โรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาดลาดพร้าว

ส่องหลักสูตร โรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาดลาดพร้าว โรงเรียนสองภาษา จุดประกายการใช้ความคิดสร้างสรรค์และการเรียนรู้ให้กับเด็ก ๆ

School Visit วันนี้จะชวนทุกคนมาดูหลักสูตร โรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาดลาดพร้าว (BYSL) โรงเรียนที่โดดเด่นเรื่องภาษาอังกฤษ และปูรากฐานแห่งปัญญาให้กับเด็กในศตวรรษที่ 21

โรงเรียนแย้มสอาด ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 จนกระทั้งในปี พ.ศ. 2558 กลุ่มโรงเรียนแย้มสอาดได้ลงนามความร่วมมือทางการศึกษากับกลุ่มโรงเรียนบีคอนเฮาส์ ซึ่งเป็นเครือข่ายโรงเรียนเอกชนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพื่อยกระดับโรงเรียนสู่มาตรฐานสากล ปัจจุบันมีโรงเรียนตั้งอยู่ใน 10 ประเทศ ได้แก่ เบลเยี่ยม บังคลาเทศ อินโดนีเซีย มาเลเซีย โอมาน ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร และประเทศไทย จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการจัดการเรียนการสอนกว่า 40 ปี ทำให้โรงเรียนมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับจากผู้ปกครองมากมาย ปัจจุบันโรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาด มีทั้งหมด 4 สาขา คือ บีคอนเฮาส์แย้มสอาดลาดพร้าว , บีคอนเฮาส์แย้มสอาดรังสิต ,บีคอนเฮาส์แย้มสอาดหัวหิน และบีคอนเฮาส์แย้มสอาดพัฒนาการ โรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาดลาดพร้าว เป็นโรงเรียนแห่งแรกของกลุ่มโรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาด และยังเป็นจุดเริ่มต้นของทุก ๆ สาขาในปัจจุบัน ใครกำลังมองหาโรงเรียนดี ๆ ย่านนี้ให้ลูกอยู่ บอกเลยว่าโรงเรียนนี้น่าสนใจไม่น้อย

โรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาดลาดพร้าว ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดี เขตจตุจักร มีพื้นที่โดยรวมกว่า 2 ไร่ เป็นโรงเรียนรูปแบบ 2 ภาษา ที่เปิดสอนตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 หลักสูตรการเรียนการสอนต่าง ๆ ของที่นี่จะถูกปรับอยู่เสมอเพื่อให้เข้ากับยุคการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เพื่อเตรียมความพร้อมให้นักเรียนสามารถปรับตัว มีทักษะในการดำรงชีวิตในโลกปัจจุบันและอนาคต ปัจจุบันโรงเรียนมีนักเรียนมากกว่า 500 คน หลักสูตรของเด็กอนุบาลและประถมศึกษาจะมีอะไรบ้างตามมาดูกันค่ะ

บรรยากาศภายในและภายนอกอาคารเรียน

 

กิจกรรมแสนสนุก พัฒนาครบด้าน

สำหรับน้อง ๆ วัยอนุบาล จะได้เรียนรู้ผ่านการเล่น หรือ PLAY-BASED LEARNING เด็ก ๆ จะมีส่วนร่วมและลงมือทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเอง เพื่อพัฒนา ทั้ง 4 ด้าน คือ ร่างกาย อารมณ์และจิตใจ สติปัญญา และสังคม ได้หัดทำงานร่วมกับผู้อื่น และหัดสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เด็ก ๆ จะสามารถบอกเล่าเรื่องต่าง ๆ ได้ด้วยตนเองและเรียนรู้การนำเสนอผลงาน ซึ่งการเรียนรู้ผ่านการเล่นนี้เองที่จะทำให้เด็ก ๆ มีพัฒนาการทักษะต่าง ๆ ครบด้านซึ่งเหมาะสำหรับเด็กปฐมวัยมาก  แต่การเล่นทั้งหมดไม่ใช่การเล่นที่ไม่มีความหมาย เพราะทุก ๆ กิจกรรมถูกคัดสรรและเป็นการเล่นที่มีเป้าหมาย และช่วยกระตุ้นการพัฒนาทักษะด้านสติปัญญา ความคิดและยังสร้างแรงจูงใจให้กับนักเรียนให้อยากเรียนอีกด้วย

หลักสูตรสำหรับเด็กอนุบาล ที่นี่ใช้หลักสูตร Global Immersion Programme ( GIP ) ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เข้มข้นในการใช้ภาษาอังกฤษ เด็ก ๆ จะได้เรียนภาษาอังกฤษมากถึง 70% และเรียนภาษาไทยอีก 30% นอกจากนี้ยังได้เรียนภาษาจีนเสริมอีก 2 คาบ ต่อสัปดาห์  นักเรียนจะได้เรียนภาษาอังกฤษกับครู Native ทุกชั้น โดยมีครูประจำชั้นเป็นคนไทย 1 คนและครูต่างชาติ 1  คน เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษในทุก ๆ วัน อย่างเป็นธรรมชาติ  เรียกได้ว่าครูไทยทำอะไร Teacher ก็ทำด้วย เด็กจะซึมซับภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ไม่กลัวชาวต่างชาติและเกิดความคุ้นชิน นอกจากนี้ยังได้เรียนศิลปะ และทำกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เช่น ทำอาหาร ทำขนม โยคะ ฯลฯ ได้ทักษะความรู้และพัฒนาร่างกายจิตใจไปพร้อม ๆ กัน

  

กิจกรรมของเด็กอนุบาล

 

เรียนรู้ผ่านโครงงาน ( Project-based learning )

นักเรียนชั้นประถมจะได้รับการพัฒนาครบทุกด้านและค้นหาตัวตนเช่นกัน สำหรับเด็กประถม 1-3 เริ่มมีการวางแผนการทำงานที่เป็นขั้นตอนมากขึ้น  ส่วนประถมปลายจะลงลึกและมุ่งเป้าหมายไปยังตัวตนและความถนัดของนักเรียน โดยใช้กระบวนการการเรียนรู้ผ่านโครงงาน (Project-based learning) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยส่งเสริมการหาข้อมูล การคิดวิเคราะห์ การติดต่อสื่อสารและการประสานความร่วมมือ และความคิดสร้างสรรค์ จากการลงมือปฏิบัติจริง การสังเกตการณ์ ซึ่งล้วนเป็นทักษะการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ช่วยพัฒนาทั้งสติปัญญา อารมณ์และจิตใจ สังคมและพัฒนาการด้านศักยภาพทางความถนัด ความสนใจและความสามารถพิเศษ เพื่อเตรียมนักเรียนให้มีความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงและการเรียนรู้โลกรอบ ๆ ตัว นักเรียนสามารถนำความรู้นี้ไปใช้ได้ในระยะยาว และยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนอีกด้วย

นักเรียนชั้นประถมใช้ หลักสูตร Advanced English Programme ( AEP) จะมีครูประจำชั้นสองท่าน เป็นครูไทย 1 ท่าน และครูต่างชาติ 1 ท่าน  ต่อจำนวนนักเรียนเพียง 25 คน ต่อห้อง  ได้เรียนภาษาอังกฤษในอัตราส่วน 50:50  วิชาหลักจะสอนเป็นภาษาอังกฤษโดยครูต่างชาติที่มีความรู้ ความสามารถและมีคุณสมบัติเหมาะสม  สำหรับวิชาวิทยาศาสตร์นักเรียนจะได้ทดลองแบบสนุก ๆ ทั้งกับคุณครูที่โรงเรียนและกับสถาบัน Mad Science  ได้ลงมือทดลองจริง กับอุปกรณ์จริง สอนโดยครูผู้มีประสบการณ์การสอนวิทยาศาสตร์โดยตรงจากสถาบัน ที่มีความเชี่ยวชาญ และมีแนวทางการสอนที่ทันสมัยและมีการพัฒนาอยู่เสมอ  นอกจากนี้ยังมีคุณครูจาก True Click Life มาสอนคอมพิวเตอร์ และเรียนภาษาจีนกับครูคนไทยที่เรียนจบภาษาจีนโดยตรงอีกด้วย หลังเลิกเรียน หรือ After School นักเรียนสามารถเรียนพิเศษกับผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ เช่น เทควันโด บัลเล่ต ดนตรี มินิเทนนิส หรือสอนการบ้านต่าง ซึ่งทางโรงเรียนมี Connection ผู้เชี่ยวชาญจากนอกโรงเรียนมาช่วยสอนที่โรงเรียน ในราคาที่เหมาะสม

งานกลุ่มช่วยฝึกให้นักเรียนมีความรับผิดชอบและหัดทำงานร่วมกับผู้อื่น

 

สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

โรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาดลาดพร้าว ก่อตั้งมากว่า 40 ปี แล้ว ทำให้การขยับขยายพื้นที่เป็นไปได้ยาก แต่ทางโรงเรียนก็พัฒนาและปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้สวยงามและสะอาดอยู่เสมอ แม้เนื้อที่ของโรงเรียนจะไม่มากนัก แต่การจัดพื้นที่ใช้สอย ก็ถูกออกแบบเพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสนามเด็กเล่น สระว่ายน้ำ โรงยิม ห้องทดลองวิทยาศาสตร์ ห้องคอมพิวเตอร์ โรงอาหารและห้องสมุด ตัวอาคารเรียนแบ่งโซนสำหรับเด็กอนุบาลและประถม โดยมีทางเชื่อมต่อกัน เมื่อน้อง ๆ อนุบาล มาถึงโรงเรียนสามารถลากกระเป๋าขึ้นอาคารเรียนด้วยทางลาดที่ออกแบบมาเฉพาะ ซึ่งเหมาะสมกับเด็ก ๆ เพราะเดินขึ้นลงได้สะดวกมากกว่าบันได ส่วนรอบๆอาคารเรียนก็เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ร่มรื่น อบอุ่น และสบายตาทีเดียว

 

   

บรรยากาศโรงเรียน

 

ทางลาดขึ้นลงอาคารของน้องอนุบาล

 

เด็ก BYSL กล้าคิดกล้าแสดงออก

เพราะเด็กยุคใหม่กล้าคิดกล้าแสดงออก ทางโรงเรียนจึงมีกิจกรรมช่วยส่งเสริมให้เด็กได้มีพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นบ่อยครั้ง  เช่น ให้เด็ก ๆ ได้นำเสนอผลงานที่เรียนกันมาตลอดทั้งเทอม ในงาน Open House โดยเชิญผู้ปกครองเข้ามาร่วมฟังการนำเสนอผลงาน มีทั้งเวทีย่อยและเวทีใหญ่ให้เด็ก ๆ ได้ฝึกการนำเสนอ แถมผู้ปกครองยังได้รับทราบว่าที่ผ่านมาลูก ๆ ได้เรียนรู้และมีความสนใจด้านไหนเป็นพิเศษอีกด้วย

นอกจากนี้ กลุ่มโรงเรียน ยังจัดงาน BEACONHOUSE INTERNATIONAL STUDENT CONVENTION (BISC) เป็นงานที่นักเรียนและคุณครูจากกลุ่มโรงเรียนในเครือทั่วโลกมารวมตัวกัน เพื่อร่วมแข่งขันกีฬาและวิชาการในเวทีนานาชาติ และทำกิจกรรมต่าง ๆ นักเรียนที่เข้าร่วมจะได้มีปฏิสัมพันธ์ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้พบเพื่อนจากหลากหลายเชื้อชาติ ได้นำความรู้มาร่วมแชร์และสร้างประสบการณ์ร่วมกัน เช่น วิชาความรู้รอบตัว ศิลปะ หุ่นยนต์ และแสดงวัฒนธรรมของแต่ละชาติ ซึ่งนักเรียนจะได้ฝึกตั้งแต่ช่วยวางแผนการจัดงาน เตรียมงานต่าง ๆ ร่วมกับคุณครูอีกด้วย

   

กิจกรรม Open House

กิจกรรม BEACONHOUSE INTERNATIONAL STUDENT CONVENTION (BISC)

 

(ซ้าย) คุณ จิรารัตน์ จอมป้อ ผู้อำนวยการโรงเรียน (ขวา) ดร.ฤทัยรัตน์ ตระกูลช่าง ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบนวัตกรรมทางการศึกษา และผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร

 

 

Mommy’s Love This  ถูกใจแม่ !

  1. สัดส่วนนักเรียน กับคุณครูเป็นสัดส่วนที่เหมาะสม ระดับชั้นอนุบาล รับนักเรียนเพียง 20 คน ต่อห้อง ส่วนชั้นประถม รับนักเรียน 25 คนต่อห้อง รับรองว่าคุณครูดูแลเด็ก ๆ ได้ทั่วถึงแน่นอน
  2. โรงเรียนมีกิจกรรม Open house เพื่อให้ผู้ปกครองเข้ามาเป็นครูให้กับลูก ผู้ปกครองท่านไหนสนใจก็สามารถเข้ามาทำกิจกรรมให้กับเด็กๆ ได้ เช่น มาสอนทำ CPR สอนประดิษฐ์ต่างๆ ในช่วงเดือนสิงหาคมและธันวาคม
  3. โรงเรียนไม่มีระบบห้องพักครู คุณครูจะพักในห้องเรียน ทำให้นักเรียนจะได้พูดคุย สอบถามคุณครูได้ตลอด
  4. ในห้องเรียนมีทั้งเครื่องฟอกอากาศ เครื่องทำไอออนและเมื่อเด็กๆกลับบ้านทางโรงเรียนจะเปิดเครื่อง UV Light เพื่อฆ่าเชื้อโรคอีกครั้ง
  5. การเข้าออกโรงเรียนแสนจะปลอดภัย เพราะมีระบบสแกนใบหน้า เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือของผู้ปกครอง ทั้งขาไปและขากลับ
  6. ที่โรงเรียน มีโครงการตลาดนัดหนูอยากขาย โดยให้เด็ก ๆ นำสินค้ามาจำหน่าย เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เรื่องคณิตศาสตร์ และ วิธีหาเงิน ทำให้เด็ก ๆ รู้จักคุณค่าของเงินตั้งแต่เล็ก ๆ
  7. คุณครูและผู้ปกครองสามารถพูดคุย ปรึกษากันได้ตลอด ช่วยลดปัญาหาที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก ๆ
  8. ที่โรงเรียน มีกิจกรรมให้พี่ประถม 1 มาดูแลน้องอนุบาล หรือ พี่ประถม 6 ดูแลน้อง ประถม 1 เป็นโครงการ พี่ดูแลน้อง น้องเคารพพี่ ทำให้นักเรียนทุกคนใกล้ชิดกันเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ช่วยลดปัญหาการทะเลาะหรือความขัดแย้ง

 

อัตราค่าเล่าเรียน (รายปี)

โรงเรียน bys ค่าเทอม ระดับเตรียมอนุบาล : 135,000 บาท

ค่าลงทะเบียน : 5,000 บาท

ระดับอนุบาล 1-3 : 140,000 บาท

ค่าลงทะเบียน : 5,000 บาท

ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3  :  145,000 บาท

ค่าลงทะเบียน : 5,000 บาท

ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6  :  145,000 บาท

ค่าลงทะเบียน : 5,000 บาท

 

ที่อยู่ : โรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสะอาดลาดพร้าว

90/335 ซอยวิภาวดี 20  แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900

โทร. 0-2277-5405 , 0-2690-0295

เว็บไซต์ : https://bys.ac.th/bilingual/bysladprao/index.php/th/

 

Editor : แม่เลม่อน

ภาพ :  อภินัยน์ ทรรศโนภาส

    คอกกั้นเด็ก Geko ครบทุกฟังก์ชั่นใช้งาน เติมเต็มความสุขลูกทุกวัย

    เลือกซื้อคอกกั้นเด็กแบบไหนดี ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกคนในบ้าน นอกจากต้องสร้างพื้นที่ปลอดภัยและเป็นสัดส่วนเพื่อดูแลลูกน้อยแล้ว คุณแม่เองก็อยากปรับให้เหมาะกับบ้านเพราะต้องใช้กันยาวๆ ตั้งแต่วัยเบบี๋จนถึงวัยซน คอกกั้นเด็ก Geko มาพร้อมนวัตกรรมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์แม่ลูก การันตีด้วยรางวัล  Amarin Baby & Kids Awards 2023

    เพราะความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุด  Geko จึงพัฒนาคอกกั้นเด็กด้วยการออกแบบโดยทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญพัฒนาการเด็กโดยเฉพาะ ทั้งโครงสร้างที่แข็งแรง ระดับความสูง 90 เซนติเมตร  กับขอบหนาพอดี ที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกายของเด็กทุกวัย โดยเฉพาะวัย 9 เดือนที่กำลังเข้าสู่วัยหัดนั่ง  ยืน เดิน ผ่านการตรวจสอบจาก TUV Rheinland เป็นไปตามมาตรฐาน EN71-1 และ EN71-2 ปลอดภัยสำหรับเด็กทุกคน

    จึงออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการฝึกยืนและฝึกเดินได้อย่างปลอดภัย เกาะขอบคอกได้ ไม่ล้มหรือปีนออกมาได้ง่าย ผนังของคอกกั้นมีความหนา 7.5 ซม. เพื่อความแข็งแรงของโครงสร้าง ไม่โยกเยก และปลอดภัยสำหรับเด็กทุกบ้าน มีแผ่น Support ที่ทำจากอะลูมิเนียมเกรดพรีเมียม มาช่วยเสริมทัพเพิ่มความแข็งแรงบริเวณรอยต่อของคอกกั้น ทำให้คอกสามารถรับน้ำหนักผู้ใหญ่ได้ ให้การฝึกทักษะการนั่ง การยืน และการเดินของลูกแข็งแรงไม่มีสะดุด

    Amarin Baby & Kids คัดเลือกให้ คอกกั้นเด็ก Geko ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา BEST INNOVATIVE IN USING “SILICONES LEATHER” FOR SOFT PLAYPEN จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

