#สิ้นปีนี้ยังมีจิบลิ นิทรรศการ จิบลิ ขยายเวลาถึง 2 ม.ค. 67 พร้อมโซนใหม่ ฉลองยอดขายแสนใบ!!!

event

ฉลองยอดขายกว่าแสนใบ! ‘นิทรรศการจิบลิ’ เพิ่มโซนใหม่ และขยายเวลา

‘THEWORLD OF STUDIO GHIBLI’S ANIMATION EXHIBITION BANGKOK 2023’

7 ตุลาคม ถึง 2 มกราคม 2566 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ไลฟ์

พิเศษ! บัตร Early Bird 490 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 6 ตุลาคมนี้เท่านั้น

หลังจากได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม การันตีด้วยยอดขายกว่า 100,000 ใบ ‘THE WORLD OF STUDIO GHIBLI’S ANIMATION EXHIBITION BANGKOK 2023’ ไลฟ์ เนชั่น เทโร ขยายเวลาจัดแสดงนิทรรศการจิบลิตามคำเรียกร้องของแฟน ๆ จนถึง 2 มกราคมปีหน้า พร้อมเพิ่มโซนใหม่ ‘Hall of Fame’ รวบรวมภาพสเก็ตช์จากสตูดิโอจิบลิส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อแฟนจิบลิชาวไทยโดยเฉพาะ

นิทรรศการ THE WORLD OF STUDIO GHIBLI’S ANIMATION EXHIBITION BANGKOK 2023’ จะพาแฟน ๆ ไปพบกับฉากประทับใจจาก 10 ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องเยี่ยมจากสตูดิโอจิบลิ ไม่ว่าจะเป็น ป้ายรถเมล์จากเรื่อง My Neighbor Totoro ฉากจักรยานลอยฟ้า และฉากบอลลูน ที่ผู้เข้าชมงานสามารถทำท่าโหนบอลลูน เหมือนในแอนิเมชั่นเรื่อง Kiki’s Delivery Service หรือแม่มดน้อยกิกิ ขึ้นรถไฟแห่งวิญญาณที่เว้นที่ว่างข้างๆ ไว้ให้แฟนๆ ไปนั่งใกล้ชิดกับ ‘คาโอนาชิ’ หรือ ‘ภูตไร้หน้า’ จากเรื่อง Spirited Away พร้อมด้วยอีกหลายฉากจากแอนิเมชั่นในดวงใจอย่าง Nausicaa of the Valley of the Wind, Porco Rosso, Pom Poko, Princess Momonoke, Howl’s Moving Castle และ Ponyo on a Cliff by the Sea และพิเศษสุดๆ สำหรับกับฉาก ‘ลาปูต้า’ (Laputa) ปราสาทกลับหัวจากเรื่อง Castle in the Sky ซึ่งจัดแสดงเป็นครั้งแรกในโลกที่กรุงเทพฯ

นอกจากความพิเศษของฉากลาปูต้าแล้ว ในนิทรรศการจิบลิรอบใหม่นี้ ยังมีโซนพิเศษที่จัดแสดงนอกประเทศเป็นครั้งแรกอย่าง Hall Of Fame (ฮอลล์ ออฟ เฟม) รวบรวมเรื่องราวกว่าจะเป็นแอนิเมชั่นสตูดิโอจิบลิ ผ่านภาพสเก็ตช์ และสต็อปโมชั่น ให้แฟนจิบลิชาวไทยได้เห็นส่วนหนึ่งกระบวนการทำงาน ก่อนที่ภาพยนตร์ของจิบลิจะเผยแพร่ให้พวกเราได้ชมกัน ซึ่งปกติเรื่องราวเหล่านี้จะสงวนไว้เฉพาะผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่โตเกียว และไม่สามารถถ่ายภาพด้านในได้ เพราะฉะนั้นแฟนจิบลิที่ไทยห้ามพลาดเด็ดขาด! เพราะที่นี่เป็นที่แรกที่สามารถเก็บภาพความประทับใจขณะเข้าชม Hall Of Fame ได้

‘THE WORLD OF STUDIO GHIBLI’S ANIMATION EXHIBITION BANGKOK 2023’ รอบใหม่จะเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่ 7 ตุลาคม ถึง  2 มกราคม 2567 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ไลฟ์ ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ จำหน่ายบัตร Early Bird สำหรับรอบใหม่ในวันที่ 1 – 6 ตุลาคมนี้ เพียง 490 บาทเท่านั้น

ซื้อบัตรที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ หรือคลิก bit.ly/WOGBKK2023

พิเศษ! สำหรับแฟน ๆ ที่ซื้อบัตรเข้าชมนิทรรศการจิบลิ รอบวันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน เพียงนำบัตรเข้าชมการแสดงรอบเก่ามาแสดงพร้อมซื้อบัตรหน้างาน รับไปเลยโปสเตอร์ Limited Edition ที่ระลึกจากนิทรรศการ จำนวนจำกัดเพียง 1,000 ใบเท่านั้น

รายชื่อฉากจากภาพยนตร์ที่จัดแสดงในนิทรรศการ

  1.  เครื่องบินของนาชิกา จาก Nausicaä of the Valley of the Wind
  2.  ปราสาทกลับหัว หรือ ลาปูต้า (Laputa) จาก Castle in the Sky
  3.  ป้ายรถเมล์และบ้านต้นไม้ จาก My Neighbor Totoro
  4.  จักรยานลอยฟ้าและร้านขนมปัง จาก Kiki’s Delivery Service
  5.  ชายหาดพักผ่อน จาก Porco Rosso
  6.  บ้านของเหล่าทานุกิ จาก Pom Poko
  7.  ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ จาก Princess Mononoke
  8.  คาโอนาชิและรถไฟแห่งวิญญาณ จาก Spirited Away (มี Easter Egg เป็นทุเรียน)
  9.  ปราสาทเวทมนตร์ จาก Howl’s Moving Castle (มี Easter Egg เป็นน้องหมา)
  10. โปเนียวและเหล่าฝูงปลา จาก Ponyo on the Cliff by the Sea (จัดแสดงที่หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ฝั่งถนนพระราม 1)

ดูรีวิว #ทีมแม่ABK พาเที่ยวนิทรรศการได้ที่ Link นี้นะ

แฟน จิบลิ ในประเทศไทยมาทางนี้! ทีมแม่ ABK พาเที่ยวโลกอนิเมะ ของ Ghibli Studio ที่เซ็นทรัลเวิลด์

โรงเรียนสอนว่ายน้ำ

พาทัวร์ โรงเรียนสอนว่ายน้ำ สำหรับเด็ก Aqua-Tots Swim Schools

event
โรงเรียนสอนว่ายน้ำ
โรงเรียนสอนว่ายน้ำ

โรงเรียนสอนว่ายน้ำ Aqua-Tots Swim Schools สาขาทวีวัฒนา

หลายๆโรงเรียนคงปิดเทอมกันแล้ว School Visit วันนี้เลยอยากชวนเด็กๆมาเรียนว่ายน้ำกัน ที่ Aqua-Tots Swim Schools โรงเรียนสอนว่ายน้ำ จากประเทศอเมริกา ที่มีสาขามากที่สุดกว่า 140 สาขาทั่วโลก บ้านไหนกำลังมองหา โรงเรียนสอนว่ายน้ำ ให้ลูกอยู่ โรงเรียนนี้ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย

 Aqua-Tots Swim Schools ก่อตั้งโดย คุณจ๋า​ ทิพย์รัตน์​ สิทธิ​มนต์​อำ​นวย​ Business Owner – CEO GIVE Education & Franchise Developer โดยมีจุดเริ่มต้นจากการพาลูกคนแรกไปเรียนว่ายน้ำเมื่อหลายปีก่อน สมัยนั้นโรงเรียนสอนว่ายน้ำเป็นกิจกรรมใหม่ที่น่าสนใจและยังมีน้อยมากในประเทศไทย คุณจ๋าจึงเริ่มสนใจและมองเห็นช่องทางในการทำธุรกิจด้านนี้ จึงติดต่อซื้อ Franchise จากสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญและมีความรู้ด้านการสอนว่ายน้ำเด็กจริงๆ อย่าง Aqua-Tots ที่ผลิตผู้สอนที่มีมาตรฐานอยู่เสมอ และมีหลักสูตรต่างๆที่มีประสิทธิภาพและอัพเดทให้ทันสมัยอยู่เสมอ

 

Safety First, Fun Every Second 

จุดเด่นของ Aqua-Tots คือ การสอนให้เด็กรู้จักการเอาตัวรอดในน้ำได้จริงๆก่อนที่จะสอนว่ายเป็นท่าต่างๆ เช่น การว่ายกลับขอบสระและการปีนขึ้นขอบสระด้วยตัวเอง หรือทักษะการนอนหงายเวลาตกน้ำ เพื่อรอให้มีคนมาช่วย เด็กๆจะสามารถพลิกพาตัวเองนอนหงายด้วยตนเอง รู้จักการดันตัวเองขึ้นมาหลังจากหยิบของในน้ำ และเพื่อป้องกันการจมน้ำตื้น นอกจากนี้ยังมี ‘CHICKEN STAR ROCKET’ เป็นท่าว่ายน้ำเพื่อเอาตัวรอดโดยที่ไม่ต้องกลั้นหายใจ ไม่ต้องใช้แรงเยอะและสามารถพักได้เมื่อเหนื่อย

 

หลักสูตร

หลักสูตรที่ Aqua-Tots มี 8 ระดับชั้น สามารถเริ่มเรียนได้ตั้งแต่อายุ 4 เดือน – 12 ปี โดยแต่ละระดับชั้นจะถูกแยกออกเป็น 10-13 ชุดทักษะ โดยเริ่มเรียนที่ละทักษะ แล้วนำแต่ละทักษะมาผสมผสานเข้าด้วยกันในระดับชั้นถัดไป สำหรับน้องๆอายุ 2.6 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่มีพื้นฐานการเรียนว่ายน้ำ จะเริ่มเรียนในระดับชั้น 3 (คลาสเรียนว่ายน้ำขั้นพื้นฐานสำหรับเด็ก) ซึ่งจะเน้นการเรียนทักษะการว่ายน้ำเบื้องต้น การระวังภัยและการปฏิบัติตัวเมื่ออยู่ใกล้น้ำ และการว่ายน้ำโดยลำพัง โดยที่ผู้ปกครองไม่ต้องลงน้ำด้วย เด็กจะได้เรียนรู้คำสั่งจากโค้ช ซึ่งจะช่วยสร้างพัฒนาการที่ดีขึ้น ส่วนการประเมินผล โค้ชจะให้ผลการเรียนแบบระบายดาว( Aqua Cards) โดยจะแบ่งเป็นสามระดับคือ ต้น กลาง สูง ทุกครั้งที่เรียนเสร็จโค้ชจะมาระบายสีดาวในสิ่งที่เด็กทำได้ เมื่อเด็กๆมาดูสีของดาวในแบบประเมินผลก็จะทราบได้ทันทีว่าตนเองทำได้หรือมีจุดไหนที่ต้องพยายามมากขึ้นและเมื่อเรียนจบแต่ละระดับแล้ว เด็กๆจะได้ใบ Certificate จากโรงเรียนด้วย

 

สะอาดและปลอดภัย

ระบบน้ำต่างๆ ที่ Aqua-Tots สะอาดและปลอดภัยเพราะมีระบบฆ่าเชื้อถึง 3 ขั้นตอน ขั้นตอนแรกน้ำในสระเป็นเกลือผสมกับน้ำแร่ ระบบCopper Silver น้ำจะไม่เค็มจนเกินไป ขั้นที่ 2 ระบบ on Contact โดยใช้ UV Lamp & Ozone ช่วยฆ่าเชื้อโรคซ้ำอีกครั้ง ขั้นตอนที่ 3 ทางโรงเรียนตรวจค่า CL/PH 3 ครั้งต่อวัน จึงมั่นใจได้ว่า น้ำในสระสะอาดได้มาตรฐาน และปราศจากเชื้อโรค และยังเป็นสระน้ำอุ่น ซึ่งดีกับเด็กเพราะช่วยให้กล้ามเนื้อไม่หดเกร็ง ไม่หนาวไม่สั่น ทำให้การเรียนรู้ง่ายขึ้น

   เคาน์เตอร์ต้อนรับที่มีพนักงานยิ้มแย้มอยู่เสมอ

บรรยากาศการเรียนว่ายน้ำ

การเรียนว่ายน้ำสำหรับเด็ก 4 เดือน – 2 ขวบครึ่ง ต้องอาศัยคุณพ่อคุณแม่เป็นส่วนสำคัญที่สุด ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแล ให้กำลังใจ สร้างแรงบันดาลใจ และสนุกไปพร้อมกัน และยังช่วยลดความกลัวของเด็กๆลงได้ด้วย

แบบประเมินผลของเด็กๆแยกตามชื่อตัวอักษร เด็กๆหรือผู้ปกครองสามารถมาเปิดผลการเรียนดูได้ด้วยตนเอง

ผู้ปกครองสามารถนั่งดูเด็กๆว่ายน้ำได้อย่างสบายใจ เพราะออกแบบให้มีกระจกใสล้อมรอบ มองได้ทุกมุม ปลอดภัยแน่นอน

ห้องน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห้ง มีห้องอาบน้ำทั้งสำหรับเด็กเล็กและเด็กโต และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายให้บริการ ทั้งไดร์เป่าผม ล๊อคเกอร์ ห้องอาบน้ำ ยาสระผม

มุม Playground และอ่านนิทาน เล็กๆ สำหรับเด็กๆ

คุณจ๋า ทิพย์รัตน์ สิทธิมนต์อำนวย Business Owner – CEO GIVE Education & Franchise Developer

 

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

1.เรียนว่ายน้ำที่นี่สามารถลาได้โดยไม่ต้องกังวล เพราะไม่จำกัดจำนวนวันลา คลาสเรียนที่ยืดหยุ่นมาก ไม่สะดวกมาวันไหนก็มาเรียนวันอื่นแทนได้ และยังสามารถมาเรียนว่ายน้ำได้มากกว่า 1 วันต่อสัปดาห์

2.ห้องน้ำขนาดใหญ่ มีอุปกรณ์ให้พร้อมทั้งสบู่ ,ยาสระผม ,หวี ,ไดร์เป่าผม ,ถุงพลาสติกสำหรับใส่ชุดว่ายน้ำ สะดวกสบายทั้งผู้ปกครองและเด็ก ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น จริงๆ

3.วัสดุที่ปูในสระว่ายน้ำไม่ใช่กระเบื้องเพื่อลดการเกิดการลื่นต่างๆหรืออันตรายต่างๆสำหรับเด็กๆได้

4.อากาศภายในโรงเรียนสะอาดปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่สบายใจได้ เพราะที่นี่มีเครื่องฆ่าเชื้อแบบปล่อยประจุ และมีเครื่องฟอกอากาศจัดวางหลายๆจุด ของโรงเรียน

5. ที่ Aqua-Tots สระน้ำเป็นน้ำอุ่น หน้าหนาว หน้าฝน ก็มาเรียนได้ไม่ต้องกลัวลูกหนาวจนปากสั่นแน่นอน

6.เรียนกลุ่มเล็กไม่เกิน 4 คน ทำให้โค้ชดูแลได้ทั่วถึงแน่นอน

7.สามารถมาเริ่มเรียนได้ทุกวัน เพราะที่นี่ประเมินตามความสามารถของเด็กๆ

8.หลักสูตรที่ Aqua-Tots ถูกคิดค้นมามากกว่า 30 ปี จึงมั่นใจได้ว่ามีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานที่ดี

9.ใน 1 ชั่วเวลา เด็กๆจะได้เรียนรู้หลายระดับ ได้ทักษะที่หลากหลาย

อัตราค่าเล่าเรียน

เรียนแบบกลุ่มเล็ก (4:1) ครั้งละ 30 นาที

2วันต่อสัปดาห์ 5,850 บาท / เดือน 1วันต่อสัปดาห์ 3,100 บาท/เดือน

Seasonal Fast Track Program เรียนแบบต่อเนื่อง (4:1)

4 วันต่อสัปดาห์ ใช้เรียน 2 สัปดาห์ติดต่อกัน วันจันทร์-ศุกร์ ครั้งละ 30 นาที

 

โปรโมชั่นพิเศษ

ลงเรียน 6 เดือน ลดทันที 15%

ค่าสมาชิก 800 บาท/คน หรือ 1,300 บาท/ครอบครัว

 

ติดต่อสอบถามได้ที่ : 2 ซ.ทวีวัฒนา 22 ถนนเลียบคลองทวีวัฒนา แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ 10170

( Aqua-Tots เปิดแล้ว 3 สาขา ทวีวัฒนา ,ประเวศ ,ศรีราชา และอีกหลายสาขาเร็วๆนี้ เช่น สาขาหนามแดง ,ปัญญารามอินทรา ,อโศก รังสิต ,เชียงรายและขอนแก่น )

Facebook : https://www.facebook.com/AquaTotsThawiwattana

โทร. 090-950-6767

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ : แม่เลม่อน


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

KidsMarket

ชวนน้อง ๆ วัยคิดส์มาขายของฟรีกับ KidsMarket ในงานบ้านและสวนแฟร์ 2023

account_circle
event
KidsMarket
KidsMarket

โอกาสสำคัญของนักธุรกิจรุ่นเยาว์ เปิดตลาดขายของกันแบบฟรี ๆ ครั้งแรก!! ใน

งานบ้านและสวนแฟร์ 2023 ระหว่างวันที่ 28 – 29 ตุลาคม 2566

ณ ชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

 

สร้างประสบการณ์ครั้งใหม่ให้เด็ก ๆ  กับการเป็นทดลองเป็นพ่อค้า แม่ค้าในงานแฟร์ยิ่งใหญ่แห่งปี

Amarin Baby & Kids และบ้านและสวน จัดกิจกรรมสุดพิเศษรับปิดเทอม ให้เด็กเจนอัลฟ่าได้เปลี่ยนเรื่องเล่นๆให้เป็นประสบการณ์สุดพิเศษนอกห้องเรียน กับ KidsMarket by Amarin Baby & Kids ชวนที่เปิดโอกาสเด็ก ๆ ผู้ใจรักการค้าขาย อยากเป็นนักธุรกิจ มาเปิดร้านขายของ แบบไม่มีค่าใช้จ่าย ในงานบ้านและสวนแฟร์ 2023 แบบนี้ พลาดไม่ได้แล้ว

 

รับสมัครพ่อค้า แม่ค้ารุ่นจิ๋ว อายุระหว่าง 6 – 15 ปี มาทดลองเปิดร้านบนสนามจริง เพื่อแสดงความสามารถ ค้นหาตัวเองอย่างอิสระ พร้อมสร้างประสบการณ์การณ์ใหม่ และทักษะการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) และ Soft skill ทักษะสำคัญของเด็กศตวรรษที่ 21 จากการเรียนรู้นอกห้องเรียนให้เด็ก ๆ  ร้านไหนโดนใจรับบูธขายของฟรี ๆ ไป 2 วันเต็ม ในงานบ้านและสวนแฟร์  งานแฟร์ยิ่งใหญ่ในเครืออมรินทร์  จำนวน 30 บูธฟรี พร้อมประกาศนียบัตร การอบรม และกิจกรรมสนุก ๆ มากมาย

ประกาศผลร้านค้าของน้องๆ ที่ได้เข้าร่วมเปิดบูธฟรี! วันที่ 28 – 29 ตุลาคม 2566

โซน Kids Market งานบ้านและสวนแฟร์ 2023 ณ ชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

🌈 คุณิฏา – ร้านคนนี้ นี่เอง
🌈 เอตา – ร้าน ATA Play & Learn
🌈 นภัสสรณ์ – ร้าน The Proton Shop
🌈 พนธกร – ร้าน Penpleum Handmade
🌈 นิธิกร – ร้าน VP Toys
🌈 ณัฐนันท์ – ร้าน Buddy shop
🌈 ขวัญข้าว – ร้าน Rainbow
🌈 นนทชา – ร้าน Dodear
🌈 ภาฐิตา, วัทนนันทน์, เอริกา, ชญานภัส – ร้าน JTRF
🌈 พันธวัฒ – ร้าน Shoop
🌈 กวินทร์ – ร้าน KEVIN B BAKER
🌈 ธันยนันท์ – ร้าน ปันกัน
🌈 ลัลน์-ลิลน์ – ร้าน Be Happy
🌈 กฤตกมล – ร้าน Nana Shop
🌈 มาลี – ร้าน มายียีมายิยิ
🌈 ศิวะ – ร้าน บ้านอัลมอนด์
🌈 พริ้งเพรา – ร้าน Happy Prinkpraw
🌈 วงศ์วริศ ,ชนน์ชนก, พลภรต – ร้าน เจิดจิ๋ว
🌈 ลัลน์ลลิน, รินรดา – Little Hand Made
🌈 น้องคิโกะ – ร้าน KIKI Shop
🌈 มามิ, ลลิน – ร้าน Mi+Lyn house
🌈 ณทยา – ร้าน Star Jewelry
🌈 มิอา – ร้าน Miah
🌈 ยินลี – ร้าน DIY By Yinlee
🌈 สวิศ – ร้าน Swit’s Bakery
🌈 ธามม์ – ร้าน บาร์ ธามม์
🌈 กวิน, เกวลิน – ร้าน DEKSEN
🌈 ปุณณ์, ปัณณ์ – ร้าน Mission Vision
ใครไม่ได้มาขายไม่ต้องเสียใจ มาช็อปปิ้งและร่วมกินกรรมสนุกๆ กันได้น้า ✨

คุณสมบัตินักธุรกิจรุ่นเยาว์

  • เด็กอายุ 6 – 15 ปี
  • ชื่นชอบการค้าขาย สนใจการทำธุรกิจ
  • มีสินค้าและ/หรือบริการที่น้อง ๆ สนใจหรือเป็นสินค้าในครอบครัว
  • กล้าพูด กล้าขาย กล้านำเสนอสินค้าให้กับลูกค้า
  • เข้าใจเรื่องการเงินแบบง่าย ๆ
  • เด็ก ๆ ต้องทำหน้าที่ขายหรือแนะนำสินค้าด้วยตัวเอง (โดยมีผู้ปกครองคอยช่วยเหลือได้)
  • สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ทั้งวันที่ 28 – 29 ตุลาคม 2566

