โรต้าไวรัส

เสียหลานชายวัย 1 ขวบ เพราะ โรต้าไวรัส

Alternative Textaccount_circle
event
โรต้าไวรัส
โรต้าไวรัส

ความรุนแรงและอันตรายของโรค?

อาเจียนและท้องเสียนั้นเด็กบางคนอาจมีอาการไม่รุนแรง เพียงดูแลตามอาการก็จะดีขึ้นจนหายไปได้เอง แต่บางรายอาจมีอาการรุนแรงจนทำให้กินอาหารไม่ได้ ร่างกายขาดน้ำ และเกลือแร่อย่างรุนแรง จนต้องรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล เพราะหากให้น้ำเกลือไม่ทัน อาจจะรุนแรงจนทำให้ช็อก และเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าเด็กโต เพราะภูมิต้านทานน้อยและตัวเล็กกว่า

นอกจากนี้ในรายที่เป็นรุนแรง เชื้อไวรัสโรต้า จะทำลายเยื่อบุลำไส้ ทำให้ลำไส้ขาด ส่งผลให้น้ำย่อยที่ใช้ย่อยน้ำตาลแล็กโทสในนมไม่ทำงาน ทำให้เกิดอาการท้องเสียมากขึ้น ถ่ายเหลว ท้องอืด เวลาถ่ายจะมีแก๊สหรือลมออกมาด้วย หลังจากเด็กกินนมไปไม่นาน และผิวหนังบริเวณก้นรอบทวารหนักจะมีผื่นแดง ถ้ายังให้เด็กกินนมตามปกติจะยิ่งทำให้มีอาการท้องเสียเรื้อรังไม่หาย และเป็นโรคขาดอาหารได้ ดังนั้นการดูแลรักษาที่ถูกต้องจะช่วยให้ลูกหายเร็ว ไม่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรง จนเกิดผลเสียหรืออันตรายต่อชีวิต

ไวรัสโรต้า, โรต้าไวรัสวิธีดูแลรักษาเบื้องต้นที่บ้านก่อนพาลูกไปหาหมอ?

ให้ลูกดื่มน้ำเกลือแร่ที่เหมาะสำหรับเด็กท้องเสีย อาจจะเป็นชนิดน้ำ หรือผงเกลือแร่ ไม่ควรใช้น้ำอัดลม และน้ำเกลือแร่ชนิดขวด สำหรับนักกีฬาผสม เพราะปริมาณน้ำตาลเกลือแร่ไม่เหมาะสมกับเด็ก ควรให้ลูกจิบ-ดื่มน้ำเกลือแร่ทีละน้อย แต่บ่อยๆ และไม่ควรให้ลูกดื่มน้ำเกลือแร่ครั้งละมากๆ เพราะอาจทำให้ลูกอาเจียนมากขึ้น

ให้ลูกกินอาหารและนมอย่างไรดีเมื่อลูกอาเจียนและท้องเสีย?

หากเด็กที่มีอาการท้องเสียไม่มาก ควรให้กินอาหารและดื่มนมตามปกติ และไม่ควรเจือจางนม เพราะจะทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ส่วนเด็กที่ท้องเสียอย่างรุนแรง ควรให้กินอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้มหรือโจ๊ก แต่ถ้ามีอาการอาเจียน ควรให้กินอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยๆ เพื่อไม่ให้กระเพาะตึง และช่วยลดอาการอาเจียนลงได้ ควรงดผัก ผลไม้ และน้ำผลไม้ เพราะอาจทำให้อาการท้องเสียมากขึ้น แต่กรณีที่ลูกไม่สามารถย่อยน้ำตาลแล็กโทสได้หมอจะเปลี่ยนเป็นนมวัวหรือนมถั่วเหลืองแทนประมาณ 3-7 วัน เพราะไม่มีน้ำตาลแล็กโทส เมื่อเด็กหายเป็นปกติแล้วก็สามารถกลับมากินนมชนิดเดิมได้

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

อ่านต่อ “ยาที่ไม่ควรให้ลูกกิน และเมื่อไหร่ถึงหาหมอ” คลิกหน้า 4

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up