    อีกหนึ่งความพิเศษที่มีในคอกกั้นเด็ก Geko เท่านั้น คือเบาะหนังเกรดพรีเมียมที่ผลิตจากซิลิโคน ซึ่งถูกนำมาใช้ในหลายผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก โดยเฉพาะด้านอาหาร เพราะเป็นวัสดุระดับ Food-grade ปราศจากสาร  BPA  BPS หรือพาราเบน สามารถใช้ปากสัมผัสได้โดยไม่เกิดอันตรายต่างจากหนังพีวีซีหรือพียูตรงที่ไม่มีส่วนผสมจากพลาสติก นอกจากนี้ยังมีความแข็งแรงทนทาน ไม่เสียรูปแม้อยู่ในอุณหภูมิสูง-เย็น ทำความสะอาดได้ง่าย และที่สำคัญที่สุดคือไม่ก่อให้เกิดการแพ้

    รูปแบบผลิตภัณฑ์ Geko มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนรูได้หลากหลาย ทั้งขนาดและรูปทรงเพื่อให้เหมาะกับเด็กแต่ละช่วงวัย

    • ปูเป็นที่นอนสำหรับเด็กแรกเกิด – 7 เดือน
    • ขยายพื้นที่เป็นแผ่นรองคลานสำหรับเด็ก 7-9 เดือน
    • จัดเป็นคอกกั้นให้เด็ก 8-12 เดือนเพื่อฝึกยืนหรือเดิน
    • ปรับเปลี่ยน Indoor playground ในบ้าน สำหรับเด็ก 1 ขวบขึ้นไป
    • ดัดแปลงเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนที่ใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

    ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำที่ช่วยให้คุณแม่เลี้ยงลูกอย่างมีความสุขแบบนี้ ทีมบรรณาธิการ พิจารณาแล้วว่าเข้าตามหลักเกณฑ์ในสาขา Innovation ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณแม่ยุคใหม่ เพื่อช่วยให้คุณแม่ดูแลลูกน้อยได้อย่างเหมาะสม และยังเป็นคุณแม่ที่มีความสุขไปพร้อมกัน ทั้ง Intention การเป็นนวัตกรรมที่ได้รับการประดิษฐ์ คิดค้น และสร้างสรรค์ใหม่ที่สร้างขึ้นให้ใช้งานได้จริง Initiative นวัตกรรมสำหรับแม่ลูกที่เกิดจากไอเดียใหม่ และ มีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์จริง

    Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้คอกกั้นเด็ก Geko Thermomix ได้รับรางวัลนวัตกรรมด้านหนังซิลิโคน Editor’s Choice สาขา BEST INNOVATIVE IN USING “SILICONES LEATHER” FOR SOFT PLAYPEN

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และทดลองผลิตภัณฑ์ได้ที่ https://www.gekoforchild.com

     

     

      รีวิว เครื่องอบ UV ฆ่าเชื้อขวดนม แห้งไว ปลอดภัย มาตรฐานโรงพยาบาล

      การดูแลทำความสะอาดขวดนมและจุกนมของลูกน้อย เป็นเรื่องสำคัญที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม แม้จะล้างทำความสะอาดแล้ว แต่หากไม่ลวกน้ำร้อน และผึ่งให้แห้ง ขวดนมและจุกนมก็อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ทำให้ลูกน้อยเจ็บป่วยโดยไม่รู้ตัว แต่ปัจจุบันคุณแม่ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้น เพราะมีเทคโนโลยี เครื่องอบ UV ที่ช่วยให้ขวดนมแห้งไว และฆ่าเชื้อโรคด้วยรังสี UVC ลดขั้นตอนการทำความสะอาดขวดนม ให้คุณแม่ยุคใหม่มีเวลาเหลือเพื่อไปพักผ่อนได้อย่างสบายใจ

      ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids กำลังพูดถึง เครื่องอบ UV ฆ่าเชื้อขวดนม Säker 3 in 1 Sterilizer ตัวช่วยที่ทำให้ชีวิตคุณแม่ยุคใหม่เลี้ยงลูกอย่างสะดวกสบาย และอุ่นใจในความสะอาดและปลอดภัยของขวดนมและจุกนมที่ลูกน้อยต้องนำเข้าปากทุกวัน

      สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ และคุณแม่ลูกอ่อน ที่กำลังมองหาตัวช่วยดีๆ ในการเลี้ยงลูก ตามมาดูรีวิว เครื่องอบ UV ฆ่าเชื้อขวดนม Säker 3 in 1 Sterilizer เครื่องนี้กันค่ะ ว่ามีดีอย่างไร จึงได้รับรางวัลจาก Amarin Baby & Kids Awards ถึง 3 ปีซ้อน

      นวัตกรรมฆ่าเชื้อโรคอย่างปลอดภัย ไร้สารตกค้าง

      • เครื่องฆ่าเชื้อขวดนม Säker 3 in 1 Sterilizer ใช้ฆ่าเชื้อขวดนม จุกนม ด้วยหลอด UV-C คุณภาพสูงจากโปแลนด์
      • ใช้หลอด UV-C ของ Philips ซึ่งเป็นยี่ห้อที่ใช้ในโรงพยาบาลอันดับ 1 ของโลกอย่าง Johns Hopkins
      • ค่าความเข้มของแสง UV คงที่ตลอดการใช้งานจึงสามารถใช้งานได้นานถึง 18,000 ชม. ซึ่งหากใช้งานวันละ 3 ชั่วโมง จะสามารถใช้ได้นานถึง 16 ปี
      • หลอดเดียวเข้มข้นเพียงพอที่จะฆ่าเชื้อโรคและไวรัสในขนาดพื้นที่ 50L
      • เมื่อปล่อยรังสี UVC จะเกิดแสงสีฟ้าม่วงให้ผู้ใช้ทราบว่าเครื่องกำลังทำงาน
      • ตัวหลอดมีกระจกกรองแสง 185 NM ช่วยป้องกันการเกิดโอโซน จึงไม่ก่อให้เกิดกลิ่นตกค้างหลังจากฆ่าเชื้อโรคเสร็จ
      • กระจกนิรภัย tempered glass ตัดแสง UV ไม่ให้สะท้อนออกมาภายนอก ทนความร้อนได้ถึง 290 องศา
      • ระบบสะสมความร้อน 40-60 องศา อากาศไหลเวียนทั่วเครื่อง ไม่มีมุมอับ ฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ถึง 99% อบแห้งระบายลม 360 องศา ลดกลิ่นอับ กลิ่นนมบูด กลิ่นเหม็นที่ติดมาจากสิ่งของได้
      • วัสดุ Food grade สแตนเลส 304 ทรงไดม่อน ปลอดสารก่อมะเร็ง BPA FREE
      • ผ่านการทดสอบทางห้องแล็บหลายสถาบัน ผ่านการทดสอบ PTEC และมีผลการทดสอบจากสวทช. รับรอง

      Amarin Baby & Kids เลือกให้ เครื่องฆ่าเชื้อขวดนม Saker ได้รับรางวัล Editor’s Choice สาขา BEST BABY BOTTLE STERILIZER จาก Amarin Baby & Kids Awards 2023

       

      สะดวกสบาย ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่

      • หน้าจอขนาดใหญ่ พร้อมปุ่ม LCD แบบสัมผัส ใช้งานง่าย
      • มีระบบตัดอัตโนมัติเมื่อเปิดประตูตู้ระหว่างใช้งาน
      • เสียงเงียบ ถนอมสินค้า กินไฟน้อยกว่า
      • แห้งไว ฆ่าเชื้อรวดเร็ว ไม่มีไอน้ำ ไม่เปียกสิ่งของ ไม่ต้องเติมน้ำขณะใช้งาน
      • รับประกันสินค้า 1 ปี
      • นอกจากฆ่าเชื้อขวดนมแล้ว ยังสามารถฆ่าเชื้อโรคจากของใช้อื่นๆ เช่น พวงกุญแจ กระเป๋าสตางค์ และธนบัตร เป็นต้น

      เครื่องอบ UV ฆ่าเชื้อขวดนมที่ได้มาตรฐาน ป้องกันเชื้อโรคจากขวดนม รวมถึงเชื้อโรคจากภายนอกบ้านที่ติดมากับของใช้ต่างๆ ช่วยให้คุณแม่ทั้งเบาใจและเบาแรงแบบนี้ ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ เครื่องฆ่าเชื้อขวดนม Saker ได้รับรางวัล BEST BABY BOTTLE STERILIZER สาขา Editor’s Choice จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023”

       

      สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และโปรโมชั่นดีๆ ของผลิตภัณฑ์ Säker สามารถติดตามได้ที่www.facebook.com/sakerproduct

        สอนลูกเลี้ยงสัตว์: วิธีเตรียมตัวเมื่อต้องเลี้ยงลูกและสัตว์เลี้ยงร่วมกัน

        การเลี้ยงสัตว์ภายในบ้านหลังเดียวกันกับเด็ก โดยเฉพาะเด็กทารกนั้น เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนกังวล ทั้งเรื่องความสะอาด เรื่องอันตรายที่อาจเกิดจากสัตว์ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์กับเด็ก ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใหญ่กับสัตว์เลี้ยง และพัฒนาการของลูก สัตว์เลี้ยงตัวแรกของลูกควรเริ่มเลี้ยงตั้งแต่เมื่อไหร่ เราจะ สอนลูกเลี้ยงสัตว์ ได้อย่างไร แล้วถ้าเราเลี้ยงสัตว์มาก่อนที่จะมีลูก คุณพ่อคุณแม่ควรจัดการเรื่องลูก สัตว์เลี้ยง และบ้านอย่างไร วันนี้คุณแม่ฮอล์ – ลฬภัทร กสานติกุล บรรณาธิการบริหารบ้านและสวน Pets พา “พี่หมู” น้องหมาพันธุ์มินิบูลเทอร์เรีย ที่เลี้ยงมานานถึง 5 ปี และสอบผ่านการเป็นสุนัขนักบำบัด มาร่วมพูดคุยกับทีมแม่ ABK ค่ะ

        สอนลูกเลี้ยงสัตว์: วิธีเตรียมตัวเมื่อต้องเลี้ยงลูกและสัตว์เลี้ยงร่วมกัน

        เมื่อนึกถึงการเลี้ยงสัตว์ภายในบ้านหลังเดียวกับเด็กทารก สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่มักจะกังวลคือเรื่องของ “ความสะอาด” โดยคุณพ่อคุณแม่มักจะกังวลว่า เดี๋ยวสกปรก เดี๋ยวมีเชื้อโรค จะทำให้ลูกป่วย หรือเป็นภูมิแพ้ได้ คุณแม่ฮอล์จึงแบ่งการเลี้ยงสัตว์ร่วมกับลูกออกเป็น 2 กรณี ได้แก่

        กรณีที่เลี้ยงสัตว์ก่อนที่จะมีลูก

        กรณีที่คุณพ่อคุณแม่มีสัตว์เลี้ยงอยู่นบ้านตั้งแต่ก่อนที่จะมีลูก เมื่อถึงเวลาที่มีลูก หลายบ้านอาจเลือกที่จะทิ้งสัตว์เลี้ยง หรือนำไปปล่อย ด้วยความรู้สึกที่ว่า การเลี้ยงสัตว์ร่วมกับเด็กนั้นสกปรก มีเชื้อโรค จะทำให้ลูกป่วย เป็นภูมิแพ้ อย่างกรณีของคุณแม่ฮอล์ ตอนที่มีลูก ที่บ้านเลี้ยงแมวของน้องชายเอาไว้ ซึ่งก็กังวลเรื่องเชื้อราจากแมว กังวลเรื่องขนแมว กังวลเรื่องการทำความสะอาดบ้าน จนต้องย้ายแมวไปอยู่ที่อื่น ทั้ง ๆ ที่แมวตัวนี้เป็นแมวที่เราเลี้ยงมาตลอด และที่จริงแล้ว เราสามารถเลี้ยงแมวร่วมกับทารกหรือเด็กเล็กได้ หากมีการวางแผนให้ดีเสียก่อน

        ทั้งที่จริงแล้ว สุนัขมีจมูกที่สามารถรับกลิ่นได้ดีกว่ามนุษย์หลายเท่า อย่างที่เราจะเห็นได้จากสุนัขที่ปฏิบัติหน้าที่เดินตรวจในสนามบิน นี่เป็นคุณสมบัติตามธรรมชาติของสุนัข คุณพ่อคุณแม่จึงสามารถสร้างความคุ้นชินให้สุนัขได้ตั้งแต่ลูกยังอยู่ในท้อง โดยการเปิดโฮกาสให้สุนัขมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้คุณแม่ เพื่อให้สุนัขรับกลิ่นที่แปลกใหม่จนเกิดความคุ้นชิน ค่อย ๆ คุย ค่อย ๆ บอกเล่าให้สุนัขรับรู้ว่าบ้านของเรากำลังจะมีสมาชิกใหม่เพิ่มมา เพื่อให้ลูกและสัตว์เลี้ยงของเราสามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องทิ้งสุนัข หรือปล่อยไปเป็นสุนัขจร

        หลังคลอด คุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งเลี้ยงลูกและสัตว์รวมกันทันที เพราะสุนัขที่เคยเป็นที่หนึ่งมาตลอดจะต้องถูกแบ่งความรักไป จนอาจทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดี และไม่เข้าใจกันได้ ควรแบ่งโซนให้ชัดเจน เช่น แบ่งห้อง แบ่งชั้น ให้เป็นสัดส่วน รักษาความสะอาดเป็นอันดับหนึ่ง ต่อให้ยังไม่ได้พบเจอกัน แต่สุนัขก็สามารถรับรู้กลิ่นทารกจนเริ่มคุ้นชินได้ เมื่อเด็กเริ่มคลาน จึงเริ่มให้ลูกและสัตว์เข้าใกล้กันได้มากขึ้น โดยควรพิจารณาจากสายพันธุ์ของสุนัข และพฤติกรรมของสุนัขด้วย ไม่ควรปล่อยให้ลูกอยู่กับสัตว์ตามลำพัง ต้องอยู่ในสายตาตลอด พูดและบอกเล่าให้ลูกรู้จักสุนัข พาลูกมาทำความรู้จัก สอนวิธีลูบ สอนวิธีเล่น ค่อย ๆ ทำความรู้จักกันไป ค่อย ๆ เรียนรู้กัน มีงานวิจัยประมาณ 70-80% ที่พบว่า เด็กที่มีสุนัขอยู่ด้วยตั้งแต่เล็ก มีโอกาสเป็นหอบหืดหรือโรคภูมิแพ้น้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้เติบโตมากับสุนัข

         

        กรณีที่ที่บ้านไม่มีสัตว์เลี้ยง แล้วลูกขอเลี้ยงสัตว์

        เมื่อเด็กเริ่มเห็นสัตว์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเห็นจากการ์ตูน โทรทัศน์ หรือสื่อต่าง ๆ ลูกอาจเริ่มอยากมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตนเอง อย่างกรณีของคุณแม่ฮอล์  ตอนที่ลูกอายุ 5 ขวบ ลูกเริ่มบอกคุณแม่ว่าไม่มีเพื่อนเลย อยากเลี้ยงสัตว์ เมื่อลูกบอกความต้องการของตนเองแล้ว คุณแม่ต้องทำความเข้าใจ ถามและตอบตัวเองให้ได้ รวมไปถึงการปรึกษาพูดคุยกับทุกคนในครอบครัว ว่าเรามีความพร้อมที่จะเลี้ยงสัตว์แล้วหรือยัง ทุกคนในครอบครัวรักสุนัขหรือไม่ มีเวลาในการดูแลสัตว์มากน้อยแค่ไหน พิจารณาสมาชิกในครอบครัวว่ามีผู้สูงอายุด้วยหรือไม่ อยากเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ไหน สุนัขพันธุ์นี้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของครอบครัวของเราหรือเปล่า พิจารณาความพร้อมทางการเงินในการเลี้ยงดู รักษาพยาบาล เหมือนกับการมีลูกเพิ่มอีกหนึ่งคน

        เมื่อลูกมีอายุ 10 ปีขึ้นไป เด็กเริ่มมีความพร้อมที่จะดูแลและรับผิดชอบสัตว์ด้วยตัวเองได้มากขึ้น จึงเริ่มมีการคุยวางแผน สร้างข้อตกลง มอบหมายหน้าที่การเลี้ยงร่วมกับลูก มีการแบ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบกัน ให้ลูกรู้หน้าที่ของตัวเอง เด็กก็จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และมีจิตใจดีตามไปด้วย โดยจากการวิจัย พบว่า เด็กที่เลี้ยงสุนัขมีโอกาสติดเชื้อทางช่องหูน้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์ ดังนั้นการเลี้ยงสัตว์ให้อยู่บ้านเดียวกับลูกอย่างมีความรู้และมีความพร้อม จึงเป็นเรื่องสำคัญ มีการดูแลเอาใจใส่เรื่องความสะอาดทั้งสำหรับตัวเด็กและสัตว์เลี้ยง เพื่อให้ทั้งเด็กและสัตว์เลี้ยงแข็งแรง ปลอดภัย มีภูมิคุ้มกันไปพร้อมกัน

         

