คอลเกต

คอลเกต ลดยิ่งใหญ่ฉลองวันเกิด พร้อมเปิดตัวไหมขัดฟันพลังน้ำสีใหม่และของแถมสุดปัง!

event
คอลเกต
คอลเกต

คอลเกต ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากที่ทุกบ้านเลือกใช้ จัดโปรสุดปัง

Colgate Brand of The Day ลดยิ่งใหญ่ฉลองวันเกิด พร้อมเปิดตัวไหมขัดฟันพลังน้ำสีใหม่และของแถมสุดปัง!

ใหม่! ไหมขัดฟันพลังน้ำ Colgate Blast

ราคาพิเศษ 3,299.- จาก 1,926.-

50 ออเดอร์แรกรับฟรี! เสื้อ Maison Keeps มูลค่า 750.-

เฉพาะ 16 ธ.ค. 66 เท่านั้น

Colgate Blast Water Flosser

คอลเกตไหมขัดฟัน พลังน้ำ พกพา หรือเครื่องพ่นน้ำทำความสะอาดซอกฟัน

ประกอบไปด้วย หัวทำความสะอาด 2 อัน สายชาร์จ USB

ใช้สำหรับทำความสะอาดซอกฟัน ด้วยการใช้แรงดันน้ำ (สะดวกสำหรับพกพา, ชาร์จไฟได้ และกันน้ำ)

– ไหมขัดฟันใช้ทำความสะอาดเศษอาหารและคราบพลัคตามซอกฟัน

– ใช้งานง่ายและให้ความรู้สึกสะอาดล้ำลึก

– พลังน้ำสามารถปรับโหมดแรงดัน 3 ระดับ  (โหมดอ่อนโยน, ปกติ และแบบเป็นจังหวะ)

– ตัวเครื่องกันน้ำระดับ IPX7 หรือป้องกันน้ำเข้าภายในเมื่อแช่อุปกรณ์ลงน้ำความลึกสูงสุด 1 เมตร เป็นเวลาสูงสุด 30 นาที

– ขนาดจับพอดีมือ ง่ายสำหรับพกพาและเป็นอุปกรณ์ไร้สาย

ลดทั้งร้านสูงสุด 77% + โค้ดลดสูงสุด 2,500.-

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่:

https://shopee.co.th/colgatepalmolive_official

ซีอาร์จี

ซีอาร์จี เปิด “CRG Deaf Community พื้นที่สร้างสุข เพื่อคนไร้เสียง” ณ ร้านเคเอฟซี บ้านสีลม

event
ซีอาร์จี
ซีอาร์จี

บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (ซีอาร์จี) องค์กรที่สนับสนุนงานด้านคนพิการในระดับดีเยี่ยม ต่อเนื่องมานานกว่าทศวรรษ ตอกย้ำความเป็นองค์กรต้นแบบของการสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน เดินหน้าสานต่อนโยบายการให้ความสำคัญของคุณค่าของแต่ละบุคคล ด้วยแนวคิดที่มุ่งเน้นการให้โอกาส และความเท่าเทียม เปิดตัวจุดนัดพบ “CRG Deaf Community พื้นที่สร้างสุข เพื่อคนไร้เสียง” ณ ร้าน เคเอฟซี สาขาบ้านสีลม

คุณจารุวรรณ งามพิสุทธิ์ไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายทรัพยากรบุคคล เปิดเผยว่า ซีอาร์จีเล็งเห็นความสำคัญของคุณค่าของแต่ละบุคคล ด้วยแนวคิดที่มุ่งให้โอกาสในการเข้าทำงาน แด่เพื่อนผู้พิการให้สามารถดำรงชีพในสังคมไทย จึงได้ดำเนินงานตามนโยบายเพื่อส่งเสริมการจ้างงานคนพิการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน ซีอาร์จี มีการจ้างงานพนักงานคนพิการเกินกว่าโควต้าที่กฎหมายกำหนด ครอบคลุมทั้งในส่วนปฏิบัติงานหน้าร้าน และสำนักงานใหญ่ ซึ่งกลุ่มประเภทความพิการที่จ้างงานในปัจจุบันมี 4 ประเภท ประกอบด้วย ผู้มีความพิการทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย, ทางการมองเห็น, ทางการเคลื่อนไหว หรือทางร่างกาย และทางสติปัญญา

ซีอาร์จี

ด้วยความมุ่งมั่นให้โอกาส และสร้างความเท่าเทียม สร้างอาชีพและพัฒนาศักยภาพคนพิการอย่างยั่งยืน เพราะเราเชื่อในศักยภาพของคนพิเศษ (ผู้พิการ) ว่าสามารถปฏิบัติงาน และก้าวข้ามข้อจำกัดทางร่างกายได้ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง สามารถดำรงชีพในสังคมได้อย่างมีความสุขอย่างมีเกียรติ และมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ผ่านโครงการที่จัดขึ้นตาม Employee Journey เพื่อสนับสนุนพนักงานคนพิเศษภายในองค์กรมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ

  • การพัฒนาระบบการสรรหาและคัดเลือกพนักงานคนพิการโดยใช้ AI Chatbot นวัตกรรมใหม่ ในการสื่อสารกับผู้สมัคร ในชื่อของ NooYim CRG (หนูยิ้ม CRG)
  • กิจกรรมสัมพันธ์สำหรับพนักงานกลุ่มพิเศษ
  • กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตพนักงานกลุ่มพิเศษ
  • การอบรมพัฒนาศักยภาพของพนักงานคนพิการ ผ่านระบบ E-Learning Management System
  • การให้โอกาสเติบโตก้าวหน้าในสายอาชีพของพนักงานทุกคนอย่างเสมอภาค
  • การจัดให้มีล่ามภาษามือในการประชุมต่างๆ เพื่อให้พนักงานคนพิเศษได้มีส่วนร่วมในการประชุม และเข้าใจทิศทางธุรกิจและวัตถุประสงค์ในการทำงานมากขึ้น
  • การจัดระบบพี่เลี้ยงคอยดูแลเพื่อสอนงาน และแนะนำเรื่องการปรับตัว การอยู่ร่วมกันในสถานที่ทำงาน
  • การส่งพนักงานปกติเข้าอบรมภาษามือ และมีการคลิปวิดีโอสอนภาษามือออนไลน์ เพื่อใช้ในการสื่อสารกับพนักงานกลุ่มพิเศษ ให้เค้ามีสังคมและสามารถทำงานร่วมกับพนักงานปกติได้อย่างมีความสุข

ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ ซีอาร์จีได้รับรางวัลองค์กรที่สนับสนุนงานด้านคนพิการดีเด่น 9 ปี ติดต่อกัน ซึ่งไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น ซีอาร์จี ยังเปิดตัวโครงการใหม่ล่าสุด ด้วยการเปิดจุดนับพบ “CRG Deaf Community พื้นที่สร้างสุข เพื่อคนไร้เสียง” ณ ร้าน เคเอฟซี สาขาบ้านสีลม ด้วยวัตถุประสงค์ที่ต้องการจะให้เป็นพื้นที่สร้างความสุข ความผ่อนคลายให้กับพนักงานพิเศษ ผู้บกพร่องทางการได้ยิน ทั้งที่เป็นพนักงานขององค์กรเอง และบุคคลภายนอก ได้ใช้เป็นสถานที่พบปะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และรับรู้ข่าวสารต่าง ๆ ของ ซีอาร์จี ต่อยอดเป็นการสร้างโอกาสในการส่งเสริมอาชีพให้กับบุคคลอื่น ให้ได้มีโอกาสได้ร่วมงานกับ ซีอาร์จี ได้อีกทางหนึ่ง

ภายใน  “CRG Deaf Community พื้นที่สร้างสุข เพื่อคนไร้เสียง” จะมีมุมต่าง ๆ และกิจกรรมพิเศษที่จะจัดขึ้นในทุกเดือน เช่น  Learning Corner จุดบริการเรียนรู้ด้วยตนเอง รวมไปถึงการศึกษาค้นคว้าอื่น ๆ บนอินเทอร์เน็ต, Plearn Corner กิจกรรมกลุ่มที่จะทำให้ทุกคนได้เรียนรู้ ฝึกสมอง และสนุกกับบอร์ดเกมส์ต่าง ๆ, CRG Fine Day กิจกรรมพิเศษในการส่งเสริมการสร้างอาชีพให้กับทุกคน  สลับสับเปลี่ยนมาตลอด เช่น การสอนทำคัพเค้ก การทำวุ้น การทำลูกชุบ และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึง Career @ CRG ที่จะรวบรวมตำแหน่งงานว่าง ภายใน CRG และบริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล ที่ผู้พิการสามารถสมัครงานง่าย ๆ เพียงแอดไลน์ เท่านั้น

โดยในช่วงแรกจะเปิดให้บริการทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 21.00 น. สำหรับผู้พิการทางการได้ยินที่เข้ามาใช้บริการ เพียงแสดงบัตรผู้พิการ และลงทะเบียน จะได้รับส่วนลด 15% ในการซื้อสินค้าทันที

“ซีอาร์จี พร้อมให้โอกาสกับบุคคลทุกกลุ่ม ด้วยเราเล็งเห็นถึงความสำคัญของความเท่าเทียมของทุกคน เพราะนี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่การดูแลพนักงานในองค์กรของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นการร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้แก่สังคม เพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข ซึ่งจะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมาย พร้อมกับสามารถสร้างประโยชน์ต่อสังคมได้ต่อไป” คุณจารุวรรณ กล่าวในตอนท้าย

โรงเรียนนวพัฒน์วิทยา โรงเรียนพื้นที่เล็กๆ แต่คุณภาพล้นแก้ว

event

“Education is one thing no one can take away from you.”

การศึกษาเป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครนำไปจากคุณได้

โรงเรียนที่มีพื้นที่ไม่มาก แต่คุณภาพนั้นแน่นจนล้นออกมาจากแก้ว… โรงเรียนนวพัฒน์วิทยา โรงเรียนดีๆที่วันนี้ School Visit จะเราอยากพาทุกคนมาเยี่ยมชม โรงเรียนนวพัฒน์วิทยาเปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 ถึง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยยึดหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย และหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยมีนโยบายที่มุ่งเน้นให้นักเรียนมีความสามารถในการเรียนรู้ตามศักยภาพเพื่อมีความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา ด้วยมาตรฐานใหม่ระดับสากล การจัดการเรียนรู้เน้นการจัดการเรียนการสอนตามสภาพจริง ด้วยการเรียนรู้ด้วยตนเองร่วมกัน และการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง โดยมีการบูรณาการคุณธรรมควบคู่กันในวิธีการเรียนการสอน

บรรยากาศยามเช้าของโรงเรียน

ชั้นเรียน English Program กับคุณครูชาวต่างชาติรุ่นใหม่

พื้นที่ของโรงเรียนที่มีไม่มาก แต่ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า

สนามใจกลางโรงเรียนเชื่อมระหว่างอาคารอนุบาล โรงอาหาร และอาคารประถม

 

A very good curriculum หลักสูตรทันสมัยโดยผู้บริหารรุ่นใหม่

สิ่งที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของโรงเรียนนวพัฒน์วิทยา คือคุณภาพของครูผู้สอน หลักสูตร English Program ของทางโรงเรียนได้รับการออกแบบโดย อาจารย์ Bradley Welsh – Executive Head of School ซึ่งสำเร็จการศึกษาด้าน Education with Special and Inclusive Needs (เกียรตินิยม) จาก Liverpool John Moore University วิชาหลักที่สอนโดยครูเจ้าของภาษา ได้แก่ วิชาภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ Science Project วิชาวรรณกรรม และพลศึกษา คุณครูที่เป็น Native Speaker จะมีความเชี่ยวชาญในการใช้ภาษา และสามารถมอบประสบการณ์ทั้งการเรียนรู้ด้านภาษา วัฒนธรรมทักษะการสื่อสาร และสร้างปฏิสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพให้กับนักเรียน

ชั้นเรียนคุณครูต่างชาติ เมื่อคุณครูมีความเป็นกันเอง ความสบายใจจะทำให้เด็กๆมีความกล้าที่จะสื่อสาร

 

Mathematics and Science เรียนทั้งภาษาไทยและอังกฤษ

โรงเรียนสอนวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เด็กๆ จะได้เรียนทั้งตำราไทยเพื่อให้ “รู้ลึก” ถึงเนื้อหาและคำศัพท์ทางเทคนิค ในขณะที่ตำราต่างประเทศจะทำให้เด็กๆ “เข้าใจ” ถึง Concept เป็นประโยชน์ต่อการไปเรียนต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาทั้งหลักสูตรปกติ หลักสูตรสองภาษา หรือแม้กระทั่งการศึกษาต่อต่างประเทศ ซึ่งการมีรากฐานในด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่งจะป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ

คณิตศาสตร์ คลาสที่เรียนกับ Teacher จะใช้การเรียนการสอนแบบประเทศอังกฤษ Teacher ใช้ Play-Based Teaching Materials ได้แก่ Numicon เป็นสื่อที่ทำให้ตัวเลขเป็นสิ่งที่จับต้องได้ สร้างความเข้าใจให้เป็นรูปธรรม การมองเห็นได้ด้วยตาดีกว่าการท่องจำตัวเลข เพราะการจดจำของมนุษย์ 85% มักมาจากการมองเห็นและสัมผัสได้

วิทยาศาสตร์ เด็กๆ จะเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่สถานการณ์สมมุติ เป็นการทำให้เด็กๆเข้าใจ ที่มา-ที่ไป ของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ (Understanding of the World)

สื่อการเรียนจาก OXFORD “NUMICON” การสร้างให้คณิตศาสตร์สนุก สัมผัส เหมือนการเล่นเกมส์ พร้อมหนังสือเรียนจากต่างประเทศ

วิทยาศาสตร์ภาคภาษาไทย ยิ่งลงมือทำ ยิ่งเข้าใจถ่องแท้

 

EAL ภาษาอังกฤษคือจุดขาย!

English as an Additional Language หรือ EAL คือ การเรียนอังกฤษเป็นภาษาเพิ่มเติม (สำหรับเด็กๆ ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่) ใช้หลักสูตรเดียวกันกับโรงเรียนนานาชาติ เด็กๆจะเรียนรู้ภายใต้บรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่สนุกสนานที่ใช้เพียงภาษาอังกฤษเท่านั้น เรียนแบบโฟนิคส์ (Phonics) ซึ่งการเรียนภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ ทำให้เด็กๆสื่อสารภาษาอังกฤษได้ชัดเจนและสามารถอ่าน เขียน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสะกดคำศัพท์ต่างๆได้ด้วยตัวเองจากการรู้จักเสียงของตัวอักษรและเข้าใจหลักการผสมเสียง หนังสือเรียนและแบบฝึกหัดนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อให้เด็กๆได้ความรู้นอกเหนือจากหัวข้อของกระทรวงศึกษาธิการกำหนดและสอดคล้องกับหลักสูตรของประเทศอังกฤษ กิจกรรม วิชาการ ความสนุก ความสุข ครบครัน

ชั้นเรียนภาษาอังกฤษของน้อง ป.1 แบ่งกลุ่มทำกิจกรรมหลากหลาย คุณครูดีไซน์กิจกรรมให้เหมาะสมสำหรับแต่ละชั้น เพราะคุณครูเป็นกันเองเมื่อสงสัยเด็กๆจึงไม่กลัวที่จะถาม

 

STEM

โรงเรียนนวพัฒน์วิทยา ใช้การศึกษาแบบองค์รวมบูรณาการ 4 ศาสตร์ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์เข้าด้วยกัน สร้างทักษะการคิด วิเคราะห์และความเป็นเหตุเป็นผล ยิ่งกว่าความรู้คือการส่งเสริม School Community พี่สอนน้อง น้องเรียนรู้จากพี่

สัปดาห์นี้ คุณครูให้เด็กมองลึกเข้าไปในดอกกล้วยไม้แล้วสร้างสรรค์ผลงาน เด็กๆจะต้องใช้สมาธิ สังเกต จดจำ ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพตามแบบฉบับของตัวเอง เด็กๆจะได้คำศัพท์ รูปประโยค บทสนทนาใหม่ๆในแนวศิลปะ

รายวิชาที่เรียนเป็นภาษาไทย

 

School Safeguarding การคุ้มครองและปกป้องเด็กในโรงเรียน

โรงเรียนนวพัฒน์วิทยาใช้นโยบายการปกป้องคุ้มครองของนักเรียนแบบที่ใช้ในประเทศอังกฤษ คุณครูในแต่ละโรงเรียนจะต้องเข้าอบรมกับตำรวจ เป็นข้อกำหนดที่ทางโรงเรียนต้องให้ความสำคัญ School Safegurading มีหน้าที่ทำการคุ้มครอง และสนับสนุนสวัสดิภาพของเด็กนักเรียน

ปกป้องเด็กจากการถูกทำร้าย ทางร่างกาย หรือ จิตใจ ทั้งจากที่บ้านและโรงเรียน

ป้องกันการเสียสุขภาพหรือพัฒนาการของเด็ก ผ่านสังเกต ประเมิน และการรายงานสุขภาพ-ร่างกาย

รับรองว่าเด็กๆได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยภายใต้การดูแลของโรงเรียนที่มีประสิทธิภาพ

เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนทำหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครองเด็ก พิจารณาแยกแยะในระบบตั้งแต่เริ่มต้น และป้องกันเพื่อไม่ให้มีปัญหาบานปลาย

เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องได้รับการฝึกอบรมเรื่องการคุ้มครองและปกป้องเด็กในโรงเรียน มีการอบรมเพื่อพัฒนาทักษะและความรู้ทุกๆ 6 สัปดาห์ หรือที่เรียกว่า Continuing Professional Development (CDP)

 

นอกจากนี้ทางโรงเรียนนวพัฒน์วิทยาให้ความสำคัญในการจัดสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้โดยรวม เพื่อยกระดับประสบการณ์การเรียนรู้ในทุกวิชา สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เหมาะสมมีส่วนช่วยอย่างมากต่อการพัฒนาการด้านวิชาการ และสุขภาพกายสุขภาพใจ

 

Evaluation การวัดผล

โรงเรียนวัดผลโดยผ่านการเก็บคะแนนตามที่คุณครูกำหนด (ยกเลิกการสอบมิดเทอม) และมีสอบปลายภาคแค่ครั้งเดียว เด็กๆจะได้ไปสอบวัดผล National Test (NT) เพื่อประเมินคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการสอบ Ordinary National Education Test (O-NET) เพราะช่วง ประถม4-6 เด็กๆจะต้องไปต่อชั้นมัธยม ซึ่งเด็กๆนวพัฒน์สามารถสอบเข้ามัธยมโรงเรียนรัฐบาลที่มีชื่อเสียงได้เป็นจำนวนมาก

Mr. Bradley Welsh – Executive Head of School Education with Special and Inclusive Needs (Honor)

Liverpool John Moore University U.K.

