Page 18 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก

รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก “รสจืด” จัดเต็มสารอาหาร เพื่อวัยเรียนรู้

ต้องบอกว่าเป็นแม่ยุคนี้ มีตัวเลือกช่วยให้การเลี้ยงลูกง่ายขึ้นเยอะค่ะ โดยเฉพาะกับลูกที่อยู่ในวัยเรียน ตั้งแต่ 1 ขวบขึ้นไป ซึ่งถือเป็นช่วงวัยทองของการเรียนรู้ ทำให้คุณแม่ยิ่งต้องหาสารอาหารที่ดีและมีประโยชน์มาบำรุงร่างกาย และสมองของลูก ทีมแม่ ABK มีตัวช่วยเครื่องดื่มที่ถือเป็นอัศวินตลอดกาล ช่วยให้เด็ก ๆ เรียนไม่มีสะดุด พร้อมเล่นสนุกกับทุกกิจกรรม นั่นก็คือ นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก วันนี้เราจะมารีวิวกันว่ามียี่ห้อไหนบ้างที่ราคาสบายกระเป๋า ดื่มแล้วดีกับเด็กในวัยกำลังเรียนรู้ค่ะ

นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก คุณแม่ควรเลือกแบบไหนให้ลูกดื่ม

แนะนำว่าคุณแม่ควรเลือก นมกล่องUHTสำหรับเด็ก รสจืด เป็นนมกล่องแรก นอกจากนี้ให้ดูสารอาหารที่เติมลงไปในนมค่ะ อย่างเด็กที่อยู่ในวัยกำลังเรียนรู้ในช่วงวัย 1 ขวบขึ้นไป เพื่อให้ลูกได้สนุกเรียน สนุกเล่นอย่างเต็มที่ทั้งในห้องเรียน และนอกห้องเรียน ให้เน้นสารอาหารจำพวก โอเมก้า 369 , สฟิงโกไมอีลิน ,  วิตามินบี 12และ DHA  เป็นต้น สารอาหารกลุ่มนี้จะช่วยกระตุ้นส่งเสริมให้เด็ก ๆ มีสมองการเรียนรู้ จดจำได้อย่างแม่นยำ รวมถึงใยอาหารด้วยนะคะ ใยอาหารจะช่วยให้ระบบขับถ่ายมีสุขภาพดี

ทีมแม่ ABK ไปหาข้อมูลมาค่ะ ว่ามีใยอาหารที่เรียกว่า PDX (Polydextrose) พีดีเอ็กซ์  ซึ่งเป็นใยอาหารชนิดหนึ่งที่มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบทางเดินอาหารและการทำงานของแบคทีเรียดีในลำไส้ คุณแม่โน้ตไว้เลยค่ะว่า สุขภาพลำไส้ที่ดี ยิ่งช่วยให้ลูกมีสุขภาพดี

นมกล่องเด็ก UHT นมรสจืด ที่ควรมีติดบ้าน ติดตู้เย็นไว้ให้ลูกดื่มกันทุกวัน ทีมแม่ ABK เลือกมาให้ 6 ยี่ห้อ เหมาะกับลูกที่อยู่ในวัยเรียน อัดแน่นเต็มไปด้วยสารอาหารบำรุงร่างกาย และสมอง นั่นก็คือ Foremost Omega 369 , Dumex Dugro , Nestle Carnation , S-26 Omega+ , Bear Brand และ THAI-DENMARK

ถ้าคุณแม่พร้อมแล้ว เรามาเช็กสารอาหารใน นมกล่อง UHTสำหรับเด็ก รสจืด ไปด้วยกันค่ะ

นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก

นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก

สำหรับคุณแม่ ๆ ที่หลังไมค์มาขอคำแนะนำกับทีมแม่ ABK ช่วยชี้เป้านม UHT ให้หน่อย วันนี้จัดเต็มมาให้ 6 ยี่ห้อ ไม่แน่ใจว่าตัดสินใจล็อกเป้ากล่องไหนกันไว้บ้างคะ ถ้าถามทีมแม่ ABK นมกล่อง UHT ที่เลือกมาทุกยี่ห้อนี้ เด็ก ๆ ดื่มแล้วได้ประโยชน์ดีต่อร่างกายและสมองแน่นอนค่ะ แต่หากจะให้ช่วยเลือก ขอปักหมุดไปที่ Foremost Omega 369 คุณแม่บ้านไหนที่อยากได้สารอาหารสมองแบบจัดเต็ม มีสฟิงโกไมอีลิน และวิตามินบี 12 ที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาระบบประสาทและสมองถึง 40% รวมไปถึงสารอาหารที่หลากหลาย นม Foremost Omega 369 กล่องสีส้มนี้ตอบโจทย์ความต้องการของคุณแม่เลยค่ะ

นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก

นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก

นมกล่องUHT สำหรับเด็ก ทั้ง 6 ยี่ห้อนี้ นอกจากจะมีสารอาหารที่ดีต่อร่างกายและสมองของเด็ก ๆ อัดแน่นให้เต็มกล่อง ขอบอกว่าราคาก็ดีสบายกระเป๋าคุณแม่ด้วยนะคะ มาค่ะคุณแม่ มาเริ่มต้นทุกวันของลูกด้วยการเสริมให้ดื่มนมกล่อง UHT รสจืดแสนอร่อยกันนะคะ

คุณแม่เลือกนมที่เหมาะกับลูกวัยขวบ ช่วยกระตุ้นพัฒนาการการเจริญเติบโตให้สมวัย และมีพัฒนาการสมองการเรียนรู้ที่เต็มศักยภาพ ลูกจะเก่งเรียน สนุกเล่นทำได้ทุกกิจกรรมตลอด 365 วันค่ะ

 

ติดตามบทความแม่และเด็ก และสาระดีๆ ได้ที่

Facebook: AmarinBabyAndKids

โรงเรียนสาธิตพัฒนา กับหลักสูตรฟินแลนด์ มุ่งเน้นพัฒนาเด็กในช่วง 7 ปีแรก

โรงเรียนสาธิตพัฒนา

“Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success.” – Herman Cain

“ความสำเร็จไม่ใช่กุญแจสู่ความสุข แต่ความสุขคือกุญแจสู่ความสำเร็จ”

 

โลกกลายเป็น “สังคมความรู้” ความรู้ใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวันและเราสามารถรับความรู้ได้จากหลายช่องทางอย่างรวดเร็ว คนท่องเก่ง เรียนเก่ง จำเก่ง ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดอีกแล้ว แต่คนที่พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ คือคนที่สังคมโลกต้องการ ความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติ และเมื่อมันเกิดขึ้นเราจึงต้องปรับตัวเอง เปลี่ยนวิธีการคิด เพื่อให้การดำเนินชีวิตของเราสอดคล้องไปกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่ไม่ว่าโลกจะเข้าสู่ยุคสมัยใด โลกยังต้องการคนคิดดี พูดดี และทำดี เพราะความดีไม่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย… และนั่นคือวิสัยทัศน์ที่เกิดขึ้นจริงของที่นี่ School Visit “โรงเรียนสาธิตพัฒนา”

โรงเรียนสาธิตพัฒนา เชื่อว่าเด็กๆแต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความสามารถ ความสนใจ และรูปแบบการเรียนรู้เป็นของตัวเอง แนวทางการศึกษาที่เน้นวิชาการและการท่องจำเพียงอย่างเดียวไม่ได้เหมาะกับทุกคน และบ่อยครั้งก็ไม่ได้ดึงสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของเด็กๆออกมา จึงให้ความสำคัญกับการตระหนักรู้และดูแลความเป็นปัจเจกบุคคลของเด็กๆแต่ละคน ช่วยให้พวกเขาสามารถสำรวจความสนใจและพัฒนาทักษะของตนควบคู่ไปกับความรู้ทางวิชาการ และทางโรงเรียนก็พยายามหาแนวทางพัฒนาการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับโรงเรียนและเด็กๆอยู่เสมอ

บรรยากาศทางเข้าโรงเรียน

กิจกรรมกลางแจ้ง

กิจกรรม ปลูกและเกี่ยวข้าวของพี่ ป.4 ที่มีปีละครั้ง

 

หลักสูตรแกนกลางการศึกษา /HEI / CAMBRIDGE

ระดับชั้นอนุบาล

หลักสูตรประถมวัยจากประเทศฟินแลนด์รูปแบบ HEI Schools Teacher Toolkits ควบคู่กับหลักสูตรปัจจุบัน

มุ่งเน้นพัฒนาเด็กในช่วง 7 ปีแรก เป็นการศึกษาแบบองค์รวม เพื่อให้เด็กๆมีสุขภาพที่แข็งแรง ผ่านการเล่นและเคลื่อนไหว โภชนาการที่เหมาะสม สร้างลักษณะนิสัยแนวความคิดที่เป็นเชิงบวก ปลูกฝังให้เด็กรักที่จะเรียนรู้ตลอดชีวิต

เน้นภาษาต่างประเทศมากขึ้น แทรกภาษาอังกฤษเข้าไปในหลักสูตร เด็กๆ จะพัฒนาได้รอบด้าน รับ 2 ภาษาได้อย่างกลมกลืน

 

ระดับประถมศึกษา

เป็นการเรียนรู้แบบองค์รวมผสมผสาน ทางโรงเรียนได้พัฒนาหลักสูตรโดยใช้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ และ Cambridge Assessment International Education

จุดมุ่งหมายคือ เด็กทุกคนต้องได้รับโอกาสในการเรียนรู้ The Best of Both Worlds “ดึงสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งสองหลักสูตร มาผสมผสานให้ลงตัว”

เพื่อบูรณาการทักษะชีวิตและสมรรถนะในการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21

ชั้นเรียนรูปแบบ HEI

บรรยากาศห้องเรียนชั้นเรียนประถม

 

Self-Directed Learning เรียนรู้แบบนำ “ตัวเอง”

Self-Directed Learning คือ การเรียนรู้แบบนำตนเอง เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ผู้เรียน วางแผน ปฏิบัติ และประเมินผลความก้าวหน้าของการเรียนด้วยตนเอง มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าไม่ได้อยู่ในห้องเรียน ถือเป็นแนวคิดที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life-long learning) ซึ่งเหมาะสมอย่างมากสำหรับการเตรียมพร้อมสู่โลกอนาคต

และรู้จักที่จะนำความรู้ที่มีอยู่รอบตัวมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด

น้องอนุบาลและพี่ประถมกำลังนำตนเองทำกิจกรรม

 

Project-Based Learning

เป็นกิจกรรมบูรณาการความรู้ที่สำคัญ ส่งเสริมให้นักเรียนทำงานร่วมกับผู้อื่นและเรียนรู้จากการลงมือทำจนกว่าจะได้คำตอบในสิ่งที่นักเรียนอยากรู้ – โรงเรียนสาธิตพัฒนาใช้หลักสูตร STEAM (Science, Technology, English, Arts, Mathematics) การเรียนรู้ที่นักเรียนเป็นผู้ค้นคว้าและฝึกฝนโดยคุณครูเป็นผู้คอยให้ความช่วยเหลือ เด็กๆจะเรียนรู้ศักยภาพของตนเองและเป็นผู้นำตนเองในการเรียนรู้ (Self-Directed) หัวข้อที่ดีต้องเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงเพื่อเด็กๆจะได้รู้สึก อิน ในฐานะผู้ศึกษาและผู้แก้ปัญหา เด็กๆจะพัฒนาทักษะรอบด้าน ทั้งการสื่อสาร การทำงานเป็นกลุ่ม การวิเคราะห์ และการสังเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาจากรูปธรรมถึงนามธรรมให้กลายเป็นระบบความรู้ของตัวเองส่งเสริมให้เด็กๆคิดอย่างสร้างสรรค์ แก้ปัญหา คิดอย่างมีวิจารณญาณ และรับผิดชอบต่อความสำเร็จของกลุ่ม เหล่านี้เป็นทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21

School Activities ที่สุดแห่งความสร้างสรรค์

กิจกรรมเดี่ยวและกลุ่ม ช่วยให้เด็กๆเรียนรู้วิธีสื่อสารกับเพื่อนของตัวเอง โดยการเรียนรู้ร่วมกันเป็นกลุ่มนั้น เด็ก ๆ จะได้พัฒนาทักษะชีวิตที่สำคัญ เช่น สร้างความมั่นใจในตนเอง เรียนรู้ความเป็นผู้นำและผู้ตาม การเป็นผู้พูดและผู้ฟัง และแน่นอนพื้นที่ในการสร้างความคิดสร้างสรรค์ ได้เรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ฝึกวางแผน ตัดสินใจ ลงมือกระทำ และนำเสนอความคิดโดยผู้สอนเป็นผู้สนับสนุนอำนวยความสะดวก และเรียนรู้ร่วมกับเด็ก ช่วยส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีและทักษะการใช้ชีวิตประจำวัน สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม และการมีวินัย ให้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่

สาระการเรียนรู้รายวิชาต่างๆ คุณครูผู้สอนจะเป็นผู้คิด Concept โดยวิชาต่างๆไม่ใช่แค่การเรียนรู้และเปิดประสบการณ์ในชั้นเรียนเท่านั้น แต่จะเป็นทักษะที่เด็กๆนำไปต่อยอดใช้ในชีวิตประจำวันหรือในสถานการณ์ต่างๆได้

ตัวอย่าง ของตัวอย่างกิจกรรม ได้แก่

ชั้นปฐมวัย (อนุบาล)

รูปแบบการเรียนภาษาอังกฤษผ่านกิจกรรม Fun Arts, Fun Story, Conversations, Phonics – เพื่อสร้างทัศนคติที่ดีต่อการเรียนในอนาคต ไม่เร่งเรียนตั้งแต่เล็ก

วิชาว่าด้วยการต่อเลโก้ (Brics) ช่วยพัฒนาเรื่องสังคม สะท้อนการแก้ไขปัญหา

ดนตรี ORFF – ไม่เน้นการร้อง แต่ส่งเสริมพัฒนาการผ่านการบูรณาการวิชาต่างๆเข้าไป

 

ชั้นประถมศึกษา

Plearn Day กิจกรรม 1 วันที่เด็กๆจะได้เรียนรู้ทุกอย่าง ทุกศาสตร์ ทุก Concept ในหน่วยการเรียน

ตลาดนัดวิชา หรือ Job Fair – เป็นการเรียนเชิงทักษะ ไม่ใช่วิชาการ

พี่ๆชั้นประถมได้ร่วมทำ workshop กับผู้ปกครองและบุคคลภายนอก จำนวน 32 อาชีพ เพื่อสร้างประสบการณ์ รู้จักอาชีพต่างๆ สร้างแรงบันดาลใจ

วิชาเลือกเสรีที่หลากหลายในแต่สาระ – ในแต่ละวิชามีการแตกแขนงเป็นวิชาย่อยๆลงไปอีก เด็กๆสามารถเลือกเรียนได้ตามที่สนใจจริงๆ

s swim – เป็นการเรียนว่ายน้ำเพื่อทักษะในการเอาตัวรอดหรือเพื่อช่วยเหลือ

ผลงานศิลปะของเด็กๆ

การเล่านิทานในชั้นเรียนภาษาอังกฤษ

เพ้นท์หน้ารูปสัตว์ในกิจกรรม Plearn Day ที่จะเป็นการสรุปหน่วยการเรียนรู้เรื่องสัตว์ประจำเดือนพฤศจิกายน

 

After Learning Feedback + 3-Way Conference

หัวใจสำคัญของแนวทางการศึกษาของสาธิตพัฒนา คือ ความสำคัญของความคิดเห็นของเด็กๆ

เพราะหากไม่มีเด็กๆ สถานศึกษาก็จะไม่เกิดขึ้น และเสียงของเด็กๆสำคัญ เด็กๆสามารถ “ติชม” สิ่งที่เด็กๆเรียนรู้ได้ว่า ชอบ หรือ ไม่ชอบ อย่างไร และเด็กๆ สามารถเสนอหัวข้อที่อยากเรียนได้ ที่นี่ความสัมพันธ์บ้านและโรงเรียนฉีกทุกกฎ เมื่อเด็กๆได้รับโอกาสมาร่วมประชุมและเป็นผู้นำในการประชุม เพราะเสียงของเด็กๆมีความสำคัญที่สุด (ศูนย์กลางที่แท้จริงของการประชุม)

เด็กๆเป็นผู้นำประชุม ครู – ผู้ปกครอง หรือที่เรียกว่า 3-Way-Conference เป็นการนำเสนอผลงานที่เด็กภูมิใจด้วยตัวเอง เผยมุมมองและแบ่งปันประสบการณ์ในมิติที่แตกต่างกันออกไปให้ผู้ปกครองและคุณครูเห็น สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการของเด็กๆได้อย่างชัดเจน

 

ระบบบ้านช่วยสร้างลักษณะอันพึงประสงค์

นอกจากกิจกรรมและทักษะทางด้านวิชาการ House System เป็นระบบบ้านที่ใช้เพื่อสร้างลักษณะอันพึงประสงค์ให้แก่เด็กๆ

เพื่อสนับสนุนความสามัคคีพี่น้อง เป็นการปลูกฝัง เห็นคุณค่าในการทำความดี เห็นคุณค่าในตัวเอง

สร้างทัศนคติที่ดีต่อการแข่งขันทำกิจกรรมต่างๆ และกระตุ้นให้เด็กๆทุกคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียน

กิจกรรมแบบเดี่ยวและแบบทีม

กิจกรรมด้านดนตรี กีฬา การแข่งขันทางวิชาการ

กิจกรรมจิตอาสาทำความดี

ทุกวันศุกร์ คุณครูช่วยสนับสนุนให้เด็กๆในแต่ละบ้านรวมตัวกันประชุม สะท้อนค่านิยมและกิจกรรมบ้าน 4 หลัง ได้แก่ บ้านพสุธา บ้านธารา บ้านอรุณา บ้านพฤกษา คละนักเรียนทุกระดับชั้น

น้องๆชั้นอนุบาลแต่ละห้องจะมีกิจกรรมรักษ์โลก “อิ่มพอดี” ห้องไหนทานอาหารเหลือน้อยที่สุด (ชั่งน้ำหนักเศษอาหาร รวมกิโลกรัมต่อเดือน) ห้องนั้นจะได้รับรางวัล เป็นการสร้างคุณลักษณะที่ดีอย่างสร้างสรรค์

 

คุณภาพของบุคลากร

คณาจารย์ที่โรงเรียนสาธิตพัฒนาไม่เพียงแต่เป็นนักการศึกษาเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ปรึกษาที่ทุ่มเทในการสนับสนุนและชี้แนะเด็กๆทั้งทางด้านบุคคล อารมณ์ และสังคม คุณครูของเรามีความกระตือรือร้นในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เด็กๆทุกคนมีตัวตนและมีคุณค่า

คุณครูมีความมุ่งมั่นที่จะทำความเข้าใจเอกลักษณ์ของเด็กๆแต่ละคน และทำงานร่วมกับพวกเขาเพื่อช่วยให้พวกเขาบรรลุศักยภาพสูงสุด คณาจารย์ของสาธิตพัฒนาเปิดรับความคิดเห็นของเด็กๆและแสวงหาวิธีปรับปรุงวิธีการสอนและในชั้นเรียนอย่างต่อเนื่อง

 

คุณครูระดับอนุบาลและระดับประถม

นักจิตวิทยา

นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังเข้าใจถึงความสำคัญของความเป็นอยู่ที่ดีทางจิตและความฉลาดทางอารมณ์ในการพัฒนาโดยรวมของเด็กๆ นักจิตวิทยาเป็นผู้ ซัพพอร์ทคุณครูประจำชั้นให้คำปรึกษาที่ครอบคลุม ช่วยให้คุณครูส่งเสริมศักยภาพของเด็กๆได้ตามพัฒนาการของแต่ละคน ส่งเสริมสุขภาพจิตเชิงบวกและความเป็นอยู่ที่ดีทางอารมณ์

การเรียนไม่จำเป็นต้องนั่งเรียนที่โต๊ะเรียนเสมอไป

ห้องสมุดของเด็กเล็ก

ดร.กาญจน์วรินทร์ ผลอนันต์ – ผู้อำนวยการโรงเรียน

 

 

Mommy Love this

  1. มี Freeplay ทุกวัน สำหรับเด็กเล็ก และ วิชาเลือกเสรีสำหรับพี่ๆชั้นประถม
  2. บรรยากาศที่ใช่ คือ บรรยากาศที่ส่งเสริมความอยากมาโรงเรียน เพราะสนุก!
  3. เวทีให้เด็กๆแสดงความภาคภูมิใจ ใน 3-Way-Conference เด็กๆคือผู้นำในการประชุม ครูและผู้ปกครอง
  4. เด็กๆ ได้รับการสนับสนุนให้แสดงความคิดเห็นว่า ชอบเรียน หรือ ไม่ชอบเรียนอะไร โรงเรียนจะนำ Feedback มาพัฒนาปรับปรุงต่อไป
  5. ลูกๆสามารถ Feedback ความรู้สึก ทั้งต่อการเรียน กิจกรรม และคุณครูได้ ว่าชอบอย่างไร ไม่ชอบยังไง

โรงเรียนสาธิตพัฒนาไม่ได้วัดจากความสำเร็จทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังวัดจากการเติบโตและความสามารถส่วนบุคคลของเด็กๆด้วย

 

อัตราค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ปีการศึกษา 2567

เตรียมอนุบาล – อนุบาล3

รวมจำนวนเงินที่ต้องชำระต่อภาคเรียน 85,000 บาท

ประถมศึกษาปีที่ 1-6

รวมจำนวนเงินที่ต้องชำระต่อภาคเรียน 90,000-102,500 บาท

 

ที่อยู่

เลขที่ 380 ถนนปัญญาอินทรา แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร 10510.

