Page 18 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

เพลินมอนเตสซอรี่

เพลินมอนเตสซอรี่ โรงเรียนวิถีมอนเตซอรี่ ที่เคารพ ดูแล ให้ความรู้และสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็ก

ใครกำลังสนใจอยากให้ลูกเรียน โรงเรียนวิถีมอนเตสซอรี่ วันนี้ School Visit มีโรงเรียนเล็กๆ แต่อบอุ่นย่านทวีวัฒนามาฝากค่ะ เพลินมอนเตสซอรี่

เปิดสอนเด็ก อายุ 18 เดือน -6 ปี ที่ใช้แนวทางการศึกษา​วิถีมอนเตสซอรี โดยใช้หลักสูตรนานาชาติ Montessori Australia Curriculum ก่อตั้งโดย ครูปิ่น-ธิดารัตน์ รัตนเลิศ เจ้าของโรงเรียนและคุณแม่ Fulltime ที่เลี้ยงลูกด้วยตนเองด้วยวิถีมอนเตสซอรี่มาตลอดระยะเวลาหลายปี ครูปิ่นผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรมอนเทสซอริสำหรับเด็กอายุ 0-3 ปีจากสมาคมมอนเตสซอรี่แห่งประเทศไทย จบการศึกษา Primary Montessori Teacher Training (for 3-6 year old) และ AMI Orientation Course (6-12 year old) จาก Association Montessori Internationale (AMI) และอยากสร้างคอมมูนิตี้คุณพ่อคุณแม่ ที่มีความสนใจในด้านเดียวกัน โดยปรับเปลี่ยนบ้านให้เป็นที่เรียนมอนเตสซอรี่ เริ่มจากเปิด Playgroup กลุ่มเด็กเล็กๆ เรียนเพียงสัปดาห์ละครั้ง จนปัจจุบัน ได้จดเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กที่สามารถดูแลเด็กได้ตั้งแต่ 0-6 ขวบได้อย่างถูกกฎหมายในบ้านของตนเอง กว่า 6 ปีที่ผ่านมา บ้านหลังนี้ก็กลายเป็นบ้านหลังที่ 2 ของเด็กๆ ที่มาเรียนแล้วมีความสุข และได้พัฒนาตนเองอย่างเป็นธรรมชาติ

เด็กๆเล่นอิสระตามมุนต่างอย่างมีความสุข

เคารพ•ดูแล•ให้ความรู้•สร้างแรงบันดาลใจ

เพราะเราเชื่อว่า เด็กแต่ละคนเป็นบุคคลที่มีศักยภาพไม่จำกัด เราจะเป็นผู้ช่วยให้เด็ก ๆ แต่ละคนตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงเด็ก 6 ขวบ ได้พึ่งพาตนเอง เป็นอิสระ บรรลุเป้าหมาย ก้าวไปไกลกว่าการเรียนรู้ในห้องเรียน ที่นี่ทุกๆเช้าเด็กจะได้เล่นอย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นที่สนามเด็กเล่น หรือในสวน ในสิ่งแวดล้อมมอนเตสซอรีที่ได้จัดเตรียมไว้อย่างสมบูรณ์ ได้หัดสังเกตธรรมชาติ ทำงานสวน หรือเก็บไข่ไก่ หลังจากนั้น จะเป็น กิจกรรมวงกลม ร้องเพลง ฟังนิทาน และเข้าห้องเรียน ซึ่งเด็กๆสามารถเลือกได้ว่าจะเรียนหรือเบรกทานอาหารว่างก่อน โดยเลือกของว่างที่อยากทานด้วยตนเอง ได้นั่งทานและล้างจานเองอีกด้วย

ที่เพลินมอนเตสซอรี่ มีหลากหลายมุมหลากหลายหมวดให้เด็กๆเลือกเล่นอิสระ มีห้องเตาะแตะ หมวดการดูแลตนเอง ดูแลสิ่งแวดล้อม การเตรียมอาหาร ภาษา ศิลปะ ดนตรี ตากับมือประสานกัน เป็นต้น สำหรับห้องพี่ๆ 3-6 ขวบ จะมีหมวดชีวิตประจำวัน หมวดประสาทรับรู้ หมวดคณิตศาสตร์ หมวดภาษา หมวดวัฒนธรรม

การสอนแบบมอนเตสซอรี่เน้นตัวเด็กเป็นหลักคือ Follow The Child เด็กมีสิทธิที่จะรู้และมีสิทธิที่จะเลือก คุณครูหรือผู้ปกครองจะเป็นผู้คอยสังเกตและสนับสนุนด้วยใจสบายๆ ไม่แทรกแซง เคารพเด็กและปล่อยให้เขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเร่งเรียน เพราะเด็กแต่ละคนมีความพร้อมไม่เหมือนกัน ให้เด็กๆเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว ทำให้เด็กเกิดความอยากรู้ อยากเห็นและพัฒนาการทุก ๆ ด้านในเวลาเดียวกัน สิ่งแวดล้อมภายในจะถูกจัดวางตามหมวดหมู่ต่างๆ เรียนรู้ที่จะแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง เช่น ถือของอย่างไรไม่ให้หล่น รินน้ำอย่างไรไม่ให้หกหรือล้นออกจากแก้ว เป็นการปูพื้นฐานหลายๆวิชาทั้งคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ งานบ้านง่ายๆอย่างการการปอกแอปเปิ้ล กลายเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กได้รับรู้ประสาทสัมผัสหลายๆอย่าง ทั้งสีของแอปเปิ้ลที่แตกต่างกันในแต่ละลูก กลิ่นของแอปเปิ้ลและรูปทรงต่างๆ ได้เรียนรู้การมองเห็น การชิมรส การได้ยิน การดมกลิ่น เป็นความรู้สึกที่ใช้ประสาทสัมผัสร่วมกัน ได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์แบบง่ายๆ และยังสร้างความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองให้กับเด็กๆ ด้วย

บรรยากาศห้องเรียนที่แสนจะอบอุ่นและเชื้อเชิญให้เด็กๆอยากเข้ามาใช้งาน

โซนอาหารและของว่าง ที่เด็กๆสามารถเลือกทานเองได้ตามต้องการ หัดช่วยเหลือตัวเองจากงานบ้านแบบง่ายๆ

การเล่นอิสระวิถีมอนเตส คุณครูจะจัดวางของเล่นไว้ในถาดไม้ เมื่อเล่นเสร็จเด็กจะนำมาเก็บไว้ที่เดิม และจึงเล่นถาดต่อไป ช่วยให้เด็กหัดใช้อุปกรณ์ร่วมกีบผู้อื่น

 

คุณครูมีแผนการเรียนการสอนและไกด์ไลน์ว่าเด็กอายุเท่าไหร่ควรเรียนอะไรบ้าง อยู่โซนไหน แนะนำอุปกรณ์ให้กับเด็ก และคอยสังเกตว่าเมื่อแนะนำแล้วเด็กสนใจหรือไม้ ถ้าไม่สนใจก็เป็นสิทธิของเขา วันหนึ่งที่เขากลับมาสนใจ ก็กลับมาดูกันใหม่และสังเกตว่าเด็กสนใจอะไร ทำอะไรได้ดี ทางโรงเรียนก็จะเสริมสิ่งที่เด็กสนใจ และมีหลักสูตรที่ชัดเจน ไม่ใช่ว่าเล่นตามใจชอบเพียงอย่างเดียว ที่นี่เคารพเด็ก ถ้ายังไม่สนใจ ก็แค่รอ เมื่อไหร่ที่สนใจเด็กก็มีสิทธิทำซ้ำจนพอใจ จนเกิดการพัฒนา เด็กต้องได้เล่นของเล่นที่เป็นของจริง เพื่อจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง โดยเริ่มจากง่ายไปยากเป็นลำดับขั้นตอน อุปกรณ์ต่างๆจะมีเฉพาะสำหรับวางอุปกรณ์ เพื่อที่เด็กจะได้จัดเก็บอุปกรณ์เข้าที่ให้เรียบร้อย เมื่อเล่นเสร็จ ช่วยให้เด็กมีวินัยและรู้จักการเรียนรู้การใช้อุปกรณ์ร่วมกันกับผู้อื่น

 

เพลินมอนเตสซอรี่ – ห้องเรียนมอนเตสวิถีธรรมชาติ

ที่เพลินมอนเตสซอรี่ไม่ได้เน้นเฉพาะห้องเรียนเท่านั้น แต่บริเวณรอบๆบ้าน ก็เป็นสิ่งแวดล้อมที่เหมาะกับการเรียนรู้ของเด็กๆ เพราะเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่ได้มีแค่เฉพาะในห้องเรียนเท่านั้น อยากให้เด็กได้สัมผัสธรรมชาติให้มากที่สุด ทั้งแปลงผัก ต้นไม้ พื้นหญ้า เล้าไก่ บ้านกระต่าย บ่อทราย และสนามเด็กเล่น ออกแบบมาเพื่อให้เด็กๆเรียนรู้อย่างมีความสุข ที่นี่ให้เด็กเล่นที่สนามหรือนอกห้องเรียนค่อนข้างเยอะ เพราะอยากให้เด็กสงสัย แต่การสงสัยต้องไม่ได้เกิดจากการบอก แต่เกิดจากการเห็น เช่น วันนี้ต้นลำไยเพิ่งมีดอก อยู่มาตั้งนานทำไมเพิ่งได้ทานลำไยนะ ทำไมเมื่อวันก่อนต้นหญ้ายาวแต่วันนี้ต้นหญ้าแห้งไปแล้ว เป็นสิ่งที่ครูไม่ได้บอกแต่การที่เด็กได้ออกมาเจอสิ่งแวดล้อมเดิมที่เปลี่ยนแปลงไป กระตุ้นให้เด็กสงสัย เรียนรู้และตั้งคำถามด้วยตนเอง ผู้ใหญ่อาจจะคิดว่าการทำอะไรซ้ำๆดูน่าเบื่อ แต่เด็กมีประสาทสัมผัสที่ละเอียดกว่า จึงทำให้เขาสามารถเรียนรู้ในสิ่งแวดล้อมเดิมได้ดี และความเบื่อนั้นก็สำคัญ ควรปล่อยให้เด็กได้รู้จักความเบื่อบ้าง ไม่ต้องคอยเติมความสุขให้ตลอดเวลา เพราะเมื่อไหร่ที่เขาเจอความทุกข์เขาจะไม่รู้จักและหาทางออกไม่เป็น

เพลินมอนเตสซอรี่

เพลินมอนเตสซอรี่

เรียนรู้นอกห้องเรียน ทั้งทำสวน เก็บไข่ ปลูกผักและเล่นปีนป่าย เด็กจะได้ทดลองทำเองทุกขั้นตอน

  เพลินมอนเตสซอรี่

เพลินมอนเตสซอรี่

เพลินมอนเตสซอรี่

เพลินมอนเตสซอรี่

เพลินมอนเตสซอรี่

บรรยากาศมุมต่างๆภายในโรงเรียน

 

โปรแกรมต่างๆที่ เพลินมอนเตสซอรี่

ที่เพลินมอนเตสซอรี่ มีแพคเกจที่หลากหลาย ผู้ปกครองสามารถเลือกได้ตามความต้องการของตนเอง

โปรแกรม Parents &toddlers เป็นเพลย์กรุ๊ปสำหรับผู้ปกครองและเด็กวัยหัดเดินสำหรับเด็กอายุ 1.6-3 ปี และโปรแกรมมอนเตสซอรี่โฮมสคูล เป็นทั้งแบบมาบางวัน แบบครึ่งวันและเต็มวัน สำหรับเด็กอายุ 18 เดือนจนถึงชั้นอนุบาล เพราะทางโรงเรียนเชื่อว่าประสบการณ์ในโรงเรียนของเด็กๆ ควรเต็มไปด้วยความเข้าใจ ส่งเสริมความอยากรู้อยากเห็น การสำรวจ ความเป็นอิสระและความสนุกสนาน

 

สำหรับเด็กวัย 18 เดือน -3 ขวบ มีกิจกรรมกลุ่มร่วมกับพ่อแม่ผู้ปกครอง

สำหรับ เด็กวัย 18 เดือน -6 ขวบ มีคลาสเตรียมอนุบาล – อนุบาล 3 ทั้งแบบมาร่วมกิจกรรมทั้งแบบครึ่งวันและเต็มวัน

ช่วยให้เด็กๆได้พัฒนาการพึ่งพาตนเอง ระเบียบวินัยในตนเอง ได้รับอิสระภาพภายในขอบเขต รวมทั้งได้บริหารกล้ามเนื้อมือให้แข็งแรง เพื่อให้มือเล็กๆ พร้อมที่จะจับดินสอเมื่อถึงเวลา มีครูต่างชาติคอยเสริมภาษาอังกฤษให้เป็นไปอย่างธรรมชาติ และคุณครูจะส่งรายงานทุกเดือนว่าเด็กๆทำกิจกรรมอะไรบ้าง มีการประเมินเด็กทุกเทอม และมี Portfolio ให้เมื่อจบการศึกษา

เพลินมอนเตสซอรี่

 ครูปิ่น – ธิดารัตน์ รัตนเลิศ

 

Mommy’s Love This ! ถูกใจแม่

  1. ที่นี่สะอาด และปลอดภัย เพราะติดเครื่องฟอกอากาศ Hepa filter ทุกห้อง ติดตั้งเครื่องฆ่าเชื้อระบบ UVC โอโซน O3
  2. ทำความสะอาดอุปกรณ์และห้องเรียนหลังเรียนเสร็จทุกรอบ
  3. ทางโรงเรียนส่งครูอบอรมเกี่ยวกับ CPR ทุกคน จึงมั่นใจได้ว่าเด็กๆจะปลอดภัย
  4. เด็กที่นี่จะพูดภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะมี Teacher คอยพูดคุยกับเด็กๆอยู่ตลอดเวลา
  5. กิจกรรมหลากหลาย เหมาะสมกับช่วงวัย และเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ขนาดพอดีสำหรับเด็กๆ ของทุกอย่างเลือกตามความเหมาะสมโดยคำนึงถึงเด็กๆ และศักยภาพของเด็กเป็นหลัก

 

อัตราค่าเล่าเรียน

รายเดือน

  • 24,000บาท รายเทอม (4 เดือน) 90,000.บาท

รายครั้ง

  • เรียน 4 ครั้ง ค่าเรียน 6,000 บาท
  • เรียน 10 ครั้ง 12,000 บาท
  • เรียน 20 ครั้ง 20,000 บาท

สนใจนัดเยี่ยมชมสถานที่ โดยนัดหมายล่วงหน้า เปิดเยี่ยมชมเฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15:30-16:30น.

เปิดรับสมัครเด็ก ๆ1.6-3+ขวบ และผู้ปกครองมาเรียนรู้ร่วมกัน ในคลาส Parents and toddlers playgroup

 

คลาสเรียน เปิดให้ลงชื่อทุกต้นสัปดาห์

  • วันอังคาร เช้า 9:30am-11:30am
  • วันพฤหัส เช้า 9:30am-11:30am
  • วันเสาร์ เช้า 9:30am-11:30am

 

ที่อยู่

  • 36/6 ซอยทวีวัฒนา 14
  • 13°46’17.6″N 100°20’38.7″E
  • https://goo.gl/maps/WnsRbPC4EjP2
  • เปิด​รับสมัคร​เด็กๆมาร่วมเรียน เตรียมอนุบาล – อนุบาล3 จำนวนจำกัด สำหรับปี 2566 (18เดือน-6ขวบ)
  • เรียนทุกวันจันทร์-ศุกร์ 8.30-15:00 น.
  • (หยุดเสาร์-อาทิตย์)
  • https://plearnmontessori.com/

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ : ธนายุต วิลาทัน, ภูเบศ บุญเขียว


 

    เก็บของเล่น

    3 วิธีได้ผลจริง สอนลูก เก็บของเล่น ลูกยอมทำโดยง่าย

    การสร้างวินัยเชิงบวกอย่างการสอนให้ลูก เก็บของเล่น เล่นของเล่นเสร็จแล้วเก็บให้เรียบร้อยด้วย ประเด็นนี้เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

    หากอยากฝึกให้ลูกเก็บของเล่นที่ตัวเองเล่น จะต้องใช้เวลาและการฝึกฝนให้ลูกเรียนรู้จนเป็นนิสัย การให้เด็กๆได้ทำอะไรด้วยตัวเองคือการฝึกเรื่องความรับผิดชอบ ซึ่งมีส่วนช่วยให้พวกเขารู้จักจัดการชีวิตของตัวเองอย่างเป็นระบบ รวมถึงฝึกทักษะจัดการอารมณ์ การสร้างวินัยเหล่านี้ให้ลูกตั้งแต่ยังเล็กจะเป็นเกราะชั้นดีให้ลูกน้อยเติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ

    สอนลูกอย่างไรให้ เก็บของเล่น เล่นแล้วเก็บ

    1. ใครเล่น คนนั้นเก็บ

    สร้างกฎเล็กๆ ในครอบครัวว่าถ้าใครเป็นคนเริ่มหยิบออกมาเล่น ก็ต้องเก็บเอง แม้เริ่มแรกอาจยากสักหน่อย พ่อแม่อาจต้องอดทนและฝึกรอคอยไปด้วยกันกับลูก ไม่ควรอารมณ์เสียหรือหงุดหงิดใส่ลูกเมื่อเขาอาจเก็บของช้าไม่ทันใจ แต่ควรให้กำลังใจ และรอชื่นชมเมื่อลูกทำสำเร็จ

    2. ใครเก็บ คนนั้นได้เล่น

    การที่ลูกเอาของเล่นออกมาเล่นแล้วไม่ยอมเก็บ ถือเป็นหนึ่งในวิธีแสดงอำนาจเหนือกว่าพ่อแม่ ครูหม่อม – ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัย สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล แนะนำว่า พ่อแม่สามารถเก็บของเล่นแทนลูกได้ แต่ให้เก็บไว้ในที่สูงที่ลูกหยิบไม่ถึง และเมื่อลูกร้องขอจะเล่นอีก ก็ให้ใช้วิธีถามลูกว่าครั้งที่แล้วใครเป็นคนเก็บ ถ้าลูกอยากเล่น ก็ยอมให้เล่นด้วย แต่ต้องช่วยกันเก็บก่อน เพราะครั้งที่แล้วลูกไม่ได้เก็บ เป็นการให้ลูกยอมทำตามกฎที่เราตั้งไว้ ถ้าลูกไม่ยอมเล่น ก็ไม่เป็นไร เพราะถือว่าลูกได้รับการสอนแล้ว ลูกก็จะจดจำได้ว่าการจะเล่นของเล่นได้ ต้องอยู่ในกฎกติกาตามนี้

    3. เก็บของเล่น เก็บที่ไหน เก็บอย่างไร

    ควรกำหนดพื้นที่ใช้งานให้ชัดเจน เด็กจะเรียนรู้ว่าหากเล่นคือพื้นที่นี้ หากจะรับประทานอาหารต้องไปห้องครัว หรืออยากนอนต้องไปห้องนอน พ่อแม่สามารถสร้างกฎเบาๆ ให้ลูกเรียนรู้ได้ตั้งแต่ยังเล็ก

    หากบ้านมีพื้นที่จำกัด ลองมองหาสักมุมไว้เป็นพื้นที่กิจกรรม อาจกั้นคอกเป็นพื้นที่ของลูก หรือแบบง่ายๆเลยคือปูพรมหรือเสื่อรองคลานสักผืน ก็จัดมุมให้ลูกได้แล้ว สำคัญที่สุดคือการจัดพื้นที่จัดเก็บ โดยหากล่องหรือลังมาสักใบแล้วอาจชวนเด็กๆ ลงมือแยกประเภทของเล่น ด้วยการแปะกระดาษหรือทำสัญลักษณ์แยกประเภทไว้ ให้เขาสามารถแยกหมวดหมู่ของเล่นด้วยตัวเอง

     

    ไอเดียจัดพื้นที่จัด เก็บของเล่น ให้ลูก

    ตู้ลิ้นชักแบ่งช่อง เป็นของต้องมีในบ้านที่มีเด็กเล็ก นอกจากช่วยจัดระเบียบให้บ้านดูเรียบร้อยแล้ว ตู้แบบนี้ยังช่วยให้เด็กๆ สามารถคิดต่อยอดได้เองว่าจะเอาอะไรวางไว้ตรงไหนในแต่ละช่อง ช่วยฝึกฝนทักษะการคิดวิเคราะห์เรื่องรูปทรง ขนาด และพื้นผิวสัมผัสของของเล่นที่เขามี โดยพ่อแม่ไม่ควรไปกดดันหรือบังคับ ก็จะช่วยให้ลูกรู้สึกว่าการเก็บของเป็นเรื่องสนุก

     

    สร้างพื้นที่ส่วนตัว ผู้ใหญ่อย่างเราชอบการมีพื้นที่ส่วนตัว เด็กๆ ก็ไม่ต่างกัน แต่พื้นที่ส่วนตัวนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัย และยังอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ด้วย พื้นที่ส่วนตัวสำหรับเด็กช่วยสร้างจินตนาการ และช่วยสร้างความมั่นใจหากในอนาคตลูกต้องอยู่ห่างผู้ปกครองบ้างหรืออยู่คนเดียว เขาจะได้ฝึกทักษะการพึ่งพาตนเอง ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องสร้างห้องใหม่ เราชอบไอเดียการทำมินิเต็นท์ โดยหาเต็นท์เล็กๆ ของเด็กมาวางในห้องนอน หรือเลือกซื้อที่ครอบเตียงขนาดเล็กๆ ให้เด็กๆได้เล่นในโลกส่วนตัวแบบที่ยังอยู่ในสายตาพ่อแม่

    เต็นท์คลุมเตียงลวดลายสัตว์ทะเล รุ่น คูร่า จาก IKEA

     

