิยมจากเด็กทั่วโลก นำคาแรกเตอร์มาครีเอตดีไซน์พิเศษบนบรรจุภัณฑ์  สเปเชียลเอดิชัน 3 ดีไซน์ น่ารัก น่าสะสม พร้อมประกาศวิสัยทัศน์มุ่งเป็นผู้นำอันดับ 1 ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพสำหรับเด็กที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่วางใจ

นายวรวิทย์ วงศ์ศรีรุ่งเรือง Director บริษัท เฌอร์คุณฎา จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เด็กภายใต้   แบรนด์ “TINY NOSE” กล่าวว่า TINY NOSE เริ่มต้นจากการเป็นผู้ผลิตผ้าเปียกน้ำเกลือรายแรกของไทย ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการทำความสะอาดจมูก ใบหน้า และร่างกายเด็กได้อย่างปลอดภัย ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย ไม่ระคายเคืองผิว จนได้รับความนิยมจากคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ทั่วประเทศ และได้รับรางวัล Best Baby Wipe จาก Amarin Baby & Kids Award ถึง 2 ปีซ้อน ซึ่งล่าสุด TINY NOSE ได้ต่อยอดความสำเร็จจากผ้าเปียกน้ำเกลือ ด้วยการเปิดตัว Salinex Mist Babyสเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูกสำหรับเด็กที่ใช้เวลาวิจัยและพัฒนาเกือบทศวรรษ

“ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา เรามีวิสัยทัศน์ที่จะมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่มีคุณภาพสูง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของพ่อแม่ยุคใหม่ โดยก่อนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใด ๆ เราได้ทุ่มเทศึกษาค้นคว้า และเก็บรวบรวมประสบการณ์จากผู้ใช้งานจริงนับหมื่นราย อีกทั้งผู้ก่อตั้งบริษัทเองก็เป็นพ่อแม่ที่มีลูกอยู่ในวัยเดียวกับกลุ่มเป้าหมาย จึงเข้าใจถึงความต้องการของผู้ใช้งานอย่างลึกซึ้ง ด้วยเหตุนี้ เราจึงนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในตลาดทั้งสินค้าภายในประเทศและสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อนำจุดเด่นมาพัฒนาและปรับปรุงจุดด้อยให้ดียิ่งขึ้น จนได้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างแท้จริง อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับเรื่องที่หลายคนมองข้าม นั่นคือ เราเลือกที่จะผลิตสินค้าทุกตัวภายในประเทศ ด้วยเหตุผลหลัก 2 ข้อ คือ การปนเปื้อนเชื้อโรคระหว่างขนส่ง รวมทั้งขั้นตอนการผลิตและมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ที่รับรองโดยองค์การอาหารและยาของประเทศไทย” นายวรวิทย์ กล่าว

สำหรับจุดเริ่มต้นของการพัฒนา Salinex Mist Baby เกิดจากการตระหนักถึงปัญหาโรคทางเดินหายใจในเด็ก ซึ่งงานวิจัยหลายฉบับพบว่าโรคทางเดินหายใจ เช่น ภูมิแพ้ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพของเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยรุ่น โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวและช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 ซึ่งทำให้อัตราการเกิดโรคเพิ่มขึ้นทั้งในแง่ของความถี่และความรุนแรง จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เราเร่งพัฒนาสเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูก คือ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งทำให้เราตระหนักว่าโรคติดเชื้อทางเดินหายใจร้ายแรงกว่าที่เคยคิด สามารถคร่าชีวิตผู้คนนับล้านได้ภายในระยะเวลาไม่นาน จึงนำไปสู่การพัฒนาสเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูกละอองหมอกสำหรับเด็ก รายแรกและรายเดียวจากฝีมือของผู้ประกอบการไทย

Salinex Mist Baby มีคุณสมบัติพิเศษที่โดดเด่นจากสเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูกที่มีอยู่ในท้องตลาด โดยใช้นวัตกรรม Ultra-Micro Diffuser ที่ทำให้ได้น้ำเกลือละอองละเอียด ใช้เกลือทะเลคุณภาพพรีเมียมจากนิวซีแลนด์ ซึ่งช่วยละลายคราบขี้มูกแห้งกรัง และล้างฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างนุ่มนวล มีค่า pH ที่สมดุล ทำให้จมูกโล่ง หายใจสดชื่น เพิ่มความชุ่มชื้นให้โพรงจมูก พร้อมหัวสเปรย์ที่ออกแบบสำหรับจมูกของเด็กโดยเฉพาะ ไร้กังวลเรื่องการสำลัก และทำให้เด็กรู้สึกสนุกกับการทำความสะอาดจมูกมากขึ้น นอกจากนี้ ยังพกพาสะดวก ใช้ได้ง่ายทุกที่ทุกเวลา เหมาะสำหรับเด็กอายุ 1 เดือนขึ้นไป ขณะเดียวกันเด็กโตและผู้ใหญ่ก็สามารถใช้ได้ดี นอกจากนี้ Salinex Mist Baby ยังผ่านการทดสอบมาตรฐานระดับโลก ปลอดภัยแม้ใช้กับทารก ปราศจาก SLS SLES พาราเบน และแอลกอฮอล์

นายวรวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนการตลาดว่า Salinex Mist Baby ได้สร้างความแตกต่างด้วย   กลยุทธ์ Character Marketing โดยเป็นแบรนด์ไทยรายแรกที่นำคาแรกเตอร์ขวัญใจเด็กทั่วโลกจากแอนิเมชันเรื่อง Cocomelon มาโลดแล่นบนบรรจุภัณฑ์ 3 ดีไซน์ เป็นสเปเชียลเอดิชัน เพื่อสร้างการจดจำ เข้าถึงง่าย เสริมภาพลักษณ์ที่สดใส น่ารัก และมีความสากล รวมทั้งสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์กับเด็กผ่านตัวละครที่เด็กชื่นชอบ พร้อมรุกตลาดผ่านช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย ทั้งห้างสรรพสินค้า ชั้นนำ ร้านขายยา และช่องทางออนไลน์ อาทิ  เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ช้อปปี้ และติ๊กต๊อก

“สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ประกอบกับเทรนด์การใส่ใจสุขภาพที่เพิ่มขึ้นหลังวิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้ตลาดผลิตภัณฑ์สเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูกในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 120 ล้านบาท เติบโต 5-7% ต่อปี และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เราจึงตั้งเป้าหมายยอดขาย Salinex Mist Baby ในปี 2568 ไว้ที่ 120,000 – 140,000 ขวด หลังจากการเปิดตัวสเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูกแล้ว เรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กให้มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำอันดับ 1 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เด็กที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่วางใจ” นายวรวิทย์ กล่าว

Salinex Mist Baby บรรจุในขวดขนาด 80 มล. ราคาขวดละ 325 บาท นอกจาก Salinex Mist Baby และผ้าเปียกน้ำเกลือสำหรับเด็กแล้ว TINY NOSE ยังมีผลิตภัณฑ์เด็กที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการครอบครัวยุคใหม่ เช่น เจลอาบน้ำ มาส์กโลชั่น และ Magic Water ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ FB: Tinynose ผ้าเปียกน้ำเกลือสำหรับเด็ก

Space Journey

Space Journey ชวนเด็ก ๆ มาผจญภัยในโลกอวกาศ

event
Space Journey
Space Journey

School visit วันนี้อยากจะพาเด็ก ๆ ทุกคนมาผจญภัยในโลกอวกาศ เรียนรู้วิทยาศาสตร์และเปิดมุมมองใหม่ ๆ ผ่านนิทรรศการระดับโลก ที่นำเสนอเรื่องราวภารกิจสำรวจอวกาศของมนุษยชาติตั้งแต่ อดีต ปัจจุบันไปจนถึงโลกอนาคต กับหลากหลายโซนที่น่าตื่นตาตื่นใจ บอกเลยว่างานนี้ไม่ควรพลาด  

SPACE JOURNEY คือ สุดยอดนิทรรศการระดับโลกที่รวบรวมเรื่องราวและประสบการณ์การสำรวจอวกาศ การเดินทางของ Cosmos Discovery ซึ่งจัดมาแล้วทั่วโลก ให้กับผู้เข้าชมได้เห็นถึงความพยายามของมนุษย์ในการออกไปสู่นอกโลก ตั้งแต่ครั้งแรกในอดีต จนถึงปัจจุบันและอนาคต เด็ก ๆ จะได้ชมวัตถุจัดแสดงจริง และวัตถุจำลอง รวมไปถึงชิ้นส่วนยานอวกาศที่ผ่านการใช้จริงและแบบจำลองที่หาชมยาก บนพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร กว่า 10 ห้องนิทรรศการ รวมถึงประสบการณ์ชมภาพยนตร์แนะนำเกี่ยวกับอวกาศ, โซนโลกจักรวาลแบบ Immersive อีกด้วย บ้านไหนชอบวิทยาศาสตร์และอวกาศ บอกเลยว่าเอ็นจอยแน่นอนค่ะ

สามารถซื้อบัตรออนไลน์หรือทางเข้าหน้านิทรรศการก็ได้
ทางเข้าอวกาศสุดว้าว

ไฮไลต์เด็ด ที่ SPACE JOURNEY  

ที่ Space Journey Bangkok เขานำวัตถุสำคัญ ๆ ทางอวกาศมาจัดแสดงไว้มากมายเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น

  • ชิ้นส่วนประกอบดั้งเดิมของเครื่องยนต์ F1 จากกระสวยอวกาศแซทเทิร์น 5 ซึ่งชิ้นส่วนนี้ถูกกู้มาจากก้นมหาสมุทรแปซิฟิก โดย Jeff Besos เจ้าของ Amazon ซึ่งเป็นวัตถุที่มีคุณภาพสูง จะเห็นได้ว่าตัววัตถุนี้เองยังสามารถคงรูปร่างได้ดี แม้จะอยู่ในที่ที่อุณหภูมิต่ำในมหาสมุทร หรือผ่านจุดที่อุณหภูมิสูงใกล้จุดหลอมเหลวมาแล้วก็ตาม ได้เห็น
  • แผงควบคุมต้นฉบับจากศูนย์บัญชาการภารกิจฮูสตัน  เป็นศูนย์ควบคุมที่วิศวกรได้ใช้สื่อสารกับนักบินอวกาศในภารกิจ Apollo และกระสวยอวกาศชุดแรก ๆ และที่น่าสนใจคือกระดาษที่มีการคำนวณเส้นทางการบินต่าง ๆ ที่เหล่าวิศวกรได้คำนวนด้วยมือ วางไว้อยู่ด้านข้าง ได้เห็นของจริงกันแบบใกล้ ๆ เลยทีเดียว
  • แบบจำลองขนาด 1:1 ของโมดูลควบคุมยาน Apollo โมเดลนี้ได้ติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมตามยุคสมัยตลอดระยะเวลาการบิน ซึ่งนักบินอวกาศต้องอยู่ในพื้นที่แคบที่ต้องแบ่งปันพื้นที่กับวัสดุที่เก็บมาด้วย เช่น ชิ้นส่วนหินจากดวงจันทร์
  • โมดูลฝึกซ้อมต้นฉบับสองชุดของยานอวกาศ Soyuz ของรัสเซีย เป็นชุดที่ถูกใช้ฝึกซ้อมในสถานการณ์ต่างๆระหว่างการบิน เช่น วิธีการใส่และถอดชุดอวกาศการปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายและรวมไปถึงการใช้ห้องน้ำ
  • แบบจำลองจรวดแซตเทิร์น 5 ขนาด 1:10 จรวดแซตเทิร์น 5 ซึ่งเป็นจรวดที่ดีที่สุดบนโลกในช่วงเวลานั้น
  •  โมเดลจำลองของห้องควบคุมกระสวยอวกาศโคลัมเบีย มีการใช้อุปกรณ์ต้นฉบับบางส่วน นักบินต้องเตรียมพร้อมที่จะควบคุมด้วยมือ กรณีที่เกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ส่วนคันบังคับด้านหลังที่นั่ง จะใช้ควบคุมแขนหุ่นยนต์สำหรับจัดการพื้นที่บรรทุกสัมภาระ
  • ตัว replica ของยาน American Spacecraft Mercury Friendship 7 โดยการใช้องค์ประกอบต้นฉบับบางส่วน เพื่อแสดงให้เห็นถึงพื้นที่ที่จำกัดที่นักบินอวกาศมีอยู่ในยานพาหนะโดยสารและอุณหภูมิภายในยานยังสูงถึง 40°C ระหว่างการบิน
  • รถสำรวจดาวอังคารจำลอง Opportunity แบบ1:1 หุ่นยนต์ตัวนี้ทำงานหนักที่สุดนอกโลก เพราะเดิมทีมีแผนการทำงานเพียงแค่ 90 วัน แต่สุดท้ายทำงานถึง 5,498 วัน จึงสามารถส่งข้อมูลจำนวนมหาศาลกลับมายังโลก ทำให้การสำรวจดาวอังคารก้าวหน้าไปอย่างมากและเกิดการพัฒนาครั้งใหญ่
  • ยานสำรวจดวงจันทร์ แบบจำลอง ที่ช่วยให้นักบินอวกาศ Apollo 15, 16 และ 17 สำรวจดวงจันทร์มากกว่าแค่การเดินเท้า และช่วยเก็บตัวอย่างวัตถุทางธรณีวิทยาจากส่วนต่าง ๆ ของดวงจันทร์ โดยเก็บไว้ในถุงสี่เหลี่ยมที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับการจัดเก็บบนยานระหว่างการเดินทางกลับ
  • รถสำรวจดวงจันทร์ Lunokhod ของรัสเซีย ที่ส่งขึ้นไปแทนการส่งมนุษย์ไปกับยานสำรวจลูน่า หุ่นยนต์ตัวนี้ได้สำรวจดวงจันทร์ ผ่านการควบคุมจากศูนย์ควบคุมภาคพื้นดิน ทำให้นักวิทยาศาสตร์มีความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อสถานการณ์โดยรอบ แม้ว่าจะไม่ได้ใช้งานแล้ว แต่ตัวสะท้อนเลเซอร์ยังสามารถช่วยวัดระยะทางระหว่างโลกกับดวงจันทร์ได้อย่างแม่นยำ
  • ใครอยากเห็นหินจากดาวอังคาร และ Collection ชิ้นส่วนของอุกกาบาต ของจริง ต้องไม่พลาดเลยค่ะ เพราะเขานำมาให้เราเห็นกันแบบใกล้ ๆ เป็นหินจากดาวอังคารที่เกิดจากการถูกดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนแล้วพื้นผิวเกิดการกระแทกและกระเด็นออกมาเป็นชิ้นๆ ลอยอยู่ในบรรยากาศนานหลายพันปี เมื่อชิ้นส่วนพวกนี้ได้เข้าสู่สนามแรงโน้มถ่วงของโลก จึงเกิดการพุ่งชนโลกและกลายเป็นของสะสมที่มีเอกลักษณ์ โดยมีมูลค่าต่อกรัมสูงกว่าทองคำ
  • แบบจำลองทางเดินของสถานีอวกาศเมียร์ MIR แบบจำลองนี้เมื่อเทียบแล้วจะมีขนาดใหญ่กว่ารถบัส แสดงให้เห็นถึงโมดูลที่อยู่อาศัยขนาดเท่าของจริง ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น จักรยานออกกำลังกายที่ติดตั้งอยู่ “บนเพดาน” โดยผู้เข้าชมงานจะรู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อยหรือรู้สึกยืนได้ไม่มั่นคงเมื่อเดินผ่าน นั่นเป็นเพราะพื้นที่เอียงของแบบจำลองนี้ทำให้ระบบการทรงตัวสับสน ให้ความรู้สึกเหมือนกับที่นักบินอวกาศอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก สนุกไปอีกแบบ
  • ชุดอวกาศหลากหลายประเภท ทั้งที่เคยใช้บินจริงหรือใช้ฝึกซ้อม เช่น ชุดนักบินรัสเซียสีส้มแบบเดียวกับที่ Yuri Gagarin สวมใส่ในเที่ยวบินแรกของเขา ชั้นด้านในของชุดอวกาศรุ่นแรกก็มีความน่าสนใจเช่นกัน ชุด ‘ลวด’ ช่วยให้การบีบอัดร่างกายของนักบินอวกาศมีความสม่ำเสมอภายใต้แรงดันสูงในระหว่างการปล่อยและลงจอด ตัวชุดมีการใส่แผ่นรองระบายความร้อนที่เต็มไปด้วยท่อยางขนาดเล็ก มีน้ำอุ่นหมุนเวียนอยู่ตลอด เพื่อช่วยรักษาอุณหภูมิของนักบินอวกาศระหว่างการปฏิบัติงานนอกยาน (EVA) ซึ่งในนิทรรศการนี้ยังมีการแสดงชุดทำงานของนักบินอวกาศจากภารกิจ Apollo รวมถึงชุดอวกาศ Orlan ของรัสเซียสำหรับการปฏิบัติการปฏิบัติงานนอกยาน (EVA) หรือชุดอวกาศ Sokol ซึ่งยังคงมีการใช้ในระหว่างการปล่อยและลงจอดของยานอวกาศ Soyuz ของรัสเซียอีกด้วย
  • หัวฉีดกระสวยอวกาศ หัวฉีดดั้งเดิมจากกระสวยอวกาศที่ส่งกลับมาจากอวกาศ หัวฉีดนี้ได้ถูกตัดเป็นชิ้น ๆ เพื่อทำการตรวจสอบสภาพ โดยหัวฉีดนี้ต้องสามารถทนต่ออุณหภูมิที่สูงกว่าจุดหลอมเหลวของเหล็กได้
แบบจำลอง 1:1 ของโมดูลควบคุมยาน Apollo
โมเดลจำลองของห้องควบคุมกระสวยอวกาศโคลัมเบีย
แบบจำลอง 1:1 ของยานสำรวจดวงจันทร์
หินจากดาวอังคาร และCollection ชิ้นส่วนของอุกกาบาต

10 ห้องนิทรรศการสุดว้าว  !