โทรศัพท์ 06-2603-9555, 0-2915-5390-2

เว็บไซต์ : https://www.satitpattana.ac.th

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ธนายุต วิลาทัน, วีรวัฒน์ สอนเรียง

 

โรงเรียนเปรมฤทัย ลำลูกกา กับหลักสูตรแบบบูรณาการ เพื่อการเรียนรู้ที่สนุกและมีสาระในเวลาเดียวกัน

วันนี้ School Visit จะชวนทุกคนมาเยี่ยมชมหลักสูตรแบบบูรณาการ เพื่อการเรียนรู้ที่ทั้งสนุกและมีสาระในเวลาเดียวกันของ โรงเรียนเปรมฤทัย ลำลูกกา

โรงเรียนเปรมฤทัย ลำลูกกา ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 โดยเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาลจนถึงประถมศึกษา ความสำเร็จจากการก่อตั้งโรงเรียนสาขาแรก โรงเรียนเปรมฤทัย ประตูน้ำพระอินทร์ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำให้โรงเรียนมีความพร้อมและมีความเชี่ยวชาญในทุกๆด้าน การเรียนของที่นี่เน้นสร้างความสุขให้กับเด็กๆ เรียนรู้ควบคู่กันไปเพื่อพัฒนา อารมณ์ สังคม จริยธรรมและวิชาการ ผ่านกิจกรรมที่สนุกสนาน หลักสูตรและกิจกรรมจะมีอะไรบ้าง ตามไปดูกันค่ะ

ทางเข้าหน้าโรงเรียน

โซนเอาต์ดอร์ของโรงเรียนมีทั้งสนามหญ้าและสนามเด็กเล่น

 

ชั้นเตรียมอนุบาล – Learn To Play

เพราะเด็กเล็กอายุ 2-3 ปี นั้นต้องการการเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ ที่โรงเรียนจึงมี “ห้อง Prepare” ซึ่งเป็นห้องสำหรับเด็กเล็กที่เข้ามาเรียนใหม่ เพื่อให้เด็กปรับตัว โดยมีคุณครูคอยดูแลพูดคุยและชวนเล่น เพื่อให้เด็กๆคุ้นชินและปรับตัวก่อนเข้าเรียน สำหรับชั้นเตรียมอนุบาล เน้นเรียนผ่านการเล่น และเสริมสร้างพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน หัดให้เด็กๆได้ช่วยเหลือตนเอง ฝึกกล้ามเนื้อต่างๆ และเข้าสังคม เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ดีและสะอาด เด็กชั้นเตรียมอนุบาลที่นี่จะได้เรียนภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติสัปดาห์ละครั้ง เพื่อฝึกให้คุ้นเคยกับชาวต่างชาติด้วย เพื่อปูพื้นฐานไปยังชั้นอนุบาลและประถม โดยแต่ละห้องจะมีนักเรียนเพียง 25 คน ต่อครู 2-3 ท่าน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ครูสามารถดูแลเด็กๆได้ทั่วถึง

เด็กเตรียมอนุบาลจะมีการจัดกลุ่มเล่นเอาต์ดอร์และอินเดอร์ ประมาณ 10 นาที โดยกิจกรรมจะสลับหมุนเวียนไปในแต่ละสัปดาห์ เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อต่างๆ

 

บรรยากาศการเรียนและกิจกรรมต่างๆของเด็กๆ

เด็กๆชั้นเตรียมอนุบาลได้เรียนกับครูต่างชาติเพื่อสร้างความคุ้นเคย และปูพื้นฐานในการฟัง

 

ชั้นอนุบาล – Learning by doing

สำหรับเด็กอนุบาลจะจัดการเรียนรู้ผ่านการเล่นอย่างมีความสุข เพื่อมุ่งพัฒนาเด็กให้มีพัฒนาการครบทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์ จิตใจ สังคมและด้านสติปัญญา โดยจัดกิจกรรมบูรณาการผ่านการเล่นและการลงมือปฏิบัติเด็กๆทุกคนจะได้ลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเอง เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง และทุกๆภาคเรียนจะเสริมการเรียนการสอนแบบโครงการ (Project Approach)” สำหรับเด็กอนุบาลด้วย โดยให้เด็กๆเลือกหัวข้อที่ตนเองสนใจและหาข้อมูลมาสรุปและจัดนิทรรศการ เด็กนักเรียนทุกคนจะนำเสนอให้เพื่อนๆ คุณครูและผู้ปกครองฟังในวันจัดนิทรรศการ เพื่อฝึกทักษะการคิดและแก้ปัญหาและการทำงานร่วมกับผู้อื่น นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังเสริมการเรียนรู้ Coding แบบง่ายๆเพื่อพัฒนาการทำงานเป็นระบบให้กับเด็กๆอีกด้วย

สำหรับเด็กอนุบาล -ประถม 6 จะมีคลาสเรียนว่ายน้ำ โดยเรียนสัปดาห์ละครั้ง

กิจกรรมอธิฐาน เป็นกิจกรรมที่ใช้แก้วน้ำเป็นสื่อในการทำสมาธิ เด็กจะเดินถือน้ำที่ปริ่มแก้ว เพื่อฝึกสมาธิ เดินอย่างไรไม่ให้น้ำหก และส่งต่อให้เพื่อนๆอย่างระมัดระวัง

เด็กอนุบาลเรียนรู้เรื่องอารมณ์ของตนเอง วันนี้มีอารมณ์อย่างไร

วิชาคณิตศาสตร์ที่แสนสนุก

 

ชั้นประถมศึกษา

การเรียนรู้ของเด็กชั้นประถมยังคงสนุกเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมสาระและเนื้อหาที่จำเป็นกับเด็กๆ และให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษมาก เพราะเป็นประตูใหญ่สู่อนาคต โดยนักเรียน หลักสูตร IEP ( Intensive English Program ) เรียนภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติ 16 ครั้งต่อเดือน และ หลักสูตร GEP ( Gifted English Program ) เรียนภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติ 20 ครั้งต่อเดือน ทำโอกาสให้เด็กใช้ภาษาอังกฤษอยู่เสมอ สำหรับเด็กประถม 6 ที่กำลังเตรียมตัวไปศึกษาต่อชั้นมัธยม ที่โรงเรียนจะจัดกรุ๊ปติวและแนะแนวข้อสอบสำหรับเด็ก ลดกิจกรรมให้น้อยลง เน้นเรียนมากขึ้น เพื่อเสริมทักษะด้านต่างๆ เป็นการเตรียมพร้อมให้กับเด็กๆ

วิชาศิลปะของเด็กประถม ฝึกให้เด็กใช้จินตนาการอย่างเต็มที่

 

STEAM Education

สำหรับเด็กชั้นประถม จะได้เรียน STEAM Education ซึ่งเป็นรูปแบบการจัดการศึกษาที่บูรณาการกลุ่มสาระ และทักษะกระบวนการของทั้ง 5 สาระอันได้แก่ วิทยาศาสตร์ ,เทคโนโลยี, วิศวกรรมศาสตร์ ศิลปะและคณิตศาสตร์ โดยนําลักษณะ

ธรรมชาติของแต่ละสาระวิชาและกระบวนการจัดการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ เสริมทักษะการคิดและแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ และเสริมทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ การคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล เด็กๆจะได้นําความรู้มาประยุกต์ใช้ และหัดแก้ปัญหาแล้ววิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ

ออกแบบและทดลอง สร้างเรือน้อยด้วยดินน้ำมันแล้วทยอยใส่ลูกแก้ว ใช้การคิดคำนวณ การกระจายน้ำหนักของลูกแก้ว ว่าใส่อย่างไรไม่ให้เรือจมน้ำ

 

เรียนสนุกกับผู้เชี่ยวชาญที่รู้จริง

ที่โรงเรียน เปรมฤทัย ลำลูกกา ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญที่รู้จริงหลากหลายขแนง ไม่ว่าจะเป็นทีมครูสอนภาษาอังกฤษกับครูชาวต่างชาติ จาก Fun language ที่ควบคุมมาตรฐานและพัฒนาการสอนสามารถวัดผลได้โดยการสอบ Cambridge Young Learners English Tests (CYLE) ทีมสอนคอมพิวเตอร์และภาษาจีนจาก True Click Life เรียนคอมพิวเตอร์ (1 คน ต่อ 1 เครื่อง) มีโปรแกรมที่ทันสมัย ใช้สื่อการสอนมัลติมีเดียที่กระตุ้นการเรียนรู้ของผู้เรียน พัฒนาระบบการเรียนการสอนยุคใหม่แบบครบวงจร เรียนวิชาวิทยาศาสตร์และทดลองแบบสนุกๆกับสถาบัน Mad Science สนุกกับการเรียนวิทยาศาสตร์ ด้วยการลงมือทดลองจริง อุปกรณ์จริง กับครูผู้มีประสบการณ์การสอนวิทยาศาสตร์โดยตรง

ซึ่งบุคลากรเหล่านี้คือผู้เชี่ยวชาญ ที่มีแนวทางการสอนที่ทันสมัยและมีการพัฒนาอยู่เสมอ

 

การนำไฟฟ้าของแต่ละวัสดุ คลาสเรียนวิทยาศาสตร์ของเด็กประถม สอนโดยทีม Mad Science

 

ความปลอดภัยสูง ผู้ปกครองไร้กังวล

แนวอาคารเรียนเป็นรูปทรงตัวแอล ทำให้ทุกพื้นที่อยู่ในสายตาของคุณครู ไม่มีซอกหลืบที่ดูอันตราย มีสนามหญ้าส่วนกลาง เวลาเกินเหตุฉุกเฉินสามารถรวมพลที่สนามหญ้าได้ ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่นอกโรงเรียน บุคลากรช่วยดูแลทุกจุดของโรงเรียน และมีกล้องวงจรปิดรอบโรงเรียน ส่วนห้องเรียนออกแบบให้มีกระจกใสบานใหญ่ สามารถมองเห็นกันได้และยังส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้เรื่องความปลอดภัยของตนเองอยู่เสมอ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของความปลอดภัย

บรรยากาศโรงอาหาร แสนสะอาด

 

Project Approach Exhibition Days ผู้ปกครองได้มาเข้าชม เพื่อได้เห็นพัฒนาการของเด็กที่แตกต่างกัน

นายรัชเดช เปรม์ฤทัย​ ผู้บริหาร , นางสาวศุภรดา เปรม์ฤทัย​ ผู้บริหาร ,นายวดิษ ดิษยะวงษ์วราง​ รองผู้จัดการ ,นางสาวปุริมปรัชญ​ ไพบูลย์​สุข​ รองผู้อำนวยการ ​

 

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

1.ที่โรงเรียนมีโครงการ Pre ป1 เป็นโครงการที่ทำขึ้นเพื่อช่วยปรับนักเรียนชั้นอนุบาล 3 เทอม 2 เสริมให้เด็กค่อยๆเรียนรู้ เพื่อเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป เปิดใจยอมรับ ช่วยทำให้นักเรียนที่ขึ้นชั้นประถม 1 มีความพร้อมมากขึ้น

2.ที่นี่กฎระเบียบสามารถยืดหยุ่นได้ เพราะโรงเรียนฟังเสียงผู้ปกครองและฟังเสียงเด็กว่าต้องการอะไร ทำให้เด็กและผู้ปกครองมีส่วนร่วมออกความเห็นต่างๆ

3.ทุกๆวันศุกร์ ที่โรงเรียนจะจัด Happy Friday วันใส่ชุดไปรเวท เด็กๆจะได้ใส่ชุดที่ชอบมาโรงเรียน หรือบางสัปดาห์ หากเด็กคนไหนอยากโชว์ความาสามารถก็สามารถมาโชว์ได้ ช่วยให้เด็กรู้สึกสนุกและมีความสุข ในช่วงท้ายสัปดาห์ที่เด็กๆมักจะเหนื่อยล้าจากการเรียน

4.เด็กที่โรงเรียนเปรมฤทัย ลำลูกกา ยิ้มง่ายไหว้สวยและ มีสัมมาคารวะ มีกาลเทศะ อยู่ถูกที่ถูกเวลา เพราะที่โรงเรียน มีการอบรมหน้าเสาธงและมีชั่วโมงโฮมรูมที่เน้นย้ำเรื่องกาลเทศะอยู่เสมอ

 

อัตราค่าเล่าเรียนปี 2567

ชั้นเตรียมอนุบาล

เดือนละ 6,000 บาท ( สมัครเรียนได้ตลอดทั้งปี )

ชั้นอนุบาล

Standard 27,000บาท

IEP 32,500 บาท

ชั้นประถมศึกษา

IEP 27,500บาท

GEP 32,500 บาท

โรงเรียนเปรมฤทัย สาขาลำลูกกา

ที่อยู่ 81 ม.51 ตำบลบึงคำพร้อย อำเภอลำลูกกา

จังหวัดปทุมธานี

โทรศัพท์ 02-987-8844

เว็บไซต์ https://www.premruethai.ac.th/https://www.premruethai.ac.th/

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ : ธนายุต วิลาทัน

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา สร้างโดยครูอนุบาล ให้เด็กๆ เรียนรู้ผ่านการเล่นอย่างมีความสุข ด้วยความรู้จักและเข้าใจเด็กปฐมวัยอย่างแท้จริง

เมื่อถึงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องส่งลูกเข้า โรงเรียนอนุบาล สักแห่ง สิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืมคือ ลูกยังคงเป็นเด็กที่ต้องมีพัฒนาการไปตามวัย ดังนั้น การพัฒนาด้านร่างกาย จิตใจ และความรู้ ควรควบคู่ไปด้วยกันอย่างกลมกลืน และค่อยเป็นค่อยไป

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา เป็นโรงเรียนเปิดใหม่ ก่อตั้งขึ้นในปี 2564 โดยครูหมู- ภานุเดช  เรืองกลิ่น และครูวา -ศรีเรือน  เรืองกลิ่น บนพื้นที่ส่วนตัวของทั้งสอง บริหารโดยครูปุ๋ม -สุดธิดา ศรีเพ็ญ ซึ่งทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นครูอนุบาลที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปี จึงรู้จัก และเข้าใจความต้องการของเด็กๆ ที่สามารถเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับการสร้างประสบการณ์ที่ดี และมีทัศนคติที่ดีต่อโรงเรียนด้วย

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
บรรยากาศการเข้าแถวหน้าเสาธงของเด็กๆ

โรงเรียนอนุบาล ใกล้บ้าน อบอุ่นเหมือนบ้านหลังที่สอง

โรงเรียนอนุบาลศรีวิภา ตั้งอยู่บนพื้นที่ตำบลไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี มีตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาล ไปจนถึงอนุบาล 3 จากแนวคิดที่ทางทีมผู้บริหารได้บอกกับกองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ว่า อยากให้เด็กๆ ที่มาเรียนที่นี่ จดจำความสุขที่ได้มาโรงเรียน เหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง ได้ใช้เวลากับคุณครูใจดี และเพื่อนๆ ที่น่ารัก เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตอย่างมั่นใจในอนาคต

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
อาคารภายนอก และระเบียงกว้าง ที่ใช้ทำกิจกรรม

 

ตัวโรงเรียนเป็นอาคารชั้นเดียวกว้างๆ แบ่งเป็นห้องเรียนแต่ละห้อง มีระเบียงที่กว้างพอจะทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเข้าแถวเคารพธรงชาติ หรือกิจกรรมอื่นๆ ด้านนอกอาคารมีเครื่องเล่นที่ทำด้วยมือ ให้เด็กๆ ปล่อยพลัง อาทิเช่น ตาข่ายสำหรับปีนป่าย และชิงช้าที่ทำจากยางรถยนต์ ฝั่งนอกรั้วโรงเรียนเป็นท้องนา ซึ่งคุณครูเล่าว่าเมื่อถึงเวลาทำนา จะพาเด็กๆ ไปสำรวจการดำนาของชาวนาจริงๆ อีกด้วย

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
ภายในห้องเรียนมีเครื่องปรับอากาศ ห้องน้ำในตัว และกล้องวงจรปิดทุกห้อง เพื่อความปลอดภัย และสะดวกสบายของเด็กๆ ตกแต่งด้วยผลงานที่เด็กๆ ภูมิใจ

ภายในห้องเรียนแต่ละห้องนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายความสุขของเด็กๆ ที่ได้ทำกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการเล่น มีของทำจากฝีมือนักเรียนโชว์เป็นผลงานเรียงราย สัมผัสได้ถึงความรักและเอาใจใส่ในวิธีสร้างกระบวนการเรียนรู้ของคุณครูอีกด้วย

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
บรรยากาศการเรียนการสอน โดยมีคุณครูห้องละ 2 คน และนักเรียนห้องละไม่เกิน 25 คน

 

คุณภาพชีวิตครูที่ดี ส่งต่อไปยังเด็กที่มีความสุข

จากประสบการณ์การเป็นครูอนุบาลของผู้ก่อตั้ง และผู้บริหาร จึงเข้าใจคุณครูอย่างถ่องแท้ด้วยว่า สิ่งไหนที่ทำให้คุณครูสื่อสารอย่างเข้าใจเด็ก ยืดหยุ่นกับความต้องการ และสิ่งใดที่จะทำให้ครูมีความสุขกับการมาทำงาน การจำกัดเวลาการทำงาน เพื่อให้คุณครูได้ใช้ชีวิตส่วนตัวด้วย เมื่อคุณครูมีความสุข ก็จะส่งต่อความสุขไปยังเด็กๆ ผ่านการดูแลเอาใจใส่ และการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
การเรียนรู้ของเด็กๆ ไม่ได้ถูกจำกัดอิสระ เน้นการมีส่วนร่วม และความเข้าใจ

 

ออกแบบการเรียนการสอน ด้วยความเข้าใจในพัฒนาการเด็ก

ครูปุ๋ม อดีตคุณครูอนุบาลผู้มีความรู้เรื่องการศึกษาปฐมวัยโดยเฉพาะ ออกแบบการเรียนการสอน ทำหลักสูตรที่สอดคล้องกับพัฒนาการเด็ก โดยมีแนวคิดเน้นการเรียนอย่างมีความสุขและเป็นไปอย่างธรรมชาติ พร้อมๆ กับการทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง เกี่ยวกับพัฒนาการของลูกในแต่ละช่วงวัยทั้งด้านอารมณ์ จิตใจ สติปัญญา และการเข้าสังคม เพื่อให้เข้าใจในแนวทางของโรงเรียน และการทำโครงการเพื่อการเรียนรู้ของเด็กๆ ร่วมกันในอนาคต

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
โครงการของโรงเรียน สอนให้พี่อนุบาล 3 ทุกรุ่น รู้จักการแยกขยะ จัดการกับขยะรีไซเคิลอย่างเป็นระบบ และเกิดประโยชน์สูงสุด

 

Project Approach ร่วมกับ Less Waste แนวทางของการเรียนรู้ในโรงเรียน

การทำโครงการเพื่อให้เด็กๆ เรียนรู้ด้วยการลงมือทำ พร้อมไปกับการช่วยเหลือของผู้ปกครอง โดยทางโรงเรียนจะเป็นผู้ประสานกับผู้ปกครองให้เข้าใจถึงหน้าที่ที่ต้องช่วยเหลือนักเรียนในแต่ละขั้นตอน ซึ่งสิ่งที่ทางโรงเรียนเน้นเป็นอย่างยิ่งคือ การปลูกฝังนักเรียนภายใต้แนวคิด Less Waste นำวัสดุเหลือใช้ เช่น กระดาษ ถังน้ำ หรือลังไข่ มาเป็นส่วนหนึ่งในการทำโปรเจค เพื่อลดขยะที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงโครงการของโรงเรียน ที่ให้ชั้นอนุบาล 3 ทุกคนรวบรวมกล่องนม และถุงใส่นมโรงเรียน เป็นการฝึกให้เด็กๆ แยกขยะ จัดการขยะที่สามารถนำเอาไปรีไซเคิลได้ ถุงนมโรงเรียนส่งต่อโครงการ Green Road ส่วนกล่องนม ส่งต่อโครงการหลังคาเขียวเพื่อนำไปแปรรูปเป็นหลังคาสำหรับมอบให้ผู้ยากไร้ต่อไป โดยคุณครูจะพาเด็กๆ ไปส่งไปรษณีย์ด้วยตนเอง ซึ่งทำให้การปฏิสัมพันธ์กับชุมชนไปในตัว

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
พี่ๆ อนุบาล 3 มาช่วยคุณครูจัดโต๊ะ รับประทานอาหารกลางวันให้กับเพื่อนๆ และน้องๆ

 

Mommy Love This! ถูกใจแม่

  1. คุณครูดูแลเด็กอย่างเข้าใจและทั่วถึง
    สังเกตได้จากการไปเยี่ยมชมจะพบว่า คุณครูไม่ได้ใช้เสียงดังเพื่อสอนนักเรียน ไม่ว่าจะในห้องเรียน หรือนอกห้องเรียน และสามารถเข้าไปตักเตือน แนะนำอย่างใกล้ชิดด้วยความอ่อนโยน เมื่อนักเรียนต้องการความช่วยเหลือ ทางโรงเรียนจัดให้มีคุณครู 2 คนต่อ 1 ห้องเรียน นักเรียนห้องละไม่เกิน 25 คน เพื่อการดูแลอย่างทั่วถึงและใกล้ชิด
  2. ห้องเรียนสะอาด เป็นสัดส่วน มีห้องน้ำ และกล้องวงจรปิด เพื่อความปลอดภัย
    การคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กคือสิ่งสำคัญอันดับแรกๆ ที่ทีมผู้บริหารคำนึงถึง ห้องเรียนทุกห้องจะมีห้องน้ำในตัว เพื่อความสะดวกสบาย รวมถึงคุณครูเองก็สามารถดูแลความปลอดภัยได้อย่างเต็มที นอกจากนี้ยังมีกล้องวงจรปิดทุกห้อง เพื่อให้ผู้ปกครองมั่นใจขึ้นอีกระดับ
  3. ปลูกฝังให้เด็กๆ มีน้ำใจ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันในสังคม
    เมื่อใกล้ถึงช่วงเวลาทานอาหารกลางวัน พี่ๆ อนุบาล 3 จะออกมาช่วยคุณครูจัดโต๊ะและเก้าอี้ให้น้องๆ เป็นภาพที่แม่ไข่มุกประทับใจมาก แสดงถึงการปลูกฝังให้เด็กมีน้ำใจ เด็กๆ อนุบาล 3 จะเป็นเสมือนพี่คนโตที่ช่วยดูแลน้องๆ ในโรงเรียน ซึ่งบางครั้งคุณครูก็จัดให้นักเรียนทุกชั้นมาทำกิจกรรมร่วมกัน คละกันไปในแต่ละชั้นปี เพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างเด็กๆ ในโรงเรียน
  4. เรียนรู้ผ่านการเล่น เน้นความสุขของเด็กๆ
    ความเข้าใจในหัวใจของเด็กอย่างแท้จริงจากคุณครู และผู้บริหาร สะท้อนออกมาผ่านผลงานศิลปะ และความกระตือรือล้นของเด็กๆ การเรียนรู้ผ่านการเล่น โดยที่ไม่ฝืนตัวตนของเด็ก ทำให้เกิดกระบวนการรับความรู้ที่เป็นไปอย่างธรรมชาติ มีความสุข เหมาะสมตามวัย

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
บรรยากาศการเรียนการสอน
โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
ผ้าม่านฝีมือเด็กๆ ที่คุณครูเอามาใช้จริงในห้องธุรการ

 