 

Mommy’s Love This ถูกใจแม่

พื้นฐานวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์โดดเด่น เน้น 2 ภาษา 2 ตำรา ความรู้และ concept จัดแน่น แม่ๆไม่ต้องกังวลเมื่อลูกๆต้องไปสอบเข้าชั้นมัธยมศึกษา

กิจกรรมหลังเลิกเรียน ทั้งเสริมทักษะ สร้างความสามารถ เลือกลงเรียนได้ระหว่างรอผู้ปกครองมารับกลับบ้าน

คลาสเรียนที่ใช่ คุณครูแต่ละท่านจะออกแบบกิจกรรมเองโดยสังเกตจากความชอบของเด็กๆในชั้นที่แต่ละท่านดูแล

วิชาอะไรก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะทางโรงเรียนพยายามทำให้เป็นรูปธรรม จับต้องได้ เด็กๆเรียนรู้อย่างเข้าใจถ่องแท้

ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ไม่เคยมีใครถูกละทิ้ง เพราะโรงเรียนมี Safeguarding

Strong School Community ชั้นเรียนไม่หนาแน่น โรงเรียนมีขนาดพอดี ดังนั้นเด็กๆแต่ละชั้นปีจะพบเจอ คุ้นชินกัน ทำกิจกรรมด้วยกัน รู้จักกัน สร้างสัมพันธ์กันได้อย่างดี

อัตราค่าเล่าเรียน ระดับชั้น

ประถมศึกษาปีที่ 1-6 (โดยประมาณการ)

English Program

ค่าแรกเข้า 3,000 บาท

ค่าธรรมเนียมการศึกษา 42,000 บาท /เทอม

ค่าหนังสือ 10,000 บาท /ปี

ค่าเครื่องแบบนักเรียน 2,500 บาท

ค่าเรียนคอมพิวเตอร์ 3,200 บาท /ปี

 

ที่อยู่

โรงเรียนนวพัฒน์วิทยา

82/849 หมู่บ้านซีเมนต์ไทย ซอย 7 ถนนประชาชื่น

แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900

ติดต่อ

โทรศัพท์ : 02-587-3243 / 097-289-0670 Fax. 0-2587-3243

E-mail : [email protected]

Facebook : โรงเรียนนวพัฒน์วิทยา

Line : nawaphat_school

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ธนายุต วิลาทัน ,ภาณุ พิมพิลา

คิซโทเปีย (Kiztopia) ต้อนรับความสนุกและจินตนาการอันไร้ขีดจำกัดกับสวนสนุกในร่มชื่อดังส่งตรงจากสิงคโปร์ เปิดให้บริการครั้งแรกในไทยแล้ว

event

คิซโทเปีย (Kiztopia) ต้อนรับความสนุกและจินตนาการอันไร้ขีดจำกัดกับสวนสนุกในร่มชื่อดังส่งตรงจากสิงคโปร์ พร้อมเปิดให้บริการครั้งแรกในไทยแล้ว

 คิซโทเปีย (Kiztopia) ศูนย์รวมความบันเทิงสำหรับเด็กขนาดใหญ่ระดับพรีเมียมจากสิงคโปร์ เพื่อการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ พร้อมให้บริการแล้ววันนี้กับสาขาแฟล็กชิปแห่งแรกในเมืองไทยที่ เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ (Central Westville) ใจกลางย่านราชพฤกษ์ การเปิดตัวในประเทศไทยครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของคิซโทเปียที่ขยายพื้นที่พิเศษให้เด็ก ๆ ได้ปลดปล่อยพลังแห่งความสร้างสรรค์ และฝึกทักษะทางสังคม อารมณ์ และการเคลื่อนไหวผ่านการเล่นอย่างมีจุดมุ่งหมายในปัจจุบัน พร้อมมอบประสบการณ์ครบวงจรที่ทั้งครอบครัวสามารถใช้เวลาร่วมกันได้อย่างไม่รู้จบ ผสานทั้งการเล่น การเรียนรู้ สร้างความผูกพัน และอิ่มอร่อยไปกับร้านอาหารที่รวมไว้ในที่เดียวกัน เพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของเวลาอันมีค่าและความสัมพันธ์อันอบอุ่น

ด้วยพื้นที่กว่า 1,200 ตารางเมตร และอีก 16 โซนพร้อมเครื่องเล่นที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับพัฒนาการแบบองค์รวมของเด็ก ๆ ผ่านการนำเสนอการเรียนรู้และความสนุกที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นสไลเดอร์สูง 2 ชั้นอันน่าตื่นเต้นที่พร้อมสูบฉีดอะดรีนาลีน, บ้านบอลขนาดใหญ่, สนามกีดขวางและโซนเอ็กซ์ตรีมสุดท้าทาย, กระโดดเพลินกันบนแทรมโพลีนที่สนุกเกินห้ามใจ รวมไปถึงโซน interactive ที่มีบทบาทสมมติให้เด็ก ๆ ได้ลองเล่น และอื่น ๆ อีกมากมาย

คุณไฮดี้ เธียน, ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, คิซโทเปีย กล่าวว่า “ที่คิซโทเปีย เราเชื่อว่าการเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือการเรียนรู้ผ่านการเล่น เราจึงออกแบบและสนับสนุนกิจกรรมรวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาและต่อเด็ก ๆ เราต้องการให้ทุกครอบครัวในเอเชียแปซิฟิกรู้จักและเข้าถึงแบรนด์ของเรา โดยประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งในแผนขยายธุรกิจของเราตั้งแต่เริ่มแรก ด้วยวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของครอบครัวไทย ที่มีความผูกพันแน่นแฟ้นและมักใช้เวลาร่วมกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งตรงกับเป้าหมายหลักของเราที่ต้องการเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความบันเทิงที่สนุกได้ทั้งครอบครัว” พร้อมกล่าวเสริม “ในยุคที่ทุกอย่างพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เด็ก ๆ จะต้องเตรียมทักษะให้พร้อมสำหรับอนาคต ที่ความรู้ใหม่ ๆ และการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา คิซโทเปียมุ่งมั่นที่จะเป็นศูนย์กลางที่จะช่วยสร้างสรรค์ความบันเทิงของการเล่นแบบครบวงจร พร้อมยกระดับประสบการณ์แห่งการเรียนรู้ให้มาบรรจบกัน ซึ่งนอกจากจะช่วยฝึกฝนพัฒนาการในทุก ๆ ด้านของเด็ก ๆ แล้ว ยังช่วยสร้างความผูกพันและช่วงเวลาอันน่าจดจำในครอบครัวอีกด้วย”

คิซโทเปีย ก่อตั้งขึ้นที่สิงคโปร์ ตั้งแต่ปี 2019 และมีชื่อเสียงในฐานะแบรนด์เพื่อความบันเทิงในครอบครัว ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศการเล่นที่สนุกสนานและเปี่ยมไปด้วยความหมาย ภายใต้คอนเซปต์อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์คือ “เล่นเพื่อเรียนรู้ เรียนรู้ผ่านการเล่น” โดยมีเครื่องหมายการันตีมาตรฐานด้วยรางวัล “ประสบการณ์สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุด (Best Attraction Experience)” จาก Singapore Tourism Awards ประจำปี 2021

สวรรค์แห่งความบันเทิงเพื่อคุณหนู ๆ แห่งนี้มีคาแรคเตอร์หลักเป็นสัตว์ทั้งหมด 8 ชนิด ที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ของแบรนด์คิซโทเปีย โดยตัวละครทั้ง 8 จะคอยสร้างสีสันและเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็น เชฟหมี Bell, Tiger นักกีฬาจอมพลัง, Happy ฮิปโปสาวนักเต้น, Eli วิศวกรช้างมือหนึ่ง, คุณครูกระต่ายสาว Raby, Mark เจ้าจ๋อนักวิทยาศาสตร์, Honey ผึ้งน้อยเสียงหวาน และ Drago พี่มังกรนักข่าวแสนฉลาด

ผองเพื่อนรักทั้ง 8 จะพาเด็ก ๆ เดินทางไปสู่ดินแดนยูโทเปีย ซึ่งดีไซน์มาเพื่อตอบโจทย์การเล่นด้วยทักษะต่าง ๆ ทั้งการเคลื่อนไหว การสื่อสาร และการเข้าสังคม ให้เด็ก ๆ ได้ใช้จินตนาการและจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ผ่านสิ่งแวดล้อมรอบตัว พร้อมกำหนดนิยามใหม่ของสนามเด็กเล่นในร่มในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร กับพื้นที่เล่นทั้งหมด 16 โซน ดังนี้

ดินแดนของพี่มังกร Drago: สนุกสุดเหวี่ยงกันอย่างเต็มที่ไปกับปราสาทเด้งดึ๋งแห่งใหม่ของพี่มังกร Drago

สถานีรถไฟสุดหรรษาของ Eli: กระโดดขึ้นรถไฟของ Eli พร้อมออกเดินทางสู่การผจญภัยที่รออยู่ข้างหน้า อย่ารอช้าที่จะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก!

สนามแข่งรถ อารีน่าของ Tiger: ให้เหล่านักซิ่งตัวน้อยขี่รถมินิไบค์คันโปรดที่ Tiger’s Arena และเพลิดเพลินไปกับการขับรถบน”ถนน” อย่าลืมแวะเติมน้ำมันที่ “ปั๊มน้ำมัน” ตรงมุมถนนนะ!

โซนนักรบนินจา: กับหลักสูตรพิเศษและอุปสรรคสิ่งกีดขวาง ที่ช่วยให้เด็ก ๆ พัฒนาความมั่นใจ ความมุ่งมั่น ความคล่องตัว และความแข็งแกร่ง! เหมาะสำหรับนักผจญภัยรุ่นเยาว์และเหล่านินจาตัวจิ่ว!

Tiger’s Mojo Zone: ค้นหาความสนุกไม่รู้จบกับพื้นที่เล่นที่เอ็กซ์ตรีมที่สุดในสวนสนุกแห่งนี้ ซึ่งมี การเล่นทั้งหมด 4 ระดับและยังรวมกิจกรรมอันแสนตื่นเต้นเร้าใจที่จะทำให้อะดรีนาลีนสูบฉีด! ไม่ว่าจะเป็นสไลเดอร์ขนาดยักษ์ รวมพลสิ่งกีดขวาง การปีนหน้าผา แทรมโพลีนเด้งดึ๋ง โซนดนตรี ชิงช้า และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยแต่ละระดับจะให้น้อง ๆ หนู ๆ ได้เปิดประสบการณ์ความสนุกไร้ขีดจำกัดในสนามเด็กเล่นสุดมันส์ของ Tiger!

กระโดดไปบนแทรมโพลีน ของ Mark: ตามเจ้าจ๋อนักวิทยาศาสตร์ไปเปิดประสบการณ์ความสนุกเหนือแรงโน้มถ่วงบนแทรมโพลีนสุดเพลิดเพลิน โดยเด็ก ๆ จะได้ปลดปล่อยพลังผ่านการกระโดด พร้อมกับทดสอบความคล่องตัว (น้ำหนักของผู้เล่นไม่ควรเกิน 40 กิโลกรัม)

โซนบ่อทรายแสนสนุก ของ Eli: ปล่อยให้จินตนาการและความสร้างสรรค์ของคุณหนู ๆ โลดแล่นออกมาบนบ่อทรายของ Eli พี่ช้างตัวเบิ้ม ที่พวกเขาจะสามารถขุด ปั้น เล่น สร้างปราสาท”ทราย” ของตัวเอง หรือแม้แต่กลิ้งไปมาบนพื้นทรายได้แม้ยามฝนจะตกหรือแดดออกก็ตาม!

Raby’s Mart: ซูเปอร์มาร์เก็ตที่จำลองสำหรับเด็ก ให้คุณหนู ๆ ได้ปลดปล่อยจินตนาการไปกับการเล่นบทบาทสมมติ ที่จะช่วยพัฒนาทักษะทางสังคมและการเรียนรู้คณิตศาสตร์ขั้นพื้นฐานไปกับคุณครูกระต่ายสาว Raby! เด็ก ๆ สามารถเล่นเป็นนักช้อปตัวจิ๋วที่กำลังเดินเล่นซื้อของในซูเปอร์มาเก็ตที่มีสินค้าครบครัน หรือจะเป็นพนักงานแคชเชียร์ที่เคาน์เตอร์ชำระเงินก็ได้เช่นกัน!

Raby’s Clinic: ช่วยคุณครูกระต่ายสาวกอบกู้โลกไปพร้อม ๆ กัน ที่คลินิคของ Raby คุณหนู ๆ จะได้ฝึกทักษะเป็นแพทย์ตัวน้อย ผ่านการช่วยรักษาและปลอบโยนเหล่า “ผู้ป่วยสัตว์น้อยใหญ่” รวมไปถึงการทดลองวินิจฉัยอาการเจ็บป่วยด้วยใช้รังสีเอกซ์และกราฟระบุโรค

ฟาร์มของ Honey: สวมบทบาทเจ้าของฟาร์มแบบเต็มขั้นไปกับผึ้งน้อย Honey ที่ซึ่งเด็ก ๆ จะได้ลองเรียนรู้ทั้งการรีดนมวัว การเก็บพืชผล และการปลูกเมล็ดพันธุ์ รวมทั้งผูกมิตรกับผืนดิน ธรรมชาติ และเพลิดเพลินไปกับการเฝ้าดูสิ่งต่าง ๆ เจริญเติบโต!

ร้านอาหารของเชฟ Bell: คลาสเข้าครัวกับเชฟหมี Bell และเรียนรู้วิธีการทำอาหารแบบง่าย ๆ เสริมทักษะการสื่อสาร และร่วมมือกันทำงาน! หนู ๆ จะได้เรียนรู้ตั้งแต่อุปกรณ์ทำครัว เตาอบ ไปจนถึงเครื่องทำขนมปัง หรือแม้แต่ส่วนผสมในจานเด็ดของเชฟหมี Bell ในโซนนี้มีทุกสิ่งครบครันพร้อมสำหรับเชฟตัวจิ๋ว!

โซนต่อบล็อกของ Mark: ยกระดับความคิดสร้างสรรค์ไปกับเจ้าจ๋อนักวิทยาศาสตร์ที่ชื่นชอบการคิดค้นสิ่งใหม่เป็นที่สุด ผ่านการทดลองประดิษฐ์ต่อบล็อคให้เป็นสิ่งต่าง ๆ ไปด้วยกัน

Happy’s Studio: สำหรับคุณหนู ๆ ที่รักสวยรักงามและชื่นชอบการแต่งหน้าทำผม บอกเลยว่าไม่ควรพลาดกับ Happy’s Studio! เพราะในโซนนี้ทุกคนจะได้เล่นแต่งตัวกับเสื้อผ้าสุดน่ารักหลากหลายสไตล์ กับ Happy ฮิปโปสาวนักเต้นบัลเลต์ ให้เด็ก ๆ สำรวจความงามจากภายในและสร้างความมั่นใจในตัวเองไปพร้อมกัน

คราฟท์โซนของพี่มังกร Drago: ปลดปล่อยพลังแห่งจินตนาการที่คราฟท์โซนส่วนตัวที่พี่ Drago จัดกิจกรรมศิลปะและงานฝีมือไว้อย่างเต็มเปี่ยมสำหรับน้อง ๆ โดยเฉพาะ นอกจากนี้ทั้งครอบครัวยังจะได้กระชับสายสัมพันธ์ระหว่างกันเพื่อเตรียมพร้อมลงมือและครีเอทผลงานอันยอดเยี่ยม!

Bell’s Café: เหนื่อยกันแล้วหรือยัง? มาแวะพักเติมพลังที่ คาเฟ่เชฟหมี Bell ที่พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มเมนูพิเศษ และของว่างแสนอร่อยให้ทุกคน ก่อนที่จะกลับไปสนุกกันต่อ!

Hero Square: ชมการแสดงและพบปะเหล่าคาแรคเตอร์สุดน่ารักจากคิซโทเปีย และเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้สุดพิเศษได้ที่ Hero Square! ห้ามพลาดกับเซอร์ไพรส์จาก เบล ที่จะมาทักทายแฟน ๆ และมอบเสียงหัวเราะให้กับทุกคน

รายละเอียดชั่วโมงแห่งความสนุก มีดังนี้

บัตรผ่านแบบรายครั้ง ชั่วโมงแห่งความสนุก
1 ชั่วโมง 2 ชั่วโมง 3 ชั่วโมง
นักผจญภัยตัวจิ๋ว (เด็กเล็กที่มีส่วนสูงระหว่าง 65-80 ซ.ม.) ฟรี 120 บาท 140 บาท
นักผจญภัยรุ่นจูเนียร์(เด็กที่มีส่วนสูงมากกว่า 81 ซ.ม. ขึ้นไป) 360 บาท 420 บาท 470 บาท
ผู้ปกครอง/ ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป 160 บาท 160 บาท 180 บาท
หมายเหตุ

–       เด็กที่อายุต่ำกว่า 7 ปี จำเป็นต้องมีผู้ใหญ่ดูแลอย่างน้อย 1 คน

–       ผู้สูงอายุ (ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี) สามารถเข้าฟรี หากมากับผู้เล่นที่ซื้อบัตรจำนวน 1 ท่าน

 

บัตรผ่านแบบ Multi pass ชั่วโมงแห่งความสนุก สิทธิประโยชน์
2 ชั่วโมง
บัตรผ่านสำหรับ 10 ครั้ง

(สำหรับนักผจญภัยรุ่นจูเนียร์ 1 ท่าน กับ ผู้ปกครอง 1 ท่าน)

5,200 บาท – รับฟรี ถุงเท้าสุดน่ารักจำนวน 2 คู่ ทันที

– รับส่วนลด 10 % เมื่อใช้บริการที่คิซโท
เปียคาเฟ่

– รับส่วนลด 10 % เมื่อใช้บริการที่ร้านขาย
ของที่ระลึกคิซโทเปีย

บัตรผ่านรายปี

(สำหรับนักผจญภัยรุ่นจูเนียร์ 1 ท่าน กับ ผู้ปกครอง 1 ท่าน)

9,300 บาท – รับฟรีเซตของขวัญสุดน่ารัก ทันที

– รับส่วนลด 10 % เมื่อใช้บริการที่คิซโท
เปียคาเฟ่

– รับส่วนลด 10 % เมื่อใช้บริการที่ร้านขาย-
ของที่ระลึกคิซโทเปีย

– รับส่วนลด 10 % เมื่อซื้อแพคเกจปาร์ตี้วัน
เกิด

หมายเหตุ:

ผู้เล่นทุกคนจำเป็นต้องสวมถุงเท้าเมื่อเข้าไปภายในสวนสนุก โดยราคาบัตรผ่านประตูจะไม่รวมค่าถุงเท้า

 

สถานที่:             เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ชั้น 3

เวลาเปิดบริการ:   วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 10.00 – 20.00 น

วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00 – 21.00 น.

Website:               https://www.kiztopia.co.th

Facebook:            https://www.facebook.com/kiztopiath/

Instagram:           @kiztopiath

LINE Official:       @kiztopiath

Official Hashtags: #KiztopiaTH และ #KiztopiaCentralWestville

 

# # #

 

เกี่ยวกับ Kiztopia

คิซโทเปีย (Kiztopia) ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 โดยตั้งอยู่ที่ Marina Square เป็นสนามเด็กเล่นในร่มขนาดใหญ่ของสิงคโปร์ ที่ได้รับรางวัล “Best Attraction Experience” จาก Singapore Tourism Awards ในปี 2021 โดยได้รับอนุญาตการจดทะเบียนสัญลักษณ์ตัวการ์ตูนคาแรคเตอร์ทั้ง 8 อย่างเป็นทางการเพื่อพื้นที่เล่นคิซโทเปียโดยเฉพาะ สวนสนุกในร่มแห่งนี้เปรียบเหมือนสวรรค์สำหรับการเล่นของเด็ก ๆ ผ่านการนำเสนอทั้งโปรแกรมและกิจกรรมต่าง ๆ ที่ปรับแต่งเพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กแบบองค์รวม พร้อมมอบสภาพแวดล้อมที่ครอบคลุมตลอดการ “เล่นเพื่อเรียนรู้ เรียนรู้ผ่านการเล่น” ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.kiztopia.com

วิชัยเวชฯอ้อมน้อย

มหกรรมสุขภาพ แพ็กเกจตรวจสุขภาพลดกว่า 75% ที่ รพ.วิชัยเวชฯอ้อมน้อย ตรวจสุขภาพเบื้องต้นฟรี!

event
วิชัยเวชฯอ้อมน้อย
วิชัยเวชฯอ้อมน้อย

รพ. วิชัยเวชฯอ้อมน้อย ฉลองครบรอบ 30 ปี รพ.พบกับมหกรรมสุขภาพ แพ็กเกจตรวจสุขภาพลดกว่า 75% ตรวจสุขภาพเบื้องต้นฟรี

-ตรวจสุขภาพทั่วไป
-ตรวจสุขภาพหลอดเลือด
-ตรวจวิเคราะห์​ DNA
-ตรวจความสมดุลของร่างกาย ผลิตภัณฑ์ดีดีพลัส

-บูทผลิตภัณฑ์แอนลีน

และร่วมฟังเสวนาเพื่อสุขภาพ ฟรีทุกวัน ร่วมช้อปสินค้าราคาพิเศษ

วิชัยเวชฯ​อ้อมน้อย

พบกันวันที่ 15-17 ธันวาคม 2566
ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น.
ณ ศูนย์อายุรกรรม รพ. วิชัยเวชฯอ้อมน้อย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 02-441-7899 หรือ 1792

ข้อมูลเพิ่มเติม https://vichaivej-omnoi.com/

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย

พาทัวร์! โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนสตรีประจำและโรงเรียนอนุบาลแห่งแรกของประเทศไทย

event
โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย
โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย

School Visit ครั้งนี้ จะพามาเยี่ยมชม โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนสตรีประจำและโรงเรียนอนุบาลแห่งแรกของประเทศไทย แรกเริ่มมีชื่อว่า โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง มีจุดมุ่งหมายการเรียนการสอนด้านการอ่านเขียน การศึกษาคริสตจริยธรรม และวิชาเย็บปักถักร้อย ซึ่งเป็นวิชาสำหรับกุลสตรีสมัยนั้น  จนกระทั่งปี พ.ศ. 2464 (ค.ศ. 1921) กิจการของโรงเรียนเจริญเติบโตขึ้นมากทำให้สถานที่ตั้งโรงเรียนเดิมไม่สามารถรองรับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นได้ มิสเอ็ดน่า เซร่ะ โคล์ ครูใหญ่ในขณะนั้นได้ย้ายโรงเรียนมาอยู่ในสถานที่ปัจจุบันและเปลี่ยนชื่อเป็น “วัฒนาวิทยาลัย” ณ “ทุ่งบางกะปิ” ในขณะนั้น (ซึ่งในปัจจุบันคือ เขตวัฒนา)

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย

อาคารภายในโรงเรียนผสมผสานสถาปัตยกรรมและภูมิปัญญาแบบไทย

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย

ปัจจุบันโรงเรียนวัฒนา เปิดรับนักเรียนชาย เฉพาะชั้นอนุบาล แต่ระดับชั้นประถม-ชั้นมัธยมศึกษา ยังคงเป็นหญิงล้วน

 