รายละเอียดการรับสมัคร

  • กรอกข้อมูล พร้อมแนบคลิปแนะนำตัวเอง ร้านค้า พร้อมเหตุผลว่า “เงินที่ได้รับจากการขายจะนำไปทำอะไร” ให้ทีมงานอ่านแล้วชื่นใจ ความยาวไม่เกิน 2 นาทีใน Google form ในครบถ้วน
  • ทีมงานพิจารณาและคัดเลือกผู้ผ่านร่วมกิจกรรม
  • ทีมงานนัดพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง
  • ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์ร่วมกิจกรรม KidsMarket

ระยะเวลาดำเนินการ

  • เปิดรับสมัคร 1- 15 ตุลาคม 2566
  • ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์รับบูธ 18  ตุลาคม  2566

สิ่งที่เด็ก ๆ จะได้รับใน KidsMarket

  • พื้นที่ขายของขนาด 2×2 เมตร จำนวน 1 บูธ ที่งานบ้านและสวนแฟร์ เป็นเวลา 2 วัน
  • Workshop การทำธุรกิจและการเงินสำหรับเด็กจากสถาบัน Money Tree Thailand
  • ประกาศนียบัตรกิจกรรม KIDS MARKET
  • ผ้ากันเปื้อน KIDS MARKET สุดน่ารัก

รายละเอียดการขายและการใช้พื้นที่

  • อุปกรณ์ โต๊ะหน้าขาวขนาด 45 x 180 เซนติเมตรพร้อมเก้าอี้ และป้ายร้าน 1 ป้ายค่ะ
  • การใช้ไฟฟ้า มีปลั๊กไฟขนาดไม่เกิน 5 แอมป์ (กรณีใช้เกิน 5 แอมป์ ผู้ออกบูธต้องชำระเงินเพิ่ม 700 บาทต่อวัน) และห้ามใช้กับแสงสว่าง
  • ห้ามประกอบอาการด้วยเตาแก๊ส หรือก่อประกายไฟในพื้นที่จัดงานโดยเด็ดขาด
  • ผู้ออกบูธต้องรักษาความสะอาดในพื้นที่ร้านค้าให้เรียบร้อยอยู่เสมอ
  • ผู้ออกบูธต้องขายสินค้าตั้งแต่เวลา  10.00 – 18.00 น. จนครบกำหนดเวลาได้

นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมการเรียนรู้ และกิจกรรมสสร้างสรรค์ ให้เด็กๆและทุกคนในครอบครัวมาใช้เวลาร่วมกัน อีกมากมายตลอด 2 วัน ไม่ว่าจะเป็น

  • Workshop การค้าขายและการเงินฉบับเด็ก ๆ จาก สถาบัน Money Tree Thailand
  • กิจกรรมเรียนรู้ธรรมชาติ ท่องโลกสัตว์ป่าและถิ่นที่อยู่ จาก Nature Feels

Plean Activity with Family กับ 2 กิจกรรมชวนเด็กใช้เวลากับครอบครัว โซนบอร์ดเกมแสนสนุกจาก ลานละเล่น และมุมนิทานกับหนังสือความรู้อ่านฟรี จากสำนักพิมพ์ Amarin Kids

 

มะเร็งปอด

มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง ติดอาวุธความรู้ให้ผู้ป่วยโรค มะเร็งปอด แนะนำการลดภาระทางการรักษาและเข้าสู่กระบวนการรักษาได้ทันท่วงที

event
มะเร็งปอด
มะเร็งปอด

“ มะเร็งปอด เป็นโรคที่มีอุบัติการณ์ทั่วโลกที่สูงมาก ซึ่งข้อมูลของ GLOBOCAN ปี พ.ศ.2563 ชี้ให้เห็นว่ามีผู้ป่วยใหม่จำนวนกว่า 2.2 ล้านคนต่อปี และมีผู้ป่วยเสียชีวิตถึง 1.8 ล้านคนต่อปี นอกจากที่หลายชีวิตต้องสูญเสียจากโรคนี้ มะเร็งปอดยังเป็นหนึ่งในโรคที่สร้างภาระทางด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคมอีกด้วย ”

เพื่อเป็นการให้สังคมได้รับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโรคมะเร็งปอดมากยิ่งขึ้น มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง (Thai Cancer Society : TCS) ได้จัดงาน Steps of Strength ก้าวเล็กๆ บนเส้นทางของคนเป็น มะเร็งปอด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ทาเคดา (ประเทศไทย) จำกัด โดยภายในงานได้มีการพูดคุยหารือในหัวข้อเรื่องความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคมะเร็งปอด การตรวจวินิจฉัยและกระบวนการรักษาโรค และความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับโรคมะเร็งปอด ทั้งนี้เพื่อเป็นการติดอาวุธความรู้ให้กับผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดให้สามารถเข้าสู่กระบวนการรักษาได้อย่างตรงจุดและทันท่วงทีดำเนินรายการโดย คุณ ศิรินทิพย์ ขัติยะกาญจน์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง และอดีตผู้ป่วยมะเร็ง

 

เนื้อหาในงานเสวนาครั้งนี้ ได้รวมเอาเรื่องราวและปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เกิดโรค มะเร็งปอด โดยหนึ่งในนั้นคือเรื่องของการ “สูบบุหรี่” ที่ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับแรกที่ทำให้เกิดโรค มะเร็งปอด และมะเร็งชนิดอื่นๆ แต่นอกเหนือจากการสูบบุหรี่แล้ว ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่มือสอง (Secondhand Smoke) ที่มาจากการได้รับควันบุหรี่จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว หรือปัจจัยเรื่องอายุที่เพิ่มขึ้นและเซลล์ในร่างกายที่เสื่อมสภาพตามกาลเวลาจนอาจกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็งได้ในที่สุด รวมไปถึงการสัมผัสกับสารก่อมะเร็ง (Carcinogen) เช่น “ก๊าซเรดอน” (Radon) หรือแม้กระทั่งการสูดฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ล่าสุดมีข้อมูลสนับสนุนว่าอาจจะเป็นสาเหตุการเกิดมะเร็งปอดมากขึ้น โดยสำหรับมะเร็งปอดนั้น สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ “มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก” (Small Cell Lung Cancer) และ “มะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก” (Non-Small Cell Lung Cancer) ที่ในปัจจุบันพบเจอได้มากกว่ามะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก

มะเร็งปอด

สำหรับข้อควรระวังเกี่ยวกับ มะเร็งปอด ไม่ใช่แค่อาการของโรค แต่ยังรวมไปถึง “การตรวจคัดกรอง” ด้วย มีหลายครั้งที่ผู้ป่วยเพิ่งตรวจเจอฝ้าหรือความผิดปกติในปอดแต่ยังคงมีความสับสนในขั้นตอนการวินิจฉัยว่าจะสามารถแยกแยะมะเร็งปอดกับวัณโรคได้อย่างไร โดยคำตอบที่ถูกต้องคือต้องพิจารณาตามกรณี จำเป็นต้องมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจเสมหะหาเชื้อวัณโรค หรือ ตรวจชิ้นเนื้อ หรือ เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) ผู้ป่วยมะเร็งปอดบางคนอาจไม่มีอาการแต่พอไปตรวจสุขภาพประจำปีกลับเจอก้อนในปอด หรืออาการทางปอด เช่น ไอ เหนื่อย และเอ็กซ์เรย์ปอดเจอก้อนเนื้อหลายก้อน การตรวจขั้นตอนถัดไปคือการทำ CT Scan ที่สามารถให้ข้อมูลที่แม่นยำกว่าการเอ็กซ์เรย์ปกติ เช่น ตำแหน่งของก้อนเนื้อ สำหรับขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการวินิจฉัยมะเร็งคือการตรวจชิ้นเนื้อเพื่อให้ทราบชนิดของมะเร็งปอด ทำให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาที่เจาะจงเฉพาะสำหรับแต่ละบุคคลได้

 

ทั้งนี้ การตรวจชิ้นเนื้ออาจใช้เวลานานหลายวันขึ้นอยู่กับความยากง่ายของแต่ละเคส ถ้าสามารถบอกได้เลยว่าเป็นมะเร็งชนิดไหนทันทีหลังตรวจก็จะเป็นอันจบขั้นตอนนี้ แต่ถ้าจำเป็นต้องมีการแยกชนิดเซลล์มะเร็งอาจต้องใช้เวลาตรงนี้อีกประมาณ 7-10 วันเพื่อระบุชนิดแบบชัดเจน จากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจ “ตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ” (Biomarker) เช่น “ตัวรับเซลล์มะเร็ง” หรือ “การกลายพันธุ์ของเซลล์มะเร็ง” ที่ส่วนใหญ่มักตรวจในกลุ่มมะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็กและใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 2 สัปดาห์ โดยหากตรวจเจอการกลายพันธุ์ของเซลล์มะเร็งแล้ว แพทย์ก็จะสามารถเลือกการรักษาที่จำเพาะกับเซลล์มะเร็งชนิดนั้น เช่นยามุ่งเป้า (Targeted Therapy) ได้ ดังนั้นแพทย์จึงแนะนำให้ผู้ป่วยรอจนกว่าจะได้ผลตรวจที่ชัดเจนแทนการรักษาด้วยเคมีบำบัด (Chemotherapy) ทันทีเพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากและรอได้

มะเร็งปอด

พญ. กุลธิดา มณีนิล อายุรแพทย์ด้านมะเร็งวิทยา กล่าวว่า “อันดับแรกเวลาเริ่มรักษาผู้ป่วยคือการตรวจวินิจฉัยชิ้นเนื้อมะเร็ง และที่สำคัญไม่แพ้กันคือระยะของโรค ซึ่งโดยทั่วไปมะเร็งจะมี 4 ระยะ โดยระยะที่ 1 กับ 2 ถือเป็นระยะเริ่มต้น มะเร็งปอดอาจอยู่ในช่องอกและยังไม่กระจายไปไหน แต่เมื่อเข้าสู่ระยะที่ 3 อาจมีการกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองตรงกลางช่องอก ส่วนมะเร็งปอดระยะที่ 4 จะมีการกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ เช่น ตับ สมอง หรือกระดูก ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าระยะของโรคมีผลต่อการตัดสินใจในการวางแผนการรักษา ซึ่งนอกจากขั้นตอนรอผลตรวจชิ้นเนื้อแล้ว ควรมีผล CT Scan หรือภาพเอ็กซ์เรย์ประกอบด้วยเพื่อประเมินระยะของมะเร็งและวางแผนการรักษาได้ถูกต้อง ถ้าเป็นระยะเริ่มต้นเราก็จะเริ่มด้วยการผ่าตัดก่อนและตามด้วยการรักษาเสริมด้วยยา ซึ่งหลักๆ มี 3 ชนิด ได้แก่ยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า และยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) ซึ่งเราต้องมาดูว่ายาแต่ละชนิดจะเหมาะกับผู้ป่วยคนไหน”

 

อีกหนึ่งประเด็นที่ผู้ป่วยต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากคือเรื่องอาหารการกิน ควรตระหนักเสมอว่าอะไรกินได้ อะไรกินไม่ได้ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีการศึกษารองรับว่าอาหารสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ แต่มีกลุ่มอาหารที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของร่างกายให้สามารถผ่านขั้นตอนการรักษาได้ง่ายขึ้นอย่าง “โปรตีน” ที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ในร่างกายจากผลข้างเคียงของยาชนิดต่างๆ ดังนั้นในระหว่างการรักษาโรคมะเร็ง ผู้ป่วยควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุก สะอาด ครบ 5 หมู่ และเน้นรับประทานโปรตีน แต่ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดหรืออาหารหมักดองที่อาจทำให้ท้องเสียจนไม่สามารถรับยาได้

มะเร็งปอด

ด้านคุณ ศิรินทิพย์ ขัติยะกาญจน์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง กล่าวว่า “ทุกคนมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน หรืออายุเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราอยากช่วยรณรงค์คืออยากให้สังคมตระหนักรู้ 2 อย่าง เราอยากเชิญชวนให้คนทั่วไปหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อเป็นการคัดกรองว่ามีอาการผิดปกติที่ปอดหรือไม่ และเราอยากบอกว่าการเป็นมะเร็งปอด ยังสามารถมีชีวิตที่ดีได้ เป็นมะเร็งไม่ได้เท่ากับตาย ซึ่งเราอยากให้เห็นตัวอย่างผ่านกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปอดที่เขามีชีวิตอยู่ในปัจจุบันว่าพวกเขาเหล่านี้ยังสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติได้”

จึงเป็นที่มาของงาน Steps of Strength ก้าวเล็กๆ บนเส้นทางของคนเป็น มะเร็งปอดที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจของมูลนิธิเครือข่ายมะเร็งในการให้ความรู้กับกลุ่มผู้ป่วย ญาติและผู้ดูแลเพื่อการรับมือกับโรคที่ถูกต้อง รวมถึงสร้างความตระหนักรู้ว่าการคัดกรองมีความสำคัญอย่างไรต่อสังคม โดยผู้ที่มีความสนใจในเนื้อหาสาระดีๆ เกี่ยวกับโรคมะเร็งปอด สามารถคลิกที่นี่ เพื่อรับชมวิดีโอถ่ายทอดสดย้อนหลังบนเพจเฟซบุ๊ก Thai Cancer Society : TCS

สาธิตเกษตร โรงเรียนสาธิตชื่อดัง เสริมวิชาการแน่น ปูทางสู่มหาวิทยาลัย

event

โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 

“Today is the first day of the rest of your life.” – Charles Delerich

เพราะก้าวแรกที่เข้าโรงเรียนคือทุกๆก้าวตลอดไปของชีวิต

School Visit วันนี้จะพามาเยี่ยมชม โรงเรียนที่น่าอยู่และปลอดภัย โรงเรียนที่ดูแลใส่ใจศักยภาพของนักเรียนทุกๆคน โรงเรียนที่กระตุ้นให้เด็กได้เรียนรู้และจดจำอยู่เสมอ เด็กๆจะเติบโตและเบ่งบานอย่างมีคุณค่า โรงเรียนนี้ก็คือ โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ( Kasetsart University Laboratory School ) หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม สาธิตเกษตร

สาธิตเกษตร ฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาแบบองค์รวมซึ่งคือการพัฒนาในทุกๆด้านพร้อมกันอย่างสมดุล (Holistic Development) ไม่ใช่การเฉพาะเจาะจงด้านใดด้านหนึ่ง ทางโรงเรียนส่งเสริมทั้งกิจกรรมและวิชาการเพราะเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าการศึกษาที่มีประสิทธิภาพจะพัฒนาควบคู่ไปกับการทำนุบำรุงร่างกายและจิตใจอย่างเท่าเทียมกัน

หลักสูตรและตำราของโรงเรียนจะมาจากการค้นคว้า ทดลอง พัฒนาและสร้างแรงบันดาลใจในการเติบโตทางสติปัญญาแต่ก็ยืดหยุ่นให้เหมาะสมกับนักเรียน และไม่ด้อยกว่ามาตรฐานกลาง ทำให้นักเรียนได้รับการศึกษาที่สดใหม่ และทันสมัยอยู่เสมอ

บรรยากาศโรงเรียนร่มรื่นเพราะเต็มไปด้วยต้นไม้รายล้อม

Learning by Doing

ห้องปฏิบัติการงานคหะกรรมสำหรับนักเรียนชั้นประถม

 

วิชาสมรรถนะเพื่อชีวิต The Original

โรงเรียนสาธิตเกษตรฯ เป็นผู้ริเริ่มและพัฒนา วิชาสมรรถนะเพื่อชีวิต ซึ่งมีทั้งหมด 10 สมรรถนะ เด็กๆสามารถใช้เรียนรู้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เพื่อพัฒนาสมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน โดยคำนึงถึงความต้องการของนักเรียน โรงเรียน สังคมไทย สังคมโลก เพื่อให้เด็กๆเรียนรู้แบบ Active Learning ผ่านประสบการณ์ ซึ่งเด็กๆจะได้เรียนแบบมีความสุข

ได้แก่

1.ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร

2.คณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน

3.การสืบสอบทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์

4.ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร

5.ทักษะชีวิตและความเจริญแห่งตน

6.ทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ

7.ทักษะการคิดขั้นสูงและนวัตกรรม

8.การรู้เท่าทันสื่อสาร สารสนเทศ และ ดิจิทัล

9.การทำงานแบบรวมพลังเป็นทีมและภาวะผู้นำทีม

10.การเป็นพลเมืองตื่นรู้และสำนึกสากล

ก่อนจะจบปีการศึกษานักเรียนชั้น ป.1-ป.2 จะได้เรียนผ่านกระบวนการ PDCA หรือ Plan Do Check Action สร้างนวัตกรรมเองให้ได้ เพราะกระบวนการนี้คือกระบวนการการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ระหว่างทางเด็กๆจะมีคำถาม สงสัย มีเหตุผลของตัวเอง ก่อให้เกิดการสื่อสารและได้สะท้อนความต้องการที่แท้จริงของตนเองออกมากผ่านผลงานได้ อย่างไม่มีกรอบจำกัด

โรงเพาะชำและแปลงเพาะปลูกของโรงเรียน

 

Activities ไม่ได้มีไว้แค่สนุก

เพราะการศึกษาไม่ได้จำกัดอยู่เพียงหนังสือและห้องเรียนเพียงอย่างเดียว

โรงเรียนสาธิตเกษตรฯส่งเสริมให้นักเรียนเลือกเรียนอย่างหลากหลายตามความถนัดและความสนใจพร้อมทั้งจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรเพื่อต่อยอดทักษะความสามารถและประสบการณ์ของนักเรียน

นอกจากนั้นทางโรงเรียนยังมีกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนด้วยการจัดโครงการและกิจรรมที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมศักยภาพและพัฒนานักเรียน เช่น กิจกรรมพัฒนาตน โครงการส่งเสริมความถนัด ความสามารถ และความสนใจพิเศษ

โครงการพัฒนากีฬา,พัฒนาดนตรีและนาฏศิลป์, ชมรมสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน, ชมรมถ่ายภาพสาธิตเกษตร ,ชมรมภาพยนตร์ โครงการค่ายพักแรมโครงการแลกเปลี่ยนทางการศึกษา วัฒนธรรม และการกีฬากับต่างประเทศ ในประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ ,โครงการเรียนภาษาอังกฤษแบบเข้มในประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และจีน

ซึ่งประโยชน์ที่เด็กๆได้จากการทำกิจกรรมคือ สร้างความเป็นผู้นำ ความมีระเบียบวินัย ความมั่นใจ ความยืดหยุ่น การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และการอยู่ร่วมกับผู้อื่น การทำงานเป็นทีม เสียสละเพื่อส่วนรวม เพราะสิ่งเหล่านี้คือทักษะในการใช้ชีวิต

สนามฟุตบอลและอาคาร5 ของนักเรียน ม.ปลาย ภาพจำของเหล่าศิษย์เก่า

สระว่ายน้ำในอาคารกีฬา

อุปกรณ์ออกกำลังกายมีครบครัน

นักเรียนชั้น ม.ปลายยืดเส้นยืดสาย

ทัศนศึกษา ณ หอภาพยนตร์บางกอกราม่าเดย์ ชมเฌย สตูดิโอ

กิจกรรมเก็บขยะให้เป็นนิสัย ช่วยปลูกฝังสำนึกที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม

 

Individuality ค้น-พบ-ตัวเอง

โรงเรียนสาธิตเกษตรฯ ไม่มุ่งเน้นให้เด็กเก่งอย่างเดียว แต่เราส่งเสริมความสามารถพิเศษของเด็กอย่างเต็มที่อีกด้วย

ทางโรงเรียนมีโครงการส่งเสริมความถนัด ความสนใจ ความสามารถพิเศษ เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนในวันเสาร์ หรือ วันธรรมดาหลังเลิกเรียน ทั้งหมดกว่า 49 กิจกรรม เช่น กีฬาเทควันโด, เทนนิส, มินิรักบี้,กอล์ฟ, ยิมนาสติก พัฒนาสมาธิ-สติ, โยคะ, ฟุตบอล, ว่ายน้ำ ด้านศิลปะและการทำอาหาร ทางด้านดนตรี-นาฏศิลป์ โรงเรียนสนับสนุนให้เด็กๆที่มีความสามารถพิเศษได้ออกไปแข่งขันในโครงการภายนอกในทุกๆสาขาไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการ หรือทักษะความสามารถอื่นๆ

หากนักเรียนบางคน หาตัวเองไม่เจอ และไม่ได้มีความสามารถพิเศษ ทางโรงเรียนจะใช้วิธีเชิงรุก ทีมอาจารย์แนะแนวจะเข้าชั้นเรียนมากขึ้น เพื่อทำการสำรวจ ให้ข้อคิดเห็น ให้คำปรึกษา โดยเด็กๆสามารถเข้าปรึกษากับอาจารย์ได้โดยตรง เด็กแต่ละคนจะจบออกไปและประสบความสำเร็จตามศักยภาพของตัวเอง

 

บรรยากาศห้องเรียน

อาจารย์ ดร.ผกามาศ นันทจีวรวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงเรียน

 

เพราะโรงเรียน คือ บ้านหลังที่สอง

ก่อนเปิดภาคเรียน ทางโรงเรียนจะมีโครงการบรรยายพิเศษเพื่อลูกศิษย์ และปูพื้นฐานให้ผู้ปกครอง เรื่องการเลี้ยงดูลูกตามวัย แบ่งเป็นชั้นประถมและมัธยม โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และในระหว่างภาคการศึกษาจะมีโครงการสัปดาห์สนทนาศิษย์-ลูก ซึ่งเป็นการเยี่ยมชมบ้านหลังที่สองของเด็กๆและแลกเปลี่ยนพูดคุยระหว่างอาจารย์และผู้ปกครอง นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังมีคลินิกจิตเวชและแพทย์ประจำ 3 วันต่อสัปดาห์ คอยให้บริการแก่ นักเรียน ผู้ปกครอง และบุคลากรโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่ห้องงานบริการจิตวิทยาและแนะแนว

 

5 สิ่งที่ทำให้เด็กๆอยากมาโรงเรียนทุกวัน

  1. สภาพแวดล้อมและสังคมที่น่าอยู่ พื้นที่สีเขียวสบายตา เพื่อนๆพร้อมหน้าสบายใจ
  2. เรียนรู้แบบไม่รู้เบื่อ เวลาเรียน 5 วัน กิจกรรมเพียบ
  3. อาจารย์ เป็นมากกว่าผู้ให้ความรู้ แต่ยังเป็นผู้ให้คำปรึกษา
  4. เพราะเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน โรงเรียนจึงเน้นการพัฒนาศักยภาพตามแต่ละบุคคล
  5. กิจกรรมส่งเสริมความถนัดกว่า 49 กิจกรรม สนใจด้านไหน ไปลงเลย!

