Page 17 – AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

บุกรร.เอกชนชายล้วน โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย เรียนเด่น เล่นดี มี SPIRIT 

พาทัวร์ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ส่องหลักสูตรและค่าเทอม โรงเรียนที่นักเรียน เรียนเด่น เล่นดี และ มี SPIRIT

School Visit วันนี้ ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ Bangkok Christian College หรือ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย

โรงเรียนเอกชนชายล้วน แห่งแรกในประเทศไทย ที่ก่อตั้งและมีชื่อเสียงยาวนานมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ “โรงเรียนแห่งความสุข – School of Happiness” กว่าร้อยปีที่ผ่านมา โรงเรียนไม่เคยหยุดพัฒนาในทุกๆด้าน จนจุบันโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยมีนักเรียนกว่า 6,000 คน ทำไมใครๆก็อยากให้ลูกเรียนที่นี่ โรงเรียนนี้มีดีอย่างไร และมีหลักสูตรอะไรที่น่าสนใจ วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบกันค่ะ

 

โรงเรียนราษฎรแห่งแรกในสยาม : กุฎีจีน-สำเหร่-บางรัก

โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ก่อตั้งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ราว พ.ศ. 2395 ตั้งอยู่ที่ตำบลกุฎีจีน โดยคณะอเมริกันเพรสไบทีเรียน (American Presbiterian) เป็นโรงเรียนคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ มีซินแสกีเอ็ง ก๊วยเซียนเป็นผู้สอน ในตอนนั้นมีเยาวชนจีนเพียง 8 คนเท่านั้นที่สมัครเป็นนักเรียน จนกระทั้งปี พ.ศ. 2443 ทางคณะมิชชันนารีขยายและย้ายโรงเรียนมาที่ ถนนประมวญ ตำบลสีลม อำเภอบางรัก และสร้างสถาบันการศึกษาขึ้นใหม่เรียกนามว่า “กรุงเทพคริสเตียนไฮสกูล” และเปลี่ยนจากไฮสกูล เป็นคอลเล็จ (COLLEGE) ดังนั้นเองนามของสถาบันการศึกษาแห่งนี้จึงได้เปลี่ยนเป็น “กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย” เรียกชื่อและเขียนตามอักษรโรมันว่า BANGKOK CHRISTIAN COLLEGE ในปี พ.ศ. 2456 หรือในนามย่อๆว่า BCC ตัวย่อ ก.ท

ปัจจุบันโรงเรียนมีเนื้อที่กว่า 17 ไร่ และเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น ป.1 – ม. 6 เท่ากับ12 ปี ในรั้วม่วง-ทอง

บรรยากาศโรงเรียน

กิจกรรมของเด็กๆชั้นประถม

หอประชุมของโรงเรียนที่ไม่เหมือนใคร รูปทรงคล้ายเรือโนอาห์ และยังเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญมากที่สุดในโรงเรียน

 

LEARN : SMART

หลักสูตรของโรงเรียนแบ่งออกเป็น 2 โปรแกรม ได้แก่ หลักสูตรสามัญ และหลักสูตร EIP (English Immersion Program) โดยอิงกับหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการในส่วนวิชาหลัก แต่วิชาเพิ่มเติมจะเป็นแบบ BCC STYLE หลักสูตรจะพัฒนาเด็กๆทั้งด้านวิชาการ หลักวิธีการคิดตามสาขาวิชา ทักษะสำคัญที่จะได้รับในแต่ละวิชา และด้วยพลังของเด็กผู้ชาย.. การใช้รูปแบบการเรียน Active Learning คือถูกต้องที่สุดค่ะ เมื่อเล่นให้เป็นเรียน ความรู้ความเข้าใจ ประสบการณ์จะเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะเด็กๆแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต่างก็เป็นผู้นำในการเรียนรู้ของตัวเอง แน่นอน BCC เน้นพัฒนาเด็กๆทุกด้าน ให้เป็นไปตามศักยภาพของตน เด็กๆจึง “เก่ง” ในแบบของตัวเอง ความว้าวของหลักสูตรที่พัฒนาใหม่คือ การเรียนในห้องเรียน 4 วัน และในวันศุกร์จะเป็น “ทักษะชีวิต” นอกห้องเรียน ก็โลกกว้างมีไว้ให้ผจญนี่นะ ส่วนวิชาเสริม นอกเหนือวิชาหลัก คือ เยอะมากๆ (เลือกได้ตามใจเลย)

 

CURRICULUM หลักสูตรสามัญ

ประถม

เพิ่มเติม การเรียนรู้ ด้านภาษา IT ROBOT (ชั่วโมงพิเศษ) โดยบริษัท Outsource เฉพาะทางด้าน AI, CODING ให้น้อง ป.1 นำสู่การเรียนการสอนเอง เด็กๆ จะเรียนรู้การใช้สื่อเทคโนโลยีให้เป็น ส่วน ห้องเรียน ป.4-6 เด็กๆจะสร้างสื่อผลงานจาก iPad

มัธยมปลาย

มีแผนการเรียน 15 แผน ทั้งสายวิทย์และศิลป์ ตามอาชีพต่างๆ ที่BCC มีเครือข่ายจากทางมหาวิทยาลัยต่างๆ พร้อมทั้งเชิญคุณครูพิเศษเฉพาะทางมาสอนเด็กๆ ก็ไม่ใช่แค่เด็กๆที่ได้เรียนรู้ คุณครูก็ได้พัฒนาศักยภาพไปด้วย วินวิน ไปเลย

    คาบเรียนที่ใช้ iPad เป็นสื่อการเรียนรู

 

EIP Program ( English Immersion Program )

โปรแกรม EIP คุณครูจะเป็น Native เฉพาะทาง! เรียนเป็นภาษาอังกฤษทุกวิชา ยกเว้น ภาษาไทย สังคมศึกษา และประวัติศาสตร์ เรียน ภาษาจีน 2 คาบ และในปีการศึกษา 2567 จะมีหลักสูตรใหม่ เป็นหลักสูตรสามภาษา หรือ Global Program พุ่งเป้าไปที่ “ภาษาจีน วัฒนธรรม ความรู้รอบจีน Digital Technology” เริ่มที่ชั้น ป.1 จำนวน 1 ห้อง ค่อยๆเติบโตไปทีละปีจนครบ 12 ปี รับรองว่าพื้นฐานแน่น คุณภาพล้นแก้วแน่นอนเพราะภาษาจีนเป็นภาษาที่มีคนใช้มากที่สุดในโลก เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ การเรียนรู้จัก ‘จีน’ จะช่วยให้เด็กๆเพิ่มโอกาสทางการศึกษาและทางธุรกิจในอนาคต

ทักษะชีวิตนอกห้องเรียนในวันศุกร์

เด็กชมและเชียร์ แข่งกีฬาฟุตซอล

 

LIFE : ในโรงเรียน

ที่นี่ การเรียนแบบ Active Learning ก็ว่าสร้างประสบการณ์แล้ว กิจกรรมยิ่งสร้างประสบการณ์มากกว่า

เด็ก BCC ขึ้นชื่อเรื่องกิจกรรมมาก…ถึงมากที่สุด กิจกรรมต่างๆ ในรั้วโรงเรียน มักจะให้เด็กๆแสดงเป้าหมายและจุดยืนของตัวเองอย่างชัดเจนเพราะกิจกรรมเป็นการแสดงออกถึงตัวตนของเรา แต่ในการทำกิจกรรมก็มีประโยชน์มากมายที่สามารถนำไปใช้เพื่อความสำเร็จ ถึงเเม้จะไม่ได้เกรดก็สามารถให้เราไปสู่เป้าหมายได้ เช่น ทัศนศึกษานอกสถานที่ กิจกรรมลูกเสือ สโมสร ชมรม กีฬา ดนตรี ศิลปะ กิจกรรมจิตอาสา นักเรียนมัคคุเทศก์น้อยหลายภาษา-พาผู้เยี่ยมชมทัวร์หอประวัติศาสตร์ของโรงเรียน นักเรียนบรรณารักษ์และอื่นๆอีกมากมาย

 กิจกรรมนักเรียนบรรณารักษ์

 

กิจกรรมไฮไลท์ BCC

การแข่งขันฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคี

เป็นประเพณีการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรระดับมัธยมศึกษาของโรงเรียนชายล้วนเก่าแก่สี่โรงเรียนของประเทศไทย

ประกอบด้วย โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โรงเรียนอัสสัมชัญ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และโรงเรียนเทพศิรินทร์

ผู้จัดเป็นพี่ ม.5 มีการแปรอักษรและเชียร์อันเป็นเอกลักษณ์ของงาน (จัดทุก 2 ปี แต่ปีไหนไม่มีบอลจตุรมิตรทางโรงเรียนจะให้เด็กๆได้จัดงานใหญ่ทดแทน )

งานวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย

จัดทุกวันที่ 30 กันยายน เป็นอีกหนึ่งงานใหญ่ที่จัดโดยพี่ใหญ่ ม.6 ซึ่งเด็กๆจะผู้จัดหลัก ทำเองทั้งหมดโดยมีคุณครูเป็นที่ปรึกษา

ในงานประกอบไปด้วย การแสดงผลงานทางวิชาการ การออกร้าน ซุ้มเกมส์ ละครเวที ณ หอธรรม คอนเสิร์ตที่เชิญศิลปินมาแสดงค่าใช้จ่ายที่เด็กๆจะต้องระดมทุนและหาสปอนเซอร์…เด็กๆดูแลเองทุกอย่าง มีการขายบัตรเข้าชมงานกว่า 20,000 ใบ โดยเด็กๆจะเป็นผู้ดูแลจัดคิว รวมทั้งการวางผังทางเข้า-ออก ภายในวันงานที่ต้องเน้นความปลอดภัย แม้จะมีผู้เข้าชมในวันงานหลักหมื่นๆ เด็กๆก็สามารถจัดการได้ดีมาก ภายในงานเรียบร้อยค่ะ

 

BCC’s Characters ล้วนปลูกฝังจากการทำกิจกรรม ได้แก่

1. สร้างความเป็นผู้นำ

2. การอยู่ร่วมกับผู้อื่น

3. มีความมั่นใจ

4. เอาชนะ(ใจ)ผู้อื่น

5. การสร้างความสนุกสนาน

6. การเสียสละเพื่อส่วนรวม

7. การเเก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

 

 ที่โรงเรียนมีสนามกีฬาและโรงยิมหลายจุด รวมไปถึงสระว่ายน้ำขนาดมาตรฐาน ให้ได้ปล่อยพลังกันเต็มที่

 

แข่งปาจรวด

 

ห้องสมุดของโรงเรียน เรียนรู้ ดูหนัง ฟังเพลง เล่มเกมส์ ร้องคาราโอเกะได้ด้วยนะ

 

 การทำกิจกรรม ได้ หรือ ไม่ได้รางวัล ทุกคนได้เท่าๆกันคือ “ประสบการณ์”

 

 โรงอาหารขนาดใหญ่ รองรับนักเรียน ได้เต็มที่

 

กิจกรรมยิ่งมาก ยิ่งดี?

ถูกต้องค่ะ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมภายในโรงเรียนหรือกิจกรรมการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ วิชาการ หรือ ตามความถนัด

ล้วนก็เป็น PORTFOLIO ที่ดีสำหรับเด็กๆในการยื่นให้มหาวิทยาลัยต่างๆ (เริ่มเก็บตอน ม.4) “การเก็บพอร์ท” นี้จะช่วยให้คณะกรรมการได้มองเห็นถึงความเป็นตัวตนของเราอีกทั้งยังช่วยสะท้อนให้เห็นถึงความรู้ ความสามารถ ทักษะที่มี กิจกรรมที่เคยเข้าร่วม รวมถึงการมีโอกาสได้รับรางวัลต่าง ๆ อีกด้วย (a prize is a plus) และที่โดดเด่นเหนือสิ่งอื่นใดคือ กิจกรรมสร้างความรักและสามัคคี ระหว่างระบบพี่น้องเข้มแข็งมาก จากรุ่นสู่รุ่น จน BCC เป็นเครือข่ายที่ยิ่งใหญ่

 

BALANCE :

BCC เป็นโรงเรียนชายล้วนขนาดใหญ่ที่มีนักเรียนร่วม 6,000 กว่าคน หลายคนอาจจะนึกถึงภาพความโกลาหลในโรงเรียน

เปล่าเลยค่ะ เด็กๆใช้ชีวิตในโรงเรียนอย่างปกติสุขตามสไตล์เด็กผู้ชาย โรงเรียนมีเคล็ดไม่ลับ คือ “เพราะความยืดหยุ่น คือ คำตอบ”

ให้อิสระทางความคิด เด็กๆได้โอกาสออกความคิดเห็นผ่าน “สภานักเรียน” ทางโรงเรียนจะส่งโจทย์ให้พี่ ม. ปลายคิด = นั่นคือการ “ทดลองคิด” คิดกฏเกณฑ์ กติการ – สื่อสาร ยอมรับ เช่น การไว้ทรงผม ทำสีผม ระเบียบรองเท้านักเรียน และการแต่งชุดไปรเวทวันอังคาร…แม้จะไม่ถูกใจเด็กๆ ทุกคน หรือจะขัดใจคุณครูอยู่บ้าง จุดที่พบกันตรงกลาง คือ ความสำเร็จค่ะ เพราะอัตลักษณ์อย่างแรกของโรงเรียนคือ การเป็นผู้นำที่ต้องคิดเป็น วิเคราะห์ได้

 

Life Skills : ฝึกเด็กจากประสบการณ์และสิ่งรอบตัว

ไม่มีสิ่งไหนเรียนรู้ได้ดีเท่าประสบการณ์ ผ่านการ coaching และการใช้จิตวิทยาที่เหมาะสมกับวัย การเติบโตได้อย่างดีจะอาศัยเพียงบางองค์ประกอบไม่ได้ แต่ต้องเป็นการร่วมมือของทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิดค่ะ ทั้งเครือข่ายผู้ปกครอง ศาสนกิจ หลักคำสอนคริสตศาสนา เป็นภูมิคุ้มกันทางชีวิต งานแนะแนว : กิจกรรมโฮมรูม โครงการคลินิกให้คำปรึกษา โครงการผู้ให้คำปรึกษารุ่นเยาว์ โครงการอาชีพสัญจร โครงการพี่พบน้อง โครงการนักขายวัยทีน เป็นต้น (จากทั้งหมดเกือบ 30 โครงการ) กิจการนักเรียน สภานักเรียน เพราะหน้าที่ในการเป็นผู้รับ ผู้ให้ ผู้นำ ผู้ตาม เป็นหน้าที่ของฝ่าย ร่วมเติบโตอย่างสมวัยและออกเดินทางไปพร้อมกับเด็กๆ

อาจารย์วราภรณ์ ทรัพย์สมบูรณ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการและมาตรฐานคุณภาพ ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการ และ ผู้จัดการ

 

Mommy Like This !

Start ป.1 วิ่งยาวถึง ม.6 (12 ปีไปเลยค่ะ) ผ่าน 12 ไปปีไป คุณแม่จะเห็นผลิตผลของ BCC CHARACTERS & SPIRIT ที่ทำให้พวกเขาคือพวกเขาจริงๆ

เด็กๆจะมีความสุข ลูกๆจะอยากไปโรงเรียน เพราะที่นี่คือ School of Happiness

ความรู้เปลี่ยน วิทยาการเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน โลกเปลี่ยน โรงเรียนเปลี่ยนเพื่อให้ดียิ่งกว่าเก่า

เดินทางสะดวก มาเรือ มารถไฟฟ้า มาทางราบ แม้จะติดขัดบางช่วงเวลาแต่มีทีมผู้ปกครองอาสาเป็นจราจรอำนวยความสะดวกให้อยู่นะคะ

โรงเรียนไม่ใช่กรอบ แต่โรงเรียนให้พวกเรา “ช่วยกันสร้างกรอบในแบบของ BCC ครับ”

 

โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ค่าเทอม

อัตราค่าธรรมเนียมการศึกษา ( ปี พ.ศ.2567 )

ประเภทสามัญศึกษา (ราคาไม่รวมค่าธรรมเนียมอื่นๆ 1 ปีการศึกษามี 2 เทอม )

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 6 ประมาณ 18,000 – 20,000 บาท ต่อเทอม

English Program (EIP)

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 6 ประมาณ 113,000 – 143,300 บาทต่อเทอม

หลักสูตร 3 ภาษา หรือ Global Program ( เริ่มปีการศึกษา 2567)

กรุณาติดต่อทางโรงเรียนโดยตรง

 

ที่อยู่

โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย

35 ถนนประมวญ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500

อีเมลล์ : [email protected]

โทร. +66(0)2-637-1852

แฟ็กซ์. +66(0)2-637-9399

http://www.bcc.ac.th/2019/

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข , ภูเบศ บุญเขียว

    สเปรย์ฉีดหมอน

    รีวิว สเปรย์ฉีดหมอน ออร์แกนิค กำจัดไรฝุ่น 100% หอมละมุน หลับสบาย

    รู้หรือไม่คะว่า สเปรย์ฉีดหมอน เป็นไอเท็มที่ช่วยเบาแรงเวลาที่คุณแม่ต้องอุ้มกล่อมลูกน้อยเป็นเวลานานได้ เพราะกลิ่นหอมอ่อนๆ จากธรรมชาติ ช่วยกระตุ้นการนอนหลับ จึงทำให้ลูกน้อยหลับง่าย สบาย และยาวนาน

    เพราะการนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดีของลูกน้อย หากลูกนอนหลับช่วงกลางคืนไม่เพียงพอ โกรทฮอร์โมนจะทำงานได้ไม่เต็มที่อาจทำให้ลูกไม่เติบโตตามวัย และส่งผลต่อพัฒนาการด้านต่างๆ ทั้งด้านอารมณ์ ร่างกาย และสมองของลูก ทำให้ไม่ร่าเริงแจ่มใส ไม่กระฉับกระเฉง ความจำไม่ดี เรียนรู้ได้ช้าลง คุณแม่จึงไม่ควรมองข้ามความสำคัญของการนอนหลับที่เพียงพอตั้งแต่เด็ก

    หากบ้านไหนที่ลูกน้อยนอนหลับยาก ลองมาดูรีวิว สเปรย์ฉีดหมอน Master Rabbit Twinkle Spray โดยทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids กันก่อนค่ะ

    นวัตกรรม สเปรย์ฉีดหมอน ช่วยลูกน้อยนอนหลับอย่างมีคุณภาพ

    • กลิ่นหอมจากธรรมชาติ ช่วยให้ผ่อนคลาย นอนหลับง่าย หลับสนิท ยาวนาน
    • ช่วยกำจัดไรฝุ่น 100% สาเหตุของโรคภูมิแพ้
    • กำจัดเชื้อโรคบนของเล่น และเครื่องใช้ต่างๆ ได้ถึง 99%
    • เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยสารสกัดออร์แกนิค ที่ผ่านการรับรอง ECOCERT
    • ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว ไม่มีพาราเบน สารกันเสีย การแต่งกลิ่นสังเคราะห์ ฟอร์มัลดีไฮด์ พาทาเลต สเตียรอยด์ และไม่มีแอลกอฮอล์
    • สเปรย์ที่ใช้ฉีดได้ทั้งหมอน ที่นอน ผ้าห่ม ผ้าม่าน ชุดนอน ของเล่น เฟอร์นิเจอร์ที่ทำด้วยผ้า

    Amarin Baby & Kids คัดเลือกให้ สเปรย์ฉีดหมอน Master Rabbit Twinkle Spray ได้รับรางวัล BEST INNOVATIVE NATURAL PILLOW SPRAY 2023

    สูตรส่วนผสมจากธรรมชาติ อ่อนโยน ปลอดภัย ใช้ได้ตั้งแต่วัยแรกเกิด

    • น้ำแร่บริสุทธิ์ สเปรย์น้ำแร่ที่มีเกลือแร่และแร่ธาตุที่หลากหลาย มีประโยชน์ต่อผิว และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองเมื่อสัมผัสกับผิว
    • ดอกคาโมมายล์ ออร์แกนิก เป็นสมุนไพรที่นิยมตั้งแต่เมื่อ 1,000 ปีก่อน ด้วยคุณสมบัติ ช่วยให้สงบ ผ่อนคลาย และนอนหลับสบาย
    • เมทิลโพเพนไอดอล ช่วยสร้างสมดุลให้บรรยากาศรอบข้าง
    • ดอกลาเวนเดอร์ ออร์แกนิก ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น หลับง่ายขึ้น
    • ลูกพลับญี่ปุ่น ช่วยระงับกลิ่นไม่พึงประสงค์ ขจัดไรฝุ่น และแบคทีเรีย
    • ดอกวานิลลา ให้ความหอมสดชื่น ช่วยให้หลับลึก ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อโรค และไรฝุ่น

    เชื่อถือได้ด้วยงานวิจัยและใบรับรองมาตรฐาน

    • ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมออร์แกนิคจาก ECOCERT จึงมั่นใจได้ว่า ใช้ส่วนประกอบที่มาจากธรรมชาติ ออร์แกนิก ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
    • ผ่านการทดสอบจากศิริราชให้การรับรองว่ามีประสิทธิภาพกำจัดไรฝุ่น 100%
    • ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียจากมหิดลให้การรับรองว่า กำจัดยับยั้งแบคทีเรียได้ถึง 99.99%
    • ได้รับการรับรองจากอย. ประเทศไทยในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอกร่างกาย

    Master Rabbit Twinkle Spray ถือเป็นนวัตกรรม สเปรย์ฉีดหมอนสูตรส่วนผสมจากธรรมชาติ ที่ไม่เพียงช่วยให้การนอนหลับที่ดี แต่ยังช่วยกำจัดไรฝุ่น อันเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพยับยั้งเชื้อโรคได้ด้วย ที่สำคัญผ่านการรับรองมาตรฐานมีจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ คุณแม่จึงอุ่นใจและมั่นใจได้ในความปลอดภัยต่อลูกน้อย ทีมบรรณาธิการ พิจารณาแล้วว่าเข้าตามหลักเกณฑ์ในสาขา Innovation ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณแม่ยุคใหม่ เพื่อช่วยให้คุณแม่ดูแลลูกน้อยได้อย่างเหมาะสม และยังเป็นคุณแม่ที่มีความสุขไปพร้อมทั้ง Intentionการเป็นนวัตกรรมที่ได้รับการประดิษฐ์ คิดค้น และสร้างสรรค์ใหม่ที่สร้างขึ้นให้ใช้งานได้จริง Intiative นวัตกรรมสำหรับแม่ลูกที่เกิดจากไอเดียใหม่ และ Invaluable นวัตกรรมสำหรับแม่ลูกที่มีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์จริง

    Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ สเปรย์ฉีดหมอน Master Rabbit Twinkle Spray ได้รับรางวัล BEST INNOVATIVE NATURAL PILLOW SPRAY 2023 สาขา Innovation จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023”

    สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดีๆ ของผลิตภัณฑ์ Master Rabbit สามารถติดตามได้ที่

    👉https://masterrabbitthailand.com

    🛒https://www.facebook.com/masterrabbitthailand

    🛒https://shopee.co.th/masterrabbitthailand

    🛒https://www.lazada.co.th/shop/master-rabbit

    🛒https://shop.line.me/@masterrabbit

     

     

      Mark For Future

      Mark For Future Kindergarten โรงเรียนอนุบาลและประถมแบบ 2 ภาษา เอกดนตรีแห่งแรกของประเทศไทย

      When we groove, we improve! สมัยนี้คงปฏิเสธไม่ได้ ว่าใครๆก็อยากให้ลูกเรียนดนตรี เพราะการเรียนดนตรีตั้งแต่เด็กจะช่วยพัฒนาสมองให้เจริญเติบโต ทั้งเรื่องความจำ,อารณ์ต่างและยังช่วยพัฒนาร่างกายหลายๆด้านอีกด้วย ถ้ามีโรงเรียนที่เน้นสอนดนตรีให้กับเด็กในชั่วโมงเรียนเลยก็คงจะดีทีเดียว