    เก็บของแบบเคลื่อนย้ายได้ บางครั้งเด็กๆ ยังรู้สึกอยากเล่นของเล่นบางชิ้นอยู่ ไม่อยากเก็บเข้าที่ในทันที ลองหาชั้นวางหรือกล่องเก็บแบบที่เคลื่อนย้ายได้ ให้ลูกสามารถเก็บของและยกย้ายไปกับเขาได้ ก็จะสะดวกและไม่ต้องคอยตามหาของ หรือเรียกให้ผู้ใหญ่มาช่วยหยิบให้ หากเลือกแบบที่สวยๆ หน่อยก็วางตกแต่งห้องได้ในตัวด้วย

    ที่เก็บของแบ่งช่องบุผ้าตาข่าย รุ่น ทิเกร์ฟินก์

     

    บ้านคุณนัยนารถ โอปนายิกุล – คุณยอด ตันติอนุนานนท์

    ลิ้นชักเก็บของหลากสีสัน ใช้สีเป็นตัวแบ่งประเภทของที่จัดเก็บด้านใน ฝึกให้เด็กๆได้แยกของแบบเป็น หมวดหมู่

     

    บ้านคุณภาคภูมิ หอมสุวรรณ-คุณธันยวดี วะสีนนท์

    กระโจมน้อยๆ ที่กลายเป็นโลกส่วนตัวของเด็กๆ แบ่งมุมจัดวางชั้นให้ลูกได้เรียนรู้การจัดเก็บหนังสือ

     

    บ้านคุณวิฑูรย์ พูลไชย และคุณสุกัญญา ลิมปิษเฐียร

    มุมทำการบ้านริมหน้าต่างที่แอบซ่อนการจัดเก็บไว้ด้านล่าง

     

    บ้านคุณอาชวี ณ นคร และดร.พิพัฒน์ เหลืองนถมิตชัย

    จัดเก็บของเล่นใส่กล่องอีกที หากลูกเล่นแล้วไม่ยอมเก็บ ให้ยกกล่องของเล่นขึ้นไว้ที่สูงๆ ถ้าลูกอยากเล่นต้องทำข้อตกลงกันก่อน

     


    เรื่อง : Pete-Prim’s Mom

    ภาพ : IKEA, คลังภาพบ้านและสวน

     

     

      ตกแต่งห้องนอน

      How to ตกแต่งห้องนอน เสริมพัฒนาการที่ดี ให้ลูกนอนหลับสบายตลอดคืน

      สำหรับการจัด ตกแต่งห้องนอน ให้ลูกทารก ซึ่งเป็นวัยที่ต้องการพื้นที่ในการพักผ่อนที่เฉพาะตัว คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจยังไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มตกแต่งจากตรงไหน ทีมแม่ ABK มีคำแนะนำดีๆ ในการจัดห้องนอนให้ลูกทารกมาฝากค่ะ

      แปลนห้องที่ลูกสบายกาย แม่สบายใจ

      แปลนห้องเด็กที่ดี เริ่มตั้งแต่การเลือกตำแหน่งของห้อง ดูทิศทางลมและแสงแดดที่ผ่านเข้ามาในห้อง ควรเลือกห้องที่มีการถ่ายเทอากาศที่ดี หรือเลือกห้องที่อยู่ทางทิศใต้หรือทิศเหนือ ทิศใต้มีข้อดีคือ ห้องจะมีแสงธรรมชาติตลอดทั้งปี สามารถปลูกต้นไม้ด้านนอก เพื่อช่วยลดความร้อน รวมถึงช่วยเปิดรับลมได้มาก อากาศไหลเวียนดี มีแสงดีตลอดวัน ส่วนทิศเหนือ ข้อดีคือแสงแดดไม่จัด ทำให้เหมาะกับการใช้งานช่วงกลางวันได้แบบไม่ร้อนจนเกินไป สามารถเปิดหน้าต่างรับแสงธรรมชาติหรือเปิดรับลมได้ดี

      การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่ใช่

      ห้องเด็กอ่อนมีระยะเวลาการใช้งานที่จำกัด เพราะเด็กๆโตขึ้นทุกวัน ดังนั้นเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ควรเป็นแบบลอยตัว ยกย้ายหรือปรับเปลี่ยนได้ง่าย ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้ หลักๆแล้ว คือ เปลเด็กอ่อน โต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อม ตู้หรือชั้นวางแบบมีล้อเลื่อนสำหรับจัดเก็บของใช้หลัก อย่าง ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ผ้าอ้อม สำลี หรืออุปกรณ์ทำความสะอาด ตู้ลิ้นชักเก็บของเล่นหรือชั้นวางหนังสือ และสุดท้ายเก้าอี้สำหรับนั่งให้นม ซึ่งเป็นมุมผ่อนคลายของแม่และลูก หากจัดวางใกล้หน้าต่าง ลูกน้อยก็ได้รับแสงแดดยามเช้าไปในตัว ทั้งหมดเป็นเฟอร์นิเจอร์หลักที่ควรมีในห้องนี้

      อุณหภูมิของแสงไฟในห้องเด็ก

      เวลาที่ตั้งโจทย์ออกแบบ ตกแต่งห้องนอน ของลูก พ่อแม่อาจจะนึกถึงเรื่องสีสันในห้อง วัสดุผ้าบุและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆมาก่อนเป็นอันดับต้นๆ แต่จริงๆแล้วสิ่งสำคัญของห้องเด็กเล็ก คือเรื่องแสงไฟ แสงสว่างในห้องเด็ก เรื่องที่เหมือนจะเล็กแต่ไม่เล็ก เพราะแสงกับเด็กมีผลต่อพฤติกรรมของลูกน้อยในแต่ละช่วงเวลา อารมณ์ของลูก วงจรในการนอน และไม่ใช่แค่เด็กเท่านั้น แต่คุณแม่เองก็ต้องการการพักผ่อน รวมถึงกิจกรรมอื่นๆเช่น ช่วงเวลาให้นม หรือช่วงเวลาเปลี่ยนแพมเพิส หรืออุ้มเรอ แสงไฟที่แตกต่างกันมีผลกับการใช้งาน ของแม่และลูกทั้งนั้น

      ตกแต่งห้องนอน

      ความต่างของกลางวันและกลางคืน

      ในเด็กทารกแสงสว่างมีความสำคัญมาก เพราะทารกยังไม่รู้จักกลางวันและกลางคืน คุณแม่สามารถสร้างการรับรู้ช่วงเวลาและกำหนดการนอนให้กับลูกได้ บางบ้านอยากให้เด็กๆนอนดีทั้งกลางวันกลางคืน ปิดม่านทึบจนเวลากลางวันหายไป เมื่อเด็กนอนเต็มอิ่มในช่วงวันกลางคืนอาจไม่อยากนอน ดังนั้นจึงต้องจัดแสงในช่วงกลางวันให้มีแสงสว่างลอดเข้ามาได้ งีบกลางวันเป็นระยะ ส่วนกลางคืนจัดแสงให้เปลี่ยนไป แสงโทนสีเหลือง ช่วยให้เด็กจดจำอุณหภูมิสี และรับรู้ช่วงเวลาและช่วยให้นอนยาวในช่วงกลางคืนได้

      ตกแต่งห้องนอน

      ⁃ ช่วงกลางวัน เลือกใช้แสงธรรมชาติเป็นหลัก ตกแต่งห้องนอน โดยเปิดรับแสงจากภายนอก ออกแบบเป็นม่านสองชั้น แบบโปร่งแสงและทึบแสง ช่วงกลางวันระหว่างที่ลูกตื่น มีกิจกรรมอื่น เช่น เล่นของเล่น สังเกตหรือมองสิ่งของต่างๆ คุณแม่ที่ต้องเปลี่ยนผ้าอ้อม จัดการกับขวดนมหรือของใช้อื่นๆ สามารถใช้แสงธรรมชาติควบคู่กับแสงจากหลอดไฟในโทนสีแบบคูลไลท์เป็นโทนสีขาวที่ดูอุ่นสบายตา แต่สามารถตอบรับกิจกรรมที่ต้องใช้ความระมัดระวังได้อย่างดี

      ⁃ ช่วงกลางคืน ตกแต่งห้องนอน ด้วยการเติมรายละเอียดของไฟตกแต่งเฉพาะจุด เพิ่มในส่วนที่มีผลกับการใช้งาน เช่น โคมไฟข้างเตียงเลือกแบบที่สามารถปรับแสงไฟได้ เลือกแสงสีวอร์มไวท์ และปรับแสงให้พอดีไม่สว่างจนเกินไป และเช่นเดียวกันกับในส่วนของมุมเก้าอี้ให้นมและโต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อม หากเป็นไปได้ควรจัดวางไว้ใกล้กัน เลือกใช้เป็นโคมไฟตั้งพื้นให้ระยะของแสงไฟอยู่สูงขึ้นมา เพื่อการใช้งานสะดวกและมองเห็นได้ชัด ปลอดภัยขณะเปลี่ยนผ้าอ้อม พอปรับกิจกรรมเป็นการให้นมและอุ้มเรอ ควรปรับแสงสว่างลงแต่ก็ไม่ควรมืดจนเกินไป เพราะจังหวะที่อุ้มกล่อม แม่อาจจะเดินไปเดินมา เว้นที่ว่างและวางของให้น้อยหน่อยในมุมนี้ เพื่อแม่ที่อ่อนเพลียและง่วงนอน จะได้พักไปพร้อมกันกับลูกด้วย

      ตกแต่งห้องนอน
      ตกแต่งห้องนอน ของทารก มุมทำงานของแม่

      Nursing Area ถือว่าเป็นมุมทำงานหลักงานของแม่ลูกเล็ก งานของแม่ในที่นี้ คือการเปลี่ยนผ้าอ้อม การให้นม การจัดการอุปกรณ์ต่างๆทั้งเครื่องปั๊มนม เสื้อผ้าและผ้าอ้อมที่ใช้แล้วและยังไม่ได้ใช้ มุมของใช้เกี่ยวกับการทำความสะอาดลูก มุมนี้จึงประกอบไปด้วย โต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อม ตู้หรือรถเข็นขนาดเล็กสำหรับจัดเก็บของใช้ และเก้าอี้เอนนอนให้นมแน่นอนว่าแสงไฟจึงมีความสำคัญมากกับมุมนี้ แต่ไม่ได้หมายถึงสว่างจนแสงจ้า แต่สว่างเพียงพอแบบที่ปลอดภัยในการหยิบจับของและการจัดการเนื้อตัวลูก ดังนั้นแสงสีขาวแบบคูลไลท์ ซึ่งแสงขาวที่ยังมีความนวลตา จะเหมาะกับมุมนี้ และยังให้ความสว่างแบบไม่หลอกตา และสบายตากับเด็กด้วย

      ตกแต่งห้องนอน

      โคมไฟห้อยเพดานหรือโคมไฟหัวเตียง สำคัญมากกับห้องเด็ก เปิดแสงไม่สว่างเกินไป ให้เด็กๆจดจำแสงและอุณหภูมิสี เพื่อให้แยกกลางวันกลางคืนได้ และมีการนอนอย่างมีคุณภาพ

      ตกแต่งห้องนอน
      เตียงเด็กอ่อน ที่ออกแบบมาให้วางชิดเตียงแม่สามารถแกว่งได้ รุ่น “Cozee XL” ที่สามารถปรับรูปแบบการใช้งานได้ 5 แบบ
      ตั้งแต่แรกเกิด จนโตและปรับเป็นโซฟาได้ ดีไซน์คุณภาพรางวัล European Product Design Award และ IDA Design Awards” ใช้กันยาวๆแบบคุ้มๆ

      ตกแต่งห้องนอนแบรนด์ Tutti Bambini จาก www.mellowforkids.com

       

      ตกแต่งห้องนอน

      มุมโต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อม ควรออกแบบแสงไฟที่เพียงพอในมุมนี้ เพราะมีการใช้งานวันละหลายครั้งตั้งแต่เช้าจรดค่ำ หรือทั้งคืนในเด็กเล็ก ช่วงวันเลือกวางการใช้งานนี้ไว้ใกล้กับหน้าต่างหรือช่องแสงเพื่อให้ได้แสงธรรมชาติ ส่วนกลางคืนควรมีโคมไฟตั้งพื้นเสริม เพิ่มเติมนอกจากไฟหลักของห้องด้วย

      โต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อมทำจากพลาสติก HDPE Food Grade ไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก สามารถกันน้ำ จึงวางอ่างอาบน้ำเด็กได้ มีช่องเก็บของใหญ่ จุของใช้ประจำวัน และมีล้อเข็นเคลื่อนย้ายง่าย ล้อล็อคได้ หมุนได้360องศา จาก bebeplay

      https://bebeplay.co/products/bebeplay

       

      แสงไฟ ตกแต่งห้องนอน กับความปลอดภัยในห้อง

      แสงไฟแบบเฉพาะจุด มีความสำคัญมากกับห้องนี้ เพราะแสงสีวอร์มไวท์ของโคมไฟประดับ ช่วยให้ห้องมีความสงบและสบายตา แต่ต้องมีการออกแบบที่พอดีไม่มากจนเกินไป และเลือกใช้แบบเฉพาะจุด

      แสงไฟประเภทนี้ช่วยเสริมการใช้งานให้ปลอดภัยขึ้น เป็นตัวช่วยที่เน้นการใช้งานเพิ่มจากแสงไฟดาวน์ไลท์หลักของห้อง จึงควรออกแบบแสงไฟประเภทนี้ให้สัมพันธ์กับการใช้งานของแม่และลูก เพราะห้องนี้เองก็มีความขัดแย้งในการใช้งานแบบเบาๆ อยู่ด้วย คือ ใจแม่ก็อยากจะจัดเก็บของยามลูกหลับบ้าง แต่ลูกเองก็อยากได้ความเงียบสงบยามนอน ดังนั้นควรเลือกวางโคมไฟตกแต่งในมุมหลักๆที่มีการใช้งานประจำวัน คือ มุมข้างเก้าอี้ให้นม มุมเปลี่ยนเสื้อผ้าและแพมเพิส โต๊ะข้างเตียง หรืออาจจะใช้เป็นไฟประดับเหนือหัวเตียงอีกจุดก็เป็นลูกเล่นที่น่ารัก ให้ลูกๆได้ฝึกมองหาแสงไฟ และฝึกสังเกตได้ในตัว

      ตกแต่งห้องนอน
      แสงธรรมชาติ มีความสำคัญไม่แพ้กัน ให้พระอาทิตย์ปล่อยพลังงานธรรมชาติ ช่วยให้ลูกได้รับวิตามินดี และแสงแดดอ่อนยามเช้าที่ไม่เกินสิบโมงเช้านะ แต่เชื่อเถอะมุมเก้าอี้โยกแบบนี้ ทั้งให้นม กล่อมลูกและแม่ได้งีบหลับไปด้วยกัน แน่นอน เก้าอี้โยกให้นมรุ่น “Oscar Rocking Chair” ที่ออกแบบให้ตอบรับสรีระของแม่ขณะนั่งให้นม นั่งสบายและไม่ปวดหลัง

      ตกแต่งห้องนอน
      โคมไฟห้อยเพดาน รุ่น“ Trollbo” สีเขียวอ่อน สบายตา จาก อิเกีย
      https://www.ikea.com/th/th/p/trollbo-pendant-lamp-light-green-80346875/

       

      ตกแต่งห้องนอน
      โคมไฟLED เหมาะใช้ยามค่ำวางหัวเตียง รุ่น “Spiken” สามารถปรับแสงได้ 7สี จาก อิเกีย

      https://www.ikea.com/th/th/p/spiken-led-night-light-otter-shaped-battery-operated-multicolour-90469149/

       

      อย่างไรก็ตาม เรื่องอุณหภูมิของแสง ก็ถือว่ามีความสำคัญในการตกแต่งห้องนอนเด็กเล็ก การเลือกลักษณะของแสงให้พอดีกับห้อง จะช่วยให้เด็กๆ มีช่วงเวลาการตื่นและนอนหลับที่เป็นเป็นระบบ รวมถึงความปลอดภัยของพ่อและแม่ หรือผู้ดูแล ทั้งหมดนี้จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีให้กับลูกๆได้ค่ะ


      อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ

        ‘รพ. ไทยนครินทร์ ’ พร้อมเคียงข้างพ่อแม่ แผนกกุมารเวชกรรมโฉมใหม่ สดใส พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบตามมาตรฐานสากล

        โรงพยาบาล ไทยนครินทร์ เผยโฉมใหม่ ‘แผนกกุมารเวชกรรม ชั้น L’ ปรับภูมิทัศน์ให้สวยงาม สร้างบรรยากาศอบอุ่นต่อผู้รับบริการเด็ก พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์ แยกโซนเด็กป่วย-เด็กสุขภาพดี ดูแลอย่างใกล้ชิดจากกุมารแพทย์ทั่วไปและกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านกุมารเวชศาสตร์  คำนึงถึงความสะอาดและความปลอดภัยเป็นสำคัญ เพิ่มความมั่นใจการรับบริการ

                    นายแพทย์กำพล วีรกาญจนา หัวหน้าแพทย์แผนกกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลไทยนครินทร์ กล่าวว่า “แผนกกุมารเวชกรรม หรือแผนกเด็ก โรงพยาบาลไทยนครินทร์ เปิดให้บริการดูแลและบำบัดโรครักษาต่างๆ ในผู้ป่วยเด็กตั้งแต่แรกคลอดจนถึงอายุ 15 ปี โดยการดูแลอย่างใกล้ชิดจากกุมารแพทย์ทั่วไปและกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางแต่ละสาขา เช่น โรคติดเชื้อ โรคหัวใจ โรคต่อมไร้ท่อและวัยเจริญพันธุ์ โรคภูมิแพ้ และทารกแรกเกิด เป็นต้น

        นายแพทย์กำพล วีรกาญจนา
        หัวหน้าแพทย์แผนกกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลไทยนครินทร์

        “ล่าสุดทางแผนกกุมารเวชกรรม ได้มีการปรับปรุงพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยนอก (OPD) ใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ ‘Customer Journey’ เน้นสร้างประสบการณ์การรับบริการที่อบอุ่น เป็นมิตร (Friendly) กับผู้รับบริการเด็กๆ ด้วยสีสันสดใส ลวดลายสัตว์น่ารักๆ ที่เด็กๆ คุ้นเคย ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่รู้สึกว่า การมาหาคุณหมอไม่น่ากลัว ไม่เหมือนมาโรงพยาบาลฯ ครับ

        “นอกจากการตกแต่ง ปรับภูมิทัศน์แล้ว สิ่งสำคัญที่ทางแผนกกุมารเวชกรรมให้ความสำคัญคือ ความสะอาด และความปลอดภัย ทุกพื้นที่จะมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคทุกชั่วโมง มีแยกโซนเด็กป่วย และเด็กสุขภาพดี (Well Baby Clinic) สำหรับน้องที่มีนัดรับวัคซีน หรือตรวจประเมินพัฒนาการตามช่วงวัย จะแยกพื้นที่รับบริการชัดเจน ลดความกังวลว่าลูกน้อยจะป่วยหรือติดเชื้อได้

        “ในส่วนของคุณพ่อคุณแม่ที่มีความกังวลเมื่อลูกน้อยเจ็บป่วยยามวิกาล ทางแผนกกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลไทยนครินทร์ มีกุมารแพทย์ทั่วไปและกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง 24 ชม. ประจำอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน โดยเป็นกุมารแพทย์ที่จบวุฒิบัตรกุมารเวชศาสตร์ ซึ่งมีความรู้ความชำนาญในการดูแลรักษาภาวะฉุกเฉินและความเจ็บป่วยของเด็กในยามวิกาล

        “แผนกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลไทยนครินทร์ พร้อมดูแลเด็กๆ ด้วยความเอาใจใส่ทั้งก่อนรักษา ระหว่างการเข้าพักรักษาและหลังการรักษา บริการตรวจประเมิน วิเคราะห์ รักษา เพื่อป้องกันโรค ฟื้นฟูสุขภาพ และให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด เพราะความสุขสูงสุดของคุณพ่อคุณแม่คือการที่ลูกสุขภาพแข็งแรง เติบโต มีพัฒนาการและศักยภาพสมวัย”

        แผนกกุมารเวชกรรม ตั้งอยู่บริเวณชั้น L โรงพยาบาลไทยนครินทร์ บนถนนเทพรัตน (บางนา – ตราด กม.3.5) เขตบางนา สอบถามเพิ่มเติมหรือนัดหมายโทร. 0-2340-7777 หรือ https://thainakarin.co.th/

         

         

        ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่
        แผนกสื่อสารการตลาด
        โรงพยาบาลไทยนครินทร์
        โทร. 0-2340-7777
        Website: www.thainakarin.co.th
        Facebook: Thainakarin Hospital

         

          Tags

          โรงเรียนกฤตศิลป์วิทยา โรงเรียนเล็กๆที่เปี่ยมไปด้วย “คุณภาพและพลัง”

          ความสุขเล็กๆในการเดินทางยามเช้า คือ การสวนทางกับารจราจรที่ติดขัดอันเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพ

          ช่วงเวลาที่มุ่งหน้าสู่ชานเมือง อาคารสูงซิกเนเจอร์ของเมืองหลวงจะบางตาลงมาก พื้นที่สีเขียวตามธรรมชาติพบเห็นได้มากขึ้น ชุมชน ร้านค้า ที่พักอาศัยปรากฏอยู่อย่างไม่แออัด เสียงใบไม้ไหวตามแรงลมและเสียงนกร้องอันสดใสได้ยินชัดเจนในยามเช้า แม้จะไม่เงียบสงัดแต่รู้สึกถึงความสงบสดชื่น เป็นเวลาเช้าที่ความวุ่นวายไม่สามารถก่อกวนจิตใจ นี่คือการเดินทางมาสู่ โรงเรียนกฤตศิลป์วิทยา ของ School Visit วันนี้ค่ะ

