อาการไข้เลือดออก

เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังแล้ว ไข้เลือดออกในเด็ก ระบาดหนัก

Alternative Textaccount_circle
event
อาการไข้เลือดออก
อาการไข้เลือดออก

1. ระยะแรก (ระยะไข้สูง)

ในระยะนี้จะไม่มีอาการที่บ่งบอกได้เลยว่าเป็น ไข้เลือดออกในเด็ก จะมีแต่ไข้สูงลอยอยู่ประมาณ 5-6 วัน และในผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการหวัด คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยตัว และอาการอื่นๆ ร่วมด้วย สำหรับผู้ป่วยบางรายแพทย์จะวินิจฉัยอาการป่วยในระยะนี้ได้ยากเพราะ ติดเชื้อไข้เลือดออกพร้อมกับเชื้ออื่นๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ติดเชื้อที่ทำให้หลอดลมอักเสบ ท้องเสีย ปอดบวม ร่วมด้วย

แต่สำหรับหน้าฝนที่มักจะมียุงชุม หากลูกมีอาการไข้สูงหลายวัน ให้คิดถึงการติดเชื้อไข้เลือดออกไว้ก่อน คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ควรให้ยาลดไข้ประเภทแอสไพริน และไอบูโพรเฟ่น เพราะจะระคายเคืองกระเพาะและทำให้มีปัญหาเลือดออกในกระเพาะ และเลือดไม่แข็งตัว เมื่ออาการของไข้เลือดออกอยู่ในระยะรุนแรงถึงระยะช็อค

การตรวจเลือดเพื่อดูว่าลูกเป็นไข้เลือดออกในระยะนี้  จะสามารถเจาะเลือดพบความผิดปกติในวันที่ นับจากเริ่มป่วย โดยผลของผู้ที่เป็น ไข้เลือดออกในเด็ก จะมีเกล็ดเลือดต่ำระยะก่อนไข้ลด ส่วนใหญ่จะต่ำกว่า 100,000/ลบ.มม. มักมีเม็ดเลือดขาวต่ำ ( น้อยกว่า 5,000/ลบ. มม.) และเมื่อไข้ลงเข้าสู่ระยะวิกฤติจะพบมีเลือดข้น  การตรวจยืนยันให้ได้แน่นอนว่าเป็นไข้เลือดออกหรือไม่ ต้องอาศัยการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อไวรัสหรือเพื่อดูภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสไข้เลือดออก ซึ่งกว่าจะเห็นการตอบสนองชัดเจนมักเป็นช่วงใกล้ระยะวิกฤตหรือพ้นระยะวิกฤตแล้ว ดังนั้นการวินิจฉัยด้วยอาการ การรัดแขนเพื่อดูจุดเลือดออก และการตรวจเลือดดูเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกร็ดเลือด หลังวันที่ 2-3 ของไข้เป็นสิ่งจำเป็นมากในการวินิจฉัยในเบื้องต้น ซึ่งมีความแม่นยำสูงอยู่แล้วโดยเฉพาะอาการหลังมีไข้ 2-3 วันไปแล้ว

 

2. ระยะวิกฤติ หรือระยะช็อค

หลังจากลูกมีไข้มาแล้วหลายวัน อาการทั่วไปจะดูเพลียมากขึ้น บางทีรู้สึกปวดเมื่อยตัวมากขึ้น ปวดท้อง ท้องอืดๆ เบื่ออาหาร ผิวหน้าดูแดง ๆ ฝ่ามือฝ่าเท้าก็จะดูแดง ๆ ในระยะนี้ควรจะคอยระวังในเรื่องของน้ำที่ทานเปรียบเทียบกับปริมาณปัสสาวะ บางรายจะมีอาการท้องอืดมากขึ้น กระสับกระส่าย ปลายมือปลายเท้าเย็น ร่วมกับอาการไข้ที่เริ่มลงเป็นอุณหภูมิปกติ ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนเข้าใจผิดว่าลูกกำลังจะหายจากไข้เลือดออกแล้ว  แต่ที่จริงแล้วลูกอาจจะกำลังเข้าสู่ระยะช็อคที่จะมีความรุนแรงติดตามมาในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ก็ได้

คุณพ่อคุณแม่หลายคนจะคิดว่าทำไมหมอบอกว่ามีเลือดออกจนจะช็อคแต่ไม่เห็นว่ามีเลือดออกมาให้เห็นเลย ที่จริงแล้วเลือดมักจะออกอยู่ในส่วนอวัยวะภายใน เช่น ในระบบทางเดินอาหาร ในช่องท้อง และในช่องปอดได้ โดยอาจไม่ได้เห็นเป็นเลือดสด ๆ แต่เป็นการรั่วซึมอย่างมากของน้ำเหลืองในระบบการไหลเวียนของหลอดเลือดออกไปสู่เนื้อเยื่อต่าง ๆ ทำให้พบว่ามีน้ำในช่องท้อง และช่องปอดได้ ส่วนรายที่รุนแรงก็มักจะมีเลือดออกในกระเพาะและลำไส้ได้ ทำให้มีอาเจียนเป็นเลือดและถ่ายเป็นเลือดได้

 

3. ระยะฟื้นตัว

ในระยะนี้ จะพบว่าเกร็ดเลือดจะเริ่มกลับสูงขึ้น ชีพจร และความดันโลหิตเริ่มคงที่ดีขึ้น ปัสสาวะเริ่มออกมากขึ้น และมีการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองที่เคยซึมรั่วไปอยู่ในส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย กลับเข้าสู่ระบบการไหลเวียนของเลือดเพิ่มขึ้น ทำให้อวัยวะต่างๆเริ่มทำงานเป็นปกติ ในอีก 48-72 ชั่วโมงต่อมา ก็จะเข้าสู่ระยะที่เรียกว่าหายเป็นปกติ และไม่กลับเข้าสู่ระยะช็อคอีก ลูกจะเริ่มมีความอยากอาหารบ้าง มักพบมีผื่นแดงๆคันๆตามฝ่ามือฝ่าเท้า โดยไม่มีการลอกตัวของผิวหนัง อาการปวดท้อง ท้องอืดๆก็จะดีขึ้น รู้สึกว่ามีแรงมากขึ้น

 

ข่าวดีก็คือ ทุกๆ คนในครอบครัวและชุมชน สามารถป้องกันโรค ไข้เลือดออกในเด็ก ได้ด้วยการช่วยกันสอดส่องและจัดเก็บบ้านและบริเวณรอบๆ บ้านให้ไม่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย เมื่อไม่มียุงลาย ลูกเราก็จะไม่โดนยุงกัดให้เจ็บใจ แถมยังไม่ต้องมากังวลว่าลูกเราจะเป็นโรคไข้เลือดออกหรือไม่อีกด้วยค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : news.mthai.com, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

 

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่

แม่แชร์! กว่าจะรู้ว่า ลูกเป็นไข้เลือดออก ก็เกือบสาย

5 วิธีปราบยุง ต้นเหตุไข้เลือดออก แบบไม่บาป

รู้ไหมว่า ไข้เลือดออก กับ ไข้หวัดใหญ่ ต่างกันอย่างไร?

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up