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
ผลงานศิลปะของเด็กๆ จากโปรเจคสร้างสรรค์ เน้นให้เด็กๆ เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ คุณครูติดโชว์ผลงานไว้ในห้องตลอดเทอม
โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
ครูหมู -ภานุเดช  เรืองกลิ่น และครูวา- ศรีเรือน  เรืองกลิ่น ผู้ก่อตั้งโรงเรียนอนุบาลศรีวิภา บนพื้นที่ส่วนตัว เพื่อให้เป็นพื้นที่การเรียนรู้สำหรับเด็กๆ ปฐมวัย
โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
ครูปุ๋ม -สุดธิดา ศรีเพ็ญ ผู้อำนวยการโรงเรียน ดูแลบริหารแนวทางทั้งหมดของโรงเรียน รวมถึงดูแลคุณครูด้วย

 

ค่าเล่าเรียน

เตรียมอนุบาล 2 ขวบขึ้นไป เดือนละ 3,500 บาท

อนุบาล 1 เทอม 1 ราคา 12,960 บาท / เทอม 2 ราคา 11,260 บาท

อนุบาล 2 เทอม 1 ราคา 12,960 บาท / เทอม 2 ราคา 11,260 บาท

อนุบาล 3 เทอม 1 ราคา 12,960 บาท / เทอม 2 ราคา 11,260 บาท

*บุตรข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ เบิกได้เทอมละ 2,756.75 บาท

ค่าแรกเข้า 2,000 บาท

ค่าอุปกรณ์แรกเข้า 1,000 บาท (ที่นอน, กระเป๋า, ผ้ากันเปื้อน)

 

ที่อยู่

42/13 ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ตำบลไทรน้อย อำเภอไทยน้อย จังหวัดนนทบุรี 11150

โทร. 085-484-9696, 081-197-9975

Facebook: โรงเรียนอนุบาลศรีวิภา

 

เรื่อง: แม่ไข่มุก

ภาพ: ฤทธิรงค์ จันทองสุข


อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก

โรงเรียนวรรณสว่างจิต

โรงเรียนวรรณสว่างจิต  กับการเรียนรู้แบบบูรณาการที่เปิดโอกาสให้เด็กได้ลงมือทำอย่างแท้จริง

โรงเรียนวรรณสว่างจิต “สังคมแห่งการเรียนรู้อย่างมีความสุข” คือประโยคแนวคิดหลักที่สะท้อนอยู่ทุกตารางเมตรในโรงเรียนแห่งนี้

โรงเรียนวรรณสว่างจิต คือโรงเรียนทางเลือกอันดับต้นๆ ที่ School Visit อยากพามาทำความรู้จัก ด้วยประวัติการเริ่มต้นยาวนานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 รวมถึงหลักสูตรผสมผสานที่เลือกใช้แก่นดีๆ จากหลายๆ แนวทาง และการเรียนรู้แบบบูรณาการผ่านโครงการ (Project Approach) ที่เปิดโอกาสให้เด็กได้ลงมือทำด้วยตัวเองทั้งกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ

โรงเรียนวรรณสว่างจิต เริ่มก่อตั้งโดย คุณยายเฉลิม จิตกล้า ในช่วงแรกมีเฉพาะแผนกอนุบาล และใช้การเรียนการสอนแบบเตรียมความพร้อมผ่านกิจกรรม ไม่เร่งเขียนอ่านมาตั้งแต่ตอนนั้น ปัจจุบันเปิดทั้งหมด 3 ระดับชั้น คือ บ้านเด็กเล็ก เรือนอนุบาล และลานประถม บนพื้นที่กว้างขวางกว่า 10 ไร่ ริมถนนพระราม 2

บรรยากาศโรงเรียน

หลักสูตรผสมผสาน เพื่อพัฒนาการรอบด้านของลูกรัก

เนื่องจากเป็นโรงเรียนที่เปิดมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทุกกระแสการเปลี่ยนผ่านของการศึกษาในไทย ทั้งยุคของการปฎิรูปการศึกษา กระแสของ Montessori, Waldorf, Whole Language, Project Approach ฯลฯ และทีมผู้บริหารที่เป็นนักการศึกษาอย่างแท้จริง ทำให้ที่นี่เปิดรับทุกแนวทางที่ดีมาทดลองใช้ และเลือกผสมผสานหลากหลายแนวทางให้เหมาะสมกับเด็กๆ จนกลายเป็นหลักสูตรเฉพาะของโรงเรียนวรรณสว่างจิต ที่โรงเรียนจะยึดหลักของวอลดอร์ฟ (Waldorf) ในการดูแลบ้านเด็กเล็ก (2-3 ปี) การปรับใช้ Whole Language และ Project Approach ในระดับชั้นอนุบาล และ การใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านการเรียนรู้แบบบูรณาการแบบโครงการ (Project Approach) ในระดับชั้นประถม แต่ยังคงได้กลิ่นอายของ วอลดอร์ฟ (Waldorf) ในกิจกรรมต่างๆ ของเด็กๆ

บรรยากาศห้องของบ้านเด็กเล็ก เด็กๆ จะได้รับการช่วยเหลือให้ทานอาหารด้วยตัวเอง

บรรยากาศห้องของเรือนอนุบาล ที่ไม่มีโต๊ะ และให้เด็กได้เรียนรู้อย่างอิสระ

ห้องเรียนอากาศธรรมชาติในชั้นประถม

การเรียนรู้แบบบูรณาการผ่านโครงการ (Project Approach) แบบฉบับ โรงเรียนวรรณสว่างจิต

การเรียนรู้ที่เด็กๆ จะได้เป็นผู้เริ่มต้นการตั้งคำถามตามความสนใจ และร่วมค้นคว้าหาคำตอบ ทดลอง และดูผลไปด้วยกันกับเพื่อนๆ และคุณครู ยกตัวอย่างเช่น การเรียนรู้เรื่องข้าว เด็กๆ ในระดับอนุบาลของที่นี่จะได้เรียนรู้ตั้งแต่การแช่เมล็ดข้าว หว่านข้าว เฝ้ารอการเติบโต เกี่ยวข้าว จนกลายมาเป็นอาหาร สอดแทรกเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การใส่รองเท้าบูท การเล่นโคลน เมล็ดพืช การเติบโตของต้นไม้ คุณค่าทางอาหาร

ในระดับประถม นอกจากกระบวนการพื้นฐาน เด็กโตจะได้ตั้งคำถามเพิ่มตามความสนใจ จนกลายเป็นโครงการวิจัยย่อมๆ เช่น การเปรียบเทียบผลผลิตระหว่างนาดำกับนาหว่าน การเชื่อมโยงกับสำนวนภาษาไทยที่เกี่ยวกับการทำนา การจัดการพื้นที่แบบเศรษฐกิจพอเพียง ไปจนถึงอาชีพชาวนาเชื่อมโยงกับข่าวสารปัจจุบัน

ที่โรงเรียนวรรณสว่างจิต เด็กๆ จึงได้ ทั้งทำนา ปลูกผัก เลี้ยงไก่ รีดผ้า ซักผัก จุดเตาไฟทำอาหาร ฯลฯ การเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เชื่อมโยงมาสู่ชีวิตประจำวันจนกลายเป็นทักษะการใช้ชีวิตที่จะติดตัวเขาไปจนโต

เด็กๆ ชั้นอนุบาลเรียนรู้เรื่องต้นไม้-ดอกไม้ ด้วยสภาพแวดล้อมธรรมชาติของโรงเรียน

ชิ้นงานของพี่ๆ ชั้นประถมในโรงเรียน

ร่มรื่นน่าอยู่และเงียบสงบ

เราอยากให้เด็กเติบโตไปเป็นคนเช่นไร เราต้องเลี้ยงดูเขาภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนั้น คือหลักการที่เหล่าคุณพ่อคุณแม่ทราบดี เราจึงมักเลือกโรงเรียนอย่างละเอียดรอบคอบให้กับลูกๆ ของเรา ที่โรงเรียนวรรณสว่างจิตเป็นโรงเรียนที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ที่นอกจากจะร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายพันธุ์ที่แค่ได้เดินสำรวจก็เรียนรู้ได้มากมายแล้ว ห้องเรียนที่นี่ยังเปิดกว้างรับอากาศธรรมชาติ

ความเรียบง่าย ดูสมถะของบรรยากาศในโรงเรียน ล้วนสอดแทรกความเอาใจใส่ในทุกๆ ตารางเมตร ทั้งหลังคาใบจากตามทางเดินคือวัสดุธรรมชาติที่ต้องได้รับการดูแลปรับปรุงอยู่เสมอ ถึงจะบังแดดบังฝนได้ดี ป้ายบอกทาง-ป้ายให้ข้อมูลต่างๆ ที่เขียนด้วยมือ สะท้อนถึงการลงมือทำด้วยตัวเองตั้งแต่ระดับบุคลากร ความสะอาดของโรงเรียนที่เกิดจากความร่วมมือของทุกคน ล้วนปลูกฝังให้เด็กมีความรับผิดชอบ ดูแลรักษาพื้นที่ส่วนรวม และเห็นใจผู้อื่น

ภายในบริเวณโรงเรียนสะอาดมาก มีการจัดการขยะอย่างเป็นระบบ และสอนให้เด็กๆ แยกขยะทุกจุด

 โถงทางเดินเข้าโรงเรียนทำจากหลังคาใบจาก ตกแต่งด้านข้างด้วยกิจกรรมนักเรียนตลอดทาง ให้ความรู้สึกเป็นมิตรและอบบอุ่นตั้งแต่ก้าวเข้าโรงเรียน

 

การโอบอุ้มจิตใจในบ้านเด็กเล็ก (2-3ปี)

-บ้านเด็กเล็กของที่นี่ใช้หลัก Waldorf เป็นหลัก

-คุณครูได้รับการอบรมการศึกษาแบบ Waldorf อย่างเข้มข้น มีการดูงานจากหลายประเทศ แล้วจึงนำหลักการมาใช้กับเด็กเล็ก ซึ่งพบว่าเหมาะมาก

-ใช้เพลงในการบอกกิจวัตรต่างๆ โดยไม่มีการใช้คำสั่ง

-คุณครูใจดี น้ำเสียงอบอุ่น จนเด็กๆ รู้สึกถึงความมั่นคงทางจิตใจ

-ใช้ตุ๊กตาผ้าไร้หน้าแทนจินตนาการ ฝึกเด็กๆ ให้สำรวจอารมณ์ของตัวเอง เพราะอารมณ์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สีหน้าดีใจของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน

-ของเล่นทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ผ้า งานไม้

-มีสนามเด็กเล่นเป็นโซนของตัวเองแยกจากพี่ๆ เพื่อให้เด็กเล็กเล่นเต็มที่ได้อย่างปลอดภัย มีแม้กระทั่งแปลงนา-แปลงผักก็แยกเป็นโซนของตัวเอง

-สร้างจังหวะชีวิตที่สม่ำเสมอให้กับเด็ก ผ่านกิจวัตรประจำวัน และฤดูกาล

พื้นที่ในโซนบ้านเด็กเล็ก มีรั้วล้อมรอบปลอดภัย สามารถปล่อยให้เด็กๆ สำรวจสิ่งต่างๆได้อย่างอิสระ

 ของเล่นจากวัสดุธรรมชาติ

 

เรือนอนุบาลพัฒนาการสมวัย

-ปรับใช้ Whole Language และ Project Approach เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้

-เรียนรู้ที่มาที่ไปของสิ่งต่างๆ สามารถเชื่อมโยงได้ ไม่เร่งเขียนอ่าน

-เรียนรู้ผ่านนิทาน ทำให้เด็กๆ รักการอ่าน มีคลังศัพท์มาก และมีจินตนาการ

-ของเล่นจากวัสดุธรรมชาติ เน้นการประดิษฐ์สร้างชิ้นงาน และลงมือทำด้วยตัวเอง

-เริ่มเรียนรู้จากสิ่งรอบตัวไปสู่เรื่องไกลตัว คุณครูส่งเนื้อหาหน่วยการเรียนรู้ประจำเทอมให้ผู้ปกครองล่วงหน้า ผู้ปกครองสามารถส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องเดียวกันจากที่บ้านได้ด้วย

-เสริมสร้างทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา

-ปลูกฝังการสังเกต และการตั้งคำถาม

-มีละครหุ่นทุกวันจันทร์ เด็กๆ จะได้ฟังเรื่องราวก่อนแล้วสรุปความเป็นชื่อเรื่องด้วยกัน

ในเรือนอนุบาล เด็กๆ จะได้เรียนรู้การช่วยเหลือตัวเอง ในบรรยากาศสบายๆ ไม่เคร่งเครียด ภายในห้องเรียนก็เต็มไปด้วยชิ้นงานที่เขาลงมือทำด้วยตัวเอง

 

ทักษะการใช้ชีวิตในลานประถม

-ในระดับชั้นประถม ที่นี่จะรวมรายวิชาที่มีความเกี่ยวข้องกันแล้วใช้การเรียนการสอนแบบบูรณาการคือ หมวดวิทยาศาสตร์-สุขศึกษา และหมวดสังคมศาสตร์-ประวัติศาสตร์-พุทธศาสนา-การงานอาชีพ

-ถึงจะเป็นชั้นประถมแต่ถือว่าเป็นพี่ใหญ่ของโรงเรียน เด็กๆ จะได้เรียนรู้การทำหน้าที่ มีความรับผิดชอบ ดูแลน้องๆ ผ่านกิจกรรมต่างๆ ประจำปี เช่น ทำนา กิจกรรมสานพลัง (กีฬาสี)

-เด็กๆ กล้าคิด กล้าทำ รู้จักตั้งคำถามและแก้ปัญหา คิดเป็นกระบวนการและวางแผนงาน

-เน้นกระบวนการคิด การลงมือทำ ปฏิบัติจริง ไม่ใช่ผลลัพธ์

-โรงเรียนมีค่ายลูกเสือของตัวเอง คือ ไร่เรียนรู้วรรณสว่างจิต อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โรงเรียนส่งคุณครูไปอบรมลูกเสือ แล้วจึงออกแบบกิจกรรมให้เด็กๆ เอง ทำให้เป็นค่ายที่ปลอดภัยและได้ฝึกทักษะที่จำเป็น เด็กจะได้ประกอบอาหาร ดูดาว ตั้งแคมป์ด้วยตัวเอง

-มีงานประจำปีคืองานผลิใบที่รวมผลงานการเรียนรู้ และวิพิธทัศนาซึ่งเป็นการแสดงโขน-นาฏศิลป์-ดนตรี เพื่อให้เด็กๆ ได้ฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่นและถ่ายทอดความสามารถเฉพาะตัวของตัวเอง

บรรยากาศชั้นเรียนพี่ประถม

 

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่สุดๆ

โรงเรียนนี้ห้องเรียนไม่มีแอร์ ซึ่งดีต่อสุขภาพมากกว่าการนั่งอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน มีเครื่องวัดค่า PM 2.5 อยู่ทั่วโรงเรียน มีเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ทุกห้อง โดยปกติจะไม่เกินสีเหลืองเพราะรอบโรงเรียนเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ แต่ในวันที่ฝุ่นเยอะมากจะมีการแจ้งเตือนนักเรียนให้สวมหน้ากากอนามัย

ชุดเรียนหลักคือชุดกิจกรรมที่เป็นผ้ายืดใส่สบาย ใส่สัปดาห์ละ 3 วัน เครื่องแบบนักเรียนหญิงเป็นกางเกง

มีเรียนว่ายน้ำภายในโรงเรียน สระว่ายน้ำ 2 สระ แยกคนละจุดกันระหว่างเด็กเล็ก-อนุบาลกับประถม เปิดโล่งและมีรั้วล้อมรอบปลอดภัย

สนามเด็กเล่นถึง 3 จุด แยกเป็นของเด็กเล็ก อนุบาล และประถม เครื่องเล่นเหมาะสมตามวัย

ความสัมพันธ์ของคุณครูและนักเรียนที่สนิทสนมเป็นมิตรต่อกัน คุณครูที่นี่เข้าใจและยอมรับตัวตนของเด็กทุกคน เมื่อเดินผ่านจะเห็นคุณครูและนักเรียนทักทายพูดคุยกันตลอดทาง

สระว่ายน้ำเด็กเล็กที่ความลึกเพียงระดับหัวเข่าของเด็ก ทำให้สามารถเรียนว่ายน้ำอย่างปลอดภัย มีคุณครูคอยดูแลอยู่ด้านบนอีก 2 ท่าน

อัตราค่าเล่าเรียน (ค่าเทอม มี 3 เทอม)

เด็กเล็ก เทอมละ 30,000 บาท

อนุบาล 1 – 3 เทอมละ 34,000 บาท

ประถม 1 – 3 เทอมละ 38,000 บาท

ประถม 4 – 6 เทอมละ 40,000 บาท

 

โรงเรียนวรรณสว่างจิต

ที่อยู่ : 137 ถนนพระราม2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150

โทร: 0-2415-1411, 091-776-4246

เว็บไซต์ : https://www.wsc.ac.th/th/

Facebook : https://www.facebook.com/Wansawangchit28

 

Editor : แม่น้องอลินดา

ภาพ : นันทิยา บุษบงค์


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

น้ำยาซักผ้าเด็ก

ลูกเลิฟ แม่ปลื้ม โคโดโม ออร์แกนิค โอลีฟ ออยล์ น้ำยาซักผ้าเด็ก สูตรอ่อนโยน หอมยาวนาน ถูกใจใช้ได้ทั้งบ้าน

น้ำยาซักผ้าเด็ก ออร์แกนิคส์สูตรอ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิวลูกน้อย พร้อมกลิ่นหอมฟุ้งยาวนาน แบบที่ลูกเลิฟ แม่ก็ปลื้ม นี่เลย! โคโดโม ออร์แกนิค โอลีฟ ออยล์ แบรนด์คุณภาพจากญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคย วันนี้ Kodomo เค้ามีสูตรใหม่ Upgrade ความหอมด้วยนะ มาดูกันค่ะว่า น้ำยาซักผ้าเด็ก ของโคโดโม มีอะไรน่าใช้บ้าง #ทีมแม่ABK รับรองว่าถูกใจแน่นอน!

น้ำยาซักผ้าเด็ก โคโดโม

โคโดโม ออร์แกนิค โอลีฟ ออยล์ แพคเกจสีฟ้า มีรูปพี่หมีใจดีนุ่มฟูอยู่บนถุง แค่นี้ก็เอาใจแม่ไปแล้ว มีหัวเกลียว เปิด-ปิด ขนาดพอดีมือแม่ ไม่ต้องยกทั้งขวดลิตรให้ยุ่งยาก กับถุงไซซ์ 580 ml. (รุ่นแรกของไซซ์นี้ในตลาด) สะดวก ใช้ง่าย จัดเก็บก็ง่าย ไม่เลอะเทอะ นี่แหละที่แม่ต้องการ!

น้ำยาซักผ้าเด็ก โคโดโม

นอกจากแพคเกจถุงแบบใหม่ที่ถูกใจแม่มากๆ แล้ว ยังมีจุดเด่นที่ทำให้แม่ไว้ใจ โคโดโม ออร์แกนิค โอลีฟ ออยล์ คือ

  • มีส่วนผสมของ Organic Olive Oil มาตรฐาน ECOCERT ที่มีคุณสมบัติลดการระคายเคือง ช่วยให้เสื้อผ้าที่ซักแล้วใส่สบาย ไม่ระคายผิวลูกน้อย
  • เป็นน้ำยาซักผ้าเด็กที่ช่วยให้กลิ่นหอมติดทนยาวนานถึง 30 วัน เมื่อจัดเก็บในตู้เสื้อผ้า ด้วย Natural Essential Oil
  • ปราศจาก 7 สารเติมแต่ง ไม่ว่าจะเป็น SLS, Paraben, Formaldehyde, Triclosan, Fluorescent, Bleaching, Colorant
  • มีผลการทดสอบว่าไม่ระคายเคืองต่อผิวแพ้ง่าย

น้ำยาซักผ้าเด็ก โคโดโม

ไม่ว่าคราบฝังลึกบนผ้าอ้อมเด็กเล็ก หรือคราบอาหารบนเสื้อผู้ใหญ่ก็จัดการได้ง่าย ด้วยเอนไซม์จากธรรมชาติ สูตรเฉพาะของ โคโดโม ออร์แกนิค โอลีฟ ออยล์ จะซักเครื่องก็ได้ ซักด้วยมือก็ดี เด็กๆ ก็สามารถช่วยแม่ซักผ้าได้ ไม่ระคายเคืองต่อผิวแพ้ง่าย คุณพ่อคุณแม่สบายใจได้เลย แถมยังลดกลิ่นอับแม้ตากในที่ร่มหรือตากตอนกลางคืน ซักตอนไหนก็ได้ไม่ต้องง้อแดด

น้ำยาซักผ้าเด็ก โคโดโม

โคโดโม ออร์แกนิค โอลีฟ ออยล์ ตัวนี้นอกจะใช้ซักผ้าเด็กๆ ที่บ้านแล้ว แม่ยังซักผ้าให้ทุกคนได้ทั้งบ้าน เพราะไม่มีสารทำให้ระคายเคือง ด้วยส่วนผสมที่อ่อนโยนกับผิวลูก ทำให้แม้กระทั่งคนที่ผิวแพ้ง่ายอย่างแม่ก็ใช้ได้ ซักแล้วผ้านุ่ม ลื่น สบายผิว แถมกลิ่นยังหอมติดทนนานไปหลายวัน ตั้งแต่แม่เปลี่ยนมาใช้ โคโดโม ออร์แกนิค โอลีฟ ออยล์ ซักผ้าให้ทุกคนในบ้าน กลิ่นหอมละมุนยาวนนาน 30 วัน เดินผ่านก็รู้ เหมือนเป็นกลิ่นประจำตัวของคนบ้านนี้ไปแล้วล่ะ

ถูกใจแม่ขนาดนี้ ตามไปช็อปเลยที Tops, Lotus, BigC, Foodland Maxvalu และ Gourmet Market ตามสาขาชั้นนำทั่วไป

Link: Kodomo Club

 

อยากให้เด็ก ผ่าคลอด สมองไว สุขภาพแข็งแรงมีภูมิคุ้มกันดี แม่ต้องมีเคล็ดลับนี้

รู้ไหมคะว่าในเด็ก ผ่าคลอด คุณแม่สามารถช่วยให้ลูกมีพัฒนาการสมองที่ไว และมีร่างกายแข็งแรงได้ด้วยภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่ง ซึ่งไม่ว่าจะฤดูกาลไหน ร้อน ฝน หนาว ทุกเทศกาลเจ็บป่วยในเด็กตลอด 365 วัน ก็ช่วยให้คุณแม่คลายความกังวลว่าลูกจะเจ็บป่วยไปได้ค่ะ ทีมแม่ ABK ขอแนะนำให้รู้จักกับ 2 สารอาหารสำคัญที่ลูกจะได้รับเต็ม ๆ ดีมีประโยชน์ต่อสมองและร่างกายของเด็กผ่าคลอดมาก ๆ หากได้กินนมแม่