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย เป็นโรงเรียนสตรีภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เปิดสอนระดับปฐมวัยถึงระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน รับนักเรียนไป-กลับ ในระดับปฐมวัยถึงระดับประถมศึกษาปีที่ 6 และนักเรียนประจำในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-6  และปัจจุบันทางโรงเรียนเปิดรับนักเรียนชายเฉพาะชั้นอนุบาลเท่านั้น

 

วัฒนาวิทยาลัย ในศตวรรษที่ 21

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย เอาใจใส่เด็กๆ ทั้ง 3 ระดับ ตามช่วงวัย (อนุบาล, ประถม และมัธยม) ผ่านการปลูกฝัง Wattana Characters ทั้ง 7 ประการ ให้เข้มแข็ง  ดูแลด้านอารมณ์และจิตใจ (Soft Skills) ผ่านหลักสูตรคริสตจริยธรรมและนำมาปรับให้เข้ากับการสอนในห้องเรียน ฝึกให้เด็กๆเป็นผู้นำให้เด็กๆวางแผนจัดกิจกรรมต่างๆด้วยตัวเอง เน้นกระบวนการการคิด และกระบวนพัฒนาการคิดชั้นสูง (ปรับมาจากระบบของประเทศญี่ปุ่น) เพื่อพัฒนากระบวนการการคิดของเด็กๆ โดยฝึกให้เด็กลงมือปฏิบัติ อย่างต่อเนื่อง จนเกิดสมรรถนะ และนำสู่บทเรียนด้วยการใช้คลิปวิดีโอ การตั้งคำถาม ชักชวนให้เด็กๆคิด ทางโรงเรียนมีสื่อการสอนและเทคโนโลยีครบครัน และยังใส่ใจในการหล่อหลอมการหยั่งรู้  รู้คิด การตัดสินใจ ให้แก่เด็กๆ เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยยังพัฒนาครูในชุมชนการเรียนรู้ เป็นการระดมความคิดเพื่อช่วยพัฒนาและเติมเต็มประสิทธิภาพให้การสอนให้แก่คุณครูที่เข้าร่วมโครงการ Professional Learning Community (PLC) ด้วยการนิเทศการสอน การเยี่ยมชั้นเรียนของผู้บริหาร ให้เกิดกระบวนการสะท้อนกลับความคิด เพื่อสร้างให้เกิดชั้นเรียนที่มีประสิทธิภาพ นำไปสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการ

 

7 Wattana Characters : Bible – Based

อัตลักษณ์ 7 ประการ ที่เด็กๆทุกคนในโรงเรียนจะได้รับการปลูกฝัง ทุกยุคทุกสมัย ลูกสาวทุกรุ่นของวัฒนาฯ ต่างก็ประพฤติตนได้อย่างเหมาะสม ด้วยบุคลิกแบบ ”วัฒนา” สร้างความประทับใจจากรุ่นสู่รุ่น ส่งต่อกันมา อัตลักษณ์อันดีงามทั้ง 7 ประการนี้ คือ สิ่งที่นำวิชาการอย่างแท้จริง

  1. ความรักและการให้ – รักคนอื่นเหมือนกับที่รักตนเอง เหล่านี้จะถูกปลูกฝังตั้งแต่ชั้นอนุบาลเพื่อให้ “ลูกสาว” มีน้ำใจ รู้จักเสียสละ และรู้จักการให้อภัย โดยบูรณาการเข้าไปในการจัดกิจกรรม การเรียนการสอน
  2. ความซื่อสัตย์ – สัตย์ซื่อทั้งคำพูด ความคิด การปฏิสัมพันธ์
  3. ความมีวินัย – เพราะไม่ว่า “ลูกสาว” จะเติบโตไปอยู่ที่สังคมไหน ความมีวินัยจะเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ ทั้งทางด้านการเรียนรู้ การดูแลตัวเอง วินัยในการให้ วินัยในความรัก
  4. ความรับผิดชอบ – ต่อตัวเอง ผู้อื่น และสังคม
  5. ความเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี – ผ่านการทำกิจกรรม
  6. ตระหนักรู้คุณค่าแห่งตนเองและผู้อื่น – เราต้องให้เกียรติผู้อื่น เราต้องรู้คุณค่าของคนอื่น ไม่เหยียดคน จากหลักคำสอนที่ว่า “พระเจ้าสร้างให้ทุกคนเท่าเทียมกัน”
  7. ความมีกาละเทศะ – ทำอะไร อยู่ที่ไหน ต้องทำตัวอย่างไรเพื่อให้เกียรติบุคคล สถานที่

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย

ห้องสมุดใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ “เรือโนอาห์”

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย

กิจกรรมของพี่ประถม

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย

กิจกรรมของเด็กอนุบาล

หลักสูตรวิชาการ ปูทางสู่ความชอบ

ระดับปฐมวัย (อนุบาล) : เรียนรู้จากการเล่นและกิจกรรม

  • หลักสูตร Recgular English Course (REC) -จัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย กิจกรรมบูรณาการผ่านการเล่นเน้น การลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง จนเกิดความรู้ ทักษะ คุณธรรมจริยธรรม ดำเนินการจัดประสบการณ์โดยครูไทย ที่มีความเชี่ยวชาญด้านปฐมวัย
  • หลักสูตร Mini English Program (Mini EP) – จัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย กิจกรรมบูรณาการผ่านการเล่นเน้น การลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง จนเกิดความรู้ ทักษะ คุณธรรมจริยธรรม มีลักษณะกุลสตรีวัฒนา จัดการสอนแบบเสริมภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และกิจกรรม Project Approach ดำเนินการจัดประสบการณ์โดยครูผู้สอนชาวต่างชาติที่มีประสบการณ์ เน้นการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ ให้เด็กมีทักษะในการฟังและพูดภาษาอังกฤษ สามารถสื่อสารได้

ระดับประถมศึกษา : เริ่มค้นหาความชอบ

  • หลักสูตร PEC (Premium English Course) -เป็นหลักสูตรที่มีการจัด การเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษที่เน้นทักษะการสื่อสาร และการพัฒนาศักยภาพทางด้านภาษาในแต่ละทักษะของผู้เรียน เช่น ทักษะการพูด ฟัง อ่านและเขียน โดยให้มีการบูรณาการหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษไว้ในกิจกรรมการเรียนการสอน ซึ่งดำเนินการสอนโดยครูผู้สอนชาวต่างชาติที่มีความรู้ความสามารถในการจัดการเรียนการสอน
  • หลักสูตร English Program -เป็นหลักสูตร ที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ด้วยกระบวนการที่หลากหลาย เช่น แบบสืบสอบ (Inquiry-based Learning) ให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง (Action Learning) โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางในการเรียนรู้ สื่อสารได้อย่างถูกต้อง นักเรียนได้เรียนรายวิชาหลักเป็นภาษาอังกฤษจากครูชาวต่างชาติเจ้าของภาษา ได้แก่ วิชาคณิตศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาสุขศึกษาและวิชาพลศึกษา

 

เด็กๆมีโอกาสได้ทำโครงงานวิทยาศาตร์ (Project Approach) และทำกิจกรรมด้วยกัน  ผู้ปกครองมีส่วนในการสนับสนุนจินตนาการของลูก ชั้นประถมศึกษาตอนปลาย (ป.4-6) ลูกๆจะสามารถเลือกเรียน SCIENCE, TECHNOLOGY, ENGLISH, MATHEMATICS (หลักสูตร STEM) เพื่อปูทางสู่ระดับที่สูงขึ้นในชั้นมัธยมศึกษา

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย

เด็กๆ ลงมือทำกิจกรรม  และ Wattana Characters จะฝึกให้เด็กๆ มีวินัยและรู้จักหน้าที่ของตนเอง

 

ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น : ก้าวสู่ความชอบที่ใช่

  • หลักสูตรห้องเรียนพิเศษวิทยาศาตร์และคณิตศาสตร์ (STAMP : SCIENCE TECHNOLOGY and MATHEMATICS PROGRAM) คือ หลักสูตร สสวท. ซึ่งต้องมีการสอบวัดระดับ
  • หลักสูตร Enrichment English Program (EEP) เด็กๆ ลูกๆ สามารถไปได้ทุกสาย หรือเรียนรู้ข้ามสายก็ยังได้

ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย : ไปตามที่ใจใฝ่ฝัน

ไม่ว่าจะเด็กๆ ลูกๆ จะเรียนสายไหนมา ทุกคนจะมาต่อที่ Learning Blocks ซึ่งเป็นการเรียนรู้รูปแบบใหม่ตามยุคสมัย และเป็นการเรียนรู้ที่หลากหลาย เด็กๆจะเรียนรู้ด้วยตัวเองมากขึ้นซึ่งเป็นการสร้างศักยภาพและเสริมสมรรถนะ

  • LB 1 : วิศวกรรมศาสตร์ นวัตกรรมและเทคโนโลยี IET
  • LB 2 : อักษรศาสตร์ (ไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งเศส) LCS
  • LB 3 : วิทยาศาสตร์และสุขภาพ HBS
  • LB 4 : เศรษฐศาสตร์ บัญชี และการบริหารธุรกิจ EAB
  • LB 5 : นวัตกรรมคหกรรม IHE
  • LB 6 : สังคมศาสตร์ HPS
  • LB 7 : ศิลปกรรมศาสตร์ FAA

 

ในแต่ละ LB ทางโรงเรียนจะพาเด็กๆ ลูกๆ ออกไปทำกิจกรรมทั้งภายในและข้างนอกโรงเรียน เพื่อให้เด็กๆศึกษาและตรวจสอบความชอบของตัวเอง หากใช่ก็ไปต่อ หากไม่ใช่เด็กๆก็สามารถเปลี่ยนสายได้ การเรียนรู้รูปแบบใหม่ก็ยังสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางของชาติ แต่มุ่งเน้นให้เด็กๆพัฒนาตนเอง ค้นพบเส้นทางของตัวเอง ผ่านการบูรณาการทุกศาสตร์ ทุก LB

 

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย

ชั้นเรียนดนตรีไทย

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย

สายลม แสงแดด สร้างพัฒนาการ เสริมประสบการณ์

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย

ทุกชั้นเรียนมี Projector, Active Boards

สื่อเพื่อเสริมประสบการณ์

เด็กๆในยุคปัจจุบันเติบโตมากับเทคโนโลยีและอุปกรณ์การสื่อสารต่างๆ โรงเรียนได้นำมาปรับใช้อย่างเหมาะสมกับวัย โดยจัดพื้นที่ให้เหมาะกับการเรียนรู้ ดูแลเด็กๆอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เด็กๆ เรียนรู้ที่จะอยู่กับเทคโนโลยีได้อย่าง “ปลอดภัยและสมวัย”

  • อุปกรณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ เช่น Active Board
  • ห้องคอมพิวเตอร์สนับสนุนกิจกรรม เช่น การเรียนรู้ผ่าน Coding หรือ เรียนรู้ตัวเลขผ่าน Application
  • ระบบ Firewall ป้องกันสื่อที่ไม่เหมาะสม

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย

ผศ.ดร.พัชราภรณ์ ดวงชื่น ผู้จัดการโรงเรียน

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย

อาจารย์สุภลักษณ์ ไชยสถาน ผู้อำนวยการโรงเรียน

MOMMY LOVE THIS!

1.ที่โรงเรียนมีโปรแกรมการฝึกเป็นนักบินอวกาศ ตามความสมัครใจ และต้องผ่านการคัดเลือกเพื่อไปเข้าร่วมที่ NASA

2.การส่งนักเรียนออกไปแข่งขันด้านต่างๆ ทุกคนในห้องและในชั้นจะได้เข้าร่วมซ้อมเพื่อหาตัวแทนของห้อง จะเข้าคัดเลือกเพื่อเป็นตัวแทนของชั้น มาสู่การคัดเลือกในระดับโรงเรียน  ดังนั้นทุกคนจึงมีโอกาสเท่าเทียมกัน และไม่เคยมีใครถูกละเลยไว้เบื้องหลัง

3.หลักสูตรขับร้องประสานเสียงโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย เป็นหลักสูตรที่คัดเลือกนักเรียนที่มีความสามารถ  สอนโดยครูผู้ชำนาญการพิเศษด้านขับร้องประสานเสียงและด้านดนตรี จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับปฐมวัยถึงระดับชั้นมัธยมศึกษา

 

อัตราค่าเล่าเรียน

หลักสูตรปกติ เทอม 1 ประมาณ 66,000 บาท

เทอม 2 ประมาณ 45,000 บาท

หรือเฉลี่ย 111,000 บาท/ปี

 

หลักสูตร English Program (EP) เทอม 1 ประมาณ 158,000 บาท

เทอม 2 ประมาณ 85,000 บาท

เฉลี่ย 243,000 บาท/ปี

 

ที่อยู่

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย
67 ถ.สุขุมวิท 19 แขวง คลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

โทร.0-2254-7991-5 หรือ 0-2254-4990-4

website : www.wattana.ac.th

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

 


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. บริจาคของเล่นเสริมพัฒนาการเด็ก

event

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566 โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. (โดยผู้แทนจำหน่าย บจก.พูนพงษ์พัฒนา2013 , บจก.ดีเอ็นเอส รุ่งโรจน์) จัดกิจกรรม “บางปะกอกบอกรัก ปันรักสู่สังคม” ณ โรงเรียนวัดสรรเพชญ(ทวีวิทยาคม) จังหวัดนครปฐม

ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ทำต่อเนื่องจากงาน Heart of Care Health Fair 2023 มหกรรมคนรักสุขภาพ ซึ่งโรงพยาบาลฯนำรายได้ส่วนหนึ่งภายในงานมาทำกิจกรรมเพื่อสังคมตอบแทนทุกความเชื่อมั่นและความไว้วางใจที่มีให้ตลอด 20 ปี ที่ผ่านมา

โดยมี คุณณัฐชยา อัศวชัยราชันย์ (รองผู้อำนวยการการตลาด) ตัวแทนผู้บริหารโรงพยาบาลฯ, กัปตันกิ๊ฟ วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ (อดีตกัปตันทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย) เป็นตัวแทนมอบของเล่นเสริมพัฒนาการเด็ก และมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียน พร้อมด้วย บจก.พูนพงษ์พัฒนา2013 , บจก.ดีเอ็นเอส รุ่งโรจน์ ร่วมสนับสนุนชุดเครื่องนอนให้กับนักเรียน โดยมี คุณเปรมวดี เพิ่มทรัพย์มงคล (รองผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสรรเพชญ) เป็นผู้รับมอบ พร้อมถ่ายภาพร่วมกัน

อีกทั้งยังอบรมให้ความรู้ พร้อมสาธิตการกระตุ้นเสริมพัฒนาการเด็กให้กับคุณครูและนักเรียนระดับชั้นอนุบาล โดย พว.ระวีวรรณ ภู่วรวรรณ (ผจก.ศูนย์พัฒนาการเด็กและคลินิกนมแม่)

 

Heart of Care ดูแลด้วยหัวใจ ขอขอบคุณที่ให้เราดูแลคุณ

โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล

 

ลูกป่วยง่าย ไม่แข็งแรง ภูมิคุ้มกันต่ำ แก้ได้ด้วยการเสริม “วิตามินซี”

event

ลูกป่วยง่าย เกิดได้จากหลายสาเหตุ

ลูกป่วยทีไรคุณพ่อคุณแม่ก็ใจไม่ดีทุกครั้ง เพราะอดเป็นห่วงเจ้าตัวน้อยไม่ได้ แถมบางครั้งก็มาครบทั้งอาการไอ จาม น้ำมูกไหล ตัวร้อน หนาวสั่น และมีไข้เกิน 37.5 องศาเซลเซียสจนลูกงอแงมากกว่าปกติ และถ้ายิ่งบ้านไหน “ลูกป่วยง่าย” ไม่แข็งแรง ก็ยิ่งทำให้คุณพ่อคุณแม่อยากจะป่วยแทนลูกไปเสียทุกที

ลูกป่วยง่าย ภูมิคุ้มกันต่ำ วิตามินซี Vita-C Jelly

ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ลูกน้อยป่วยก็มีมากมายหลายด้านเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็น

  • อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนและฤดูหน้าหนาว ที่มีความชื้นและลมแรงก็จะส่งผลให้เชื้อแพร่กระจายได้ง่ายกว่าปกติ
  • โรคประจำตัวของเด็ก อย่างเช่น โรคภูมิแพ้ ที่อาการอาจกำเริบขึ้นมาได้ในช่วงเปลี่ยนผ่านฤดู
  • การสัมผัส ที่เกิดจากการที่ลูกของเรานั้นจะต้องไปโรงเรียนและเข้าสังคมกับเพื่อน ๆ ก็จะมีโอกาสในการสัมผัสกันจึงมีโอกาสที่เชื้อจะแพร่กระจายถึงกันได้นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม มีอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ลูกป่วย ซึ่งคุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงนั่นก็คือเรื่อง ภูมิคุ้มกันต่ำ เนื่องจากภูมิคุ้มกันนั้นเป็นกลไกที่สำคัญ ที่จะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายและต่อต้านไม่ให้ร่างกายติดเชื้อ หากมีภูมิคุ้มกันที่ดีก็จะสามารถลดโอกาสในการติดเชื้อและป่วยได้ กลับกันถ้าภูมิคุ้มกันน้อยหรือมีความผิดปกติก็จะทำให้เด็กไม่แข็งแรง ป่วยง่าย จนมีผลต่อการใช้ชีวิจประจำวันเลยทีเดียว

ลูกป่วยง่าย ภูมิคุ้มกันต่ำ วิตามินซี Vita-C Jelly

เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับลูกได้ ด้วยการทานสิ่งที่มีประโยชน์ เคลื่อนไหวร่างกาย และพักผ่อนอย่างเหมาะสม

            “ภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง” คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างให้กับลูกได้ โดยเริ่มตั้งแต่แรกนั่นก็คือ การดื่มนมแม่ เพราะนมแม่ เปรียบเสมือนวัคซีนหยดแรกที่มีคุณประโยชน์และภูมิคุ้มกันเชื้อโรคมากมาย พร้อม ๆ กับการสอนให้ลูกรู้จักการรักษาความสะอาด การเลือกอาหารที่มีประโยชน์ให้เหมาะสมกับวัย และให้ลูกได้เคลื่อนไหวร่างกายอย่างเหมาะสม และการให้ลูกได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ในแต่ละวัน

วิตามินซีอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ การเพิ่มภูมิคุ้มกัน และป้องกันหวัด

            นอกจาก 5 วิธีเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อยตามที่ว่าไว้ในข้างต้นแล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่นักโภชนาการแนะนำ นั่นก็คือ การเสริมวิตามินซี ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์มากมาย ทั้งช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง ป้องกันโรคหวัด ภูมิแพ้ ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน แถมยังมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและฟัน ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนบำรุงผิวพรรณ และต่อต้านอนุมูลอิสระ

แต่ปัญหาสำคัญก็คือ ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างวิตามินซีขึ้นเองได้ ทางเดียวที่จะได้รับวิตามินชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายก็คือ การรับประทาน แต่ไม่ใช่ว่าเด็กทุกคนจะชอบทานผักและผลไม้ ทำให้เรื่องวิตามินซีกลายเป็นเรื่องยากสำหรับบางบ้าน วิธีการให้ลูกทานวิตามินซีเสริม จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี

ลูกป่วยง่าย ภูมิคุ้มกันต่ำ วิตามินซี Vita-C Jelly

วิตามินซีเลือกแบบไหน ทานอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด

            สำหรับปริมาณวิตามินซี ที่ควรเสริมให้กับลูกน้อย ก็จะมีปริมาณที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงวัย โดยแบ่งเป็น

  • อายุ 1-3 ปี ปริมาณวิตามินซีสูงสุดที่ร่างกายควรได้รับต่อวันคือ 400 มิลลิกรัม
  • อายุ 4-8 ปี ปริมาณวิตามินซีสูงสุดที่ร่างกายควรได้รับต่อวันคือ 650 มิลลิกรัม
  • อายุ 9-13 ปี ปริมาณวิตามินซีสูงสุดที่ร่างกายควรได้รับต่อวันคือ 1200 มิลลิกรัม
  • อายุ 14-18 ปี ปริมาณวิตามินซีสูงสุดที่ร่างกายควรได้รับต่อวันคือ 1800 มิลลิกรัม

และถ้าอยากให้การเสริมวิตามินซีได้ประโยชน์สูงสุด ก็ควรให้ลูกทานพร้อมมื้ออาหารเช้าและมื้ออาหารเย็นหรือแบ่งทาน 2-3 ครั้งต่อวัน ซึ่งจะทำให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ดี และที่ควรระวังก็คือ ไม่ควรให้ทานตอนท้องว่าง เนื่องจากวิตามินซีมีฤทธิ์เป็นกรดอาจทำให้ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร รวมถึงไม่ควรให้ทานในปริมาณที่มากจนเกินไป เพราะอาจเกิดอาการท้องเสียได้