      วันนี้ School Visit จะพามาเยี่ยมชม โรงเรียน Mark For Future Kindergarten โรงเรียนเอกดนตรีแห่งแรกของประเทศ ที่เด็กๆจะได้เรียนดนตรีทุกรูปแบบและทุกๆวัน อีกด้วย

      โรงเรียน Mark For Future Kindergarten

      ตั้งอยู่ย่านทวีวัฒนา บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่  เปิดทำการสอนมากว่า 10 ปี โดยเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาล ,อนุบาลและชั้นประถม ปัจจุบันมีนักเรียนทั้งโรงเรียนเพียง 120 คน โดยแต่ละห้องรับไม่เกิน 15 คน เพื่อให้เด็กๆทุกคนได้รับการดูแลแบบใกล้ชิด ตามจุดประสงค์ของผู้อำนวยการ คุณพงษ์ธนธรณ์ ศรีทองกุล ผู้อำนวยการโรงเรียน หรือครูแอล ของเด็กๆ ที่สั่งสมประสบการ์ณด้านดนตรีมากมายจากทั่วโลก

      ที่โรงเรียน Mark For Future เด็กๆจะได้เรียนรู้เพลงและดนตรีตลอดเวลา เพราะทุกวิชาจะสอดแทรกดนตรี เพื่อเป็นสื่อในการสอน ให้เด็กๆสนุกและมีความสุขตลอดเวลา ได้เรียนทั้ง กีตาร์ เบส กลอง เปียโน ร้องเพลง เต้น และอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้โรงเรียนยังมุ่งมั่นที่จะมอบสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมนักเรียนให้รู้จักสำรวจ สงสัย และหาคำตอบด้วยตนเอง ส่งเสริมความรักในการเรียนรู้และพัฒนาทางสังคมและอารมณ์ สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับทางด้านวิชาการในอนาคต และยังเน้นการใช้ภาษาอังกฤษสำหรับเด็กๆ โดยเด็กๆจะได้เรียนภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติ (Native) จากประเทศอังกฤษ ในหลากหลายวิชาอีกด้วย

      Mark For Future Mark For Future

      บรรยกาศอาคารเรียนด้านนอกที่เน้นสีสันสดใส
      ส่วนโถงต้อนรับภายในเต็มไปด้วยเครื่องดนตรีมากมาย กระตุ้นให้เด็กๆอยากเรียนรู้

       

      เตรียมอนุบาล อนุบาล  ( Preschool )

      เน้น Active Learning โดยเรียนรู้ผ่านการเล่น และใช้ดนตรีเป็นสื่อในการสอน ทุกๆวันเด็กจะได้เรียนดนตรีวันละ 1 คาบ และเรียนรู้เครื่องดนตรีแต่ละชนิดแตกต่างกันไปในแต่ละวัน นอกจากห้องเรียนดนตรีแล้ว ยังมีห้องแดนซ์ สำหรับเรียนบัลเล่ต K-Dance ,K-pop และอื่นๆ เมื่อจบปีการศึกษาเด็กๆจะได้ร่วมตั้งวงดนตรีของตนเองเพื่อจัดคอนเสิร์ต และสามารถเลือกว่าตนเองอยากเล่นตำแหน่งอะไร ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้การทำงานแบบ Team Work โดยมีคุณครูคอยสังเกต ว่าเด็กคนไหนถนัดอะไร ควรเสริมอะไร นอกจากสังเกตเป็นรายบุคคลแล้ว คุณครูยังดูภาพรวมของห้อง เช่น ห้องนี้เรียนเด็กชอบเล่นเปียโนและเก่งกันเกือบทั้งห้อง ทางโรงเรียนก็จะเพิ่มคาบเรียนเปียโนจาก 1 คาบเป็น  2 คาบ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับนักเรียน  สำหรับเด็กอนุบาล 3 จะได้มีโอกาสไปเล่นดนตรีโชว์ที่ต่างประเทศ ทั้งประเทศญี่ปุ่นและสิงคโปร์ เพื่อฝึกความกล้าแสดงออกในที่สาธารณะ เมื่อเด็กๆต้องขึ้นเวทีที่ไหนก็ไม่มีตื่นกลัว นอกจากวิชาดนตรีแล้วทางโรงเรียนก็ยังมีวิชาอื่นๆตามหลักของกระทรวงศึกษาธิการและมีกิจกรรมมากมายเพื่อเสริมทักษะ ทั้ง Cooking วิทยาศาสตร์ ศิลปะ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน เป็นต้น

      Mark For Future Mark For Future

      วิชาพละ เด็กๆจะได้เรียนเตะฟุตบอลกับโค้ชต่างชาติ ( Native )ที่จบทางด้านฟุตบอลโดยตรง และได้ทำกิจกรรมมากมายเพื่อเสริมสร้างทักษะและกล้ามเนื้อต่างๆ

      Mark For Future

      เด็กๆเตรียมอนุบาล ทำกิจกรรมกันอย่างสนุกสานาน

      Mark For Future Mark For Future Mark For Future

      คลาสเรียนวิทยาศาสตร์ เน้นให้เด็กๆได้ทดลองทำด้วยตนเอง

      Mark For Future Mark For Future

      คลาสดนตรีและคลาสเต้นของเด็กอนุบาล

      Mark For Future Mark For Future ห้องเรียน MINI ที่จำกัดนักเรียนแค่ 5 คนต่อห้อง

      ประถมศึกษา ปีที่ 1-6 ( Primary School )

      สำหรับชั้นประถมจุดเด่นคือแต่ละห้องเรียน จะมีเด็กนักเรียนไม่เกิน 15 คน  ทำให้คุณครูสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง หลักสูตรการเรียนการสอนเน้น คิด วิเคราะห์ แยกแยะ และวิชาการ 8 กลุ่มสาระ นอกจากนี้ยังมีเรียนหลักสูตร โรบอทและSTEAM  โดยสอนเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อฝึกกระบวนการคิดค้นหาตัวเองตั้งแต่วัยประถม ส่วนวิชาวิทยาศาสตร์เน้นทดลองและลงมือทำด้วยตนเองเด็กๆจะได้เรียนทั้ง Cubelets & Robotics,  Digital Art  Match & Engineering, Coding Lego Robots และการ Coding ทำให้เด็กสนุกในการเรียนและไม่เบื่อ

      ส่วนวิชาดนตรีเป็นแบบ Major Minor  เด็กๆสามารถเลือกเรียนตามความสนใจ เลือกเครื่องดนตรีที่ตนเองชอบได้ นอกจากเรียนดนตรีแล้ว ที่โรงเรียนยังสอนเรื่อง Sound Engineer ,Music Engineering  และ Backstage ต่างๆ ให้กับเด็กๆด้วย โดยใช้หลักสูตรดนตรี จากTrinity College London  ที่เป็นบอร์ดสอบดนตรีสากลจากสหราชอาณาจักร โดยมีการสอบวัดระดับมาตรฐานทางดนตรีเทียบกับหลักสูตรของสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป ในสาขาวิชาดนตรี เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีทิศทาง สามารถวัดผลการเรียนรู้ได้อย่างชัดเจนและมีมาตรฐานสากล ผู้สอบจะได้รับประกาศนียบัตรรับรองที่เป็นมาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับในสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป และประเทศอื่น ๆ กว่า 50 ประเทศประเมินตามเกณฑ์ ของ Trinity โดยมีผู้เชี่ยวชาญ จาก Trinity มาประเมินเด็กด้วยตนเอง เมื่อจบการศึกษาแล้วสามารถเรียนต่อทางด้านดนตรีที่ต่างประเทศในเครือข่ายของ Trinity College London  ได้อีกด้วย

      นอกจากนี้ทางโรงเรียน ยังก่อตั้งวงดนตรี MFF ASA85 ซึ่งเป็นวงดนตรีเยาวชนจิตอาสา ก่อตั้งขึ้นในปีที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 85 พรรษา เพื่อส่งเสริมการทำความดีตอบแทนสังคมตามรอยเบื้องพระยุคลบาทสืบไป โดยเด็กๆจะได้จัดแสดงคอนเสิร์ตเพื่อการกุศล เพื่อนำเงินไปซื้อเสื้อเกราะให้ทหาร ทำให้เด็กได้ฝึกฝนในการแสดงดนตรีและยังเรียนรู้ที่จะเป็นจิตอาสาที่ดี ทำดีเพื่อสังคมต่อไป

      Mark For Future

         บรรยากาศห้องเรียนเด็กประถม

      Mark For Future Mark For Future ห้องเรียนวิทยาศาสตร์เด็กประถม

      Mark For Future Mark For Future

      ห้องเรียน Coding Lego Robots

       

       อุปกรณ์การเรียนครบครัน และทันสมัย

       Mark For Future Mark For Future Mark For Future

      ห้องอัดเสียง ห้องคอนเสิร์ต และห้องเรียนแต่งเพลง

      Mark For Future Mark For Future

      ทุกห้องเรียนอัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์ดนตรี เด็กๆจะได้ใช้เครื่องดนตรีแบบ 1:1

        Mark For Future

      แม้แต่ห้องรับประทานอาหารก็ยังมีเครื่องดนตรี สมกับที่เป็นโรงเรียนดนตรีจริงๆ

      Mark For Future

      คุณพงษ์ธนธรณ์ ศรีทองกุล (ครูแอล) ผู้อำนวยการโรงเรียน

      Mommy’s Love This ! ถูกใจแม่

      1.ผู้อำนวยการรู้จักเด็ก รู้จักผู้ปกครองทุกคน เอาใจใส่และดูแลเด็กแบบใกล้ชิด เปรียบเสมือนคนในครอบครัว

      2.ใครอยากเรียนเสริมดนตรีหรือวิชาอื่นๆหลังเลิกเรียน ไม่ต้องไปไหนไกล เรียนที่โรงเรียนได้เลยเพราะที่นี่มีคลาส After School มากมาย ทั้งเปียโน กลอง อูคูเลเล่  บัลเล่ต์ ศิลปะ ภาษาจีน ไอทีต่างๆ ในราคาพิเศษ

      3.กลองชุด ที่เด็กๆใช้เรียน ทางโรงเรียนสั่งทำพิเศษแบบหลากหลายสี ให้เด็กๆเลือกสีที่ตัวเองชอบในแต่ละคลาสเรียน เพื่อกระตุ้นให้เด็กๆอยากเรียนเพิ่มขึ้น และยังแสดงถึงความเข้าใจและใส่ใจเด็กๆได้เป็นอย่างดี

      4.โรงเรียนเชคค่าฝุ่นทุกวัน เพื่อวางแผนการเล่นเอาต์ดอร์ของเด็กๆ และในห้องเรียนมีเครื่องฟอกอากาศทุกห้อง

      5.พื้นฐานด้านดนตรีแน่น สามารถเรียนต่อด้านดนตรีได้แบบสบายๆ

      6.มี Workshop จากเหล่านักดนตรี นักร้องมืออาชีพชื่อดัง มาช่วยสอนและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆอยู่เสมอ เช่น พี่โต๋ ศักดิ์สิทธิ์

      7.ค่าเทอม สามารถเลือกจ่ายได้หลายแบบ ทั้งแบบรายเทอม รายปี หรือแบบชำระล่วงหน้า 2- 4 ปี ยิ่งชำระล่วงหน้ายิ่งมีส่วนลดเยอะ ถูกใจแม่มากๆ

      8.มีห้องเรียน Mini สำหรับเด็กที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ รับเด็กไม่เกิน 5 คนต่อห้อง เช่น เด็กที่มีพัฒนาการช้า หรือมีอาการแพ้หลายๆอย่าง

      9.วันประชุมผู้ปกครอง ผู้ปกครองแต่ละบ้านจะได้คุยแบบตัวต่อตัวกับครูแต่ละคน รวมถึงครูแอลผู้อำนวยการด้วย เพื่อปรึกษาแนวทางการพัฒนาลูกๆของตนเอง

      10.ทุกๆเทศกาล ทางครูแอล ผู้อำนวยการ จะแต่งเพลงใหม่ๆให้เด็กๆหัดเล่นหัดร้อง เพื่อเรียนรู้ถึงวัฒนธรรมนั้น นอกจากสนุกที่ได้เรียนรู้เรื่องเพลงแล้วยังได้ความรู้ไปในตัวอีกด้วย

      11.ที่โรงเรียนเด็กๆจะได้ทานอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ หิวเมื่อไหร่ทานได้ตลอด ทั้งนม ขนมและอาหาร เติมได้ไม่อั้นซึ่งราคารวมอยู่ในค่าเทอมแล้วด้วย

       

      อัตราค่าเล่าเรียน ปี 2567

      • ค่าเทอม 60,000 บาท ( รายเทอม )
      • ค่าแรกเข้า 20,000 บาท ( ราคายังไม่รวมค่าอาหาร )

      ( ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ สามารถสอบถามรายละเอียดได้กับทางโรงเรียน )

       

      ที่อยู่ Mark For Future Kindergarten School

      732 ซอย ทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก 15 แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10170

      LINE : markforfutureschool

      Tel. 061 386 6663

      Facebook : https://web.facebook.com/mffkindergarten

      MARK FOR FUTURE SCHOOL – เรียนรู้อย่างรวดเร็ว • ด้วยความสนุกสนาน • ผ่านขบวนการดนตรี

       

      Editor : แม่เลม่อน

      ภาพ :  อภินัยน์ ทรรศโนภาส


      อ่านต่อบทความโรงเรียนอื่นๆ น่าสนใจ คลิก ⇓

        eclampsia คือ

        ภาวะครรภ์เป็นพิษรุนแรง หรือ eclampsia คือ อะไร แม่ท้องต้องรู้ รับมือไว รักษาทัน!

        eclampsia คือ ครรภ์เป็นพิษที่รุนแรงจนมีอาการชัก ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เพื่อสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด สาเหตุเกิดจากอะไร จะสามารถป้องกันหรือรักษาก่อนคลอดได้หรือไม่ มาดูกันค่ะ

        ภาวะครรภ์เป็นพิษ เกิดจากสาเหตุใด

        สาเหตุของการเกิดครรภ์เป็นพิษยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด อาจเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันหรือฮอร์โมนต่อมไร้ท่อบางตัวหรือจากกรรมพันธุ์ สันนิษฐานว่าเกิดจากความไม่สมดุลกันระหว่างโปรตีนบางตัวที่สร้างขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์ ทำให้เกิดความผิดปกติของหลอดเลือดในสตรีมีครรภ์ ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถสร้างหลอดเลือดไปเลี้ยงรกได้เพียงพอ ทำให้บางส่วนของรกขาดเลือด เกิดการตายของเนื้อรกบางส่วนและมีการปล่อยสารที่ส่งผลให้หลอดเลือดหดตัว แต่มีข้อสมมติฐานว่า ครรภ์เป็นพิษเกิดได้จากสาเหตุดังนี้

        • รกทำงานผิดปกติ สารบางชนิดกระตุ้นให้หลอดเลือดหดตัวอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท
        • ภาวะโปรตีน หรือไข่ขาวรั่วออกมาปะปนอยู่ในปัสสาวะ
        • การฝังตัวไม่แน่นของรกบริเวณผนังมดลูก ทำให้ออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงทารกในครรภ์ไม่เพียงพอ เกิดการหลั่งสารพิษบางอย่างเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลเสียต่อแม่ตั้งครรภ์และลูก จนเกิดภาวะแทรกซ้อน
        • ภาวะครรภ์เป็นพิษพบได้ 5-10% ของการตั้งครรภ์ กลุ่มเสี่ยงคือ แม่ตั้งครรภ์ครั้งแรก แม่มีน้ำหนักตัวมาก แม่เป็นโรคเบาหวาน แม่มีประวัติความดันโลหิตสูง แม่ที่ตั้งครรภ์ตอนอายุเกิน 35 ปี หรือแม่อายุน้อยแต่เป็นครรภ์แรก

         

        5 อาการสำคัญของ ครรภ์เป็นพิษ

        • อาการบวมบริเวณใบหน้า มือ และเท้า
        • ทารกดิ้นน้อยลง
        • สายตาพร่ามัวและปวดศีรษะ โดยเฉพาะบริเวณท้ายทอย หน้าผาก โดยรับประทานยาแก้ปวดแล้วไม่ดีขึ้น
        • คลื่นไส้อาเจียน
        • จุกแน่นบริเวณลิ้นปี่หรือหายใจลำบาก หากอาการรุนแรงอาจมีอาการชักกระตุกทั้งตัว เกิดเลือดออกในสมองได้

        ภาวะครรภ์เป็นพิษในระยะเริ่มแรกนั้นจะไม่มีอาการภายนอกให้สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน แต่คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถทราบได้จากการรับการตรวจครรภ์อย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นควรจะสังเกตอาการของตัวเองไว้ก่อน หากมีภาวะเสี่ยงหรือคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการเหล่านี้ควรมาพบแพทย์ทันที

         

        pre eclampsia คือ และ eclampsia คือ อะไร

        ความแตกต่างของ Preeclampsia และ Eclampsia คือภาวะของอาการครรภ์เป็นพิษ ที่มีอาการตับทำงานผิดปกติและมีความดันเลือดสูงร่วมด้วย โดยภาวะครรภ์เป็นพิษมี 3 ระดับ ได้แก่

        • ครรภ์เป็นพิษที่ไม่รุนแรง (Preeclampsia)
        • ครรภ์เป็นพิษที่รุนแรง (Preeclampsia with severe features)
        • ครรภ์เป็นพิษที่รุนแรงจนมีอาการชัก Eclampsia คือ อาจทำให้ตับทำงานผิดปกติ หยุดทำงาน และมีการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ

        อันตรายของภาวะครรภ์เป็นพิษ

        หากครรภ์เป็นพิษชนิดที่รุนแรงมาก ๆ จะทำให้แม่และลูกเสี่ยงอันตราย ทำให้แม่เสียชีวิตได้ ส่วนทารกในครรภ์ ถ้าอายุครรภ์ใกล้คลอดเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 เด็กอาจคลอดก่อนกำหนด กรณีที่อายุครรภ์ยังน้อยอาจต้องยุติการตั้งครรภ์ ถ้าครรภ์เป็นพิษรุนแรงนาน ๆ อาจทำให้ทารกเติบโตช้า ตัวเล็ก และขาดออกซิเจน

        eclampsia คือ ครรภ์เป็นพิษ
        การพบหมอตามนัดทุกครั้ง ช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะครรภ์เป็นพิษที่รุนแรง

        วิธีป้องกันครรภ์เป็นพิษ

        • ครรภ์เป็นพิษมีสาเหตุไม่แน่ชัด หากฝากครรภ์เร็วก็สามารถตรวจร่างกาย ดูความเสี่ยง เช็คโรคประจำตัว และติดตามอาการของแม่ได้เร็ว เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้
        • เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ปรุงสุก สด สะอาด ปลอดภัย หลีกเลี่ยงการทานอาหารรสจัด เช่น เค็มจัด เพิ่มโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม ตับ หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง อาหารผัดน้ำมัน และอาหารทอด
        • ดื่มน้ำไม่น้อยกว่า 6-8 แก้วต่อวัน
        • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้านอนนาน ๆ ไม่ได้ ก็พยายามหาช่วงเวลางีบหลับระหว่างวัน
        • ออกกำลังกายตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
        • ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ห้ามสูบบุหรี่ และไม่ควรอยู่ใกล้สารเคมีอันตราย

        การรักษาครรภ์เป็นพิษ

        แพทย์จะประคับประคองแม่และทารกในครรภ์จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควรในการคลอด หากอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ขึ้นไป จะสามารถผ่าคลอดหรือเร่งคลอด เพื่อไม่ให้อาการครรภ์เป็นพิษรุนแรงขึ้น

         

        เมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์ควรรีบไปฝากครรภ์ให้เร็วที่สุด หมั่นสังเกตร่างกายอยู่เสมอ หากมีความผิดปกติให้พบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอย่างละเอียด ที่สำคัญ ควรไปโรงพยาบาลตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามการตั้งครรภ์


        เรื่อง : PETEPRIM’S MOM

        ขอขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลนครธน

         

        ครรภ์เป็นพิษเกิดจากอะไร ประสบการณ์ครรภ์เป็นพิษ ต้องยุติการตั้งครรภ์

        10 อาการผิดปกติ ตอนท้อง ที่แม่ควรรีบไปหาหมอ!

        อาการตั้งครรภ์ สัญญาณเตือนว่าท้อง อาการตลอด 9 เดือน มีแบบไหนบ้าง? เช็คเลย!!