          โรงเรียนกฤตศิลป์วิทยา เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1- ประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อกำเนิดด้วยใจ จากจิตวิญญาณครู ในปี พ.ศ. 2502 โดย อาจารย์ปราณี ไบรนางกูร จากที่ดินเช่าย่านเอกมัย สู่โรงเรียนริมถนน ย่านอ่อนนุช-ลาดกระบัง จนปัจจุบันย้ายมาตั้งอยู่ที่ถนนสุขาภิบาล 2 ซอย 5 เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร สิ่งที่น่าทึ่งคือ เด็กๆและผู้ปกครองทุกคนนับพันกว่าชีวิตเลือกที่จะ “ย้ายตามโรงเรียน” ทีมแม่ ABK จะพามาเยี่ยมชมโรงเรียนเล็กๆที่เปี่ยมไปด้วย “คุณภาพและพลัง” แห่งนี้กันค่ะ

          ทางเข้าหน้าโรงเรียน

          บรรยากาศรอบๆโรงเรียน

           

          หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย “คิดและทำใหม่ สไตล์กฤตศิลป์”

          ทางโรงเรียนใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 ผสมผสานแนวคิดและกิจกรรมเสริมสมรรถนะรอบด้านในการพัฒนาเด็กๆทางด้านกายภาพ (ร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคม) และสุขภาพจิต ตามแนวคิดของคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การศึกษาของทุกหลักสูตรได้รับการออกแบบมาเพื่อพัฒนาเด็กๆ แต่สิ่งสำคัญคือการทำให้ประสบการณ์เป็นจริงขึ้นมา

          ผอ.ฐานันดร์ ไบรนางกูร หรือ คุณครูพี่กอล์ฟ ของเด็กๆกำลังถูกเด็กๆรายล้อม

          Active Learning เรียนรู้เชิงรุก

          พี่ชั้นประถมกำลังฟังบรรยายจากวิทยากร (เจ้าหน้าที่ตำรวจ)

          ประสบการณ์..ต้องสร้าง

          เป็นธรรมดาที่เด็กเล็กจะขาดประสบการณ์เพราะชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้น เด็กๆยังไม่มีโอกาสเผชิญหน้าและเรียนรู้จากสถานการณ์ ความท้าทาย และการโต้ตอบที่หลากหลาย แต่ประสบการณ์จะเพิ่มมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อพวกเขาเริ่มเติบโต, เริ่มสำรวจ, สะสมความรู้และความเข้าใจ โรงเรียนกฤตศิลป์วิทยาจัดให้! ประสบการณ์ ก็สร้างได้

          กิจกรรมเสริมประสบการณ์ (Cognitive)

          ทางโรงเรียนภาคภูมิใจนำเสนอ แนวทางการสอนแบบร่วมมือรวมพลัง 5 ขั้นตอน หรือ 5 Steps

          Collaboration Teaching Approach

          1.นำเสนอสิ่งเร้าและระบุคำถามสำคัญ

          คุณครูจะไม่ปล่อยให้การเรียนรู้เข้าสู่โหมด dead air เด็กๆต้องได้เห็นเป็นรูปธรรม(สิ่งเร้า) เด็กๆจึงจะเกิดคำถาม การซักถามจากคุณครูเป็นการต่อยอดและขยายความสงสัย ความสนใจให้แผ่กิ่งก้านสาขา ชวนให้เด็กๆ อธิบายอย่างสนุกสนาน สอดแทรกเนื้อหาสาระที่ต้องเรียนรู้ อยู่ๆเด็กๆก็ซึมซับและเข้าใจโดยไม่รู้ตัว

          คุณครูกระตุ้นให้เกิดคำถามด้วยเทคนิคต่างๆ

           

          2.Learning by Doing เป็นขั้นที่สำคัญที่สุด

          ตาดู หูฟัง สมองคิด และลงมือทำเองเพื่อให้ได้ข้อมูล ในเวลาเดียวกันคือการ Exercise ประสาทสัมผัส การลงมือปฏิบัติจะทำให้เด็กๆเข้าใจเนื้อหาสาระได้ตามแบบที่แต่ละคนเข้าใจ

          ไม่ลองไม่รู้ ต้องลงมือเรียนรู้

           

          3.อภิปรายและสร้างความรู้

          ข้อมูล เนื้อหาและสารสำคัญที่แต่ละคนรวบรวมมา ไม่ว่ามากหรือน้อย จะนำมาอภิปรายภายในกลุ่ม

          ซึ่งในกลุ่มจะคละเด็กๆที่มีความถนัดแตกต่างกันอยู่ภายในกลุ่ม เพื่อให้เด็กๆช่วยเหลือกัน เติมเต็มส่วนที่ขาดเหลือกันไป

          เด็กๆอภิปรายผลการเรียนรู้ตามแบบที่ตนเองเข้าใจ

           

          4. สื่อสารและสะท้อนคิด (การสื่อสาร-ทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21)

          Feeling เด็กๆรู้สึกอย่างไรกับการเรียนรู้ ชอบหรือไม่ เพราะอะไร

          Found เด็กๆค้นพบอะไร

          Lesson เด็กๆได้รับประสบการณ์อะไรจากกิจกรรม

          Feature เด็กๆจะนำความรู้ไปใช้อย่างไรในอนาคต

          เด็กๆนำเสนอสิ่งที่เรียนรู้และสะท้อนคิดกิจกรรม

          5. ประยุกต์และตอบแทนสังคม เชื่อมโยง Project-Based Learning ในตอนท้ายของแต่ละหน่วย

          Extension เด็กๆนำความรู้ไปบอกต่อคุณพ่อคุณแม่ เล่าให้คนอื่นฟัง

          Invention เด็กๆแปลงความรู้เป็นอีกศาสตร์ เช่น วาดรูปประกอบ อัดคลิปอธิบาย ได้หมด

          Innovation เด็กๆสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ได้! แต่ไม่ต้องตกใจค่ะ สำหรับชั้นเด็กเล็กๆ Innovation คือการศึกษาอย่างลึกซึ้ง

          ทั้งหมดนี้คือ Competency-Based การเรียนรู้เพื่อสร้างสมรรถนะของเด็กๆ โดยใช้เวลาและวิธีการยืดหยุ่นตามธรรมชาติของเด็กๆแต่ละคน ซึ่งจะทำให้เด็กๆไม่เบื่อการเรียนรู้และสามารถนำไปปฏิบัติจริงและพัฒนาไปเป็นผู้นำการเรียนรู้ด้วยตัวเองในอนาคตได้ค่ะ

          Extension เด็กๆนำความรู้ไปบอกต่อ

          Invention เด็กๆแปลงความรู้ออกมาเป็นภาพวาดตามความเข้าใจ

           

          ไม่ได้เรียนเพื่อสอบ แต่เรียนเพื่อนำไปใช้ในชีวิตจริง

          การเรียนการสอนเพื่อเด็กๆจะนำไปใช้ได้ในชีวิตจริงมีวิธีการที่หลากหลายและยืดหยุ่นมากๆ คุณครูต้องสร้างแรงจูงใจให้เด็กๆอยากเรียน และต้องรู้ประสบการณ์เดิมของเด็กๆว่าพร้อมจะเรียนสิ่งต่อไปหรือไม่ โดยวิธีการสอนมีถึง 14 วิธีการให้คุณครูเลือกที่จะนำไปปรับใช้ : บรรยาย, สาธิต, ทดลอง, Deduction, Induction, ไปทัศนศึกษา, การอภิปรายกลุ่มย่อย, การแสดงละคร, การแสดงบทบาทสมมุติ, ใช้กรณีศึกษา, เล่นเกมส์, ใช้สถานการณ์จำลอง, ใช้ศูนย์การเรียน และใช้บทเรียนแบบโปรแกรม คุณครูจะแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มๆ ละ 4 คน (แนวคิดของ ศ.ดร.มานาบุ ซาโตะ) เพื่อให้ได้ดูแลเพื่อนและร่วมกันเรียนรู้ ทุกคนอยากมีส่วนร่วมในการเรียน ประกอบด้วย ผู้เรียนรู้ไว 1 คน, ปานกลาง 2 คน และ ผู้เรียนรู้ช้า 1 คน โดยบูรณาการหลักธรรม พรหมวิหาร 4 ในการทำงานร่วมกันในกลุ่ม เมตตา กรุณา มุทิตา แสดงความยินดี (Cheer up ให้กำลังใจเพื่อนที่อ่อนที่สุด) อุเบกขา คือ “ไม่สั่ง ไม่สอน ไม่บอกคำตอบ ตั้งใจฟัง ชวนเพื่อนคิด เชียร์ให้เพื่อนทำ” วิธีการนี้การันตีด้วย รางวัลนวัตกรรมดีเด่นกรุงเทพมหานคร จากการทำงานบนหลักธรรมพรหมวิหาร 4

           

          FUN FIND FOCUS

          ที่โรงเรียนมีกิจกรรมสนุกๆ ตามแนวคิด FUN FIND FOCUS ของโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สร้างมาเพื่อให้เด็กๆได้พบเป้าหมาย

          • FUN อะไรๆต้องเริ่มต้นด้วยความสนุก
          • FIND เมื่อมีความสุขจากการเรียน เด็กๆก็จะ “ค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบหรือถนัด” โรงเรียนจึงจัดกิจกรรม 16 ฐานต่อเทอม หรือ 32 ฐานกิจกรรมต่อปีการศึกษา เด็กๆได้เข้าทุกฐานค่ะ สุดท้ายเด็กๆจะได้สะท้อนกลับว่า หนูรู้สึกชอบ รู้สึกดีกับกิจกรรมไหน หรือไม่ชอบ เพราะอะไร คือการค้นหาความชอบและตัวตนของตัวเอง เน้นฐานอาชีพในสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งอยู่ในบริบทท้องถิ่น (มีอาชีพมากมาย หลากหลายทุกสาขาวิชาชีพ ปฏิบัติงานทั้งกลางวันและกลางคืน)
          • FOCUS มุ่งเป้าหมาย
          • FULFILLMENT เติมเต็มด้วยความร่วมมืออย่างเหนียวแน่นระหว่างบ้านและโรงเรียน มวลประสบการณ์ทั้งหมดนี้ทางโรงเรียนยินดีสร้างให้เพื่อที่เด็กๆจะได้มีโอกาสพบตัวจริงในตัวเอง

          วิธีการสอนแบบทดลอง

          วิธีการสอนแบบสาธิต

          กลุ่มทำงาน4คน บูรณาการหลักธรรมพรหมวิหาร4

          กิจกรรมตามแนวคิด FUN FIND FOCUS

          คุณอาวินน์ อินทรศวร รองผู้อำนวยการโรงเรียน

           

          Mommy LoveThis! ถูกใจแม่

          ที่โรงเรียนมีค่าย Multiple Intelligence ช่วงปิดเทอม เปลี่ยนวันว่างให้เป็นวันว้าวและไม่ว่าง เด็กๆคนไหนชอบวิชาการ โรงเรียนมีคลาสวิชาการ เด็กๆคนไหนชอบเรียนกีฬา งานฝีมือ ลงมือปฎิบัติ โรงเรียนก็มีจัดให้ ตามใจผู้เรียน

          English Conversation in classroom ใช้ภาษาอังกฤษตลอดคาบเรียน integrate เข้าไปอย่างเป็นธรรมชาติ เน้นให้เด็กๆกล้าสื่อสาร โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกหรือผิด ผลลัพธ์คือเด็กๆกฤตศิลป์สามารถสื่อสารได้ใกล้เคียงกับ Native Speaker แต่ผู้ปกครองจ่ายค่าเทอมแบบไทยๆ

          การใช้ AI ให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อการเขียนโปรแกรมหรือการเรียน Coding แต่ใช้สำหรับการเรียนการสอนซ่อมเสริมสำหรับเด็กๆที่ความสามารถทางวิชาการไม่ดี เพื่อไม่ให้มีใครถูกทอดทิ้งอยู่เบื้องหลัง เพราะวิชาการไม่เก่งไม่ได้แปลว่าไร้ความสามารถ อาจจะชำนาญด้านใดอื่นๆ

          ความสัมพันธ์บ้านและโรงเรียนแน่นแฟ้น สบายใจ รายงานรูปภาพแน่นทั้งวัน

          ที่โรงเรียนมีกิจกรรมมากมายกว่า 32 ฐาน หนึ่งในนี้ต้องมีที่ลูกๆชอบบ้างแหละ!

           

          อัตราค่าเล่าเรียน ปีการศึกษา 2567 (โดยประมาณ 1 ปีการศึกษามี 2 เทอม)

          • อนุบาล 1 : 13,000 บาท ต่อเทอม
          • อนุบาล 2-3 : 10,500 บาท ต่อเทอม
          • ประถมศึกษา : 14,400 บาท ต่อเทอม

          ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาสอบถามทางโรงเรียนโดยตรง

           

          ที่อยู่

          • โรงเรียนกฤตศิลป์วิทยา
          • เลขที่ 20/27 หมู่ที่ – ซอย 5 ถนน สุขาภิบาล 2
          • แขวงและเขตประเวศ กรุงเทพมหานคร 10250
          • โทร. 02-714-4717-9
          • http://www.facebook.com/Schoolkts/
          • http://www.krittasilphwittaya.com/

           

          Editor : แม่พลอยผิง

          ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

           

           

            พร้อมเป็นคุณแม่มือใหม่ เตรียมตัว “ฝากครรภ์คุณภาพ”

            เมื่อทราบข่าวว่า ได้เป็นว่าที่คุณแม่ป้ายแดง คุณแม่หลายๆท่าน คงตื่นเต้นและกังวลกับการตั้งครรภ์อยู่ไม่น้อย ยิ่งท้องแรกความกังวลอาจจะมากเป็นพิเศษ แต่!! อย่ากังวลจนเกินไปนะคะ มาค่ะ…เรามาเตรียมตัวเพื่อลูกน้อยกับ การ “ฝากครรภ์คุณภาพ” กันนะคะ

            ทำไม “การฝากครรภ์” จึงมีความสำคัญ

            คุณแม่มือใหม่ ต้องให้ความสำคัญกับการฝากครรภ์คุณภาพเป็นพิเศษ พิถีพิถันเพื่อการดูแลทั้งตัวเองและลูกน้อยให้แข็งแรง เพื่อลูกน้อยที่จะเกิดขึ้นมา เป็นของขวัญชิ้นที่งดงามที่สุด และแสนพิเศษเพื่อคุณภาพชีวิตของเด็กเอง ที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว ให้ได้มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และเป็นอนาคตที่สำคัญของสังคม

            ทราบหรือไม่ว่า ?

            • อัตราการเสียชีวิตของมารดาตั้งครรภ์ทั่วโลก 157 ต่อ 100,000 คน (0.157%) ในปี 2020 (ข้อมูลจาก WHO)
            • 10-20% ของทุกการตั้งครรภ์ อาจเป็นการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติ
            • 2-14% มีโอกาสเป็น โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
            • 6% อาจมีภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
            • 2-8% อาจมีภาวะครรภ์เป็นพิษ
            • 10% อาจมีภาวะคลอดก่อนกำหนด

            ดังนั้น “การฝากครรภ์” จึงมีความสำคัญกับทั้งคุณแม่และลูกน้อยมากๆ เพื่อการเตรียมตัว และดูแลตัวเอง ให้พร้อมรับมือกับความเสี่ยงที่อาจมากับโรคที่ไม่คาดคิด ซึ่งอาจทราบได้จากตอนตั้งครรภ์จากการเจาะเลือด หรือตรวจปัสสาวะ เพื่อทำการติดตามการรักษาควบคู่ไม่ให้เป็นพาหะส่งถึงลูกน้อย

            “การฝากครรภ์คุณภาพ” หมายถึง

            การฝากครรภ์ครั้งแรกก่อน 12 สัปดาห์และการฝากครรภ์อย่างน้อย  5 ครั้งตลอดระยะการตั้งท้อง เพื่อให้มารดาและทารกได้รับการบริการทางสุขภาพที่ครบถ้วนและดีที่สุด ระหว่างตั้งท้องซึ่งก็จะส่งผลต่อเนื่องไปจนถึงหลังคลอดลูกด้วย

            ความสำคัญของการฝากครรภ์

            • ดูแลรักษาสุขภาพของแม่ และทารกในครรภ์ ให้ราบรื่นตลอดการตั้งครรภ์ และการคลอด
            • คลอดบุตรที่มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์
            • ลดอัตราการเสียชีวิต และภาวะแทรกซ้อนของแม่และเด็ก
            • วินิจฉัย ป้องกัน และรักษาความผิดปกติ และภาวะแทรกซ้อนได้ทันท่วงที

            การดูแลหญิงตั้งครรภ์ ขั้นพื้นฐานตลอดการตั้งครรภ์ ประกอบด้วย

            1. การสอบถามประวัติ
            2. การตรวจร่างกายและตรวจครรภ์
            3. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
            4. การประเมินเพื่อการดูแลสุขภาพ และป้องกันโรค ตรวจคัดกรอง และรักษา

            การนับอายุครรภ์

            • นับจากวันแรก ของประจำเดือนรอบสุดท้าย
            • คำนวณอายุครรภ์ จากการอัลตราซาวด์

            การตรวจที่สำคัญใน ไตรมาสที่ 1

            • การสอบถามข้อมูลทั่วไป เพื่อประเมิน และเช็คประวัติคุณแม่/คุณพ่อ โดยละเอียด
            • ประวัติส่วนตัว/ครอบครัว
            • ประวัติการเจ็บป่วย
            • ประวัติทางสูติกรรม

            การตรวจร่างกายและตรวจครรภ์

            • ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง คำนวณค่าดัชนีมวลกาย (BMI)
            • วัดความดันโลหิต
            • ตรวจร่างกายทั่วไป
            • ตรวจครรภ์ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (อัลตราซาวด์) เพื่อประเมินอายุครรภ์โดยแพทย์
            • ให้ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงของการตั้งครรภ์ ข้อควรระวังต่าง ๆ
            • การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อวินิจฉัยเรื่องต่าง ๆ
            • เจาะเลือดตรวจ Lab I หญิงตั้งครรภ์ ค้นหาโรคหรือความเสี่ยงแฝง
            • CBC for Hct/Hb MCV, DCIP, VDRL , Anti-HIV, HBsAg, Blood group ABO, Rh
            • เจาะเลือดสามี เพื่อคัดกรองธาลัสซีเมีย, ซิฟิลิสและโรคเอดส์
            • CBC, MCV, DCIP, VDRL, Anti-HIV
            • ตรวจปัสสาวะ หา protein sugar และ bacteria

            สำหรับการตรวจในไตรมาสที่ 1

            • เพื่อการประเมินคุณแม่ และลูกน้อย เพื่อวางแผนการดูแลรักษาตั้งแต่เริ่มต้น
            • ให้วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก (ขึ้นอยู่กับประวัติการได้รับวัคซีนในอดีต)
            • ให้ยาเสริมธาตุเหล็ก กรดโฟลิก และแคลเซียม รวมถึงวิตามินในรายที่จำป็น
            • ประเมินสุขภาพจิต ให้คุณแม่ไม่เครียด สบายใจตลอดการตั้งครรภ์
            • ประเมินการสูบบุหรี่ ทั้งของหญิงตั้งครรภ์และสามีหรือคนในครอบครัว
            • บันทึกข้อมูลการฝากครรภ์และผลการตรวจ ในสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก และเวชระเบียน ซึ่งมีความสำคัญมากจนถึงครบกำหนดการคลอด

            การตรวจที่สำคัญใน ไตรมาสที่ 2

            ช่วงอายุครรภ์ 14 -18 สัปดาห์ ให้คำปรึกษาและตรวจเลือดเพื่อตรวจคัดกรองกลุ่มอาการดาวน์ต่าง ๆ

            การตรวจคัดกรอง

            • อัลตราซาวด์
            • เจาะวัด ระดับสารเคมีในเลือดมารดา
            • เจาะเลือดมารดาเพื่อวิเคราะห์จากสารพันธุกรรมดีเอ็นเอของทารก (Fetal cell-free DNA)

            การตรวจวินิจฉัย

            • การเจาะเนื้อรก
            • การเจาะน้ำคร่ำ
            • การเจาะเลือดจากสายสะดือทารกในครรภ์

            **อายุครรภ์ 24 -28 สัปดาห์ ตรวจเลือดคัดกรองโรคเบาหวานในหญิงตั้งครรภ์ ทุกราย (50 g. Glucose challenge test) หากเป็นกลุ่มเสี่ยง ให้คัดกรองตั้งแต่ฝากครรภ์ครั้งแรก เพื่อป้องกันโรคเบาหวานที่อาจจะส่งผลกับทารกในครรภ์

            วัคซีนที่จำเป็น โดยแพทย์จะประเมินโดยละเอียด

            • บาดทะยัก
            • ไข้หวัดใหญ่
            • โรคไอกรน (วัคซีนเสริม)
            • วัคซีน COVID-19 : ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป

            การตรวจที่สำคัญใน ไตรมาสที่ 3

            • เจาะเลือดตรวจทางห้องปฏิบัติการ ( LAB II ) ได้แก่ Hb/Hct, VDRL, Anti HIV
            • การให้คำแนะนำแก่หญิงตั้งครรภ์ และคุณพ่อในการช่วยระมัดระวังคุณแม่ ก่อนถึงกำหนดคลอด เพื่อการช่วยกันดูแลตัวเอง และประเมินอาการสำคัญต่าง ๆ
            • การสังเกตการดิ้นของทารกในครรภ์ พร้อมทั้งสอนให้นับจำนวนครั้งของการดิ้นของทารก
            • การสังเกตอาการสำคัญ ที่ต้องมาโรงพยาบาลเพื่อการคลอด เช่น เจ็บครรภ์คลอด มีน้ำเดิน มีมูกเลือด หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ที่ต้องมาโรงพยาบาลโดยเร็ว เช่น เลือดออกทางช่องคลอด ทารกดิ้นน้อยลง ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว เจ็บจุกแน่นบริเวณใต้ชายโครงขวา มีไข้ เป็นต้น
            • ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น การเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด เลือดออก น้ำเดิน
            • ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การดูแลเต้านม ประโยชน์นมแม่
            • วางแผนการคุมกำเนิด หลังคลอด เพื่อการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง
            • วางแผนการคลอด, ตรวจภายในประเมินเชิงกราน, อัลตราซาวด์ดูท่า น้ำหนักทารกในครรภ์โดยละเอียด เพื่อประเมินการเตรียมคลอดให้ปลอดภัย