โดยในปัจจุบันวิตามินซีในรูปแบบอาหารเสริมมีตัวเลือกมากมายในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นแบบอัดเม็ด แบบเม็ดอม แบบเคี้ยว หรือแบบเยลลี่ ซึ่งมันเยอะมากจนทำให้คุณพ่อคุณแม่เลือกไม่ถูกว่าจะหาแบบไหนมาเสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกดี วันนี้เราเลยขอมาแนะนำ 5 วิตามินซี ที่จะช่วยให้ลูกน้อยร่างกายแข็งแรง ไม่เป็นหวัดง่าย มาดูกันเถอะว่ามีอะไรบ้าง

ลูกป่วยง่าย ภูมิคุ้มกันต่ำ วิตามินซี Vita-C Jelly

1.Vita-C Jelly Strip

วิตามินซีรสส้มสำหรับเด็ก ที่มาในรูปแบบเจลลี่ทำให้ทานง่าย มีวิตามินซี 50 มิลลิกรัม ซึ่งมากเท่ากับการทานส้ม 1 ผล ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและเพิ่มความแข็งแรง ป้องกันหวัด ภูมิแพ้ ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน และเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและข้อต่อ เนื่องจากมี DHA แบบ Microencapsulate nutritional oils จากอเมริกา ที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีกว่า DHA แบบเดิมถึง 60% ช่วยในการเสริมสร้างระบบประสาทและสมอง และยังมีแคลเซียมสูงถึง 304.5 มิลลิกรัม เท่ากับการดื่มนม 1 แก้ว ที่ช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ได้ประโยชน์ครบใน 1 ซอง (สูงสูดไม่ควรเกิน 6 ซอง/วัน) เหมาะกับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 1 ขวบขึ้นไป

ลูกป่วยง่าย ภูมิคุ้มกันต่ำ วิตามินซี

2.Biopharm vitamin C gummy

กัมมี่วิตามินซีรสส้มและรสสตรอว์เบอร์รี่  มีวิตามินซี 30 มิลลิกรัม เหมาะสำหรับเด็กที่ไม่ชอบทานอาหารเสริมชนิดเม็ด เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันและป้องกันหวัด สามารถทานทดแทนขนมได้ แต่ไม่ควรทานมากเกินไปเพราะมีน้ำตาลเป็นส่วนผสม แนะนำให้ทานครั้งละ 1 เม็ด (วันละไม่เกิน 8 เม็ด)

ลูกป่วยง่าย ภูมิคุ้มกันต่ำ วิตามินซี

 3.NATURE CARE Bio C

วิตามินซีที่มาในรูปแบบเม็ดเคี้ยวรสส้ม มีสารสกัดจากตระกูลเบอร์รี่ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดอาการภูมิแพ้และหวัด รวมถึงมีส่วนผสมของ Citrus Bioflavonoid พืชตระกูลส้ม ที่เสริมประสิทธิภาพการไหลเวียนโลหิต แนะนำให้รับประทานวันละ 1-4 เม็ด

ลูกป่วยง่าย ภูมิคุ้มกันต่ำ วิตามินซี

4.PATAR Ascorbic Acid

วิตามินซีชนิดเม็ด  ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานและป้องกันโรคกระดูกพรุน  1 เม็ดมีวิตามินซี 50 มิลลิกรัม สามารถทานได้ทั้งแบบเคี้ยวและอมโดยไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำตาม ทำให้สามารถทานได้เรื่อย ๆ ตามปริมาณที่เหมาะสม

ลูกป่วยง่าย ภูมิคุ้มกันต่ำ วิตามินซี

5.Mamarine Kids Bio C Plus Multivitamin

วิตามินซีชนิดน้ำ มี Beta-Glucan ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ป้องกันไข้หวัดและภูมิแพ้ ช่วยต้านไข้หวัดและเสริมภูมิคุ้มกันในเด็ก วิธีรับประทานแบ่งตามน้ำหนักของเด็กคือ น้ำหนัก 7-9 กก. รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชา วันละ 1 ครั้ง, 10-14 กก. ครั้งละ 2 ช้อนชา วันละ 1 ครั้ง 15 กก. ขึ้นไป รับประทานครั้งละ 3 ช้อนชา วันละ 1 ครั้ง


ติดตามข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับแม่และเด็กได้ที่ Facebook Amarin Baby & Kids

DHA ยี่ห้อไหนดี

DHA ยี่ห้อไหนดี บำรุงสายตาและสมอง เสริมพัฒนาการเรียนรู้จดจำ

account_circle
event
DHA ยี่ห้อไหนดี
DHA ยี่ห้อไหนดี

ลูกน้อยที่อยู่ในวัยเรียนต้องใช้สายตาและสมองกันเยอะมาก คุณแม่จึงต้องการตัวช่วยอย่าง DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นในกลุ่มโอเมก้า 3 ที่มีความสำคัญต่อพัฒนาการของสมองและสายตา เสริมพัฒนาการเรียนรู้จดจำให้กับลูกน้อย แต่จะเลือกอย่างไรให้ได้ประโยชน์เต็มๆ เม็ด

ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ขอรีวิว DHA แบรนด์ NBL DHA Algae Oil ซึ่งได้รับรางวัล Editor’s Choice จาก  Amarin Baby & Kids Awards ถึง 3  ปีซ้อน โดยในปีนี้ได้รับรางวัลในสาขา KIDS PELLETS DIETARY SUPPLEMENT ,มาดูกันหน่อยว่ามีดีอย่างไร

NBL DHA Algae Oil (เอ็นบีแเอล ดีเอชเอ อัลเก้ ออยล์) คือ น้ำมันสกัดจากสาหร่าย ในรูปแบบแคปซูลซอฟท์เจลสีเหลืองใสรูปปลา ช่วยในเรื่อง บำรุงสมอง บำรุงสายตา ช่วยให้เจริญอาหาร ระบบโลหิตไหลเวียนได้ดี บำรุงเซลล์ประสาท ช่วยเพิ่มจุดต่อเซลล์สมอง เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้ที่ดี เสริมการเรียนรู้จดจำ

DHA ยี่ห้อไหนดี

น้ำมันสาหร่ายดียังไง?

คุณแม่สมัยก่อนนิยมให้ลูกทานน้ำมันตับปลา และเชื่อว่าน้ำมันตับปลาดีที่สุด แต่ในปัจจุบันพบว่า ปลามีปรอทและโลหะ ส่วนสาหร่ายโตในน้ำจากแสงและน้ำ จึงมีความบริสุทธิ์มากกว่า ดังนั้น DHA จากน้ำมันสาหร่ายจึงเป็นทางเลือกใหม่ของคุณแม่ยุคใหม่ โดย NBL DHA Algae Oil เป็นดีเอชเอจากสาหร่ายเข้มข้น 470 mg ที่มี DHA มากถึง 188 มก.

Amarin Baby & Kids ยกให้  NBL DHA Algae Oil เป็นผลิตภัณฑ์เสริมโภชนาการเด็กชนิดเม็ด ที่ได้รับรางวัล EDITOR’S CHOICE สาขา KIDS PELLETS DIETARY SUPPLEMENT AWARD จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

NBL DHA Algae Oil เป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ผ่านการรับรองมาตรฐาน CPP มาตรฐานการผลิตจากประเทศออสเตรเลีย ทั้งยังได้รับการจดทะเบียนจาก 3 หน่วยงาน มีทั้งอย.ไทย และออสเตรเลีย อีกทั้งยังเป็นเจ้าแรกที่ได้การรับรองจาก WHO

  •  องค์การอนามัยโลก 21/0240
  •  รัฐบาลออสเตรเลีย 384828
  • เลขที่ อย. 10-3-36959-5-0112

DHA ยี่ห้อไหนดี

กินง่าย ไม่เหม็นคาว

จุดเด่นที่ทำให้ NBL ครองตลาด และได้รับความนิยมจากคุณแม่เลือกซื้อให้ลูกน้อย อยู่ที่เม็ดซอฟท์เจลสีเหลืองใสรูปปลาน่ารัก ดึงดูดใจเด็กๆ และที่สำคัญ กินง่าย กลิ่นเลมอน ไม่เหม็นคาว ถูกใจเด็กๆ ซึ่งแนะนำสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปค่ะ

และไม่ใช่แค่เด็กๆ เท่านั้นที่ชอบ จากที่ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ได้คัดสรรและทดลองชิมก็มีความเห็นว่า กินง่าย มีกลิ่นเลมอนอ่อนๆ ไม่คาวค่ะ

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ทางเว็บไซต์ Amarin Baby & จึงคัดเลือกให้ NBL DHA Algae Oil ได้รับรางวัล KIDS PELLETS DIETARY SUPPLEMENT AWARD  สาขา Editor’s Choice จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023” ซึ่งมอบให้กับสินค้าแม่ลูก “สินค้าคุณภาพดี มีประโยชน์ ใช้งานได้จริง”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดีๆ ของ NBL DHA Algae Oil  สามารถติดตามได้ที่

Facebook  NBL Kids 

Facebook  Nubolic

Instagram Nubolic 

TIKTOK    Nubolic 

อ่านบทความน่าสนใจอื่น ๆ ที่

ประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2023

ประกาศรางวัล Amarin Baby & Kids Awards 2023 หมวดผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มสำหรับเด็ก

 

Propolizkid_โพรโพลิซคิด_เด็กเจ็บคอ_เด็กไอ_ลูกป่วย_สเปรย์พ่นคอเด็ก

อากาศเปลี่ยนแปลง เด็กเจ็บคอ เด็กไอ พ่อแม่ต้องดูแลอย่างไรให้ถูกวิธี

event
Propolizkid_โพรโพลิซคิด_เด็กเจ็บคอ_เด็กไอ_ลูกป่วย_สเปรย์พ่นคอเด็ก
Propolizkid_โพรโพลิซคิด_เด็กเจ็บคอ_เด็กไอ_ลูกป่วย_สเปรย์พ่นคอเด็ก

“อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย” สาเหตุสำคัญที่ทำให้ เด็กเจ็บคอ เด็กไอ มีเสมหะ

คุณพ่อคุณแม่สังเกตกันไหมว่าในช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูจากหน้าฝนเป็นหน้าหนาวแบบนี้ ลูกของเราจะเริ่มเปลี่ยนจากเด็กที่ร่าเริงสดใส ช่างพูด ช่างเจรจา กลายเป็น เด็กเจ็บคอ เด็กไอ มีเสมหะ บางคนมีอาการมากกว่านั้นก็คือ ทั้งจาม  และเป็นไข้ ซึ่งอาการต่าง ๆ เหล่านี้เกิดจากการที่อากาศนั้นเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ร่างกายปรับตัวไม่ทัน ประกอบกับอากาศที่เย็นขึ้นและมีลมแรงนั้นก็ยังเอื้ออำนวยให้เชื้อไวรัสอยู่รอดได้ดีและแพร่กระจายได้ไกลกว่าเดิมมากอีกด้วย

Propolizkid โพรโพลิซคิด เด็กเจ็บคอ เด็กไอ ลูกป่วย สเปรย์พ่นคอเด็ก

เด็กเจ็บคอ เด็กไอ และมีเสมหะเรื้อรัง ส่งผลกระทบมากกว่าที่คิด

            ถ้าลูกบ้านไหนเป็นเด็กที่มีภูมิต้านทานต่ำหรือป่วยง่าย มีภาวะที่เกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ หรือหอบหืดอยู่แล้ว ก็จะยิ่งได้รับผลกระทบจากอากาศเปลี่ยนแปลงเข้าไปกันใหญ่ เพราะว่าจะมีโอกาสทำให้ลูกของเรามีอาการไอ เจ็บคอ และมีเสมหะเรื้อรัง ซึ่งอาการ “ไอเรื้อรังในเด็ก” ถือว่าค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตโดยตรง ทั้งเรื่องการเจ็บป่วย เรื่องการไอในช่วงกลางคืนที่จะเบียดเบียนการพักผ่อนทั้งตัวเด็กเองและคุณพ่อคุณแม่ ที่มีความวิตกกังวลเพราะเป็นห่วงลูกว่าร่างกายมีความผิดปกติหรือไม่

Propolizkid โพรโพลิซคิด เด็กเจ็บคอ เด็กไอ ลูกป่วย สเปรย์พ่นคอเด็ก

วิธีดูแลและป้องกันไม่ให้ลูกป่วย ช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย

สำหรับวิธีดูแลเด็ก ๆ ในภาวะที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยเพื่อไม่ให้เกิดอาการเจ็บป่วย ไอ จาม
หรือมีเสมหะเรื้อรังในเบื้องต้น สามารถทำได้หลายวิธี โดยเริ่มจาก

  • หลีกเลี่ยงไม่ให้เจอกับอากาศเย็น เช่น การนอนเปิดพัดลมจ่อโดยตรง
  • หากนอนในห้องแอร์ควรปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม ที่ประมาณ 25-27 องศาเซลเซียส
  • เลี่ยงการดื่มน้ำเย็นและทดแทนด้วยการดื่มน้ำอุณหภูมิปกติ หรือน้ำอุ่น
  • งดอาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการไอ เช่น เครื่องดื่มเย็น อาหารมัน อาหารที่มีความกรอบและแห้ง
  • งดกิจกรรมที่จะส่งผลให้เกิดการไอ เช่น การพูดเสียงดัง การตะโกน
  • กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกาย และพักผ่อนอย่างเหมาะสม
  • ดูแลความสะอาดและสภาพแวดล้อมของบ้าน ให้บ้านสะอาดและอากาศถ่ายเทได้สะดวก

Propolizkid โพรโพลิซคิด เด็กเจ็บคอ เด็กไอ ลูกป่วย สเปรย์พ่นคอเด็ก

 

วิธีเบาทรรอาการ ไอ เจ็บคอ และมีเสมหะ เมื่อลูกป่วย

            แม้ว่าเราจะพยายามดูแลและหาวิธีป้องกันไม่ให้ลูกป่วยในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงได้ดีแค่ไหน แต่ลูกของเราก็มีโอกาสป่วยได้เช่นกัน เพราะว่ายังมีบางช่วงเวลาที่เราไม่สามารถดูแลลูกได้ด้วยตัวเอง เช่นในช่วงที่ลูกไปโรงเรียน และอาจจะได้รับเชื้อไวรัสมาจากการเล่น การสัมผัสตัวกับเพื่อน ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคยอดฮิตอย่างไข้หวัด หรือโรคที่มีความอันตรายอย่างมือเท้าปาก ดังนั้นเราลองมาดูวิธีบรรเทาอาการเมื่อลูกไอ เจ็บ คอ และมีเสมหะกันเถอะ

  •  เพิ่มปริมาณการดื่มน้ำหรือนมอุ่น ๆ เพื่อลดการระคายคอ
  • ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ เพื่อช่วยในการขับน้ำมูก เสมหะออกมา และลดอาการบวมบริเวณทางเดินหายใจ
    (ในกรณีที่เป็นเด็กเล็กอาจใช้วิธีดูดน้ำมูก ด้วยลูกยางดูดน้ำมูกสำหรับเด็ก)
  • รักษาระดับความชื้นในบ้านให้เหมาะสม
  • ปรับระดับหมอนให้สูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อช่วยบรรเทาอาการไอ และหายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น
  • ให้ทานยาแก้ไอ ละลายเสมหะ โดยต้องปรึกษาแพทย์และเภสัชกร

Propolizkid โพรโพลิซคิด เด็กเจ็บคอ เด็กไอ ลูกป่วย สเปรย์พ่นคอเด็ก

สเปรย์พ่นคอสำหรับเด็ก อีกหนึ่งวิธีบรรเทาอาการเจ็บคอที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน

นอกจากวิธีต่าง ๆ ในข้างต้นแล้ว ในปัจจุบันก็ยังมีการใช้สเปรย์พ่นคอสำหรับเด็กเพื่อช่วยบรรเทาอาการไอ เจ็บคอ ช่วยฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียในช่องปากและลำคออีกด้วย ลองมาดูกันเถอะว่ามีตัวไหนที่่น่าสนใจบ้าง

Propolizkid โพรโพลิซคิด เด็กเจ็บคอ เด็กไอ ลูกป่วย สเปรย์พ่นคอเด็ก

1. Propoliz Kid Mouth Spray

สเปรย์พ่นคอเด็ก ที่ช่วยให้ชุ่มคอ บรรเทาอาการเจ็บคอ ระคายคอ บรรเทาแผนร้อนในและแผลจากโรคมือเท้าปาก มีสารสกัดจากสแตนดาร์ดไดซ์โพรโพลิส ที่คิดค้นมาเพื่อเด็ก และสารสกัดจากลิโคไรซ์ ซึ่งช่วยฆ่าเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียในช่องปากและลำคอ ผสมซิงค์ แลคเตท ที่ช่วยสมานแผลในช่องปาก ปราศจากน้ำตาลและแอลกอฮอล์ แต่ก็มีความหอมหวานและทานง่าย เนื่องจากผสมน้ำผึ้ง ผ่านการตรวจสอบโลหะหนัก ปราศจากยาฆ่าแมลงและเชื้อปนเปือน เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป ไม่เพียงบรรเทาอาการเจ็บคอ ไอ แผลในปาก แต่ยังช่วยสร้างภูมิกันให้เด็ก ๆ อีกด้วย จึงสามารถพ่นได้บ่อยตามต้องการ แม้ไม่มีอาการ

เด็กเจ็บคอ เด็กไอ ลูกป่วย สเปรย์พ่นคอเด็ก2. I-Kids Mouthspray for Kids

สเปรย์เพื่อช่องปากและลำคอสำหรับเด็ก รสส้ม ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและสดชื่นในช่องปาก ลดการสะสมของแบคทีเรีย ลดการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการไอและเจ็บคอ ปราศจากแอลกอฮอล์และน้ำตาล เหมาะสำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป

เด็กเจ็บคอ เด็กไอ ลูกป่วย สเปรย์พ่นคอเด็ก3. Mckrime Mouth Spray for kids

สเปรย์พ่นช่องปากและลำคอสำหรับเด็ก รสส้ม ที่สามารถช่วยเบาทรรอาการไอและเจ็บคอ สารสกัดจากดอกคาร์โมมายด์และเปปเปอร์มินท์ ที่ช่วยลดอาการอักเสบ ใช้สำหรับพ่นใส่ช่องปากรอบละ 1-2 ครั้ง วันละ 3 รอบ เหมาะสำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป

สำหรับวิธีบรรเทาอาการไอ เจ็บคอ และมีเสมหะของเด็ก ขอแนะนำว่าคุณพ่อคุณแม่สามารถทำตามวิธีดังกล่าวในเบื้องต้นเท่านั้น แต่ถ้าหากมีอาการไอเรื้อรังเกิน 3 สัปดาห์ ทางที่ดีควรพาลูกไปหาหมอเพื่อเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดและตรงจุด

นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก

รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก “รสจืด” จัดเต็มสารอาหาร เพื่อวัยเรียนรู้

event
นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก
นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก

ต้องบอกว่าเป็นแม่ยุคนี้ มีตัวเลือกช่วยให้การเลี้ยงลูกง่ายขึ้นเยอะค่ะ โดยเฉพาะกับลูกที่อยู่ในวัยเรียน ตั้งแต่ 1 ขวบขึ้นไป ซึ่งถือเป็นช่วงวัยทองของการเรียนรู้ ทำให้คุณแม่ยิ่งต้องหาสารอาหารที่ดีและมีประโยชน์มาบำรุงร่างกาย และสมองของลูก ทีมแม่ ABK มีตัวช่วยเครื่องดื่มที่ถือเป็นอัศวินตลอดกาล ช่วยให้เด็ก ๆ เรียนไม่มีสะดุด พร้อมเล่นสนุกกับทุกกิจกรรม นั่นก็คือ นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก วันนี้เราจะมารีวิวกันว่ามียี่ห้อไหนบ้างที่ราคาสบายกระเป๋า ดื่มแล้วดีกับเด็กในวัยกำลังเรียนรู้ค่ะ

นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก คุณแม่ควรเลือกแบบไหนให้ลูกดื่ม

แนะนำว่าคุณแม่ควรเลือก นมกล่องUHTสำหรับเด็ก รสจืด เป็นนมกล่องแรก นอกจากนี้ให้ดูสารอาหารที่เติมลงไปในนมค่ะ อย่างเด็กที่อยู่ในวัยกำลังเรียนรู้ในช่วงวัย 1 ขวบขึ้นไป เพื่อให้ลูกได้สนุกเรียน สนุกเล่นอย่างเต็มที่ทั้งในห้องเรียน และนอกห้องเรียน ให้เน้นสารอาหารจำพวก โอเมก้า 369 , สฟิงโกไมอีลิน ,  วิตามินบี 12และ DHA  เป็นต้น สารอาหารกลุ่มนี้จะช่วยกระตุ้นส่งเสริมให้เด็ก ๆ มีสมองการเรียนรู้ จดจำได้อย่างแม่นยำ รวมถึงใยอาหารด้วยนะคะ ใยอาหารจะช่วยให้ระบบขับถ่ายมีสุขภาพดี

ทีมแม่ ABK ไปหาข้อมูลมาค่ะ ว่ามีใยอาหารที่เรียกว่า PDX (Polydextrose) พีดีเอ็กซ์  ซึ่งเป็นใยอาหารชนิดหนึ่งที่มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบทางเดินอาหารและการทำงานของแบคทีเรียดีในลำไส้ คุณแม่โน้ตไว้เลยค่ะว่า สุขภาพลำไส้ที่ดี ยิ่งช่วยให้ลูกมีสุขภาพดี