ต้องบอกก่อนว่าการคลอดลูกด้วยวิธีการผ่าคลอดไม่ใช่เรื่องน่ากลัวนะคะ แต่ที่น่าเป็นกังวลอยู่ที่ตอนหลังคลอดลูกออกมาแล้วค่ะ ในเด็กผ่าคลอดมีความเสี่ยงต่อพัฒนาการสมอง การเรียนรู้ และมีระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นที่แตกต่างจากเด็กที่คลอดธรรมชาติ ดังนั้นมีความเสี่ยงในการเป็นภูมิแพ้ เจ็บป่วยบ่อย เด็กที่เกิดมาพลาดโอกาสในการได้รับจุลินทรีย์สุขภาพจากช่องคลอดแม่(ขณะที่กำลังคลอดออกมา) จุลินทรีย์สุขภาพที่ได้จากช่องคลอดแม่จะช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายลูก ช่วยให้มีร่างกายแข็งแรง แต่ขึ้นชื่อว่าแม่จะยอมแพ้ง่าย ๆ ไม่ได้เด็ดขาด ถึงจะผ่าคลอดแม่ก็จะทำให้ลูกมีสมองไว มีภูมิคุ้มกันแข็งแรงได้

มีการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา (Deoni 2019) เกี่ยวกับพัฒนาการทางสมอง โดยดูการทำงานเชื่อมโยงของเซลล์ประสาทในสมอง (Brain connectivity) เปรียบเทียบระหว่างเด็กคลอดธรรมชาติ และเด็กผ่าคลอด เมื่ออายุ 2 สัปดาห์ พบว่าสมองของเด็กผ่าคลอดมีการทำงานเชื่อมโยงแตกต่างจากเด็กที่คลอดธรรมชาติ นอกจากนี้พัฒนาการสมองของเด็กที่ผ่าคลอด ส่วนคอร์ปัส คาโลซัม (Corpus Callosum) ซึ่งเป็นส่วนที่เชื่อมโยงการทำงานระหว่างสมองซีกซ้าย และซีกขวา พบว่าเด็กผ่าคลอดมีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างจากเด็กที่คลอดธรรมชาติอย่างมีนัยสำคัญ อายุ 3 เดือนจนถึง 3 ปี1

  • ลูกผ่าคลอด…ต้องกินนมแม่

ในน้ำนมแม่มีสารอาหารหลากหลายครบถ้วนดีต่อสมองและร่างกายของลูกตั้งแต่แรกคลอดค่ะ นมแม่ดีที่สุดควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน สารอาหารในนมแม่จะช่วยพัฒนาระบบการทำงานของสมองและร่างกายของลูกให้มีประสิทธิภาพ

นมแม่จะมีไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิดที่ชื่อว่า “สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมอง ให้คิดเร็ว เรียนรู้ไว2 รวมทั้งยังมีจุลินทรีย์สุภาพ เช่น กลุ่มบิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (Bifidobacterium lactis หรือ B. lactis) ที่สามารถส่งต่อให้ลูกน้อย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้นให้มีสุขภาพที่แข็งแรง

  • สฟิงโกไมอีลิน เพื่อพัฒนาสมองและเรียนรู้ไว

คุณแม่สามารถส่งเสริมพัฒนาการสมองการเรียนรู้ที่ไวให้กับลูกได้ ด้วยการให้ลูกกินนมแม่ให้เร็วที่สุด นมแม่อุดมไปด้วยสารอาหารพัฒนาสมองนั่นก็คือ “สฟิงโกไมอีลิน” เป็นสารอาหารสำคัญในการสร้างปลอกไมอีลินของวงจรประสาทในสมอง ซึ่งไมอีลินช่วยให้สมองสามารถส่งสัญญาณประสาทได้อย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด สมองจึงสามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ จดจำ คิดวิเคราะห์ และการพัฒนาสมองอย่างรวดเร็วเต็มศักยภาพ นอกจากนี้ไมอีลินยังมีบทบาทในการเชื่อมโยงการทำงานของเซลล์ประสาท (brain connectivity) เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อกันของสมองที่รวดเร็ว ทั้งนี้นักวิจัยพบว่าแขนงประสาทนำออกที่มีปลอกไมอีลินห่อหุ้มจะส่งสัญญาณประสาทได้เร็วกว่าที่ไม่มีถึง กว่า100 เท่า3

ลูกรักมีพัฒนาการสมองดี เรียนรู้ไวอย่างเดียวยังไม่เพอร์เฟคค่ะ สมองไวเรียนรู้ได้ดีแล้ว ก็ต้องมาพร้อมกับร่างกายที่แข็งแรงด้วยค่ะ เพื่อที่ลูกจะได้ทั้งเรียนสนุก เล่นสนุกกับทุกกิจกรรมอย่างไม่มีสะดุดค่ะ ในนมแม่นอกจากจะมีสฟิงโกไมอีลินที่ดีต่อพัฒนาการสมองการเรียนรู้ของลูก ก็ยังมีจุลินทรีย์สุขภาพ บี แล็กทิส (B. lactis) ซึ่งจุลินทรีย์สุขภาพ บี แล็กทิส เป็นหนึ่งในจุลินทรีย์สุขภาพที่มีส่วนสำคัญในการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งให้กับร่างกายของลูกแข็งแรงกันตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิตค่ะ

: เด็ก ผ่าคลอด : จะมีสมองการเรียนรู้ไว แม่ต้องส่งเสริมลูกให้ได้รับนมแม่ ซึ่งมีสารอาหารสมอง เช่น สฟิงโกไมอีลินอย่างเร็วที่สุด

“สฟิงโกไมอีลิน” และ “จุลินทรีย์สุขภาพ บี แล็กทิส” พบได้ใน “นมแม่”

ทีมแม่ ABK ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจส่งเสริมให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ได้นานอย่างต่อเนื่องกันค่ะ เพราะนมแม่ มีสารอาหารกว่า 200 ชนิด รวมทั้งสารอาหารที่ช่วยพัฒนาสมอง อย่างเช่นสฟิงโกไมอีลิน และ บีแล็กทิส ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน​

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

สร้างสมองไวให้เด็กผ่าคลอด พร้อมเสริมภูมิคุ้มกัน | S-Mom Club

 

เครดิต

1Deoni S.C., et al. AJNR Am J Neuroradiol. 2019 Jan;40(1): 169–177.

2Chevalier et al. PLos ONE 2015.

3Susuki K. Nature Education. 2010;3(9):59.

Tags

IPC GREEN INTERNATIONAL

IPC GREEN INTERNATIONAL รร. อนุบาลนานาชาติ ใช้ธรรมชาติเข้ากับการเรียนรู้ มอบประสบการณ์ตรงให้กับเด็กๆ

IPC GREEN INTERNATIONAL กับพื้นที่ดิน ทราย ต้นไม้ สายลม ของเล่นที่คุ้มที่สุดของเด็กๆ!

โรงเรียนอนุบาล เป็นสถาบันที่สำคัญในการพัฒนาเด็กๆ โดยที่พวกเขาเริ่มต้นเส้นทางการศึกษาและวางรากฐานสำหรับการเรียนรู้ในอนาคต ปัจจุบันโรงเรียนอนุบาลมีจำนวนมาก มีหลักสูตรและแนวทางหลากหลาย น่าสนใจ ทุกแห่งล้วนให้ความสำคัญต่อพัฒนาการที่สมวัยของเด็กๆ ฝึกความรับผิดชอบต่อตนเอง ส่วนรวม ผ่านประสบการณ์ต่างๆ เพื่อให้เด็กๆเติบใหญ่มีกิ่งใบและรากอันแข็งแรง

School Visit วันนี้เราจะพามาเยี่ยมชม IPC GREEN INTERNATIONAL KINDERGARTEN AND NURSERY โรงเรียนอนุบาลที่มีบรรยากาศเหมือนรีสอร์ทสำหรับเด็ก เต็มไปด้วยสีเขียวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของธรรมชาติ ความอุดมสมบูรณ์ ความเจริญเติบโต และความปลอดภัย สีของผืนหญ้า ต้นไม้ ธรรมชาติ ที่ไม่ถูกบดบังด้วยอาคาร ทั่วทุกมุมมีจุดเล่นและจุดเรียนรู้ที่เด็กๆแทบจะไม่รู้ตัวเลย

ขบวนพาเหรดเด้งดึ๋ง

เมื่อได้ออกกำลังยามเช้าจะทำให้เด็กๆมีสมาธิในคลาส

บรรยากาศกลางแจ้งของโรงเรียน สบาย หายใจง่าย สไตล์รีสอร์ท

 

We are what we learn

IPC Green ใช้หลักสูตร British Curriculum & Early Year Foundation State มาใช้ทำให้สามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนารอบด้านตามวัย เพื่อเตรียมรากฐานสำหรับสร้างการเรียนรู้ในอนาคตของเด็กๆ ผ่าน

The 7 Areas of Learning หรือพัฒนาการ ทั้ง 7 ด้าน ได้แก่

Personal, Social and Emotional Development (พัฒนาการส่วนบุคคล สังคม และ อารมณ์)

Physical Development (พัฒนาการทางกายภาพ)

Communication and Language (การสื่อสารและภาษา)

Literacy (การอ่านเขียน)

Mathematics Development (จำนวน ตัวเลข)

Knowledge and Understanding of the World (ความรู้และความเข้าใจในโลกของเรา)

Expressive arts & Design (ศิลปะ)

การเรียนและเล่นที่ช่วยพัฒนาส่วนบุคคล สังคมและอารมณ์

กิจกรรมที่จะช่วยเสริมการพัฒนาทางกายภาพ

การพัฒนาด้านภาษา ด้านการอ่านเขียน จำนวนและตัวเลข ความรู้และเข้าใจโลกของเรา และ การแสดงออกทางศิลปะ

 

Classrooms ชั้นเรียนหนูๆ

ชั้น Nursery และ K1 จะมี มุมแสดง หรือ Theme ในทุกๆห้องเพื่อให้เด็กๆได้เล่นบทบาทสมมุติ (ช่วยด้านภาษาและความคิดสร้างสรรค์) แต่ละห้องจะมี Theme ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับช่วงอายุของเด็กๆ ซึ่งมุมแสดงนี้จะเปลี่ยนไปทุกๆเดือน

ชั้น K2 จะเป็นมุม Workshop แทนให้เด็กๆได้ประดิษฐ์ (มีวัสดุและอุปกรณ์จัดเตรียมให้)

ชั้นเรียนเด็กเล็กจะได้ทำกิจกรรม Brain Gym การบริหารสมอง กระตุ้นความสนุกสนานยามเช้า และมี Sensory Tray ในทุกห้อง เปลี่ยนใหม่ทุกๆ 1-2 วัน เพื่อการเรียนรู้ หยิบ จับ สัมผัส ดู อันจะนำไปสู่ความสงสัยและการตั้งคำถาม เป็นการพัฒนาด้านภาษาและการสื่อสารโดยเด็กๆเป็นผู้เริ่มด้วยตัวเอง

น้องๆ ชั้น Nursery จะเรียนภาษาอังกฤษแบบ Pre-Phonics ชื่อคลาสว่า “Letters and Sounds”

พี่ๆ ชั้น Kindergarten จะไม่มี Sensory Box (เน้นวิชาการมากขึ้น) โดยจะได้เรียน Phonics English ทุกวัน

แต่ละวันจะมีวิชาเรียกแตกต่างกัน แต่ทุกวิชาจะสัมพันธ์กับ Theme ในเดือนนั้นๆ

ทุกชั้นเรียนจะมีคุณครูต่างชาติ 1 คน คุณครูไทย 1 คน พี่เลี้ยง 1 คน แต่ถ้าในชั้นมีมากกว่า 10 คนจะมีพี่เลี้ยงเพิ่มขึ้นอีก 1 คน)

สอนโดยการเล่นเกมส์

มุมแสดง เน้นทักษะการสื่อสาร ภาษา ความกล้าแสดงออก

คลาสเรียนภาษาอังกฤษของน้องเล็ก Letters and Sounds

 

Outstanding School Characters

  • อิสระของเด็กๆ

แต่ละห้องจะมีมุมกิจกรรมของตัวเอง Teacher จะให้อิสระเด็กๆในการทำกิจกรรม จุดนี้จะทำให้ทางโรงเรียนรู้จักเด็กได้ค่อนข้างดี ว่าเด็กๆ ชอบอะไร แต่ละคนเรียนรู้อย่างไร ด้านไหนเด่นที่สุด

  • อิสระของ Teacher

ที่ IPC GREEN ไม่ได้กำหนดการสอนที่ตายตัว จะแต่มีหัวข้อในการสอน (Subject) และเป้าหมายในการเรียนรู้ของเด็ก (Learning Goals)ให้คุณครู แล้วคุณครูเป็นผู้ที่สร้างสรรค์กิจกรรมเอง (ทางโรงเรียนเน้นย้ำให้แต่ละกิจกรรมต้องสร้างสรรค์มากๆ) ในฐานะที่คุณครู “รู้จัก” เด็กๆเป็นอย่างดีผ่านการให้อิสระในการเข้ามุมกิจกรรมในห้อง คุณครูจึงสามารถออกแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกับเด็กๆของตน

  • ศิลปะของเด็กๆ

ความคิดสร้างสรรค์จะทำให้เด็กๆแสดงความเป็นตัวเองออกมา เด็กๆสื่อสารถึงไอเดียต่างๆ ความคิดต่างๆ ความรู้สึกต่างๆ ผ่านการเล่นบทบาทสมมุติ การเคลื่อนไหว การร้องรำทำเพลง การออกแบบ หรือการประดิษฐ์

เพราะทางโรงเรียน เชื่อว่าเด็กทุกคนมีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะในแบบของตัวเอง หากมีการสนับสนุน ส่งเสริมให้เด็กๆได้ใช้อุปกรณ์และวิธีการที่หลากหลาย เด็กๆจะไม่ได้แค่ค้นพบแนวทางของตัวเองแต่ยังสร้างความมุมานะ อุตสาหะที่จะทำการงานให้สำเร็จและสุดท้ายก็คือการสร้างความภาคภูมิใจให้กับตนเอง

 

“Wine and Cheese

เด็กๆจะสร้างผลงานบนกระดานผ้าใบ ทางโรงเรียนจะแนะนำการใช้เทคนิคต่างๆให้กับเด็กๆตามความถนัดของแต่ละคน และเด็กๆจะเป็นผู้สร้างผลงานเอง แล้วผู้ปกครองจะมาร่วมสนุกในการประมูลผลงาน (โดยที่ไม่ทราบว่าของลูกๆคือชิ้นไหน) รายได้จากการประมูลโรงเรียนจะนำไปบริจาคให้กับมูลนิธิต่างๆ

อิสระในการเลือกทำกิจกรรมของเด็กๆ

อิสระในการออกแบบชั้นเรียนของคุณครู

Half Time Outdoor Play

โรงเรียนเน้นการเรียนศิลปะ เพราะเชื่อว่าความคิดสร้างสรรค์จะทำให้เด็กๆแสดงความเป็นตัวเองออก

ห้องสมุด มุมอ่านหนังสือในโรงเรียน

Music Wall จะมีเสียงยังไง? ต้องลองเคาะดู

Bird Feeders ที่ให้อาหารนกฝีมือเด็กในคลาส Eco Kids After School

Friyay!

Dress Up Day ทุกๆต้นเดือนใน Theme ต่างๆ เช่น Tie-Dye, Rainbow

Water Play ทุกวันศุกร์ วันรีแลกซ์ เด็กๆทุกชั้นจะได้เล่นน้ำในสระตื้นๆ (ระดับน้ำประมาณข้อเท้า) มีน้ำตก ระเบิดพลังกันให้สุด

กิจกรรม Water Play เด็กๆสนุกจนความสุขล้นออกตา

บรรยากาศโรงเรียนสุดผ่อนคลาย

 

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

1.ที่ IPC GREEN ตั้งใจที่จะรวมธรรมชาติเข้ากับกระบวนการเรียนรู้โดยใช้พื้นที่กลางแจ้ง วัสดุจากธรรมชาติ วัสดุรีไซเคิล จุดมุ่งหมายคือการมอบประสบการณ์ตรงให้กับเด็กๆ เชื่อมโยงพวกเขาเข้ากับโลกธรรมชาติรอบตัว แนวทางนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนาทางประสาทสัมผัสอีกด้วย

2.อาคารเรียนทุกหลังทำจากตู้คอนเทนเนอร์ เป็นส่วนหนึ่งในการ “นำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง และอาคารทุกหลังติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์อีกด้วย

3.ทั้งอาหารว่างและมื้อกลางวันของเด็กๆจะเป็นอาหารคลีน (อาหารฝรั่งและอาหารไทย สลับกัน โปรตีนจากเนื้อไก่และปลาเป็นหลัก) ปราศจากการทอดน้ำมันท่วม การจัดตกแต่งจานจะเป็นสไตล์รีสอร์ทเช่นกันเพื่อให้เด็กๆรู้สึกสนุกกับมื้ออาหาร

4.สื่อการสอนของโรงเรียน ทำด้วยมือ 100% เพื่อปลูกฝังให้เด็กๆเห็นความพยายาม ความคิดสร้างสรรค์ การรู้จักประยุกต์นำวัสดุมาใช้ และรู้ว่ามือของเรานั้นทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง!

 

อัตราค่าเล่าเรียน

ค่าเทอม (3 เทอมต่อปี)

Nursery 1 (Full Time) 86,900 บาทต่อเทอม (8.30 – 12.30)

Nursery 2 (Full Time) 86,900 บาทต่อเทอม (8.30 – 12.30)

Kindergarten 1,2,3 (Full Time) 94,300 บาทต่อเทอม (8.30 – 13..30)

Nursery 1-2 มีชั้น Part Time เรียนสัปดาห์ละ 3 หรือ 4 วัน – ติดต่อโรงเรียนได้โดยตรง

Special Combine (รวม After School 8.30 – 14.30) – ติดต่อโรงเรียนโดยตรง

 

ที่อยู่ IPC GREEN International Kindergarten and Nursery

38/2 Ramkhamhaeng 21 (Lane 5)

Wang Thonglang Bangkok 10312

E-mail: [email protected]

Telephone: 023185483

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ธนายุต วิลาทัน

 


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

ลูกเบื่ออาหาร

ลูกเบื่ออาหาร สัญญาณเตือน ภาวะซีด ส่งผลต่อไอคิว

พ่อแม่สังเกตให้ดี ลูกเบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หัวใจเต้นเร็ว ระวังขาดธาตุเหล็ก เกิด ภาวะซีด ส่งผลต่อการเรียนรู้ และพัฒนาการของเด็ก

ลูกเบื่ออาหาร  ลูกไม่ยอมกินผัก ลูกกินน้อย สารอาหารจะพอไหมนะ ความกังวลใจใหญ่หลวงของแม่ที่ลูกไม่ยอมกินข้าว ไม่ใช่แค่เรื่องขาดสารอาหาร แต่อาหารที่ดีช่วยให้ลูกไม่มีภาวะซีดได้เช่นกัน ภาวะซีด (Anemia) เป็นปัญหาที่พบบ่อยในเด็กไทย บางการศึกษาอาจพบเด็กไทยในวัยเรียนมีภาวะซีดสูงถึงร้อยละ 30-50 แม้ว่าเด็กที่มีอาการซีดส่วนใหญ่จะไม่มีอาการทางคลินิก แต่หากไม่ได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสมก็จะส่งผลกระทบต่อความกระตือรือร้นในการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก ทั้งยังส่งผลทำให้ระดับสติปัญหา หรือ I.Q. (Intelligence Quotient) ลดลงอีกด้วย

อาการและอาการแสดงทางคลินิกของภาวะซีด ได้แก่

• อ่อนเพลีย
• เหนื่อยง่าย
• หัวใจเต้นเร็ว
ลูกเบื่ออาหาร
• และทำกิจกรรมต่างๆ ได้ไม่เท่ากับเด็กปกติ

สาเหตุหลักของภาวะซีดสำหรับเด็กไทย คือ

1. ภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็ก

เนื่องจากธาตุเหล็กมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างฮีโมโกลบิน ที่เป็นสารที่มีสีแดงที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์เม็ดเลือดแดง ทำให้หน้าที่ในการขนส่งออกซิเจน เมื่อมีการขาดธาตุเหล็ก ร่างกายก็จะผลิตเม็ดเลือดแดงได้ลดลงจนเกิดภาวะซีด
การขาดธาตุเหล็ก มักเกิดขึ้นหลังอายุ 6 เดือน ที่รับประทานอาหารตามวัยที่มีธาตุเหล็กสูงไม่ได้ดี ก็จะเริ่มมีการพร่องของธาตุเหล็กได้ โดยเฉพาะเด็กที่รับประทานนมแม่เพียงอย่างเดียว แม้ว่านมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกในขวบปีแรก แต่นมแม่มีปริมาณธาตุเหล็กไม่สูง หากกินอาหารตามวัยไม่เหมาะสมก็เสี่ยงต่อการขาดธาตุเหล็กได้ง่าย สำหรับเด็กโตมักเกิดจากปัญหา ลูกเบื่ออาหาร การเลือกรับประทานอาหาร เช่น ไม่รับประทานผักใบเขียว ตับ เลือด เนื้อหมู หรือเนื้อวัว เป็นต้น วัยรุ่นหญิงที่เริ่มมีประจำเดือนก็เสี่ยงต่อการขาดธาตุเหล็กได้ง่ายขึ้นเพราะมีการเสียเลือดออกไปจากร่างกายทุกเดือน

2. โรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia)

เป็นโรคที่ถ่ายทอดจากพันธุกรรมที่พบมากที่สุดในประเทศไทย โดยมีประชากรกว่า 18-20 ล้านคนเป็นพาหะโรคธาลัสซีเมีย (ร้อยละ 30-40 ของประชากร) และมีผู้เป็นโรคธาลัสซีเมียราว 600,000 คน (ร้อยละ 1)

โรคธาลัสซีเมีย เกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรมในการสร้างฮีโมโกลบิน ทำให้เกิดการสร้างฮีโมโกลบินบางชนิดลดลงหรือผิดปกติ ส่งผลให้เม็ดเลือดแดงมีอายุสั้นลง เปราะแตกง่าย จนเกิดภาวะซีด ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียมีอาการได้ตั้งแต่ซีดแบบไม่แสดงอาการทางคลินิก จนถึงมีอาการรุนแรง ต้องได้รับส่วนประกอบของเลือดอย่างสม่ำเสมอในการรักษา ทั้งนี้ขึ้นกับชนิดของโรคธาลัสซีเมียที่เป็น