 

 

Mommy Love This

  • เรียนยาวๆ กันตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 (รับนักเรียนเข้าแค่ชั้น ประถมศึกษาปีที่ 1 เท่านั้น)
  • โรงเรียนมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมความถนัดให้นักเรียนเลือกลงเรียนเพิ่มเติมตามความสมัครใจ ผู้ปกครองไม่จำเป็นต้องไปหาสถาบันเรียนเองภายนอก
  • ที่สาธิตเกษตรฯ มีทีมแนะแนว นักจิตวิทยา อาจารย์ คอยดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องการเรียน การเรียนต่อ หรือปัญหาอื่นๆ
  • เมนูอาหารประจำสัปดาห์ของทางโรงเรียนสามารถดูได้ทาง เพจ Facebook ของโรงเรียน ได้ดูตารางอาหารและปริมาณแคลอรี่ด้วย

 

อัตราค่าเล่าเรียน ปี พ.ศ.2566

ชั้นประถมศึกษา ประมาณ 35,000-38,000 บาท / ปี

ชั้นมัธยมศึกษา ประมาณ 60,000 บาท / ปี

 

ที่ตั้ง : 50 ถ.งามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

โทร. 0-2942-8800-9 ต่อ 100

สามารถติดตามข่าวสารของโรงเรียนได้ทาง

เว็บไซต์ : www.kus.ku.ac.th

Facebook : https://www.facebook.com/satitkasetschool

Editor : แม่พลอย

ภาพ : เนาวพจน์ โพธิเกษม, ต้นกล้า ,ภาพข่าวประชาสัมพันธ์

 


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

  • พาทัวร์ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮัมมิ่งเบิร์ด พ่อแม่ยุคใหม่ห้ามพลาด! เน้นเสริม EFs สร้างพื้นฐานชีวิตที่ดีให้ลูกน้อย
  • บ้านกางใจ พื้นที่สำหรับเด็กๆ เล่น เรียนรู้ ตามวัย เติบโตไปอย่างมีความสุข
  • The CREAM Bangkok คลับมหัศจรรย์ แห่งการเรียนรู้
  • 5 สิ่งสุดว้าว ที่ทำให้เด็กๆ อยากมา โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี ทุกวัน!
  • โรงเรียนหิ่งห้อย จาก Homeschool เล็กๆ กลายเป็น ห้องเรียนธรรมชาติ ให้เด็กๆ กว่า 100 ครอบครัว!
  • โรงเรียนอนุบาลนวพัฒน์ โรงเรียนเล็กๆ ย่านท่าอิฐ กับหลักสูตรสุดว้าว! Project Approach
  • เปิดบ้าน “ไตรพัฒน์” โรงเรียนแนววอลดอร์ฟ ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กๆ
  • พาส่อง โรงเรียนโพธิสารพิทยากร โรงเรียนมัธยม ที่น่าเรียนที่สุดแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ
  • ชวนเด็กๆ เข้าค่ายเรียนรู้ธรรมชาติ เล่นกับดอกไม้ใบไม้ @ Little Tree
  • อัสสัมชัญธนบุรี กับแนวคิดที่เชื่อว่า เด็กมีความชอบและความถนัดที่แตกต่างกัน
  • สาธิตกรุงเทพธนบุรี โรงเรียนอินเตอร์ ที่มีควายเผือก แพะและม้า ให้นักเรียนไว้เลี้ยงดูเล่น!
  • อนุบาลปรางทิพย์ & ปรางทิพย์เดย์แคร์ โรงเรียนอนุบาลเอกชน ที่เต็มไปด้วยความรัก
กิจกรรม workshop

มัดรวม 15 กิจกรรม workshop สุดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กๆ ช่วงปิดเทอม

event
กิจกรรม workshop
กิจกรรม workshop

เดือนตุลาคมนี้ หลายคน หลายโรงเรียนก็ทยอย ปิดภาคเรียนที่ 1 ให้เด็กๆ ได้พักสมองจากการเรียนกันแล้ว แต่ปิดเทอมนี้จะทำอะไรดีหล่ะ!! หลาย ๆ บ้านกำลังคิดกันอยู่ใช่ไหม? #มัมมี่ป้ายยา วันนี้ #ทีมแม่ABK มาช่วยแล้ว เพราะเรารวบรวม กิจกรรม workshop และค่ายกิจกรรมสุดพิเศษสำหรับเด็ก มาฝากกัน ไม่ว่าจะเป็น Workshop ศิลปะ, เดินป่า, แล่นเรือใบหรือฝึกอาชีพต่าง ๆ รับรองว่าสนุกและได้ความรู้กันแบบจุกๆ ใครชอบแบบไหนก็ตามไปสมัครกันได้เลย

กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop

1. ชวนมาฟังนิทานและเล่นสนุกที่ บ้านกางใจ

“บ้านกางใจ” ชวนเด็กๆ มาเรียนรู้ผ่านการเล่นในช่วงปิดเทอม ตลอดทั้งเดือนตุลาคม นี้ ภายใต้ธีม “แสงและเงาต้อนรับฮาโลวีน” ชวนมาฟังนิทานที่เล่าเรื่องผีเพื่อให้เด็กมีความสุขในคืนวันฮาโลวีน  นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการระบายสีน้ำ ร้องเพลงด้วยกัน เล่นทรายอิสระ และอ่านนิทานนานาชาติที่มีคุณภาพผ่านการคัดเลือกมาแล้วทุกเล่ม เพื่อจุดประกายความคิดเด็กๆ ด้วยการอ่านภาพ (Visual Literacy) จากนิทานที่หลากหลาย พร้อมวิธีการเล่าสุดสร้างสรรค์  การันตีความสนุกโดย ครูไนซ์ กวิตา พุฒแดง นักเล่านิทานตัวยง ผู้ก่อตั้งบ้านกางใจ

วันจันทร์- ศุกร์ ตลอดเดือนตุลาคม 2566

เหมาะสำหรับเด็กอายุ  4-6 ปี

ราคา อาทิตย์ละ  8,500 บาท

สมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ บ้านกางใจ  https://www.facebook.com/baankangjai

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  โทร.082-442-5292

 

กิจกรรม workshop

2. Clay and Play คอร์สปั้นเซรามิคแสนสนุก

เด็กๆจ๋า มาเรียนปั้นกันเถอะ  Clay and Play มี กิจกรรม workshop ช่วยเด็กๆ มาฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กและฝึกความคิดสร้างสรรค์โดยปั้นชิ้นงานจากดินให้กลายเป็นของขวัญของใช้ที่มีชิ้นเดียวในโลกกันที่  Aromdee Art Studio ที่นี่เขามีคอร์สปิดเทอม เรียน 4 วัน สัปดาห์ละครั้ง กิจกรรมนี้ช่วย ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็กในหลายๆ ด้าน ทั้งความคิดสร้างสรรค์ การปฏิบัติตามลำดับขั้นตอน การแสดงออก นอกจากนี้ยังช่วยฝึกความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายและจิตใจ เมื่อปั้นชิ้นงานเสร็จแล้ว ทางสตูดิโอจะนำไปอบและเคลือบชิ้นงานให้ด้วย  สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันหรือให้เป็นของขวัญสำหรับคนพิเศษได้เลย

เลือกระหว่างวันพุธ – เสาร์ ของเดือนตุลาคม

เวลา 15.30-17.00. สัปดาห์ละครั้ง / ครั้งละ 1.5 ชั่วโมง / ติดต่อกัน 4 สัปดาห์

เหมาะสำหรับเด็กอายุ 4 – 8 ปี

ราคา : 3,500 บาท * ราคานี้รวมบริการอบเคลือบชิ้นงานแล้ว

สมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่  https://www.facebook.com/studioaromdee/

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  โทร.080- 519 -9566

กิจกรรม workshop

3. ค่ายเปิดประสบการณ์อาชีพในฝัน

ชวนเด็กๆมาเปิดประสบการณ์ การเรียนรู้เรื่องอาชีพกันที่ค่าย DC JUNIOR ที่เหมาะสำหรับ อายุ 7-13 ปี และ DC MASTER สำหรับเด็กอายุ 14-18 ปี ค่ายนี้จะช่วยให้เด็กๆได้เจอมุมมองของอาชีพที่หลากหลาย เพื่อการพัฒนาของแต่ละช่วงวัย

สำหรับ DC JUNIOR นั้น เด็กๆจะได้เรียนรู้ขั้นตอนเกี่ยวกับอาชีพ ทั้งหมด 3 วัน ได้เรียนรู้จุดแข็ง จุดอ่อนของตัวเอง หัดตั้งเป้าหมาย เพื่อเป็นแนวทางนำไปพัฒนาตนเอง สร้างแรงบันดาลใจและเห็นถึงมุมมองต่างๆ เกี่ยวกับอาชีพที่น้องสนใจ เพื่อเป็นข้อมูลในการเลือกเส้นทางเดินชีวิต และนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน  อาชีพต่างๆเช่น นักบิน เภสัชกร ช่างภาพและสถาปนิก ฯลฯ

ค่าย DC Junior วันที่ 14-16 ตุลาคม 2566

ค่าย DC Junior ราคา 3 วัน 9,900 บาท / 2 วัน 7,900 บาท

เหมาะสำหรับเด็กอายุ  7 -13 ปี

ส่วน DC MASTER ค่ายสำหรับเด็กมัธยม แบบ 7 วันเต็ม เน้นการสร้างแรงบันดาลใจ ให้เด็กได้มีประสบการณ์ หรือ Working Memory ในสายอาชีพนั้นๆ เพื่อเก็บเป็นประสบการณ์ในการค้นหาตัวเอง เรียนรู้ทักษะที่หลากหลาย มีอาชีพให้น้องๆเรียนรู้มากมาย เช่น แพทย์ วิศวกร  นักแสดง ทนายความ แอร์โฮสเตส และอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้ยังได้เห็นชีวิตเห็นบรรยากาศการทำงาน และได้ลองลงมือทำงานนั้นจริงๆ  ฝึกเผชิญกับปัญหาและรู้จักแก้ไขปัญหาในแต่ละอาชีพ  เรียนจบคอร์ส แล้วเด็กๆจะได้ Portfolio เพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ตนอยากเข้า น้องๆคนไหนที่ยังหาตัวเองไม่เจอ มาเข้าค่ายนี้ น่าจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นทีเดียว

ค่าย DC MASTER วันที่ 1-7 และ 15-21 ตุลาคม 2566

ค่าย DC Master ราคาเริ่มต้น 15,000 บาท

เหมาะสำหรับเด็กอายุ 14 -18 ปี

สมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่  ช่องทางการติดต่อ

📍Facebook: https://web.facebook.com/knowaregroup

📍Line: @‌466wdace (มี@) หรือคลิก https://lin.ee/k7Q0jPE

 

กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop

4. KIDative:Design lab for kids

KIDative จัด กิจกรรม workshop October Camp กับ Innovation kids camp รุ่นที่ 6 ชวนเด็กมาฝึกคิดกระบวนการคิดอย่างสร้างสรร เตรียมพร้อมการเป็นนักออกแบบมืออาชีพ ผ่านการคิดวิเคราะห์ ค้นคว้า หาไอเดีย ลงมือทำ นำเสนอ ผ่านบทเรียนตามความสนใจ ทั้ง 20 หัวข้อ ที่จะช่วยให้เด็กๆค้นหาความพิเศษในตัวเองให้ออกมาเปล่งประกายในแบบของพวกเขาเอง กิจกรรม 4 camp 4 สัปดาห์เลือกได้ตามความสนใจเลย

ความแตกต่างของคลาสนี้คือมีพี่ๆนักออกแบบ สถาปนิกมืออาชีพมาเป็นโคชให้ด้วย ในแต่ละสัปดาห์จะมีหัวข้อที่แตกต่างกันไป คือ intro to architect : ทักษะเบื้องต้นและทดลองออกแบบพื้นที่ในรูปแบบต่างๆแต่ละวันก็มีโจทย์ที่แตกต่างกันไป Week 2 – Sustainable City – เข้าใจองค์ประกอบของเมืองยั่งยืน และทดลองออกแบบเมืองแห่งความสุขของตัวเอง Week 3 – Forrest theme : เข้าใจความหลากหลายและความสำคัญของผืนป่าออกแบบวิธีการรักษาสภาพแวดล้อมให้ยั่งยืน และ Week 4 – Ocean Theme: เรียนรู้ทะเลผ่านมุมมองของความคิดสร้างสรรค์ และสร้างต้นแบบการอยู่ร่วมกันของคนและทะเลอย่างสมดุล

เรียกว่าอัดแน่นความสนุกเต็มๆทั้งเดือน แต่ไม่เพียงเท่านั้น เด็กๆได้รู้วิธีคิดค้นคว้าตั้งแต่ต้น ไปจนจบถึงการนำเสนอผลงาน ช่วยทำให้เด็กๆกล้าคิดและฝึกการเรียงลำดับขั้นตอน เพื่อให้บอกจ่อแนวคิดได้อย่างเป็นระบบ  เด็กๆบ้านไหนสนใจด้านการออกแบบไม่ควรพลาดค่ะ

คอร์สเริ่มวันที่ 2 – 27 ตุลาคม 2566 (สามารถเลือกลงเป็นวันได้) 12,000 บาท: camp (1สัปดาห์)

เวลาเรียน 10.00 – 14.00 น * ไม่เกิน 15 คน / คลาส เด็กๆจะได้รับผลงานกลับบ้านด้วย

เหมาะสำหรับหรับเด็ก 8-12 ปี

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/KIDative

– Line: @kidative

– โทร: 063-879-1449

 

กิจกรรม workshop

5. ESCAPE MANSION / Smart Block Coding By Give Space

Give Space – ทวีวัฒนา พื้นที่การเรียนรู้ทักษะชีวิต ชวนคุณพ่อคุณแม่พาเด็กๆ มาเสริมสร้างทักษะ Multiple Intelligences “พหุปัญญาทั้ง 8 ด้าน”

เด็กติดจอ ติดเกมเชิญทางนี้ .. ชวนเด็กๆ มาเรียนรู้การใช้ Block Coding อย่างชาญฉลาด เสริมสร้างทักษะแห่งอนาคต วิเคราะห์ ค้นคว้า คิดอย่างมีระบบ  สัมผัสประสบการณ์ เสมือนจริง ผ่านการแก้ปัญหา หาทางออก ร่วมผจญภัยปริศนาหาทางออกจาก Mansion ลึกลับ ที่เชื่อมต่อจากโลกของ Minecraft มาสู่โลกในความเป็นจริง!

พัฒนาทักษะกระบวนการคิด (logical thinking) ผ่าน Online / offline coding เด็กๆจะได้ช่วยกันฝึกทักษะการสังเกต ตามหาเบาะแส เชื่อมโยงเรื่องราว

สิ่งที่น้องๆจะได้รับในคอร์สนี้…

  • พัฒนากระบวนการคิดอย่างเป็นขั้นตอน
  • ทักษะการเชื่อมโยงทิศทาง ขนาด และพื้นที่ (Visual and Spatial)

วันที่ 3-5 ตุลาคม 2566

ค่ายกลุ่มเล็ก ไม่เกิน 10 คน รับอายุตั้งแต่ 6 – 10 ปี

ราคา 6000 บาท (ราคารวมอาหารว่าง )

** มีส่วนลด 10% สำหรับน้องที่เคยมาค่าย

สนใจเพิ่มเติมสอบถามได้ที่นี่เลย โทร 081-899-5557

:https://lin.ee/ATY2hrT

:https://www.givespace.asia/

:https://goo.gl/maps/kYsxGnkJ7ATN7wP48

หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :  Give Space – ทวีวัฒนา พื้นที่การเรียนรู้ทักษะชีวิต

กิจกรรม workshop

6. Sailing Camp ชวนน้องๆมาแล่นเรือใบ

กิจกรรมการแล่นเรือใบแบบ 4 วัน 3 คืน ที่สัตหีบ จ.ชลบุรี เด็กๆจะได้เรียนรู้การแล่นเรือใบและเทคนิคต่างๆแบบจัดเต็ม ฝึกสอนโดยนักกีฬาทีมชาติไทย การแล่นเรือใบช่วยฝึกการร่วมมือและทำงานเป็นทีม เป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี ฝึกการแก้ปัญหาอย่างมีตรรกะ สร้างประสบการณ์ดีๆให้เด็กๆ แถมยังได้เจอกลุ่มเพื่อนใหม่ๆ ด้วย รับรองว่าสนุกและได้ความรู้แน่นอน นอกจากนี้ยังได้ศึกษาเที่ยวชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล สัตหีบ, กิจกรรมปิ้ง Marshmallow ,กิจกรรมรอบกองไฟและดำน้ำ หลังจบคอร์สน้องๆจะได้วุฒิบัตร พร้อม Collection ใน Portfolio กลับบ้านด้วยนะ

วันที่ 7-10 ตุลาคม 2566

เหมาะสำหรับเด็ก อายุ 6 -17 ปี

ราคา 9,500 บาท ( ราคารวมอาหารและที่พัก )

สมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ Zero to Hero Activity คลิกลิงค์: https://forms.gle/duf2CM3ehRnAf6h58

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณต้น/ฝน  โทร./Line: 063-628-8996, 062-181-649

 

กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop

7. Little Stump : Cubic Science Explorer Camp By Cubic Creative

Little Stump ชวนเด็กๆ มาเปิดโลกการเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับความสนุกสุดหรรษา กับเวิร์กชอปวิทยาศาสตร์แสนสนุก

“Cubic Science Explorer Camp”

วันที่ 1 : กลศาสตร์ – การเคลื่อนที่ จุดศูนย์ถ่วง คานดีด และคานงัด ผ่านการทดลองแสนสนุก

วันที่ 2 : ความดัน – ความดัน ไอน้ำ แก๊ส และแรงลอยตัว ผ่านการทดลองแสนสนุกมากมาย มาสนุกกับโครงงานสร้างเครื่องดูดฝุ่นสุดหรรษาของน้อง ๆ เอง

วันที่ 3 : เคมี – การสร้างจดหมายลับด้วยหมึกล่องหน ภูเขาไฟในบ้าน และสเลอปี้แสนอร่อย

วันที่ 4 : เทคโนโลยี – การประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์มาเป็นเทคโนโลยีรอบตัวที่สามารถใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะเป็นแม่เหล็ก อุปกรณ์โฮโลแกรม ทรายปั้นแสนสนุกและประดิษฐ์นาฬิกาเรือนโปรดของน้องเอง

วันที่ 5 : ไฟฟ้า – พลังงานไฟฟ้า การต่อวงจร ขดลวดไฟฟ้า และสร้างเกมขดลวดไฟฟ้าแสนสนุก

ครูผู้สอน – รศ .ยืน ภู่วรวรรณ นักวิทยาการคอมพิวเตอร์ชาวไทยรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2539 สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและคณิตศาสตร์, อดีตอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และเคยดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รศ. ยืนมีผลงานเด่นในด้านการพัฒนาการประมวลภาษาธรรมชาติด้วยคอมพิวเตอร์ในภาษาไทย และการพัฒนาโครงสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

วันจันทร์ที่ 9 – ศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 2566

เวลา 9:30-16:30 น.

ราคาค่าร่วมกิจกรรม 18,500 บาท / 5 วัน (รวมอาหารกลางวัน)

ราคาพิเศษ Early Bird สำหรับผู้สนใจลงทะเบียน ก่อนวันศุกร์ที่ 22 กันยายน ลด 5% (ลดพิเศษ 10% สำหรับน้องที่สมัครมาด้วยกันสองคน)

กิจกรรมเหมาะสมกับน้องอายุ 6-9 ขวบ

 รับจำนวนจำกัด หากน้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่บ้านไหนสนใจ สามารถจองกันเข้ามาได้ที่ Little Stump Line Official: https://lin.ee/j5sV7Pz

หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Little Stump

 ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0656895553

 

กิจกรรม workshop

8. Mission to Mars Camp By Give Space

Inventor Junior เรียนรู้การเป็น นักประดิษฐ์ แบบจำลอง 3D เรียนรู้การเป็น นักประดิษฐ์ แบบจำลอง 3D ตามแนวคิดอิสระ สู่การนำเสนอ ผลงานด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ (3D Printing) โดยค่ายนี้คุณครูจะพาเหล่านักเดินทางออกสำรวจดวงดาวมาทำการทดลองจรวดน้ำเพื่อเดินทางออกนอกโลก ไปดวงดาวมืดมิดที่ต้องช่วยกันสร้างวงจรไฟฟ้าเพื่อก่อแสงสว่าง ดวงดาวเขาวงกตลึกลับซับซ้อน และมาช่วยกันออกแบบ ยานพาหนะเดินทางอวกาศในดีไซน์ของตัวเองกัน!