การจัดแสดงนิทรรศการต่าง ๆ แบ่งออกเป็น 10 โซนด้วยกัน ไปดูกันค่ะว่ามีโซนอะไรบ้าง

1. Dreams And Vision/Jules Verne Journey to the Moon  

ความฝันและจินตนาการ จูลส์ เวิร์น การเดินทางสู่ดวงจันทร์ โซนนี้เล่าเรื่องกันตั้งแต่จุดเริ่มต้นในการเดินทางไปเยือนดวงจันทร์

2. ห้องชมภาพยนตร์

นั่งชมภาพยนต์ ความยาว 6 นาที เกี่ยวกับความอัศจรรย์ของอวกาศ

3. Conquering Space

โซนนี้บอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับเที่ยวบินแรกที่มุ่งสู่วงโคจร รวมไปถึงสัตว์ที่ถูกส่งไปในอวกาศอย่างไลก้าและอีโนส  และภารกิจที่มีมนุษย์ร่วมเดินทางครั้งแรก การแย่งชิงความเป็นมหาอำนาจทางอวกาศของสหรัฐอเมริกาและ SSSRเรื่องราวของดาวเทียมสปุตนิก และเมอร์คิวรี่ เฟรนด์ชิป 7

4. โครงการ Apollo

เรื่องราวของโครงการอพอลโลทั้งหมด และภารกิจต่าง ๆ ของนักบินยานอวกาศ Apollo ที่น่าสนใจมากมาย การลงจอดบนดวงจันทร์ ประวัติความเป็นมาของโครงการอพอลโล

5. Soyuz Project

โมดูลวงโคจร โมดูลการบริการ การลงสู่พื้น และหน่วยฝึกอบรมของโครงการโซยุซ

6. Space Station LIFE IN SPACE

ศูนย์ควบคุมภารกิจ คอนโซลควบคุมภารกิจดั้งเดิมจากศูนย์อวกาศ NASA ในฮูสตัน จำลองการเดินอยู่ในสถานีอวกาศ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ

7. Space Shuttles History

ประวัติของกระสวยอวกาศสหรัฐและกระสวยอวกาศ SSSR Buran ทั้งหมด ห้องนักบินของกระสวยอวกาศโคลัมเบียที่ไม่เคยเห้นที่ไหนมาก่อน

8. Mars Exploration

แบบจำลอง 1:1 ของรถสำรวจดาวอังคาร ชมรถสำรวจดาวอังคารที่ทำงานหนักที่สุด “Mars Rover Opportunity”

9. Deep Space

ภารกิจปัจจุบัน-อนาคต ชมกระสวยอวกาศ กล้องโทรทรรศน์ฮับเบิล และกล้องโทรทรรศน์เจมส์ เวบบ์

10. Space Journey Camp

โซนเครื่องเล่นไม่ควรพลาด! ศูนย์ฝึกอบรมนักบินอวกาศ เครื่องเล่นต่างๆ เพื่อฝึกซ้อมการผจญภัยอวกาศ ที่จะพาทุกคนเข้าไปในโลกอวกาศในอีกมิติ มีเครื่องเล่นมากมายให้ลองเล่นกันทั้งครอบครัว เช่น Gyroscope, VR Ride รวมทั้งร้านขายของที่ระลึก และคาเฟ่อวกาศก็อยู่ที่โซนนี้

ดาวเทียมต่าง ๆ
ห้องชมภาพยนต์
เรื่องราวของไลก้าและอีโนส
ปรวัติของยาน Apollo แต่ละลำ

นอกจากไฮไลต์ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ยังมีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ตัวอย่างอาหารบนยานอวกาศ แบบจำลองขีปนาวุธ ดาวเทียมดวงแรกของโลกอย่าง สปุตนิก 1 ขนาดเท่าของจริงและภารกิจไปเยือนดวงจันทร์ของ Apollo รวมไปถึงเรื่องราวของวีรบุรษต่าง ๆ ที่เราเคยอ่านเจอในหนังสือหรือดูในโทรทัศน์ นิทรรศการแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ  ใครสนใจต้องรีบหน่อยเพราะเขาเปิดให้ชมตั้งแต่วันนี้ – 16 เมษายน 2568 เท่านั้น ที่ไบเทคบุรี ฮอลล์ ES97 (ฝั่งทางเข้า BTS)

ทดลองชั่งน้ำหนักเมื่ออยู่นอกโลก

Mommy Loves This! ถูกใจแม่

  1. สำหรับเด็กเล็กที่ยังอ่านหนังสือไม่คล่องหรือบ้านไหนที่ต้องการไกด์ส่วนตัว ทางนิทรรศการก็มีแอปพลิเคชั่น Smart Guide ให้เราได้โหลดใช้เพื่อฟังคำบรรยายเสียง โดยเลือกฟังข้อมูลตามหมายเลขจากนิทรรศการแต่ละห้อง เสมือนมีไกด์ส่วนตัวติดตามไปทุกโซน
  2. มีโซนเครื่องเล่นสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งเครื่องไจโรสโคป Gyroscope เป็นแบบจำลองอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับวัดและรักษาทิศทางในระบบต่างๆ เช่น ในการบิน การนำทาง  เครื่องเล่น VR Rides เป็นระบบการจำลองเสมือนจริงที่ให้ผู้เล่นได้สัมผัสประสบการณ์เหมือนอยู่ในโลกเสมือนจริง ผ่านการใช้แว่นตา VR และอุปกรณ์ควบคุมต่าง ๆ สนุกได้ทั้งครอบครัว
  3. การเล่าเรื่องในนิทรรศการ ค่อนข้างเข้าใจง่าย เหมาะกับผู้ใหญ่และเด็ก ๆ ที่มีความรู้ด้านประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการสำรวจอวกาศ จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและจุดประกายความคิดด้านวิทยาศาสตร์มากขึ้นแน่น่อน แถมบรรยากาศในนิทรรศการก็ดูไม่น่าเบื่อและมีโซนถ่ายรูปมากมายเลยค่ะ

ราคาบัตรเข้าชมงาน

  • บัตรปกติ 650 บาทต่อคน
  • บัตรราคาพิเศษแบบกลุ่ม 4 คน ราคา 2,400 บาท

** หากต้องการบัตรแบบกลุ่มจำนวนมากกว่า 4 คน กรุณาติดต่อผู้จัดงาน

  • บัตรเครื่องเล่น Gyroscope และ VR ราคาครั้งละ 120 บาทต่อคน

สถานที่
ไบเทค บุรี 88 ถ. เทพรัตน บางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร  

ซื้อบัตรเข้าชมนิทรรศการที่ www.icvticket.com
Facebook : https://www.facebook.com/spacejourneybkk

Line: @icvticket

Email: [email protected]

โทร. 094-492-6999 หรือ 083-421-4422

แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน

อัพเกรดเด็กเจนใหม่ ให้สมองไวมากกว่าที่แม่คิด ด้วย แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน

event
แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน
แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน

แม่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกหมุนไปเร็วมาก ไม่ว่าจะเป็น AI ที่เข้ามามีบทบาทมากต่อการใช้ชีวิต ดังนั้นแล้วแม่ต้องเตรียมพร้อม และอัพเดทเทคโนโลยีตลอดเวลา รวมทั้งการเสริมสร้างสมองของลูกด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์เพื่อให้เข้าปรับตัวได้กับเทคโนโลยีใหม่ วันนี้ทางกอง บก จะมาอัพเดทข้อมูล และ สารอาหารที่เน้นในเรื่อง ของการพัฒนาด้านสมอง แน่นอนที่สุดแหล่งของสารอาหารที่ดีที่สุดคือนมแม่ เพราะนมแม่ มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด รวมถึง สารอาหารที่ชื่อว่า แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน ซึ่งจริงๆแล้ว เป็นสารอาหารที่พบมากในนมแม่ และยังมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาการด้านสมองตั้งแต่ขวบปีแรกอีกด้วย หากลูกมีพัฒนาการทางสมองที่ดีและมีการเรียนรู้ที่ดีตั้งแต่วัยทารก อาจส่งผลต่อสติปัญญา ความฉลาด และการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ใหม่ ๆ ของลูกในวัยเรียนและวัยผู้ใหญ่ได้ ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสมองที่แข็งแรง ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มประสิทธิภาพ จนนำไปสู่โอกาสในการประสบความสำเร็จพ่อคุณแม่ควรรีบปูพื้นฐานให้สมองของลูกพัฒนาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตั้งแต่วัยทารก

แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน คืออะไร และทำไมถึงช่วยสร้างสมองได้ไวมากกว่าที่แม่คิด

           แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน คือ สารอาหารที่พบมากในนมแม่ และยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานของสมองในเด็กเจนใหม่มีประสิทธิภาพ โดยการสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มประสิทธิภาพของการส่งสัญญาณประสาทให้เป็นไปแบบก้าวกระโดด และเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทที่ดีขึ้น โดยแอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลินเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อการพัฒนาสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับ การทำงานที่รวดเร็วของสมอง (FAST Processing Brain) , สมองที่คิดพลิกแพลง (FLEXIBLE Brain) และ สมองมีสมาธิ (Brain FOCUS) ดังนั้นแล้วแอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลินเป็นสารอาหารที่สำคัญในขวบปีแรก

‘สฟิงโกไมอีลิน’ (Sphingomyelin) เป็นไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิดที่พบในเยื่อหุ้มเซลล์ประสาทในสมอง และพบได้มากในนมแม่ ทำหน้าที่สำคัญในกระบวนการส่งสัญญาณประสาท ด้วยการสร้างปลอกไมอิลีน (Myelin Sheath) ซึ่งช่วยให้สมองสามารถส่งสัญญาณประสาท เพื่อติดต่อสื่อสาร เชื่อมโยงกัน (brain connection) ได้อย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด ซึ่งการทำงานของสมองด้านสติปัญญาและความเฉลียวฉลาดต้องอาศัยการเชื่อมโยงและส่งผ่านข้อมูลระหว่างสมองหลายส่วน ยิ่งสามารถส่งข้อมูลภายในสมองได้อย่างรวดเร็ว ก็ยิ่งทำให้ลูกสามารถคิด วิเคราะห์ และจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีมากขึ้นตามไปด้วย

ส่วนแอลฟาแล็ค (แอลฟา-แล็คตัลบูมิน) เป็นโปรตีนคุณภาพซึ่งพบมากในนมแม่ ช่วยสร้างสารสื่อประสาทที่ช่วยในการทำงานของสมอง ผลวิจัยทางการแพทย์แสดงให้เห็นว่าเด็กที่ได้รับนมแม่มีคะแนน IQ สูงกว่า และมีพัฒนาการทางภาษาที่ดีกว่าทารกที่ไม่ได้รับ

นมแม่จึงเป็นสุดยอดอาหารสมองของลูก ที่ลูกทุกคนไม่ว่าจะเจนแอลฟาหรือเบต้าควรได้รับให้ครบถ้วน เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อให้สมองลูกได้พัฒนาอย่างเต็มประสิทธิภาพ สามารถคิด วิเคราะห์ และจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเต็มศักยภาพ เป็นการวางรากฐานให้ลูก เพื่ออนาคตที่แข็งแรง สดใส และได้เปรียบในทุกการแข่งขัน พร้อมรับทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอนาคต และก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นใจในโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่หยุดนิ่ง

ดังนั้นแล้วคุณพ่อคุณแม่เริ่มได้ตั้งแต่วันแรก ด้วยสารอาหารที่พัฒนาสมองที่เจอในนมแม่ เพราะนมแม่ มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด รวมถึงแอลฟาแล็คสฟิงโกไมอิลิน เพื่อความสำเร็จของเด็กยุคเจนใหม่ สร้างสมองไวได้มากกว่าที่แม่คิด เพื่อให้เค้ามีพัฒนาการเด็กสมองไวที่พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าโลกจะหมุนไปเร็วแค่ไหน สมองของลูกก็พร้อมจะไวก้าวทันโลกใบนี้ อย่างมีความสุขในทุกๆ วัน

สนใจข้อมูลเพิ่มเติม เข้าชมได้ที่ S-Mom Club ที่เว็บไซต์  s-momclub.com

และสามารถสมัครสมาชิกเพื่อปรึกษาทีมพยาบาลผู้เชี่ยวชาญได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง หรือสามารถปรึกษา พูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพโภชนาการและพัฒนาการสาหรับคุณแม่และลูกน้อยตามช่วงวัย ได้ที่
Line Open Chat S-Mom Club

ทักษะสมองEF

คุยกับคุณหมอ ทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ปั้นเด็กยุคใหม่มีความสุข เพื่อความสำเร็จที่เหนือกว่า

event
ทักษะสมองEF
ทักษะสมองEF

รู้หรือไม่  IQ ดีอย่างเดียวอาจไม่พอ การเลี้ยงลูกเจนเบต้า อัลฟ่า ต้องมีทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ด้วย คุณแม่เตรียมพร้อมหรือยัง

เพราะการเลี้ยงลูกไม่เคยหยุดนิ่ง คุณแม่ต้องหมั่นหาความรู้อยู่เสมอเพื่อให้สามารถดูแล และส่งเสริมพัฒนาการของลูกได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะเด็กยุคใหม่สองเจนเนอเรชั่น คือ เด็กเจนอัลฟ่า วัย 1 – 5 ปี และเด็กเจนเบตา ที่เกิดระหว่างปี 2568 – 2582 ซึ่งจะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ของโลกใบนี้ พวกเขากำลังเติบโตในโลกที่แตกต่างจากสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่คุ้นเคย

เด็ก ๆ เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง AI ซึ่งสัมพันธ์กับการใช้ชีวิตในแต่ละวันตั้งแต่ลืมตาจนเข้านอน พวกเขาจึงฉลาด คิดเร็ว คล่องแคล่ว กล้าคิดกล้าแสดงออก เชื่อในความเท่าเทียม ยอมรับความแตกต่าง และมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสิ่งต่างๆได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันการใช้ชีวิตของลูกเจนอัลฟาและเบตากลับยากขึ้น ทั้งจากการแข่งขันสูง สภาพแวดล้อมและโรคภัยที่ต้องเผชิญและแก้ไขอยู่ตลอดเวลา

ดังนั้นการเตรียมพร้อมให้ลูก IQ ดี ฉลาดเป็นเลิศ คงไม่เพียงพอที่ช่วยให้ลูก ๆ ก้าวสู่ความสำเร็จและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ต้องมีทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ควบคู่กันด้วย แล้ว EF คืออะไร และช่วยให้สร้างทักษะความสำเร็จในอนาคตให้ลูกได้อย่างไร ชวนคุณแม่ๆมารู้จัก EF ไปพร้อมกันค่ะ  

Amarin Baby & Kids มีโอกาสพูดคุยกับคุณหมอเด็ก พญ. ปัญญ์ชลี จงไพบูลย์พัฒนะ อนุสาขากุมารเวชศาสตร์พัฒนาการและพฤติกรรม โรงพยาบาลพญาไท 2 เกี่ยวกับข้อมูลและความสำคัญของทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ว่ามีส่วนพัฒนาลูก ๆ ได้อย่างไร พร้อมแนะนำวิธีเสริมสร้าง EF ตั้งแต่วันแรกของลูกน้อยที่คุณแม่ทุกคนทำตามได้ไม่ยากเลย

Q: ทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เด็กเจนอัลฟาและเบต้าต้องมีคืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร

 A: EF เป็นทักษะที่ต้องมีในคนทุกเจนเนอเรชัน แต่ได้รับการพูดถึงบ่อยว่าเป็นทักษะของคนยุคใหม่ เพราะเด็กๆเติบโตในสังคมที่มีการแข่งขันสูง มีเทคโนโลยีใหม่ๆ และต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายที่พวกเขาต้องก้าวผ่านไปให้ได้ เด็กๆ ต้องใช้ทักษะเยอะมากกว่าสมัยก่อน สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยความสามารถที่สำคัญอีกอย่างของสมองคือ EF นั่นเอง

ทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF หรือ Executive Function คือความสามารถของสมองส่วนหน้า ทำหน้าที่คล้ายผู้บริหารคอยบริหารจัดการ ควบคุมความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมของตัวเองเพื่อทำสิ่งต่าง ๆ ให้บรรลุเป้าหมายได้ โดยพัฒนาตั้งแต่เด็กจนโต หน้าที่หลัก ๆ ของทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF มี 3 เรื่อง ได้แก่

1. สมองจำดี (Working Memory) ความสามารถของสมองในการจดจำใช้งาน เชื่อมโยงและคิดวิเคราะห์ความรู้ใหม่ ๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งมีความสำคัญอย่างมาต่อการเรียนรู้ของเด็กทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน เขียน คิดเลข งานศิลปะ และวางแผนการทำงานด้วย

2. ความคิดยืดหยุ่น (Cognitive Flexibility) ความสามารถในการคิดจากมุมมองของผู้อื่น มีความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งช่วยให้ปรับตัวเข้ากับสังคมและทำงานเป็นทีมได้ ขณะเดียวกันมีความคิดยืดหยุ่น พลิกแพลงวิธีการเก่ง หรือทำงานหลายอย่างได้พร้อมๆ กัน

3. ยั้งคิดไตร่ตรอง (Inhibitory Control) ความสามารถในการยับยั้งและควบคุมตัวเองให้ทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องง่าย ๆ อย่างการกินข้าว ทำการบ้าน หรืออ่านหนังสือสอบ เพราะแม้ลูกมีไอคิวดีแต่ถ้าขาดทักษะนี้ วอกแวก หรือขาดความยับยั้งชั่งใจ อาจทำให้เด็กไม่สามารถใช้ศักยภาพที่มีได้เต็มความสามารถ

การที่เด็ก ๆ มีทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ดีควบคู่กับทั้ง IQ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้เด็กมีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตได้ในแบบที่พวกเขาตั้งใจ

Q: คุณแม่ส่งเสริมการพัฒนาทักษะสมอง EF ให้ลูกได้ตั้งแต่แรกเกิดได้อย่างไร

A: เพราะทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF เริ่มต้นที่สมอง คุณแม่ควรให้ลูกได้รับสารอาหารมีประโยชน์และพัฒนาสมอง ทั้งจากสารอาหารสำคัญในนมแม่ในช่วง 6 เดือนแรก และรับประทานอาหารครบ 5 หมู่อาหารตั้งแต่มื้อแรกที่เริ่มอาหารตามวัย โดยยังดื่มนมเสริมโภชนาการเพื่อให้ร่างกายและสมองของลูกน้อยได้รับสารอาหารครบถ้วน ควบคู่ไปกับการเลี้ยงลูกเชิงบวก มีการตอบสนองความต้องการของลูกอย่างเหมาะสม ทำให้ลูกรู้สึกว่าได้รับการยอมรับและความรักจากคุณพ่อคุณแม่ ก็สามารถส่งเสริมทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ได้

Q: MFGM สารอาหารสำคัญต่อการพัฒนาสมองลูกคืออะไร

A: MFGM (Milk Fat Globule Membrane) คือ เปลือกหุ้มไขมันที่พบในนมแม่ ทำหน้าที่ห่อหุ้มและขนส่งสารอาหาร ตัว MFGM เอง ประกอบไปด้วย 2 สารอาหารสำคัญ คือ ไขมัน เช่น Phospholipid, Sphingomyelin และ Ganglioside ที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาของเซลล์ประสาท ส่งผลดีต่อพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย พฤติกรรมและอารมณ์ของเด็ก และโปรตีน ที่เสริมการทำงานของระบบทางเดินอาหาร และระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานดีขึ้น แม้จะไม่ได้รับประทานนมแม่แล้ว คุณแม่สามารถเลือกโภชนาการที่ใช่เสริมให้ลูกน้อยได้เช่นกัน

ลักษณะของ Milk Fat Globule Membrane ในนมแม่

Q: การส่งเสริมให้ลูกมีทักษะความสำเร็จอีกขั้นอย่างทักษะเพื่อความสำเร็จ EF จะส่งผลต่ออนาคตของลูกอย่างไร

A: งานวิจัยต่าง ๆ ยืนยันว่าเด็กที่มีทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ดีจะส่งผลในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพใจน้อยกว่า ประสบความสำเร็จในเรื่องการเรียนและการทำงานมากกว่า รวมถึงการใช้ชีวิตในสังคม การมีเพื่อน หรือการมีคู่ชีวิตเกิดปัญหาน้อย ซึ่งล้วนเป็นผลมาจากการมีพัฒนาการทางสมองที่ดี รู้จักควบคุมตัวเอง เข้าใจความคิดของผู้อื่น ปรับตัวได้ดี จึงเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

สำหรับคุณแม่ที่มองหาทางเลือกทางโภชนาการเพื่อเสริมสร้างสมอง และ ทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ทั้งการมีสมองจำดี ความคิดยืนหยุ่น และยั้งคิดไตร่ตรอง ของลูกให้พัฒนาได้เต็มศักยภาพ MFGM เป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่สำคัญ มีงานวิจัยพิสูจน์แล้วว่า เด็กที่ได้รับนมแม่มีความเร็วในการประมวลผลของสมองเร็วขึ้นถึง 7 จุด* 