หากตรวจร่างกายพบว่า ‘ซีด’ ควรได้รับการตรวจนับเม็ดเลือด (Complete Blood Count; CBC) เพื่อประเมินระดับฮีโมโกลบิน ขนาดของเม็ดเลือดแดง และดูลักษณะของเม็ดเลือดแดงโดยกล้องจุลทรรศน์ เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุของภาวะซีด (หากมี) และตรวจเพิ่มเติมเพื่อให้ได้การวินิจฉัยโรคต่อไป เช่น การตรวจโรคธาลัสซีเมีย เป็นต้น

สำหรับเด็กเล็กอายุ 6-12 เดือน ควรได้รับการตรวจคัดกรองภาวะซีดและปริมาณเหล็กสะสมในเลือดตามมาตรฐานสากล เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการจนกระทั่งมีภาวะซีดที่รุนแรง

ลูกเบื่ออาหาร

การรักษาภาวะซีดในเด็ก

การรักษา ขึ้นอยู่กับสาเหตุของภาวะซีด หากภาวะซีดเกิดจากการธาตุเหล็ก ควรได้รับธาตุเหล็กในขนาดที่เหมาะสมอย่างน้อย 1-3 เดือนขึ้นไป และตรวจนับเม็ดเลือดซ้ำอีกครั้งหลังรับประทานธาตุเหล็กครบ ร่วมกับการปรับสัดส่วนอาหารและพฤติกรรมการกินที่เหมาะสม ควบคู่กับการรักษาด้วยยา เพื่อให้แน่ใจว่าหลังจากที่หยุดการรักษาด้วยยาแล้วจะไม่กลับมาขาดธาตุเหล็กอีก สำหรับวัยรุ่นเพศหญิงที่มีประจำเดือนปริมาณมากผิดปกติจนเกิดภาวะซีด ต้องได้รับการรักษาที่เหมาะสมร่วมกับการรักษาด้วยยาธาตุเหล็กด้วย

สำหรับโรคธาลัสซีเมีย ควรได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องที่เหมาะสมโดยแพทย์ เพื่อพิจารณาการรับส่วนประกอบของเลือด (เม็ดเลือดแดงเข้มข้น) อย่างสม่ำเสมอเมื่อมีข้อบ่งชี้ ร่วมกับการรับประทานยาบำรุงเลือด (กรดโฟลิก) วันละ 1 ครั้ง

หากบ้านไหนเชคลิสต์แล้วครบตามอาการ ลองปรับอาหารให้ลูกได้สารอาหารครบก่อน แต่ถ้าอาการเพิ่มขึ้น สามารถพามาพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา ก่อนที่ภาวะซีดจะเริ่มมีอาการและอาจกระทบต่อพัฒนาการอื่นๆของเด็กได้

 

ขอบคุณบทความจาก : ภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็ก | รพ.นครธน | NAKORNTHON HOSPITAL


อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก

อนุบาลบ้านวาดฝัน

อนุบาลบ้านวาดฝัน โรงเรียนที่เป็นเหมือนบ้านจริงๆ เสริมพัฒนาการสมวัยให้ลูกด้วยนิทาน

“Let us remember: One book, one pen, one child and one teacher can change the world.” -Malala Yousafzai
หนังสือเพียงหนึ่งเล่ม ปากกาเพียงหนึ่งด้าม นักเรียนเพียงหนึ่งคน คุณครูเพียงหนึ่งท่าน เพียงพอที่จะเปลี่ยนโลกนี้ได้

School Visit วันนี้ ทีมแม่ ABK จะพามาเยี่ยมชม โรงเรียน อนุบาลบ้านวาดฝัน โรงเรียนที่ให้ความสำคัญกับพัฒนาการของเด็กอย่างแท้จริง จากแรงบันดาลใจ ของคุณครูแจนศิรินพร สันติเมทนีดล ผู้อำนวยการโรงเรียน ที่อยากจะสร้างโรงเรียนในแบบของ9ตนเอง ผ่านไป 3 ปีหลังจากก่อตั้งเนิร์สเซอรี่ โรงเรียนอนุบาลบ้านวาดฝันจึงได้ก่อตั้งขึ้น ภายใต้แนวความคิด “บ้านหลังที่สอง” ที่ “บ้าน คือ บ้านจริงๆ”

อนุบาลบ้านวาดฝัน อนุบาลบ้านวาดฝัน อนุบาลบ้านวาดฝัน

กิจกรรมสำหรับเด็กๆ “มุมภาษา” และ “มุมสร้าง”

ชั้นเรียนคละอายุ

บ้าน คือสถานที่รวมกันของคนหลากหลายอายุ ชั้นเรียนของที่นี่จึงเป็น ชั้นเรียนคละอายุ จะมีพี่และน้องอยู่ในห้องเดียวกัน จะเกิดพฤติกรรม พี่ดูแลน้อง น้องทำตามพี่ ปีการศึกษาที่ผ่านไป น้องก็จะกลายมาเป็นพี่เสียเองและได้รับหน้าที่ในการดูแลน้องใหม่ เพราะในชีวิตจริงๆเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เด็กๆเองก็จะพบผู้คนที่หลากหลาย เด็กๆจำนวน 4 ห้องเรียน ทุกๆ ห้องจะมีมุมประสบการณ์ หรือ ศูนย์การเรียนที่เด็กๆต้องทำให้ครบในแต่ละสัปดาห์ เพื่อพัฒนาให้ครบทุกด้าน

อนุบาลบ้านวาดฝัน

เด็กเคลื่อนที่ในการทำกิจกรรมตลอดทั้งวัน

อนุบาลบ้านวาดฝัน อนุบาลบ้านวาดฝัน อนุบาลบ้านวาดฝัน

เด็กๆจะได้รับการกระตุ้นให้ทำทุกกิจกรรมในแต่ละวัน

พัฒนาการสมวัยทุกข้อ และ การสอนโดยใช้นิทาน

โรงเรียนอนุบาลบ้านวาดฝันเข้าใจดีว่าเด็กทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีจังหวะและสไตล์การเรียนรู้เป็นของตัวเอง ดังนั้นเด็กๆจึงมีกิจกรรมและโอกาสในการเรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความสนใจและความสามารถที่แตกต่างกัน นิทานเป็นจึงเป็นแกนหลักในการยึดวิชาการและประสบการณ์เข้าด้วยกัน

  • เด็กๆจะเรียนรู้ผ่านนิทาน 1 เรื่องเป็นเวลา 1 เดือน โดยจะเป็นเนื้อเรื่องครบรส ตลกขบขัน แทรกคำสอน ปรับให้สอดคล้องกับเทศกาล, ฤดู เพื่อให้เด็กๆรู้สึก อิน กับนิทานเล่มนั้นๆ ในแต่ละวันคุณครูจะใช้เทคนิคในการเล่าแตกต่างกัน เช่น การอ่านตามตัวหนังสือ, เล่าแบบละครวิทยุ (ไม่มีภาพ เพื่อฝึกการฟัง), เล่าแบบนิทานละครหุ่น, เล่านิทานภาษาโดยใช้ถิ่น, นิทานคำกลอน หรือ นิทานวาดรูป เป็นต้น
  • เชื่อมโยงนิทานเข้ากับศูนย์การเรียนในมุมต่างๆ ได้แก่ ศิลปะ ภาษา จำนวนตัวเลข มุมหนังสือ มุมสร้าง มุมทักษะกลไก และ มุมบทบาทสมมุติ ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ
  • เด็กๆเลือกเข้ามุมประสบการณ์ที่ว่างได้ตามจำนวนที่นั่งที่มี และจะมีคุณครูคอยจัดสรรและกระตุ้นให้เด็กๆได้สลับสับเปลี่ยนมุมอื่นๆ
  • ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็กๆผ่านกิจกรรมทักษะกลไก เช่น การหยิบจับ การร้อย การปั้น งานฝีมือต่างๆ (การใช้สายตาให้ประสานกับมือ) เพื่อพัฒนาไปสู่การเขียน และ สร้างทัศนคติที่ดีต่องานที่ต้องใช้ความพยายาม ความอดทน เด็กๆบ้านวาดฝันจึงไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
  • วิชาการของพี่ๆ อ.3 (เนื่องจากไม่มีนอนกลางวัน) ทางโรงเรียนจะเตรียมพร้อมสำหรับเข้าชั้นประถมในช่วงเวลากลางวัน ฝึกให้รู้จักตัวอักษร (สระ พยัญชนะ) เริ่มจากการเล่นเกมส์เพื่อฝึกสมาธิ ฝึกอ่าน ฝึกเขียนชื่อตัวเอง และคนใกล้ตัว
  • เด็กๆ และ ครูฝึกกระบวนการการคิดไปพร้อมๆกันผ่าน การสอนแบบโครงงาน (Project Approach) ซึ่งเป็นการสอนแบบลงลึก สืบค้น

อนุบาลบ้านวาดฝันอนุบาลบ้านวาดฝัน

อนุบาลบ้านวาดฝัน

คุณครูใช้เทคนิคในการอ่านนิทานแตกต่างกันไปในแต่ละวัน เด็กๆจะได้รับอรรถรสใหม่ๆตลอด

อนุบาลบ้านวาดฝัน

อนุบาลบ้านวาดฝัน

นิทานเรื่องปลาสายรุ้ง ที่ใช้ในเดือนตุลาคม จะนำไปสู่ทุกกิจกรรม รวมไปถึงการทัศนศึกษานอกสถานที่ที่จะมีขึ้นในปลายเดือน อุปกรณ์ที่ใช้ตกแต่งมักจะนำของเหลือใช้กลับมาทำให้มีคุณค่าอีกครั้ง

อนุบาลบ้านวาดฝัน

ห้องสมุดของเด็กๆ ในทุกๆวันเด็กๆจะได้นิทานกลับไปอ่านวันละ1เล่ม

อนุบาลบ้านวาดฝัน

อนุบาลบ้านวาดฝัน

บรรยากาศภายในห้องเรียนที่เด็กๆจะได้ใช้ชีวิตทั้งวันกับกิจกรรมที่หลากหลาย

การลงสนามเด็กเล่นนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

การพัฒนาด้านร่างกายก็มีความสำคัญอย่างมากต่อเด็กๆ ทุกคนจะได้เล่นอิสระเป็นประจำทุกวันอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมงหลังเลิกเรียนเพราะการออกกำลังกายเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของพวกเขา

สนามเด็กเล่นมีอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับวัยซึ่งส่งเสริมการประสานงาน และการพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวขั้นต้น เพราะในปัจจุบันเด็กๆในสังคมเมืองจำนวนหนึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ๆจำกัด อาจจะไม่ได้เล่นเพื่อฝึกการประสานงานระหว่างตา มือ เท้า ทางโรงเรียนมองเห็นความสำคัญของการเสริมสร้างพัฒนาการดังกล่าว โดยจะเล่นรับส่งบอลเป็นการอบอุ่นร่างกายและพัฒนาทักษะการประสานก่อนจะได้เล่นอิสระในทุกๆวัน

อนุบาลบ้านวาดฝัน อนุบาลบ้านวาดฝัน

เครื่องปีนเครื่องป่ายเรียบง่ายแต่เป็นขวัญใจเด็กๆทุกวัย

อนุบาลบ้านวาดฝัน อนุบาลบ้านวาดฝัน อนุบาลบ้านวาดฝัน

เรียนนอกห้องเรียน เลี่ยงความจำเจ

 

เด็กๆเติบโตอย่างดี

โรงเรียนอนุบาลบ้านวาดฝันไม่ได้เน้นแค่การพัฒนาด้านวิชาการและกายภาพเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการเติบโตทางสังคมและอารมณ์อย่างเท่าเทียมกัน

  • คุณครูสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นให้ที่โรงเรียนเป็นที่ปลอดภัยของเด็กๆ โดยส่งเสริมให้เด็กๆมีน้ำใจ ความเห็นอกเห็นใจ และความเคารพต่อตนเองและผู้อื่น คุณครูเป็นผู้ฟังที่เอาใจใส่ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนทางอารมณ์และคำแนะนำด้วยการส่งเสริมบรรยากาศเชิงบวก เด็กๆแต่ละคนรู้สึกมีคุณค่าและเป็นที่รักตรงนี้เองที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาโดยรวมของพวกเขา
  • เด็กๆ ได้รับการสอนทักษะทางสังคมที่มีคุณค่า เช่น การแบ่งปัน ความร่วมมือ และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ พวกเขามีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่มที่ส่งเสริมการทำงานเป็นทีมและการทำงานร่วมกัน ส่งเสริมความรู้สึกเป็นชุมชนในหมู่เด็กๆ

อนุบาลบ้านวาดฝัน อนุบาลบ้านวาดฝัน

อนุบาลบ้านวาดฝัน

ความหลากหลายของกิจกรรม เด็กๆจะเลือกสิ่งที่ตนเองชอบก่อนซึ่งจะทำให้เด็กค้นพบตัวเองได้ไว ด้วยการกระตุ้นของคุณครูเด็กๆก็จะได้ทำกิจกรรมครบทุกอย่างและพบว่า เราก็ชอบแบบนี้เหมือนกันนะ…

บ้าน-โรงเรียน-กิจกรรม

  • โรงเรียนจัดการประชุมผู้ปกครองซึ่งจะเชิญวิทยากรมาให้ความรู้แก่ผู้ปกครองในแง่มุมต่างๆทั้งการเลี้ยงดูและการดูแลสุขภาพของเด็กๆ
  • ปลายปีจะมีกิจกรรมให้ผู้ปกครองมาเล่านิทาน หรือ มาสอน กิจกรรมละ 30 นาที
  • School and Family One Day Trip ไปทัศนศึกษากันทั้งโรงเรียนและครอบครัว 1 วันเต็มๆ
  • ผู้ปกครองสามารถเข้าชมนิทรรศการการแสดงผลงาน Learning Center Project Approach ของเด็กๆ
  • ผู้ปกครองสามารถนัดหมายพูดคุยกับทางโรงเรียนได้เป็นการส่วนตัว
  • กรณีเยี่ยมชมโรงเรียน สามารถนัดล่วงหน้า อย่างน้อย 1 วัน ครั้งละไม่เกิน 2 ครอบครัว (แนะนำช่วงเช้า ผู้ปกครองจะได้เห็นกิจวัตรและกิจกรรมของเด็กๆ)

อนุบาลบ้านวาดฝัน

เวลาต้องมนต์สะกด..เวลาอ่านนิทาน

อนุบาลบ้านวาดฝัน อนุบาลบ้านวาดฝัน อนุบาลบ้านวาดฝัน

Project Approach ในหัวข้อ อึ่งอ่าง เด็กๆได้เรียนรู้อะไรนอกจาก อึ่งอ่าง เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำบ้างนะ

โรงเรียนอนุบาลบ้านวาดฝันมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาเด็กๆให้เติบโต แข็งแรง สมวัย ทั้งทางด้านวิชาการ สังคม และ อารมณ์ ด้วยกิจกรรมการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม การสร้างประสบการณ์ ผ่านการปฏิบัติ เรียนรู้ ช่วยเหลือ พร้อมปลูกฝังทัศนคติที่ดีต่อความหลากหลายในสังคม ความท้าทายในชีวิต เพื่อให้เด็กๆทุกคนมีความสุขได้ในแบบที่เรียบง่าย

อนุบาลบ้านวาดฝัน

คุณครูผู้บริหารโรงเรียนทั้ง 2 ท่าน ในบรรยากาศความเป็นกันเองในชั้นเรียน

อนุบาลบ้านวาดฝัน

คุณแจน ศิรินพร  สันติเมทนีดล ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารโรงเรียนอนุบาลบ้านวาดฝัน

 

อัตราค่าเล่าเรียน

ค่าธรรมเนียมการศึกษา รายเทอม เทอมละ 40,000 บาท

ค่าอุปกรณ์การศึกษา รายปี 8,000 บาท

ค่ายเดือนตุลาคม (3 สัปดาห์ -เปิดรับนักเรียนต่างโรงเรียนด้วย รับค่ายละ 15-20 คน)

เทอมปลาย ต้นพฤศจิกายน – ปลายกุมภาพันธ์

ค่ายช่วงปิดเทอมใหญ่ ค่ายละ 4 สัปดาห์ มี 2 ค่าย (รับค่ายละ 15-20 คน)

 

ที่อยู่

100/204 หมู่บ้านอมรพันธ์ 9 ซอยเสนานิคม

โทร 02-942-2618, 02-942-2091

เว็บไซต์ : http://www.baanwadfun.ac.th

Facebook : https://www.facebook.com/baanwadfunkindergarten

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : อภินัยน์ ทรรศโนภาส


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่

ส่อง โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่ ย่านลาดพร้าว บ้านหลังที่สองอันอบอุ่น

ถ้าคุณกำลังมองหา โรงรียนนานาชาติ ย่านใจกลางเมือง วันนี้ School Visit มีรีวิวโรงเรียนดีๆอย่าง Oakbury International School โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่ มาฝากกันค่ะ

“The future is not something to predict. The future is something to build.” – Franco Ongaro

อนาคตไม่ได้มาจากการคาดเดา แต่มาจากสิ่งที่เราสร้าง

หากโรงเรียนต้องเป็นบ้านหลังที่สองของเด็กๆ โรงเรียนนั้นต้องเป็นโรงเรียนที่ดี อบอุ่นและปลอดภัยและเป็นสถานที่อนุบาลจิตใจของเด็กๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตทั้งกายและใจในอนาคต ในบรรดาโรงเรียนมากมาย โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่ คือหนึ่งในโรงเรียนที่เหมาะสมกับคำว่า “บ้านหลังที่สอง” เป็นบ้านอันอบอุ่นซึ่งคุณครู เจ้าหน้าที่ และสถานที่ สามารถดูแลเหล่า “ลูกโอ๊คน้อย” ให้มีรากฐานที่แข็งแรง เตรียมพร้อมในการเติบใหญ่เป็นคนดีในสังคม

โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่
เด็กๆ เรียนรู้ร่วมกัน
โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่
Sensory สร้างสมาธิ
โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่
บ้านหลังใหญ่เป็นอาคารเรียนหลักของ Oakbury

โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่

โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่
สนามเด็กเล่น เต็มไปด้วยอุปกรณ์เล่นมากมาย ช่วยเสริมพัฒนาการเด็กๆ

โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่

โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่
Outdoor Playground เล่นและเรียนรู้ได้ทุกฤดูเพราะวัสดุปูพื้นปลอดภัยสำหรับเด็กๆ
โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่
สื่อการสอนฝีมือคุณครู

โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่

โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่
Dining Hall สว่างไสว แสงแดดส่องถึงรูป

โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่

โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่
การตกแต่งให้ความรู้สึกผ่อนคลายกับเด็กๆ

โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่ Play-Based Learning เรียนรู้ผ่านการเล่น / สำรวจ /ตั้งคำถามอย่างสร้างสรรค์ กับ 

เด็กๆจะเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ ซึ่งธรรมชาติของเด็กๆ มักได้รับแรงกระตุ้นผ่านการเล่น คุณครูสามารถตั้งคำถามเพื่อส่งเสริมให้เด็กๆแก้ปัญหาร่วมกับการเรียนผ่านการลงมือปฏิบัติจริง  กระบวนการเรียนรู้ Play-Based Learning จะทำให้เด็กๆได้เรียนรู้ Life Skill หรือทักษะชีวิตที่สำคัญ ในขณะเล่นเด็กจะได้สำรวจ คิดสร้างสรรค์ แก้ไขปัญหา ผจญกับความท้าทาย และใช้จินตนาการอย่างเต็มที่  สิ่งที่จะได้ให้เด็กๆไปได้ไวและไปได้ไกลคือ Communication and Language ทักษะด้านการสื่อสารและภาษาเป็นประตูบานแรกของการสร้างประสบการณ์ให้กับเด็กๆ ที่ทาง Oakbury ให้ความสำคัญอันดับแรกเพราะถ้าหากเด็กๆสื่อสารไม่ได้ เขาจะแบ่งปันความรู้หรือถามคำถามไม่ได้และก็จะไม่สามารถเป็น Independent Learner ได้ ซึ่งจะทำให้เด็กๆไม่สามารถเรียนได้อย่างมีความสุข ดังนั้นคุณครูที่ Oakbury จะกระตุ้นให้เด็กๆ ถามคำถามเยอะๆ เห็นอะไรให้

Observe—> Investigate—>Ask Question—>Problem Solve—>Teamwork (สังเกต สงสัย ตั้งคำถาม แก้ไขปัญหา ทำงานร่วมกัน)

ซึ่งทักษะด้านการสื่อสารและภาษามีประโยชน์อย่างมากต่อเด็กๆดังนี้

  1. ช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ทางสังคม: ทักษะการสื่อสารที่ดีช่วยให้เด็กๆ มีส่วนร่วมและเชื่อมโยงกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงการพัฒนามิตรภาพ แก้ไขข้อขัดแย้ง และแสดงความคิดและความรู้สึกอย่างเหมาะสม
  2. ช่วยต่อยอดความสำเร็จทางวิชาการ: การสื่อสารที่ชัดเจนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเรียนรู้และทำความเข้าใจวิชาต่างๆ เด็กที่สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถแสดงความคิดเห็น ถามคำถาม และมีส่วนร่วมในการอภิปรายในชั้นเรียนอย่างกระตือรือร้น ซึ่งนำไปสู่ผลการเรียนที่ดีขึ้น
  3. ช่วยพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์: ทักษะการสื่อสารช่วยให้เด็กสามารถแสดงอารมณ์และความต้องการของตนได้อย่างเหมาะสม สิ่งนี้ช่วยให้พวกเขาสร้างความฉลาดทางอารมณ์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการจัดการความสัมพันธ์ การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และการแก้ปัญหา
  4. ช่วยเสริมความมั่นใจในตนเอง: นักสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมักจะมีความมั่นใจในตนเองสูงกว่า เมื่อเด็กๆ สามารถแสดงออกอย่างมั่นใจและชัดเจน จะช่วยเพิ่มความภาคภูมิใจในตนเองและช่วยให้พวกเขาพัฒนาภาพลักษณ์เชิงบวก
  5. ช่วยเตรียมพร้อมความสำเร็จในอนาคต: ทักษะการสื่อสารที่แข็งแกร่งมีความสำคัญต่อความสำเร็จในชีวิตส่วนตัวและอาชีพ ไม่ว่าพวกเขาจะเลือกเส้นทางอาชีพใดก็ตาม เด็กที่สามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนและโน้มน้าวใจมีแนวโน้มที่จะเก่งในการสัมภาษณ์ การนำเสนอ การทำงานเป็นทีม และบทบาทความเป็นผู้นำ

ดังนั้น การเล่นคนเดียวและเล่นเป็นกลุ่มจึงเป็นกิจกรรมที่เสริมสร้างทักษะ และ ส่งเสริมพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน ได้ง่ายที่สุด (ร่างกายสติปัญญา, อารมณ์ และ สังคม)

โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่

โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่
สื่อการสอนประกอบหัวข้อการเล่นเรียนรู้ในแต่ละสัปดาห์ 

โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่

โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่
การเรียนของเด็กๆที่เน้นการสังเกต สงสัย และตั้งคำถาม

Qualified and Dedicated Teamwork ทีมที่ทุ่มเท ของ โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่

การ Coaching และ การสร้าง Character เป็นสิ่งสำคัญมาก บุคคลากรของ Oakbury จะผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มข้นเพราะต้องมีวิสัยทัศน์และตระหนักในคุณค่าของการสร้างรากฐานที่ดีให้แก่เด็กๆตรงกันกับโรงเรียน เพราะการสร้างการเรียนการสอนแบบ Play-Based ให้สนุกต้องอาศัยความคิด เวลา และความทุ่มเทอย่างมาก

แผนเรียนสำหรับ 36 สัปดาห์แบบไม่ซ้ำ Theme คัดเลือกจาก Learning Goal เป้าหมายของการเรียนรู้ในแต่ละช่วงวัย เด็กๆได้ทำกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อกระตุ้นทั้ง Sensory และ Motor Skills เด็กๆที่นี่ชื่นชอบมากเพราะสนุก ได้ปล่อยพลัง และได้ความรู้ไปโดยธรรมชาติ แม้พัฒนาการทางด้านสติปัญญาจะเป็นสิ่งคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ แต่โรงเรียน Oakbury ใส่ใจในการสร้าง Personal Social Development หรือการสร้าง Characters ไม่น้อยไปกว่ากัน การปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดีที่น่ารักให้กับเด็กๆ ผ่านการเห็น “ผู้ใหญ่เป็น Role Model หรือ แบบอย่างที่ดีงาม” เด็กๆจะเรียนรู้การเป็นผู้มีจิตใจดี มีเมตตา มีความซื่อสัตย์

จำนวนคุณครูต่อเด็กๆเพียงพอที่จะดูแลได้อย่างดีและทั่วถึง

Daily Academic

Oakbury เป็น โรงเรียนนานาชาติ ดังนั้นเด็กๆจึงใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก

– วิชาภาษาอังกฤษ เรียน 1 คลาสทุกวัน เป็นการภาษาอังกฤษแบบ Phonics เพื่อสอนให้เด็กๆออกเสียงได้อย่างถูกต้อง สร้างความมั่นใจให้เด็ก เริ่มจากเป็นคำๆแล้วจึงเรียงร้อยเป็นประโยค

– เริ่มเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ระดับชั้น Nursery สามารถแยกความแตกต่างของเสียง Jolly Phonics เริ่มตั้งแต่อายุ 3 ปี (ระดับ Kindergarten) ระดับชั้น Year 1 เด็กๆจะอ่านเขียนเป็นประโยคได้

– วิชาภาษาไทย 1 คลาสทุกวัน ใช้เวลาเรียนวันละครึ่งชั่วโมงหลักสูตรเดียวกันกับโรงเรียนไทย (พร้อมมีคลาสเรียนเสริมหลังเลิกเรียนสำหรับครอบครัวที่อยากให้เด็กๆศึกษามากขึ้น)

  • วิชาคณิตศาสตร์ 1 คลาสทุกวัน
  • พละศึกษา, ดนตรี, ศิลปะ กิจกรรมตามวัยเพื่อฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กเตรียมพร้อมสำหรับการเขียน
  • การบ้านคือ ชวนกันคุยในครอบครัวซึ่งโรงเรียนให้ความสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นๆ (ส่งเสริมความสามารถในการสื่อสารและความสัมพันธ์ในครอบครัว)
โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่
คลาสเรียนภาษาอังกฤษแบบ Phonics
โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่
กิจกรรมเสริมทักษะ Motor Skills

 

Healthy Eating อาหารดี มีประโยชน์

เพราะการเรียนรู้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ในห้องเรียน แต่สามารถเรียนรู้ระหว่างการทานอาหารได้เช่นกัน

การปลูกฝังนิสัยในการกินที่ดีต้องเริ่มต้นตั้งแต่เด็กเพราะอาหารที่มีประโยชน์และมีพลังงานอย่างเพียงพอทำให้ร่างกายเจริญเติบโตทั้งทางร่างกายและจิตใจ เมื่อเด็กๆร่างกายที่แข็งแรง เด็กๆก็จะมีความพร้อมในการที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ดังนั้นเด็กๆที่ Oakbury จะได้รับการสอนให้เลือกทานอาหารที่ดี ทุกมื้ออาหารของ Oakbury มีความพิเศษมากเนื่องจาก Dr. Eva อาจารย์ ที่ปรึกษาด้านโภชนาการและผู้ก่อตั้งโรงเรียนเป็นผู้ดูแลทั้งเรื่องหลักสูตรและโภชนาการของเด็กๆ มื้ออาหารจึงมีคุณภาพคับแก้ว และนอกเหนือจากนั้นด้วยความตั้งใจของคุณครู เด็กๆจะได้รับกำลังใจในการฝ่าฝันอุปสรรคของตนเอง (เช่นการทานผักเป็นต้น) โดยมีคุณครูคอยให้กำลังใจและให้ทัศนคติที่ดีต่ออาหารที่เด็กๆไม่ชื่นชอบ (At least just try!)

โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่

โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่
อีกหนึ่งจุดเด่นของโรงเรียนคือมื้ออาหารหลักและอาหารว่างที่กำหนดโดย ดร. Eva

School – Parents

คุณครูสามารถดูแลเด็กๆทุกคนได้ทั่วถึง ใกล้ชิด ทาง Oakbury เน้นย้ำเรื่องการสื่อสารจะทำให้เด็กๆสามารถบอกเล่า อธิบายถึงสิ่งที่รู้สึก ในสภาวะอารมณ์ต่างๆได้ โดยคุณครูจะอยู่เคียงข้าง (Calm Time) ไม่ใช้การ Time Out

Oakbury เชื่อมั่นในการสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างผู้ปกครองและโรงเรียน

  • ช่องทางการสื่อสารผ่าน Application ผู้ปกครองจะทราบว่าวันนี้เด็กๆทานอะไร รายงานถึงการเรียนรู้ระหว่างสัปดาห์ สัปดาห์หน้าเรียนอะไรบ้าง เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ช่วยให้ผู้ปกครองได้รับข้อมูลอย่างดีเกี่ยวกับพัฒนาการของเด็กๆและกิจกรรมของโรงเรียน
  • Oakbury จะรวบรวมผลงานระหว่างสัปดาห์ของเด็กๆเป็นแพคเกจส่งให้ผู้ปกครอง เพื่อเด็กๆจะสามารถนึกออกและเล่าเรื่องราวการเรียนรู้ระหว่างสัปดาห์ให้ผู้ปกครองฟังได้ (ส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว)
  • โรงเรียนสนับสนุนให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมผ่านกิจกรรมต่างๆ โอกาสในการเป็นอาสาสมัครเข้าร่วม กิจกรรม Show and Tell ร่วมกับลูกๆ ความร่วมมือนี้จะทำให้แนวทางการศึกษาของเด็กที่บ้านและที่โรงเรียนสอดคล้องกัน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเส้นทางการเรียนรู้ของตัวเด็กๆเอง

Playground Facilities ลานกลางแจ้งสำหรับเด็กๆ

โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่
บรรยากาศห้องเรียน
โรงเรียนนานาชาติ โอ๊คบิวรี่
คณะผู้ก่อตั้งและผู้บริหารโรงเรียน คุณคมสันต์ เชษฐโชติศักดิ์, คุณ Eva Horia,Ph.D., คุณทิดารัตน์ เชษฐโชติศักดิ์, คุณคมกริช เชษฐโชติศักดิ์

 

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

  1. โรงเรียนเน้นย้ำและกระตุ้นให้เด็กๆกับคุณพ่อ คุณแม่ พูดคุยและใช้เวลาร่วมกัน เน้นการสื่อสารสานสัมพันธ์ในครอบครัว
  2. ตอบโจทย์ครอบครัวที่เน้น Communication และ Characters (สื่อสารเก่งและเป็นคนดี)
  3. ผู้ปกครองสามารถติดต่อสื่อสารและเข้าถึงทางโรงเรียนได้ตลอดเวลา จึงมั่นใจและไร้กังวล
  4. บุคคลากรเพรียบพร้อม เพียงพอ ทุ่มเท เข้าใจและใส่ใจเด็กๆ
  5. Variety of Meals เมนูสุดเฮลท์ตี้ ถูกต้องตามโภชนาการในแต่ละวัยไม่ซ้ำกันตลอด 8 สัปดาห์
  6. โรงเรียนรักษาความสะอาดและสุขอนามัยขั้นสูง สิ่งนี้แม่ชอบมาก
  7. เด็กๆที่นี่ได้รับกำลังใจจากคุณครู ทำให้เด็กๆไม่กลัวในการเผชิญหรือเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

 

ค่าเล่าเรียน  (โดยประมาณ ไม่รวมค่าอาหารและค่าใช้จ่ายอื่นๆ)

ระดับชั้น Nursery ( >2 ปี) ค่าเล่าเรียนประมาณ 263,120 บาท ต่อปี

ระดับชั้น Kindergarten ( >3 ปี) ค่าเล่าเรียนประมาณ 291,200 บาท ต่อปี

ระดับชั้น Reception ( >4 ปี) ค่าเล่าเรียนประมาณ 306,800 บาท ต่อปี

ระดับชั้น Year 1  ( > 5 ปี) ค่าเล่าเรียนประมาณ 332,800 บาท ต่อปี

* สามารถเข้าเรียนระหว่างเทอมได้ *

 

ที่อยู่

Oakbury International School
99/9 ซอย ลาดพร้าว 35 ถนนลาดพร้าว จตุจักร กรุงเทพฯ
โทร : +66 92 599 9093
Email: [email protected]
Office Hours: Mon-Fri 8.00 AM – 4.00 PM

เว็บไซต์ : www.oakbury.ac.th

Facebook : https://www.facebook.com/oakburybangkok/

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ธนายุต วิลาทัน

ชวนดูฟรีคอนเสิร์ต ดนตรีในสวน รพ.เจ้าพระยา ครั้งที่ 15

กลับมาเติมเต็มรอยยิ้มด้วยบทเพลงแห่งความคิดถึง ภายในบรรยากาศที่ใกล้ชิดเป็นกันเองกับศิลปินนักร้องระดับแนวหน้าของไทยที่ท่านชื่นชอบ ณ สวนสุขภาพ รพ.เจ้าพระยา

 

เปิดเวทีโดย #ดึกดำบรรพ์บอยแบนด์ ศิลปินนักร้องนักแต่งเพลงรุ่นใหญ่ระดับตำนาน

ต่อด้วย #เกทสึโนวา วงที่ทำเพลงได้โดนใจจนยอดยูทูปพุ่งทะลุร้อยล้านวิวในเวลาอันรวดเร็ว

ปิดท้ายกับนักร้องเสียงดีแห่งยุค #ป๊อบปองกูล พร้อมบทเพลงฮิตที่ติดหูตรึงใจคนมีความรักทั่วประเทศ

ท่านที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้ #ฟรี !! โดยการลงทะเบียนออนไลน์แจ้งความประสงค์ล่วงหน้าเท่านั้น

ผ่านทาง QR Code

www.chaophya.com

Facebook: โรงพยาบาลเจ้าพระยา

Line: @CHAOPHYA

 

ผู้ที่ลงทะเบียนแล้ว โปรดมายืนยันตัวตนก่อนเข้าร่วมงานในวันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 15.00-17.00 น. ณ หอประชุม พลโท นพ.โกวิท พัฑฒฆายน ชั้น 2 รพ.เจ้าพระยา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ แผนก CALL CENTER โทร. 02-433-5666, 02-433-8222

โรงเรียนเพลินพัฒนา

โรงเรียนเพลินพัฒนา โรงเรียนทางเลือก สุดยอดหลักสูตร มุ่งสร้างให้เด็กเห็นคุณค่าของตนเองและผู้อื่น

ถ้าพูดถึงโรงเรียนทางเลือก โรงเรียนเพลินพัฒนา ถือเป็นโรงเรียนอันดับต้นๆ ที่หลายๆ คนนึกถึง School Visit วันนี้เราจะพามาดูแนวความคิดของ โรงเรียนเพลินพัฒนา รวมไปถึงห้องเรียนและกิจกรรมต่างๆในแต่ละวันของเด็กๆ รับรองว่าวันนี้คุณจะได้รู้จักโรงเรียนเพลินพัฒนาแบบเจาะลึกแน่นอน

เพลินพัฒนา เป็นโรงเรียนเล็กในโรงเรียนใหญ่ ที่มีทุกระดับชั้นตั้งแต่ อนุบาล ประถม และมัธยม อยู่ภายในโรงเรียนนี้ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2545 โรงเรียนเพลินพัฒนา เกิดจากกลุ่มครูกลุ่มหนึ่งที่อยากจะทำโรงเรียนด้วยกัน เริ่มต้นด้วยการระดมทุนเพื่อเช่าที่ดินและสร้างอาคารเรียนเพื่อเป็นโรงเรียนของชุมชน กว่า 20 ปีที่ผ่านมา โรงเรียนค่อยๆ พัฒนาหลักสูตร ค่อยๆสะสมเงินและซื้อที่ดินเป็นของตนเอง ปัจจุบันโรงเรียนเพลินพัฒนามีเนื้อที่กว่า 31 ไร่ กลายเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ของทุกคน ทั้งเด็กๆ ครู ผู้ปกครองและทุกชีวิตในเพลินพัฒนา​ โรงเรียนเพลินพัฒนา ให้ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์ หัวใจของโรงเรียนคือการสร้างคนให้เป็นคน สร้างคนให้มีคาแรคเตอร์ เพราะรู้ว่าเด็กแต่ละคนต่างกัน ความเก่งเป็นเรื่องสำคัญแต่ไม่ได้สำคัญที่สุด  คุณครูจะช่วยมองทุกมุมทุกด้าน แล้วประกอบกันขึ้น หลอมรวมกันจนเป็นคาแรคเตอร์ของเด็กออกมาที่ชัดเจน

โรงเรียนเพลินพัฒนา

บรรยากาศทางเข้าโรงเรียน

ซึ่งทางเข้าโรงเรียนจะแยกกันชัดเจน ทั้งอนุบาล ชั้นประถมและชั้นมัธยม เพื่อความปลอดภัย

โรงเรียนเพลินพัฒนา โรงเรียนเพลินพัฒนา

ช่วงเช้าเด็กๆอนุบาล ทำกิจกรรม และร้องเพลงชาติหน้าเสาธง

โรงเรียนเพลินพัฒนา โรงเรียนเพลินพัฒนา

สนามกลางแจ้ง ของเด็กๆชั้นอนุบาล รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ

 

ทุกพื้นที่คือพื้นที่แห่งการเรียนรู้

เพราะการเรียนไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในห้องเรียน เด็กที่นี่จะได้สังเกต สัมผัส ทุกพื้นที่ในโรงเรียน โรงเรียนถูกออกแบบมาให้พัฒนาเด็กๆแบบรอบด้าน มีสภาพแวดล้อมเอื้อและตอบโจทย์การเรียนรู้ เพราะทุกพื้นที่คือที่แห่งการเรียนรู้ของเด็กๆ สำหรับเด็กเล็ก มีต้นไม้ใหญ่ไว้ให้เด็กได้ปีนป่าย มีสนามหญ้า มีเนินให้วิ่งเล่น มีใบไม้ ก้อนหิน ทราย มีธรรมชาติเป็นของเล่นปลายเปิดที่เด็กๆ เล่นได้ไม่มีวันเบื่อ เกิดการเรียนรู้ที่ดี ส่วนในห้องเรียนจะจัดพื้นที่และสภาพแวดล้อม เพื่อเอื้อต่อกระบวนการการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัย ส่วนเด็กโตมีสนามกีฬาทั้งแบบกลางแจ้งและแบบในร่ม ทั้งสนามฟุตบอล สนามบาสเก็ตบอล สระว่ายน้ำ อาคารเรียนที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และมุมพักผ่อนมากมายสำหรับเด็กๆ

  โรงเรียนเพลินพัฒนา โรงเรียนเพลินพัฒนา

อุปกรณ์ Sensory มีทั้งในห้องเรียนและตรงส่วนกลาง เพื่อฝึกทรงตัว เอ็นข้อต่อ ผิวสัมผัส เด็กได้มุดลอด กระโดด และเดินสำรวจธรรมชาติ หรือมองโลกผ่านแสงหรือสีต่างๆ

 โรงเรียนเพลินพัฒนา โรงเรียนเพลินพัฒนา

ชั่วโมงภาษาอังกฤษของระดับชั้นอนุบาล เน้นเล่นและทำกิจกรรม เพื่อให้เด็กซึมซับภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติ

 

บูรณาการวิชาทักษะชีวิต

ชั้นอนุบาลและประถมศึกษา เป็นการปูพื้นฐาน เรียนแบบลงมือทำ Active Learning โดยใช้การบูรณาการวิชาทักษะชีวิต กับวิชาการให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะโลกใบนี้เปลี่ยนเร็ว คุณภาพของเด็กจึงสำคัญมากกว่าแค่ความรู้  ทำอย่างไรให้ตัวเด็กมีศักยภาพ ในการคิดในการตัดสินใจและรู้จักพัฒนาตนเอง  โดยมีการจัดการศึกษาที่ตอบโจทย์ธรรมชาติของโลกในสามมิติ ใช้เป็นแกนในการออกแบบหลักสูตรของโรงเรียน เรียนรู้ควบคู่กันไปเพื่อพัฒนา อารมณ์ สังคม จริยธรรมและวิชาการ ผ่านกิจกรรมที่สนุกสนาน พัฒนาสมองส่วนหน้าของมนุษย์ (EF ) การยับยั้งชั่งใจ การยืดหยุ่นทางความคิด  การวางแผน การจัดการ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะพึ่งพาตนเองได้และเป็นที่พึ่งของสังคม เด็กแข็งแรงเบิกบานมีความสุข  ที่เพลินพัฒนานำกระบวนการเรื่องวิจัยมาฝึกให้เด็กตั้งแต่ชั้นประถม 1 เพื่อฝึกหาปัญหาและแก้ปัญหา แต่ขอบเขตของเรื่องจะเหมาะสมกับวัย ลองคาดเดาคำตอบ ถึงปัญหาที่ตนเองตั้ง และเตรียมนำเสนอผลงาน เด็กประถมที่นี่มีความพร้อมทางสติปัญญาและมีความมั่นใจ วิเคราะห์ด้วยตนเองได้เพื่อปูทางไปยังมัธยมศึกษา

โรงเรียนเพลินพัฒนา

ทางโรงเรียน เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองได้เข้ามาดูการเรียนการสอนจริงในทุกระดับชั้น จะได้รู้สึกมั่นใจว่าเรียนอย่างไร โดยจัดปีละครั้ง หลังจากดูการเรียนการสอนแล้ว จะพูดคุยกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล

โรงเรียนเพลินพัฒนา โรงเรียนเพลินพัฒนา โรงเรียนเพลินพัฒนา โรงเรียนเพลินพัฒนาวิชาศิลปะของเด็กอนุบาล จัดเป็นฐานต่างๆ ฐานปั้น ฐานสี ฐานตัดกระดาษ ใครชอบอะไรก็เลือกทำได้ ตามความชอบ สร้างความหลากหลายให้กับเด็กๆ

  โรงเรียนเพลินพัฒนา โรงเรียนเพลินพัฒนา โรงเรียนเพลินพัฒนา โรงเรียนเพลินพัฒนา

โซนเด็กประถม แยกส่วนกันชัดเจน ทั้งห้องเรียน ทางเข้าออก และสนามหญ้าขนาดใหญ่ เหมือนมีโรงเรียนประถมขนาดย่อมๆในโรงเรียนขนาดใหญ่

 

ทำงานร่วมกับผู้ปกครองเป็นหลัก  

ถ้าจะเรียนที่เพลินพัฒนาต้องเรียนด้วยกันทั้งครอบครัว ทั้งเด็กและคุณพ่อคุณแม่ ครอบครัวต้องเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีและช่วยพัฒนาเด็กอยู่ตลอด  แลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าตอนนี้เด็กเป็นอย่างไร ควรส่งเสริมเรื่องอะไร  ทางโรงเรียนเปิดคอร์สอบรมสำหรับคุณพ่อคุณแม่ โดยมีคุณหมอและนักจิตวิทยามาช่วยอบรมอยู่เป็นประจำ  โดยผู้ปกครองต้องเข้าอบรมคลาสห้องเรียนพ่อแม่จำนวน  30 ชั่วโมง ( เป็นภาคบังคับ)   เพื่อให้ครอบครัวแข็งแรงและสัมพันธ์กันกับโรงเรียน  นอกจากการอบรมแล้ว ทางโรงเรียนมีกิจกรรมมากมาย เช่น เชิญคุณพ่อคุณแม่ คุณตาคุณยาย มาช่วยสอนเรื่องอาชีพต่างๆ มาเล่นละคร ร้องเพลง เล่านิทาน เพื่อสานสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครอบครัว เด็ก และโรงเรียน

     โรงเรียนเพลินพัฒนา โรงเรียนเพลินพัฒนา โรงเรียนเพลินพัฒนา

โซนเด็กมัธยม บรรยากาศน่าเรียนเพราะตัวอาคารเปิดโล่ง มองเห็นต้นไม้สีเขียวได้ทุกมุม

 

โครงงาน PBL (Problem Based Learning)

โครงงาน PBL  คือการเรียนรู้โดยใช้ปัญหามาเป็นฐาน และหาวิธีแก้ปัญหาด้วยการทำโครงงานการแก้ปัญหานั้นขึ้นมา จะเป็นปัญหาใกล้ตัว สิ่งที่ค้นพบเจอหรือปัญหาที่คนอื่นประสบมาก็ได้  โดยใช้กระบวนการ Design Thinking  การคิดออกแบบโดยใช้มนุษย์เป็นศูนย์กลาง สำหรับเด็กมัธยมต้นจะทำ  1 เทอมต่อ 1 โครงงาน ส่วนมัธยมปลายจะทำปีการศึกษาละ 1 โครงงาน ทุกๆสัปดาห์ต้องนำโครงงานมาคุยกับคุณครูที่ปรึกษาว่าระหว่างทางมีปัญหาอะไรบ้าง แก้ปัญหาอย่างไร และตั้งเป้าในครั้งต่อไปอย่างไร เด็กๆต้องลงสัมภาษณ์เอง ลงพื้นที่เพื่อให้เห็นปัญหาจริงและเข้าใจอย่างแท้จริง  การแก้ปัญหาอาจจะเป็นสิ่งประดิษฎ์หรือนวตกรรมก็ได้หรือเป็นแนวคิดหรือวิธีการก็ได้ คุณครูจะทำหน้าที่เป็นโค้ช คอยช่วยเหลือและชวนคิด ประโยชน์ของโครงการคือ เด็กจะได้รู้จักการทำงานร่วมกันทั้งกับเพื่อนกับครูและคนภายนอก  รู้จักการคิดแบบวิจารณญาณ หาข้อมูล และกลั่นกรอง คิดหาวิธีใหม่ๆในการแก้ปัญหา เรียนรู้ที่จะสื่อสาร เป็นกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การทำPBL  จะเป็นตัวช่วยตัวหนึ่งที่จะทำให้เด็กรู้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบทำอะไรด้วย