          คําคมชีวิตคู่ สั้นๆ โดนๆ

          คัดมาเน้นๆ 50 คติสอนใจชีวิตคู่ คําคมชีวิตคู่ สั้นๆ โดนๆ เอาไปใช้ได้จริง

          คัดมาให้แบบเน้นๆ แคปชั่นคู่ชีวิต คติสอนใจชีวิตคู่ คําคมชีวิตคู่ สั้นๆ โดนๆ เอาไปใช้เป็นแคปชั่นขำๆ หรือเอาไปใช้ในชีวิตจริงก็ช่วยสร้างสีสันในชีวิตได้

          รวม 50 คติสอนใจชีวิตคู่ คําคมชีวิตคู่ สั้นๆ โดนๆ

          ใครว่าคำคม เป็นเพียงแค่แคปชั่นเท่ๆ ไร้สาระ แต่สำรับบางคนการได้มีอะไรมาเตือนสติ หรือช่วยให้หวนรำลึกความรักครั้งยังข้าวใหม่ปลามัน ก็อาจช่วยให้ความรู้สึกดี ๆ หวนกลับมา เติมเต็มความรักของเราสองให้กลับมาหวานชื่นดั่งเดิมได้เช่นกันค่ะ ทีมแม่ ABK จึงได้รวบรวม คําคมชีวิตคู่ สั้นๆ โดนๆ คติสอนใจชีวิตคู่ มาเพื่อเป็นข้อคิด สะกิดใจ ให้ความรักของคุณทั้งคู่ได้ทบทวนถึงความหลังเมื่อครั้งยังหวาน เตือนสติ แถมเพิ่มดีกรีความรักให้มากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย

          1. อย่ารอที่จะให้คนดี ๆ คนที่ใช่ เข้ามาในชีวิต แต่จงทำให้ตัวเองเป็นคนดี ๆ คนที่ใช่ ที่เดินเข้าไปในชีวิตใครสักคน
          2. เวลาที่เราบอกรัก ไม่ได้บอกเพื่อให้ได้ยินคำว่ารักกลับคืน แต่บอกเพื่อให้เธอรู้ว่ารักต่างหาก
          3. ความรักไม่ใช่สองคนต่างหาคนที่จะมาเติมเต็ม แต่มันคือ การที่สองคนเติมเต็มตัวเองเป็นแล้วมาร่วมเดินทางไปด้วยกัน
          4. ชีวิตคู่ อย่าใช้คำว่า “ทน” กับปัญหา ให้ใช้คำว่า “เรียนรู้..และแก้ไข” ไปด้วยกัน
          5. สุดท้ายความสำคัญของชีวิตคู่ มันไม่ได้สุดที่การแต่งงาน แต่มันคือความสุขจากความสัมพันธ์ ที่จะจับมือพากันไป จนแก่ด้วยกัน
          6. ทุกคนมีโอกาสที่จะได้มีชีวิตคู่ แต่จะมีสักกี่คนที่จะได้เจอคู่ชีวิต
          7. คนเราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ แต่ต้องไม่ลืมว่าที่ผ่านมามันสอนอะไรมาบ้าง
          8. คนรักกัน มันต้องมีบ้างที่ต้องทะเลาะผิดใจกัน แต่ท้ายที่สุดยังคิด…จะอยู่ด้วยกันอีกไหม? นั่นสำคัญที่สุด!!!
          9. ทะเลาะกันแค่ไหนก็ได้ แต่..อย่าปล่อยให้ค้างคา จนเรื่องมันข้ามคืน
          10. คนสองคนคบกัน…ทะเลาะกันต่อให้มีคำแนะนำ จากหลายคน ก็จะมีแค่คนสองคน ที่ต้องเคลียร์กันเอง
          11. ไม่ได้หวังจะเจอรักที่สมบูรณ์แบบ แค่หวังจะได้เจอรักที่ยอมรับในความ ไม่สมบูรณ์แบบของกันและกันได้ และรักในแบบที่ตัวเราเป็นเรา
          12. อย่ารอที่จะเห็น “คุณค่า” ของใคร ในเวลาที่ “สูญเสีย” เค้าไปแล้ว
          13. การตกหลุมรักน่ะง่าย สิ่งสำคัญกว่าคือการดำรงความรักนั้นไว้ต่างหาก
          14. สำหรับชีวิตคู่ อย่าพยายามทำทุกอย่าง คนเดียว
          15. ชีวิตคู่ไม่ได้แฮปปี้ทุกวัน ขอแค่ไม่ทอดทิ้งกันในวันที่ทุกข์ใจ
          16. อาจไม่เสมอต้นเสมอปลายนัก แต่ยังคงรักไม่เปลี่ยนแปลง
          17. ความลับของชีวิตแต่งงานที่มีความสุข คือ จงยอมรับผิดเมื่อคุณเป็นฝ่ายผิด แต่จงเงียบไว้เมื่อคุณเป็นฝ่ายถูก
          18. ชีวิตคู่ไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่างหรอก แค่คุณอยู่กับใครแล้วมีความสุข แค่นั้นก็พอแล้ว
          19. ความรักเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่จะมีสักกี่คนที่เดินเคียงคู่กันไปจนตลอดชีวิต
          20. ให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อนเวลาจะพรากไป ใส่ใจคนที่อยู่ข้าง ๆ กายก่อนที่จะไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ เรา
          21. เรื่องที่ทะเลาะกันส่วนใหญ่ก็เรื่องเดิม ๆ ถ้าไม่คิดจะปรับปรุงแก้ไข มันก็ไปกันไม่รอด
          22. ถ้ามัวแต่อุ้มอดีตไว้ แล้วจะเอามือที่ไหนไปคว้าอนาคต
          23. คนรักกัน ต้องยอมทิ้งพยศ ลดมานะ ละทิฐิ ทิ้งความเป็นเธอ ทิ้งความเป็นฉัน แล้วหลอมกันเป็นเรา
          24. “คู่ชีวิต” ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่สมบูรณ์ทุกอย่าง แต่ควรเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วทำให้รู้สึกว่า “ทุกอย่างสมบูรณ์”
          25. บอกรักกันในวันที่มีโอกาส เพราะไม่รู้ว่าเราจะจากกันวันไหน

          คําคมชีวิตคู่ สั้นๆ โดนๆ

          26 – 50 แคปชั่น คำคมชีวิตคู่ สั้นๆ โดนๆ

           

          1. หลงผิดยังมีโรงพัก หลงรักจะพักที่ไหน
          2. ถ้าอยากให้เขาดูแลแสดงว่า “เหงา” ถ้าอยากดูแลเขาแสดงว่า “รัก”
          3. กินอาหารก็ต้องรอคิว ถ้าอยากได้รักชิว ๆ ต้องมาหาพี่
          4. ทุกอย่างบนโลกนี้ดูยาก แต่ตกหลุมรักเธอ ทำไมง่ายจัง
          5. ถึงผมจะไม่ใช่พี่มาก แต่ผมก็รักพี่มากนะครับ
          6. ให้เบื่อง่าย ๆ คงยาก พอดีรักมากซะด้วย
          7. เลิกคุยทั้งอำเภอ หรือเพราะเธอไม่มีเน็ตกันแน่
          8. ถึงหน้าตาเราจะเกเร แต่เราไม่เทเธอแน่นอน
          9. สิ่งที่อยากได้คือใจ สิ่งที่ห่วงใยคือเธอ
          10. เราไม่ได้เลือกคนที่หน้าตา แต่เลือกคนที่พร้อมชราไปด้วยกัน
          11. เขียนโปรแกรมเจอแต่ bug แต่เจอเธอปั๊บ อยากจะรักเธอจังเลย
          12. เราอะหน้าเหมือนหมู แต่เนื้อคู่อะหน้าเหมือนเธอ
          13. ชื่อเราอาจจะไม่เพราะ แต่เราเหมาะกับนามสกุลเธอนะ
          14. วาเลนไทน์มีวันเดียว แต่รักเธอคนเดียวอะมีทุกวัน
          15. ฝนตกเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ผมรักคุณมากเป็นเรื่องพิเศษ
          16. เรื่องบางเรื่อง อาจไม่ได้ผ่านไปด้วยดี เเต่มันดีตรงที่ว่า…เราผ่านมันมาด้วยกัน
          17. อดีตเป็นไง ไม่สำคัญ … แต่ปัจจุบันขออยู่เคียงข้างเธอ
          18. ก้าวแรกว่าสำคัญ แต่ก้าวไปด้วยกันสำคัญกว่า
          19. อย่าลดคุณค่าของตัวเอง เพื่อพิสูจน์คำว่า…รักแท้
          20. มันไม่สำคัญว่าใครทำให้คุณเจ็บปวด แต่ที่สำคัญคือใครทำให้คุณยิ้มได้อีกครั้ง
          21. อย่าหลงระเริงกับคำว่ารักแค่เพียงลมปาก แต่ต้องดูที่การกระทำของคนที่พูดว่ารักด้วย
          22. ที่สุดแล้วความรักไม่ได้ต้องการความหรือหวาน แต่ต้องการแค่เพียงความเรียบง่าย เพื่อให้รักกันได้แบบสบายใจเท่านั้น
          23. คำว่าคนรักกันไม่ใช่คนที่จะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่หมายถึงคนที่จะอยู่เคียงข้างเราในเวลาที่เราต้องการ
          24. ไม่มีใครถูกใจใครได้หมดทุกอย่าง จงรับข้อเสียของกันและกันให้ได้
          25. ชีวิตคู่ไม่ได้แฮปปี้ทุกวัน ขอแค่ไม่ทอดทิ้งกันในวันที่ทุกข์ใจให้อภัย และเข้าใจชีวิตคู่ควรมี

          ทั้งนี้ทั้งนั้นการใช้ชีวิตคู่ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคุยกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ พฤติกรรมทางการกระทำต่างๆ อย่าคาดหวังว่าคนรักของคุณจะเข้าใจคุณทุกเรื่อง คุณควรบอกคนรักของคุณให้ชัดเจนว่าคุณต้องการอะไรต้องการให้เขาหรือเธอทำอะไร และบอกอย่างมีศิลปะ เพราะวิธีการบอกของคุณจะมีผล มาต่อการกระทำของเขาหรือเธอ เมื่อคุณทั้งสองรู้ความต้องการของกันและกันแล้ว ต้องพยายามที่จะตอบสนองความต้องการของการและการให้ได้อย่างเหมาะสม และควรตระหนักว่าคนรักของคน คือบุคคลที่ควรจะเอาใจใส่และถนอมน้ำใจมากที่สุด การมีวุฒิภาวะที่เพียงพอ ตลอดจนมีการเติบโตทางอารมณ์และความคิด รวมทั้งการมีความใส่ใจและความเข้าใจความรู้สึกของคนรัก จะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ความรักของคุณเติบโตและเข้มแข็ง

          การเปิดเผยตนเองจะสามารถตอบสนองความต้องการของกันและกันได้มากขึ้น โดยมีวิธีปฏิบัติและแง่คิดที่จะช่วยให้คุณสามารถตอบสนองความต้องการของการได้ดังนี้

          1. บอกความต้องการของกันและกันอย่างตรงไปตรงมา
          2. ถามความต้องการของคนรักให้ชัดเจน
          3. ตอบสนองความต้องการของกันและกัน
          4. แสดงให้คนรักรู้ว่าคุณแคร์และเห็นคุณค่าของสิ่งที่ทำให้มากเพียงใด
          5. เรียนรู้และพยายามกระทำในสิ่งที่คนรักชอบและหลีกเลี่ยงในสิ่งที่คนรักของคุณไม่ชอบ

          อย่างไรก็ตามสิ่งที่ควรคำนึงถึงคือทำอย่างไรที่จะตอบสนองความต้องการของกันและกันให้มากที่สุด เพื่อให้คุณทั้งสองจะได้มีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขนั่นเอง


          อ่านต่อบทความอื่นๆ น่าสนใจ

            โรงเรียนนานาชาติ KMIDS โรงเรียนแห่งนวัตกรรม ระบบอเมริกันชั้นนำ

            โรงเรียนนานาชาติ KMIDS หรือ โรงเรียนสาธิตนานาชาติ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โรงเรียนนานาชาติ Science and Tech แห่งแรกของประเทศไทย

            พาทัวร์ โรงเรียนนานาชาติ KMIDS
            โรงเรียนแห่งนวัตกรรม ระบบอเมริกันชั้นนำ

            School Visit วันนี้ ทีมแม่ ABK ขอพาทุกท่านท่องไปในโรงเรียนมัธยมนานาชาติแห่งอนาคต King Mongkut’s Institute of Technology Ladkrabang International Demonstration School (KMIDS) หรือ โรงเรียนสาธิตนานาชาติ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง “The Master of Innovation” กันค่ะ

            โรงเรียนนานาชาติ KMIDS หรือ โรงเรียนสาธิตนานาชาติ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMIDS) ก่อตั้งโดย ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น Middle School (G6 – G8) และ High School (G9 – G12) เป็นโรงเรียนนานาชาติเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งแรกในไทยเลยก็ว่าได้ และยังเป็นโรงเรียนต้นแบบที่เตรียมความพร้อมให้นักเรียนเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ในสายวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และอุตสาหกรรมการบินนานาชาติทั้งในและต่างประเทศ รองรับเด็กรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ พร้อมรับมือกับทุกการเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นสุดยอดผู้นำและกลายเป็นนักขับเคลื่อนนวัตกรรมในอนาคต

            โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

            โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

            โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

            โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

            อาคารเรียนถูกออกแบบภายใต้แนวคิดที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง รูปทรงทันสมัยเข้าหลักสูตรและเด็กในยุคศตวรรษที่ 21

             

            Curriculum Overview ( ภาพรวมหลักสูตร )

            โรงเรียนใช้หลักสูตรตามระบบของประเทศสหรัฐอเมริกา ผสมผสานสาระการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของไทย และหลักสูตรสะตีมศึกษา (STEAM Curriculum) ใช้การศึกษาแบบองค์รวม โดยการรวมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ ศิลปะ และคณิตศาสตร์เข้าด้วยกันในทุกด้านของหลักสูตร เพราะเด็กรุ่นใหม่กำลังเติบโตในยุคที่ต้องใช้ Sciences and Technology Skills เช่น IT , AI ,CODING นอกจากนี้ยังมีวิชาศิลปะเป็นวิชาหลัก บูรณาการศิลปะในเชิงทักษะยุคใหม่ (Art ประยุกต์) โดยใช้เทคโนโลยีที่ช่วยส่งเสริมการคิดและการออกแบบ ผสมผสานเพื่อให้เกิดความสมดุลในการเรียนรู้ระหว่างศาสตร์และศิลป์ไปในตัว

            ที่ โรงเรียนนานาชาติ KMIDS เน้นการเรียนรู้แบบ Project-Based Learning และ Inquiry Based- Learning ซึ่งจะกระตุ้นให้เด็กๆถาม เรียนรู้ผ่านกระบวนการทำชิ้นงาน สำคัญมากๆ เพราะคือการ Develop ทั้ง Hard และ Soft Skills ไปในคราวเดียวกัน ในช่วงแรกในการออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอนได้พัฒนาร่วมกับ Carnegie Mellon University (CMU) ชัดเจนในด้านคอมพิวเตอร์และ AI จนปัจจุบันกลายเป็นทักษะที่จำเป็นไปแล้วสำหรับเด็กในยุคศตวรรษที่ 2

            โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

            ห้องเรียน STEM

            Project-Based Learning สร้างทั้ง Hard และ Soft Skills

            Middle School ( มัธยมต้น ) = ปูพื้นฐานให้แน่น

            นักเรียนส่วนใหญ่ที่เข้ามาเรียนที่ KMIDS จะมีเป้าหมายที่ชัดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เช่น อยากเรียนทางแพทย์ อยากเรียนสถาปัตย์ อยากไปต่อทางวิศวะ เด็กๆก็จะได้เรียนเกี่ยวกับ STEM ROBOTIC AI ตั้งแต่ชั้น G.7 (ม.1) ถึงแม้เด็กๆอาจจะไม่ได้ไปต่อทางด้านคอมพิวเตอร์โดยตรง แต่ “ทักษะ” จะติดตัวตลอดไปและสักวันเด็กๆก็จะได้ใช้ทักษะนั้น

             

            High School (ม.ปลาย) = ทะยานไปข้างหน้าอย่างแข็งแรง

            เน้นเตรียมความพร้อมให้นักเรียนตั้งแต่ขึ้น High School (G. 9-10) ผ่านการใช้ Career Test Preparation, ชั่วโมง Counseling, เชิญอาจารย์จากมหาวิทยาลัยและผู้เชียวชาญในสายวิชาต่างๆมาช่วยแนะแนวให้เด็กๆ, หรือแม้กระทั่ง Agency มหาวิทยาลัยต่างประเทศ เพราะช่วง ม.ปลายเป็นโอกาสในการที่จะช่วยเด็กๆค้นหาทางเลือกที่ใช่สำหรับพวกเขาจริงๆ

            นอกจากนี้ยังมี โครงการ KMITL Pathway – ค้นหาตัวเองด้วยประสบการณ์ตรง ที่จัดปีการศึกษาละ 2 ครั้ง (2 เทอม)

            เป็นโครงการที่พี่ ม.ปลาย (G.11-12) จะมีโอกาสได้ไปเรียนร่วมกับพี่ๆ มหาวิทยาลัย ( KMITL) เพื่อให้เด็กๆค้นหาตัวตนให้เจอ ว่า “ชอบ หรือ ไม่ชอบ” ถ้าใช่! โอกาสนี้จะเป็นไฟและแรงบันดาลใจของเด็กๆที่จะขับเคลื่อนตัวเองให้ไปถึงเป้าหมาย แต่ถ้าไม่ใช่! เด็กๆก็ยังมีโอกาสพลิกมาเลือกเรียนในสาขาวิชาชีพอื่นค่ะ เด็กๆจะได้ทำ “โปรเจคจบ” ในปีสุดท้ายเพื่อพิสูจน์ตัวเอง โดย สามารถประยุกต์องค์ความรู้ต่างๆ เพื่อไปตามแนวทางที่ตัวเองต้องการ

            บรรยากาศภายในห้องเรียนต่างๆ

             

            AP Courses (Advanced Placement)

            เด็กมัธยมปลายจะมีโอกาสได้เรียนในขั้นสูง (เนื้อหาในระดับมหาวิทยาลัย) สำหรับระดับ G.10 จะได้เรียน AP Courses บางวิชา ส่วนระดับ G11 และ G12 จะเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ได้เปรียบในการสอบสาขาเฉพาะทางหรือวิชาชีพที่ต้องการ เช่น แพทย์ วิศวะ ทันตะ สถาปัตย์ เป็นต้น ใช้เตรียมความพร้อมก่อนการเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา หรือถ้ามีคะแนนที่สูงเพียงพอก็สามารถใช้หน่วยกิต transfer เข้าไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้เลย (KMITL)

            เช่น AP Biology เพื่อเตรียมสอบ BioMedical Admission Test ( BMAT) = การสอบเฉพาะทางสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในสาขาการแพทย์ สัตวแพทย์ และทันตแพทย์

             

            Interaction leads to Future Soft Skills

            ทักษะทางสังคม (Soft Skills) คือสิ่งจำเป็นในศตวรรษที่ 21

            KMIDS ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมและแสดงความคิดเห็นของเด็กๆเป็นหลัก

            การนำรูปแบบ Project-Based Learning มาใช้ ทำให้บรรยากาศการเรียนสนุกเด็กๆจะเรียนเป็นกลุ่ม ช่วยกัน ทักษะที่ได้จากการทำงานกลุ่มเป็นสิ่งที่เด็กๆ สามารถนำไปใช้งานได้จริง จัดไปเลยค่ะ 7 สิ่ง

            – Critical thinking & Problem solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา)

            – Creativity & Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม)

            – Cross-cultural understanding (ทักษะความเข้าใจต่างวัฒนธรรม)

            – Collaboration, Teamwork & Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะความเป็นผู้นำ)

            – Communications, Information & Media literacy (ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ)

            – Computing & ICT literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร)

            – Career & Learning skills (ทักษะด้านอาชีพ และทักษะการเรียนรู้)tivity ทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งจะเอามาใช้ในการทำงานและการคิดแก้ปัญหา

            ชิ้นผลงานคือคำตอบแห่งการประยุกต์ทักษะต่างๆ

             

            การวัดผลเน้นพัฒนาการระหว่างทางเรียน

            การสอบเป็นการเขียนอธิบาย เพื่อจะได้เห็น “มุมมองและวิธีการคิด” ของเด็กๆ เช่น Essay ซึ่งจะมาพร้อมกับ Formative Assessment (การวัดผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน เข้าใจมาก-น้อยแค่ไหน) มากกว่าจะมาวัดกันที่ ถูกผิด แบบ Multiple choices (เพราะข้อที่ถูก คุณอาจจะเดาก็ได้)

             

            ห้องLab และ ห้องสมุดของโรงเรียน

            ห้องเรียนเปียโน

             

            RENWEB IS EVERYTHING

            ที่โรงเรียนมี ระบบ RENWEB ซึ่งเป็นระบบสื่อสาร Interactive แบบ 360 องศา บนคลาวด์แห่งอนาคต ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้ทั้งฝ่ายบริหาร ผู้ปกครอง นักเรียน และห้องเรียน รองรับการจัดการเรียนรู้ทุกประเภท รวมไปถึงงานหลังบ้านเช่น ระบบ Admissions, Enrollment, Scheduling, Student Billing, Lunchroom Management, ParentsWeb และ Mobile apps สำหรับคุณครู ผู้ปกครอง และนักเรียนทุกคนสามารถเข้าถึงบริการเต็มรูปแบบได้ทุกที่ทุกเวลา เช่น

            ระบบจะเตือนให้คุณครูประเมินผลการเรียน

            ผู้ปกครองสามารถเข้ามาดูผลการเรียน+ผลงาน และสามารถประเมินเด็กได้เช่นเดียวกับคุณครู

            ทุกคนสามารถเข้าถึง รายงานสุขภาพ, การเข้าชั้นเรียน, ตารางเรียน, Grade Book, Report Cards, Transcripts “ได้อย่างโปร่งใส”

            เด็กๆ ทำการบ้าน หรือ ส่งผลงานต่างๆผ่าน RENWEB เด็กๆ สามารถ Feedback ได้ (เดี๋ยวนี้กลายเป็นเด็กๆ ตามให้คุณครูมาคอมเมนต์นะคะ)

             

             

            BALANCE : วิชาเลือกแนวศาสตร์แห่งศิลป์

            ด้วยความที่วิชาหลักเป็น Science and Technology เพื่อไม่ให้เด็กๆตึงจนเกินไป วิชาเลือกแนว Life Skills และ Soft Skills จึงเป็นตัวบาลานซ์ให้ชีวิตมีความลงตัวค่ะ ตัวอย่างเช่น ภาษาที่ 3 อย่างภาษาจีน วิชาดนตรี เช่น เปียโน ไวโอลิน เครื่องสาย Ukulele , Soft Skills = Public Speaking , Social Science Study , Advanced AI (สำหรับกลุ่มที่อยากเจาะลึก)

            นอกจากนี้ ยังมี Club ต่างๆ ตามใจเด็กๆ เช่น ชมรมกีฬา ชมรมวิชาการ ชมรมกึ่งวิชาการ ชมรมตามความชื่นชอบ e.g. ปีนเขา งานฝีมือ เด็กๆ สามารถเสนอเข้ามาได้ (เขียน Proposal เข้ามา เพื่อจะได้ฝึกการเรียนรู้การจัดการเพื่อให้โครงการเกิดขึ้นจริง) เมื่อ Life Skill จะเกิด Collaborative Skill ก็มา ได้เรียนรู้ Leadership Skill ไปด้วยในตัวอีกด้วย

            Students’ Leisure Time

             

            หมั่นคอยดูแล และรักษาดวงใจ ( Student Academic Service )

            ทางโรงเรียนมีทีม Counseling Service และ ทีม Student Activity ซึ่งอยู่ในหน่วยงาน Student Academic Service จะคอยดูแลและ monitor เด็กๆทุกระดับ เพราะการมีระบบ RENWEB จะทำให้คุณครูสังเกตได้ง่ายขึ้นว่า เด็กๆคนไหนมีพฤติกรรมหรือพัฒนาการที่เปลี่ยนไป เหตุเพราะ เรื่องเรียน? สุขภาพ? ปัญหาส่วนตัว? ในกรณีที่เด็กมีปัญหา ต้องการความช่วยเหลือ จะมี Counseling Service จะคอยเป็นที่ปรึกษา หรือถ้าเด็กเรียนอ่อน ทีม Student Academic Support ก็จะพยายามช่วยเหลือ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในชั้นเรียน ส่วนเด็กที่เรียนเก่ง ทางหน่วยจะส่งเสริมให้เด็กพัฒนาศักยภาพให้โดดเด่น จัดเป็นหน่วยงานที่ Popular มาก เพราะเป็นพื้นที่สบายใจ เด็กๆจึงไว้วางใจ

             

            Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

            หลักสูตร Science and Tech ตอบโจทย์เด็กๆ KMIDS ที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจน

            เด็กๆ KMIDS ส่วนใหญ่ “ชวนกันเรียน”

            RENWEB ที่ทำให้ทุกคน เข้าถึง-รวดเร็ว-โปร่งใส-ตรวจสอบได้

            ความคิดเห็น ความร่วมมือ และพลัง Community ของผู้ปกครอง เป็นกำลังสำคัญช่วยให้ KMIDS ปรับปรุงพัฒนาให้สอดคล้องกับทั้งความต้องการของเด็กๆ อย่างแท้จริง

            KMIDS กำลังจะเปิดชั้นอนุบาล และประถมศึกษา ในอีก 2-3 ปี (เน้นไปในทาง Science and Technology เหมือนเดิมค่ะ)

            Career Test Preparation = แบบทดสอบวัดความถนัด วัด Aptitude ที่ถามอย่างละเอียด เด็กๆจะได้รู้ว่าจริงๆแล้วเราถนัดด้านไหนกันนะ?