เรียบเรียงและตรวจสอบความถูกต้องโดย
พญ. ปัญญ์ชลี จงไพบูลย์พัฒนะ
กุมารแพทย์ ร.พ.พญาไท 2

*Ref. (1) Vargas-Pérez, S., Hernández-Martínez, C., Voltas, N. et al. Effects of Breastfeeding on Cognitive Abilities at 4 Years Old: Cohort Study. IJEC (2024). https://doi.org/10.1007/s13158-024-00396-z

โรงเรียนอนุบาลจุติพร

โรงเรียนอนุบาลจุติพร พื้นที่แห่งการเล่นและเรียนรู้อย่างสมดุล พัฒนาให้สุดๆ กับ Multiple Intelligences

event
โรงเรียนอนุบาลจุติพร
โรงเรียนอนุบาลจุติพร

วันนี้ School Visit จะพามาเยี่ยมชมโรงเรียนอนุบาลจุติพรโรงเรียนเล็ก ๆ ย่านเมืองทองธานี ที่จัดการเรียนรู้รูปแบบ Activity-based และเสริมทัพด้วยทฤษฎี Multiple Intelligences ให้แต่ละคนค้นพบศักยภาพเฉพาะด้านของตัวเอง เป็นโรงเรียนที่ไม่เร่งเรียน แต่ให้เด็กเรียนรู้อย่างมีความสุข สร้าง Positive Mindset ต่อการเรียนรู้ ที่สำคัญโรงเรียนนี้ก่อตั้งมายาวนานกว่า 40 ปี แล้วค่ะ ประสบการ์ณยาวนานขนาดนี้ อยากรู้หรือยังคะว่าหลักสูตรเป็นอย่างไร ลองตามมาดูกันดีกว่า

K2 เรียนภาษาอังกฤษกับ Teacher ก่อนอื่นเต้นละลายพฤติกรรมกันหน่อย
ผลงานศิลปะที่ล้อไปกับ Project Approach

The Happy Learning Programmes

  • Morning Play : ก่อนอื่น เด็กๆจะได้เล่นก่อนเข้าเรียนจนถึง 9.00 น. (ปล่อยพลังยามเช้ายกที่ 1)
  • ห้องเรียนไม่ได้แบ่งเป็น K1 K2 หรือ K3 แต่ใช้ชื่อ “ผลไม้” แทน จัดว่าเป็นการ de schooling ไปในตัว
  • Major Curriculums : โรงเรียนอนุบาลจุติพรจะมี 2 หลักสูตรหลัก และกิจกรรมเสริม แบ่งออกเป็น
    • หลักสูตรเตรียมอนุบาล (Nursery)
    • หลักสูตรอนุบาล (K1 – K3)
    • กิจกรรมพิเศษ (Enrichment Program)
  • English Programme : เรียนรู้ภาษาอังกฤษกับคุณครูชาวอังกฤษ ที่มี license รับรอง
  • Science Experiment / Mathematic Games / Art Project : เรียนรู้กับคุณครูเฉพาะทาง
  • ทุกคลาสจัดการเรียนรู้โดยใช้ Hands-on activities ที่หลากหลายมาก ๆ ปลูกฝังทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ให้เด็ก ๆ (การมาโรงเรียนนี้มันสนุกนี่นา!)
  • Hidden Gems : สอดแทรกวิชาการในกิจกรรมอย่างแยบยล
  • Movement ก็สำคัญ นักเรียนจะ “เดินเรียน – เปลี่ยนคลาส” สลับอิริยาบท ( เหมือนพัก break เล็กๆ ) เด็ก ๆ จะกระตือรือร้นอยู่ตลอด (ทำให้กลับบ้านไปก็ทานอาหารเยอะมากเช่นกัน)
  • ทุกระดับชั้นมีการเรียนการสอนแบบโครงงานหรือ Project Approach
  • เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้อย่างหลากหลายและศึกษาสิ่งที่สนใจอย่างลึกซึ้ง + เป็นระบบ ตั้งแต่ ค้นคว้า / ทดลอง / สังเกต / วิเคราะห์ / สรุปผล / สร้างสรรค์ผลงาน / จนไปถึงช่วงนิทรรศการที่เด็กๆ ต้องนำเสนอผลงานด้วยตัวเอง
  • ค้นหาศักยภาพและความฉลาดด้านต่างๆ รายบุคคลตามแนวทฤษฎีพหุปัญญา ( Multiple Intelligences Theory)
  • Life Skills : การฝึกให้ช่วยเหลือตนเอง คือ สิ่งที่เด็ก ๆ ชอบมากค่ะ เพราะเค้าเองก็อยากทำอะไร ๆ ได้เหมือนผู้ใหญ่ เป็นการเรียนรู้ที่สร้างประสบการณ์ + ฝึกการเข้าสังคม + ฝึกสมาธิ + สร้างลักษณะนิสัยที่ดี ส่งเสริมบุคลิกภาพ กล้าคิด กล้าพูด อย่างสร้างสรรค์ด้วย
  • Make it more Fun  : เพราะคุณครูคือEdutainer ทุกกิจกรรมการันตีความสนุก สร้างสรรค์ แถมเสริมสร้างพหุปัญญาเข้าไปด้วย ลูกมีความสุข แบบนี้แม่ ๆ ก็สบายใจ..
  • นอกจากบุคลากรเฉพาะทางนานาสาขาแล้ว โรงเรียนอนุบาลจุติพรยังมีนักจิตวิทยาพัฒนาการด้วยนะคะ
K3 ในชั่วโมงภาษาอังกฤษคลาสของ teacher จะแอดวานซ์มากขึ้นไปอีก เล่นเป็นเกมที่มีคำสั่ง
ใครอยากลองผสมแป้งบ้างคะ
ขณะที่เด็กๆ กำลังทำงานอย่างมีสมาธิ สงสัยจังเลยว่ากำลังจินตนาการอะไรอยู่นะ
การเรียนที่มี Movement (เดินเรียนนั่นเอง)

รู้ไหมว่า IQ สูง ไม่ใช่ “ที่สุด” !!!

ความสามารถของมนุษย์มีมากมายและหลากหลาย เราจึงไม่ควรจำกัดหรือวัดกันที่ IQ เพราะแต่ละคนอาจมี “ปัญญา” ชนิดอื่นที่แกร่งกว่าก็ได้ เป็นที่รู้จักกันในนาม Multiple Intelligences ซึ่งตามทฤษฎีของ Dr. Howard Garder – แบ่งความสามารถทางปัญญา (ความฉลาด) ออกเป็น 8 ประเภทค่ะ

  1. ด้านภาษา (Linguistic)
    1. ด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical – Mathematical)
    1. ด้านดนตรี (Musical)
    1. ด้านร่างกาย (Bodily – Kinesthetic)
    1. ด้านมิติสัมพันธ์ (Spatial)
    1. ด้านมนุษยสัมพันธ์ (Interpersonal)
    1. ด้านการเข้าใจตนเอง (Intrapersonal)
    1. ด้านการรู้จักธรรมชาติ (Natural)

ทุกกิจกรรมในคลาสเรียนและกิจกรรมพิเศษ รวมไปถึงการทำ Project Approach มีส่วนช่วยพัฒนาความฉลาดทั้ง 8 ด้านนี้ได้อย่างครบถ้วนและลงตัว  กิจกรรมที่หลากหลาย ยิ่งทำ – ยิ่งสะท้อนตัวตนและเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเด็ก ๆ ทำให้เรียนรู้ว่าชอบ หรือ ไม่ชอบอะไร โดยมีคุณครูประจำชั้นคอยดูแลแบบ 1ต่อ 1 สิ่งไหนที่เด็กชอบ  คุณครูจะช่วยสนับสนุน  ส่วนสิ่งที่เด็กไม่ถนัดคุณครูก็จะช่วยชี้แนะ  สุดท้ายการเรียนดี หรือ IQ สูง ไม่ใช่จึงมุ่งหมายเดียวในชีวิต แต่การทักษะชีวิตต่างหากที่จะทำให้เด็กๆรู้จักใช้ + แก้ปัญหาที่พบ ทักษะชีวิตมาจากการฝึกฝน เก็บเล็กผสมน้อยของพหุปัญญาที่หลากหลาย  เป็นคลังความรู้ที่สามารถนำมาใช้ในอนาคต

Nursery ห้อง Coconut ทำโครงงานหัวข้อ ไข่ คลาส Cooking เลยใช้ไข่ มาเป็นส่วนผสมในการการเรียนการสอนด้วยค่ะ
อยากให้ภาพนี้มีเสียง บรรยากาศจริงเฮฮากันสุดๆค่ะ
take a closer look
ประดิษฐ์เครื่องบินเสร็จแล้วแบบนี้ต้องร่อน

คุณครู คือ Strong Point
เพราะการเรียนรู้มาพร้อมกับความซน!

วัยเตรียมอนุบาล คือวัยที่กำลังเรียนรู้ที่จะ “ไว้ใจ” โลกใบนี้ และแน่นอนค่ะการเรียนรู้ก็มักจะเกิดขึ้นจากการ หยิบ จับ ขยับ ขยำ ปา ปีน ป่าย สารพัดแอ็คชั่น คุณพ่อคุณแม่สบายใจได้เลยค่ะ เพราะที่นี่มีคุณครูที่ดูแลเด็ก ๆในแต่ละห้องสูงสุดถึง 3 คน (จำนวนนักเรียนไม่เกิน 20 คนต่อห้อง จัดว่าทั่วถึงเลยค่ะ)

คุณครูของโรงเรียนอนุบาลจุติพรทุกคนนอกเหนือจากจบการศึกษาด้านปฐมวัยโดยตรง และจบการศึกษาเฉพาะทางแล้ว ทุกคนต้องมีคุณสมบัติเหล่านี้ด้วยเช่นกัน 

  1. ใจดี + เข้าใจธรรมชาติ (ตามวัยและพัฒนาการ) ดูแลเด็ก ๆ อย่างทั่วถึง
  2. ช่างสังเกต มีไหวพริบ ปรับตัวรวดเร็ว
  3. มีความรู้ที่ รู้ลึก รู้จริง และเป็น lifelong learner เช่นกัน
  4. เป็น Edutainer ที่สร้างสรรค์ มั่นใจ มีลูกเล่นในการสอน + นำเสนอ
  5. รวมไปถึงการปรับบุคลิกภาพนักเรียน เพาะปลูกความรู้สึกนึกคิด จิตสำนึกที่ดีงาม เป็นแบบอย่างที่ดี
คลาส Fashion Design ดีไซน์เสร็จแล้ว เหลือเดินบนแคทวอล์คค่ะ

After school program ตอบโจทย์ทุกครอบครัว

โรงเรียนรองรับผู้ปกครองที่ต้องการหากิจกรรมให้เด็ก ๆ ทำเพื่อค้นหาความชอบ และ เสริมทักษะ หรือ เตรียมความพร้อมเพิ่มเติมด้านวิชาการ  โดยกิจกรรม After school class จะมีวันจันทร์ – ศุกร์  เช่น  ศิลปะ  กิจกรรมคณิตศาสตร์พื้นฐาน  English  นาฏศิลป์  ดนตรีไทย  Cookingสร้างสรรค์  สอนการบ้าน  นักวิทยาศาสตร์ตัวน้อย  Chinese (Mandarin)  Fashion Design for Kids

ส่วน Saturday Program  จะเป็นการเตรียมความพร้อม  ปูพื้นฐานการสอบคัดเลือก ที่สำคัญรับสอนเป็นกลุ่มย่อย ๆ เท่านั้น เพื่อพัฒนาเป็นรายบุคคลกันเลยทีเดียว ได้แก่ คณิตศาสตร์เชาว์ปัญญา ( เรียนรู้ผ่านการเล่นเพื่อนำไปใช้ในชีวิตจริง + เกมคณิตศาสตร์ สถานการณ์จำลอง และเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง)  ภาษาไทย ( พื้นฐานการฟัง อ่าน เขียน เรียนรู้ผ่านกิจกรรม + เขียนไดอารี่)  ศิลปะสร้างสรรค์

ดร.พรวรรณ มากลิ่น หรือ ครูวรรณ ของเด็กๆ ผู้บริหารโรงเรียน

คุณภาพยืนหนึ่ง

  • โรงเรียนอนุบาลจุติพรได้รับรางวัลโรงเรียนพระราชทาน ปีการศึกษา 2548 และ 2558
  • รางวัลชนะเลิศสถานศึกษายอดเยี่ยมด้านวิชาการ ปีการศึกษา 2558 (OPEC Awards)
  • รางวัลชนะเลิศสถานศึกษายอดเยี่ยมด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีการสอน ปีการศึกษา 2559  (OPEC Awards)
  • คุณครูของโรงเรียนอนุบาลจุติพรจะต้องเป็น lifelong learner และ entertainer ในคราวเดียวกัน ต้องหมั่นพัฒนาเทคนิคการสอน คอยสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กๆ และคอยปรับ ประยุกต์ การสอนให้เข้าถึงเด็ก ๆ แต่ละคนอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด (มีการประเมินการสอนจากคุณครูท่านอื่นและผู้ปกครองที่เข้า observe อยู่เรื่อย ๆ ค่ะ)

Mommy Love This! ถูกใจแม่

  1. ลูก ๆ มีน้ำใจและชอบช่วยเหลือ อีกส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการปลูกฝัง “หัวใจนักจิตอาสา” นอกจากจะสร้างลักษณะนิสัยที่น่ารักแล้วยังทำให้เด็กๆ รู้สึกมั่นใจ + ภาคภูมิใจในตนเองมากขึ้นด้วยนะคะ
  2. แม่บ้านทำความสะอาดทั่วทุกบริเวณตลอดเวลา ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ จัดเก็บอย่างเรียบร้อย ความสะอาดคือที่สุด
  3. ใส่ใจโภชนาการ : ผัก ผลไม้ ที่ใช้ปรุงอาหารและรับประทานภายในโรงเรียน ปลอดสารพิษ 100% Bakery ผลิตภัณฑ์ขนมอบทุกประเภท ทั้งในมื้อของเด็กๆและส่วนที่จำหน่ายในคาเฟ่ของโรงเรียนเป็นแบบ homemade 100% เช่นกัน โดยจะเลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบคุณภาพ มั่นใจได้ว่าไร้สารกันบูดและสารอันตราย (ต่อเด็กๆ)
  4. โรงเรียนมีกิจกรรม ผู้ปกครอง SIT IN : เป็นกิจกรรมที่ผู้ปกครองและคุณครู (ท่านอื่น) มาร่วมประเมินการสอนของคุณครูประจำวิชานั้นๆ โดยจะใช้เวลาตลอดคาบ observe ตั้งแต่การเตรียมการสอน  อุปกรณ์ประกอบการเรียนรู้  การ delivery ความรู้ของคุณครู  การกระตุ้นให้เด็ก ๆ engage กับกิจกรรม ฯลฯ ข้อติชม+ชี้แนะ เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาให้โรงเรียนมีคุณภาพดียิ่งขึ้นค่ะ
  5. สื่อการสอนและอุปกรณ์การตกแต่งที่ใช้ภายในโรงเรียน 100% เป็นวัสดุ recycle หรือ reuse เพราะจิตสำนึกในการรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นแกนหลักอีกด้านที่ทางโรงเรียนต้องการปลูกฝังให้เด็กๆ ผ่านการทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง ใช้ให้เห็นในทุกกิจกรรม

ค่าเล่าเรียนต่อเทอม
Nursery : ภาคต้น 47,000 บาท ภาคปลาย 46,000 บาท
K1 – K3 English Programme : ภาคต้น 49,000 บาท ภาคปลาย 48,000 บาท

โรงเรียนอนุบาลจุติพร
59/229 เมืองทองธานี โครงการ1 ซอย6 ถนน แจ้งวัฒนะ
อำเภอ ปากเกร็ด จังหวัด นนทบุรี 11120
โทรศัพท์มือถือ: 099-154-6910
อีเมล์: [email protected]
[email protected]
Facebook : facebook.com/jutipornkindergarten

นอนไม่หลับ

7 วิธีแก้ปัญหานอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ให้พร้อมเริ่มวันใหม่แบบสดชื่น

event
นอนไม่หลับ
นอนไม่หลับ

อาการนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย หรือนอนหลับแต่ไม่สนิท ตื่นบ่อยระหว่างคืน ล้วนเป็นอาการที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะทำให้ขาดสมาธิ ความจำสั้น รู้สึกง่วงนอนตลอดเวลา ไม่สดชื่น การเรียนและการทำงานจึงขาดประสิทธิภาพ

อีกทั้งคนที่นอนไม่หลับเป็นประจำ มักมีปัญหาด้านอารมณ์ หงุดหงิดง่าย วิตกกังวล เพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าได้ นอกจากนี้ยังมีผลต่อระบบเผาผลาญ เพิ่มความอยากอาหาร ทำให้อ้วนง่ายขึ้น จะเห็นว่าโรคนอนไม่หลับมีผลเสียมากมาย บทความนี้จึงรวบรวม 7 วิธีแก้นอนไม่หลับ หลับไม่สนิท แบบไม่ต้องใช้ยา เพื่อให้ร่างกายพักผ่อนอย่างเต็มที่ พร้อมเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสดใส

1. บริโภคเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างเหมาะสม

หากไม่อยากนอนไม่หลับตอนกลางคืน ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนทุกชนิด เช่น กาแฟ ชา โกโก้ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มชูกำลัง ก่อนเข้านอนอย่างน้อย 6 ชั่วโมง เพราะการขับคาเฟอีนออกจากร่างกาย ต้องใช้เวลาตั้งแต่ 4-6 ชั่วโมง หรือในผู้สูงอายุบางรายอาจใช้เวลามากถึง 10 ชั่วโมงได้

เพื่อป้องกันการนอนไม่หลับ นอนหลับยาก จึงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ไม่ดื่มมากเกินไป และดื่มให้ถูกเวลา จะช่วยให้สามารถนอนหลับได้ง่ายขึ้น

2. ออกกำลังกาย เสริมคุณภาพการนอนหลับ

วิธีทําให้นอนหลับ

การออกกำลังกายที่ไม่หนักเกินไป (เน้นว่า “หนักปานกลาง/ความเข้มข้นปานกลาง”) ก่อนเข้านอนราว 4-5 ชั่วโมง ครั้งละ 30-45 นาที เป็นวิธีแก้อาการนอนไม่หลับแบบธรรมชาติที่ดี สามารถลดความถี่การตื่นกลางดึกน้อยลง ร่างกายพักผ่อนเต็มที่มากขึ้น หรือการออกกำลังกายหลังมื้อเย็น จะช่วยให้อาหารย่อยง่าย ไม่อึดอัดท้อง ลดอาการนอนไม่หลับ โดยการออกกำลังกายที่แนะนำ ได้แก่ เดินเร็ว วิ่ง โยคะ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ไทเก๊ก เป็นต้น 

ทั้งนี้ ไม่ควรออกกำลังกายหนักใกล้เวลาเข้านอนมากเกินไป เนื่องจากร่างกายจะหลั่งสารอะดรีนาลีนออกมา ทำให้รู้สึกตื่นตัวจนนอนไม่หลับได้ (ถ้าจะออกควรเป็นความหนักที่เบา-ปานกลาง ไม่ควรออกหนัก)

3. เข้านอนให้ตรงเวลา และไม่นอนมากเกินไป

สำหรับคนที่มีปัญหานอนไม่หลับ ควรเข้านอนตรงเวลาทุกวัน และตื่นในเวลาเดิม ๆ เพื่อให้ร่างกายจดจำเวลานอน เมื่อถึงเวลาจะสามารถหลับได้ง่าย โดยเวลาที่แนะนำ คือ ไม่เกิน 23.00 น. เพราะเป็นช่วงที่สมองหลัง Growth Hormone รวมถึง Melatonin ออกมาในปริมาณมาก ทำให้รู้สึกง่วงนอนและหลับสนิทยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการนอนกลางวัน หรืองีบช่วงบ่ายไม่เกิน 30 นาที เพื่อป้องกันอาการนอนไม่หลับ (เรื่องระยะเวลาการนอนที่เหมาะสมคือ 7-9 ชม. ในบางรายอาจนอน 9-10 ชม. ได้ ไม่ได้มีคำแนะนำว่าห้ามนอนเกินเท่าไหร่ แต่ตามข้อมูลจากงานวิจัยก็ไม่ควรเกิน 9-10 ชม.)