สิ่งที่น้องๆจะได้รับในคอร์สนี้…

  • ได้ออกแบบชิ้นงานของตนเอง
  • ฝึกกระบวนการคิดในรูปแบบ Design Thinking
  • การทดลองทางวิทยาศาสตร์เบื้องต้น

เรียน วันที่ 10-12 ตุลาคม 2023

รับอายุตั้งแต่ 6 – 10 ปี ค่ายกลุ่มเล็ก ไม่เกิน 10 คน

ราคา 6000 บาท (ราคารวมอาหารว่าง )

**มีส่วนลด 10%สำหรับน้องที่เคยมาค่าย

สนใจเพิ่มเติมสอบถามได้ที่นี่เลย โทร 081-899-5557

:https://lin.ee/ATY2hrT

:https://www.givespace.asia/

:https://goo.gl/maps/kYsxGnkJ7ATN7wP48

หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :  Give Space – ทวีวัฒนา พื้นที่การเรียนรู้ทักษะชีวิต

 

กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop

9. Wildlife Vet ฝึกเป็นสัตว์แพทย์

กิจกรรม workshop สำหรับน้องๆที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นสัตว์แพทย์ ดูแลสัตว์ป่า ที่เขาประทับช้าง จ.ราชบุรี และเรียนรู้งานด้านสุขภาพสัตว์ป่า ร่วมกิจกรรมครบ 3 วัน น้องๆจะได้รับ E-Certificate กลับไปเป็นPortfolio ด้วย บอกเลยว่าตารางกิจกรรมแน่นทั้ง 3 วัน เช่น เดินป่า หัดแยกประเภทสัตว์ป่า เรียนรู้การยิงลูกดอก ยาสลบให้สัตว์ ฝึกการใช้กล้องจุลทรรศน์ หัดตรวจสุขภาพสัตว์ป่า รับรองว่าสนุกและได้ความรู้กันแบบเต็มๆ

วันที่ 13-15 ตุลาคม 2566

เหมาะสำหรับเด็กอายุ  13-18 ปี ( มัธยมต้น-มัธยมปลาย )

ราคา 6,500 บาท ( รายได้ส่วนหนึ่งจะมอบให้กับกรมอุทยานในการดูแลสัตว์ป่า )

สมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ ที่ https://www.facebook.com/NatureSchoolThailand หรือ Line : @natureschool

โทร.093-792-8922

 

กิจกรรม workshop

10. สายลุยต้องจัดเลยค่ายนี้ Leadership and Adventure English Camp

ชวนน้องๆ มาเข้าค่าย 3 วัน 2 คืนที่ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (CRMA) จังหวัดนครนายก เพื่อฝึกความเป็นผู้นำและฝึกคิดแบบ logical ด้วยกิจกรรมทางทหารและวิทยาศาสตร์ รวมทั้งฝึกการทำงานเป็นทีม โดยใช้ภาษาอังกฤษตลอดทริป กิจกรรมมากมายทั้งเดินป่า ,แคมปิ้ง ,Heroes party night ,กิจกรรมปิ้ง Marshmallow และ BBQ camping ,โรยตัว,พายเรือคายัค, Kitchen Survival Skills, กีฬาและเกมต่างๆอีกมากมาย บอกเลยว่าสายลุยไม่ควรพลาดและไม่ต้องกังวลหากภาษาอังกฤษของน้องๆ ไม่แข็งทางทีมงานมีพนักงานคนไทยคอยช่วยเหลือน้องๆ ตลอดจนจบค่าย

วันที่ 13-15 ตุลาคม 2566

เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6-14 ปี

ราคา 6,900 บาท  ( ราคารวมอาหารและที่พัก )

สมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ Zero to Hero Activity คลิกลิงค์: https://forms.gle/dBYk7p5H31Hvxc958

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณต้น/ฝน โทร./Line: 063-628-8996, 062-181-6499

 

กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop

11. ค่ายเล่นกับดอกไม้ใบไม้ ที่ Little Tree Garden

บ้านไหนอยากให้ลูกๆใกล้ชิดธรรมชาติช่วงปิดเทอม แนะนำที่นี่เลยค่ะ ค่ายแบบไปกลับ 3 วัน ไม่ไกลกรุงเทพฯ กับ ค่ายเล่นกับดอกไม้ใบไม้ ที่ Little Tree Garden  สามพราน จังหวัดนครปฐม  เด็กๆจะได้ทำกิจกรรมมากมายในสวนสวยๆได้เรียนรู้ธรรมชาติผ่านกิจกรรมต่างๆ โดยไม่มีมีผู้ปกครอง เช่น เก็บดอกไม้ใบไม้มาทำขนม shortbread หรือบัวลอยสีดอกไม้ใบไม้ เก็บผักหรือเก็บไข่มาทำอาหารกลางวันด้วยตนเอง ตามหาสีในสวนมาทำสีธรรมชาติ แล้ววาดโปสการ์ดสวยๆ กัน รับรองว่าสนุกและได้ความรู้ดีๆกลับไปแน่นอน ใครสนใจก็ต้องรีบสมัครกันหน่อยเพราะรับจำนวนจำกัดแค่ 15 คนเท่านั้น

วันที่ 17 – 19  ตุลาคม 2566

เวลา 9:00 – 14:30 น.

เหมาะสำหรับเด็ก  5-9 ขวบ รับจำนวนจำกัด 15 คน

ค่าใช้จ่าย  3 วัน 2,500 บาท

สมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ https://www.facebook.com/littletreelearning

กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop

12. Little Stump / Little Chef กิจกรรม PUMPKIN PASTA

เด็กบ้านไหนอยากเป็นเชฟ ชอบทำอาหาร หรือ คุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกมีประสบการณ์เรื่องการทำอาหาร ต้องห้ามพลาดกิจกรรมนี้เลย PUMPKIN PASTA ของ Little Stump อีกหนึ่ง กิจกรรม workshop ที่จะชวนเด็กๆ มาทำความรู้จักกับวัตถุดิบ ทั้งรุปร่าง รูปทรง ของเส้น Pasta ชนิดต่างๆ และมาเรียนรู้ขั้นตอนการทำและการใช้อุปกรณ์ ในการทำเส้น Pasta  ที่มีหลากหลายชนิดด้วยกัน หนึ่งในเมนูที่เด็กหลาย ๆ บ้านชอบกิน โดยเด็กๆ จะได้ลงมือทำ “พาสต้าเส้นสด” และเทคนิคการต้มเส้น พร้อมนำเส้นมาทำเป็น เมนูแสนอร่อยของตัวเองกลับบ้านกัน!!

พบกันวันศุกร์ ที่ 20 และ วันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม 2566

เวลา 10.30 น. และ 14.30 น.

ค่ากิจกรรม 1,100 บาท ต่อเด็ก 1 คน รวมผู้ใหญ่ 2 คน (รวมเวลาเล่น Play Zone 1 ชม. สามารถเข้าเล่นก่อนหรือหลังกิจกรรม Workshop ก็ได้ค่ะ)

*ข้อควรระวัง กิจกรรมนี้มีการใช้ กลูเต็น (แป้ง) และ ไข่

 กิจกรรมนี้เหมาะสมกับน้องอายุ 3 ขวบขึ้นไป เด็กเล็กกว่า 3 ขวบ คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยน้องทำได้ค่ะ

 คุณครูผู้นำกิจกรรม คือ ครูบิลกิส – ครูปฐมวัย และ ผู้จัดกิจกรรมบูรณาการ

 รับจำนวนจำกัด หากน้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่บ้านไหนสนใจ สามารถจองกันเข้ามาได้ที่ Little Stump Line Official: https://lin.ee/j5sV7Pz

หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Little Stump

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0656895553

 

กิจกรรม workshop

13. มาออกแบบ “บ้านผีสิง” กันเถอะ

Creammakersclub กิจกรรม workshop จาก Cream Bangkok ที่จะชวนเด็กๆมาทำกิจกรรมต้อนรับวันฮาโลวีน มาสนุกกับจินตนาการและเรื่องราวลี้ลับผ่านงานออกแบบและประดิษฐ์ในหัวข้อ “บ้านผีสิง” บ้านของเด็กๆ แต่ละคนจะเป็นแบบไหน จะมีรายละเอียดในแต่ละห้องอย่างไร ก็อยู่ที่ความคิดสร้างสรรค์ของเด็กๆ แล้วล่ะ จะได้เติมจินตนาการและเรื่องเล่าผ่านการออกแบบและกลไกการประดิษฐ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน หรือสร้างเจ้าตัวประหลาดหรือ character ผู้อยู่อาศัยในบ้านร้างด้วยฝีมือตัวเอง แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว ใครสนใจก็พาน้องๆไปสมัครตามเพจด้านล่างได้เลย

วันที่ 24 – 25 ตุลาคม 2566

เวลา 9.00 น. – 15.00 น.

เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6-12 ปี

ราคา 2,900 บาท (ราคาไม่รวมอาหารกลางวัน)

สมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ Cream Bangkok   https://www.facebook.com/creambangkok

 

กิจกรรม workshop

14. Crazy Costume มาสร้างสรรค์ชุดวันฮาโลวีนกัน

นอกจากจะมี กิจกรรม workshop ประดิษฐ์ บ้านผีสิงแล้ว เดือนตุลาคมที่โรงแรมครีมจะกลายเป็นโรงแรม(ส)ครีม ชวนให้ขนหัวลุก ตื่นเต้นกับเรื่องเล่ากับ CREAM HOLIDAY WORKSHOP No. 6 sCREAM Makers Club ตอน Crazy Costumes เด็กๆจะได้ออกแบบหรือ ประดิษฐ์   ได้ฝึกเป็นสไตลิสต์ และช่างตัดช่างเย็บ เพื่อสร้างสรรค์ชุดสวยๆชวนสยอง ใครวางแผนอยากแปลงร่างเป็นอะไรในวันฮัลโลวีนนี้ จะได้แสดงฝีมือกันเต็มที่แน่นอน วันฮาโลวีนปีนี้ ถ้าอยากมีชุดที่ไม่เหมือนก็ต้องรีบตามไปจองเรียนที่ Cream Bangkok กันนะ

วันที่ 26 – 27 ตุลาคม 2566

เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6-12 ปี

ราคา 2,900 บาท

สมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ Cream Bangkok : https://www.facebook.com/creambangkok

กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop กิจกรรม workshop

15. Bo.lan Educational Program

คลาสทำอาหาร ฝึกการเรียนรู้ในห้องครัวช่วงปิดเทอมที่แสนน่ารัก สอนโดนคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นเชฟตัวจริงและใส่ใจเลี้ยงลูกเองอย่างจริงจัง อย่าง เชฟโบ – ดวงพร ทรงวิศวะ และเชฟดีแลน โจนส์ ทำให้คอร์สสอนทำอาหารนี้ตรงใจครอบครัว เพราะสอนให้เด็กๆได้ฝึกการสังเกต พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก ทักษะการเอาตัวรอด และเรียนรู้การเอาตัวรอดและช่วยเหลือตัวเองได้ยามจำเป็น โดยเป็นคลาสแบบเต็มวัน เด็กๆจะได้ทำเมนูง่ายๆแต่มากไปด้วยคุณค่าทางอาหาร อย่าง ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น สเต็กและมันบด เมนูของทอดต่างๆ รวมถึงขนมหวานด้วย เรียกได้ว่าสร้างแรงบันดาลใจ ให้กลับไปบ้านแล้วจะอยากเข้าครัวทำกับข้าวให้พ่อกับแม่ทานกันแน่นอน

เหมาะสำหรับเด็ก  7-13 ขวบ

สอบถามรายละเอียดช่วงเวลาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/bolaneduprogram โทร 022602962

 

เรียกได้ว่า กิจกรรม workshop ช่วงปิดเทอมตลอดทั้งเดือนตุลาคมที่ ทีมแม่ ABK รวมรวบมาให้นี้ น่าสนใจทั้งหมดเลย หากบ้านไหนอยากพาลูกน้อยไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ หรือ หากิจกรรมทำช่วงปิดเทอม เพื่อไม่ให้ลูกติดจอ ก็ตามไปร่วม workshop เข้าค่าย ทำกิจกรรมกันได้นะคะ

 

Editor : แม่เลม่อน, แม่พีทพริม, แม่บอมเบย์

ภาพ :  ภาพประชาสัมพันธ์


อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ

พาลูกวิ่งดะ

พาลูกวิ่งดะ Obstacle & Trail 2023 แก๊งจิ๋วซ่าตะลุยข้ามทวีป

event
พาลูกวิ่งดะ
พาลูกวิ่งดะ

พร้อมลุยกันอีกครั้ง ! กับกิจกรรม เพื่อครอบครัว กับ พาลูกวิ่งดะ Obstacle & Trail 2023 แก๊งจิ๋วซ่าตะลุยข้ามทวีป จัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน 2566 @ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว อ. ศรีราชา จ. ชลบุรี เตรียมพบกับสัตว์ป่านานาชนิด ! จุใจกับด่านอุปสรรคสุดมันส์ตลอดเส้นทาง

พาลูกวิ่งดะ พาลูกวิ่งดะ พาลูกวิ่งดะ

ครั้งนี้เป็นงานวิ่งฝ่าด่านอุปสรรคที่เส้นทางครอบคลุม 3 โซนทวีปในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว คือ โซนออสเตรเลีย โซนแอฟริกา และโซนฟอเรสออฟเอเชีย แก๊งจิ๋วซ่าจะได้ใกล้ชิดความน่ารักแสนซนของผองเพื่อนสัตว์ป่ากว่า 30 ชนิด และยังได้พบกับด่านอุปสรรคใหม่ๆ รอแก๊งจิ๋วซ่าได้มาท้าทายความกล้ากัน  แก๊งจิ๋วซ่าทั้งหลาย…ถึงเวลามาตะลุยกัน!!

 

งานพาลูกวิ่งดะ เกิดจากความเข้าใจธรรมชาติของเด็ก และความใส่ใจความสัมพันธ์ภายในครอบครัวของคุณแม่ 3 ท่าน โดยในปีนี้ งานพาลูกวิ่งดะ Obstacle and Trail 2023 เป็นงานวิ่งปีที่ 4 ที่เน้นความสนุกและการร่วมกันของครอบครัว ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากอย่างต่อเนื่อง และเป็นงานวิ่งฝ่าด่านอุปสรรคสำหรับเด็กและครอบครัวงานแรกของประเทศไทย ที่จัดขึ้นในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี งานนี้มีเป้าหมายในการส่งเสริมสุขภาพและความสัมพันธ์ในครอบครัวผ่านกิจกรรมกีฬาที่ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ โดยเฉพาะ พ่อแม่รุ่นใหม่และกลุ่มครอบครัวที่หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพและการออกกำลังกายกันมากขึ้น ทำให้เกิดคอนเสปต์ กิจกรรมที่เป็นการเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมกีฬา และ แฮชแทกที่หลายๆบ้านต้องยกให้เป็นแฮชแทกยอดฮิตคือ #เพราะลูกเป็นเด็กได้ครั้งเดียว อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและการพักผ่อนของครอบครัวในช่วงฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวหลังจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 อีกด้วย

พาลูกวิ่งดะ

กิจกรรมภายในงาน จะช่วยให้เด็กๆ ได้พัฒนาตนเองไปในตัว มากกว่าการมาวิ่งเฉยๆ ทั้งนี้ ยังเน้นให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยทั้งเส้นทางวิ่ง ฐานอุปสรรค และสุขอนามัยของผู้เข้าร่วมงาน โดยมีแนวคิดในการสร้างสรรค์งานวิ่ง คือ กิจกรรมที่ผสมผสานการฝ่าด่านอุปสรรคและสิ่งกีดขวางแบบ Obstacle Race กับการวิ่งผ่านเส้นทางธรรมชาติ (Natural Trail) เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้ท้าทายและเพิ่มประสบการณ์ใหม่ให้กับเด็กๆและครอบครัวได้มาลองจับมือตะลุยข้ามผ่านอุปสรรคไปด้วยกันท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน โดยฐานต่างๆ ได้รังสรรค์ภายใต้ทักษะต่างๆที่เด็กๆจะได้รับ อาทิเช่น

  • ทักษะการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ การใช้ร่างกาย การทำงานประสานกันระหว่างตากับมือ
  • ทักษะด้านการเคลื่อนไหว การทรงตัวรักษาสมดุลร่างกาย ปีนป่าย มุดลอด ฯลฯ
  • ความเข้มแข็งทางจิตใจที่ต้องก้าวผ่านความกลัว ไม่กล้า ความอ่อนล้า เพื่อที่จะผ่านแต่ละด่านอุปสรรคไปได้
  • ทักษะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การวิเคราะห์และตัดสินใจ
  • ทักษะทางสังคม เช่น ความสามัคคี การใช้เหลือกัน ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ฯลฯ

พาลูกวิ่งดะ

ทั้งหมดนี้ ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์การทำงานของทีมพาลูกเที่ยวดะ ที่มีความชัดเจนในวัตถุประสงค์ของการจัดงานทั้ง 3 ด้าน คือ

  • ด้านสังคม
  • ส่งเสริมให้ครอบครัวได้พาเด็กๆออกไปทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ และยังเป็นการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีทั้งกายและจิตใจ พร้อมให้ทุกครอบครัวได้มีเวลาคุณภาพร่วมกันอีกทั้งยังเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ลองแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในการผ่านอุปสรรคในการแข่งขันด้วยกำลังของตนเอง ซึ่งทำให้เค้าได้รู้ว่าตัวเค้าเองนั้นมีศักยภาพมากกว่าที่คิดไว้ ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและการพัฒนาตนเองของเด็กจากภายในได้เป็นอย่างดี
  • ด้านเศรษฐกิจ
  • กระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวส่งเสริมการกระจายรายได้ให้กับผู้ประกอบการในจังหวัดนั้นๆ
  • ด้านสิ่งแวดล้อม
  • สร้างจิตสำนึกในการรักษ์สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติให้กับเด็กและเยาวชนจากการได้สัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ผ่านกิจกรรมกีฬาเชิงท่องเที่ยว

ละส่วนสำคัญที่เป็นความตั้งใจของการจัดกิจกรรมนี้ คือ การที่รายได้ส่วนหนึ่งในการจัดงานนำมาบริจาคเพื่อสมทบทุนการดูแลสัตว์และกิจการต่างๆ ให้กับสวนสัตว์เปิดเขาเขียวอีกด้วย เห็นแบบนี้แล้ว จะพลาดกิจกรรมดีๆแบบนี้ได้อย่างไร

แล้วพบกันใน วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน 2566
ณ โซน Wildlife Wonderland สวนสัตว์เปิดเขาเขียว  อ. ศรีราชา จ. ชลบุรี

รายละเอียดการร่วมกิจกรรม พาลูกวิ่งดะ

ดูรายละเอียดงานวิ่ง และสมัครที่ https://race.thai.run/palukwingda2023kk

 


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : เพจพาลูกเที่ยวดะ
Facebook:  https://www.facebook.com/palukteawda
Website สมัครงานวิ่ง : https://race.thai.run/palukwingda2023kk
Line: @palukteawda
Mail: [email protected]
โทรศัพท์  0897796363, 0914545159

ซีอาร์จี ประกาศจับมือ คีอานิ (Kiani) ร้านอาหารเกาหลี สไตล์ Homemade ส่งตรงจากปูซาน

event

บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (ซีอาร์จี) หนึ่งในผู้นำธุรกิจร้านอาหารเครือข่าย (Food Chain Industry) ของประเทศไทยที่มีความชำนาญ และประสบการณ์อันยาวนานกว่า 45 ปี โดยมีแบรนด์ธุรกิจร้านอาหารที่หลากหลาย ครอบคลุมเกือบทุกประเภทอาหาร พร้อมรุกตลาดอาหารเกาหลี จับมือ กับ บริษัท คีอานิ จำกัด เปิดตัวแบรนด์ใหม่ คีอานิ (Kiani)  เดินหน้าต่อยอดธุรกิจสร้างการเติบโตร่วมกัน พร้อมซัพพอร์ตเสริมความแข็งแกร่งในทุกด้าน เล็งขยายสาขา และ การพัฒนาสินค้าในรูปแบบต่าง ๆ  เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น ประเดิมเปิดสาขาแรกที่ เซ็นทรัลพระราม 9

ธีรวัฒน์ เลิศถิรพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส  กลุ่ม Japanese & Korean Cuisine บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ “ซีอาร์จี เปิดเผยว่า ในปี 2566 ภาพรวมของธุรกิจร้านอาหารเริ่มกลับมาเติบโตราว 3-5% พบว่าร้านอาหารเกาหลีมีมูลค่าราว 3,000 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มการเติบโตได้อีกมาก จากความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง กระแสนิยมวัฒนธรรมเกาหลี และอาหารเกาหลียังเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ อีกทั้งเพื่อเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์สำคัญในการสร้างการเติบโต ด้วยการผนึกกำลังพันธมิตรผู้ประกอบการร้านอาหารที่มีศักยภาพ โดยดึงจุดแข็งทั้ง 2 ฝ่ายมาสร้างการเติบโตไปด้วยกัน ซึ่ง ซีอาร์จี เรามีจุดแข็งที่จะสามารถช่วยเสริมแกร่งให้กับพันธมิตรได้หลายด้าน เช่น มีอีโคซิสเทมรองรับ มีการดำเนินงานที่ดี แนวทางการปฏิบัติงานและระบบหลังบ้านต่าง ๆ รวมไปถึงการซีนเนอร์ยีด้านต้นทุน เอื้อให้การขยับขยายธุรกิจมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น

โดยตัดสินใจเข้าธุรกิจกับ บริษัท คีอานิ จำกัด ด้วยมองว่า แบรนด์ คีอานิ (Kiani) มีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก และช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอของ ซีอาร์จี ได้ ด้วย แบรนด์ คีอานิ (Kiani) มีจุดเด่นเป็นเป็นอาหารเกาหลี ต้นฉบับสไตล์ homemade  ส่งตรงจากเมืองปูซาน ซึ่งสูตรอาหารของทางร้านทุก ๆ เมนู  เป็นสูตรต้นตำรับเกาหลีแท้ ๆ อาทิ ซอสที่ใช้ในการนำมาหมักหมู และ เนื้อ เป็นสูตรเฉพาะ ซึ่งใช้วัตถุดิบพิเศษนำเข้าจากประเทศเกาหลีเพื่อให้ได้คุณภาพอาหาร และรสชาติที่ดี มีรสสัมผัสนุ่ม หอม รสชาติเข้มข้น

 

สำหรับแผนการขยายธุรกิจ บริษัทฯ เล็งขยายสาขา และ การพัฒนาสินค้าในรูปแบบต่าง ๆ  รวมถึงต่อยอดร้านในรูปแบบใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงมองหาโอกาสในการขยายเข้าไปในศูนย์การค้า เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น โดยตั้งเป้าภายใน 5 ปี หากสถานการณ์ปกติ จะสามารถขยายสาขาได้ต่อเนื่อง และมีจำนวนสาขากว่า 20 สาขาทั่วประเทศ 

 

ประเดิมสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพระราม 9 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพ ด้วยเป็นศูนย์รวมผู้คนทั้งชาวไทยและต่างชาติ มีอาคารสำนักงาน และ​การเดินทางสะดวกสบาย​ ซึ่งสามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี

ลี จง จิน ผู้ก่อตั้ง และผู้บริหาร บริษัท คีอานิ จำกัด เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เหตุผลที่เข้าร่วมธุรกิจกับ ซีอาร์จี เพราะเป็นเชนร้านอาหารขนาดใหญ่ที่มีประสบการณ์ ความรู้ ระบบต่าง ๆ ที่เป็นเลิศ ซึ่งการที่ได้เข้าร่วมกับทาง ซีอาร์จี จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการต่อยอดและสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจ อีกทั้งยังคาดหวังว่าการจับมือกันในครั้งนี้ จะสามารถช่วยพัฒนาระบบต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ และได้มาตรฐานยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าว่า แบรนด์ คีอานิ (Kiani) จะขยายสาขาไปทั่วประเทศ และสามารถสร้างยอดขาย รวมถึงการเติบโตที่ยั่งยืนต่อไปได้

 

***********************************

 

เกี่ยวกับ แบรนด์ คีอานิ (Kiani)

ร้านคีอานิ ในประเทศไทยเปิดครั้งแรกเมื่อปี 2014 ซึ่งสูตรอาหารของทางร้านคีอานิ ทุกๆเมนู  เป็นสูตรที่คุณแม่ของคุณลีจงจิน เจ้าของร้าน เป็นคนคิดค้นและเป็นคนทำทุกเมนูด้วยตัวเอง ซึ่งในช่วงแรกของการเปิดร้าน ตลาดอาหารเกาหลียังไม่เติบโตมากนัก โดยเฉพาะอาหารเกาหลีสไตล์ casual ทำให้ในช่วงสัปดาห์แรกของการเปิดร้าน บางวันขายได้เพียง 1 ออเดอร์เท่านั้น แต่ด้วยความตั้งใจและความชื่นชอบในการทำอาหาร โดยมีคุณแม่เป็นแรงบันดาลใจ  จึงทำให้คุณจิน คิดที่เปิดร้านคีอานิต่อ และไม่ย้อท้อในการที่จะทำร้านอาหารให้ประสบความสำเร็จ 

ด้วยความตั้งใจ ประกอบกับรสชาติของอาหาร และคุณภาพของวัตถุดิบที่มีคุณภาพ การให้ความสำคัญกับลูกค้าทุก ๆ คน   ด้วยการบริการที่เปรียบเสมือนลูกค้าคือคนในครอบครัว ในเวลาไม่นานนัก ร้านคีอานิ จึงเริ่มเป็นที่รู้จัก ด้วยการบอกต่อกันของลูกค้าแบบปากต่อปาก จนถึงปัจจุบัน ร้านคีอานิ เปิดให้บริการมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปี  จากร้านที่มีแค่เพียง 1ห้อง ขยายเป็น 3 ห้อง และได้รับการันตีความอร่อยจากเพจต่าง ๆ ครั้งแรกเมื่อปี 2017 และได้รางวัลในทุก ๆ ปีจนปัจจุบัน 7 ปีต่อเนื่อง รางวัลที่ได้รับ  wongnai user choice / grab thumbsup / robinhood

เมนูแนะนำ ได้แก่ บาร์บีคิวหมู/ เนื้อ หมักซอสสูตร คีอานิ, ซุปกิมจิ และ ซุปเต้าเจี้ยว, เครื่องเคียง (แพนเค้กเกาหลี), คิมบับ, บิบิมบับ, จาจังเมียน และ น้ำข้าว (ทานหลังอาหาร)

 

เกี่ยวกับบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด 

บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (Central Restaurants Group: CRG) หนึ่งในผู้นำธุรกิจร้านอาหารเครือข่าย (Food Chain Industry) ของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในปี 2521 มีเจตนารมณ์และวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคชาวไทยด้วยผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพ และบริการที่ดีเลิศ โดยปัจจุบันซีอาร์จีในฐานะผู้รับสิทธิ (Franchisee) ที่มีความชำนาญ ประสบการณ์อันยาวนานกว่า 45 ปี ในการบริหาร และจัดการธุรกิจร้านอาหารที่ได้รับการยอมรับจากเจ้าของแฟรนไชส์ (Franchisor) มีแบรนด์ธุรกิจร้านอาหารที่หลากหลาย ครอบคลุมเกือบทุกประเภทอาหาร มีจำนวนสาขารวม 1,580 สาขาทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ เดือน ก.ค. 2566)

แบรนด์ในกลุ่มซีอาร์จี 20 แบรนด์ ประกอบด้วย มิสเตอร์ โดนัท (Mister Donut), เคเอฟซี (KFC), อานตี้ แอนส์ (Auntie Anne’s), เปปเปอร์ ลันช์ (Pepper Lunch), ชาบูตง ราเมน (Chabuton), โคล สโตน ครีมเมอรี่ (Cold Stone Creamery), เทอเรสซ์ ณ บางกอก (Terraces De Bangkok), โยชิโนยะ (Yoshinoya), โอโตยะ(Ootoya), เทนยะ (Tenya), คัตสึยะ (Katsuya), อร่อยดี (Aroi Dee), เกาลูน (Kowlune), สลัดแฟคทอรี่ (Salad Factory), บราวน์  (Brown), อาริกาโตะ (Arigato), ส้มตำนัว (Somtam Nua), ชินคันเซ็น ซูชิ (Shinkanzen Sushi), นักล่าหมูกระทะ (Nak-la Mookata) และ ราเมน คาเกทสึ อาราชิ (Ramen Kagetsu Arashi)

พร้อมบริการเดลิเวอรี่อร่อยได้ทุกร้านผ่านโมบายล์แอพพลิเคชั่น “FOODHUNT” และโทร 1312

โรงเรียนนานาชาติ Brighton College Bangkok เปิดรับสมัครค่ายกิจกรรม October Camp แล้ว!

event

Brighton College Bangkok หรือโรงเรียนนานาชาติไบรท์ตัน คอลเลจ กรุงเทพฯ เปิดรับสมัคร October Camp ซึ่งเป็รค่ายกิจกรรมที่เด็กๆ จะได้เพลิดเพลินและเรียนรู้ ในช่วง 1 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 16 – 20 ตุลาคม 2023 ที่โรงเรียนไบรท์ตัน คอลเลจ กรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ใช้เวลากิจกรรมต่างๆ อาทิ บัลเล่ต์ Coding หุ่นยนต์ บาสเก็ตบอล ฟุตบอล การฝึกพูดในที่สาธารณะ เรียนศิลปะและงานฝีมือ และสเก็ต

เปิดรับสำหรับนักเรียนอายุระหว่าง 4 – 16 ปี โดยเปิดให้บุคคลภายนอกสามารถสมัครเรียนโปรแกรมได้ค่ะ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม คลิกที่นี่ >> https://drive.google.com/file/d/1I6KnU_u6z-4e2cmJbTMN_zKyu5e69qQx/view

ลงทะเบียนได้ที่: https://form.jotform.com/232209539907462

สอบถามเพิ่มเติม โทร. +66(2)136 7898 Email: [email protected]

โรงเรียนอนุบาลบ้านพลอยภูมิ

อนุบาลบ้านพลอยภูมิ โรงเรียนทางเลือก กับหลักสูตรให้เด็กๆ เรียนรู้จริงจากธรรมชาติ

event
โรงเรียนอนุบาลบ้านพลอยภูมิ
โรงเรียนอนุบาลบ้านพลอยภูมิ

School Visit วันนี้จะพาทุกคนมาเยี่ยมชมโรงเรียน อนุบาลบ้านพลอยภูมิ โรงเรียนทางเลือกขนาดย่อม ที่เปิดโอกาสให้เด็กเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างเต็มที่ตามศักยภาพของแต่ละคน โรงเรียนที่สร้างเด็กให้สุขง่าย ทุกข์ยาก และมีสมดุลในการใช้ชีวิต ถ้าใครกำลังมองหาโรงเรียนทางเลือกดี ๆ ย่านฝั่งธนอยู่ ที่นี่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย

บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ ย่านศาลาธรรมสพน์ เป็นที่ตั้งของโรงเรียน อนุบาลบ้านพลอยภูมิ ถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อปี พ.ศ.2543 พื้นที่บริเวณนี้รายล้อมไปด้วยทุ่งนา มีบรรยากาศร่มรื่น ครูอ๊อบสโลพร ตรีพงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการและเจ้าของโรงเรียนอนุบาลบ้านพลอยภูมิ เล่าให้เราฟังว่า จุดเริ่มต้นของโรงเรียนเริ่มจากการทำโรงเรียนให้หลาน โดยใช้บ้าน ซึ่งเดิมทีเป็นบ้านตากอากาศ นำมาปรับให้กลายเป็นโรงเรียนเล็กๆรองรับนักเรียนและครูไม่กี่คน โดยใช้แนวทางการสอนแบบ Homeschool กว่า 23 ปีที่ผ่านมา ครูอ๊อบพัฒนาและปรับรูปแบบแนวทางการสอนทั้งศึกษาเพิ่มเติมและขอคำแนะนำดีๆ จากโรงเรียนอนุบาลหนูน้อยหรือ โรโรงเรียนอนุบาลบ้านพลอยภูมิงเรียนสยามสามไตร ในปัจจุบัน จนปัจจุบันจากโรงเรียนเล็กๆ มีนักเรียนไม่กี่คนก็ขยับขยายกลายเป็นโรงเรียนอนุบาลขนาดย่อมที่เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาล – อนุบาล 3

อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

บรรยากาศทางเข้าโรงเรียน

อนุบาลบ้านพลอยภูมิ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

ส่วนใหญ่ช่วงเช้าคุณครูจะพาเด็กๆ มาปล่อยพลัง รับพลังงานจากแสงแดดก่อนที่สนามเด็กเล่น เด็กๆจะผลัดหมุนเวียนกันทำกิจกรรม ทั้งปีนป่าย เล่นทราย เพื่อฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่

 

การศึกษาแบบองค์รวม

หลักสูตรของโรงเรียนเป็นการเรียนรู้แบบองค์รวม คือเข้าถึงความจริงของธรรมชาติ ที่สอดคล้องกับ มนุษย์ สังคม ธรรมชาติและเทคโนโลยี เรียนรู้ผ่านกาย ใจ ผ่านการลงมือทำ ผ่านการสร้างเรื่องของกระบวนการคิดให้สัมพันธ์กัน พัฒนาชีวิตให้สามารถตัดสินใจได้ถูกต้อง เด็กๆจะกำกับตัวเองได้ และรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรทำ  กินเป็นอยู่เป็น ไม่เบียดเบียนผู้อื่น  คือเป้าหมายหลักของโรงเรียน

นอกจากนี้ครูอ๊อบยังได้ศึกษาและนำเอาธรรมะ มาเป็นแนวทางในการวางหลักสูตรของโรงเรียนด้วย โดยนำเอาเรื่อง การพัฒนาที่ยั่งยืน ของท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์  (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)  มาเป็นแกนหลักในการจัดการศึกษา เรียนรู้เรื่องธรรมชาติกับตัวเรา ธรรมชาติกับสังคม ธรรมชาติกับเทคโนโลยี ลักษณะการเรียนจะคล้ายกับบันไดวน ค่อยๆกว้าง ค่อยๆลึกขึ้น สังคมบ้าน สังคมโรงเรียน ผสมเรื่องวิชาการ ภาษาต่างๆ ในรูปแบบบูรณาการ  นำสู่ความสามารถและปัญญาที่หลากหลาย โดยยึดหลักภาษาธรรมชาติ (Whole Language)  ไม่ได้นั่งเรียนเขียนอ่านกันแบบจริงจัง เน้นเตรียมความพร้อมเรื่อง ฐาน กายใจก่อน ให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาของตัวเองให้แข็งแรง สื่อสารได้คล่อง แล้วค่อยเสริมภาษาอื่นๆเข้าไป ผ่านกิจกรรมต่างๆ ซึมซับแบบธรรมชาติเป็นการเรียนรู้ควบคู่กันไปเพื่อพัฒนา ทั้งอารมณ์ สังคม จริยธรรมและวิชาการ เป้าหมายของโรงเรียนคืออยากเห็นเด็กเป็นคนที่สุขง่าย ทุกข์ยาก ซึ่งจำเป็นต้องผ่านกระบวนการฝึกฝน กายใจ ภาคภูมิใจตัวเอง ปรับตัวง่าย โรงเรียนจะวางแผนและเตรียมความพร้อมให้ทุกๆด้าน

อนุบาลบ้านพลอยภูมิ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

เด็กอนุบาลเรียนวิชาพละ โดยครูต่างชาติ เพื่อให้เด็กซึบซับภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติ

อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

อุโมงค์นี้เป็นสถานที่โปรดของเด็กหลายๆคน

สอนพ่อแม่ให้เข้าใจลูก

ประเทศของเรามีโรงเรียนสอนให้ครูเป็นครู แต่โรงเรียนสำหรับฝึกให้เป็นพ่อแม่ยังไม่มี ที่ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ จึงมีคลาสห้องเรียนพ่อแม่  เพื่อให้ความรู้พ่อแม่เกี่ยวกับพัฒนาการของเด็ก เข้าใจว่าธรรมชาติของเด็กเป็นอย่างไรโดยไม่ต้องเร่งเรียน ช่วงเวลาที่เด็กพร้อมเรียนรู้เขาจะเรียนรู้ได้ดี ใฝ่รู้ ถ้ารีบให้ไปก่อนในจังหวะที่เขายังไม่พร้อม ความใฝ่รู้และอยากเรียนรู้จะมอดไป คุณพ่อคุณแม่ต้องใจเย็น ถ้าโรงเรียนสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เข้าใจว่าธรรมชาติของเด็กเรียนรู้อย่างไร สอนพ่อแม่ให้เห็นว่าสุดท้ายแล้วผลลัพธ์ที่รอคอยจะเป็นอย่างไรก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้

ห้องเรียนพ่อแม่บางคลาสจะเชิญคุณหมอ มาช่วยให้ความรู้ โดยมีหัวข้อต่างๆ เช่น พ่อแม่จะรับมืออย่างไรเมื่อลูกผิดหวังหรือภาวะความซึมเศร้าในเด็ก มีทั้งคลาสแบบออนไลน์และออนไซต์  สิ่งเหล่านี้เองที่จะทำให้โรงเรียน เด็ก และพ่อแม่ ไปในทิศทางเดียวกัน

พ่อแม่หลายคนอยากให้ลูกเรียนโรงเรียนทางเลือก แต่ตัวเองกลับไม่ได้มาแนวทางนี้ บางคนกำกับลูกมากเกินไป ไม่ปล่อยให้ลูกตัดสินใจหรือทำอะไรด้วยตนเอง ก็จะทำให้เด็กอ่อนแอไม่มีทักษะทางด้านความคิดไม่กล้าตัดสินใจ พ่อแม่ต้องไม่คาดหวังที่โรงเรียนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องทำวิถีของการเลี้ยงดูให้เป็นแนวทางเดียวกัน  ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันชีวิตให้ลูก ดูแลตัวเองได้ รับผิดชอบตัวเองได้

อนุบาลบ้านพลอยภูมิ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

ภายในโรงเรียนรายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ บรรยากาศร่มรื่น ทำให้เด็กๆผ่อนคลาย

 

 

กิจกรรมเชื่อมโยงกับธรรมชาติ

ที่โรงเรียน อนุบาลบ้านพลอยภูมิ จะจัดค่ายสุนทรียภาพในธรรมชาติทุกปีสำหรับเด็กอนุบาล 3 เป็นกิจกรรมเข้าค่ายสำหรับเด็ก แบบ 4 วัน 3 คืน โดยไม่มีผู้ปกครอง เพื่อบ่มเพาะความรักในธรรมชาติให้กับเด็กๆ เป็นนักสืบความหมายธรรมชาติ อธิบายว่าต้นไม้ต้นนี้ทำงานอย่างไร สัตว์กับต้นไม้สัมพันธ์กันอย่างไร ได้ฝึกใช้กล้องสองตาเพื่อดูนก และเดินป่า ปีนข้ามขอนไม้ต่างๆ  และทำงานศิลปะหลังจบค่าย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม ทำสวน ทำนา เลี้ยงไส้เดือน ที่สวนเกษตร ชื่อ สวนผลิใบ  อยู่ใกล้ๆกับโรงเรียน เด็กจะภูมิใจและทานอาหารที่เขาปลูกเอง  ส่วนเด็กอนุบาล 1 จะมีครูพาเดินในโรงเรียน  เป็นวิชาใกล้ชิดธรรมชาติ เน้นสำรวจและสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลง

  อาจารย์ประสิทธิ์ วงษ์พรม  อาจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมชาติศึกษา ที่โรงเรียนเชิญมาสอนเด็กๆเรื่องสัตว์เลื้อยคลาน ในสัปดาห์นี้เป็นเรื่อง งูสิงห์ เด็กๆ ได้เรียนรู้วิธีการเลื้อย ผิวของงู วิธีการเข้าหางู และพาสำรวจธรรมชาติรอบโรงเรียน

อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

สวนผักเล็กๆ ของเด็กๆ

 

เน้นพัฒนาเด็กแบบรอบด้าน

เด็กที่นี่จะได้เรียนรู้หลากหลาย ทั้งดนตรี ศิลปะ เพราะการพัฒนาเด็กควรพัฒนาสมองทั้งสองซีก เพื่อให้เกิดความสมดุล ไม่ใช่เก่งแต่วิชาการ แต่ต้องสามารถเชื่อมโยงมนุษย์ และธรรมชาติ ได้ด้วย ไม่สุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง โรงเรียนพยายามสร้างประสบการณ์ที่หลากหลาย  เปิดโอกาสให้ทดลองเล่น จนเจอสิ่งที่เด็กถนัด แม้จะเจอสิ่งที่ไม่ถนัดก็ไม่หยุดพัฒนา

อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

งานปั้นของเด็กๆที่โรงเรียนนำมาตกแต่งผนังห้อง

อนุบาลบ้านพลอยภูมิ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

บรรยากาศห้องเรียนศิลปะ

อนุบาลบ้านพลอยภูมิ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ Music and Movement เคลื่อนไหวร่างกายผ่านเสียงดนตรี การฟัง การกำกับตัวเอง ใช้ร่างกายเป็นเครื่องดนตรี

 

สังคมแห่งกัลยาณมิตร ของ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

ทางโรงเรียนจัดวัน Open house เพื่อให้ผู้ปกครองได้เข้ามาฟังนโยบายและแนวทางการสอนของโรงเรียน ว่าไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ เพื่อให้ผู้ปกครองตัดสินใจก่อนพาลูกๆมาสมัครเรียน และเมื่อเข้ามาเป็นสมาชิกของโรงเรียนแล้ว ผู้ปกครองจะทำงานร่วมกันกับโรงเรียน ช่วยกันขับเคลื่อนเด็กๆ อะไรที่คุณพ่อคุณแม่มองว่าโรงเรียนบกพร่อง สามารถสื่อสารกับโรงเรียนได้ด้วยความตรงไปตรงมาและช่วยสะท้อนปัญหาต่างๆได้ ส่วนโรงเรียนก็สามารถสื่อสารกับคุณพ่อคุณแม่แบบตรงไปตรงมาได้เช่นกัน ว่าสิ่งไหนที่เด็กโดดเด่น สิ่งไหนที่ควรต้องเติม หรือต้องรีบแก้ไข เป็นกัลยาณมิตรทีดี สะท้อนได้ด้วยความเคารพ

อนุบาลบ้านพลอยภูมิ อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

เรียนผ่านการเล่นต่างๆ ช่วยพัฒนาเด็กๆอย่างเป็นธรรมชาติ

อนุบาลบ้านพลอยภูมิ

บรรยากาศโรงเรียนน่ารักอบอุ่นเหมือนบ้าน

 

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

1.โรงเรียนนี้ไม่มีการสอบ ไม่มีเกรดเฉลี่ย ไม่มีที่หนึ่งที่สอง แต่จะประเมินเด็กตามสภาพจริง วัดผลด้วย Portfolio ของนักเรียน และเสนอร่องรอยการเรียนรู้ที่ผ่านมาในแต่ละเทอม ในงานภูมิผลิใบ นอกจากนี้โรงเรียนจะนัดประชุมผู้ปกครอง ทุก 2 เดือน เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับพัฒนาการของเด็กๆ ของแต่ละคนอีกด้วย

2.ครูที่โรงเรียนอนุบาลบ้านพลอยภูมิ ต้องเข้าคอร์ส ปฏิบัติธรรม เพื่อพัฒนาใจของครู ไม่ให้ไวต่ออารมณ์ และรู้เท่าทันอารมณ์ ไม่ปล่อยอารมณ์ออกไปให้กระทบกับเด็ก พ่อแม่จึงเบาใจได้ว่าเด็กๆที่โรงเรียนนี้จะมีสุขภาพจิตที่ดี เพราะได้เจอครูที่จิตใจเมตตาและอารมณ์ดี

3.โรงเรียนอนุบาลบ้านพลอยภูมิ เปิดโรงเรียนระดับประถมอยู่ในพื้นที่เดียวกัน โดยจดทะเบียนเป็นศูนย์การเรียนชื่อ ประถมภูมิธรรม บ้านไหนอยากวางแผนให้ลูกเรียนต่อชั้นประถมศึกษา ก็ไม่ต้องกังวลใจเพราะที่นี่มีชั้นประถมศึกษารองรับด้วย แต่หากใครอยากเรียนต่อที่อื่น คุณครูก็สามารถแนะนำโรงเรียนที่เหมาะเพื่อให้นักเรียนทุกคนมีที่ศึกษาต่อ

4.ที่นี่ไม่มีเรียนพิเศษ เด็กควรได้เวลาจากพ่อแม่ ควรมีเวลาคุณภาพที่บ้าน หลังจากเลิกเรียน เพราะเด็กใช้เวลาอยู่ที่โรงเรียนมาแล้วทั้งวัน

 

คุณสมบัติผู้สมัคร ( อายุนับถึงวันที่ 31 พฤษภาคม )

  • ระดับชั้นเตรียมอนุบาล อายุ 2 ปีบริบูรณ์
  • ระดับชั้นอนุบาล 1 อายุ 3 ปีบริบูรณ์
  • ระดับชั้นอนุบาล 2 อายุ 4 ปีบริบูรณ์
  • ระดับชั้นอนุบาล 3 อายุ 5 ปีบริบูรณ์

เกณฑ์การพิจารณา

การสัมภาษณ์ผู้ปกครอง

อัตราค่าเล่าเรียน ( ปีการศึกษา 2567 )