             

            5 สิ่งที่ทำให้เด็กๆอยากมาโรงเรียนทุกวัน

            เพราะเลือกแล้ว จึงเป็นหลักสูตรที่ใช่ ชอบสายวิทย์ เชิญทางนี้ค่ะ

            เพื่อนๆ พูดภาษาเดียวกัน เพราะมีความชอบใกล้เคียงกัน

            Facilities ทันสมัย อุปกรณ์ตอบโจทย์ “The Master of Innovation” จินตนาการไม่เคยมีคำว่า “มากเกินไปที่ KMIDS

            Student Council สภานักเรียนที่มีส่วนสำคัญในการ “ร่วมตัดสินใจ” กับทางโรงเรียน

            Student Academic Service/Support ที่ monitor ทั้ง Head and Heart ของเด็กๆ

            โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

            ผศ.ดร.อำภาพรรณ ตันตินาครกูล ผู้อำนวยการโรงเรียน

            โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

            โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

            โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

            โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

            โรงเรียนนานาชาติ KMIDS

             

            อักตราค่าเล่าเรียนต่อปีการศึกษา ( ปีพ.ศ.2567 )

            G.6-8 : ปีการศึกษาละ 546,000 บาท (ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ)

            G.9-12 : ปีการศึกษาละ 567,000 บาท (ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ)

             

            ที่อยู่

            สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

            ที่อยู่: 1 ถนน ฉลองกรุง แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร 10520

            Admission and Marketing

            โทร .062-595-4222

            [email protected]

            Public Relations

            โทร .065-982-0427

            [email protected]

            www.kmids.ac.th

             

            Editor : แม่พลอยผิง

            ภาพ : นันทิยา บุษบงค์


            อ่านต่อบทความน่าสนใจ

              สังเกตให้ดี อาการแบบนี้ลูกเป็น โรคลมชัก หรือไม่? รู้ไว รักษาเร็ว ลดความเสี่ยง

              องค์กรอนามัยโลก (WHO) ร่วมมือกับองค์กรด้าน โรคลมชักสากล ได้กำหนดให้ จันทร์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ทุกปี เป็นวันโรคลมชักสากล โดยปี 2567 นี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 12 ก.พ. ค่ะ เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงการมีอยู่ของผู้ป่วยโรคลมชัก วิธีการรับมือเมื่อต้องเจอผู้ป่วย รวมถึงการอยู่ร่วมกับผู้ป่วยอย่างเข้าใจ การเป็น โรคลมชัก ในเด็ก มีความอันตรายอย่างไร เมื่อเป็นแล้วจะเกิดความเสี่ยงในด้านใด #กองบรรณาธิการABK ได้ขอข้อมูลจากคุณหมอกระต่าย ผศ. (พิเศษ) นพ. กุลเสฏฐ ศักดิ์พิชัยสกุล หัวหน้าหน่วยประสาทวิทยา สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี มาให้คำตอบในเรื่องนี้ค่ะ

              โรคลมชัก ในเด็ก
              WHO กำหนดให้วันจันทร์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ทุกปี เป็นวันโรคลมชักสากล โดยมีสีม่วงเป็นสัญลักษณ์เพื่อความตระหนักถึงการมีอยู่ของผู้ป่วยโรคลมชัก

              สังเกต โรคลมชัก หรือ แค่อาการชัก ในเด็ก เป็นอาการที่พบบ่อย โดยจะแบ่งเป็น

              • อาการชักจากการเป็นไข้ โดยจะเป็นเพียงช่วง 6 เดือน – 5 ปี เมื่อโตขึ้นจะสามารถหายได้เอง
              • อาการชัก 1 ครั้ง และไม่มีไข้ อาจเป็นภาวะหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเริ่มสังเกตลูก
              • อาการชักมากกว่า 2 ครั้งขึ้นไป อาจเป็นโรคลมชัก ควรรีบพาไปพบคุณหมอ เพื่อตรวจและรักษาต่อไปค่ะ

              โรคลมชักเป็นโรคทางประสาทที่พบได้บ่อยในเด็กไทย ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตของเด็กๆ เป็นอย่างมาก ทั้งด้านพัฒนาการ การเรียน การใช้ชีวิตประจำวัน และอาจนำไปสู่อุบัติเหตุบาดเจ็บรุนแรง เพราะเป็นโรคที่สามารถแสดงอาการได้ทุกเมื่อค่ะ

              สาเหตุของ โรคลมชัก

              สาเหตุของ โรคลมชัก ในเด็ก จะต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละคนเช่น ความผิดปกติของสมองแต่กำเนิด ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ การบาดเจ็บบริเวณศีรษะ เนื้องอกในสมอง พันธุกรรม และโรคอื่น ๆ

              ในผู้ป่วยบางราย แพทย์อาจไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ไม่สามารถป้องกันหรือหลีกเลี่ยงได้ยาก การรักษาโรคลมชักจึงมุ่งเน้นไปที่การรักษาอาการชัก

              อาการของ โรคลมชัก

              อาการของโรคลมชักมีหลายลักษณะ ไม่จำเป็นต้องแสดงอาการเกร็งทั้งตัว บาครั้งเป็นอาการกระตุกที่แขน ขา บางรายเป็นอาการเหม่อลอย สูญเสียสติ การรับรู้ และการตอบสนองไปชั่วขณะ เป็นต้น ซึ่งอาการอาจต่างกันไปตามช่วงอายุ โดยจะเกิดขึ้นทันทีทันใด ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้

              โรคลมชักในเด็กจะสามารถพบได้ตั้งแต่แรกเกิด วัยทารก เด็กเล็กไปจนถึงวัยรุ่นหรือหลังจากนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดและสาเหตุของโรค โดยเด็กที่เป็นโรคลมชักบางคนอาจไม่ได้แสดงอาการที่แน่ชัด แต่จะพบความผิดปกติบางอย่างในชีวิตประจำวัน เช่น ผวา สะดุ้ง ผงกหัว เป็นต้น มองภายนอกอาจสังเกตเห็นอาการได้ไม่ชัดเจน หากคุณพ่อคุณแม่พบอาการในข้างต้น หรืออาการที่สื่อถึงความผิดปกติด้านร่างกายและสมอง ควรพาลูกไปปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการหาสาเหตุ และรักษาต่อไปค่ะ

              โรคลมชัก ในเด็ก ส่งผลต่อพัฒนาการ และสภาพจิตใจ
              โรคลมชัก ส่งผลต่อพัฒนาการ และสภาพจิตใจของเด็ก

              โรคลมชัก ในเด็ก ส่งผลต่อทั้งร่ายกายและจิตใจ

              อาการลมชักในเด็ก ยิ่งเจอตั้งแต่ยังเล็ก ยิ่งมีแนวโน้มว่าจะมีอาการรุนแรงขึ้น หากได้รับการวินิจฉัยล่าช้า หรือได้รับการรักษา และคำแนะนำที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบดังนี้

              • อุบัติเหตุจากการชัก ที่เกิดจากสูญเสียการควบคุมร่างกาย และอาการเหม่อที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เช่น หกล้ม จมน้ำ รถชน หรืออุบัติเหตุอื่นๆ
              • ปัญหาทางด้านพัฒนาการ และการเรียนรู้ เนื่องจากลมชัก เป็นสาเหตุหนึงที่ทำให้การทำงานของสมอง ทำให้การรับรู้ และการวิเคราะห์ช้าลง ทำให้ลูกพัมนาการช้าลงไปด้วย
              • ปัญหาด้านอารมณ์และจิตใจ เมื่อเด็กๆ เริ่มเข้าสังคม อาจรู้สึกแปลกแยกจากเพื่อนวัยเดียวกัน จนเกิดความเครียม วิตกกังวล และซึมเศร้า

              ซึ่งในความเป็นจริงเด็กที่เป็นโรคลมชัก สามารถใช้ชีวิตได้ปกติเหมือนเด็กทั่วไป เพียงแต่ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้ผู้ป่วยเกิดความบาดเจ็บ หรืออันตรายอันเนื่องมาจากการชักได้

              โรคลมชัก รักษาได้

              โรคลมชัก ในเด็ก ส่วนใหญ่ มีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ ยิ่งได้เข้ารับการวินิจฉัยจากแพทย์เร็วเท่าใด ก็ยิ่งป้องกันผลกระทบที่่กล่าวมาข้างต้นได้เร็วขึ้นเท่านั้น โดยวิธีการรักษามีดังนี้ค่ะ

              • การรักษาโดยให้ยากันชัก (Antiseizure medication) – เป็นวิธีการรักษาหลักของโรคลมชักในเด็ก ซึ่งผู้ป่วยเด็กส่วนใหญ่มีโอกาสหายขาดจากโรคนี้จากการกินยา แต่ละคนอาจตอบสนองยาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของอาการและสาเหตุ ต้องใช้ยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ห้ามหยุดยาเองโดยเด็ดขาด ต้องติดตามอาการ ผลข้างเคียง และผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอด้วยค่ะอย่างไรก็ตามมีผู้ป่วยถึง 1 ใน 3 ที่มีอาการดื้อยากันชัก ทำให้คุมอาการได้ยาก แพทย์จึงต้องพิจารณาการรักษาด้วยวิธีอื่น ได้แก่
              • การผ่าตัดสมอง – สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยากันชัก แพทย์จะประเมินว่าสามารถผ่าตัดได้หรือไม่ โดยพิจารณาจากความปลอดภัย เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ซับซ้อนและความเสี่ยงสูง ต้องใช้ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประสิทธิภาพการรักษาและการลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงหลังการผ่าตัด
              • การผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นประสาท VNS – เป็นการรักษาทางเลือกสำหรับโรคลมชักในเด็กที่ดื้อต่อยากันชักและแพทย์ประเมินแล้วว่าเด็กไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดสมองได้ เครื่องมือนี้จะกระตุ้นการทำงานของเส้นประสาทที่อยู่บริเวณคอเพื่อยับยั้งคลื่นสมองโดยอัตโนมัติ และเมื่อใช้ร่วมกับยากันชัก เครื่องมือนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยับยั้งอาการชัก ลดขนาดและจำนวนยากันชัก ลดอัตราการเสียชีวิตแบบเฉียบพลันจากโรคลมชัก และช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
              • การกินอาหารแบบคีโตน – ในผู้ป่วยเด็กที่ดื้อต่อยากันชักบางราย แพทย์อาจพิจารณาให้กินอาหารแบบคีโตน (Ketogenic Diet) ซึ่งเป็นการกินอาหารที่เน้นอาหารไขมันสูงและอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตต่ำ เนื่องจากพบว่าสารอาหารเหล่านี้ส่งผลต่อสารคีโตน (Ketones) ที่ช่วยปรับการทำงานของสมองและลดอาการชักได้ แต่การกินอาหารแบบคีโตนอาจไม่ได้เหมาะกับผู้ป่วยทุกคน เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่าง โดยเฉพาะในประเทศไทยที่กินข้าวเป็นอาหารหลัก ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินและทำตามที่แพทย์แนะนำอย่างเหมาะสม รวมกับใช้ยาตามแพทย์สั่งควบคู่ไปด้วย
              อาการของ โรคลมชัก ในเด็ก
              อาการของ โรคลมชักในเด็ก อาจเป็นภาวะเหม่อ ผงกหัว หรือกระตุกโดยไม่ทราบสาเหตุ คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตลูกว่ามีอาการแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ หรือไม่

              โรคลมชักในเด็กอาจพบในช่วงอายุใดก็ได้ ให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตสัญญาณของโรค โดยเฉพาะ อาการเหม่ออย่างฉับพลัน ยืนนิ่ง ไม่ตอบสนองต่อการเรียกชื่อ แขนหรือขาชักเกร็งกระตุก ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาแต่เนิ่น ๆ เพราะการวินิจฉัยและเข้ารับรักษาเร็วอาจเพิ่มโอกาสในการรักษา ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ปกติ และลดความเสี่ยงของผลกระทบจากโรคค่ะ

              ในประเทศไทยมีหน่วยงานและองค์กรที่มีองค์ความรู้เกี่ยวกับโรคลมชักในเด็กโดยเฉพาะ หากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจว่าลูกของเราเป็นโรคลมชักหรือไม่ สามารถเข้าปรึกษากับหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเกี่ยวกับโรคในเด็ก อย่างที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีหรือโรงพยาบาลเด็ก เพื่อที่จะช่วยแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาและดูแลลูกที่มีอาการโรคลมชักได้อย่างถูกต้องค่ะ


              ขอบคุณข้อมูลจาก

              มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก

              ผศ. (พิเศษ) นพ. กุลเสฏฐ ศักดิ์พิชัยสกุล
              หัวหน้าหน่วยประสาทวิทยา สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี

               

              ร่วมบริจาคค่าผ่าตัดให้ผู้ป่วยลมชักดื้อยา
              มีโอกาสหายขาดจากโรคลมชัก และมีโอกาสใช้ชีวิตปกติ

              ชื่อบัญชี สมทบทุนมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก 

              ธนาคารไทยพาณิชย์ 051-301807-1 

              ธนาคารกรุงไทย 661-055841-8

              ส่งหลักฐานโอนเงินเพื่อรวมยอดและออกใบเสร็จรับเงิน

              ที่ https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=354rudqs

              หมายเหตุ : ใบเสร็จสามารถลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า

              สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 090-663-1479

                Tags

                สุดยอด เครื่องทำอาหาร อัจฉริยะ เปลี่ยนแม่บ้านแกงถุง ให้เป็นเชฟมืออาชีพ

                หากคุณเป็นคนที่ทำอาหารไม่เก่ง แต่อยากให้ลูกได้รับประทานอาหารสดใหม่ อร่อยๆ จากวัตถุดิบคุณภาพ ที่คุณคัดสรรมาเอง ไม่ยากค่ะ เพราะไม่ว่าใครก็เป็นเชฟได้ ด้วยสุดยอด เครื่องทำอาหาร อัจฉริยะ ที่สามารถเปลี่ยนแม่บ้านแกงถุง ให้เป็นเชฟมืออาชีพ ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส

                ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids กำลังพูดถึง Thermomix นวัตกรรมหุ่นยนต์ทำอาหารสุดล้ำจากประเทศเยอรมนี ที่จะมาเปลี่ยนชีวิตคุณแม่ที่ทำอาหารไม่เก่งให้กลายเป็นเชฟคนเก่งของลูกน้อย ความสุดจัดของเครืองนี้อยู่ตรงที่สามารถทำสารพัดเมนูทั้งคาว หวาน ได้อย่างง่ายดาย

                 

                เครื่องทำอาหาร อัจฉริยะ ครบจบในเครื่องเดียวมีอยู่จริง

                • เครื่องทำอาหาร Thermomix มีมากกว่า 20 ฟังก์ชั่น ครบครัน ตอบทุกโจทย์ความต้องการของคุณแม่ เครื่องเดียวทำได้ทั้งผสม ปั่น บด ชั่ง-ตวง นึ่ง ตุ๋น กวน สับ ตี นวด ทำวิปปิ้ง ทำซอส อุ่นร้อน ทำอาหารให้สุก รวมไปถึงนวดแป้ง และอีกหลายฟังก์ชั่น
                • ช่วยประหยัดเวลา ประหยัดแรง ในการเตรียมและทำอาหาร สะดวก รวดเร็ว และที่สำคัญได้อาหารที่อร่อย น่ารับประทาน ฝีมือระดับเชฟเลยทีเดียว
                • มาพร้อมสูตรอาหารจากทั่วโลก กว่า 90,000 สูตร เพียงเลือกเมนูที่ต้องการ และทำตามที่เครื่องบอกทีละขั้นตอน เพียงเท่านี้ก็สามารถสร้างสรรค์สารพัดเมนูแสนอร่อยเพื่อลูกน้อยและทุกคนในครอบครัวได้แล้ว

                 

                • ประหยัดพื้นที่ใช้สอย เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด เพราะ Thermomix สามารถแทนที่อุปกรณ์ครัวได้ถึง 24 ชนิดในเครื่องเดียว
                • สะดวกในการเก็บล้างทำความสะอาด ตอบโจทย์บ้านที่ชอบทำอาหาร แต่ไม่อยากเหน็ดเหนื่อยกับการเก็บล้าง ด้วย Thermomix เพียงเครื่องเดียว คุณแม่ไม่ต้องเก็บล้างอุปกรณ์ครัวมากมายจนหมดแรงอีกต่อไป
                • มีฟังก์ชั่น Pre-Clean ทำความสะอาดเครื่องอัตโนมัติ ช่วยให้เครื่องสะอาดได้ถึง 90% แบบไม่ต้องเปลืองแรงคุณแม่

                 

                ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำที่ช่วยให้ชีวิตคุณแม่ง่ายขึ้นและสามารถเลี้ยงลูกอย่างมีความสุขแบบนี้ ทีมบรรณาธิการ พิจารณาแล้วว่าเข้าตามหลักเกณฑ์ในสาขา Innovation ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณแม่ยุคใหม่ เพื่อช่วยให้คุณแม่ดูแลลูกน้อยได้อย่างเหมาะสม และยังเป็นคุณแม่ที่มีความสุขไปพร้อมกัน ทั้ง Inventionการเป็นนวัตกรรมที่ได้รับการประดิษฐ์ คิดค้น และสร้างสรรค์ใหม่ที่สร้างขึ้นให้ใช้งานได้จริง Initiative นวัตกรรมสำหรับแม่ลูกที่เกิดจากไอเดียใหม่ และ Valuable นวัตกรรมสำหรับแม่ลูกทรงคุณค่าที่มีทั้งประสิทธิภาพ และเอิ้อประโยชน์ต่อการเลี้ยงลูกของพ่อแม่ยุคใหม่

                Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ Thermomix ได้รับรางวัลนวัตกรรมหุ่นยนต์ทำอาหาร BEST INNOVATIVE MULTI FUNCTION KITCHEN ROBOT สาขา Innovation จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023”

                สามารถติดต่อ Thermomix Thailand เพื่อชมการสาธิตเครื่อง หรือทดลองใช้ เครื่องทำอาหาร อัจฉริยะ สอบถามรายละเอียดไปได้ที่ โชว์รูม Thermomix Thailand ทองหล่อซอย 9

                Facebook : Thermomix Thailand

                Instagram : Thermomix_thailand
                Website : www.Thailand.Vorwerk-Thermomix.com

                สำหรับผู้ที่สนใจเข้ามาลอง Demo ลงทะเบียนได้ที่ https://forms.gle/8edKDPrWk3ikrGcT9

                  โรงเรียนไผทอุดมศึกษา

                  โรงเรียนไผทอุดมศึกษา โรงเรียนต้นแบบ เน้นกิจกรรม สร้างสมองเด็กให้แข็งแรงตั้งแต่เล็กๆ

                  โรงเรียนไผทอุดมศึกษา โรงเรียนที่พัฒนาศักยภาพเด็กโดยมุ่งเน้นการเรียนรู้รูปแบบบูรณาการ และเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ตามความสนใจ ความถนัด และพัฒนาไปตามความสามารถของตน

                  ชื่อ โรงเรียนไผทอุดมศึกษา แปลว่า แผ่นดินที่ทำให้เกิดการศึกษา ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้เป็นสถานศึกษาของประเทศ สร้างทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพ เป็นโรงเรียนต้นแบบดีๆที่เน้นให้เด็กๆกระจายกันเป็นกลุ่มและเป็นผู้นำในการทำกิจกรรม หัดตั้งคำถามและค้นหาคำตอบ ทดลองอย่างอิสระโดยมีคุณครูเป็นที่ปรึกษา การเรียนการสอนน่าสนใจขนาดนี้ School Visit จึงอยากพาคุณพ่อคุณแม่มาทำความรู้จักโรงเรียนแห่งนี้กันแบบเจาะลึกที่ โรงเรียนไผทอุดมศึกษากันค่ะ

                  โรงเรียนไผทอุดมศึกษา เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาล – มัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อตั้งโดย พล.ต.อ.เผ่า และ คุณหญิงอุดมลักษณ์ ศรียานนท์ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2514 ด้วยอุดมการณ์ที่จะสร้างสถานศึกษาที่ดีมีคุณภาพ พัฒนาศักยภาพเป็นรายบุคคล มุ่งเน้นการเรียนรู้รูปแบบบูรณาการ เน้นการเรียนรู้ที่นักเรียนเป็นศูนย์กลางที่มีคุณครูเป็นที่ปรึกษา หน้าที่ของครูคือ  การสังเกต บันทึก และประเมินโดยใช้วิธีที่หลากหลาย ประเมินต่อเนื่อง และ feedback  ผลคือทำให้เกิดการพัฒนาตัวนักเรียนเอง และปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนของตัวคุณครูเองเช่นเดียวกัน

                  โรงเรียนไผทอุดมศึกษา โรงเรียนไผทอุดมศึกษา โรงเรียนไผทอุดมศึกษา

                  บรรยากาศรอบๆ โรงเรียน

                  การเรียนรู้แบบบูรณาการของเด็กอนุบาล

                   

                  สมรรถนะสู่ศักยภาพ (ของแต่ละคน )

                  หลักสูตรฐานสมรรถนะเพื่อพัฒนาระบบการศึกษา เป็นหลักสูตรที่โรงเรียนในต่างประเทศใช้มาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งที่แรกคือ ประเทศแคนาดา (รัฐควิเบก) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541  แต่สำหรับโรงเรียนในประเทศไทย หลักสูตรนี้เป็นเรื่องค่อนข้างใหม่สำหรับหลายๆโรงเรียน แนวคิดที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางนี้เองที่จะช่วยเปิดโอกาสให้เด็กๆได้เรียนรู้ตามความสนใจ ความถนัด และพัฒนาไปตามความสามารถของตน โรงเรียนไผทอุดมศึกษา ใช้หลักสูตรสมรรถนะเพื่อพัฒนาระบบการศึกษาและจัดรูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ Active Learning ตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาล วัย 2-3 ปี  เพื่อปลุกจิตวิญญาน  “นักกิจกรรมตัวน้อย  โดยใช้รูปแบบกิจกรรมต่างๆ

                  รู้เรา – รู้จักตัวเอง ดูแลตนเอง, ของใช้ส่วนตัว | รู้จักอารมณ์ – จิตใจ โดยใช้ทักษะการเคลื่อนไหว

                  รู้โลก – ปลูกฝังจริยธรรม ผ่านการเรียนรู้รอบด้าน ชุมชน, สิ่งแวดล้อม, วัฒนธรรม และประเพณี

                  สื่อสาร – หลักภาษาและทักษะการสื่อสาร

                  สร้างสรรค์ – จากสถานการณ์จำลอง การทำอาหาร งานประดิษฐ์ ศิลปะ และดนตรี

                  โรงเรียนไผทอุดมศึกษา โรงเรียนไผทอุดมศึกษา โรงเรียนไผทอุดมศึกษา

                  นักกิจกรรมตัวน้อย ชั้นเตรียมอนุบาล

                   

                  ส่วนเด็กอนุบาล อายุ 3-6 ปี เน้นกิจกรรมปลุกจิตวิญญาณนักวิทย์ตัวน้อย ด้วยการบูรณาการเพื่อ “พัฒนาพหุปัญญา”

                  สิ่งสำคัญในการสร้างประสบการณ์ในวัยนี้คือ การเรียนรู้แบบโครงงาน หรือ Project-Based Learning  ที่จะช่วยพัฒนาเด็กๆด้านหลายๆด้าน ช่วยส่งเสริมการคิด-ฟัง-พูด-ลงมือปฏิบัติ เพราะประสบการณ์สอนไม่ได้ แต่สร้างได้

                  • นักวิทยาศาสตร์ ถ้าสงสัย ต้องทดลอง จึงจะเกิดผลลัพธ์ = ประสบการณ์
                  • สร้างพหุปัญญา หรือ ความรู้ความสามารถหลายด้าน เพราะแต่ละคนมักมีปัญญาด้านใดด้านนึงที่โดดเด่นกว่าเสมอ การกระตุ้นที่ดีและสม่ำเสมอจะทำให้เด็กๆเกิดปัญญา “หลาย หรือ รอบด้าน ผลลัพธ์จากการให้เด็กๆได้ลงมือปฏิบัติ  นอกเหนือจะออกมาในรูปแบบพัฒนาการ ความสามารถและทักษะต่างๆแล้ว  ยังสามารถสะท้อนได้ว่าเด็กชอบหรือไม่ชอบอะไรตั้งแต่ยังเล็กเมื่อค้นพบตัวเองแล้วการต่อยอดเติมเต็มให้ความถนัดโดดเด่นจะไม่ใช่เรื่องยาก

                   

                  เด็กประถม  : ปลุกความเป็นเลิศอันหลากหลาย ตามจุดมุ่งหมายของแต่ละคน

                  เด็กๆจะได้รับการกระตุ้นให้ “ใช้หลายวิธีคิด” คุณครูจะสอนวิธีคิดหลายแบบ แล้วแต่เด็กๆจะเลือกใช้ตามถนัด ใช้วิธีนี้กับทุกรายวิชาเช่น  “กลยุทธ์การบวกและลบ”  เด็กๆสามารถเลือกใช้วิธีเหล่านี้ได้ทั้งแบบนับนิ้ว  วาดรูป  กรอบสิบ (Ten Frames) หรือทำให้เป็นสิบ แบบคิดในใจ ความคิด(เห็น) ของเด็กๆจะสะท้อนความชอบและตัวตนของเขาคุณครูจะสังเกต ฟัง บันทึก ร่องรอยของความคิดและการเรียนรู้ของแต่ละคน  สุดท้ายจะประมวลออกมาเป็นพัฒนาการของเด็กเมื่อๆเจอสิ่งที่ใช่! แล้ว  คุณครูจะสามารถช่วยกันพัฒนาให้พวกเขาไปถึงศักยภาพอันสูงสุดของตัวเองได้

