โรคติดเกม

หมอชี้! โรคติดเกม ถือเป็นโรคทางจิตอย่างหนึ่ง

Alternative Textaccount_circle
event
โรคติดเกม
โรคติดเกม

 ลูกติดเกม พ่อแม่ช่วยได้!

การปล่อยให้ลูกได้เล่นเกมมากเกินไปนั้น นอกจากจะทำให้ลูกเสียสายตา สมาธิสั้น และเป็นโรคออทิสติกเทียมได้แล้วนั้น ยังทำให้ลูกเป็นเด็กที่ก้าวร้าว และอารมณ์รุนแรงอีกด้วยนะคะ ซึ่งในกรณีนี้หากเราจะมัวพึ่งพาหมออย่างเดียวคงไม่ได้ จึงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่จะช่วยทำให้ลูกห่างไกลจากสิ่งเหล่านี้ด้วยเช่นกัน และนี่คือตัวอย่างที่จะช่วยทำให้ลูกดีขึ้น

  • หากิจกรรมอย่างอื่นทำ – หากคุณพ่อคุณแม่ทราบดีอยู่แล้วว่า หากลูกอยู่บ้านลูกก็จะไม่ทำอะไร นอกเสียไปจากการเล่นเกม ดังนั้น วิธีการที่ดีก็คือ การพาลูกไปทำกิจกรรมนอกสถานที่เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการพาลูกไปปั่นจักรยานตามสวนสาธารณะ การพาลูกไปว่ายน้ำ หรือพาลูกไปเที่ยวและสัมผัสกับธรรมชาติมากขึ้น
  • ให้เวลากับลูก – การที่จะช่วยให้ลูกดีขึ้นได้อีกวิธีหนึ่งก็คือ การที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องให้เวลากับลูกมากขึ้นกว่าเดิม จริงอยู่ที่คุณพ่อคุณแม่บางท่านอาจจะต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงลูก แต่อย่าลืมนะคะว่า ช่วงเวลานี้ลูกต้องการเรามากที่สุด หากเรามัวแต่หยิบยื่นสิ่งเหล่านี้ให้กับพวกเขา ก็จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของคุณพ่อคุณแม่นั้นห่างเหินตามไปด้วยเช่นกัน
  • จำกัดระยะเวลาในการเล่น – ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถหักดิบให้ลูกเลิกเล่นทีเดียวได้เลย ดังนั้น ทางออกที่ดีคือการจำกัดเวลาในการเล่นของลูกให้น้อยลง
  • อธิบายให้ลูกได้เข้าใจ – เด็ก ๆ ส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณพ่อคุณแม่จะต้องให้เลิกเล่นด้วย แถมเกมนั้นยังประหยัดกว่าการเอาเงินไปซื้อของเล่นเสียด้วยซ้ำ เพื่อให้ลูกได้เข้าใจความจริง คุณพ่อคุณแม่จึงควรอธิบายถึงโทษของการเล่นเกมให้ลูกได้เข้าใจด้วยเช่นกัน ที่ไม่อยากให้ลุกเล่นนั้นเป็นเพราะอะไร ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้เล่น แต่เป็นเพราะห่วงกลัวสุขภาพและสายตาของลูกจะเสียมากกว่า เป็นต้น
  • เป็นตัวอย่างที่ดี – หากคุณพ่อคุณแม่ห้ามไม่ให้ลูกเล่น แต่กลับเล่นให้ลูกเห็นเสียเอง อันนี้ก็อาจจะเป็นการทำลายความเชื่อถือของลูกไปโดยปริยายได้เลย ดังนั้น หากอยากให้ลูกหายและดีขึ้นจริงละก็ อย่าพยายามทำให้ลูกเห็นและพยายามเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็น คิดไว้เสมอเลยว่า ลูกแอบมองดูเราอยู่ เป็นต้น

หากคุณพ่อคุณแม่ทำสิ่งเหล่านี้ได้ อาการติดเกมนี้ก็จะค่อย ๆ ทุเลาลงได้เอง แต่อาจจะต้องใช้เวลานิดนึงนะคะ ของแบบนี้ห้ามใจร้อน เพราะการใจร้อนอาจจะเป็นแรงกดดันทำให้เกิดความเครียดให้กับคุณพ่อคุณแม่และลูกได้ นั่นเองค่ะ

อ้างอิงข้อมูล: WHO

เรียบเรียงโดยฝ่ายบรรณาธิการ Amarin Baby and Kids

อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up