            คุณแม่จะเห็นได้ว่า ตลอดการตั้งครรภ์ในทุกไตรมาส จะมีการตรวจที่สำคัญในทุกช่วง ดังนั้นการตรวจเพื่อติดตามตลอดการตั้งครรภ์ จึงมีความจำเป็น ที่สำคัญที่สุดของเตรียมตัว “ฝากครรภ์คุณภาพ” นั้น ประโยชน์ที่ได้รับจะเกิดกับลูกน้อย ในเรื่องของการตรวจดูพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ทั้งสุขภาพทั้งกาย และสุขภาพจิตที่สมบูรณ์แข็งแรง เมื่อทารกคลอดออกมา “การฝากครรภ์คุณภาพ” จึงถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่คุณแม่ทุกท่านควรตระหนัก และไม่ควรละเลย

             

            บทความโดย นายแพทย์นพเมศฐ์ ศรีจารุสิทธิ์

            สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

              Tags

              การดูแลตัวเอง หลังคลอด ที่คุณแม่ต้องรู้

              “หลังการคลอดบุตรใหม่ๆ” คุณแม่คงรู้สึกโล่งใจที่การคลอดผ่านไปได้ด้วยดี แต่อาจมีความกังวลใจต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายจากการ “ตั้งครรภ์” และ “การคลอด” ซึ่งโดยปกติแล้วสภาพร่างกายของคุณแม่หลังคลอดจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติภายใน 6-8 สัปดาห์ รวมทั้งแผลที่เกิดจากการคลอดก็จะหายดีในช่วงระยะเวลานี้ด้วย ทั้งนี้ หากคุณแม่มีความเข้าใจและดูแลตนเองหลังคลอดได้เป็นอย่างดี ก็จะช่วยให้ทุกอย่างราบรื่นขึ้น ซึ่งการดูแลตนเองหลังคลอดนั้นมีอยู่หลายด้าน ดังนี้

              1. ด้านจิตใจ

              หลังคลอดใหม่ๆ ปริมาณฮอร์โมนในร่างกายของคุณแม่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งคุณแม่ยังต้องปรับตัวกับบทบาทใหม่ อ่อนเพลียจากการคลอด กังวลใจกับสรีระของตนเอง และการเลี้ยงลูก จึงอาจทำให้รู้สึกเครียด หงุดหงิด หรือความซึมเศร้าแบบไม่มีเหตุผล ซึ่งเรียกว่า “ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด” ดังนั้น คุณพ่อจึงหรือคนใกล้ชิดจึงเป็นบุคคลสำคัญ หากได้ช่วยแบ่งเบาภาระในการเลี้ยงดูบุตร และดูแลงานบ้านแทนคุณแม่ ก็จะช่วยให้คุณแม่มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น รู้สึกมั่นใจและได้รับความรักอย่างเต็มที่

              1. ด้านร่างกาย
              • การดูแลแผล แผลฝีเย็บ ปกติแล้วคุณหมอจะเย็บด้วยไหมละลาย ซึ่งหลังคลอดประมาณ 7 วัน แผลก็จะหาย แต่อาจจะรู้สึกเจ็บนานประมาณ 2 สัปดาห์ การทำความสะอาดสามารถใช้น้ำและสบู่ล้างจากด้านหน้าไปด้านหลัง และซับให้แห้งทันที ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ ไม่ควรสวนล้างช่องคลอดหรืออาบน้ำในอ่าง กรณีคุณแม่เป็นริดสีดวงทวาร หากมีอาการปวดอาจจะประคบด้วยถุงน้ำแข็ง ใช้ครีมหรือยาเหน็บตามแพทย์สั่ง ดื่มน้ำและรับประทานผัก ผลไม้ที่มีกากใยสูง เพื่อลดอาการท้องผูก
              • แผลผ่าตัด คุณหมอจะเย็บด้วยไหมละลาย ไม่ต้องตัดไหม ปิดไว้ด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ คุณแม่สามาร อาบน้ำได้ แต่ถ้าสังเกตว่ามีน้ำซึมเข้าแผล ให้เปลี่ยนพลาสเตอร์ปิดแผลใหม่ทันที แผลจะหายในเวลาประมาณ 7 วัน หากเจ็บแผลขณะเคลื่อนไหว คุณแม่อาจจะใช้ผ้ารัดหน้าท้องช่วยพยุงไว้ จะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้น
              • น้ำคาวปลา คือ น้ำคร่ำปนกับเลือดที่ออกจากแผลในมดลูกไหลออกมาทางช่องคลอด ในช่วง 3 วันแรก จะมีสีแดงเข้ม จากนั้นสีจะจางลงเรื่อยๆ คล้ายกับสีน้ำล้างเนื้อ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นมูกสีเหลืองๆ ตามปกติจะมีอยู่ประมาณ 2-3 สัปดาห์ ควรทำความสะอาดด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้งหลังการปัสสาวะหรืออุจจาระ และเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ
              • การฟื้นตัวของมดลูก ระหว่างตั้งครรภ์ มดลูกจะขยายตัวใหญ่ขึ้นกว่าปกติ แต่หลังคลอดมดลูกก็จะหดตัวลงจนมีขนาดปกติและกลับเข้าสู่ตำแหน่งในอุ้งเชิงกราน ที่คนทั่วไปเรียกว่า “มดลูกเข้าอู่” ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ หากมีอาการปวดมดลูกสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
              • การดูแลเต้านม โดยทั่วไปคุณแม่จะมีขนาดของเต้านมที่ใหญ่ขึ้น และมีอาการคัดตึงในวันที่ 2-3 หลังคลอด ซึ่งเกิดจากภาวะที่ต่อมน้ำนมเริ่มผลิตน้ำนม เวลาอาบน้ำควรงดฟอกสบู่บริเวณลานนม เพื่อให้น้ำมันธรรมชาติที่ผิวหนังสร้างขึ้นยังคงอยู่ จะช่วยลดความเจ็บขณะลูกดูดนม หากมีอาการนมคัดแต่ยังไม่มีน้ำนม ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นประคบเต้านม และทานยาแก้ปวดได้ พยายามให้ลูกดูดนมบ่อยๆ เพื่อกระตุ้นให้มีการสร้างน้ำนมเร็วขึ้น หากมีน้ำนมไหลแล้ว ให้ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบเต้านมก่อนให้นมลูก ก็จะช่วยให้การไหลเวียนเลือดบริเวณเต้านมดีขึ้น ใช้สำลีชุบน้ำต้มสุกเช็ดทำความสะอาดหัวนมและลานนมทุกครั้ง ทั้งก่อนและหลังให้นมลูก
              • การรับประทานอาหาร คุณแม่หลังคลอดยังคงต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เหมือนในระยะตั้งครรภ์ เพราะต้องใช้พลังงานในการฟื้นฟูร่างกายของคุณแม่เองและผลิตน้ำนมสำหรับเลี้ยงลูก ควรรับประทานอาหารประเภท ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ไข่ นม ลดอาหารประเภทแป้ง ไขมัน และของหมักดอง งดเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ การรับประทานยาควรได้รับคำแนะนำจากคุณหมอ เพราะยาบางชนิดหลั่งออกทางน้ำนมได้ โดยเฉพาะในช่วง 1 สัปดาห์แรก ควรปรึกษาแพทย์ว่าต้องงดยาใดบ้าง
              • การพักผ่อน ช่วงที่พักฟื้นในโรงพยาบาล คุณแม่จะได้พักผ่อนเต็มที่ แต่เมื่อกลับบ้านแล้ว ช่วงที่คุณพ่อคุณแม่ต้องปรับตัวกับวิถีชีวิตใหม่ ต้องดูแลตัวเอง ดูแลลูก และครอบครัว จึงควรจัดสรรเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ ให้เหมาะสม เช่น ทำความสะอาดเสื้อผ้าและของใช้ลูกวันละ 1 ครั้ง ควรมีเวลางีบหลับพักผ่อนขณะลูกหลับ เพื่อไม่ให้คุณแม่เหนื่อยล้าหรืออ่อนเพลียเกินไป
              • กิจกรรมที่คุณแม่ “ไม่ควรทำ” ในช่วง 6 สัปดาห์แรกหลังคลอด
              • ไม่ควรยกของที่มีน้ำหนักมากกว่าน้ำหนักของทารก
              • ไม่ควรออกแรงเบ่งมากๆ หรือนานๆ
              • ไม่ควรเดินขึ้น-ลงบันไดบ่อยๆ
              • ไม่ควรขับรถโดยไม่จำเป็น
              • ไม่ควรออกกำลังกายหักโหม ทำได้เฉพาะท่ากายบริหารเบาๆ
              • การมีเพศสัมพันธ์ คุณแม่อาจมีความรู้สึกทางเพศลดลงเนื่องจากความอ่อนเพลีย กังวล และความไม่สบายกาย หรือเจ็บแผล จึงควรงดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 4-6 สัปดาห์แรกหลังคลอด หรือจนกว่าจะได้รับการตรวจสุขภาพหลังคลอด และวางแผนคุมกำเนิดแล้ว
              • การตรวจหลังคลอด แพทย์จะนัดคุณแม่ให้มาตรวจสุขภาพ 4-6 สัปดาห์หลังคลอด เช่น
                • ตรวจความสมบูรณ์ของร่างกาย
                • ตรวจดูสภาพของปากมดลูกและอวัยวะภายในอุ้งเชิงกราน หรือแผลผ่าตัดหน้าท้องกรณีผ่าตัดคลอด
                • ตรวจความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก
                • ให้คำแนะนำเรื่องการวางแผนครอบครัว และคุมกำเนิดที่เหมาะสมในช่วงหลังคลอด

               

              อาการผิดปกติหลังคลอด ที่ควรรีบมาพบแพทย์

              • มีไข้สูงโดยไม่ทราบสาเหตุ
              • น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น หรือมีสีแดงสดตลอด 15 วันหลังคลอด
              • ปวดท้องน้อย เจ็บปวด หรือแสบขัดเวลาปัสสาวะ
              • ปวดศีรษะรุนแรง
              • เต้านมบวมแดง อักเสบ หัวนมแตกเป็นแผล
              • แผลฝีเย็บ หรือแผลผ่าตัดอักเสบ บวม แดง หรือมีหนอง

              คุณแม่ที่ให้นมบุตรแต่ประสบปัญหาน้ำนมอุดตัน ไหลช้า ทางรพ.บี.แคร์ฯ ขอแนะนำแพ็กเกจสลายท่อน้ำนมอุดตัน (สำหรับคุณแม่ให้นมบุตร) ให้การดูแลโดยทีมนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญ การรักษาประกอบด้วย ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์กระตุ้นเปิดท่อน้ำนม วางแผ่นประคบร้อน นวดกระตุ้นเปิดท่อน้ำนม

              • สำหรับ 2 ข้าง / ครั้ง ราคา 1,800 บาท
              • สำหรับ 1 ข้าง / ครั้ง ราคา 990 บาท

              สั่งซื้อหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก >> https://www.bcaremedicalcenter.com/promotion-detail/124

              หรือศึกษาวิธีการนวดกระตุ้นน้ำนมด้วยตนเอง คลิก >> https://www.bcaremedicalcenter.com/Articles-detail/109

              หรือติดต่อศูนย์กายภาพบำบัด ชั้น 1 อาคารศรีสุพรรณ เปิดบริการเวลา 08.00 – 18.00 น. ติดต่อ 02 532 4444 ต่อ 4101

              สามารถเข้ารับบริการได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2566 (กรุณานัดหมายล่วงหน้า อย่างน้อย 1 วัน)

                Tags

                สร้างสมดุลชีวิต

                หมอแนะ 6 กุญแจหลัก สร้างสมดุลชีวิต เพื่อลูกจิตใจดี สุขภาพแข็งแรง

                แพทย์แนะนำการรักษาสมดุล สร้างสมดุลชีวิต ต้องผ่าน 6 Pillar of Lifestyle  หรือ 6 กุญแจหลักในการชีวิต คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างสมดุลนั้นกับลูกน้อยได้ตั้งแต่ยังเล็กๆ ให้เกิดขึ้นในชีวิตและทำให้จิตใจและกายเบาสบายมากขึ้น

                Eat Well and Love our Body

                รู้หรือไม่!ใ นปี 2565 มีจำนวนผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง* (NCDs) ในประเทศไทยกว่า 10 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 18.6% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นในทุกปี โดยอันดับหนึ่งคือ ความดันโลหิตสูง  อันดับสอง โรคเบาหวาน อันดับสาม โรคหลอดเลือดสมอง อันดับสี่ โรคหัวใจและหลอดเลือด  ข้อมูลนี้บอกอะไรกับเราบ้าง สิ่งแรกที่เข้ามาในความคิดเลยคือ อาหารและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ส่งผลอย่างมากกับร่างกายของคนยุคปัจจุบัน

                เราเชื่อในการใช้ชีวิตที่พอเหมาะพอดี เพราะ Lifestyle Medicine  คือการใช้ชีวิตอย่างมีสติ ระมัดระวัง การตั้งใจใช้ชีวิต เป็นยาที่ดีให้กับสุขภาพใจและกาย ไกลจากโรคภัยทั้งหลาย ถือเป็นของขวัญที่ดีที่เราทุกคนให้กับตัวเองได้

                ในการประชุมทางวิชาการ International Conference for Public Health , Environment and Education for Sustainable Development Goals and Lifelong Learning ที่จัดขึ้นที่ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขต พญาไท เมื่อวันที่ 28 -29 กันยายนที่ผ่านมา ในการประชุมหนึ่งที่ว่าด้วยเรื่อง Preventive Care Food หรือการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ผ่านการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารที่หลากหลาย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและเสริมสร้างความแข็งแรง และการเพิ่มโอเมก้า3ในเนื้อสัตว์ มีข้อสรุปไว้ว่า อาหารคือยารักษาโรค และอย่างที่เราได้ยินจนชินหู ว่า You are What you eat ฟังเหมือนไม่ยาก แต่ทว่าต้องตั้งใจและมุ่งมั่น เพราะการกินอยู่ที่ดี เกิดจากการวางแผนที่ดีควบคู่กันไป

                สร้างสมดุลชีวิต

                แพทย์ได้แนะนำการรักษาสมดุลของการใช้ชีวิต ผ่าน 6 Pillar of Lifestyle  หรือ 6 กุญแจหลักในการชีวิต ที่เราสามารถสร้างสมดุลชีวิต นั้นให้เกิดขึ้นและทำให้จิตใจและกายเบาสบายมากขึ้น คือ

                1. อาหารที่ดี (Nutrition): อาหารคือยาอย่างที่ได้บอกไป เราเลือกสิ่งที่จะเข้าสู่ร่างกายเราได้ ของที่มีประโยชน์ มีกากใยมีไฟเบอร์สูง และอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงอย่าง ปลา อาหารทะเล หรือเนื้อสัตว์ที่ในปัจจุบันสามารถเลือกแบบที่มีโอเมก้า3 สูง สามารถรับประทานได้ทั้งครอบครัว

                2. ออกกำลังกาย (Exercise): ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สร้างภูมิคุ้มกันที่ดี วางแผนจัดการชีวิตให้มีเวลาต่อวันในการได้ออกกำลังหรือผ่านกิจกรรมในแต่ละวัน เช่น เดินแทนการขึ้นรถ ขึ้นบันได ทำสวน หรืองานบ้าน ขยับตัวสร้างเหงื่อและได้ผ่อนคลาย

                3. คุณภาพการนอน (Sleep): ประสิทธิภาพในการนอนที่ดีเป็นเรื่องสำคัญมาก การนอนไม่เพียงพอ นอนน้อย หรือการนอนที่ไม่มีคุณภาพสร้างปัญหาในหลายด้าน ทั้งสุขภาพ อารมณ์และการใช้ชีวิต หากมีปัญหาหารนอนลองปรับบรรยากาศ ออกกำลังกายเบาๆ ให้ร่างกายกลับสู่สมดุล หากยังเป็นปัญหา อย่ามองเป็นเรื่องเล็กแนะนำให้พบแพทย์เพื่อช่วยเหลือ

                4. การจัดการความเครียด (Stress management): การจัดการกับความเครียดเป็นเรื่องไม่เล็กเลย มีหลายวิธีในแบบของแต่ละคนที่จะช่วยลดความเครียดลงได้ ทั้งการออกกำลังกาย นั่งสมาธิ การอ่านหนังสือ วาดภาพ หรือการได้ร้องเพลงเสียงดังๆ มองหาที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เพื่อปรับอารมณ์ให้อยู่ในภาวะคงที่ได้มากที่สุด

                5. ลดปัจจัยเสี่ยง (Risky Sustance): ปัจจัยเสี่ยงในที่นี้คือ แอลกอฮอลล์ ของมึนเมา บุหรี่และสารเสพติดทั้งหลาย ซึ่งเรารับรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นอันตราย ลด ละ และเลิกเพื่อสุขภาพที่ดี อ้อ แต่ในบางคนที่คิดว่าแอลกอฮอลล์ในปริมาณที่พอดีคือการผ่อนคลาย และในการศึกษาหลายชิ้นพบว่าการดื่มแอลกอฮอลล์อาจส่งผลดีต่อหัวใจ  ลดความเสี่ยงต่อหัวใจและหลอดเลือด จิบพอสบายใจ ไม่ต้องถึงกับเมามาย ก็ผ่อนคลายได้เหมือนกัน

                6. ความสัมพันธ์ที่มั่นคง (Relationship): การพูดคุยคือปัจจัยที่ช่วยร่นระยะห่างต่อกันได้ดี การพูดคุยบนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันช่วยสร้างความอบอุ่นในครอบครัว การมีปฎิสัมพันธ์ต่อผู้คนอื่นแบบพอดีพอเหมาะช่วยลดความตึงเครียดในการคาดหวังต่อสังคมและคนรอบข้าง มีผลวิจัยบอกไว้ว่า การแยกตัวออกจากสังคม หรือการได้อยู่กับตัวเองบ้าง สร้างความรู้สึกมั่นคงและทำให้ร่างกายและจิตใจเราแข็งแรงยืดอายุให้ยืนยาวได้

                เราได้อ่านบทความจาก CardioTabs ที่บอกไว้สั้นๆ แต่ตรงใจในทุกจุด นั่นคือ  Eat Well / Move Daily / Hydrate Often/Sleep lots / Love your body ถ้าเรารับประทานสิ่งที่ดีและรักตัวเองแล้ว เชื่อว่าเราจะมองหาแต่สิ่งที่ดีเข้าสู่ร่างกายเราและครอบครัว เพื่อให้ทุกคนแข็งแรงและสุขภาพดีไปด้วยกันค่ะ

                 

                เรื่อง : แม่พีท-พริม

                ช่างภาพ  : นันทิยา บุษบงค์

                 

                  สาธิตธรรมศาสตร์

                  ส่องหลักสูตรการเรียน สาธิตธรรมศาสตร์ โรงเรียนในฝันของเด็กมัธยม

                  สาธิตธรรมศาสตร์ หรือ โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นอีกหนึ่งโรงเรียนในเครือสาธิต ที่หลายๆบ้านสนใจ  School Visit วันนี้เราจึงไม่พลาดที่จะพาทุกคนมาเยี่ยมชมกัน

                  สาธิตธรรมศาสตร์ เป็นโรงเรียนมัธยมที่ตั้งอยู่ภายใน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จัดตั้งขึ้นตามนโยบายของมหาวิทยาลัยให้เป็นหน่วยงานภายใน ภายใต้การกำกับของคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษา เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่การพัฒนาทางวิชาการและหรือการประกอบสัมมาชีพ โดยพัฒนาให้นักเรียนค้นพบศักยภาพที่แท้จริงของตนเอง และสามารถจัดการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองตลอดชีวิต เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6  เป็นโรงเรียนแห่งการเรียนรู้ ที่จะสร้างความสุขและการค้นหาตัวเองของเด็กๆ ในระบบนิเวศน์ที่ปลอดภัยและสนับสนุนให้เด็กๆทุกคนมีโอกาสในการเรียนที่เท่าเทียมกัน  ไม่เน้นการแข่งขันแต่เน้นการสร้างความร่วมมือในการทำงานเป็นทีม เพราะทุกคนมีศักยภาพที่จะเติบโตในแบบของตนเอง

                  บรรยากาศภายโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

                   

                  Design your own path เลือกเองเพื่อเรียนรู้

                  หลักสูตรของโรงเรียนได้รับการปรับใช้และพัฒนาอยู่ตลอด พร้อมกับเด็กๆ เพื่อให้ทันสมัยตามความเปลี่ยนแปลงของโลกและความรู้ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์กับผู้เรียนรู้ ที่โรงเรียน สาธิตธรรมศาสตร์ เด็กๆ ไม่ได้เป็นเพียงผู้รับความรู้เพียงผู้เดียวเท่านั้น พวกเขายังมีส่วนร่วมในการศึกษาของตนเอง เพราะการเรียนรู้จากการลงมือทำเป็นวิธีการศึกษาที่มีประสิทธิผลสูงสุด หลักสูตรจึงได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เด็กๆมีโอกาสเรียนรู้จากประสบการณ์จริงและลงมือปฏิบัติครอบคลุมสาขาวิชาหลักและสาขาวิชาเลือก