นมกล่องเด็ก UHT นมรสจืด ที่ควรมีติดบ้าน ติดตู้เย็นไว้ให้ลูกดื่มกันทุกวัน ทีมแม่ ABK เลือกมาให้ 6 ยี่ห้อ เหมาะกับลูกที่อยู่ในวัยเรียน อัดแน่นเต็มไปด้วยสารอาหารบำรุงร่างกาย และสมอง นั่นก็คือ Foremost Omega 369 , Dumex Dugro , Nestle Carnation , S-26 Omega+ , Bear Brand และ THAI-DENMARK

ถ้าคุณแม่พร้อมแล้ว เรามาเช็กสารอาหารใน นมกล่อง UHTสำหรับเด็ก รสจืด ไปด้วยกันค่ะ

นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก

นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก

สำหรับคุณแม่ ๆ ที่หลังไมค์มาขอคำแนะนำกับทีมแม่ ABK ช่วยชี้เป้านม UHT ให้หน่อย วันนี้จัดเต็มมาให้ 6 ยี่ห้อ ไม่แน่ใจว่าตัดสินใจล็อกเป้ากล่องไหนกันไว้บ้างคะ ถ้าถามทีมแม่ ABK นมกล่อง UHT ที่เลือกมาทุกยี่ห้อนี้ เด็ก ๆ ดื่มแล้วได้ประโยชน์ดีต่อร่างกายและสมองแน่นอนค่ะ แต่หากจะให้ช่วยเลือก ขอปักหมุดไปที่ Foremost Omega 369 คุณแม่บ้านไหนที่อยากได้สารอาหารสมองแบบจัดเต็ม มีสฟิงโกไมอีลิน และวิตามินบี 12 ที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาระบบประสาทและสมองถึง 40% รวมไปถึงสารอาหารที่หลากหลาย นม Foremost Omega 369 กล่องสีส้มนี้ตอบโจทย์ความต้องการของคุณแม่เลยค่ะ

นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก

นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก

นมกล่องUHT สำหรับเด็ก ทั้ง 6 ยี่ห้อนี้ นอกจากจะมีสารอาหารที่ดีต่อร่างกายและสมองของเด็ก ๆ อัดแน่นให้เต็มกล่อง ขอบอกว่าราคาก็ดีสบายกระเป๋าคุณแม่ด้วยนะคะ มาค่ะคุณแม่ มาเริ่มต้นทุกวันของลูกด้วยการเสริมให้ดื่มนมกล่อง UHT รสจืดแสนอร่อยกันนะคะ

คุณแม่เลือกนมที่เหมาะกับลูกวัยขวบ ช่วยกระตุ้นพัฒนาการการเจริญเติบโตให้สมวัย และมีพัฒนาการสมองการเรียนรู้ที่เต็มศักยภาพ ลูกจะเก่งเรียน สนุกเล่นทำได้ทุกกิจกรรมตลอด 365 วันค่ะ

 

ติดตามบทความแม่และเด็ก และสาระดีๆ ได้ที่

Facebook: AmarinBabyAndKids

โรงเรียนสาธิตพัฒนา กับหลักสูตรฟินแลนด์ มุ่งเน้นพัฒนาเด็กในช่วง 7 ปีแรก

event

โรงเรียนสาธิตพัฒนา

“Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success.” – Herman Cain

“ความสำเร็จไม่ใช่กุญแจสู่ความสุข แต่ความสุขคือกุญแจสู่ความสำเร็จ”

 

โลกกลายเป็น “สังคมความรู้” ความรู้ใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวันและเราสามารถรับความรู้ได้จากหลายช่องทางอย่างรวดเร็ว คนท่องเก่ง เรียนเก่ง จำเก่ง ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดอีกแล้ว แต่คนที่พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ คือคนที่สังคมโลกต้องการ ความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติ และเมื่อมันเกิดขึ้นเราจึงต้องปรับตัวเอง เปลี่ยนวิธีการคิด เพื่อให้การดำเนินชีวิตของเราสอดคล้องไปกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่ไม่ว่าโลกจะเข้าสู่ยุคสมัยใด โลกยังต้องการคนคิดดี พูดดี และทำดี เพราะความดีไม่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย… และนั่นคือวิสัยทัศน์ที่เกิดขึ้นจริงของที่นี่ School Visit “โรงเรียนสาธิตพัฒนา”

โรงเรียนสาธิตพัฒนา เชื่อว่าเด็กๆแต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความสามารถ ความสนใจ และรูปแบบการเรียนรู้เป็นของตัวเอง แนวทางการศึกษาที่เน้นวิชาการและการท่องจำเพียงอย่างเดียวไม่ได้เหมาะกับทุกคน และบ่อยครั้งก็ไม่ได้ดึงสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของเด็กๆออกมา จึงให้ความสำคัญกับการตระหนักรู้และดูแลความเป็นปัจเจกบุคคลของเด็กๆแต่ละคน ช่วยให้พวกเขาสามารถสำรวจความสนใจและพัฒนาทักษะของตนควบคู่ไปกับความรู้ทางวิชาการ และทางโรงเรียนก็พยายามหาแนวทางพัฒนาการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับโรงเรียนและเด็กๆอยู่เสมอ

บรรยากาศทางเข้าโรงเรียน

กิจกรรมกลางแจ้ง

กิจกรรม ปลูกและเกี่ยวข้าวของพี่ ป.4 ที่มีปีละครั้ง

 

หลักสูตรแกนกลางการศึกษา /HEI / CAMBRIDGE

ระดับชั้นอนุบาล

หลักสูตรประถมวัยจากประเทศฟินแลนด์รูปแบบ HEI Schools Teacher Toolkits ควบคู่กับหลักสูตรปัจจุบัน

มุ่งเน้นพัฒนาเด็กในช่วง 7 ปีแรก เป็นการศึกษาแบบองค์รวม เพื่อให้เด็กๆมีสุขภาพที่แข็งแรง ผ่านการเล่นและเคลื่อนไหว โภชนาการที่เหมาะสม สร้างลักษณะนิสัยแนวความคิดที่เป็นเชิงบวก ปลูกฝังให้เด็กรักที่จะเรียนรู้ตลอดชีวิต

เน้นภาษาต่างประเทศมากขึ้น แทรกภาษาอังกฤษเข้าไปในหลักสูตร เด็กๆ จะพัฒนาได้รอบด้าน รับ 2 ภาษาได้อย่างกลมกลืน

 

ระดับประถมศึกษา

เป็นการเรียนรู้แบบองค์รวมผสมผสาน ทางโรงเรียนได้พัฒนาหลักสูตรโดยใช้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ และ Cambridge Assessment International Education

จุดมุ่งหมายคือ เด็กทุกคนต้องได้รับโอกาสในการเรียนรู้ The Best of Both Worlds “ดึงสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งสองหลักสูตร มาผสมผสานให้ลงตัว”

เพื่อบูรณาการทักษะชีวิตและสมรรถนะในการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21

ชั้นเรียนรูปแบบ HEI

บรรยากาศห้องเรียนชั้นเรียนประถม

 

Self-Directed Learning เรียนรู้แบบนำ “ตัวเอง”

Self-Directed Learning คือ การเรียนรู้แบบนำตนเอง เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ผู้เรียน วางแผน ปฏิบัติ และประเมินผลความก้าวหน้าของการเรียนด้วยตนเอง มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าไม่ได้อยู่ในห้องเรียน ถือเป็นแนวคิดที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life-long learning) ซึ่งเหมาะสมอย่างมากสำหรับการเตรียมพร้อมสู่โลกอนาคต

และรู้จักที่จะนำความรู้ที่มีอยู่รอบตัวมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด

น้องอนุบาลและพี่ประถมกำลังนำตนเองทำกิจกรรม

 

Project-Based Learning

เป็นกิจกรรมบูรณาการความรู้ที่สำคัญ ส่งเสริมให้นักเรียนทำงานร่วมกับผู้อื่นและเรียนรู้จากการลงมือทำจนกว่าจะได้คำตอบในสิ่งที่นักเรียนอยากรู้ – โรงเรียนสาธิตพัฒนาใช้หลักสูตร STEAM (Science, Technology, English, Arts, Mathematics) การเรียนรู้ที่นักเรียนเป็นผู้ค้นคว้าและฝึกฝนโดยคุณครูเป็นผู้คอยให้ความช่วยเหลือ เด็กๆจะเรียนรู้ศักยภาพของตนเองและเป็นผู้นำตนเองในการเรียนรู้ (Self-Directed) หัวข้อที่ดีต้องเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงเพื่อเด็กๆจะได้รู้สึก อิน ในฐานะผู้ศึกษาและผู้แก้ปัญหา เด็กๆจะพัฒนาทักษะรอบด้าน ทั้งการสื่อสาร การทำงานเป็นกลุ่ม การวิเคราะห์ และการสังเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาจากรูปธรรมถึงนามธรรมให้กลายเป็นระบบความรู้ของตัวเองส่งเสริมให้เด็กๆคิดอย่างสร้างสรรค์ แก้ปัญหา คิดอย่างมีวิจารณญาณ และรับผิดชอบต่อความสำเร็จของกลุ่ม เหล่านี้เป็นทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21

School Activities ที่สุดแห่งความสร้างสรรค์

กิจกรรมเดี่ยวและกลุ่ม ช่วยให้เด็กๆเรียนรู้วิธีสื่อสารกับเพื่อนของตัวเอง โดยการเรียนรู้ร่วมกันเป็นกลุ่มนั้น เด็ก ๆ จะได้พัฒนาทักษะชีวิตที่สำคัญ เช่น สร้างความมั่นใจในตนเอง เรียนรู้ความเป็นผู้นำและผู้ตาม การเป็นผู้พูดและผู้ฟัง และแน่นอนพื้นที่ในการสร้างความคิดสร้างสรรค์ ได้เรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ฝึกวางแผน ตัดสินใจ ลงมือกระทำ และนำเสนอความคิดโดยผู้สอนเป็นผู้สนับสนุนอำนวยความสะดวก และเรียนรู้ร่วมกับเด็ก ช่วยส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีและทักษะการใช้ชีวิตประจำวัน สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม และการมีวินัย ให้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่

สาระการเรียนรู้รายวิชาต่างๆ คุณครูผู้สอนจะเป็นผู้คิด Concept โดยวิชาต่างๆไม่ใช่แค่การเรียนรู้และเปิดประสบการณ์ในชั้นเรียนเท่านั้น แต่จะเป็นทักษะที่เด็กๆนำไปต่อยอดใช้ในชีวิตประจำวันหรือในสถานการณ์ต่างๆได้

ตัวอย่าง ของตัวอย่างกิจกรรม ได้แก่

ชั้นปฐมวัย (อนุบาล)

รูปแบบการเรียนภาษาอังกฤษผ่านกิจกรรม Fun Arts, Fun Story, Conversations, Phonics – เพื่อสร้างทัศนคติที่ดีต่อการเรียนในอนาคต ไม่เร่งเรียนตั้งแต่เล็ก

วิชาว่าด้วยการต่อเลโก้ (Brics) ช่วยพัฒนาเรื่องสังคม สะท้อนการแก้ไขปัญหา

ดนตรี ORFF – ไม่เน้นการร้อง แต่ส่งเสริมพัฒนาการผ่านการบูรณาการวิชาต่างๆเข้าไป

 

ชั้นประถมศึกษา

Plearn Day กิจกรรม 1 วันที่เด็กๆจะได้เรียนรู้ทุกอย่าง ทุกศาสตร์ ทุก Concept ในหน่วยการเรียน

ตลาดนัดวิชา หรือ Job Fair – เป็นการเรียนเชิงทักษะ ไม่ใช่วิชาการ

พี่ๆชั้นประถมได้ร่วมทำ workshop กับผู้ปกครองและบุคคลภายนอก จำนวน 32 อาชีพ เพื่อสร้างประสบการณ์ รู้จักอาชีพต่างๆ สร้างแรงบันดาลใจ

วิชาเลือกเสรีที่หลากหลายในแต่สาระ – ในแต่ละวิชามีการแตกแขนงเป็นวิชาย่อยๆลงไปอีก เด็กๆสามารถเลือกเรียนได้ตามที่สนใจจริงๆ

s swim – เป็นการเรียนว่ายน้ำเพื่อทักษะในการเอาตัวรอดหรือเพื่อช่วยเหลือ

ผลงานศิลปะของเด็กๆ

การเล่านิทานในชั้นเรียนภาษาอังกฤษ

เพ้นท์หน้ารูปสัตว์ในกิจกรรม Plearn Day ที่จะเป็นการสรุปหน่วยการเรียนรู้เรื่องสัตว์ประจำเดือนพฤศจิกายน

 

After Learning Feedback + 3-Way Conference

หัวใจสำคัญของแนวทางการศึกษาของสาธิตพัฒนา คือ ความสำคัญของความคิดเห็นของเด็กๆ

เพราะหากไม่มีเด็กๆ สถานศึกษาก็จะไม่เกิดขึ้น และเสียงของเด็กๆสำคัญ เด็กๆสามารถ “ติชม” สิ่งที่เด็กๆเรียนรู้ได้ว่า ชอบ หรือ ไม่ชอบ อย่างไร และเด็กๆ สามารถเสนอหัวข้อที่อยากเรียนได้ ที่นี่ความสัมพันธ์บ้านและโรงเรียนฉีกทุกกฎ เมื่อเด็กๆได้รับโอกาสมาร่วมประชุมและเป็นผู้นำในการประชุม เพราะเสียงของเด็กๆมีความสำคัญที่สุด (ศูนย์กลางที่แท้จริงของการประชุม)

เด็กๆเป็นผู้นำประชุม ครู – ผู้ปกครอง หรือที่เรียกว่า 3-Way-Conference เป็นการนำเสนอผลงานที่เด็กภูมิใจด้วยตัวเอง เผยมุมมองและแบ่งปันประสบการณ์ในมิติที่แตกต่างกันออกไปให้ผู้ปกครองและคุณครูเห็น สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการของเด็กๆได้อย่างชัดเจน

 

ระบบบ้านช่วยสร้างลักษณะอันพึงประสงค์

นอกจากกิจกรรมและทักษะทางด้านวิชาการ House System เป็นระบบบ้านที่ใช้เพื่อสร้างลักษณะอันพึงประสงค์ให้แก่เด็กๆ

เพื่อสนับสนุนความสามัคคีพี่น้อง เป็นการปลูกฝัง เห็นคุณค่าในการทำความดี เห็นคุณค่าในตัวเอง

สร้างทัศนคติที่ดีต่อการแข่งขันทำกิจกรรมต่างๆ และกระตุ้นให้เด็กๆทุกคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียน

กิจกรรมแบบเดี่ยวและแบบทีม

กิจกรรมด้านดนตรี กีฬา การแข่งขันทางวิชาการ

กิจกรรมจิตอาสาทำความดี

ทุกวันศุกร์ คุณครูช่วยสนับสนุนให้เด็กๆในแต่ละบ้านรวมตัวกันประชุม สะท้อนค่านิยมและกิจกรรมบ้าน 4 หลัง ได้แก่ บ้านพสุธา บ้านธารา บ้านอรุณา บ้านพฤกษา คละนักเรียนทุกระดับชั้น

น้องๆชั้นอนุบาลแต่ละห้องจะมีกิจกรรมรักษ์โลก “อิ่มพอดี” ห้องไหนทานอาหารเหลือน้อยที่สุด (ชั่งน้ำหนักเศษอาหาร รวมกิโลกรัมต่อเดือน) ห้องนั้นจะได้รับรางวัล เป็นการสร้างคุณลักษณะที่ดีอย่างสร้างสรรค์

 

คุณภาพของบุคลากร

คณาจารย์ที่โรงเรียนสาธิตพัฒนาไม่เพียงแต่เป็นนักการศึกษาเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ปรึกษาที่ทุ่มเทในการสนับสนุนและชี้แนะเด็กๆทั้งทางด้านบุคคล อารมณ์ และสังคม คุณครูของเรามีความกระตือรือร้นในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เด็กๆทุกคนมีตัวตนและมีคุณค่า

คุณครูมีความมุ่งมั่นที่จะทำความเข้าใจเอกลักษณ์ของเด็กๆแต่ละคน และทำงานร่วมกับพวกเขาเพื่อช่วยให้พวกเขาบรรลุศักยภาพสูงสุด คณาจารย์ของสาธิตพัฒนาเปิดรับความคิดเห็นของเด็กๆและแสวงหาวิธีปรับปรุงวิธีการสอนและในชั้นเรียนอย่างต่อเนื่อง

 

คุณครูระดับอนุบาลและระดับประถม

นักจิตวิทยา

นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังเข้าใจถึงความสำคัญของความเป็นอยู่ที่ดีทางจิตและความฉลาดทางอารมณ์ในการพัฒนาโดยรวมของเด็กๆ นักจิตวิทยาเป็นผู้ ซัพพอร์ทคุณครูประจำชั้นให้คำปรึกษาที่ครอบคลุม ช่วยให้คุณครูส่งเสริมศักยภาพของเด็กๆได้ตามพัฒนาการของแต่ละคน ส่งเสริมสุขภาพจิตเชิงบวกและความเป็นอยู่ที่ดีทางอารมณ์

การเรียนไม่จำเป็นต้องนั่งเรียนที่โต๊ะเรียนเสมอไป

ห้องสมุดของเด็กเล็ก

ดร.กาญจน์วรินทร์ ผลอนันต์ – ผู้อำนวยการโรงเรียน

 

 

Mommy Love this

  1. มี Freeplay ทุกวัน สำหรับเด็กเล็ก และ วิชาเลือกเสรีสำหรับพี่ๆชั้นประถม
  2. บรรยากาศที่ใช่ คือ บรรยากาศที่ส่งเสริมความอยากมาโรงเรียน เพราะสนุก!
  3. เวทีให้เด็กๆแสดงความภาคภูมิใจ ใน 3-Way-Conference เด็กๆคือผู้นำในการประชุม ครูและผู้ปกครอง
  4. เด็กๆ ได้รับการสนับสนุนให้แสดงความคิดเห็นว่า ชอบเรียน หรือ ไม่ชอบเรียนอะไร โรงเรียนจะนำ Feedback มาพัฒนาปรับปรุงต่อไป
  5. ลูกๆสามารถ Feedback ความรู้สึก ทั้งต่อการเรียน กิจกรรม และคุณครูได้ ว่าชอบอย่างไร ไม่ชอบยังไง

โรงเรียนสาธิตพัฒนาไม่ได้วัดจากความสำเร็จทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังวัดจากการเติบโตและความสามารถส่วนบุคคลของเด็กๆด้วย

 

อัตราค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ปีการศึกษา 2567

เตรียมอนุบาล – อนุบาล3

รวมจำนวนเงินที่ต้องชำระต่อภาคเรียน 85,000 บาท

ประถมศึกษาปีที่ 1-6

รวมจำนวนเงินที่ต้องชำระต่อภาคเรียน 90,000-102,500 บาท

 

ที่อยู่

เลขที่ 380 ถนนปัญญาอินทรา แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร 10510.