        ข้อดีของการเลี้ยงลูกและสัตว์เลี้ยงร่วมกัน

        • ส่งผลดีต่อสุขภาพจิตของเด็ก เด็กมีความสุขมากขึ้น
        • เด็กรู้สึกไม่เหงา มีเพื่อนคอยรับฟัง ไปไหนไปด้วยกัน
        • เด็กมีจิตใจที่อ่อนโยน เป็นห่วงสิ่งมีชีวิต รู้จักการให้ความรักและการดูแล มีความตระหนักถึงผู้อื่นมากขึ้น นึกถึงผู้อื่นนอกเหนือจากตัวเอง
        • เด็กมีความรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยง รู้ว่าจะต้องทำอะไร มีการวางแผน เตรียมความพร้อม รู้จักการเตรียมน้ำเตรียมอาหารให้สุนัขก่อนออกนอกบ้าน
        • เด็กมีความรับผิดชอบต่อตัวเอง ทำเพื่อสิ่งมีชีวิตที่ตัวเองรัก สามารถดูแลปกป้องสัตว์เลี้ยงที่เขารักได้ รวมไปถึงสามารถดูแลตัวเองได้ ดูแลสัตว์เลี้ยงแทนพ่อกับแม่ได้
        • เด็กมีความรับผิดชอบต่อสังคม รู้จักกฎระเบียบของแต่ละสถานที่ รู้จักการฝึกสัตว์เลี้ยงเบื้องต้นให้สามารถอยู่ร่วมในสังคมได้อย่างปกติสุข ระมัดระวัง ช่วยดูแลสังคม ดูแลเรื่องการขับถ่ายของสัตว์เลี้ยง ไม่ให้สัตว์เลี้ยงของตนเองสร้างความเดือดร้อน หรือรบกวนผู้อื่น
        • เด็กรู้จักการวางแผน รู้ว่าตอนเช้าต้องตื่นให้เร็วขึ้น อาบน้ำแต่งตัว รับประทานอาหาร จัดการตัวเองให้เร็วขึ้น เผื่อเวลาให้มากขึ้นเพื่อพาสุนัขออกไปขับถ่ายนอกบ้าน เป็นต้น
        • เด็กรู้จักการแบ่งเวลา รู้จักการบริหารเวลา จัดสรรเวลาให้เหมาะสมตามความสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องอ่านหนังสือสอบก็สามารถดูแลหน้าที่ของตนเองคาบคู่ไปกับการดูแลสัตว์เลี้ยงได้
        • เด็กมีวินัยในตัวเอง รู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง รู้สึกภาคภูมิใจ เป็นการปลูกฝังระเบียบวินัยให้กับตัวเอง รู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร
        • เด็กมีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งใหม่ เปิดประสบการณ์ใหม่ เกิดการสังเกต เรียนรู้ ตั้งคำถามเพื่อให้เกิดการฉุกคิด เช่น เห็นคนเอาตับไก่ปิ้งให้สุนัขกิน แล้วกลับมาคิดว่าสามารถทำได้หรือไม่ ถูกต้องหรือไม่ เกิดการสังเกตอุจจาระของสุนัข แล้วตั้งคำถามว่าทำไมสุนัขจึงอุจจาระเหลว ก่อนที่จะค้นหาคำตอบ เกิดความรู้ใหม่ มีความรู้รอบตัวมากกว่าเพื่อนที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์
        • เป็นการฝึกการเข้าสังคม ช่วยส่งเสริมให้เด็กกล้าคุย กล้าปฏิสัมพันธ์กับคนภายนอกมากขึ้น จากการพาสุนัขไปเดินเล่น ไปทำกิจกรรมต่าง ๆ
        • เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ในครอบครัว เป็นสื่อกลางระหว่างลูกกับทุกคนในครอบครัว ทุกคนในครอบครัวได้มีกิจกรรมทำร่วมกัน มีประเด็นให้พูดคุยร่วมกัน
        • เด็กค้นพบความชอบของตัวเอง สามารถค้นหาความรู้ได้ด้วยตัวเองจากการปฏิบัติจริง และรู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร

         

        การความพร้อม และเตรียมตัวก่อนเลี้ยงสุนัข

        จากประสบการณ์การเลี้ยงสุนัขของคุณแม่ฮอล์ คุณแม่ฮอล์แบ่งโซนภายในบ้านให้มีพื้นที่สำหรับเลี้ยงสุนัขทั้งในบ้านและกลางแจ้ง โดยการกั้นคอกหรือทำเซฟโซนให้สุนัขอาศัยอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขพบเจอกับสัตว์มีพิษ เป็นพื้นที่ปลอดภัย เมื่อสุนัขรู้สึกไม่ปลอดภัย สุนัขจะวิ่งกลับมาที่เซฟโซนเอง เพราะเขารู้ว่าพื้นที่ตรงนี้ปลอดภัย รู้สึกอุ่นใจ สบายใจ ที่อยู่ตรงนี้ มีกล้องวงจรปิดเพื่อคอยตรวจสอบความเรียบร้อย มีพัดลม มุ้งลวดป้องกันยุง มีความแข็งแรง สามารถป้องกันฝนสาด และยังระบายอากาศได้ดีอีกด้วย ส่วนพื้นที่ภายในบ้านนั้น คุณแม่ฮอล์จัดให้มีห้องสำหรับเลี้ยงสุนัขโดยเฉพาะ

         

        อยู่กับสุนัขอย่างไรให้มีความสุข

        คุณพ่อคุณแม่ควรแบ่งโซนระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยงให้เป็นสัดส่วน ให้คนและสัตว์เลี้ยงยังอยู่ร่วมกัน แต่ก็มีพื้นที่เป็นของตนเองด้วย ประยุกต์พื้นที่ให้สุนัขอยู่ในกรง ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับเจ้าของได้ ปรับให้เหมาะสมสำหรับบ้านแต่ละหลัง ให้สุนัขไม่รบกวนการใช้ชีวิตของคน เพื่อให้คนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทำงานได้อย่างมีความสุข โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ห่างกัน หรือแยกขังจนสุนัขรู้สึกโดดเดี่ยว มีพื้นที่ให้อาศัยอยู่ร่วมกัน เพื่อให้ทุกคนมีความสุข รู้สึกปลอดภัย รักษาสะอาดให้ดี ไม่เกิดความหมักหมม ข้าวของไม่เสียหาย ออกแบบบ้านให้เหมาะสำหรับสัตว์ที่เราเลี้ยง เช่น การออกแบบบันไดที่เหมาะสำหรับความสูงของสุนัขสายพันธุ์นั้น เพราะสุนัขพันธุ์เล็กที่ต้องขึ้นลงบันไดที่สูงเกินไป อาจเกิดปัญหาสุขภาพข้อและกระดูกตามมาได้ หรือการออกแบบความถี่ของระแนงรั้ว ความสูงของรั้ว เพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขหลุดหนีหรือหลงทางหายไป และป้องกันไม่ให้ล้อเลื่อนของประตูมาทับอวัยวะต่าง ๆ ของสุนัข จนเกิดอันตรายตามมา เป็นต้น

         

        การ สอนลูกเลี้ยงสัตว์ รวมไปถึงการเลี้ยงลูกและสัตว์เลี้ยงร่วมกันไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณพ่อคุณแม่มีการพูดคุย วางแผน เตรียมความพร้อมให้ดี เมื่อมีการวางแผนให้ดีแล้ว ทุกคนในครอบครัวรวมไปถึงสัตว์เลี้ยงแสนรักของเราก็สามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขด้วยกันได้แล้วค่ะ


        อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ

        10 ข้อดีของการ ให้ลูกเลี้ยงสัตว์ ส่งผลทั้งร่างกายและจิตใจ

        สอน คำศัพท์ ABC ให้ลูกจำแม่นด้วยชื่อสัตว์โลกน่ารัก

        ฝึกลูก รับมือความสูญเสีย เมื่อสัตว์เลี้ยงแสนรักจากไป

        สอนลูก วาดรูปง่ายๆ รูปสัตว์น่ารักกว่า 20 แบบ ฝึกวาดเส้นเสริมจินตนาการ

          วัคซีนป้องกันโรค มือ เท้า ปาก สำหรับเด็กๆ ที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

          โรค มือ เท้า ปาก เป็นโรคที่เด็กๆ หลายคนเสี่ยงที่จะติดในช่วงหน้าฝน โดยอาการที่พบ มีดังนี้ค่ะ

          • มีไข้ ปวดหัว เจ็บคอ
          • มีแผลในปาก
          • มีผื่นตุ่มพองที่มือ
          • มีผื่นตุ่มพองที่เท้า

          วิธีป้องกันคือให้เด็กๆ ได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 (EV71) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมือเท้าปาก

          ที่อาจทำให้ลูกน้อยของคุณมีอาการรุนแรง และมีภาวะสมองหรือหัวใจอักเสบได้

           

          คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกไปฉีดวัคซีนได้ที่ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

          สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน – 5 ปี

          วัคซีน 2 เข็ม ราคา 6,800 บาท (ลดจาก 8,860 บาท)

          ระยะห่าง 1 เดือน เข็ม 1 – เข็ม 2

          ราคาแพ็กเกจเฉพาะค่าวัคซีน 2 เข็ม ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล

          สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2567

           

          หมายเหตุ: แนะนำพบกุมารแพทย์และรับบริการที่แผนกกุมารเวชกรรม อาคารหมอแวลส์ ชั้น 13

          ติดต่อรับบริการแผนกตรวจสุขภาพเด็กดี 02 6259000 ต่อ 31330-1

            Tags

            NICU

            หน่วยอภิบาลทารกแรกเกิด (NICU) โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

            มีความพร้อมสูงทั้งทีมแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทางในการดูแลรักษาทารกแรกเกิดที่อยู่ในภาวะวิกฤต

             

            ทารกแรกเกิดวิกฤต จำเป็นจะต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะทารกกลุ่มเสี่ยง  เพราะอาจมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียนจึงให้ความสำคัญและมีหน่วยอภิบาลดูแลทารกแรกเกิด (Neonatal Intensive Care Unit : NICU) ที่มีกุมารแพทย์เฉพาะทางและทีมสหวิชาชีพ พร้อมด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย พร้อมให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด

            หน่วยอภิบาลทารกแรกเกิดวิกฤต (NICU) เป็นแผนกเตรียมพร้อมสำหรับทารกในกรณีมารดาที่มีภาวะตั้งครรภ์เสี่ยงสูง ดูแลทารกแรกเกิดที่ต้องการการรักษาและการดูแลอย่างใกล้ชิด เช่น

            • ทารกเกิดก่อนกำหนด
            • ทารกแฝด
            • ทารกที่ตรวจพบมีความผิดปกติขณะมารดาตั้งครรภ์
            • ทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักตัวน้อยกว่าหรือมากกว่าเกณฑ์ปกติ
            • ทารกมีอาการผิดปกติ ช่วงมารดาใกล้คลอดหรือช่วงแรกเกิด

            ทีม NICU มีความชำนาญเฉพาะทางในการดูแลทารกคลอด ด้วยอุปกรณ์เครื่องมือ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมวางแผนดูแลทารกให้ปลอดภัยอย่างสุดความสามารถ

            • กุมารแพทย์สาขาทารกแรกเกิดและปริกำเนิดทำงานร่วมกับสูติแพทย์ และทีมพยาบาลเฉพาะทาง
            • กู้ชีพทารกแรกเกิด
            • ควบคุมการติดเชื้อ
            • ปรับอุณหภูมิร่างกายทารก
            • ให้สารน้ำ สารอาหาร และโภชนาการที่เหมาะสม
            • อุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัยในการดูแลรักษา อาทิ

            ตู้อบ

            • เครื่องส่องไฟรักษาภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด
            • เครื่องให้ออกซิเจนแก่ทารก
            • เครื่องช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก
            • เครื่องช่วยหายใจ
            • หน่วยส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ (คลินิกนมแม่)

             

            ทีมแพทย์และพยาบาล

            • สูติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ (maternal-fetal medicine specialist)
            • กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาทารกแรกเกิดและปริกำเนิด (neonatologist)
            • ทีมพยาบาล ประกอบด้วยพยาบาลเฉพาะทางเกี่ยวกับเรื่องการดูแลครรภ์ การคลอด และดูแลทารกหลังคลอด
            • พยาบาลผู้เชี่ยวชาญการดูแลระหว่างการผ่าตัดคลอด
            • พยาบาลผู้เชี่ยวชาญการดูแลทารกแรกเกิดภาวะวิกฤต
            • พยาบาลผู้ประสานงานมารดาและทารกปริกำเนิด
            • พยาบาลผู้ประสานงานการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

             

            หน่วยอภิบาลทารกแรกเกิดวิกฤต (NICU)

            มีความพร้อมในด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น

            –    เครื่องช่วยหายใจชนิดต่างๆ

            –    เครื่องเฝ้าติดตามการทำงานของสัญญาณชีพ

            –    ตู้อบสำหรับทารกแรกเกิด เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ทารกและปรับอุณหภูมิร่างกาย

            –    ตู้อบสำหรับเคลื่อนย้ายทารกพร้อมเครื่องช่วยหายใจ

            –    ชุดอุปกรณ์กู้ชีพสำหรับทารก

            –    เครื่องควบคุมการให้สารละลายทางหลอดเลือด

            –    เครื่องส่องไฟรักษาภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด

             

            ทีมเคลื่อนย้ายทารกแรกเกิด (Neonatal Transfer Team)

            –           ให้บริการดูแลทารกแรกคลอดที่รับจากห้องคลอด

            –           รับย้ายทารกอายุไม่เกิน 1 เดือนที่ย้ายมาจากโรงพยาบาลอื่น ร่วมกับแผนกห้องฉุกเฉิน

             

            การดูแลพิเศษขณะทารกอยู่ใน NICU

            • ผู้ปกครองสามารถขอทราบข้อมูลของบุตรได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์
            • มุ่งเน้นการให้นมแม่แก่ทารกภายใน NICU
            • มีคลินิกนมแม่ในโรงพยาบาลที่สามารถช่วยให้มารดาให้นมบุตรได้
            • ให้ผู้ปกครองสามารถสัมผัสทารกได้อย่างใกล้ชิดเมื่อทารกอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม
            • การทำ Kangaroo care
            • กระตุ้นพัฒนาการด้วยเสียงเพลงและหนังสือสำหรับทารก
            • ให้คำแนะนำและฝึกความมั่นใจแก่ผู้ปกครองก่อนรับทารกกลับบ้าน
            • ในบางกรณี แพทย์จะแนะนำการช่วยกู้ชีพทารกแก่ผู้ปกครองก่อนกลับบ้าน (หากผู้ปกครองต้องการ)

             

            ทีมบุคลากรทางการแพทย์ของ หน่วยอภิบาลทารกแรกเกิด โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

            มีความพร้อมอย่างยิ่งในการดูแลรักษาทารกแรกเกิดอย่างดีที่สุด

            02 6259000, 027609000 หน่วยอภิบาลทารกแรกเกิด ต่อ 31720-1

             

              โรงพยาบาลเจ้าพระยาฉลองครบรอบ 33 ปี

              โรงพยาบาลเจ้าพระยาจัดงานฉลองครบรอบ 33 ปี ขอบคุณกลุ่มผู้บริหารยุคก่อตั้ง บริษัทคู่สัญญา คู่ค้า บริษัทประกันและสื่อมวลชน ที่คอยสนับสนุนเคียงข้างโรงพยาบาลเจ้าพระยาด้วยดีเสมอมา โดยมี น.พ.พงษ์พัฒน์ ปธานวนิช กรรมการผู้จัดการโรงพยาบาลเจ้าพระยา กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและกล่าวแสดงวิสัยทัศน์

              “เจ้าพระยา NEW ERA” บอกเล่าแผนการสร้างอาคารใหม่เพื่อขยายพื้นที่รองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นให้แล้วเสร็จในปี 2570 ลำดับถัดมา น.พ.ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล กล่าวถึงนโยบาย “โรงพยาบาลคุณธรรม” เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยอย่างมีคุณธรรม จริยธรรม ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่เชื่อมั่นแก่ทั้งผู้มารับบริการ บุคลากร และคู่ธุรกิจ

              นอกจากนี้กลุ่มผู้บริหารปัจจุบันได้รับเกียรติร่วมถ่ายภาพกับคุณเพ็ญศรี พัฑฒฆายน ภริยาของ พลโท น.พ.โกวิท พัฑฒฆายน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลเจ้าพระยา พร้อมบุตรี คุณเดือนเพ็ญ ทัดพิทักษ์กุล และคุณญาดา พัฑฒฆายน ด้วยบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง

              เพลิดเพลินกับบทเพลงอันไพเราะจากนักร้องประสานเสียง “วงสวนพลูคอรัส” ท่ามกลางความประทับใจของผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก ณ หอประชุม พลโท น.พ.โกวิท พัฑฒฆายน ชั้น 2 โรงพยาบาลเจ้าพระยา

                Tags

                “ลีเดีย ศรัณย์รัชต์” ปฏิวัติวงการคุณแม่ จับมือ “ก้อย รัชวิน” เปิดตัว คอลเลกชั่น Bunne & Mamalade x Koy Rachwin ชุดชั้นในให้นมลูกและปั๊มนมแบบ Hands-Free ตอบโจทย์ชีวิตไลฟ์สไตล์ “คุณแม่ยุคใหม่”

                สวยงาม โดนใจ ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ เมื่อ ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน นักร้องดีว่าเสียงทรงเสน่ห์คุณแม่ลูกสาม ของ ดีแลน เดมี่ ดีออน ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารแบรนด์ Bunne & Mamalade (บัน แอนด์ มาม่าเลด) ฉลอง 6 ปีของแบรนด์ ด้วยการจัดงาน เปิดตัวคอลเลกชั่น Bunne & Mamalade x Koy Rachwin

                โดยจับมือกับนักแสดงมากฝีมือคุณแม่ลูกสอง ก้อย รัชวิน  คงมาลัย มาร่วมออกแบบคอลเลกชั่นพิเศษสำหรับคุณแม่ ซึ่งมีชุดชั้นในให้นมและปั๊มนมแบบ Hands-Free เป็น Highlight รวมถึงเสื้อผ้าสำหรับใส่ช่วงตั้งครรภ์และหลังคลอด โดยมี คุณแม่ป้ายแดง และ เซเลบริตี้ อาทิ นิว นภัสสร สุวรรณานนท์, แอริน สิรีภรณ์ เบญจรงคกุล, เมรี คัมภีร์, ดา ธนิดา ธรรมวิมล, โอซา แวง และ อี๊ฟ พุทธธิดา ศิระฉายา มาร่วมงานเปิดตัวคอลเลกชั่นนี้ โดยเนรมิตพื้นที่ให้เป็นสวนดอกไม้ ใน ธีม MAMA in BunneDerland พร้อม ดิสเพลย์ ผลิตภัณฑ์ แบรนด์ Bunne & Mamalade อย่างสวยงาม ณ Mother May I เมื่อวันก่อน

                ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารแบรนด์ Bunne & Mamalade กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ ว่า … “วันนี้ เดีย กับ พี่ก้อย ได้จับมือร่วมกันเพื่อเปิดตัวคอลเลกชั่นพิเศษ Bunne & Mamalade x Koy Rachwin เพราะเราทั้ง 2 คน ต้องการถ่ายทอดความเป็น Happy Modern Mom ผ่านชุดชั้นในสำหรับคุณแม่ที่สามารถเป็นทั้งชุดชั้นในให้นมและปั๊มนม แบบ Hands-Free ได้ ในเวลาเดียวกัน รวมถึงเสื้อให้นมและกางเกงสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ที่มีเนื้อผ้านุ่ม ใส่สบาย พร้อมฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ เอาใจทั้งคุณแม่สายหวาน สายสปอร์ต และสายเซ็กซี่

