เพลงเบบี้ชาร์ค

เพลงเบบี้ชาร์ค กับ 4 ประโยชน์ช่วยพัฒนา IQ ให้ลูกน้อย

event
เพลงเบบี้ชาร์ค
เพลงเบบี้ชาร์ค

เคล็ดลับพัฒนา IQ ด้วยดนตรี

IQ หรือ Intelligence Quotient คือ ระดับความสามารถทางสติปัญญา ซึ่งเกิดจากกรรมพันธุ์ 50% และเกิดจากสิ่งแวดล้อมและการอบรมเลี้ยงดูอีก 50% ความสามารถทางสติปัญญา หมายถึง การจำภาษา และความสามารถในการคิดวิเคราะห์เชิงตรรกะหรือคณิตศาสตร์ซึ่งต้องอาศัยการคิดอย่างมีเหตุผล

สิ่งที่พ่อแม่ควรทำเพื่อช่วยพัฒนา IQ ให้กับลูกน้อย คือ

  • ให้ลูกหัดคิดท่าเต้นประกอบเสียงดนตรี หรือบทเพลงตามจินตนาการ เพราะจะช่วยพัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และกระตุ้นให้สมองกระปรี้กระเปร่า
  • สอนให้เด็กร้องเพลงและพูดคำคล้องจอง เพราะช่วยให้เด็กรู้จักคำศัพท์มากขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาทักษะด้านภาษาที่ดีวิธีหนึ่ง
  • ลองให้ลูกเล่นเครื่องดนตรี เพราะช่วยให้สมองซีกซ้ายและซีกขวาทำงานประสานสัมพันธ์กัน ในขณะที่เด็กอ่านและจำโน้ตเพลง สมองซีกซ้ายจะทำงาน ขณะที่เด็กกำลังสนุกสนานเพลิดเพลินและสัมผัสความไพเราะของดนตรี สมองซีกขวาก็จะทำงานควบคู่กันไป
เสริมพัฒนาการลูกด้วยเสียงเพลง
เสริมพัฒนาการลูกด้วยเสียงเพลง

ซึ่งจากเคล็ดลับการพัฒนา IQ ให้กับลูกน้อย ดังที่กล่าวมา จึงเป็นเรื่องดีที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเปิดเพลงเบบี้ชาร์ค Baby Shark ให้ลูกน้อยได้ฟัง เพื่อ

  1. ช่วยฝึกคำศัพท์ให้กับลูกน้อยได้ไปในตัว ด้วยเนื้อเพลงคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่แสนง่าย หากเปิดวนไปเรื่อยๆ ลูกน้อยสามารถจำได้โดยไม่ต้องดูเนื้อเพลง
  2. นอกจากนี้ด้วยท่วงทำนองที่สนุกสนาน กอปรกับวีดีโอที่มีกับเต้น ซึ่งเป็นท่าเต้นแบบง่ายๆ ซึ่งเรียกว่าเป็นการเคลื่อนไหวประกอบเพลง ทำให้ลูกน้อยได้เรียนรู้เกี่ยวกับจังหวะ ทำนอง และเสียงเพลง จากการใช้ร่าง กายเป็นสื่อในการแสดงออกทางอารมณ์ ก็จะช่วยพัฒนาทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญาไปพร้อมๆกัน
  3. การเต้นท่าเต้นของเพลงเบบี้ชาร์ค ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก เมื่อได้ยินเสียงเพลง เด็ก ๆ ก็ขยับแข้งขยับขา ทำท่าทาง กระโดดโลดเต้นไปตามจังหวะเสียงเพลง หรือ เด็กๆ บางคนอาจคิดท่าทางประกอบเพลงขึ้นเอง ทั้งชูมือ ยกแขน ยกขา

ซึ่งปัจจุบัน ก็มีการนำดนตรีมาใช้ในการบำบัดอาการบกพร่องทางร่างกายของเด็กบางกลุ่มด้วย เพราะเมื่อเด็กได้ฟังดนตรี ร่างกายของเขาจะตอบสนองโดยการเคลื่อนไหวตามจังหวะเพลง บางคนเผลอเคาะนิ้วตามจังหวะดนตรีอย่างไม่รู้ตัว การฟังดนตรี 20 นาทีต่อวัน จะช่วยให้ระบบการเต้นของหัวใจและระบบอื่น ๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ดนตรีจึงเป็นเสมือนยาบรรเทาอาการเจ็บปวดทางกายได้อย่างเหลือเชื่อ

  1. การเปิดโอกาสให้ลูกได้ร้องเพลงหรือเต้นรำตามแบบที่เขาชอบ เพราะในขณะที่เด็กทำกิจกรรม เขากำลังเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่นี้ไว้ ซึ่งขณะที่สมองกำลังบันทึกข้อมูล เซลล์สมองก็จะแตกแขนงเชื่อมโยงกับเซลล์สมองส่วนอื่น ทำให้เรียนรู้ได้เร็วและมีประสิทธิภาพกว่าเด็กคนอื่น

สุดท้ายไม่เพียงแต่ เพลง เบบี้ชาร์ค อย่างเดียวที่มีประโยชน์กับลูกน้อย แต่เรียกได้ว่าดนตรี เป็นหนึ่งในตัวช่วยเรื่องพัฒนาด้านสติปัญญาของลูกน้อยได้ดีอีกด้วย เพราะนอกจากจะช่วยทำให้เด็กอารมณ์ดีมีสมาธิแล้ว ดนตรีที่มีเนื้อร้อง ยังช่วยส่งเสริมสติปัญญาและความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย เช่น ถ้าเนื้อร้องพูดถึงสัตว์ ต้นไม้ ดอกไม้ ลูกก็จะได้เรียนรู้ธรรมชาติรอบตัว ว่ามีลักษณะอย่างไร มีจุดเด่นหรือเสียงร้องอย่างไร และยังได้เรียนรู้ภาษาที่สื่อผ่านเนื้อร้องด้วย

ส่วนดนตรีบรรเลงที่มีเสียงธรรมชาติประกอบ เช่น เสียงน้ำ เสียงสัตว์ จะทำให้เด็ก ๆ เกิดจินตนาการถึงเสียงที่ได้ยิน ซึ่งการให้เด็กได้ฝึกจินตนาการจะช่วยให้เขารู้จักวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ อย่างเป็นระบบนั่นเอง

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ :


ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :www.med.cmu.ac.th

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up