โทรศัพท์ 06-2603-9555, 0-2915-5390-2

เว็บไซต์ : https://www.satitpattana.ac.th

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ธนายุต วิลาทัน, วีรวัฒน์ สอนเรียง

 

โรงเรียนเปรมฤทัย ลำลูกกา กับหลักสูตรแบบบูรณาการ เพื่อการเรียนรู้ที่สนุกและมีสาระในเวลาเดียวกัน

event

วันนี้ School Visit จะชวนทุกคนมาเยี่ยมชมหลักสูตรแบบบูรณาการ เพื่อการเรียนรู้ที่ทั้งสนุกและมีสาระในเวลาเดียวกันของ โรงเรียนเปรมฤทัย ลำลูกกา

โรงเรียนเปรมฤทัย ลำลูกกา ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 โดยเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาลจนถึงประถมศึกษา ความสำเร็จจากการก่อตั้งโรงเรียนสาขาแรก โรงเรียนเปรมฤทัย ประตูน้ำพระอินทร์ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำให้โรงเรียนมีความพร้อมและมีความเชี่ยวชาญในทุกๆด้าน การเรียนของที่นี่เน้นสร้างความสุขให้กับเด็กๆ เรียนรู้ควบคู่กันไปเพื่อพัฒนา อารมณ์ สังคม จริยธรรมและวิชาการ ผ่านกิจกรรมที่สนุกสนาน หลักสูตรและกิจกรรมจะมีอะไรบ้าง ตามไปดูกันค่ะ

ทางเข้าหน้าโรงเรียน

โซนเอาต์ดอร์ของโรงเรียนมีทั้งสนามหญ้าและสนามเด็กเล่น

 

ชั้นเตรียมอนุบาล – Learn To Play

เพราะเด็กเล็กอายุ 2-3 ปี นั้นต้องการการเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ ที่โรงเรียนจึงมี “ห้อง Prepare” ซึ่งเป็นห้องสำหรับเด็กเล็กที่เข้ามาเรียนใหม่ เพื่อให้เด็กปรับตัว โดยมีคุณครูคอยดูแลพูดคุยและชวนเล่น เพื่อให้เด็กๆคุ้นชินและปรับตัวก่อนเข้าเรียน สำหรับชั้นเตรียมอนุบาล เน้นเรียนผ่านการเล่น และเสริมสร้างพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน หัดให้เด็กๆได้ช่วยเหลือตนเอง ฝึกกล้ามเนื้อต่างๆ และเข้าสังคม เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ดีและสะอาด เด็กชั้นเตรียมอนุบาลที่นี่จะได้เรียนภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติสัปดาห์ละครั้ง เพื่อฝึกให้คุ้นเคยกับชาวต่างชาติด้วย เพื่อปูพื้นฐานไปยังชั้นอนุบาลและประถม โดยแต่ละห้องจะมีนักเรียนเพียง 25 คน ต่อครู 2-3 ท่าน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ครูสามารถดูแลเด็กๆได้ทั่วถึง

เด็กเตรียมอนุบาลจะมีการจัดกลุ่มเล่นเอาต์ดอร์และอินเดอร์ ประมาณ 10 นาที โดยกิจกรรมจะสลับหมุนเวียนไปในแต่ละสัปดาห์ เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อต่างๆ

 

บรรยากาศการเรียนและกิจกรรมต่างๆของเด็กๆ

เด็กๆชั้นเตรียมอนุบาลได้เรียนกับครูต่างชาติเพื่อสร้างความคุ้นเคย และปูพื้นฐานในการฟัง

 

ชั้นอนุบาล – Learning by doing

สำหรับเด็กอนุบาลจะจัดการเรียนรู้ผ่านการเล่นอย่างมีความสุข เพื่อมุ่งพัฒนาเด็กให้มีพัฒนาการครบทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์ จิตใจ สังคมและด้านสติปัญญา โดยจัดกิจกรรมบูรณาการผ่านการเล่นและการลงมือปฏิบัติเด็กๆทุกคนจะได้ลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเอง เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง และทุกๆภาคเรียนจะเสริมการเรียนการสอนแบบโครงการ (Project Approach)” สำหรับเด็กอนุบาลด้วย โดยให้เด็กๆเลือกหัวข้อที่ตนเองสนใจและหาข้อมูลมาสรุปและจัดนิทรรศการ เด็กนักเรียนทุกคนจะนำเสนอให้เพื่อนๆ คุณครูและผู้ปกครองฟังในวันจัดนิทรรศการ เพื่อฝึกทักษะการคิดและแก้ปัญหาและการทำงานร่วมกับผู้อื่น นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังเสริมการเรียนรู้ Coding แบบง่ายๆเพื่อพัฒนาการทำงานเป็นระบบให้กับเด็กๆอีกด้วย

สำหรับเด็กอนุบาล -ประถม 6 จะมีคลาสเรียนว่ายน้ำ โดยเรียนสัปดาห์ละครั้ง

กิจกรรมอธิฐาน เป็นกิจกรรมที่ใช้แก้วน้ำเป็นสื่อในการทำสมาธิ เด็กจะเดินถือน้ำที่ปริ่มแก้ว เพื่อฝึกสมาธิ เดินอย่างไรไม่ให้น้ำหก และส่งต่อให้เพื่อนๆอย่างระมัดระวัง

เด็กอนุบาลเรียนรู้เรื่องอารมณ์ของตนเอง วันนี้มีอารมณ์อย่างไร

วิชาคณิตศาสตร์ที่แสนสนุก

 

ชั้นประถมศึกษา

การเรียนรู้ของเด็กชั้นประถมยังคงสนุกเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมสาระและเนื้อหาที่จำเป็นกับเด็กๆ และให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษมาก เพราะเป็นประตูใหญ่สู่อนาคต โดยนักเรียน หลักสูตร IEP ( Intensive English Program ) เรียนภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติ 16 ครั้งต่อเดือน และ หลักสูตร GEP ( Gifted English Program ) เรียนภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติ 20 ครั้งต่อเดือน ทำโอกาสให้เด็กใช้ภาษาอังกฤษอยู่เสมอ สำหรับเด็กประถม 6 ที่กำลังเตรียมตัวไปศึกษาต่อชั้นมัธยม ที่โรงเรียนจะจัดกรุ๊ปติวและแนะแนวข้อสอบสำหรับเด็ก ลดกิจกรรมให้น้อยลง เน้นเรียนมากขึ้น เพื่อเสริมทักษะด้านต่างๆ เป็นการเตรียมพร้อมให้กับเด็กๆ

วิชาศิลปะของเด็กประถม ฝึกให้เด็กใช้จินตนาการอย่างเต็มที่

 

STEAM Education

สำหรับเด็กชั้นประถม จะได้เรียน STEAM Education ซึ่งเป็นรูปแบบการจัดการศึกษาที่บูรณาการกลุ่มสาระ และทักษะกระบวนการของทั้ง 5 สาระอันได้แก่ วิทยาศาสตร์ ,เทคโนโลยี, วิศวกรรมศาสตร์ ศิลปะและคณิตศาสตร์ โดยนําลักษณะ

ธรรมชาติของแต่ละสาระวิชาและกระบวนการจัดการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ เสริมทักษะการคิดและแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ และเสริมทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ การคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล เด็กๆจะได้นําความรู้มาประยุกต์ใช้ และหัดแก้ปัญหาแล้ววิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ

ออกแบบและทดลอง สร้างเรือน้อยด้วยดินน้ำมันแล้วทยอยใส่ลูกแก้ว ใช้การคิดคำนวณ การกระจายน้ำหนักของลูกแก้ว ว่าใส่อย่างไรไม่ให้เรือจมน้ำ

 

เรียนสนุกกับผู้เชี่ยวชาญที่รู้จริง

ที่โรงเรียน เปรมฤทัย ลำลูกกา ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญที่รู้จริงหลากหลายขแนง ไม่ว่าจะเป็นทีมครูสอนภาษาอังกฤษกับครูชาวต่างชาติ จาก Fun language ที่ควบคุมมาตรฐานและพัฒนาการสอนสามารถวัดผลได้โดยการสอบ Cambridge Young Learners English Tests (CYLE) ทีมสอนคอมพิวเตอร์และภาษาจีนจาก True Click Life เรียนคอมพิวเตอร์ (1 คน ต่อ 1 เครื่อง) มีโปรแกรมที่ทันสมัย ใช้สื่อการสอนมัลติมีเดียที่กระตุ้นการเรียนรู้ของผู้เรียน พัฒนาระบบการเรียนการสอนยุคใหม่แบบครบวงจร เรียนวิชาวิทยาศาสตร์และทดลองแบบสนุกๆกับสถาบัน Mad Science สนุกกับการเรียนวิทยาศาสตร์ ด้วยการลงมือทดลองจริง อุปกรณ์จริง กับครูผู้มีประสบการณ์การสอนวิทยาศาสตร์โดยตรง

ซึ่งบุคลากรเหล่านี้คือผู้เชี่ยวชาญ ที่มีแนวทางการสอนที่ทันสมัยและมีการพัฒนาอยู่เสมอ

 

การนำไฟฟ้าของแต่ละวัสดุ คลาสเรียนวิทยาศาสตร์ของเด็กประถม สอนโดยทีม Mad Science

 

ความปลอดภัยสูง ผู้ปกครองไร้กังวล

แนวอาคารเรียนเป็นรูปทรงตัวแอล ทำให้ทุกพื้นที่อยู่ในสายตาของคุณครู ไม่มีซอกหลืบที่ดูอันตราย มีสนามหญ้าส่วนกลาง เวลาเกินเหตุฉุกเฉินสามารถรวมพลที่สนามหญ้าได้ ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่นอกโรงเรียน บุคลากรช่วยดูแลทุกจุดของโรงเรียน และมีกล้องวงจรปิดรอบโรงเรียน ส่วนห้องเรียนออกแบบให้มีกระจกใสบานใหญ่ สามารถมองเห็นกันได้และยังส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้เรื่องความปลอดภัยของตนเองอยู่เสมอ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของความปลอดภัย

บรรยากาศโรงอาหาร แสนสะอาด

 

Project Approach Exhibition Days ผู้ปกครองได้มาเข้าชม เพื่อได้เห็นพัฒนาการของเด็กที่แตกต่างกัน

นายรัชเดช เปรม์ฤทัย​ ผู้บริหาร , นางสาวศุภรดา เปรม์ฤทัย​ ผู้บริหาร ,นายวดิษ ดิษยะวงษ์วราง​ รองผู้จัดการ ,นางสาวปุริมปรัชญ​ ไพบูลย์​สุข​ รองผู้อำนวยการ ​

 

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

1.ที่โรงเรียนมีโครงการ Pre ป1 เป็นโครงการที่ทำขึ้นเพื่อช่วยปรับนักเรียนชั้นอนุบาล 3 เทอม 2 เสริมให้เด็กค่อยๆเรียนรู้ เพื่อเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป เปิดใจยอมรับ ช่วยทำให้นักเรียนที่ขึ้นชั้นประถม 1 มีความพร้อมมากขึ้น

2.ที่นี่กฎระเบียบสามารถยืดหยุ่นได้ เพราะโรงเรียนฟังเสียงผู้ปกครองและฟังเสียงเด็กว่าต้องการอะไร ทำให้เด็กและผู้ปกครองมีส่วนร่วมออกความเห็นต่างๆ

3.ทุกๆวันศุกร์ ที่โรงเรียนจะจัด Happy Friday วันใส่ชุดไปรเวท เด็กๆจะได้ใส่ชุดที่ชอบมาโรงเรียน หรือบางสัปดาห์ หากเด็กคนไหนอยากโชว์ความาสามารถก็สามารถมาโชว์ได้ ช่วยให้เด็กรู้สึกสนุกและมีความสุข ในช่วงท้ายสัปดาห์ที่เด็กๆมักจะเหนื่อยล้าจากการเรียน

4.เด็กที่โรงเรียนเปรมฤทัย ลำลูกกา ยิ้มง่ายไหว้สวยและ มีสัมมาคารวะ มีกาลเทศะ อยู่ถูกที่ถูกเวลา เพราะที่โรงเรียน มีการอบรมหน้าเสาธงและมีชั่วโมงโฮมรูมที่เน้นย้ำเรื่องกาลเทศะอยู่เสมอ

 

อัตราค่าเล่าเรียนปี 2567

ชั้นเตรียมอนุบาล

เดือนละ 6,000 บาท ( สมัครเรียนได้ตลอดทั้งปี )

ชั้นอนุบาล

Standard 27,000บาท

IEP 32,500 บาท

ชั้นประถมศึกษา

IEP 27,500บาท

GEP 32,500 บาท

โรงเรียนเปรมฤทัย สาขาลำลูกกา

ที่อยู่ 81 ม.51 ตำบลบึงคำพร้อย อำเภอลำลูกกา

จังหวัดปทุมธานี

โทรศัพท์ 02-987-8844

เว็บไซต์ https://www.premruethai.ac.th/https://www.premruethai.ac.th/

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ : ธนายุต วิลาทัน

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา สร้างโดยครูอนุบาล ให้เด็กๆ เรียนรู้ผ่านการเล่นอย่างมีความสุข ด้วยความรู้จักและเข้าใจเด็กปฐมวัยอย่างแท้จริง

event

เมื่อถึงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องส่งลูกเข้า โรงเรียนอนุบาล สักแห่ง สิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืมคือ ลูกยังคงเป็นเด็กที่ต้องมีพัฒนาการไปตามวัย ดังนั้น การพัฒนาด้านร่างกาย จิตใจ และความรู้ ควรควบคู่ไปด้วยกันอย่างกลมกลืน และค่อยเป็นค่อยไป

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา เป็นโรงเรียนเปิดใหม่ ก่อตั้งขึ้นในปี 2564 โดยครูหมู- ภานุเดช  เรืองกลิ่น และครูวา -ศรีเรือน  เรืองกลิ่น บนพื้นที่ส่วนตัวของทั้งสอง บริหารโดยครูปุ๋ม -สุดธิดา ศรีเพ็ญ ซึ่งทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นครูอนุบาลที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปี จึงรู้จัก และเข้าใจความต้องการของเด็กๆ ที่สามารถเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับการสร้างประสบการณ์ที่ดี และมีทัศนคติที่ดีต่อโรงเรียนด้วย

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
บรรยากาศการเข้าแถวหน้าเสาธงของเด็กๆ

โรงเรียนอนุบาล ใกล้บ้าน อบอุ่นเหมือนบ้านหลังที่สอง

โรงเรียนอนุบาลศรีวิภา ตั้งอยู่บนพื้นที่ตำบลไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี มีตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาล ไปจนถึงอนุบาล 3 จากแนวคิดที่ทางทีมผู้บริหารได้บอกกับกองบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids ว่า อยากให้เด็กๆ ที่มาเรียนที่นี่ จดจำความสุขที่ได้มาโรงเรียน เหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง ได้ใช้เวลากับคุณครูใจดี และเพื่อนๆ ที่น่ารัก เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตอย่างมั่นใจในอนาคต

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
อาคารภายนอก และระเบียงกว้าง ที่ใช้ทำกิจกรรม

 

ตัวโรงเรียนเป็นอาคารชั้นเดียวกว้างๆ แบ่งเป็นห้องเรียนแต่ละห้อง มีระเบียงที่กว้างพอจะทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเข้าแถวเคารพธรงชาติ หรือกิจกรรมอื่นๆ ด้านนอกอาคารมีเครื่องเล่นที่ทำด้วยมือ ให้เด็กๆ ปล่อยพลัง อาทิเช่น ตาข่ายสำหรับปีนป่าย และชิงช้าที่ทำจากยางรถยนต์ ฝั่งนอกรั้วโรงเรียนเป็นท้องนา ซึ่งคุณครูเล่าว่าเมื่อถึงเวลาทำนา จะพาเด็กๆ ไปสำรวจการดำนาของชาวนาจริงๆ อีกด้วย

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
ภายในห้องเรียนมีเครื่องปรับอากาศ ห้องน้ำในตัว และกล้องวงจรปิดทุกห้อง เพื่อความปลอดภัย และสะดวกสบายของเด็กๆ ตกแต่งด้วยผลงานที่เด็กๆ ภูมิใจ

ภายในห้องเรียนแต่ละห้องนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายความสุขของเด็กๆ ที่ได้ทำกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการเล่น มีของทำจากฝีมือนักเรียนโชว์เป็นผลงานเรียงราย สัมผัสได้ถึงความรักและเอาใจใส่ในวิธีสร้างกระบวนการเรียนรู้ของคุณครูอีกด้วย

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
บรรยากาศการเรียนการสอน โดยมีคุณครูห้องละ 2 คน และนักเรียนห้องละไม่เกิน 25 คน

 

คุณภาพชีวิตครูที่ดี ส่งต่อไปยังเด็กที่มีความสุข

จากประสบการณ์การเป็นครูอนุบาลของผู้ก่อตั้ง และผู้บริหาร จึงเข้าใจคุณครูอย่างถ่องแท้ด้วยว่า สิ่งไหนที่ทำให้คุณครูสื่อสารอย่างเข้าใจเด็ก ยืดหยุ่นกับความต้องการ และสิ่งใดที่จะทำให้ครูมีความสุขกับการมาทำงาน การจำกัดเวลาการทำงาน เพื่อให้คุณครูได้ใช้ชีวิตส่วนตัวด้วย เมื่อคุณครูมีความสุข ก็จะส่งต่อความสุขไปยังเด็กๆ ผ่านการดูแลเอาใจใส่ และการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
การเรียนรู้ของเด็กๆ ไม่ได้ถูกจำกัดอิสระ เน้นการมีส่วนร่วม และความเข้าใจ

 

ออกแบบการเรียนการสอน ด้วยความเข้าใจในพัฒนาการเด็ก

ครูปุ๋ม อดีตคุณครูอนุบาลผู้มีความรู้เรื่องการศึกษาปฐมวัยโดยเฉพาะ ออกแบบการเรียนการสอน ทำหลักสูตรที่สอดคล้องกับพัฒนาการเด็ก โดยมีแนวคิดเน้นการเรียนอย่างมีความสุขและเป็นไปอย่างธรรมชาติ พร้อมๆ กับการทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง เกี่ยวกับพัฒนาการของลูกในแต่ละช่วงวัยทั้งด้านอารมณ์ จิตใจ สติปัญญา และการเข้าสังคม เพื่อให้เข้าใจในแนวทางของโรงเรียน และการทำโครงการเพื่อการเรียนรู้ของเด็กๆ ร่วมกันในอนาคต

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
โครงการของโรงเรียน สอนให้พี่อนุบาล 3 ทุกรุ่น รู้จักการแยกขยะ จัดการกับขยะรีไซเคิลอย่างเป็นระบบ และเกิดประโยชน์สูงสุด

 

Project Approach ร่วมกับ Less Waste แนวทางของการเรียนรู้ในโรงเรียน

การทำโครงการเพื่อให้เด็กๆ เรียนรู้ด้วยการลงมือทำ พร้อมไปกับการช่วยเหลือของผู้ปกครอง โดยทางโรงเรียนจะเป็นผู้ประสานกับผู้ปกครองให้เข้าใจถึงหน้าที่ที่ต้องช่วยเหลือนักเรียนในแต่ละขั้นตอน ซึ่งสิ่งที่ทางโรงเรียนเน้นเป็นอย่างยิ่งคือ การปลูกฝังนักเรียนภายใต้แนวคิด Less Waste นำวัสดุเหลือใช้ เช่น กระดาษ ถังน้ำ หรือลังไข่ มาเป็นส่วนหนึ่งในการทำโปรเจค เพื่อลดขยะที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงโครงการของโรงเรียน ที่ให้ชั้นอนุบาล 3 ทุกคนรวบรวมกล่องนม และถุงใส่นมโรงเรียน เป็นการฝึกให้เด็กๆ แยกขยะ จัดการขยะที่สามารถนำเอาไปรีไซเคิลได้ ถุงนมโรงเรียนส่งต่อโครงการ Green Road ส่วนกล่องนม ส่งต่อโครงการหลังคาเขียวเพื่อนำไปแปรรูปเป็นหลังคาสำหรับมอบให้ผู้ยากไร้ต่อไป โดยคุณครูจะพาเด็กๆ ไปส่งไปรษณีย์ด้วยตนเอง ซึ่งทำให้การปฏิสัมพันธ์กับชุมชนไปในตัว

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
พี่ๆ อนุบาล 3 มาช่วยคุณครูจัดโต๊ะ รับประทานอาหารกลางวันให้กับเพื่อนๆ และน้องๆ

 

Mommy Love This! ถูกใจแม่

  1. คุณครูดูแลเด็กอย่างเข้าใจและทั่วถึง
    สังเกตได้จากการไปเยี่ยมชมจะพบว่า คุณครูไม่ได้ใช้เสียงดังเพื่อสอนนักเรียน ไม่ว่าจะในห้องเรียน หรือนอกห้องเรียน และสามารถเข้าไปตักเตือน แนะนำอย่างใกล้ชิดด้วยความอ่อนโยน เมื่อนักเรียนต้องการความช่วยเหลือ ทางโรงเรียนจัดให้มีคุณครู 2 คนต่อ 1 ห้องเรียน นักเรียนห้องละไม่เกิน 25 คน เพื่อการดูแลอย่างทั่วถึงและใกล้ชิด
  2. ห้องเรียนสะอาด เป็นสัดส่วน มีห้องน้ำ และกล้องวงจรปิด เพื่อความปลอดภัย
    การคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กคือสิ่งสำคัญอันดับแรกๆ ที่ทีมผู้บริหารคำนึงถึง ห้องเรียนทุกห้องจะมีห้องน้ำในตัว เพื่อความสะดวกสบาย รวมถึงคุณครูเองก็สามารถดูแลความปลอดภัยได้อย่างเต็มที นอกจากนี้ยังมีกล้องวงจรปิดทุกห้อง เพื่อให้ผู้ปกครองมั่นใจขึ้นอีกระดับ
  3. ปลูกฝังให้เด็กๆ มีน้ำใจ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันในสังคม
    เมื่อใกล้ถึงช่วงเวลาทานอาหารกลางวัน พี่ๆ อนุบาล 3 จะออกมาช่วยคุณครูจัดโต๊ะและเก้าอี้ให้น้องๆ เป็นภาพที่แม่ไข่มุกประทับใจมาก แสดงถึงการปลูกฝังให้เด็กมีน้ำใจ เด็กๆ อนุบาล 3 จะเป็นเสมือนพี่คนโตที่ช่วยดูแลน้องๆ ในโรงเรียน ซึ่งบางครั้งคุณครูก็จัดให้นักเรียนทุกชั้นมาทำกิจกรรมร่วมกัน คละกันไปในแต่ละชั้นปี เพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างเด็กๆ ในโรงเรียน
  4. เรียนรู้ผ่านการเล่น เน้นความสุขของเด็กๆ
    ความเข้าใจในหัวใจของเด็กอย่างแท้จริงจากคุณครู และผู้บริหาร สะท้อนออกมาผ่านผลงานศิลปะ และความกระตือรือล้นของเด็กๆ การเรียนรู้ผ่านการเล่น โดยที่ไม่ฝืนตัวตนของเด็ก ทำให้เกิดกระบวนการรับความรู้ที่เป็นไปอย่างธรรมชาติ มีความสุข เหมาะสมตามวัย