                  มัธยมต้น เน้นหลากหลาย

                  เรียนวิชาหลัก วิชาเลือก และวิชาบูรณาการ (ครูออกแบบวิชาโดยเชื่อมโยงศาสตร์ต่างๆเข้าด้วยกัน) ยิ่งเด็กๆได้สัมผัสความหลากหลาย เด็กๆจะค้นหาความชอบตัวเองได้ง่ายขึ้น ต่อยอดเข้าสู่ชั้นมัธยมปลาย

                  มัธยมปลาย เน้นลงลึก

                  เป็นการลงเรียนในรูปแบบที่เหมือนระดับมหาวิทยาลัย โดยลงเรียนวิชาพื้นฐาน 80 หน่วยกิต Concentration 40 หน่วยกิต (มีทั้งหมด 6 Concentrations เลือกเรียนผสมผสานได้ ไม่ต้องแยกเป็นวิทย์ หรือศิลป์แบบตายตัว)

                  Concentrations เหล่านั้น ได้แก่

                  • วิทยาศาสตร์ สุขภาพ
                  • เทคโนโลยี ฟิสิกส์ วิศวะ คอมพิวเตอร์
                  • ภาษาต่างๆ (สอนโดยอาจารย์จากคณะศิลปศาสตร์)
                  • สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์
                  • ธุรกิจ ผู้ประกอบการ การเงิน การลงทุน
                  • ศิลปะ การออกแบบ สถาปัตย์

                  Self – Directed Learning ทำโปรเจค 6 หน่วยกิต

                  รูปแบบการเลือกลงเรียนเหมือนพี่ๆมหาวิทยาลัย เป็นการบริหารจัดการการเรียนรู้ของแต่ละคนเอง ครูจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา Customize วิชาเรียนต่างๆ ให้เหมาะกับความชอบและเส้นทางของนักเรียนแต่ละคน เด็กๆจะมีวิชาเรียนที่ลงลึกตามที่ตนเองสนใจ หากเก็บหน่วยกิตครบ เด็กๆสามารถเรียนจบได้ใน 5 เทอม

                  บรรยากาศการเรียนการสอนในโรงเรียน วิชาการและเลือกเสรี

                  All growth depends upon Activity

                  กิจกรรมนักเรียนเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กๆได้รู้จักสนิทสนม ปรึกษาหารือ ร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือกันทางด้านวิชาการ และแสดงออกถึงความสร้างสรรค์ โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาคอยแนะนำเพื่อให้การดำเนินการจัดกิจกรรมของเด็กๆเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสม โรงเรียนส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กๆรู้จักคิดและสร้างสรรค์กิจกรรมในแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอีกด้วย

                  ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้รับจากการทำกิจกรรมนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น และเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตในอนาคตอย่างมาก เนื่องจากสังคมทุกวันนี้ไม่ต้องการเพียงแต่คนเก่งทางวิชาการเพียงอย่างเดียวแต่ต้องการ คนที่มีความสมบูรณ์ทั้งความรู้ทางวิชาการ วิชาชีพ และวิชาชีวิต ซึ่งมีประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยเปิดโลกทัศน์ของตนเองกว้างมากขึ้น ทำให้การค้นพบและรู้จักตนเองมากขึ้น  เด็กๆสามารถจัดการและบริหารเวลาเป็นและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้

                   

                  กิจกรรมที่เด็กๆเป็นเจ้าภาพในการจัดเอง ได้แก่

                  • การจัดคอนเสิร์ต Music Festival บางปีมีการออดิชั่น บางปีระดมทุนจ้างศิลปิน
                  • Hi Day หรือ ให้เดย์ พี่รับน้อง กิจกรรมต้อนรับน้องใหม่
                  • วันวิทยาศาสตร์ (ครูกับเด็กร่วมกันจัด)
                  • LGBT (เด็กเป็นเจ้าภาพในการจัด)
                  • วันวิชาการ (เด็กๆขอให้ครูจัด)
                  • การซ้อมหนีไฟ กราดยิง (โรงเรียนจัด)

                  สาธิตธรรมศาสตร์ สาธิตธรรมศาสตร์ สาธิตธรรมศาสตร์ สาธิตธรรมศาสตร์ สาธิตธรรมศาสตร์ สาธิตธรรมศาสตร์

                  กิจกรรมต่างๆภายในโรงเรียน ยิ่งมากยิ่งเสริมสร้างสมรรถนะ

                   

                  School Democracy ประชาธิปไตยในโรงเรียน

                  ฝ่ายสนับสนุนนักเรียน ช่วยปรับพฤติกรรม การอยู่ร่วมกัน เด็กๆมีส่วนร่วมใน “ธรรมนูญนักเรียน” เป็นข้อตกลงร่วมกับโรงเรียน

                  มีการจัดตั้ง “สภานักเรียน” กรรมการนักเรียน (ตัวแทนชั้นปี) เพื่อฝึกความเป็นผู้นำอย่างธรรมชาติผ่านการแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ สภานักเรียนได้งบประมาณจัดสรรจากทางโรงเรียนอีกด้วย (นำไปจัดกิจกรรม) สมาชิกสภานักเรียน จะประชุมร่วมกับคณะกรรมการโรงเรียน (ผู้ใหญ่) เด็กๆมีอิสระในการจัดตั้งคลับต่างๆ เช่น Meme Club | Club ที่ท่องเที่ยวโดยรถประจำทาง | Club มูเตลู | Club พุทธศาสนา | Club Cooking (Iron Chef)

                   

                  ลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของโรงเรียน สาธิตธรรมศาสตร์ คือการเน้นย้ำถึง ความเสมอภาคและการไม่แบ่งแยก นักเรียนทุกคนมีคุณค่าและได้รับความเคารพ โดยไม่คำนึงถึงภูมิหลัง ความสามารถ หรือความสนใจของพวกเขา

                   

                  ยาดมสำหรับนักเรียนออกแบบและผลิตผ่านการบูรณาการศาสตร์แห่งรูป รส กลิ่น เคมี การออกแบบผลิตภัณฑ์ ฯลฯ ฝีมือนักเรียน

                  บอร์ดเกมส์

                   

                  Creative Crews / Creative ครู

                  โรงเรียน สาธิตธรรมศาสตร์ เปิดรับคนที่อยากเป็นครูโดยไม่จำเป็นต้องจบครู แต่ต้องจบในศาสตร์ | สาขาที่จะสอน ที่สำคัญต้องเป็นคนที่ชอบเรียนรู้ – สามารถคัดเลือกครูได้เองให้สอดคล้องและส่งเสริมแนวคิด รูปแบบการเรียนการสอนที่สร้างสรรค์ของโรงเรียน

                  หลักสูตรครูสาธิต – ที่ โรงเรียนสาธิตธรรมศาสตร์ เน้นสมรรถนะที่ครูควรมีและพัฒนาสมรรถนะที่ครูต้องเสริม

                  • การจัดการชั้นเรียน
                  • การออกแบบและการจัดการเรียนรู้ : สร้างการเรียนรู้ให้เด็กมีส่วนร่วม ครูต้องแปลงแก่นวิชาให้ออกมาเป็นกิจกรรมสร้างประสบการณ์
                  • จิตวิทยา : จิตวิทยาเชิงบวกและการดูแลเด็ก
                  • ทักษะการวัดและประเมินผล : การสังเกตเด็ก การประเมินเพื่อการเรียนรู้ การดูสมรรถนะเด็ก การเก็บร่องรอยหรือหลักฐานการเรียนรู้ของเด็ก
                  • การวิจัยและทำผลงานทางวิชาการ
                  • การทำงานเป็นทีม : 1 วิชาจะมีผู้สอน 2 คน (จำนวนนักเรียนต่อห้อง 25-29 คน)
                  • มีทุนให้ครูไปศึกษาต่อ
                  • มีทุนให้ครูทำงานวิจัย

                   

                  ทางโรงเรียนจัด in-house training ให้ครู หรือถ้าครูมีความสนใจนอกเหนือจากที่ทางโรงเรียนเสริมให้สามารถขอทุนสนับสนุนไปเรียนได้ในหัวข้อที่ครูสนใจและเกี่ยวข้องกับหน้างานของเค้า

                  สาธิตธรรมศาสตร์ สาธิตธรรมศาสตร์

                  ร้านหนังสือสัญจรและกิจกรรมตามเทศกาลต่างๆที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น

                  สาธิตธรรมศาสตร์

                  ภาษาต่างประเทศทางโรงเรียนจะการเชิญอาจารย์จากคณะศิลปศาสตร์มาสอน เพื่อความเข้มข้นและลงลึกถึงเนื้อหา

                  สาธิตธรรมศาสตร์ สาธิตธรรมศาสตร์ สาธิตธรรมศาสตร์

                  ห้องสมุดภายใน Learning Plaza ของโรงเรียน

                  สาธิตธรรมศาสตร์

                  กิจกรรมบอร์ดเกมส์

                  Soft Skills

                  คือ ลักษณะอุปนิสัย และทักษะความสามารถเชิงสมรรถนะ ที่ช่วยให้คุณสามารถทำงานและสื่อสารกับผู้อื่น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะส่วนใหญ่ จำเป็นต้องอาศัยการเรียนรู้ แต่บางประเภท ก็เป็นสิ่งที่มีมาแต่กำเนิด Hard Skill คือความเชี่ยวชาญที่วัดได้ เช่น เลข ความเข้าใจในการอ่าน ความคล่องแคล่วด้านภาษา และทักษะด้านคอมพิวเตอร์ เป็นต้น

                  โรงเรียนตระหนักดีว่าการศึกษาไม่ได้เป็นเพียงการได้รับความรู้เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะชีวิตที่จำเป็น ความฉลาดทางอารมณ์ และความรับผิดชอบต่อสังคมที่แข็งแกร่ง

                   

                  ตัวอย่างทักษะ Soft Skills 

                  • Communication การสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
                  • Critical Thinking and Creativity การวิเคราะห์ แก้ปัญหา และความคิดสร้างสรรค์
                  • Emotional Intelligence ความฉลาดทางอารมณ์ ความสามารถในการจัดการอารมณ์
                  • Management การจัดการ บริหารเวลา และความสามารถในการตัดสินใจ
                  • Collaboration การทำงานกับผู้อื่นให้มีประสิทธิภาพ
                  • Adaptability ความสามารถในการปรับตัว ให้เข้ากับสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

                  สาธิตธรรมศาสตร์ สาธิตธรรมศาสตร์ สาธิตธรรมศาสตร์ สาธิตธรรมศาสตร์ สาธิตธรรมศาสตร์

                  Soft Skills และ Self-Directed Learning จึงเกิดขึ้นได้ไม่ยากเลย หากได้รับการส่งเสริมที่ดีและต่อเนื่อง

                   

                  นิเวศน์แห่งการเรียนรู้

                  เพราะแนวคิดหลักของทางโรงเรียน สาธิตธรรมศาสตร์ คือ การพัฒนามนุษย์คือการดูแลแบบองค์รวม กาย ใจ จิตวิญญาน พัฒนาการด้านต่างๆ นิเวศน์การเรียนรู้ที่ดีจะช่วยให้การเรียนรู้ของเด็กเป็นไปได้ด้วยดีและได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ ในบริบทของโรงเรียน

                  • การสร้างพื้นที่ความสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ของทุกคนที่อยู่ในนิเวศน์การเรียนรู้ของเด็กๆ

                  เด็ก – เด็ก | ครู – ครู | ครู – ผู้บริหาร | ผู้ปกครอง – ผู้ปกครอง | ผู้ปกครอง- ครู

                  • ค่ายครอบครัวสาธิต เป็นกิจกรรมเตรียมความพร้อมก่อนเด็กๆจะเข้าสู่การเรียนรู้ (เปิดเทอม) เป็นฐานการเรียนรู้ในหัวข้อที่หลากหลาย เช่น การสำรวจจุดแข็ง จุดอ่อน | การสำรวจความชอบของตัวเอง | ฐานพลังกลุ่ม – การทำงานเป็นทีม | ฐานศิลปะ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ฐานการเข้าใจความหลากหลาย ชิมลางวิชาจากกลุ่มการเรียนรู้ต่างๆ
                  • ห้องเรียนพ่อแม่ในค่ายครอบครัวสาธิต มาเรียนรู้การเลี้ยงลูกวัยรุ่น เป็นพื้นที่ที่ให้ผู้ปกครองมาทำความเข้าใจและหาแนวทางในการร่วมเลี้ยงลูกวัยรุ่น เติบโตไปพร้อมกับลูก
                  • Empathy Center พื้นที่รับฟังและปรึกษาปัญหา รับดูแลเด็ก ผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่ ทุกคนที่อยู่ “ระบบนิเวศน์”
                  • ผู้ปกครองสัมพันธ์ (นอกเหนือจากห้องเรียนพ่อแม่ในค่ายครอบครัวสาธิต) โรงเรียนทำงานเชื่อมประสานกับผู้ปกครอง เป็นการเรียนรู้ไปกับลูกระหว่างภาคการเรียน “ห้องเรียน พลัสวัย” เป็นกิจกรรมแบ่งปันความรู้ ความถนัด จัดในกลุ่มผู้ปกครองบ้าง ทางโรงเรียนจัดบ้าง (เช่น การดูแลลูก การสื่อสารกับลูกวัยรุ่นเป็นต้น

                  สาธิตธรรมศาสตร์ สาธิตธรรมศาสตร์ สาธิตธรรมศาสตร์ สาธิตธรรมศาสตร์

                  Learning Plaza เพราะการเรียนรู้ไม่ได้จำกัดแค่ในห้องเรียน พื้นที่สีเขียวจำนวนกว่าครึ่งของพื้นที่ทั้งหมดของโรงเรียน สร้างความสมดุลและสบายทางสายตา อารมณ์ พื้นที่ส่วนนี้เด็กๆโรงเรียนละแวกใกล้ๆก็สามารถเข้ามาใช้ได้ด้วยนะ

                  อาจารย์อธิษฐาน์ คงทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

                   

                  Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

                  1. โรงเรียนนี้ จะช่วยให้เด็กๆค้นพบความชอบของตัวเอง ระบบโรงเรียนพร้อมที่จะสนับสนุนให้เด็กๆรู้ลงลึกโรงเรียนคือพื้นที่เรียนรู้ และค้นหาตัวเอง ภายใต้ระบบนิเวศน์ที่เข้าใจ
                  2. ทักษะภาษาอังกฤษที่เข้มข้น – เชิญอาจารย์จากคณะศิลปศาสตร์มาสอนภาษาโดยเฉพาะ
                  3. รายงานผลการเรียนเป็นกราฟ เพื่อให้เห็นถึงพัฒนาการตามระดับ
                  4. มีการอบรมห้องเรียนพ่อแม่ หาแนวทางในการร่วมเลี้ยงลูกวัยรุ่น เติบโตไปพร้อมกับลูก โดยทีมวิทยากรที่เชี่ยวชาญ
                  5. โรงเรียนเน้นการเปิดพื้นที่ยอมรับความแตกต่างหลากหลายของนักเรียน เน้นการทดลองค้นคว้า ความชอบ ความถนัด
                  6. สภานักเรียน กระบอกเสียงของเด็กๆ ที่ผู้บริหารโรงเรียนฟังและให้ความสำคัญ
                  7. เด็กและครูเรียนรู้และเติบโตกันไปพร้อมๆกัน เพราะครูคือที่ปรึกษา ทำให้เด็กกล้าพูดคุยและปรึกษาคุณครู
                  8. ที่สาธิตธรรมศาสตร์ เด็กไม่ต้องใส่ชุดนักเรียนไปโรงเรียน สามารถแต่งชุดไปรเวทไปเรียนได้ทุกวัน

                   

                  อัตราค่าเล่าเรียน

                  โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ค่าเทอม แบ่งได้ดังนี้

                  * ค่าธรรมเนียมการสมัคร 1,000 บาท

                  * ค่าเล่าเรียนต่อเทอม 60,000 บาท (1 ปีการศึกษามี 2 เทอม)

                  * ค่าธรรมเนียมอื่นๆ 5,000 บาท

                  * ค่าธรรมเนียมโครงการครอบครัวสาธิต 35,000 บาท (แรกเข้า ม.1)

                  * ค่าเข้าร่วมกิจกรรม “ค่าย คณิต วิทย์ Kids สนุก 5,000 บาท (แรกเข้า ม.1)

                  * สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อทางโรงเรียนโดยตรง

                   

                  โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

                  ที่อยู่ : 99 หมู่ 18 ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12121

                  โทรศัพท์ : 02-564-4441-79 ต่อ 6761, 6776e-mail : [email protected]

                  https://satit.tu.ac.th

                   

                  Editor : แม่พลอยผิง

                  ภาพ : กรานต์ชนก บุญบำรุง  ,ภูเบศ บุญเขียว


                  อ่านต่อบทความน่าสนใจ

                    โรงเรียนทับทอง

                    โรงเรียนทับทอง โรงเรียนเอกชนหลักสูตรไทย ใจกลางเมืองย่านจตุจักร

                    นอกจากความรู้ในด้านวิชาการแล้ว โรงเรียนยังเป็นที่ที่เสริมทักษะ สร้างทัศนคติ ความเข้าใจต่อการแสดงออกที่เหมาะสมในการอยู่ร่วมกันภายในสังคม โรงเรียนจึงเป็นสถานที่จำลองสังคมขนาดเล็กให้แก่เด็กได้เรียนรู้ ช่วยหล่อหลอมให้เด็กและเยาวชนรู้ถึงหน้าที่ บทบาทของตนเอง เหนือสิ่งอื่นใดความชอบของเด็กๆ นั้นสำคัญที่สุด หากโรงเรียนเป็นที่ๆ เด็กๆ อยากมาเรียนในทุกๆ วัน และกลับบ้านไปอย่างมีความสุข ที่นั่นคือโรงเรียนที่ใช่ ขอต้อนรับเข้าสู่ “โรงเรียนทับทอง” School Visit ที่วันนี้เราจะพามาเยี่ยมชม

                    โรงเรียนทับทอง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านจตุจักร เป็นโรงเรียนเอกชนหลักสูตรไทยที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2514 จนถึงปัจจุบัน ด้วยความรักของ “คุณแม่ที่มีต่อลูกๆ” ยึดมั่นให้โรงเรียนเป็นสถานที่อบอุ่น เสมือนบ้านหลังที่สองของเด็กๆ เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการเรียนรู้ และพัฒนาความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์อย่างมีคุณธรรม เพราะจุดหมายปลายทางของเด็กๆ ไม่ใช่แค่การสอบติดโรงเรียนมัธยมชื่อดัง แต่คือการทำให้เด็กๆจะรู้จักตัวเอง จุดอ่อน จุดแข็ง เพื่อพัฒนาตนเอง ต่อยอดไปให้ถึงเป้าหมายของแต่ละคน ได้อย่างมีความสุข

                    โรงเรียนทับทอง
                    เด็กๆ และคุณครู ปู่เสื่อ นั่งเรียนรู้กันอย่างเรียบง่ายที่สนามกีฬา
                    ภาพวาดบนฝาผนังบริเวณโรงอาหารพี่ประถมปลาย

                    Active – Learning

                    ทางโรงเรียนแปลงหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นภาคปฏิบัติ ใช้การเรียนการสอนแบบ Active Learning ซึ่งเป็นกระบวนการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและมีปฏิสัมพันธ์กับกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติที่หลากหลายรูปแบบ

                    • แบบระดมสมอง (Brainstorming)
                    • แบบเน้นปัญหา/โครงงาน/กรณีศึกษา (Problem/Project-based Learning/Case Study)
                    • แบบแสดงบทบาทสมมุติ (Role Playing)
                    • แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think – Pair – Share)
                    • แบบสะท้อนความคิด (Student’s Reflection)
                    • แบบตั้งคำถาม (Questioning-based Learning)
                    • แบบใช้เกม (Games-based Learning)

                    เน้นและแทรกการพัฒนา EF ไว้ในทุกแง่มุมของประสบการณ์การเรียนรู้ ที่ได้รับการปรับปรุงให้สดใหม่ตลอดเวลา

                    เรียนรู้ด้วยการลงมือทำจะทำให้เด็กๆเข้าใจมากกว่าการนั่งโต๊ะและท่องจำ

                     

                    EF, Positive Discipline and Growth Mindset

                    โรงเรียนทับทองให้ความสำคัญที่สุดในการสร้างและพัฒนาคุณลักษณะที่ดี 3 ประการ ให้แก่เด็กๆ เพราะหากได้รับการปลูกฝัง ฝึกฝน อย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เด็กๆ คิดเป็น ทำเป็น เรียนรู้เป็น แก้ปัญหาเป็น และปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข อยู่กับคนอื่นเป็น มีความสุขเป็น เด็กๆจะเติบโตได้อย่างมีคุณภาพและนำไปสู่ความสำเร็จในชีวิตในแบบของตนเอง EF, Positive Discipline และ Growth Mindset ของเด็กๆจะพัฒนาได้จากการเห็นแบบอย่างจากคุณครู บุคลากร จึงจะเกิดการซึมซับและปลูกฝังจนเป็นนิสัยตามกาลเวลา เมื่อเด็กๆมีคุณลักษณะ 3 ประการนี้ คุณพ่อ คุณแม่จะไม่เหนื่อยเมื่อลูกๆย่างเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น

                    Angella’s Greenhouse เรือนเพาะชำในโรงเรียน

                     