4. รักษาบรรยากาศในห้องนอน ให้เหมาะกับการพักผ่อน

คนนอนไม่หลับ ห้ามละเลยกับการจัดเตรียมบรรยากาศในห้องนอนให้เหมาะแก่การพักผ่อน โดยข้าวของต่าง ๆ ควรมีเท่าที่จำเป็น เพื่อให้สามารถทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง ลดการสะสมฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ อันเป็นสาเหตุให้นอนหลับไม่สบาย คัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา หรือจามได้ 

อีกทั้งห้องนอนยังต้องมืดสนิท ไร้เสียงรบกวน และมีอุณหภูมิที่พอดี ไม่ร้อนเกินไป จนเหงื่อออก เหนียวตัว แล้วนอนไม่หลับ หรืออากาศเย็นเกินไป ทำให้นอนหลับไม่สนิท

5. ผ่อนคลายจิตใจและร่างกาย ให้พร้อมนอนหลับ 

หลายคนมักมีอาการนอนไม่หลับ สมองไม่หยุดคิด จากความเครียดต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน หากสามารถคลี่คลายปัญหา หรือเรียนรู้วิธีผ่อนคลายตัวเองก่อนนอนได้ จะช่วยให้การนอนหลับมีประสิทธิภาพขึ้น 

โดยสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำอุ่น อ่านหนังสือเบาสมอง ฟังเพลงบรรเลง เปิดเครื่องพ่นอโรม่าหรือจุดเทียนหอม การนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คนนอนไม่หลับ เข้าสู่ห้วงนิทราได้ง่ายขึ้น 

ทั้งนี้ ก่อนเข้านอนควรเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ตื่นเต้น ตึงเครียด เช่น คิดงาน ดูภาพยนตร์ระทึกขวัญ ดูข่าวการเมือง และควรเลี่ยงการใช้พวกอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ 30-60 นาทีก่อนเข้านอน เพราะมีแสงสีฟ้าที่กระตุ้นให้เราตื่นตัว

6. อย่ากินมื้อหนักก่อนนอน ทำอึดอัดท้อง จนหลับไม่ลง

ก่อนนอนอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารมื้อหนัก อาหารย่อยยาก เช่น ของทอด ของมัน อาหารรสจัด ของหวาน เพราะทำให้สมองไม่ได้พักผ่อน ต้องคอยกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานจนกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการ อีกทั้งยังก่อให้เกิดความอึดอัดแน่นท้องจากอาหารที่ทานเข้าไป จนนอนไม่หลับ

นอกจากนี้ การทานมื้อหนักใกล้เวลานอนมาก ๆ ยังเพิ่มความเสี่ยงภาวะกรดไหลย้อน โรคอ้วน รวมถึงไขมันอุดตันในเส้นเลือดอีกด้วย

7. ควรพบแพทย์ เมื่อนอนไม่หลับเรื้อรัง ทำยังไงก็ไม่หาย

ผู้ที่นอนไม่หลับเรื้อรังเกิน 1 เดือน ปรับพฤติกรรมแล้วแต่ไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางรักษาที่เหมาะสม โดยแพทย์อาจจ่ายยานอนหลับ เช่น กลุ่มยา Benzodiazepines, Melatonin, Nonbenzodiazepines และ Antidepressants เพื่อให้คนไข้นอนหลับได้ดีขึ้น 

ทั้งนี้ ยานอนหลับมีผลข้างเคียงที่ต้องระมัดระวังอย่างมาก เช่น ง่วงซึม สับสน รู้สึกอ่อนเพลีย อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุของผู้ที่ต้องขับขี่ยานพาหนะ เมื่อหยุดยาอาจมีปัญหานอนไม่หลับรุนแรงขึ้น หรือผู้ป่วยมีอาการติดยานอนหลับ จึงควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น

นอนไม่หลับแก้ไขได้ แค่รู้จักปรับพฤติกรรม สร้างสุขอนามัยการนอนที่ดี

โรคนอนไม่หลับ เป็นปัญหากวนใจที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิต ทั้งอ่อนเพลีย ง่วงซึมระหว่างวัน ความจำสั้น ขาดสมาธิ หงุดหงิดง่าย และกระทบต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย สามารถรักษาให้หายได้จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น เข้านอนตรงเวลา ไม่กินอาหารมื้อหนัก รวมถึงเครื่องดื่มคาเฟอีนก่อนเข้านอน พร้อมจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะแก่การนอนหลับมากที่สุด หากทำแล้วไม่หายควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำอีกครั้ง

D-PREP INTERNATIONAL SCHOOL โรงเรียนนานาชาติหลักสูตรอเมริกัน มอบทุนสูงสุด 50 % สำหรับเกรด 6-12

event

ใครกำลังมองหาโรงเรียนนานาชาติย่านบางนา วันนี้ School Visit มีโรงเรียนดี ๆ มาแนะนำกันค่ะ กับ D-PREP International School  โรงเรียนนานาชาติหลักสูตรอเมริกัน ที่เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น Nursery จนถึง Grade 12  เป็นโรงเรียนที่มุ่งเตรียมความพร้อมของนักเรียนอย่างรอบด้าน ทั้งวิชาการ ทักษะชีวิตและภาวะการเป็นผู้นำในบรรยากาศแสนอบอุ่นเหมือนบ้าน เพื่อให้นักเรียนได้เรียนและเล่นอย่างมีความสุข

โรงเรียนนานาชาติ D-PREP ก่อตั้งเมื่อปี 2018 โดย คุณพัชรลักขณ์ ดิษยะศริน ตะเวทิกุล (คุณเลดี้) ผู้อำนวยการโรงเรียน และเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มการศึกษาชั้นนำระดับ Southeast Asia อย่าง XCL Education จากประเทศสิงคโปร์ ในปี 2022

สำหรับ D-PREP Secondary Campus แห่งใหม่ สำหรับนักเรียน Middle & High School ที่เราจะพามาทัวร์กันในวันนี้ ก็มีพื้นที่ขนาดใหญ่ไม่แพ้กันและยังตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์การค้า Mega Bangna อีกด้วย เดินทางสะดวกสบายมาก ๆ  ส่วนหลักสูตรของ D-PREP ก็ยึดตามมาตรฐานสากลและแนวปฏิบัติด้านการสอนที่ดีที่สุดจากทั่วโลกเพื่อให้เหมาะกับพัฒนาการของเด็กแต่ละช่วงวัย  มาดูกันค่ะว่าหลักสูตรของแต่ละระดับชั้นที่ D-PREP มีอะไรกันบ้าง

นักเรียน เรียนสนุกและมีความสุข
 

หลักสูตรของ D-PREP

หลักสูตรของ D-PREPถือว่าโดดเด่นมาก ๆ ค่ะ เพราะมีการผสานแนวทางการสอนที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงชั้น ใช้หลักสูตรอเมริกัน ตามมาตรฐานของ Common Core State Standards (CCSS) เป็นหลัก ซึ่งจะใช้เป็นการช่วยกำหนดเป้าหมายให้เด็ก ๆ ว่าเมื่อเรียนจบในแต่ละเทอมแล้ว มีเป้าหมาย ความรู้ หรือทักษะไหนบ้างที่พวกเขาควรจะมี ผสมผสานแนวทางการเรียนรู้ที่เป็นที่ยอมรับระดับสากล แตกต่างกันออกไปในแต่ละระดับ เพื่อให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก ๆ แต่ละช่วงวัย

  • Early Years ( Nursery – Kindergarten 2 ) ผสานแนวทาง Reggio Emilia เน้นเรื่องการใกล้ชิดกับธรรมชาติ เรียนรู้กับธรรมชาติ ช่วยสร้างความสงสัยและความคิดสร้างสรรค์ โดยเน้นการกระตุ้นให้เด็กๆ เกิดการเรียนรู้ผ่านการถาม ในบรรยากาศการเรียนที่อบอุ่น และให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ เพื่อให้เกิดพัฒนาการที่เร็วและสมบูรณ์แบบ
  • Primary School (Grades 1-5) ผสานแนวทางแบบ IB PYP จะมีการเรียนรู้เป็นธีม แต่ประเด็นย่อยจะให้นักเรียนเลือกเองว่าสนใจเรื่องอะไร  จากนั้นนักเรียนก็ได้ค้นคว้า ค้นหาคำตอบ ทดลองด้วยตนเอง โดยมีคุณครูคอยช่วยไกด์ และได้นำเสนอโปรเจกต์ของตัวเองในแต่ละเทอม ช่วยให้นักเรียนเกิดความรู้ที่ฝังลึกในความทรงจำ เกิดความสงสัย การคิดวิเคราะห์ และความมั่นใจในตนเอง
  • Middle School (Grades 6-8) หลักสูตรวิชาการที่เข้มข้น ผสานแนวทาง Expeditionary Learning ให้น้อง ๆ ได้เริ่มเรียนรู้ในพื้นที่ที่กว้างมากขึ้น ผ่านการออกสำรวจนอกห้องเรียน ทั้งในและนอกห้องเรียน เด็ก ๆ จะได้ฝึกทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์และเชิงสร้างสรรค์ ทักษะการพูดในที่ชุมชนและการนำเสนอ และการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงและการทำงานภาคสนาม รวมไปถึงทักษะด้านดิจิทัลและการคิดเชิงออกแบบ เพื่อเตรียมพร้อมในโลกปัจจุบันและอนาคต รวมไปถึงหลักสูตรทักษะชีวิตที่สำคัญไม่แพ้กันค่ะ
  • High School (Grades 9-12) หลักสูตรจะผสานแนวทางแบบ Experiential Learning ต่อเนื่องจาก Middle School ที่ได้เรียนรู้นอกห้องเรียนแล้ว จะยังได้ค้นหาตัวเอง และได้ลงมือทำหลาย ๆ อย่าง เช่น การเลือกเรียนใน Pathway ที่ตนเองสนใจ การเลือกเรียนรายวิชา AP เพื่อเตรียมตัวเข้ามหาลัย การฝึกงาน และยังได้ฝึกทักษะการพูดในที่ชุมชนและการนำเสนอ รวมไปถึงการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงและการทำงานภาคสนาม สำหรับเด็ก ๆ เกรด 9 นักเรียนจะได้เรียนในโปรแกรม “Futures” ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เน้นการรู้จักตนเองและค้นพบสิ่งที่ตนเองสนใจ ด้วยเหตุนี้ นักเรียนจะพร้อมในการเลือกหลักสูตรการศึกษาตามจุดแข็งและความสนใจของตนเองได้อย่างแท้จริง
ห้องเรียนศิลปะ
ห้องเรียน Robotics & Design Technology
โต๊ะเรียนที่ออกแบบมาเพื่อให้ปรับเปลี่ยนฟังค์ชั่นการใช้งานได้อเนกประสงค์เอื้อต่อการเรียนรู้ร่วมกัน

เรียนดี มีทุนการศึกษา

จุดเด่นอีกอย่างของ D-PREP คือการมอบทุนการศึกษาสูงสุด 50% สำหรับปีการศึกษา 2025-2026 ให้นักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นเกรด 6-12 ที่มีประสบการณ์การเรียนในโรงเรียนนานาชาติ และมีเกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไป

โดยมีทุน 1 ประเภท คือ Academic Excellence Scholarship  มุ่งเน้นไปที่นักเรียนที่มีความโดดเด่นด้านวิชาการ มีผลงานการเข้าร่วมกิจกรรม โปรเจกต์ หรือการแข่งขันจากทั้งในและนอกโรงเรียน และมีศักยภาพในการเป็นผู้ที่มีความเป็นเลิศอย่างรอบด้าน มีความฉลาดทางด้านอารมณ์ มีทักษะการเข้าสังคม มีภาวะการเป็นผู้นำ และศักยภาพในการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมรอบข้างได้ต่อไป

คุณสมบัติเบื้องต้นของนักเรียนทุน

  • เกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไป พร้อมใบรายงานผลการศึกษาย้อนหลัง 2 ปี
  • ผลงานทางด้านวิชาการที่โดดเด่น
  • Recommendation Letters จากคุณครูหรือผู้ทรงคุณวุฒิ
  • ผลงานการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ทั้งในและนอกโรงเรียน
  • ศักยภาพด้านอื่นๆ นอกเหนือจากด้านวิชาการ

Timeline เบื้องต้น 

  • ปิดรับสมัคร วันที่ 28 มีนาคม 2025
  • ทดสอบทักษะด้านวิชาการและภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ที่คุณสมบัติผ่าน ระหว่าง 20 กุมภาพันธ์ – 29 มีนาคม 2025
  • สัมภาษณ์ผู้ที่ผ่านเข้ารอบ วันที่ 26 เมษายน 2025
  • สัมภาษณ์ผู้ปกครองของนักเรียนที่ผ่านเข้ารอบ วันที่ 2 พฤษภาคม 2025
  • ประกาศผล วันที่ 12 พฤษภาคม 2025

**Timeline อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม 

**สมัครทุนการศึกษาได้แล้วที่ https://bit.ly/3ELHZTb

ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านภาษา

โรงเรียนมีฝ่ายสนับสนุนนักเรียน โดยใช้วิธีการที่แตกต่างกัน เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้ของนักเรียน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ของนักเรียนจะร่วมกันวิเคราะห์ปัญหา แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและวางแผนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังมี หลักสูตรเรียนเสริมภาษาอังกฤษ (ELL) เพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่ต้องการการเสริมทักษะภาษาอังกฤษ เพื่อให้เข้าใจเนื้อหาหลักสูตรของโรงเรียน และช่วยให้นักเรียนพัฒนาจนบรรลุเป้าหมาย ระดับที่นักเรียนสามารถเข้าร่วมการเรียนตามหลักสูตรหลักของโรงเรียนได้ด้วยตนเองอย่างมั่นใจ

ใส่ใจทุกสภาพแวดล้อม

โรงเรียนให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมเป็นอย่างมาก บรรยากาศโรงเรียนผ่อนคลายดูอบอุ่นเหมือนบ้าน เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนรู้สึกได้รับการต้อนรับ ดูแล เอาใจใส่เป็นอย่างดี และเป็นสถานที่ที่จะช่วยปลุกแรงบันดาลใจ จุดประกายความฝันให้นักเรียนทุกคนมีศักยภาพในการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคม เด็ก ๆ มาเรียนที่นี่จะสนุก มีความสุข เหมือนได้ไปสวนสนุกทุก ๆ วัน ทุกพื้นที่เชื่อมต่อกัน และมีพื้นที่สีเขียวมากมายล้อมรอบ รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ตอบรับกับแนวทาง Experiential Learning

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

  1. โรงเรียนอยู่ใกล้กับ Mega Bangna และ IKEA สะดวกสบายมาก ๆ ค่ะ
  2. ที่ D-PREP โอบรับและเข้าใจความต่างของเด็ก ช่วยฝึกให้ทุกคนเกิดความมั่นใจ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ และพร้อมเป็น Global Citizen ระดับคุณภาพ
  3. โรงเรียน Secondary Campus สวยและดีไซน์โดดเด่น ทุกพื้นที่เชื่อมต่อกัน มีพื้นที่สีเขียวเยอะ ใช้พักผ่อนก็ได้ ใช้เรียนรู้ก็ได้ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสนามกีฬา ห้องดนตรี ห้องยิมนาสติก ห้องวิทยาศาสตร์ ห้องโยคะ ฯลฯ ได้มาตรฐาน ตอบรับทุกการเรียนรู้
  4. มีทุนการศึกษาสูงสุด 50% สำหรับนักเรียนที่เรียนดี ข้อนี้ถูกใจมาก ๆ ค่ะ
  5. ผู้ปกครองจะค่อนข้างใกล้ชิดกับผู้บริหารโรงเรียน สามารถนัดเพื่อพูดคุยปรึกษาได้อย่างใกล้ชิด มีส่วนร่วมในหลาย ๆ กิจกรรม เวลามีงาน Showcase หรืองาน Celebration of Learning ที่น้อง ๆ จะมาแสดงผลงานที่ตนเองได้เรียนรู้ที่ผ่านมา ผู้ปกครองก็จะได้รับเชิญด้วยในหลายๆ กิจกรรมเลยค่ะ
  6. เด็ก ๆ จะได้ฝึกพูด อ่าน เขียนภาษาไทย ตั้งแต่ระดับชั้น Kindergarten 1 ไม่ต้องห่วงว่าเรียนนานาชาติแล้วจะไม่ได้ภาษาไทยนะคะ
  7. ทุกห้องเรียน รวมไปถึงพื้นที่ส่วนกลาง จะมีเครื่องฟอกอากาศ และระบบทำความเย็น เพื่อทำให้เกิดอากาศที่บริสุทธิ์ที่สุด และยังมีการอบโอโซน เพื่อรักษาความสะอาดในทุกห้องเรียนด้วยค่ะ


อัตราค่าเล่าเรียน ปีการศึกษา 2568 – 2569
Nursery 1, 2 : 440,660 บาท / ปี
KG 1, 2 : 519,780 บาท / ปี
Grade 1 – 5 : 606,660 บาท / ปี
Grade 6 – 8 : 657,130 บาท / ปี
Grade 9 -12 : 677,950 บาท / ปี

ที่อยู่ D-PREP International School
Primary Campus
38, 38/1-3, 39 หมู่ที่ 6 ถ.บางนาตราด กม. 8 ต.บางแก้ว อ.บางพลี สมุทรปราการ ประเทศไทย 10540
Secondary Campus
97/9 หมู่ที่ 1 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี สมุทรปราการ ประเทศไทย 10540
โทร. 095-879-4944
Website : https://www.dprep.ac.th
LINE : @d-prep

GRAND OPENING English Corner เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า

event

 

มาร่วมสร้างสรรค์การผจญภัยสุดมหัศจรรย์ไปกับเหล่าผองเพื่อนสัตว์เทพนิยายไปด้วยกัน!
GRAND OPENING
English Corner เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า สอนอังกฤษ โฟนิกส์ คณิต ศิลปะ ทักษะจำเป็น

  • ยูนิคอร์น (Unicorn)หนึ่งในสัตว์เทพนิยายที่เล่าขานกันหลากหลายตำนานหลายครั้งปรากฏตัวในตำนานของความสง่างามเชื่อกันว่ายูนิคอร์นเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความบริสุทธิ์
  • เนสซี่ (Nessie)สิ่งมีชีวิตลึกลับที่เล่าขานในตำนานริมทะเลสาบที่มีชื่อเสียงมีหลายทฤษฎีว่าเนสซี่อาจจะเป็นไดโนเสาร์ที่รอดชีวิตหรืออาจจะไม่เคยมีอยู่จริงก็ได้!