                   

                  โรงเรียนไผทอุดมศึกษา โรงเรียนไผทอุดมศึกษา โรงเรียนไผทอุดมศึกษา

                   การเรียนแบบ Active learning ของเด็กๆ

                   

                  โรงเรียนไผทอุดมศึกษา โรงเรียนไผทอุดมศึกษา โรงเรียนไผทอุดมศึกษา

                  ผลงานงานฝีมือของนักเรียน ทั้งในคลาสและในโครงงาน

                   

                   

                  เด็กมัธยมต้น

                  รับไม้ต่อจากชั้นประถมศึกษา แต่เข้มข้นขึ้นตามวัย เตรียมพร้อมที่จะลงลึกถึงสาขาที่ชอบและใช่ในช่วงมัธยมปลาย แต่การเรียนรู้แบบโครงงานแบบ Real มากขึ้น  โดยพี่ๆจะได้ออกค่ายลงพื้นที่ทำกิจกรรม  เช่น

                  “ Project ผจญภัย 7 คาบสมุทร” เปิดโลกทัศน์การค้นหาเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล  ณ  อำเภอสัตหีบ  จังหวัดชลบุรี

                  “ Project วีรบุรุษนายท้ายเรือ พันท้ายนรสิงห์ ” ณ  จังหวัดสมุทรสาคร

                   

                  “สมอง” ไม่ใช่แค่เรื่องวิชาการ

                  ที่โรงเรียนไผทอุดมศึกษา เน้นการสร้างสมองให้แข็งแรงตั้งแต่เล็กๆ หากจะสร้างคน ต้องเริ่มตั้งแต่ปฐมวัย (2-7 ปี) เพราะเป็นช่วงเวลาทองสำหรับการเรียนรู้ การเจริญเติบโตของสมองเกิดขึ้นในวัยก่อนอนุบาล และการพัฒนาสมองในช่วงวัยนี้จะส่งผล

                  สืบเนื่องยาวนานไปตลอดชีวิต…พูดแบบบ้านๆ คือ…วัยเด็กเป็นยังไง ก็เป็นผู้ใหญ่อย่างนั้น เพราะว่า…สมองของเด็กๆจะโอบรับและซึมซับประสบการณ์ทุกอย่างที่เข้ามาปะทะ และหล่อหลอมเป็นพฤติกรรมติดตัวเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ สมองที่พร้อม = สมองที่แข็งแรงทั้งทางด้านจิตใจ อารมณ์ จะทำให้เด็กๆมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ คือ “ความมุ่งมั่น และ ไม่ย่อท้อ”

                   

                  การประเมินผลอย่างสร้างสรรค์

                  • เน้นประเมินกระบวนการเรียนรู้หรือระหว่างทางในการเรียนรู้นั่นเอง เช่น ระหว่างการทำกิจกรรม เรียนรู้ด้วยตนเอง หรือการแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อน จัดว่าเป็นการประเมินที่มองเห็นคุณค่าในความพยายามของแต่ละคน
                  • ผลสอบ คือการวัดถูก-ผิด ไม่ได้เป็นคำตอบสุดท้าย ไม่ได้เป็นสัดส่วนหลักในการประเมินค่ะ
                  • การประเมินอย่างสร้างสรรค์นี้จะสร้างทัศนคติที่ดีต่อการเรียนของเด็กๆ เพราะเน้นการพัฒนามากกว่าการตัดสินที่ผลการเรียน

                   

                  โรงเรียนไผทอุดมศึกษา

                  กิจกรรมว่ายน้ำ

                  โรงเรียนไผทอุดมศึกษา โรงเรียนไผทอุดมศึกษา โรงเรียนไผทอุดมศึกษา

                       ห้องสมุดของโรงเรียน อัดแน่นไปด้วยหนังสือคุณภาพ

                  โรงเรียนไผทอุดมศึกษา

                  คุณพริ้มพราย สุพโปฎก (ประธานกรรมการบริหารและผู้รับใบอนุญาต)

                  โรงเรียนไผทอุดมศึกษา

                  คุณรัชยา  สุพโปฎก (ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรม)

                   

                  Mommy’s Love This !  ถูกใจแม่

                  • Active Learning กระตุ้นคิด สร้างนิสัยใฝ่รู้ ค้นหาคำตอบ ลองได้ทุกเรื่องให้หายสงสัย ภายใต้การดูแลความปลอดภัยของคุณครูค่ะ
                  • โรงเรียน “มุ่งมั่น” ในการพัฒนาศักยภาพเป็นรายบุคคล โดยไม่มีเด็กๆคนไหนถูกปล่อยไว้ข้างหลังเลยค่ะ
                  • ใส่ใจการพัฒนาสมองตั้งแต่เล็กๆ กิจกรรม อาหาร สภาพแวดล้อมเอื้อต่อการพัฒนาสมองเป็นอย่างดี
                  • De-Schooling การทำให้โรงเรียนไม่เหมือนโรงเรียน เด็กๆจะมีทัศนคติที่ดีต่อการมาโรงเรียนค่ะ
                  • ศูนย์เพื่อนเด็ก (นักจิตวิทยา) ดูแลเด็กนักเรียนทั่วไป รวมไปถึงเด็กที่มีพัฒนาการไม่สมดุล เพราะจิตใจที่เข้มแข็งเองก็คือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้

                   

                  5 สิ่งที่ทำให้เด็กๆอยากมาโรงเรียนทุกวัน

                  1. FUN : Board Games | E-Sports เล่นคนเดียว หรือเล่นเป็นกลุ่มก็จัดไป คุณครูก็เล่นด้วยนะคะ
                  2. EDUTAINMENT : Tiktoker Youtuber  Film-Producer  อยากลองอะไร  ทำอะไร  โรงเรียนให้ทุกอย่าง  ก็เพราะมันเป็นประสบการณ์
                  3. ทุกวิชา ไม่มีคำว่าน่าเบื่อ  เพราะบูรณาการทุกศาสตร์กันจริงๆ  ก็ต้องมีถูกจริตกันบ้างล่ะ
                  4. De-Schooling โรงเรียนไม่ใช่แค่  คุณครู  กระดาน  การบ้าน  แต่เป็นเหมือนห้องทดลอง  ให้ได้มามองอะไรใหม่ๆ
                  5. การสอบ ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายอีกต่อไป  เพราะมาเรียนเพื่อรู้  ไม่ได้มาเรียนเพื่อสอบ

                   

                   

                   

                  โรงเรียนไผทอุดมศึกษา ค่าเทอม  ค่าธรรมเรียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่นๆ ประจำปีการศึกษา 2567

                  • หลักสูตร  HUB  ระดับชั้นเตรียมอนุบาล  28,500  บาทต่อเทอม
                  • หลักสูตร  Inspire  ระดับชั้น อ.1-3  35,000  บาทต่อเทอม
                  • หลักสูตร  Inspire ระดับชั้น ป.1-6  41,000  บาทต่อเทอม
                  • หลักสูตร  Inspire Gifted  ระดับชั้น ป.1-6  45,000  บาทต่อเทอม
                  • หลักสูตร  International  ระดับชั้น ป.1-6  80,000  บาทต่อเทอม

                  ข้อมูลที่อัพเดทและละเอียด กรุณาสอบถามเพิ่มเติมโดยตรง

                   

                  ที่อยู่

                  โรงเรียนไผทอุดมศึกษา

                  เลขที่ 201 ถนนวิภาวดีรังสิต  เขตหลักสี่  กรุงเทพมหานคร

                  โทร. 0-2521-1457-8
                  FAX. 0-2551-2233
                  http://www.patai.ac.th
                  E-Mail : [email protected]

                   

                  Editor : แม่พลอยผิง

                  ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข


                  อ่านต่อบทความน่าสนใจ

                    DHA

                    DHA สารอาหารที่คุณแม่ยุคใหม่ ไม่ควรพลาด

                    สมอง เป็นอวัยวะแรกๆ ที่ทารกเริ่มสร้างตั้งแต่เดือนแรกที่ปฏิสนธิ ดังนั้นแล้วเหล่าคุณแม่จึงควรให้ความสำคัญต่อพัฒนาการ ของสมองในลูกน้อยๆ ตั้งแต่ยังไม่คลอดออกมา จนถึง 3 ปีแรก ซึ่งเป็นช่วงสำคัญต่อพัฒนาการของสมองเด็กๆ โดยมีการศึกษาค้นพบว่า 40% ของกรดไขมันในสมอง และ 60% ของกรดไขมันในประสาทตา มี DHA เป็นส่วนประกอบ จึงทำให้สารอาหารชนิดนี้ สำคัญเป็นอย่างมากต่อสมองและสายตา

                    แต่! มีเรื่องที่น่าตกใจคือ จากงานวิจัยพบว่าในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น เด็ก ผู้ใหญ่ รวมถึงคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ล้วนแต่ได้รับ DHA ที่ไม่เพียงพอ จึงส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองและสายตา รวมถึงก่อให้เกิดปัญหาทางสมองและสายตาตามมาด้วย เมื่อ DHA มีความสำคัญขนาดนี้แล้ว เราจึงควรไปทำความรู้จักกันเสียหน่อยดีกว่าค่ะ ว่าแท้จริงแล้วคืออะไร และควรได้รับในปริมาณเท่าไหร่จึงจะเพียงพอต่อพัฒนาการที่ดี

                    DHA สารอาหารสำคัญ ตั้งแต่ในครรภ์ จนถึงสูงวัย

                    DHA หรือชื่อเต็มคือ Docosahexaenoic Acid เป็นกรดไขมันชนิดหนึ่งในกลุ่ม โอเมก้า 3 ที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะร่างกายไม่สามารถผลิตได้เอง ได้รับจากการทานอาหารเท่านั้น  โดยอาหารที่มี DHA เป็นจำนวนมากคือ ในกลุ่มปลาทะเล เช่น ปลาทูน่า ปลาแมคคอเรล ปลาแซลมอน เป็นต้น

                    ความสำคัญของ DHA คือ มีเป็นส่วนประกอบของทุกเซลล์ ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง รวมถึงสายตา จึงมีความสำคัญต่อทุกเพศ ทุกวัย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร และทารก จนถึง 3 ขวบ ซึ่งหากได้รับไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้เกิดปัญหาต่อสมองและสายตาได้

                    สำหรับทารกที่ได้รับ DHA ไม่เพียงพอ อาจก่อให้เกิดปัญหาได้ต่อทั้งสมอง และสายตา คือ

                    1. มีไอคิวลดต่ำลง
                    2. พัฒนาการช้า ทั้งในด้านการอ่าน และการเขียน
                    3. อาจเกิดโรคสมาธิสั้น และขาดการยับยั้งชั่งใจ จนเกิดปัญหากลายเป็นเด็กก้าวร้าว
                    4. การมองเห็นลดลง หรืออาจเป็นโรคตาบอดกลางคืน

                    ดังนั้นแล้ว องค์การอนามัยโลก WHO จึงมีคำแนะนำให้คุณแม่ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ จนกระทั่งหลังคลอด และช่วงให้นมลูกน้อย ควรได้รับ DHA ในปริมาณ 200-300 มิลลิกรัมต่อวัน และเพิ่มได้ถึง 500 มิลลิกรัม ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด

                    ทำไมต้องเสริม DHA ตั้งแต่ในครรภ์ ?

                    คำตอบนั้นง่ายมาก เนื่องจากทารกในครรภ์จะได้รับ DHA ผ่านทางรกอาหารเพื่อนำไปใช้พัฒนาตัวอ่อนนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นในด้าน

                    • ช่วยในการสร้างเซลล์สมอง
                    • ช่วยในพัฒนาการทางสมองของทารก
                    • ช่วยในการพัฒนาระบบประสาท และตา

                    ซึ่ง DHA ไม่เพียงสำคัญต่อพัฒนาการเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มน้ำหนักตัว และลดความเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนดอีกด้วย โดยในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด ทางองค์การอนามัยโลก WHO แนะนำให้คุณแม่ควรได้รับ DHA เพิ่มขึ้นก็เป็นผลมาจากการที่ เป็นช่วงที่ทารกต้องการ DHA ในปริมาณสูง เพื่อเสริมพัฒนาการสมอง ระบบประสาท และสายตา เพื่อเตรียมพร้อมจะออกมาเจอหน้าคุณพ่อ คุณแม่แล้วค่ะ

                    DHA

                    เมื่อคลอดออกมาแล้ว ความต้องการ DHA ของคุณแม่ และคุณลูกยังไม่จบ เพราะในช่วง 3 ปีแรก และในช่วงที่ยังให้นมลูก คุณแม่ และเด็กๆ ยังต้องการ DHA ปริมาณ 300 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อมอบสารอาหารที่สำคัญต่อพัฒนาการในช่วงเวลาทองของเด็กๆ ซึ่งมีผลทดสอบทางการแพทย์ว่า เด็กๆ ที่ได้รับ DHA ในปริมาณที่เพียงพอ ตั้งแต่ใน 5 เดือนแรกในครรภ์ จนถึงวัยกินนมแม่ เมื่อเข้ารับการทดสอบสติปัญญาในวัย 4 ขวบ พบว่า มีพัฒนาการที่ดีกว่าเด็กที่คุณแม่ไม่ได้รับ DHA ในช่วงตั้งครรภ์ และให้นมบุตร

                    DHA ไม่เพียงดีต่อคุณลูก แต่ยังสำคัญต่อคุณแม่

                    DAH ไม่เพียงสำคัญต่อพัฒนาการของทารกตั้งแต่ในครรภ์เท่านั้น แต่ยังสำคัญต่อคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ด้วย คือ

                    • ช่วยบำรุงสมอง สายตา และระบบประสาทของคุณแม่
                    • ช่วยบำรุงหัวใจ และหลอดเลือด
                    • เสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ทำให้ไม่ป่วยง่าย และป้องกันการติดเชื้อ
                    • ลดภาวะซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์ และหลังคลอด ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับจิตใจคุณแม่เลยนะคะ เพราะหากเกิดขึ้นอาจส่งผลต่อการดูแลลูกๆ ได้นะคะ

                    DHA เลือกยังไงให้ปลอดภัย ได้ประโยชน์

                    เพราะ DHA มีความสำคัญขนาดนี้แล้ว การเลือกให้คุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์ และเด็กๆ จึงควรต้องเลือกอย่างระมัดระวัง และอ่านฉลากเพื่อความมั่นใจ โดยมีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญคือ

                    1. เลือกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิต ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตด้วยมาตรฐานยาที่ได้รับการรับรอง เพื่อมั่นใจได้ว่า ปราศจากสารปนเปื้อนซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และทำให้เกิดโรคร้ายแรง เช่น ปรอท ตะกั่ว สารหนู และเชื้อโรคต่าง ๆ
                    2. สกัดจากปลาทะเลน้ำลึก ควรเลือกที่ผลิตจากปลาทะเลน้ำลึก และเพื่อคุณค่าทางสารอาหาร และความบริสุทธิ์ปลอดภัยไร้สารปนเปื้อน ควรเลือกเป็นปลาทะเลน้ำลึกในเขตหนาว เช่น จากไอซ์แลนด์ เป็นต้น ที่ไม่เพียงเป็นทะเลที่บริสุทธิ์ แต่ยังให้ DHA ในปริมาณสูง
                    3. มาจากปลาทูน่า เนื่องจากในน้ำมันปลาทูน่ามีองค์ประกอบที่พอเหมาะของ DHA และ EPA ซึ่งเป็นสารสำคัญในการส่งเสริมการทำงานของ DHA ในสัดส่วน 25 : 7 จึงช่วยเสริมพัฒนาการของสมองและสายตาได้เป็นอย่างดี
                    4. ผลิตภายใต้มาตรฐานยาระดับสากล แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลย่อมทำให้การบริโภคมั่นใจได้ดีกว่า โดยมาตรฐานที่ควรได้รับคือ
                      1. GMP จากประเทศไทย
                      2. BfArM จากประเทศเยอรมนี
                      3. TGA จากประเทศออสเตรเลีย

                    เห็นเกณฑ์การเลือกซื้อแบบนี้แล้ว เหล่าแม่ๆ พ่อๆ ที่เตรียมจะไปซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร DHA มาเสริมพัฒนาการอาจกำลังปวดใจ ว่าแล้วจะไปหาจากไหน แอดมีแนะนำนะคะ ก็คือ DHA จากบ้าน MEGA We care ซึ่งไม่เพียงได้รับมาตรฐานยาสากล และผลิตภายใต้การรับรองมาตรฐานการผลิตเท่านั้น แต่ยังมีสัดส่วนองค์ประกอบที่ควรถ้วนในสัดส่วนที่พอดี

                    DHA

                    DHA ผลิตจากน้ำมันปลาทูน่า ที่มี DHA 125 มิลลิกรัม และ EPA 35 มิลลิกรัม ไม่เพียงเท่านั้นยังมีวิตามินอีอีกด้วย สำหรับปริมาณที่แนะนำคือ

                    • คุณแม่ที่เริ่มตั้งครรภ์จนถึงใกล้คลอด รับประทาน 1-2 แคปซูล /วัน
                    • คุณแม่ที่ให้นมบุตร รับประทาน 1-2 แคปซูล / วัน
                    • เด็กน้ำหนักตัว 3-5 กก. รับประทาน 1-2 แคปซูล /วัน

                    โดยรับประทาน ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2-3 ครั้ง พร้อมอาหาร

                    เพียงเท่านี้ ก็สามารถดูแลลูกน้อยตั้งแต่ในครรภ์ ไปพร้อมกับให้คุณแม่ได้ดูแลตัวเอง ได้อย่างมั่นใจในมาตรฐานและความปลอดภัยได้แล้วค่ะ

                    สามารถหาซื้อได้ง่ายที่  : https://shopee.co.th/universal-link/product-i.935275963.23018132580?deep_and_web=1&utm_campaign=s935275963_ss_th_webs_dhawebsite&utm_source=website&utm_medium=seller&utm_content=dhawebsite&smtt=9

                      เครื่องปั๊มนม

                      เปิดตัวนวัตกรรม เครื่องปั๊มนม 2 รุ่นใหม่! ฉีกทุกกฎในการปั๊มนม

                      เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2567 ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย เครื่องปั๊มนม แบรนด์ไทยยอดฮิตอย่าง “Attitude Mom” นำโดย นางสาวสุรีย์ คุณมงคลวุฒิ กรรมการผู้บริหาร Attitude Mom จัดงาน “New World of Breast Pump 2024”เครื่องปั๊มนม

                      เครื่องปั๊มนม

                      เพื่อส่งมอบนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคุณแม่แบบไม่มีสะดุด พร้อมเปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด อย่าง เครื่องปั๊มนม ไฟฟ้า Attitude Mom รุ่น Galaxy lll และ เครื่องปั๊มนมไร้สายแบบนอนปั๊ม Attitude Mom รุ่น Sleep Well ฉีกทุกกฎในการปั๊มนม ให้คุณแม่นอนปั๊มได้สบายกว่า พร้อมร่วมฟังทริคการเลี้ยงดูลูกจากคุณแม่ซุปตาร์ “คุณก้อย รัชวิน”

                      เครื่องปั๊มนม

                      และยังมีเหล่าคุณแม่อินฟลูเอนเซอร์ยุคใหม่ อาทิ คุณแอร์ ภัณฑิลา ฟูกลิ่น, คุณน้ำฝน พัชรินทร์ วิทยาปัญญานนท์, คุณน้ำฝน อัญรินทร์ หิรัญพรฐานนท์ หรือ คุณน้ำฝน กุลณัฐ ตบเท้าเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

                      นอกจากนี้ยังมีการมอบรางวัล “Attitude Mom Partner Of The Year 2024” ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรก เพื่อเป็นการตอบแทนความตั้งใจของตัวแทนคู่ค้าและพาร์ทเนอร์ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยแบ่งรางวัลออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่

                      1. Best Social Media Channel ช่องทางโซเซียลที่ดีที่สุด
                      ได้แก่ Baby Outlet

                      2. Best Seller ช่องทางคู่ค้าที่ขายดีที่สุดในปีที่ผ่านมา
                      ได้แก่ Pump Nom Happy

                      3. Best Performance รางวัลการดำเนินการดีที่สุด
                      ได้แก่ Central Department Store

                      เครื่องปั๊มนม
                      4. Best Performance On Social Media รางวัลการดำเนินการช่องทางโซเซียลที่ดีที่สุด
                      ได้แก่ theAsianparent Thailand

                      5. Best Performance Marketing รางวัลการดำเนินการด้านการตลาดดีที่สุด
                      ได้แก่ Lazada

                      6. Best Online Sale รางวัลยอดขายสูงสุดในช่องทางออนไลน์
                      ได้แก่ Shopee

                      🐑 Follow us🐑
                      Line Official : @attitudemom
                      Instagram : attitudemom_thailand
                      Youtube : Attitude Mom Thailand Official
                      Tiktok : attitudemom_thailand

                      #เครื่องปั๊มนมที่คุณแม่เลือก #แม่นักปั๊ม #Attitudemom #Mirrorlight #Littleplusproll #นมแม่ #breastpump #เครื่องปั๊มนม #นมแม่ดีที่สุด #ปั๊มนม #Easylifell #Plentitude #Plentydrinkplus #SleepWell #SleepPump #GalaxyIII #เครื่องปั๊มนมแบบนอนเจ้าแรกของโลก

                        นิทาน แสนสนุก สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว

                        รู้หรือไม่ นิทานช่วยสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว และช่วยพัฒนาให้ลูกเก่ง

                        คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่า ช่วงที่สามารถเสริมพัฒนาการลูกน้อยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพคือ ช่วง 0-6 ปี ซึ่งช่วงนี้จะต้องดูแลเอาใจใส่เด็กๆ เป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องร่างกายและจิตใจ ทาง Prudential Thailand และ UNICEF Thailand  เห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้ ที่ผ่านมาจึงร่วมมือกันแนะนำแนวทางการดูแลเด็ก ๆ ผ่านแคมเปญ เลี้ยงถูกลูกดี ตามแนวทางการดูแลเด็กอย่างเอาใจใส่ 5 ด้านไว้มากมายและเป็นประโยชน์อย่างมาก ให้คุณพ่อคุณแม่ ผู้ดูแลเด็กทำตามได้ง่ายๆ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็กเล็ก

                        ทาง Prudential Thailand และ UNICEF Thailand เล็งเห็นถึงความสำคัญของนิทาน ซึ่งถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้เด็กช่วงวัยนี้ได้ดีที่สุดขึ้นมา จึงได้มีการจัดทำหนังสือนิทานกุ๋งกิ๋ง นิทาน แสนสนุก ที่เด็ก ๆ ชื่นชอบเป็นตอนพิเศษ ชื่อว่า วันแสนสนุกของกุ๋งกิ๋ง โดยจะไม่เหมือนกับหนังสือนิทานกุ๋งกิ๋งตอนอื่นๆ เพราะหนังสือนิทานเล่มนี้มีการสอดแทรกแนวทางการเลี้ยงดูเด็ก ๆ อย่างเอาใจใส่ 5 ด้าน ผ่านสถานการณ์ที่หลากหลายเพื่อเป็นความรู้ให้กับทั้งพ่อแม่ และ ตัวเด็ก ๆ เอง และที่สำคัญ หนังสือนิทานเล่มนี้ไม่มีจำหน่ายที่ไหน มีเฉพาะกิจกรรมแจกฟรี ในช่วงวันเด็กที่ผ่านมา