                    Mindset ที่ดีเริ่มต้นที่ครูคุณภาพ

                    • โรงเรียนอบรมเพื่อพัฒนาคุณครูเป็นประจำเพื่อสร้างและคงไว้ซึ่ง Mindset ที่ดี โดยจะเป็นแบบอย่างให้เด็กๆ
                    • การสร้าง Growth Mindset คือการสร้างโอกาสให้กับตนเองในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
                    • เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบ ปรับปรุงเพื่อเปลี่ยนแปลง
                    • ยอมรับและมองความล้มเหลว (setbacks) และการย้อนกลับ (Feeback) เป็นโอกาสในการพัฒนาทักษะ
                    • สร้างโอกาสให้กับตนเอง มองหาความท้าทายใหม่ ๆ เพื่อการเรียนรู้และเปิดโลกใหม่
                    • สร้างพลังบวกกับตัวเอง
                    • สื่อสารกับตนเองและเด็กๆด้วยภาษา Growth Mindset เพื่อสร้างพลังบวกแก่กัน

                    การสร้าง Mindset ที่ดีไม่ใช่เรื่องไกลตัว หากเป็นเรื่องของการปลูกฝังและย้ำเตือนการสร้างทัศนคติที่ดีให้กับเด็กๆ ให้จัดการกับความล้มเหลวของตนเอง และสร้างโอกาสเพื่อพัฒนาต่อ คุณครูและเด็กๆสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวความคิดนี้ไปพร้อม ๆ กันเพื่อสร้างสังคมห้องเรียนให้น่าอยู่

                     

                    Urban Farming + Smart School

                    • Urban Farming

                    เป็นโครงการที่ทำเพื่อให้นักเรียนได้เข้าใจถึง ห่วงโซ่อาหาร การผลิตอาหารที่สะอาด การปลูกผักปลอดสารพิษ โดยนำพื้นที่อันจำกัดในโรงเรียนมาสร้างให้เป็นแหล่งการเรียนรู้เพื่อการบริโภคเองหรือจำหน่ายทั้งพืชผักสดและแปรรูปผลิตภัณฑ์ เชิญชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการในกิจกรรมของนักเรียน เพื่อสอนและฝึกลักษณะของความเป็นผู้ประกอบการ โดยครูและนักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมทำโครงการ มีการวางเป้าหมาย คิดวางแผน ลงมือทำ และติดตามผล โครงการนี้นักเรียนจะได้เรียนรู้การปฏิบัติการจริงในการสร้างธุรกิจ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เป็นการบูรณาการ STEAM, Foundational Literacy & Competencies skills เพื่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างองค์รวม

                    กิจกรรมวัดและคำนวณพื้นที่ในการปลูกพืช จากพื้นที่จำกัด
                    บ้านไส้เดือน
                    • Smart School

                    ทางโรงเรียนได้ร่วมมือกับหน่วยงานชั้นนำของประเทศ นำหลักสูตรพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับ วิทยาการหุ่นยนต์ ร่วมกับทักษะด้านวิทยาการคำนวณ ส่งเสริมให้นักเรียนก้าวทันนวัตกรรมแห่งอนาคต บนพื้นฐานการเรียนรู้แบบ Problem-Based Learning (PBL)

                    และบูรณาการ STEM Education (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์) และยังมีกระบวนการทำงานร่วมกันแบบ PDCA หรือกิจกรรมพื้นฐานการพัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพของการดำเนินงาน แบบ4 ขั้นตอน คือ Plan-Do-Check-Actผสมผสานระหว่างสื่อการสอนที่เน้นปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน Active Learning และสื่อการเรียนมัลติมีเดียที่ทันสมัย (Coding, Robotics, วิทยาการคำนวณ ฯลฯ) สอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม สร้างจิตสำนึกในการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้อง เตรียมพร้อมให้เด็กเป็นพลเมืองโลก (Global Citizenship) อย่างสร้างสรรค์ และมีความรับผิดชอบ

                    กิจกรรมการเขียนโปรแกรม Coding

                    คลาสเรียนวิทยาศาสตร์กับ Mad Science

                    โรงเรียนทับทอง
                    Food Lab ห้องเรียนทำอาหาร เด็กๆจะได้ทดลองทำด้วยตัวเองทุกคน

                    โรงเรียนทับทอง
                    ห้องเรียนดนตรี
                    กิจกรรมเล่นละคร เล่านิทานที่พี่ๆจัดให้น้องๆชม (พักเที่ยง)
                    โรงเรียนทับทอง
                    ดร.อัญจลา จารุมิลินท ผู้อำนวยการโรงเรียนทับทอง

                    Happy Lifelong Learners

                    ท่ามกลางความรู้ที่เกิดขึ้นใหม่ในทุก ๆ วัน และสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเราจึงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ทักษะของการเรียนรู้ตลอดชีวิต หรือ Lifelong Learning สำคัญมาก

                    Active Learning และ คุณลักษณะ 3 ประการ (EF, Positive Discipline และ Growth Mindset) ที่โรงเรียนทับทองมุ่งมั่นที่จะปลูกฝังในตัวเด็กๆ จะสร้างกรอบแนวคิดและแรงจูงใจในการเรียนรู้ด้วยตนเองได้อย่างไม่รู้จบ เพราะมีแรงผลักดันในการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเองและเติมเต็มความรู้ส่วนที่ขาดหายไป ไม่ว่าจะเป็นความรู้รอบตัว หรือความรู้ในหน้าที่การงาน โดยที่ไม่ต้องให้ใครกระตุ้นให้เรียน ดังนั้นการกล่าวว่า Lifelong learning คือกุญแจสู่ความสำเร็จในโลกของการทำงานยุคดิจิทัล จึงไม่ใช่คำกล่าวที่โอ้อวดจนเกินไป เพราะสิ่งที่ลูกหลานของเราจะได้รับ คือการเป็นคนรุ่นใหม่ที่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

                     

                    Mommy’s LoveThis! ถูกใจแม่

                    • โรงเรียนจัดสัมนาให้ผู้ปกครองเพื่อให้ทราบถึงความสำคัญของ EF, Positive Discipline และ Growth Mindset ที่ทางโรงเรียนมุ่งเน้นปลูกฝังให้เป็นคุณลักษณะของเด็ก เด็กๆทุกคนจะ มี EF, Positive Discipline และ Growth Mindset ที่แข็งแรง)
                    • เน้นการบูรณาการ เด็กๆจะมีทักษะที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทักษะในศตวรรษที่ 21
                    • วิชาเฉพาะทางที่สำคัญ โรงเรียนจะเชิญบุคคลภายนอก (Outsource) ที่มีความรู้และความสามารถระดับเข้มข้นเข้ามาสอน เช่น Computer Science, วิทยาศาสตร์, ภาษาจีน, ดนตรี เป็นต้น
                    • เด็กๆได้อยู่กับครูคุณภาพ การันตีโดยรางวัล “Wellness Corporate Innovation Award” ระดับ 2A ภายใต้โครงการ “การพัฒนาสุขสภาพองค์กรเพื่อการสร้างชาติ”
                    • จำนวนนักเรียนต่อห้องเพียง 25 คน ทำให้คุณครูและคู่ชั้น ดูแลได้ทั่วถึง

                    อัตราค่าเล่าเรียน โรงเรียนทับทอง ปีการศึกษา 2567

                    ชั้น ป.1-ป.6 ค่าเทอมจะอยู่ที่ 42,900 บาท (โดยประมาณ แต่ละชั้นเรียนค่าเทอมแตกต่างกัน)

                     

                    ที่อยู่

                    • โรงเรียนทับทอง 104 ถนนพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม 10900
                    • โทร 02-561-2004, 061-432-4545
                    • อีเมลล์ : [email protected]
                    • เว็บไซต์ : www.tubtong.ac.th

                     

                    Editor : แม่พลอยผิง

                    ภาพ : ธนายุต วิลาทัน

                     


                    อ่านต่อบทความน่าสนใจ

                      ENFANT

                      เปิด 4 โรงงานการผลิตโชว์ศักยภาพ Sustainability คนดี สินค้าดี สังคมดี

                      เครือสหพัฒน์ เปิด 4 โรงงานการผลิตโชว์ศักยภาพ Sustainability ภายใต้นโยบาย “คนดี สินค้าดี สังคมดี” หนุนระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน

                      เครือสหพัฒน์ โดย บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ทำการตลาด และจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภคชั้นนำ กว่า 100 แบรนด์ ได้สร้างโปรเจ็กต์พิเศษภายใต้การดูแลของ BSC International (บีเอสซี อินเตอร์เนชั่นแนล)  นำโดย บุษบง มิ่งขวัญยืน ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ BSC International นำเสนอผลิตภัณฑ์ จาก 4 โรงงานผู้ผลิต ที่ดำเนินงานภายใต้ Sustainability เพื่อเป็นตัวแทนความพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ Net Zero ไปพร้อมๆกัน

                      โดย ธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า “วิกฤตเศรษฐกิจในช่วงเวลาหลายปีที่่ผ่านมาส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวให้พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการบริหารธุรกิจ รวมถึงกระบวนการทำงานในทุุกมิติ ให้องค์กรสามารถก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนได้ เพื่อให้เราสามารถก้าวสู่อนาคตอย่างยั่งยืน นอกจากการมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และช่องทางการจัดจำหน่ายให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค (Customer Focus) บริษัทฯ ยังได้บริหารงานโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินธุุรกิจควบคู่ไปด้วย (ESG: Environmental, Social, Governance)”

                      และอีก 1 ผลิตภัณฑ์ในโปรเจ็กต์พิเศษภายใต้การดูแลของ BSC International (บีเอสซี อินเตอร์เนชั่นแนล) นั่นคือ ผลิตภัณฑ์ Enfant รักลูกของคุณ รักษ์โลกของเรา เคียงข้างคุณแม่ดูแลลูกน้อยสู่ศตวรรษที่ 4 เปิดโรงงานการผลิตของขวัญแห่งรัก ส่งมอบคุณค่าความใส่ใจอย่างยั่งยืน

                      ENFANT

                      โดยมี ชุติมา ประเสริฐศรี ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์ Enfant และ พงษ์สันติ์ วงษ์เสริมหิรัญ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยพัฒนาและนวตกรรม บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด(มหาชน) เป็นผู้ให้ข้อมูลรายละเอียดของผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าเด็ก Enfant (อองฟองต์) และพานำเยี่ยมชมขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การตัดแพทเทิร์นด้วยเครื่องจักรแบบใหม่ ที่ทำให้เหลือชิ้นส่วนของผ้าเหลือใช้น้อยที่สุด, การเย็บด้วยความประณีต, การตรวจจับโลหะด้วยเครื่องจักรที่มีความแม่นยำ เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อง ไปจนถึงระบบการคัดแยก ขนส่ง อยากเป็นระเบียบและรวดเร็ว เพื่อให้ของถึงมือคุณแม่และลูกได้ตามความต้องการ

                      คัดสรรวัตถุดิบจากธรรมชาติด้วยความใส่ใจ

                      Enfant : Pure & Natural with Best Quality เพราะผิวของเด็กนั้นบอบบาง Enfant จึงเลือกใช้เส้นใยจากฝ้ายที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่าง COTTON Biotechnology จากอเมริกา ที่ลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมในกระบวนการปลูก ตั้งแต่การเตรียมดินด้วยการไถพรวน การบริหารจัดการน้ำและการพัฒนาปรับปรุงการใช้พลังงานในการปลูกฝ้ายที่ใช้น้อยกว่าการปลูกปกติ นอกจากนี้ การปลูกต้นฝ้ายบนพื้นที่ 1 ไร่ ในเวลา 1 ปี ยังสามารถช่วยดูดซับปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 5-6 ตัน ให้ผลผลิตใยฝ้ายได้มากถึง 204 กิโลกรัม

                      อีกหนึ่งวัตถุดิบที่ Enfant เลือกใช้ คือ เส้นใย BAMBOO พืชที่พบได้ในทุกสภาพอากาศ และกระจายตัวเติบโตอย่างรวดเร็วตามธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งปุ๋ยหรือสารกำจัดแมลง มีอายุเก็บเกี่ยวที่ยาวนาน ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ได้มากกว่าต้นไม้ทั่วไปถึง 4 เท่า โดย ในพื้นที่ 1 ไร่ สามารถเพาะปลูกต้นไผ่พร้อมใช้งานได้ 0.6 ตัน สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0.65 ต้น และนำมาผลิตเยื่อไผ่ได้ 30 กิโลกรัม อีกทั้งยังมีสารธรรมชาติชื่อว่า “Bamboo Kun” ทำหน้าที่คอยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและต่อต้านแมลง ลดกลิ่นอับ และย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเมื่อสิ้นวงจรชีวิต เมื่อนำ 2 วัตถุดิบมาถักทอผสานในสัดส่วน 60:40 จะให้ได้เนื้อผ้าที่นุ่มลื่น สวมใส่แล้วเย็นสบาย ระบายความชื้นได้ดีเป็นพิเศษ เหมาะกับผิวที่บอบบางของเด็ก

                      *ใน 1 ปี Enfant ใช้เส้นใยจาก Cotton 30,000 กิโลกรัม และBamboo 30,000 กิโลกรัม ในการผลิตเสื้อผ้า 800,000 ชิ้น เสื้อผ้าทุกชิ้นของ Enfant จึงมีส่วนช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ และรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน

                      ENFANT

                      มุ่งมั่นพัฒนาเครื่องแต่งกายให้เอื้อต่อพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย

                      Enfant: Baby-Friendly เพื่อการสร้างสรรค์แฟชั่นที่เอื้อต่อพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัย Enfant ออกแบบ “เสื้อป้ายอุ่นอกที่ไร้ตะเข็บข้าง” เพื่อลดโอกาสในการเสียดสี ที่อาจสร้างความระคายเคืองผิว และ “กางเกงก้นกว้าง” เพื่อรองรับสรีระช่วงขาที่กางออกของเด็กแรกเกิด รวมถึงรองรับการสวมใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป นอกจากนี้ยังปรับเปลี่ยนการออกแบบแม่แบบ (Pattern) ให้สอดคล้องกับมาตรฐานเด็กไทยอย่างสม่ำเสมอ โดยร่วมมือกับ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ทำวิจัยสรีระเด็กไทยทั่วประเทศ ทุก 5 ปี  ทำให้มั่นใจได้เลยว่าเครื่องแต่งกายเด็ก Enfant  นั้นสวมใส่ได้อย่างสบายและสอดรับกับสรีระที่สุด

                      Enfant: Healthy and Safe เพื่อสุขอนามัย และความปลอดภัยของลูกน้อย Enfant ใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิตทุกสีสันลวดลายผ่านการฟอกย้อมด้วยน้ำยาที่มาจากสารอินทรีย์ธรรมชาติ และสี Non AZO เพื่อให้ได้ผ้าที่นุ่ม และ ความปลอดภัยสูงสุดด้วยการทดสอบสารตกค้างในผ้า ทดสอบความคงทน ขจัดสีส่วนเกิน และการตรวจจับโลหะก่อนนำไปบรรจุลงหีบห่อ

                      สร้างสรรค์นวัตกรรมปลอดมลพิษด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย

                      Enfant: Leading Innovation เพื่อเป็นผู้ช่วยในการดูแลเด็กให้เติบโตอย่างสมวัยและมีความสุข Enfant มุ่งมั่นค้นคว้าและพัฒนานวัตกรรมใหม่อย่างไม่หยุดยั้ง อาทิ นวัตกรรมเส้นใย Soft Flex ผ้า C-Single ผสม Spandex สร้างความยืดหยุ่นที่มากกว่า สวมใส่ได้สบายกว่า นวัตกรรม Cotton Bamboo ใยฝ้ายเกรดพรีเมียมผสานเส้นใยไผ่ สร้างความนุ่มสบาย และปลอดภัยไร้แบคทีเรีย ภายใต้การผลิตโดย บริษัท ไทยวาโก้ (จำกัด) มหาชน โรงงานที่ประกอบกิจการอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมทั้งภายในและภายนอก ตลอดจนห่วงโซ่อุปทาน เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการผลิต

                      ENFANT

                      บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) ได้รับรองโรงงานอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 จากกระทรวงอุตสาหกรรม และได้รับการรับรองโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ Eco Factory ปี 2560 และปี 2563 เป็นโรงงานที่มีการปล่อยของเสียเป็นศูนย์ หรือมีของเสียจากกระบวนการผลิตเกิดน้อยที่สุด

                      • มีการใช้วัตถุดิบและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
                      • มีระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้มาตรฐาน
                      • มีการดำเนินการที่น่าเชื่อถือ
                      • มีการเกื้อกูลกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือสังคมโดยรอบ

                      ทุกขั้นตอนนับตั้งแต่การผลิตตลอดจนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์ Enfant มีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกมิติ ใช้ทรัพยากรที่มีอย่างคุ้มค่าและสร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ด้วยหลักการดังนี้

                      Reduce ลดของเสียจากขบวนการผลิต ใช้วัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ

                      Reuse  “เศษผ้า” ที่เหลือจากการผลิต สามารถนำไปใช้ต่อ เป็นเส้นใยบรรจุในตุ๊กตา และ ถุงบรรจุเสื้อผ้าสำเร็จรูป สามารถนำไปหมุนเวียน ซึ่งถุงอองฟองต์ มีสัญลักษณ์รีไซเคิล สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้

                      Recycle “กล่องกระดาษ” ที่ใช้ในการบรรจุสินค้าสำเร็จรูป ถูกนำกลับมาใช้ซ้ำอย่างคุ้มค่า ลดปริมาณขยะ

                      Eco-Logistic ระบบเติมเต็ม และบริหารจัดการสต๊อกสินค้า Sorter ระบบการคัดแยกที่รวดเร็ว เชื่อถือได้ และรองรับความหลากหลายที่เพิ่มขึ้น

                      Eco-Packaging กล่องกระดาษ/ ถุงพลาสติก ใช้จากวัสดุรีไซเคิล

                      ด้วยวัตถุดิบคุณภาพ การตัดเย็บอย่างประณีต และทุกขั้นตอนการผลิตที่พิถีพิถัน ทำให้เสื้อผ้าเด็ก Enfant  มีอายุการใช้งานยาวนาน คงทน คุ้มค่า คงทน ส่งต่ออย่างคุ้มค่า จากรุ่นสู่รุ่น

                      ENFANT

                      ชุติมา ประเสริฐศรี ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์ Enfant กล่าวทิ้งท้าย จากแนวคิด “Enfant รักลูกของคุณ รักษ์โลกของเรา” ที่ Enfant ยึดถือและดำเนินกิจการมาอย่างต่อเนื่อง ในอนาคต เรามุ่งมั่นก้าวสู่ศตวรรษที่ 4 ด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด เพื่อพัฒนาการที่เหมาะสมของเด็กในแต่ละช่วงวัย และไม่หยุดที่จะพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในทุกด้าน ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อโลกที่น่าอยู่ ปลอดภัยสำหรับเด็ก และทุกคน นี่คือ สัญญาที่ Enfant จะยึดมั่นตลอดไป

                        ACE GOLF ACADEMY สถาบันสอนกอล์ฟสำหรับเด็กโดยมืออาชีพ ที่ดูแลเด็กๆ เหมือนคนในครอบครัว

                        การเรียนกีฬาทุกชนิดล้วนช่วยส่งเสริมพัฒนาการลูกน้อย แต่ถ้าพูดถึงกีฬาที่ช่วยผึกสมาธิและจิตใจให้เข้มแข็ง กอล์ฟ คือหนึ่งในกีฬาที่มีจุดเด่นช่วยส่งเสริมด้านนี้ให้กับเด็กๆ

                        School Visit จึงอยากชวนทุกคนมาดูสถาบันACE GOLF ACADEMY ที่เปิดสอนโดยโปรยิม-จิตติ ศรีธนพล Touring Pro. อาชีพ ที่นำประสบการณ์แข่งจริงมาแลกเปลี่ยนให้กับเด็กๆ ได้โดยตรง

                        เปิดสอนโดยโปรมืออาชีพ

                        ACE GOLF ACADEMYเปิดตั้งแต่ปี ค.ศ. 2018 โดยโปรยิม ที่มีดีกรีเป็นแชมป์กอล์ฟอาชีพ พีจีเอ ไทยแลนด์ ชาเลนจ์ 2013 มีประสบการณ์เล่นกอล์ฟมากกว่า 25 ปี ในสถาบันยังมีโปรท่านอื่นๆ ให้เลือกเรียนด้วยอีก 8 ท่าน ซึ่งแต่ละท่านล้วนเป็นมืออาชีพระดับ Teaching Pro. และ Touring Pro. ทั้งหมด

                        เด็กๆ ได้เรียนรู้ร่วมกัน ฝึกดูแลตัวเอง ฝึกการเข้าสังคม และช่วยเหลือกันและกัน

                         

                        กอล์ฟส่งเสริมพัฒนาการลูกน้อยอย่างไร?