ร่วมทดลองเรียน และเข้าร่วมกิจกรรม Workshop (ปั้นสัตว์เทพนิยายในตำนาน) กับคุณครูเจ้าของภาษา ตัวจริงเสียงจริง ที่จะพาเปิดประสบการณ์การเรียนรู้แบบใหม่!ที่นี่ที่เดียวที่จัดให้เด็กๆ ทุกคนได้เข้ามาลอง!

มาพบกัน 1 มีนาคม 2568 | 10:00-16:00 น. ชั้น 7 อาคาร B

กับของรางวัลสุดพิเศษ!

  • ทดลอง Workshop ฟรี! (ตลอดทั้งงาน)
  • Gift Voucher แจกไม่อั้น มูลค่า 500 บาท
  • แจกบัตรเข้าสวนสนุก kidzoona ฟรี!

สำหรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมและลงทะเบียนหน้างาน

ติดต่อ 081-549-9552
Link @ecpinklao
English Corner เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า สอนอังกฤษ โฟนิกส์ คณิต ศิลปะ ทักษะจำเป็น
Link สมัคร SCAN QR Code ได้เลย!

ใครไม่อยากพลาดกิจกรรมสุดสนุกแบบนี้ เจอกันที่งานนะคะ!

โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี

พาทัวร์ Shrewsbury International School Bangkok City Campus โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ ซิตี้แคมปัส

event
โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี
โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี
เชื่อว่าทุกครอบครัวมีภาพโรงเรียนในฝันให้ลูก โรงเรียนที่มีหลักสูตรสากล บรรยากาศการเรียนที่ดี มีความปลอดภัย และลูกสนุก มีรอยยิ้มมีเสียงหัวเราะทุกวันที่ได้ไปโรงเรียน ครั้งนี้ ทีมแม่ ABK มีโรงเรียนที่ตอบโจทย์สิ่งเหล่านั้นมาแนะนำกันค่ะ

Shrewsbury International School Bangkok เป็นโรงเรียนนานาชาติที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย และเป็นโรงเรียนนานาชาติแห่งแรกในเอเชียที่มาจากเครือโรงเรียน Shrewsbury School ของประเทศอังกฤษ ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 470 ปี ปัจจุบันในประเทศไทยมี 2 สาขา คือ Shrewsbury International School Bangkok Riverside ก่อตั้งในปี 2003 และ Shrewsbury International School Bangkok City Campus ก่อตั้งในปี 2018
โดยครั้งนี้เราจะมาเคาะประตูโรงเรียน Shrewsbury International School Bangkok City Campus กันอีกครั้ง หลังจากเมื่อคราวที่แล้วเราได้ไปเยี่ยมแผนกชั้นอนุบาล (Early Years) ของที่นั่นกัน หากอยากทราบรายละเอียดในส่วนของเด็กอนุบาลที่เราไปเยี่ยมเยียนมาครั้งที่แล้ว สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยค่ะ >> Shrewsbury International School Bangkok City Campus

Shrewsbury International School Bangkok City Campus ตั้งอยู่ทำเลที่สะดวกมาก ๆ เข้าออกได้หลายทาง โดยอยู่ติดกับถนนพระราม 9 ใกล้ถนนสุขุมวิท แถบทองหล่อ อโศก เอกมัย รวมถึงยังใกล้ทางด่วนและมอเตอร์เวย์ อีกทั้งใกล้โรงพยาบาลและห้างร้านต่าง ๆ ส่วนตัวโรงเรียน มีพื้นที่กว้าง 17 ไร่ และถึงแม้จะตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่ก็รอบล้อมไปด้วยพื้นที่สวนสีเขียวทั่วทั้งบริเวณ เพรียบพร้อมด้วยพื้นที่กิจกรรมสำหรับเด็ก ๆ ให้ได้ใช้ในทุก ๆ วัน ครั้งนี้เราชวนมาเจาะลึกแผนกชั้นประถมวัย (Primary) สำหรับเด็ก 5-11 ขวบ กันบ้าง

คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาโรงเรียนประถม หลักสูตรอังกฤษ (British Curriculum) ต้องถูกใจแน่นอน ทีมแม่ ABK มีรายละเอียดของแผนกประถมแบบพิเศษมาฝากกันค่ะ

หลักสูตรอังกฤษ British Curriculum

ด้วยหลักสูตรการศึกษาจากประเทศอังกฤษ British Curriculum หรือ National Curriculum of England ที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันการศึกษาและมหาวิทยาลัยระดับโลก ว่าเป็นหนึ่งในหลักสูตรที่ดีที่สุดในโลก เพราะเป็นหลักสูตรที่สอนแบบคู่ขนาน ควบคู่ไปกับการค้นหาตัวเอง  เน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ให้เด็กได้เรียนรู้ตามความสนใจของตนเองได้มากที่สุด

ในส่วนของเด็กประถม การเรียนการสอนจะได้รับการยกระดับให้เข้มข้นขึ้นมากกว่าหลักสูตรของเด็กอนุบาล ให้เหมาะสมตามพัฒนาการด้านการเรียนรู้ตามช่วงวัยของเด็ก คือมีโครงสร้างการเรียนการสอนที่ชัดเจนมากขึ้น  เน้นวิชาการมากขึ้น มีทั้งวิชาหลัก และวิชาเฉพาะ รวมถึงยังเน้นเพิ่มทักษะพิเศษอย่าง กีฬา ดนตรี ศิลปะ ให้นักเรียนได้มีความเชี่ยวชาญมากขึ้นเช่นกัน แอบกระซิบว่าที่นี่เด่นเรื่องดนตรีเป็นอย่างมาก สอนโดยครูที่เป็นมืออาชีพทางด้านดนตรีประเภทนั้น ๆ มีการผลักดันเด็กที่มีพรสวรรค์ ให้เข้าร่วมคลับผู้เป็นเลิศทางด้านดนตรี Music Excellence และส่งเสริมให้ไปได้ไกลยิ่งขึ้น

Thematic Approach

แค่ฟังชื่อก็สนุกตามแล้ว เพราะการสอนของเด็กประถมที่มีธีมในการสอน  วิธี Thematic Learning หรือ Thematic Approach เป็นวิธีการเรียนรู้แบบลงลึกในเทอมนั้น ๆ และสอดคล้องกันไปในทุกวิชา เช่น โลกใต้ทะเล วิชาอังกฤษก็จะสอนคำศัพท์เกี่ยวกับสัตว์น้ำ เขียนเรียงความประโยคเกี่ยวกับโลกใต้ทะเล วิชาเลขก็จะให้เด็กเรียนการคิดคำนวณ เช่น นับจำนวนปลา วิชาวิทยาศาสตร์เรียนเรื่องระบบนิเวศน์เคมี กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่างๆในทะเล เป็นต้น  โดยธีมนี้จะสอดคล้องกับที่ Shrewsbury International School Bangkok Riverside ด้วย เพื่อให้ทั้งสองแคมปัสมีความเชื่อมโยงและมีกิจกรรมร่วมกัน

1 Campus, 2 Pathways

Shrewsbury International School Bangkok City Campus ยังพิเศษตรงที่เป็นโรงเรียนที่มี 2 เส้นทางการเรียนรู้หลัก เรียกว่า  1 Campus, Two Pathways 

ขยายความให้เข้าใจง่ายคือ เส้นทางการเรียนรู้แรก คือ British International Pathway เรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ ส่วนเส้นทางการเรียนรู้ที่สอง คือ Hanqing Bilingual Pathway โปรแกรมฮั่นชิง เป็นการเรียนแบบ 2 ภาษา ด้วยภาษาจีนกลางและภาษาอังกฤษ ควบคู่กันไปในระดับที่เท่า ๆ กัน ทำให้เด็ก ๆ ได้มีการเรียนรู้ที่หลากหลายขึ้น (สำหรับปี 2025 นี้ ยังเริ่มที่ชั้น EY1-2 ก่อน ยังไม่ได้เริ่มระดับชั้นประถม)

Design Technology และ Learning for Life

เทคโนโลยีและทักษะชีวิต เรื่องสำคัญสำหรับเด็กยุคนี้ ที่ต้องเรียนรู้และเป็นทักษะพื้นฐานติดตัว Shrewsbury International School Bangkok City Campus เป็นโรงเรียนแรกในประเทศไทย ที่ให้นักเรียนในระดับชั้นประถม Year 3-6 ได้เรียนโปรแกรม DEC (Design, Engineer, Construct) ซึ่งปกติแล้วจะเริ่มเรียนที่ระดับชั้นมัธยมศึกษา รวมถึงนำเรื่อง Food Technology มาเป็นส่วนหนึ่งของ Design Technology เพื่อให้เด็ก ๆ นำความคิดสร้างสรรค์ผสมผสานกับความรู้ด้านเทคโนโลนี มาฝึกคิดสูตรอาหาร ลงมือทำอาหาร และสร้างทักษะพื้นฐานที่จะติดตัวพวกเขาไปตลอดชีวิตด้วย

ส่วนเรื่องทักษะชีวิตในด้านของจริยธรรม ที่นี่จะเรียกว่าวิชา Learning For Life ครูจะสอนเรื่องรอบตัวต่าง ๆ พร้อมใช้การสอดแทรกทัศนคติที่ดีให้กับเด็ก ๆ เพื่อให้เด็กเติบโตอย่างแข็งแรงทั้งใจและกาย มีความมั่นใจ มีความกล้าหาญ จิตใจที่ดี มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความอ่อนน้อมถ่อมตนและความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น มีความยืดหยุ่น เพื่อให้พวกเขามีพื้นฐานทางอารมณ์ สังคมที่ดีในวันข้างหน้า ยกตัวอย่างเช่นการสอนเรื่องความหลากหลายทางวัฒนธรรม ชาติ ศาสนา เพื่อให้เด็ก ๆ มีความรู้ที่ครอบคลุมและมีทัศนคติที่เปิดกว้าง

ครูที่มีทัศนคติเชิงบวก

แน่นอนว่าเด็ก ๆ อยู่ที่โรงเรียน 8 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้นหากเรียนกิจกรรมเสริมนอกเวลา ดังนั้นบุคลากรในโรงเรียนและครู จึงเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้พ่อแม่เบาใจ Shrewsbury International School Bangkok City Campus จึงคัดสรรบุคลากรครูมืออาชีพ ที่มีความมุ่งมั่น และมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาเด็ก ๆ รวมถึงเป็นครูเจ้าของภาษา มีวุฒิการศึกษาวิชาชีพครูที่รับรองโดยกระทรวงศึกษาของประเทศอังกฤษ เรียกว่า Qualified Teacher Status (QTS)และครูที่มีประสบการณ์การสอนมากกว่า 3-5 ปีขึ้นไป ผ่านการอบรมและตรวจสอบนโยบายด้านการปกป้องคุ้มครองเด็ก และครูสามารถดูแลเด็กได้อย่างใกล้ชิดเพราะจำนวนนักเรียนต่อห้องไม่มาก โดยเฉลี่ยในห้องเรียนเด็กประถม มีครู 1 คน และผู้ช่วยครูอีก 1 คน ดูแลนักเรียนประมาณ 20-22 คน เท่านั้น

นอกจากนี้วิชาเฉพาะ จะสอนโดยครูผู้ชำนาญการเฉพาะทาง Specialist Teacher เท่านั้น ได้แก่วิชา พละศึกษา ว่ายน้ำ ดนตรี ภาษาไทย ภาษาจีนกลาง และวิชาห้องสมุด  เรียกได้ว่าที่นี่มีครูที่ตอบโจทย์ สอนทั้งเรื่องการเรียนในห้อง รวมไปถึงสอนการเรียนรู้นอกห้องเรียน การใช้ชีวิตในอนาคตข้างหน้าอีกด้วย 

You-Time

ช่วงเวลาดี ๆ เป็นความสุขหลังเลิกเรียนของเด็ก ๆ เพราะกิจกรรมหลังเลิกเรียนเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมจากวิชาที่นักเรียนสนใจ หรือกิจกรรมพิเศษ เช่น คลับห้องสมุด คลับหมากรุก คลับหุ่นยนต์ คลับนักวารสาร ภาษาจีนเสริม รวมถึงดนตรี กีฬา เช่น คลับเล่นเครื่องสาย เทควันโด ฟุตบอล บาสเก็ตบอล ว่ายน้ำ มวยไทย ใครสนใจเรื่องไหนก็สามารถเลือกเรียนได้ตามความชอบและความสนใจของตนเอง

ซึ่งทั้งหมดจะสอนโดยครูของโรงเรียนเองโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม บางคลาสอาจสอนโดยครูผู้เชี่ยวชาญข้างนอก (แต่ก็อยู่ภายใต้การคัดกรองและควบคุมคุณภาพโดยโรงเรียน) ซึ่งส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่เรียกได้ว่ามีทุกอย่างครบ จบที่โรงเรียน 

Learning Facility ที่ครบครัน

โรงเรียน Shrewsbury International School Bangkok City Campus คือโรงเรียนที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับทุกช่วงวัยตั้งแต่เด็กเล็กระดับชั้นอนุบาล จนถึงเด็กโตระดับชั้นประถม  เพราะอาคารสถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก ตอบรับกับการเรียนในรายวิชาต่าง ๆ มีให้ครบจบในแคมปัสเดียว รวมจนถึงกิจกรรมต่าง ๆ ให้เด็ก ๆ ได้ใช้สนุกและสะดวกสบายกันอย่างเต็มที่

นอกจากตึกเรียนหลักของเด็กประถมแล้ว ที่มียังมีห้องแล็บวิทยาศาสตร์ และครัวขนาดใหญ่ถึง 2 ห้อง สำหรับการเรียน  Food Technology และตึก Creative Complex เป็นพื้นที่เอนกประสงค์ ทำหน้าที่เป็นหอประชุม Auditorium 655 ที่นั่ง ห้องสมุดสำหรับเด็กประถม มีหนังสือกว่า 7,000 เล่ม และหนังสือดิจิตอลด้วย

นอกจากนี้ยังมีห้องเรียนดราม่า (Black Box) ที่สอนให้เด็กๆได้เรียนรู้อารมณ์ของตัวเอง หมวดวิชาดนตรีซึ่งที่นี่มีความโดดเด่น จึงมีห้องเรียนดนตรีทั้งแบบกลุ่มและเดี่ยว ไปจนถึงห้องเรียนเต้น Dance Studio ห้อง Design Technology & Art Studio ห้อง Media Studio พร้อมกรีนสกรีนและห้องอัดเสียง สุดท้ายฮอลล์สำหรับจัดงานกิจกรรมต่างๆ (Recital Hall & Children’s Forum) ให้เด็กๆได้แสดงศักยภาพของตัวเองกันออกมาให้เต็มที่ เรียกได้ว่า ครบจบอยู่ในโรงเรียนแล้วจริงๆ

แต่หากเด็กๆฉายแววทางด้านกีฬา ที่นี่ก็ไม่เป็นรองใคร เพราะมี Sports Complex สนามฟุตบอลหญ้าจริงขนาดใหญ่ มีสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือและควบคุมอุณหภูมิในร่มอีก 2 สระ (ความยาว 25เมตร และสระน้ำตื้นสำหรับเด็กๆที่เพิ่งหัดว่ายน้ำ)

ส่วนพื้นที่กีฬาภายในอาคาร เป็นระบบติดแอร์ เป็นสปอร์ทฮอลล์ขนาดใหญ่จัดกีฬาได้หลากหลาย มีลู่วิ่งลอยฟ้าด้านบน หรือจะเป็นกีฬายิมนาสติกที่มั่นใจได้ในความปลอดภัย เพราะพื้นโรงยิมที่เป็นวัสดุมาตรฐานแบบเดียวกับที่ใช้ในงานกีฬาโอลิมปิกนำเข้ามาจากประเทศฝรั่งเศส

บรรยากาศที่สวยงาม สะอาดและปลอดภัย

อีกหนึ่งปัจจัยในการตัดสินใจเลือกโรงเรียน ปฎิเสธไม่ได้คือเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย และความมีสุขภาวะที่ดี ที่นี่ก็คำนึงถึงสิ่งเหล่านั้นเป็นหลัก เราถูกใจกับสถานที่ที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้ มีพื้นที่สีเขียวที่เพียงพอ มีสนามเด็กเล่น พื้นที่ outdoor ให้เด็กๆได้ปลดปล่อยพลัง การออกแบบห้องเรียนที่คำนึงถึงการใช้งานสำหรับเด็กประถมโดยเฉพาะ ทั้งเฟอร์นิเจอร์และองค์ประกอบอื่นๆ ก็เอื้อต่อการเรียนรู้และการใช้งานตามความเหมาะสมของช่วงวัย

นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ สุขภาวะที่ดี Pastoral Care and Well-being โรงเรียนมีมาตรการดูแลความปลอดภัย คุ้มครอง และดูแลความเป็นอยู่ที่ดีให้เด็ก ตามมาตรฐานสากล (Child Safeguarding and Pastoral Care policy) มีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กโดยเฉพาะ มี School Counsellor เพื่อคอยดูแลเด็กๆ เรื่องอารมณ์ต่างๆ มี Learning Mentor เพื่อช่วยเหลือเด็กด้านการเรียนรู้ และการปรับตัวในโรงเรียน มีครูคอยให้คำปรึกษาและช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กทั้งกายและใจอย่างใกล้ชิด

MOMMY LOVE THIS! 