โรงเรียนเพลินพัฒนา โรงเรียนเพลินพัฒนา

มุ่งเน้นการค้นหาตัวตนและมุ่งสู่เป้าหมายของตนเอง

เด็กมัธยมต้นที่โรงเรียนเพลินพัฒนาจะเน้นการค้นหาตัวตน สามารถเลือกวิชาเรียนเพิ่มเติมได้ด้วยตนเอง เรียนให้หลากหลายเพื่อให้หาตนเองให้เจอ พอเป็นมัธยมปลายเป็นเรื่องการต่อยอด มุ่งมั่นไปตามเส้นทาง ครูที่ปรึกษาจะพยายามคัดเลือกวิชาให้พัฒนาทักษะและตรงกับความสนใจของนักเรียน โดยการเลือกรายวิชาจะขึ้นอยู่กับเด็กว่าอยากเรียนอะไร มีวิชาพื้นฐานที่เด็กทุกคนต้องเรียน และวิชาเพิ่มเติมเด็กสามารถลงเรียนได้ตามความสนใจ เช่น เรียนฟิสิกส์กับศิลปะหรือจิตวิทยาก็ได้ เป้าประสงค์หลักของโรงเรียน คืออยากให้เด็กได้เห็นตัวตนของตนเอง ถนัดและมีความสุขกับอะไร ชอบอะไร เมื่อรู้แล้วจะใช้ชีวิตและมีทักษะการเป็นพลเมืองของโลกใบนี้ได้ เป็นส่วนหนึ่งของสังคมและช่วยสังคมได้ วิชาการไม่ใช่เป้าหมายหลักของโรงเรียน เป้าหมายหลักของโรงเรียนคือ การสมบูรณ์ชีวิต มีความสุขในการใช้ชีวิต รู้จักการบาลานซ์ชีวิตได้ว่า จะมีความสุขได้อย่างไร แต่ละคนมีข้อดีข้อด้อยต่างกัน ยอมรับและเข้าใจความแตกต่าง

 

No one left behind

เพราะเด็กทุกคนไม่ได้เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ อาจมีเด็กบางคนที่มีความพร่อง โรงเรียนจึงเกิดโครงการ No one left behind เราจะไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง  เด็กเหล่านี้จะได้รับการประคับประคอง ช่วยเหลือ แก้ไข เพื่อให้เด็กดำเนินชีวิตต่อได้ โดยทางโรงเรียนและครอบครัว ต้องวางแผนช่วยกันแก้ปัญหาและพัฒนาเด็กร่วมกัน ตราบใดที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ทิ้งเด็ก พร้อมจะช่วยเหลือกัน โรงเรียนก็ไม่มีวันทิ้งเด็กจะสู้เพื่อให้เด็กได้ไปต่อ นอกจากนี้ยังมีโครงการการศึกษาพิเศษ เป็นสิ่งรองรับอีกขั้น เพื่อดูแลเด็กที่มีปัญหาพฤติกรรม คอยเฝ้าสังเกต ได้รับการดูแลจากคุณครูเป็นพิเศษหรือมีผู้เชี่ยวชาญมาคอยดูแล เพราะทุกคนคือครอบครัวเพลินพัฒนา

โรงเรียนเพลินพัฒนา

คุณครูหวาน -ธิดา พิทักษ์สินสุข กรรมการ บริษัท เพลินพัฒน์ จำกัด, กรรมการสถานศึกษา โรงเรียนเพลินพัฒนา และที่ปรึกษาพิเศษ โรงเรียนเพลินพัฒนา ,นายกสมาคมอนุบาลศึกษาแห่งประเทศไทยฯ

 

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

1. สัดส่วนของครูกับนักเรียน เป็นอัตราส่วนที่ครูสามารถดูแลนักเรียนได้ทั่วถึง ครูที่นี่ช่างสังเกต และพร้อมพัฒนาเด็ก ในจุดเด่นและแก้ไขจุดด้อย โดยทำงานร่วมกับผู้ปกครองแต่ละบ้าน เป็นแบบ1:1

2. เด็กนักเรียนที่นี่มีเป้าหมายชัดเจน กล้าคิดและกล้าตัดสินใจ เพราะหัดตั้งเป้าหมายเองตั้งแต่เล็กจากสิ่งที่ตนเองสนใจ

3. เด็กที่เพลินพัฒนาเห็นคุณค่าของตัวเอง เด็กจะสะท้อนตัวเองและสะท้อนผลของการเรียนรู้

4. การสอนที่ทำให้เด็กรู้จักการแก้ปัญหา และมองปัญหาเป็นเรื่องปกติของชีวิต สำเร็จก็ได้ไม่สำเร็จก็ได้ ทำให้เด็กมีภูมิคุ้มกันที่ดีในโลกอนาคต

5. นักเรียนชั้นมัธยมจะมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ มีบทบาทในการสร้างกฎกติกา ที่จะใช้อยู่ร่วมกัน เช่น สีผม เครื่องแต่งกาย ชุดไปรเวทจะเป็นอย่างไร แต่งวันไหน แต่ละปีก็จะขึ้นอยู่กับนโยบายของสภานักเรียน นอกจากนี้เด็กสามารถเปิดรายวิชาที่ตนเองสนใจได้ ทั้งเด็กมัธยมต้นและมัธยมปลาย

โรงเรียนเพลินพัฒนา ค่าเทอม อัตราค่าเล่าเรียน ปีการศึกษา 2567

เปิดรับสมัครนักเรียน ตั้งแต่

ระดับชั้นเตรียมอนุบาล – มัธยมศึกษาตอนปลาย

ประมาณ 185,000 – 195,000 บาท/ต่อปี

กระบวนการในการรับเข้าเรียน

อนุบาล – ชั้น 1 มีการสำรวจพัฒนาการนักเรียนและสัมภาษณ์ผู้ปกครอง

ชั้น 2 – มัธยม ทดสอบและสัมภาษณ์ผู้ปกครอง

สอบถามเพิ่มเติม ได้ที่

ส่วนงานรับสมัครนักเรียน LINE @plearnpattana

โทร 02 885 2670 – 5 ต่อ 111 หรือ 222

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  นันทิยา บุศบงค์


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

ไฮคิว ยูเอชที

ซื้อนมสูตรสำเร็จ ไฮคิว ยูเอชที ครบ 2500 บาท รับของแถมฟรี!

โปรสุดพิเศษ! ซื้อนมสูตรสำเร็จ ไฮคิว ยูเอชที ที่มีสารอาหารอัดแน่นเต็มกล่อง ครบ 2500 บาท รับฟรี! ชุดรถรางอัจฉริยะเพื่อการเรียนรู้

นมสูตรสำเร็จไฮคิว ยูเอชที นมเสริมสารอาหารสูง ที่มีปริมาณสารอาหารหลากหลายมากกว่าการกินนมวัวมากถึง 10 กล่อง*

ไฮคิว ยูเอชทีมีสารอาหารอัดแน่นเต็มกล่อง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณสูงและหลากหลาย สูตรสำเร็จที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเด็กในแต่ละช่วงวัย  เสริมสมองและเพิ่มภูมิต้านทานที่เหนือกว่า

  • เสริมระบบประสาทและสมอง  ด้วย DHA สูง, โอเมก้า 3,6,9 และวิตามินบี 12 สูง
  • เพื่อภูมิต้านทานที่แข็งแรง และแบรนด์เดียวที่มีใยอาหารพรีไบโอติก GOS/lcFOS
  • และยังมีวิตามินและแร่ธาตุสูงหลายชนิด
  • รสชาติอร่อย ถูกใจเด็กๆ สารอาหารเพียบ ถูกใจแม่ๆ
  • สูตรเดียวที่มีงานวิจัยรองรับในเด็กไทย** พิสูจน์แล้วว่าเสริมภูมิต้านทานในเด็ก

**งานวิจัย GOS/lcFOS สัดส่วน 9:1 และ DHA ควรทานอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ

ไฮคิว ยูเอชที

🛒 ไปช้อปกันได้แล้ววันนี้ที่ร้านค้าที่ร่วมรายการ

  • โลตัส 26 ต.ค. – 22 พ.ย. 66
  • บิ๊กซี 12 ต.ค. – 1 พ.ย. 66
  • ท็อปส์ 25 ต.ค. – 14 พ.ย. 66
  • แม็คโคร 25 ต.ค. – 31 ต.ค. 66
  • ร้านค้าท้องถิ่นชั้นนำทั่วไป 25 ต.ค. – 24 พ.ย. 66 หรือจนกว่าของแถมจะหมด

อิเกีย จัดกิจกรรมเปิดตัวคอลเล็คชั่น AFTONSPARV/ อัฟตอนสปาร์ฟ การเล่นเริ่มต้นได้ง่ายๆ ที่บ้าน

อิเกีย ย้ำแนวคิด ‘การเล่นไม่ใช่แค่เรื่องเล่นๆ’ ชวนผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ สื่อความหมายร่วมแชร์เคล็ดลับ การเล่นเสริมพัฒนาการลูกน้อยกับ คอลเล็คชั่นอวกาศ AFTONSPARV/ อัฟตอนสปาร์ฟ พร้อมวางจำหน่าย 2 พฤศจิกายนนี้ ที่สโตร์อิเกียและช่องทางออนไลน์

อิเกีย ประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการส่งเสริมและสร้างรากฐานพัฒนาการของเด็กๆ จากการเล่นเริ่มต้นได้ง่ายๆ ที่บ้าน จัดกิจกรรมเปิดตัวคอลเล็คชั่น AFTONSPARV/ อัฟตอนสปาร์ฟ ณ สโตร์อิเกีย บางนา คอลเล็คชั่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากความรู้และความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับอวกาศของเด็กๆ จนกลายมาเป็นสินค้าคอลเล็คชั่นพิเศษที่ส่งเสริมให้เด็กๆ ได้ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์อย่างไร้ขีดจำกัดกับของเล่น เครื่องนอน เกม และอื่นๆ อีกมากมายในธีมนักอวกาศตัวน้อย

พร้อมด้วยเสวนาในหัวข้อ ‘ความสำคัญของการเล่นกับพัฒนาการเด็ก’ โดยมี คุณพรินทร์ สุวรรณัง ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์สื่อความหมาย มาร่วมให้ความรู้และเคล็ดลับสำหรับคุณพ่อคุณแม่เกี่ยวกับความสำคัญของการเล่นเสริมพัฒนาการและการมีส่วนร่วมของคนในครอบครัวซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นการเรียนรู้

คุณวรันธร เตชะคุณากร ผู้อำนวยการด้านการสื่อสารและดีไซน์ อิเกีย ประเทศไทย เล่าถึงที่มาของคอลเล็คชั่นสุดพิเศษ AFTONSPARV/ อัฟตอนสปาร์ฟ ในครั้งนี้ว่า “ที่อิเกีย เราให้ความสำคัญกับแนวคิด Life at Home’ โดยต้องการสร้างสภาพแวดล้อมภายในบ้านที่เอื้อต่อการเล่นและการเรียนรู้ของเด็กๆ ให้มีอิสระในการเล่น เพราะเราเชื่อว่าการเล่นไม่ใช่แค่เรื่องเล่นๆ แต่เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างชีวิตประจำวันที่ดีขึ้นได้ง่ายๆ ที่บ้าน โดยคอลเล็คชั่น AFTONSPARV/ อัฟตอนสปาร์ฟ เกิดจากความตั้งใจของอิเกียที่อยากเชิญชวนให้เด็กๆ ได้มาปลดปล่อยจินตนาการในพื้นที่ที่กว้างใหญ่ นั่นก็คือ อวกาศ

ซึ่งอิเกียให้ความสำคัญกับการเล่นของเด็กๆ และเชื่อว่าการเล่นเป็นสิทธิที่เด็กๆ ทุกคนควรได้รับ (Children’s Right to Play) เนื่องจากจะช่วยให้พวกเขาได้มีพัฒนาการที่สมวัย

คอลเล็คชั่นนี้ได้รับการออกแบบโดยดีไซเนอร์ Marta Krupińska ที่ต้องการนำเสนอสินค้าสำหรับเด็กๆ อายุ 3-7 ปี ได้แก่ ตุ๊กตา เกมและของเล่น เครื่องนอน โคมไฟ และอื่นๆ เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการผ่านการเล่นในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การวาดรูประบายสี การเล่นบทบาทสมมุติ  อิเกียหวังว่าคอลเล็คชั่น AFTONSPARV/ อัฟตอนสปาร์ฟ ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์อวกาศนี้จะสามารถเชิญชวนให้เด็กๆ ได้มาร่วมสนุกและเสริมสร้างจินตนาการไปด้วยกัน”

ภายในงาน อิเกีย ประเทศไทย ยังได้จัดเสวนา เรื่อง ‘ความสำคัญของการเล่นกับพัฒนาการเด็ก’ โดยมี คุณพรินทร์ สุวรรณัง ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์สื่อความหมาย เจ้าของเพจ @bearcantalk ที่มีผู้ติดตามกว่าหนึ่งแสนคนบน TikTok มาร่วมให้ความรู้และเคล็ดลับสำหรับคุณพ่อคุณแม่เกี่ยวกับการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมการเล่นและการทำกิจกรรมต่างๆ ให้เหมาะสมและส่งเสริมพัฒนาการเด็กในแต่ละช่วงวัย

“พัฒนาการของเด็กจะมีการเล่นเป็นสื่อกลาง ตั้งแต่การพัฒนาสติปัญญา ภาษาการสื่อสาร กล้ามเนื้อมัดเล็กและใหญ่ ความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการแก้ปัญหา และเสริมสร้างความฉลาดทางอารมณ์และอื่นๆ ทักษะที่สำคัญต่อพัฒนาการของเด็ก คือ Executive Functions (EF) หรือทักษะการบริหารจัดการตนเองขั้นสูง เน้นส่งเสริมให้เด็กๆ คิดเป็น ทำเป็น เรียนรู้เป็น แก้ปัญหาเป็น และปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มปลูกฝังได้ตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ว่าจะเป็น การปลูกฝังความรับผิดชอบ เช่น การฝึกให้เด็กๆช่วยทำงานบ้าน การเก็บของเล่นเมื่อเล่นเสร็จ การสนับสนุนให้รู้จักตนเอง ผ่านการเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ตกแต่งห้องนอนหรือพื้นที่ส่วนตัวตามจินตนาการของตนเอง และการมอบคำชมเพื่อเป็นการส่งเสริมให้เด็กภูมิใจในตัวเอง สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนการหยอดกระปุก ที่ค่อยๆ สั่งสมเรื่อยๆ จนกลายเป็นรากฐานการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ที่แข็งแรง” คุณพรินทร์กล่าว

“นอกจากนี้ การเล่นอย่างอิสระและสิ่งแวดล้อมที่พรั่งพร้อม (Enriched Environment) หรือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เปิดกว้าง และส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาในอนาคตก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจเริ่มจากการเลือกของเล่นที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กในแต่ละวัย เช่น ช่วงวัย 4-7 ปี เด็กวัยนี้การเล่นส่วนใหญ่จะเป็นการเล่นบทบาทสมมุติ เริ่มมีการเล่นแบบโครงสร้างที่ซับซ้อนและการเล่นแบบมีกฎกติกาง่ายๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์การออกแบบของเล่นของอิเกีย ที่คำนึงถึงการเล่นอย่างสร้างสรรค์และการเปิดกว้างทางจินตนาการ อย่างสินค้าในคอลเล็คชั่น AFTONSPARV/ อัฟตอนสปาร์ฟ นี้ที่เป็นพื้นที่แห่งจินตนาการ ให้เด็กๆ ได้ผจญภัยไปในห้วงอวกาศ สวมบทบาทนักบินอวกาศที่อาจเป็นฮีโร่ของเด็กๆ หลายคนและได้ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ได้เต็มที่

อีกเคล็ดลับที่อยากฝากไว้ คือ เทคนิคการเล่นกับเด็กที่คุณพ่อคุณแม่บางท่านอาจไม่ได้คำนึงถึง ได้แก่ การเล่นระดับสายตา การสนุกไปกับเด็กๆ การใส่เสียงและท่าทาง และการผลัดกันเป็นผู้นำ-ผู้ตาม เพื่อให้เด็กๆ ได้สัมผัสและรับรู้ถึงการที่คุณพ่อคุณแม่ได้มาร่วมเปิดประสบการณ์สนุกๆ ไปกับพวกเขา การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองนี้นอกจากจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านอารมณ์และความคิดแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างความแน่นแฟ้น และสร้าง Quality Time หรือเวลาคุณภาพในครอบครัวร่วมกันอีกด้วย”

นอกจากนี้ การผลิตสินค้าในคอลเล็คชั่น AFTONSPARV/ อัฟตอนสปาร์ฟ ยังได้เน้นย้ำถึงความใส่ใจด้านความยั่งยืนและความตั้งใจในการปลูกฝังจิตสำนึกด้านการส่งต่อสิ่งดีๆ คืนสู่สังคมของอิเกีย ด้วยการผลิตสินค้าประเภทตุ๊กตาผ้าต่างๆ จากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 100% และในเดือนธันวาคมนี้ อิเกียจะจัดแคมเปญเพื่อร่วมสมทบทุนบริจาค 30 บาท จากทุกการซื้อตุ๊กตาผ้าภาย 1 ตัว ให้แก่มูลนิธิเกี่ยวกับเด็ก เพื่อร่วมสร้างโอกาสและสนับสนุนให้เด็กๆ ทั่วไปได้เข้าถึงการเล่นอย่างมีคุณภาพ

คอลเล็คชั่น AFTONSPARV/ อัฟตอนสปาร์ฟ  พร้อมวางจำหน่ายที่สโตร์อิเกียและทางเว็บไซต์อิเกีย ประเทศไทยที่ IKEA.co.th/space ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป และอิเกีย ประเทศไทย ยังเตรียมจัดกิจกรรมเปิดตัวสินค้าคอลเล็คชั่นพิเศษ AFTONSPARV/ อัฟตอนสปาร์ฟ ให้เด็กๆ ได้เพลิดเพลินไปกับการเล่นและกิจกรรมต่างๆ ในวันเสาร์ที่ 4 และวันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2566 ณ สโตร์อิเกีย บางนา อิเกียบางใหญ่ และอิเกีย ภูเก็ต

 

เกี่ยวกับอิเกีย ประเทศไทย
ปัจจุบันอิเกียเป็นบริษัทค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีจำนวนสโตร์มากกว่า 460 แห่ง ในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก อิเกีย ประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งในเครือ Ikano Retail ซึ่งเป็นหนึ่งใน 12 ผู้ประกอบการแฟรนไชส์อิเกียเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นของครอบครัว Ingvar Kamprad ผู้ก่อตั้งอิเกียตั้งแต่ปี 1943
อิเกียได้มุ่งมั่นสรรค์สร้างชีวิตที่ดีกว่าให้แก่ผู้คนทั่วไปในทุกๆ วัน ด้วยการนำเสนอเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านที่มีรูปแบบหลากหลาย ดีไซน์สวยงาม พร้อมทั้งประโยชน์ใช้สอยคุ้มค่า ในราคาที่ผู้คนทั่วไปเป็นเจ้าของได้ ปัจจุบันบริษัท อิคาโน่ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเจ้าของและดำเนินธุรกิจหลายช่องทาง ซึ่งรวมถึงสโตร์อิเกีย 3 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ อิเกีย บางนา อิเกีย บางใหญ่ และอิเกีย ภูเก็ต อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับอิเกียได้ที่ IKEA.co.th
น้ำยาปรับผ้านุ่ม

น้ำยาปรับผ้านุ่ม น่าใช้แห่งปี 2023 ต้องยกให้ ไฮยีน เอ็กซ์เพิร์ท แคร์ มิลค์กี้ ทัช นุ่มหอมละมุน อ่อนโยนต่อผิวลูกน้อยและผิวบอบบาง เพื่อคุณแม่โดยเฉพาะ!