  • ค่าธรรมเนียมแรกเข้าและประกันอุบัติเหตุ 25,000 บาท
  • ค่าเล่าเรียน ภาคเรียนละ 78,000 บาท
  • ค่าชุดนักเรียน  600 บาท
  • ค่าชุดกิจกรรม  500 บาท

 

ที่อยู่ : 13/4 ม.6 ถนนศาลาธรรมสพน์ 42 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-889-6941
เว็บไซต์ https://www.baanploypoom.net/

Facebook : https://www.facebook.com/baanploypoomkindergarten

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  นันทิยา บุษบงศ์


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

SX2023

เปิดไฮไลท์ 8 โซนสุดอลัง “SX2023” มหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน

event
SX2023
SX2023

 เปิดไฮไลท์ 8 โซนสุดอลัง “SX2023” มหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน

“สมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีกว่า Good Balance, Better World

งานเดียวที่ครบทั้งสาระความรู้ เต็มอิ่มด้วยอาหารหลากหลาย ไปพร้อมกับเปิดประสบการณ์และมุมมองใหม่ที่กำลังอยู่ในประเด็นระดับโลก เพื่อร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลก ในงาน Sustainability Expo 2023  (SX2023) ที่ปีที่ 4 ตอกย้ำแนวคิดหลักของการจัดงาน “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” (Sufficiency for Sustainability)

SX2023

ที่จะชวนให้คุณได้ “ลงมือทำจริง” แพลตฟอร์มความร่วมมือขององค์กรชั้นนำระดับภูมิภาคและระดับโลก พร้อมด้วยภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายพันธมิตรทุกภาคส่วนทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ  ที่จะมาร่วมกันสร้างพลัง และปลุกกระแสด้านความยั่งยืนในมิติต่างๆ เพื่อสร้าง “สมดุลที่ดี เพื่อโลก ที่ดีกว่า” Good Balance, Better World

ร่วมตื่นตาตื่นใจไปกับ 8 โซนหลัก ที่พร้อมเสิร์ฟสาระความรู้ด้านความยั่งยืนแบบย่อยง่ายและเข้าถึงได้จริงให้อย่างเต็มที่

1. โซน SEP Inspiration ร่วมสัมผัสประสบการณ์โลกเสมือน PROLOGUE: WHAT IF THE WORLD…พาไปเข้าใจสมดุลใหม่ Ring of Balance ปลุกกระแส ถึงเวลาที่ต้องลงมือทำ พร้อมเจาะลึกหัวใจแห่ง SX แรงบันดาลใจจาก Sufficiency Economy Philosophy และ UNSDGs บอกเล่าเรื่องราวของโลกในมิติต่างๆ และความรู้ใหม่จากองค์กรที่เป็นนักปฏิบัติด้านความยั่งยืน

SX2023

2.โซน BETTER ME ร่วมสัมผัสนวัตกรรมอาหารกู้โลก การดูแลสุขภาพและชีวิตที่ยืนยาวอย่างยั่งยืน

SX2023

3. โซน BETTER LIVING พบกับตัวอย่างธุรกิจยั่งยืนโลก แสดงกระบวนการผลิตใส่ใจสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำที่น้อยคนจะได้เห็น พร้อมความพยายามเพื่อกอบกู้ฟื้นฟูสภาพภูมิอากาศเพื่อบรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero)

SX2023

4. โซน BETTER COMMUNITY จำลองสังคมเมืองในฝัน นวัตวิถีเพื่อชีวิตเท่าเทียม น่าอยู่ ปลอดภัย และยั่งยืน พบกับแบบบ้านพอเพียงเพื่อผู้ขาดแคลน แบบโครงสร้างเมืองใหม่เชื่อมถึงกันเต็มระบบ ชุมชนสร้างสรรค์เพื่อโอกาสเท่าเที่ยมในสังคมของทุกๆคน

SX2023

5. โซน BETTER WORLD รวบรวมงานศิลป์สะท้อนมุมมองความยั่งยืนในหลากหลายรูปแบบ อาทิ Nat Geo สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย และผลงานนานาชาติ 10 ประเทศ ASEAN ที่ยังไม่เคยชัดแสดงที่ใด จากโครงการ ASEAN SX PHOTO CONTEST และโครงการ Trash to Treasure เปลี่ยนขยะเป็นงานศิลป์ทรงคุณค่า

6. SX Food Festival เทศกาลอาหารเพื่อโลกจากเชฟชื่อดัง พบกับธีม Thai Street Food Museum ที่จำลองจุด landmark ชื่อดังร่วมสมัยในกรุงเทพฯ เมืองเก่าภูเก็ต และหัวเมืองสำคัญของไทยมาไว้ในหนึ่งเดียว พร้อมเสิร์ฟอาหารเลิศรสที่ดีต่อคุณ ดีต่อโลก กับแนว Zero-Waste Cooking เรียนรู้การจัดการขยะอาหารเพื่อความยั่งยืนแบบเต็มรูปแบบ

SX2023

7. SX Marketplace พาช็อปสินค้างานคราฟโดนใจเพื่อชุมชนและสังคม

SX2023

8. SX Kids Zone ชวนน้องๆ มาสนุกกับการเรียนรู้และความน่าฉงนของโลกแห่งแมลงตัวจิ๋วกับบทบาทที่สำคัญต่อโลกที่ยั่งยืนใบนี้ พร้อมกิจกรรมเสริมทักษะความคิดอีกมากมาย

SX2023

ร่วมค้นหาคำตอบและกิจกรรมมากมายเพื่อโลกด้วยกันที่ : SUSTAINABILITY EXPO 2023 SX2023 : GOOD BALANCE, BETTER WORLD ตั้งแต่29 กันยายน – 8 ตุลาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

เปิดตัวแบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก “Bébé Roo Baby Care” โดยแม่ ดิว อริสรา

event

เพราะถ้าเป็นเรื่องของลูก #แม่ไม่ยอม เปิดสไตล์การเลี้ยงลูกฉบับ “ดิว – อริสรา” สู่แบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก “Bébé Roo Baby Care” ตอบโจทย์ความทุ่มเทที่จะดูแล และปกป้องลูกน้อย ของคุณแม่ยุคใหม่

ดิว – อริสรา ทองบริสุทธิ์ เซเลบริตี้ และบทบาทความเป็นคุณแม่ของน้องไซลาส จัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ “เบเบย์ รูว เบบี้ แคร์ (Bébé Roo Baby Care)” แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแล และบำรุงผิวสำหรับเด็ก จากแรงบันดาลใจประสบการณ์การเลี้ยงลูกสไตล์ “Kangaroo Mom” ที่พร้อมสนับสนุนให้ลูกเติบโตได้อย่างสมดุล เน้นการให้อิสระในการค้นหา ปล่อยให้ลูกได้ทำผิดพลาดเพื่อการเรียนรู้ โดยมีแม่เคียงข้าง และคอยสนับสนุนอยู่เสมอ ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Bébé Roo Baby Care ผ่านการคัดสรร และนำเข้าส่วนผสมจากต่างประเทศ รวมถึงคิดค้นเทคโนโลยี และนวัตกรรมร่วมกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์โรคภูมิแพ้ และภูมิคุ้มกัน เพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ในการดูแลผิว
ที่บอบบางของลูกน้อยมากที่สุด

            “อะไรที่ว่าดี แม่ก็ไม่ยอมแพ้ที่จะทำเพื่อลูก” จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Bébé Roo Baby Care ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ทุกคน

ดิว – อริสรา ทองบริสุทธิ์ CEO และผู้ก่อตั้งแบรนด์ เบเบย์ รูว เบบี้ แคร์ (Bébé Roo Baby Care) บอกเล่าบทบาทความเป็นคุณแม่กว่าหนึ่งปีเต็มว่า “เราพบว่าตนเองมีความตั้งใจที่จะสรรหาของใช้ที่ดีที่สุดเพื่อลูก จากทั้งแหล่งซื้อขายในไทย และต่างประเทศ ไม่ว่าจะต้องรอนาน หรือราคาแพง ขอแค่มีคำบอกเล่าว่าเป็นของดีก็พร้อมจะซื้อมาลองเพื่อค้นหาสิ่งที่ใช่ที่สุดสำหรับลูก จนเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการลองทำผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คนเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกในสไตล์เดียวกับเรา ปล่อยให้ลูกได้ค้นหาสิ่งที่ชอบ และเรียนรู้เรื่องราวใกล้ตัวผ่านการหยิบจับสิ่งของต่างๆ เพื่อสร้างพัฒนาการทั้งด้านความคิด และเติบโตสมวัย”

“Kangaroo Mom” (แม่จิงโจ้) สไตล์การเลี้ยงลูกของคุณแม่ยุคใหม่ ให้ลูกเติบโตในแบบที่เป็นตัวเอง

“ความรู้สึกเมื่อได้มาเป็นแม่คน เราไม่ได้คาดหวังให้ลูกเป็นตัวแทนเราในยุคสมัยนี้ และที่สำคัญไม่ต้องการเรียกร้องหรือต้องการให้ลูกใช้ชีวิตเพื่อเรา แค่อยากให้เขาได้เติบโตไปเป็นคนที่มีความสมดุลทั้งด้าน IQ และ EQ สามารถใช้ชีวิตแบบที่ตนเองต้องการได้อย่างมีความสุข เราได้ศึกษาสไตล์การเลี้ยงลูกแบบต่างๆ และรู้สึกถูกใจกับแนวคิด “Kangaroo Mom”
ที่เน้นอิสระให้ลูกได้ค้นหา และทำกิจกรรมที่ชอบด้วยตนเอง โดยพ่อแม่จะไม่เข้าไปบังคับ หรือตีกรอบมากจนเกินไป
ปล่อยให้ลูกได้ทำผิดพลาดเพื่อการเรียนรู้ แต่มีแม่คอยสนับสนุนอยู่ข้างๆ เสมอเวลาที่ลูกต้องการ เหมือนอย่างแม่จิงโจ้
ที่ทะนุถนอมลูกน้อยไว้ในกระเป๋าหน้าท้อง ก่อนจะปล่อยให้เผชิญโลกกว้างเต็มที่เมื่อถึงเวลา ซึ่งการเลี้ยงลูกด้วยแนวคิดนี้
คนเป็นแม่ต้องเตรียมพร้อมที่จะป้องกันไม่ให้ลูกต้องเผชิญกับอันตรายต่างๆ รวมถึงความสกปรก มลภาวะ ซึ่งจะนำไปสู่การเจ็บป่วยได้ อย่างดิวเองก็เลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่มั่นใจได้ว่าจะชะล้างสิ่งสกปรกได้หมด ที่สำคัญเน้นที่ความปลอดภัย และปกป้องได้อย่างอ่อนโยน เพื่อให้การเลี้ยงลูกสไตล์แม่จิงโจ้ของเราเป็นไปอย่างราบรื่น อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจในการ
ตั้งชื่อแบรนด์ Bébé Roo ซึ่งมาจากคำว่า Kangaroo อีกด้วย”

อัดแน่นด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ จริงจังเรื่องการดูแลและปกป้องผิวลูกน้อย

เพราะความตั้งใจที่จะส่งมอบประสบการณ์ดูแล และปกป้องลูกน้อยอย่างดีที่สุดให้กับคุณแม่ท่านอื่นๆ Bébé Roo Baby Care จึงนำเข้าสารสกัดที่มีความโดดเด่นจากต่างประเทศ รวมถึงคิดค้น และพัฒนาสารสกัดจากธรรมชาติมาใส่ไว้
ในผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์สไตล์การเลี้ยงลูกแบบคุณแม่ยุคใหม่ที่อยากให้ลูกได้เรียนรู้ และเผชิญโลกด้วยตนเอง
ในขณะเดียวกันก็ปกป้องผิวบอบบางจากสิ่งสกปรกได้อยู่หมัด อาทิ

  • เซนเซีย แคโรต้า (Sensia Carota) สารสกัดจากแครอท อันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ Bébé Roo Baby Care มีคุณสมบัติในการปลอบประโลม และปกป้องผิวบอบบางเสมือนผิวหนังชั้นที่ 2 มอบความชุ่มชื้น และปรับจุลินทรีย์ในผิวให้อยู่ในภาวะสมดุล
  • โพลูสตอป (PolluStop) กลไกการปกป้องผิวหนัง และช่วยชำระสิ่งสกปรก จากมลภาวะที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
  • ไฮโดรมานิล (Hydromanil) สารสกัดธรรมชาติจาก “ต้นทาร่า” ผสานเทคโนโลยี ยี 3D-Matrix ช่วยในการปลดปล่อยสารสำคัญเข้าสู่ผิวอย่างต่อเนื่องยาวนาน มอบความชุ่มชื้นให้ผิวได้ทันทีเมื่อเข้าสู่ผิว ลดอาการผิวหลุดลอก
  • เซนเซอรีน (Senseryn) นวัตกรรมจากธรรมชาติ สารสำคัญจาก “ออร์แกนิคฮอบส์” ที่อุดมไปด้วยสาร Polyphenol มีคุณสมบัติจับกับ Bitter Taste Receptor (T2Rs) กระตุ้นการสร้าง Anti- microbial ลดการอักเสบ และรอยดำ
    ช่วยปกป้อง และฟื้นฟูผิวแพ้ง่ายให้กลับมาแข็งแรง
  • ดีเฟนซิล พลัส (Defensil Plus) สารสกัดจากสามทหารเสือแห่งธรรมชาติ Blackcurrant, Ballon Vine และ
    ต้นทานตะวัน ช่วยลดการอักเสบ ลดระคายเคือง และผื่นผิวหนังจากการอักเสบ

ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Bébé Roo Baby Care ประกอบไปด้วยกลุ่มที่เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับดูแล และบำรุงผิว ได้แก่

  • Bébé Roo Head to Toe Hair & Body Washสบู่เหลวอาบน้ำ และแชมพูสระผมที่มีความอ่อนโยน
  • Bébe Roo Body Lotion – โลชั่นถนอมผิวเด็กเนื้อเข้มข้น ที่มอบความชุ่มชื้น เสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
  • Bébe Roo 3 in 1 Baby Balm – ผลิตภัณฑ์ 3 in 1 เบบี้บาล์มที่ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาแข็งแรง

และในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และลดการสะสมเชื้อโรคอย่างอ่อนโยน ทิชชู่เปียก (Wet Wipes) แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่

  • Bébé Roo Baby Wet Wipes – ผ้าเช็ดทำความสะอาดผิวแบบเปียก ปราศจากแอลกอฮอล์ และน้ำหอม
  • Bébé Roo Hygiene Wipes – ผ้าเช็ดทำความสะอาดผิวแบบเปียก สูตรแอลกอฮอล์ Foodgrade สำหรับลดการสะสมของเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย รวมถึงเชื้อราทุกชนิด

“ดิวเชื่อว่าคุณแม่ยุคใหม่มีจุดร่วมที่เหมือนกัน คือเราชื่นชอบการศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับการดูแลลูกอยู่เสมอ ที่สำคัญคือไม่หวงที่จะแบ่งปันเคล็ดลับ หรือสิ่งดีๆ ที่จะทำให้ลูกน้อยมีความสุขทั้งกายใจกับคุณแม่ท่านอื่น ซึ่ง Bébé Roo Baby Care คือความตั้งใจของดิวที่อยากแบ่งปันประสบการณ์การดูแล และปกป้องลูกอย่างเต็มที่ให้คุณแม่ทุกท่านได้สัมผัส และรู้สึกภูมิใจกับการได้เห็นลูกของเราเติบโตอย่างมีคุณภาพ”

สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ สามารถหาซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และร้านขายยาชั้นนำ อาทิ Gourmet market,
Villa market, Foodland, Fascino ร้านขายของแม่และเด็ก และผ่านช่องทางออนไลน์ทาง Lazada และ Line shopping สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เด็กแบรนด์ Bébé Roo Baby Care ได้ที่ Official IG: beberoobabycare https://www.instagram.com/beberoobabycare/

โรคที่มากับหน้าฝน

พ่อแม่สังเกตลูกให้ดี! ไข้สูง ไอถี่ มีเสมหะ นี่คืออาการ ของ 4 โรคฮิต โรคที่มากับหน้าฝน

event
โรคที่มากับหน้าฝน
โรคที่มากับหน้าฝน

เข้าฤดูฝนแล้ว เด็กๆ ป่วยบ่อย ซึ่ง โรคที่มากับหน้าฝน เป็นโรคสุดฮิต มีทั้ง rsv, มือเท้าปาก, ไข้หวัดใหญ่ และไข้เลือดออก แล้วแต่ละโรคจะมีอาการอย่างไร พ่อแม่ควรรู้ จะได้รับมือทัน!

อาการ 4 โรคฮิต ช่วงหน้าฝน สังเกตลูกให้ดี!!

เมื่อถึงเดือน สิงหาคม-กันยายน ก็เข้าสู่ช่วงฤดูฝนแบบเต็มตัว ฝนตกทุกวัน อากาศเริ่มเย็นลงและมีความชื้นเพิ่ม ทำให้เชื้อโรคหลายชนิดสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น โดย โรคที่มากับหน้าฝน พบบ่อยส่วนมากในช่วงฤดูฝนมีหลายกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจกลุ่ม โรคติดต่อทางน้ำดื่มและอาหาร กลุ่มโรคที่มียุงเป็นพาหะ กลุ่มโรคติดเชื้อทางบาดแผลและเยื่อบุผิวหนัง รวมถึงโรคมือเท้าปากที่มักพบบ่อยในเด็ก ซึ่งในครั้งนี้ พญ.เบญจวรรณ สังฆะวะดี แพทย์เฉพาะทางกุมารเวชศาสตร์โรคระบบทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤต โรงพยาบาลบางปะกอก 9 จะมาแนะนำคุณพ่อคุณแม่เฉพาะอาการเจ็บป่วยในเด็กช่วงหน้าฝน กับ 4 โรคฮิต ได้แก่

โรคมือเท้าปาก

เกิดจากเชื้อไวรัส (Enterovirus , Coxsackie) พบได้ประปรายตลอดทั้งปี แต่จะพบมากในฤดูฝน สำหรับกลุ่มอาการของโรค เด็กจะมีไข้ ผื่น ตุ่มน้ำใสตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า แผลในปาก บางรายอาจมีผื่นที่ขาและก้นร่วมด้วย พบมากในเด็กอนุบาล

 

โรคไข้หวัดใหญ่ หรือ Influenza

โรคไข้หวัดใหญ่ เป็น โรคที่มากับหน้าฝน เป็นโรคที่พบบ่อยในคนทุกเพศทุกวัย พบได้เกือบทั้งปีเพราะไทยอยู่ในเขตร้อนชื้น แต่จะเป็นมากในช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของอาการไข้ที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน  อาการที่พบ ได้แก่ มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัวและกล้ามเนื้อ ไอ หรือเจ็บคอ ซึ่งเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องจะมีโอกาสเสี่ยงและมีอาการรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่น แนะนำให้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปีก่อนเข้าฤดูกาลระบาดของโรค

 

โรคไข้เลือดออก

เป็นโรคเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue) โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค พบการระบาดสูงในช่วงฤดูฝน เพราะมีบริเวณน้ำขังอันเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย อาการที่บ่งบอกว่าเป็นไข้เลือดออก คือ ไข้สูง (39-40 องศาเซลเซียส) อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อยตามตัว ปวดท้อง (โดยเฉพาะด้านขวาบน) คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร อาจมีเลือดออกที่ตำแหน่งต่าง ๆ โดยที่พบบ่อยที่สุดคือบริเวณผิวหนัง ลักษณะเป็นจุดเลือดออกเล็ก ๆ กระจายตามแขนขาลำตัว

 

RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus 

เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคทางระบบทางเดินหายใจที่สำคัญ อาจมีอาการรุนแรงในทารกที่คลอดก่อนกำหนด เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี และเด็กที่มีโรคประจำตัว เช่นโรคปอด โรคหัวใจ

ไวรัส RSV ติดต่อผ่านสารคัดหลั่งต่างๆ เช่น น้ำมูก น้ำลาย หรือการสัมผัส อาการที่พบได้แก่ ไอ มีเสมหะ มีน้ำมูก ในรายที่มีอาการรุนแรง จะมีอาการหอบ เหนื่อย  จากการอักเสบของหลอดลมและปอด

 

การป้องกัน โรคที่มากับหน้าฝน ให้ลูกน้อย สามารถทำได้ดังนี้

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • สวมเสื้อผ้ารักษาร่างกายให้อบอุ่น เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรค โดยเฉพาะเด็กกับผู้สูงอายุควรดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากสภาพอากาศมีความชื้นสูง หนาวเย็น จะทำให้ร่างกายที่มีระดับภูมิต้านทานโรคต่ำกว่าคนวัยอื่น ๆ อยู่แล้ว จะต่ำลงไปอีก จึงมีโอกาสติดเชื้อโรคทางเดินหายใจได้ง่าย
  • ควรดื่มน้ำสะอาด รับประทานอาหารที่สะอาดปรุงสุกใหม่ ๆ ไม่มีแมลงวันตอม
  • ล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง

รวมไปถึงการฉีดวัคซีน และการตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำปี เพราะหากร่างกายมีเกราะป้องกันที่แข็งแรง หรือมีภูมิคุ้มกันที่ดี ก็ทำให้ชีวิตของคุณห่างไกลจากโรคร้ายต่างๆได้ หรือหากมีการติดเชื้อก็อาจมีความรุนแรงน้อยลง รวมถึงโอกาสในการรักษาก็เพิ่มสูงขึ้น

โรคที่มากับหน้าฝน


ขอบคุณข้อมูลจาก แพทย์หญิงเบญจวรรณ สังฆะวะดี

แพทย์เฉพาะทางกุมารเวชศาสตร์โรคระบบทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤต โรงพยาบาลบางปะกอก 9

โรงพยาบาลบางปะกอก 9 (bpk9internationalhospital.com)

 

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก

คลอดธรรมชาติ หรือ ผ่าตัดคลอด ต่างกันอย่างไร?

event

คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์นั้นมักมีคำถามในใจว่าเราควรคลอดแบบไหนดี? แบบไหนถึงจะเหมาะ ข้อดีและข้อเสียของการคลอดแบบต่างๆ เป็นอย่างไร ซึ่งในวันนี้เราได้รวบรวมการคลอดแบบต่างๆ รวมถึงข้อเปรียบเทียบให้คุณแม่ได้ตัดสินใจกัน

ข้อดีของการคลอดแต่ละแบบ

การผ่าคลอด

  1. ไม่ต้องรอเจ็บท้องนาน
  2. ไม่เสี่ยงภาวะแทรกซ้อนระหว่างรอคลอด
  3. ไม่เจ็บระหว่างทำคลอด
  4. สามารถกำหนดวันเวลาคลอดได้
  5. หากสภาวะครรภ์มีความเสี่ยงจะช่วยให้ปลอดภัยได้ดีกว่าคลอดแบบธรรมชาติ
  6. สามารถทำหมันได้เลย

การคลอดธรรมชาติ แบบคลอดปกติ

  1. ร่างกายฟื้นตัวเร็ว
  2. เสียเลือดน้อยกว่าผ่าคลอด
  3. หลังคลอดมดลูกหดตัวเล็กลง
  4. ไม่มีแผลผ่าตัด และแผลที่มดลูก
  5. หุ่นเข้าที่เร็วกว่าผ่าคลอด
  6. ทารกมีภูมิคุ้มกันที่ดีจากแบคทีเรียชนิดดีในช่องคลอด
  7. ทารกได้รับการบีบของเหลวออกจากปอดขณะคลอด

ข้อเสียของการคลอดแต่ละแบบ
การผ่าคลอด

  1. ความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนจากการดมยาสลบหรือ บล็อกหลังสูง
  2. ฟื้นตัวช้าแผลผ่าหายช้า
  3. เกิดรอยแผลเป็นที่หน้าท้องจากการผ่า
  4. เกิดแผลที่มดลูกทำให้เสี่ยงในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป
  5. เสียเลือดมากกว่าคลอดเอง
  6. อาจเกิดภาวะหนาวสั่นหลังคลอด
  7. หากท้องแรกผ่าแล้วการท้องครั้งต่อไปต้องผ่าเท่านั้น

การคลอดธรรมชาติ แบบคลอดปกติ

  1. ระหว่างคลอดและรอคลอดอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ทำให้ต้องผ่าคลอดฉุกเฉิน
  2. ต้องทนเจ็บนานกว่าจะคลอด
  3. มีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อในช่องคลอด
  4. กำหนดวันเวลาคลอดไม่ได้

คลอดแบบไหนเหมาะกับใครบ้าง ?