                        เรามาดูกันค่ะว่า แนวทางการดูแลเด็กอย่างเอาใจใส่ 5 ด้านนี้มีอะไรบ้าง

                        1. มีสุขภาพดี – จากในหนังสือนิทานจะเห็นว่ากุ๋งกิ๋งเป็นเด็กอารมณ์ดี พ่อแม่ดูแลและส่งเสริมให้มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ ใช้เวลาครอบครัวอย่างมีคุณภาพ ชวนเล่นและพูดคุยกับกุ๋งกิ๋งอย่างสม่ำเสมอ

                         

                        2. มีโภชนาการเพียงพอ – ให้ลูกได้รับประทานอาหารอย่างเหมาะสมตามช่วงวัยและ เสริมพัฒนาการได้ด้วยเช่นในหนังสือนิทาน จะมีตอนหนึ่งที่กุ๋งกิ๋งทำอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายกับคุณพ่อ และยังกินข้าวพร้อมหน้าทั้งครอบครัวอีกด้วย

                         

                        3. การปกป้องคุ้มครองและความปลอดภัย – คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ตั้งแต่ลูกลืมตาดูโลกเลยค่ะ โดยการที่เด็กมีพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเล่นตามพัฒนาการ รวมถึงคุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองเอง ก็มีหน้าที่ที่ต้องดูแลความปลอดภัยของเด็กได้อย่างใกล้ชิด เหมือนกุ๋งกิ๋งที่ไปเล่นที่สนามเด็กเล่น ก็จะมีพ่อแม่คอยสังเกตอยู่เสมอ

                         

                        4. โอกาสเข้าถึงการเรียนรู้ ทั้งที่บ้าน และสถานพัฒนาเด็ก – การที่เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคล สิ่งของ หรือสิ่งแวดล้อมรอบตัว จะส่งผลต่อพัฒนาการสมองของเด็กๆ กุ๋งกิ๋งได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในและนอกบ้าน เช่น ทำอาหาร พูดคุย อ่านหนังสือนิทานกับพ่อแม่ หรือการออกไปทำกิจกรรมเสริมพัฒนาการนอกบ้านที่สนามเด็กเล่น

                         

                        1. การดูแลตอบสนองอย่างใส่ใจ ต่อความต้องการและความรู้สึกของเด็ก – การดูแลแบบตอบสนอง หรือ Responsive Caregiving ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือช่วง 0-2 ขวบ หากคุณพ่อคุณแม่เข้าใจ และตอบสนองสัญญาณต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม ก็จะช่วยส่งเสริมแนวทางอีก 4 ด้านที่กล่าวมาอีกด้วย พ่อแม่ของกุ๋งกิ๋งมีวิธีเลี้ยงดูแบบตอบสนองต่อเด็กเป็นอย่างดี สังเกตสัญญาณต่าง ๆ และตอบสนองอย่างเหมาะสมในทุกเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการให้โอกาสกุ๋งกิ๋งตัดสินใจ การคอยสังเกตกุ๋งกิ๋งไม่ว่าจะกุ๋งกิ๋งจะทำอะไร ทำให้กุ๋งกิ๋งมีความเขื่อมั่นในตนเองและกล้าที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองตัดสินใจ

                         

                        การอ่านนิทานให้ลูกฟัง เป็นกิจกรรมครอบครัวที่มีประสิทธิภาพมาก ๆ ค่ะ คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้เวลาร่วมกันในการอยู่กับลูก สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ตอบคำถามที่ลูกสงสัยในนิทาน เป็นการสื่อสารสองทางระหว่างกัน นอกจากนี้นิทานยังช่วยปลูกฝังความคิดบวกและนิสัยรักการอ่าน กระตุ้นพัฒนาการ ฝึกสมาธิ และส่งเสริมจินตนาการของเด็กๆ ให้กุ๋งกิ๋งเป็นตัวอย่างของเด็กๆ ที่จะบอกความต้องการในเรื่องต่างๆ การร่วมกันทำกิจกรรมในครอบครัว และการตัดสินใจด้วยตัวเอง

                         

                        และล่าสุดในวันเด็กแห่งชาติเมื่อ 13 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นวันพิเศษของเด็กๆ ทาง Prudential Thailand และ UNICEF Thailand ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมกับทาง TK Park อุทยานการเรียนรู้ ที่ห้างสรรพสินค้าเซนทรัลเวิลด์ มาพร้อมกับกิจกรรมมากมายที่ให้เด็ก ๆ และผู้ปกครองได้ร่วมสนุกกัน รวมถึงมีการแจกหนังสือนิทาน “วันแสนสนุกของกุ๋งกิ๋ง” ภายในงานอีกด้วย

                        หากใครที่พลาดโอกาสได้รับหนังสือนิทานเมื่อช่วงวันเด็กที่ผ่านมา
                        ยังสามารถไปติดตามได้ที่ Facebook Prudential Thailand

                        https://pruthai.life/FYVX 

                        มาเลี้ยงลูกให้ถูก ให้ลูกดีไปด้วยกัน ทุกวันแฮปปี้กว่า

                          Tags

                          Anglo Singapore International School

                          Anglo Singapore International School โรงเรียนนานาชาติ หลักสูตรสิงคโปร์และสหราชอาณาจักร ตอบโจทย์ทุกการเรียนรู้

                          Anglo Singapore International School โรงเรียนที่ตั้งใจฟูมฟักและสร้างแรงบันดาลใจ มุ่งมั่นสร้างประสบการณ์ หลักสูตรที่ผสมผสานผลลัพธ์ทางวิชาการที่เข้มข้นและสนับสนุนผู้เรียนอย่างเหมาะสม เพื่อแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่และเติบโตเป็นผู้นำของสังคม

                          Anglo Singapore International School

                          School visit ครั้งนี้เรามาเปิดรั้วเยี่ยมชมโรงเรียนที่มีสถานที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสุดยอด หนึ่งในทำเลที่ยอดเยี่ยมที่เหล่าผู้ปกครองต่างมองหาให้ลูกกันค่ะ โรงเรียนแห่งนี้มีชื่อว่า โรงเรียนนานาชาติแองโกลสิงคโปร์ ที่ตั้งอยู่ท้ายซอยสุขุมวิท 31 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนสาขาแรก ตลอดระยะเวลาการเติบโตอย่างต่อเนื่องกว่า 20 ปีที่ผ่านมานั้น ทำให้ โรงเรียนนานาชาติแองโกลสิงคโปร์ ได้ขยายสาขาเพิ่มขึ้นจำนวน 2 แห่ง คือ โรงเรียนนานาชาติแองโกลสิงคโปร์ สุขุมวิท 64 และ โรงเรียนนานาชาติแองโกลสิงคโปร์ จังหวัดนครราชสีมา เริ่มต้นจากเป็นโรงเรียนขนาดเล็กจากนักเรียนเพียง 4 คน ที่มีการเรียนการสอนให้ชาวสิงคโปร์ที่พำนักอาศัยในประเทศไทย

                          โดยมุ่งเน้นมาตรฐานทางวิชาการตามหลักสูตรสิงคโปร์และหลักสูตรสหราชอาณาจักร ทำให้โรงเรียนนานาชาติแองโกลสิงคโปร์เติบโตทั้งขนาดและขยายระดับชั้นในการจัดการเรียนการสอนและพัฒนาแนวปฏิบัติในการจัดการศึกษาเสมอมา จนในปัจจุบันนี้จำนวนนักเรียนทั้ง 3 สาขามีจำนวนมากกว่า 1,600 คน ประกอบด้วยนักเรียน 20 สัญชาติ  และด้วยค่านิยมหลักของโรงเรียน คือ ความหมั่นเพียร ความเคารพ ความรับผิดชอบ และความก้าวหน้า ที่มาพร้อมกับความเป็นเลิศทางด้านวิชาการทำให้โรงเรียนแห่งนี้เป็นสถานศึกษานานาชาติชั้นนำในแวดวงการศึกษานานาชาติของประเทศไทยอีกด้วย

                          บรรยากาศภายในโรงเรียนนั้นเต็มไปด้วยสีสันที่สะดุดตา การตกแต่งอาคาร บริเวณโรงเรียน รวมถึงห้องเรียนที่ช่วยกระตุ้นให้บรรยากาศการเรียนการสอนดูสนุกและน่าเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็น สนามกีฬา สนามเด็กเล่น ห้องสมุด ห้องเรียนรู้ต่างๆ ที่ออกแบบให้ดูสดใสและสอดคล้องกับหลักสูตรการเรียนในทุกระดับชั้น และด้วยสถานที่ตั้งที่อยู่ใจกลางเมืองและแนวคิดการเรียนการสอนที่ดีขนาดนี้ ทีมแม่ ABK พามาดูกันค่ะว่าโรงเรียนนานาชาติแองโกลสิงคโปร์ มีแนวคิดและหลักสูตรอะไรกันบ้าง

                          ความหมั่นเพียร ความรับผิดชอบ ความเคารพ ความก้าวหน้า 4 หัวใจหลักของแองโกล

                          การประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น เราต่างรู้ดีกว่าบางครั้งมาจากคุณลักษณะนิสัยพื้นฐานบางประการที่ประกอบรวมกันเป็นความแข็งแรงทางความคิด เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเรียนรู้และทำให้เด็กๆ มีวิธีการนำพาตัวเองไปสู่เส้นทางความสำเร็จของตนตามทีฝันและปรารถนาไว้ ดังนั้นเป้าหมายสำคัญและค่านิยมหลักของโรงเรียนนานาชาติแองโกลจึงมีหัวใจหลักที่เป็นสิ่งหล่อหลอมคุณภาพของนักเรียนในทุกๆช่วงวัยตามระดับชั้น รวมถึงทุกๆพื้นที่ของโรงเรียนนานาชาติแองโกลบอลสิงคโปร์ทั้ง 3 สาขา ดังนี้

                          1. มุ่งปลูกฝัง “ความหมั่นเพียร” ตั้งใจเรียนอย่างบากบั่นและสำเร็จทุกเป้าหมาย
                          2. มุ่งหมายให้ใช้ชีวิตด้วย “ความรับผิดชอบ”ต่อธรรมชาติและสังคมเพื่อความยั่งยืน
                          3. มุ่งหวังให้มี “ความเคารพ” ต่อผู้อื่นทั้งในและนอกโรงเรียน
                          4. ต่อยอด “ความก้าวหน้า”สู่การเป็นผู้เรียนที่เป็นนักคิด มีความสร้างสรรค์และเป็นนักเรียนรู้ภาษาที่ประสบความสำเร็จ

                          Anglo Singapore International School Anglo Singapore International School

                          เรียนเพื่อคิด คิดเพื่อเรียนรู้

                          เรียนเพื่อคิด คิดเพื่อเรียนรู้ คือคติพจน์ของโรงเรียน ที่เน้นให้ความสำคัญกับการเรียนรู้และกระบวนการคิดวิเคราะห์ ซึ่งเป็นแนวคิดและหัวใจสำคัญสำหรับการศึกษาสมัยใหม่ ที่สอดแทรกอยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอนและกิจกรรมต่างๆ การที่เด็กๆได้รับการส่งเสริมด้านการคิดนั้นก่อให้เกิดเป็นทักษะที่จำเป็นสามารถประยุกต์ใช้ในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี อีกทั้งทางโรงเรียนเชื่อมั่นว่าการส่งเสริมทักษะการคิดนั้นเป็นกุญแจสำคัญที่สามารถดึงศักยภาพที่ยอดเยี่ยมภายในของนักเรียนออกมาได้อย่างเต็มที่จนตลอดเส้นทางการเรียนรู้จนประสบความสำเร็จในชีวิต

                          Anglo Singapore International School Anglo Singapore International School

                          หลักสูตรปฐมวัย

                          ความสามารถอันโดดเด่นของนักเรียนผ่านการส่งเสริมคุณลักษณะที่มีความหลากหลาย เพื่อให้เด็กนักเรียนมีความพร้อมทั้งด้านความรู้และความสำเร็จเป็นรายบุคคล ซึ่งมีงานวิจัยเปิดเผยว่าคุณภาพการศึกษาในระดับปฐมวัยจะช่วยสร้างรากฐานของความสำเร็จทางด้านวิชาการในอนาคตตลอดเส้นทางจนกว่าจะจบการศึกษา ซึ่งที่นี่นั้นมีมีหลักสูตรบูรณาการเรียนการสอนระดับปฐมวัยตามหลักสูตรการศึกษาแห่งชาติสิงคโปร์อย่างครบถ้วน ทั้งด้านการคิด การเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ รวมถึงด้านร่างกาย กิจกรรมทางด้านกีฬา กิจกรรมสันทนาการต่างๆ รวมถึงสถานที่ที่กว้างขวาง อุปกรณ์และห้องเรียนที่มีสีสันสดใส  ล้วนออกแบบมาให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้ผ่านการเล่นอย่างเหมาะสมตามวัยอย่างแน่นอนค่ะ

                           

                          หลักสูตรระดับชั้นประถมศึกษา

                          สำหรับหลักสูตรประถมศึกษาของที่นี่นั้นมีเอกลักษณ์ที่ผสมผสานความแข็งแรงทางด้านวิชาการของหลักสูตรแห่งชาติสิงคโปร์เข้ากับการจัดการเรียนแบบองค์รวมที่เน้นการเรียนอย่างมีความสุข แบบการเรียนการสอนที่ออกแบบขึ้นเพื่อให้นักเรียนเป็นผู้มีความคิดสร้างสรรค์ มีส่วนร่วมและมีทักษะการสื่อสาร เน้นการสร้างความรู้รอบด้านเพื่อเตรียมพร้อมสู่ความสำเร็จในทุกมิติ หลักสูตรประถมศึกษาของแองโกลให้ความสำคัญกับวิชาหลัก ได้แก่ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีวิชาเสริมที่ช่วยสร้างความรู้และทักษะสำคัญแก่นักเรียนและนับได้ว่าเป็นหลักสูตรที่ดีที่สุดหลักสูตรหนึ่งสำหรับโรงเรียนนานาชาติในกรุงเทพมหานครที่ออกแบบขึ้นเพื่อตอบโจทย์การเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์ในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง

                          Anglo Singapore International School Anglo Singapore International School Anglo Singapore International School Anglo Singapore International School

                          หลักสูตรระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย

                          โรงเรียนนานาชาติแองโกลสิงคโปร์มีหลักสูตรระดับชั้นมัธยมศึกษาที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความรอบรู้โดยการจัดการศึกษาที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ด้านความเป็นเลิศทางวิชาการเพื่อเตรียมพร้อมสู่ความสำเร็จในอนาคต เป็นหลักสูตรที่ออกแบบผสมผสานขึ้นจากจุดเด่นของแนวคิดหลักสูตรแห่งชาติสิงคโปร์และหลักสูตรเคมบริดจ์ โดยให้ความสำคัญกับวิชาหลัก ได้แก่ วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ พร้อมกับการมุ่งเน้นสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้และสร้างความท้าทายแก่นักเรียนให้สามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างเต็มศักยภาพ มีทักษะที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน

                           Junior College (JC)

                          นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นการเรียนการสอนที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น มีรูปแบบการเรียนที่ช่วยพัฒนาประสบการณ์การเรียนรู้และฝึกฝนความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย และในระดับ Junior College นี้นั้น นักเรียนจะได้เรียนรู้รายวิชาที่หลากหลายมากขึ้น อาทิเช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ธุรกิจ และศิลปะ ซึ่งตลอดการเรียนการสอนนั้นเด็กนักเรียนจะได้เรียนทั้งเนื้อหาและทักษะตามกรอบการศึกษาหลักสูตร IGCES ที่มีความโดดเด่น สามารถช่วยส่งเสริมและพัฒนานักเรียนก้าวสู่การประสบความสำเร็จต่อไปอย่างมั่นคง

                          ความภาคภูมิใจของโรงเรียนนานาชาติแองโกลสิงโปร์

                          จุดประสงค์สำคัญอีกประการหนึ่งที่ไม่เพียงมุ่งมั่นให้เป็นโรงเรียนชั้นนำในพื้นที่กรุงเทพมหานครเท่านั้นแต่ยังคงมุ่งขยายสู่พื้นที่อีกๆในประเทศไทยด้วย ด้วยความมั่นใจในหลักคิดที่ยืนยันตัวตนของที่นี่คือ Uniquely Anglo อันแสดงถึงเอกลักษณ์และความโดดเด่นของโรงเรียนนานาชาติแองโกลสิงคโปร์ ด้วยเสียงยืนยันคุณภาพจากผู้ปกครองที่ให้ความเชื่อมั่น ทำให้นานาชาติแห่งนี้ภาคภูมิใจในเรื่องประสบการณ์และคุณภาพในการจัดการศึกษาแก่นักเรียน สรุปเป็นประเด็นดังนี้

                          1. ความเป็นเลิศทางด้านวิชาการ
                          2. การบรรลุความสำเร็จของผู้เรียน
                          3. หลักสูตรของโรงเรียน
                          4. ระบบการดูแลนักเรียนทุกระดับชั้น
                          5. กลวิธีการสอน

                           

                          นอกจากเสียงยืนยันคุณภาพจากผู้ปกครองแล้ว ผลลัพธ์จากหลักสูตรการศึกษาที่ออกแบบมาเพื่อผู้เรียนได้อย่างยอดเยี่ยมนั้นวัดผลได้จากเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยของผู้เรียน ซึ่งนักเรียนที่นี่สามารถมุ่งสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำแนวหน้าทั้งในและต่างประเทศ อาทิ สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน และอีกหลายประเทศทั่วโลก และอีกความภาคภูมิใจหนึ่งของโรงเรียนคือนักเรียนมากกว่าร้อยละ 30 ที่จบการศึกษาจากที่นี่ได้เข้าศึกษาต่อทางด้านการแพทย์ศาสตร์ และอีกกว่าร้อยละ 30 ที่เรียนต่อทางด้านวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์อีกด้วย

                          Anglo Singapore International School

                          Anglo Singapore International School Anglo Singapore International School Anglo Singapore International School

                          Mommy’s Love This

                          หากคุณแม่กำลังมองหาโรงเรียนนานาชาติที่มีสถานที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีหลักสูตรการเรียนการสอนที่ได้มาตรฐานและมีผลลัพธ์การันตีคุณภาพที่ยอดเยี่ยมอยู่ ไม่ควรพลาดเลยค่ะ ที่จะมาเยี่ยมชมโรงเรียนนานาชาติแองโกลสิงคโปร์แห่งนี้ ไม่เพียงแค่หลักสูตรที่ตั้งใจออกแบบมาเพื่อสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน ที่นี่นั้นให้ความสำคัญกับการค้นหาและสร้างตัวตนของนักเรียน จึงทำให้รูปแบบการเรียนนั้นเน้นการคิด วางแผน ลงมือปฎิบัติจริง และมีทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ กิจกรรมทั้งในและนอกห้องเรียนที่ช่วยกระตุ้นและดึงศักยภาพของนักเรียนออกมาอย่างมากที่สุด เพื่อให้เด็กๆได้ค้นพบเป้าหมายและมีความรู้ ความสามารถ ความพร้อมต่อไปสำหรับอนาคต และนอกจากหลักสูตรที่ได้มาตราฐานทางวิชาการตามหลักสูตรสิงคโปร์และหลักสูตรสหราชอาณาจักรแล้วนั้น ต้องบอกว่าบรรยากาศภายในโรงเรียนน่าเรียนมากๆไม่แพ้กัน อาคารสถานที่กว้างขวาง ห้องเรียนและอุปกรณ์การเรียนที่ครบครันทุกด้าน บอกได้เลยว่าเด็กๆที่ได้เรียนที่นี่จะได้เรียนรู้อย่างสนุกและมีความสุขแน่นอน หากคุณพ่อคุณแม่มองหาโรงเรียนที่มีความพร้อมทุกด้านแบบนี้ school visit ของเราขอแนะนำ โรงเรียนนานาชาติแองโกลสิงคโปร์ เป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ ที่ไม่ควรพลาดค่ะ

                          Anglo Singapore International School โรงเรียนนานาชาติแองโกลสิงคโปร์ มีอัตราค่าเล่าเรียนโดยประมาณ (ขึ้นอยู่กับระดับชั้น) ต่อปี  350,000 – 740,000 บาท

                          การรับสมัครนักเรียน

                          สามารถติดต่อเยี่ยมชมโรงเรียนหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ แองโกลสิงคโปร์ สาขาสุขุทวิท 64

                          ANGLO SINGAPORE INTERNATIONAL SCHOOL

                          No. 1 Soi Sukhumvit 64, Bang Chak, Pha Khanong Bangkok 10260 Thailand

                          Email : [email protected]

                          +66(0)23311874 / +66(0)23311875

                          FB : Anglo Singapore International School, Sukhumvit 64

                          แองโกลสิงคโปร์ สาขาสุมวิท 31

                          ANGLO SINGAPORE INTERNATIONAL SCHOOL

                          No. 108/2-3 Soi Sukhumvit 31 (Sawatdi), Sukhumvit Road, Klongtan Nua, Wattana, Bangkok 10110

                          +66(0)26623105 / +66(0)26623106  /  086-340-8288 และ 086-306-8788

                          Email : [email protected]

                          FB : Anglo Singapore International School, Sukhumvit 31

                           

                           

                            เวิร์คช็อป ศิลปะ

                            เครือเจริญโภคภัณฑ์ ทรู คอร์ปอเรชั่น และ มูลนิธิออทิสติกไทย ร่วมกันเปิดพื้นที่ “ARTSTORY Creative Hub” พื้นที่แบ่งปันจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ เวิร์คช็อป ศิลปะ ให้กับผู้สนใจ

                            เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ ทรู คอร์ปอเรชั่น จับมือ มูลนิธิออทิสติกไทย เปิด “ARTSTORY Creative Hub” ชูศักยภาพศิลปิน ARTSTORY ร่วมแบ่งปันจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ให้กับผู้สนใจ ด้วยกิจกรรม เวิร์คช็อป ศิลปะ มุ่งขับเคลื่อนสังคมเท่าเทียม ภายใต้แนวคิด “Co-Creating Inclusive Society”

                            19 มกราคม 2567: เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น โดยทรูปลูกปัญญา จับมือมูลนิธิออทิสติกไทย  เดินหน้าต่อยอดโครงการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตบุคคลออทิสติกอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมให้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเอง และสามารถใช้ชีวิตร่วมกับบุคคลทั่วไปได้อย่างไร้รอยต่อ ด้วยการเปิดพื้นที่ “ARTSTORY Creative Hub” ให้บุคคลทั่วไปได้เข้าร่วม เวิร์คช็อป ศิลปะ ประเภทต่างๆ กับศิลปินออทิสติก ณ มูลนิธิออทิสติกไทย ราชพฤกษ์ มุ่งหวังให้เป็นพื้นที่ต้นแบบของการสร้างสังคมแห่งความเท่าเทียม พร้อมเปิดรับสมัครผู้ที่สนใจเวิร์คช็อปได้แล้วตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป

                            นายชูศักดิ์ จันทยานนท์ ประธานมูลนิธิออทิสติกไทย กล่าวว่า “ARTSTORY Creative Hub” เป็นหนึ่งความพยายามของมูลนิธิฯ ในการนำเสนอรูปธรรมของการสร้างสังคมแห่งความเท่าเทียม หรือ Inclusive Society อย่างแท้จริง ด้วยการเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปและน้องๆ ศิลปินออทิสติก ได้ทำงานศิลปะร่วมกัน จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนการเรียนรู้ และยอมรับศักยภาพของกันและกัน โดยศิลปินออทิสติก จะร่วมเป็นวิทยากรถ่ายทอดเทคนิคและทักษะทางศิลปะ พร้อมกับเติมพลังใจให้แก่ทุกคนอย่างมืออาชีพ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะช่วยสร้างความเข้าใจ ตวามตระหนักรู้และการยอมรับศักยภาพของบุคคลออทิสติกในเชิงประจักษ์และเป็นรูปธรรม