                เดีย อยากให้ผู้หญิงทุกคนที่วางแผนว่าจะมีน้องได้เปิดใจรับความเชื่อใหม่ๆ จากสมัยก่อนที่คิดว่าท้องปุ๊บชีวิตเปลี่ยน จริง ๆ แล้ว เรายังสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เหมือนเดิม แค่ต้องปรับนิดหน่อย ให้เหมาะกับการแบกท้องที่ใหญ่มากกว่าปกติแค่นั้น แต่การแต่งตัว แฟชั่น การเดินทาง กินอยู่ ฯลฯ เรายังสามารถท้องด้วยก็สวยได้ ยิ่งไปกว่านั้น  การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการรับประทานอาหารดีมีประโยชน์ ยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตของคุณแม่ช่วงตั้งครรภ์มีความสุขมากขึ้น”

                “ขอบคุณ ลีเดีย ที่ชวน ก้อย มาร่วมโปรเจกต์พิเศษเพื่อออกแบบ ชุดชั้นในให้นมลูกและปั๊มนมแบบ Hands-Free ที่ตอบโจทย์ชีวิตไลฟ์สไตล์ “คุณแม่ยุคใหม่” ก้อย มีความเชื่อว่า “แม้เราจะเป็นคุณแม่ แต่ก็อย่าหยุดสวยค่ะ เราต้องออกจากกรอบเดิม ๆ ความสวย ความเก๋ ความคล่องตัวกับการใช้ชีวิตระหว่างวันของเรายังคงสำคัญ เราสามารถเลือกเสื้อผ้าไม่ว่าจะเป็นดีไซน์หรือแฟชั่นของคุณแม่ให้เข้ากับยุคและมีความทันสมัยได้ เราต้องมีความสุข ทั้งร่างกาย และจิตใจ ก้อย จึงถ่ายทอดความเป็นตัวเองและแชร์สิ่งดี ๆ สำหรับเหล่าคุณแม่ด้วยกัน เพื่อให้ผู้หญิงที่เป็นคุณแม่ทุกคนสามารถมีความสุขในการใช้ชีวิตได้ในแบบของตัวเอง ผ่านคอลเลกชั่นพิเศษ Bunne & Mamalade x Koy Rachwin ค่ะ” ก้อย รัชวิน  คงมาลัย กล่าวเสริม

                โดยปัจจุบันแบรนด์ Bunne & Mamalade มีสินค้าสำหรับคุณแม่ช่วงตั้งครรภ์และหลังคลอด อาทิ

                • ครีมบำรุงผิวและป้องกันรอยแตกลายขณะตั้งครรภ์
                • แผ่นมาส์กบำรุงผิวและป้องกันรอยแตกลายขณะตั้งครรภ์
                • เสื้อและชุดชั้นในให้นม
                • กางเกงและกางเกงในสำหรับคนท้องและคุณแม่หลังคลอด
                • ชุดนอนสำหรับคุณแม่ขณะตั้งครรภ์และให้นม

                “คุณดูแลลูก… เราดูแลคุณ”

                 

                สามารถติดตามและอัพเดตทุกความเคลื่อนไหวของ Bunne & Mamalade ได้ที่…

                Website : Bunne & Mamalade  https://bunnemamalade.com/

                Facebook : Bunne & Mamalade – ผลิตภัณฑ์สำหรับคุณแม่ https://www.facebook.com/bunnemamalade

                Instagram : @bunnemamalade  https://www.instagram.com/bunnemamalade

                Tiktok : @bunnemamalade_official https://www.tiktok.com/@bunnemamalade_official

                LINE@ : @bunnemamalade   https://lin.ee/kVdBogC

                #BunneMamalade #BunneMamaladeXKoyRachwin #เสื้อในให้นม #ชุดชั้นในให้นม #คุณดูแลลูกเราดูแลคุณ

                  TCIS

                  TCIS โรงเรียนนานาชาติ 3 ภาษา หลักสูตรอเมริกัน วิชาการ-ศาสตร์-ศิลป์-เสรีภาพ บาลานซ์ลงตัว

                  พาทัวร์ TCIS โรงเรียนนานาชาติ 3 ภาษา (อังกฤษ – จีน – ไทย) ย่านสมุทรปราการ พร้อมหลักสูตรอเมริกัน วิชาการ-ศาสตร์-ศิลป์-เสรีภาพ บาลานซ์ลงตัว

                  การเรียนภาษาที่มีประสิทธิภาพที่สุดควรเริ่มตั้งแต่ตอนไหน คุณพ่อคุณแม่ทราบไหมคะ ? สามารถเริ่มได้ตั้งแต่ยังเล็ก ๆ เลยค่ะ นั่นคือ การใช้ภาษาเป็นประจำในชีวิต  แม้ส่วนใหญ่เด็ก ๆ จะใช้ภาษาไทยเป็นหลักในครอบครัว แต่ถ้าหากในช่วงเวลาที่อยู่ในโรงเรียนนั้นได้เรียนรู้และใช้ภาษาอื่น ๆ อย่างเต็มที่ก็ยิ่งมีโอกาสในการ “เก่งภาษา” ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ยิ่งได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่สามารถใช้ภาษาได้บ่อย ๆ  ยิ่งทำให้เด็ก ๆ มีพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้น วันนี้ School Visit จะพาไปเยี่ยมชม โรงเรียนที่เด็ก ๆ จะได้ใช้ทั้ง 3 ภาษา  คือ ไทย จีน อังกฤษ แบบเป็นธรรมชาติ ที่โรงเรียนนานาชาติไทยจีน หรือ Thai-Chinese International School (TCIS) อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โรงเรียนนานาชาติ 3 ภาษา หลักสูตร American Curriculum Based on the Common Core State Standards (CCSS) ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาล – มัธยมศึกษาปีที่ 6 บรรยากาศและหลักสูตรจะเป็นอย่างไร ตามมาชมกันได้เลย

                  TCIS

                  TCIS TCIS TCIS TCIS

                  TCIS เปิดสอนตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาลจนถึง G.12 วิชาการ กิจกรรม จริยธรรม ดีเลิศจนเป็นที่บอกต่อกันปากต่อปาก

                  LEARN : หลักสูตรอันดับ 1 ในสหรัฐ

                  Actions speak louder than words การกระทำสำคัญกว่าคำพูด..วลีนี้ไม่เกินจริง ดังนั้นหลักสูตรอเมริกันจะเน้น “การลงมือทำ” ทั้งกิจกรรมเดี่ยว, กลุ่ม, ทำโครงงาน หรือการนำเสนอผลงาน อันเป็นที่รู้จักในนาม Project Based Learning นั่นเอง หลักสูตรของที่นี่จะมีเนื้อหาที่ยืดหยุ่น ไม่ได้เน้นแค่วิชาหลัก เช่น Mathematic, Science หรือภาษา แต่ให้ความสำคัญกับวิชารอง เช่น สังคมศาสตร์ ศิลปะ และวิชาเลือกที่หลากหลายมากมายด้วยเช่นกัน เป็นหลักสูตรที่ไม่ทอดทิ้งศาสตร์ไหนไว้เบื้องหลังเลยค่ะ แถมยังส่งเสริมความชอบและความถนัดส่วนบุคคลของเด็ก ๆ ได้ตรงจุด ชัดเจน และถูกใจผู้เรียนแน่นอน

                   

                  เพราะภาษาคือกุญแจสู่โลกกว้าง

                  พัฒนา ทั้ง 3 ภาษา ไปพร้อมกัน ทั้ง ไทย จีน และอังกฤษ นักเรียนจะได้เรียนทั้ง 3 ภาษา ตั้งแต่ระดับอนุบาลจากการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเด็กเล็กจะเริ่มจากการ Listening – Speaking หรือฟังและพูดก่อน แน่นอนว่าที่ TCIS จะใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก การเรียนในรูปแบบ INTERACTIVE ของ TCIS ยิ่งเพิ่มโอกาสในการใช้ภาษาจากการพูดคุย ปฏิสัมพันธ์ กันในระหว่างการทำกิจกรรมในชั้นเรียน นอกจากนี้ ยังมี ECE Program  คือ ในวิชาหลักจะมี 1 Native Speaker-Teacher และ 1 Native-Chinese Teacher สอนร่วมกันในวิชาเดียวกัน จึงทำให้นักเรียน TCIS สามารถใช้ภาษาอังกฤษและภาษาจีนได้คล่องแคล่วมาก

                  ที่โรงเรียน มี Common Core : Reader-Writer Workshop เพื่อกระตุ้นการอ่านเพื่อความเข้าใจ จับใจความและสามารถอภิปรายได้ผ่านหนังสือหลากหลายประเภท สำหรับใครที่อยากเรียนภาษาที่ 4 หรือ 5 (ไม่บังคับ) ก็สามารถเลือกเรียนเพิ่มเติมได้ ยิ่งได้หลายภาษายิ่ง ได้เปรียบ ได้แก่ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี และภาษาสเปน

                  TCIS

                  ผลงานของน้องเล็กที่เรียนรู้ผ่านการเล่น

                  TCIS

                  พี่ๆ อภิปรายกันในคลาส

                  TCIS

                  กิจกรรมในรูปแบบเกมส์

                  TCIS

                  คลาสของพี่โตจะสบายๆนั่งเรียนตรงไหนก็ได้

                   

                  ADVANCED PLACEMENT เริ่มเร็ว พร้อมเร็ว ก็ไปได้ไว

                  หรือที่เรียกย่อๆว่า AP คือหลักสูตรการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกจัดทำโดย College Board หรือหน่วยงานที่จัดสอบ SAT นั่นเองค่ะ  โดยหลักสูตรนี้ถือเป็นโครงการเรียนล่วงหน้าสำหรับน้อง ๆ มัธยมปลาย และมักจะพบบ่อย ๆ ในโรงเรียนนานาชาติหลักสูตรอเมริกัน ที่ TCIS ก็เช่นกัน ( ทั่วไปเริ่มเรียนตอน G.9 ที่ TCIS มีบางวิชาเริ่มตอน G.8 ) ซึ่งเนื้อหาวิชา AP นั้นจะสอนเข้มข้นมากๆ และอาจเป็นตัวเนื้อหาที่เด็กๆจะต้องเจอในระดับมหาวิทยาลัย การเลือกเรียนวิชา AP เสริมจากการเรียนในหลักสูตรปกติและได้คะแนนดี ก็อาจจะสามารถนำผลคะแนนไปแลกเป็นเครดิตวิชานั้น ๆ ในระดับมหาวิทยาลัยเพื่อลดจำนวนวิชาเรียนได้อีกด้วย

                  ทั้งวิชาหลักและวิชารอง ตามรายวิชาต่อไปนี้ค่ะ

                  1. AP Capstone เช่น AP Research, AP Seminar (หมวดวิชานี้จะเน้นการศึกษาค้นคว้าข้อมูล ทำวิทยานิพนธ์และงานวิจัย ทั้งแบบเดี่ยวเเละกลุ่ม)
                  2. AP Arts เช่น Art History, Music Theory
                  3. AP English เช่น Language & Composition, Literature & Composition
                  4. AP History & Social Sciences เช่น Human Geography, Micro/Macroeconomics, World History
                  5. Math & Computer Science เช่น Calculus AB/BC, Computer Science, Statistics
                  6. Sciences เช่น Biology, Chemistry, Physics
                  7. World Languages เช่น Chinese Language & Culture และ Latin

                  ซึ่งในปีที่ผ่านมานักเรียน TCIS ได้ AP PERFECT SCORE ของโลกมา 3 คน ( AP ARTS 2 คน และ AP RESEARCH 1 คน )

                  TCIS TCIS TCIS TCIS TCIS

                  TCIS เป็นโรงเรียนนานาชาติสไตล์อเมริกันที่รองรับและ support นักเรียนเพื่อการเรียนรู้ในทุกรูปแบบเพื่อให้เด็กๆค้นพบศักยภาพของตัวเองผ่านการทำงานเดี่ยว งานกลุ่ม ในบรรยากาศที่หลากหลาย

                   

                  LIFE

                  AFTER SCHOOL ENRICHMENT PROGRAM ให้สนุกกันจุกๆ

                  หลังเลิกเรียน ที่โรงเรียนจะมีกิจกรรมให้เด็ก ๆ ได้เลือก ทั้งติวทางวิชาการและคลับกิจกรรมสนุกสนาน ได้แก่ Chinese Painting, Chess Club, Mindfulness Club, Harry Potter Club, Reader’s Theatre, Taekwando, Performance Showcase, SAT MATH, Minecraft, The Hamster Class Pet Project, Magnatile Building Club, UKULELE, ROBLOX

                  และคลับอื่นๆอีกมากมาย

                   

                  การแข่งขันกีฬาทั้งภายในและภายนอก

                  การแข่งขันกีฬาที่ TCIS จะมีทั้งแบบเดี่ยวและแบบทีม หลากหลายระดับชั้น หลากหลายเชื้อชาติ เด็ก ๆ จะรู้สึกอบอุ่น ใกล้ชิด และได้เรียนรู้ภาษา วัฒนธรรม ช่วยสร้าง Social Skills อย่างเป็นธรรมชาติและที่สำคัญคือการสร้างทักษะความเป็นผู้นำ ความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตัวเอง

                  TCIS TCIS

                  เวลาพักของระดับประถม

                   

                  TCIS

                  ชั่วโมงเครื่องเป่า ดนตรีสากล

                  TCIS

                  น้องอนุบาลกับเพลย์ยิมในห้องเรียน

                  TCIS TCIS

                  P.E. เน้นการพัฒนากล้ามเนื้อและด้านโภชนาการ การทำอาหารสุขภาพ และการคำนวณแคลอรี่

                   

                  WEEK WITHOUT WALL : เข้าค่ายละลายพฤติกรรม

                  เป็นกิจกรรมเพิ่มเติมจาก day trip TCIS คือการจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้ใช้ชีวิตร่วมกันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กันระหว่างนักเรียนและนักเรียนกับคุณครู

                   

                  PEER TUTORING : พี่สอนน้อง

                  เป็นโครงการที่พี่ ๆ จะช่วยมาติววิชาการให้น้องเล็ก ๆ ซึ่งพี่ ๆ ที่จะเข้าร่วมโครงการจะได้รับการประเมินจากคุณครูก่อนว่าสามารถที่จะสอนน้องได้ เป็นโครงการที่ดีต่อใจมากเลยนะคะ น้อง ๆ จะรู้สึกเหมือน “พี่ชาย หรือพี่สาว” มาสอน พี่ ๆ เองก็ฝึกทักษะการถ่ายทอดความรู้ให้เด็ก ๆ ด้วยเช่นกัน การลำดับความคิด การอธิบาย การอภิปราย การยกตัวอย่าง

                  TCIS TCIS

                  ภาษาจีนคือภาษาการสื่อสารที่มาแรง TCIS เริ่มมาตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาล

                  TCIS TCIS

                  ชั่วโมงศิลปะและผลงานของเด็ก ๆ

                  TCIS TCIS

                  เด็กๆใช้เทคโนโลยีได้อย่างดี

                   

                  ENVIRONMENT

                  MENTAL HEALTH IS MATTER

                  ที่ TCIS เป็นโรงเรียนอินเตอร์แบบอเมริกันที่โดดเด่นเรื่องการให้ สิทธิ และเสรีภาพสำหรับนักเรียน แต่ด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิตของนักเรียนเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน TCIS จึงมีนักจิตวิทยา 4 ท่าน  ( 2 ท่านเป็นระดับ PH.D อีก 2 ท่านเป็น Psychology Teacher โดยตรง ) คอยให้คำปรึกษาในด้าน SOCIAL SKILLS และ EMOTION ซึ่งนักจิตวิทยาจะทำงานใกล้ชิดกับคุณครูผู้สอน และคอยเฝ้าสังเกตเด็ก ๆ เสมอ

                   

                  คุณครูต้องทันสมัยเพื่อเข้าใจเด็กๆ + Certified Google Level 1

                  คุณครูที่นี่ได้รับการเทรนให้สามารถใช้ Technology และ Google ได้ดีและมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการการเรียนการสอน เพราะโลกก็เปลี่ยนไปทุกวัน คุณครูต้องทันสมัย

                  การค้นพบใหม่ๆ ก็ทำให้การศึกษาเปลี่ยนไปอยู่ตลอด คุณครูต้องเปิดกว้าง มีความรู้สดใหม่อยู่เสมอซึ่งจะทำให้นักเรียนและคุณครูเข้าใจและคุยภาษาเดียวกัน

                  TCIS TCIS TCIS TCIS

                  ครูต่างชาติจะเป็น Native Speaker ที่จบด้าน Education โดยตรงและต้องได้เกียรตินิยมด้วยที่สำคัญต้องสามารถถ่ายทอดความรู้ให้นักเรียนได้เป็นอย่างดี

                   

                   

                  Mommy’s Love This ถูกใจแม่ !