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
บรรยากาศการเรียนการสอน
โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
ผ้าม่านฝีมือเด็กๆ ที่คุณครูเอามาใช้จริงในห้องธุรการ

 

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา

โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
ผลงานศิลปะของเด็กๆ จากโปรเจคสร้างสรรค์ เน้นให้เด็กๆ เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ คุณครูติดโชว์ผลงานไว้ในห้องตลอดเทอม
โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
ครูหมู -ภานุเดช  เรืองกลิ่น และครูวา- ศรีเรือน  เรืองกลิ่น ผู้ก่อตั้งโรงเรียนอนุบาลศรีวิภา บนพื้นที่ส่วนตัว เพื่อให้เป็นพื้นที่การเรียนรู้สำหรับเด็กๆ ปฐมวัย
โรงเรียนอนุบาล ศรีวิภา
ครูปุ๋ม -สุดธิดา ศรีเพ็ญ ผู้อำนวยการโรงเรียน ดูแลบริหารแนวทางทั้งหมดของโรงเรียน รวมถึงดูแลคุณครูด้วย

 

ค่าเล่าเรียน

เตรียมอนุบาล 2 ขวบขึ้นไป เดือนละ 3,500 บาท

อนุบาล 1 เทอม 1 ราคา 12,960 บาท / เทอม 2 ราคา 11,260 บาท

อนุบาล 2 เทอม 1 ราคา 12,960 บาท / เทอม 2 ราคา 11,260 บาท

อนุบาล 3 เทอม 1 ราคา 12,960 บาท / เทอม 2 ราคา 11,260 บาท

*บุตรข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ เบิกได้เทอมละ 2,756.75 บาท

ค่าแรกเข้า 2,000 บาท

ค่าอุปกรณ์แรกเข้า 1,000 บาท (ที่นอน, กระเป๋า, ผ้ากันเปื้อน)

 

ที่อยู่

42/13 ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ตำบลไทรน้อย อำเภอไทยน้อย จังหวัดนนทบุรี 11150

โทร. 085-484-9696, 081-197-9975

Facebook: โรงเรียนอนุบาลศรีวิภา

 

เรื่อง: แม่ไข่มุก

ภาพ: ฤทธิรงค์ จันทองสุข


อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก

โรงเรียนวรรณสว่างจิต

โรงเรียนวรรณสว่างจิต  กับการเรียนรู้แบบบูรณาการที่เปิดโอกาสให้เด็กได้ลงมือทำอย่างแท้จริง

event
โรงเรียนวรรณสว่างจิต
โรงเรียนวรรณสว่างจิต

โรงเรียนวรรณสว่างจิต “สังคมแห่งการเรียนรู้อย่างมีความสุข” คือประโยคแนวคิดหลักที่สะท้อนอยู่ทุกตารางเมตรในโรงเรียนแห่งนี้

โรงเรียนวรรณสว่างจิต คือโรงเรียนทางเลือกอันดับต้นๆ ที่ School Visit อยากพามาทำความรู้จัก ด้วยประวัติการเริ่มต้นยาวนานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 รวมถึงหลักสูตรผสมผสานที่เลือกใช้แก่นดีๆ จากหลายๆ แนวทาง และการเรียนรู้แบบบูรณาการผ่านโครงการ (Project Approach) ที่เปิดโอกาสให้เด็กได้ลงมือทำด้วยตัวเองทั้งกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ

โรงเรียนวรรณสว่างจิต เริ่มก่อตั้งโดย คุณยายเฉลิม จิตกล้า ในช่วงแรกมีเฉพาะแผนกอนุบาล และใช้การเรียนการสอนแบบเตรียมความพร้อมผ่านกิจกรรม ไม่เร่งเขียนอ่านมาตั้งแต่ตอนนั้น ปัจจุบันเปิดทั้งหมด 3 ระดับชั้น คือ บ้านเด็กเล็ก เรือนอนุบาล และลานประถม บนพื้นที่กว้างขวางกว่า 10 ไร่ ริมถนนพระราม 2

บรรยากาศโรงเรียน

หลักสูตรผสมผสาน เพื่อพัฒนาการรอบด้านของลูกรัก

เนื่องจากเป็นโรงเรียนที่เปิดมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทุกกระแสการเปลี่ยนผ่านของการศึกษาในไทย ทั้งยุคของการปฎิรูปการศึกษา กระแสของ Montessori, Waldorf, Whole Language, Project Approach ฯลฯ และทีมผู้บริหารที่เป็นนักการศึกษาอย่างแท้จริง ทำให้ที่นี่เปิดรับทุกแนวทางที่ดีมาทดลองใช้ และเลือกผสมผสานหลากหลายแนวทางให้เหมาะสมกับเด็กๆ จนกลายเป็นหลักสูตรเฉพาะของโรงเรียนวรรณสว่างจิต ที่โรงเรียนจะยึดหลักของวอลดอร์ฟ (Waldorf) ในการดูแลบ้านเด็กเล็ก (2-3 ปี) การปรับใช้ Whole Language และ Project Approach ในระดับชั้นอนุบาล และ การใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านการเรียนรู้แบบบูรณาการแบบโครงการ (Project Approach) ในระดับชั้นประถม แต่ยังคงได้กลิ่นอายของ วอลดอร์ฟ (Waldorf) ในกิจกรรมต่างๆ ของเด็กๆ

บรรยากาศห้องของบ้านเด็กเล็ก เด็กๆ จะได้รับการช่วยเหลือให้ทานอาหารด้วยตัวเอง

บรรยากาศห้องของเรือนอนุบาล ที่ไม่มีโต๊ะ และให้เด็กได้เรียนรู้อย่างอิสระ

ห้องเรียนอากาศธรรมชาติในชั้นประถม

การเรียนรู้แบบบูรณาการผ่านโครงการ (Project Approach) แบบฉบับ โรงเรียนวรรณสว่างจิต

การเรียนรู้ที่เด็กๆ จะได้เป็นผู้เริ่มต้นการตั้งคำถามตามความสนใจ และร่วมค้นคว้าหาคำตอบ ทดลอง และดูผลไปด้วยกันกับเพื่อนๆ และคุณครู ยกตัวอย่างเช่น การเรียนรู้เรื่องข้าว เด็กๆ ในระดับอนุบาลของที่นี่จะได้เรียนรู้ตั้งแต่การแช่เมล็ดข้าว หว่านข้าว เฝ้ารอการเติบโต เกี่ยวข้าว จนกลายมาเป็นอาหาร สอดแทรกเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การใส่รองเท้าบูท การเล่นโคลน เมล็ดพืช การเติบโตของต้นไม้ คุณค่าทางอาหาร

ในระดับประถม นอกจากกระบวนการพื้นฐาน เด็กโตจะได้ตั้งคำถามเพิ่มตามความสนใจ จนกลายเป็นโครงการวิจัยย่อมๆ เช่น การเปรียบเทียบผลผลิตระหว่างนาดำกับนาหว่าน การเชื่อมโยงกับสำนวนภาษาไทยที่เกี่ยวกับการทำนา การจัดการพื้นที่แบบเศรษฐกิจพอเพียง ไปจนถึงอาชีพชาวนาเชื่อมโยงกับข่าวสารปัจจุบัน

ที่โรงเรียนวรรณสว่างจิต เด็กๆ จึงได้ ทั้งทำนา ปลูกผัก เลี้ยงไก่ รีดผ้า ซักผัก จุดเตาไฟทำอาหาร ฯลฯ การเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เชื่อมโยงมาสู่ชีวิตประจำวันจนกลายเป็นทักษะการใช้ชีวิตที่จะติดตัวเขาไปจนโต

เด็กๆ ชั้นอนุบาลเรียนรู้เรื่องต้นไม้-ดอกไม้ ด้วยสภาพแวดล้อมธรรมชาติของโรงเรียน

ชิ้นงานของพี่ๆ ชั้นประถมในโรงเรียน

ร่มรื่นน่าอยู่และเงียบสงบ

เราอยากให้เด็กเติบโตไปเป็นคนเช่นไร เราต้องเลี้ยงดูเขาภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนั้น คือหลักการที่เหล่าคุณพ่อคุณแม่ทราบดี เราจึงมักเลือกโรงเรียนอย่างละเอียดรอบคอบให้กับลูกๆ ของเรา ที่โรงเรียนวรรณสว่างจิตเป็นโรงเรียนที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ที่นอกจากจะร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายพันธุ์ที่แค่ได้เดินสำรวจก็เรียนรู้ได้มากมายแล้ว ห้องเรียนที่นี่ยังเปิดกว้างรับอากาศธรรมชาติ

ความเรียบง่าย ดูสมถะของบรรยากาศในโรงเรียน ล้วนสอดแทรกความเอาใจใส่ในทุกๆ ตารางเมตร ทั้งหลังคาใบจากตามทางเดินคือวัสดุธรรมชาติที่ต้องได้รับการดูแลปรับปรุงอยู่เสมอ ถึงจะบังแดดบังฝนได้ดี ป้ายบอกทาง-ป้ายให้ข้อมูลต่างๆ ที่เขียนด้วยมือ สะท้อนถึงการลงมือทำด้วยตัวเองตั้งแต่ระดับบุคลากร ความสะอาดของโรงเรียนที่เกิดจากความร่วมมือของทุกคน ล้วนปลูกฝังให้เด็กมีความรับผิดชอบ ดูแลรักษาพื้นที่ส่วนรวม และเห็นใจผู้อื่น

ภายในบริเวณโรงเรียนสะอาดมาก มีการจัดการขยะอย่างเป็นระบบ และสอนให้เด็กๆ แยกขยะทุกจุด

 โถงทางเดินเข้าโรงเรียนทำจากหลังคาใบจาก ตกแต่งด้านข้างด้วยกิจกรรมนักเรียนตลอดทาง ให้ความรู้สึกเป็นมิตรและอบบอุ่นตั้งแต่ก้าวเข้าโรงเรียน

 

การโอบอุ้มจิตใจในบ้านเด็กเล็ก (2-3ปี)

-บ้านเด็กเล็กของที่นี่ใช้หลัก Waldorf เป็นหลัก

-คุณครูได้รับการอบรมการศึกษาแบบ Waldorf อย่างเข้มข้น มีการดูงานจากหลายประเทศ แล้วจึงนำหลักการมาใช้กับเด็กเล็ก ซึ่งพบว่าเหมาะมาก

-ใช้เพลงในการบอกกิจวัตรต่างๆ โดยไม่มีการใช้คำสั่ง

-คุณครูใจดี น้ำเสียงอบอุ่น จนเด็กๆ รู้สึกถึงความมั่นคงทางจิตใจ

-ใช้ตุ๊กตาผ้าไร้หน้าแทนจินตนาการ ฝึกเด็กๆ ให้สำรวจอารมณ์ของตัวเอง เพราะอารมณ์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สีหน้าดีใจของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน

-ของเล่นทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ผ้า งานไม้

-มีสนามเด็กเล่นเป็นโซนของตัวเองแยกจากพี่ๆ เพื่อให้เด็กเล็กเล่นเต็มที่ได้อย่างปลอดภัย มีแม้กระทั่งแปลงนา-แปลงผักก็แยกเป็นโซนของตัวเอง

-สร้างจังหวะชีวิตที่สม่ำเสมอให้กับเด็ก ผ่านกิจวัตรประจำวัน และฤดูกาล

พื้นที่ในโซนบ้านเด็กเล็ก มีรั้วล้อมรอบปลอดภัย สามารถปล่อยให้เด็กๆ สำรวจสิ่งต่างๆได้อย่างอิสระ

 ของเล่นจากวัสดุธรรมชาติ

 

เรือนอนุบาลพัฒนาการสมวัย

-ปรับใช้ Whole Language และ Project Approach เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้

-เรียนรู้ที่มาที่ไปของสิ่งต่างๆ สามารถเชื่อมโยงได้ ไม่เร่งเขียนอ่าน

-เรียนรู้ผ่านนิทาน ทำให้เด็กๆ รักการอ่าน มีคลังศัพท์มาก และมีจินตนาการ

-ของเล่นจากวัสดุธรรมชาติ เน้นการประดิษฐ์สร้างชิ้นงาน และลงมือทำด้วยตัวเอง

-เริ่มเรียนรู้จากสิ่งรอบตัวไปสู่เรื่องไกลตัว คุณครูส่งเนื้อหาหน่วยการเรียนรู้ประจำเทอมให้ผู้ปกครองล่วงหน้า ผู้ปกครองสามารถส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องเดียวกันจากที่บ้านได้ด้วย

-เสริมสร้างทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา

-ปลูกฝังการสังเกต และการตั้งคำถาม

-มีละครหุ่นทุกวันจันทร์ เด็กๆ จะได้ฟังเรื่องราวก่อนแล้วสรุปความเป็นชื่อเรื่องด้วยกัน

ในเรือนอนุบาล เด็กๆ จะได้เรียนรู้การช่วยเหลือตัวเอง ในบรรยากาศสบายๆ ไม่เคร่งเครียด ภายในห้องเรียนก็เต็มไปด้วยชิ้นงานที่เขาลงมือทำด้วยตัวเอง

 

ทักษะการใช้ชีวิตในลานประถม

-ในระดับชั้นประถม ที่นี่จะรวมรายวิชาที่มีความเกี่ยวข้องกันแล้วใช้การเรียนการสอนแบบบูรณาการคือ หมวดวิทยาศาสตร์-สุขศึกษา และหมวดสังคมศาสตร์-ประวัติศาสตร์-พุทธศาสนา-การงานอาชีพ

-ถึงจะเป็นชั้นประถมแต่ถือว่าเป็นพี่ใหญ่ของโรงเรียน เด็กๆ จะได้เรียนรู้การทำหน้าที่ มีความรับผิดชอบ ดูแลน้องๆ ผ่านกิจกรรมต่างๆ ประจำปี เช่น ทำนา กิจกรรมสานพลัง (กีฬาสี)

-เด็กๆ กล้าคิด กล้าทำ รู้จักตั้งคำถามและแก้ปัญหา คิดเป็นกระบวนการและวางแผนงาน

-เน้นกระบวนการคิด การลงมือทำ ปฏิบัติจริง ไม่ใช่ผลลัพธ์

-โรงเรียนมีค่ายลูกเสือของตัวเอง คือ ไร่เรียนรู้วรรณสว่างจิต อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โรงเรียนส่งคุณครูไปอบรมลูกเสือ แล้วจึงออกแบบกิจกรรมให้เด็กๆ เอง ทำให้เป็นค่ายที่ปลอดภัยและได้ฝึกทักษะที่จำเป็น เด็กจะได้ประกอบอาหาร ดูดาว ตั้งแคมป์ด้วยตัวเอง

-มีงานประจำปีคืองานผลิใบที่รวมผลงานการเรียนรู้ และวิพิธทัศนาซึ่งเป็นการแสดงโขน-นาฏศิลป์-ดนตรี เพื่อให้เด็กๆ ได้ฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่นและถ่ายทอดความสามารถเฉพาะตัวของตัวเอง

บรรยากาศชั้นเรียนพี่ประถม

 

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่สุดๆ

โรงเรียนนี้ห้องเรียนไม่มีแอร์ ซึ่งดีต่อสุขภาพมากกว่าการนั่งอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน มีเครื่องวัดค่า PM 2.5 อยู่ทั่วโรงเรียน มีเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ทุกห้อง โดยปกติจะไม่เกินสีเหลืองเพราะรอบโรงเรียนเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ แต่ในวันที่ฝุ่นเยอะมากจะมีการแจ้งเตือนนักเรียนให้สวมหน้ากากอนามัย

ชุดเรียนหลักคือชุดกิจกรรมที่เป็นผ้ายืดใส่สบาย ใส่สัปดาห์ละ 3 วัน เครื่องแบบนักเรียนหญิงเป็นกางเกง

มีเรียนว่ายน้ำภายในโรงเรียน สระว่ายน้ำ 2 สระ แยกคนละจุดกันระหว่างเด็กเล็ก-อนุบาลกับประถม เปิดโล่งและมีรั้วล้อมรอบปลอดภัย

สนามเด็กเล่นถึง 3 จุด แยกเป็นของเด็กเล็ก อนุบาล และประถม เครื่องเล่นเหมาะสมตามวัย

ความสัมพันธ์ของคุณครูและนักเรียนที่สนิทสนมเป็นมิตรต่อกัน คุณครูที่นี่เข้าใจและยอมรับตัวตนของเด็กทุกคน เมื่อเดินผ่านจะเห็นคุณครูและนักเรียนทักทายพูดคุยกันตลอดทาง

สระว่ายน้ำเด็กเล็กที่ความลึกเพียงระดับหัวเข่าของเด็ก ทำให้สามารถเรียนว่ายน้ำอย่างปลอดภัย มีคุณครูคอยดูแลอยู่ด้านบนอีก 2 ท่าน

อัตราค่าเล่าเรียน (ค่าเทอม มี 3 เทอม)

เด็กเล็ก เทอมละ 30,000 บาท

อนุบาล 1 – 3 เทอมละ 34,000 บาท

ประถม 1 – 3 เทอมละ 38,000 บาท

ประถม 4 – 6 เทอมละ 40,000 บาท

 

โรงเรียนวรรณสว่างจิต

ที่อยู่ : 137 ถนนพระราม2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150

โทร: 0-2415-1411, 091-776-4246

เว็บไซต์ : https://www.wsc.ac.th/th/

Facebook : https://www.facebook.com/Wansawangchit28

 

Editor : แม่น้องอลินดา

ภาพ : นันทิยา บุษบงค์


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

น้ำยาซักผ้าเด็ก

ลูกเลิฟ แม่ปลื้ม โคโดโม ออร์แกนิค โอลีฟ ออยล์ น้ำยาซักผ้าเด็ก สูตรอ่อนโยน หอมยาวนาน ถูกใจใช้ได้ทั้งบ้าน

event
น้ำยาซักผ้าเด็ก
น้ำยาซักผ้าเด็ก

น้ำยาซักผ้าเด็ก ออร์แกนิคส์สูตรอ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิวลูกน้อย พร้อมกลิ่นหอมฟุ้งยาวนาน แบบที่ลูกเลิฟ แม่ก็ปลื้ม นี่เลย! โคโดโม ออร์แกนิค โอลีฟ ออยล์ แบรนด์คุณภาพจากญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคย วันนี้ Kodomo เค้ามีสูตรใหม่ Upgrade ความหอมด้วยนะ มาดูกันค่ะว่า น้ำยาซักผ้าเด็ก ของโคโดโม มีอะไรน่าใช้บ้าง #ทีมแม่ABK รับรองว่าถูกใจแน่นอน!

น้ำยาซักผ้าเด็ก โคโดโม

โคโดโม ออร์แกนิค โอลีฟ ออยล์ แพคเกจสีฟ้า มีรูปพี่หมีใจดีนุ่มฟูอยู่บนถุง แค่นี้ก็เอาใจแม่ไปแล้ว มีหัวเกลียว เปิด-ปิด ขนาดพอดีมือแม่ ไม่ต้องยกทั้งขวดลิตรให้ยุ่งยาก กับถุงไซซ์ 580 ml. (รุ่นแรกของไซซ์นี้ในตลาด) สะดวก ใช้ง่าย จัดเก็บก็ง่าย ไม่เลอะเทอะ นี่แหละที่แม่ต้องการ!