  1. การผ่าคลอด เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ภาวะครรภ์ไม่ปกติหรือไม่สามารถคลอดเองได้ “จำเป็น” ต้องผ่าคลอด ด้วยข้อบ่งชี้ทางสูติศาสตร์ เช่น เด็กท่าก้นหรือไม่กลับหัว เด็กตัวโต อุ้งเชิงกรานมารดาแคบ ทารกมีความพิการที่ไม่สามารถคลอดเองได้ ปากมดลูกไม่เปิดหรือเปิดช้า หรือทารกมีภาวะหัวใจเต้นช้า เป็นต้น
  2. การคลอดธรรมชาติ แบบคลอดปกติ เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ร่างกายแข็งแรง และมีภาวะครรภ์ปกติ

เมื่อคุณแม่ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับความแตกต่างของการคลอดธรรมชาติหรือผ่าตัดคลอดแล้ว ก็ไม่ต้องเป็นกังวลมากเกินไปนัก ค่อยๆ พิจารณาและนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจถึงความเหมาะสมของคุณแม่แต่ละท่าน อย่างไรก็ตามสิ่งที่คุณแม่ควรทำมากที่สุด นั่นคือ การดูแลสุขภาพครรภ์ของตัวเอง หากมีสิ่งที่ผิดปกติเกิดขึ้นอย่ามัวแต่นั่งกังวล คิดมาก ควรรีบไปพบแพทย์ที่ทำการฝากท้องไว้จะดีที่สุด เพราะความปลอดภัยของลูกน้อยในท้องนั้นเป็นเรื่องสำคัญ

และหากคุณแม่ท่านใดที่กำลังมองหาโปรแกรมคลอดเหมาจ่าย โรงพยาบาล บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ ยินดีให้บริการไม่ว่าจะเป็นการคลอดปกติ (นอน รพ.3 วัน 2 คืน) ราคา 39,900 บาท และการผ่าตัดคลอด (นอน รพ. 4 วัน 3 คืน) ราคา 49,900 บาท ถึง 31 ธันวาคม 2566 นี้ และโรงพยาบาล บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ เราพร้อมดูแลทุกชีวิตที่เกิดใหม่อย่างมีคุณภาพ ด้วยประสบการณ์และความชำนาญของทีมสูตินรีแพทย์ และกุมารแพทย์ อีกทั้งพร้อมรับประสิทธิประโยชน์มากมายสำหรับคุณแม่และลูกน้อย

 โรงพยาบาล บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ ขอเสนอ โปรแกรมคลอดเหมาจ่าย พร้อมสิทธิประโยชน์สำหรับคุณแม่ และลูกน้อย

รายละเอียด คลิก >> https://www.bcaremedicalcenter.com/promotion-detail/6


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ศูนย์สุขภาพสตรี ชั้น 1 อาคารปานปิติ โทร 02 532 4444 ต่อ 2103, 2104

พาทัวร์ โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล โรงเรียนนานาชาติ แนวใหม่ ปลูกฝังความเป็นไทย อย่างสร้างสรรค์

event

School Visit วันนี้…ขอยินดีต้อนรับสู่ โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล (Thai International School หรือ TIS) บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ได้รับการจัดสรรพื้นที่กลางแจ้งและพื้นที่ในร่มอย่างสมดุล ไม่ว่าจะเป็นสระน้ำธรรมชาติ สวนผักออร์แกนิก เล้าไก่ สนามเด็กเล่น สนามกีฬากลางแจ้งต่างๆ พร้อมทั้งอาคารเรียนทรงกลมที่ออกแบบมาให้มองเห็นกันทุกห้องและมีอากาศบริสุทธิ์หมุนเวียนตลอดเวลา ภูมิปัญญาและเทคโนโลยีเพื่อการจัดการที่ยั่งยืน (Sustainability) สามารถพบให้ได้ทั่วพื้นที่โรงเรียน

“ยิ่งสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการใช้ชีวิตและเรียนรู้อย่างไม่ปิดกั้นมากเท่าไหร่ เด็กๆจะยิ่งมีความสุข กล้าคิด กล้าแสดงออก และมีประสบการณ์ชีวิตเพิ่มมากขึ้น” คุณปอนด์ ชยพล หลีระพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนกล่าวกับ ทีมแม่ABK

“เด็กจะมีความรู้ ความสามารถแบบฝรั่ง แต่คงอัตลักษณ์ความเป็นไทย นั่นเป็นเป้าหมายของทางโรงเรียน” คุณปอนด์เสริม

ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โรงเรียนจำเป็นต้องปรับวิธีการสอนมากขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าเด็กๆ จะพร้อมสำหรับความท้าทายในอนาคต การเรียนรู้ท่องจำแบบดั้งเดิมซึ่งเด็กๆ เป็นผู้รับข้อมูลทางเดียวนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป ประสบการณ์ต่างหากสามารถที่จะเชื่อมโยงกับความจริงและวิชาต่างๆ จนกลายมาเป็นการเรียนแนวใหม่ที่ให้เด็กๆมีส่วนร่วมพร้อมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ในแบบที่การศึกษาแบบดั้งเดิมทำไม่ได้ เราเรียกปรากฏการณ์นั้นว่า “Phenomenon Based Learning”

Academic with Phenomenon Based Learning

ไฮไลท์ของ โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล TIS คือ การเรียนรู้จากปรากฏการณ์เป็นรูปแบบการศึกษาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ คือ การเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์ที่พบได้ในโลกแห่งความเป็นจริง (Phenomena) เป็นหลัก มุ่งเน้นให้นักเรียนสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองข้อมูลและความรู้คือผลที่เกิดจากการแก้ปัญหา (Problem – solving)

โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

ด้านหน้าอาคารเรียนหลัก ของ โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

ภายในอาคารเรียนที่สามารถมองถึงกันทุกห้อง

โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

สระน้ำธรรมชาติในโรงเรียน

Action Speaks Louder เพราะลงมือทำสำคัญกว่า

TIS ใช้ระบบการศึกษาแบบ American Common Core Curriculum ซึ่งเป็นมาตรฐานทางวิชาการที่นักเรียนทุกคนต้องเรียนรู้ในแต่ละระดับชั้น ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ในด้านภาษาอังกฤษ ด้านศิลปะ และด้านคณิตศาสตร์

หลักสูตรกำหนดหัวข้อหลักที่นักเรียนต้องผ่านเกณฑ์การประเมิน (ตามพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย)

 

ในขณะที่ เนื้อหา รายละเอียด ตำราเรียนแต่ละโรงเรียนสามารถเลือกได้อย่างอิสระ สามารถปรับใช้งานให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและบริบทของสังคมที่เปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา โดยธรรมชาติของหลักสูตรแบบอเมริกันจะเน้นให้นักเรียนได้แสดงออก กล้าคิด เขียน บรรยายอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกหรือผิด เมื่อไม่มีกรอบมาจำกัดนักเรียนก็จะสามารถแสดงออกในทุกๆด้านได้อย่างฟรีสไตล์ เช่น Nursery – K2 การเรียนแบบบูรณาการ Play and Learn เน้นการฟัง พูด กล้าแสดงออกเป็นหลัก (Free Speech)  

 

TIS ใช้ตำราเรียนของ McGlaw Hill และวัดมาตรฐานจาก Measuring Academic Progress (โรงเรียนหลักสูตรอเมริกันทั่วโลกใช้ระบบนี้)

โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

นักเรียนสนุกกับการ play and learn

 

ครูทุกสาขาที่ TIS ต้องมา brainstorm เพื่อนำวิชาการของตัวเองมาเชื่อมเข้าหากัน มุ่งสู่ Phenomenon Based Project ของนักเรียน บทบาทของครูที่ TIS คือการเป็นผู้อำนวยความสะดวกมากกว่าผู้สอน คอยชี้แนะและกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของนักเรียน กระตุ้นให้พวกเขาถามคำถามและมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาร่วมกัน นักเรียนจะถูกกระตุ้นให้คิดอย่างมีวิจารณญาณ นำความรู้จากวิชาต่างๆ ไปใช้ และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์

นักเรียนที่ TIS จะได้รับมุมมองแบบองค์รวมเกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่างๆ ภายใต้กระบวนการวิเคราะห์ ไม่เพียงแต่ได้รับเนื้อหาวิชาเท่านั้น แต่ยังพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกัน เด็กเล็กจะได้ทำ Project เทอมละ 1 ครั้งโดยครูจะเป็นผู้กำหนดหัวข้อให้ เช่น หัวข้อ “Recycle เด็กโตจะได้ทำ Projects เทอมละ 2 ครั้ง โดยสามารถเลือกหัวข้อได้เองอย่างอิสระ

 

Intensive อังกฤษ ไทย จีน และภาษาที่ 4

ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักที่ใช้ภายในโรงเรียน สำหรับภาษาไทย นักเรียนจะเรียนวันละ 1 คาบทุกวัน ภาษาจีนจะเรียนสัปดาห์ละ 4 คาบ นักเรียนทุกคนต้องสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีนให้ผ่าน HKS2 และตั้งแต่ G5 เป็นต้นไปนักเรียนจะได้เลือกเรียนภาษาที่ 4 อาทิเช่น ภาษาญี่ปุ่น เกาหลี สเปน หรือภาษาอื่นๆ

โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

Reading Session

โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

Interactive Reading Session

 

รู้รอบ รอบรู้ Life Skills

Life Skills ของทาง TIS มอบประสบการณ์นอกห้องเรียนให้แก่นักเรียน เพราะเชื่อว่ายิ่งลงมือปฏิบัติมากขึ้นเท่าไหร่ ทักษะในการใช้ชีวิตก็จะเพิ่มขึ้น

Life Skills สุดว้าวของ TIS ได้แก่

กิจกรรมปลูกผักออร์แกนิก ผลผลิตที่ได้นำมาใช้ประกอบอาหารในโรงเรียน อีกส่วนนำมาขาย

การเรียนรู้การเป็นเจ้าของกิจการ ร้านของชอบ นักเรียนจะได้บริหารร้าน รับออเดอร์จากแพลตฟอร์มต่างๆ สนุกจนลืมไปว่านี่คือวิชาในโรงเรียน

วิชา Cooking โดยคุณปอนด์ ทักษะในการประกอบอาหาร จะเด็กๆจะมีเสน่ห์มือจวัก

“Music ทั้งร้อง เต้น เล่นเครื่องดนตรี โดยครูอาร์ท AF” ตอบโจทย์เด็กๆผู้มีจังหวะและดนตรีในหัวใจ

“Art” เพราะชีวิตนั้นสั้น แต่ศิลปะยืนยาว

“Meditationโดยมูลนิธิจิตตานุภาพ นำมาซึ่งความสงบ สติ และปัญญา

“Independent Study” ได้ร่วมทำกิจกรรมกับ เพื่อน พี่ น้อง หมุนเวียนเปลี่ยนไป ฝึกการอยู่ร่วมกับใครก็ได้

โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

กิจกรรมเลี้ยงสัตว์หลังเลิกเรียน

Psychomotor Skills หลักสูตรทักษะกลไกการเคลื่อนไหว

คือ โปรแกรมที่พัฒนาความพร้อมด้านร่างกายและทางสมองของเด็ก ตั้งแต่ชั้น Nursery ขึ้นไปให้สัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ

ให้ความสําคัญในการปูพื้นฐานทักษะกลไกการเคลื่อนไหวที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย ส่งผลให้เกิดความพร้อมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมที่ดี มีความมั่นใจ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ มีบุคลิกภาพที่ดี ทําให้สามารถเล่นกีฬาต่างๆได้ดี พัฒนาไปสู่กีฬาเฉพาะทางต่อไปได้อย่างรวดเร็ว

Psychomotor Skills

And Why Coding?

Coding มาจากภาษาอังกฤษว่า Code ที่แปลว่าการเข้ารหัส
รหัสคือการจำลองการทำงานของมนุษย์ทีละขั้น แต่เป็นขั้นที่เล็กที่สุด มนุษย์นำมาสร้างทีละหนึ่งขั้นเพื่อให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ
“การที่เราจะสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน เราหรือโปรแกรมเมอร์ต้องคิดให้เป็นขั้นตอน เพราะคอมพิวเตอร์ไม่มีทางทำเองได้”
การทำงานของคำว่า Coding จึงถูกนำมารวมในหลักสูตร เพื่อฝึกทักษะการแก้ปัญหา (Problem Solving Skill) อย่างเป็นขั้นตอนให้เด็กๆ “ทักษะแบบนี้เหมาะกับการสร้างนวัตกร ฝึกการเป็นผู้สร้าง เด็กในศตวรรษใหม่จำเป็นต้องเรียนเพื่อฝึกทักษะนี้ คอนเทนต์อาจจะไม่สำคัญเท่าทักษะในการทำงาน แก้ปัญหา จึงจะดำเนินชีวิตได้” นักเรียน TIS จะเริ่มเรียน Coding ตั้งแต่ K3

โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

ภาพบรรยากาศนักเรียนช่วยกัน Brainstorm

 

ระบบการบ้านแบบอัจฉริยะ

ที่ TIS จะใช้ระบบการบ้าน Adaptive แบบอัจฉริยะ หรือ ISL ขอแค่เพียงผู้ปกครองไม่ช่วยนักเรียนแต่รับรองว่านั่นคือการสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้แก่ตัวนักเรียนเอง!

  • ระบบทำการบ้านบนคอมพิวเตอร์
  • หากตอบถูก ข้อต่อไปจะยากขึ้น
  • หากตอบผิด ข้อต่อไปจะง่าย
  • หากทำผิดข้อใดซ้ำๆกัน ครูจะสามารถทราบว่านักเรียนขาดความเข้าใจเรื่องอะไรและสามารถแก้ไขได้ตรงจุด

โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

คุณครูอธิบายในข้อที่นักเรียนผิดบ่อยๆ

 

Breakfast at TIS

ที่ TIS เสิร์ฟอาหารถึง 3 มื้อ!เนื่องจากปีแรกที่เปิดโรงเรียน ทางโรงเรียนเห็นผู้ปกครองจอดรถเต็มลานจอดและนั่งป้อนข้าวเด็กๆ

จึงจุดประกายความคิดว่า TIS จะเสิร์ฟอาหารเช้าที่โรงเรียน (นอกเหนือจากโรงเรียน TIS ครอบครัวของคุณปอนด์ยังทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร)ทุกเช้าจะมีเชฟจากร้านอาหาร อาจารย์มัลลิการ์ มาทำอาหารให้นักเรียนสดๆใหม่ๆ

หลังเข้าแถวเคารพธงชาติ..วิ่งเล่นสักครึ่งชั่วโมง(เด็กเล็ก)..เด็กๆจะได้รับประทาน Full Breakfast ที่หลากหลาย อาทิเช่น แพนเค้ก โจ๊ก ซุปฟักทองจากนั้นก็เป็นอาหารกลางวัน และ อาหารว่างยามบ่ายที่ยิ่งไปกว่านั้น ในเด็กเล็ก ไม่มีโรงอาหาร! … แต่จะใช้รถเข็นอาหารมาตามห้องให้เด็กๆตักอาหารเสิร์ฟเพื่อฝึกงานบริการ

โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

โรงอาหารสะอาดได้มาตรฐาน อาหารครบ 5 หมู่

โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

คุณปอนด์ ชยพล หลีระพันธ์ ผู้อำนวยการ โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล

5 สิ่งพิเศษที่ทำให้เด็กๆอยากมาโรงเรียนทุกวัน

  1. Breakfast at TIS แสนอร่อยที่โรงเรียนเสิร์ฟให้ทุกเช้า
  2. เพื่อนสัตว์น้อยใหญ่ที่คอยให้เด็กๆได้ไปเยี่ยมและดูแลทุกวัน
  3. ห้องสมุดโชว์ปกหนังสือที่เหมือนลานกิจกรรมมากกว่า
  4. สนามกีฬาและเครื่องเล่นครบครัน ที่เด็กๆอยากเล่นจนแทบไม่อยากกลับบ้าน
  5. เมื่อไหร่จะถึงวิชา Life Skills สักที สนุก ตรงจุด ตอบโจทย์ผู้ใหญ่ตัวจิ๋ว

Mommy Loves This!

  1. คณะผู้บริหารโรงเรียนมีประสบการณ์เกือบ 4 ทศวรรษ
  2. อาหารเช้าที่ทางโรงเรียนจัดให้ อิ่ม อร่อย โภชนาการครบถ้วน
  3. ไม่ต้องกลัวเด็กไม่อยากมาโรงเรียน เพราะการมาโรงเรียนเหมือนกับมาแคมปิ้ง
  4. ทางโรงเรียนติดเครื่องฆ่าเชื้อไวรัส โดยตรง ไม่ใช่เครื่องฟอกอากาศ คุณภาพสูงมาตรฐานโรงพยาบาลไว้ทุกๆห้อง และทางโรงเรียนยังตรวจอุณหภูมิและคัดกรองโรคติดต่อก่อนเข้าโรงเรียนทุกวัน
  5. การเดินทางสะดวกสบายและมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยในการรับส่งนักเรียนสูงมาก
  6. แม้ว่า TIS จะเป็นโรงเรียนนานาชาติ นักเรียนไทยและนักเรียนต่างชาติต่างก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทย นักเรียนไทยได้สืบสานความเป็นไทยในฐานะที่เป็นคนไทย ส่วนนักเรียนต่างชาติ จะได้เรียนรู้การใช้ชีวิต เข้าใจและปรับตัวเข้ากับคนไทย

การรับสมัครนักเรียน

  • Preschool/ ระดับชั้นเตรียมอนุบาล ถึง อนุบาล 3
  • Primary School: ระดับชั้น เกรด 1-6 (6-12 ปี)

*ปัจจุบันรับสมัครนักเรียนระดับชั้นเตรียมอนุบาล ถึง เกรด 6

สถานที่ติดต่อ : 456 ม.5 ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี 12000
เบอร์โทรติดต่อ : 063-838-9900
Email : info@thaiinternationalschool.ac.th
Facebook Fanpage : www.facebook.com/Thaiinternationalschool
Website : www.thaiinternationalschool.ac.th

สามารถนัดหมายเพื่อเยี่ยมชมโรงเรียนได้ทุกวัน

ตั้งแต่วัน จันทร์ – ศุกร์

เวลา 8.00 – 17.00 น.