1.พื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อเด็กประถมโดยเฉพาะ แต่ที่นี่ออกแบบมาอย่างดี มีความพิเศษ ให้เหมาะสมกับช่วงวัย และเด็กประถมเท่านั้นที่ใช้พื้นที่นี้ได้ โดยสำหรับเด็กอนุบาลก็จะเป็นเฟอร์นิเจอร์ขนาดจิ๋ว ๆ แต่พอขึ้นเป็นเด็กประถม ความสูงของเฟอร์นิเจอร์ก็เพิ่มขึ้นมาตามขนาดตัวโดยเฉลี่ย แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นใช้งานเฟอร์นิเจอร์ของผู้ใหญ่ อุปกรณ์ต่าง ๆ ก็จะมีความซับซ้อนขึ้นแต่ก็ยังไม่ซับซ้อนเหมือนกับของผู้ใหญ่ ยกตัวอย่างเช่นสำหรับเด็ก Years 1-2 ที่เพิ่งขึ้นมาจากชั้นอนุบาล EY 2 ในห้องเรียนก็ยังจะมีทั้งโต๊ะที่นั่ง แต่ก็ยังมีพรมให้ได้นั่งเล่นและเรียนด้วย คุณครูบอกว่าวัยนี้กำลังเปลี่ยนผ่านจากเด็กอนุบาลมาชั้นประถม ดังนั้นเด็กๆจะได้ทั้งนั่งเรียนบนโต๊ะ และนั่งบนพรม Carpet Time ด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการปรับตัวจากอนุบาลสู่โหมดประถมอย่างเป็นธรรมชาติ

2. ส่งเสริมทักษะรอบด้าน ที่มากกว่าการเรียนในห้อง ทั้งดนตรีและกีฬา ซึ่งวิชาเหล่านี้ จะทำให้เด็กๆมีความแข็งแรงทางอารมณ์และจิตใจ สร้างความมั่นใจ ความภาคภูมิใจในตนเองให้พวกเขา ซึ่งจะเป็นเกราะกำบังสิ่งต่างๆที่พวกเขาจะได้พบเจอในอนาคต การันตีได้จาก แม่ ๆของเด็กที่นี่ เพราะเด็กๆมีความสุขกับการมาโรงเรียน

สนุกกับวิชาเรียน เรียนทักษะสนุก ๆ และที่สำคัญคือ ได้เล่น กลับมาบ้านอย่างมีความสุขทุกวัน เมื่อลูกแฮปปี้ เชื่อว่าแม่ๆแฮปปี้ยิ่งกว่า

3. บรรยากาศโดยรอบที่มีพื้นที่สีเขียว มีธรรมชาติ รวมถึงความรู้สึกอบอุ่นที่ส่งต่อมาจากบุคลากรในโรงเรียน ทัศนคติเชิงบวก ความเอาใจใส่เด็กๆอย่างดีสำคัญที่สุดคือมีนักจิตวิทยาเด็ก ที่คอยฮีลใจให้กับพวกเขา หากพบเจอเรื่องหนักใจ สุดท้ายรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กๆที่เราได้เห็น น่าจะเป็นคำตอบของความสุขได้อย่างดี

โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี ค่าเทอม (ปีการศึกษา 2024-25)

Year 1-2 (5-7 ขวบ): 261,100 บาทต่อเทอม 783,300 บาทต่อปี
Year 3-4 (7-9 ขวบ): 280,100 บาทต่อเทอม 840,300 บาทต่อปี
Year 5-6 (9-11 ขวบ): 298,800 บาทต่อเทอม 869,400 บาทต่อปี

ที่อยู่
โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ ซิตี้แคมปัส
982 ถนนริมคลองสามเสน (พระราม 9) แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. 10310
โทรศัพท์ 02-203-1222
Website : https://www.shrewsbury.ac.th/city-campus/junior/
Email : [email protected]
Social Media : @SHBcitycampus
Line: @SHBCityCampus https://lin.ee/j0fGXrd

โรงเรียนประสานมิตร ปทุมธานีโรงเรียนแนวคิดใหม่ พัฒนาสมองและจิตใจไปพร้อมกัน

event

วันนี้ ABK จะพาคุณพ่อคุณแม่ทุกไปทำความรู้จักโรงเรียนเล็ก ๆ บรรยากาศอบอุ่นและปลอดภัย ที่สร้างความประทับให้บรรดาครอบครัวศิษย์เก่า – ปัจจุบันมานานกว่า 25 ปี ที่ โรงเรียนประสานมิตร จังหวัดปทุมธานี โรงเรียนแนวคิดใหม่ที่ใช้ Finger scan มาช่วยวิเคราะห์ความแตกต่างทางอัจฉริยภาพของแต่ละคนเพื่อ Customized แนวทางการสอน การดูแลให้เหมาะเป็นรายคน เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ทักษะชีวิตและฝึกพัฒนาจิตเป็นประจำเพื่อเติบโตไปเป็นพลเมือง พลโลกที่มีศักยภาพทั้งทางด้านจิตใจและสติปัญญา

รอบรั้วโรงเรียน
ธรรมชาติของเด็ก ๆ เมื่อได้ปล่อยพลังเต็มที่ เมื่อเข้าห้องเรียนจะมีสมาธิมากขึ้น
Cooking and sharing opinion
ชั่วโมงพัฒนาจิตช่วงเช้าของน้องอนุบาล
Role play! เด็ก ๆ เลือกบทบาทกันเอง จัดเต็มประมาณนี้ น่ารักมากค่ะ

Why Prasanmit?

จุดเด่นของโรงเรียน

  • เป็นโรงเรียนทางเลือก เน้นการพัฒนานักเรียนเป็นรายบุคคล โดยใช้เครื่องมือ + นวัตกรรม เพื่อการพัฒนานักเรียนแบบ one on one
  • การใช้นวัตกรรมการสแกนลายผิวเข้ามาช่วยวิเคราะห์
    1. เพื่อค้นหาศักยภาพที่ติดตัวแต่กำเนิด
    2. เพื่อประยุกต์ + ปรับใช้วิธีการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเด็ก ๆ แต่ละคน (Customized)
  • โรงเรียนเพิ่มกระบวนการการสอนด้วย NLP = ภาษาสมอง หรือ เทคนิคการสื่อสารด้วยพลังบวก ซึ่งเป็นการใช้ภาษาที่สอดคล้องกับการทำงานของสมอง
  • NLP ย่อมาจาก Neuro = สมอง Linguistic = ภาษา Programming เป็นการเรียนการสอนที่ใช้
    1. ข้อเท็จจริง
    2. เสนอความคิดแบบ positive
    3. ด้วยการใช้ภาษาที่เป็นมิตร ไม่ข่มขู่
  • เทคนิค NLP นี้จะทำให้บรรยากาศในการสื่อสารจะเต็มไปด้วยความสนุกและสร้างความสุขให้กับชีวิตอย่างแน่นอนค่ะ
  • ผสมผสานกระบวนการ Coaching ที่จะเด็ก ๆ จะได้เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับ “ทักษะชีวิต” และ EF
  • คุณครูไม่ได้เป็นผู้ Coach อยู่ฝ่ายเดียว ที่โรงเรียนประสานมิตรนั้น คุณครูและนักเรียน เรียนรู้ไปด้วยกัน ความสัมพันธ์จึงเต็มไปด้วย การให้โอกาส และ ความสบายใจ
  • เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้การบริหารจัดการเงิน และ เวลา ที่เริ่มตั้งแต่ชั้นอนุบาล ( ค่อย ๆ เพิ่มระดับความซับซ้อนขึ้นไป ) ด้วยกิจกรรมที่เป็นรูปธรรม จับต้อง และเข้าใจง่าย
  • และที่ขาดไม่ได้คือ “วิชาพัฒนาจิต” เด็ก ๆ จะได้สังเกตร่างกายและลมหายใจของตัวเอง มีสติอยู่กับปัจจุบัน เป็นวิชาที่ช่วยปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม + เรียนรู้การรักตัวเอง และ พร้อมส่งต่อความดีให้กับโลกใบนี้ค่ะ
ป.2 ห้อง Mini inter กำลังเรียนรู้เรื่องอารมณ์ คุณครูใช้อีโมจิเป็นสื่อการสอนค่ะ
เด็กโตจะใช้สีสื่อถึงอารมณ์แทนอีโมจิเพราะเด็กโตเข้าใจ concept ที่เป็นนามธรรมมากขึ้นแล้ว
คุณครูกำลังแนะนำกิจกรรมในชั่วโมง coaching amd mentoring
การตักอาหารด้วยตนเอง คือการฝึกทักษะชีวิตอย่างหนึ่ง
หลังทานอาหารกลางวัน จะมีพักสายตาและฟังเพลงบรรเลงสักครู่ หยุดเรื่องวุ่นวายเพื่อโฟกัสกับลมหายใจพักหนึ่ง

หลักสูตร

ระดับชั้นอนุบาล

  • Intensive English Program – เรียนภาษาอังกฤษกับ teacher ชาวต่างชาติ สัปดาห์ละ 5 คาบ
  • Mini International Program – มีคุณครูประจำชั้นเป็น teacher ชาวต่างชาติ + จัดการเรียนรู้เป็นภาษาอังกฤษ + สื่อสารเป็นภาษาอังกฤษตลอดทั้งวัน

ที่สำคัญน้องเล็กก็จะมีทำโครงงานด้วยเช่นกันค่ะ ( โครงงานกลุ่ม ) เช่น โครงงานเรื่อง “ร้านค้าชุมชน” “เชฟ” ฯลฯ ล้วนเป็น Topic ที่ช่วยกันเลือกเอง

Daily routine น้องอนุบาล

  • เมื่อคุณพ่อคุณแม่มาส่งเด็ก ๆ ที่โรงเรียนแล้ว เด็ก ๆ จะเปลี่ยนเป็นชุดลำลองแสนสบายสไตล์เหมือนอยู่บ้าน แล้วจึงเริ่มต้นกิจกรรม
  • ทำเป้าหมาย (วางแผนกิจกรรม) ของตัวเอง (วันต่อวัน)
  • กิจกรรมพัฒนาจิต สงบนิ่ง รู้ตน ผ่อนคลาย
  • แล้วจึงต่อด้วยกิจกรรมที่การันตีความรู้คู่กับความสนุกตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็น Role play (เฉพาะ Mini inter) Cooking | Math Montessori ทักษะชีวิต (การช่วยเหลือตนเองทั้งหมด) เล่นบ่อทราย ( บูรณาการวิทยาศาสตร์ + เล่นอิสระ สร้างสรรค์ สร้างจินตนาการ) และอื่น ๆ อีกมากมาย

ระดับประถมศึกษา

  • Intensive English Program – เรียนภาษาอังกฤษกับ teacher ชาวต่างชาติ + ครูไทย (จัดเต็ม พื้นฐานอย่างแน่นไปเลย)
  • Mini International Program – มีคุณครูประจำชั้นเป็น teacher ชาวต่างชาติ + จัดการเรียนรู้เป็นภาษาอังกฤษในวิชา Mathematics, Science, English, Social Study and Health Education + สื่อสารเป็นภาษาอังกฤษตลอดทั้งวัน
  • พี่ๆ ชั้นประถมจะมีการนำเสนอ personal project ปีละ 1 โปรเจค ต่อยอดความคิดและจินตนาการ บูรณาการหลายศาสตร์ จัดเป็นงานใหญ่ระดับครอบครัว จนถ่ายทอดออกมาเป็นชิ้นผลงานสุดภูมิใจ
  • ที่ขาดไม่ได้คือ วิชาพัฒนาจิต สวดมนต์ ไหว้พระ เดินจงกรม สลับกับ เรียนรู้มารยาทและความเป็นไทย
  • ทุกวันทุกคนจะพักผ่อนกลางวันสั้นๆ ฟังเพลง รู้ตนเองด้วยระฆังแห่งสติ ฝึกลมหายใจ + สังเกตการเคลื่อนไหวของตนเอง
การบริหารจัดการเงินอย่างเป็นรูปธรรม
เด็ก ๆ กำลังเรียนเรื่องปริมาตรในวิชาคณิตศาสตร์กันอยู่ค่ะ

HEAD AND HEARTตัวอย่างวิชาการ และ คุณค่าของวิชาใจ

สำหรับด้านวิชาการที่โรงเรียนประสานมิตร กิจกรรม Hands-on ถือเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ เด็ก ๆ เริ่มเรียนรู้จากสิ่งที่จับต้องได้ – มองเห็นด้วยตา และค่อย ๆ develop ความเป็นนามธรรมมากขึ้นตามวัยที่เติบโต และในส่วนของวิชาใจ ไม่ใช่วิชาใดวิชาหนึ่ง แต่แทรกซึมอยู่ในกระบวนการ reflection ที่คุณครูคอยสะท้อนคิดเด็กๆ ระหว่างชั่วโมงค่ะ

Math Montessori ของชั้นอนุบาล

  • คุณครูสร้างสื่อการเรียนรู้ให้เด็ก ๆ ลงมือทำกิจกรรมเพราะวิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่บูรณาการหลายศาสตร์เข้าด้วยกัน
  • มือประสาน ตามอง ทดลองด้วยการหยิบจับ สัมผัส การเรียนรู้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • เรียนเป็นรูปแบบกลุ่มย่อย และกลุ่มใหญ่ (5 คน)
  • เรียน – เล่น – เก็บ ต้องเก็บของให้เรียบร้อย (สร้าง EF)

วิชา Coaching and Mentoring

ใจความของวิชานี้จะครอบคลุม ทั้งทักษะชีวิตควบคู่ไปกับ วิชาการ และการบริหารจัดการเวลาและการเงิน ( ความท้าทายและซับซ้อนแตกต่างกันไปในแต่ละระดับชั้น )

COACHING

ที่จริงแล้วไม่ใช่แค่คุณครูเป็นผู้ Coaching แต่ ทั้งนักเรียนและคุณครูผลัดกัน Coaching ซึ่งกันและกัน เรียนรู้ไปร่วมกัน จึงขอแยกเป็นใจความหลักๆ ดังนี้ค่ะ

นักเรียนจะได้ :

  • ฝึกการสื่อสารกับตัวเอง
  • สังเกตมุมมองและความรู้สึกของตนเอง สะท้อนคิดตัวเอง
  • มองเห็นคุณค่าของตนเองและผู้อื่น
  • คิด และ ใช้วิจารณญาน ในการตัดสินใจและแก้ปัญหา

หน้าที่ของคุณครูใน part ของโค้ช :

  • listen with respect จะคอยรับฟัง – อย่างไม่ตัดสินและไม่ตีความไปเอง
  • แนะนำ – ไม่ชี้นำ และมักจะใช้คำถามปลายเปิด + กระตุ้นให้เด็ก ๆ ฝึกคิด มีโอกาสตัดสินใจและลองแก้ไขปัญหาด้วยวิธีของตนเอง ในขอบเขตที่ความเหมาะสมและปลอดภัย

การบริหารจัดการ “ด้านการเงิน”

  • สะสมเงินเพื่ออะไร? ทำสำเร็จไหม? สำเร็จหรือไม่เพราะอะไร?
  • เด็กเล็กเริ่มจากการรู้จักการใช้จ่าย – ป.3 ออมเงินอย่างจริงจัง – ป.4 นำเงินออมมาเพิ่มมูลค่า เช่น นำสินค้ามาขาย – พี่ ป.6 สมมุติการออมเงินเพื่อวางแผนเกษียน
  • คุณครูจะ reflection เดือนละ 1 ครั้ง ถึง 2 เดือนครั้ง เพราะวินัยในการออมเงินต้องฝึกอย่างต่อเนื่อง และเด็กๆต้องได้รับการ coaching เรื่องการออมเงินเช่นกันค่ะ

การบริหารจัดการ “ด้านเวลา”

Planner – Reflection & Feed Forward : เด็กๆทุกคนจะได้เรียนรู้การวางแผนการดำเนินชีวิตรายวัน รายเดือน ไปจนถึงรายปีอย่างเป็นระบบ + เขียน Future Vision

Math montessori เด็กๆจะใช้สมาธิในการทำกิจกรรม คุณครูจะเป็นเพียงผู้อำนวยความสะดวกและคอย observe อยู่ใกล้ๆ
คุณครูกำลัง reflection กลุ่มย่อยค่ะ เด็กๆเพิ่งเสร็จจากการเต้น ที่เต้นเมื่อสักครู่หนูๆรู้สึกอย่างไรบ้างคะ? (คำถามปลายเปิดเสมอ)

Feeling acceptance + reflectionการรู้จักและยอมรับอารมณ์ของตน

  • เด็กเล็กจะใช้ “อีโมจิ” สื่อถึงอารมณ์เช่น Happy – Sad – Excited – Angry ซึ่งเด็ก ๆ สามารถมองเห็น – จดจำ – ตีความหมายได้ เหมาะสมกับวัย
  • คุณครูจะสมมุติหรือจำลองสถานการณ์ที่ทำให้เกิด feeling ต่าง ๆ แล้วให้เด็ก ๆ แชร์ไอเดียการแก้ไขปัญหา + คุณครูคอย Coachingด้วยเช่นกัน
  • เด็กโตจะใช้ “สี” บอกความรู้สึก ตัวอย่างเช่น หลังจากแนะนำกิจกรรมคุณครูจะถามความรู้สึกของนักเรียนทั้งตอนเริ่ม – ระหว่าง – และหลังกิจกรรม ( ตอนเริ่มมักเป็นสีม่วง หรือ = น่าเบื่อ ตอนท้าย ๆ อาจเปลี่ยนเป็นสีสดขึ้นเพราะนักเรียนเริ่มโอเคกับกิจกรรมแล้ว)
  • เป็นการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างคุณครูและเด็ก ๆ ว่า 1. กิจกรรมของคุณครูควรปรับปรุงหรือไม่? 2. เด็ก ๆ เปิดใจและให้โอกาสตัวเองลองเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สุดท้ายอาจจะชื่นชอบก็ได้นะ!
  • การขอบคุณ (บางคลาสใช้บัตร “LIKE”) เป็นอีกสื่อที่สำคัญ เพราะการรู้จักขอบคุณตัวเองและผู้อื่น = การเห็นคุณค่าของผู้คน คุณครูจะสอบถามหรือแจกบัตร Like ในเด็กโต (เพื่อให้เขียนชื่อเพื่อน) ว่ารู้สึกขอบคุณใคร หากได้ทำแบบนี้สม่ำเสมอเด็กๆจะกล้าและไม่เขินอายที่จะขอบคุณใครออกไปค่ะ
สระว่ายน้ำในร่มขนาดใหญ่

Mommy Love This! ถูกใจแม่

  1. โรงเรียนปลอดภัย + ลูก ๆ อยากไปโรงเรียนทุกวัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่สบายใจที่สุด
  2. นวัตกรรมเพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียน
    • NLP หรือ เทคนิคการสื่อสารด้วยพลังบวก ซึ่งเป็นการใช้ภาษาที่สอดคล้องกับการทำงานของสมองที่จะทำให้บรรยากาศในการสื่อสารจะเต็มไปด้วยความสนุก
    • Finger scan ศาสตร์การวิเคราะห์ความแตกต่างทางพันธุกรรมผ่านลายนิ้วมือ อีกหนึ่งนวัตกรรมที่ช่วยวิเคราะห์ความแตกต่างเพื่อหาแนวทางเหมาะสมกับลูกๆ ของเรา เพื่อส่งเสริมจุดเด่นของแต่ละคน และพัฒนาทักษะที่ไม่ถนัด
  3. วิชาการก็ต้อง HANDS ON เพราะการเรียนรู้จะชัดเจนขึ้นเมื่อเป็นรูปธรรม การหยิบจับได้และลงมือทำคือการสร้างประสบการณ์ตรงที่นอกจากจะเข้าใจได้ดีขึ้นแล้ว เด็ก ๆ ยังต่อยอดความคิดได้อีกหลายเท่าตัวด้วยนะคะ
  4. ลูก ๆ เรียนรู้เพื่อเติบโตเป็นคนดีของสังคม
    • โรงเรียนสอนทักษะชีวิตเพื่อให้นักเรียนสามารถใช้ชีวิตในอนาคตได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคง ผ่านการ Coaching and Mentoring
    • เด็กๆได้เรียนรู้ทั้งการบริหารจัดการ 1. การเงิน 2. เวลา 3. อารมณ์และพฤติกรรม
    • ทุกคนได้ฝึกการเป็นผู้พูด ผู้ฟัง มีการสะท้อนความคิดเห็น เสียงของเด็ก ๆ ได้รับการได้ยินจากผู้ใหญ่เสมอ
    • การที่ทุกคนได้ฝึกพัฒนาจิตทุกๆวัน เป็นการปลูกฝังให้เด็ก ๆ ย้อนกลับมาสำรวมกาย รักษาใจให้สงบ สร้างพลังที่ดีจากภายใน
    • เด็ก ๆ มองเห็นคุณค่าของตัวเองและผู้อื่น รู้จักขอบคุณ กิริยามารยาทอ่อนน้อมแบบไทย
  5. ห้องเรียนพ่อแม่ เพราะจุดเด่นของโรงเรียนคือการ Coaching นักเรียน แต่ที่ ๆ สำคัญที่สุดสำหรับเด็ก ๆ คือ “ครอบครัว” ดังนั้นห้องเรียนพ่อแม่จึงเกิดขึ้นมาเพื่อช่วย Coaching การดูแลลูก ๆ ตามแต่ละช่วงวัย บุคคลภายนอกที่อยากเข้าร่วมกิจกรรมสามารถติดต่อสอบถามทางโรงเรียนได้เลยนะคะ

ค่าเล่าเรียน

ราคาต่อเทอมอยู่ระหว่าง 15,000 – 35,000 บาท ( ขึ้นอยู่กับหลักสูตร ) รายละเอียดอัพเดท – กรุณาติดต่อสอบถามห้องธุรการของโรงเรียนโดยตรง