                  1. Native Teachers ของ TCIS จะต้องจบด้านการศึกษามาโดยตรง รับรองว่าเด็ก ๆ จะได้ความรู้อย่างเต็มที่แน่นอน
                  2. After school Enrichment Program ชั้นเรียนกลุ่มย่อยหลังเลิกเรียน เพื่อเติม เพื่อเสริมทักษะ ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ สังคม ภาษาไทย ภาษาจีน และคลับกิจกรรมสุดมันส์ให้เด็กๆระเบิดพลังกันเต็มที่
                  3. ความเป็น American Style School ที่ทำให้เด็กๆมี FREEDOM ทางความคิดที่ทุกคนให้เกียรติ
                  4. ผู้ปกครองสามารถเข้าร่วมทุกกิจกรรมวันสำคัญต่าง ๆ ภายในโรงเรียน เพราะทางโรงเรียนอยากให้ผู้ปกครองอยู่ร่วมกันในวันที่เด็กมีความสุข
                  5. ที่โรงเรียนจัดประชุมตัวแทนผู้ปกครองทุกระดับชั้น ในวันอังคาร ทำให้พูดคุยและแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

                  TCIS TCIS TCIS TCIS

                  ชีวิตของเด็กๆ TCIS ที่สุขและสนุก

                   

                  TCIS

                  Dr.Michael Purser หนึ่งในคณะผู้บริหารโรงเรียน

                   

                  TCIS

                  คุณครูรุ้ง เพ็ญพร แก้วมาก หนึ่งในคณะผู้บริหารโรงเรียน

                   

                  อัตราค่าเล่าเรียน ( โดยประมาณ )

                  PK2 – PK4 (เตรียมอนุบาล) : ประมาณปีละ 340,241 บาท (สำหรับนักเรียนใหม่-รวมค่าสมัคร)

                  KG (อนุบาล) : ประมาณปีละ 440,241 บาท (สำหรับนักเรียนใหม่-รวมค่าสมัครและค่าแรกเข้า)

                  G.1-2  :ประมาณปีละ 475,244 บาท (สำหรับนักเรียนใหม่-รวมค่าสมัครและค่าแรกเข้า)

                  1. 3-5 :ประมาณปีละ 480,836 บาท (สำหรับนักเรียนใหม่-รวมค่าสมัครและค่าแรกเข้า)
                  2. 6 : ประมาณปีละ 507,928 บาท (สำหรับนักเรียนใหม่-รวมค่าสมัครและค่าแรกเข้า)
                  3. 7-9 : ประมาณปีละ 508,096 บาท (สำหรับนักเรียนใหม่-รวมค่าสมัครและค่าแรกเข้า)
                  4. 10-11 : ประมาณปีละ 531,656 บาท (สำหรับนักเรียนใหม่-รวมค่าสมัครและค่าแรกเข้า)

                  รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามทางโรงเรียนโดยตรง

                   

                  THAI-CHINESE INTERNATIONAL SCHOOL

                  101/177 Moo 7 Soi Mooban Bangpleenives,

                  Prasertsin Rd. Bangplee Yai, Samutprakarn Thailand 10540

                  Email: [email protected]

                  Phone: +66-2-751-1201

                   

                  Editor : แม่พลอยผิง

                  ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

                    ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา

                    ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา โรงเรียนเรียบง่ายสไตล์วอลดอร์ฟ เชื่อมโยงการเรียนรู้ระหว่างชีวิตธรรมดา ธรรมชาติ และมนุษย์

                    ความประทับใจแรกเมื่อทีมแม่ ABK ได้มาถึงที่ ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา คือ ภาพบรรยากาศของบ้านอันอบอุ่น อาคารไม้รูปตัวแอล ต้นไม้ แปลงผัก ผืนนาขนาดย่อม กระท่อมดิน ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติและปลอดภัย จนแทบจะไม่อยากเชื่อว่าโรงเรียนแห่งนี้อยู่ในกรุงเทพมหานคร! School Visit วันนี้เราจะพามาเยี่ยมชม ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา โรงเรียนที่ใช้ปรัชญาและแนวทางการศึกษาแบบ “วอลดอร์ฟ” เน้นเรื่องของการเชื่อมโยงมนุษย์กับจักรวาล โดยมีมุมมองว่า เด็กควรได้เล่นอย่างอิสระ ชีวิตเรียบง่ายกลมกลืนกับธรรมชาติ คุณพ่อคุณแม่บ้านไหนสนใจโรงเรียนรูปแบบ “วอลดอร์ฟ” โรงเรียนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีไม่น้อย

                    ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา ตั้งอยู่ย่านสุขาภิบาล 5 เขตสายไหม เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล – ประถมศึกษาปีที่ 6  เน้นให้เด็กๆได้ใช้พลังทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา ด้านศิลปะ และด้านการปฏิบัติตามศักยภาพของตนเองโดยผ่านกิจกรรม 3 อย่างคือ กิจกรรมทางกาย ผ่านอารมณ์ -ความรู้สึกและผ่านการคิด พัฒนาตามวัยและไม่เร่งเรียน แต่เรียนในสิ่งที่ต้องรู้ ซึ่งทุกอย่างคือทักษะชีวิต

                    เด็กเล็ก (ชั้นอนุบาล)  วัยเลียนแบบ

                    เด็ก ๆ จะได้เรียนแบบชั้นคละอายุ พี่ดูแลน้อง น้องเรียนรู้จากพี่ และเรียกคุณครูหรือผู้ดูแลว่า “คุณป้า” “คุณน้า” “คุณอา” เพื่อให้เด็ก ๆ รู้สึกเหมือนโรงเรียนก็คือครอบครัว พากันลงมือทำกิจกรรม เพราะการกระทำมีความหมาย เด็ก ๆ จะเรียนถึง “ ที่มาและที่ไป ” ของทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นบทเรียนเบื้องต้นของ “ ความเป็นเหตุและผล ” นั่นเอง  ส่วนกิจกรรมของเด็กเล็ก ได้แก่ เล่นอิสระ จัดของว่างด้วยตัวเอง ระบายสีน้ำ อบขนม Hiking และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งดูเหมือนเป็นแค่กิจกรรมทั่วไป แต่ความจริงแล้วกลับมีเนื้อหาวิชาการสอดแทรกอยู่แนบเนียนเลยนะคะ

                    • การเล่นอิสระ = พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก-ใหญ่ และทักษะการสื่อสาร การอยู่ร่วมกันในสังคม
                    • การอบขนม = ความรู้วิชาคณิตศาสตร์เรื่องการชั่งตวงวัด ความรู้วิทยาศาสตร์เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสสาร
                    • การสร้างงานศิลปะ = การใช้ความคิดในการสร้างสรรค์ จะต้องใช้สมองซีกซ้ายและขวาพร้อมกัน การทำงานของจินตนาการ ถ่ายทอดออกมาทางการเคลื่อนไหวของร่างกายให้เชื่อมโยงและเป็นไปตามที่วาดไว้ในใจ

                    ชั้นประถมศึกษา 1-6 “ ปูพื้นฐาน

                    พี่ประถมจะได้เรียนรู้และพัฒนาตามวัย ไม่เร่งเรียน แต่เรียนในสิ่งที่ต้องรู้ ซึ่งทุกอย่างคือทักษะชีวิต

                    • ภาษาต่าง ๆ : เด็ก ๆ ได้เรียนรู้จากภาพสู่ตัวอักษรตามหลักการ Phonics โดยพัฒนาด้าน ”การพูดและการฟัง” ให้คล่องแคล่ว.. ผ่านเพลง เล่นเกมส์ นิทาน ก่อนที่จะขยับมาอ่านและเขียน เมื่อเด็กพร้อม เป็นลำดับถัดไป
                    • วิชาคณิตศาสตร์ :จะเรียนรู้ผ่านกิจกรรม การเคลื่อนไหว การคำนวณ และศิลปะ ใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบประสบการณ์และการสัมผัสจริง เช่น การถักนิตติ้ง เริ่มตั้งแต่การทำไม้สำหรับถัก การนับห่วง สำหรับเด็ก ป.3 ถักโครเชต์ เท่ากับได้เรียนพื้นฐานของเลขอนุกรมเลยนะคะ
                    • วิชาวิทยาศาสตร์ : เริ่มจากการเรียนรู้จากธรรมชาติ -พืช-สัตว์-มนุษย์ และเพิ่มระดับความยากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งท้ายที่สุดเด็ก ๆ จะเป็นผู้สรุป หรือ ค้นพบข้อเท็จจริงนั้น ๆ ได้ด้วยตัวเอง
                    • งานฝีมือ : เด็ก ๆ จะได้ลงมือทำเครื่องใช้ไม้สอยด้วยตัวเอง ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดต่าง ๆ ฝึกความอดทนในการทำงาน และได้สมาธิ
                    • ประวัติศาสตร์และตำนาน :เรียนรู้เรื่องราวในอดีตเพื่อให้เด็ก ๆ รับทราบถึงต้นกำเนิดของตนเองและของมนุษย์ และเคารพมรดกของบรรพบุรุษจะช่วยให้พวกเขาเข้าใจถึงการดำรงอยู่อย่างลึกซึ้ง..สู่อนาคตที่มีความหมาย
                    • ภูมิศาสตร์ : พาเด็ก ๆ สู่โลกภายนอกและความมหัศรรย์ของธรรมชาติ พัฒนาความตระหนักรู้ถึงคุณค่าของธรรมชาติ และความรับผิดชอบต่อมนุษย์และโลก
                    • ศิลปะ : ช่วยสนับสนุนและเพิ่มมิติอื่น ๆ ให้กับบทเรียนหลัก เสริมสร้างความสามัคคีในการพัฒนาเด็กเพื่อสร้างการเรียนรู้ที่มีชีวิตชีวา ผสมผสานการคิดด้วยความรู้สึกและสุนทรียภาพและส่งไปยังหัวใจและมือก่อนถึงสมอง ศิลปะที่เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ ได้แก่ การปั้น สีน้ำ การวาดภาพ การร้องเพลง และการเล่นเครื่องดนตรี
                    • การแสดงละคร : เป็นกิจกรรมที่นิยมมากในกลุ่มโรงเรียนหลักสูตรวอลดอร์ฟเพราะเป็นสุดยอดการบูรณาการทุกศาสตร์ในคราวเดียว ทั้งการอ่านบททำให้ฝึกภาษาและการท่องจำ เล่นได้ทุกบท ทุกคนเล่นเป็นอะไรก็ได้ เป็นการเตรียมความพร้อมและฝึกการไม่ยึดติด เตรียมบท เตรียมอุปกรณ์ประกอบ ฯลฯ ได้ทักษะกระบวนการคิด วางแผน ตัดสินใจ

                    และแน่นอนที่สุดคือ เด็ก ๆ จะกล้าแสดงออกและเกิดความภาคภูมิใจ งานทุกอย่างจะไม่สำเร็จหากไม่มีตนเองและไม่เป็นทีม

                    ศิริ์รัถยาแตกต่างอย่างไร ?

                    1. เล่นของเล่นที่ไม่ซับซ้อน ของเล่นที่ไม่ใช่ของเล่นสำเร็จรูป เป็นของเล่นที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติธาตุทั้ง 4 จะช่วยต่อยอดสร้างจินตนาการให้กับเด็ก ๆ
                    2. เรียนให้เหมือนเล่น และเป็นทักษะชีวิต โดยที่เด็ก ๆ จะไม่รู้เลยว่าแต่ละงานที่ทำอยู่นั้นคือ ทักษะชั้นสูง ของแต่ละรายวิชา
                    3. ใช้ชีวิต ใกล้ชิดธรรมชาติตามพื้นฐานปัจจัยสี่ของมนุษย์ อาหาร ยา เครื่องนุ่งห่ม ที่พักอาศัย วัตถุยิ่งน้อยเด็กๆยิ่งเรียนรู้มาก ลง-ลึก-ซึ้ง-ตั้งใจ-อดทน อันเป็นคุณสมบัติที่ดีของ “Long Life Learner”
                    4. ศิลปะเยอะมาก เพราะจะช่วยการสร้าง Balance + Harmonized ของสภาวะของเด็ก ณ ตอนนั้นๆ
                    5. ดนตรียูริธมี่ บำบัดรักษาแบบองค์รวม ปรับสมดุลอวัยวะทั้งหมด โดยเฉพาะระบบประสาท ระบบหายใจ และระบบย่อยอาหาร ทำให้ร่างกายเชื่อมโยงกับธรรมชาติรอบตัวมากขึ้น ทำให้เกิดสมดุลทั้งความคิด จิตสำนึก ความรู้สึก อันจะนำไปสู่ความสำเร็จได้ด้วยตนเอง

                    ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา

                    เด็กๆสามารถประดิษฐ์ของเล่นหรือเครื่องใช้ได้ด้วยตัวเอง

                     

                    ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา

                     ชั่วโมงดนตรียูริธมี่

                    ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา

                    เด็ก ๆ กำลังปั้นดินน้ำมัน “ตัวละคร” สำหรับนิทานที่คุณครูกำลังจะเล่าค่ะ

                    ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา

                    ของเล่นสไตล์วอลดอร์ฟจะเรียบง่ายและไม่ใช่ของเล่นสำเร็จรูป

                    ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา

                    กิจกรรมในแต่ละวัน

                    ไม่มีประโยคคำสั่ง ใช้วิธีการการเชิญชวนแนวบวก

                    ที่นี่จะใช้สัญญาณในการยุติและเริ่มกิจกรรมต่าง ๆ ใช้การร้องเพลงแทนการบอกให้ทำ การออกคำสั่ง เราจะได้ยินเสียงเพลงที่ศิริ์รัถยากันบ่อยครั้ง แม้ว่าจะไม่ใช่ชั่วโมงดนตรี ส่วนเนื้อเพลงเองก็เกี่ยวกับธรรมชาติหรือกิจกรรมที่กำลังทำ

                    เด็กๆได้ยินคุณครูร้องเพลง ..ก็จะรู้หน้าที่แล้วว่า ต้องช่วยกันเก็บของ มานั่งโต๊ะ ทุกคนร้องตามได้ เต้นเข้าจังหวะ จับมือล้อมวง

                    วิธีนี้เองที่ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกไม่กลัวโลก ไว้ใจ สร้างความอบอุ่น อ่อนโยน

                    ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา

                    เด็ก ๆ เล่นกับธรรมชาติ

                    สิ่งแวดล้อม

                    กระท่อมห้องเรียนของน้องอนุบาล..และเรือนไม้ตัว L ของพี่ชั้นประถม..คือสถานที่ที่เพียงพอต่อการเรียนรู้ ที่นี่ไม่เน้นความทันสมัยในแง่ของวัตถุ หรือสารพัดอุปกรณ์สำเร็จรูป ความเรียบง่ายและธรรมชาติจะทำให้เด็ก ๆ ตระหนักถึงความพอเพียงในภายภาคหน้า และสามารถต่อยอดให้สิ่งต่าง ๆ ซับซ้อนขึ้นได้ด้วยตัวเอง จัดทุกอย่างให้พอเพียงและธรรมดาให้เด็ก ๆ ได้อยู่กับความง่าย ไม่ปรุงแต่ง เด็ก ๆ จะเติบโตได้ตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องรีบเร่ง

                    อาคารเรียนรูปตัว L

                     

                    งานบริการ

                    งานบ้านอาจจะไม่ใช่กิจกรรมหรือหน้าที่ของหลาย ๆ ครอบครัวใช่ไหมคะ แต่ที่ศิริ์รัถยาไม่เป็นอย่างนั้นค่ะ เด็ก ๆ  ต้องตระเตรียมกันเอง แบ่งหน้าที่และช่วยกันทำ จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ ก็จะเห็นเด็ก ๆ ถือจานและหม้อมาล้าง เก็บอาหารที่เหลือใส่กล่อง เป็นการปลูกฝังว่า งานบ้านไม่ใช่แค่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง ช่วยกัน เสร็จเร็ว ก็ได้พักผ่อนไว

                     เด็ก ๆ กับภารกิจในแต่ละวัน

                     

                    เผชิญกับความลำบาก

                    สิ่งต่าง ๆ ที่เริ่มจากศูนย์ เป็นความลำบากและท้าทายสำหรับเด็ก ๆ นะคะ เด็ก ๆ จะมีเพียงวัตถุดิบธรรมชาติเบื้องต้น แล้วต้องต่อยอดเองเป็นสิ่งของ หรือของเล่นต่าง ๆ ด้วยตนเอง การลงมือทำ มักจะเกิดความผิดพลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่พบเจอได้บ่อย แต่เด็ก ๆ ที่ ศิริ์รัถยาจะไม่กลัวความล้มเหลวและความลำบาก แต่จะมุมานะทำจนสำเร็จ สิ่งนี้คือเคล็ดลับชั้นยอดในการเป็น Long Life Learner ที่แท้จริง

                    คุณเอกวัฒน์ สุวันทโรจน์ (พ่อเอก) ผู้ปกครองและหนึ่งในผู้ก่อตั้งโรงเรียน

                    ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา

                    คุณครูปุ้ย จุฑามณี ไมตรีจิตร์

                    Mommy’s Love This ถูกใจแม่ !