คุณแม่คนไหนซักทำความสะอาดเสื้อผ้าลูกเสร็จแล้ว ต้องอย่าลืมเพิ่มความนุ่มนิ่มให้กับเนื้อผ้า หอมละมุน น่ากอด ด้วย น้ำยาปรับผ้านุ่ม ที่เหมาะกับเสื้อผ้าลูกนะคะ

นี่เลยค่ะ.. แม่ไม่ต้องตามหาให้เสียเวลาอีกต่อไป เพราะเราได้คัดสรรเลือกมาให้อย่างดีที่สุดเหมาะกับเสื้อผ้าของเด็ก ๆ  และทุกคนในครอบครัว ขอแนะนำ น้ำยาปรับผ้านุ่ม ที่การันตีด้วยรางวัลนวัตกรรม BEST INNOVATIVE FABRIC SOFTENER  จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023 ให้คุณแม่ใช้ได้อย่างสบายใจ มั่นใจได้ว่าปลอดภัย อ่อนโยนสุด ๆ กับผิวลูก เสื้อผ้าสำหรับเด็กที่ดีนั้นนอกจากต้องเลือกไซส์ที่เหมาะกับวัยของลูกแล้ว เนื้อผ้าต้องอ่อนนุ่ม ใส่สบาย  หอมละมุน และไม่ระคายเคืองผิวค่ะ ตัวช่วยสำคัญที่ช่วยให้เสื้อผ้ายังนุ่ม หอมละมุนแบบไม่เปลืองแรง

ผลิตภัณฑ์ น้ำยาปรับผ้านุ่ม ที่เหมาะใช้ในการถนอมชุดเสื้อผ้าของลูก

ด้วยโครงสร้างผิวเด็กทารกและเด็กเล็กยังไม่สมบูรณ์ จึงระคายเคืองได้ง่าย น้ำยาปรับผ้านุ่มที่คุณแม่ควรเลือกใช้ต้องอ่อนโยนกับผิวของลูกน้อย ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ และผ่านการทดสอบแล้วว่าปลอดภัยต่อผิวลูก มั่นใจว่าไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง หรือผื่นแพ้ผิวหนัง โดยเฉพาะหากลูกมีผิวแพ้ง่าย

ทำไมต้องใช้ น้ำยาปรับผ้านุ่ม ไฮยีน เอ็กซ์เพิร์ท แคร์ มิลค์กี้ ทัช

  • เพื่อผิวสัมผัสของเนื้อผ้าที่นุ่ม ไม่ระคายเคืองต่อผิวของเด็ก
  • เพื่อความหอมละมุนน่ากอด
  • มีส่วนผสมของเซรั่มนมเข้มข้น จากนมอัลมอนด์ ผ่านการพิสูจน์จากสถาบัน Dermscan France (เดิร์มสแกน ฝรั่งเศส) ไม่พบการระคายเคืองกับผิวเด็ก ผิวบอบบาง หรือ ผิวแพ้ง่าย จึงใช้ได้กับเด็กอ่อน 3 เดือนขึ้นไป และใช้ได้กับทุกคนในครอบครัว

Amarin Baby & Kids ยกให้ น้ำยาปรับผ้านุ่ม สูตรอ่อนโยน ไฮยีน เอ็กซ์เพิร์ท แคร์ มิลค์กี้ ทัช เป็นผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม ที่ได้รับรางวัล INNOVATION สาขา BEST INNOVATIVE FABRIC SOFTENER จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

ทีมแม่ ABK ขอแนะนำเลยค่ะ น้ำยาปรับผ้านุ่ม ไฮยีน เอ็กซ์เพิร์ท แคร์ มิลค์กี้ ทัช ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการนำนวัตกรรม Milk Serum เซรั่มนมจากน้ำนมอัลมอนด์สกัดเข้มข้น ที่เราคุ้นเคยในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว มาพัฒนาให้เป็นตัวช่วยดูแลความนุ่ม ชุ่มชื่นในเส้นใยผ้า

น้ำยาปรับผ้านุ่ม

ไฮยีน เอ็กซ์เพิร์ท แคร์ มิลค์กี้ ทัช จึงเป็นหนึ่งเดียวของผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มที่มีมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ ให้ความหอมละมุน และอ่อนโยนต่อเนื่องยาวนานกว่า 5เท่า* เทียบกับสูตรมาตรฐาน จึงช่วยลดโอกาสการเสียดสีของผิวบอบบางแพ้ง่ายของลูกน้อยกับเส้นใย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดผื่นแดงให้น้อยลง มาพร้อมกลิ่นหอมละมุน ช่วยให้ลูกน่าหอม น่ากอดไปตลอดวัน

ทุกส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ผ่านการพิสูจน์จากสถาบัน Dermscan France (เดิร์มสแกน ฝรั่งเศส) ไม่พบการระคายเคืองกับผิวเด็ก ผิวบอบบาง หรือ ผิวแพ้ง่าย  จึงใช้ได้กับเด็กอ่อน 3 เดือนขึ้นไป และใช้ได้กับทุกคนในครอบครัว

น้ำยาปรับผ้านุ่ม

ด้วยคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์จาก Hygiene ทั้งหมดนี้ ทาง Amarin Baby & Kids “เครือข่ายแม่ลูกใหญ่ที่สุด” ผู้นำด้านคอนเทนต์คุณภาพ เข้าใจครอบครัวไทย และตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ จึงคัดเลือกให้ ไฮยีน เอ็กซ์เพิร์ท แคร์ มิลค์กี้ ทัช ได้รับรางวัล Innovation สาขา BEST BABY FABRIC SOFTENER จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023”  ซึ่งมอบให้กับสินค้าแม่ลูก “สินค้าใช้ดี และมีประโยชน์จริง”

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่สนใจผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มที่ ใช้ได้ทั้งครอบครัว  ด้วยความนุ่มหอมละมุน อ่อนโยนต่อผิว

ลองเลย! ไฮยีน เอ็กซ์เพิร์ท แคร์ มิลค์กี้ ทัช ถุงสีขาว

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/HygieneThailand/?locale=th_TH

 

 

Newton Junior โรงเรียนอินเตอร์รูปแบบใหม่ ตั้งอยู่ใจกลางสยามสแควร์

สยามสแควร์..ย่านใจกลางเมืองที่คึกคัก ล้อมรอบด้วยความมีชีวิตชีวา จุดศูนย์รวมของแหล่งธุรกิจสำคัญ สถานที่ท่องเที่ยวและสถานศึกษามานานหลายศตวรรษ จากบีทีเอสมาถึงสยามสแควร์ ซอย 6 ย่านโรงเรียนกวดวิชา.. เราจะพบ Façade ลายไม้สวยสะดุดตาที่มาพร้อมกับตราสัญลักษณ์ของสถาบันที่ราวกับจะพาพวกเราทะยานออกนอกโลก มุ่งตรงสู่ดวงดาวและจักรวาล โลกทั้งใบกำลังอยู่ตรงหน้า..ยินดีต้อนรับสู่ ศูนย์การเรียน Newton Junior

เมื่อทีมงาน ABK มาถึง เด็กๆในชุดไปรเวทพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเสียงดังลั่น บรรยากาศเหมือนโรงเรียนในต่างประเทศ ทันทีที่ถึงเวลาเรียน..ทุกเสียงเงียบลงทันที!

บรรยากาศทางเข้าอาคารเรียน
บันไดเอนกประสงค์ การจัดสรรพื้นที่ให้ใช้งานได้หลากหลาย เป็นทั้ง Auditorium และ Common Area คุณครูไม่ต้องคอยตาม เด็กๆจะรีบเข้าชั้นเรียนเอง
Bug’s Week สัปดาห์แห่งการเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับแมลง)

It takes the whole village to raise a child

คุณนิสชิน ธภัชชา วงศ์กาสิทธิ์ ผู้บริหารโรงเรียนได้เล่าให้ฟังว่าศูนย์การเรียน Newton Junior (ระดับประถมศึกษา) ก่อตั้งหลัง The Newton Sixth Form (ระดับมัธยมศึกษา) ซึ่งสวนทางกับโรงเรียนอื่นๆ ที่เริ่มจากเด็กเล็ก ไปเด็กโต เพราะการสร้างเด็กให้เก่งนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่การปลูกฝังและบ่มเพาะอุปนิสัยที่ดี ให้มีความเป็นผู้นำ ที่รู้จัก หน้าที่ (Duty) มีวินัย (Discipline) ความมุ่งมั่น (Determination)และมีเอกลักษณ์ตามแต่ละบุคคลนั้นใช้เวลายาวนาน ต้องเริ่มตั้งแต่ยังเล็กๆ

Academic Teacher ผู้เชี่ยวชาญทำหน้าที่ดูแลเนื้อหาการสอน เทคนิค กลเม็ดต่างๆ จะถูกออกแบบและนำมาปรับใช้ให้เด็กๆทุกคนมีส่วนร่วมตลอดเนื้อหาวิชา จึงไม่น่าแปลกใจว่าเด็กๆ Newton เก่งวิชาการกันจนเป็นมาตรฐาน ในขณะที่ Care Supervisor จะดูแลความเป็นอยู่ตั้งแต่เช้าจรดเย็นของนักเรียน ไม่ได้ดูแลเพียงแค่สุขภาพกายให้เด็กๆอยู่ในความเรียบร้อย แต่สามารถคัดกรอง “สุขภาพใจ” และเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ของเด็กๆอีกด้วย หากมีความสัมพันธ์ที่ดีแล้วเด็กๆ จะมีความไว้วางใจ ความเคารพ สิ่งนี้สามารถเพิ่มแรงจูงใจและการมีส่วนร่วมของนักเรียน ซึ่งนำไปสู่ผลการเรียนที่ดีขึ้น มีส่วนร่วมในชั้นเรียน

สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ หากเด็กๆรู้สึกสบายใจที่จะแสดงความคิด ความสงสัย และข้อกังวล จะช่วยให้ครูสามารถตอบสนองเด็กๆได้ทันทีและมีประสิทธิภาพ ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ดีขึ้น Personalized ครูสามารถเข้าใจจุดแข็ง จุดอ่อน และรูปแบบการเรียนรู้ของแต่ละคนได้ดีขึ้น สิ่งนี้ช่วยให้ครูให้ปรับวิธีการสอนให้ตรงกับความต้องการของเด็กๆแต่ละคน เด็กๆอยู่ดีมีสุข เมื่อเด็กๆรู้สึกมีคุณค่าและได้รับการดูแลจากครู จะผลเชิงบวกต่อความภาคภูมิใจในตนเอง ความมั่นใจ และสุขภาพจิตโดยรวม

นักเรียน Newton ต้องรักภาษาไทย เพราะภาษาไทยจะเชื่อมความสัมพันธ์ให้เด็กๆและครอบครัว
ชั้นเรียนวิทยาศาตร์ในห้องยิมเอนกประสงค์
ชั้นเรียนคณิตศาสตร์สุดแอคทีฟ

Leadership Education การศึกษาของผู้นำ

ความเป็นผู้นำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็ก เนื่องจากจะช่วยกำหนดลักษณะนิสัย(Characters) ช่วยให้พวกเขาพัฒนาทักษะชีวิตที่จำเป็น และเตรียมพวกเขาให้พร้อมสำหรับความสำเร็จในอนาคต ลักษณะนิสัยเหล่านั้นได้แก่

  1. การพัฒนาตนเอง: ทักษะความเป็นผู้นำ เช่น ความมั่นใจในตนเอง การตระหนักรู้ในตนเอง และการตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ ทั้งหมดนี้มีส่วนช่วยให้เด็กๆ เติบโต พวกเขาเรียนรู้ที่จะเชื่อในความสามารถของตนเอง มีความคิดริเริ่ม และรับผิดชอบต่อการกระทำของตน
  2. ทักษะการสื่อสารและสังคม: ความเป็นผู้นำ เกี่ยวข้องกับการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและการทำงานร่วมกับผู้อื่น มีความสามารถในการรับฟังและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เด็กๆเรียนรู้ที่จะแสดงตัวตนอย่างชัดเจนและทำงานเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพ
  3. การแก้ปัญหาและการตัดสินใจ: ความเป็นผู้นำช่วยให้เด็กๆ มีทักษะในการแก้ปัญหาและการตัดสินใจ พวกเขาเรียนรู้ที่จะวิเคราะห์สถานการณ์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ ระดมความคิดในการแก้ปัญหา และประเมินผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้น สิ่งนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถตัดสินใจและหาวิธีแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์สำหรับความท้าทายที่พวกเขาอาจเผชิญในชีวิต
  4. ความเข้าใจ: ช่วยให้เด็กๆ มองเห็นสถานการณ์จากหลายมุมมอง เคารพความหลากหลาย เข้าใจความต้องการและความแตกต่างของผู้อื่นมากขึ้น เปิดรับการไม่แบ่งแยก
  5. ความคิดริเริ่มและความรับผิดชอบ: การพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำส่งเสริมให้เด็กๆ มีความคิดริเริ่มและรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขา

เป็นการวางรากฐานสำหรับการพัฒนาตนเองในฐานะบุคคลที่มีความรับผิดชอบ มีคุณธรรม และจริยธรรม เด็กๆ Newton จึงเป็นเด็กที่ มีน้ำใจและมีน้ำยา เพราะความเก่งเป็นแค่มาตรฐานแต่การมี Character จะทำให้เรา Special

เด็กๆสามารถแสดงความเป็นตัวเองได้ที่นี่ ครูและศิษย์ไม่มีกำแพงกั้น เด็กจะสบายใจและกล้าคิดกล้าทำ

Head ที่ไปคู่กับ Heart วิชาการ วิชาใจ

Newton Junior ใช้ระบบการศึกษาแบบอังกฤษ (British Curriculum) เป็นหลักสูตรของ Pearsons (ผู้สร้างหลักสูตร CSE, IGCSE, AS LEVEL, A LEVEL) ครูเป็นผู้กระตุ้นความสนใจใฝ่รู้ของเด็ก ผ่าน Cores หลัก 3 ด้าน ได้แก่

Numeracy (ตัวเลข) Literacy (ภาษาอังกฤษ) และ Curiosity (วิทยาศาสตร์) ทางผู้สอนจะออกแบบวิชาการและกิจกรรมให้เหมาะสมตามวัย ตามพื้นฐานของเด็กๆแต่ละคน (Specialized)

วิชาหลัก เป็นการเรียนการสอนแบบภาษาอังกฤษ วิชาอื่นๆ เรียนเป็นภาษาไทย เพื่อให้เด็กๆชอบภาษาไทยและสื่อสารได้อย่างดี

จุดเด่นของ Newton คือ การเข้าถึงแก่นของการศึกษา ซึ่งคือ ครูกับเด็ก คือ Relationship ต้องมานำ เมื่อเด็กรักครู – เด็กจะฟัง – เด็กจะเปิดใจรับการสอน กระบวนการนี้ ทั้งโรงเรียน ครูและเด็กๆ เรียนรู้ – ปรับปรุง – เพื่อพัฒนา ไปด้วยกันตลอดเวลา

ผลคือ เด็กๆจะเก่งวิชาการ เก่งเพราะเรียนด้วยใจ ไม่ใช่การบังคับให้ท่องจำ

เด็กๆจะเลือกและมีส่วนร่วมในการตกแต่งสถานที่เรียน
สิ่งที่เด็กบอกเล่าหรือตั้งปณิธาน

Well Being และ Mental Well Being กายและใจต้องไปด้วยกัน

หากเด็กๆได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ได้รับความเอาใจใส่ และได้ใช้เวลากันในการทำกิจกรรมต่าง ๆ มีสุขภาพที่แข็งแรง เติบโตสมวัย มีอารมณ์เบิกบานแจ่มใส จะทำให้เด็กเกิดการพัฒนาอย่างเต็มที่ในทุกด้าน ซึ่งการส่งเสริมพัฒนาการในแต่ละด้านนั้นมีความสำคัญดังนี้

  1. พัฒนาการด้านร่างกาย : ด้านอาหาร ควรเลือกแต่สิ่งที่มีประโยชน์ เพื่อช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ ด้านกิจกรรม ควรให้เด็กๆได้ออกกำลังกาย เคลื่อนไหว เจอสายลมและแสงแดด จะทำให้สุขภาพของเด็กแข็งแรงและจะมีพัฒนาการที่ดีสมวัย มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ได้ดีกว่า เด็กที่พัฒนาการด้านร่างกายไม่สมบูรณ์
  2. พัฒนาการด้านอารมณ์ : พ่อแม่และบุคคลที่ใกล้ชิดต้องทำความเข้าใจว่า ในวัยเด็กนั้นความมั่นคงทางอารมณ์ยังค่อนข้างน้อย ดังนั้นจะเห็นว่าพฤติกรรมของเด็กจะมีทั้งอารมณ์ดีสลับกับไม่ดีอยู่เกือบจะตลอดเวลา ในการฝึกอบรมเด็กนั้น ทุกคนจึงต้องสอนด้วยความเข้าใจและเป็นแบบอย่างที่ดี
  3. พัฒนาการด้านสังคม : เมื่อเด็กๆเข้าสู่วัยเรียน การปรับตัวให้เข้ากับสังคม และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ ถือเป็นสิ่งสำคัญ เด็กๆจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะปฏิบัติตามกฎกติกา รู้จักแบ่งปัน และรู้จักอดทนรอคอย
  4. พัฒนาการด้านสติปัญญา : ต้องสร้างทักษะกระบวนการคิดที่ดีให้กับเด็กเพื่อเป็นพื้นฐานทางการเรียนรู้เสียก่อน เพราะในช่วงวัยเด็ก ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ เด็กจะชอบตั้งถาม มีความคิดเป็นของตนเอง มีความจำที่ดี ชอบอ่านหนังสือ ชอบการเป็นผู้นำ และชอบแสดงความคิดเห็น มีจินตนาการที่เป็นอิสระ

ในส่วนของ Newtonนั้น ระบบ Tailor-made Supervision (ดูแลเด็กให้เหมาะสมเป็นรายบุคคล) เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญมาก พี่ๆเจ้าหน้าที่ Care Supervisor ทุกคนจะได้รับการอบรมด้านนโยบายปกป้องและคุ้มครองเด็ก เพื่อสนับสนุนเด็กๆให้มีพัฒนาการที่สมวัย สร้างอุปนิสัยที่ดี ทั้งยังเป็นแนวป้องกันและสามารถคัดกรองอาการเบื้องต้น หากเด็กๆมีปัญหาหรือเริ่มมีปัญหาอันจะส่งผลต่อสุขภาพกายและจิตจะมีการประสานงานถึงหน่วย Primary Care Unit โดยคุณหมอนีท – พญ.ยศมน จิรัฐวงศ เป็นผู้วินิจฉัย ประเมิน แนะนำการรับมือ ดูแล และติดตามอาการ

Activity and Club

แม้ว่าทาง Newton จะไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกหรือพื้นที่สีเขียวเหมือนโรงเรียนอื่นๆ เนื่องจากเป็นโรงเรียนที่อยู่ใจกลางเมือง แต่เด็กๆก็ไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไรไปเพราะวิชาพละศึกษาทางโรงเรียนจะไปใช้พื้นที่ของทาง ดิ โอลิมปิค คลับ ในโรงแรม Patumwan Princess หรือสนามกีฬาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในทางกลับกันกิจกรรม นิทรรศการ สถานที่น่าสนใจในเมืองมีมากมาย ทำให้เด็กๆ Newton มีโอกาสไปทำกิจกรรมในเมืองอยู่บ่อยครั้ง

After School Club ของเด็กๆก่อตั้งโดยเด็กๆเอง เช่น Go Club (หมากล้อม), Board Games Evening (ชมรมบอร์ดเกมส์), Rubik Club (ชมรมรูบิค) หรือ Slime Club (ชมรมสไลม์) เป็นต้น หรือหากสามารถรวบรวมสมาชิกได้ 15 คน นำเสนอต่อคุณครู ก็ตั้งชมรมใหม่ได้ Sure, because you’re old enough.

กิจกรรมในสัปดาห์เรียนรู้ ศึกษา เรื่องแมลง
(จากซ้ายไปขวา คุณหมอนีท-คุณริซ่า-คุณนิสชิน )

5 สิ่งที่ทำให้เด็กๆอยากมาโรงเรียนทุกวัน

  1. คุณครู (ที่เด็กๆเรียกว่าพี่) ไม่มีกำแพงกั้น ว่าฉันคือครู you คือลูกศิษย์
  2. พื้นที่ปลอดภัยจากพี่ๆ Care Supervisor ไม่สบายใจ ไม่สบายกาย บอกเล่ากันได้ พี่ๆพร้อมดูแล
  3. อาหารกลางวันของเด็กๆจากร้านดังทั่วสยามสแควร์
  4. After School Club เล่นจนโรงเรียนจะปิดแล้วยังไม่อยากกลับบ้าน
  5. อิสระในขอบเขตที่ปลอดภัย
ศิษย์เก่า Newton Junior ปัจจุบันศึกษาต่อที่ Newton Senior ซ้ายสุด-น้องโทเท็ม ได้พูดใน TEDx-กลาง น้องปัญ ผู้อารมณ์ดี-ขวา น้องปิงปิง ได้รับรางวัล 1st place in the Elementary Category งาน World Robot Olympiad Thailand 2023
น้องปอเปี๊ยะ ผู้หลงใหลการแสดงละครเวที)
มุมพักผ่อนบนตึก SIAMSCAPE

Mommy Love This♥

วิชาการตอบโจทย์ เด็กๆเรียนในสิ่งที่ต้องสอบ ไม่จำเป็นต้องเรียนหนัก ถึงวันละ 8 วิชา

Care Supervisor คือผู้ช่วยของคุณแม่ที่ดูแลทั้งสุขภาพกายและใจของเด็กๆ

Characters Matters และการสร้างภาวะความเป็นผู้นำให้แก่เด็กๆ

วิชา Critical Thinking (วิชา Justice) การสอนจากสถานการณ์สมมุติ

เด็กๆยังสามารถสื่อสารเป็นภาษาไทยได้ดี

ค่าเทอมปีการศึกษา 2566

  • Year 2-4 ประมาณปีละ 300,000 บาท
  • Year 5-13 ประมาณปีละ 350,000 บาท

Opening hours:

  • Newton opens Mondays to Fridays 8:00 AM – 6:00 PM
  • Saturdays to Sundays 9:00 AM – 6:00 PM

Newton Junior Campus

(Year 2-7 ป.1-6)

Siam Square ซอย 6 (419/7-8 ถนนพระราม 1 กรุงเทพฯ)

065 998 6513 / 065 998 6527

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : สุวิจักขณ์ ศรีภา


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

วัคซีนเด็กแรกเกิด

วัคซีนเด็กแรกเกิด – 1 ปี ประจำปี 2566

วัคซีนเด็กแรกเกิด  วัคซีนพื้นฐาน เป็นวัคซีนที่เด็กไทยทุกคนควรได้รับ เน้นวัคซีนป้องกันโรคที่เป็นปัญหาสำคัญโดยเด็กแรกเกิด จะต้องอยู่ในภาวะเฝ้าระวัง ในขวบปีแรก ตามคำแนะนำของกระทรวงสารารณสุข เนื่องจาก อยู่ในช่วงวัยที่สามารถเกิดปัจจัยเสี่ยง โรคต่างๆ ได้ง่าย เพราะภูมิต้านทานยังทำงานได้ไม่ครบถ้วนโดยในช่วงขวบปีแรก จำเป็นต้องได้รับวัคซีนต่างๆ ดังนี้

วัคซีนเด็กแรกเกิด

เดือนที่ 1 วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (HBV)

เดือนที่ 2 วัคซีนรวม 5 โรค และโรต้า ครั้งที่ 1

เดือนที่ 4 วัคซีนรวม 5 โรค และโรต้า ครั้งที่ 2

เดือนที่ 6 วัคซีนรวม 6 โรค และโรต้า ครั้งที่ 3

เดือนที่ 7 วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ครั้งที่ 1

เดือนที่ 8 วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ครั้งที่ 2

เดือนที่ 9 วัคซีนหัดคางทูม หัดเยอรมัน (MMR) เข็มที่ 1

เดือนที่ 12 วัคซีนสมองอักเสบ เจอี (JE) เข็มที่ 1

ฉีดวัคซีนให้ครบ ตามเกณฑ์ดังกล่าว เพื่อเสริมแกร่งให้ลูกน้อย มีภูมิต้านทานเพียงพอในขวบปีแรก ให้สุขภาพและร่างกายพร้อมกันกับพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด

 

วัคซีนเด็กแรกเกิด

ปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านทารกแรกเกิด ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป, ประเมินพัฒนาการ และฉีดวัคซีน เพื่อให้ลูกน้อยที่คุณรัก เริ่มต้นการเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ “ดูแลลูกน้อยด้วยรัก คิดถึงโรงพยาบาลวิภารามปากเกร็ด” โทร 02-092-4900 ต่อ 181, 182 หรือแอด Line Official : Vibharampakkredhospital