น้ำยาซักผ้าเด็ก โคโดโม

นอกจากแพคเกจถุงแบบใหม่ที่ถูกใจแม่มากๆ แล้ว ยังมีจุดเด่นที่ทำให้แม่ไว้ใจ โคโดโม ออร์แกนิค โอลีฟ ออยล์ คือ

  • มีส่วนผสมของ Organic Olive Oil มาตรฐาน ECOCERT ที่มีคุณสมบัติลดการระคายเคือง ช่วยให้เสื้อผ้าที่ซักแล้วใส่สบาย ไม่ระคายผิวลูกน้อย
  • เป็นน้ำยาซักผ้าเด็กที่ช่วยให้กลิ่นหอมติดทนยาวนานถึง 30 วัน เมื่อจัดเก็บในตู้เสื้อผ้า ด้วย Natural Essential Oil
  • ปราศจาก 7 สารเติมแต่ง ไม่ว่าจะเป็น SLS, Paraben, Formaldehyde, Triclosan, Fluorescent, Bleaching, Colorant
  • มีผลการทดสอบว่าไม่ระคายเคืองต่อผิวแพ้ง่าย

น้ำยาซักผ้าเด็ก โคโดโม

ไม่ว่าคราบฝังลึกบนผ้าอ้อมเด็กเล็ก หรือคราบอาหารบนเสื้อผู้ใหญ่ก็จัดการได้ง่าย ด้วยเอนไซม์จากธรรมชาติ สูตรเฉพาะของ โคโดโม ออร์แกนิค โอลีฟ ออยล์ จะซักเครื่องก็ได้ ซักด้วยมือก็ดี เด็กๆ ก็สามารถช่วยแม่ซักผ้าได้ ไม่ระคายเคืองต่อผิวแพ้ง่าย คุณพ่อคุณแม่สบายใจได้เลย แถมยังลดกลิ่นอับแม้ตากในที่ร่มหรือตากตอนกลางคืน ซักตอนไหนก็ได้ไม่ต้องง้อแดด

น้ำยาซักผ้าเด็ก โคโดโม

โคโดโม ออร์แกนิค โอลีฟ ออยล์ ตัวนี้นอกจะใช้ซักผ้าเด็กๆ ที่บ้านแล้ว แม่ยังซักผ้าให้ทุกคนได้ทั้งบ้าน เพราะไม่มีสารทำให้ระคายเคือง ด้วยส่วนผสมที่อ่อนโยนกับผิวลูก ทำให้แม้กระทั่งคนที่ผิวแพ้ง่ายอย่างแม่ก็ใช้ได้ ซักแล้วผ้านุ่ม ลื่น สบายผิว แถมกลิ่นยังหอมติดทนนานไปหลายวัน ตั้งแต่แม่เปลี่ยนมาใช้ โคโดโม ออร์แกนิค โอลีฟ ออยล์ ซักผ้าให้ทุกคนในบ้าน กลิ่นหอมละมุนยาวนนาน 30 วัน เดินผ่านก็รู้ เหมือนเป็นกลิ่นประจำตัวของคนบ้านนี้ไปแล้วล่ะ

ถูกใจแม่ขนาดนี้ ตามไปช็อปเลยที Tops, Lotus, BigC, Foodland Maxvalu และ Gourmet Market ตามสาขาชั้นนำทั่วไป

Link: Kodomo Club

 

อยากให้เด็ก ผ่าคลอด สมองไว สุขภาพแข็งแรงมีภูมิคุ้มกันดี แม่ต้องมีเคล็ดลับนี้

event

รู้ไหมคะว่าในเด็ก ผ่าคลอด คุณแม่สามารถช่วยให้ลูกมีพัฒนาการสมองที่ไว และมีร่างกายแข็งแรงได้ด้วยภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่ง ซึ่งไม่ว่าจะฤดูกาลไหน ร้อน ฝน หนาว ทุกเทศกาลเจ็บป่วยในเด็กตลอด 365 วัน ก็ช่วยให้คุณแม่คลายความกังวลว่าลูกจะเจ็บป่วยไปได้ค่ะ ทีมแม่ ABK ขอแนะนำให้รู้จักกับ 2 สารอาหารสำคัญที่ลูกจะได้รับเต็ม ๆ ดีมีประโยชน์ต่อสมองและร่างกายของเด็กผ่าคลอดมาก ๆ หากได้กินนมแม่

ต้องบอกก่อนว่าการคลอดลูกด้วยวิธีการผ่าคลอดไม่ใช่เรื่องน่ากลัวนะคะ แต่ที่น่าเป็นกังวลอยู่ที่ตอนหลังคลอดลูกออกมาแล้วค่ะ ในเด็กผ่าคลอดมีความเสี่ยงต่อพัฒนาการสมอง การเรียนรู้ และมีระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นที่แตกต่างจากเด็กที่คลอดธรรมชาติ ดังนั้นมีความเสี่ยงในการเป็นภูมิแพ้ เจ็บป่วยบ่อย เด็กที่เกิดมาพลาดโอกาสในการได้รับจุลินทรีย์สุขภาพจากช่องคลอดแม่(ขณะที่กำลังคลอดออกมา) จุลินทรีย์สุขภาพที่ได้จากช่องคลอดแม่จะช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายลูก ช่วยให้มีร่างกายแข็งแรง แต่ขึ้นชื่อว่าแม่จะยอมแพ้ง่าย ๆ ไม่ได้เด็ดขาด ถึงจะผ่าคลอดแม่ก็จะทำให้ลูกมีสมองไว มีภูมิคุ้มกันแข็งแรงได้

มีการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา (Deoni 2019) เกี่ยวกับพัฒนาการทางสมอง โดยดูการทำงานเชื่อมโยงของเซลล์ประสาทในสมอง (Brain connectivity) เปรียบเทียบระหว่างเด็กคลอดธรรมชาติ และเด็กผ่าคลอด เมื่ออายุ 2 สัปดาห์ พบว่าสมองของเด็กผ่าคลอดมีการทำงานเชื่อมโยงแตกต่างจากเด็กที่คลอดธรรมชาติ นอกจากนี้พัฒนาการสมองของเด็กที่ผ่าคลอด ส่วนคอร์ปัส คาโลซัม (Corpus Callosum) ซึ่งเป็นส่วนที่เชื่อมโยงการทำงานระหว่างสมองซีกซ้าย และซีกขวา พบว่าเด็กผ่าคลอดมีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างจากเด็กที่คลอดธรรมชาติอย่างมีนัยสำคัญ อายุ 3 เดือนจนถึง 3 ปี1

  • ลูกผ่าคลอด…ต้องกินนมแม่

ในน้ำนมแม่มีสารอาหารหลากหลายครบถ้วนดีต่อสมองและร่างกายของลูกตั้งแต่แรกคลอดค่ะ นมแม่ดีที่สุดควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน สารอาหารในนมแม่จะช่วยพัฒนาระบบการทำงานของสมองและร่างกายของลูกให้มีประสิทธิภาพ

นมแม่จะมีไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิดที่ชื่อว่า “สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมอง ให้คิดเร็ว เรียนรู้ไว2 รวมทั้งยังมีจุลินทรีย์สุภาพ เช่น กลุ่มบิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (Bifidobacterium lactis หรือ B. lactis) ที่สามารถส่งต่อให้ลูกน้อย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้นให้มีสุขภาพที่แข็งแรง

  • สฟิงโกไมอีลิน เพื่อพัฒนาสมองและเรียนรู้ไว

คุณแม่สามารถส่งเสริมพัฒนาการสมองการเรียนรู้ที่ไวให้กับลูกได้ ด้วยการให้ลูกกินนมแม่ให้เร็วที่สุด นมแม่อุดมไปด้วยสารอาหารพัฒนาสมองนั่นก็คือ “สฟิงโกไมอีลิน” เป็นสารอาหารสำคัญในการสร้างปลอกไมอีลินของวงจรประสาทในสมอง ซึ่งไมอีลินช่วยให้สมองสามารถส่งสัญญาณประสาทได้อย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด สมองจึงสามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ จดจำ คิดวิเคราะห์ และการพัฒนาสมองอย่างรวดเร็วเต็มศักยภาพ นอกจากนี้ไมอีลินยังมีบทบาทในการเชื่อมโยงการทำงานของเซลล์ประสาท (brain connectivity) เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อกันของสมองที่รวดเร็ว ทั้งนี้นักวิจัยพบว่าแขนงประสาทนำออกที่มีปลอกไมอีลินห่อหุ้มจะส่งสัญญาณประสาทได้เร็วกว่าที่ไม่มีถึง กว่า100 เท่า3

ลูกรักมีพัฒนาการสมองดี เรียนรู้ไวอย่างเดียวยังไม่เพอร์เฟคค่ะ สมองไวเรียนรู้ได้ดีแล้ว ก็ต้องมาพร้อมกับร่างกายที่แข็งแรงด้วยค่ะ เพื่อที่ลูกจะได้ทั้งเรียนสนุก เล่นสนุกกับทุกกิจกรรมอย่างไม่มีสะดุดค่ะ ในนมแม่นอกจากจะมีสฟิงโกไมอีลินที่ดีต่อพัฒนาการสมองการเรียนรู้ของลูก ก็ยังมีจุลินทรีย์สุขภาพ บี แล็กทิส (B. lactis) ซึ่งจุลินทรีย์สุขภาพ บี แล็กทิส เป็นหนึ่งในจุลินทรีย์สุขภาพที่มีส่วนสำคัญในการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งให้กับร่างกายของลูกแข็งแรงกันตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิตค่ะ

: เด็ก ผ่าคลอด : จะมีสมองการเรียนรู้ไว แม่ต้องส่งเสริมลูกให้ได้รับนมแม่ ซึ่งมีสารอาหารสมอง เช่น สฟิงโกไมอีลินอย่างเร็วที่สุด

“สฟิงโกไมอีลิน” และ “จุลินทรีย์สุขภาพ บี แล็กทิส” พบได้ใน “นมแม่”

ทีมแม่ ABK ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจส่งเสริมให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ได้นานอย่างต่อเนื่องกันค่ะ เพราะนมแม่ มีสารอาหารกว่า 200 ชนิด รวมทั้งสารอาหารที่ช่วยพัฒนาสมอง อย่างเช่นสฟิงโกไมอีลิน และ บีแล็กทิส ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน​

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

สร้างสมองไวให้เด็กผ่าคลอด พร้อมเสริมภูมิคุ้มกัน | S-Mom Club

 

เครดิต

1Deoni S.C., et al. AJNR Am J Neuroradiol. 2019 Jan;40(1): 169–177.

2Chevalier et al. PLos ONE 2015.

3Susuki K. Nature Education. 2010;3(9):59.

IPC GREEN INTERNATIONAL

IPC GREEN INTERNATIONAL รร. อนุบาลนานาชาติ ใช้ธรรมชาติเข้ากับการเรียนรู้ มอบประสบการณ์ตรงให้กับเด็กๆ

event
IPC GREEN INTERNATIONAL
IPC GREEN INTERNATIONAL

IPC GREEN INTERNATIONAL กับพื้นที่ดิน ทราย ต้นไม้ สายลม ของเล่นที่คุ้มที่สุดของเด็กๆ!

โรงเรียนอนุบาล เป็นสถาบันที่สำคัญในการพัฒนาเด็กๆ โดยที่พวกเขาเริ่มต้นเส้นทางการศึกษาและวางรากฐานสำหรับการเรียนรู้ในอนาคต ปัจจุบันโรงเรียนอนุบาลมีจำนวนมาก มีหลักสูตรและแนวทางหลากหลาย น่าสนใจ ทุกแห่งล้วนให้ความสำคัญต่อพัฒนาการที่สมวัยของเด็กๆ ฝึกความรับผิดชอบต่อตนเอง ส่วนรวม ผ่านประสบการณ์ต่างๆ เพื่อให้เด็กๆเติบใหญ่มีกิ่งใบและรากอันแข็งแรง

School Visit วันนี้เราจะพามาเยี่ยมชม IPC GREEN INTERNATIONAL KINDERGARTEN AND NURSERY โรงเรียนอนุบาลที่มีบรรยากาศเหมือนรีสอร์ทสำหรับเด็ก เต็มไปด้วยสีเขียวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของธรรมชาติ ความอุดมสมบูรณ์ ความเจริญเติบโต และความปลอดภัย สีของผืนหญ้า ต้นไม้ ธรรมชาติ ที่ไม่ถูกบดบังด้วยอาคาร ทั่วทุกมุมมีจุดเล่นและจุดเรียนรู้ที่เด็กๆแทบจะไม่รู้ตัวเลย

ขบวนพาเหรดเด้งดึ๋ง

เมื่อได้ออกกำลังยามเช้าจะทำให้เด็กๆมีสมาธิในคลาส

บรรยากาศกลางแจ้งของโรงเรียน สบาย หายใจง่าย สไตล์รีสอร์ท

 

We are what we learn

IPC Green ใช้หลักสูตร British Curriculum & Early Year Foundation State มาใช้ทำให้สามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนารอบด้านตามวัย เพื่อเตรียมรากฐานสำหรับสร้างการเรียนรู้ในอนาคตของเด็กๆ ผ่าน

The 7 Areas of Learning หรือพัฒนาการ ทั้ง 7 ด้าน ได้แก่

Personal, Social and Emotional Development (พัฒนาการส่วนบุคคล สังคม และ อารมณ์)

Physical Development (พัฒนาการทางกายภาพ)

Communication and Language (การสื่อสารและภาษา)

Literacy (การอ่านเขียน)

Mathematics Development (จำนวน ตัวเลข)

Knowledge and Understanding of the World (ความรู้และความเข้าใจในโลกของเรา)

Expressive arts & Design (ศิลปะ)

การเรียนและเล่นที่ช่วยพัฒนาส่วนบุคคล สังคมและอารมณ์

กิจกรรมที่จะช่วยเสริมการพัฒนาทางกายภาพ

การพัฒนาด้านภาษา ด้านการอ่านเขียน จำนวนและตัวเลข ความรู้และเข้าใจโลกของเรา และ การแสดงออกทางศิลปะ

 

Classrooms ชั้นเรียนหนูๆ

ชั้น Nursery และ K1 จะมี มุมแสดง หรือ Theme ในทุกๆห้องเพื่อให้เด็กๆได้เล่นบทบาทสมมุติ (ช่วยด้านภาษาและความคิดสร้างสรรค์) แต่ละห้องจะมี Theme ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับช่วงอายุของเด็กๆ ซึ่งมุมแสดงนี้จะเปลี่ยนไปทุกๆเดือน

ชั้น K2 จะเป็นมุม Workshop แทนให้เด็กๆได้ประดิษฐ์ (มีวัสดุและอุปกรณ์จัดเตรียมให้)

ชั้นเรียนเด็กเล็กจะได้ทำกิจกรรม Brain Gym การบริหารสมอง กระตุ้นความสนุกสนานยามเช้า และมี Sensory Tray ในทุกห้อง เปลี่ยนใหม่ทุกๆ 1-2 วัน เพื่อการเรียนรู้ หยิบ จับ สัมผัส ดู อันจะนำไปสู่ความสงสัยและการตั้งคำถาม เป็นการพัฒนาด้านภาษาและการสื่อสารโดยเด็กๆเป็นผู้เริ่มด้วยตัวเอง

น้องๆ ชั้น Nursery จะเรียนภาษาอังกฤษแบบ Pre-Phonics ชื่อคลาสว่า “Letters and Sounds”

พี่ๆ ชั้น Kindergarten จะไม่มี Sensory Box (เน้นวิชาการมากขึ้น) โดยจะได้เรียน Phonics English ทุกวัน

แต่ละวันจะมีวิชาเรียกแตกต่างกัน แต่ทุกวิชาจะสัมพันธ์กับ Theme ในเดือนนั้นๆ

ทุกชั้นเรียนจะมีคุณครูต่างชาติ 1 คน คุณครูไทย 1 คน พี่เลี้ยง 1 คน แต่ถ้าในชั้นมีมากกว่า 10 คนจะมีพี่เลี้ยงเพิ่มขึ้นอีก 1 คน)

สอนโดยการเล่นเกมส์

มุมแสดง เน้นทักษะการสื่อสาร ภาษา ความกล้าแสดงออก

คลาสเรียนภาษาอังกฤษของน้องเล็ก Letters and Sounds

 

Outstanding School Characters

  • อิสระของเด็กๆ

แต่ละห้องจะมีมุมกิจกรรมของตัวเอง Teacher จะให้อิสระเด็กๆในการทำกิจกรรม จุดนี้จะทำให้ทางโรงเรียนรู้จักเด็กได้ค่อนข้างดี ว่าเด็กๆ ชอบอะไร แต่ละคนเรียนรู้อย่างไร ด้านไหนเด่นที่สุด

  • อิสระของ Teacher

ที่ IPC GREEN ไม่ได้กำหนดการสอนที่ตายตัว จะแต่มีหัวข้อในการสอน (Subject) และเป้าหมายในการเรียนรู้ของเด็ก (Learning Goals)ให้คุณครู แล้วคุณครูเป็นผู้ที่สร้างสรรค์กิจกรรมเอง (ทางโรงเรียนเน้นย้ำให้แต่ละกิจกรรมต้องสร้างสรรค์มากๆ) ในฐานะที่คุณครู “รู้จัก” เด็กๆเป็นอย่างดีผ่านการให้อิสระในการเข้ามุมกิจกรรมในห้อง คุณครูจึงสามารถออกแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกับเด็กๆของตน

  • ศิลปะของเด็กๆ

ความคิดสร้างสรรค์จะทำให้เด็กๆแสดงความเป็นตัวเองออกมา เด็กๆสื่อสารถึงไอเดียต่างๆ ความคิดต่างๆ ความรู้สึกต่างๆ ผ่านการเล่นบทบาทสมมุติ การเคลื่อนไหว การร้องรำทำเพลง การออกแบบ หรือการประดิษฐ์

เพราะทางโรงเรียน เชื่อว่าเด็กทุกคนมีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะในแบบของตัวเอง หากมีการสนับสนุน ส่งเสริมให้เด็กๆได้ใช้อุปกรณ์และวิธีการที่หลากหลาย เด็กๆจะไม่ได้แค่ค้นพบแนวทางของตัวเองแต่ยังสร้างความมุมานะ อุตสาหะที่จะทำการงานให้สำเร็จและสุดท้ายก็คือการสร้างความภาคภูมิใจให้กับตนเอง

 

“Wine and Cheese

เด็กๆจะสร้างผลงานบนกระดานผ้าใบ ทางโรงเรียนจะแนะนำการใช้เทคนิคต่างๆให้กับเด็กๆตามความถนัดของแต่ละคน และเด็กๆจะเป็นผู้สร้างผลงานเอง แล้วผู้ปกครองจะมาร่วมสนุกในการประมูลผลงาน (โดยที่ไม่ทราบว่าของลูกๆคือชิ้นไหน) รายได้จากการประมูลโรงเรียนจะนำไปบริจาคให้กับมูลนิธิต่างๆ

อิสระในการเลือกทำกิจกรรมของเด็กๆ

อิสระในการออกแบบชั้นเรียนของคุณครู

Half Time Outdoor Play

โรงเรียนเน้นการเรียนศิลปะ เพราะเชื่อว่าความคิดสร้างสรรค์จะทำให้เด็กๆแสดงความเป็นตัวเองออก

ห้องสมุด มุมอ่านหนังสือในโรงเรียน

Music Wall จะมีเสียงยังไง? ต้องลองเคาะดู

Bird Feeders ที่ให้อาหารนกฝีมือเด็กในคลาส Eco Kids After School

Friyay!

Dress Up Day ทุกๆต้นเดือนใน Theme ต่างๆ เช่น Tie-Dye, Rainbow

Water Play ทุกวันศุกร์ วันรีแลกซ์ เด็กๆทุกชั้นจะได้เล่นน้ำในสระตื้นๆ (ระดับน้ำประมาณข้อเท้า) มีน้ำตก ระเบิดพลังกันให้สุด

กิจกรรม Water Play เด็กๆสนุกจนความสุขล้นออกตา

บรรยากาศโรงเรียนสุดผ่อนคลาย

 

Mommy’s Love This! ถูกใจแม่

1.ที่ IPC GREEN ตั้งใจที่จะรวมธรรมชาติเข้ากับกระบวนการเรียนรู้โดยใช้พื้นที่กลางแจ้ง วัสดุจากธรรมชาติ วัสดุรีไซเคิล จุดมุ่งหมายคือการมอบประสบการณ์ตรงให้กับเด็กๆ เชื่อมโยงพวกเขาเข้ากับโลกธรรมชาติรอบตัว แนวทางนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนาทางประสาทสัมผัสอีกด้วย

2.อาคารเรียนทุกหลังทำจากตู้คอนเทนเนอร์ เป็นส่วนหนึ่งในการ “นำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง และอาคารทุกหลังติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์อีกด้วย

3.ทั้งอาหารว่างและมื้อกลางวันของเด็กๆจะเป็นอาหารคลีน (อาหารฝรั่งและอาหารไทย สลับกัน โปรตีนจากเนื้อไก่และปลาเป็นหลัก) ปราศจากการทอดน้ำมันท่วม การจัดตกแต่งจานจะเป็นสไตล์รีสอร์ทเช่นกันเพื่อให้เด็กๆรู้สึกสนุกกับมื้ออาหาร

4.สื่อการสอนของโรงเรียน ทำด้วยมือ 100% เพื่อปลูกฝังให้เด็กๆเห็นความพยายาม ความคิดสร้างสรรค์ การรู้จักประยุกต์นำวัสดุมาใช้ และรู้ว่ามือของเรานั้นทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง!

 

อัตราค่าเล่าเรียน

ค่าเทอม (3 เทอมต่อปี)

Nursery 1 (Full Time) 86,900 บาทต่อเทอม (8.30 – 12.30)

Nursery 2 (Full Time) 86,900 บาทต่อเทอม (8.30 – 12.30)

Kindergarten 1,2,3 (Full Time) 94,300 บาทต่อเทอม (8.30 – 13..30)

Nursery 1-2 มีชั้น Part Time เรียนสัปดาห์ละ 3 หรือ 4 วัน – ติดต่อโรงเรียนได้โดยตรง

Special Combine (รวม After School 8.30 – 14.30) – ติดต่อโรงเรียนโดยตรง

 

ที่อยู่ IPC GREEN International Kindergarten and Nursery

38/2 Ramkhamhaeng 21 (Lane 5)

Wang Thonglang Bangkok 10312

E-mail: [email protected]

Telephone: 023185483

 

Editor : แม่พลอยผิง

ภาพ : ธนายุต วิลาทัน

 


อ่านต่อบทความน่าสนใจ

keyboard_arrow_up