                    1. ความเรียบง่ายอย่างเป็นธรรมชาติของสิ่งต่าง ๆ ในโรงเรียนช่วยให้เด็ก ๆ เติบโตได้อย่างสมวัย
                    2. เด็ก ๆ ที่นี่มีสมาธิ มีความตั้งใจ อดทนและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
                    3. เมื่อได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม แสงแดด สายลม ต้นไม้ เด็ก ๆ ไม่ป่วยบ่อย
                    4. โรงเรียนปลูกฝังสำนึกในการรู้จักใช้ รักษ์โลก ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่เล็ก
                    5. ลูก ๆ ไม่งอแงเมื่อต้องไปโรงเรียน (และไม่อยากกลับบ้านด้วยเช่นกันค่ะ)
                    6. ทางโรงเรียนมีการคุยและแบ่งปันความรู้ในเรื่องพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ ความเปลี่ยนแปลงแต่ละช่วงวัยของเด็ก ๆให้แก่ผู้ปกครอง เช่น วัยนี้คุณพ่อคุณแม่จะเจอพัฒนาการอะไร – บอกเล่า ทำความเข้าใจ หรือ เตรียมใจล่วงหน้า

                    อัตราค่าเล่าเรียน ต่อเทอม ( 2 เทอมต่อ 1 ปีการศึกษา )

                    เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล – ประถมศึกษาปีที่ 6

                    ระดับชั้นอนุบาล : 31,500 บาท

                    ชั้นประถม 1-4 : 33,000 บาท

                    ชั้นประถม 5-6 : 34,500 บาท

                    (ป.6 เตรียมอาหารกลางวันมาเอง)

                    สำหรับ ป.5-6 มีค่าเรียนดนตรีสากล 6,000 บาท

                    และค่าเรียนดนตรีไทยและนาฏศิลป์ 4,000 บาท

                    ศูนย์การเรียนศิริ์รัถยา

                    ที่อยู่: 3/20 สุขาภิบาล 5 ซอย 32 แยก 3 แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร 10220

                    เบอร์ติดต่อ: ธุรการ 064-465-9624, 087-488-4887
                    อีเมล: [email protected]

                    ศิริ์รัถยา การศึกษาทางเลือก วอลดอร์ฟ – Siratthaya Waldorf Learning Center

                    Editor : แม่พลอยผิง

                    ภาพ : กรานต์ชนก   บุญบำรุง

                      เครื่องปั๊มนม All in One เครื่องเดียวจบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์แม่นักปั๊ม

                      คุณแม่ใกล้คลอดที่กำลังมองหาเครื่องปั๊มนมดีๆ สักเครื่องเตรียมไว้ใช้หลังคลอด แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะเลือกเครื่องปั๊มนมแบบไหนดี เครื่องปั๊มนมไฟฟ้า หรือเครื่องปั๊มนมพกพา เครื่องปั๊มนมไร้สาย หรือเครื่องปั๊มนมมีสาย แบบไหนจะตอบโจทย์ที่สุดในสถานการณ์จริง หลายคนซื้อไปแล้ว ต้องซื้อเพิ่มเพราะไม่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ คุณแม่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปหากเลือกเครื่อง เครื่องปั๊มนม All in One ที่สามารถตอบทุกโจทย์ของทุกแม่ทุกสไตล์ในเครื่องเดียว

                      เครื่องปั๊มนม All in One เป็นอย่างไร

                      ไม่ว่าไลฟ์สไตล์คุณแม่เป็นแบบไหน คุณแม่ Working mom หรือคุณแม่ Full time ปั๊มที่บ้าน หรือ ปั๊มที่ทำงาน หรือพร้อมพกพาไปปั๊มนอกบ้านทุกที่ทุกเวลา ชอบแบบ Hand Free ไร้สาย ทำงานไปด้วยได้ ไม่ต้องกลัวตกรอบปั๊ม หรือชอบแบบมีสายดูดลึกเกลี้ยงเต้า เพื่อทำสต็อคระยะยาว เครื่องปั๊มนมที่ตอบโจทย์คุณแม่ยุคนี้มากที่สุด คือ เครื่องปั๊มนม All in One จากแบรนด์ imani ที่สามารถทำได้ครบ จบทุกอย่างที่กล่าวมาในเครื่องเดียวค่ะ

                      IMANI i2 Plus พร้อม iBox

                      เครื่องปั๊มนมรุ่นนี้แบ่งออกเป็น i2 Plus ปั๊มนมแบบไร้สาย และ iBox ปั๊มนมแบบมีสาย ช่วยให้คุณแม่สะดวกสบาย สามารถเลือกใช้ตามความต้องการในแต่ละวันได้อย่างลงตัว

                      • IMANI i2 Plus ปั๊มนมไร้สาย ที่สุดของความสะดวก

                      ขายดีอันดับ 1 จากประเทศเกาหลี ใช้งานได้แบบไร้สาย และแฮนด์ฟรี ไม่ต้องคอยจับ ทำงานไปด้วยสบายๆ ปั๊มนุ่ม ดูดลึก เครื่องเล็ก น้ำหนักเบา พกพาสะดวก และที่สำคัญเสียงเงียบ จึงปั๊มได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่มีตกรอบปั๊มแน่นอน!

                      IMANI i2 Plus มาพร้อม 2 โหมดปั๊มอัจฉริยะ ได้แก่ โหมดนวดกระตุ้นน้ำนม และหมวดรีดน้ำนมและยังสามารถปรับความแรงได้ 5 ระดับ ตั้งแต่ 50-300 mmHg ตามความต้องการ

                      • iBox ปั๊มนมมีสาย ที่สุดของความเกลี้ยงเต้า

                       

                                                            เครื่องปั๊มนมเกรดโรงพยาบาล ทำงานพร้อมกันถึง 3 มอเตอร์ สามารถปรับรอบปั๊มและความแรงได้อย่างละเอียด เหมาะสำหรับตั้งแต่คุณแม่มือใหม่ที่ต้องการความนุ่มนวล ไปจนถึงคุณแม่มือโปรทำสต๊อคนมระยะยาวที่ต้องการดูดแรงดูดลึก เกลี้ยงเต้า

                      iBox มาพร้อม 2 โหมดปั๊มอัจฉริยะ ได้แก่ โหมดนวดกระตุ้นน้ำนม และหมวดรีดน้ำนม เช่นเดียวกัน i2Plus แต่สามารถปรับรอบปั๊มได้ 3 ระดับ และยังปรับความแรงได้อย่างละเอียดถึง 9 ระดับ ตั้งแต่ 50-300 mmHg หมดห่วงปัญหาท่อน้ำนมอุดตันไปได้เลย!

                      นอกจากนี้ iBox สามารถเป็นแท่นชาร์จสำหรับ imani i2 Plus จึงสามารถชาร์จพร้อมกันได้ 2 เครื่อง เป็นนวัตกรรมสุดล้ำที่คิดค้นมาอย่างดีจริงๆ ค่ะ

                      เครื่องปั๊มนม imani จึงเป็น เครื่องปั๊มนม All in One แบรนด์แรกและแบรนด์เดียวในไทย! ที่ให้คุณแม่ใช้งานได้แบบมัลติฟังก์ชั่น ไร้สายก็สะดวก มีสายก็ดูดเกลี้ยง สบายเต้า ทั้งยังมีแท่นชาร์จในตัว นวัตกรรมล่าสุดจากประเทศเกาหลี ที่ผ่านมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ระดับสากร USFDA / ISO13485 / IEC / CE / cGMP / K-GMP และ อย.ไทย ปลอดภัยไร้สารก่อมะเร็ง BPA FREE

                      รับประกันเครื่องและแบต 1 ปี ประกันเริ่มหลังคลอดได้ และมีเครื่องสำรองให้ใช้ระหว่างซ่อมอีกด้วย ย้ำอีกรอบว่า คุ้ม ครบ จบในเครื่องเดียวจริงๆ ค่ะ

                      ด้วยนวัตกรรมการใช้งานแบบมัลติฟังก์ชั่น ที่ตอบโจทย์คุณแม่ได้ทุกไลฟ์สไตล์ ทีมบรรณาธิการ Amarin Baby & Kids จึงคัดเลือกให้ imani ได้รับรางวัลสุดยอดเครื่องปั๊มนมมัลติฟังก์ชั่น BEST MULTIFUNCTION BREAST PUMP สาขา IEditor’s Choice จาก “Amarin Baby & Kids Awards 2023”

                      ฃสามารถติดต่อ imani thailand เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม และชมทดลองใช้เครื่องปั๊มนม ได้ที่ www.imanithailand.com

                        อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ

                        รวมข้อดีของ อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ ช่วยให้แม่เห็นลูกแบบชัดๆ

                        มาถึงครึ่งทางของการตั้งครรภ์แล้ว คุณแม่ท้องเป็นอย่างไรกันบ้างเอ่ย? เชื่อว่าทุกคนคงเหนื่อย แต่ก็อดมีความสุขไม่ได้แน่ ๆ มาในสัปดาห์ที่ 20 นี้คุณแม่จะได้พบหน้าลูกครั้งแรกโดยผ่านการอัลตร้าซาวด์ค่ะ และอาจจะรู้ด้วยว่าลูกของเราเป็นเด็กชายหรือเด็กหญิง ถ้าลูกไม่ขี้อายเอามือมาปิดเสียก่อน

                        ตรวจอะไรได้บ้าง

                        1. วัดขนาดของลูกน้อย

                        เพื่อดูว่าลูกของเรามีการเจริญเติบโตเหมาะสมกับอายุครรภ์หรือไม่ โดยคุณหมอจะวัดขนาดศีรษะ เส้นรอบท้อง และความยาวของกระดูกต้นขา หากลูกมีการเติบโตน้อยกว่าอายุครรภ์ คุณหมออาจนัดตรวจซ้ำอีกหลายครั้งเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด เนื่องจากทารกที่มีภาวะเจริญเติบโตช้าเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น ความผิดปกติของยีน ความพิการ ทุพโภชนาการ มารดาเจ็บป่วย รกผิดปกติ ตั้งครรภ์แฝด หรือตัวเล็กโดยธรรมชาติ เป็นต้น

                        2. ดูตำแหน่งของรก

                        โดยปกติรกมักอยู่ด้านบนของมดลูก หากพบว่ารกเกาะต่ำ อาจมีแนวโน้มว่ามีเลือดออกทางช่องคลอดได้ในไตรมาสที่ 3 และมักต้องผ่าคลอด ซึ่งคุณหมอจะคอยติดตามผลอย่างใกล้ชิด

                        3. ตรวจปริมาณของน้ำคร่ำ

                        เพื่อดูว่าคุณแม่มีมากหรือน้อยเกินไป หากมีน้ำคร่ำน้อยกว่า 400 ซีซี เรียกว่าน้ำคร่ำน้อย ส่วนมากมักเกิดจากทารกมีความพิการมาแต่กำเนิด น้ำคร่ำรั่ว รกลอกตัวก่อนกำหนด ฯลฯ หากมีมากกว่า 2,000 ซีซี เรียกว่าน้ำคร่ำมาก เกิดจากความพิการของทารกเช่นเดียวกัน รวมไปถึงคุณแม่ที่เป็นเบาหวานแบบควบคุมไม่ได้ การตั้งครรภ์แฝด ฯลฯ

                        4. ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ

                        ตรวจว่าหัวใจทำงานปกติหรือไม่ ปกติแล้วลูกน้อยจะมีอัตราการเต้นของหัวใจ 120-180 ครั้งต่อนาที

                        5. ตรวจดูโครงสร้างและอวัยวะ

                        ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ได้แก่ ศีรษะ คอ หน้าอก หัวใจ กระดูกสันหลัง กระเพาะอาหาร ไต กระเพาะปัสสาวะ ขา แขน และสายสะดือ

                        6. ตรวจดูภาวะดาวน์ซินโดรม

                        ซึ่งสามารถตรวจได้เมื่ออายุครรภ์ 16-20 สัปดาห์เท่านั้น โดยสังเกตความผิดปกติดังนี้

                        1. ถุงน้ำในเนื้อเยื่อสร้างน้ำไขสันหลัง
                        2. ความหนาของเนื้อต้นคอ
                        3. จุดสีขาวเข้มในหัวใจ
                        4. ข้อกลางของนิ้วก้อยสั้นหรือไม่มี
                        5. กรวยไตกว้าง
                        6. ความเข้มของลำไส้
                        7. นิ้วหัวแม่เท้าและนิ้วชี้ห่างกัน ฯลฯ

                        หากพบความผิดปกติ คุณหมอมักแนะนำให้ตรวจเจาะน้ำคร่ำต่อไป

                        7. ตรวจดูเพศของลูก

                        ในสัปดาห์ที่ 20 นี้ อวัยวะเพศของลูกพัฒนาสมบูรณ์แล้ว จึงสามารถรู้ได้ว่าลูกน้อยในครรภ์เป็นเพศใด หากคุณแม่ยังไม่อยากทราบเพศของลูก ควรแจ้งคุณหมอล่วงหน้าค่ะ

                        ท้อง 2 เดือน อัลตราซาวด์

                        เลือกอัลตร้าซาวด์กี่มิติดี?

                        ปัจจุบันนี้เราสามารถอัลตราซาวด์ได้ 4 มิติแล้ว ซึ่งการตรวจอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ นี้เป็นคลื่นเสียงความถี่สูง ถูกส่งผ่านวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว มีการเก็บข้อมูลต่อเนื่องตามระยะเวลาที่ตรวจ จึงสามารถเห็นทารกเคลื่อนไหวอยู่ในครรภ์มารดาเสมือนจริงแบบ Real-time สามารถเห็นกริยา อาการ และอิริยาบถที่กำลังกระทำอยู่ในขณะตรวจครรภ์ เช่น การหาว การขยับนิ้ว การหันหน้า การได้ยินเสียงหัวใจลูกน้อยเต้น เป็นต้น ที่ดูต่อเนื่องกันไปเป็นภาพเคลื่อนไหวเหมือนดูภาพยนตร์ซึ่งต่างจากอัลตราซาวด์ 3 มิติ ช่วยให้สามารถศึกษาพฤติกรรมต่างๆ ของทารกในครรภ์ได้อย่างชัดเจน

                        ข้อดีของการ อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ (Ultrasound 4D)

                        นอกจากนี้ อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ จะเป็นภาพที่ดูง่ายสำหรับบุคคลทั่วไป และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการวินิจฉัยความผิดปกติของอวัยวะภายนอก เช่น ปากแหว่ง นิ้วมือ เท้าเกิน เป็นต้น การที่คุณพ่อคุณแม่สามารถมองเห็นลูกน้อยได้ ยังเป็นการสร้างความผูกพันในครอบครัวระหว่างพ่อแม่ลูกให้เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่ทารกยังอยู่ในครรภ์อีกด้วย แพทย์ยังสามารถทำการประเมินว่าทารกมีการเจริญเติบโตและมีพัฒนาการใน ครรภ์ที่เหมาะสม อาทิ

                        • ตำแหน่งทารก สายสะดือ และปริมาณน้ำคร่ำที่อยู่รอบทารก
                        • โครงสร้างกะโหลกศีรษะ และสมองทารก
                        • แขน ขา มือ เท้า และนิ้ว
                        • หัวใจ และการไหลเวียนเลือดของ ทารก
                        • กระดูกสันหลัง กระเพาะอาหาร กระเพาะปัสสาวะ และไต
                        • ใบหน้า และอวัยวะต่างๆ บนใบหน้าของ ทารก
                        • อัตราการเจริญเติบโตของทารก ขนาดรอบศีรษะ ความยาว และน้ำหนัก
                        • สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่อยากทราบแบบใจจดใจจ่อ คือ เพศของทารก

                        อย่างไรก็ตาม ความผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจจะไม่สามารถใช้อัลตราซาวด์ดูได้ ณ ขณะนั้น อาจจะต้องรอจนทารกตัวโตพอสมควร หรือคลอดมาแล้วจึงจะตรวจพบก็ได้ ข้อดีอีกด้านของอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ คือ สามารถบันทึกภาพการตรวจอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ (เปิดได้จากเครื่องเล่น DVD และคอมพิวเตอร์) อายุครรภ์ที่เหมาะสมในการตรวจอัลตร้าซาวด์ประเภทนี้สามารถตรวจได้ทุกช่วงวัย สูตินรีแพทย์จะส่งตรวจอัลตราซาวด์เป็นระยะ โดยภาพที่เห็นก็จะแตกต่างกันออกไปตามพัฒนาการลูกน้อย

                        เครื่องอัลตร้าซาวด์มีความปลอดภัยสูง สามารถตรวจได้ตลอดการตั้งครรภ์ โดยไม่จำเป็นต้องจำกัดจำนวนครั้ง และยังมีรายงานการรับรองจากองค์การอาหารและยาในสหรัฐอเมริกา (FDA) ว่าการตรวจอัลตราซาวด์ในระหว่างตั้งครรภ์ ไม่มีรายงานพบว่าก่อให้เกิดความผิดปกติต่อมารดา และทารกแต่อย่างใด

                        ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> https://phyathai3hospital.com/home/


                        ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท 3 (เพชรเกษม 19)

                          ผมบางของคุณแม่ รับมือด้วย Premium Hair Booster

                          นอกจากการมอบประสบการณ์การปลูกผมแสนพิเศษที่เต็มไปด้วยความใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่วันแรกที่คนไข้ก้าวเข้ามาปรึกษาปัญหากับแพทย์ผู้ชำนาญการ จนถึงวันที่แพทย์ลงมือทำหัตถการปลูกผมให้ด้วยตนเองแบบเส้นต่อเส้น และดูแลต่อเนื่องหลังปลูกผมไปอีกตลอด 1 ปีเต็ม

                          คุณหมอนิน พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม นามนินคลินิก  และอาจารย์พิเศษ หลักสูตรปริญญาโท วิชา Hair Transplantation  สาขาวิชาเวชศาสตร์ความงาม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้คิดค้นการบริการบำรุงผมแบบใหม่ ที่ใช้ชื่อว่า Premium Hair Booster ซึ่งที่มาของความ Premium นั้นก็คือการที่คุณหมอนินเป็นผู้พัฒนาสูตรนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อเป็นตัวช่วยระดับท็อปในการ Boost ผมให้กลับมาแข็งแรงสุขภาพดีได้อีกครั้ง

                          Premium Hair Booster เหมาะสำหรับใคร

                          โปรแกรมบำรุงผมขั้นสุด Premium Hair Booster ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนรักเส้นผมทุกคนที่ต้องการฟื้นฟูดูแลผม ผมร่วง ผมบาง ผมบางผู้หญิงให้กลับมาสุขภาพดีจากภายใน และยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมร่วงและผมบางในระยะเริ่มต้น ไม่ว่าจะเกิดจากกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการใช้สารเคมีในการแต่งผม

                           

                          โดยยังไม่จำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมใหม่ ก็สามารถรับบริการ Premium Hair Booster เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผมที่คุณรักได้ รวมถึงผู้ที่เข้ารับการปลูกผมมาแล้ว ก็ยังช่วยเสริมความแข็งแรงและความหนาแน่นของเส้นผมขึ้นไปอีกระดับ สามารถพิสูจน์พลังบำรุงของ Premium Hair Booster ได้เช่นกัน

                          ปลอดภัย ใช้ชีวิตได้ปกติ

                          Premium Hair Booster มีความปลอดภัยและให้ความสะดวกสบายสูงสุดระดับ Premium ด้วยเช่นกัน เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะ เพื่อตรงเข้าซ่อมแซมรากผมที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างรากผมใหม่ โดยไม่มีอาการเจ็บ ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ หลังรับบริการใช้ชีวิตได้ปกติ

                          รู้สึกดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก

                          Premium Hair Booster จะทำงานโดยการส่งอนุภาคขนาดเล็กเข้าไปช่วยเสริมสร้างและยับยั้งกลไกการอักเสบต่าง ๆ  รวมถึงชะลอความเสื่อม ดูแลรากผมให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ดังนี้