                        จากประสบการณ์สอนกอล์ฟมากว่า 9 ปี โปรยิมอธิบายให้เราฟังว่า การส่งเสริมให้เด็กๆ เรียนกอล์ฟ ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงเหมือนกีฬาอื่นๆ แล้ว กอล์ฟยังเป็นกีฬาที่ช่วยฝึกสมาธิได้ดีมาก เนื่องจากการเล่นกอล์ฟใช้ร่างกายทุกส่วน วงสวิงและหน้าไม้สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ทุกวัน ต้องมีสติกับตัวเอง เมื่อพัฒนาไปถึงระดับแข่งขันก็ต้องมีสมาธิระหว่างการแข่งขันอย่างมาก ทักษะการฝึกฝนต่างๆ ต้องใช้ความอดทนถึงจะพัฒนาและเห็นผล ทำให้กีฬากอล์ฟเป็นกีฬาที่ช่วยฝึกด้านสมาธิและจิตใจเป็นอย่างดี โปรยิมยังเล่าอีกว่าเมื่อเด็กๆ ได้เริ่มแข่งขัน เขาจะมีเป้าหมายและพยายามฝึกซ้อมมากขึ้นเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น

                        แต่ที่ACE GOLF ACADEMY กลับไม่มีบรรยากาศของความเคร่งเครียดเลย โปรทุกท่านจะใส่ใจเด็กๆ ทุกคน ดูแลเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง จนสนิทสนมเป็นความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้เรียนและผู้สอน เด็กๆ ในสถาบันก็กลายเป็นเพื่อนเล่นกัน ช่วยฝึกการเข้าสังคมอีกทางหนึ่ง

                         

                        กีฬากอล์ฟต้องใช้ร่างกายทุกส่วน และยังช่วยฝึกสมาธิได้ดีมาก

                         

                        หลักสูตร

                        ที่นี่เริ่มรับสอนตั้งแต่อายุประมาณ 4 ขวบครึ่ง ซึ่งสามารถมาทดลองเรียนก่อนได้ เริ่มแรกทางสถาบันจะมีอุปกรณ์ให้ยืมครบถ้วน แต่เมื่อตัดสินใจเล่นต่อเนื่องก็สามารถปรึกษาเพื่อเลือกซื้ออุปกรณ์ส่วนบุคคลได้ตามความเหมาะสมกับสรีระของแต่ละคน

                        ตัวสถาบันตั้งอยู่บนสนามไดร์ฟกอล์ฟ จึงสามารถสอนทั้งกับเครื่อง TRACKMAN ที่ตรวจจับด้วยเรดาห์ เพื่อดูค่าความเคลื่อนไหวของไม้กอล์ฟ และออกไปตีไดร์ฟในสนามได้ เมื่อถึงระดับต้องฝึกซ้อมลูกสั้น ทางสถาบันจะมีพาเด็กออกไปเรียนนอกสถานที่ที่สนามจริงๆ เพื่อซึมซับกับบรรยากาศ และยังส่งเสริมไปจนถึงการแข่งขันรายการทัวร์ต่างๆ จนเด็กๆ ของสถาบันเคยได้รางวัลมาแล้วหลายรายการ

                        โดยรายการ Tournament ในไทยจะแบ่งออกเป็นช่วงอายุ เช่น รุ่นอายุต่ำกว่า 6 ปี, รุ่นอายุต่ำกว่า 8 ปี, รุ่นอายุต่ำกว่า 10 ปี ฯลฯ

                        โปรยิม-จิตติ ศรีธนพล เจ้าของและ Head Pro. ของ ACE GOLF ACADEMY

                        บรรยากาศสนามไดร์ฟกอล์ฟ

                        Mommy’s Love This! แม่ๆ ถูกใจสิ่งนี้

                        1. สถาบันตั้งอยู่ที่สนามเสรีกอล์ฟ ตลิ่งชัน ซึ่งเป็นสนามเก่าแก่บนฝั่งธนบุรี บรรยากาศของสนามมีกลิ่นอายเรโทร อบอุ่นไปด้วยคนหลายวัย การพาลูกมาเรียนที่นี่ จึงสามารถชวนคุณตาคุณยายมาไดร์ฟกอล์ฟได้ในเลนส์ข้างๆ เป็นกิจกรรมครอบครัวในวันหยุดได้เลย

                        2. มีโปรให้เลือกหลายท่าน สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบและวันเวลาที่สะดวก

                        3. มีนัดออกรอบร่วมกับเด็กหลายๆ คน ฝึกการเข้าสังคม และได้เรียนรู้สนามจริงหลายๆ สนาม

                         

                        ค่าเรียน

                        สอนแบบตัวต่อตัว

                        -Certified Pro. 10 ชั่วโมง / 12,000 บาท

                        -Head Pro. 10 ชั่วโมง / 15,000 บาท

                         

                        ค่าลูกกอล์ฟ (ของสนาม)

                        ค่าลูกกอล์ฟ 3 ถาด/140 บาท (ก่อนเวลา 14:00 น.)

                        ค่าลูกกอล์ฟ 1 ถาด/70 บาท (หลังเวลา 14:00 น.)

                         

                        **สามารถทดลองเรียนฟรีได้ 1 ครั้ง

                         

                        ข้อมูลติดต่อ

                        ACE GOLF ACADEMY

                        ที่อยู่ : ชั้น 2 สนามเสรีกอล์ฟ ตลิ่งชัน กรุงเทพฯ

                        โทร : 063-669-8954

                        เฟซบุ๊ก : https://www.facebook.com/acegolfacademy

                        Line id : @acegolf

                         

                        Editor : แม่น้องอลินดา

                        ภาพ : ธนายุต วิลาทัน

                          ผลิตภัณฑ์ดูแล น้ำนมน้อย

                          สต๊อกล้น! ด้วย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ตัวช่วยคุณแม่ “น้ำนมน้อย”

                          คุณแม่ต่างทราบดีว่า น้ำนมแม่คืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย และต่างก็ต้องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้สำเร็จ แต่ไม่ใช่คุณแม่ทุกคนจะมีน้ำนมแม่เพียงพอตั้งแต่แรก คุณแม่จึงควรมองหาตัวช่วยดีๆที่ช่วยเรื่อง น้ำนมน้อย อย่างปลอดภัย และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยเพิ่มน้ำนมนั้นก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้ผล ที่สามารถช่วยเร่งการผลิตน้ำนม ให้น้ำนมมาเยอะขึ้น

                          9 สมุนไพรเพิ่มน้ำนม ที่คุณแม่หลังคลอดควรกิน

                          1. ฟีนูกรีก ช่วยเร่งการผลิตน้ำนม กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนโปรแลคติน
                          2. ผงผักชีล้อม ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมให้คุณแม่หลังคลอด และยังช่วยป้องกันการเกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ผงผักชีล้อมจึงดีต่อทั้งตัวคุณแม่ และช่วยลดอาการโคลิคในลูกน้อยได้
                          3. ขิง ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้น้ำนมไหลดีขึ้น และขิงยังอุดมไปด้วยวิตามินที่ช่วยพื้นฟูร่างกายคุณแม่หลังคลอด
                          4. ขมิ้น ช่วยเพิ่มน้ำนม และช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง
                          5. ใบกะเพรา ช่วยในการไหลเวียนของเลือด กระตุ้นการผลิตน้ำนม และยังช่วยขับลม ลดอาการท้องอืดของลูกน้อย
                          6. หัวปลี ช่วยบำรุงเลือด บำรุงน้ำนม อุดมไปด้วยแคลเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส วิตามินซี และเบตาแคโรทีน
                          7. ฟักทอง ช่วยขับน้ำนม และมีสารอาหารบำรุงร่างกายหลายชนิด ช่วยให้ผิวพรรณสดใส หน้าท้องลายน้อยลง
                          8. ใบแมงลัก ช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนม ช่วยขับลม ขับเหงื่อได้ดี
                          9. กุยช่าย ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด กระตุ้นการผลิตน้ำนม ทำให้น้ำนมไหลดี

                          น้ำนมน้อย

                          Amarin Baby & Kids คัดเลือกให้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แบรนด์ Jessie Mum ได้รับรางวัล BEST BREASTFEEDING SUPPLEMENT 2023 สาขา Editor’s Choice จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023”

                           

                          สมุนไพรที่ช่วยบำรุงน้ำนมเหล่านี้ เป็นสมุนไพรยอดนิยม ช่วยแก้ปัญหา น้ำนมน้อย อย่างได้ผล โดยคุณแม่สามารถนำไปทำเป็นเมนูเพิ่มน้ำนมยอดฮิต อย่างเช่น แกงเลียง ผัดขิง ฟักทองผัดไข่ ผัดกระเพรา ผัดไท กินสลับไปทุกวันจนเบื่อกันไปเลยทีเดียว

                          แต่ปัจจุบันสำหรับคุณแม่ที่ไม่มีเวลา มีตัวช่วยที่สะดวกกว่านั้น คือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมที่มีส่วนช่วยให้เพิ่มน้ำนมอย่าง Jessie Mum ที่นำสารสกัดจากสมุนไพรถึง 4 ชนิด ได้แก่ ฟีนูกรีก ผงผักชีล้อม ขิง และขมิ้น มารวมอยู่ในเม็ดเดียว และยังผสานด้วยวิตามินอีกหลายชนิดที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายคุณแม่หลังคลอด ได้แก่

                          1. ซิงค์อะมิโน แอซิด คีเลต ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
                          2. กรดโฟลิค ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเม็ดเลือดแดง ซึ่งเม็ดเลือดแดงจะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำนมแม่ ลดโอกาสการเกิดเม็ดเลือดจางในคุณแม่
                          3. ดี-ไบโอติน ช่วยในเรื่องการทำงานของระบบประสาท ลดการหลุดร่วมของเส้นผม รอยผิวแตก ลดอาการอ่อนล้าคุณแม่หลังคลอด
                          4. วิตามินบี 1 ช่วยลดความเครียด ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญได้อย่างสมบูรณ์
                          5. วิตามินบี 6 ช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกายถูกทำลาย ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดอาการปวดหัว
                          6. วิตามินบี 12 ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง ช่วยให้ความจำดี สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                           

                          น้ำนมน้อย

                          ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Jessie Mum ผ่านการตรวจสอบและรับรองมาตรฐาน อย., GHPs, HACCP, Food Safety สามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย และช่วยให้คุณแม่มีน้ำนม ทำสต็อกนมได้มากขึ้น และช่วยให้น้ำนมมีคุณภาพ

                          ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Jessie Mum ได้รับรางวัล BEST BREASTFEEDING SUPPLEMENT 2023 สาขา Editor’s Choice จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023” เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคุณแม่ที่ตั้งใจมอบน้ำนมแทนความรักให้ลูกน้อย

                          สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดีๆ ของผลิตภัณฑ์เพิ่มน้ำนม Jessie Mum สามารถติดตามได้ที่ https://jessiemum.com/

                          อ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ที่ 

                          ประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2023 หมวดผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับคุณแม่

                           

                           

                            สองซูเปอร์ฮีโร่ “เลดี้บัค” – “แคทนัวร์” แท็กทีมผจญภัยพิทักษ์ปารีส ปะทะสุดยอดวายร้าย “ฮอว์กมอธ” บนโปสเตอร์คาแร็กเตอร์สุดเท่ของ

                            กำลังจะเข้าฉายให้ผู้ชมในไทยได้ดูกันแล้ว สำหรับแอนิเมชันเรื่องเยี่ยมครบรสต้อนรับวันเด็กอย่าง Ladybug & Cat Noir : The Movie – ฮีโร่มหัศจรรย์ เลดี้บัค และ แคทนัวร์ จากซีรีส์ยอดฮิตที่โด่งดังไปทั่วโลกสู่ภาพยนตร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์ กับเรื่องราวของ “มาริเน็ต” สาวน้อยผู้ถูกให้เป็นผู้สืบทอด “อัญมณีเวทมนตร์” ที่จะเปลี่ยนมาริเน็ตให้กลายเป็นสุดยอดฮีโร่จอมพลังนามว่า “เลดี้บัค” พร้อมกับ “เอเดรียน” เด็กหนุ่มลูกชายของมหาเศรษฐี ที่ได้รับพลังจาก “อัญมณีแห่งพลัง” ที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นสุดยอดฮีโร่นามว่า “แคทนัวร์” ทั้งสองต้องร่วมมือกันปกป้องเมืองปารีสจากวายร้ายเจ้าพลังแห่งความมืด “ฮอว์กมอธ” ที่ต้องการทำลายล้างเมืองให้ราบ เพื่อจุดมุ่งหมายเดียวคือ ครอบครองอัญมณีเวทมนตร์

                            ซึ่งล่าสุดปล่อยภาพยนตร์ “โปสเตอร์คาแร็กเตอร์” ออกมาเผยให้เห็น 3 ตัวละครหลักสุดเท่ทั้งจากฝ่ายซูเปอร์ฮีโร่ และ ซูเปอร์วายร้าย ที่ต้องปะทะกันด้วยพลังมหัศจรรย์ เริ่มต้นด้วย

                             

                            เลดี้บัค ในชุดซูเปอร์ฮีโร่เต่าทองสีแดงสดใสที่ในเวลาปกติเธอคือ มาริเนตต์ เด็กสาวที่มีชีวิตสุดธรรมดา ด้วยพลังของอัญมณีมิราคูลัสเต่าทอง เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นสาวน้อยมหัศจรรย์ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความสร้างสรรค์ มาพร้อมไอเทมคู่กายของเธอ โยโย่มหัศจรรย์

                            “แคทนัวร์” ซูเปอร์ฮีโร่พลังทำลายล้าง ในเวลาปกติเขาคือ “เอเดรียน” เด็กหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ และด้วยพลังแห่งอัญมณีมิราคูลัสแมวดำ เปลี่ยนเขาให้เป็นต้าวเหมียวพิฆาต มาพร้อมหน้ากากและหูแมวสุดคิ้วท์ ที่พร้อมจะมาขโมยหัวใจผู้ชมทุกคน ด้วยลุคสุดทะเล้นและบุคคลิกแสนจะขี้เล่น เขาเป็นพาร์ทเนอร์ของเลดี้บัค ทั้งสองคอยช่วยเหลือกันและกันเพื่อปกป้องปารีสจากภัยร้าย

                            ถ้ามีใครสักคนอยากเห็นปารีสย่อยยับ ต้องเป็นเขาผู้นี้ “ฮอว์กมอธ” ซูเปอร์วายร้ายผู้มีพลังแห่งความมืดจากอัญมณีมิราคูลัสผีเสื้อแห่งรัตติกาล สามารถเปลี่ยนจิตใจคนธรรมดา ให้กลายเป็นปีศาจร้ายที่เรียกว่า อาคุม่า พูดได้เต็มปากเลยว่า ฮอว์กมอธคือ ศัตรูตัวฉกาจของเลดี้บัคและแคทนัวร์ ที่คอยก่อความวุ่นวายเพียงเพราะต้องการอัญมณีแห่งเวทมนตร์มาไว้ในครอบครอง    ทั้งเลดี้บัคและแคทนัวร์ต้องแท็กทีมกันต่อสู้ซูเปอร์วายร้ายรายนี้ เพื่อคืนความสงบสุขให้ชาวปารีส

                             

                            เตรียมร่วมผจญภัยและเอาใจช่วยฮีโร่มหัศจรรย์ปกป้องปารีสจากซูเปอร์วายร้าย ในภาพยนตร์แอนิเมชันฟอร์มยักษ์ จัดเต็มความสนุกทั้งเวอร์ชับไทย และ อังกฤษกับ Ladybug & Cat Noir: The Movie – ฮีโร่มหัศจรรย์ เลดี้บัค และ แคทนัวร์” เปิดรอบพิเศษ 28 ธันวาคมเป็นต้นไป ฉายจริง 4 มกราคม 2567 ในโรงภาพยนตร์

                             

                            ตัวอย่างซับไทย

                             

                            สกู๊ป มิราคูลัส” อัญมณีปริศนาเกินหยั่งรู้ จุดกำเนิดพลังมหัศจรรย์เปลี่ยนโลก

                             

                             

                              ชวนลองเมนูพิเศษเฉพาะเทศกาลเฉลิมฉลองที่ Salad Factory กับธีม The Greatest Celebration

                              เทศกาลเฉลิมฉลองแบบนี้จะมีอะไรดีไปกว่า อาหารมื้อพิเศษกับคนที่เรารักแบบที่มีอาหารอร่อยๆวัตถุดิบดีวางเรียงยาวๆแบบเต็มๆ โต๊ะ

                              บ้านไหนมีภาพแบบนี้ในหัว เราเชิญชวนมาที่นี่เลยค่ะ ร้าน Salad Factory ซึ่งจับมือพาร์ทเนอร์ผู้ผลิต และนำเข้าวัตถุดิบคุณภาพ ที่การันตีได้เลยว่าดีต่อสุขภาพตั้งแต่รุ่นใหญ่ไปจนถึงรุ่นเด็กจิ๋ว โดยทางร้านคัดสรรเมนูสุดพิเศษท้ายปลายปี มาให้เลือกแบบจุใจทั้ง 22 เมนู ภายใต้แคมเปญ “The Greatest Celebration” โดยมาพร้อมกองทัพวัตถุดิบชั้นดี อย่างแบรนด์ เบทาโกร, ไทยยูเนี่ยน, จาโกต้า, ซีทีไอ ฟู๊ด ซัพพลาย,และ ไอศกรีมฮาเก้น-ดาส เป็นต้น โดยคัดสรรวัตถุดิบชั้นเยี่ยม ทั้งเนื้อวัว Australian Black Angus เกรดพรีเมียมแบรนด์ John Dee, เนื้อแกะคุณภาพจากออสเตรเลียที่มีมันแทรกในเกณฑ์ GLQ 5+ แบรนด์ Gundagai , เนื้อกุ้งมังกร Canadian Lobster, เนื้อวัว Grass Fed พรีเมียม แบรนด์ Josedale, หมูพอร์คช็อป และสันนอกทรัฟเฟิล แบรนด์ S-Pure, ไส้กรอกสไตล์ญี่ปุ่นจาก Itoham และไอศกรีม Limited Edition จาก Hagendaz

                               

                              โดยทีมแม่ ABK ได้ไปลองชิม 8 เมนูที่รังสรรค์อย่างใส่ใจโดยเชฟมากฝีมือ จากทาง Salad Factory  บอกเลยว่า ถูกใจทั้งแม่และดีต่อลูกแน่นอน

                              คุณปิยะ ดั่นคุ้ม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรีนฟู้ด แฟคทอรี่ จำกัด ได้เปิดบ้านต้อนรับพร้อมเล่าให้ฟังถึงที่มาของการทำแคมเปญอาหารและวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่าดี รวมถึงทีมผู้บริหารกลุ่มพาร์ทเนอร์มาร่วมงาน อาทิ ดร.โอลิเวอร์ ก็อตชัลล์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน), คุณสืบสกุล นิ่มพูลสวัสดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ พัฒนาธุรกิจ กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน), คุณภูมินทร์ จาโกต้า ผู้บริหารฝ่ายขาย  บริษัท จาโกต้า บราเดอร์ส เทรดดิ้ง จำกัด, คุณพนิตตา มิ่งสูงเนิน ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดภายในประเทศ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ คุณวิศว ศรีรัตนประภาส ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีทีไอ ฟู๊ด ซัพพลาย จำกัด เป็นต้น ที่มาเล่าถึงที่มาของวัตถุดิบชั้นดีด้วยตัวเอง

                              มาดูกันเลยค่ะว่า แต่ละจานที่ #ทีมแม่ABK ไปชิมมาแล้วเป็นยังไงบ้าง

                              จานแรกอาหารเรียกน้ำย่อยเบาๆก่อน Amouse-Bouche ที่เป็นแซนวิชล๊อบเตอร์ และยูซุกัวคาโมเล่ คำที่สองเป็นไส้กรอกArabiki ย่างห่อด้วยใบโอบะ ไส้กรอกสไตล์ญี่ปุ่นจาก Ito Ham และคำสุดท้าย Bacon Rock&Roll

                              จานถัดมา Pistachio Lobster Salad สลัดกุ้งล๊อบเตอร์สดๆจากแคนาดา ผสมผสานความสดชื่นจากผักกรีนคอส อโวคาโด ในซอส Italian Yuzu Dressing

                              จานที่สาม Truffle Pork Loin Steak  สเต็กหมูทรัฟเฟิลซอสเกรวี่มัสตาร์ด มันฝรั่งผัดและผักย่าง หมูชั้นดีที่เนื้อนุ่มมากก จานนี้เด็กเลิฟแน่นอน

                              จานที่สี่ Australia Black Angus Grass-Fed Beef Picanha Steak สเต็กเนื้อพิคานย่า ที่เรียกว่าได้รับการดูแลอย่างดี หญ้าที่มีธาตุอาหารสูง มีความเป็นธรรมชาติปลอดสาร ทานคู่กับเครื่องเคียง อย่างสลัด และมันฝรั่งทอดก็กลมกล่อม ถูกใจแม่

                              จานที่ห้า Grilled Lamb Picanha Tacos  แป้งทาโก้กรอบๆซ่อนพิคานย่าแกะไว้ด้านใน กับซอสมิกเบอร์รี่และซาวครีม เปิดใจรับเนื่อแกะไว้ในอ้อมใจได้เลย เพราะมันนุ่มและพิเศษมาก

                              จานที่หก Australia Black Angus Grains-Fed Ribs Finger BBQ สเต็กสันนอกแบล็คแองกัสพรีเมี่ยม ที่ขุนด้วยธัญพืชมากกว่า 150 วัน เนื้อนุ่ม รสชาติเข้มข้น ราดด้วยกันซอสครีมเห็ดพริกไทยอ่อนที่กลมกล่อมกำลังดี ทานคู่กับสลัดและมันฝรั่งบด เนื้อนุ่มฟินมากก

                              ปิดท้ายด้วยจานของหวาน ที่มีความพิเศษของฤดูกาลนี้ จาก ฮาเก้น – ดาส ไอศกรีมบิสกิตคาราเมลกรุบกรอบ หอมถั่วพิตาชิโอ ทั้งถั่วหอมๆและไอศกรีมพิตาชิโอ ที่เป็นรสชาติใหม่ ที่เพิ่งนำเข้าใหม่ในช่วงเทศกาลนี้เท่านั้น!

                              ความพิเศษนี้ มีแค่เดือนนี้เท่านั้นนะคะ บอกเลยว่าไม่ควรพลาด ใกล้ที่สาขาไหนแวะไปที่สาขานั้นเลย เพราะที่นี่มีถึง 38 สาขา ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2566 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2567 นี้เท่านั้น ที่ร้านสลัดแฟคทอรี่ทุกสาขา หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/saladfactoryofthailand

                              สำหรับเมนูเต็มๆ ดูได้ในแกลอรี่ด้านล่างเลยค่ะ

                              เรื่อง: แม่พีทพริม

                              ภาพ: CRG Group

                                Tags

                                คอลเกต

                                คอลเกต ลดยิ่งใหญ่ฉลองวันเกิด พร้อมเปิดตัวไหมขัดฟันพลังน้ำสีใหม่และของแถมสุดปัง!