ที่อยู่

Prasanmit NLP School

โรงเรียนประสานมิตร59/573 หมู่ 6 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 12130

โทร. 02-9876601-2โทร. 093-446-6446

www.prasanmit.ac.th

PM 2.5 กระตุ้นภูมิแพ้ ปกป้องลูกน้อย ด้วยนมแม่ ที่มีคุณสมบัติ H.A. (Hypoallergenic)

event

เด็กไทยเสี่ยงเป็นภูมิแพ้กว่าร้อยละ 50 และเป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ เด็กที่มีคุณพ่อและคุณแม่เป็นโรคภูมิแพ้ จึงมีความเสี่ยงที่จะเป็นภูมิแพ้เพิ่มสูงถึงร้อยละ 80 นอกจากนี้เด็กในยุคนี้ยังต้องเติบโตขึ้นมาท่ามกลางปัจจัยกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมมากมาย เช่น มลภาวะ และฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็กมาก จนสามารถเดินทางผ่านระบบการหายใจเข้าไปถึงถุงลมในปอดได้ และอาจทำให้เกิดการอักเสบบริเวณหลอดลมและถุงลม จนเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจตามมาได้ หากคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ได้รับฝุ่น PM 2.5 ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการกระตุ้นภูมิแพ้ให้กำเริบและรุนแรงมากขึ้น นอกจากการรักษาโรคภูมิแพ้แล้ว การป้องกันไม่ให้ลูกเป็นโรคภูมิแพ้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรต้องใส่ใจ

คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตอาการโรคภูมิแพ้ของลูกได้ด้วยตนเองเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล มีผื่น ลมพิษ เกิดอาการบวมแดง รู้สึกคันตามผิวหนัง รู้สึกคันหรือเคืองตา หนังตาบวม อาเจียน และหอบหืด หากพบเจออาการเหล่านี้ควรรีบป้องกันและพบแพทย์เพื่อรักษาทันที เพราะโรคภูมิแพ้ในเด็กอาจนำไปสู่การเกิด Allergic March หรือ ลูกโซ่ภูมิแพ้ ซึ่งเป็นกระบวนการที่โรคภูมิแพ้ในเด็กเกิดการพัฒนาต่อเนื่องจากภูมิแพ้ชนิดหนึ่งไปเป็นอีกชนิดหนึ่ง ต่อเนื่องตั้งแต่วัยทารกจนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่

สารอาหารในนมแม่ปกป้องลูกจากภูมิแพ้

การป้องกันไม่ให้ลูกเป็นภูมิแพ้ตั้งแต่ขวบปีแรกเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นภูมิแพ้ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่ คุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันภูมิแพ้ในทารกได้ด้วยการให้ลูกได้รับนมแม่เพียงอย่างเดียวเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน หรือนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะนมแม่มีสารอาหารที่หลากหลายมากกว่า 200 ชนิด

นมแม่มีคุณสมบัติ H.A. (Hypoallergenic) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคภูมิแพ้ ยิ่งไปกว่านั้น

นมแม่ยังประกอบด้วย Partially Hydrolyzed Proteins (PHP) หรือโปรตีนบางส่วนที่ถูกย่อยให้มีขนาดเล็กลงและทำให้ง่ายต่อการดูดซึม จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อเกิดภูมิแพ้ได้ รวมไปถึงมี พรีไบโอติกโอลิโกแซคคาไรด์ (Human Milk Oligosaccharides or HMOs) ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ โดยนมแม่ประกอบด้วยใยอาหารมากกว่า 200 ชนิด ซึ่งมีใยอาหาร 5 ชนิด (5 HMO) ที่พบมากในกลุ่มนี้ ได้แก่ 2’FL, DFL, LNT, 6’SL, และ 3’SL โดยใยอาหารที่พบในนมแม่มีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ยิ่งไปกว่านั้นนมแม่มี โพรไบโอติกหลากหลายสายพันธุ์ เช่น B. lactis  (บี แล็กทิส) ที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงในการเกิดภูมิแพ้

นมแม่จึงเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูก ที่จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของลูกให้แข็งแรง ป้องกันและลดโอกาสในการเกิดภูมิแพ้ในเด็ก ที่อาจนำไปสู่ลูกโซ่ภูมิแพ้ในอนาคตได้ นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ยังควรป้องกันและหลีกเลี่ยงฝุ่น PM 2.5 ด้วยการหมั่นตรวจสอบค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (Air Quality Index – AQI) เป็นประจำก่อนออกจากบ้าน หลีกเลี่ยงการออกจากบ้านและทำกิจกรรมกลางแจ้งในวันที่มีค่าดัชนีคุณภาพอากาศในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ หากจำเป็นต้องออกจากบ้าน ควรสวมหน้ากาก N95 ที่ได้รับมาตรฐานและสามารถกรองฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเลือกใช้เครื่องกรองอากาศภายในบ้านและรถยนต์ที่มีความละเอียดสูง เพราะการป้องกันง่ายกว่าการรักษา มาเริ่มต้นปรับวิถีชีวิตเพื่อเตรียมรับมือกับฝุ่น PM 2.5 และเสริมภูมิคุ้มกันของลูกด้วยนมแม่ได้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้ลูกน้อยเติบโตแข็งแรงปลอดภัย

หากคุณพ่อคุณแม่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สารอาหารที่มีประโยชน์ในนมแม่และมีบทบาทต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อย เข้าชมได้ที่ S-Mom Club ที่เว็บไซต์ https://www.s-momclub.com/

สามารถสมัครสมาชิกเพื่อปรึกษาทีมพยาบาลผู้เชี่ยวชาญได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ยังสามารถพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพโภชนาการและพัฒนาการสำหรับคุณแม่และลูกน้อยตามช่วงวัย โดยทีมพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ ตลอด 24 ชั่วโมง ได้ที่

Line: https://line.me/ti/g2/sTaGOaX-BDVbUWvjiMlyM6OHPMC5PNssEhw_Sw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default

เช็คความเสี่ยงภูมิแพ้ของเจ้าตัวน้อยได้ที่ : https://www.s-momclub.com/baby-allergies

Reference

อนุบาลเด่นหล้า เพชรเกษมพื้นที่แห่งความสุข พื้นที่แห่งการเรียนรู้ให้กับเด็ก ๆ ตั้งแต่ก้าวแรก

event

คุณพ่อคุณแม่คนไหนกำลังรอคอยรีวิว โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า เพชรเกษม อยู่บ้างคะ หลายคนคงอยากรู้ว่าหลักสูตรการเรียนการสอนของที่นี่เป็นอย่างไร คุ้มค่าแค่ไหน วันนี้เราจะมาตอบทุกข้อสงสัยและเจาะลึกทั้งหลักสูตรและค่าเทอมต่าง ๆ ให้ได้ทราบกัน มาดูกันค่ะว่าอะไรทำให้โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า เพชรเกษม มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 46 ปี

อนุบาลเด่นหล้า เพชรเกษม เป็นโรงเรียนเอกชนย่านฝั่งธน ที่ไม่ได้โดดเด่นแค่บรรยากาศของห้องเรียนและความเอาใจใส่ของคุณครูเท่านั้น แต่หลักสูตรก็น่าสนใจไม่แพ้กันค่ะ โรงเรียนก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2522 โดย อาจารย์อารย์ ปาลเดชพงศ์ เดิมทีเป็นโรงเรียนอนุบาลที่ครอบครัวตั้งใจจัดตั้งขึ้น เพื่อรองรับให้คนในครอบครัวได้เรียน ได้มีพื้นฐานการศึกษาที่ดี แต่ด้วยแนวคิดและอุดมการณ์ของโรงเรียนตอบโจทย์ผู้ปกครองในตอนนั้น ทำให้จากโรงเรียนเล็ก ๆ ที่เป็นเหมือนโฮมสคูล ได้เปิดต่อและขยายพื้นที่เพื่อรองรับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันเปิดการเรียนการสอนมาแล้ว 46 ปี และขยายโรงเรียนเพิ่มเป็น 4 โรงเรียน คือ

  • อนุบาลเด่นหล้า เพชรเกษม
  • โรงเรียนเด่นหล้าพระราม 5
  • DLTS International School (DLTS)
  • Denla British School (DBS)

โรงเรียนมีพื้นที่มากถึง 4-5 ไร่ แถมยังใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินหลักสองตรงเดอะมอลบางแคอีกด้วย ปัจจุบันเปิดสอนนักเรียนตั้งแต่ระดับ Pre-Nursery ถึงชั้นอนุบาล 3 นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรเด็กก่อนวัยเรียน หรือ Kids Club ซึ่งเป็นหลักสูตรที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเข้าเรียนร่วมกันกับลูกได้ด้วยค่ะ ไปดูหลักสูตรของโรงเรียนกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง

หลักสูตรการเรียนรู้สำหรับเด็กช่วงอายุ 1 – 6 ปี

  1. หลักสูตร Kids Clubหลักสูตรออกแบบและส่งเสริมทักษะตามวัยให้กับเด็กวัย 1-3 ปี ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านการคิด ทักษะด้านพูด ทักษะด้านภาษาการสื่อสาร ทักษะด้านการปรับตัว ทักษะด้านร่างกายกล้ามเนื้อมัดเล็ก กล้ามเหนือมัดใหญ่ และทักษะเชิงสมรรถนะ (Competency-base) นอกจากนั้นยังเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียน Pre-Nursery ให้กับเด็ก จุดเด่นของหลักสูตรนี้คือ คุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครอง สามารถเข้าเรียนร่วมกันกับลูกในชั้นเรียนได้ เพื่อให้พ่อแม่ได้เข้าใจตัวตนและได้เห็นพัฒนาการของลูกอย่างใกล้ชิด
  2. หลักสูตรบูรณาการ : Denla Integrated Program (D.I.P)การเรียนการสอนเป็นการผสมผสานกันระหว่าง หลักสูตรปฐมวัยของกระทรวงศึกษาและหลักสูตรเฉพาะของอนุบาลเด่นหล้า โดยเปิดการเรียนการสอนในระดับชั้น Pre-Nursery ถึงระดับชั้นอนุบาล 3 ในส่วนของระดับชั้น Pre-Nursery ถึงระดับชั้นอนุบาล 1 จะเน้นจัดกระบวนการเรียนรู้ผ่านการเล่น หรือ Play-Based Learning แต่จะเป็นการเล่นโดยมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ชัดเจน เพื่อสร้างทักษะด้านการสื่อสาร ด้านสังคม ด้านความคิดสร้างสรรค์ ด้านร่างกาย ที่สำคัญเพื่อสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อการเรียนรู้ และการมีความสุขในการมาโรงเรียน

ในส่วนของระดับชั้นอนุบาล 2-3 เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ทักษะด้านการฟัง พูด อ่านและเขียนมากขึ้น เน้นการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ และการทำงานร่วมกันกับผู้อื่น เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน รวมถึงมีชั่วโมงเรียนเกี่ยวกับ STEM Coding และ AI ควบคู่ไปกับการส่งเสริมทักษะด้านอื่นๆ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ผ่านชั่วโมงศิลปะ การกล้าแสดงออกผ่านชั่วโมง Acting ความแข็งแรงด้านร่างกายผ่านชั่วโมงว่ายน้ำ รวมถึงพื้นฐานด้านการคิดการคำนวณ เพื่อให้เด็กมีความพร้อมที่สุดสำหรับเข้าโรงเรียนประถม ตามที่คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองวางแผนไว้

3. หลักสูตรภาษาอังกฤษ : Denla English Program (D.E.P)การเรียนการสอนใช้หลักสูตรภาษาอังกฤษ Oxford ผสมผสานรูปแบบการเรียนการสอนของหลักสูตรปฐมวัยของกระทรวงศึกษากับหลักสูตรเฉพาะของอนุบาลเด่นหล้าเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมดุล โดยเปิดการเรียนการสอนในระดับชั้น Pre-Nursery ถึงระดับชั้น Kindergarten 3 (K3)

การเรียนในระดับชั้น Pre-Nursery ถึงระดับชั้น K1 ใช้รูปแบบการสอนแบบ Play-based Learning เป็นหลัก เพื่อเน้นการพัฒนาทักษะและการสร้างความรู้ระยะยาว ออกแบบกิจกรรมโดยคุณครูผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กเล็ก ทั้งครูไทยและครูชาวต่างชาติ

ในส่วนของระดับชั้น K2-K3 เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ทักษะด้านการฟัง พูด อ่านและเขียนมากขึ้น โดยเฉพาะในวิชาภาษาอังกฤษ ที่เด็กๆจะได้เรียนกับ Native speaker วันละ 120 นาที และเรียนภาษาจีนสัปดาห์ละ 2 คาบเรียบ รวมถึงมีชั่วโมงเรียนเกี่ยวกับ STEM Coding และ AI ควบคู่ไปกับการส่งเสริมทักษะด้านอื่นๆ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ผ่านชั่วโมงศิลปะ การกล้าแสดงออกผ่านชั่วโมง Acting ความแข็งแรงด้านร่างกายผ่านชั่วโมงว่ายน้ำ เพื่อให้เด็กมีความพร้อมที่สุดสำหรับเข้าโรงเรียนประถม ทั้งเครือสาธิต เครือคาทอลิคในหลักสูตรภาษาอังกฤษหลัก

4. สูตรนานาชาติ : DLTS International School (DLTS)DLTS International School ( Phetkasem ) มีจุดเด่นตรงที่เปิดการเรียนการสอนในระดับชั้น EY1 ถึง EY3 จึงทำให้เรามีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัยโดยเฉพาะ โดยการออกแบบการเรียนการสอนของหลักสูตรใช้ความพิถีพิถัน เพื่อให้เด็ก ๆ ได้รับการพัฒนาความรู้ทักษะทางวิชาการ ผสมผสานกับความสุข ความสนุกในการมาโรงเรียน การเรียนการสอนยึดตามหลักสูตรอเมริกัน (IB) ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล เน้นการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project Approach) ผสมผสาน

การเรียนรู้รูปแบบ Play Based Learning ผ่านแนวคิดที่เรียกว่า “PATHS” ซึ่งเป็นการผสมผสานความเป็นเลิศในทุกด้านเข้าไว้ด้วยกันเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโลกที่เชื่อมโยงกัน

  • “Principled” การมีคุณธรรม ยึดมั่นในหลักการ เติบโตอย่างงดงาม
  • “Academic Excellence” ความเป็นเลิศทางด้านวิชาการ
  • “Trilingual” มุ่งเน้นการพัฒนาภาษาและทักษะระดับสากล
  • “Holistic” การดูแลแบบองค์รวม ทั้งด้านจิตใจ อารมณ์ สังคม และร่างกาย
  • “Student-Centered” นักเรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกัน สามารถเป็นผู้นำที่ดีได้ในอนาคต

** PATHS ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อให้นักเรียนมีความสุขกับการมาโรงเรียน ควบคู่ไปกับการมีความพร้อมสำหรับการแข่งขันในระดับโลก ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของหลักสูตรที่ว่า “Choose Excellence Choose DLTS”

จุดเด่นของอนุบาลเด่นหล้า เพชรเกษม

อนุบาลเด่นหล้า เพชรเกษม มี MOU ที่ร่วมมือกับโรงเรียนชื่อดังมากมาย เช่น โรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี โรงเรียนอัสสัมชัญกรุงเทพ และโรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ เพื่อส่งนักเรียนที่มีคุณภาพเข้าสู่ชั้นประถมอย่างมีศักยภาพ นอกจากนี้ยังมีคอร์สพิเศษ หรือ Denla Academy มากถึง 36 คอร์ส ให้เด็ก ๆ ได้ทดลอง ได้เรียนรู้ เพื่อค้นหาความถนัดของตัวเองอีกด้วย เรียกได้ว่าตอบโจทย์การเรียนรู้สำหรับเด็กทุกยุค ทุกสมัยเพื่อให้พวกเขาได้ค้นพบศักยภาพในตัวเอง มีทักษะด้านภาษาที่หลากหลาย และเตรียมพร้อมที่สุดสำหรับเข้าเรียนโรงเรียนประถมชั้นนำ

“อนุบาลเด่นหล้า บ้านหลังที่สองขอนักเรียน”

อนุบาลเด่นหล้า เพชรเกษม เน้นการเรียนรู้ในรูปแบบ Play-Based Learning ในทุกระดับชั้นและทุกหลักสูตร เพราะเชื่อว่า ทุก ๆ การเล่นของเด็กคือการเรียนรู้และทำความเข้าใจกับโลกในแบบของเขา หน้าที่ของคุณครูที่ออกแบบวิธีการเล่นให้กับเด็ก ๆ ได้ทั้งความสนุก ความสุข และความรู้ไปพร้อมกัน และอีกหนึ่งสิ่งที่อนุบาลเด่นหล้า เพชรเกษม ให้ความสำคัญ คือ ‘ส่งเสริมศักยภาพที่ดีให้บุคลากร สร้างคุณครูในฝันให้จับต้องได้’ ซึ่งคุณครูของที่นี่นอกจากจะมีความเชี่ยวชาญในด้านเด็กเล็กโดยตรงแล้ว ยังเป็นคุณครูยุคใหม่ที่มีทักษะต่างๆ ที่จำเป็นต่อการอบรมสั่งสอนเด็กใน Generation นี้

  • ทักษะด้านวิชาการ
  • ทักษะด้านการพัฒนาสื่อการสอน
  • ทักษะในการยืดหยุ่นและผ่อนปรน
  • ทักษะในการแก้ไขปัญหาที่หลากหลาย
  • ทักษะความฉลาดทางอารมณ์

สภาพแวดล้อมดีเยี่ยม

อนุบาลเด่นหล้า เพชรเกษม ให้ความสำคัญกับ ‘บรรยากาศการเรียนรู้ในแบบที่สบายใจ’ เพราะโรงเรียนเชื่อว่าพื้นฐานการเรียนรู้ที่ดีของเด็ก ๆ ต้องอาศัยการสร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการจุดประกายการเรียนรู้ บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน น่าสนใจ ท้าทาย น่าค้นหา แต่อบอุ่นและปลอดภัย สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุผลสำคัญที่จะช่วยดึงดูดความสนใจของเด็ก ๆ ในการเปิดมุมมองการเรียนรู้ของเขา มีการออกแบบตกแต่งห้องเรียน ห้องกิจกรรม และพื้นที่ต่างๆ ภายในโรงเรียนด้วยโทนสีสดใส สบายตา เพื่อช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ กระตุ้นความสนใจของเด็ก ๆ มีอุปกรณ์การเรียนรู้ และเทคโนโลยีที่เข้ากับยุคสมัย เพื่อให้สอดรับกับการเรียนรู้ของโลกในปัจจุบัน และเสริมสร้างความมั่นใจให้กับเด็กๆ และมีการเพิ่มเติมพื้นที่แห่งความคิดสร้างสรรค์ พื้นที่สำคัญที่จะตอบสนองทุกการเรียนรู้ของเด็ก ทั้งสระว่ายน้ำ โรงยิม ห้องสมุด ห้องศิลปะ ห้องดนตรี ห้องบัลเล่ต์ อีกด้วยค่ะ