                            “ARTSTORY Creative Hub ไม่เพียงเป็นพื้นที่สะท้อนถึงการเสริมสร้างสังคมแห่งความเท่าเทียม แต่ยังสมารถสร้างประโยชน์ให้กับน้องๆ ออทิสติก และผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมเองได้ด้วย  โดยเวิร์คช๊อปที่เราจัดขึ้นจะช่วยให้เด็กๆ ออทิสติก มีพัฒนาการด้านต่างๆดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสมาธิ การสื่อสาร ความมั่นใจ ทักษะทางสังคม ตลอดจนโอกาสการทำงานสร้างสรรค์ที่จะนำมาซึ่งสร้างรายได้ เพื่อเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน ส่วนที่ผู้ที่เข้าร่วมเวิร์ค    ช๊อปก็จะได้พัฒนาทักษะด้านศิลปะ ความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนความตระหนักรู้ในสังคมอีกด้วย “

                            ดร.เนตรชนก วิภาตะศิลปิน หัวหน้าสายงานกลยุทธ์องค์กรและ ด้านการศึกษา บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น “เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้เล็งเห็นและตระหนักถึงความสำคัญของการเปิดโอกาสให้คนในสังคมทุกกลุ่ม รวมถึงกลุ่มเปราะบางได้เข้าถึงโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ครอบคลุมทั้งการศึกษา บริการ การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดจนการจ้างงานเพื่อนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืน

                            “การเปิด ARTSTORY Creative Hub ในวันนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือระหว่างเครือฯ และมูลนิธิฯ  ในการต่อยอดธุรกิจเพื่อสังคม ภายใต้แบรนด์ Artstory โดยเครือฯ ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณ พร้อมร่วมนำเสนอแนวคิดการเปิดพื้นที่ co-creating inclusive society แห่งแรกของประเทศ  รวมถึงการออกแบบตกแต่งและการวางแผนงานบริหารและดำเนินธุรกิจของ ARTSTORY Creative Hub อีกด้วย

                            เครือเจริญโภคภัณฑ์และทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งหวังที่จะให้พื้นที่แห่งนี้เป็นต้นแบบของการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างเกื้อกูล เคารพในความแตกต่างและการยอมรับศักยภาพของบุคคลออทิสติก ผ่านประสบการณ์การทำงานศิลปะร่วมกับน้องๆ ศิลปินออทิสติก แบ่งปันจินตนาการและแรงบันดาลใจร่วมกัน เราก็หวังว่ากิจกรรมเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ จะเป็นจิ๊กซอสำคัญที่นำไปสู่ภาพใหญ่ นั่นคือการสร้างสรรค์สังคมแห่งความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง”

                            มาดูภาพบรรยากาศการ เวิร์คช็อป ศิลปะ โดยศิลปินออทิสติก และพี่เลี้ยงที่คอยแนะนำสื่อมวลชนผู้เข้าร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้กันค่ะ

                            บรรยากาศการ เวิร์คช็อป ศิลปะ

                            บรรยากาศ เวิร์คช็อป ศิลปะ

                            นอกจากจะได้เพลิดเพลินกับเวิร์คช็อปงานศิลปะแล้ว ผู้ที่เข้ามาทำกิจกรรมใน ARTSTORY Creative Hub ยังจะได้รับบริการเครื่องดื่มจากทรูคอฟฟี่ ที่รังสรรค์โดยฝีมือบุคคลออทิสติก โดยมีเครื่องดื่มพิเศษ “ส่งรัก” เป็นซิกเนเจอร์เมนู เกิดจากการนำไซรัปผลไม้ อย่างลิ้นจี่และสตรอว์เบอร์รี่ ผลไม้ที่เป็นตัวแทนแห่งความรัก มาผสานกับส้มยูซุ ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งความสุข มาผสมรวมกัน ได้เป็นเครื่องดื่มที่มีความสดชื่น มีกลิ่นอายของความรัก และความโรแมนติกรวมอยู่ในแก้วเดียว เหมือนความสุขและความรัก ที่น้องๆ ออทิสติกต้องการส่งมอบให้กับทุกคน พร้อมเสริ์ฟที่ทรูคอฟฟี่ สาขามูลนิธิออทิสติกไทยที่เดียวเท่านั้น แม่ไข่มุกลองชิมแล้ว บอกเลยว่า อร่อย สดชื่นมากๆ ค่ะ ^^

                            เมนู “ส่งรัก” ลิ้นจี่และสตรอว์เบอร์รี่ ผสานกับส้มยูซุ รสชาติสดชื่น สั่งได้เมื่อมา เวิร์คช็อป ศิลปะ ที่ทรูคอฟฟี่ มูลนิธิออทิสติกไทย เท่านั้น
                            ใครอยากอุดหนุนผลงานศิลปินออทิสติก ภายใน Art Story Creative Hub มีร้านขายของที่ระลึกฝีมือศิลปิน สามารถเป็นของฝากกลับบ้านไปด้วยค่ะ

                            สำหรับผู้ที่สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สังคมแห่งความเท่าเทียม สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

                            Line : @ARTSTORYSTORE / Facebook Fanpage : Artstory by AutisticThai

                            หรือโทร. 080-962-4661

                              Tags

                              Mothery หมอนรองให้นม 11 องศา พัฒนาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการเข้าเต้าอย่างถูกวิธี

                              คุณแม่ที่ตั้งใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้สำเร็จ นอกจากจะต้องเรียนรู้การเข้าเต้าอย่างถูกวิธีแล้ว จำเป็นต้องมี หมอนรองให้นมดี ๆ สักใบที่จะช่วยให้การเข้าเต้าเป็นเรื่องง่าย ไม่เมื่อยล้า ไม่ปวดแขน หรือปวดหลังจากการอุ้มลูกเข้าเต้าเป็นเวลานาน ทั้งนี้ หมอนรองให้นม ก็มีให้เลือกมากมายหลากหลายยี่ห้อ แล้วจะเลือกแบบไหนดี?

                              หากพิจารณาจากประสบการณ์ของทีมบรรณาธิการแม่ตัวจริงแล้ว เราจะเลือก หมอนรองให้นม ที่ลูกนอนได้มั่นคง ไม่นิ่มยวบ หรือทำให้ลูกน้อยเลื่อนหล่นจากหมอนได้ง่าย ความสูงของหมอนพอดีให้ลูกดูดนมแม่ได้อย่างสบาย รวมถึงช่วยให้แม่นั่งได้อย่างสบาย ไม่ปวดเมื่อย เมื่อต้องนั่งให้นมในท่าเดิมเป็นเวลานาน

                              ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ได้ทดลองใช้ หมอนรองให้นม Mothery  ซึ่งบอกได้เลยว่า ตอบโจทย์คุณแม่ให้นมมาก เพราะถูกพัฒนาร่วมกับบุคลากรทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การวิจัยทดลอง พัฒนาผลิตภัณฑ์ และร่วมคิดค้นองศาธรรมชาติที่ดีที่สุดมากกว่า 100 ครั้ง เพื่อให้ได้องศาที่ดีที่สุดในการให้นม อีกทั้งยังผ่านการทดลองกับคุณแม่คนไทยกว่า 100 คน เพื่อปรับรูปทรงให้เข้ากับสรีระคนไทยมากที่สุด ซึ่งสังเกตได้ง่าย ๆ จากจุดเด่นเหล่านี้

                              จุดเด่นของ หมอนรองให้นม Mothery

                              • ถูกออกแบบให้เอียง 11 องศา ซึ่งเป็นองศาที่เหมาะสมที่สุดในการให้นม ช่วยให้ลูกน้อยเอียงหน้าเข้าหาเต้านมของแม่ได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ ท่าอุ้มนอนขวางบนตัก , ท่านอนขวางบนตักแบบประยุกต์ และท่ารักบี้ ทำให้ลูกกินนมได้เต็มอิ่ม
                              • ดีไซน์แบบ U-Curve เพิ่มปีกยาวตัวหมอนลึกไปถึงหลัง ทำให้หมอนไม่หลุดออกจากตัวคุณแม่ และมีที่วางแขนลดอาการปวดเมื่อยและบาดเจ็บของข้อมือจากการประคองลูกเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการข้อมืออักเสบ
                              • Back Support หมอนรองหลัง สายคล้องด้านหลัง รัดกระชับ ปรับระดับได้ตามขนาดเอว ทำให้การให้นมไม่ต้องเอามือประคองหมอนรองให้นมเพิ่มความสะดวกสบาย ช่วยให้คุณแม่นั่งพิงได้อย่างสบาย ลดอาการปวดหลังเมื่อต้องนั่งให้นมลูกเป็นเวลานาน

                               

                              • Leg Support หมอนรองตัก ทำจากเม็ดโฟมน้ำหนักเบา ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นที่กระจายแรงได้ดี ปรับรูปทรงให้เข้ากับท่าทางของคุณแม่ได้อย่างอิสระ ช่วยปรับเพิ่มความสูงของหมอนให้ลูกน้อยอยู่พอดีกับเต้านม คุณแม่จึงนั่งสบาย นั่งถูกวิธีระหว่างเข้าเต้า จึงช่วยลดอาการปวดคอ จากการที่ต้องโน้มตัวลงมา รวมทั้งยังช่วยลดอาการปวดขาจากการนั่งขัดสมาธิ หรือเขย่งขาอีกด้วย
                              • ตัวเบาะมั่นคง นุ่ม แน่น ไม่ยวบ คืนตัวได้ดี ไม่เสียทรง ด้วยคุณสมบัติของฟองน้ำ Polyurethane ช่วยให้ลูกนอนได้มั่นคง นอนดูดนมได้มากขึ้น
                              • เนื้อผ้าคอตตอนและโพลีเอสเตอร์ บุด้านใต้ทำจากวัสดุ 3D โพลีเอสเตอร์ ช่วยระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น จึงรู้สึกเย็นสบายทั้งคุณแม่และลูกน้อยขณะใช้งาน
                              • มาพร้อมสิ่งอำนวยความที่รู้ใจแม่ ปลอกหมอนสามารถถอดซักได้ มีช่องเก็บของด้านข้าง มีที่เก็บสายรัดเอวเมื่อไม่ใช้ เป็นต้น

                              นอกจากประสิทธิภาพเกินราคาแล้ว แบรนด์ Mothery ยังให้ความสำคัญกับความสวยงามด้วยการออกแบบให้มีหลากสีสัน และมีลวดลายสวยๆ ให้คุณแม่ได้เลือกใช้ตามสไตล์ที่ชอบอีกด้วย

                              ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้หมอนรองให้นม Mothery ได้รับรางวัล BEST NURSING PILLOW 2023 สาขา Editor’s Choice จาก “Amarin Baby & Kids Awards 202

                              สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดีๆ ของหมอนรองให้นม Mother สามารถติดตามได้ที่เฟซบุ๊ค

                              www.facebook.com/Motheryofficial

                                โรงเรียนอนุบาลแสงโสม

                                เปิดหลักสูตร โรงเรียนอนุบาลแสงโสม รร. 3 ภาษา พัฒนานักเรียนทั้ง IQ และ EQ ที่ดี พร้อมศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา อย่างมีความสุข

                                โรงเรียนอนุบาลแสงโสม โรงเรียนอนุบาล 3 ภาษา ที่พัฒนาให้นักเรียนมีทั้ง IQ และ EQ ที่ดี พร้อมในการศึกษาต่อชั้นประถมศึกษาได้อย่างมีความสุข

                                School Visit วันนี้เรามีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมชม โรงเรียนอนุบาลแสงโสม โรงเรียนอนุบาลเก่าแก่ย่านประชาชื่น ที่เปิดสอนมานานกว่า 40 ปี คุณภาพที่ดีของโรงเรียนทำให้เกิดการบอกต่อ แบบปากต่อปาก จนปัจจุบันโรงเรียนอนุบาลแสงโสมมีนักเรียนกว่า 800 คนแล้ว

                                โรงเรียนอนุบาลแสงโสม ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2527 โดยอ.แสงโสม ริ้วตระกูล โดยมีจุดมุ่งหมายตามเอกลักษณ์ของโรงเรียน คือ ” ลูกน้อยแจ่มใส ได้วิชา ” เน้นให้นักเรียนมาโรงเรียนอย่างมีความสุข และพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ ปัจจุบันอนุบาลแสงโสมสาขาประชาชื่น เปิดสอนระดับชั้นอนุบาล1-3 แบบ 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ จีน และยังมีแผนกอนุบาลและประถมศึกษาที่สาขาสัมมากรอีกด้วย

                                โรงเรียนอนุบาลแสงโสม เรียนและเล่น พัฒนาไปพร้อมกัน

                                หลักสูตรของโรงเรียนใช้ระบบศูนย์การเรียนและใช้การบูรณาการมีการเรียนรู้โดยผ่านการลงมือทำ ปูพื้นฐานแน่น เปิดสอน 3 โปรแกรม คือ IEP. / MEP. และภาคปกติ สําหรับโปรแกรม IEP. หรือ Intensive English Program ช่วยพัฒนาศักยภาพทางภาษาอังกฤษและวิชาการของนักเรียนได้เป็นอย่างดีโดยมี Native English Speaking Teacher เป็น Homeroom Teacher คู่กับคุณครูไทยและมีครูผู้ช่วยไทยอีก 2 คน เนื้อหาหลักสูตร เหมือนกับภาคภาษาไทย แต่สอนเป็นภาษาอังกฤษ 70% ซึ่งทําให้เป็นจุดแข็งของโปรแกรม IEP ส่วนหลักสูตร MEP เรียนภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติ สัปดาห์ละ 11 คาบ และภาคปกติเรียนภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติ สัปดาห์ละ 6 คาบ

                                นอกจากนี้ยังมีวิชาเสริมต่างๆอย่างครบครัน เช่น ทดลองวิทยาศาสตร์ Conversation พลศึกษา ว่ายนํ้า ดนตรี เมโลเดี้ยน คอมพิวเตอร์ คณิตศาสตร์ ความพร้อมทางเชาวน์ปัญญา และสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต ศิลปะวาดภาพบนกําแพงสร้างสรรค์ เพื่อเสริมสร้างจินตนาการให้กับนักเรียน มีวิชา Cooking เมนูที่ได้ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กต่างๆ เช่น ปั้นบัวลอย ปั้นขนมต้ม ส่วนวิชาภาษาจีน เด็กๆจะได้เรียนกับเหล่าซือทุกสัปดาห์ เพื่อให้นักเรียนได้วิชาการต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมในการเข้าชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในการสอนเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางและใช้สื่อการสอนที่หลากหลาย น่าสนใจ นอกจากนี้ยังมี Interactive Digital Display หรือ Ipad ยักษ์ เข้ามาใช้ ทำให้เด็กๆตื่นเต้นที่ได้เขียนหน้าจอขนาดใหญ่เหมือนตนเองกำลังเล่นเกมมากกว่า เป็นการสอนที่เด็กได้สนุกและมีความรู้ไปพร้อมๆกัน ช่วยพัฒนาผู้เรียนอย่างเต็มศักยภาพ

                                 จุดรับส่งนักเรียนช่วงเช้ามีหลายจุด ทั้งในซอยและด้านหน้าโรงเรียน ที่สำคัญมีคุณครูคอยรับนักเรียนทุกจุดจึงปลอดภัยหายห่วง
                                โรงเรียนอนุบาลแสงโสม
                                กิจกรรมหน้าเสาธงช่วงเช้า
                                สนามเด็กเล่นปูหญ้าเทียม ใช้งานได้อเนกประสงค์
                                โรงเรียนอนุบาลแสงโสม
                                โรงเรียนอนุบาลแสงโสม
                                เด็กๆได้เรียนกับครูต่างชาติ หลากหลายวิชา ทั้งวิชา Cooking วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ หรือ พลศึกษา ฯลฯ ทำให้เรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติ
                                วิชาภาษาจีนเด็กๆจะได้เรียนกับเหล่าซือแบบใกล้ชิดและสนุกสนานไปกับ Interactive Digital Display หรือ Ipad ยักษ์ ด้วย
                                ห้องเรียนคอมพิวเตอร์ แบบ 1 ต่อ 1
                                สระว่ายน้ำระดับความสูงเพียง 40 cm. ปลอดภัยกับเด็กเล็ก

                                ทุกเทอมเด็กๆนักเรียนทุกระดับชั้น จะได้เรียนแบบโครงงาน หรือ “Project Approach” โดยให้นักเรียนโหวตเลือกเรื่องที่ตนเองสนใจอยากจะเรียน สามารถทำได้ทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยว นักเรียนจะได้ลงมือทําด้วยตนเองจากประสบการณ์จริงได้สัมผัสของจริง ได้ความรู้หลากหลายแขนงทั้งวิชาศิลปะ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ เช่น เรื่องดอกไม้ทานได้ พืชน้ำ สัตว์ทะเล ยานพาหนะต่างๆ ทําให้นักเรียนเรียนรู้อย่างเพลิดเพลิน สนุกและได้ความรู้ เมื่อสิ้นสุดโครงงาน ทางโรงเรียนจะจัดนิทรรศการโครงงาน เชิญผู้ปกครองมาร่วมกิจกรรมเข้าร่วมฟังเด็กพรีเซนต์งานของตนเอง ช่วยให้ผู้ปกครองทราบว่าตลอดระยะเวลาทั้งเทอมที่ผ่านมา เด็กๆได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง

                                ส่วนกิจกรรมต่างๆก็มีครบครัน เช่น กิจกรรมพ่อแม่อาสา ผู้ปกครองจะอาสาเข้ามาสอนเรื่องที่เด็กอยากรู้และเหมาะกับเด็กๆ รวมไปถึงอาชีพต่างๆ เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับนักเรียน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมกีฬาสี ทัศนศึกษา การแสดงประจําปีเพื่อส่งเสริมการกล้าแสดงออกของนักเรียน

                                โรงเรียนอนุบาลแสงโสม
                                วันนิทรรศการโครงงาน ผู้ปกครองเข้าร่วมทำกิจกรรมกับเด็กๆได้
                                โรงเรียนอนุบาลแสงโสม
                                กิจกรรมพ่อแม่อาสา ผู้ปกครองเข้ามาเล่าเรื่องที่เด็กๆสนใจและอาชีพต่างๆ

                                การออกแบบพื้นที่ต่างๆเน้นความปลอดภัยเป็นสําคัญ 

                                ที่โรงเรียนอนุบาลแสงโสม เชื่อว่าการเล่นเป็นการเปิดสมอง ดังนั้นทุกวันจะจัดตารางสอนให้มีการเล่นทุกวัน ทั้ง เครื่องเล่นสนามกลางแจ้ง ขับรถขาไส หรือ เล่นสนามหญ้าสัมผัสธรรมชาติ ซึ่งนักเรียนจะได้พัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ ได้ เสริมสร้างอารมณ์และสติปัญญาไปพร้อมๆกัน เป็นการส่งเสริมให้เด็กๆมาโรงเรียนอย่างมีความสุข ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายสําคัญของอนุบาลแสงโสม คือการ พัฒนาให้นักเรียนมีทั้ง IQ และ EQ ที่ดี พร้อมในการศึกษาต่อชั้น ประถมศึกษาได้อย่างมีความสุข

                                สนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ใจกลางโรงเรียนปูพื้นด้วยหญ้าเทียมที่มีพื้นผิวนิ่ม ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ มีการระบายนํ้าได้ดี พื้นที่ ต่างๆออกแบบให้เป็นแหล่งเรียนรู้ เช่น บนพื้นเพนท์ลายตัวอักษรภาษาอังกฤษ A-Z เด็กๆสามารถเรียนรู้ได้ตั้งแต่เข้าโรงเรียน หรือบนกําแพง ทาสีเป็น Whiteboard เพื่อให้นักเรียนได้วาดภาพแสดงความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ มีเนินสนามหญ้าจริง ให้นักเรียนวิ่งเล่นเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีห้องนุ่มนิ่มหรือห้องหนูน้อยพาเพลิน เพื่อให้นักเรียนได้ออกกําลัง เล่นอย่างสนุกสนาน ปลดปล่อยพลังและเพลิดเพลินอย่างปลอดภัยในห้องแอร์เย็นฉ่ำอีกด้วย

                                โรงเรียนอนุบาลแสงโสม
                                ห้องนุ่มนิ่มหรือห้องหนูน้อยพาเพลิน เด็กๆได้เล่นปีนป่ายกันอย่างเต็มที่และปลอดภัย
                                ทางเดินแสนสนุก เพนท์ลวดลายกราฟฟิกและตัวอักษรต่างๆ เด็กๆได้กระโดดเล่นออกกำลังแถมได้ความรู้เรื่องตัวอักษรภาษาอังกฤษไปในตัว
                                ผนังบางจุดของโรงเรียน กลายเป็น White board ให้เด็กๆวาดภาพได้ตามจินตนาการ
                                บางจุดของโรงเรียนมีเนินสนามหญ้าจริง ให้เด็กวิ่งเล่น และออกกำลังด้วยด้วยการวิ่งขึ้นลงไปมา
                                โรงเรียนอนุบาลแสงโสม
                                สนามเด็กเล่น มีอุปกรณ์ครบครัน สำหรับเด็กๆ
                                ห้องน้ำสะอาด มีพื้นกันลื่น ส่วนอ่างล้างมือเป็นแบบเท้าเหยียบสะอาดและปลอดภัยกับเด็กๆ

                                Mommy’s Love This ! ถูกใจแม่ 

                                1. จำนวนครูที่มากถึง 4 คน ต่อ นักเรียน 25-26 คน ทำให้รู้สึกได้เลยว่าเด็กๆจะได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงแน่นอน
                                2. ช่วงเช้า มีจุดรับส่งนักเรียนมากถึง 9 จุด ( มี 9 ประตู ) มีคุณครูคอยรับนักเรียนทุกจุด ทำให้การส่งเด็กๆช่วงเช้าค่อนข้าง ลื่นไหลมากๆ และเมื่อถึงเวลานักเรียนเข้าเรียนแล้วประตูจะถูกล็อคทั้งหมด เหลือเพียงประตูเดียวที่เปิดอยู่โดยมี รปภ. คอยเฝ้าตลอดเวลา และมีกล้องวงจรปิดแทบทุกจุดของโรงเรียน
                                3. สนามเด็กเล่นกระจายอยู่ตามมุมต่างๆของโรงเรียน ทำให้เด็กๆเลือกเล่นได้ตามใจชอบไม่แออัด
                                4. โรงเรียนสะอาดได้มาตรฐาน เพราะหลังจากนักเรียนกลับบ้านหมดแล้ว มีการอบโอโซนฆ่าเชื้อในทุกห้องเรียน ซึ่งเป็นการฆ่าเชื้อระดับโรงพยาบาล และฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคในทุกห้องประกอบทุกเย็น ส่วนห้องน้ำล้างทำความสะอาดทุกวัน
                                  • ในทุกวันศุกร์เย็นคุณครูจะทำความสะอาดใหญ่ เช่น เช็ดเตียงด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ล้างของเล่นทุกอย่างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ล้างดินสอ-สี เช็ดโต๊ะ เก้าอี้ ตู้ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ล้างฟิลเตอร์แอร์ ฟิลเตอร์เครื่องกรองอากาศ ล้างพัดลม
                                  • และทุกวันเสาร์พนักงานจะทำความสะอาดใหญ่โดยขัด ฆ่าเชื้อเครื่องเล่นสนาม ล้างระเบียงทางเดิน บันได ราวบันได ห้องน้ำ และลานทุกอาคาร รวมถึงวางเครื่องโอโซนฆ่าเชื้อในห้องประกอบ ล้างไส้กรองน้ำ และล้างกล่องสบู่เหลวทุกจุด
                                5. ทุกปี ผู้ปกครองจะได้รับจุลสารแสงโสม บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กๆและกิจกรรมในแต่ละปี มีทั้งรูปภาพและบทความจากคุณครู เก็บไว้ให้เด็กๆดูตอนโตได้ด้วย
                                6. เด็กดี ไหว้สวย ไหว้แบบแสงโสม เด็กนักเรียนที่นี่ไหว้สวย เจอผู้ใหญ่ก็จะยกมือไหว้โดยไม่ต้องบอก ที่โรงเรียนมีประกวดไหว้สวย ประกวดกราบพระ เพื่อสนับสนุนให้เด็กรู้จักมารยาทที่ดีอีกด้วย

                                อัตราค่าเล่าเรียน ปี 2567

                                • หลักสูตรปกติ ราคา 49,900 บาท ต่อเทอม
                                • หลักสูตร IEP. ราคา 68,900 บาท ต่อเทอม
                                • ค่าแรกเข้า 8,000 บาท ( ราคารวมค่าชุดนักเรียน )

                                เปิดให้เยี่ยมชมโรงเรียน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-16.00 น. และวันอาทิตย์ เวลา 10.00-16.00 น.