                                คอลเกต ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากที่ทุกบ้านเลือกใช้ จัดโปรสุดปัง

                                Colgate Brand of The Day ลดยิ่งใหญ่ฉลองวันเกิด พร้อมเปิดตัวไหมขัดฟันพลังน้ำสีใหม่และของแถมสุดปัง!

                                ใหม่! ไหมขัดฟันพลังน้ำ Colgate Blast

                                ราคาพิเศษ 3,299.- จาก 1,926.-

                                50 ออเดอร์แรกรับฟรี! เสื้อ Maison Keeps มูลค่า 750.-

                                เฉพาะ 16 ธ.ค. 66 เท่านั้น

                                Colgate Blast Water Flosser

                                คอลเกตไหมขัดฟัน พลังน้ำ พกพา หรือเครื่องพ่นน้ำทำความสะอาดซอกฟัน

                                ประกอบไปด้วย หัวทำความสะอาด 2 อัน สายชาร์จ USB

                                ใช้สำหรับทำความสะอาดซอกฟัน ด้วยการใช้แรงดันน้ำ (สะดวกสำหรับพกพา, ชาร์จไฟได้ และกันน้ำ)

                                – ไหมขัดฟันใช้ทำความสะอาดเศษอาหารและคราบพลัคตามซอกฟัน

                                – ใช้งานง่ายและให้ความรู้สึกสะอาดล้ำลึก

                                – พลังน้ำสามารถปรับโหมดแรงดัน 3 ระดับ  (โหมดอ่อนโยน, ปกติ และแบบเป็นจังหวะ)

                                – ตัวเครื่องกันน้ำระดับ IPX7 หรือป้องกันน้ำเข้าภายในเมื่อแช่อุปกรณ์ลงน้ำความลึกสูงสุด 1 เมตร เป็นเวลาสูงสุด 30 นาที

                                – ขนาดจับพอดีมือ ง่ายสำหรับพกพาและเป็นอุปกรณ์ไร้สาย

                                ลดทั้งร้านสูงสุด 77% + โค้ดลดสูงสุด 2,500.-

                                สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่:

                                https://shopee.co.th/colgatepalmolive_official

                                  Tags

                                  ซีอาร์จี

                                  ซีอาร์จี เปิด “CRG Deaf Community พื้นที่สร้างสุข เพื่อคนไร้เสียง” ณ ร้านเคเอฟซี บ้านสีลม

                                  บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (ซีอาร์จี) องค์กรที่สนับสนุนงานด้านคนพิการในระดับดีเยี่ยม ต่อเนื่องมานานกว่าทศวรรษ ตอกย้ำความเป็นองค์กรต้นแบบของการสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน เดินหน้าสานต่อนโยบายการให้ความสำคัญของคุณค่าของแต่ละบุคคล ด้วยแนวคิดที่มุ่งเน้นการให้โอกาส และความเท่าเทียม เปิดตัวจุดนัดพบ “CRG Deaf Community พื้นที่สร้างสุข เพื่อคนไร้เสียง” ณ ร้าน เคเอฟซี สาขาบ้านสีลม

                                  คุณจารุวรรณ งามพิสุทธิ์ไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายทรัพยากรบุคคล เปิดเผยว่า ซีอาร์จีเล็งเห็นความสำคัญของคุณค่าของแต่ละบุคคล ด้วยแนวคิดที่มุ่งให้โอกาสในการเข้าทำงาน แด่เพื่อนผู้พิการให้สามารถดำรงชีพในสังคมไทย จึงได้ดำเนินงานตามนโยบายเพื่อส่งเสริมการจ้างงานคนพิการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน ซีอาร์จี มีการจ้างงานพนักงานคนพิการเกินกว่าโควต้าที่กฎหมายกำหนด ครอบคลุมทั้งในส่วนปฏิบัติงานหน้าร้าน และสำนักงานใหญ่ ซึ่งกลุ่มประเภทความพิการที่จ้างงานในปัจจุบันมี 4 ประเภท ประกอบด้วย ผู้มีความพิการทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย, ทางการมองเห็น, ทางการเคลื่อนไหว หรือทางร่างกาย และทางสติปัญญา

                                  ซีอาร์จี

                                  ด้วยความมุ่งมั่นให้โอกาส และสร้างความเท่าเทียม สร้างอาชีพและพัฒนาศักยภาพคนพิการอย่างยั่งยืน เพราะเราเชื่อในศักยภาพของคนพิเศษ (ผู้พิการ) ว่าสามารถปฏิบัติงาน และก้าวข้ามข้อจำกัดทางร่างกายได้ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง สามารถดำรงชีพในสังคมได้อย่างมีความสุขอย่างมีเกียรติ และมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ผ่านโครงการที่จัดขึ้นตาม Employee Journey เพื่อสนับสนุนพนักงานคนพิเศษภายในองค์กรมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ

                                  • การพัฒนาระบบการสรรหาและคัดเลือกพนักงานคนพิการโดยใช้ AI Chatbot นวัตกรรมใหม่ ในการสื่อสารกับผู้สมัคร ในชื่อของ NooYim CRG (หนูยิ้ม CRG)
                                  • กิจกรรมสัมพันธ์สำหรับพนักงานกลุ่มพิเศษ
                                  • กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตพนักงานกลุ่มพิเศษ
                                  • การอบรมพัฒนาศักยภาพของพนักงานคนพิการ ผ่านระบบ E-Learning Management System
                                  • การให้โอกาสเติบโตก้าวหน้าในสายอาชีพของพนักงานทุกคนอย่างเสมอภาค
                                  • การจัดให้มีล่ามภาษามือในการประชุมต่างๆ เพื่อให้พนักงานคนพิเศษได้มีส่วนร่วมในการประชุม และเข้าใจทิศทางธุรกิจและวัตถุประสงค์ในการทำงานมากขึ้น
                                  • การจัดระบบพี่เลี้ยงคอยดูแลเพื่อสอนงาน และแนะนำเรื่องการปรับตัว การอยู่ร่วมกันในสถานที่ทำงาน
                                  • การส่งพนักงานปกติเข้าอบรมภาษามือ และมีการคลิปวิดีโอสอนภาษามือออนไลน์ เพื่อใช้ในการสื่อสารกับพนักงานกลุ่มพิเศษ ให้เค้ามีสังคมและสามารถทำงานร่วมกับพนักงานปกติได้อย่างมีความสุข

                                  ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ ซีอาร์จีได้รับรางวัลองค์กรที่สนับสนุนงานด้านคนพิการดีเด่น 9 ปี ติดต่อกัน ซึ่งไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น ซีอาร์จี ยังเปิดตัวโครงการใหม่ล่าสุด ด้วยการเปิดจุดนับพบ “CRG Deaf Community พื้นที่สร้างสุข เพื่อคนไร้เสียง” ณ ร้าน เคเอฟซี สาขาบ้านสีลม ด้วยวัตถุประสงค์ที่ต้องการจะให้เป็นพื้นที่สร้างความสุข ความผ่อนคลายให้กับพนักงานพิเศษ ผู้บกพร่องทางการได้ยิน ทั้งที่เป็นพนักงานขององค์กรเอง และบุคคลภายนอก ได้ใช้เป็นสถานที่พบปะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และรับรู้ข่าวสารต่าง ๆ ของ ซีอาร์จี ต่อยอดเป็นการสร้างโอกาสในการส่งเสริมอาชีพให้กับบุคคลอื่น ให้ได้มีโอกาสได้ร่วมงานกับ ซีอาร์จี ได้อีกทางหนึ่ง

                                  ภายใน  “CRG Deaf Community พื้นที่สร้างสุข เพื่อคนไร้เสียง” จะมีมุมต่าง ๆ และกิจกรรมพิเศษที่จะจัดขึ้นในทุกเดือน เช่น  Learning Corner จุดบริการเรียนรู้ด้วยตนเอง รวมไปถึงการศึกษาค้นคว้าอื่น ๆ บนอินเทอร์เน็ต, Plearn Corner กิจกรรมกลุ่มที่จะทำให้ทุกคนได้เรียนรู้ ฝึกสมอง และสนุกกับบอร์ดเกมส์ต่าง ๆ, CRG Fine Day กิจกรรมพิเศษในการส่งเสริมการสร้างอาชีพให้กับทุกคน  สลับสับเปลี่ยนมาตลอด เช่น การสอนทำคัพเค้ก การทำวุ้น การทำลูกชุบ และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึง Career @ CRG ที่จะรวบรวมตำแหน่งงานว่าง ภายใน CRG และบริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล ที่ผู้พิการสามารถสมัครงานง่าย ๆ เพียงแอดไลน์ เท่านั้น

                                  โดยในช่วงแรกจะเปิดให้บริการทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 21.00 น. สำหรับผู้พิการทางการได้ยินที่เข้ามาใช้บริการ เพียงแสดงบัตรผู้พิการ และลงทะเบียน จะได้รับส่วนลด 15% ในการซื้อสินค้าทันที

                                  “ซีอาร์จี พร้อมให้โอกาสกับบุคคลทุกกลุ่ม ด้วยเราเล็งเห็นถึงความสำคัญของความเท่าเทียมของทุกคน เพราะนี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่การดูแลพนักงานในองค์กรของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นการร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้แก่สังคม เพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข ซึ่งจะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมาย พร้อมกับสามารถสร้างประโยชน์ต่อสังคมได้ต่อไป” คุณจารุวรรณ กล่าวในตอนท้าย

                                    Tags

                                    โรงเรียนนวพัฒน์วิทยา โรงเรียนพื้นที่เล็กๆ แต่คุณภาพล้นแก้ว

                                    “Education is one thing no one can take away from you.”

                                    การศึกษาเป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครนำไปจากคุณได้

                                    โรงเรียนที่มีพื้นที่ไม่มาก แต่คุณภาพนั้นแน่นจนล้นออกมาจากแก้ว… โรงเรียนนวพัฒน์วิทยา โรงเรียนดีๆที่วันนี้ School Visit จะเราอยากพาทุกคนมาเยี่ยมชม โรงเรียนนวพัฒน์วิทยาเปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 ถึง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยยึดหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย และหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยมีนโยบายที่มุ่งเน้นให้นักเรียนมีความสามารถในการเรียนรู้ตามศักยภาพเพื่อมีความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา ด้วยมาตรฐานใหม่ระดับสากล การจัดการเรียนรู้เน้นการจัดการเรียนการสอนตามสภาพจริง ด้วยการเรียนรู้ด้วยตนเองร่วมกัน และการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง โดยมีการบูรณาการคุณธรรมควบคู่กันในวิธีการเรียนการสอน

                                    บรรยากาศยามเช้าของโรงเรียน

                                    ชั้นเรียน English Program กับคุณครูชาวต่างชาติรุ่นใหม่

                                    พื้นที่ของโรงเรียนที่มีไม่มาก แต่ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า

                                    สนามใจกลางโรงเรียนเชื่อมระหว่างอาคารอนุบาล โรงอาหาร และอาคารประถม

                                     

                                    A very good curriculum หลักสูตรทันสมัยโดยผู้บริหารรุ่นใหม่

                                    สิ่งที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของโรงเรียนนวพัฒน์วิทยา คือคุณภาพของครูผู้สอน หลักสูตร English Program ของทางโรงเรียนได้รับการออกแบบโดย อาจารย์ Bradley Welsh – Executive Head of School ซึ่งสำเร็จการศึกษาด้าน Education with Special and Inclusive Needs (เกียรตินิยม) จาก Liverpool John Moore University วิชาหลักที่สอนโดยครูเจ้าของภาษา ได้แก่ วิชาภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ Science Project วิชาวรรณกรรม และพลศึกษา คุณครูที่เป็น Native Speaker จะมีความเชี่ยวชาญในการใช้ภาษา และสามารถมอบประสบการณ์ทั้งการเรียนรู้ด้านภาษา วัฒนธรรมทักษะการสื่อสาร และสร้างปฏิสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพให้กับนักเรียน

                                    ชั้นเรียนคุณครูต่างชาติ เมื่อคุณครูมีความเป็นกันเอง ความสบายใจจะทำให้เด็กๆมีความกล้าที่จะสื่อสาร

                                     

                                    Mathematics and Science เรียนทั้งภาษาไทยและอังกฤษ

                                    โรงเรียนสอนวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เด็กๆ จะได้เรียนทั้งตำราไทยเพื่อให้ “รู้ลึก” ถึงเนื้อหาและคำศัพท์ทางเทคนิค ในขณะที่ตำราต่างประเทศจะทำให้เด็กๆ “เข้าใจ” ถึง Concept เป็นประโยชน์ต่อการไปเรียนต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาทั้งหลักสูตรปกติ หลักสูตรสองภาษา หรือแม้กระทั่งการศึกษาต่อต่างประเทศ ซึ่งการมีรากฐานในด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่งจะป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ

                                    คณิตศาสตร์ คลาสที่เรียนกับ Teacher จะใช้การเรียนการสอนแบบประเทศอังกฤษ Teacher ใช้ Play-Based Teaching Materials ได้แก่ Numicon เป็นสื่อที่ทำให้ตัวเลขเป็นสิ่งที่จับต้องได้ สร้างความเข้าใจให้เป็นรูปธรรม การมองเห็นได้ด้วยตาดีกว่าการท่องจำตัวเลข เพราะการจดจำของมนุษย์ 85% มักมาจากการมองเห็นและสัมผัสได้

                                    วิทยาศาสตร์ เด็กๆ จะเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่สถานการณ์สมมุติ เป็นการทำให้เด็กๆเข้าใจ ที่มา-ที่ไป ของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ (Understanding of the World)

                                    สื่อการเรียนจาก OXFORD “NUMICON” การสร้างให้คณิตศาสตร์สนุก สัมผัส เหมือนการเล่นเกมส์ พร้อมหนังสือเรียนจากต่างประเทศ

                                    วิทยาศาสตร์ภาคภาษาไทย ยิ่งลงมือทำ ยิ่งเข้าใจถ่องแท้

                                     

                                    EAL ภาษาอังกฤษคือจุดขาย!

                                    English as an Additional Language หรือ EAL คือ การเรียนอังกฤษเป็นภาษาเพิ่มเติม (สำหรับเด็กๆ ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่) ใช้หลักสูตรเดียวกันกับโรงเรียนนานาชาติ เด็กๆจะเรียนรู้ภายใต้บรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่สนุกสนานที่ใช้เพียงภาษาอังกฤษเท่านั้น เรียนแบบโฟนิคส์ (Phonics) ซึ่งการเรียนภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ ทำให้เด็กๆสื่อสารภาษาอังกฤษได้ชัดเจนและสามารถอ่าน เขียน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสะกดคำศัพท์ต่างๆได้ด้วยตัวเองจากการรู้จักเสียงของตัวอักษรและเข้าใจหลักการผสมเสียง หนังสือเรียนและแบบฝึกหัดนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อให้เด็กๆได้ความรู้นอกเหนือจากหัวข้อของกระทรวงศึกษาธิการกำหนดและสอดคล้องกับหลักสูตรของประเทศอังกฤษ กิจกรรม วิชาการ ความสนุก ความสุข ครบครัน

                                    ชั้นเรียนภาษาอังกฤษของน้อง ป.1 แบ่งกลุ่มทำกิจกรรมหลากหลาย คุณครูดีไซน์กิจกรรมให้เหมาะสมสำหรับแต่ละชั้น เพราะคุณครูเป็นกันเองเมื่อสงสัยเด็กๆจึงไม่กลัวที่จะถาม

                                     

                                    STEM

                                    โรงเรียนนวพัฒน์วิทยา ใช้การศึกษาแบบองค์รวมบูรณาการ 4 ศาสตร์ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์เข้าด้วยกัน สร้างทักษะการคิด วิเคราะห์และความเป็นเหตุเป็นผล ยิ่งกว่าความรู้คือการส่งเสริม School Community พี่สอนน้อง น้องเรียนรู้จากพี่

                                    สัปดาห์นี้ คุณครูให้เด็กมองลึกเข้าไปในดอกกล้วยไม้แล้วสร้างสรรค์ผลงาน เด็กๆจะต้องใช้สมาธิ สังเกต จดจำ ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพตามแบบฉบับของตัวเอง เด็กๆจะได้คำศัพท์ รูปประโยค บทสนทนาใหม่ๆในแนวศิลปะ

                                    รายวิชาที่เรียนเป็นภาษาไทย

                                     

                                    School Safeguarding การคุ้มครองและปกป้องเด็กในโรงเรียน

                                    โรงเรียนนวพัฒน์วิทยาใช้นโยบายการปกป้องคุ้มครองของนักเรียนแบบที่ใช้ในประเทศอังกฤษ คุณครูในแต่ละโรงเรียนจะต้องเข้าอบรมกับตำรวจ เป็นข้อกำหนดที่ทางโรงเรียนต้องให้ความสำคัญ School Safegurading มีหน้าที่ทำการคุ้มครอง และสนับสนุนสวัสดิภาพของเด็กนักเรียน

                                    ปกป้องเด็กจากการถูกทำร้าย ทางร่างกาย หรือ จิตใจ ทั้งจากที่บ้านและโรงเรียน

                                    ป้องกันการเสียสุขภาพหรือพัฒนาการของเด็ก ผ่านสังเกต ประเมิน และการรายงานสุขภาพ-ร่างกาย

                                    รับรองว่าเด็กๆได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยภายใต้การดูแลของโรงเรียนที่มีประสิทธิภาพ

                                    เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนทำหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครองเด็ก พิจารณาแยกแยะในระบบตั้งแต่เริ่มต้น และป้องกันเพื่อไม่ให้มีปัญหาบานปลาย

                                    เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องได้รับการฝึกอบรมเรื่องการคุ้มครองและปกป้องเด็กในโรงเรียน มีการอบรมเพื่อพัฒนาทักษะและความรู้ทุกๆ 6 สัปดาห์ หรือที่เรียกว่า Continuing Professional Development (CDP)

                                     

                                    นอกจากนี้ทางโรงเรียนนวพัฒน์วิทยาให้ความสำคัญในการจัดสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้โดยรวม เพื่อยกระดับประสบการณ์การเรียนรู้ในทุกวิชา สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เหมาะสมมีส่วนช่วยอย่างมากต่อการพัฒนาการด้านวิชาการ และสุขภาพกายสุขภาพใจ

                                     

                                    Evaluation การวัดผล

                                    โรงเรียนวัดผลโดยผ่านการเก็บคะแนนตามที่คุณครูกำหนด (ยกเลิกการสอบมิดเทอม) และมีสอบปลายภาคแค่ครั้งเดียว เด็กๆจะได้ไปสอบวัดผล National Test (NT) เพื่อประเมินคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการสอบ Ordinary National Education Test (O-NET) เพราะช่วง ประถม4-6 เด็กๆจะต้องไปต่อชั้นมัธยม ซึ่งเด็กๆนวพัฒน์สามารถสอบเข้ามัธยมโรงเรียนรัฐบาลที่มีชื่อเสียงได้เป็นจำนวนมาก

                                    Mr. Bradley Welsh – Executive Head of School Education with Special and Inclusive Needs (Honor)

                                    Liverpool John Moore University U.K.

                                     

                                    Mommy’s Love This ถูกใจแม่

                                    พื้นฐานวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์โดดเด่น เน้น 2 ภาษา 2 ตำรา ความรู้และ concept จัดแน่น แม่ๆไม่ต้องกังวลเมื่อลูกๆต้องไปสอบเข้าชั้นมัธยมศึกษา

                                    กิจกรรมหลังเลิกเรียน ทั้งเสริมทักษะ สร้างความสามารถ เลือกลงเรียนได้ระหว่างรอผู้ปกครองมารับกลับบ้าน

                                    คลาสเรียนที่ใช่ คุณครูแต่ละท่านจะออกแบบกิจกรรมเองโดยสังเกตจากความชอบของเด็กๆในชั้นที่แต่ละท่านดูแล

                                    วิชาอะไรก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะทางโรงเรียนพยายามทำให้เป็นรูปธรรม จับต้องได้ เด็กๆเรียนรู้อย่างเข้าใจถ่องแท้

                                    ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ไม่เคยมีใครถูกละทิ้ง เพราะโรงเรียนมี Safeguarding

                                    Strong School Community ชั้นเรียนไม่หนาแน่น โรงเรียนมีขนาดพอดี ดังนั้นเด็กๆแต่ละชั้นปีจะพบเจอ คุ้นชินกัน ทำกิจกรรมด้วยกัน รู้จักกัน สร้างสัมพันธ์กันได้อย่างดี

                                    อัตราค่าเล่าเรียน ระดับชั้น

                                    ประถมศึกษาปีที่ 1-6 (โดยประมาณการ)

                                    English Program

                                    ค่าแรกเข้า 3,000 บาท

                                    ค่าธรรมเนียมการศึกษา 42,000 บาท /เทอม

                                    ค่าหนังสือ 10,000 บาท /ปี

                                    ค่าเครื่องแบบนักเรียน 2,500 บาท

                                    ค่าเรียนคอมพิวเตอร์ 3,200 บาท /ปี

                                     

                                    ที่อยู่

                                    โรงเรียนนวพัฒน์วิทยา

                                    82/849 หมู่บ้านซีเมนต์ไทย ซอย 7 ถนนประชาชื่น

                                    แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900

                                    ติดต่อ

                                    โทรศัพท์ : 02-587-3243 / 097-289-0670 Fax. 0-2587-3243

                                    E-mail : [email protected]

                                    Facebook : โรงเรียนนวพัฒน์วิทยา

                                    Line : nawaphat_school

                                     

                                    Editor : แม่พลอยผิง

                                    ภาพ : ธนายุต วิลาทัน ,ภาณุ พิมพิลา