Mommy Love This ! ถูกใจแม่

  1. เด็กนักเรียนทุกคนจะได้รับการส่งเสริมและผลักดันอย่างเต็มที่ เพื่อให้มีพร้อมด้วยทักษะรอบด้าน ทั้ง Hard Skills และ Soft Skills ซึ่งจำเป็นอย่างมาต่อการเติบโตในอนาคต
  2. เด็ก ๆ ที่เรียนที่นี่ไม่ต้องห่วงเรื่องการเรียนต่อเพื่อเข้าเรียนชั้นป.1 เลยค่ะ เพราะโรงเรียนเตรียมพร้อมให้กับเด็ก ๆเต็มที่และยังมี MOU ที่ร่วมมือกับโรงเรียนชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนเครือสาธิต อย่างสาธิตจุฬา สาธิตเกษตร หรือโรงเรียนชั้นนำอย่าง โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ คุณพ่อคุณแม่หมดห่วงได้เลย
  3. Facilities ครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำ โรงยิม ห้องสมุด และยังมีคอร์สพิเศษ หรือ Denla Academy มากถึง 36 คอร์ส ไม่ต้องเรียนพิเศษเพิ่มเติมที่ไหนเลยค่ะ

รายละเอียดค่าเทอมและการสมัครเรียนของแต่ละหลักสูตรหลักสูตร

  • Kids Club ครั้งละ 1,000 บาท
  • หลักสูตรบูรณาการ ( DIP ) ค่าเทอม 80,000 บาทต่อเทอม : จำนวนนักเรียน 22-25 คนต่อห้อง
  • หลักสูตรภาษาอังกฤษ ( DEP ) ค่าเทอม 116,000 บาทต่อเทอม : จำนวนนักเรียน 11-19 คนต่อห้อง
  • หลักสูตรนานาชาติ ( DLTS ) ค่าเทอม 210,000 บาทต่อเทอม : จำนวนนักเรียน 16 คนต่อห้อง

ช่องทางการติดต่อ

ลงทะเบียนเยี่ยมชมโรงเรียนได้ที่ :: https://forms.gle/BdV2ajkzH29U3Xc68

Line : @denla1979 หรือลิงค์ https://lin.ee/lZ8nfMY

Facebook : https://www.facebook.com/denlaschool

Website : www.denlaschool.ac.th

เบอร์โทร. 02-809-1793

สบู่เหลวเด็ก น่ารัก

เผยเคล็ดลับผิวสวยนุ่มของลูกน้อย ด้วย สบู่เหลวเด็ก น่ารักออร์แกนิก

event
สบู่เหลวเด็ก น่ารัก
สบู่เหลวเด็ก น่ารัก

คุณแม่หลายท่านคงทราบกันดีว่า ผิวของเด็กนั้นบอบบางและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ การเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยนและปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง Amarin Baby & Kids มีเคล็ดลับดีๆ มาฝากคุณแม่ทุกท่าน นั่นก็คือการเลือกใช้ สบู่เหลวเด็กน่ารักออร์แกนิก ที่จะช่วยให้ผิวของลูกน้อยเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น และสุขภาพดีค่ะ 

เคล็ดลับในการเลือกสบู่เหลวสำหรับเด็ก

การเลือกสบู่เหลวที่เหมาะสมสำหรับลูกน้อยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะผิวของเด็กมีความบอบบางและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เพื่อให้ลูกน้อยของคุณแม่มีผิวที่สุขภาพดีและไม่ระคาย มีเคล็ดลับดี ๆ ในการเลือกสบู่เหลวเด็กมาฝากดังนี้ค่ะ

1. เลือกสูตรที่ pH เป็นกลาง

ค่า pH เป็นตัวบ่งชี้ความเป็นกรด-ด่างของผลิตภัณฑ์ การเลือกสบู่เหลวที่มีค่า pH เป็นกลาง จะช่วยรักษาสมดุลของผิวตามธรรมชาติของลูกน้อย ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหรือเสียสมดุล

2. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง

ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนังจะได้รับการรับรองว่าปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองต่อผิวของลูกน้อย คุณจึงมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นอ่อนโยนและเหมาะสำหรับผิวบอบบางของลูกน้อย

3. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย

ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์มีความอ่อนโยนต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ปราศจากสารเคมีอันตราย อาทิเช่น พาราเบน ซิลิโคน และ SLS เป็นต้น  

4. อ่านฉลากอย่างละเอียด

ก่อนตัดสินใจซื้อควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด เพื่อตรวจสอบส่วนผสมและวันหมดอายุ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อผิวของลูกน้อย และตรวจสอบวันหมดอายุเพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ยังคงมีคุณภาพและปลอดภัยในการใช้

ทำไมผิวเด็กต้องดูแลด้วย สบู่เหลวเด็กน่ารักออร์แกนิก

ผิวของเด็กมีความบอบบางและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง สบู่เหลวเด็กน่ารักออร์แกนิก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ใส่ใจสุขภาพผิวของลูกน้อย ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นและส่วนผสมจากธรรมชาติที่อ่อนโยน ทำให้สบู่เหลวเด็กน่ารักออร์แกนิกเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับเด็กและทุกคนในครอบครัวค่ะ

คุณสมบัติที่โดดเด่นของ สบู่เหลวเด็กน่ารักออร์แกนิก

  • อ่อนโยนเป็นพิเศษ: สบู่เหลวเด็กน่ารักออร์แกนิกได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับผิวที่บอบบางของเด็กและทุกคนในครอบครัว ด้วยสูตรที่อ่อนโยนเป็นพิเศษ ทำให้ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว
  • ส่วนผสมจากธรรมชาติ: สบู่เหลวเด็กน่ารักออร์แกนิกมีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติจากพืช อาร์แกนออยล์ ออร์แกนิก 100% (Certified Organic by ECOCERT) ซึ่งช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น
  • กลิ่นหอมสดชื่น: สบู่เหลวเด็กน่ารักออร์แกนิกมีกลิ่นหอมสดชื่นจากสตรอเบอร์รี่ ช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายขณะอาบน้ำ
  • ลดการอุดตันของรูขุมขน: สูตรผสมสตรอเบอร์รี่ในสบู่เหลวเด็กน่ารักออร์แกนิกช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้ผิวของลูกน้อยสะอาดและมีสุขภาพดี
  • ผ่านการทดสอบการแพ้: สบู่เหลวเด็กน่ารักออร์แกนิกผ่านการทดสอบการแพ้โดยแพทย์ผิวหนังโดยเฉพาะ จากสถาบันทดสอบประเทศญี่ปุ่น ทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยต่อผิวของลูกน้อย
  • ปราศจากสารเคมีอันตราย: สบู่เหลวเด็กน่ารักออร์แกนิกปราศจากสารเคมีอันตราย 12 ชนิด ที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวและเส้นผม อาทิ SLS, พาราเบน, Soap และซิลิโคน
  • สูตร pH เป็นกลาง: เหมาะกับผิวที่บอบบางของเด็ก ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหรือระคายเคือง
  • อุดมด้วยวิตามิน อี และ บี5: ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • ส่งเสริมการดูดซึมวิตามิน: ช่วยให้วิตามินอื่นๆ ซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ผิวของลูกน้อยแข็งแรงและมีสุขภาพดี
  • ลดการสะสมของเชื้อโรค: ช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย ทำให้ผิวของลูกน้อยสะอาดและปลอดภัย

สบู่เหลวเด็กน่ารักออร์แกนิก คว้ารางวัล BEST BABY WASH จาก Amarin Baby & Kids Awards 2024

สบู่เหลวเด็กน่ารัก ใช้ดีจนได้รับการการันตีรางวัล Editor’s Choice สาขา BEST BABY WASH จากการประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2024 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อยกย่องผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับเด็กยอดเยี่ยมแห่งปี

รางวัลนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงคุณภาพและความโดดเด่นของสบู่เหลวเด็กน่ารักออร์แกนิกในการดูแลและทำความสะอาดผิวของลูกน้อยอย่างอ่อนโยน ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นพิเศษ ทำให้สบู่อ่อนโยนต่อผิวบอบบางของเด็ก ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น

การอาบน้ำเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของลูกน้อย แต่การเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและปลอดภัยต่อผิวของลูกก็เป็นสิ่งสำคัญ “สบู่เหลวเด็กน่ารักออร์แกนิก” เป็นผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและปลอดภัยสำหรับผิวของลูกน้อย ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันและคุณสมบัติที่โดดเด่น ทำให้สบู่เหลวเด็กน่ารักออร์แกนิกเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการดูแลผิวของลูกน้อยให้มีสุขภาพดีค่ะ

สำหรับพ่อแม่ที่กำลังมองหาสบู่เหลวสำหรับลูกน้อย สบู่เหลวเด็กน่ารักออร์แกนิก เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่น่าสนใจ ด้วยคุณภาพที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค สบู่เหลวเด็ก Narak Organic Baby Bath มีทั้งหมด 4 สูตร ขนาด 300 มล. สามารถสั่งซื้อได้ที่นี่นะคะ

สบู่เหลวเด็ก น่ารัก ผสมสตรอเบอร์รี่ คลิก https://narak-tiara.com/product/สบู่เหลวอาบ-น่ารัก-ออร์-2/ 

สบู่เหลวเด็ก น่ารัก ผสมลาเวนเดอร์ คลิก https://narak-tiara.com/product/สบู่เหลวอาบ-narak-ออร์แกนิก-ล/ 

สบู่เหลวเด็ก น่ารัก ผสมน้ำมันผิวส้ม คลิก https://narak-tiara.com/product/สบู่เหลวอาบ-narak-ออร์แกนิก-เ/ 

สบู่เหลวเด็ก น่ารัก ผสมน้ำผึ้ง คลิก https://narak-tiara.com/product/สบู่เหลวอาบ-น่ารัก-ออร์แ/ 

แชมพูเด็ก น่ารัก มายด์ ตัวช่วยผมสวย อ่อนโยนสำหรับลูกวัยเยาว์

event

ในขณะที่ลูกน้อยเติบโตขึ้น ความต้องการในการดูแลเส้นผมของพวกเขาก็เปลี่ยนไปด้วย แชมพูเด็กสูตรที่เคยใช้ตอนเป็นเด็กทารกอาจไม่เหมาะอีกต่อไป เมื่อลูกน้อยเริ่มเข้าสู่วัยเยาว์ เริ่มมีกิจกรรมมากขึ้นและเส้นผมของพวกเขาเริ่มเปลี่ยนแปลง คุณแม่อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนแชมพูสระผมให้ลูก Amarin Baby & Kids  ขอแนะนำ แชมพูเด็ก น่ารัก มายด์ สูตรอ่อนใส ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับเส้นผมที่บอบบางของเด็กวัยเยาว์

เมื่อลูกเริ่มโต กิจกรรมเยอะ หนังศีรษะและเส้นผมต้องการการดูแลมากขึ้น

เมื่อลูกน้อยเติบโตขึ้นและเริ่มมีกิจกรรมที่หลากหลายมากขึ้น การดูแลสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผมก็เป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้าม เพราะกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้หนังศีรษะและเส้นผมของลูกต้องเผชิญกับสิ่งสกปรก เหงื่อไคล และมลภาวะต่างๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเส้นผม

ความสำคัญของการดูแลหนังศีรษะและเส้นผม

  1. ป้องกันปัญหาหนังศีรษะ: การดูแลหนังศีรษะที่ไม่ดีอาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น รังแค หนังศีรษะแห้ง หรือหนังศีรษะมัน ซึ่งอาจทำให้ลูกรู้สึกไม่สบายและส่งผลต่อความมั่นใจ
  2. ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม: การดูแลเส้นผมอย่างเหมาะสมจะช่วยให้เส้นผมของลูกแข็งแรง เงางาม และมีสุขภาพดี ซึ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมในระยะยาว
  3. สร้างความมั่นใจ: การมีเส้นผมที่สุขภาพดีจะช่วยให้ลูกรู้สึกมั่นใจในตัวเองและกล้าที่จะทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่

วิธีการดูแลหนังศีรษะและเส้นผมสำหรับเด็กที่เริ่มมีกิจกรรมมากขึ้น

  • ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ: สระผมให้ลูกอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือเมื่อลูกมีเหงื่อออกมากหลังทำกิจกรรม เลือกใช้แชมพูและครีมนวดผมที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพเส้นผมของลูก
  • บำรุงเส้นผม: ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมที่ช่วยให้เส้นผมแข็งแรงและชุ่มชื้น 
  • ปกป้องเส้นผมจากความร้อนและแสงแดด: หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนกับเส้นผมของลูกโดยไม่จำเป็น และสวมหมวกหรือกางร่มเมื่อต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง
  • ดูแลเรื่องอาหาร: ให้ลูกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของเส้นผม เช่น โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ

การดูแลหนังศีรษะและเส้นผมของลูกน้อยเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรใส่ใจ เพื่อให้ลูกมีสุขภาพเส้นผมที่ดีและมีความมั่นใจในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันนะคะ

แชมพูเด็ก น่ารัก มายด์ ตัวเลือกที่อ่อนโยนสำหรับลูกน้อยวัยเยาว์

การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมสำหรับลูกน้อยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กวัยเยาว์ที่ต้องการความอ่อนโยนเป็นพิเศษ แชมพูเด็กน่ารัก มายด์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและปลอดภัยสำหรับลูกน้อย

แชมพูเด็ก น่ารัก สำหรับลูกน้อยวัยเยาว์

ทำไมต้อง แชมพูเด็ก น่ารัก มายด์

  1. สูตรอ่อนใส แชมพูเด็กNARAK มายด์ มีสูตรอ่อนใสที่ช่วยทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะของลูกน้อยได้อย่างอ่อนละมุน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวบอบบาง
  2. อุดมไปด้วยวิตามินอี ส่วนผสมของวิตามินอีจากน้ำมันดอกทานตะวันช่วยบำรุงเส้นผมของลูกน้อยให้แข็งแรง นุ่มสลวย และมีสุขภาพดี
  3. pH Neutral ค่า pH ที่เป็นกลางของแชมพูเด็ก NARAK มายด์ มีความอ่อนโยนต่อหนังศีรษะและเส้นผมของลูกน้อย ไม่ทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง
  4. ปราศจากสารเคมีอันตราย แชมพูเด็กNARAK มายด์ ปราศจากสารเคมีอันตรายที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อย ทำให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยในการใช้งาน

แชมพูเด็ก น่ารัก มายด์ สระผมให้ลูกน้อยอย่างมีความสุข ปลอดภัย และอ่อนโยน

การเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับลูกน้อยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ที่สัมผัสกับผิวและเส้นผมของลูกน้อยโดยตรง แชมพูเด็กNARAK มายด์ เข้าใจถึงความกังวลของคุณพ่อคุณแม่ จึงได้คิดค้นแชมพูสูตรพิเศษที่อ่อนโยน ปลอดภัย และช่วยให้ลูกน้อยมีความสุขกับการสระผม

คุณสมบัติที่โดดเด่น

  • SLS Free: ปราศจากสาร SLS (Sodium Lauryl Sulfate) ซึ่งเป็นสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวและหนังศีรษะบอบบางของลูกน้อย ทำให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจได้ว่าแชมพูจะไม่ทำให้ผิวของลูกน้อยแห้งตึงหรือเกิดอาการแพ้
  • Paraben Free: ปราศจากสารกันเสียกลุ่มพาราเบน ซึ่งเป็นสารเคมีที่อาจส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนของลูกน้อยในระยะยาว
  • Silicone Free: ปราศจากซิลิโคน ซึ่งอาจทำให้เกิดการอุดตันบนหนังศีรษะ ทำให้ผมของลูกน้อยไม่นุ่มลื่นอย่างเป็นธรรมชาติ
  • อ่อนโยนต่อผิวและเส้นผม: สูตรอ่อนโยนพิเศษ ไม่ทำให้แสบตา และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวและหนังศีรษะ
  • กลิ่นหอมสดชื่น: กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่จะช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกผ่อนคลายและสนุกกับการสระผม
  • ผมนุ่มลื่น สุขภาพดี: ช่วยให้ผมของลูกน้อยนุ่มลื่น จัดทรงง่าย ไม่พันกัน

วิธีการใช้ แชมพูเด็ก น่ารัก มายด์ 

  1. ชโลมแชมพูเด็ก น่ารัก มายด์ ในปริมาณที่พอเหมาะลงบนผมที่เปียกของลูกน้อย
  2. สระผม นวดเบาๆ ให้ทั่วศีรษะและเส้นผม
  3. ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

แชมพูเด็ก น่ารัก มายด์ สูตรอ่อนใส ผมนุ่มสลวย กลิ่นหอมติดผม

ผลิตภัณฑ์แชมพูเด็กที่อ่อนโยนต่อหนังศีรษะและเส้นผมของลูกน้อย ด้วยสูตรอ่อนใสที่ช่วยทำความสะอาดอย่างละมุน พร้อมกลิ่นหอมที่ติดผมยาวนาน ให้ลูกน้อยรู้สึกสดชื่นและสบายตัวตลอดวัน และต้องขอแสดงความยินดีกับ แชมพูเด็กน่ารัก มายด์ สูตรอ่อนใส ได้รับการการันตีคุณภาพด้วยรางวัล Editor’s Choice สาขา BEST BABY SHAMPOO จากงานประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2024 ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพและความอ่อนโยนของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากทีมงานกองบรรณาธิการ และคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญจากเว็บไซต์ Amarin Baby & Kids ค่ะ

แชมพูเด็กน่ารัก มายด์ ไม่เพียงแต่ช่วยทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะของลูกน้อยอย่างอ่อนโยน แต่ยังช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง สุขภาพดี และเงางาม ที่สำคัญยังช่วยให้ลูกน้อยมีความสุขกับการสระผม ด้วยกลิ่นหอมสดชื่นและฟองนุ่มละมุน ที่จะช่วยให้การสระผมเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของลูกน้อยค่ะ ดังนั้นการเลือกแชมพูสระผมที่เหมาะสมสำหรับลูกน้อยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง แชมพูเด็กน่ารัก มายด์ เป็นตัวเลือกที่อ่อนโยนและปลอดภัยสำหรับลูกน้อยวัยเยาว์ ด้วยสูตรที่อ่อนใสและปราศจากสารเคมีอันตราย คุณจึงมั่นใจได้ว่าหนังศีรษะและเส้นผมของลูกน้อยจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดค่ะ

แชมพูเด็ก NARAK มายด์ มีวางจำหน่ายสามารถหาซื้อได้ที่ร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศไทย หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คลิก https://narak-tiara.com/product/แชมพูเด็กน่ารัก-มายด์/ 

ลดหย่อนภาษี

ลูกได้ของดี พ่อแม่ได้ลดหย่อนภาษี กับ NexGen Commerce

event
ลดหย่อนภาษี
ลดหย่อนภาษี

📣ชวนช้อปของใช้ลูก >> ลูกได้ของดี พ่อแม่ได้ลดหย่อน!

🤱คุณพ่อ คุณแม่ คุณอา คุณน้า คุณลุง ท่านไหนกำลังมองหาสินค้าสำหรับเด็ก เพื่อนำไปบำรุงทั้งตัวคุณแม่เอง หรือคุณลูก หรือคุณหลาน ของท่าน อย่าพลาด ! โพสต์นี้จะมาบอกพิกัดสินค้าร้านไหน แบรนด์ไหนบ้าง ที่จะทำให้คุณลูกได้ของดี มีคุณภาพ แถมยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีในช่วงโครงการ Easy e-Receipt 2.0 ได้อีกด้วย

>> ช้อปได้ตั้งแต่วันนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2568

ลดหย่อนภาษี

📱ช้อปสะดวก รับใบเสร็จสบาย ใช้ลดหย่อนภาษีได้ ที่ Nex Gen !
ดาวน์โหลดได้แล้ว ทั้ง iOS และ Android
https://nexgencommerce.one.th/link/qrcode-app

#nexgencommerce #แพลตฟอร์มไทยส่งเสริมธุรกิจไทย #nexgen

keyboard_arrow_up