                          • อาการผมร่วงเริ่มลดลง
                          • รากผมเริ่มกลับมางอกใหม่ทำให้เส้นผมอ่อนเริ่มขึ้นมา
                          • เส้นผมจะมีขนาดใหญ่ขึ้นและเพิ่มความหนาแน่นขึ้น
                          • เส้นผมที่ดูอ่อนแอขาดการบำรุงเริ่มแข็งแรงดกดำเงางามสุขภาพดี

                           

                          เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น แนะนำควรรับบริการ อย่างน้อย 3 ครั้ง

                          Premium Hair Booster นำเทคโนโลยีการบำรุงดูแลเส้นผมใหม่ล่าสุดด้วยสูตรเฉพาะของนามนิน และพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นทรีทเม้นท์ฟื้นฟูผมสุขภาพดีจากภายใน ด้วยความใส่ใจของคุณหมอนิน … คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การฟื้นบำรุงเส้นผมที่แตกต่างจนคุณรู้สึกได้ และหาไม่ได้จากที่ไหนอย่างแน่นอน…

                          สามารถเข้ามาปรึกษาและให้แพทย์นามนินวินิจฉัยและออกแบบแนวทางการรักษาได้เพื่อให้ตอบโจทย์คนรักเส้นผมเช่นคุณได้มากที่สุด

                           

                          ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/namninclinic
                          ปรึกษาและนัดหมายที่  Line @namninclinic
                          หรือ โทร. 093-093-5639

                            หมอเผย! เทรนด์คนรุ่นใหม่ เน้นสร้างประชากรคุณภาพ ลดภาระ เพิ่มโอกาสให้สังคม มุ่งใช้เทคโนโลยีตัวช่วย

                            หมอภัทรชี้! เทรนด์พ่อแม่มือใหม่เน้นใช้เทคโนโลยีตอบโจทย์การมีบุตร หวังสร้างลูกแข็งแรงสมบูรณ์ สร้างประชากรคุณภาพ พร้อมชวนคนรุ่นใหม่วางแผนและให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพก่อนมีบุตร ลดความเสี่ยงจากโรคทางพันธุกรรม

                            รศ. นพ.ภัทรภูมิ โพธิ์พงษ์ สูตินรีแพทย์ด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์และการรักษาภาวะผู้มีบุตรยาก ได้เปิดเผยข้อมูลในงาน “โรงพยาบาลนครธน อยู่เคียงข้างทุกช่วงเวลาของชีวิต” กับช่วงกิจกรรมเสวนาในหัวข้อ “เทคโนโลยีเติมเต็มความสมบูรณ์ของครอบครัว” ว่า ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะเรื่องของจำนวนประชากรที่ลดลง ซึ่งเป็นปัญหาระดับโลก ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของจำนวนประชากรในแต่ละช่วงวัยจึงเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่โลกต้องเผชิญเรื่องของสังคมผ้สูงอายุ

                            ดังนั้นการเพิ่มจำนวนประชากรจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและมีความท้าทาย รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจึงพยายามในการวางแนวทางกลยุทธ์ต่าง ๆ ในการกระตุ้นหรือสร้างความตระหนักในการร่วมกันเพิ่มจำนวนประชากรให้มากขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องมีการวางแผนตั้งแต่เริ่มต้น โดยเริ่มตั้งแต่สถาบันครอบครัวไปจนถึงระดับชาติในการร่วมวางยุทธศาสตร์ต่าง ๆ เพื่อเป็นการอำนวยประโยชน์และสร้างความสามารถในการมีบุตรที่มีคุณภาพให้เกิดขึ้นสังคม มากกว่าการเพิ่มแต่เพียงจำนวนเท่านั้น

                            ซึ่งในทางการแพทย์คุณภาพหมายถึงประชากรที่มีความสมบูรณ์แข็งแรง ด้านของสุขภาพ ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสและลดภาระของสังคมในอนาคต ทั้งนี้พบว่าเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคน Generation Y และ Generation Z ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ต่างมีความตื่นตัวในการวางแผนเรื่องของการมีบุตรมากขึ้น ทั้งคนที่กำลังสร้างครอบครัวและคนที่ยังไม่มีครอบครัว เนื่องจากมีการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้มากขึ้น และสามารรับรู้ถึงปัญหาต่าง ๆ ที่อาจะเกิดขึ้นได้ รวมทั้งความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่มีมากขึ้นนั่นเอง

                            “เทรนด์ในอนาคตบอกได้เลยว่า คนรุ่นใหม่จะมีความสนใจและใส่ใจในตัวเองและครอบครัว มีการวางแผนมากขึ้น โดยเฉพาะการมีบุตร เราจะเห็นว่าคนจะแสวงหาความรู้แสวงหาเทคโนโลยีในการช่วยเรื่องของการมีบุตรมากขึ้น ไม่เฉพาะผู้มีบุตรยาก หรือมีปัญหาสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นกลุ่มที่ต้องการมีบุตรที่สมบูรณ์แข็งแรงและมีการวางแผน ดังนั้นในอนาคตคนจะมาฝากไข่ ฝากอสุจิมากขึ้น เป็นตัวช่วยเพิ่มความสามารถในการมีบุตร ซึ่งเทคโนโลยีต่าง ๆ ในการช่วยเรื่องการวางแผนการมีบุตรนั้นมีไว้สำหรับทุกคนและทุกวัย”

                            รศ. นพ.ภัทรภูมิกล่าวและว่า…

                            อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะเป็นการเตรียมตัวในการสร้างประชากรหรือมีบุตรที่มีคุณภาพนั้นคือการตรวจสุขภาพการก่อนมีบุตร นับเป็นเรื่องที่มีสำคัญและมีความจำเป็น เป็นอย่างมาก เพราะเป็นจุดแรกในการคัดกรองและรู้ถึงสุขภาพทั้งด้านกรรมพันธุ์และยีนส์ด้อยที่อาจไม่ได้มีการแสดงอาการ หากแต่จะเป็นจุดเริ่มต้นปัญหาของโรคภัยต่าง ๆ ได้สำหรับบุตรในครรภ์หากทั้งพ่อและแม่มียีสต์ด้อยที่ตรงกัน แล้วไม่ทราบล่วงหน้านั่นเอง โดยเฉพาะประเทศไทยโรคเลือด หรือ ธาลัสซีเมีย ถือเป็นโรคอันดับต้นๆ ที่สามารถถ่ายถอดทางพันธุ์กรรมได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่คู่สมรสที่ต้องการวางแผนการมีบุตรต้องให้ความสำคัญ

                             

                            รศ. นพ.ภัทรภูมิ กล่าวทิ้งท้ายว่า การตรวจสุขภาพของคู่สมรสทั้งชายและหญิง รวมถึงการใช้เทคโนโลยีช่วยในเรื่องของการมีบุตร จะไม่ใช่เรื่องไกลตัวของทุกคนต่อไปในอนาคต แต่จะเป็นเรื่องจำเป็น ทางรอดมากกว่าทางเลือก ซึ่งเชื่อมั่นว่าหน่วยงานภาครัฐเองก็อาจจะมีแนวทางในการส่งเสริมเรื่องเหล่านี้ให้กับภาคประชาชนในการร่วมกันสร้างประชากรที่มีคุณภาพมากกว่าปริมาณในอนาคต

                              โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

                              ส่งต่อสุขภาพดีแทนความห่วงใย กับโปรแกรมตรวจสุขภาพราคาพิเศษ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

                              สงกรานต์สุขล้น เพื่อทุกคนในครอบครัว 💦 สุขภาพดีส่งต่อได้ด้วยโปรแกรม #ตรวจสุขภาพ ราคาพิเศษ

                              👉 เพียงชวนในครอบครัว ทุกเพศทุกวัย มาตรวจสุขภาพ ที่ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ในช่วงวันสงกรานต์ ยาวไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม

                              รับแพ็กเกจตรวจสุขภาพ 30 รายการ เพียง 6,499 บาท (จาก 11,880 บาท) 🎉

                              รายการตรวจ

                              1. ตรวจร่างกายทั่วไปโดยแพทย์              Physical Examination
                              2. ตรวจวัดสัญญาณชีพ           Vital signs
                              3. ตรวจวัดสายตาเบื้องต้น       Visual digital acuity test
                              4. ตรวจเต้านมโดยแพทย์         Breast Examination
                              5. ตรวจปัสสาวะ        Urine Analysis
                              6. ตรวจอุจจาระ         Stool Exam
                              7. ตรวจหาเลือดในอุจจาระ       Stool Occult Blood
                              8. ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด        CBC
                              9. ตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือด              FBS
                              10. ตรวจน้ำตาลในเลือดโดยเฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดิอน                HbA1c
                              11. ตรวจสภาพและหน้าที่ของไต               Creatinine
                              12. ตรวจหาระดับของกรดยูริกในเลือด     Uric Acid
                              13. ตรวจระดับไขมันคอเลสเทอรอล           Cholesterol
                              14. ตรวจระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์            Triglycerides
                              15. ตรวจระดับไขมันดี HDL
                              16. ตรวจระดับไขมันไม่ดี             LDL (calculate)
                              17. ตรวจสภาพและหน้าที่ของตับ              Albumin
                              18. ตรวจสภาพและหน้าที่ของตับ              Globulin
                              19. ตรวจสภาพและหน้าที่ของตับ              Bilirubin
                              20. ตรวจสภาพและหน้าที่ของตับ              SGOT
                              21. ตรวจสภาพและหน้าที่ของตับ              SGPT
                              22. ตรวจสภาพและหน้าที่ของตับ              Alkaline Phosphatase
                              23. ตรวจไทรอยด์เบื้องต้น           FT4
                              24. ตรวจไทรอยด์เบื้องต้น           TSH
                              25. ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ            EKG
                              26. เอกซเรย์ปอด          CHEST X-RAY
                              27. ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องทั้งหมด       U/S Whole Abdomen
                              28. ค่าบริการโรงพยาบาล          Hospital services
                              29. คูปองอาหาร           A meal coupon
                              30. สมุดรายงานผล     A report book

                              รายการตรวจสุขภาพ 30 รายการ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

                              ราคาแพกเกจ / Package Price    6,499 บาท
                              ราคาปกติ / Regular Price   11,880 บาท

                              พร้อมสิทธิพิเศษ

                              🎁 เลือกตรวจเพิ่ม เริ่มต้น 360 บาท
                              🎁 ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์เพิ่ม เพียง 650 บาท*

                              หรือจะตรวจสุขภาพเพิ่มเติม ก็เลือกแพ็กเสริมในราคาพิเศษ!! เริ่มต้น 360 บาท

                              ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ราคา 650 บาท/ท่าน 

                              (ราคาสำหรับผู้ซื้อแพ็กเกจสุขภาพดีรับสงกรานต์ และฉีดวันเดียวกับวันตรวจสุขภาพเท่านั้น)

                               

                              มามอบของขวัญแทนความห่วงใย เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนในครอบครัวกันนะคะ 💦💙

                              .

                              โปรโมชันตั้งแต่ 20 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2567

                              หมายเหตุ * รับวัคซีนราคาพิเศษเมื่อฉีดในวันเดียวกับการตรวจสุขภาพเท่านั้น

                              ——————

                              🏥 โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

                              📞 โทร. 026259000 • 027609000

                              แผนกตรวจสุขภาพ ต่อ 30210

                               

                                Tags

                                Firstclass Academy โรงเรียนสอนการแสดง ที่เป็นมากกว่าโรงเรียนสอนการแสดง

                                Firstclass Academy “เรามีความสุขกับการสอน กับการได้เห็นเด็กๆพัฒนาไปในทางที่ดี มีความมั่นใจ หรืออาจจะสร้างอาชีพให้พวกเขาในอนาคตด้วย ได้สอนเด็กให้มีวินัยที่ดี ช่างสังเกต เรียนรู้ และจดจำ”

                                โรงเรียนสอนการแสดง ที่เป็นมากกว่าโรงเรียนสอนการแสดงเพราะเป็นที่ให้เด็กๆได้ปลดปล่อยพลังทั้งใจกาย และได้แสดงความเป็นตัวของพวกเขาเองออกมา

                                คลาสเรียนที่เหมือนมาเล่นสนุกที่บ้านญาติ และครั้งนี้เราได้มาเยี่ยมเยียน เปิดบ้านแสนสบายและโรงเรียนสอนการแสดงที่แสนอบอุ่นของ คุณ ขวัญพิมพ์อัปสร เทียมเศวต ผู้จัดละคร และคุณแม่ ครูอาโย ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา นักแสดงและครูการแสดงมากความสามารถ ที่จะมาบอกเล่าข้อดีของการแสดงและบทบาทสมมุติที่มีต่อเด็กๆ ว่าสิ่งนี้ มีข้อดีอย่างไร 

                                เทคนิค Creative Acting 

                                ความพิเศษของคลาสเรียนที่นี่คือการสอนแบบ Workshop ที่วางแผนและออกแบบมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ ที่สำคัญที่สุดคือการช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเด็กๆ ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเด็กที่อยากเป็นนักแสดงเท่านั้น แต่เด็กทุกคนหากได้ฝึกฝน เติมความมั่นใจ ก็จะช่วยให้การสื่อสารอารมณ์ของตัวเองออกมาได้ดี และช่วยให้เด็กมีความแข็งแรงทั้งใจกาย  ซึ่งทักษะในการแสดงนี้จะช่วยให้เด็กมีความมั่นใจ สร้าง Self Esteem ในตัวเองให้สมบูรณ์ มีความภูมิใจในตัวเอง ทั้งยังช่วยปรับบุคลิกภาพ ฝึกสมาธิ ช่วยเรื่องการปรับตัวเข้ากับสังคม และทำให้เด็กๆมีความเข้มแข็งในใจ พัฒนาทั้งร่างกายและจิตใจไปพร้อมกัน 

                                เด็กได้ผ่อนคลายและปลดปล่อย

                                การแสดงออกเพื่อสื่อสารถึงอารมณ์ของเด็กๆเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใหญ่ควรให้ความสำคัญ ซึ่งคลาสเรียนของที่นี่จะช่วยให้เด็กๆมีความ “กล้า” ที่จะปล่อยความรู้สึกนั้นออกมาเพราะไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะแสดงอารมณ์ออกมาได้ ซึ่งครูอาโย ได้เล่าข้อดีเหล่านี้ให้เราฟังว่า “ คนเราถ้าไม่มีความมั่นใจ ก็แสดงออกมาจากแววตา น้ำเสียงและภาษากายต่างๆ ครูเองก็มีความสุขที่ได้ช่วยพวกเขา เด็กบางคนที่มาที่นี่แรกๆก็ไม่กล้า นั่งหลบมุม มีความกลัว พูดเสียงเบา เพอได้มาเล่นผ่านกิจกรรมต่างๆได้มาแสดงออก เด็กๆก็ดีขึ้น กล้าพูด กล้าคิดกล้าแสดงออก ซึ่งเราก็ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เราก็ภูมิใจที่เด็กมีพัฒนาการที่ดี เด็กๆมีความสุขขึ้น พ่อแม่ก็มีความสุขด้วย หลายๆคนก็บอกว่าอยากมาเรียนกลับไปบ้านก็อยากมาอีก เพราะเราดึงความมั่นใจในตัวพวกเขาออกมา”

                                ตัดภาพมาที่ห้องเรียนที่ดัดแปลงสวนกลางบ้าน มาเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีมุมทำงานอดิเรก(วาดภาพ)ของครูอาโย และมุมนั่งเล่นเล็กๆ ที่สามารถปรับพื้นที่ให้สอดคล้องกับกิจกรรมต่างๆของการเรียนในคลาส ที่มีมีครูสอนการแสดงทั้งหมดสามท่าน คือ คุณครู ศศิศวัท สุทธิเกษม (ครูเอิ้ก) คุณครู ชนิตสิรี สุทธิเกษม (ครูบาส)และคุณครู เมธาณัฐ สมาวงษ์ (ครูป๊อบ) ซึ่งทุกท่านมีความเชี่ยวชาญในการสอนเด็กเล็กด้วย ทำให้คลาสที่นี่มีความพิเศษและแตกต่างคือ เรียกว่าสอนกันตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย เริ่มที่อายุตั้งแต่ 3ขวบได้เลย ซึ่งคุณครูเองก็ยังมีงานแสดง และรับสอนการแสดงในกองละคร กองละครเวทีต่างๆอีกด้วย ทั้งหมดจะช่วยกันคิดวิธีการสอนและมีการวางแผนการสอนล่วงหน้ากับครูอาโย และคุณขวัญ เพื่อให้ตอบโจทย์ความสนุก และช่วยให้พวกเขาได้เต็มที่ของเด็กๆ ครูอาโยเล่าเพิ่มเติมว่า “จริงๆแล้วเป็นคนชอบเด็ก เวลาที่ได้แสดงกับนักแสดงรุ่นใหม่ บางทีเขาไม่เข้าใจก็จะอธิบายและตีความให้ฟัง ถ้าพวกเขามาถามก็จะช่วยเขา พอบ่อยเข้าก็เลยโค๊ชดู ตอนนั้นก็ยังไม่ได้รับปากเพราะมีละครอยู่ด้วย พอมีโอกาสก็เลยลองสอนดูที่โรงเรียนสอนการแสดง แล้วห้องจะมีห้องเด็กๆซึ่งไม่ค่อยมีใครอยากสอน เพราะอาจจะกลัวความยาก ความเหนื่อย แต่เราชอบเด็กเลยเหมาห้องเด็กหมดเลย ตอนที่เปิดที่นี่ใหม่ๆก็สอนเอง แต่หลังๆเรามีงานด้วย ก็จะมีครูผู้ช่วย แต่ถ้าวันไหนที่ว่างก็จะมาดูแลด้วยตัวเองตลอด”

                                “ผู้ปกครองเด็กๆเองก็มีความมุ่งหวังที่แตกต่างกัน บางคนก็อยากให้ลูกเป็นนักแสดง เลยมาเรียนตั้งแต่ต้น บางคนก็อยากให้เราช่วยลูกๆเขาให้มีความกล้าคิดกล้าทำ แต่หากเป็นอย่างแรก เราก็จะบอกเลยว่า เราไม่ใช่โมเดลลิ่ง เราเป็นโรงเรียน เพราะการเป็นนักแสดงต้องใช้การฝึกฝนและการมีวินัยในตัวเองสูง ไม่เร่งรีบและมีความสม่ำเสมอด้วย และครูอาโยเองก็ต้องทำให้ดีในทุกๆคน”