                                ที่อยู่

                                เลขที่ 6 ซอย ประชาชื่น 32 แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร 10800

                                โทรศัพท์: 0-2585 -5316, 0-2585-6433

                                https://kindergarten.sangsomschool.com

                                Editor : แม่เลม่อน

                                ภาพ : อภินัยน์ ทรรศโนภาส

                                  โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์

                                  พาทัวร์! โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ โรงเรียนหญิงล้วนชื่อดังย่านฝั่งธนฯ

                                  โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ โรงเรียนสตรีเก่าแก่ย่านบางพลัด ที่สร้างเยาวชนหญิงให้มีความเป็นเลิศทางวิชาการ มีกิริยามารยาทงดงามแบบไทย และสร้างความสามัคคีระหว่าง เพื่อนพี่น้อง

                                  เช้าวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง แสงอาทิตย์ทอดยาวกระทบผิวน้ำเจ้าพระยา เรือบรรทุกและเรือโดยสารสัญจรกันหนาตาตามช่วงเวลาเร่งด่วนของวัน สภาพการจราจรบนถนนยังเป็นที่หนึ่งแห่งความแน่น เป็นเหตุให้ผู้คนเลือกที่จะเดินไปตามถนน บ้างก็เดินไปขึ้นรถไฟฟ้า บ้างก็มุ่งหน้าไปลงเรือ ภาพของนักเรียนหญิงเดินเลี้ยวเข้าไปยังโรงเรียนพร้อมเสียงอันสดใสบอกเป็นนัยว่า School Visit วันนี้ ทีมแม่ ABK เดินทางมาถึงจุดมุ่งหมายแล้วที่ โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์

                                  โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2475 เดิมตั้งอยู่ในวังพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นทิวากรวงศ์ประวัติ (ต้นราชสกุล-เกษมศรี)  ปัจจุบันเปิดทำการสอนโดยรับนักเรียนสตรีเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยเปิดรับสมัครทั้งนักเรียนไปกลับและนักเรียนประจำ

                                  โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์

                                  บรรยากาศโรงเรียน ทั้งอาคารเรียนและสนามกีฬา ดูสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย

                                   

                                  The Perfect Combination | ศาสตร์ผสมผสานสดใหม่สำหรับเด็กๆ

                                  Active Learning มาแล้ว! หลักสูตรฐานสมรรถนะพร้อมลุย! เป็นส่วมผสมของทักษะและสมรรถนะที่แทรกสาระทางวิชาการแทรกด้วย หรือเป็นที่รู้จักกันว่า “บูรณาการ” นั่นเอง

                                  • เป็นการเรียนผ่านกิจกรรม บูรณาการศาสตร์ต่างๆ จาก 3 วิชาหลักได้แก่ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ การงาน วิชาโครงงานบูรณาการ หรือที่เรียกว่า Class Project กิจกรรมจะแตกต่างกันไปตามช่วงเวลา (แต่สอดคล้องกับหน่วยการเรียนรู้ที่กำหนดไว้) คุณครูเป็นเพียงผู้เตรียมกิจกรรมไว้
                                  • เด็กๆจะเป็นผู้นำกิจกรรมเอง จะได้เรียนรู้จากปัญหา (แต่ละคนปัญหาไม่เหมือนกันซะด้วย) และหาทางแก้ไขปัญหา
                                  • เพราะธรรมชาติของเด็กคือ การเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่ง ทางร่างกายก็เช่นกัน ประสาทสัมผัสทุกอย่างยิ่งใช้งาน-ยิ่งพัฒนา ประสบการณ์ตามมาอย่างเห็นๆ เมื่อเด็กๆเรียนด้วยความสนุกสนาน ก็ยิ่งทำให้พวกเขาอยากเรียน ความเป็น Life Long Learner ก็จะถูกปลูกฝังเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
                                  • ปีการศึกษาหน้า (พ.ศ. 2567) พี่ๆป.4-5 ปีการศึกษานี้เตรียมตัวรอรับความสนุกในปีหน้าได้เลยเพราะหลักสูตรฐานสมรรถนะจะขยายไปใช้ตั้งแต่ชั้น ป.1-6

                                   

                                  โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์

                                  วันนี้เด็กๆได้ทำเมนูแซนด์วิช โดยออกไปซื้อวัตถุดิบเองจากตลาด

                                   

                                  โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์

                                  แปลงผักที่เด็กๆลงมือปลุกปั้นกันมาเองตั้งแต่เก็บกวาดพื้นที่สนามเด็กเล่นเก่า ..แต่ผักไม่โตตามที่คาดไว้ เด็กๆจึงต้องออกไปซื้อวัตถุดิบจากตลาดแทน ได้เรียนรู้หลายประสบการณ์เลยนะเนี่ย!

                                   

                                  Soft Skills – Life Long Learners

                                  เพราะทุกอย่างไม่ได้จบแค่ทักษะด้านวิชาการ เราไม่ได้เรียนไปเพื่อสอบแต่เราเรียนไปเพื่อนำไปใช้ การพัฒนาสมรรถนะด้านต่างๆของเด็กๆจึงมาแรงแซงทุกโค้ง เพราะคนที่เก่งสมรรถนะจะนำความรู้และประสบการณ์ไปปรับใช้ในชีวิตได้ดีกว่าคนเก่งตำรา

                                  (อย่าลืมว่าความรู้ ตัวตำราเอง ทฤษฎีต่างๆก็เปลี่ยนไปได้ถ้ามีการค้นพบใหม่ๆ) จัดไปค่ะ ทีมแม่ ABK ข้อ wrap up ความสำคัญของ Soft Skills มาให้ทุกท่านแล้วดังนี้

                                   

                                  • Communication คุยกับตัวเอง พูดกันในกลุ่ม แสดงความคิดเห็นกันให้ห้อง ถามคำถามคุณครู โต้วาทีกันบ้าง ยิ่งสื่อสารมากยิ่งรู้มาก มุมมองและองค์ความรู้ใหม่ๆเกิดขึ้นได้ก็เพราะความคิดที่แตกต่างนี่แหละค่ะ
                                  • Critical Thinking and Creativity แพทเทิร์นนี้จับมือเดินคู่ไปกับการสื่อสารเลยค่ะ เพราะเป็น “การคิดอย่างเป็นแบบแผน” ความสงสัยทำให้เกิดคำถาม-ตามมาด้วยการวิเคราะห์ปัญหา-นำพามาสู้การแก้-แล้วต่อยอดไอเดียใหม่ๆในที่สุด
                                  • Emotional Intelligence ความฉลาดและความสามารถในการจัดการอารมณ์ สำคัญนะคะ เพราะส่งผลต่อการทำงานร่วมกันอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จค่ะ
                                  • Management การจัดการ บริหารเวลา และความสามารถในการตัดสินใจ อย่างเหมาะสมตามวัยและวุฒิภาวะของเด็กๆ
                                  • Collaboration การทำงานร่วมกันกับ คุณครู-เพื่อน-พี่-น้อง-คุณพ่อคุณแม่ อย่างมีประสิทธิภาพ
                                  • Adaptability ความสามารถในการปรับตัว ให้เข้ากับสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงตามหน้างานที่เกิดขึ้น

                                   

                                  Soft Skills ที่แข็งแรงจะทำให้เด็กๆมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ เพราะไม่ต้องลำบากในการท่องจำ แต่เปลี่ยนเป็น “ลองทำ” คุณลักษณะที่ติดตัวไปอย่างนี้จะทำให้เด็กๆ จัดการกับความสงสัยและคำถามของตัวเองได้เมื่อโตขึ้น และนั่นคือพฤติกรรมของ Life Long Learner ผู้ที่สามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต เหตุเพียงเพราะไม่ปล่อยให้คำถามหรือข้อสงสัยมาสกัดดาวรุ่งเอาไว้

                                  โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์

                                   กิจกรรมมักดึงให้เด็กๆเกิดสมาธิอย่างเป็นธรรมชาติ

                                   

                                  โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์

                                  การสื่อสารจะตามมาเองผ่านการเรียนรู้ ช่วยเหลือระหว่างกัน

                                   

                                  กิริยามารยาทงดงามแบบไทย

                                  “มารยาท  หมายถึง กิริยา วาจาที่สุภาพเรียบร้อย ที่บุคคลพึงปฏิบัติในสังคมโดยมีระเบียบแบบแผน อันเหมาะสมตามกาลเทศะ”

                                  • คุณครูจะเป็นแบบอย่างในการปลูกฝัง ด้านกิริยาให้เรียบร้อย เช่น การยืน การเดิน การนั่ง การรับของส่งของ การทำความเคารพ การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง และด้านวาจาให้ไพเราะ  เช่น  การทักทาย การสนทนา การใช้คำพูด การฟัง การใช้เครื่องมือสื่อสาร รวมทั้งการวางตัวในพิธีการต่าง ๆ ตามอัตลักษณ์ของทางโรงเรียน
                                    • พิธีไหว้ครู (แบบพราหมณ์-นักเรียนชั้น ม.ปลาย)
                                    • ทำบุญตักบาตรในวันพระ
                                    • การเทิดพระคุณเนื่องในโอกาสวันสำคัญต่างๆ
                                  • กิริยามารอันงดงามแบบไทยนี้เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นซึ่งทำให้ประเทศเราได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “The Land of Smile” หรือ รอยยิ้มที่มาพร้อมกับการยกมือไหว้ที่น่าประทับใจ
                                  • ความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมมีผลต่อความคิดและพฤติกรรมของเด็กไทยมากยิ่งขึ้น แต่เราสามารถผสมผสานและปรับให้เข้ากับความเป็นไทยได้ ตามแบบฉบับเขมะสิริค่ะ

                                  โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์

                                  บรรยากาศห้องเรียน

                                   

                                  โรงเรียนกุลสตรีที่ Activity แน่น

                                  กิจกรรมต่างๆจะปรับไปตามยุคสมัย ทางโรงเรียนจะฟังเสียงของเด็กๆเสมอ  มีชมรม “เฉพาะทาง” เพิ่มขึ้นมากมาย ได้แก่ ชมรม Cover-Dance (ทางโรงเรียนก็เชิญไปเต้นเปิดกิจกรรมต่างๆ) ชมรม Cost play ชมรมถ่ายภาพ ชมรมดนตรี ทุกกิจกรรมในชมรมก็เป็นการบูรณาการศาสตร์ต่างๆเข้าไปด้วยและก็สร้าง Social Skills ให้แก่เด็กๆด้วย

                                  ขั้นตอนการดำเนินงาน

                                  • เด็กๆจะเป็นผู้นำในการทำกิจกรรมเอง โดยมีพี่ๆเป็นผู้ และมีคุณครูที่ปรึกษาคอยดูแลในการดำเนินกิจกรรม
                                  • ทำการนำเสนอบนเวที
                                  • การเลือกชมรม
                                  • พี่นำน้อง น้องตามพี่ ทำกิจกรรมตามที่ได้วางแผนงานไว้ เพราะจะมีการประเมินผลเช่นกัน เพื่อการเรียนรู้
                                  • ผลผลิตจากชมรม จะนำเสนอผลงานในวันวิชาการเพื่อแสดงผลงานทางวิชาการ (ออกบูธในวันวิชาการ-จัดขึ้นในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมกราคม)

                                  โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์

                                  กิจกรรมศิลปะ ดนตรี กีฬา การงาน เรียบง่ายแต่สนุกและสร้างสรรค์ไม่เป็นรองใครเช่นกันค่ะ

                                   

                                  คุณครูก็ต้องพร้อม

                                  ในการสร้างให้เด็กๆเป็น Life Long Learner แล้ว คุณครูเองก็ต้องเป็นแบบอย่างเช่นกัน ถ้าหากผู้หญิงอย่าหยุดสวย ศักยภาพคุณครูก็ต้องไม่หยุดพัฒนาเช่นกัน การพัฒนาบุคคลากรครูของโรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ อยู่ในรูปแบบชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC : Professional Learning Community) คือ การที่ครู ผู้บริหาร ได้มาแบ่งปันแนวคิดเพื่อพัฒนาแนวทางการสอน และสร้างสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ที่เหมาะสม ที่จะช่วยให้นักเรียนทุกคนสามารถบรรลุศักยภาพสูงสุดของตนเองได้

                                  • ช่วยให้ครูมีโอกาสปรับปรุงการเรียนการสอนได้โดยตรง
                                  • สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างสมาชิกในทีม
                                  • ช่วยให้ครูติดตามงานวิจัยและเครื่องมือเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่สำหรับห้องเรียน : จะทำให้ครูมีโอกาสเรียนรู้จากกันและกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งในและนอกโรงเรียน ผ่านช่องทางหรือแพลตฟอร์มที่หลากหลาย
                                  • ช่วยให้ครูสะท้อนความคิด : การเรียนรู้จากคนอื่น ๆ ในวง PLC ทำให้ครูสามารถไตร่ตรองถึงการปรับวิธีการสอน และปรับวิธีการปฏิบัติของตนเอง และยิ่งในวง PLC มีความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลายมากเท่าไหร่ ครูก็จะยิ่งมีโอกาสที่จะเพิ่มคุณค่าในการทำงานของตัวเองมากขึ้นเท่านั้นค่ะ

                                   

                                  Mommy’s Love This!

                                  • ใช้การสอนแบบ Active Learning รับรองว่าเด็กๆจะมีเรื่องกลับไปเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังอย่างสนุกสนานแน่นอน
                                  • มีทั้งชั้นเรียนปกติ (ป.1-ม.6) และชั้นเรียน IEP (ป.1-ม.3) ทั้งหมดล้วนทำกิจกรรมในระดับชั้นร่วมกัน เข้าเรียน ป.1 เติบโตร่วมกันไป 12 ปีเลยค่ะ
                                  • มีกิจกรรมนอกห้องเรียนมากมาย และหลากหลาย เช่น ป.1ไปตลาดกรุงธน, ป.2 บำเพ็ญประโยชน์ให้ชุมชน และ ป.3 ไปจ่ายตลาด รวมไปถึงการเรียนเพื่อไปเป็นผู้ประกอบการตั้งแต่เด็ก
                                  • กิริยามารยาทงดงามแบบไทย แต่ความคิดทันสมัย กล้าคิด กล้าสื่อสาร
                                  • คุณครูพัฒนาตัวเองตลอดเวลาด้วย ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC : Professional Learning Community) การเรียนการสอนและกิจกรรมจะสดใหม่หมุนไปพร้อมกับโลก

                                  โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์

                                  ห้องสมุดขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสือมากมาย

                                   

                                  5 สิ่งที่ทำให้เด็กๆอยากมาโรงเรียนทุกวัน

                                  1. Active Learning-สุข สนุก เรียนผ่านกิจกรรมที่เด็กๆทุกคนตั้งตารอคอย
                                  2. เพื่อนหญิง พลังหญิง อยู่รวมกันอย่างสบายใจ เป็นเพื่อนกันไปจนโตเลยค่ะ
                                  3. คุณครูเป็นมิตร เข้าหา เข้าใจ ใกล้ชิด เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ปลอดภัยให้แก่เด็กๆ
                                  4. กิจกรรมและชมรมคือพื้นที่ให้เด็กๆลงมือปฏิบัติ แสดงความคิด ความเป็นตัวเองอย่างอิสระ Class Project จะกลายเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของเด็กๆ
                                  5. ห้องสมุดและห้องทักษะชีวิต สถานที่ให้สาระและความสนุก อ่านเขียน เรียนเล่น อย่างสบายใจ

                                   

                                  โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์

                                  คุณครูชนิดา ตันไพบูลย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์

                                   

                                   

                                  โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ ค่าเทอม

                                  สำหรับค่าธรรมเนียมการศึกษา (โดยประมาณ)

                                  ห้องเรียนปกติ (นักเรียนไป-กลับ) ป.1-ม.6 ประมาณ 26,500-28,100 บาทต่อเทอม

                                  ห้องเรียน IEP (นักเรียนไป-กลับ) ป.1-ม.3 ประมาณ 54,000-56,100 บาทต่อเทอม

                                  ห้องเรียนปกติ (นักเรียนประจำ) ป.3-ม.6 ประมาณ 50,400-54,800 บาทต่อเทอม

                                  ห้องเรียน IEP (นักเรียนประจำ) ป.3-ม.3 ประมาณ 78,100-81,200 บาทต่อเทอม

                                  ค่าลงทะเบียนแรกเข้า

                                  60,000 – 95,000 บาท

                                   

                                  ที่อยู่

                                  โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์

                                  เลขที่ 210 ถนนราชวิถี แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700

                                  โทรศัพท์ :02-4242244,02-4245777,02-4242255,02-4245377-79

                                  E-mail : [email protected] , Line: @khemasiri

                                  โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ (khemasiri.ac.th)

                                   

                                  Editor : แม่พลอยผิง

                                  ภาพ : ธนายุต วิลาทัน


                                    นม UHT

                                    รีวิวจัดเต็ม นม UHT กล่องแรกของลูกวัย 1 ขวบ ที่มีสารอาหารช่วยพัฒนาสมองสูง

                                    พอลูกเริ่มวัยขวบ คุณพ่อคุณแม่ได้มีหาข้อมูลเลือก นม UHT กล่องแรกให้ลูกกันไว้แล้วหรือยังคะ ถ้ายังไม่มี วันนี้ทีมแม่ ABK มาแนะนำให้ค่ะ ขอบอกว่าเป็นนมกล่องระดับพรีเมียม สารอาหารสมองจัดเต็ม เหมาะที่จะเป็นนมกล่องแรกของลูกวัย 1 ขวบขึ้นไป เสริมให้ลูกดื่มบำรุงร่างกาย สมอง และภูมิคุ้มกัน เพื่อที่จะได้พร้อมเรียนรู้ในทุกวันค่ะ

                                    การเริ่มนมกล่องแรกให้ลูก สิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องคำนึงถึงเป็นอันแรกเลยก็คือในเรื่องของสารอาหารค่ะ เด็กที่เข้าสู่วัย 1 ขวบ จะมีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการด้านร่างกาย พัฒนาการสมองการเรียนรู้ เด็ก ๆ ในช่วงวัยนี้ร่างกายมีความต้องการสารอาหารที่หลากหลายและเพิ่มขึ้นอย่างมากค่ะ โดยเฉพาะสารอาหารที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง ซึ่งลูกควรได้รับอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พัฒนาการสมองการเรียนรู้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เวลาที่ลูกได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ก็จะสามารถเรียนรู้ จดจำได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ

                                    7 สารอาหารควรเสริมให้ลูก ยิ่งกิน ยิ่งดีต่อสมอง และภูมิคุ้มกัน ช่วยลูกเติบโตแข็งแรงสมวัย

                                    ร่างกายเจริญเติบโตดี มีสมองการเรียนรู้ดี ก็ต้องดูแลให้ลูกมีสุขภาพที่แข็งแรงไปพร้อมกันด้วยนะคะ มาดูกันค่ะว่ามีสารอาหารอะไรบ้างที่ควรส่งเสริมให้ลูกรักของคุณพ่อคุณแม่ได้รับอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความพร้อมสมบูรณ์ทั้งร่างกาย สมอง และภูมิคุ้มกัน

                                    ดีเอชเอ  ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรับส่งข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาท ช่วยให้สมองจำได้ดี ร่างกายไม่สามารถสร้างดีเอชเอขึ้นเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารเท่านั้นค่ะ ซึ่งแหล่งอาหารของดีเอชเอคือ นมแม่ ปลาทะเลน้ำลึก ปลาน้ำจืด สาหร่ายทะเล เป็นต้น

                                    โอเมก้า 369 ช่วยบำรุงสมอง สายตา อีกทั้งเสริมสร้างการเชื่อมต่อของโครงข่ายใยประสาทของเซลล์สมอง พบในปลาทะเล อะโวคาโด้ ไข่แดง และธัญพืช เป็นต้น

                                    สฟิงโกไมอีลิน เป็นสารอาหารชนิดหนึ่งที่พบมากในนมแม่ สฟิงโกไมอีลินมีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยสร้างไมอีลินในสมอง ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้คิดเร็ว เรียนรู้ไว

                                    วิตามินซี มีหน้าที่ช่วยให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  วิตามินซีจะเข้าไปช่วยลดสารอนุมูลอิสระและการอักเสบของระบบร่างกายภายใน แหล่งอาหารของวิตามินซี พบมากใน ส้ม ฝรั่ง กีวี่ ผลไม้ตระกูลเบอรี่ เป็นต้น

                                    วิตามินบี 12  ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาทและสมอง พบในอาหารทะเล ตับ ชีส นม และไข่ เป็นต้น

                                    โฟเลต(วิตามินบี 9)  มีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงตามปกติ ช่วยสร้างความเจริญเติบโตของร่างกายและสมอง แหล่งอาหารของโฟเลต พบมากในผักสดใบเขียว อะโวคาโด หล่อไม้ฝรั่ง มะเขือเทศ ถั่วเมล็ดแห้ง ธัญพืชไม่ขัดสี เป็นต้น

                                    แคลเซียม ช่วยในการทำงานของกระดูกและฟัน แหล่งอาหารของแคลเซียม พบมากใน นม ชีส โยเกิร์ต ผักใบเขียว(คะน้า บร็อคโคลี่) ไข่ไก่ เป็นต้น

                                    เด็ก ๆ ที่ได้รับสารอาหารที่หลากหลาย และได้รับในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะช่วยให้ร่างกายมีการเจริญเติบโตดี มีสุขภาพที่แข็งแรง และสมองมีการเรียนรู้ได้อย่างดีค่ะ

                                    เทียบสารอาหารนม UHT นมกล่องแรก ตัวปังระดับพรีเมียมสำหรับเด็ก 1 ขวบ+ มีสารอาหารสมองสูง

                                    นม UHT

                                    นม UHT

                                    นม UHT

                                    นม UHT ที่ทีมแม่ ABK นำมาฝากนี้ คุณพ่อคุณแม่พอจะเลือกนมกล่องแรกให้ลูกกันได้แล้วหรือยังคะ ต้องบอกว่านม UHT ทั้ง 6 กล่องนี้ เต็มไปด้วยสารอาหารสำคัญต่อสมอง ภูมิคุ้มกัน ดื่มแล้วดีได้ประโยชน์กับลูกอย่างแน่นอนค่ะ

                                    ทีมแม่ ABK ขอแนะนำนมกล่อง UHT เป็นแบรนด์ที่อยู่คู่ครอบครัวไทยมาอยากยาวนาน และเด็ก ๆ ก็ชอบดื่มกันค่ะ นั่นก็คือ ฟรีสแลนด์คัมพิน่า ประเทศเนเธอร์แลนด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและพัฒนาการเด็กได้คิดค้น นมที่มีสารอาหารบำรุงสมองเด็กที่จำเป็นครบถ้วน ช่วยบำรุงพร้อมส่งเสริมพัฒนาการสมอง ร่างกาย และสร้างภูมิคุ้มกัน  สำหรับ FOREMOST OMEGA 369 GOLD 1 PLUS นมกล่องแรกของลูก ที่มีสารอาหารบำรุงสมอง และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตสมบูรณ์แข็งแรงสมวัย


                                    ติดตามบทความน่าสนใจเกี่ยวกับแม่และเด็กได้ที่

                                    Facebook https://www.facebook.com/AmarinBabyAndKids/