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

 


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

คอลเกต Brand of The Day โปรยดีลปัง ร่วมกันรักษ์โลก

event

คอลเกต จัดเต็ม โปรดีๆ กับผลิตภัณ์ที่ร่วมกันรักษ์โลก คัดสรรอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้วย

Reduce – ออกแบบผลิตภัณฑ์ขนาดใหม่สำหรับครีมอาบน้ำแบบถุงเติม เพื่อลดการใช้พลาสติก

Reuse – ไหมขัดฟันพลังน้ำ คอลเกต ใช้พลังงานจากธรรมชาติในการทำความสะอาดช่องปาก
นำกลับมาใช้ซ้ำได้ทุกวัน และวัสดุสามารถแยกชิ้นส่วนและนำไปรีไซเคิลได้

Recycle – ยาสีฟัน คอลเกต วัสดุรีไซเคิลได้ 100%

10 ก.ย. 66 วันเดียวเท่านั้น
คอลเกต ลดทั้งร้านสูงสุด 76% + โค้ดลดสูงสุด 2,500.-
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่:
https://shopee.co.th/colgatepalmolive_official

โรงเรียนทอสี อยากให้ลูกเรียนดี มีความสุขและมีคุณธรรมไปพร้อมกัน อีกหนึ่ง โรงเรียนทางเลือก ตอบโจทย์พ่อแม่ยุคใหม่

event

School Visit วันนี้จะพามาเยี่ยมชม โรงเรียนทอสี โรงเรียนขนาดย่อม บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ ใจกลางกรุงเทพฯ เป็น โรงเรียนทางเลือกโรงเรียนหนึ่งที่ ทีมแม่ ABK อยากแนะนำ เพราะที่นี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถ้าคุณอยากให้ลูกเรียนดี มีความสุขและมีคุณธรรมไปพร้อมๆกัน รับรองว่าโรงเรียนนี้ตอบโจทย์แน่นอน

โรงเรียนทอสีก่อตั้งโดย ครูอ้อน-บุบผาสวัสดิ์ รัชชตาตะนันท์ เมื่อปี พ.ศ. 2534 ช่วงปีแรกๆเปิดสอนแค่ระดับชั้นอนุบาล โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการอยากทำโรงเรียนสำหรับลูกหลาน ก่อนที่ภายหลังจะเปิดชั้นเรียนระดับประถมศึกษา 1-6 ในปี พ.ศ. 2542 ซึ่งทางโรงเรียนได้รับความเมตตาจาก พระธรรมพัชรญาณมุนี ( พระอาจารย์ ชยสาโร )ให้คำแนะนำหลักสูตรพุทธปัญญามาปรับใช้ โดยมีหลักการพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ที่สุด ไม่ใช่แค่พัฒนาให้มีความรู้เพื่อที่จะไปสอบเพียงอย่างเดียว โดยนำพุทธธรรมมาประยุกต์ใช้ในวิถีชีวิต การจัดการเรียนการสอนใช้วิธีบูรณาการคุณธรรมและจริยธรรมเข้าไปในบทเรียน ให้เด็กๆ ได้ซึมซับวิถีพุทธในชีวิตประจำวันอย่างเป็นธรรมชาติและเรียนรู้รอบด้านทั้งการเรียนและการใช้ชีวิต สอนให้รู้จักความสุขแบบง่ายๆ ไม่ต้องไปแก่งแย่งหรือแข่งขันกับใคร แต่ให้แข่งขันกับตัวเองในวันนี้และที่ผ่านมา  เด็กๆจะพร้อมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีความสุขพร้อมเผื่อแผ่ให้คนรอบข้างและสังคม การเรียนจะเกิดตลอดเวลา พัฒนาได้ตลอดเวลา ทั้งเวลากิน เวลาอาบน้ำ เวลาเล่น

โรงเรียนทอสี
สนามฟุตบอลภายในโรงเรียน แบ่งช่วงเวลาใช้งานตามตารางกิจกรรมของนักเรียน
โรงเรียนทอสี
สถานที่รมณีย์ นั้นมีผลต่อจิตใจเด็ก มีต้นไม้ มีเสียงนก มีสัตว์นานาชนิด มีน้ำ ทำให้เด็กมีจิตใจอ่อนโยน โรงเรียนทอสีพยายามทำทุกพื้นที่ให้เป็นพื้นที่เรียนรู้
โรงเรียนทอสี
สนามเด็กเล่นเชื่อมต่อกับอาคารเรียนประถมศึกษา บรรยากาศร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่

เพราะทุกช่วงเวลาคือการเรียนรู้

จากที่ ครูอ้อน ผู้อำนวยการ โรงเรียนทอสี ได้มีโอกาสศึกษาและปฏิบัติธรรมจาก พระอาจารย์ชยสาโร ก็พบว่าหลักธรรมทางพุทธศาสนามีความสำคัญอย่างมากในการจัดการศึกษา ทั้งหลัก ไตรสิกขา ภาวนาศีล คุณธรรม 12 ประการ ช่วยพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และเปลี่ยนมุมมองของการจัดการศึกษา  หลายคนคิดว่าการเรียนจะเกิดเฉพาะในห้องเรียน แต่พอได้ศึกษาพุทธปัญญา การเรียนรู้สามารถเกิดได้ตลอดเวลา ทั้งในและนอกห้องเรียนทั้งที่บ้านและโรงเรียน ในชีวิตประจำวันที่เราต้องสัมพันธ์กับโลกภายนอก ที่เป็นวัตถุ คน ที่สำคัญยิ่งคือ โลกภายในคือด้านจิตใจและปัญญา เพราะชีวิตคือการศึกษาและการศึกษาคือชีวิต ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องเดียวกัน ที่โรงเรียนทอสีเด็กทุกคนจะได้เรียนรู้ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาภายในโรงเรียนจนกระทั่งกลับบ้าน เช่น แบกกระเป๋าเอง ถือของเองโดยไม่ให้หล่น มีสติในการเดินซึ่งเป็นการสร้างเสริมศรัทธาในตนเอง หรือ Self-Esteem เชื่อมั่นในตัวเองว่าเขาทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้ผู้ปกครองคอยช่วยเหลือ ซึ่งความศรัทธานี้เองที่จะทำให้เกิดการเพียรพยายาม ส่งเสริมให้เขาได้ดูแลตัวเอง และโรงเรียนพยายามจัดสรรโอกาสให้เด็กได้ดูแลช่วยเหลือกันและกัน ในระดับประถม แต่ละห้องจะมีหน่วยบริการ คอยเตรียมอาหารกลางวัน ดูแลความสะอาด เตรียมโต๊ะเก้าอี้ให้เพื่อนๆ โดยแบ่งกลุ่มหมุนเวียนกันไป ได้เรียนรู้วิชาชีวิตและหน้าที่อื่นๆที่นอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน สมดุล

“ถ้าเราเรียนแต่วิชาการ มันจะเข้าตำราที่ว่า ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด คนที่เรียนเก่ง รู้สารพัดเรื่อง แต่ควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้ ซึมเศร้า เอารัดเอาเปรียบ ฯลฯ การศึกษาที่ถูกต้อง ปัญหาสังคมต้องน้อยลงไม่ใช่เพิ่มขึ้น การศึกษาที่ถูกต้อง ต้องชิงสร้างพฤติกรรมคุ้นเคยที่ดีงามตั้งแต่เล็ก กินเป็นอยู่เป็นใช้เป็น คือไม่บริโภคแล้วทำให้เกิดโทษกับตนเองและสังคม เรียนแล้วต้องสื่อสารเป็น มีสัจจะ มีความซื่อสัตย์ มีคุณธรรม เป็นคนที่สุขง่ายทุกข์ยาก เพราะคุณธรรมจะนำมาซึ่งความสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ความทุกข์แม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่มีใครต้องการ”  ครูอ้อน-บุบผาสวัสดิ์

โรงเรียนทอสี
โรงเรียนทอสี
สระว่ายน้ำตั้งอยู่บนชั้น 2 ของอาคารเรียน แยกกันระหว่างของน้องอนุบาลและพี่ประถม
โรงเรียนทอสี
บริเวณศาลารู้แจ้ง เด็กๆจะได้มานั่งสมาธิ เพื่อให้จิตใจสงบ หรือทำความสะอาด ร้อยมาลัยถวายพระ

เอกลักษณ์ของการศึกษาพุทธปัญญา โรงเรียนทอสี คือ โรงเรียนที่พัฒนาในทุกด้านของชีวิต เพื่อให้เป็นผู้มีปัญญาอย่างแท้จริง

  1. ชุมชนแห่งการพัฒนาตนเอง ชาวทอสีจะมีอุดมการณ์ในการฝึกตน อดทน สู้สิ่งยาก ถือเป็น Watchword : Train oneself Forbearing Persistence
  2. ชุมชนแห่งการเรียนรู้ life time learning
  3. เป็นชุมชนแห่งกัลยาณมิตร เริ่มตั้งแต่ในครอบครัว ที่มุ่งสร้างประโยชน์และความสุขตนเองและส่วนรวมเพราะความสุขของครอบครัวคือสันติสุขของสังคม
  4. การสร้างชุมชนกัลยาณมิตร เริ่มตั้งแต่ในครอบครัว มุ่งสร้างประโยชน์และความสุขตนเองและส่วนรวมเพราะความสุขของครอบครัวคือสันดีสุขของสังคม
โรงเรียนทอสี
โรงเรียนทอสี
โรงเรียนทอสี

โรงเรียนทอสีมีโครงการอยากเห็นลูกน้อยค่อยๆก้าวไกล ของเด็กๆเนอร์สเซอรี่และอนุบาล จะมีผู้ปกครองมาช่วยกันสอน เด็กแต่ละห้อง พาเด็กทากิจกรรมที่เด็กๆสนใจ เด็กๆจะภูมิใจที่คุณพ่อคุณแม่มาสอน และผู้ปกครองจะได้เห็นและเข้าใจครูมากขึ้น ได้เข้าใจลูก และเพื่อนลูกมากขึ้น

ฝึกให้เป็นพ่อแม่มืออาชีพ

โรงเรียนทอสี จะทำงานร่วมกันกับพ่อแม่ผู้ปกครอง เพราะเชื่อมั่นว่า การเรียนรู้ที่ดีต้องไม่ใช่อยู่แค่เพียงในห้องเรียนหรือโรงเรียนเท่านั้น บ้านก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยทำให้เด็กได้เรียนรู้และมีพัฒนาการที่ดีขึ้น คุณพ่อหรือคุณแม่ที่จะนำลูกมาเรียนที่นี่จะต้องเข้าอบรมปฏิบัติธรรมที่โรงเรียนได้จัด อย่างน้อย 6 ครั้ง  ครั้งละ 3 ชั่วโมง เพราะเชื่อว่าหากคุณพ่อคุณแม่เข้าใจหลักการในการจัดการศึกษาที่แท้จริง  พ่อแม่จะไม่หยุดที่จะพัฒนาตนเอง เพราะคุณพ่อคุณแม่คือครูคนแรกของลูก นอกจากนี้ เรายังจัดให้มีห้องเรียนพ่อแม่ก่อนเข้ามาเป็นนักเรียน 12 ชั่วโมง เพื่อให้พ่อแม่มีหลัก มีเครื่องมือในการเลี้ยงลูก ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น สอดคล้องกับโรงเรียนมากขึ้น ทำให้เด็กไม่สับสน

นอกจากนี้โรงเรียนยังสร้างชุมชนกัลยาณมิตร  เป็นโมเดลที่เป็นไปเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อให้สังคมอยู่รอด คนเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหนก็จะไปสร้างประโยชน์และสร้างความสุขให้กับสังคม ไม่ได้แค่นึกถึงแต่ตัวเอง แม้ลูกเรียนจบไปแล้วแต่พ่อแม่ไม่จบ ยังคงเป็นเพื่อนและกัลยาณมิตรที่ดีต่อกันและพร้อมช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันตลอด จนมาช่วยโรงเรียนอยู่เสมอ ไม่แบ่งแยกลูกฉันลูกเธอ แต่เป็นลูกๆของเรา เป็นชุมชนแห่งการพัฒนา และเรียนรู้ตลอดชีวิต

โรงเรียนทอสี
โรงเรียนทอสี
เด็กประถมจะได้ฝึกเป็นหน่วยบริการ ช่วยดูแลเรื่องอาหารและความสะอาดต่างๆให้กับเพื่อนๆในห้อง เมื่อนักเรียนรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ทุกคนจะแยกเศษอาหารและล้างจานด้วยตนเอง โดยทางโรงเรียนจะนำจานเหล่านี้ไปลวกน้ำร้อนอีกครั้งหนึ่งเพื่อความสะอาด

Project เสาเข็มชีวิต

เสาเข็มชีวิตคืออะไร เสาเข็มชีวิตคือ กติกาของครอบครัว บ้านจะอยู่ได้มั่นคง ก็ด้วยเสาเข็ม ประเทศชาติต้องมีรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมอย่างสันติสุข ถ้ามองสภาพสังคมปัจจุบันจะเห็นว่า แต่ละครอบครัวไม่มีเสาเข็มครอบครัว ไม่มีกติกาที่ชัดเจน ใครอยากทำอะไรก็ทำ ไม่อยากทำอะไรก็ไม่ต้องทำ ทุกคนเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ แต่ลืมคำว่าหน้าที่ ที่ต้องมาคู่กัน สิ่งที่โรงเรียนพยายามคือ ทำให้ทุกคนในครอบครัวมีกติกาครอบครัวที่ชัดเจน ทุกคนมีส่วนร่วมเพื่อประโยชน์สุขร่วมกัน เพราะเราเชื่อมั่นว่าการกำหนดกติการ่วมกันทำให้ครอบครัวมีสัมพันธภาพที่ดี ยั่งยืนกว่าการมีอิสรภาพที่ไร้ขอบเขต

โรงเรียนทอสี
โรงเรียนทอสี
ห้องสมุดของโรงเรียนมีหนังสือมากมายให้เลือกอ่าน โดยมีชั้นสองเป็นมุมโปรดสำหรับเด็กๆออกแบบให้มีเชือกตาข่าย ใช้นั่งและนอนอ่านหนังสือกันแบบสบายๆ
โรงเรียนทอสี
ใบเซ็นชื่อนักเรียนชั้นประถม จะมีคำถามให้นักเรียนตอบทุกวัน ซึ่งแต่ละวันคำถามจะเปลี่ยนไปเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกคิด ตั้งแต่ก่อนเข้าเรียน

 หลักสูตรเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว

แนวคิดนี้ได้มาจากหนังสือเรื่อง ธรรมชาติของสรรพสิ่งของ ศ.น.พ.ประเวศ วะสี เชื่อว่าโลกนี้ทุกอย่างเชื่อมโยงกันทั้งหมด ไม่ได้แยกเป็นส่วนๆ เป็นหลักสูตรที่ทางโรงเรียนตั้งใจให้เด็กได้เรียนรู้ความสัมพันธ์ของสรรพสิ่ง ที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบซึ่งกันและกันเป็นลูกโซ่ แล้วสุดท้ายก็ย้อนกับมาที่ตัวเราเอง ไม่อยากให้เรียนรู้แค่เรื่องนอกตัว อยากให้เรียนแล้วกลับมาเชื่อมโยงกับตัวเราเอง ไม่ใช่แค่ท่องจำว่าประเทศมีแม่น้ำอะไร มีกี่อำเภอ  แต่อยากให้รู้เชิงลึกว่าเราทำแบบนี้มันส่งผลกระทบต่ออะไร โดยจะสอดแทรกเนื้อหานี้เข้าไปในแต่ระดับชั้นปี เช่น อนุบาล ก็เรียนเกี่ยวกับตัวเอง สังคม การอยู่ร่วมกัน ธรรมชาติ การอุปโภค บริโภค ใช้สอยต่างๆ ให้สอดคล้องกับพัฒนาการทางวัย เช่น นักเรียนชั้นอนุบาล 2 นำเอาเรื่องธรรมชาติมาสอนเด็ก ว่าต้นไม้ก็มีหลากหลายแบบ บางต้นอยู่แบบเดี่ยวได้ บางต้นต้องเกาะกับต้นไม้ใหญ่ ก็เหมือนคนเรา มีความแตกต่างแต่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เราไม่ต้องเหมือนเพื่อนก็ได้

โรงเรียนทอสี
ก่อนเริ่มคลาสจะมีการนั่งสมาธิฝึกจิตใจให้สงบเตรียมพร้อมก่อนเข้าเรียน เรียกว่าเป็นช่วง “ ทอจิตเจริญสติ”
โรงเรียนทอสี
สีธงบอกค่าฝุ่น เด็กๆจะออกมาดูสีธงที่บอกค่าฝุ่นวันนี้ หากเป็นสีเขียวก็สามารถเล่นเอาต์ดอร์ได้ ถ้าสีส้มหรือสีแดง เด็กๆจะรู้ทันทีว่าควรเล่นในอาคารเรียน
โรงเรียนทอสี
ครูอ้อน-บุบผาสวัสดิ์ รัชชตาตะนันท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนทอสี

 

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

  1. ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆกับโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นการหมุนเวียนมาสอนหนังสือเด็กๆ มาช่วยทำอาหารขาย และออกทริปต่างจังหวัดร่วมกับเด็กๆ ทำให้ได้เห็นพัฒนาการของลูกๆเวลาที่อยู่โรงเรียน
  2. โรงเรียนจะสรุปกิจกรรมการเรียนการสอนของเด็กๆแต่ละห้องทั้งเด็กอนุบาลและประถม ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาเด็กๆได้เรียนรู้อะไร มีความสุขมากน้อยแค่ไหน และมีพัฒนาการอย่างไร โดยมีภาพกิจกรรมต่างๆของเด็กๆให้ผู้ปกครองได้ดู พร้อมบันทึกต่างๆจากคุณครูประจำชั้น โดยผู้ปกครองสามารถดูรายละเอียดต่างๆผ่านทางเว็บไซต์ของโรงเรียน ข้อนี้แม่ชอบสุดๆเพราะจะได้รู้ว่าแต่ละสัปดาห์ลูกน้อยของเราเขามีความสุขในการเรียนมากน้อยแค่ไหน
  3. โรงเรียนทอสีมีบอร์ดนักอ่านประจำเดือน เดือนนี้มีนักเรียนคนไหนยืมหนังสือหรือมาใช้บริการห้องสมุดบ่อยที่สุด จะมีบอร์ดชื่นชมและแจกประกาศนียบัตรให้กับนักอ่าน ช่วยกระตุ้นให้เด็กๆรักการอ่านมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีโครงการแลกเปลี่ยนหนังสือโดยให้เด็กๆนำนิทานหรือหนังสือมาแลกเปลี่ยนหมุนเวียนกันยืมกลับไปอ่านที่บ้าน
  4. สำหรับเด็กๆที่เตรียมตัวศึกษาต่อยังชั้นมัธยมศึกษา ทางโรงเรียน มีโครงการ “เตรียมตัวสู่รั้วมัธยม” ให้กับผู้ปกครองและนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โดยมีศิษย์เก่าทอสีและผู้ปกครองศิษย์เก่ามาแบ่งปันประสบการณ์และเล่าถึงวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ามัธยม และการเลือกโรงเรียนด้วย
  5. เด็กประถม ก่อนเข้าห้องเรียน จะต้องชั่งน้ำหนักกระเป๋าของตัวเองว่าวันนี้กระเป๋าหนักเท่าไหร่ หนักเกินไปไหม ควรเอาอะไรออกจากกระเป๋าไม่ให้หนักเกินไป เด็กจะได้หัดคิดและวิเคราะห์ เพื่อให้น้ำหนักกระเป๋าน้อยลง

รายละเอียดค่าธรรมเนียม ปีการศึกษา 2567

  • ค่าแรกเข้า   37,000-74,000 บาท
  • โรงเรียนทอสี ค่าเทอม ค่าธรรมเนียมการศึกษา ภาคเรียนละ 68,550- 82,450 บาท : 1 ปีการศึกษา มี 2 ภาคเรียน

เกณฑ์การรับสมัคร

ระดับชั้น    เตรียมอนุบาล-ประถม 6

  • ชั้นเตรียมอนุบาล      อายุครบ 2.4 ปีขึ้นไป
  • ชั้น อนุบาล 1           อายุ 3 ปีขึ้นไป
  • ชั้นประถม 1             อายุ 6 ปี
  • ระดับชั้นอื่นๆ            พิจารณาตามใบสมัครและใบวุฒิการศึกษา

ที่อยู่ โรงเรียนทอสี : 1023/46 ซอยปรีดีพนมยงค์ 41 ถนนสุขุมวิท 71 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 โทร.0-2713 -0260

เว็บไซต์ : http://www.thawsischool.com/

Facebook : โรงเรียนทอสี (Official Thawsi School Page(

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  กรานต์ชนก  บุญบำรุง,สุวิจักขณ์ ศรีภา


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

เปิดตัว เอส-26 โกลด์ 3 ใหม่ สูตรเฉพาะที่ดีกว่า เพิ่ม สฟิงโกไมอีลิน ขึ้น 25% สำหรับเด็กวัยเรียนรู้

event

ไวเอท นิวทริชั่น หนึ่งในผู้นำด้านการค้นคว้าและวิจัยสารอาหารที่เหมาะสมสำหรับเด็กมากว่า 100 ปี เปิดตัว เอส26 โกลด์ 3 สูตรใหม่ นมผงเด็กที่เป็นสูตรเฉพาะที่ดีกว่าสูตรเดิม โดยเพิ่มสฟิงโกไมอีลินขึ้น 25% และเพิ่มดีเอชเอ เออาร์เอ แกงกลิโอไซด์ และวิตามิน บี 12 พร้อมสารอาหารเปี่ยมคุณประโยชน์ เตรียมความพร้อมลูกน้อยสู่การเรียนรู้และเติบโตในอนาคต


ผลิตภัณฑ์นม เอส-26 โกลด์ 3 สูตรใหม่ เพิ่มปริมาณสารอาหารจากสูตรเดิม ได้แก่ สฟิงโกไมอีลิน, ดีเอชเอ, แกงกลิโอไซด์ และวิตามินบี 12 ที่มีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาทและสมอง เหมาะสำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปและทุกคนในครอบครัว มีรสจืด กลิ่นวานิลลา หอมอร่อย ค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ที่ https://www.s-momclub.com/products/gold-progress

 

เอส-26 ® โกลด์ 3™ (S-26 Gold® 3™) เครื่องหมายการค้า ในนม 1 แก้ว ให้สารอาหารดังนี้ สฟิงโกไมอีลิน 18,000 มคก. (เป็นส่วนหนึ่งของฟอสโฟไลปิด), แอลฟา-แล็คตัลบูมิน 326 มก., แกงกลิโอไซด์ 2,250 มคก.,  ดีเอชเอ 26 มก., โคลีน 58.5 มก., ลูทีน 68 มคก., เออาร์เอ 7.93 มก., โอเมก้า 3 131 มก., โอเมก้า 6 1,093 มก., โอเมก้า 9 1,260 มก., วิตามินบี 12 สูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาทและสมอง, ใยอาหารชนิด 2′- เอฟแเอล 60 มก.

 

นอกจากนี้ยังผสมใยอาหารจากธรรมชาติ (ชนิดโอลิโกฟรุคโตส) และมีกรดโฟลิกสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงตามปกติ มีแคลเซียมสูงและมีฟอสฟอรัส ซึ่งแคลเซียมและฟอสฟอรัสมีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง มีวิตามินดีสูงซึ่งมีส่วนช่วยในการดูดซึมตามปกติของแคลเซียมและฟอสฟอรัส และมีวิตามินเอที่มีส่วนช่วยคงสภาพปกติของการมองเห็น รวมถึงมีวิตามินซีสูงและมีวิตามินอี ซึ่งวิตามินซีและวิตามินอีมีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ

 

 

เอส-26 โกลด์ 3 ใหม่ สูตรเฉพาะที่มีสฟิงโกไมอีลินเพิ่มขึ้น 25% จากสูตรเดิม หาซื้อได้แล้วที่ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง Shopee และ Lazada ที่ https://bit.ly/3PjRjAw

 

keyboard_arrow_up