                                 

                                “ผู้ปกครองเด็กๆเองก็มีความมุ่งหวังที่แตกต่างกัน บางคนก็อยากให้ลูกเป็นนักแสดง เลยมาเรียนตั้งแต่ต้น บางคนก็อยากให้เราช่วยลูกๆเขาให้มีความกล้าคิดกล้าทำ แต่หากเป็นอย่างแรก เราก็จะบอกเลยว่า เราไม่ใช่โมเดลลิ่ง เราเป็นโรงเรียน เพราะการเป็นนักแสดงต้องใช้การฝึกฝนและการมีวินัยในตัวเองสูง ไม่เร่งรีบและมีความสม่ำเสมอด้วย และครูอาโยเองก็ต้องทำให้ดีในทุกๆคน”

                                 

                                ปิดเทอมนี้บ้านไหนกำลังมองหากิจกรรมดีดีให้กับลูกๆ ทีมแม่แนะนำให้มาฝึกฝนและเรียนรู้อารมณ์กันที่นี่ เพราะหากวัดข้อดีหรือวัดดัชนีความสุขด้วยเสียงหัวเราะของเด็กๆ นรับได้ว่าที่นี่มีอยู่อย่างเปี่ยมล้นเลยจริงๆ

                                 

                                สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

                                Line id : @firstclass259

                                เพจ : Firstclass Academy

                                เบอร์ : 098-2919426

                                อัตราค่าเรียนคอร์สละ 23,000 ( สมัครช่วงนี้มีราคาพิเศษด้วยนะ )

                                ที่อยู่ Firstclass Academy : หมู่บ้านแกรนคาแนลประชาชื่น

                                 

                                เรื่อง : แม่พีท-พริม

                                ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

                                  โรงพยาบาลเจ้าพระยา ร่วมส่งเสริมนโยบายสาธารณสุขไทยดูแลสุขภาพชาวตะวันออกกลาง

                                  โรงพยาบาลเจ้าพระยา ร่วมส่งเสริมนโยบายสาธารณสุขไทย ดูแลสุขภาพชาวตะวันออกกลาง

                                  18 เมษายน 2567 ท่านอรุณ บุญชุม จุฬาราชมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน CHC Dinner Talk “การส่งต่อนโยบายการดูแลสุขภาพชาวต่างประเทศแถบตะวันออกกลาง จากภาครัฐสู่การปฏิบัติของภาคเอกชน” ณ หอประชุม พลโท น.พ.โกวิท พัฑฒฆายน ชั้น 2 โรงพยาบาลเจ้าพระยา โดยท่านอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ ได้ให้เกียรติปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Health Policies for Middle-East Foreigners From Public Hospital to Private Sectors” และ คุณชาครีย์นรทิพย์ เสวิกุล ผู้อำนวยการกองตะวันออกกลาง กรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา กระทรวงการต่างประเทศ ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “บทบาทของกระทรวงการต่างประเทศในการส่งเสริมนโยบายการดูแลสุขภาพสำหรับชาวต่างประเทศแถบตะวันออกกลาง”

                                  ทั้งนี้ งาน CHC Dinner Talk  จัดขึ้นภายใต้วัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมสนับสนุนแนวนโยบายการสร้างความมั่นคงทางสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงทางการแพทย์ของไทย อันสืบเนื่องมาจากการเจรจาจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) ด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศไทยและประเทศซาอุดีอาระเบียในช่วงเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ซี่งบรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความชื่นมื่น โดยคณะผู้บริหารโรงพยาบาลเจ้าพระยา นำโดย ศ.เกียรติคุณ นพ.ศุภชัย ไชยธีระพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วย นพ.พงษ์พัฒน์ ปธานวนิช กรรมการผู้จัดการ และ นพ.ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ร่วมให้การต้อนรับกลุ่มผู้แทนจากสถานทูตประเทศแถบตะวันออกกลาง เช่น ผู้แทนจากประเทศซาอุดีอาระเบีย และประเทศบาห์เรน เป็นต้น กลุ่มผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐ กลุ่มผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชน กลุ่มผู้แทนจากหน่วยงานธุรกิจการค้า และกลุ่ม Agency ประเทศต่างๆ

                                  นอกจากนี้ภายในงานยังมีการบรรยายวิชาการทางการแพทย์ที่น่าสนใจหัวข้อ “Vascular Surgery Service Chaophya Hospital” โดย ศ.เกียรติคุณ นพ.ประมุข มุทิรางกูร และการบรรยายหัวข้อ “Future Direction in Heart Care” โดย ผศ.นพ.วิทยา ไชยธีระพันธ์ และ นพ.ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ บรรยายในหัวข้อ Tertiary Eyecare @ CHC Eye Center ซึ่งเป็นประโยชน์และได้รับความสนใจอย่างมากจากแขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมงานทุกท่าน


                                  สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมของโรงพยาบาลเจ้าพระยา

                                  ที่ https://www.chaophya.com/

                                   

                                    Tags

                                    Daisy Ray โรงเรียนมอนเตสซอรี่ 3 ภาษา คอมมูนิตี้การเรียนรู้อย่างมีความสุขสำหรับทั้งครอบครัว

                                    School Visit วันนี้ ทีมแม่ ABK ได้มาเยี่ยมชม Daisy Ray -The Montessori School ของ คุณป่าน – พิชญา มัยลาภ สถานที่ที่เด็ก ๆ เป็นเจ้าของทุกลมหายใจและการเคลื่อนไหว สถานที่ที่เด็ก ๆ เป็นเจ้าของการเรียนรู้อย่างแท้จริง สถานที่ที่ฟูมฟักให้เด็ก ๆ ให้เติบโตอย่างมีความสุข มีวินัย ช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นได้แม้จะอยู่ในช่วงปฐมวัย สถานที่ที่ให้ความสำคัญกับพัฒนาการทุกด้านให้เป็นไปตามเอกลักษณ์ของเด็กๆแต่ละคน เน้นสอน 3 ภาษาทั้งอังกฤษ ไทย และจีน รวมถึงการสื่อสารและการสร้างวินัยในเชิงบวกด้วย

                                    พื้นที่แห่งการเรียนรู้

                                    อุปกรณ์การเรียนรู้สไตล์มอนเตสซอรี่

                                    Club Sunshine

                                    Club Sunshine หรือ Little Heart Club “ ห้องเรียนของพ่อแม่ ” เป็นคลับที่คุณป่านทำขึ้นมาเพื่อ คุณพ่อ – คุณแม่ โดยเฉพาะ โดยเปิดอบรมให้ความรู้ และแชร์ประสบการณ์ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกาย – สุขภาพใจ – สุขสภาวะของเด็ก ผู้ใหญ่ ครอบครัว หรือแม้กระทั่งเรื่องความเป็นไปของโลกใบนี้ที่มีผลกับครอบครัว วิธีปรับและรับมือ เพื่อระบบนิเวศน์ที่ดีรอบตัวเด็ก ๆ โดยมี Guest Speaker จากหลายสาขาวิชาชีพ ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ อาจารย์ ผู้ปกครอง ผู้เชี่ยวชาญในหัวข้อที่จะเสวนา เป้าหมายก็เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมรอบลูกให้ดี เพื่อให้ลูก ๆ ได้เติบโตไปอย่างมีความสุข เมื่อการอบรมพ่อแม่ใน Club Sunshine มีผลตอบรับที่ดี ก็ทำให้ Club Sunshine เติบโตและขยับขยายเพิ่มในส่วนของ Playgroup สำหรับเด็ก ๆ ขึ้นมา จนสถานที่นี้กลายเป็นสถานที่ Hangout สำหรับครอบครัว ทุกบริเวณได้รับการออกแบบจัดวางให้เด็ก ๆ ได้ลุย ได้เล่นอย่างเต็มที่ ไม่มีอันตราย เมื่อถึงวัยที่ลูกสาวของคุณป่านต้องเข้าโรงเรียน คุณป่านจึงอยากสร้างโรงเรียนที่ดีที่สุด เพื่อมอบให้ลูกสาวและเด็ก ๆ คนอื่น นั่นคือจุดเริ่มต้นของ Daisy Ray -The Montessori School
                                    โดยนำเอาการเรียนการสอนในรูปแบบ Montessori ( มอนเตสซอรี่ ) มาเป็นแกนหลักในการสอน ซึ่งเป็นแนวคิดที่เน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลาง คุณครูเป็นเพียงผู้ชี้แนะ ไม่ชี้นำ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้มีอิสระทางการเรียนรู้ และสามารถเลือกทำตามสิ่งที่สนใจได้ ภายใต้การจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม อาศัยความอยากรู้อยากเห็น อยากทดลองทำทุกอย่างของเด็กๆนำไปสู่การเรียนรู้ด้วยตัวเอง ปัจจุบันโรงเรียนเปิดรับนักเรียนตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาล เด็กอายุ1.5 ถึงชั้นอนุบาลอายุ 6 ปี

                                    Playgroup ภายใน Learning Garden ของ Daisy Ray ที่บุคคลภายนอกสามารถเข้ามาใช้บริการได้ (ติดต่อสอบถามก่อนเข้ามาใช้บริการนะคะ)

                                    Learn : Individual Curriculum

                                    หลักสูตร Customised เฉพาะบุคคล

                                    ในช่วงแรกเด็ก ๆ จะได้เลือกเล่นและทำงานอย่างอิสระทั้ง outdoor และในห้องเรียน ช่วงเวลานี้เองที่คุณครูจะคอยสังเกต เรียนรู้ธรรมชาติและบันทึกความชอบของเด็ก ๆ แต่ละคนเพื่อรังสรรค์ “หลักสูตรเฉพาะบุคคล” ให้เด็ก ๆ การจัดหลักสูตร Individual Curriculum อาศัยความรู้ด้านการศึกษา พัฒนาการเด็ก จิตวิทยา อีกทั้งความใส่ใจในรายละเอียดเพื่อให้หลักสูตรเหมาะกับเด็กๆแต่ละคน ดังนั้นจำนวนครูต่อเด็กๆ ที่ Daisy Ray สามารถรองรับได้คือ 1:3 หรือ 1:4 เท่านั้นเพื่อการดูแลที่ทั่วถึงจริงๆ และคุณครู (Facilitators) ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

                                    เด็ก ๆ หัดช่วยเหลือตนเอง ทั้งตักอาหารและตากผ้า

                                    Freeplay 2 ชั่วโมงอย่างจุใจ

                                    LIFE : พื้นที่ของ “คนตัวเล็ก” ในโลกใบใหญ่

                                    ห้องเรียน Daisy Ray เปิดโอกาสให้เด็กได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ อย่างที่พวกเขาเองได้ก้าวย่างเข้ามาสู่โลกใบนี้ด้วยการเป็นส่วนหนึ่งด้วยความสามารถ ความรับผิดชอบในฐานะพลเมืองที่มีความเข้าใจและเห็นคุณค่าการเรียนรู้เพื่อชีวิต

                                    เด็กทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง สามารถช่วยเหลือและพึ่งพาตัวเองได้ และได้รับการส่งเสริมการพัฒนาความเป็นระบบระเบียบ การประสานสัมพันธ์ระหว่างตนเองและชีวิตอื่น มีความตั้งใจจดจ่อ มีสมาธิ มีอิสระในการเรียนรู้อย่างมีขอบเขต และได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นรายบุคคล ประกอบกับใส่ใจในสังคมที่ตนเรียนรู้ นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนให้เป็นผู้รักการแสวงหาความรู้

                                    เครื่องใช้ไม้สอยทุกอย่างจัดวางให้เด็ก ๆ “จัดการ” อะไร ๆ ได้อย่างง่ายดาย

                                    พื้นที่ยอมรับตัวตนในทุกสภาวะและการสะท้อนอารมณ์

                                    เด็กก็คือผู้ใหญ่ตัวเล็กที่มีอารมณ์และความรู้สึกเหมือนผู้ใหญ่ แต่ตรงไปตรงมามากกว่าและไม่ซับซ้อน ที่ Daisy Ray ไม่ว่าเด็ก ๆ จะอยู่ในสภาวะอารมณ์แบบไหน Good Day หรือ Bad Day เกิดขึ้นได้ทุกวัน คุณครูทุกคนจะให้เวลา ใช้เวลา รอได้ จนกว่าเด็ก ๆ จะพร้อม เด็ก ๆ จะรู้สึกมีที่พึ่ง ไม่โดดเดี่ยว และค่อยๆมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ตามวัย เสียงของเด็กๆสำคัญที่สุด เพราะวัยนี้เป็นวัยที่เลือกอะไรไม่ได้มาก การที่เด็กๆสามารถแสดงความคิดเห็น ชอบหรือไม่ เพราะอะไร ทำให้เกิด “การมีตัวตน” “ได้รับการยอมรับ” หรือ Sense of Belonging มอบประสบการณ์ที่ดีในช่วงปฐมวัย คือรากฐานที่แข็งแกร่งในการเผชิญชีวิต ได้แก่

                                    Life Skills ทักษะชีวิต : ความสามารถในการแก้ปัญหาที่ต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน เพื่อให้สามารถดูแลตนเองได้อย่างปลอดภัย ซึ่งทักษะชีวิต “สอนไม่ได้” แต่เกิดขึ้นได้จาก “การฝึกฝน”

                                    Language Skills : จากการใช้ภาษาในการสื่อสารกับเพื่อน คุณครู เป็นการเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ

                                    Academic : ความรู้ทางวิชาการที่เกิดขึ้นจากการลงมือทำ
                                    สื่อการเรียนการสอนที่ดูเหมือนของเล่นคือการเรียนรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะและมีความซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆเพื่อ Challenge เด็กๆ ซึ่งไม่สามารถแก้ไขหรือเล่นเสร็จได้ในครั้งเดียว ทำให้เด็กๆนั้นเกิดสมาธิ มีความอดทนพยายาม ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ก็เสริม Life Skills ไปด้วยในคราวเดียวกัน

                                    Environment : Montessori Learning Area
                                    คุณครู : ทั้งคุณครูไทยหรือคุณครูชาวต่างชาติจะเป็นคุณครูด้านการศึกษาแนวมอนเตสซอรี่โดยเฉพาะหรือเป็นนักพัฒนาการเด็ก เพราะการจัดหลักสูตรรายบุคคลให้เด็กๆนั้นต้องอาศัยการสังเกต จดบันทึก พฤติกรรม สิ่งที่เด็กๆหยิบจับ กิจกรรมที่เด็กๆเลือกอย่างละเอียดเพื่อนำมาพัฒนาเด็กๆให้เป็นไปตามศักยภาพของตัวเอง ซึ่งต้องอาศัยความอดทนและใช้เวลา

                                    สถานที่ : หากจัดวางอย่างเหมาะสมทุกพื้นที่คือการเรียนรู้ของเด็กค่ะ ภายนอก – พื้นที่สีเขียว ลำธารน้อยๆ และฟาร์ม เด็กสามารถลุยได้อย่างเต็มที่ ถ้าเลอะ ถ้าเปียก เครื่องใช้ไม้สอยในการจัดการเรื่องความสะอาดเพรียบพร้อมเช่นกันค่ะ ทำเองได้เลย ภายใน – เฟอร์นิเจอร์ขนาดสมวัย อุปกรณ์ต่างๆสำหรับงานบ้านและงานครัวขนาดเหมาะมือและปลอดภัย เด็กๆจัดการทุกอย่างได้โดยไม่ต้องขอใครทั้งนั้นแล้วเด็กๆก็จะอยากกลับบ้านไปช่วยคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านด้วยเช่นกัน อย่าลืมเตรียมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้ผู้ช่วยตัวจิ๋วด้วยนะคะ

                                    มอนเตสซอรี่คือการเรียนรู้อย่างเรียบง่ายแต่ได้ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่

                                    คุณแม่ป่าน พิชญา มัยลาภ ผู้ก่อตั้ง Daisy Ray ด้วยหัวใจและสองมือ

                                    Mommy’s Love This ถูกใจแม่ !!

                                    หลักสูตรรายบุคคลเหมาะกับลูกของเรา การดูแลทั่วถึง ใกล้ชิด วางใจหายห่วง

                                    เด็กมอนเตสซอรี่จะมีความอดทน มีสมาธิ สุขภาพจิตแจ่มใส

                                    Language Skills ดีจนคุณแม่ทึ่ง

                                    สามารถเรียนต่อชั้นประถมได้ทุกหลักสูตร (ไม่จำเป็นต้องเป็นโรงเรียนทางเลือกอย่างเดียว) เพราะการศึกษาแนวมอนเตสซอรี่ปูทางให้เด็กๆทุกด้าน..พร้อมเรียนรู้ทุกรูปแบบ

                                    การเรียนรู้แบบ 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ, ภาษาจีน และ ภาษาไทย เป็นการเรียนภาษาผ่านกิจกรรมต่างๆที่เด็กๆจะได้ทำในแต่ละวัน ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ท่ามกลางธรรมชาติ

                                    การเล่นที่นี่จะเล่นอย่างมีระบบ ช่วยบูรณาการความรู้หลายศาสตร์อย่างลึกซึ้งเข้าด้วยกันจึงเป็นการเล่นอย่างมีความหมาย

                                    2-Hour Outdoor Freeplay เล่นกลางแจ้งกันอย่างจุใจ เลี้ยงสัตว์ เล่นทราย ลุยน้ำ ดูแลต้นไม้ ทุกตารางนิ้วของ Daisy Ray ไม่มีข้อแม้สำหรับเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่วางใจได้ค่ะ เพราะทางโรงเรียนจัดสภาพแวดล้อมให้เด็กๆอย่างเหมาะสมแล้ว

                                    อัตราค่าเล่าเรียนต่อปี

                                    ประมาณ 500,000 บาท

                                    (รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อโรงเรียนโดยตรง)

                                    Daisy Ray-The Montessori School

                                    99/3 ซอยรามอินทรา 14 แยก 11 (ซอยมัยลาภ)

                                    แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10240

                                    โทรศัพท์ : 094-6595646

                                    Line : @daisyray

                                    E-mail : [email protected]

                                    Website : www.daisyray.co

                                    Editor : แม่พลอยผิง

                                    ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข , ภูเบศ บุญเขียว